Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 39

SF : คำเตือน (บอกแล้วว่าให้รักกัน)

JIN X KAME
By : Dezair
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

...เคยบอกแล้ว... เคยเตือนแล้ว...บอกจนปากจะฉีก
เตือนจนปากเปียกปากแฉะ...

แล้วมันเคยฟังมั้ย เคยทำตามที่บอกมั้ย นอกจากจะไม่เคยแล้ว


แม่งยังเป็นประเภทยิ่งดุยิ่งทำ ยิ่งยุยิ่งกวน

ดื้ออะไรอย่างงี้วะ เตือนก็ไม่ฟัง บอกก็ไม่ฟัง


เดี๋ยวกูจูบสักทีให้สำนึกดีมั้ยห๊ะ!!!!

……………….

คาเมะไม่โง่พอที่จะทำตัวเอ๋ออยู่ที่หอนานๆ
แล้วให้ไอ้คนช่างขู่กลับมารับไปร้านเหล้าหรอก
เพราะพอทันทีที่ไอ้จินมันบิดมอเตอร์ไซค์จากไปพร้อมกั
บทิ้งประโยคที่ว่า ‘รักกูซะ’ เอาไว้กับเขา
ร่างบางก็รีบแจ้นไปหาที่หลบภัยชั่วคราวอย่างบ้านไอ้โคยามะทันที
แถมโทร.จิก โทร.ลาก เพื่อนพ้องในกลุ่ม ให้มารวมตัวกัน
ก่อนจะย้ำหนักแน่นเป็นการขู่ไปว่า ‘ไม่มา!! พวกมึงตาย!!!’

แล้วเพื่อนที่เหลือจะทำอะไรได้
ในเมื่อไอ้น้องห่ามมันตะโกนปาวๆผ่านสัญญาณมือถือมากระทุ้งหูพวกเขาแ
บบนั้น พรรคพวกที่เหลือก็ต้องรีบโกยไปบ้านไอ้โคยามะกันทั้งนั้นล่ะ

“พวกมึงต้องช่วยกู!! เพื่อนพวกมึงจะเอากูทำเมีย!!!”
คาเมะประกาศหน้าตาจริงจัง
ให้เพื่อนทุกคนที่นั่งสลอนกันในห้องนอนไอ้โคยามะ
ซึ่งปิดประตูลงกลอนอย่างดีได้รับรู้กันถ้วนหน้า แน่นอน
คาเมะไม่นึกจะปกป้องไอ้จินอีกแล้ว หากว่าการปกป้องมัน
จะทำให้อธิปไตยประตูหลังเขาปลิดปลิวไปไกลน่ะ

“แล้วไง มึงก็พร้อมเป็นเมียมันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” เรียวยกมือถาม


ในขณะที่อีกหกพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย พวกเขามีความคิดตรงกันว่า
ไอ้คาเมะจะมาโวยวายนั่นนี่อยู่ทำไม ในเมื่อทุกวัน ทุกเวลา
มันก็พูดเล่นจนกลายเป็นจริงไปแล้ว ว่าจะมีทั้งผัวทั้งเมีย
เข้าสูตรเกิดหนเดียว ตายหนเดียว ต้องใช้ชีวิตให้คุ้ม

“ไอ้เรียว!!! กูไม่เคยพร้อมกับไอ้จิน!!!”
คาเมะหันมาตะคอกใส่อย่างอารมณ์เสียเป็นที่สุด
แต่ก็อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลย ตัวมันก็เท่านั้น
ใครที่ไหนก็หือมันขึ้นทั้งนั้นแหละ

“อ้าว อย่างงี้ก็ไม่แฟร์ดิ มึงพร้อมกะคนอื่น


แต่มึงไม่พร้อมกะไอ้จินที่เป็นเพื่อนมึงเองเนี่ยนะ”
ชิโรตะรีบเรียกร้องหาสิทธิพิเศษให้เพื่อนอย่าง อาคานิชิ จิน
ซึ่งเป็นสมาชิกในกลุ่มเพียงคนเดียว ที่ไม่ถูกคาเมะจิกมารวมพล
ก็จะจิกมันมาทำไมเล่า ในเมื่อคาเมะกำลังหาวิธีหนีจากมันอยู่!!

“ไม่ต้องมาเรียกร้องความยุติธรรมอะไรจากกู!! พวกมึงต้องช่วยกูนะเว้ย!!
พวกมึงรังเกียจคู่เกย์ไม่ใช่รึไงล่ะ คู่เกย์มันคือคู่ชายกับชายนะเว้ย
มันไม่ปกติ!!”

คาเมะพยายามหาทางโยงประเด็นเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้วุ่นวาย
จุดมุ่งหมายง่ายๆคือ ต้องการให้เพื่อนทุกคนรังเกียจ
คาเมะจะได้มีข้ออ้างถอยห่างออกมาจากไอ้จิน เขายอมรับว่ากลัวมัน
จะพูดให้ถูกคือ กลัวใจไอ้จิน นี่ขนาดมันยังไม่ค่อยจะเอาจริงเท่าไหร่
คาเมะยังบูชามันไปตั้งสามจูบ ถ้าเกิดมาเอาจริงขึ้นมา ท่าทาง
ต้องสามวันสามคืน แน่ๆ

ถึงแม้ในใจลึกๆ คาเมะจะอยากรู้เล็กๆก็เถอะ ว่าสามวันสามคืนกับไอ้จิน


แล้วมันจะเป็นยังไง แต่...แต่...แต่ยังไงมันก็น่ากลัวอยู่ดี!!!...แล้ว
แล้ว ไอ้จินก็ไม่ใช่เล็กๆ
คาเมะกล้ายอมรับแบบไม่อายปากว่าไอ้จินมี ‘เทพมังกรสยบโลกา!!’
ที่เพื่อนทั้งกลุ่มโอ้โห อู้ฮู อ้าฮา กันมาแล้ว

...แล้วอย่างงั้น อย่างงั้น อย่างงั้นยังจะให้คาเมะไปเป็นเมียมัน...


กลัวจะใช้ชีวิตไม่คุ้มเพราะมีผัวได้แค่คนเดียว
แล้วสิ้นใจตายคาเตียงเนี่ยแหละ!! ไม่ยอมโว๊ย!! ยังไงก็ไม่ยอมเด็ดๆ!!!

เจ็ดเพื่อนสนิทมองอาการใกล้บ้าของคาเมะที่เดี๋ยวขยี้หัว
เดี๋ยวทำหน้าเหยเก แล้วถึงได้มองหน้ากัน เหมือนจะถามกันด้วยสายตาว่า
เฮ้! มึงเกลียดคู่เกย์รึเปล่า แล้วมึงล่ะเกลียดมั้ย แล้วมึงล่ะ
มึงล่ะ มึงด้วยว่าไง ก่อนที่ทั้งหมดจะส่งสายตามาที่ยูอิจิ
ผู้ชายหนึ่งเดียวของกลุ่มที่นำร่องเป็นคู่เกย์กะยามะพีแฟนหนุ่มสุดที่รัก
แล้วจึงได้ข้อสรุปที่ว่า

...ไม่นี่ ไอ้ยูเป็นเกย์มาตั้งนาน พวกกูก็ไม่ได้เกลียดมันสักหน่อย


จะมีไอ้จินกับคาเมะเป็นเพิ่ม
มันก็คงไม่ทำให้พวกกูรู้สึกอะไรไปมากกว่านี้หรอก...

คาเมะอ่านสายตาเพื่อนทุกคนออก ก็แน่ล่ะ คบกันมาตั้งสามปี


แค่ปรายสายตามองก็รู้ลึกไปถึงก้นกบ และเพราะรู้หัวรู้หางกันดีแบบนั้น
น้องห่ามสุดที่รักของพี่โหดเลยต้องรีบโวยวาย ดึงความสนใจของเพื่อนๆ
“เฮ้ย!! พวกมึงเกลียดเกย์เหอะ!! กูขอล่ะ!! เกลียดคู่เกย์ที!!!”

“ถามจริงไอ้คาเมะ นี่มึงเรียกพวกกูมาเพราะเรื่องแค่นี้งั้นเหรอ
มึงรู้มั้ยว่ากูต้องแงะหน้าตัวเองออกมาจากอกของมายูริจังเชียวนะ”
โคคิถามอย่างเอือมระอา อยากจะย้อนนักว่า
แล้วตอนพวกเขาขอเวลาตัดสินใจ
ไอ้ห่ามที่ไหนมันหน้าซีดหน้าเหลืองอยู่กะไอ้จินแค่สองคน

“มึงอ่ะ!! ทำไมเห็นนมดีกว่าเพื่อนวะ!!” คาเมะชักเซ็ง ที่ไม่มีใครเข้าข้าง


ไอ้พวกนี้มันแปรพักตร์กันหน้าตายๆ ทำเนียนว่าอยู่ตรงกลาง
แต่พอถึงเวลาก็ย้ายเท้าไปยืนเป็นแบ็คอัพให้ไอ้จินกันหมด
แล้วคาเมะก็หัวเดียวกระเทียมลีบทุกที

“ต่อไป เดี๋ยวมึงก็เห็นไอ้จินดีกว่าพวกกูแหละวะ หลังได้เสียอ่ะ”


จิมมี่เดาเอาล่วงหน้า เลยโดนคาเมะคนดียกนิ้วกลางถวายไปหนึ่ง

“ไม่มีวันนั้น!! ถ้าพวกมึงทุกคนช่วยกู” คาเมะพูดจบปุ๊บ โคยามะก็สั่นหัวดิก

“เสียใจ พวกกูไม่ใช่คนแคระทั้งเจ็ด ที่ต้องมาช่วยสโนว์ไวท์อย่างมึง”


คาเมะนึกอยากจะให้มือตัวเองมีนิ้วกลางสักสิบนิ้ว
จะได้ยกประเคนให้ไอ้โคยามะทั้งหมดเพื่อความสะใจ
ดันมาหาว่ากูเป็นสโนว์ไวท์ อย่างกูมันต้องแจ็คผู้ฆ่ายักษ์โว๊ย!!!

“ใช่ซี่!! มีแต่ไอ้จินที่เป็นเพื่อนพวกมึงใช่มั้ยล่ะ ถึงได้เข้าข้างแต่มัน”

“แน่นอน แล้วมันไม่ใช่แค่เพื่อนอย่างเดียวนะเว้ย มันได้อีกตำแหน่ง


เป็นตำแหน่งเพื่อนเขยว่ะ เห็นมะ ขนาดตำแหน่งในกลุ่ม
มันยังมีมากกว่ามึงเลย เพราะงั้น พวกกูเข้าข้างมันแล้วผิดตรงไหนครับ”
จุนโนะย้อนเข้าให้ คาเมะเลยยิ่งหงุดหงิดนัก
ไล่มองหน้าเพื่อนแต่ล่ะคนก็มองเห็นแต่ความพยายามช่วยเหลือจากพวก
มันกันทั้งนั้น เพราะพวกมันเอาแต่ยิ้มล้อๆ นั่งกระดิกเท้ายิกๆ ทำนองว่า
กูไม่ช่วยมึง เพราะไม่ใช่หน้าที่กู

“เออ!!~ ไม่ช่วยก็ไม่ต้องช่วย!! กูไม่ง้อพวกมึงแล้ว” คาเมะโวยวาย


ให้เพื่อนทุกคนอยากจะย้อนว่า แล้วมึงง้อพวกกูตอนไหน ตั้งแต่เข้ามา
มึงก็เอาแต่ตะคอกๆๆๆ แล้วก็ขู่พวกกูว่า ‘พวกมึงต้องช่วย!!!
ไม่ช่วย พวกมึงตาย!!! ช่วยกูเดี๋ยวนี้!!!’
ไม่มีใครเข้าใจว่าประโยคไหนของคาเมะที่แปลความในแนวอ้อนวอนเลยสั
กนิด

“กูช่วยเหลือตัวเองก็ได้!!!” นั่น ก่อนมันจะไป


มันยังมาตะคอกใส่อีกต่างหาก ไอ้ห่ามเอ้ย!

