Professional Documents
Culture Documents
วิทยุชุมชนญี่ป่น
วิทยุชุมชนญี่ป่น
วิทยุชุมชนญี่ป่น
ความหลากหลายของวิทยุชม
ุ ชนใน
ประเทศญี่ปุุน
โดย
นายสุระชัย ชูผกา
เลขทะเบียน 5007300030
เสนอ
ความสำาคัญของประเด็นศึกษา
ในช่วงเกือบ 10 ปี ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการกล่าวถึงการ
พัฒนาการสื่อสารชุมชนภายใต้รูปแบบของ “วิทยุชุมชน” ที่
เป็ นการจัดตัง้ สถานี วิทยุที่มีกำาลังขนาดตำ่ากว่าสถานี วิทยุกระจาย
เสียงทัว
่ ไปที่มีมาแต่ในอดีต จนในช่วงปลายปี พ.ศ. 2544 ต่อ
เนื่ องมาจนถึงปั จจุบันมีการดำาเนิ นการจัดตัง้ สถานี วิทยุขนาดเล็ก
ในนามสถานี วิทยุชุมชนอย่างหลากหลายและกว้างขวาง ทัง้ ส่วน
ที่ดำาเนิ นการโดยกลุ่มองค์กรประชาชนในชุมชน นั กธุรกิจ หน่ วย
3
งานราชการท้องถิ่น ท่ามกลางความไม่ชัดเจนในข้อกำาหนดทาง
กฎหมายและระเบียบการควบคุม
ตลอดระยะเวลาดังกล่าว รัฐบาลไทยยังไม่สามารถหาข้อ
ตกลงสุดท้ายที่มุ่งส่งเสริมและพัฒนาการดำาเนิ นการวิทยุชุมชน
อย่างเป็ นระบบ หากมีบ้างก็เป็ นแต่เพียงการดำาเนิ นการใน
ลักษณะการออกกฎระเบียบผ่อนปรนจากกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ
การควบคุมกิจการวิทยุกระจายเสียง จนนำ าไปสู่ความสับสนถึง
ความชัดเจนว่าสิ่งใด ลักษณะใดคือวิทยุชุมชน รัฐ เอกชน หรือ
ประชาชน ควรมีบทบาทเช่นใดทัง้ ในด้านการมีส่วนร่วมในการ
ดำาเนิ นการ การควบคุม สนับสนุนและการตรวจสอบ เพื่อให้การ
ดำารงอยู่ของวิทยุชุมชนตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน
ในชุมชนเป็ นสำาคัญ
จากสภาพปั ญหาดังกล่าว รายงานการศึกษาฉบับนี้จึงมุ่ง
ทำาการศึกษารูปแบบและหลักการดำาเนิ นการของวิทยุชุมชนที่พึง
มีความเหมาะสมที่จะเป็ นแนวทาง ตัวอย่างให้กับการดำาเนิ นการ
สนั บสนุนและพัฒนากิจการวิทยุชุมชนของไทย โดยมุ่งมองหา
แนวทางจากประสบการณ์ของประเทศที่มีความก้าวหน้ าในการ
ดำาเนิ นกิจการวิทยุชุมชน และมีบริบทแวดล้อมใกล้เคียงกับ
บริบทสังคมของไทย
แม้ประเทศญี่ป่น
ุ ถือว่าเป็ นประเทศที่มีระดับการพัฒนา
เศรษฐกิจที่ก้าวหน้ ากว่าประเทศไทยมาก หากแต่ก็ยังนั บได้ว่า
เป็ นประเทศที่มีสภาพแวดล้อมบริบททางสังคมวัฒนธรรมใกล้
เคียงกับประเทศไทยมากกว่ากลุ่มประเทศตะวันตก ทัง้ ในเชิงวิถี
4
ชีวิตและรูปแบบการเมืองการปกครองที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย
กล่าวคือ เป็ นประเทศที่มีลักษณะรัฐเดี่ยว ราชการมีบทบาท
สำาคัญในการบริหารจัดการทรัพยากรต่างๆ ขณะที่ ประชาชนมี
วัฒนธรรมในแบบเอเชียอยู่กับวิถีการกินอยู่กับ”ข้าวและปลา”
อันเป็ นอาหารที่ใกล้เคียงกับวิถีชีวิตของไทย
ผู้ศึกษาจึงเลือกทำาการศึกษาประสบการณ์ บทเรียนการ
