Professional Documents
Culture Documents
DCMM 10k Passband
DCMM 10k Passband
DCMM 10k Passband
การส่งสัญญาณดิจติ อลในพาสแบนด์
Passband Digital Signal Transmission
http://www.kmitl.ac.th/~kchsomsa/somsak/crse_dcmm/crse_dcmm.html
วัตถุประสงค์ ของบทศึกษา
การส่ งสัญญาณในเบสแบนด์ที่ผา่ นมานั้นเป็ นการส่ งข้อมูลดิจิตอลออกไป โดยไม่ตอ้ งมีการมอดูเลตกับความถี่อื่น (แต่
จะต้องปรับรู ปร่ างของพัลส์เสี ยก่อน) การทวนสัญญาณและการขยายสัญญาณนั้นทําได้ยาก ทําให้เป็ นข้อจํากัดอย่าง
หนึ่งในเรื่ องของระยะทางการส่ ง ในอีกทางเลือกการส่ งแบบผสมความถี่น้ นั ซับซ้อนมากกว่า แต่กท็ าํ การทวนสัญญาณ
ได้ง่าย พร้อมกันนั้นยังสามารถที่จะส่ งข้อมูลครั้งละหลายบิต (เรี ยกว่าสัญญาณเวคเตอร์ ) ได้อีกด้วย
การมอดูเลตหรื อการกลํ้าสัญญาณนั้นอาศัยเทคนิคต่างๆ ดังที่เคยเสนอไปในบทก่อน ๆ เช่น การกลํ้าทางขนาด การกลํ้า
ทางเฟส และการกลํ้าทางเฟสของสัญญาณ
Ac cos ( 2πfc t )
_____________________________________________________________________________
DCMM-S2 บทที่ ๑๐ การส่งสัญญาณดิจติ อลในพาสแบนด์ อิเล็กทรอนิกส์ สจล. 1
การส่ งข้อมูลครั้งละหลายบิตนั้นกระทําได้โดยการจัดให้กลุ่มของบิตอยูใ่ นรู ปเวคเตอร์เสี ยก่อน โดยที่เวคเตอร์เหล่านั้น
ประกอบขึ้นมาจากหน่วยเวคเตอร์พ้นื ฐานเป็ นอิสระต่อกัน (เรี ยกว่าเบซิ ส) จํานวนเวคเตอร์ (ก็คือจํานวนสัญญลักษณ์
หรื อ multi-dimensional signal) จะมีมากน้อยนั้น ก็จะขึ้นอยูก่ บั จํานวนเบซิ สนัน่ เอง เมื่อได้เวคเตอร์แล้วก็จะทํา
การมอดูเลตกับความถี่ที่เหมาะสมต่อช่องทางสื่ อสารเมื่อถึงปลายทาง ภาครับก็จะจํากัดความถี่ส่วนคลื่นพาห์ออกไป
ข้อมูลที่ได้จะถูกตัดสิ นใจโดยดีเทคเตอร์
10.2 .1 วิธีการของแกรม-ชมิดท์ 1
วิธีการของแกรม-ชมิดท์ (Gram-Schmidt) เป็ นวิธีสาํ หรับการหาเบซิ สของเวคเตอร์ ทั้งนี้เพื่อจะพิจารณาว่าสัญญาณ
เหล่านั้น มีพ้นื ฐาน หรื อประกอบมาจากสัญญาณเช่นไร ในการพิจารณาของแกรม-ชมิดท์น้ นั สัญญาณ M รู ปแบบ คือ
s1 (t ), s2 (t ), s3 (t ),.....sM (t ) ในแต่ละรู ปแบบจะประกอบมาจากเบซิ สฟั งก์ชน
ั คือ φi (t ) ที่มีพลังงานเป็ นจํานวน 1
Ts
หรื อ
N
si ( t ) = ∑ sij φ j ( t ) สําหรับ 0 ≤ t ≤ T และ i = 1,2 ,....., M (10.2)
j =1
∫
sij = si (t )φ j (t )dt
0
สําหรับ j = 1,2 ,3 ,...N และ i = 1,2 ,....., M
