**วันจันทร์**

@ ยัง ยัง ปุริโสวา อิตถีวา

พระปลัดบัญญัติ สุจิตโต
ทูเรหิวา สะมีเปหิวา
เถรัสสานุภาเวนะ สะทา ผู้ดำำริจัดสรูำงพระสิวลีใหูกับประชำชน พระสิวลี
โหนติ ปิ ยัง มะ มะ @
ท่อง 15 จบ
ไดูบ้ชำมีแต่ลำภ
เอตทัคคะในทางผู้มีลาภมาก
***วันอังคาร***
@ ฉิมพะลี จะ มหาเถโร
โสระโห ปัจจะยาทิมหิ
เชยยะลาโภ มหาลาโภ
สัพพะลาภา ภะวันตุ สัพพะทา @
ท่อง 8 จบ
****วันพุธ****
@ ทิตติตถะภะเวราชา
ปิ ยาจะ คะระตุเม เย
สารัตติ นิ รันตะรัง
สัพพะสุขาวะหา @
ท่อง 17 จบ
*****วันพฤหัสบดี*****
@ ฉิมพะลี จะ มหาเถโร
ยักขาเทวาภิปูชิโต โสระโห
คำถำบ้ชำพระสิวลี
ปัจจะยาทิมหิ อะหัง คนไทยเรามีความเชื่อกันมานานว่า กราบบูชา
วันทามิ สัพพะทา @ พระสิ ว ลี แ ล้ ว ชี วิ ต จะมี แ ต่ ค วามเจริ ญ รุ่ ง เรื อ ง
ท่อง 19 จบ เนื่ องเพราะพระสิ ว ลี เป็ น 1 ใน 80 พระอสี ติ
******วันศุกร์****** ได้รับยกย่องในทางผู้มีลาภมาก
มหาสาวก หรือศิษย์เอกของพระพุทธเจ้า พวก
@ ฉิมพะลี จะ มหาเถโร เราคุ้นเคยกันดีกับรูปลักษณ์ของพระสิวลีท่ีเป็ น
เทวะตานะนะ ระปูชิโต โสระโห
ปัจจะยาทิมหิ มหาลาภัง ภิ ก ษุ มื อ ข ว า ถื อ ไ ม้ เ ท้ า มื อ ซ้ า ย แ บ ก ก ร ด
กะโรนตุ เม ลาเภนะ สะพายบาตรบ้าง สะพายย่ามเครื่องอัฐบริขาร จัดสร้างโดย
อุตตะโม โหติ บ้ า ง พระพุ ท ธเจ้ า ทรงยกย่ อ งพระสิ ว ลี เ ป็ น
สัพพะลาภะ ภะวันตุ สัพพะทา @ เอตทั ค คะในทางมี ล าภมาก เพราะท่ า นมี บุ ญ พระปลัดบัญญัติ สุจิตโต
ท่อง 21 จบ บารมี สู ง จึ ง ขอนำา ท่ า นที่ ไ ด้ พ ระคาถาบู ช าขอ
*******วันเสาร์*******
@ ฉิมพะลี จะ มหานามัง อินทาพรหมา จะปูชิตัง
ลาภประจำาวันเกิดทั้ง 7 วัน ดังนี้ วัดลาดสนุุน จังหวัดปทุมธานี
สัพพะลาภัง ปะสิทธิ เม คำำอำรำธนำพระสิวลี
เภรัสสานุภาเวนะ สะทา สีวลี จะ มะหาเถโร เทวะตา นะระปูชิโต
สุขี ปิ ยัง มะมะ @ โสระโห ปั จจะยาทิมหิ
ท่อง 10 จบ
สีวลี จะ มะหาเถโร ยักขาเทวาภิปูชิโต เลขที ่ วัดลาดสนุุน อำาเภอคูคต
*วันอาทิตย์*
@ ฉิมพะลี จะ มหานามัง โสระโห ปั จจะยาทิมหิ
สัพพะลาภัง ภะวิสสะติ อะหัง วันทามิ สัพพะทา สีวลี จังหวัดปทุมธานี
เถรัสสานุภาเวนะ สะทา
โหนติ ปิ ยัง มะมะ @
เถรัสสะ เอตัง คุณัง สวัสติลาภัง ภะวันตุ เมฯ
ท่อง 6 จบ

