Professional Documents
Culture Documents
(SF) คำเตือน04 (บอกแล้วว่าให้รักกัน)
(SF) คำเตือน04 (บอกแล้วว่าให้รักกัน)
JIN X KAME
By : Dezair
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
...เคยบอกแล้ว... เคยเตือนแล้ว...บอกจนปากจะฉีก
เตือนจนปากเปียกปากแฉะ...
……………….
คาเมะไม่โง่พอที่จะทำตัวเอ๋ออยู่ที่หอนานๆ
แล้วให้ไอ้คนช่างขู่กลับมารับไปร้านเหล้าหรอก
เพราะพอทันทีที่ไอ้จินมันบิดมอเตอร์ไซค์จากไปพร้อมกั
บทิ้งประโยคที่ว่า ‘รักกูซะ’ เอาไว้กับเขา
ร่างบางก็รีบแจ้นไปหาที่หลบภัยชั่วคราวอย่างบ้านไอ้โคยามะทันที
แถมโทร.จิก โทร.ลาก เพื่อนพ้องในกลุ่ม ให้มารวมตัวกัน
ก่อนจะย้ำหนักแน่นเป็นการขู่ไปว่า ‘ไม่มา!! พวกมึงตาย!!!’
แล้วเพื่อนที่เหลือจะทำอะไรได้
ในเมื่อไอ้น้องห่ามมันตะโกนปาวๆผ่านสัญญาณมือถือมากระทุ้งหูพวกเขาแ
บบนั้น พรรคพวกที่เหลือก็ต้องรีบโกยไปบ้านไอ้โคยามะกันทั้งนั้นล่ะ
“พวกมึงต้องช่วยกู!! เพื่อนพวกมึงจะเอากูทำเมีย!!!”
คาเมะประกาศหน้าตาจริงจัง
ให้เพื่อนทุกคนที่นั่งสลอนกันในห้องนอนไอ้โคยามะ
ซึ่งปิดประตูลงกลอนอย่างดีได้รับรู้กันถ้วนหน้า แน่นอน
คาเมะไม่นึกจะปกป้องไอ้จินอีกแล้ว หากว่าการปกป้องมัน
จะทำให้อธิปไตยประตูหลังเขาปลิดปลิวไปไกลน่ะ
“ไอ้เรียว!!! กูไม่เคยพร้อมกับไอ้จิน!!!”
คาเมะหันมาตะคอกใส่อย่างอารมณ์เสียเป็นที่สุด
แต่ก็อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลย ตัวมันก็เท่านั้น
ใครที่ไหนก็หือมันขึ้นทั้งนั้นแหละ
“ไม่ต้องมาเรียกร้องความยุติธรรมอะไรจากกู!! พวกมึงต้องช่วยกูนะเว้ย!!
พวกมึงรังเกียจคู่เกย์ไม่ใช่รึไงล่ะ คู่เกย์มันคือคู่ชายกับชายนะเว้ย
มันไม่ปกติ!!”
คาเมะพยายามหาทางโยงประเด็นเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้วุ่นวาย
จุดมุ่งหมายง่ายๆคือ ต้องการให้เพื่อนทุกคนรังเกียจ
คาเมะจะได้มีข้ออ้างถอยห่างออกมาจากไอ้จิน เขายอมรับว่ากลัวมัน
จะพูดให้ถูกคือ กลัวใจไอ้จิน นี่ขนาดมันยังไม่ค่อยจะเอาจริงเท่าไหร่
คาเมะยังบูชามันไปตั้งสามจูบ ถ้าเกิดมาเอาจริงขึ้นมา ท่าทาง
ต้องสามวันสามคืน แน่ๆ
เจ็ดเพื่อนสนิทมองอาการใกล้บ้าของคาเมะที่เดี๋ยวขยี้หัว
เดี๋ยวทำหน้าเหยเก แล้วถึงได้มองหน้ากัน เหมือนจะถามกันด้วยสายตาว่า
เฮ้! มึงเกลียดคู่เกย์รึเปล่า แล้วมึงล่ะเกลียดมั้ย แล้วมึงล่ะ
มึงล่ะ มึงด้วยว่าไง ก่อนที่ทั้งหมดจะส่งสายตามาที่ยูอิจิ
ผู้ชายหนึ่งเดียวของกลุ่มที่นำร่องเป็นคู่เกย์กะยามะพีแฟนหนุ่มสุดที่รัก
แล้วจึงได้ข้อสรุปที่ว่า
“ถามจริงไอ้คาเมะ นี่มึงเรียกพวกกูมาเพราะเรื่องแค่นี้งั้นเหรอ
มึงรู้มั้ยว่ากูต้องแงะหน้าตัวเองออกมาจากอกของมายูริจังเชียวนะ”
โคคิถามอย่างเอือมระอา อยากจะย้อนนักว่า
แล้วตอนพวกเขาขอเวลาตัดสินใจ
ไอ้ห่ามที่ไหนมันหน้าซีดหน้าเหลืองอยู่กะไอ้จินแค่สองคน
คาเมะโวยวายใส่เพื่อน แล้วหมุนตัวเดินไปเปิดประตูห้อง
แต่ทันทีที่บานประตูเปิดออก คาเมะก็ได้เห็นใครบางคนที่ยืนอยู่อีกฟาก
ให้ต้องยืนนิ่งอยู่กับที่เหมือนเห็นผี พอตั้งสติได้
ก็รีบหันควับกลับมามองเพื่อนอีกเจ็ดคน แล้วแผดเสียงลั่น
“ก็...กูเห็นพวกเรามีกัน 9 คน มึงบอกเองว่าประชุมด่วน
บ้านไอ้โคยามะ แล้วกูก็ว่า มึงคงไม่กล้าโทร.เรียกไอ้จิน เพราะงั้น
กูเลยโทร.เรียกมันมาเอง”
“แล้วมึงโทร.เรียกมันมาทำไม!!!”
“อ้าว...ตามหลักการแล้ว ถ้าขาดสมาชิก
มันจะเปิดอภิปรายไม่ได้ไม่ใช่เหรอ เพราะว่าไม่ครบองค์ประชุม”
ให้ตาย!!!! คาเมะนึกคำด่าที่จะสาดใส่ไอ้จิมมี่ไม่ออก
ไม่ใช่เพราะมันพูดหน้าตายๆ แต่เพราะเหตุผลของมัน …คนมาไม่ครบ
เปิดประชุมไม่ได้....