ดำาเนิ นกิจการของวิทยุชุมชนในประเทศญี่ปุ่นโดยเดินทางไป
ศึกษาดูงาน และสัมภาษณ์ผู้ดำาเนิ นการกิจการวิทยุชุมชนโดยตรง
ในระหว่างวันที่ 1-9 ธันวาคม พ.ศ. 2550 ทีผ
่ ่านมา ดังได้สรุป
สาระสำาคัญไว้ในรายฉบับนี้ เพื่อได้ใช้เป็ นข้อสังเกต แนวทาง
และกรอบเทียบวิเคราะห์การพัฒนาวิทยุชุมชนไทยต่อไป
5
การดำาเนิ นงานวิทยุชุมชนมิกิ
ที่เน้นเชิงธุรกิจ
กำาเนิ ดวิทยุชุมชนในประเทศญี่ปุุน
จุดเปลี่ยนผ่านอันสำาคัญทีท
่ ำาให้เกิดการตระหนั กและ
ยอมรับถึงความสำาคัญของการดำาเนิ นการวิทยุชุมชนโดยภาค
ประชาชนในประเทศญี่ปุ่นเริ่มต้นจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครัง้
6
อธิบายว่า ประชาชนในช่วงเวลานั น
้ ขาดการติดต่อ ถูกตัดขาด
จากการสื่อสารทัง้ ปวง ข้อมูลข่าวสารจากทางราชการมีความ
ล่าช้าเข้าไม่ถึงประชาชนในพื้นที่ประสบภัย สื่อมวลชนไม่สามารถ
กระจายข่าวสารที่สอดรับกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่
ได้ หลายฝ่ ายจึงเริ่มตระหนั กและมองหาแนวทางในการสื่อสาร
ทัง้ จากภาครัฐสู่ประชาชน และระหว่างกลุ่มอาสาสมัครกับ
ประชาชนในพื้นทีป
่ ระสบภัย
จากสภาพปั ญหาดังกล่าวทำาให้เกิดมีการจัดตัง้ สถานี วิทยุ
กระจายเสียงขนาดย่อมขึ้นชัว
่ คราวเพื่อการสื่อสารบรรเทาภัยใน
หลายพื้นที่ของโกเบและโอซากา ซึ่งอาศัยต้นแบบจากลักษณะ
การส่งกระจายเสียงของกลุ่มประชาชนชาวเกาหลีในเมืองโอกา
ซาที่ใช้ลักษณะกำาลังส่งตำ่ากระจายเสียงเป็ นภาษาเกาหลีเพื่อ
สื่อสารไปยังแรงงานชาวเกาหลีที่เข้ามาทำางานในเขต
อุตสาหกรรมเมืองโอซากา อันเป็ นการดำาเนิ นการที่ผิดกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม Tetsuo ได้ชี้ว่าในช่วงเวลาดังกล่าวไม่มีใคร
คำานึ งถึงเรื่องความถูกหรือผิดกฎหมาย เพียงมีเครื่องมือสื่อสาร
ไปยังประชาชนในพื้นที่ได้เป็ นสิ่งจำาเป็ นอันดับแรกจึงเริ่มมีการจัด
ตัง้ สถานี วิทยุที่มีกำาลังส่งขนาดไม่เกิน 10 กิโลเมตรขึ้นในเขต
เมืองทาคาโทริ ซึ่งเป็ นจุดพื้นที่ประสบภัยรุนแรงโดยได้รับความ
ร่วมมือจากประชาชนหลายเชื้อชาติ อาทิ เวียดนาม เกาหลี เข้า
มาร่วมจัดรายการเป็ นภาษาของประเทศนั น
้ ๆ เพื่อเป็ นศูนย์กลาง
กระจายข่าวสารจากทางราชการและหน่ วยงานอาสาสมัครต่างๆ
ไปยังประชาชนในพื้นที่ทไี่ ม่สามารถเข้าใจภาษาญี่ปุ่นได้ พร้อมๆ
กันก็มีการกระจายเสียงเป็ นภาษาญี่ปุ่นเป็ นสำาคัญด้วยในระบบ
อาสาสมัคร
ลักษณะเช่นนี้ทำาให้ทางการเล็งเห็นประสิทธิภาพใน
สมรรถนะการสื่อสารของวิทยุชุมชนจนหน่ วยราชการท้องถิ่นได้
นำ าเอารูปแบบดังกล่าวไปประยุกต์ใช้ ภาคประชาชน อาสาสมัคร
องค์กรพัฒนาเอกชนในหลายพื้นที่ได้เริ่มดำาเนิ นการในลักษณะดัง