ลําดับขั้นตอนในการหาเบซิ สโดยวิธีการแกรม-ชมิดท์
1. เบซิ สตัวแรกมีทิศทางเดียวกับทิศกับ s1 (t ) ดังนั้น2
s1 (t )
φ1 (t ) = เมื่อ E1 คือพลังงานของ s1 (t ) (10.3)
E1
T
ดังนั้น3 s11 = E1 (โดยที่ ∫
Ei (t ) = si2 (t )dt )
0
T
2. หา s21 จาก ความสัมพันธ์ sij ( t ) = ∫ si ( t )φ j ( t )dt จะได้
0
T
s 21 = ∫ s 2 ( t )φ1 ( t )dt (10.4)
0
เดียวกับ f 2 (t ) ) จึงได้5
f 2 (t ) s2 (t ) − s21φ1 (t )
φ2 (t ) = = (10.5)
1 2
E2 − s21
∫f
2
2 (t )dt
0
0 0 0 0 0
_____________________________________________________________________________
DCMM-S2 บทที่ ๑๐ การส่งสัญญาณดิจติ อลในพาสแบนด์ อิเล็กทรอนิกส์ สจล. 3
4. เมื่อหา φ2 (t ) ได้แล้ว ก็จะหาเบซิ สตัวต่อ ๆ ไป เช่นนี้ไปเรื่ อย ๆ (เบซิ สทุกตัวมีค่าพลังงานเป็ นหนึ่ง
หน่วยและออร์โธโกนอลกับตัวอื่น ๆ)
5. จากกระบวนการดังกล่าวนี้ สามารถที่จะเขียนเป็ นสมการทัว่ ไปคือ
i −1 T
f i ( t ) = si ( t ) − ∑ sij φ j ( t ) โดยที่ sij ( t ) = ∫ si ( t )φ j ( t )dt (10.6)
j =1 0
ดังนั้น
f i (t )
φi ( t ) = (10.7)
1
∫f
2
i (t )dt
0
i =i+1
i −1
i≤M
f i (t ) = si (t ) − ∑ sij φ j (t)
Yes j =1
END
f i (t )
T
φ i (t ) =
∫
sij = si (t )φ j (t )dt T
∫ fi
2
0 (t )dt
0
T
Yes
j<i
∫
sij = si (t )φ j (t )dt
0
No
φi (t )
_____________________________________________________________________________
4 การสือ่ สารดิจติ อล สมศักดิ ์ ชุมช่วย C3.20100209
s2 s1 s2 s1
f2
s2 = f 2 + prj( s2 )
2)
j(s
φ 2 (t ) φ1 (t )
Pr
f 2 = s2 − prj( s2 )
= s 2 − k 1 s1
= s2 − s21 s1
s2 − prj( s2 )
−s21 s1
s1 (t ) T
สรุ ปย่อการหา φ2 (t ) : (1) φ1 (t ) = (2) s11 = E1 (3) s 21 = ∫ s 2 ( t )φ1 ( t )dt หรื อ s21 = proj _( s2 )
E1 0
f (t ) s2 (t ) − s21φ1 (t )
(4) f 2 ( t ) = s 2 ( t ) − s 21φ1 ( t ) (5) φ2 (t ) = |f2 (t )| =
2
E2 − s21
2
ตัวอย่ าง
(ตัวอย่างที่ 10.1 , หลักการไฟฟ้ าสื่ อสาร: ลัญฉกร วุฒิสิทธิกลู กิจ)
ให้หาฟั งก์ชนั เบซิ ส โดยวิธีการแกรม-ชมิดท์ ของสัญญาณ s1 (t ), s2 (t ), s3 (t ) และ s4 (t ) โดย
⎧1 0 ≤ t ≤ T / 3 ⎧1 T / 3 ≤ t ≤ T
s1 ( t ) = ⎨ s2 (t ) = ⎨
⎩0 elsewhere ⎩0 elsewhere
⎧0 T / 3 ≤ t ≤ 2T / 3
s3 (t ) = ⎨ s 4 ( t ) = 1; 0 ≤ t ≤ T
⎩1 elsewhere
วิธีทาํ
1. หา s11 โดย