คาเมะโวยวายใส่เพื่อน แล้วหมุนตัวเดินไปเปิดประตูห้อง
แต่ทันทีที่บานประตูเปิดออก คาเมะก็ได้เห็นใครบางคนที่ยืนอยู่อีกฟาก
ให้ต้องยืนนิ่งอยู่กับที่เหมือนเห็นผี พอตั้งสติได้
ก็รีบหันควับกลับมามองเพื่อนอีกเจ็ดคน แล้วแผดเสียงลั่น

“ใครโทร.เรียกไอ้จินมาวะ!!!” ใช่ ผู้ชายอีกฝั่งของประตู


ที่คาเมะเปิดไปเจอคือ อาคานิชิ จิน
ที่คาเมะจำได้ว่าไม่ได้โทร.ไปเรียนเชิญแต่อย่างใด

“กูเอง” จิมมี่ยกมือบอกอย่างมาดแมน แล้วอธิบายต่อ


ก่อนที่คาเมะจะกระโจนเข้ามากินหัว

“ก็...กูเห็นพวกเรามีกัน 9 คน มึงบอกเองว่าประชุมด่วน
บ้านไอ้โคยามะ แล้วกูก็ว่า มึงคงไม่กล้าโทร.เรียกไอ้จิน เพราะงั้น
กูเลยโทร.เรียกมันมาเอง”

“แล้วมึงโทร.เรียกมันมาทำไม!!!”

“อ้าว...ตามหลักการแล้ว ถ้าขาดสมาชิก
มันจะเปิดอภิปรายไม่ได้ไม่ใช่เหรอ เพราะว่าไม่ครบองค์ประชุม”
ให้ตาย!!!! คาเมะนึกคำด่าที่จะสาดใส่ไอ้จิมมี่ไม่ออก
ไม่ใช่เพราะมันพูดหน้าตายๆ แต่เพราะเหตุผลของมัน …คนมาไม่ครบ
เปิดประชุมไม่ได้....

…โอ้ย!!! คาเมะไม่น่าไว้ใจยกให้ไอ้พวกนี้เป็นที่ปรึกษาหัวใจเลย!!
ถ้าแก้ปัญหาเอง ป่านนี้ก็คงหนีไอ้จินไปสุดล่าฟ้าเขียว
ไม่ต้องมาจ๊ะเอ๋กับมันภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมงแบบนี้หรอก!

“กูนึกว่า จะเปลี่ยนจากร้านเหล้า เป็นบ้านมึงซะอีก โคยามะ”


แล้วแขกผู้ที่เจ้าภาพอย่างคาเมะไม่ได้เชิญ ก็เดินเข้ามาในห้อง
ผลักคนที่ยืนคาอยู่กับประตูให้ขยับเข้าไป แล้วดึงประตูปิด
จากนั้นก็เอาหลังผิง บังทางเข้าออกหนึ่งเดียวของห้องเสียมิด
บอกให้รู้เอาไว้ ว่าถ้าไม่ขอมันดีๆ คืนนี้ก็นอนอัดกันในนี้ทั้งเก้าคนเนี่ยล่ะ

“ก็คงจะได้กินที่นี่จริงๆ ถ้ามึงยังยืนขวางประตูอยู่แบบนี้”
คาเมะก็ยังเป็นคาเมะ เป็นไอ้ห่ามปากแข็ง และชอบทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว
ทั้งๆที่ในใจเต้นเร้าเป็นเจ้าเข้า ทั้งตื่น ทั้งหวั่นไปหมด
กลัวคำพูดที่ตวาดให้ลั่นเมื่อกี้ จะเข้าหูไอ้จิน ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว
ก็คงเข้าหูมันนั่นแหละ ก็มันมายืนอยู่หน้าประตูห้องนี่หว่า
นอกจากนั้นยังกลัวมันจะทำอะไรต่อหน้าเพื่อนอีก กลัวมันโกรธด้วย
ที่ทำอะไรลับหลังมัน สรุปว่ากลัวไปหมดทุกอย่าง
“งั้นก็กินมันที่นี่แหละ มึงโอ.เค. ใช่มั้ยโคยามะ”
จินตอบรับประโยคของคาเมะง่ายๆ แล้วเหมือนจะหันไปถามเจ้าของบ้าน
แต่สายตาที่ส่งตามมา ออกแนวบังคับขู่เข็น
จนโคยามะอยากจะอ้าปากด่าเข้าให้ว่า...ถ้าไม่คิดจะขออนุญาตกูจริงๆ
มึงก็ไม่ต้องทำเป็นถาม เสียเวลา!!!...

“เดี๋ยวกูไปซื้อน้ำแข็งมาให้แล้วกัน” ยูอิจิกับโคคิหาทางชิ่งเป็นคนแรก
ตามมาด้วย จิมมี่ ชิโรตะ
และจุนโนะที่บอกว่าจะไปยกลังเบียร์จากร้านมาให้เอง

หลังจากนั้นก็เป็นไอ้เรียวที่ทำตัวเหมือนทำกับข้าวเก่งนักหนา
ขอตัวไปเตรียมกับแกล้ม เดือดร้อนโคยามะต้องรีบตามออกไปคุมอีกรอบ
กันโรคไม่ติดต่อทางการแพทย์ แต่อาจเป็นกันถ้วนหน้า
หากปล่อยให้เรียวจับตะหลิวเพียงลำพัง
ก็ฝีมือมันแย่พอๆกับคาเมะเลยนี่หว่า ไม่สิ
อย่างไอ้คาเมะต้องเรียกว่า ‘ประเมินผีมือไม่ได้’ มากกว่า
เพราะแค่ทุกคนเห็นท่ามันจับมีด
ก็พร้อมใจกันบอกมันว่า ...มึงอยู่เฉยๆเถอะ กูขอร้อง...

คล้อยหลังโคยามะออกจากห้องไปแล้ว
จินก็ขยับตัวกลับมาบังทางเข้าออกเช่นเดิม ทำตัวประหนึ่งยักษ์เฝ้าประตู
คาเมะมองสถานการณ์สองต่อสองที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึ
งห้านาที แล้วอยากไล่เตะเพื่อนเรียงตัว พวกนั้นก็เพื่อนดีเอาโล่กันจริงๆ
อยากมีเพื่อนเขยกันตัวสั่น แต่ไม่เคยเห็นใจกูสักนิด ถ้ากูต้องมีผัวชื่อโหด
เอ้ย ชื่อ อาคานิชิ จินเนี่ย!!!

“อยู่กันสองคน เล่นซ่อนแอบกันมั้ย” น้องห่ามคนดี


ไม่ได้นึกอยากจะแอ๊บแบ๊ว ทำตัวเป็นเด็กอนุบาลเอาตอนอายุยี่สิบหรอก
แต่กำลังหาทางหนีต่างหากเล่า เนี่ย เดี๋ยวตะล่อมมันสักหน่อย
แล้วพอมันตกลง ก็โยนตำแหน่งให้มันเป็นคนหาก็สิ้นเรื่อง
ตอนมันปิดตานับหนึ่งถึงสิบ คาเมะก็หนีซะ วันนี้ไม่กง ไม่กิน ไม่ดื่มมันแล้ว
เอาประตูหลังตัวเองให้รอดเป็นพอ!!

จินยิ้มบาง พยักหน้ารับรู้ให้คาเมะใจชื้น
กำลังจะแอบยิ้มกับแผนการของตัวเองที่ดูท่าจะได้ผล
และจะอ้าปากโยนตำแหน่งคนหาให้ไอ้คนที่ยอมเล่นด้วย
แต่จินพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“ถ้ากูตกลง มึงก็จะให้กูเป็นคนหาสิท่า แล้วตอนกูปิดตานับเลข


มึงก็จะหนีกลับหอ อย่างนั้นใช่มั้ย” อารมณ์ดีใจหายวับ
เพราะคำพูดประเภทรู้ดีของเพื่อนสนิทที่คบกันมาหลายปี

....ก็เพราะอย่างงี้ไงเล่า ถึงได้ไม่อยากเอาเพื่อนมาพัฒนาเป็นแฟน!!
จะทำอะไรมันก็เดาทางได้เสียหมด!! เซ็งโว๊ย!!!!...

คาเมะเหลือบตามองอย่างไม่พอใจ
คิดไม่ตกว่าจะออกจากไอ้ห้องปิดตายนี่ยังไงดี
บอกได้แบบไม่ต้องเดาเลยแล้วกัน
ว่าไอ้เพื่อนเจ็ดคนที่ถลาออกจากห้องไปพร้อมกับเหตุผลเลอเลิศเมื่อกี้
นอกจากมันจะไม่ทำตัวเป็นคนแคระคอยช่วยสโนว์ไวท์อย่างคาเมะแล้ว
เผลอๆมันอาจจะเป็นเจ็ดอสูรฝ่ายเดียวกับไอ้พ่อมดจินก็ได้
ง่ายๆว่าพวกมันอาจจะล็อคกลอนจากข้างนอก หรือถ้าเห็นคาเมะออกไปได้
พวกมันก็คงจับกลับเข้ามาไว้ในนี้เหมือนเดิม
กะจะให้เอาห้องนี้เป็นเรือนหอชิงสุกก่อนห่ามว่างั้น!!!

แล้วคิดว่าคนอย่างคาเมะจะยอมงั้นสิ???...
คนสวยปากทราม
เจ้าของหัวใจหนุ่มๆกลุ่มชมรมคนรักคาเมะมีความรู้เรื่องแป
ลนบ้านมาตั้งแต่อายุได้ แปดขวบ ว่าถ้าออกทางประตูไม่ได้
(เนื่องจากแม่จับขัง บังคับให้ทำการบ้าน)
อีกทางที่พอจะออกได้คือหน้าต่าง (คาเมะทำเป็นประจำ
จนถูกตระกูลคาเมนาชิเตะโด่งมาอยู่หอที่มีระบบความปลอดภัยดีเยี่ยม
อย่างเช่นคนดูแลหอและยาม ที่มีเบอร์โทรศัพท์แม่ของคาเมะติดกระเป๋า
ไว้รายงานพฤติกรรมจากกมลสันดานลูกชายสุดที่รัก
เพื่อจะได้มากำหราบให้ถึงโตเกียวอย่างทันถ่วงที
กันชื่อเสียงครอบครัวที่ป่นปี้มากพออยู่แล้ว จะไม่เหลือแม้แต่เศษซาก)

เพราะฉะนั้น....ก็บอกแล้วไงว่าคาเมะไม่ยอมอะไรง่ายๆหรอก...ในเมื่อออก
ทางประตูไม่ได้ กูก็ไม่ออก กูออกทางหน้าต่างก็ได้!!!!!....

คาเมะหมุนตัววิ่งไปที่หน้าต่างห้องนอนของโคยามะที่เปิดอ้ารับลม
แต่ร่างบางถือว่ามันเปิดอ้าเชิญชวนให้กระโดดออกเป็นอย่างยิ่ง
จินตาโตกับตัวเล็กๆบางๆที่วิ่งตรงไปยังหน้าต่าง
เขาถลาไปคว้าร่างมันเอาไว้
ก่อนที่คาเมะจะทันยกขาอีกข้างออกไปนอกหน้าต่าง
และอาจส่งผลให้ร่างทั้งร่างล่วงลงไปยังพื้นด้านล่าง

“เฮ้ย!!!~ ปล่อยกู!!!” คาเมะโวยวายดิ้นพล่าน เมื่อถูกกอดรัดจากด้านหลัง


และลากกลับเข้ามาในห้อง เห็นตัวเล็กๆแบบนี้แล้ว
แต่คาเมะแรงเยอะเอาเรื่อง เพราะดิ้นจนจินยังนิ่วหน้ากับฤทธิ์เดชของมัน

“อยู่เฉยๆนะคาเมะ!! ไม่งั้นกูปล้ำมึงแน่!!!” เขาตะโกนขู่


แข่งกับเสียงร้องของคนในอ้อมแขน

“กูอยู่เฉยๆ มึงก็ปล้ำกูอยู่ดี!! ปล่อยเด้~!!” คาเมะร้องลั่น แล้วเขย่าตัวเอง


ดิ้นซ้ายดิ้นขวา หมายจะให้หลุดจากวงแขนที่โอบล้อมรอบตัว
“คาเมะ!!” จินดุอีก เขาชักอารมณ์เสียมากขึ้นทุกที
ไม่เคยคิดมาก่อนว่าคนที่ตัวเองมาหลงรัก จะดื้อด้านได้ขนาดนี้
มันไม่ได้ดีเด่นไปกว่าคู่รักคนเก่าๆของเขาเลย ซ้ำยังดื้อกว่า
แสบกว่า ทำให้ปวดประสาทกว่า ก็ดูสิ! มีอย่างที่ไหน
ออกทางประตูไม่ได้ มันเล่นจะกระโดดหน้าต่าง แล้วนี่มันชั้นสาม
ไม่ใช่ชั้นสองหรือชั้นหนึ่ง มันคิดว่าตัวมันเองเป็นอะไร ยอดมนุษย์
มาส์ก เรนเจอร์ที่มันดูทุกวันตอนหนึ่งทุ่มรึไง คิดแล้วก็น่าโมโห
จินโมโหทั้งตัวเองที่คุมมันไม่อยู่ แล้วก็โมโหทั้งตัวมัน
ที่แสบซ่าบ้าบอเกินใคร

“ไม่ต้องมาย้ำชื่อกู!! กูรู้ว่ากูชื่อคาเมะ!! ปล่อยกู~!!!!!!!”