…โอ้ย!!! คาเมะไม่น่าไว้ใจยกให้ไอ้พวกนี้เป็นที่ปรึกษาหัวใจเลย!!
ถ้าแก้ปัญหาเอง ป่านนี้ก็คงหนีไอ้จินไปสุดล่าฟ้าเขียว
ไม่ต้องมาจ๊ะเอ๋กับมันภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมงแบบนี้หรอก!
“ก็คงจะได้กินที่นี่จริงๆ ถ้ามึงยังยืนขวางประตูอยู่แบบนี้”
คาเมะก็ยังเป็นคาเมะ เป็นไอ้ห่ามปากแข็ง และชอบทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว
ทั้งๆที่ในใจเต้นเร้าเป็นเจ้าเข้า ทั้งตื่น ทั้งหวั่นไปหมด
กลัวคำพูดที่ตวาดให้ลั่นเมื่อกี้ จะเข้าหูไอ้จิน ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว
ก็คงเข้าหูมันนั่นแหละ ก็มันมายืนอยู่หน้าประตูห้องนี่หว่า
นอกจากนั้นยังกลัวมันจะทำอะไรต่อหน้าเพื่อนอีก กลัวมันโกรธด้วย
ที่ทำอะไรลับหลังมัน สรุปว่ากลัวไปหมดทุกอย่าง
“งั้นก็กินมันที่นี่แหละ มึงโอ.เค. ใช่มั้ยโคยามะ”
จินตอบรับประโยคของคาเมะง่ายๆ แล้วเหมือนจะหันไปถามเจ้าของบ้าน
แต่สายตาที่ส่งตามมา ออกแนวบังคับขู่เข็น
จนโคยามะอยากจะอ้าปากด่าเข้าให้ว่า...ถ้าไม่คิดจะขออนุญาตกูจริงๆ
มึงก็ไม่ต้องทำเป็นถาม เสียเวลา!!!...
“เดี๋ยวกูไปซื้อน้ำแข็งมาให้แล้วกัน” ยูอิจิกับโคคิหาทางชิ่งเป็นคนแรก
ตามมาด้วย จิมมี่ ชิโรตะ
และจุนโนะที่บอกว่าจะไปยกลังเบียร์จากร้านมาให้เอง
หลังจากนั้นก็เป็นไอ้เรียวที่ทำตัวเหมือนทำกับข้าวเก่งนักหนา
ขอตัวไปเตรียมกับแกล้ม เดือดร้อนโคยามะต้องรีบตามออกไปคุมอีกรอบ
กันโรคไม่ติดต่อทางการแพทย์ แต่อาจเป็นกันถ้วนหน้า
หากปล่อยให้เรียวจับตะหลิวเพียงลำพัง
ก็ฝีมือมันแย่พอๆกับคาเมะเลยนี่หว่า ไม่สิ
อย่างไอ้คาเมะต้องเรียกว่า ‘ประเมินผีมือไม่ได้’ มากกว่า
เพราะแค่ทุกคนเห็นท่ามันจับมีด
ก็พร้อมใจกันบอกมันว่า ...มึงอยู่เฉยๆเถอะ กูขอร้อง...
คล้อยหลังโคยามะออกจากห้องไปแล้ว
จินก็ขยับตัวกลับมาบังทางเข้าออกเช่นเดิม ทำตัวประหนึ่งยักษ์เฝ้าประตู
คาเมะมองสถานการณ์สองต่อสองที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึ
งห้านาที แล้วอยากไล่เตะเพื่อนเรียงตัว พวกนั้นก็เพื่อนดีเอาโล่กันจริงๆ
อยากมีเพื่อนเขยกันตัวสั่น แต่ไม่เคยเห็นใจกูสักนิด ถ้ากูต้องมีผัวชื่อโหด
เอ้ย ชื่อ อาคานิชิ จินเนี่ย!!!
จินยิ้มบาง พยักหน้ารับรู้ให้คาเมะใจชื้น
กำลังจะแอบยิ้มกับแผนการของตัวเองที่ดูท่าจะได้ผล
และจะอ้าปากโยนตำแหน่งคนหาให้ไอ้คนที่ยอมเล่นด้วย
แต่จินพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน
....ก็เพราะอย่างงี้ไงเล่า ถึงได้ไม่อยากเอาเพื่อนมาพัฒนาเป็นแฟน!!
จะทำอะไรมันก็เดาทางได้เสียหมด!! เซ็งโว๊ย!!!!...
คาเมะเหลือบตามองอย่างไม่พอใจ
คิดไม่ตกว่าจะออกจากไอ้ห้องปิดตายนี่ยังไงดี
บอกได้แบบไม่ต้องเดาเลยแล้วกัน
ว่าไอ้เพื่อนเจ็ดคนที่ถลาออกจากห้องไปพร้อมกับเหตุผลเลอเลิศเมื่อกี้
นอกจากมันจะไม่ทำตัวเป็นคนแคระคอยช่วยสโนว์ไวท์อย่างคาเมะแล้ว
เผลอๆมันอาจจะเป็นเจ็ดอสูรฝ่ายเดียวกับไอ้พ่อมดจินก็ได้
ง่ายๆว่าพวกมันอาจจะล็อคกลอนจากข้างนอก หรือถ้าเห็นคาเมะออกไปได้
พวกมันก็คงจับกลับเข้ามาไว้ในนี้เหมือนเดิม
กะจะให้เอาห้องนี้เป็นเรือนหอชิงสุกก่อนห่ามว่างั้น!!!
แล้วคิดว่าคนอย่างคาเมะจะยอมงั้นสิ???...