_____________________________________________________________________________
DCMM-S2 บทที่ ๑๐ การส่งสัญญาณดิจติ อลในพาสแบนด์ อิเล็กทรอนิกส์ สจล. 5
T T /3
∫ s12 dt ∫ (1) dt = T /3
2
E1 = =
0 0
s11 = E1 = T
3
ดังนั้น
s1 (t ) ⎧⎪ 3
0 ≤ t ≤ T3
φ1 (t ) = =⎨ T
E1 ⎪⎩0 elsewhere
T T
2T
หา E2 โดย E2 = ∫ s22 dt = ∫ 12 dt = แล้วหาเบซิ สตัวที่สองได้จาก
3
0 T /3
⎧1 T
3 ≤t ≤T
f 2 (t ) = s2 (t ) − s21φ1 (t ) = ⎨
⎩0 elsewhere
f 2 (t ) ⎧⎪ 3 T
≤t ≤T
φ2 (t ) = =⎨ 2T 3
2
E2 − s21 ⎩⎪0 elsewhere
T t
∫
s22 = s2 (t )φ2 (t )dt =
0
∫
T /3
3
2T dt = 2T
3
T T
T
∫
s32 = s3 (t )φ2 (t )dt =
0
∫
2 T /3
3
2 T dt =
6
T
2T
∫
E3 = s32 dt =
0
3
_____________________________________________________________________________
6 การสือ่ สารดิจติ อล สมศักดิ ์ ชุมช่วย C3.20100209
i −1
และจะหา f 3 (t ) หาได้จาก f i ( t ) = si ( t ) − ∑ sij φ j ( t ) โดย
j =1
⎧ −21 T 2T
3 ≤t ≤ 3
⎪
f 3 (t ) = s3 (t ) − s31φ1 (t ) − s32 φ2 (t ) = ⎨ 21 2T
3 ≤t ≤T
⎪0 elsewhere
⎩
⎧− 3 T
≤t ≤ 2T
f 3 (t ) f 3 (t ) ⎪ 2T 3 3
⎪
φ3 ( t ) = = = ⎨ + 23T 2T
3 ≤t ≤T
T 2 2
E3 − s31 − s32 ⎪ 0 elsewhere
∫f
2
3 (t )dt ⎪⎩
0
T t
∫
s33 = s3 (t )φ3 (t )dt =
0
∫
2 T /3
3
2T dt = T
6
∫
s41 = s4 (t )φ1 (t )dt =
0
∫
0
3
T dt = T
3
T T
∫
s42 = s4 (t )φ2 (t )dt =
0
∫
T /3
3
2T dt = 2T
3
∫
s43 = s4 (t )φ3 (t )dt = 0
0
f 4 (t )
φ 4 (t ) = =0
T
∫f
2
4 (t )dt
0
5. ดังนั้นผลลัทธ์ที่ได้
⎧⎪ 3
0 ≤ t ≤ T3
φ1 (t ) = ⎨ T
⎪⎩0 elsewhere
_____________________________________________________________________________
DCMM-S2 บทที่ ๑๐ การส่งสัญญาณดิจติ อลในพาสแบนด์ อิเล็กทรอนิกส์ สจล. 7
⎪⎧ 3 T
≤t ≤T
φ2 (t ) = ⎨ 2T 3
⎪⎩0 elsewhere
⎧− 3 T
≤t ≤ 2T
⎪ 2T 3 3
⎪
φ3 (t ) = ⎨ + 23T 2T
≤t ≤T
3
⎪ 0 elsewhere
⎪⎩
T
3
s1 (t ) = T
3
φ 1 (t )
s 2 (t ) = 2T φ 2 (t )
T 3
3
s 3 (t ) = T
3
φ 1 (t ) + T
6
φ 2 (t ) + T
6
φ 3 (t )
s 4 ( t ) = s1 ( t ) + s 2 ( t ) = T φ 1 (t ) + 2T φ 2 (t )
3 3
T
3
2T
3
_____________________________________________________________________________
8 การสือ่ สารดิจติ อล สมศักดิ ์ ชุมช่วย C3.20100209
ตัวอย่ าง
พิจารณาสัญญาณ s1 (t ), s 2 ( t ), s 3 ( t ) และ s4 ( t ) แสดงดังรู ป จงใช้วธิ ีการแกรม-ชมิดธ์ ในการหาเบซิ ส