คาเมะแรงเยอะมากพอ อย่างน้อยก็เพราะเตะบอลแทบทุกวัน
ร่างกายแข็งแรง แถมพลังงานเหลือเฟือเพราะกินจุมาทั้งชีวิต
เพราะงั้นเลยทั้งโวยวาย ทั้งดิ้น ถึงจะเหนื่อย
แต่คาเมะก็บอกตัวเองว่าถ้ายอมแพ้ หยุดดิ้นล่ะก็
พรหมจรรย์ประตูหลังจะหายไปจากชีวิตในวันนี้

“กูไม่ปล่อย!! ซ่านักไม่ใช่รึไงมึงน่ะ!!
คิดจะหนีกูถึงขนาดลากไอ้พวกนั้นมาปรึกษา เรื่องนี้กูไม่ว่า
แต่มึงบ้ารึเปล่าที่จะกระโดดหน้าต่างหนีกู!! มึงเอาอะไรคิด!!!”

“สะดือ!! กูใช้สะดือคิด!!! มีปัญหามั้ย!!” คาเมะตอบ แต่อย่างนั้นก็ยังดิ้น


เอาเป็นว่าตอนนี้ไม่ว่าจะทำอะไร จะคิดอะไร จะพูดอะไร คาเมะก็ยังดิ้น
พอๆกับที่จินเองก็กอดรัดไม่ปล่อยนั่นแหละ

“ไม่ใช่เวลาประชด! ต้องให้กูโทร.บอกแม่มึงมั้ย
ว่ามึงบ้าถึงขนาดจะกระโดดหน้าต่างห้องนอนชั้นสาม”
“ไม่ต้อง!!” คาเมะหันควับกลับไปตอบเสียงขุ่น
สายตาเหลือบเห็นต้นแขนจินที่โอบรัดพาดมายังอกตน เลยอาศัยจังหวะนั้น
ก้มลงไปกัดเสียจมเขี้ยว

“โอ้ย!!”ร่างสูงร้องลั่น สะบัดแขนตัวเองออก แล้วคว้าร่างเล็กเข้ามาหา


ก่อนจะก้มลงจูบปากตอบสนองรอยกัดที่ฟันซี่เล็กฝากไว้กับแขนเขา

“อื้อ!!!” คาเมะตาโตกับจูบที่สี่ จากผู้ชายคนเดิม


รับรู้ถึงอะไรบางอย่างกำลังสอดเข้ามาในโพรงปาก
กะจะกัดให้ขาดเป็นสองท่อน แต่ถูกมือหนาบังคับบีบแก้มเอาไว้แรงๆ
เจ็บจนน้ำตาเล็ด แล้วไอ้แต่ร้องอื้ออ้าในลำคอ
ยอมปล่อยให้มันสอดลิ้นเข้ามาตามใจชอบ

“อื้อ!!!!!” คาเมะได้แต่ประท้วง เจ็บเพราะถูกบีบแก้ม


แล้วยังอึดอัดกับสัมผัสภายในปาก แต่ดูเหมือนคนจูบจะไม่ได้สนใจนัก
เพราะมันบิดจูบครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อส่งลิ้นให้ไล้เข้าไปทุกซอกทุกมุม
จนคาเมะหวิวไหวไปทั้งตัว

ร่างบางดิ้นไม่ไหว แขนล้า ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะสู้ จะว่าเวลานี้


คาเมะแสบไม่ออกก็ว่าได้
มือสองข้างที่พยายามจะดึงมือจินออกจากหน้าตัวเอง
ก็ถูกมันใช้มืออีกข้างรวบร่างคาเมะเข้ามาแนบกับร่างกายหนา
จนขยับเขยื้อนไม่ได้ สองมือหมดอิสระอยู่ระหว่างอกเขาและมัน

จินดูดดึงริมฝีปากของคาเมะรุนแรง ระบายอารมณ์โมโหและห่วงหา
เขาแทบบ้าตอนเห็นมันจะกระโดดหน้าต่าง พอดุมัน มันก็ยังดื้อด้าน
ทำไมมันไม่ฟังกันบ้าง
เสียงประท้วงยังดังต่อเนื่อง จนร่างสูงยอมผละออก
ถึงได้เห็นว่าแก้มขาวๆเป็นรอยแดง อันเกิดจากการบีบของเขา
ดวงตาเรียวคลอด้วยน้ำตา แต่ถึงอย่างนั้น
นัยน์ตาสีน้ำตาลก็ส่อแววอาฆาตมาดร้าย

“เจ็บรึเปล่า” คงเป็นเพราะไอ้คาเมะมันขาว รอยแดงๆบนแก้มถึงได้เห็นชัด


ให้จินต้องยกนิ้วขึ้นไล้ แต่ถูกคาเมะปัดทิ้งอย่างไม่ใยดี

“ไม่เจ็บเลยมั้ง!! บีบมาได้!! มึงลองมาโดนเองบ้างมั้ยล่ะ!!”


คาเมะไม่ว่าเปล่า แต่ยื่นมือไปบีบแก้มจินแรงๆ ซึ่งอีกฝ่ายก็ยืนนิ่งให้ทำ
จินไม่ว่าอะไร ไม่ปัดมือคาเมะ ไม่หนี ยอมยืนเฉยๆ แล้วใช้แค่สายตามอง
จนคนห่ามต้องยอมละมือออกมา แล้วหันหน้าไปอีกทาง
เพราะทนไม่ได้กับสายตาที่ชวนให้หัวใจสั่น จนพาลให้มือไม้เย็นเชียบ
แต่หน้าร้อนผ่าว

“ทีนี้เลิกบ้าได้รึยัง” จินถาม
ทำเอาคนกำลังรู้สึกแปลกๆกับสายตาจากดวงตาคมถึงกับหันควับกลับมามอ

“แล้วใครทำกูบ้า!! ทั้งจูบ ทั้งเตือน มึงสิบ้าน่ะจิน!! ทำแต่ล่ะเรื่อง


ห่าเหวทั้งนั้น!!” ร่างบางตะคอกใส่
หมุนตัวจะเดินหนีออกจากห้องด้วยความหงุดหงิด แต่ถูกจินรั้งร่างเอาไว้
แล้วซ้อนกอดจากทางด้านหลัง วางคางตัวเองลงกับลาดไหล่เล็ก
ให้คาเมะใจเต้นระส่ำกับการกระทำที่เข้าข่ายถึงเนื้อถึงตัวอย่างหวานแหววแ
ละชวนให้หวั่นไหว

“แต่เรื่องคนรักนั่น กูพูดจริง รักกูได้มั้ยคาเมะ”


“มึงเป็นเกย์ ทำไมไม่เลือกคู่เกย์น่ารักๆหน่อยวะ” คาเมะถามอย่างไม่เข้าใจ
ไม่เข้าใจว่าไอ้จินมันมาคิดอะไรกับเขาได้ยังไง
ในเมื่อเป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน มันเองก็มีแฟนมาตั้งเยอะ
แฟนมันแต่ล่ะคนก็เจ๋งๆทั้งนั้น แล้วอยู่ดีๆก็เปลี่ยนรสนิยมมาหาเขา
มันดูไม่น่าเชื่อ คาเมะกลัวตัวเองถูกหลอก
กลัวว่าพอยอมตกลงเป็นคนรักกับมันแล้ว
มันจะหัวเราะสมน้ำหน้าแล้วบอกว่า ‘กูพูดเล่น!’
แบบนั้นฆ่าคาเมะให้ตายเสียดีกว่า รู้ๆกันอยู่ว่าคนอย่างคาเมะหน้าแตกไม่ได้

“คนที่น่ารักกว่ามึง มันต้องเสียเวลาจีบนี่หว่า รักมึงนี่แหละ ง่ายดี


ไม่ต้องจีบ” จินบอก และก็อยากบอกมันด้วย ว่าตั้งแต่เห็นมันรับบท
สโนว์ไวท์ ขึ้นแสดงในงานเลี้ยงสิ้นปีที่คณะ เห็นมันร้องไห้
แม้จะเป็นไปตามบทที่มีสคริปป์ แต่จินกลับรู้สึกว่า หน้ามันตอนนั้น
ชวนให้ตะลึง แล้วก็กลายเป็นว่า นอนไม่หลับ หรือหลับไปแล้วก็ฝันเห็นแต่
มัน

“แล้วกูก็ขี้เกียจจีบด้วย มึงบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่ากูจีบไม่เก่ง” จินบอกอีก


แล้วก็นึกขำกับตัวเอง ว่ากับ ‘รายนี้’ เขายังไม่ทันได้จีบมันเลยสักนิดเดียว
ข้าวของก็ไม่เคยให้ในฐานะคนมาจีบมัน แล้วดันข้ามขั้นมาจูบมันได้ไงวะ
อ้อ...นึกออกล่ะ ก็เอาคำเตือนมาอ้างนี่หว่า

ในขณะที่จินกำลังรู้สึกดีๆกับคนในอ้อมแขนที่ไม่ดื้อด้าน ดิ้นรนให้วุ่นวาย
คาเมะกลับกำลังอึ้ง แล้วนิ่งไปกับคำพูดของได้คนที่ยังเอาคางเกยไหล่

...รักมึงนี่แหละ ง่ายดี...
ง่ายดีงั้นเหรอ รักกูเพราะเห็นว่าง่ายอย่างงั้นเหรอ แล้วมึงก็จูบกู
เพราะเห็นว่ากูง่ายด้วยใช่มั้ย... คาเมะไม่รู้ว่าทำไม
อารมณ์หวานๆในตอนแรกมันถึงได้กลายเป็นความดำทะมึน
ก่อกวนในจิตใจ ที่รู้ๆคือนี่ไม่ใช่สิ่งที่คาเมะต้องการจะได้ยิน
คาเมะไม่ได้อยากจะได้ยินว่าตัวเองง่าย ตัวเองด้อยค่าขนาดนั้น
มันทำให้รู้สึกว่าเป็นแค่ของเล่น ใช่ คาเมะอาจจะยอมเป็นของเล่นให้คนอื่น
หากคิดว่ามันเป็นเรื่องสนุก แต่สำหรับผู้ชายที่ชื่อ อาคานิชิ จิน
คาเมะไม่ได้อยากเป็นของเล่นของมัน ไม่ได้อยากเป็นแค่ของแก้ว่าง
แล้วพอมันยุ่ง มันก็ลืม

“งั้นเหรอ” คาเมะพึมพำ แล้วยิ้มหวานหันกลับไปหา


ให้จินต้องอึ้งไปกับรอยยิ้มนั่น ก็ว่าตอนมันร้องไห้น่ารักแล้ว
เวลามันยิ้มแบบนี้ มันน่ารักกว่าตอนร้องไห้เยอะเลย
แต่ก่อนที่จินจะได้พูดอะไร หมัดรุ่นๆก็อัดดังผลั๊ก! เข้าที่ท้องเขาเต็มแรง

“โอ้ย!!!!” จินถึงกับทรุดลงไปนั่งกับพื้น
เมื่ออาการเจ็บแปลบแล่นขึ้นมาจากท้อง เขาเงยหน้ามองด้วยความงุนงง
และสับสน เห็นไอ้ตัวแสบที่ยืนจ้องเขาอยู่

“อย่าสะเออะมาให้กูเห็นหน้ามึงอีก!!!” คาเมะตะโกนชี้หน้าด่า
แล้วสะบัดหน้าพรืด เดินตึงตังออกจากห้องทันที

...กูเกลียดมึงที่สุด!!!! ไอ้เวรจิน!!!!!!

