“เจอรี”่ คือศัตรูบ่อนทำลำยชำติไทยที่แท้จริง

คนไทยเราได้รับการขนานนามว่าเป็นชนชาติที่มีนิสัยใจคอเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีเมตตากรุณา ยิ้มง่าย โอบอ้อม

อารีต่อกันและกัน ซึ่งเป็นคุณสมบัติร่วมของคนไทยอันเป็นผลพวงจากการบ่มเพาะของพุทธศาสนา จน เกิดสโลแกน
เรียกประเทศไทยว่า The Land of Smile และ Amazing Thailand
แต่เหตุการณ์คุกรุ่นทางการเมืองที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงจุดเดือดพล่านขนาดเผาบ้านเผาเมืองใน
วันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๕๓ ตลอดจนการเสียชีวิตเลือดเนื้อ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ชาวโลกรับรู้กันอย่างทั่วหน้าบน
จอโทรทัศน์นั้น คงเพียงพอที่จะทาให้ชาวต่างชาติเปลี่ยนสโลแกนของประเทศไทยเป็น The land of anger และ
Disastrous Thailand ซึ่งจะต้องมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยอย่างหนักหนาสากรรจ์แน่นอน
เนื่องจากดิฉันอยู่ประเทศอังกฤษ และเหมือนคนอีกมากมายที่ไม่ว่าจะอยู่เมืองไทยหรือต่างแดน ล้วนอ่าน
ข่าวสารของเหตุการณ์ทะเลาะกันทางการเมืองนี้จากอินเทอร์เน็ตและฟอร์เวิร์ดเมล์ทั้งหลาย ซึ่งสร้างความสับสนไม่
น้อย ดิฉันจึงไม่มีความสามารถที่จะวิเคราะห์วิจารณ์เหตุการณ์ที่น่าเกลียดและน่าเศร้าที่เกิดขึ้นนีไ้ ด้ อย่างไรก็ตาม
มุมมองของดิฉันไม่จาเป็นจะต้องเข้าไปรู้ในรายละเอียดของการเมืองไทยที่ยุ่งเหยิงและเน่าเหม็น เพราะดิฉันสามารถ
มองเห็นสาเหตุแท้จริงที่อยู่เบื้องหลังการกระทาทั้งดีและชั่วของมนุษย์ ซึ่งเพียงพอที่จะช่วยให้เข้าใจเหตุการณ์หายนะ
ที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้
ภูมิปัญญาทางพุทธศาสนาได้ช่วยให้ดิฉันเข้าใจกิเลสของมนุษย์ คาว่ากิเลสอาจจะเป็นนามธรรมที่เข้าใจ
ยากและบางคนอาจจะไม่ยอมรับว่าตนเองยังมีกิเลสอยู่ แต่หากดิฉันอธิบายใหม่ว่า กิเลสจะทางานร่วมกับความคิด
เสมอ คราใดที่คิดโลภ คิดโกรธ หรือคิดหลง (โง่) ความคิดเหล่านี้ ก็ล้วนมีกิเลสแทรกเข้ามาแล้วทั้งสิ้น ให้กระชับ
มากกว่านั้น ตราบใดที่ต้องใช้ความคิด ตราบนั้นต้องมีกิเลสเสมอไป บางคนอาจจะบอกว่า แต่ฉันไม่ได้คิดโลภและคิด
โกรธใครนี่ ฉันคิดแต่เรื่องดีๆ คิดแต่เรื่องทามาหากินเลี้ยงปากท้องและดูแลครอบครัว จะมีกิเลสไหม แม้ไม่คิดโลภ ไม่
คิดโกรธเกลียดใคร แต่หากผู้คิดยังไม่มีความเห็นถูก ต้อง (สัมมาทิฏฐิ) คือ ยังไม่มีความรู้เรื่องการออกจาก “คุกชีวิต”
เพื่อไปนิพพานแล้วไซร้ ผู้นั้นก็ยังคงมีความคิดหลง หรือคิดอย่างคนโง่อยู่ เมื่อไม่มีภูมิปัญญาในเรื่องนิพพานแล้วไซร้
ไม่ว่าจะคิดดีอย่างไร ก็ยังเป็นการคิดของนักโทษที่กาลังติดคุกชีวิตโดยที่ตัวเอง ยังไม่รจู้ ักอิสรภาพนอกคุกชีวิต จึง