คนสวยปากทราม
เจ้าของหัวใจหนุ่มๆกลุ่มชมรมคนรักคาเมะมีความรู้เรื่องแป
ลนบ้านมาตั้งแต่อายุได้ แปดขวบ ว่าถ้าออกทางประตูไม่ได้
(เนื่องจากแม่จับขัง บังคับให้ทำการบ้าน)
อีกทางที่พอจะออกได้คือหน้าต่าง (คาเมะทำเป็นประจำ
จนถูกตระกูลคาเมนาชิเตะโด่งมาอยู่หอที่มีระบบความปลอดภัยดีเยี่ยม
อย่างเช่นคนดูแลหอและยาม ที่มีเบอร์โทรศัพท์แม่ของคาเมะติดกระเป๋า
ไว้รายงานพฤติกรรมจากกมลสันดานลูกชายสุดที่รัก
เพื่อจะได้มากำหราบให้ถึงโตเกียวอย่างทันถ่วงที
กันชื่อเสียงครอบครัวที่ป่นปี้มากพออยู่แล้ว จะไม่เหลือแม้แต่เศษซาก)
เพราะฉะนั้น....ก็บอกแล้วไงว่าคาเมะไม่ยอมอะไรง่ายๆหรอก...ในเมื่อออก
ทางประตูไม่ได้ กูก็ไม่ออก กูออกทางหน้าต่างก็ได้!!!!!....
คาเมะหมุนตัววิ่งไปที่หน้าต่างห้องนอนของโคยามะที่เปิดอ้ารับลม
แต่ร่างบางถือว่ามันเปิดอ้าเชิญชวนให้กระโดดออกเป็นอย่างยิ่ง
จินตาโตกับตัวเล็กๆบางๆที่วิ่งตรงไปยังหน้าต่าง
เขาถลาไปคว้าร่างมันเอาไว้
ก่อนที่คาเมะจะทันยกขาอีกข้างออกไปนอกหน้าต่าง
และอาจส่งผลให้ร่างทั้งร่างล่วงลงไปยังพื้นด้านล่าง
“กูไม่ปล่อย!! ซ่านักไม่ใช่รึไงมึงน่ะ!!
คิดจะหนีกูถึงขนาดลากไอ้พวกนั้นมาปรึกษา เรื่องนี้กูไม่ว่า
แต่มึงบ้ารึเปล่าที่จะกระโดดหน้าต่างหนีกู!! มึงเอาอะไรคิด!!!”
“ไม่ใช่เวลาประชด! ต้องให้กูโทร.บอกแม่มึงมั้ย
ว่ามึงบ้าถึงขนาดจะกระโดดหน้าต่างห้องนอนชั้นสาม”
“ไม่ต้อง!!” คาเมะหันควับกลับไปตอบเสียงขุ่น
สายตาเหลือบเห็นต้นแขนจินที่โอบรัดพาดมายังอกตน เลยอาศัยจังหวะนั้น
ก้มลงไปกัดเสียจมเขี้ยว
จินดูดดึงริมฝีปากของคาเมะรุนแรง ระบายอารมณ์โมโหและห่วงหา
เขาแทบบ้าตอนเห็นมันจะกระโดดหน้าต่าง พอดุมัน มันก็ยังดื้อด้าน
ทำไมมันไม่ฟังกันบ้าง
เสียงประท้วงยังดังต่อเนื่อง จนร่างสูงยอมผละออก
ถึงได้เห็นว่าแก้มขาวๆเป็นรอยแดง อันเกิดจากการบีบของเขา
ดวงตาเรียวคลอด้วยน้ำตา แต่ถึงอย่างนั้น
นัยน์ตาสีน้ำตาลก็ส่อแววอาฆาตมาดร้าย
“ทีนี้เลิกบ้าได้รึยัง” จินถาม
ทำเอาคนกำลังรู้สึกแปลกๆกับสายตาจากดวงตาคมถึงกับหันควับกลับมามอ
ง
ในขณะที่จินกำลังรู้สึกดีๆกับคนในอ้อมแขนที่ไม่ดื้อด้าน ดิ้นรนให้วุ่นวาย
คาเมะกลับกำลังอึ้ง แล้วนิ่งไปกับคำพูดของได้คนที่ยังเอาคางเกยไหล่
...รักมึงนี่แหละ ง่ายดี...
ง่ายดีงั้นเหรอ รักกูเพราะเห็นว่าง่ายอย่างงั้นเหรอ แล้วมึงก็จูบกู
เพราะเห็นว่ากูง่ายด้วยใช่มั้ย... คาเมะไม่รู้ว่าทำไม
อารมณ์หวานๆในตอนแรกมันถึงได้กลายเป็นความดำทะมึน
ก่อกวนในจิตใจ ที่รู้ๆคือนี่ไม่ใช่สิ่งที่คาเมะต้องการจะได้ยิน
คาเมะไม่ได้อยากจะได้ยินว่าตัวเองง่าย ตัวเองด้อยค่าขนาดนั้น
มันทำให้รู้สึกว่าเป็นแค่ของเล่น ใช่ คาเมะอาจจะยอมเป็นของเล่นให้คนอื่น
หากคิดว่ามันเป็นเรื่องสนุก แต่สำหรับผู้ชายที่ชื่อ อาคานิชิ จิน
คาเมะไม่ได้อยากเป็นของเล่นของมัน ไม่ได้อยากเป็นแค่ของแก้ว่าง
แล้วพอมันยุ่ง มันก็ลืม
“โอ้ย!!!!” จินถึงกับทรุดลงไปนั่งกับพื้น
เมื่ออาการเจ็บแปลบแล่นขึ้นมาจากท้อง เขาเงยหน้ามองด้วยความงุนงง
และสับสน เห็นไอ้ตัวแสบที่ยืนจ้องเขาอยู่
“อย่าสะเออะมาให้กูเห็นหน้ามึงอีก!!!” คาเมะตะโกนชี้หน้าด่า
แล้วสะบัดหน้าพรืด เดินตึงตังออกจากห้องทันที
...กูเกลียดมึงที่สุด!!!! ไอ้เวรจิน!!!!!!
................................................