โทรศัพท์ 02- 9949649
มือถือ 083-2619366
พิมพ์ถวายเป็ นธรรมทานโดย
ว่าที่ร.ต.กฤชณั ท ปั ญสุทธิแ์ ละครอบครัวรวี
ภัคพงศ์
http://history-job.blogspot.com/
ภาพการทำาบุญภายในวัดลาด
สนุุน
บารมีจัดเป็ น 3 ชั้น คือ
1. บารมีต้น
2. อุปบารมี
3. ปรมัตถบารมี
• บารมีต้นในขั้นเต็ม ท่านผู้น้ี จะเก่ง
เฉพาะทาน กับ ศีล แต่การรักษาศีลของ
บารมีข้ันต้นจะไม่ถึงศีล 8 และจะยังไม่
พร้อมในการเจริญพระกรรมฐาน กำาลัง
ใจไม่พอ อาจจะไม่ว่างพอหรือเวลาไม่มี
• อุปบารมี เป็ นบารมีข้ันกลาง พร้อมที่
ทรงฌานโลกีย์ ท่านพวกนี้ จะพอใจการ
เจริญพระกรรมฐาน และทรงฌาน แต่
ยังไม่ถง
ึ ขั้นวิปัสสนา ยังไม่พร้อมที่จะไป
และไม่พร้อมที่จะยินดีเรื่องพระนิ พพาน
พร้อมอยู่แค่ฌานสมาบัติ
• ปรมัตถบารมี ในอันดับแรกอาจจะยัง
ไม่มีความเข้าใจในเรื่องนิ พพาน พอ
สัมผัสวิปัสสนาญาณขั้นเล็กน้อย อาศัย
บารมีเก่า ก็มีความต้องการพระนิ พพาน
จะไปได้หรือไม่ได้ในชาติน้ี น้ันไม่สำาคัญ
เพราะการหวังนิ พพานจริง ๆ ต้องหวัง
กันหลายชาติจนกว่าบารมีท่ีเป็ นปรมัตถ
บารมีจะสมบูรณ์แบบ
รุวมสร้างโรงเรียนพระปริยัติ
ธรรมทีว
่ ัดลาดสนุุน
บารมีี แปลว่า กำาลังใจเต็ม บารมี 10 ทัศ มี
ดังนี้
• ทาน การให้ เป็ นการตัดความโลภ
ศีล เรามีก็ตัดความโกรธ
•
• เนกขัมมะ เป็ นการตัดอารมณ์ของ
กามคุณ
• ปั ญญา ตัดความโง่
• วิริยะ ตัดความขี้เกียจ
• ขันติ ตัดความไม่รู้จักอดทน
สัจจะ ตัดความไม่จริงใจ มีอารมณ์ใจ
•
กลับกลอก
• อธิษฐาน ทรงกำาลังไว้ให้สมบูรณ์
• เมตตา สร้างความเยือกเย็นของใจ
• อุเบกขา วางเฉยเข้าไว้ในเรื่องของกาย
เรา
พิมพ์ถวายเป็ นธรรมทานโดย
ว่าที่ร.ต.กฤชณั ท ปั ญสุทธิแ์ ละครอบครัวรวี
ภัคพงศ์
http://history-job.blogspot.com/
บารมี 10
1. ทานบารมีี จิตของเราพร้อมที่จะให้ทาน
เป็ นปกติ
2. ศีลบารมี จิตของเราพร้อมในการทรง
ศีล
3. เนกขัมมบารมี จิตพร้อมในการทรง
เนกขัมมะเป็ นปกติ เนกขัมมะ แปลว่า
การถือบวช แต่ไม่ใช่ว่าต้องโกนหัวไม่
จำาเป็ น
4. ปั ญญาบารมี จิตพร้อมที่จะใช้ปัญญา
เป็ นเครื่องประหัตประหารให้พินาศไป
5. วิริยบารมี วิิริยะ มีความเพียรทุกขณะ
ควบคุมใจไว้เสมอ
6. ขันติบารมี ขันติ มีท้ังอดทน อดกลั้นต่อ
สิง
่ ที่เป็ นปฏิปักษ์ รุวมสร้างโรงเรียนพระปริยต
ั ิ
7. สัจจะบารมี สัจจะ ทรงตัวไว้ตลอดเวลา
ว่าเราจะจริงทุกอย่าง ในด้านของการ ธรรมทีว
่ ัดลาดสนุุน
ทำาความดี
8. อธิษฐานบารมี ตั้งใจไว้ให้ตรงโดย
•
เฉพาะ
9. เมตตาบารมี สร้างอารมณ์ความดี ไม่
เป็ นศัตรูกับใคร มีความรักตนเสมอด้วย
บุคคลอื่น
10. อุเบกขาบารมี วางเฉยเข้าไว้ เมื่อ
ร่างกายมันไม่ทรงตัว ใช้คำาว่า "ช่าง
มัน" ไว้ในใจ
บารมีจัดเป็ น 3 ชั้น คือ