วิธีทาํ
จะเห็นได้วา่ s4 (t ) = s1 (t ) + s3 (t ) ดังนั้นมีเพียง s1 ( t ), s 2 ( t ), s 3 ( t ) เท่านั้นที่เป็ นอิสระกัน เราจึงใช้สัญญาณเหล่านี้
ในการหาเบซิ ส
1. หาพลังงานของ s1 ( t ) จาก
T T/3
E1 = ∫ s12 ( t )dt = ∫ (1) 2 dt = T
3
0 0
S11 = E1 = T
3
ดังนั้นจึงหาเบซิ สตัวแรกได้จาก
s (t )
φ1 ( t ) = 1
E1
⎧⎪ 3 0 ≤ t ≤T/3
=⎨ T
⎪⎩ 0 elsewhere
2. หา s 21 , E2 และ φ 2 (t ) จาก
T
s 21 = ∫ s 2 ( t )φ1 ( t )dt
0
T/3
= ⎛ 3 ⎞dt
∫ (1)⎜⎝ T ⎟⎠
0
= T
3
พลังงานของสัญญาณ s 2 (t )
T 2 T /3
E2 = ∫
0
s22 (t )dt = ∫
0
(1)2 dt = 2T
3
_____________________________________________________________________________
DCMM-S2 บทที่ ๑๐ การส่งสัญญาณดิจติ อลในพาสแบนด์ อิเล็กทรอนิกส์ สจล. 9
ดังนั้นจึงหาเบซิ สตัวที่สองจึงหาได้จาก
s ( t ) − s 21φ1 ( t )
φ 2 (t ) = 2
2
E2 − s 21
⎧⎪ 3 T ≤ t ≤ 2T
=⎨ T 3 3
⎪⎩ 0 elsewhere
หา s22
T
s 22 = ∫ s 2 ( t )φ 2 ( t )dt
0
2T / 3
= 3 dt
∫ T
T/3
= T
3
3. หา s 31 , s 32 , f 3 ( t ) และ φ 3 (t ) จาก
T
s 31 = ∫ s 3 ( t )φ1 ( t )dt
0
=0
T
s 32 = ∫ s 3 ( t )φ 2 ( t )dt
0
2T / 3
= ⎛ 3 ⎞dt
∫ (1)⎜⎝ T ⎟⎠
T/3
= T
3
f 3 ( t ) = s 3 ( t ) − s 31φ1 ( t ) − s 32 φ 2 ( t )
⎧⎪ 1 2T ≤ t ≤ T
=⎨ 3
⎪⎩0 elsewhere
ดังนั้นจึงหาเบซิ สตัวที่สามจึงหาได้จาก
_____________________________________________________________________________
10 การสือ่ สารดิจติ อล สมศักดิ ์ ชุมช่วย C3.20100209
f 3 (t )
φ 3 (t ) =
T
2
∫ f 3 ( t )dt
0
⎧⎪ T 2T ≤ t ≤ T
=⎨ 3 3
⎪⎩ 0 elsewhere
หา s33
T
s 33 = ∫ s 3 ( t )φ 3 ( t )dt
0
T
= 3 dt
∫ T
2T / 3
= T3
เบซิ สทั้งสามสามารถแสดงได้ดงั รู ป
หรื อ
si ( t ) = s i1φ1 ( t ) + s i 2 φ 2 ( t ) + .....SiN φ N ( t ) (10.10)
จะสามารถเขียนได้เป็ น
_____________________________________________________________________________
DCMM-S2 บทที่ ๑๐ การส่งสัญญาณดิจติ อลในพาสแบนด์ อิเล็กทรอนิกส์ สจล. 11
⎡ s i1 ⎤
⎢s ⎥
si ( t ) = ⎢
i2 ⎥
⎢ : ⎥ 1
[φ (t ) φ 2 ( t ) ... φ N (t )] (10.10)
⎢ ⎥
⎣siN ⎦
⎡ s i1 ⎤
⎢s ⎥
si = ⎢
i2 ⎥
(10.11)
⎢ : ⎥
⎢ ⎥
⎣siN ⎦
หรื อก็คือ
⎡ T⎤ ⎡ 0 ⎤ ⎡ 0 ⎤ ⎡ T ⎤
3
⎢ 3⎥ ⎢ ⎥ ⎢ ⎥ ⎢ ⎥
s1 = ⎢ 0 ⎥ s2 = ⎢ T3 ⎥ s3 = ⎢ T3 ⎥ s4 = ⎢ T
3