ก็อย่างที่บอกไปแล้ว ว่าคาเมะไม่โง่และไม่บ้า เพราะฉะนั้น
หลังจากอัดเข้าไปกลางท้องของจินเต็มๆวันนั้น
คาเมะก็ไม่อยู่รอลุ้นว่าไอ้จินจะลุกขึ้นมาไล่กระทืบหรือไม่
เห็นมันทรุดลงไปแล้ว ก็เผ่นแนบกลับหอด้วยความรู้สึกย่ำแย่
และพอมาวันนี้ ก็เอาอารมณ์เซ็งๆที่ตกค้างมาเป็นข้ออ้างไม่ลุกจากเตียง
และไม่ยอมไปเรียน
“วันนี้ไม่มีเรียน” เสียงของคนใต้ผ้าห่มดังออกมาให้ยูยะส่ายหัว
“อาทิตย์ที่แล้วเรียน แล้วอาทิตย์นี้ต้องเรียนรึไงล่ะ”
ยูยะมองร่างที่ขดจนกลมของพี่ชายด้วยความเอือมระอากับนิสัยขี้เกีย
จแก้ไม่หาย หลายครั้งที่เขาต้องจับอุ้มขึ้นรถไฟใต้ดินไปทั้งๆชุดนอน
เพราะกลัวพี่ชายจะเรียนไม่จบ
แต่คนอย่างพี่ชายตัวแสบของเขาน่ะหรือจะยอมให้เขาอุ้มดีๆ
เพราะมันเล่นตะโกนลั่นรถไฟว่า ‘ช่วยด้วย มันลักพาตัวผม!!!’
สรุปเลยกลายเป็นวุ่นวายกันไปใหญ่
แล้วเจ้าพี่ชายสุดที่รักของเขาก็เลยเนียนไม่ได้ไปมหา’ลัยอีกวัน
เพราะมัวแต่เคลียร์กับเจ้าหน้าที่ในสถานี
ยูยะชั่งใจ ไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับพี่ชายนิสัยสุดโต่งแบบนี้ อ้อ...ใช่ล่ะ
เขาลืมเพื่อนๆของคาซึยะไปได้ยังไง
“คาซึทะเลาะกับเพื่อนเหรอ”
“คาซึ...เป็นอะไรรึเปล่า”
ยูยะไม่เข้าใจอารมณ์ที่คล้ายจะเหมือนสาวน้อยผิดหวังในรัก
และหมดอาลัยตายอยากจนพาลไม่ไปโรงเรียนของพี่นัก ได้แต่ส่งเสียงถาม
แล้วเดินเข้าไปทรุดตัวลงนั่งบนเตียง วางมือลงบนผ้าห่มเบาๆ
“ถ้าแกยังกวนฉันอีกครั้งเดียว ตัดพี่ตัดน้องแน่!!”
คาเมะตะโกนออกมาจากผ้าห่ม ยูยะมองร่างกลมๆบนเตียงแล้วถอนหายใจ
รู้ดีว่าอีกฝ่ายแปลกไป และก็รู้ด้วย ว่าถ้าคาเมะคิดจะไม่เล่า ไม่บอก
เขาก็คงไม่มีทางรู้ ต่อให้เอาอะไรมาแงะปาก นอกจากมันจะไม่พูดแล้ว
เจ้าพี่ชายนิสัยเสียของเขายังจะถีบเข้าให้
คนเป็นน้องเอนร่างลงนอนเบียดพี่บนเตียงเดียวกัน
ยูยะเหลือบมองเจ้าของคำชวนที่ยังขดอยู่ใต้ผ้าห่ม
คำตอบของเขาไม่มีอะไรมากนักหรอก นอกจากตกลง ก็ในเมื่อ
การที่คาเมะทำตัวไม่สมกับเป็นพี่ห่าม ที่เคยหาเหาใส่หัวตัวเอง
และหัวทุกคนในตระกูลอย่างสม่ำเสมอ มันทำให้ยูยะรู้สึกว่า
การเอาเหามาใส่หัวเขา ยังจะเป็นเรื่องปกติมากเสียกว่า คาเมนาชิ คาซึยะ
ที่เก็บกดเช่นนี้
....................................
“ไม่แน่ น้องมันอาจจะไม่อยู่หอก็ได้
ไอ้คาเมะเลยรับผิดชอบชีวิตตัวเองไม่เป็น” โคยามะสันนิษฐาน
“โอ้ย...ถ้าน้องมันไม่อยู่นะ ป่านนี้โทรศัพท์พวกมึงดังจนหนวกหูแล้ว”
จิมมี่บอกอย่างรู้นิสัยคาเมะดี ว่าถ้ามันพึ่งน้องไม่ได้
ไอ้เพื่อนอีกแปดชีวิตเนี่ยแหละ ที่ต้องยอมให้มันเกาะ
แต่แม้ทุกคนจะห่วงมันแค่ไหน ด้วยความที่ทั้งวันมีเรียนจนถึงเย็น
และมีงานกลุ่มที่ต้องส่งพรุ่งนี้เช้า
แปดหนุ่มจึงตัดสินใจจะทำงานในส่วนของคาเมะแทนไปด้วย
แล้วยกยอดการไปเยี่ยมคาเมะเป็นวันถัดไปแทน
.....................................
“สองพี่น้องคาเมนาชิน่ะเหรอ...กลับบ้านตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะ”
นั่นคือคำบอกเล่าของคนดูแลหอ ทันทีที่จินและผองเพื่อน
เหยียบย่างเข้ามาใต้ตึก คนดูแลก็เข้ามาทักทายเพราะรู้จักกันดี
ก่อนจะเล่าถึงเรื่องสองพี่น้อง ที่ไม่อยู่ห้องตั้งแต่เมื่อวานตอนสาย
“อื้อ...ก็ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรหรอกนะ
แต่เห็นคนน้องเขาวิ่งมาบอกเมื่อวานตอนสักสิบโมงได้มั้ง
ว่าจะกลับต่างจังหวัดสักสองสามวัน”
“อา...ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่คงจะเป็นแถวๆฮอกไกโดล่ะมั้ง”
จินล้าไปทั้งแขน ไม่รู้จะไปตามหาจากไหน
ฮอกไกโดไม่ได้เล็กแคบเท่าฝ่ามือ ที่จะหาได้ด้วยกำลังของเขาแค่คนเดียว
หรืออย่าว่าให้ทั้งกลุ่มช่วยกันหาเลย ยังไงก็ไม่มีทางเจอ
แต่แล้วจะปล่อยมันไปแบบนี้น่ะเหรอ จินบอกเลยว่าไม่มีวัน!!
เขาไม่ยอมให้มันหลบหน้าเขาหรอก!!
แสบ...แสบนัก...แสบจริงๆ ไอ้คาเมะมันทำเขาแสบจริงๆ
มันต่อยเขาซะทรุดวันนั้น แล้ววันนี้มันก็หนีความผิดไปแบบนี้
มันคงคิดว่าเขาไม่กล้าตามหาใช่มั้ย ได้...ฮอกไกโดมันใหญ่นัก
กูก็จะตามหามึงให้เจอ คาเมะ!!!