................................................
ก็อย่างที่บอกไปแล้ว ว่าคาเมะไม่โง่และไม่บ้า เพราะฉะนั้น
หลังจากอัดเข้าไปกลางท้องของจินเต็มๆวันนั้น
คาเมะก็ไม่อยู่รอลุ้นว่าไอ้จินจะลุกขึ้นมาไล่กระทืบหรือไม่
เห็นมันทรุดลงไปแล้ว ก็เผ่นแนบกลับหอด้วยความรู้สึกย่ำแย่
และพอมาวันนี้ ก็เอาอารมณ์เซ็งๆที่ตกค้างมาเป็นข้ออ้างไม่ลุกจากเตียง
และไม่ยอมไปเรียน

“คาซึ...ตื่นได้แล้ว จะแปดโมงแล้ว” เดือดร้อนน้องชายอย่างยูยะ


ที่ต้องเข้ามาสะกิดให้พี่ชายรับรู้หน้าที่อันควรของตัวเอง แต่คนอย่างคาเมะ
ลองว่าดื้อแล้ว มันก็ดื้ออย่างมีคุณภาพ คือไม่ยอมลุกจากเตียงง่ายๆ
แถมยังพลิกตัวหนีเอาผ้าห่มคลุมโปง

“วันนี้ไม่มีเรียน” เสียงของคนใต้ผ้าห่มดังออกมาให้ยูยะส่ายหัว

“ไม่มีเรียนอะไรเล่า อาทิตย์ที่แล้วยังไปเรียนอยู่เลย” คนเป็นน้องโวย

“อาทิตย์ที่แล้วเรียน แล้วอาทิตย์นี้ต้องเรียนรึไงล่ะ”
ยูยะมองร่างที่ขดจนกลมของพี่ชายด้วยความเอือมระอากับนิสัยขี้เกีย
จแก้ไม่หาย หลายครั้งที่เขาต้องจับอุ้มขึ้นรถไฟใต้ดินไปทั้งๆชุดนอน
เพราะกลัวพี่ชายจะเรียนไม่จบ
แต่คนอย่างพี่ชายตัวแสบของเขาน่ะหรือจะยอมให้เขาอุ้มดีๆ
เพราะมันเล่นตะโกนลั่นรถไฟว่า ‘ช่วยด้วย มันลักพาตัวผม!!!’
สรุปเลยกลายเป็นวุ่นวายกันไปใหญ่
แล้วเจ้าพี่ชายสุดที่รักของเขาก็เลยเนียนไม่ได้ไปมหา’ลัยอีกวัน
เพราะมัวแต่เคลียร์กับเจ้าหน้าที่ในสถานี
ยูยะชั่งใจ ไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับพี่ชายนิสัยสุดโต่งแบบนี้ อ้อ...ใช่ล่ะ
เขาลืมเพื่อนๆของคาซึยะไปได้ยังไง

“คาซึ...จะตื่นไม่ตื่น ไม่ตื่นจะโทร.ไปเรียกพี่จินมาลาก” ยูยะบอกเสียงเรียบ


ทำเอาคนที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มถึงกับสะบัดผ้าออก แล้วผงกหัวขึ้นมาจ้อง

“อย่าพูดถึงชื่อนั้น!!!” แม้แต่ชื่อมัน คาเมะก็ไม่อยากได้ยิน


อาการหงุดหงิดง่ายเกินเหตุ ทำเอาคนเป็นน้องชักสงสัย

“คาซึทะเลาะกับเพื่อนเหรอ”

“ไม่ใช่!! ไม่ต้องมาถามเซ้าซี้!! ฉันไม่ไปก็ไม่ไป อย่ากวน คนจะนอน!!!”


ร่างบางตวาดใส่ แล้วตวัดผ้าห่มคลุมโปงปิดกั้นการพูดคุยใดๆทั้งสิ้น
ให้น้องชายได้แต่ตาโตด้วยความงุนงงกับอารมณ์ของพี่

“คาซึ...เป็นอะไรรึเปล่า”
ยูยะไม่เข้าใจอารมณ์ที่คล้ายจะเหมือนสาวน้อยผิดหวังในรัก
และหมดอาลัยตายอยากจนพาลไม่ไปโรงเรียนของพี่นัก ได้แต่ส่งเสียงถาม
แล้วเดินเข้าไปทรุดตัวลงนั่งบนเตียง วางมือลงบนผ้าห่มเบาๆ

“ถ้าแกยังกวนฉันอีกครั้งเดียว ตัดพี่ตัดน้องแน่!!”
คาเมะตะโกนออกมาจากผ้าห่ม ยูยะมองร่างกลมๆบนเตียงแล้วถอนหายใจ
รู้ดีว่าอีกฝ่ายแปลกไป และก็รู้ด้วย ว่าถ้าคาเมะคิดจะไม่เล่า ไม่บอก
เขาก็คงไม่มีทางรู้ ต่อให้เอาอะไรมาแงะปาก นอกจากมันจะไม่พูดแล้ว
เจ้าพี่ชายนิสัยเสียของเขายังจะถีบเข้าให้
คนเป็นน้องเอนร่างลงนอนเบียดพี่บนเตียงเดียวกัน

“ไม่ไปก็ไม่ไป ถ้าหมดสิทธิ์สอบอย่ามาโทษกันนะ คาซึ”

“ลุกไปเด๊! น้องบ้าอะไรวะ รังแกพี่” ยูยะอมยิ้มขำกับคำพูดของพี่ชาย


อยากถามเหมือนกัน ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา คาเมนาชิ
คาซึยะเป็นพี่บ้าอะไรที่รังแกแต่น้อง

“คิดถึงสมัยก่อนเนอะ แต่ก่อนน่ะ เวลาคาซึมีเรื่องกับใครมา


พวกเราสี่คนพี่น้องก็ช่วยกันจัดการซะเรียบ จนต้องย้ายโรงเรียนกันหมด
แถมโดนแม่ด่ายาวตั้งแต่เย็นยันนอน” คาเมะได้แต่นอนนิ่งอยู่ใต้ผ้าห่ม
อยากจะตะโกนให้โลกรู้ว่าข้างในโคตรร้อน
แต่ก็ไม่กล้าพอจะโผล่หน้าออกไป
เวลานี้นึกอยากให้พี่ชายอีกสองคนลงมาโตเกียวชะมัด
จะได้เอาสี่พี่น้องคาเมนาชิไปล่าไอ้จินเอาให้หมอบ
โทษฐานที่พูดจาไม่เข้าหู

“ยูยะ...” เสียงของพี่ชายดังมาจากใต้ผ้าห่ม ให้คนถูกเรียกต้องเหลือบมอง

“กลับบ้านกันมั้ย” คำถามเหมือนไม่แน่ใจ ความจริงแล้ว


คาเมะไม่แน่ใจเอามากๆ ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
ทั้งๆที่ปกติเป็นพวกวิ่งเข้าชนกับทุกอย่าง แต่ทำไมพอเป็นเรื่องนี้
คาเมะถึงคิดว่าการหลบไปไหนไกลๆ มันดีเสียกว่าจะเผชิญหน้า

ยูยะเหลือบมองเจ้าของคำชวนที่ยังขดอยู่ใต้ผ้าห่ม
คำตอบของเขาไม่มีอะไรมากนักหรอก นอกจากตกลง ก็ในเมื่อ
การที่คาเมะทำตัวไม่สมกับเป็นพี่ห่าม ที่เคยหาเหาใส่หัวตัวเอง
และหัวทุกคนในตระกูลอย่างสม่ำเสมอ มันทำให้ยูยะรู้สึกว่า
การเอาเหามาใส่หัวเขา ยังจะเป็นเรื่องปกติมากเสียกว่า คาเมนาชิ คาซึยะ
ที่เก็บกดเช่นนี้

....................................

คาเมะไม่ได้มามหา’ลัย และพอจินโทร.ไปหามัน มันก็ไม่รับสาย


จนการกดโทร.ออกครั้งที่ห้า
ฝ่ายนั้นก็ปิดเครื่องหนีมันเสียเลย ...หงุดหงิดชิบเป๋ง!! อะไรของมันวะ!!!...

“ไอ้คาเมะมันเป็นไรเปล่าวะ เมื่อวานก็ไม่ยอมอยู่กินเหล้า วันนี้ก็ไม่มาเรียน”

โคคิพูดเหมือนถาม แต่ไม่มีใครให้คำตอบได้ เรื่องที่มันขาดเรียน


อันนี้ไม่แปลกใจเท่าไหร่ เพราะไอ้คาเมะมันขี้เกียจมาแต่ไหนแต่ไร
แต่เรื่องที่มันไม่ยอมอยู่กินเหล้าเนี่ยสิ มันผิดปกติ
พอถามไอ้จินที่อยู่ในห้องตอนนั้นกับมันแค่สองคน ไอ้จินก็ส่ายหน้า
และไม่ยอมตอบ ในเมื่อฝ่ายไอ้จินไม่คายอะไรออกมา
เพื่อนพ้องทั้งหลายเลยได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้
กะว่าวันนี้จะมาไล่บี้ถามจากไอ้คาเมะเอง แต่ปรากฏว่ามันก็ดันไม่มาอีก

“ไม่แน่ น้องมันอาจจะไม่อยู่หอก็ได้
ไอ้คาเมะเลยรับผิดชอบชีวิตตัวเองไม่เป็น” โคยามะสันนิษฐาน

“โอ้ย...ถ้าน้องมันไม่อยู่นะ ป่านนี้โทรศัพท์พวกมึงดังจนหนวกหูแล้ว”
จิมมี่บอกอย่างรู้นิสัยคาเมะดี ว่าถ้ามันพึ่งน้องไม่ได้
ไอ้เพื่อนอีกแปดชีวิตเนี่ยแหละ ที่ต้องยอมให้มันเกาะ
แต่แม้ทุกคนจะห่วงมันแค่ไหน ด้วยความที่ทั้งวันมีเรียนจนถึงเย็น
และมีงานกลุ่มที่ต้องส่งพรุ่งนี้เช้า
แปดหนุ่มจึงตัดสินใจจะทำงานในส่วนของคาเมะแทนไปด้วย
แล้วยกยอดการไปเยี่ยมคาเมะเป็นวันถัดไปแทน

.....................................

“สองพี่น้องคาเมนาชิน่ะเหรอ...กลับบ้านตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะ”
นั่นคือคำบอกเล่าของคนดูแลหอ ทันทีที่จินและผองเพื่อน
เหยียบย่างเข้ามาใต้ตึก คนดูแลก็เข้ามาทักทายเพราะรู้จักกันดี
ก่อนจะเล่าถึงเรื่องสองพี่น้อง ที่ไม่อยู่ห้องตั้งแต่เมื่อวานตอนสาย

“กลับบ้านเหรอครับ” ชิโรตะเป็นคนถาม ในขณะที่คนอื่นๆกำลังอึ้ง


อึ้งเพราะไม่คิดว่าคาเมะจะเกิดอาเพศหนักขนาดที่ว่าไม่กินเหล้า
ไม่ไปเรียน แล้วยังละทิ้งเมืองหลวง กลับบ้านที่ต่างจังหวัดอีกต่างหาก

“อื้อ...ก็ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรหรอกนะ
แต่เห็นคนน้องเขาวิ่งมาบอกเมื่อวานตอนสักสิบโมงได้มั้ง
ว่าจะกลับต่างจังหวัดสักสองสามวัน”

“แล้วบ้านเขาอยู่ที่ไหน พอจะทราบมั้ยครับ” จินถามอย่างร้อนรน


รู้แล้วว่าทำไมคาเมะถึงไม่ไปมหา’ลัย แถมมันยังลงทุนกลับบ้านอีกต่างหาก
จะมีอะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะมันพยายามหนีเขา โธ่เว้ย!
รู้งี้ขู่มันไว้ก่อนก็ดีล่ะ ว่าอย่าหนี!!

