Professional Documents
Culture Documents
ผู้นำขี้โอ่ โอหัง
ผู้นำขี้โอ่ โอหัง
ปี ๒๕๕๔ 1
ผู้น�ำขี้โอ่...โอหัง
กุหา ถทฺธา ลปา สิงฺคี อุนฺนฬา จาสมาหิตา
น เต ธมฺเม วิรูหนฺติ สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิเต.
คนหลอกลวง เย่อหยิ่ง เพ้อเจ้อ ขี้โอ่ อวดดี และไม่ตั้ง
มั่ น ย่ อ มไม่ ง อกงามในธรรมที่ พ ระสั ม มาสั ม พุ ท ธเจ้ า ทรง
แสดงแล้ว
อวดดี เป็นสมบัติ ของคนบ้า
อวดกล้า เป็นสมบัติ ของคนขี้ขลาด
อวดฉลาด เป็นสมบัติ ของคนโง่
อวดโก้ เป็นสมบัติ ของคนจน
คนอวดดี เพราะไม่มี ดีจะอวด
เขาบอกชวด ว่าฉลู ดูน่าขัน
เขาบอกไก่ ไพล่ว่าเป็ด เท็จช่างมัน
รู้ตะบัน ทั้งที่กู ไม่รู้เอย
มนุษย์เป็นสัตว์สังคม นิยมอยู่กันเป็นหมู่ เป็นคณะ เป็น
สังคม เป็นประเทศ ปัจจุบนั อปโลกน์กนั เป็นบ้าน เป็นต�ำบล เป็น
อ�ำเภอ เป็นจังหวัด เป็นภาค เป็นประเทศ ตลอดเป็นสังคม
โลก ในการรวมกันอยูเ่ ป็นหมู่ เป็นคณะ เป็นสังคม เป็นประเทศ
เช่นนี้ ก็มีความจ�ำเป็นที่จะต้องมีผู้น�ำ มีหัวหน้า มีประมุข มี
ประธาน เพื่อเป็นการควบคุมหมู่ คณะ สังคม ประเทศชาติ ให้
2 พรธรรมปีใหม่...จากวัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี. ปี ๒๕๕๔
ก็มาศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องของผู้น�ำในยุคปัจจุบันบ้าง
เนื่องจากในยุคปัจจุบันทุกวันนี้ เป็นยุคที่คนในสังคมส่วนใหญ่
พากันมองข้ามหลักธรรมในทางพระพุทธศาสนา พวกเขามอง
กันว่า หลักธรรมในทางศาสนา ไม่มีความหมายอะไรต่อชีวิต
ประจ�ำวันของคนเรา ธรรมะน�ำมาแก้ปญ ั หาเรือ่ งปากเรือ่ งท้อง
ของคนในสังคมไม่ได้ แล้วมันเรื่องอะไรที่จะต้องให้คนในสังคม
พากันปฏิบัติตามหลักธรรมทางศาสนา พวกที่ประพฤติธรรม
ปฏิบัติธรรม ก็คือพวกไดโนเสาร์เต่าล้านปี ไม่มีความเจริญ
ก้าวหน้าในการด�ำเนินชีวิต ชีวิตจะมีความเจริญก้าวหน้า ไม่
จ�ำเป็นต้องปฏิบัติตามหลักธรรมทางศาสนา เพียงแต่มีวิชา
ความรูท้ างด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีอย่างแตกฉาน การครอง
ชีวติ อยูใ่ นสังคม ก็อดุ มไปด้วยลาภ ยศ สรรเสริญ สุขทุกอย่าง
ไม่ต่างอะไรกับเนรมิต แล้วอย่างนี้จะคิดไปพึ่งหลักธรรมทาง
ศาสนาท�ำไมให้เสียเวลา นี่คือความคิดของคนในยุคปัจจุบัน ที่
พวกเขาพากันมองข้ามหลักธรรมทางศาสนาว่า ไม่มคี า่ ไม่มคี ณ ุ
อะไรต่อชีวติ ของคนในสังคม แล้วก็พากันสร้างค่านิยม แต่ในทาง
เทคโนโลยีอย่างเดียว โดยไม่เหลียวแลถึงหลักธรรมทางศาสนา
ว่ามีความส�ำคัญต่อชีวิต (คิดผิดเสียแล้ว เจ้าทุย ... เอ๋ย.?)