“กูจะตามหาคาเมะให้เจอ”
“กูต้องหาเจอ!”
ร่างสูงบอกให้เพื่อนคนอื่นๆส่ายหัวกับความดื้อเกินใครของมัน
“แล้วมึงจะไปคนเดียวเนี่ยนะ!! ไม่มีทาง!!
พวกกูก็อยากไปเที่ยวบ้านไอ้คาเมะเหมือนกันนะเว้ย” โคคิร้องบอก
ทั้งๆที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าบ้านคาเมะอยู่แถวไหน แต่เอาเถอะ ยังไงๆ
เขาก็ไม่ปล่อยให้ไอ้จินไปตามหาคาเมะคนเดียวหรอกหน่า เกิดเจอขึ้นมา
แล้วไอ้จินอยู่คนเดียว มีหวังมันเล่นไอ้ห่ามนั่นยับแน่ ก็ดูหน้ามันซะก่อน
โหดเกินหมาบ้าอีก
ไม่นานนัก รถตู้จากศูนย์เช่ารถก็มาอยู่ในมือแปดหนุ่ม
แถมด้วยที่อยู่ของคาเมะ ที่เรียวโทร.ไถมาจากกลุ่มชมรมคนรักคาเมะ
หากจะว่าไปแล้ว การขอที่อยู่ของไอ้ห่ามนั่น ไม่ยากนักหรอก
ที่ยากคือการตอบคำถามของไอ้คนที่ตั้งตัวเป็นประธานชมรมที่ว่า ‘จะ
เอาที่อยู่ของคาเมะจังไปทำไม!!’ เรียวอยากจะตะโกนกรอกหูมันจริงๆ
ว่าพวกกูน่ะเพื่อนไอ้คาเมะโว๊ย แต่จะว่าไปก็ไม่ถูกนักหรอก
เพราะมีบางคนที่ไม่ใช่เพื่อน และมันก็ประกาศปาวๆ
เปลี่ยนสถานะต่อหน้าเพื่อนฝูงแล้วเรียบร้อย
เมื่อรถพร้อม ที่อยู่ก็มาอยู่ในมือ
แปดหนุ่มก็เคลื่อนตัวด้วยความเร็วจี๋ตามการเหยียบคันเร่งของคุณชาย
อาคานิชิ จิน ที่เปลี่ยนสภาพถนนในประเทศญี่ปุ่นกลายเป็น
สนามรถแข่งไปเสีย
.........................................
“ลูกอย่างแกน่ะ ฉันไม่เอาขี้เถ้ายัดปากตั้งแต่เกิดก็บุญจะแย่แล้ว!!
ไปไป! ไปเก็บผ้าหลังบ้าน!!” คุณแม่คนดียังยืนตะโกนอยู่เหนือหัวให้ลั่น
เจ้าลูกชายตัวดีเลยยอมลงจากเปลเดินไปเก็บผ้าตามบัญชา
ให้ลูกชายคนเล็กอย่างยูยะต้องรีบวิ่งเข้ามาหาแม่
“สรุปมันอกหักแน่เหรอ ไม่ใช่มันหนีเจ้าหนี้กลับมาหรอกนะ”
แม่ยังมองลูกชายจอมแสบในแง่ร้ายเสมอ
เพราะมันสร้างปัญหาให้ทางบ้านมาตลอดชีวิต นับตั้งแต่มันเกิดขึ้นมา
“แน่สิแม่ คราวนี้คาซึมันแย่จริงๆ”
สองแม่ลูกคาเมนาชิคุยกันได้พักใหญ่ๆ เสียงรถก็ดังขึ้นที่หน้าประตูบ้าน
ให้ต้องหันไปมอง
“ใครมาล่ะนั่น” คนเป็นแม่มองด้วยความสงสัย
กับเจ้ารถตู้ที่จอดฉึ้กเข้ามาที่หน้าประตูบ้าน ประตูรถเปิดออก
พร้อมด้วยผู้ชายห้าหกคนกรูกันลงมา
ให้หญิงวัยกลางคนยกมือทาบอกด้วยความตกใจ
“เจ้าหนี้ไอ้คาซึยะรึเปล่าเนี่ย!!!”
“ไม่ใช่แม่ เพื่อนคาซึมันน่ะ
หนึ่งในนั้นมีว่าที่ลูกเขยของแม่ด้วยล่ะ...เดี๋ยวผมออกไปหาก่อนนะ”
ยูยะออกจะสงสัยเล็กน้อย ที่เพื่อนๆของพี่ชายพากันบุกบ้านเขาแบบนี้
แต่พอเห็นคนที่ลงมาจากประตูฝั่งคนขับ น้องชายร่างสูงก็เข้าใจแจ่มแจ้ง
ยิ่งเห็นหน้าโหดๆ กับคิ้วที่ขมวดจนมุ่น ก็พอเข้าใจว่า อาคานิชิ จิน หรือ
ไอ้ตะไลจิน ในคำละเมอของพี่ชาย ต้องการ ‘เคลียร์’ อย่างด่วนที่สุด
อย่าถามเลย ว่าทำไมพวกเขาถึงไม่บอกให้ไอ้คนขับมันแวะปั๊มน้ำมัน
เพื่อเข้าห้องน้ำ หรือหาที่พักสำหรับผู้เดินทางได้หาความสุขจากสุขาบ้าง
พวกเขาน่ะบอกไอ้จินมันแล้ว แต่ได้คำตอบจากไอ้โหดกลับมาว่า ‘ไม่จอด
ถ้าพวกมึงปวดมาก ก็เปิดประตู กระโดดลงไปเอง’ มันโหดจริงๆ ไอ้นี่
“ครับๆ พวกพี่มาหาคาซึเหรอ” ยูยะรีบเปิดประตู
คนถามมองหน้าจินอย่างหนักใจ ก่อนจะถามคำถามที่หล่อนคิดว่า
มันเป็นคำถามที่เหมาะที่สุดแล้วในเวลานี้
“แม่จะเล่าเรื่องสมัยมันเด็กๆให้ฟัง... แต่ก่อนพี่มันซื้อกระต่ายมาเลี้ยง
ไอ้แสบก็อยากได้บ้าง
เลยเอากระต่ายของพี่มันไปขังไว้ในห้องนอนมันคืนนึง
เช้าวันต่อมา มันก็บอกเขาไปทั่ว ว่ากระต่ายเป็นเมียมันแล้ว
เพราะงั้นต้องยกให้มัน แล้วทายได้ใช่มั้ย ว่ามันเล่นอะไรกับกระต่ายมั่ง
เอามัดกับสเก็ตบอร์ดไถลงจากเนินเขาอย่างนี้ เอาไปหนุนหัวนอนอย่างนี้
มันไม่ตายภายในสามวันก็บุญเท่าไหร่แล้ว นี่ยังดีนะ ตอนมันเลี้ยงแมวน่ะ
บังเอิญว่าเป็นแมวตัวผู้ มันก็บอกเขาไปหมดว่าไอ้แมวนี่เป็นผัวมัน นู่น~!