⎥
⎢ 0 ⎥ ⎢ 0 ⎥ ⎢ ⎥ ⎢ ⎥
⎣ ⎦ ⎣ ⎦ ⎢⎣ T3 ⎥⎦ ⎢ T ⎥
⎣ 3 ⎦
s 1 (t ) = T3 φ 1 (t )
s 2 (t ) = T3 φ 1 (t ) + T3 φ 2 (t )
s 3 (t ) = T3 φ 2 (t ) + T3 φ 3 (t )
s 4 (t ) = s 1 ( t ) + s 3 (t )
ตัวอย่ าง
พิจารณาสัญญาณ s1 (t ), s 2 ( t ), s 3 ( t ) และ s4 ( t ) แสดงในรู ป จงใช้วธิ ีการแกรม-ชมิดธ์ ในการหาเบซิ ส และแสดง
สัญญาณทั้งสี่ ในปริ ภมู ิ
วิธีทาํ
จะเห็นได้วา่ s4 (t ) = s2 (t ) + s3 (t ) ดังนั้นมีเพียง s1 ( t ), s 2 ( t ), s 3 ( t ) เท่านั้นที่เป็ น อิสระกัน เราจึงใช้สัญญาณเหล่านี้
ในการหาเบซิ ส
เบซิ สทั้งสามที่หาได้สามารถแสดงดังรู ป
_____________________________________________________________________________
DCMM-S2 บทที่ ๑๐ การส่งสัญญาณดิจติ อลในพาสแบนด์ อิเล็กทรอนิกส์ สจล. 13
T
s1 (t ) = s11φ1 (t ) = 3 φ1 (t )
T T
s2 (t ) = s21φ1 (t ) + s22 φ2 (t ) = 3 φ1 (t ) + 3 φ2 (t )
T
s3 (t ) = s31φ1 (t ) + s32 φ2 (t ) + s33 φ3 (t ) = 0 + 0 + 3 φ3 (t )
T T T
s4 (t ) = s2 (t ) + s3 (t ) = 3 φ1 (t ) + 3 φ 2 (t ) + 3 φ 3 (t )
s 1 (t ) = T
3
φ 1 (t )
s 2 (t ) = T
3
φ 1 (t ) + T
3
φ 2 (t )
s 3 (t ) = T
3
φ 3 (t )
s 4 (t ) = T
3
φ 1 (t ) + T
3
φ 2 (t ) + T
3
φ 3 (t )
10.3 การมอดูเลตแบบการเลือ
่ นเฟส
การมอดูเลตแบบเลื่อนเฟสเป็ นการที่ทาํ ให้เฟสของสัญญาณ (ความถี่เฉพาะที่กาํ หนด) มีการเปลี่ยนแปลงไปตามข้อมูล
หากมีจาํ นวนหลายเฟสที่แตกต่างกันก็แสดงว่าสามารถที่จะทําการมอดูเลตได้ครั้งละหลายบิต
_____________________________________________________________________________
14 การสือ่ สารดิจติ อล สมศักดิ ์ ชุมช่วย C3.20100209
+ Eb
− Eb
2 Eb
Tb
2 Eb
s1 (t ) = + cos(2 πfc t ) (10.12)
Tb
2 Eb
s2 (t ) = − cos ωc t
Tb
(10.13)
2 Eb
= cos ( ωc t + π )
Tb
โดยที่ 2Eb
คือขนาดของสัญญาณ และ Eb ก็คือพลังงานของสัญญาณ 1 บิต6 หรื อ พลังงาน ต่อบิต นัน่ เอง และใน
Tb
ที่น้ ี s1 (t ) และ s2 (t ) อาจแทน สัญญาณไบนารี “1” และ “0” (หรื อ อาจสลับกันก็ได้)
จากวิธีการของแกรม-ชมิดท์ จะพิจารณาได้วา่ มีเบซิ สเพียงตัวเดียว (เพราะ s2 (t ) = ( −1)s1 (t ) ) คือ7
2
φ1 (t ) = cos ωc t ; 0 ≤ t ≤ Tb (10.14)
T
ดังนั้น
Tb
6 พลังงาน ต่อบิต หาได้จาก E =
∫ x(t )
2
b dt
0
7 จาก φ1 (t ) = s1 (t ) = +
2 Eb
cos( ωc t ) =
2
cos ωc t
E1 Tb E1 T