“อา...ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่คงจะเป็นแถวๆฮอกไกโดล่ะมั้ง”
จินล้าไปทั้งแขน ไม่รู้จะไปตามหาจากไหน
ฮอกไกโดไม่ได้เล็กแคบเท่าฝ่ามือ ที่จะหาได้ด้วยกำลังของเขาแค่คนเดียว
หรืออย่าว่าให้ทั้งกลุ่มช่วยกันหาเลย ยังไงก็ไม่มีทางเจอ
แต่แล้วจะปล่อยมันไปแบบนี้น่ะเหรอ จินบอกเลยว่าไม่มีวัน!!
เขาไม่ยอมให้มันหลบหน้าเขาหรอก!!

แสบ...แสบนัก...แสบจริงๆ ไอ้คาเมะมันทำเขาแสบจริงๆ
มันต่อยเขาซะทรุดวันนั้น แล้ววันนี้มันก็หนีความผิดไปแบบนี้
มันคงคิดว่าเขาไม่กล้าตามหาใช่มั้ย ได้...ฮอกไกโดมันใหญ่นัก
กูก็จะตามหามึงให้เจอ คาเมะ!!!

“จิน! มึงจะไปไหนวะ อย่าบอกว่าจะไปตามหาคาเมะนะเว้ย!!”


ยูอิจิรีบคว้าแขนเพื่อนที่กำลังจะเดินไปที่มอเตอร์ไซค์เอาไว้
ก่อนที่มันจะทำอะไรบ้าๆ

“กูจะตามหาคาเมะให้เจอ”

“มึงอย่าประสาท ใจเย็นๆก่อนดิวะ มึงไปทั้งแบบนี้


ยังไงก็ไม่มีทางหาเจอ” จุนโนะพยายามพูดด้วยเหตุผล
แต่จินหงุดหงิดเกินกว่าจะทำความเข้าใจกับความหวังดีของเพื่อน เขาโมโห
เขาอารมณ์เสีย เขาเซ็งกับการกระทำของคาเมะ ทำไมมันไม่เข้าใจเขาบ้าง
มันหนีเขาไปแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่จะคุยกันรู้เรื่อง

“กูต้องหาเจอ!”
ร่างสูงบอกให้เพื่อนคนอื่นๆส่ายหัวกับความดื้อเกินใครของมัน

“แล้วมึงจะไปคนเดียวเนี่ยนะ!! ไม่มีทาง!!
พวกกูก็อยากไปเที่ยวบ้านไอ้คาเมะเหมือนกันนะเว้ย” โคคิร้องบอก
ทั้งๆที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าบ้านคาเมะอยู่แถวไหน แต่เอาเถอะ ยังไงๆ
เขาก็ไม่ปล่อยให้ไอ้จินไปตามหาคาเมะคนเดียวหรอกหน่า เกิดเจอขึ้นมา
แล้วไอ้จินอยู่คนเดียว มีหวังมันเล่นไอ้ห่ามนั่นยับแน่ ก็ดูหน้ามันซะก่อน
โหดเกินหมาบ้าอีก

“เออๆ กูเห็นด้วย กูก็อยากรู้ ว่าครอบครัวแบบไหน


เลี้ยงไอ้คาเมะออกมาได้ห่ามติดอันดับโลกแบบนี้...เอางี้ดีกว่า
เดี๋ยวไปเช่ารถตู้สักคัน แล้วไปฮอกไกโดกัน” โคยามะเสนอ จากนั้น
การตัดสินใจทุกอย่างก็ไม่ได้อยู่ที่จินอีกเลย เพราะเจ็ดเพื่อนทำทุกอย่าง
ทุกวิถีทางที่พวกมันจะต้องไปด้วยให้ได้

ไม่นานนัก รถตู้จากศูนย์เช่ารถก็มาอยู่ในมือแปดหนุ่ม
แถมด้วยที่อยู่ของคาเมะ ที่เรียวโทร.ไถมาจากกลุ่มชมรมคนรักคาเมะ
หากจะว่าไปแล้ว การขอที่อยู่ของไอ้ห่ามนั่น ไม่ยากนักหรอก
ที่ยากคือการตอบคำถามของไอ้คนที่ตั้งตัวเป็นประธานชมรมที่ว่า ‘จะ
เอาที่อยู่ของคาเมะจังไปทำไม!!’ เรียวอยากจะตะโกนกรอกหูมันจริงๆ
ว่าพวกกูน่ะเพื่อนไอ้คาเมะโว๊ย แต่จะว่าไปก็ไม่ถูกนักหรอก
เพราะมีบางคนที่ไม่ใช่เพื่อน และมันก็ประกาศปาวๆ
เปลี่ยนสถานะต่อหน้าเพื่อนฝูงแล้วเรียบร้อย

เมื่อรถพร้อม ที่อยู่ก็มาอยู่ในมือ
แปดหนุ่มก็เคลื่อนตัวด้วยความเร็วจี๋ตามการเหยียบคันเร่งของคุณชาย
อาคานิชิ จิน ที่เปลี่ยนสภาพถนนในประเทศญี่ปุ่นกลายเป็น
สนามรถแข่งไปเสีย

.........................................

“คาซึยะ จะนั่งกินนอนกินไปถึงไหน มาถึงก็ไม่คิดจะกระดิกหางเลยรึไง”


คนเป็นแม่โวยให้ลั่นบ้านหลังเล็กในพื้นที่กว้างขวางของสนามหญ้าเขียวขจี
คาเมะในเวลานี้ หลังจากกลับบ้านเกิดมาได้หนึ่งคืนกับอีกหนึ่งวัน
เจ้าตัวแสบก็ยังไม่ทำอะไรมากไปกว่าการนอนเล่นอยู่ในเปลใต้ต้นไม้ใหญ่
แล้วกินขนมตุ้ยๆ แหงนหน้ามองท้องฟ้า ให้แม่บ่นวันละสามเวลา

“โธ่ แม่...ลูกสุดที่รักกลับบ้านทั้งที ยังจะใช้ให้ทำนั่นทำนี่อีกเหรอ”


คาเมะหันมาถาม

“ลูกอย่างแกน่ะ ฉันไม่เอาขี้เถ้ายัดปากตั้งแต่เกิดก็บุญจะแย่แล้ว!!
ไปไป! ไปเก็บผ้าหลังบ้าน!!” คุณแม่คนดียังยืนตะโกนอยู่เหนือหัวให้ลั่น
เจ้าลูกชายตัวดีเลยยอมลงจากเปลเดินไปเก็บผ้าตามบัญชา
ให้ลูกชายคนเล็กอย่างยูยะต้องรีบวิ่งเข้ามาหาแม่

“แม่ คาซึมันป่วยทางใจ บอกแล้วไงว่าอย่าไปดุมันมาก”


เหตุผลของการกลับบ้านครั้งนี้ ของไอ้ทายาทตัวแสบบ้านคาเมนาชินั้น
รู้ถึงหูทุกคนในตระกูล ตั้งแต่ ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา
อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยเถอะ ยูยะบอกแม้กระทั่งกับหลานสาวตัวน้อย
อย่าง มิยูกิจัง วัยสามขวบว่า ‘คาซึจัง ทะเลาะกับปู้ชาย~!’

แล้วยูยะรู้ได้ยังไงน่ะเหรอ ว่าพี่ชายผู้แสนจะดีเลิศอย่างคาเมะ ป่วยทางใจ


ก็อาการมันไม่ปกติเลยนี่หว่า แล้วที่สำคัญ เจ้าพี่ชายของเขาน่ะ
ถึงเวลามันตื่น มันจะแงะปากยากเย็น แต่เวลามันหลับ
มันละเมอซะเป็นเรื่องเป็นราว คนเป็นน้องเลยจับเค้าได้ว่า ‘ไอ้ตะไลจิน
กูไม่ยอมเป็นเมียมึงหรอก!! เพราะมึงไม่รักกู!!’

“สรุปมันอกหักแน่เหรอ ไม่ใช่มันหนีเจ้าหนี้กลับมาหรอกนะ”
แม่ยังมองลูกชายจอมแสบในแง่ร้ายเสมอ
เพราะมันสร้างปัญหาให้ทางบ้านมาตลอดชีวิต นับตั้งแต่มันเกิดขึ้นมา

“แน่สิแม่ คราวนี้คาซึมันแย่จริงๆ”
สองแม่ลูกคาเมนาชิคุยกันได้พักใหญ่ๆ เสียงรถก็ดังขึ้นที่หน้าประตูบ้าน
ให้ต้องหันไปมอง

“ใครมาล่ะนั่น” คนเป็นแม่มองด้วยความสงสัย
กับเจ้ารถตู้ที่จอดฉึ้กเข้ามาที่หน้าประตูบ้าน ประตูรถเปิดออก
พร้อมด้วยผู้ชายห้าหกคนกรูกันลงมา
ให้หญิงวัยกลางคนยกมือทาบอกด้วยความตกใจ

“เจ้าหนี้ไอ้คาซึยะรึเปล่าเนี่ย!!!”

“ไม่ใช่แม่ เพื่อนคาซึมันน่ะ
หนึ่งในนั้นมีว่าที่ลูกเขยของแม่ด้วยล่ะ...เดี๋ยวผมออกไปหาก่อนนะ”
ยูยะออกจะสงสัยเล็กน้อย ที่เพื่อนๆของพี่ชายพากันบุกบ้านเขาแบบนี้
แต่พอเห็นคนที่ลงมาจากประตูฝั่งคนขับ น้องชายร่างสูงก็เข้าใจแจ่มแจ้ง
ยิ่งเห็นหน้าโหดๆ กับคิ้วที่ขมวดจนมุ่น ก็พอเข้าใจว่า อาคานิชิ จิน หรือ
ไอ้ตะไลจิน ในคำละเมอของพี่ชาย ต้องการ ‘เคลียร์’ อย่างด่วนที่สุด

“เฮ้ย!! นั่นไง น้องไอ้คาเมะ ยูยะ!! ยูยะ... ขอเข้าห้องน้ำหน่อย!!”


คำแรกของเพื่อนพ้องบนรถตู้ เรียกร้องหาห้องน้ำ
มากกว่าจะเรียกร้องเจอหน้าเพื่อนรักที่หนีกลับบ้าน
จนพวกเขาต้องตามมันมาถึงนี่

อย่าถามเลย ว่าทำไมพวกเขาถึงไม่บอกให้ไอ้คนขับมันแวะปั๊มน้ำมัน
เพื่อเข้าห้องน้ำ หรือหาที่พักสำหรับผู้เดินทางได้หาความสุขจากสุขาบ้าง
พวกเขาน่ะบอกไอ้จินมันแล้ว แต่ได้คำตอบจากไอ้โหดกลับมาว่า ‘ไม่จอด
ถ้าพวกมึงปวดมาก ก็เปิดประตู กระโดดลงไปเอง’ มันโหดจริงๆ ไอ้นี่
“ครับๆ พวกพี่มาหาคาซึเหรอ” ยูยะรีบเปิดประตู

“ใช่ ไว้คุยทีหลังนะ ขอเข้าห้องน้ำก่อน พาไปด่วน!!”


