Download as doc, pdf, or txt
Download as doc, pdf, or txt
You are on page 1of 3

ประ วัต ิของกาแฟ ในป ระเ ทศไท ย

คำาว่า “กาแฟ” ในสมัยรัชกาลที่ 4 เรียกว่า “ข้าวแฟ” ยังไม่ได้เปลี่ยนเป็นกาแฟ


เหมือนในปัจจุบัน ดังปรากฏอยู่ในหนังสือ สัพพะวัจนะภาษาไทย ของปาเลอกัว ฉบับ
พิมพ์เมื่อ พ.ศ.2397 นอกจากนี้ยังปรากฏอีกว่าได้มีการปลูกกาแฟขึ้นในเมืองไทย
แล้วปลุกแถวๆ จังหวัดสงขลา กล่าวกั นว่าเป็นกาแฟรสดี พอใช้และปลูกกันมากที
เดียว
มีบันทึกว่าประเทศไทยปลูกกาแฟมาตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้ว เนื่องจากมีการ
ติดต่อค้าขายกับชาวต่างชาติ แต่การดื่มนั้นเห็นจะไม่ค่อยนิยม เพราะรสชาติจะขม
อาจจะคิดว่าเป็นยาเสียด้วยซำ้า คนไทยจึงไม่ค่อยคุ้นกับกาแฟ เพราะเหตุนี้เข้าใจว่า
คนไทยมารู้จักกาแฟกันอย่างแพร่หลายก็สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ในปี พ .ศ.2367 ในรัช
สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3 ได้มีการนำาเมล็ดกาแฟมาทดล
องปลูกในพระบรมมหาราชวังและแจกจ่ายให้เสนาบดีนำาไปปลูกต่อๆ กันด้วยถึงกับ
พระราชประสงค์ให้ทำาสวนกาแฟขึ้น สวนกาแฟมีว่านี้อยู่ในบริเวณวัดราชประดิษฐ์ฯ
การทำาสวนกาแฟในสมัยนั้นเป็นเครื่องวัดได้อย่างหนึ่งว่า ในสมัยรัชกาลที่ 3 เป็นช่วง
ที่กาแฟแพร่หลายมากที่สุด
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 ก็ยังปรากฏว่ามีการทำา สวนกาแฟกันอยู่ และที่มีชื่อ
กล่าวถึงในจดหมายเหตุของเซอร์จอห์น เบาว์ริง อัคราชทูตอังกฤษ ซึ่งเข้ามาเจรจา
ทำาสนธิสัญญากับสยามเมื่อ พ.ศ. 2398 ความว่า เคยตามเสร็จไปเที่ยวสวนกาแฟของ
สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ ปรากฏว่ามีต้นกาแฟมากมาย ในการนี้รัชกาล
ที่4 โปรดเกล้าฯให้เซอร์จอห์น เบาว์ริง เก็บไปเป็นตัวอย่างถึง 3 กระสอบเพื่อลอง
เสวยนั้นแสดงว่าการปลูกกาแฟของไทยเคยพยายามทำา ให้เป็นลำ่า เป็นสันกันมาแล้ว
แต่จะเป็นด้วยคนไทยในสมัยนั้นไม่นิยมดื่มกาแฟ หรือจะเป็นด้วยกาแฟพันธุ์ไม่ดีจึง
ไม่ได้รับความนิยม ก็มิอาจทราบได้
มิสโคล ผูก้ ่อตั้งร้าน“Red Cross Tea Room”
เรื่องทำา สวนกาแฟเห็นจะหยุดชะงักมานานจนเลิกกิจการไป ไม่มีใครคิดจะ
ปลูกกันอีก แต่สำาหรับการดื่มกาแฟเห็นจะมีแพร่หลายมากขั้น ร้านกาแฟในกรุงเทพฯ
เริ่มมีกั นมากขึ้นในสมัยไหนไม่พบหลักฐานแต่ ป รากฏว่าในปี พ.ศ. 2460 ระหว่าง
สงครามโลกครั้งที่ 1 มิสโคลชาวอเมริกั นได้ ตั้ งร้านขายกาแฟชื่อ “Red Cross Tea
Room” อยู่แถวถนนสี่กั๊กพระยาศรี โดยขายทุกวันพฤหัสบดี หน้าร้านปักธงกาชาด