มันเอาผัวแมวไปผูกกับเบ็ดตกปลา หย่อนลงไปในน้ำที่ริมบึง มันว่า
อยากให้แมวได้กินปลาสดๆจากแหล่ง มันน่ะบ้า!!!”
จินยืนฟังวีรกรรมของคนที่เขาหลงรัก แล้วไม่รู้จะขำ
หรือจะอยากเขกหัวคาเมะดี
มันแสบแม้กระทั่งกับสัตว์ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างนั้นเหรอเนี่ย
“เจ้าลูกแสบน่ะ ถูกเรียกพบผู้ปกครองตั้งแต่มันอายุได้สี่ขวบ
มันห่ามตั้งแต่อนุบาลสองได้ล่ะมั้ง ตอนนั้นเขาให้มันนอนกลางวัน
มันก็ไม่นอน
ไปเอากรรไกรมาไล่ตัดผมเพื่อนในห้องที่หลับซะหัวแหว่งเป็นหนูแทะ
กันหมด แม่พูดจริงๆนะ ถอนตัวตอนนี้ยังทัน นรกบนดินมันมีจริงๆ!!”
แม่ของคาเมะมีน้ำใจมากพอที่จะเตือนให้จินได้รู้ตัวเสียตั้งแต่เนิ่นๆ
เพราะรู้ดีว่า ลองคาเมะได้อะไรแล้ว รายนั้นจะไม่ยอมให้หลุดมือไป
ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น
“ผมไม่ถอนตัวหรอกครับ ผมรักเขา”
....มึงเป็นคนที่ชอบของแปลกนี่เอง พวกกูรู้แล้ว....
...........................................
คาเมะช็อคจนตาถลนออกมานอกเบ้า
หลังจากหอบผ้าที่ตากแล้วกลับเข้ามาในบ้าน และพบว่า
มีแขกมาเยี่ยมเขาพร้อมกันถึง แปดคน
...ไม่รู้ว่าพวกมันรู้ที่อยู่ได้ยังไง แต่ที่แน่ๆคือพวกมันตามมาที่บ้านเขา
ภายในหนึ่งวันหลังจากเขาหนีไอ้จินขึ้นมา
อย่างงี้ที่ถ่อมาถึงนี่ก็ไม่มีประโยชน์เลยน่ะสิ เพราะไอ้คนที่คาเมะตั้งใจจะหนี
ดันมานั่งทำหน้าไม่สบอารมณ์อยู่ในบ้านแบบนี้
“นั่งรถมาดิ...ไอ้จินมีเรื่องจะคุยกับมึงแหน่ะ” คนตอบคือจุนโนะ
แล้วจากนั้น ก็ไม่มีใครได้พูดอะไรอีก เพราะจินลุกขึ้นยืน
แล้วตรงเข้ามาจับแขนคาเมะลากขึ้นไปยังชั้นสอง
ทำตัวประหนึ่งว่าเป็นบ้านตัวเอง เพราะก่อนหน้านั้น
แม่คาเมะมาบอกตำแหน่งห้องหับของบ้านหลังนี้เอาไว้หมดแล้ว
บอกด้วยซ้ำว่า ‘ลากไอ้แสบเข้าห้องมันไปเลยนะจ๊ะ
ห้องมันอยู่สุดทางซ้ายมือชั้นสอง
แม่ให้คนล็อคหน้าต่างจากข้างนอกไว้แล้ว!!’
นับว่าเป็นผู้หญิงที่ควรค่าแก่การเกิดมาเป็นแม่ไอ้ห่ามจริงๆ
เพราะเดาทางหนีทีไล่ของลูกชายออกแจ่มแจ้ง!!!
เสียงโวยวายของคาเมะดังลั่นบ้าน แต่ไม่มีใครคิดจะขยับตัวลุกขึ้นมาช่วย
คาเมะเพิ่งเข้าใจวันนี้เอง
ว่านอกจากเพื่อนอีกเจ็ดคนจะแปรพักตร์ไปอยู่ฝ่ายจินกันหมดแล้ว
คนทั้งบ้านคาเมนาชิก็ไม่มีใครอยู่ฝ่ายตนสักคนเดียว!!
“จะคุยอะไรกับกู ก็ลงไปคุยกันข้างล่าง”
รู้แล้วว่าอาละวาดไปก็ไม่ช่วยให้ใครกดเรียกตำรวจมาจัดการไอ้จิน
เพราะฉะนั้น คาเมะเลยเลิกแหกปาก แล้วใช้วิธีเจรจาด้วยน้ำเสียงแข็งๆแทน
...ก็แล้วจะให้คาเมะอ่อนหวานกับมันรึไง ไม่มีทาง
คาเมะบอกแล้วว่าเกลียดมัน จะไม่ญาติดีกับมันอีก คนที่คิดว่าคาเมะง่ายน่ะ
คนประเภทนั้น อย่ามายุ่งกันเลยดีกว่า!!!...