พอเอ่ยถึงค�ำว่า “ธรรม-ธรรมะ” ก็อาจจะท�ำให้คนในยุค
ปัจจุบัน พากันเข้าใจไปในท�ำนองเป็นของครึล้าสมัย ไม่ทันกับ
ความเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการของสังคมในปัจจุบัน เรื่อง
ธรรมะธัมโมเป็นเรื่องของคนในยุคก่อนเมื่อหลายพันปีมาแล้ว
เขาสนใจและปฏิบัติกัน ยุคนี้เป็นยุคแห่งวิทยาศาสตร์ มนุษย์
พรธรรมปีใหม่...จากวัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี. ปี ๒๕๕๔ 5
สามารถครองชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องอาศัยหลักธรรม พวกที่สอน
ธรรม สนใจธรรม และปฏิบัติธรรม ก็คือพวกไดโนเสาร์เต่า
ล้านปี ครองชีวิตกันแบบคนป่าหาความเจริญก้าวหน้าไม่ได้ใน
ชีวิต นี่คือความคิดของพวกคลั่งในความเจริญก้าวหน้าแต่ใน
ทางด้านวัตถุจนสุดโต่ง พวกเขาคิดกันเกีย่ วกับเรือ่ งชีวติ ว่า ชีวติ
ที่สมบูรณ์นั้น เป็นชีวิตที่มีวัตถุสนองความต้องการได้ในทุกรูป
แบบ คือต้องการอะไรก็ได้ตามความปรารถนา การมองธรรมะ
ในลักษณะเช่นนี้ ดูเป็นการมองที่ไม่ยุติธรรมนัก เป็นการมอง
ในแง่รา้ ยจนเกินไป ตามความเป็นจริงแล้ว ปัจจัยทีจ่ ะหล่อเลีย้ ง
ชีวติ ให้มคี วามสุขอย่างแท้จริงนัน้ ไม่ใช่วตั ถุ แต่หากเป็นธรรมะ
ธรรมะเป็นปัจจัยที่ส�ำคัญ ในอันที่จะหล่อเลี้ยงชีวิตให้มีความ
สงบสุขอย่างแท้จริง และมั่นคงถาวร
ธรรมะ คืออะไร? ธรรมะมีนยั และความหมายอันกว้างขวาง
แต่เพือ่ ให้เข้าใจง่ายและสะดวกต่อการน�ำไปปฏิบตั ิ ก็ขอสรุปแบบ
ง่ายๆ ว่า ธรรมะนั้น ได้แก่ความดี ความถูกต้อง และความ
สัตย์จริง เราจะได้ยินได้ฟังผู้หลักผู้ใหญ่สอนลูกสอนหลาน
ครูบาอาจารย์แนะน�ำลูกศิษย์ว่า ขอให้ทุกคนพากันท�ำแต่ความ
ดี คนท�ำดีตกน�้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ นี่แสดงให้เห็นว่า
โครงสร้างอันส�ำคัญของชีวติ คือความดี ชีวติ ทีป่ ราศจากความ
ดี ก็เหมือนกับโครงกระดูกไม่มีประโยชน์ มนุษย์ทุกชาติ ทุก
ศาสนา ทุกภาษา ทุกเผ่าพันธุ์ ต่างก็พากันปรารถนาอยากจะ
เป็นคนดีด้วยกันทั้งนั้น ค�ำสอนของพระศาสดาแต่ละศาสนา
ต่างก็มุ่งสอนคนให้เป็นคนดีเหมือนกันหมด ดังนั้น ความดีจึง
6 พรธรรมปีใหม่...จากวัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี. ปี ๒๕๕๔
เป็นของสากลส�ำหรับมนุษย์ทุกรูปทุกนาม ความดีก็คือธรรมะ
ธรรมะก็คือความดี คนรักธรรมะ ก็คือคนรักความดี สนใจใฝ่
หาความดีมาเป็นสมบัติของตน คนสนใจใฝ่หาธรรมะมาใส่ตน
ชื่อว่าเป็นคนรักธรรมะ รักความดี ด�ำเนินชีวิตไปตามครรลอง
แห่งธรรมะ และความดีนนั้ โดยสม�ำ่ เสมอ ไม่ขาดสาย ผลสุดท้าย
ก็จะพบกับความสุข ความเจริญ ความก้าวหน้าในชีวิต สมกับ
ค�ำว่า “ผูร้ กั ธรรมเป็นผูเ้ จริญ” (ขอเชิญชวนทุกคนในยุคปัจจุบนั
หันมาทบทวนกันหน่อย..ดีไหม..?)