กลายเป็นการคิดของคนที่หลงทางอยู่ในคุกชีวิต เป็นกิเลสที่ร้ายกาจมากกว่าความคิดโลภและความคิดโกรธเสียอีก
และเป็นปัจจัยหลักที่ทาให้คนคิดโลภ คิดโกรธเกลียด อิจฉาอันก่อให้เกิดการพูดและการกระทาที่เลวร้าย ความหลง
และโง่นั้นเป็นกิเลสที่คนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตนเอง ต้องฟังการชี้แนะจาก “ผู้รู้จริง” เท่านั้น
หากดิฉันจะแทนความคิดของมนุษย์ด้วยคาว่า “เจอรี”่ อันเป็นหนูตัวเล็กๆในการ์ตูนของวอลท์ ดิสนีย์ที่ชอบ
รังควานและต่อกรกับแมวทอม จะช่วยให้เราเห็นหน้าตาของ ศัตรูที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น เจอรี่ตัวนี้แหละเป็นตัว
ขับเคลื่อนการคิด การพูด และการกระทาของมนุษย์ทุกคนซึ่งเป็นได้ทั้งขาวและดา บวกและลบ บุญและบาป
เมื่อกลับมาวิเคราะห์ความหายนะทางการเมืองของประเทศไทยที่เพิ่งเกิดขึ้น ดิฉันเห็นว่า มันเป็นผลพวง
การหมักหมมของเจอรี่ดาในกลุ่มนักการเมือง ข้าราชการระดับสูง และพ่อค้าที่ล้วนถูกเจอรี่โลภ เจอรี่โกรธ เจอรี่หลง
ชักใยอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น การมีรัฐธรรมนูญ ๑๘ ฉบับ รัฐประหาร ๑๒ ครั้งในช่วงเวลา ๗๘ ปีนับตั้งแต่ประเทศไทยเริ่ม
มีระบอบประชาธิปไตยนั้นเป็นหลักฐานที่ตอกย้าถึงการขาดคุณภาพทางจิตใจของนักการเมืองไทยอย่างรุนแรง ซึ่ง
ล้วนเป็นผลพวงของเจอรี่ดาที่ชักใยอยู่ในหัวในใจของกลุ่มผู้นาที่หลงระเริงในอานาจที่ล้นฟ้าของตนเอง เจอรี่โลภ
โกรธ หลงของแต่ละคนจึงได้ช่วยกันสร้างวัฒนธรรมแห่งการฉ้อราษฎร์บังหลวง (คอรัปชั่น) ที่ประกอบไปด้วยค่านิยม
วิ่งเต้นเพื่อหาเส้นสาย กินเงินใต้โต๊ะ เกาหลังให้แก่กันและกัน ดูแลพวกพ้อง ฯลฯ จนเรื่องคอรัปชั่นของการเมืองไทย
ติดอันดับต้นๆ เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ และทาให้ระบบราชการไทยกลายเป็นมะเร็งก้อนใหญ่ที่ผลิตเม็ดเลือด
ขาวมากกว่าเม็ดเลือดแดง และเม็ดเลือดขาวนี้ก็กาลังกัดกินทาร้ายตนเอง สร้างสภาวะเจ็บป่วยทางสังคมอย่างรุนแรง
ชะลอการเจริญเติบโตของประเทศชาติ และเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทาให้ช่องว่างของคนรวยกับคนจนกว้างออกไปทุกที จน
นามาสู่เหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองดังกล่าว ซึ่งยังคงเป็นผลงานของเจอรีโ่ ลภ โกรธ หลงของคนกลุ่มใหญ่จนก่อให้เกิด
สภาวะอนาธิปไตย
ดิฉันเคยพูดในงานอบรมธรรมว่า ที่จริงแล้ว คนไทยเป็น ชนชาติที่ปกครองง่ายมากเพราะความที่โดยพื้นฐาน
แล้วเป็นคนมีจิตใจดีจากการบ่มเพาะของวัฒนธรรมทางพุทธศาสนา รวมทั้งเป็นบ้านเมืองที่อุดมสมบูรณ์ด้วยผลิตผล
ทางเกษตร หากมีผู้นาทางการเมืองที่มีคุณธรรมอย่างแท้จริง สามารถสร้างระบบการเมือง ระบบข้าราชการที่ทางาน