_____________________________________________________________________________
DCMM-S2 บทที่ ๑๐ การส่งสัญญาณดิจติ อลในพาสแบนด์ อิเล็กทรอนิกส์ สจล. 15
Tb
Tb
s21 = ∫ s (t )φ (t ) = −
0
2 1 Eb (10.16)
s 21 = − Eb s11 = Eb
z1 = ∫ z(t )φ (t )dt
0
1 (10.17)
∞
1 − N1 ( z1 + Eb )2
=
πN 0 ∫ e 0
dz1
0 (10.19)
_____________________________________________________________________________
16 การสือ่ สารดิจติ อล สมศักดิ ์ ชุมช่วย C3.20100209
เมื่อให้ x= 1
N0 ( z1 + Eb )2 และเปลี่ยนออร์ เดอร์ ของการอินทิเกรตจาก z1 เป็ น x จะได้
∞
1
∫
2
pe 0 = e − x dx
π
Eb / N 0 (10.20)
= 21 erfc ( ) Eb
N0
8
เมื่อ erfc คือ Complementary Error Function (erfc: เปิ ดตาราง)
pe 0 = pe 1 = 21 erfc ( )Eb
N0 (10.21)
Eb − Eb
จะสังเกตุได้วา่ เงื่อนไขการตัดสิ นใจที่ดี ก็คือ λ0 = 2 =0
s 21 = − Eb s11 = Eb
f ( z | s2 ) f ( z | s1 )
s21 s11
Pe 1 Pe 0
∞ z
8 erfc: Complementary Error Function; erfc( z ) =
∫e เมื่อ ∫e
2 −λ 2 −λ
π
dλ = 1 − erf ( z ) erf ( z ) = 2
z
dλ
z 0
∞
−λ 2
และสามารถเขียนในรู ปฟังก์ชนั Q คือ Q( z) = 1
2π ∫ z
e 2
dλ โดยที่ Q( z 2 ) = 21 erfc( z )
_____________________________________________________________________________
DCMM-S2 บทที่ ๑๐ การส่งสัญญาณดิจติ อลในพาสแบนด์ อิเล็กทรอนิกส์ สจล. 17
รู ปที่ 10.5 การกระจายของความผิดพลาด และการแบ่งพื้นที่ตดั สิ นใจของสัญญาณ BPSK
z(t ) zi ⎧"1"
⎪
⎨
λ ⎪"0"
⎩
φ 1 (t )
+ Eb
มอดูเลเตอร์แบบคูณ
(Product Modulator)
สัญญาณ BPSK
ข้อมูลไบนารี
− Eb
φ 1 (t ) = 2 cos( 2 πf c t )
Tb
_____________________________________________________________________________
18 การสือ่ สารดิจติ อล สมศักดิ ์ ชุมช่วย C3.20100209
เพราะว่า ( 2 2 = 4 ) คือ 00, 10, 10 และ 11 ในกรณี เช่นนี้ เราสามารถให้เฟสของสัญญาณ ต่างกันได้ 4 รู ปแบบ คือ 0,
9
π /2, π และ 3π /2 ดังนั้น หากให้ Es เป็ นพลังงานที่ใช้ในการส่ งแต่ละสัญลักษณ์ในช่วงเวลา Ts
2 Es
s1 (t ) = cos(2 πfc t )
Ts
2 Es 2 Es
s2 (t ) = cos ( 2 πfc t + π2 ) = sin(2 πfc t )
Ts Ts
2 Es 2 Es
s3 (t ) = cos ( 2 πfc t + π ) = − cos(2 πfc t )
Ts Ts
2 Es 2 Es
s4 ( t ) = cos ( 2 πfc t + 32π ) = − sin(2 πfc t )
Ts Ts
2 2