ประเด็นส�ำคัญ ที่จะต้องท�ำความเข้าใจต่อไป ก็คือผู้น�ำใน
ยุคปัจจุบนั ทุกวันนี้ ทีส่ ว่ นใหญ่ไม่พากันยึดหลักธรรมทางศาสนา
เป็นแนวทางในการเป็นผูน้ ำ� จึงกลายเป็นผูน้ ำ� ประเภทขาดธรรม
ประเภทไม่มีธรรม เมื่อขาดธรรม ปราศจากธรรม จิตใจของ
ผู้น�ำ ก็มีแต่ความหลอกลวง, เย่อหยิ่ง, เพ้อเจ้อ, ขี้โอ่, อวดดี
และโลเลไม่มนั่ คง ตรงกับหัวข้อทีต่ งั้ ไว้เป็นบทน�ำว่า “ผูน้ ำ� ขีโ้ อ่..
โอหัง” โปรดฟังค�ำอธิบายประกอบกันต่อไป
ผู้น�ำ ได้แก่ ผู้เป็นหัวหน้า หัวขบวน ผู้น�ำหน้าเพื่อไปสู่
จุดหมายปลายทาง ได้กล่าวมาข้างต้นว่า มนุษย์เป็นสัตว์สงั คม
นิยมอยู่กันเป็นหมู่ เป็นคณะ เป็นพรรค เป็นพวก เป็นสังคม
ตั้งแต่สังคมส่วนย่อย จนถึงสังคมส่วนรวม สังคมประเทศชาติ
ตลอดถึงสังคมโลก ผูน้ ำ� ดังกล่าวมานี้ ถ้าเป็นผูน้ ำ� ระดับหมูบ่ า้ น
เป็นผู้น�ำที่มีนิสัยหลอกลวงลูกบ้านตัวเองในลักษณะต่างๆ อ้าง
ว่าตนเป็นคนมีคุณธรรมมีจริยธรรม แต่พฤติกรรมที่แสดงออก
มา ปรากฏแก่สายตาของคนในหมู่บ้าน มีแต่เรื่องเหลวไหลไร้
พรธรรมปีใหม่...จากวัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี. ปี ๒๕๕๔ 7
.. โยมเอ๋ย)
หนีผนู้ �ำประเภท “หลอกลวง, เย่อหยิง่ , จองหอง” ก็ตอ้ ง
มาเจอกับผู้น�ำประเภท “ขี้โอ่-โอหัง อวดดี” ก็มีแต่ความท้อใจ
เข้าไปอีก หลีกเสือ .. เจอสิงโต โอ้โห ! เป็นกรรมของประชาชน
ที่จะต้องทนต่อความทุกข์ยากล�ำบากเดือดร้อนต่อไปไม่รู้จักจบ
จักสิ้น ดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่พ้นจากความยากจน ด้อยโอกาส ไม่
สามารถครองชีวิตอยู่ในสังคมได้ด้วยความผาสุก ต้องทนทุกข์
เพราะได้ผู้น�ำไม่เข้าท่า ขาดปัญญาเครื่องน�ำทาง แต่อวดอ้าง
ขี้โอ่ โอหัง แถมอวดดีว่า ตนเองมีความรู้ความเข้าใจในทุกๆ
ด้าน ไม่ว่าเศรษฐกิจ ทหาร การเมือง เรื่องการปกครอง การ
ศึกษา วัฒนธรรม ประเพณี สังคม ก็รู้และเข้าใจดี ไม่มีใคร
เทียบได้ บรรยายความดีของตนให้ประชาชนฟังแบบน�้ำไหลไฟ
ดับ แต่กลับท�ำอะไรไม่เคยส�ำเร็จในชีวิต มีแต่คิด มีแต่พูด แต่
