Professional Documents
Culture Documents
Atomic Physics
Atomic Physics
เนื้อหา
1. นิวเคลียส
2. พลังงานยึดเหนี่ยว และแรงนิวเคลียร์
3. แบบจาลองของนิวเคลียส
4. การสลายตัวของธาตุกัมมันตรังสี
5. ชนิดของรังสีจากการสลายตัว
6. ธรรมชาติการสลายตัว
7. ปฏิกิริยานิวเคลียร์
วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
เมื่อศึกษาจบแล้ว นักศึกษาสามารถ
1. บอกความหมาย และองค์ประกอบของนิวเคลียสได้
2. อธิบายพลังงานยึดเหนี่ยวและแรงยึดเหนี่ยวในนิวเคลียสได้
3. อธิบายสมบัติของนิวเคลียสจากแบบจาลองของนิวเคลียสได้
4. อธิบายการสลายตัวของสารกัมมันตภาพรังสี และประโยชน์และโทษ จากรังสีได้
5. บอกชนิดและสมบัติของรังสีที่เกิดจากการสลายตัวของสารกัมมันตรังสีได้
6. อธิบายการเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ พร้อมทั้งการใช้ประโยชน์ จากปฏิกิริยานิวเคลียร์ได้
วิธีสอนและกิจกรรม
บรรยายโดยใช้แผ่นใส
วีดีทัศน์
ค้นคว้าข้อมูลจากเอกสาร และจากอินเทอร์เน็ต
อภิปรายกลุ่ม
208
สื่อการเรียนการสอน
ตาราและเอกสารประกอบการสอน
แผ่นใสพร้อมแผนภูมิประกอบ
ตัวอย่างสารกัมมันตรังสี
เครื่องมือวัดรังสีแบบไกเกอร์ เคาร์เตอร์
เครื่องมือวัดรังสีแบบหน้าต่างบาง ชนิดช่องเดี่ยว (single channel)
การวัดผลและการประเมินผล
สังเกต ซักถาม และความสนใจ
ตรวจสอบงานที่ได้รับมอบหมาย
แบบฝึกหัด แบบทดสอบ
209
บทที่ 8
ฟิสิกส์ของนิวเคลียร์
อะตอมประกอบด้วยอิเล็กตรอนและนิวเคลียส ในนิวเคลียสจะประกอบด้วยอนุภาค
หลัก คือ โปรตอนและนิวตรอน อนุภาคทั้งสองรวมกันอยู่เรียกว่า นิวคลีออน (nucleon)
ในบทนี้จะการศึกษาเกี่ยวกับโครงสร้างภายในของนิวเคลียส การเปลี่ยนแปลงของนิวเคลียส
ตลอดจนสมบัติต่าง ๆ ของนิวเคลียส กัมมันตภาพรังสี การสลายตัวของสารกัมมันตรังสี ชนิด
ของรังสีที่ได้จากการสลายตัว และปฏิกิริยานิวเคลียร์
8.1 นิวเคลียส
8.1.1 อนุภาคในนิวเคลียส
อะตอมประกอบด้วยนิวเคลียส ภายในนิวเคลียสประกอบด้วยอนุภาค โปรตอนซึ่งมี
ประจุเป็นบวก และนิวตรอนเป็นอนุภาคที่ไม่มีประจุไฟฟ้า ประจุบวกเป็นมวลเกือบทั้งหมด ของ
อะตอม และมีอิเล็กตรอนซึ่งมีประจุลบเคลื่อนที่อยู่รอบ ๆ นิวเคลียส แรงยึดเหนี่ยวระหว่าง
อิเล็กตรอนกับนิวเคลียส จะยึดเหนี่ยวกันด้วยแรงคูลอมบ์ โดยปกติอะตอมจะเป็นกลางทาง