φ1 (t ) = cos(2 πfc t ) และ φ2 (t ) = sin(2 πfc t )
Ts Ts
ดังนั้น
s1 (t ) = Es φ1 (t ) = s11φ1 (t )
s2 (t ) = Es φ2 (t ) = s22 φ1 (t )
s3 (t ) = − Es φ1 (t ) = − s11φ1 (t )
s4 (t ) = − Es φ2 (t ) = − s22 φ1 (t )
หรื อก็คือ
s11 = Es s12 = 0
s 21 = 0 s 22 = Es
Ts Ts
s 31 = ∫ s 3 ( t )φ1 ( t ) = − Es s 32 = ∫ s 3 ( t )φ 2 ( t )0 = 0
0 0
Ts Ts
s 41 = ∫ s 4 ( t )φ1 ( t ) = 0 s 42 = ∫ s 4 ( t )φ 2 ( t ) = − Es
0 0
00 01 10 11
“01” Es
− Es “00” 1
“10” Es
− Es “11”
2 Es
รู ปที่ 10.7 ปริ ภมู ิของสัญญาณ QPSK และสัญญาณ QPSK (4-PSK) เมื่อ si (t ) = cos ( 2 πfc t + ( i − 1) π2 )
Ts
อย่างไรก็ดี QPSK แม้วา่ เฟสของแต่ละสัญญลักษณ์จะเลื่อนกันไปเป็ นมุม π แต่กไ็ ม่จาํ เป็ นที่ตอ้ งมีเฟสแรกตรงกับ
ศูนย์กไ็ ด้ เช่น อาจจะเลื่อนไปอีก π /4 ซึ่ งจะทําให้ได้สมการของ si (t ) คือ
2 Es
si (t ) = cos ( 2 πfc t + (2 i − 1) π4 ) (10.24)
Ts
หรื อ
si (t ) = si 1φ1 (t ) + si 2 φ2 (t )
2 2 (10.25)
= si 1 cos(2 πfc t ) + si 2 sin(2 πfc t )
Ts Ts
_____________________________________________________________________________
20 การสือ่ สารดิจติ อล สมศักดิ ์ ชุมช่วย C3.20100209
ในการหาโอกาสของความผิดพลาด พื้นที่หรื อบริ เวณในการตัดสิ นใจนั้นแบ่งเป็ น 4 ส่ วน (ดูรูป ประกอบ) ในระบบที่
มีสัญญาณรบกวน n(t ) (โดยที่ n(t ) สัญญาณรบกวนขาว มีค่าเฉลี่ยเป็ นศูนย์ และความหนาแน่นสเปคตรัมกําลัง
เท่ากับ N 0 /2 ) สัญญาณที่รับได้ คือ
ri (t ) = si (t ) + ni (t ) (10.26)
y1 (t ) = ∫ φ s (t )dt + n (t )
0
1 i 1
Ts
= E cos ((2 i − 1) π4 ) + n1 (t )
และ
Ts
y 2 (t ) = ∫ φ s (t )dt + n (t )
0
2 i 2
Ts
= E sin ((2 i − 1) π4 ) + n2 (t )
y1 (t )
ตัดสินใจ
สัญญาณ QPSK สัญญาณ QPSK
φ 1 (t ) ข้อมูลไบนารี
r(t ) MPX
φ 2 (t )
y 2 (t )
ตัดสินใจ
ค)
_____________________________________________________________________________
DCMM-S2 บทที่ ๑๐ การส่งสัญญาณดิจติ อลในพาสแบนด์ อิเล็กทรอนิกส์ สจล. 21
E/ 2 E/ 2
E E E
E/ 2 E/ 2
− E/2 − E/2
E E
− E/2 − E/2
เมื่อให้
( y 1 − E /2 )2 ( y 2 − E /2 )2
N0 = N0 =z
ก็จะได้
2
⎧ ∞ ⎫
⎪ ⎪
∫
2
pc = ⎨ 1
π
e− z dz ⎬
⎪⎩ E /2 ⎪⎭
∞
ซึ่ งก็จะเข้ารู ปของ Complement error function (erfc) ซึ่ ง 1 − 21 erfc ( 2 NE ) ∫ จึงได้
2
= 1
π
e − z dz