กล่าวเพื่อร่วมกันพัฒนาการสื่อสารชุมชนของตนเอง จากเดิมที่
พึงพิงอยู่กบ
ั สถานี วิทยุกระจายเสียงขนาดใหญ่ที่ประชาชนทัว
่ ไป
มีส่วนร่วมได้น้อย จนในที่สุดรัฐบาลกลางได้ให้การยอมรับหลัก
การวิทยุชุมชน โดยมีการปรับปรุงกฎหมายวิทยุกระจายเสียง
เมื่อปี พ.ศ. 2546 เพื่อรองรับให้ภาคประชาชนที่ไม่แสวงหากำาไร
(Non Profit Organization) สามารถดำาเนิ นกิจการวิทยุได้ใน
8
ที่สุด (เดิมอนุญาตให้เฉพาะบริษท
ั ธุรกิจเข้าดำาเนิ นการและจัดตัง้
เพื่อวัตถุประสงค์ทางด้านการบันเทิงเชิงพาณิชย์เป็ นสำาคัญ)
วิทยุชุมชน FM YY : จากภัยพิบัติสุูพืน
้ ที่สาธารณะของเสียง
สุวนน้ อย
วิทยุชุมชน เอฟเอ็ม วายวาย (FMyy) ได้ถือกำาเนิ ดจากการ
รวมตัวของสถานี วิทยุชุมชนชัว
่ คราวที่ก่อตัง้ ขึ้นในเขตเมืองทาคา
โทริ เมื่อครัง้ เกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติแผ่นดินไหวในโกเบเมื่อ
ปี พ.ศ. 2539 ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ซึ่งภายหลังจากภัยพิบัติได้
บรรเทาเบาบางลงในปี ต่อมา อาสาสมัครที่ดำาเนิ นงานด้านวิทยุ
ชุมชนชัว
่ คราวได้รวมตัวกันและตัง้ เป็ นศูนย์ข่าวสารชุมชนทาคา
โทริ (Takatori Information Community Center) ซึ่งได้รับการ
เอื้อเฟื้ อสถานี ที่จากโบสถ์คาทอลิก และมีอาสาสมัครที่สนใจ
ทำางานพัฒนาชุมชนระดมทุนจากแหล่งต่างๆ มาทำาโครงการ
พัฒนาและฟื้ นฟูชุมชนดังกล่าวและพื้นที่ใกล้เคียง
Junichi Hibino ผู้จัดการทัว
2
่ ไปของสถานี วิทยุชุมชนเอฟ
เอ็มวายวาย อธิบายว่า ภายหลังจากที่วิทยุชุมชนต่างได้ดำาเนิ น
การส่งกระจายเสียงหลากหลายภาษาอย่างโดดเด่นจนทุกฝ่ าย
ตระหนั กถึงความสำาคัญ จึงได้ร่วมมือกันจัดตัง้ เป็ นสถานี วิทยุ
ชุมชนเพียงแห่งเดียวในเมืองนี้ โดยให้ความสำาคัญกับการออก
อากาศเป็ นภาษาต่างๆ ทัง้ ภาษาเวียดนาม เกาหลี ฟิ ลิปินส์ รวม
ถึงไทยและญีป
่ ่ ุนที่มีลักษณะภาษาถิ่นเฉพาะเช่นภาษาอามามิด้วย
โกเบ
9
เพราะในเขตนี้มีคนงานประเทศเหล่านั น
้ เข้ามาทำางานอยู่เป็ น
จำานวนมาก โดยที่มีแรงงานจำานวนไม่น้อยไม่สามารถเข้าใจ
ภาษาญี่ปุ่นจนทำาให้ไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารต่างๆ ดังที่เคยเกิด
ปั ญหาเมื่อครัง้ การให้ความช่วยเหลือช่วงภัยพิบัติที่ประชาชน
เหล่านี้ไม่เข้าใจในตัวข่าวสาร
ดังนั น
้ วิทยุชุมชนเอฟเอ็มวาย วาย จึงเลือกที่จะดำาเนิ นการ
โดยเน้ นเป็ นพื้นทีส
่ ่งกระจายเสียงเพื่อกระจายข้อมูลข่าวสารที่
เป็ นประโยชน์ ตลอดจนความบันเทิงที่เป็ นภาษาท้องถิ่นใน
สัญชาติเหล่านั น
้ ให้กับประชาชนที่เป็ นแรงงานต่างด้าว และเมื่อ
ออกอากาศอย่างต่อเนื่ องตัง้ แต่ปลายปี พ.ศ. 2539 ก็ทำาให้มีทัง้
