Professional Documents
Culture Documents
โครงสร้างวิชาคำประพันธ์ไทย
โครงสร้างวิชาคำประพันธ์ไทย
(
(
)
ั
(
1. พืน้ ฐานร้อยกรอง
1.1 ตระหนักในคุณค่าของคำาประพันธ์ 1.เอกลักษณ์ทางด้าน 1. รวบรวม 1. ความ
ไทยซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ควร ศิลปวัฒนธรรมแขนง 2. แปล ตระหนัก
ค่าแก่ การหวงแหน อนุรักษ์และ ต่าง ๆ
ความ 2. ความ
พัฒนาให้ยั่งยืนสืบไป 2. วรรคทองจาก
วรรณกรรมและ 3. จำาแนก ภาคภูมิใจ
1.2 มีความภาคภูมิใจในภูมิปัญญาของ
วรรณคดีทม ี่ ีชื่อเสียง 4. อธิบาย 3. ความมุ่ง
บรรพชนไทยที่ได้สร้างความเจริญ
3. ลักษณะเด่นของคำา 5. การ มัน่
งอกงามทางภาษาจนกลั่นกรองมาเป็น
ประพันธ์ไทยจาก แสดง 4. ความ
คำาประพันธ์ไทยที่เป็นความงดงามเป็น
วรรณคดีที่เป็นที่นิยม ความคิด หวงแหน
เครื่องจรรโลงใจให้กับชาติไทย
เช่น การเล่นคำา การ สร้างสรรค์ 5. การ
1.3 มีความมุ่งมั่นทีจ ่ ะเรียนรู้
เลียนเสียงธรรมชาติและ 6. ตอบ อนุรักษ์
และฝึกฝนให้เกิดทักษะใน การใช้โวหารภาพพจน์
การแต่งคำาประพันธ์เพื่อ คำาถาม 6. การ
และการแสดงความคิด
ผดุงไว้และสืบสานงาน 7. การนำา พัฒนา
สร้างสรรค์
3
/
/ (
(
)
ั
(
งานอาชีพได้อย่างกลมกลืน 7. ลักษณะบังคับของคำา
เหมาะสม ประพันธ์ไทย( เนาว
1.6 ให้คำาจำากัดความคำาว่า รัตน์) 7.1 คณะ
4
/
/ (
(
)
ั
(
2.
1. เรื่องความคิดหรือแนวคิด 1. อธิบาย 1. ความ
2. ความสัมพันธ์ระหว่างความคิด 2. จำาแนก ตัง้ ใจ
กับงานประพันธ์ 2. ความ
3. บอก
2.1 ให้คำาจำากัดความของคำา 2.1 แนวคิดเกี่ยวข้องกับอารมณ์ต่าง
ความ เอาใจใส่
ว่า คิด แนวคิด ความคิด ๆ
สัมพันธ์ 3. ความมุ่ง
ได้ 2.2 คติธรรม
มัน่
2.2 อธิบายกระบวนการคิด 2.3 ปรัชญาชีวิต
4. ความรับ
และทิศทางในการคิดได้2.3 2.4 อุดมคติ
2.5 ธรรมชาติ ผิดชอบ
อธิบายและจำาแนกความ 5. ความ
2.6 ความรู้สึกและจินตนาการ
คิดซึ่งเป็นเนื้อหาสาระของ ซื่อสัตย์
2.7 สัจธรรม
คำาประพันธ์ได้ 6. การตรง
2.8 การเปรียบเทียบ
2.4 อธิบายและจำาแนก
2.9 สิ่งที่เกินจริงหรือเป็นไปไม่ได้ ต่อเวลา
โวหารแต่ละชนิดทีท ่ ำาให้ 8. ความคิด
2.10 การเชิดชู ยกย่อง สดุดี
เกิดภาพพจน์ซึ่งเป็นความ
3. ความสามารถในการสร้าง สร้างสรรค์
งดงามทางวรรณศิลป์ได้
คำา(โวหาร) ที่ทำาให้เกิด
2.5 บอกความสัมพันธ์
ภาพพจน์(Figure of speech)
6
/
/ (
(
)
ั
(
3.
1. ประวัติความเป็นมา 1. บอก 1. ความ
ของกาพย์ ประวัติ ตัง้ ใจ
3.1 บอกประวัติความเป็นมา 2. การแบ่งชนิดของ 2. จำาแนก 2. ความ
และจำาแนกชนิดของกาพย์ กาพย์ตามความนิยม ชนิด เอาใจใส่
ได้
7
/
/ (
(
)
ั
(
4.