ปรากฏว่าว่ามีเจ้านายและข้าราชการตลอดจนชาวต่างประเทศพากันมาอุดหนุน ผล
กำา ไรที่ได้จากการขายกาแฟมิสโคลได้ส่งไปบำา รุงกาชาดของสัมพันธมิต รจึงเป็นที่
เข้าใจว่าร้านกาแฟคงเริ่มมีมากขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 และที่ 7 นี้เอง
ในประเทศไทยมี ก ารปลูก กาแฟอาราบิ ก้ า
ปี พ .ศ. 2393 โดยครั้ ง แรกไปปลู ก ไว้ ที่ จั ง หวั ด
จันทบุรี ซึ่งต่อมามีชื่อเรียกกันว่า “กาแฟจันทรบูร”
ต่อมาในปี พ.ศ. 2500 กรมกสิก รรม(กรมวิชาการ
เกษตรในปั จ จุ บั น ) ได้ สั่ ง เมล็ ด กาแฟอาราบิ ก้ า
จำา นวน 4 พัน ธุ์ คื อ มุ นดู นูวู (Mundo Novo) เบอร์
บ อ ง (Bourbon)แ ค ทู ร่ า (Catura) แ ล ะ ทิ ป
ปิก้า(Typica) จากประเทศบราซิล มาปลูกทดลองที่
สถานีทดลองพืชไร่แม่โจ้ สถานีทดลองพืชสวนฝาง
จั งหวัด เชี ย งใหม่ และสถานี ท ดลองพื ช สวนดอย
มู เ ซอ จั ง หวั ด ตาก แต่ ต้ น กาแฟส่ ว นใหญ่ ไ ม่
สามารถต้านทานต่อโรคราสนิทได้ จึงโทรมและตาย
ต่อมาในปี พ.ศ. 2518 โครงการหลวงพัฒนาชาวเขาได้มีโครงการทำาการวิจัย
กาแฟอาราบิก้ าเพื่อทดแทนการปลูก ฝิ่นของชาวไทยภู เ ขาในภาคเหนือ โดยทาง
โครงการหลวงได้ สั่ง พั นธุ์ ก าแฟอาราบิ ก้ า ลูก ผสมที่ไ ด้ รั บการปรั บปรุง ให้ ส ามารถ
ทนทานต่ อโรคราสนิทได้ โดยได้ รับความร่วมมือจากกองโรคพืชและชีววิทยากั บ
สถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร ดำาเนินการคัดเลือกสายพันธุ์ที่เหมาะสมกับ
สภาพพื้นที่บนที่สูงทางภาคเหนือของประเทศไทย ประกอบกับมีการจัดตั้งโครงการ
ปลูกพืชทดแทนและพัฒนาเศรษฐกิจของชาวไทยภูเขา เป็นโครงการร่วมระหว่างไทย
และสหประชาชาติ เพื่อทดแทนการปลูกผิ่น ซึ่งการปลูกกาแฟอาราบิก้าเป็นพืชความ
หวังใหม่ในขณะนั้น ระยะเวลาโครงการรวม 10 ปี โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐอเมริกา
เป็นผู้ให้คำาปรึกษาและแนะนำาพันธุ์กาแฟอาราบิก้าที่จะนำามาปลูกในไทย หลังจากนั้น
ในปี พ.ศ. 2526 กรมวิชาการเกษตรได้ส่งนักวิชาการไปประชุมเรื่องโรคราสนิมและ
ได้นำา พันธุ์กาแฟใหม่ๆเข้ามาทดลองปลูกที่สถานีทดลองเกษตรหลวงขุนวาง และ
ศูนย์วิจัยและส่งเสริมกาแฟอาราบิก้า บ้านแม่หลอด อำาเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
และในปีพ.ศ.2529-2532 ได้มีการจัดตั้งโครงการส่งเสริมการปลูกกาแฟอาราบิก้าภาค
เหนือ ซึ่งกรมวิชาการเกษตร โดยสถาบันวิจัยพืชสวนได้ผลิตต้นกล้ากาแฟอาราบิก้า
จำานวน 2,000,000 ต้น เพื่อแจกจ่ายให้แก่เกษตรกรในจังหวัดต่างๆในภาคเหนือ

You might also like