อย่างโปร่งใส ไม่ฉ้อฉล มีความรักและทางานเพื่อประชาชนและประเทศชาติอย่างแท้จริง เปิดโอกาสให้คนทุกชนชั้น
โดยเฉพาะชนชั้นรากหญ้าที่เป็นกระดูกสันหลังของชาติสามารถทามาหากิน ดูแลครอบครัวตนเองได้โดยไม่มีหนี้สิน
ลดช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนให้แคบเข้าแล้วไซร้ ประเทศไทยจะกลายเป็นสวรรค์บนดินได้อย่างง่ายดาย แต่ก็
น่าเสียดายว่าเมืองไทยมาเสียที่นักการเมืองและการคอรัปชั่นที่ทากันอย่างออกหน้าออกตามากว่า ๗๐ ปี
ดิฉันยังเห็นว่า แม้บัดนี้ ก็ยังไม่สายที่จะช่วยเหลือกันกอบกู้เสถียรภาพและชื่อเสียงในระดับโลกของประเทศ
ไทยให้กลับคืนมา สิ่งที่แผ่นดินนี้ยังพอมีเหลืออยู่ให้ชาวโลกก้มหัวให้เราได้คือ ภูมิปัญญาในเรื่องการออกจากคุกชีวิต
เพื่อถึงนิพพานของพระพุทธเจ้า หากคนไทยยังอยากมีแผ่นดินไทยให้เหยียบต่อไปแล้วละก็ เราต้องเร่งรีบหันมาพึ่งภูมิ
ปัญญาของพระพุทธเจ้าในเรื่องการหลุดพ้นจากการคุกคามของเจอรี่ มาช่วยกันจัดการกับ ศัตรูที่แท้จริงที่ได้บ่อน
ทาลายชาติไทยอยู่เบื้องหลัง ซึ่งไม่ใช่ทั้งเหลือง แดง ดา หลากสี ผู้ก่อการร้าย หรือ อิสลาม นั่นเป็นเพียงเปลือกนอก
เท่านั้น ศัตรูที่ทุกกลุ่มมีร่วมกันคือ เจอรี่โลภ โกรธ หลงซึ่งเป็นตัวชักใยอยู่เบื้องหลังคนไทยทุกกลุ่ม เจอรี่เป็น
ผู้ก่อการร้ายที่แท้จริง เป็นตัวการที่ทาให้คนไทยต้องมาแตกแยกกันอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในช่วง ๒๐๐ ปีแห่ง
กรุงรัตนโกสินทร์
ไม่ว่าจะพูดถึงปัญหาอะไรก็แล้วแต่รวมทั้งการแตกแยกในเรื่องการเมือง ล้วนต้องมาสู่บทสรุปของการ
เปลี่ยนจิตใจคนทั้งนั้น เปลี่ยนจากการชอบคิดชั่วๆ มาเป็นการคิดดี ๆ หรือเปลี่ยนเจอรี่ดาของคนให้เป็นเจอรี่ขาว
นั่นเอง วิธีการที่จะจัดการกับเจอรี่ดานั้น พระพุทธเจ้าได้บอกทางที่ชัดเจนไว้แล้ว นั่นคือ การฝึกฝน ทักษะเรื่องสติปัฏ
ฐานสี่ หรือวิปัสสนา ซึ่งดิฉันมาแปลงให้เป็นภาษาที่เข้าใจง่ายขึ้นว่า การพาตัวใจกลับบ้าน อันเป็นวิธีการโดยตรงที่จะ
ขับไล่เจอรี่โลภ โกรธ หลงออกจากจิตใจของคนไทยทุกกลุ่ม นี่เป็นวิธีการเดียวที่จะช่วยให้คนไทยกลับมารักใคร่
สมานฉันท์เหมือนเดิมได้อีก และเป็นเรื่องที่ทาได้ไม่ยากเลย
กลุ่มที่จะต้องเริ่มทาก่อนอย่างจริงจังคือ กลุ่มผู้นาทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ข้าราชการระดับสูง
เชื้อพระวงศ์และคนร่ารวยทั้งหลาย เพราะเป็นกลุ่มที่ถูกเจอรี่โลภและหลงครอบงาอยู่จนก่อให้เกิดการกอบโกย กักตุน
ทรัพยากรที่มากจนเกินไป จนเกิดการเสียดุลภาพทางสังคมอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นราก เหง้าของปัญหาที่ก่อให้เกิดกลุ่ม