4. บารมีต้น
5. อุปบารมี
6. ปรมัตถบารมี ทาน การให้ เป็ นการตัดความโลภ
• ศีล เรามีก็ตัดความโกรธ
• บารมีต้นในขั้นเต็ม ท่านผู้น้ี จะเก่ง • เนกขัมมะ เป็ นการตัดอารมณ์ของ
เฉพาะทาน กับ ศีล แต่การรักษาศีลของ กามคุณ
บารมีข้ันต้นจะไม่ถึงศีล 8 และจะยังไม่ • ปั ญญา ตัดความโง่
พร้อมในการเจริญพระกรรมฐาน กำาลัง • วิริยะ ตัดความขี้เกียจ
ใจไม่พอ อาจจะไม่ว่างพอหรือเวลาไม่มี • ขันติ ตัดความไม่รู้จักอดทน
• อุปบารมี เป็ นบารมีข้ันกลาง พร้อมที่ • สัจจะ ตัดความไม่จริงใจ มีอารมณ์ใจ
ทรงฌานโลกีย์ ท่านพวกนี้ จะพอใจการ กลับกลอก
เจริญพระกรรมฐาน และทรงฌาน แต่ • อธิษฐาน ทรงกำาลังไว้ให้สมบูรณ์
ยังไม่ถง
ึ ขั้นวิปัสสนา ยังไม่พร้อมที่จะไป • เมตตา สร้างความเยือกเย็นของใจ
และไม่พร้อมที่จะยินดีเรื่องพระนิ พพาน • อุเบกขา วางเฉยเข้าไว้ในเรื่องของกาย
พร้อมอยู่แค่ฌานสมาบัติ เรา
• ปรมัตถบารมี ในอันดับแรกอาจจะยัง
ไม่มีความเข้าใจในเรื่องนิ พพาน พอ
สัมผัสวิปัสสนาญาณขั้นเล็กน้อย อาศัย
บารมีเก่า ก็มีความต้องการพระนิ พพาน
จะไปได้หรือไม่ได้ในชาติน้ี น้ันไม่สำาคัญ
เพราะการหวังนิ พพานจริง ๆ ต้องหวัง
กันหลายชาติจนกว่าบารมีท่ีเป็ นปรมัตถ
บารมีจะสมบูรณ์แบบ
 20. อุเบกขาบารมี วางเฉยเข้าไว้ เมื่อ
ร่างกายมันไม่ทรงตัว ใช้คำาว่า "ช่าง
มัน" ไว้ในใจ