1. กาพย์ฉบัง 16 ลักษณะ 1. บอก 1. ความ
ั บังคับ แผนผัง คณะ ลักษณะ ตัง้ ใจ
4.1 บอกลักษณะบังคับทาง สัมผัส 2. วิเคราะห์ 2. ความ
ฉันทลักษณ์ ของกาพย์ 2. สัมผัส ซึ่งแบ่งเป็น วรรค/บาท เอาใจใส่
ฉบัง 16 ได้ 2.1 สัมผัสบังคับ 3. แต่ง 3. ความมุ่ง
4.2 วิเคราะห์วรรคหรือบาท 2.2 สัมผัสระหว่างบท กาพย์ฉบัง มัน่
ต่าง ของกาพย์ฉบัง 16 ที่ 2.3 สัมผัสเพิ่มเติม 16 4. ความรับ
วางสลับที่หรือขาดหายไป 2.3.1 สัมผัสระหว่างคำา ผิดชอบ
แล้วสังเคราะห์ให้เป็น สุดท้ายวรรคที่ 2 หรือ 5. ความ
กาพย์ฉบัง 16 ที่ถูกต้องได้ ซื่อสัตย์
วรรคกลางส่งสัมผัสสระ
4.3 แต่งกาพย์ฉบัง 16 โดย ไปยังคำาที่ 2 ในวรรคหลัง 6. การตรง
คำานึงถึงลักษณะบังคับทาง 2.3.2 สัมผัสในเป็นคู่คู่ละ 2 ต่อเวลา
ฉันทลักษณ์ เนือ
้ หาสาระ 8. ความคิด
คำาทุกวรรค
แนวคิด การใช้โวหาร สร้างสรรค์
3. ด้านการนำาไปใช้
ภาพพจน์ตา่ ง ๆ และ
ความคิดสร้างสรรค์ได้
9
/
/ (
(
)
ั
(
5.
1. ประวัติความเป็นมา 1. บอก 1. ความ
5.1 บอกประวัติความเป็นมา ของกลอน ประวัติ ตัง้ ใจ
และจำาแนกชนิดของกลอน 2. การแบ่งชนิดของ 2. จำาแนก 2. ความ
ได้
10
/
/ (
(
)
ั
(
6.
1. ประวัติความเป็นมา 1. บอก 1. ความ
6.1 บอกประวัติความเป็นมา ของโคลง ประวัติ ตัง้ ใจ
และจำาแนกชนิดของโคลง 2. การแบ่งชนิดของโคลง 2. จำาแนก 2. ความ
ได้ ชนิด เอาใจใส่
6.2 บอกลักษณะบังคับทาง 3. โคลงสีส
่ ุภาพ ลักษณะ 3. บอก 3. ความมุ่ง
ฉันทลักษณ์ของโคลงสี่ บังคับ แผนผัง สัมผัส ลักษณะ มัน่
สุภาพ ได้ คำาเอกคำาโท 2. วิเคราะห์ 4. ความรับ
6.3 วิเคราะห์วรรคหรือบาท 4. ลักษณะพิเศษที่จะ วรรค/บาท ผิดชอบ
ต่าง ๆ ของโคลงสีส ่ ุภาพที่ ทำาให้โคลงมีความ 3. แต่งโคลง 5. ความ
วางสลับที่หรือขาดหายไป ไพเราะ ซื่อสัตย์
สีส
่ ุภาพ
แล้วสังเคราะห์ให้เป็นโคลง 6. การตรง
สีส
่ ุภาพที่ถูกต้องได้
ต่อเวลา
6.4 แต่งโคลงสี่สุภาพ โดย
8. ความคิด
คำานึงถึงลักษณะบังคับทาง
สร้างสรรค์
ฉันทลักษณ์ เนือ
้ หาสาระ
แนวคิด การใช้โวหาร
12
ภาพพจน์ตา่ ง ๆ และ
ความคิดสร้างสรรค์ได้
30203
4
1.0
40
/ 1/1.1 –
1.13 2/2.1 – 2.6 3/3.1 – 3.4 4/4.1 – 4.3
5/5.1 – 5.4 6/6.1 – 6.4
34 /
หน่วยที่ 1 พื้นฐานร้อยกรอง
1.เอกลักษณ์ทางด้านศิลปวัฒนธรรมแขนงต่าง ๆ
2. วรรคทองจากวรรณกรรมและวรรณคดีที่มช ี ื่อเสียง
3. ลักษณะเด่นของคำาประพันธ์ไทยจากวรรณคดีที่เป็นที่
นิยมเช่น การเล่นคำา
การเลียนเสียงธรรมชาติและการใช้โวหารภาพพจน์
และการแสดงความคิดสร้างสรรค์
4. จำาแนกชนิดของคำาประพันธ์ที่ใช้แต่งวรรณคดีเรื่อง
ต่าง ๆที่ได้รับการยกย่องจากวรรณคดีสโมสรหรือจาก
หนังสือเรียน
14