เหลืองแดงดาและหลากสีในที่สุด การปฏิบัติพาตัวใจกลับบ้านจะสามารถช่วยให้เห็นความเป็นมายาของสรรพสิ่ง
โดยเฉพาะในวัตถุสิ่งของ การกักตุนทรัพย์สินเงินทองที่มากมายจนเกินเลยจะไม่เกิด ทรัพยากรอันเป็นส่วนเกินของคน
ร่ารวยก็จะถูกกระจายไปยังคนกลุ่มใหญ่ที่เป็นกระดูกสันหลังของชาติอย่างแท้จริง เมื่อประชากรไทยทุกคนมีอาหาร
ตกถึงท้องและสามารถดูแลครอบครัวตนเองได้ การปฏิวัติของประชาชนจะไม่เกิด และจะเป็นชนชาติที่ปกครองง่าย
ที่สุด นี่เป็นจิตวิทยาง่ายๆที่นักการเมืองต้องรู้ และต้องใช้พุทธศาสนาให้เป็นประโยชน์ให้มากที่สุด
ดิฉันกล้าพูดอย่างหนักแน่นว่า การให้คนไทยรู้จักพิษสงของเจอรี่และรู้จักทักษะการพาตัวใจกลับบ้านเป็น
ทางออกทางเดียวที่จะกอบกู้ชาติไทยกลับคืนมาอยู่ด้วยกันอย่างสงบร่มเย็นได้อีกครั้งหนึ่ง หากผู้นาทางการเมืองยัง
เพิกเฉยต่อ “ข่าวดี” นี้แล้ว ดิฉันกล้าพูดเลยว่า แม้พระสยามเทวาธิราชก็ไม่สามารถโอบอุ้มคุ้มครองดินแดนสุวรรณภูมิ
นี้ต่อไปได้อีกแล้ว ซึ่งหมายความว่า ต่อจากนี้ไป คนไทยต้องอยู่อย่างตัวใครตัวมัน ปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม ซึ่ง
ในที่สุด คงไม่พ้นเรื่องสงครามกลางเมืองที่แผ่ขยายอย่างกว้างขวางแน่นอน หรือไม่ก็ตกเป็นเมืองขึ้นของชาวต่างชาติ
จึงเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน ที่จะต้องมาร่วมสร้างบุญหนักที่สุดด้วยกันอย่างเร่งด่วน โดยเร่งรีบสนับสนุนให้คนไทย
เรียนรู้การทางานของเจอรี่ในจิตใจของแต่ละคน เพื่อต่างคนต่างช่วยกันขับไล่เจอรี่ดาๆออกจากจิตใจของตนเองโดย
ฝึกฝนทักษะการพาตัวใจกลับบ้าน ซึ่งดิฉันมีความรู้ในเรื่องนี้เพียงพอที่จะช่วยชี้แนะและนาทางให้แก่รัฐบาลไทย เพื่อ
วางรากฐานที่มั่นคงให้แก่ระบบการศึกษาและเริ่มสร้างเยาวชนไทยให้เติบโตขึ้นมาอย่างมีรากแก้วของชีวิต มีคุณภาพ
ของมนุษย์ที่แท้จริง คือ มีสัมมาทิฏฐิ รู้จักเป้าหมายปลายทางของชีวิต มีจิตใจที่แข็งแกร่ง สามารถต่อสู้กับศัตรูภายใน
คือ เจอรี่ได้เสมอ
ดิฉันพร้อมแล้วที่จะเสียสละทางานนี้แก่ชาติไทย สิ่งที่ดิฉันกาลังรอคอยคือ รอให้ท่านนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะขานรับเสียงเรียกของดิฉันและเปิดโอกาสให้ดิฉันได้รับใช้ชาติบ้านเมืองและพุทธศาสนาเท่านั้น

หนังสือที่ต้องอ่านควบคู่กับบทความนี้คือ
เส้นปกติของชีวิต http://www.supawangreen.in.th/book.php
ทาไมจึงต้องพาตัวใจกลับบ้าน http://www.supawangreen.in.th/book.php
รู้เท่านี้ ก็พอแล้ว http://www.supawangreen.in.th/book.php?page=2
สูตรการสร้างสันติภาพโลก http://www.supawangreen.in.th/forum/viewtopic.php?t=937
คาคมของศุภวรรณ กรีน http://www.supawangreen.in.th/forum/viewtopic.php?t=1072