ไฟฟ้า มีจานวนประจุบวกในนิวเคลียส และประจุลบของอิเล็กตรอนเท่ากัน มวลและประจุของ
อนุภาคในนิวเคลียส แสดงได้ ดังตาราง8.1
8.1. 2 ขนาดของนิวเคลียส
V R3
หรือ V A
ดังนั้น R3 A
R = r0 A1 / 3 (8.1)
เมื่อ r0 เป็นค่าคงตัวของรัศมี (radius constant) มีค่าเท่ากับ 1.2 1.4 fm
8.2.1 พลังงานยึดเหนี่ยว
เนื่องจากมวลของนิวเคลียสมีขนาดเล็กมาก ๆ จึงกาหนดหน่วยของมวลของนิวเคลี ยส
โดยใช้อะตอมของธาตุคาร์บอน-12 เป็นมาตรฐาน เรียกว่า หน่วยมวล เชิง อะตอม (atomic
mass unit) ใช้ตัวย่อเป็น amu. หรือ u โดยที่
1
1 u = ของมวลอะตอมของคาร์บอน-12
12
= 1.66057 10 27 kg
มวลของอนุภาค และไอโซโทปของนิวเคลียสของธาตุบางชนิด ในหน่วยมวล เชิง
อะตอม ( u ) แสดงได้ดังตารางที่ 8.2
ไอโซโทป มวลอะตอม ( u )
e 0.000548
n 1.008665
1
1 H 1.007275
2
1 H 2.014102
3
1 H 3.016050
3
2 He 3.016030
4
2 He 4.002603
5
3 Li 5.012500
6
3 Li 6.01512
7
3 Li 7.016004
12
6 C 12.00000
13
6 C 13.003354
14
6 C 14.003242
14
7 N 14.003074
16
8 O 15.994915
17
8 O 16.999133
18
8 O 17.999160
235
92 U 235.043915
238
92 U 238.050770
213
BE / A ( MeV )
เลขมวล (A)
8.2.2 แรงนิวเคลียร์
นิวเคลียสมีเสถียรภาพจะอยู่ด้วยกันได้ด้วยค่าพลังงานยึดเหนี่ยว ซึ่งค่าพลังงานเป็นผล
มาจากแรงค่าหนึ่งที่เกิดขึ้นในนิวเคลียส แรงนี้เรียกว่าเป็นแรงนิวเคลียร์
ยูกาวา ( H. Yukawa) ได้เสนอแนวคิดว่า แรงนิวเคลีย ร์ซึ่งเป็นแรงยึดเหนี่ยวของ
นิวคลีออนในนิวเคลียส เกิดจากการแลกเปลี่ยนอนุภาคที่เรียกว่า พาย – เมซอน ส่งไปมา
ระหว่าง นิวคลีออนที่อยู่ใกล้ ๆ กัน การแลกเปลี่ยน พาย - เมซอน โดยพิจารณาว่าทุก ๆ
นิวคลีออน จะประกอบด้วยแกนกลางที่เหมือนกัน มีอนุภาคเมซอนห่อหุ้มอยู่รอบ ๆ อนุภาค
เมซอน จะมีประจุ เป็น 0 , e , และ e ซึ่งเป็นประจุของอิเล็กตรอน และการที่นิวคลีออนตัว
ใดจะแสดงตัวเป็นนิวตรอน หรือโปรตอนจะขึ้นอยู่กับอนุภาคเมซอน ที่อยู่รอบ ๆ แรงกระทา
ระหว่างนิวตรอนกับนิวตรอน หรือโปรตอนกับโปรตอน เกิดจากการแลกเปลี่ยนอนุภาคที่เป็น
215
8.3 แบบจาลองของนิวเคลียส
8.3.1 แบบจาลองหยดของเหลว
8.3.2 แบบจาลองชั้น
จากปรากฏการณ์และผลการทดลองแสดงว่า นิวคลีออนในนิวเคลียสประพฤติตัวเป็น
อนุภาคที่อิสระต่อกันคล้ายกับอิเล็กตรอนในอะตอม โดยที่อิเล็กตรอนในอะตอมเคลื่อนที่ภายใต้