แล้วสี่จากในแปด ก็วิ่งกันหน้าตั้งแย่งเข้าบ้าน เพื่อเข้าห้องน้ำ
ให้อีกสี่ต้องหันมาทักทายกับหญิงวัยกลางคนที่คงจะเป็น
แม่ของเหล่าพี่น้องคาเมนาชิ

“สวัสดีครับ” จิน เรียว จิมมี่ และโคยามะโค้งศีรษะให้ อีกฝ่ายแค่ยิ้มบางรับ

“เข้ามาก่อนสิ รถจอดไว้ตรงนั้นแหละ ไม่มีใครกล้าขโมยหรอก


แล้วนี่...คาซึยะมันรู้รึเปล่าว่าเพื่อนๆจะมาน่ะ”
แม่ของคาเมะคือหญิงวัยกลางคนหน้าตาเอาเรื่องเล็กน้อย
แต่ทั้งอย่างนั้นเวลายิ้ม หล่อนก็ดูใจดี
เรียวปากบางวาดแย้มดูสวยรับกับใบหน้าเรียว ไอ้คาเมะรับมาเต็มๆล่ะ
รอยยิ้มแบบนี้น่ะ

“ไม่รู้ครับ พวกเรามากันเอง” จิมมี่เป็นคนตอบ ขณะเดินตามหลังเจ้าบ้าน

“อ้อ มาตามง้อไอ้แสบล่ะสิ เห็นยูยะว่า คาซึยะกลับมาเพราะป่วยทางใจ


แล้วก็บอกด้วยว่าในกลุ่มนี้มีคนนึงเป็นแฟนมัน...” คำถามตรงเผ็ง
แต่พูดเหมือนคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ
ทำเอาสี่หนุ่มที่เดินตามหลังเข้าบ้านพากันชะงัก

“พอจะบอกแม่ได้มั้ย ว่าใคร” หล่อนหันมาถามอย่างไม่คาดคั้นในน้ำเสียง


และหน้าตานัก แต่ทั้งสี่คนกลับคิดว่า
มันเป็นคำถามที่พวกเขาจำเป็นต้องตอบ
“ผมเองครับ” จินยืดอกรับ
แมนเกินร้อยจนอีกสามคนอยากจะสร้างอนุสรณ์สถานให้เป็นที่ระลึกถึง
เผื่ออนุชนรุ่นหลังจะเคารพ บูชา เอาไว้เป็นสรณะแห่งชีวิตเสียจริงๆ

คนถามมองหน้าจินอย่างหนักใจ ก่อนจะถามคำถามที่หล่อนคิดว่า
มันเป็นคำถามที่เหมาะที่สุดแล้วในเวลานี้

“ถอนตัวตอนนี้ยังทันนะ ไม่ใช่จะอะไร แม่สงสารเรา...ลูกแม่น่ะ


ไม่ใช่คนปกติทั่วไป รู้กันอยู่ใช่มั้ย ไอ้แสบ มันไม่เคยปล่อยให้ของของมัน
หรือคนที่มันรักมีความสุขมากนักหรอก” หล่อนเห็นอีกฝ่ายเงียบไป
จึงพูดต่อ

“แม่จะเล่าเรื่องสมัยมันเด็กๆให้ฟัง... แต่ก่อนพี่มันซื้อกระต่ายมาเลี้ยง
ไอ้แสบก็อยากได้บ้าง
เลยเอากระต่ายของพี่มันไปขังไว้ในห้องนอนมันคืนนึง
เช้าวันต่อมา มันก็บอกเขาไปทั่ว ว่ากระต่ายเป็นเมียมันแล้ว
เพราะงั้นต้องยกให้มัน แล้วทายได้ใช่มั้ย ว่ามันเล่นอะไรกับกระต่ายมั่ง
เอามัดกับสเก็ตบอร์ดไถลงจากเนินเขาอย่างนี้ เอาไปหนุนหัวนอนอย่างนี้
มันไม่ตายภายในสามวันก็บุญเท่าไหร่แล้ว นี่ยังดีนะ ตอนมันเลี้ยงแมวน่ะ
บังเอิญว่าเป็นแมวตัวผู้ มันก็บอกเขาไปหมดว่าไอ้แมวนี่เป็นผัวมัน นู่น~!
มันเอาผัวแมวไปผูกกับเบ็ดตกปลา หย่อนลงไปในน้ำที่ริมบึง มันว่า
อยากให้แมวได้กินปลาสดๆจากแหล่ง มันน่ะบ้า!!!”

จินยืนฟังวีรกรรมของคนที่เขาหลงรัก แล้วไม่รู้จะขำ
หรือจะอยากเขกหัวคาเมะดี
มันแสบแม้กระทั่งกับสัตว์ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างนั้นเหรอเนี่ย
“เจ้าลูกแสบน่ะ ถูกเรียกพบผู้ปกครองตั้งแต่มันอายุได้สี่ขวบ
มันห่ามตั้งแต่อนุบาลสองได้ล่ะมั้ง ตอนนั้นเขาให้มันนอนกลางวัน
มันก็ไม่นอน
ไปเอากรรไกรมาไล่ตัดผมเพื่อนในห้องที่หลับซะหัวแหว่งเป็นหนูแทะ
กันหมด แม่พูดจริงๆนะ ถอนตัวตอนนี้ยังทัน นรกบนดินมันมีจริงๆ!!”
แม่ของคาเมะมีน้ำใจมากพอที่จะเตือนให้จินได้รู้ตัวเสียตั้งแต่เนิ่นๆ
เพราะรู้ดีว่า ลองคาเมะได้อะไรแล้ว รายนั้นจะไม่ยอมให้หลุดมือไป
ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น

จินยิ้มบาง มองหน้าแม่ของคนที่เขารัก แล้วรู้ดีว่าควรจะทำอย่างไร

“ผมไม่ถอนตัวหรอกครับ ผมรักเขา”

“เอาจริงเหรอ” หล่อนยังถามย้ำ อย่างเห็นใจและสงสาร


ไม่รู้หรอกว่าผู้ชายตรงหน้าทำบุญมาด้วยอะไร
ทำไมถึงโชคร้ายขนาดมาหลงรักไอ้ลูกแสบของหล่อนได้

“ครับ ถ้ายังไง ผมขอความกรุณาด้วยนะครับ” จินถอยออกมาเล็กน้อย


แล้วโค้งตัวลง

“เอาเถอะๆ ถ้ามั่นใจแบบนั้น แม่ก็ไม่ว่าหรอก เฮ้อ...คนเรามันก็แบบนี้


เลือกอะไรไม่ได้นักใช่มั้ย แต่เราน่ะ อยู่ดีไม่ว่าดี
อยากได้ชีวิตมีสีสันแบบช้ำเลือดช้ำหนองมารักเจ้าคาซึยะ ถ้าอย่างนั้น
มีอะไรที่แม่ช่วยได้ ก็มาหาแม่ได้เลยนะ”

“ขอบคุณครับ” จินยิ้มรับ แล้วโค้งศีรษะให้อีกที


ก่อนที่หญิงตรงหน้าจะหมุนตัวเดินนำเข้าบ้านไป มีเขาเดินตาม
ทิ้งเรียว จิมมี่ และโคยามะที่ได้แต่มองตามหลัง แล้วหันมองหน้ากันเอง
เริ่มเข้าใจลึกซึ้งแล้ว ว่าไอ้จินเป็นคนแบบไหน

....มึงเป็นคนที่ชอบของแปลกนี่เอง พวกกูรู้แล้ว....

...........................................

คาเมะช็อคจนตาถลนออกมานอกเบ้า
หลังจากหอบผ้าที่ตากแล้วกลับเข้ามาในบ้าน และพบว่า
มีแขกมาเยี่ยมเขาพร้อมกันถึง แปดคน

“เฮ้ย!! มาได้ไงวะ!!!” เจ้าตัวร้องลั่นเหมือนถามเพื่อนทั้งกลุ่ม


แต่ใจตัวเองรู้ดีที่สุดว่ากำลังถามใคร ถ้าไม่ใช่ไอ้คนที่นั่งหน้าดุ จ้องเขาอยู่

...ไม่รู้ว่าพวกมันรู้ที่อยู่ได้ยังไง แต่ที่แน่ๆคือพวกมันตามมาที่บ้านเขา
ภายในหนึ่งวันหลังจากเขาหนีไอ้จินขึ้นมา
อย่างงี้ที่ถ่อมาถึงนี่ก็ไม่มีประโยชน์เลยน่ะสิ เพราะไอ้คนที่คาเมะตั้งใจจะหนี
ดันมานั่งทำหน้าไม่สบอารมณ์อยู่ในบ้านแบบนี้

“นั่งรถมาดิ...ไอ้จินมีเรื่องจะคุยกับมึงแหน่ะ” คนตอบคือจุนโนะ
แล้วจากนั้น ก็ไม่มีใครได้พูดอะไรอีก เพราะจินลุกขึ้นยืน
แล้วตรงเข้ามาจับแขนคาเมะลากขึ้นไปยังชั้นสอง
ทำตัวประหนึ่งว่าเป็นบ้านตัวเอง เพราะก่อนหน้านั้น
แม่คาเมะมาบอกตำแหน่งห้องหับของบ้านหลังนี้เอาไว้หมดแล้ว
บอกด้วยซ้ำว่า ‘ลากไอ้แสบเข้าห้องมันไปเลยนะจ๊ะ
ห้องมันอยู่สุดทางซ้ายมือชั้นสอง
แม่ให้คนล็อคหน้าต่างจากข้างนอกไว้แล้ว!!’
นับว่าเป็นผู้หญิงที่ควรค่าแก่การเกิดมาเป็นแม่ไอ้ห่ามจริงๆ
เพราะเดาทางหนีทีไล่ของลูกชายออกแจ่มแจ้ง!!!
เสียงโวยวายของคาเมะดังลั่นบ้าน แต่ไม่มีใครคิดจะขยับตัวลุกขึ้นมาช่วย
คาเมะเพิ่งเข้าใจวันนี้เอง
ว่านอกจากเพื่อนอีกเจ็ดคนจะแปรพักตร์ไปอยู่ฝ่ายจินกันหมดแล้ว
คนทั้งบ้านคาเมนาชิก็ไม่มีใครอยู่ฝ่ายตนสักคนเดียว!!

“จะคุยอะไรกับกู ก็ลงไปคุยกันข้างล่าง”
รู้แล้วว่าอาละวาดไปก็ไม่ช่วยให้ใครกดเรียกตำรวจมาจัดการไอ้จิน
เพราะฉะนั้น คาเมะเลยเลิกแหกปาก แล้วใช้วิธีเจรจาด้วยน้ำเสียงแข็งๆแทน

...ก็แล้วจะให้คาเมะอ่อนหวานกับมันรึไง ไม่มีทาง
คาเมะบอกแล้วว่าเกลียดมัน จะไม่ญาติดีกับมันอีก คนที่คิดว่าคาเมะง่ายน่ะ
คนประเภทนั้น อย่ามายุ่งกันเลยดีกว่า!!!...

“กูจะคุยบนเตียง” จินตอบสั้นง่าย ให้คาเมะตาถลนหนักกว่าเมื่อกี้เสียอีก

“มึงจะบ้าเหรอ!!!!!” คาเมะถามได้แค่นั้น
ร่างสูงก็ก้าวเข้ามาคว้าร่างบางเข้าไปกอดแนบเข้ากับอก
ฝังหน้าลงกับซอกคอขาว ด้วยกลัวว่ามันจะหายไปไหนอีก

“กูไม่บ้า กูเตือนมึงแล้ว ว่าให้มึงรักกู แต่นอกจากมึงจะไม่รักแล้ว


มึงยังหนีกูมาแบบนี้ คิดว่ามึงจะได้อยู่สบายๆ ไม่ถูกกูลงโทษรึไง”
จินถามอยู่กับใบหูเล็ก ในอกมันเจ็บลึกกับการตามหา ตามบ้าจนถึงที่นี่
คาเมะไม่มีทางรู้ว่าเขาอาละวาดกับตำรวจที่ดักเขาเพราะขับรถเร็วเกินที่กฎ
หมายกำหนด คาเมะไม่มีทางรู้ว่าเขาเหยียบคันเร่งจนเพื่อนในรถร้องลั่นว่า
กูไม่อยากตาย มาตลอดทาง และคาเมะไม่มีทางรู้ว่าเขารู้สึกแบบไหน
ตอนที่ขับรถมาถึงนี่ คาเมะไม่รู้ว่าในใจเขาคอยแต่จะถามว่า
ไม่รักกันมากถึงขนาดหนีกันแบบนี้เลยเหรอ
“ก็มึงรักกูเพราะกูง่าย มึงจะให้กูยอมมึงงั้นสิ ถึงกูจะเป็นแบบนี้
แต่กูก็มีค่าของกูนะเว้ย!” คาเมะเองก็เจ็บ เจ็บจนเอาไปฝัน
คาเมะฝันร้ายติดต่อกันมาสองคืนแล้ว
ฝันเห็นแต่จินมายืนเยาะเย้ยสมน้ำหน้า
ฝันเห็นแต่จินมาชี้หน้าแล้วพูดว่า ‘มึงมันง่าย’