แรงงาน นักศึกษา และประชาชนที่หลากหลายสัญชาติ เข้ามา
ร่วมจัดรายการ ตลอดจนเข้ามาทำากิจกรรมกับทางสถานี ทัง้ ใน
ด้านการระดมทุน การจัดกิจกรรมสังสรรค์ การผลิตสินค้าที่ระลึก
การผลิตซีดีเพลงภาษาท้องถิ่นเพื่อหารายได้ การร่วมกันพัฒนา
ชุมชน
การดำาเนิ นการในลักษณะดังกล่าวทำาให้วิทยุชุมชนแห่งนี้
เป็ นศูนย์ที่หน่ วยงานราชการต่างๆ ในเขตเมืองนี้ มาขอความ
ร่วมมือช่วยกระจายข่าวสารประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนต่าง
สัญชาติเหล่านี้ พร้อมกับให้การสนั บสนุนทางด้านงบประมาณบาง
ส่วนโดยไม่มีข้อผูกพัน ทำาให้วิทยุชุมชนเอฟเอ็มวาย วาย
สามารถมีทุนดำาเนิ นการได้ โดยมีเจ้าหน้ าที่ประจำา 3 คน และมี
อาสาสมัครเข้ามาร่วมจัดรายการเกือบ 100 คน ทีม
่ ีทัง้ ข้าราชการ
เกษียณ แม่บ้าน นั กศึกษาสัญชาติต่างๆ ตลอดจนแรงงานต่าง
10
สัง่ เครื่องดื่มแล้วซื้อบัตรขอจัดรายการกระจายเสียงออกอากาศได้
คิดค่าบริการ 1500 เยนต่อ 3 นาที เช่นเดียวกับลักษณะของการ
เข้ามาใช้บริการอินเตอร์ในร้านทัว
่ ไป โดยมีสถานี วิทยุที่ทำาหน้ าที่
อัดเสียงสัญญาณส่งกระจายเสียงออกไป
คุณ Matsuoka Chizuru ผู้ช่วยผู้จัดการสถานี เล่าถึงที่มา
4
ริตส์คาทอลิค ตลอดจนรูปแบบแปลกใหม่ที่เกิดจากการรวมตัว
ของประชาชนด้วยกันเองโดยลำาพังอย่างวิทยุชุมชนเกียวโต ที่
ระดมทุนจากผู้ที่สนใจและมุ่งมัน
่ ที่จะแสดงออกซึ่งความสามารถ
ด้านต่างๆ ส่ส
ู าธารณชน
สถานี วิทยุชุมชนญี่ปุ่นหลายรูปแบบนี้สะท้อนถึงความหลาก
หลายของสภาพชุมชน สังคมที่แวดล้อม การดำาเนิ นงานของ
สถานี วิทยุชุมชนจึงแตกต่างกันไปตามปั จจัยสนั บสนุนและผู้คน
ในชุมชนนั น
้ เอง โดยไม่จำาเป็ นต้องมีการกำาหนดรูปแบบการ
ดำาเนิ นงานที่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็ นรูปแบบของความเป็ น
เจ้าของ (Ownership) ลักษณะรายการรวมถึง การมีหรือไม่มี
โฆษณาซึ่งเกี่ยวข้องกับจุดยืนในการดำาเนิ นงานของวิทยุชุมชนที่
ล้วนมุ่งตอบสนองความต้องการทางด้านข้อมูลข่าวสารของคนใน
ชุมชนเป็ นสำาคัญ
ด้วยความตระหนั กในความหลากหลายของท้องถิ่นชุมชนนี้
เอง กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุ
ชุมชน จึงไม่ได้มีการกำาหนดรูปแบบที่ตายตัว หากแต่มีการ
กำาหนดกรอบทิศทาง และหลักการไว้กว้างๆ เท่านั น
้ เพื่อเปิ ดทาง
ให้คนในชุมชนแต่ละชุมชนได้ร่วมกันสร้างสรรค์รูปแบบและ
แนวทางของวิทยุชุมชนที่ตนเองมีส่วนเป็ นเจ้าของคลื่นความถี่
ตามหลักการของวิทยุชุมชนสากลที่ได้รับการยอมรับกันเป็ นการ
ทัว
่ ไป
ตามข้อกำาหนดในกฎหมายกิจการวิทยุกระจายเสียง ที่มี
การแก้ไขปรับปรุงล่าสุดในปี พ.ศ. 2548 (Radio Law 2005:
16