“มึงจะบ้าเหรอ!!!!!” คาเมะถามได้แค่นั้น
ร่างสูงก็ก้าวเข้ามาคว้าร่างบางเข้าไปกอดแนบเข้ากับอก
ฝังหน้าลงกับซอกคอขาว ด้วยกลัวว่ามันจะหายไปไหนอีก
ร่างสูงผละออกมา เอาสองมือวางทาบลงกับแก้มขาว
แล้วประคองหน้าเรียวให้เงยมองเขา
ดวงตาสีน้ำตาลที่เคยมองเขาอย่างเคืองแค้นอาฆาต
ตอนนี้มันเต็มไปด้วยความน้อยใจ ความโกรธ ความเสียใจ
“คาเมะ...ที่บอกว่าง่าย ก็เพราะว่ากูคิดว่ามันง่ายจริงๆ
กูไม่ได้หมายความว่ามึงไม่มีค่า คำว่าง่ายของกูหมายความว่า
กูยอมรับความรู้สึกที่กูมีได้ง่ายๆ เพราะกูไม่ต้องมาคอยกังวลว่า
กูมีเหตุผลอะไรมารักมึง กูรักมึงเพราะกูอยากรัก มันง่ายใช่มั้ย
เพราะว่ากูอยากรัก กูก็เลยรัก”
คาเมะได้แต่ยืนตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่าย รู้ว่าตัวเองถูกจูบ
แล้วก็รู้ว่าตัวเองไม่ได้เมา แต่ทั้งอย่างนั้น คาเมะก็มึนไปกับจูบหวานๆ
ที่แสนอ่อนโยนนั่น มันไม่ได้เร่งรัด ไม่ได้ดุดัน ไม่ได้เรียกร้อง
แต่มันหวานฉ่ำจนหัวใจสั่นไหว ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายนำไปด้วยปลายลิ้น
และฝ่ามือที่ลูบไล้จากแผ่นหลังมายังสะโพกกลม
“อ๊ะ!” มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ขาชนกับอะไรบางอย่าง
แล้วหงายหลังลงไปนอนกับเตียง เปิดโอกาสให้จินทรุดตัวลงตามทาบทับ
“จ...จิน...” คาเมะตื่นกับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น
ทั้งๆที่ไม่ใช่ครั้งแรกของเรื่องแบบนี้
แต่มันก็เป็นครั้งแรกที่คาเมะจะมีอะไรกับผู้ชายด้วยกัน
และมันก็เป็นครั้งแรกที่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจินก้าวมาไกลถึงขั้นนี้
“รักหรือไม่รัก เดี๋ยวค่อยถามอีกทีแล้วกัน”
จินไม่ปล่อยให้คาเมะถามอะไรอีกต่อไปแล้ว
เขาก้มลงปิดกลีบปากบางๆนั่นอีกครั้ง
ขณะที่สองมือปลดเสื้อผ้าอีกฝ่ายออกช้าๆ ส่งมือลูบไล้เข้าไปทุกเนื้อผิว
เนื้อตัวมันร้อนระอุ เขาลูบผ่านแผ่นอกบาง เรื่อยไปยังแผ่นหลัง
ลงน้ำหนักเล็กน้อยเป็นบางจุด ให้คาเมะสะท้านเฮือก
และเมื่อเขาละมือลงไปยังขอบกางเกงขาสั้น
ร่างเล็กๆนั่นก็สะดุ้งผวาดข้ากอด
“จ...จิน...มัน” คาเมะตื่นตระหนกแค่ไหน จินรู้ดี
แต่เขาไม่อยากหยุดแล้ว เขาอยากรวบรัดคาเมะเดี๋ยวนี้
อยากกกกอดมันเอาไว้ในอ้อมแขนนี้ เผื่อบางที มันอาจจะไม่หนีเขาไปอีก
ไม่ทิ้งให้เขาต้องตามหามันเป็นบ้าแบบนี้อีก จินปลดกางเกงของคาเมะออก
แล้วรูดมันออกไปทางปลายเท้าพร้อมบ็อคเซอร์ตัวใน
เหลือเพียงร่างเปลือยเปล่าในอ้อมแขนที่สั่นสะท้าน
ยามเขาไล่ริมฝีปากลงมาครอบครองยอดอกเล็ก ดูดดึงจนมันแข็งชูชัน
ขณะที่มือหยาบควานลงต่ำลูบไล้เบื้องล่าง ปลายนิ้วหยาบแบบผู้ชาย
ทำให้ส่วนอ่อนไหวส่งความรู้สึกลึกล้ำ และความอับอายมายังจิตใจ
ให้คาเมะเขินเกินกว่าจะโวยวาย และรู้สึกดีเกินกว่าจะผลักไส
จินกดจูบลงกับส่วนที่กำลังขยายตัว ก่อนจะแตะปลายลิ้นเบาๆ
เพียงเท่านั้นคาเมะก็สะท้านไปทั้งร่าง ยิ่งปลายลิ้นลากไล้มากเท่าไหร่
เสียงหอบคราง และสะอื้นฮักก็ยิ่งดังมากขึ้นเท่านั้น
และเมื่อเขาครอบครองทั้งหมดด้วยโพรงปากร้อน
สะโพกมนก็ยิ่งกระดกลอยจากพื้นเตียง
พร้อมกับเสียงครางที่ทำให้ร่างสูงรู้สึกว่าตัวเองอึดอัดมากเกินกว่าจะทนไหว
และพาลให้อยากทะลักทะลายออกมาเสียเดี๋ยวนี้
ขณะที่ปากยังมอบความฉ่ำชื้น และความระอุ
มือหนาก็เริ่มเปลี่ยนลงมาคลายความคับแน่นที่กางเกงยีนส์ของตัวเองด้วยกา
รปลดตะขอออก ให้ส่วนที่กำลังเติบโตได้โผล่พ้นออกมายังภายนอก
“จ...จ...จิน...” ตอนนี้ลืมไปหมดแล้ว
ว่าเคยตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่ยอมเป็นเมียมันเด็ดขาด
คาเมะเองก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงไม่รังเกียจกับสิ่งที่จินทำ
ซ้ำยังยอมมันมากถึงขนาดนี้ และที่สำคัญ
คือคาเมะไม่เข้าใจว่าทำไมร่างกายถึงว่าง่ายกับสัมผัสของจินจนแ
ทบทนไม่ไหว ต้องส่งสองมือไปประคองส่วนที่ถูกทอดทิ้งนั่นเอาไว้
เพื่อนำพาอารมณ์ให้ไปยังปลายทาง
จินจับมือเล็กออกห่าง แล้วมองหน้าแดงก่ำด้วยสายตาดุๆ
ก่อนจะทาบตัวลงมา ให้ส่วนร้อนแข็งขืนได้เสียดสีกันและกัน
“อ๊ะ!...จ...จิน...!!”