แรงคูลอมบ์ ดังนั้นนิวคลีออนจะ ต้องเคลื่อนที่ในสนามของแรงของนิวเคลียส ซึ่งเป็นแรงในแนว
สู่ศูนย์กลางโครงสร้างของนิวเคลียสควรจะเป็นทานองเดียวกันกับอะตอม หรือกล่าวได้ว่า
นิวคลีออน จะมีสถานะควอนตัม (quantum states) ที่แน่นอน การเรียงตัวของนิวคลีออนจะ
จัดอยู่เป็นชั้น ๆ และ เป็นตามหลักการห้ามซ้อนกันของพอลลี (Paull’s exclusion principle)
ซึ่งแต่ละสถานะพลังงานของนิวคลีออน จะกาหนดด้วยเลขควอนตัม n และ l แบบจาลอง
นิวเคลียสนี้ เรียกว่า แบบจาลองชั้น (shell model)
การเรียงตัวของอิเล็กตรอนเป็นชั้นในอะตอมมีลักษณะที่แสดงถึงสมบัติของอะตอมนั้น
ๆ เช่น อะตอมที่มีอิเล็กตรอนเป็นจานวน 2 10 18 36 54 และ 86 ตัว จะเป็นอะตอมที่มี
อิเล็กตรอนครบชั้นพอดีจะแสดงสมบัติเป็นอะตอมที่เฉื่อยเหมือนกับนิวเคลียสที่มีจานวน
โปรตอนหรือนิวตรอนเป็น 2 8 20 28 50 82 และ 126 จะเป็นนิวเคลียสที่มีเสถียรภาพ
มาก เช่น 24 He หรือ 168 O เรียกตัวเลขนี้ว่า เลขพิศวง (magic number)
219
8.4 การสลายตัวของธาตุกัมมันตรังสี
NtdN t
N0 N = 0 dt (8.11)
ln N ln N 0 = t
N
ln = t
N0
N
= e t
N0
= N 0 e t
N (8.12)
สมการ (8.12) เรียกว่า กฎของการสลายตัวของธาตุกัมมันตรังสี (law of
radioactive decay) การสลายตัวของสารกัมมันตภาพรังสี แสดงได้ดังรูป ที่ 8.3
จำนวนนิวเคลียส
เวลำ
8.4.1 ครึ่งชีวิต
1
ln e T1 / 2 = ln( )
2
จะได้
0.693
T1 / 2 = (8.13)
8.4.2 กัมมันตภาพ
8.5 ชนิดของรังสีจากการสลายตัว
8.5.1 การสลายตัวให้อนุภาคแอลฟา
A
Z P A 4
Z 2 D + 4
2 He + Q (8.18)
เมื่อ Q เป็นพลังงานที่ได้จากการสลายตัว
เช่น บิสมัท- 212 สลายตัวให้อนุภาคแอลฟาแล้วกลายเป็นแทลเลียม – 208 จะเขียน
สมการการสลายตัว ได้เป็น
212
83 Bi 208
81Tl + 4
2 He + Q
มวลของ 210
84 Po = 209.98287 u
มวลของ 82 Po = 205.97447 u
208
มวลของ 24 He = 4.00206 u
จากสมการ
Q = [m p (mD m )]c 2
จะได้ Q = [209.98287-(205.97447 + 4.00206)] c 2
= (0.00580 ) x (931.5 )
= 5.4 MeV
หรือ พิจารณาพลังงาน จากสมการ (8.23)
( A 4)
K = Q
A
(210 4)
= 5 .4
210
= 5.3 MeV
224
เช่น 14
6C 7N + e +
14
พลังงานจากการสลายตัว จะหาได้จากกฎทรงพลังงาน
Q = ( m P m D )c 2
(8.24)