หน่วยที่ 2 ผองความคิดและวิจิตรโวหาร
1. เรื่องความคิดหรือแนวคิด
2. ความสัมพันธ์ระหว่างความคิดกับงานประพันธ์
2.1 แนวคิดเกี่ยวข้องกับอารมณ์ต่าง ๆ
2.2 คติธรรม
2.3 ปรัชญาชีวิต
2.4 อุดมคติ
2.5 ธรรมชาติ
2.6 ความรู้สึกและจินตนาการ
2.7 สัจธรรม
2.8 การเปรียบเทียบ
2.9 สิ่งที่เกินจริงหรือเป็นไปไม่ได้
2.10 การเชิดชู ยกย่อง สดุดี
3. ความสามารถในการสร้างคำา(โวหาร) ที่ทำาให้เกิดภาพพจน์(Figure of speech)
3.1 อุปลักษณ์(Metaphor )
3.2 ปฏิพากย์( Paradox )
15
3.3 อติพจน์(Hyperbole)
3.4 บุคลาธิษฐาน( Personification )
3.5 สัญลักษณ์ (Symbol )
3.6 นามนัย (Metonymy )
3.7 สัทพจน์(Onematoboeia)
หน่วยที่ 3 ตระการกาพย์ยานี
1. ประวัติความเป็นมาของกาพย์
2. การแบ่งชนิดของกาพย์ตามความนิยม
3. กาพย์ยานี 11 ลักษณะบังคับ แผนผัง ข้อบังคับ สัมผัส
4. สัมผัสซึ่งแบ่งเป็น
4.1 สัมผัสบังคับ
4.2 สัมผัสระหว่างบท
4.3 สัมผัสพิเศษ
4.3.1 เพิม
่ สัมผัสระหว่างคำาสุดท้ายของวรรคหน้า
และคำาที่ 1, 2 หรือ 3
4.3.2 เล่นสัมผัสในทั้งสัมผัสสระและอักษร
4.3.3 คำาสุดท้ายของบาทเอก ควรใช้คำาที่มี
เสียงจัตวา
5. ด้านการนำาไปใช้
หน่วยที่ 4 ศักดิศ
์ รีกาพย์ฉบัง
1. กาพย์ฉบัง 16 ลักษณะบังคับ แผนผัง คณะ สัมผัส
2. สัมผัส ซึ่งแบ่งเป็น
2.1 สัมผัสบังคับ
2.2 สัมผัสระหว่างบท
2.3 สัมผัสเพิ่มเติม
2.3.1 สัมผัสระหว่างคำาสุดท้ายวรรคที่ 2 หรือวรรค
16
กลางส่งสัมผัสสระไปยัง
คำาที่ 2 ในวรรคหลัง
2.3.2 สัมผัสในเป็นคู่คู่ละ 2 คำาทุกวรรค
3. ด้านการนำาไปใช้
หน่วยที่ 5 โด่งดังกลอนตลาด
1. ประวัติความเป็นมาของกลอน
2. การแบ่งชนิดของกลอน และคำาประพันธ์ที่เกิดจากการ
ประยุกต์กลอน
3. กลอนแปดหรือกลอนตลาด ลักษณะบังคับ แผนผัง
คณะ สัมผัส
4. สัมผัสซึ่งแบ่งเป็น
4.1 สัมผัสบังคับ
4.2 สัมผัสระหว่างบท
4.3 สัมผัสเพิ่มเติม ได้แก่สม
ั ผัสในเป็นคู่ ๆ
5. เสียงวรรณยุกต์ท้ายวรรค
หน่วยที่ 6 แพรวพิลาศโคลงสี่
1. ประวัติความเป็นมาของโคลง
2. การแบ่งชนิดของโคลง
3. โคลงสีส
่ ุภาพ ลักษณะบังคับ แผนผัง สัมผัส คำาเอกคำาโท
4. ลักษณะพิเศษที่จะทำาให้โคลงมีความไพเราะ
ั ั
/
ั
17
ั
(100
ั ั
ั (
)
)
7.1 คณะ
7.2 พยางค์
ั
ั
/
ั
ั
(100
ั ั
ั (
)
)
2.5 ธรรมชาติ
2.6 ความรู้สึกและจินตนาการ
2.7 สัจธรรม
2.8 การเปรียบเทียบ
2.9 สิ่งที่เกินจริงหรือเป็นไปไม่ได้
2.10 การเชิดชู ยกย่อง สดุดี
3. ความสามารถในการสร้างคำา(โวหาร)
ทีท่ ำาให้เกิดภาพพจน์(Figure of speech)
3.1 อุปลักษณ์(Metaphor )
3.2 ปฏิพากย์( Paradox )
ั
ั
/
ั
ั
(100
ั ั
ั (
)
)
ั
ั
/
ั
ั
(100
ั ั
ั (
)
)
21
ั
ั
/
ั
ั
(100
ั ั
ั (
)
)