“นิดเดียวเท่านั้น” จินค่อยๆขยายช่องทางด้วยปลายนิ้ว
เพิ่มจำนวนมันจนมากพอแล้ว และรับรู้ถึงความชุ่มชื้นจากภายใน
เขาจึงเปลี่ยนสิ่งที่สอดใส่ เป็นร่างกายของเขาเอง
“อย่าเกร็ง...คนดี” จินกระซิบบอก
เขาอึดอัดแทบบ้ากับความร้อนรุ่มภายใน มันตอดรัด และดูดดึง
เขาอยากจมเข้าไปมากกว่านี้ แต่ก็รู้ว่าแค่นี้ คาเมะก็ย่ำแย่เกินทนแล้ว
จินหยุดการขับเคลื่อน เพื่อให้ร่างกายอีกฝ่ายได้คุ้นชิน
จนช่องทางเริ่มคลายตัว เขาจึงเริ่มขยับ และเมื่อได้สัมผัส
ได้เสียดสี ได้กอดรัดกันและกันเอาไว้
โลกทั้งใบก็ให้ความรู้สึกที่ว่าเหลือพวกเขาแค่สองคน
เรียกขานกันแค่สองคน มีแค่ จิน กับ คาซึยะ และร่างกายที่เชื่อมเกี่ยวถึงกัน
“ม...ไม่ไหว...อ๊ะ...ไม่ไหวแล้วจิน...”
คาเมะครางเสียงสั่นอยู่กับบ่ากว้างของคนที่ยังกกกอดไม่ห่าง
ร่างกายเบื้องล่างร้อนจนแทบไหม้จากการเสียดสี
เสียงหอบครางของคนทั้งคู่ดังสอดประสานกัน
ในขณะที่ร่างกายเบื้องบนรับรู้แรงเต้นของหัวใจที่ดังสะท้อนระหว่างอกกับอ
ก
“คาซึยะ...” จินจูบกลีบปากบางอีกครั้ง
ขณะเพิ่มความรุนแรงกับการสอดใส่มากยิ่งขึ้น
เพื่อพาเขาและคนในอ้อมแขนขึ้นไปตักตวงความสุข
อันหอมหวานของปลายทาง เสียงครางดังอยู่ในลำคอ
เมื่อจินไม่ยอมปล่อยให้คาเมะได้ร้องอย่างที่อยากร้อง
ยามถูกอัดกระแทกอย่างรุนแรงในครั้งสุดท้าย
“รักกันรึยังล่ะ”
“เอ๊ะ?”
...................................................
“หื้อ...ไม่...ไม่เอาแล้ว” ในห้องนอนที่เสียงหอบยังไม่จางหายไป
ไอร้อนจากร่างกายคนทั้งคู่ยังเจืออยู่ทุกอณูอากาศ
คาเมะได้แต่ร้องบอกอย่างอ่อนแรง สองมือพยายามดันอกหนาให้ออกห่าง
หน้าพยายามหันหนีจากการฝังรอยจูบตามผิวแก้ม
หน้าผาก คอ แต่ถึงอย่างนั้น ริมฝีปาก และฝ่ามือของจิน
ก็ยังไปถึงส่วนอื่นๆที่คาเมะไม่อาจปกป้องได้อยู่ดี
“อ๊ะ!! อย่า....อ๊ะ!!...อื้อ...”
แล้วบทลงโทษรอบที่สามก็เริ่มขึ้นบทเตียงที่ผ้าปูที่นอนยับย่นนั้นเอง
...........................................
“พอ...พอแล้ว...ไม่ไหวแล้ว” คาเมะวอนขอสลับเสียงหอบ
ตาปรือจนแทบปิด รับไม่ไหวอีกแล้ว หากจินจะทำต่อไป
ไม่รู้หมอนี่จะอึดไปไหน มันไม่ให้คาเมะพักบ้างเลย
เพิ่งเสร็จรอบที่สามไปหยกๆ มันจะต่อรอบที่สี่อีกแล้ว
“ไม่ตอบสักที งั้นต้องลงโทษ”
“ม่ายยยยยยยยยยยยยย!!!!!!”
............................................
“รักกันรึยังคาซึยะ....” คำถามจากคนตัวโตที่คร่อมทับอยู่ด้านบน
คาเมะไม่มีแรงแม้แต่จะตอบ แค่จะหายใจยังทำไม่ค่อยทัน
จะส่งเสียงตอบคำถามมันเป็นว่าหมดหวังไปได้เลย
“งั้นลงโทษนะ” มือเล็กยกขึ้นดันอกหนาเบาๆ เพราะหมดสิ้นเรี่ยวแรง
ไม่มีฤทธิ์เดชใดๆอีก คาเมะทำได้แค่ภาษากายแค่นั้น
จินมองคนหมดท่าแล้วได้แต่ยิ้ม
ร่างบางส่งสองมือขึ้นไปโอบรอบลำคอหนา
แล้วดึงให้อีกฝ่ายโน้มตัวลงมาหา ก่อนจะบอกเสียงล้ากับใบหู
“เมื่อกี้เห็นร้องซะหวาน ที่แท้เจ็บหรอกเหรอ”
“ก็ของมึงมันใหญ่นี่หว่า ถ้ายังทำศัลยกรรมลดขนาดไม่ได้
ไม่ต้องมาทำกูเลยนะ” คาเมะเงยหน้าบอกเสียงเข้ม ให้จินถึงกับตาโต
“ไม่รู้ล่ะ กูเตือนมึงไว้ก่อนแล้วกัน
ว่าถ้าลดขนาดมังกรมึงให้กลายเป็นไส้เดือนไม่ได้ ไม่ต้องมาคุยกัน
ราตรีสวัสดิ์มึง” ไม่นานนัก คนที่เหนื่อยจากสมรภูมิรักก็หลับสนิท
แล้วปล่อยให้คนที่เคยเอาแต่ ‘เตือน’
มาตลอดถึงคราวเหวอและอึ้งกับคำเตือนที่ย้อนศรเข้าหาตัวเอง
…ไอ้คาเม๊~!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!...
FIN