พลังงาน Q ของปฏิกิริยาจะแบ่งเป็นพลังงานจลน์ของ และ ซึ่งมีอัตราส่วน
ไม่แน่นอน การปล่อยรังสีบีตา ส่วนใหญ่เกิดกับนิวเคลียส ที่มีจานวนนิวตรอนมากเกินไป
เพื่อที่จะ ให้ นิวเคลียสเสถียร จึงต้องลดนิวตรอนเพื่อเพิ่มโปรตอนให้มากขึ้น
ตัวอย่าง 11
6 C 11
5 B + e +
225
พลังงานจากการสลายตัว
Q = ( m P m D 2 me )c 2
(8.26)
การสลายตัวให้อนุภาคโพสิตรอน ซึ่งเกิดกับนิวเคลียสที่มีจานวนโปรตอนมากเกินไป
แล้วทาให้นิวเคลียสไม่เสถียรภาพ จึงปลดปล่อยโปรตอนออกมา
8.7.2.3 กระบวนการจับอิเล็กตรอน
กระบวนการนี้ นิวเคลียสจะดึงอิเล็กตรอนที่วิ่งอยู่รอบ ๆ เข้ามาในนิวเคลียส
ทาให้นิวเคลียสเดิมเปลี่ยนโปรตอนไปเป็นนิวตรอนในนิวเคลียสใหม่ การดึง
อิเล็กตรอนเข้ามาส่วนใหญ่ จะเป็นอิเล็กตรอนในชั้น K ( K - shell) ซึ่งเป็นชั้นของ
อิเล็กตรอนที่อยู่ใกล้นิวเคลียสมากที่สุด ดังสมการ
p + e n +
Z P + e Z 1 D + (8.27)
A A
เช่น 4 Be +
7
e 7
3 Li +
พลังงานจากการสลายตัว
Q EC = ( m P m D )c 2 (8.28)
เมื่ออิเล็กตรอนวงในของอะตอมถูกดึงดูดเข้าไปในนิวเคลียสอิเล็กตรอนที่อยู่วงนอก ซึ่ง
มีระดับพลังงานสูงกว่าจะเข้ามาแทนที่ทาให้แผ่รังสีเอ็กซ์ออกมา
8.5.3 การสลายตัวให้รังสีแกมมา
A
Z X* A
Z X + (8.29)
เช่น 210
82 Pb ( 210
83 Bi )
*
+ e +
226
สู่สถานะปกติ ดังสมการ
( 210 83 Bi +
* 210
83 Bi )
8.6 ธรรมชาติการสลายตัว
อนุกรมกัมมันตรังสีต่าง ๆ นิวเคลียสต้นกาเนิดพร้อมทั้งครึ่งชีวิตและนิวเคลียสผลิตผล
สุดท้ายแสดงไว้ในตาราง 8.2
8.7 ปฏิกิริยานิวเคลียร์
ปฏิกิริยานิวเคลียร์เป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นภายในนิวเคลียส ทาให้นิวเคลียสเปลี่ยนแปลง
ไปจากเดิม เช่น การเรียงตัวใหม่ การปลดปล่อยพลังงาน และกัมมันตภาพรังสี ปฏิกิริยา
นิวเคลียร์ จะเกิดจากระดมยิงนิวเคลียสของเป้า ด้วยอนุภาคต่าง ๆ เช่น นิวตรอน โปรตอน
อนุภาคแอลฟา ดิวเทอรอน และรังสีแกมมา
รัทเทอร์ฟอร์ดใช้อนุภาคแอลฟาจากการสลายตัวของโปโลเนียม -214 ระดมยิงเข้าไป
ในนิวเคลียสของไนโตรเจน -14 และพบว่าเกิดโปรตอน และกาซออกซิเจน ดังสมการ
2 He + 7 N 8O + 1H (8.31)
4 14 17 1
ก่อนชน
หลังชน
8.7.1 กระบวนการฟิชชัน
235
U
92 + 1
0 n 236
U*
92 X Y (2, 3) 01n + Q (8.34)
ตัวอย่างเช่น
235
92 U + 1
0 n 236
U*
92
141
56 Ba + 92
36 Kr + 3( 01n) + Q
ก.
ข.