ไม่เคยลงมือท�ำ เพราะท�ำไม่เป็น พูดเรือ่ งเศรษฐกิจการเงิน แต่
ในชีวิตที่ผ่านมา ไม่เคยหาเงินได้เป็นกอบเป็นก�ำ ท�ำงานก็ไม่
เป็นหลักเป็นฐานอะไรเลย แล้วอย่างนี้ จะขี้โอ่-โอหัง อวดดีว่า
ตนมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องเศรษฐศาสตร์การเงินได้อย่างไร
เพราะท�ำให้ระบบเศรษฐกิจตกต�ำ่ เสียหาย รายได้ของเกษตรกร
ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ล้วนแล้วตกต�่ำ ท�ำให้เป็นหนี้เป็นสิน
เป็นดินพอกหางหมู เพราะผู้น�ำโง่ แต่อวดดี อวดเก่ง เป็น
นักเลงอันธพาล บริหารประเทศด้วยปาก พูดมาก แต่หากหา
สาระประโยชน์อะไรไม่ได้ ขอให้เราท่านทั้งหลาย ใช้สติปัญญา
พิจารณากันให้รอบคอบ แล้วตอบค�ำถามว่า “เราควรจะให้ผนู้ �ำ
12 พรธรรมปีใหม่...จากวัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี. ปี ๒๕๕๔
ประเภทนี้ อยู่บริหารประเทศชาติอีกต่อไปหรือไม่...?”
ผู้น�ำหลอกลวง เย่อหยิ่ง จองหอง เพ้อเจ้อ ขี้โอ่-โอหัง
อวดดี มีจิตใจโลเล ไม่ตั้งมั่น อย่าพากันสรรหามาเป็นผู้น�ำของ
ประเทศชาติบา้ นเมือง เพราะเปลืองทุกสิง่ ทุกอย่าง ไม่ตา่ งอะไร
กับใช้ลิงโง่มาดูแลสวนผลไม้ปลูกใหม่ สุดท้าย ผลไม้ทั้งสวน ก็
ล้วนตายราบสาบสูญ เพราะมูลเหตุมาจากความโง่ของลิง ขอ
ติงเป็นประโยคสุดท้ายว่า “อย่าให้ยศให้อ�ำนาจแก่คนพาล”
เพราะคนพาล ได้ยศได้อ�ำนาจแล้ว ย่อมท�ำสิง่ ทีไ่ ม่เป็นประโยชน์
ตนและคนอืน่ ย่อมเบียดเบียนตนและคนอืน่ ให้เดือดร้อน โปรด
ฟังกลอนเตือนใจกันต่อไป
มีผู้น�ำ ขี้โอ่ และโอหัง
ก็อย่าหวัง ความก้าวหน้า พาลงเหว
เพราะผู้น�ำ ท�ำแต่กรรม ที่เลวเลว
เลยน�ำคน ตกเหว เลวสิ้นดี
พวกผู้น�ำ ขี้โอ่ โอหังนี้
ปราชญ์เมธี ท่านเตือน ให้เชือนหนี
อย่าเลือกให้ มาเป็นใหญ่ ในธานี
ความอัปรีย์ จะตามมา พาล่มจม
เพราะผู้น�ำ ขี้โอ่ และโอหัง
ไม่รับฟัง ค�ำขอร้อง ของสังคม
บริหาร บ้านเมือง ด้วยอารมณ์
ท�ำบ้านเมือง ให้ล่มจม น่าเศร้าใจ
พรธรรมปีใหม่...จากวัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี. ปี ๒๕๕๔ 13