ร่างสูงผละออกมา เอาสองมือวางทาบลงกับแก้มขาว
แล้วประคองหน้าเรียวให้เงยมองเขา
ดวงตาสีน้ำตาลที่เคยมองเขาอย่างเคืองแค้นอาฆาต
ตอนนี้มันเต็มไปด้วยความน้อยใจ ความโกรธ ความเสียใจ

“คาเมะ...ที่บอกว่าง่าย ก็เพราะว่ากูคิดว่ามันง่ายจริงๆ
กูไม่ได้หมายความว่ามึงไม่มีค่า คำว่าง่ายของกูหมายความว่า
กูยอมรับความรู้สึกที่กูมีได้ง่ายๆ เพราะกูไม่ต้องมาคอยกังวลว่า
กูมีเหตุผลอะไรมารักมึง กูรักมึงเพราะกูอยากรัก มันง่ายใช่มั้ย
เพราะว่ากูอยากรัก กูก็เลยรัก”

“มึงล่ะ รักกูง่ายๆแบบนี้บ้างมั้ย” บทมันจะหวาน


คาเมะก็ชักคุมสถานการณ์ไม่อยู่ แล้วแบบนี้ คาเมะต้องตอบว่ายังไงล่ะ
จริงอยู่ว่าแฟนน่ะเคยมีมาแล้ว จูบแฟนก็เคยจูบมาแล้ว
นอนกับแฟนก็เคยมาแล้ว แต่นั่นก็ตอนที่คาเมะเป็นผู้ชาย
แล้วมีแฟนเป็นผู้หญิง ไม่ใช่แบบตอนนี้ ที่คาเมะเป็นอะไรสักอย่าง
ที่ได้แต่ยืนให้อารมณ์หวานๆจากคำพูดของไอ้ผู้ชายตรงหน้ามันตีรวนเอาแ
บบนี้

“กู...กู....” คาเมะไม่มีคำตอบ เพราะพอริมฝีปากบางขยับจะพูด


คำตอบทั้งหลายมันก็ไม่ยอมแล่นออกมาจากคอ อึกอักอยู่นาน
สุดท้ายก็หมดสิทธิ์ตอบ
เพราะถูกอีกคนจู่โจมมอบรอยจูบหวานๆให้กับกลีบปากสีแดงนั่น
มือหนาลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังเล็ก
ขณะมอบความอ่อนหวานให้ทางรสจูบดื่มด่ำ ที่บดซ้ำๆอยู่กับใบหน้าหวาน
เดี๋ยวไล้ไปที่แก้ม หน้าผาก ปลายจมูก และวกกลับมาที่เรียวปากดังเดิม

คาเมะได้แต่ยืนตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่าย รู้ว่าตัวเองถูกจูบ
แล้วก็รู้ว่าตัวเองไม่ได้เมา แต่ทั้งอย่างนั้น คาเมะก็มึนไปกับจูบหวานๆ
ที่แสนอ่อนโยนนั่น มันไม่ได้เร่งรัด ไม่ได้ดุดัน ไม่ได้เรียกร้อง
แต่มันหวานฉ่ำจนหัวใจสั่นไหว ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายนำไปด้วยปลายลิ้น
และฝ่ามือที่ลูบไล้จากแผ่นหลังมายังสะโพกกลม

“อ๊ะ!” มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ขาชนกับอะไรบางอย่าง
แล้วหงายหลังลงไปนอนกับเตียง เปิดโอกาสให้จินทรุดตัวลงตามทาบทับ

“จ...จิน...” คาเมะตื่นกับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น
ทั้งๆที่ไม่ใช่ครั้งแรกของเรื่องแบบนี้
แต่มันก็เป็นครั้งแรกที่คาเมะจะมีอะไรกับผู้ชายด้วยกัน
และมันก็เป็นครั้งแรกที่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจินก้าวมาไกลถึงขั้นนี้

“รักหรือไม่รัก เดี๋ยวค่อยถามอีกทีแล้วกัน”
จินไม่ปล่อยให้คาเมะถามอะไรอีกต่อไปแล้ว
เขาก้มลงปิดกลีบปากบางๆนั่นอีกครั้ง
ขณะที่สองมือปลดเสื้อผ้าอีกฝ่ายออกช้าๆ ส่งมือลูบไล้เข้าไปทุกเนื้อผิว
เนื้อตัวมันร้อนระอุ เขาลูบผ่านแผ่นอกบาง เรื่อยไปยังแผ่นหลัง
ลงน้ำหนักเล็กน้อยเป็นบางจุด ให้คาเมะสะท้านเฮือก
และเมื่อเขาละมือลงไปยังขอบกางเกงขาสั้น
ร่างเล็กๆนั่นก็สะดุ้งผวาดข้ากอด
“จ...จิน...มัน” คาเมะตื่นตระหนกแค่ไหน จินรู้ดี
แต่เขาไม่อยากหยุดแล้ว เขาอยากรวบรัดคาเมะเดี๋ยวนี้
อยากกกกอดมันเอาไว้ในอ้อมแขนนี้ เผื่อบางที มันอาจจะไม่หนีเขาไปอีก
ไม่ทิ้งให้เขาต้องตามหามันเป็นบ้าแบบนี้อีก จินปลดกางเกงของคาเมะออก
แล้วรูดมันออกไปทางปลายเท้าพร้อมบ็อคเซอร์ตัวใน
เหลือเพียงร่างเปลือยเปล่าในอ้อมแขนที่สั่นสะท้าน
ยามเขาไล่ริมฝีปากลงมาครอบครองยอดอกเล็ก ดูดดึงจนมันแข็งชูชัน
ขณะที่มือหยาบควานลงต่ำลูบไล้เบื้องล่าง ปลายนิ้วหยาบแบบผู้ชาย
ทำให้ส่วนอ่อนไหวส่งความรู้สึกลึกล้ำ และความอับอายมายังจิตใจ
ให้คาเมะเขินเกินกว่าจะโวยวาย และรู้สึกดีเกินกว่าจะผลักไส

“อ๊ะ! อื้อ~!” ร่างบางยกหลังมือขึ้นขบปิดเสียงร้องที่แสนหวานหูตัวเองนั่น


เมื่อยอดอกที่กำลังถูกขบกัดในโพรงปาก ถูกปล่อยทิ้งให้อ้างว้าง
เพราะริมฝีปากของจินเลื่อนต่ำลงมายังสะดือบุ๋ม เขาจูบมันเบาๆ
ก่อนจะลากปลายลิ้นลงมายังส่วนที่ต่ำกว่า ที่มือเขายังครอบครองมันเอาไว้

จินกดจูบลงกับส่วนที่กำลังขยายตัว ก่อนจะแตะปลายลิ้นเบาๆ
เพียงเท่านั้นคาเมะก็สะท้านไปทั้งร่าง ยิ่งปลายลิ้นลากไล้มากเท่าไหร่
เสียงหอบคราง และสะอื้นฮักก็ยิ่งดังมากขึ้นเท่านั้น
และเมื่อเขาครอบครองทั้งหมดด้วยโพรงปากร้อน
สะโพกมนก็ยิ่งกระดกลอยจากพื้นเตียง
พร้อมกับเสียงครางที่ทำให้ร่างสูงรู้สึกว่าตัวเองอึดอัดมากเกินกว่าจะทนไหว
และพาลให้อยากทะลักทะลายออกมาเสียเดี๋ยวนี้

ขณะที่ปากยังมอบความฉ่ำชื้น และความระอุ
มือหนาก็เริ่มเปลี่ยนลงมาคลายความคับแน่นที่กางเกงยีนส์ของตัวเองด้วยกา
รปลดตะขอออก ให้ส่วนที่กำลังเติบโตได้โผล่พ้นออกมายังภายนอก

“อ๊ะ! อื้อ ม....ม...ไม่ไหว...” คาเมะกระดกเอว


ร้องอย่างทรมานกับอารมณ์ที่ใกล้ถึงฝั่งเข้าไปทุกที
ร่างบางจิกมือลงกับผ้าปูที่นอน
เมื่ออารมณ์ล้นปรี่อยู่ที่ส่วนปลายจนสั่นไปทั้งร่าง ทว่า...ยังไม่ทันถึงที่สุด
ปากของจินก็ผละจากไป ทิ้งให้คาเมะโหยหาด้วยความต้องการ

“จ...จ...จิน...” ตอนนี้ลืมไปหมดแล้ว
ว่าเคยตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่ยอมเป็นเมียมันเด็ดขาด
คาเมะเองก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงไม่รังเกียจกับสิ่งที่จินทำ
ซ้ำยังยอมมันมากถึงขนาดนี้ และที่สำคัญ
คือคาเมะไม่เข้าใจว่าทำไมร่างกายถึงว่าง่ายกับสัมผัสของจินจนแ
ทบทนไม่ไหว ต้องส่งสองมือไปประคองส่วนที่ถูกทอดทิ้งนั่นเอาไว้
เพื่อนำพาอารมณ์ให้ไปยังปลายทาง

จินจับมือเล็กออกห่าง แล้วมองหน้าแดงก่ำด้วยสายตาดุๆ
ก่อนจะทาบตัวลงมา ให้ส่วนร้อนแข็งขืนได้เสียดสีกันและกัน

“อื้อ!! มัน...มันร้อน” บางอย่างที่สัมผัสกัน


ทำเอาคาเมะอยากจะมุดดินหนีไปที่ไหนก็ได้
ไม่เคยคิดมาก่อนว่าต้องมาทำอะไรที่น่าอับอายขนาดนี้ มันก็ใช่
ที่คาเมะเคยเห็นมาแล้ว เคยห่ามถึงขนาดขอจับมาแล้วด้วย
แต่นี่ไม่ใช่เวลานั้น มันเป็นเวลาอะไรสักเวลาหนึ่ง
ที่แค่สัมผัสด้วยบางสิ่งของกันและกัน มันก็หวามไปทั้งหัวใจ

“ของคาซึยะก็ร้อน” จินกระซิบหอบอยู่ข้างหู ส่ายเอวช้าๆ


ให้ส่วนที่แนบกันถูไถไปมา จนคาเมะครางสั่นกับความรู้สึกแปลกใหม่แบบนี้

“ม...อื้อ...ไม่...ไม่เอานะ...” มันน่าอายเกินไปแล้ว กับการกระทำแบบนี้


คาเมะรู้สึกถึงความเฉอะแฉะที่เอ่อล้นออกมา และหยดเยิ้มลงไปยังซอกขา
รู้สึกถึงรอยจูบหวานๆบนผิวแก้มที่กำลังลากต่ำลงไปยังซอกคอ
ก่อนจะวกกลับมาบดเบียดรอยจูบกับกลีบปากสีสดที่กำลังเผยอคราง
และเมื่อลิ้นร้อนส่งเข้าควานภายใน คาเมะก็ลืมทุกอย่างไปหมด
ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่ามือหนาจับเรียวขาแยกออกห่างออกไปตอนไหน
มารู้ตัวอีกที ก็รู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างกำลังพยายามดึงดันจะเข้ามา

“อ๊ะ!...จ...จิน...!!”