รูปที่ 8.6 แสดงการแตกตัวในการเกิดปฎิกิริยาแบบฟิชชัน ก. อนุภาคนิวตรอนชนนิวเคลียส
ของยูเรเนียม ข. นิวเคลียสประกอบ 236
92 U แตกตัวให้นิวตรอน และนิวเคลียสใหม่
มวลก่อนเกิดกระบวนการฟิชชัน
235
92 U = 235.043924 u
1
0n = 1.008665 u
มวลรวมก่อนเกิดปฏิกิริยา = 236.052589 u
มวลภายหลังกระบวนการฟิ ชชัน
56 Ba = 140.913900
141
u
36 Kr = 91.897200
92
u
232
3 01 n = 3.025995 u
มวลรวมก่อนเกิดปฏิกิริยา = 235.837095 u
ผลต่างของมวล m = 0.215494 u
Q = 0.215494 x 931.5 = 200.73 MeV
พลังงานที่เกิดจากกระบวนการฟิชชันจะมีค่าสูงมาก เมื่อเทียบกับการสลายตัวของ
อนุภาคแอลฟา ซึ่งให้พลังงานประมาณ 5 MeV
ในกระบวนการฟิชชันจะให้นิวตรอนเกิดขึ้นใหม่ประมาณ 2 – 3 อนุภาคต่อ ปฏิกิริยา
ซึ่งนิวตรอนที่เกิดขึ้นใหม่ จะถูกควบคุมให้วิ่งเข้าชนนิวเคลียสของยูเรเนียมตัวต่อไป จะทาให้ได้
ปฏิกิริยาต่อเนื่อง เรียกว่า ปฏิกิริยาลูกโซ่ (chain reaction) ดังรูปที่ 8.7 และ ปฏิกิริยาลูกโซ่
เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ จึงทาให้ได้พลังงานที่ปล่อยออกมามีค่าสูง เป็นประโยชน์ในการผลิต
พลังงานในเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ และ เรือดาน้า เป็นต้น
8.7.2 กระบวนการฟิวชัน
6C + e +1.2 MeV
13 13
7N
1H + 6C 7 N + 2.0 MeV
1 12 13
1H + 7 N 8O +
1 14 15
7.3 MeV
1H + 7 N + 24 He + 4.9 MeV
1 15 12
6C
8.8 บทสรุป
นิวเคลียสประกอบด้วยโปรตอน และนิวตรอนโดยรวมกันอยู่ได้ด้วยพลังงานยึดเหนี่ยว
จากส่วนพร่องมวลจากการรวมกัน ซึ่งเกิดจากแรงนิวเคลียร์ เป็นแรงในระยะสั้น ๆ และมีค่าสูง
กว่าแรงคูลอมบ์
แบบจาลองนิวเคลียสแบบหยดของเหลว เสนอว่านิวเคลียสจะมีลักษณะคล้ายหยด
ของเหลว และแบบจาลองชั้น เสนอว่านิวคลีออนในนิวเคลียสจะมีพลังงานเป็นชั้น ๆ คล้ายกับ
อิเล็กตรอนในอะตอม
ธาตุกัมมันตรังสี นิวเคลียสจะอยู่ในสภาวะถูกกระตุ้น จะสลายตัวปลดปล่อยพลังงาน
ส่วนที่เกินออกมาในรูปของกัมมันตภาพรังสี ได้แก่ แอลฟา บีตา และ แกมมา โดยแอลฟา และ
บีตา เป็นนิวเคลียสของฮีเลียม และ อิเล็กตรอน ตามลาดับ ส่วนแกมมา เป็นคลื่น
แม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่สูง
ปฏิกิริยานิวเคลียร์เป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในนิวเคลียสของธาตุ การเกิดปฏิกิริยาแบบ
แตกตัวเกิดจากนิวเคลียสของธาตุหนัก ถูกระดมยิงด้วยนิวตรอน ทาให้เกิดการแตกตัวเป็น
นิวเคลียสขนาดกลาง 2 นิวเคลียส และนิวตรอน 2-3 นิวตรอนต่อปฏิกิริยา และพลังงาน ส่วน
ปฏิกิริยาแบบรวมตัว เกิดจากนิวเคลียสของธาตุเบาหลอมรวมกัน กลายเป็นนิวเคลียสใหม่และ
ให้พลังงานออกมา ซึ่งปฏิกิริยาบนดวงอาทิตย์จะเป็นปฏิกิริยาแบบรวมตัว
8.9 คาถามท้ายบท
MeV )
11. จงอธิบายข้อแตกต่างระหว่างปฏิกิริยานิวเคลียร์ในกระบวนการแตกตัว และ กระบวนการ
รวมตัว
236
เอกสารอ้างอิง