บารมี 10
บารมีี แปลว่า กำาลังใจเต็ม บารมี 10 ทัศ มี
ดังนี้

11. ทานบารมีี จิตของเราพร้อมที่จะให้ทาน

เป็ นปกติ
12. ศีลบารมี จิตของเราพร้อมในการทรง
ศีล
13. เนกขัมมบารมี จิตพร้อมในการทรง
เนกขัมมะเป็ นปกติ เนกขัมมะ แปลว่า
การถือบวช แต่ไม่ใช่ว่าต้องโกนหัวไม่
จำาเป็ น
14. ปั ญญาบารมี จิตพร้อมที่จะใช้ปัญญา
เป็ นเครื่องประหัตประหารให้พินาศไป
15. วิริยบารมี วิิริยะ มีความเพียรทุกขณะ
ควบคุมใจไว้เสมอ
16. ขันติบารมี ขันติ มีท้ังอดทน อดกลั้นต่อ
สิง่ ที่เป็ นปฏิปักษ์
17. สัจจะบารมี สัจจะ ทรงตัวไว้ตลอดเวลา
ว่าเราจะจริงทุกอย่าง ในด้านของการ
ทำาความดี
18. อธิษฐานบารมี ตั้งใจไว้ให้ตรงโดย
เฉพาะ
19. เมตตาบารมี สร้างอารมณ์ความดี ไม่
เป็ นศัตรูกับใคร มีความรักตนเสมอด้วย
บุคคลอื่น
7. บารมีต้น
8. อุปบารมี
9. ปรมัตถบารมี
• บารมีต้นในขั้นเต็ม ท่านผู้น้ี จะเก่ง
เฉพาะทาน กับ ศีล แต่การรักษาศีลของ
บารมีข้ันต้นจะไม่ถึงศีล 8 และจะยังไม่
บารมีจัดเป็ น 3 ชั้น คือ
พร้อมในการเจริญพระกรรมฐาน กำาลัง
ใจไม่พอ อาจจะไม่ว่างพอหรือเวลาไม่มี
• อุปบารมี เป็ นบารมีข้ันกลาง พร้อมที่
ทรงฌานโลกีย์ ท่านพวกนี้ จะพอใจการ
เจริญพระกรรมฐาน และทรงฌาน แต่
ยังไม่ถง
ึ ขั้นวิปัสสนา ยังไม่พร้อมที่จะไป
และไม่พร้อมที่จะยินดีเรื่องพระนิ พพาน
พร้อมอยู่แค่ฌานสมาบัติ
• ปรมัตถบารมี ในอันดับแรกอาจจะยัง 29. เมตตาบารมี สร้างอารมณ์ความดี ไม่
ไม่มีความเข้าใจในเรื่องนิ พพาน พอ เป็ นศัตรูกับใคร มีความรักตนเสมอด้วย
สัมผัสวิปัสสนาญาณขั้นเล็กน้อย อาศัย บุคคลอื่น
บารมีเก่า ก็มีความต้องการพระนิ พพาน 30. อุเบกขาบารมี วางเฉยเข้าไว้ เมื่อ
จะไปได้หรือไม่ได้ในชาติน้ี น้ันไม่สำาคัญ ร่างกายมันไม่ทรงตัว ใช้คำาว่า "ช่าง
เพราะการหวังนิ พพานจริง ๆ ต้องหวัง มัน" ไว้ในใจ
กันหลายชาติจนกว่าบารมีท่ีเป็ นปรมัตถ
บารมีจะสมบูรณ์แบบ

รุวมสร้างโรงเรียนพระปริยัติ
ธรรมทีว
่ ัดลาดสนุุน
บารมี 10
•
บารมีี แปลว่า กำาลังใจเต็ม บารมี 10 ทัศ มี
ดังนี้

21. ทานบารมีี จิตของเราพร้อมที่จะให้ทาน

เป็ นปกติ
22. ศีลบารมี จิตของเราพร้อมในการทรง
ศีล
23. เนกขัมมบารมี จิตพร้อมในการทรง
เนกขัมมะเป็ นปกติ เนกขัมมะ แปลว่า
ทาน การให้ เป็ นการตัดความโลภ
การถือบวช แต่ไม่ใช่ว่าต้องโกนหัวไม่
• ศีล เรามีก็ตัดความโกรธ
จำาเป็ น
• เนกขัมมะ เป็ นการตัดอารมณ์ของ
24. ปั ญญาบารมี จิตพร้อมที่จะใช้ปัญญา
กามคุณ
เป็ นเครื่องประหัตประหารให้พินาศไป
• ปั ญญา ตัดความโง่
25. วิริยบารมี วิิริยะ มีความเพียรทุกขณะ
• วิริยะ ตัดความขี้เกียจ
ควบคุมใจไว้เสมอ
• ขันติ ตัดความไม่รู้จักอดทน
26. ขันติบารมี ขันติ มีท้ังอดทน อดกลั้นต่อ
• สัจจะ ตัดความไม่จริงใจ มีอารมณ์ใจ
สิง่ ที่เป็ นปฏิปักษ์
กลับกลอก
27. สัจจะบารมี สัจจะ ทรงตัวไว้ตลอดเวลา
• อธิษฐาน ทรงกำาลังไว้ให้สมบูรณ์
ว่าเราจะจริงทุกอย่าง ในด้านของการ
• เมตตา สร้างความเยือกเย็นของใจ
ทำาความดี
• อุเบกขา วางเฉยเข้าไว้ในเรื่องของกาย
28. อธิษฐานบารมี ตั้งใจไว้ให้ตรงโดย
เรา
เฉพาะ