“นิดเดียวเท่านั้น” จินค่อยๆขยายช่องทางด้วยปลายนิ้ว
เพิ่มจำนวนมันจนมากพอแล้ว และรับรู้ถึงความชุ่มชื้นจากภายใน
เขาจึงเปลี่ยนสิ่งที่สอดใส่ เป็นร่างกายของเขาเอง

มันไม่ใช่แค่ ‘นิดเดียวเท่านั้น’ คาเมะอยากจะลุกขึ้นเถียงขาดใจ


แต่สิ่งที่ร่างกายกำลังเผชิญ มันเจ็บปวดจนเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
ร่างบางร้องไม่ออก ได้แต่จิกเล็บลงกับแผ่นหลังกว้าง
แล้วหอบสะอื้นเป็นพักๆ

“อย่าเกร็ง...คนดี” จินกระซิบบอก
เขาอึดอัดแทบบ้ากับความร้อนรุ่มภายใน มันตอดรัด และดูดดึง
เขาอยากจมเข้าไปมากกว่านี้ แต่ก็รู้ว่าแค่นี้ คาเมะก็ย่ำแย่เกินทนแล้ว
จินหยุดการขับเคลื่อน เพื่อให้ร่างกายอีกฝ่ายได้คุ้นชิน
จนช่องทางเริ่มคลายตัว เขาจึงเริ่มขยับ และเมื่อได้สัมผัส
ได้เสียดสี ได้กอดรัดกันและกันเอาไว้
โลกทั้งใบก็ให้ความรู้สึกที่ว่าเหลือพวกเขาแค่สองคน
เรียกขานกันแค่สองคน มีแค่ จิน กับ คาซึยะ และร่างกายที่เชื่อมเกี่ยวถึงกัน

“ม...ไม่ไหว...อ๊ะ...ไม่ไหวแล้วจิน...”
คาเมะครางเสียงสั่นอยู่กับบ่ากว้างของคนที่ยังกกกอดไม่ห่าง
ร่างกายเบื้องล่างร้อนจนแทบไหม้จากการเสียดสี
เสียงหอบครางของคนทั้งคู่ดังสอดประสานกัน
ในขณะที่ร่างกายเบื้องบนรับรู้แรงเต้นของหัวใจที่ดังสะท้อนระหว่างอกกับอ

“คาซึยะ...” จินจูบกลีบปากบางอีกครั้ง
ขณะเพิ่มความรุนแรงกับการสอดใส่มากยิ่งขึ้น
เพื่อพาเขาและคนในอ้อมแขนขึ้นไปตักตวงความสุข
อันหอมหวานของปลายทาง เสียงครางดังอยู่ในลำคอ
เมื่อจินไม่ยอมปล่อยให้คาเมะได้ร้องอย่างที่อยากร้อง
ยามถูกอัดกระแทกอย่างรุนแรงในครั้งสุดท้าย

“อื้อ!!!!!!!!” มันรุนแรงแทบขาดใจ แต่ทั้งอย่างนั้น


มันก็ขาวโพลนจนคาเมะคิดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
ร่างบางรู้แค่ว่าร่างกายขมึงเกร็ง
แล้วฉีดพุ่งบางสิ่งออกมาจนเหนอะหนะไปหมด ในขณะที่ภายใน
รับรู้ถึงหยาดน้ำร้อนๆที่อัดทะลักเข้ามา

“อ่า...” จินยอมปล่อยให้ริมฝีปากบางเป็นอิสระ เขาหอบหายใจหนักหน่วง


ภายในยังตอดรัดเขา มันยังร้อน และบีบรัด
จนไม่อยากหยุดแม้สักวินาทีเดียว ร่างสูงยอมปล่อยให้คาเมะได้พักอยู่ชั่วครู่
ก่อนจะก้มลงจูบเบาๆที่แก้มทั้งสองข้าง และขยับสะโพกอีกครั้ง

“ม!!...ไม่เอาแล้วนะ!...” คาเมะรีบร้องบอก แต่ไม่ทันแล้ว เพราะจินยิ้มบาง


แล้วกัดเบาๆที่ปลายจมูกคนร้อง

“รักกันรึยังล่ะ”

“เอ๊ะ?”

“ที่เตือนว่าให้รักน่ะ รักกันบ้างรึยัง” จินถาม แล้วยิ้ม


ไม่ได้คิดจะเรียกร้องอะไรจากคาเมะนักหรอก เขาคบกับมันมาตั้งสามปี
เขารู้ว่ามันเป็นคนแบบไหน มันยอมเขามากขนาดนี้ ถ้ามันไม่รักเขา
ไม่รู้สึกอะไรกับเขา มันคงถีบเขากระเด็นตั้งแต่เขาถอดเสื้อมันแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้น จินก็ยังอยากได้ยิน อยากเห็นสีหน้ามัน
ตอนมันยอมรับว่ารู้สึกกับเขาเหมือนที่เขารู้สึกกับมัน

“พูดบ้าๆ!!” คาเมะเขินและอาย สภาพตอนนี้ แทบจะไม่อยากก้มลงมอง


แค่รับรู้ก็แย่แล้วว่าในร่างกายตัวเองมีใครบางคนฝังกายเข้ามาด้วย

“ถ้างั้นก็ต้องลงโทษ... อีก สิบเก้าส่วนยี่สิบที่ติดเอาไว้” ร่างบางถึงกับตาโต


และไม่ทันจะได้โวยวายใดๆ บทลงโทษรอบที่สองของวันก็เริ่มขึ้น
แล้วเปลี่ยนเสียงอาละวาดกับท่าทีเอาเรื่องเป็นเสียงครางกับการหยัดกายขึ้น
รับความรู้สึกของจิน

...................................................

“หื้อ...ไม่...ไม่เอาแล้ว” ในห้องนอนที่เสียงหอบยังไม่จางหายไป
ไอร้อนจากร่างกายคนทั้งคู่ยังเจืออยู่ทุกอณูอากาศ
คาเมะได้แต่ร้องบอกอย่างอ่อนแรง สองมือพยายามดันอกหนาให้ออกห่าง
หน้าพยายามหันหนีจากการฝังรอยจูบตามผิวแก้ม
หน้าผาก คอ แต่ถึงอย่างนั้น ริมฝีปาก และฝ่ามือของจิน
ก็ยังไปถึงส่วนอื่นๆที่คาเมะไม่อาจปกป้องได้อยู่ดี

“บอกแล้วนี่ เตือนแล้วว่าให้รักกัน ไม่รักกันสักทีก็ต้องลงโทษแบบนี้แหละ”

“อ๊ะ!! อย่า....อ๊ะ!!...อื้อ...”
แล้วบทลงโทษรอบที่สามก็เริ่มขึ้นบทเตียงที่ผ้าปูที่นอนยับย่นนั้นเอง

...........................................
“พอ...พอแล้ว...ไม่ไหวแล้ว” คาเมะวอนขอสลับเสียงหอบ
ตาปรือจนแทบปิด รับไม่ไหวอีกแล้ว หากจินจะทำต่อไป
ไม่รู้หมอนี่จะอึดไปไหน มันไม่ให้คาเมะพักบ้างเลย
เพิ่งเสร็จรอบที่สามไปหยกๆ มันจะต่อรอบที่สี่อีกแล้ว

“รักกันรึยังล่ะ” จินถามย้ำคำเดิม คาเมะหันมอง เรื่องอะไรจะพูดว่ารักกันล่ะ


กระทั่งกับแฟนผู้หญิง คาเมะยังไม่เคยใช้คำว่า ‘รัก’ เลยสักครั้ง
แล้วหมอนี่มันเป็นใคร จะมาบังคับให้คาเมะพูดคำน่าอายแบบนั้นน่ะเหรอ

“ไม่พูด แสดงว่ายังไม่รัก งั้นต้องลงโทษ...”


จินกดร่างบางลงกับเตียงอีกครั้ง ทำเอาคาเมะตาโต

“เฮ้ย! ไม่เอาแล้ว!! ไม่ไหวแล้ว!!”

“ก็เตือนกันแล้วไง ว่าให้รักกันซะ ว่าไง จะรักกันรึยัง...”


ร่างบางอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออก หมอนี่มันจะข่มขู่มากเกินไปแล้ว
มันเตือนอะไร คาเมะต้องทำให้มันทุกอย่างยังงั้นเหรอ

“ไม่ตอบสักที งั้นต้องลงโทษ”

“ม่ายยยยยยยยยยยยยย!!!!!!”

............................................

“รักกันรึยังคาซึยะ....” คำถามจากคนตัวโตที่คร่อมทับอยู่ด้านบน
คาเมะไม่มีแรงแม้แต่จะตอบ แค่จะหายใจยังทำไม่ค่อยทัน
จะส่งเสียงตอบคำถามมันเป็นว่าหมดหวังไปได้เลย
“งั้นลงโทษนะ” มือเล็กยกขึ้นดันอกหนาเบาๆ เพราะหมดสิ้นเรี่ยวแรง
ไม่มีฤทธิ์เดชใดๆอีก คาเมะทำได้แค่ภาษากายแค่นั้น
จินมองคนหมดท่าแล้วได้แต่ยิ้ม

“จะรักกันมั้ย” เขาถามอีก มองเข้าไปในดวงตาเรียวเล็ก คาเมะเหนื่อย


ไม่มีแรง แต่ทั้งอย่างนั้นก็รับรู้ถึงสายตาที่อีกฝ่ายส่งมาให้
ร่างบางนิ่งไป รู้ดีว่ามันไม่เคยบังคับอะไรเขามากนักหรอก
และก็รู้ดีว่ามันแค่อยากแกล้งเท่านั้น ความจริงแล้ว
มันก็รู้และเข้าใจความรู้สึกของเขา อย่างว่าแหละ เอาเพื่อนมาเป็นแฟน
มันก็ต้องรู้หัวรู้หางไปหมดเป็นธรรมดา

ร่างบางส่งสองมือขึ้นไปโอบรอบลำคอหนา
แล้วดึงให้อีกฝ่ายโน้มตัวลงมาหา ก่อนจะบอกเสียงล้ากับใบหู

“กูยอมมึงตั้งขนาดนี้ ถ้าไม่รู้สึกอะไร กูก็บ้าแล้ว”


จินหัวเราะเบาๆกับคำพูดที่ยังคงบ่งบอกนิสัยตรงไปตรงมาของไอ้ห่ามปากท
รามสม่ำเสมอ เขาเงยหน้าขึ้นสบตา แล้วจูบเบาๆที่ริมฝีปากบาง

“ถอยไปได้แล้ว เหนื่อย” คาเมะบอกเสียงเบา แล้วผลักอีกฝ่ายออกไป


จินยอมแต่โดยดี เขาทรุดตัวลงไปนอนเคียงข้างบนเตียงเล็กๆนั่น
ทำให้ต้องตะแครงตัวเบียด นอนหันหน้าเข้าหากัน

“อ๊ะ! อย่าโดนก้นสิ มันเจ็บ...” คาเมะพยายามกันตัวเองออกมา


แต่มือหนาก็ยังไล้วนอยู่แต่ผิวเนื้อที่ค่อนข้างหมิ่นเหม่ลงไปยังส่วนที่บอบช้ำ

“เมื่อกี้เห็นร้องซะหวาน ที่แท้เจ็บหรอกเหรอ”
“ก็ของมึงมันใหญ่นี่หว่า ถ้ายังทำศัลยกรรมลดขนาดไม่ได้
ไม่ต้องมาทำกูเลยนะ” คาเมะเงยหน้าบอกเสียงเข้ม ให้จินถึงกับตาโต

“เฮ้ย! ได้ไง” แต่คาเมะไม่ฟังแล้ว ร่างบางหลับตา แล้วขู่สำทับ

“ไม่รู้ล่ะ กูเตือนมึงไว้ก่อนแล้วกัน
ว่าถ้าลดขนาดมังกรมึงให้กลายเป็นไส้เดือนไม่ได้ ไม่ต้องมาคุยกัน
ราตรีสวัสดิ์มึง” ไม่นานนัก คนที่เหนื่อยจากสมรภูมิรักก็หลับสนิท
แล้วปล่อยให้คนที่เคยเอาแต่ ‘เตือน’
มาตลอดถึงคราวเหวอและอึ้งกับคำเตือนที่ย้อนศรเข้าหาตัวเอง

มันเป็นคำเตือนที่ไม่ว่ายังไง เขาก็ทำไม่ได้ ก็จะให้ทำได้ไง!!!


ให้ลดขนาดน้องชายเนี่ยนะ!!!...

...ไอ้แสบคาเมะ!!!!! มึงขู่กู แล้วมึงก็หลับไปทั้งอย่างงี้เนี่ยนะ!!! เฮ้ย!!


มึงตื่นขึ้นมาคุยให้รู้เรื่องก่อนเด๊!!!

…ไอ้คาเม๊~!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!...

ป.ล. กูรู้แล้วทำไมแม่มึงถึงบอกว่า ‘ไอ้แสบ


มันไม่เคยปล่อยให้คนที่มันรักมีความสุขมากนักหรอก’ ....

ไม่น่าเลย แม่มันเตือนแล้วแท้ๆ เตือนแล้วไม่ฟัง เตือนแล้วว่าให้ถอนตัวเถอะ


นรกบนดินมันมีจริง ไม่น่าเลยกู ไม่น่าเลย T___________T
…กูนี่พลาดพลั้งอย่างรุนแรงจริงๆ พลาดจริงๆ อาคานิชิ จิน...

FIN

You might also like