0
E /2
{ ( )}
2
pc = 1 − 21 erfc E
2 N0
(10.210)
=1− 1
2 erfc ( )+ E
2 N0
1
4 erfc 2
( E
2 N0 )
ดังนั้น ค่าเฉลี่ยของความคลาดเคลื่อน ก็คือ
_____________________________________________________________________________
22 การสือ่ สารดิจติ อล สมศักดิ ์ ชุมช่วย C3.20100209
pe = 1 − pc
(10.210)
= 21 erfc ( E
2 N0 )− 1
4 erfc 2 ( E
2 N0 )
สําหรับบริ เวณที่ E
2 N0 >> 1 เราอาจจะไม่ตอ้ งนําเทอมที่สองมาคิด และในระบบ QPSK นั้นใน 1 สัญญลักษณ์
ประกอบด้วย 2 บิต พลังงานจึงมากเป็ นสองเท่าของพลังงานต่อบิต หรื อ E = Es = 2 Eb ดังนั้น จึงได้
pe = erfc ( Eb
2 N0 ) (10.210)
+ Eb
A
1001 เข้ารหัส − Eb
I-CH NRZ
ข้อมูลไบนารี 2 cos( 2 πf c t )
สัญญาณ QPSK
De-MPX Ts
11000110 /2
2 sin( 2 πf c t )
Ts
Q-CH
เข้ารหัส
1010 NRZ + Eb B
− Eb
ก)
_____________________________________________________________________________
DCMM-S2 บทที่ ๑๐ การส่งสัญญาณดิจติ อลในพาสแบนด์ อิเล็กทรอนิกส์ สจล. 23
10.4.3 การมอดูเลตแบบการเลือ่ นเฟส M สถานะ (M-ary Phase-Shift Keying: M-ary PSK)
ในวิธีการ QPSK จะพิจารณาสัญญาณครั้งละ 2 บิต แต่การพิจารณาสัญญาณครั้งละ k บิต จึงเป็ นการขยายแนวคิด
ออกไป จํานวนสัญลักษณ์ท้ งั หมด M = 2 k (หรื อเรี ยกว่า M-Ary นัน่ เอง) เราสารถที่จะส่ งสัญญาณครั้งละ 1
สัญลักษณ์ (ขนาด k บิต) โดยให้ Es เป็ นพลังงานที่ใช้ในการส่ งแต่ละสัญลักษณ์ ในช่วงเวลา Ts แต่ละสัญลักษณ์
ยังคงมีขนาดและความถี่เท่าเดิม แต่เฟสจะแตกต่างออกไปทีละ 2 π / M เรเดียน ดังนั้น
2 Es 2 π( i − 1) ⎞
si ( t ) = cos⎛⎜ ωc t + ⎟ โดยที่ i = 1,2 ,3......M
Ts ⎝ M ⎠
2
φ1 ( t ) = cos ωc t 0 ≤ t ≤ Ts
Ts
และ
2
φ 2 (t ) = sin ωc t 0 ≤ t ≤ Ts
Ts
pe = erfc ( Eb
2 N0
π
sin M )
ตัวอย่างของปริ ภมู ิสัญญาณ เมื่อ k=3 และ k=4 แสดงดังรู ป
2 2
Es “010” Es
“011”
“001”
“100” “000” 1
/8 /16 Es
1
− Es − Es
Es
“101” “111”
− Es “110” − Es
8-ary 16-ary
_____________________________________________________________________________
24 การสือ่ สารดิจติ อล สมศักดิ ์ ชุมช่วย C3.20100209
10.5 การมอดูเลตแบบการเลือ
่ นความถี่
การกลํ้าสัญญาณโดยการเลื่อนความถี่กเ็ ป็ นอีกวิธีหนึ่งที่ใช้กนั แพร่ หลาย
2 Eb
s1 ( t ) = cos ω1t
Tb
2 Eb
s1 ( t ) = cos ω 2 t
Tb
เมื่อ Eb ก็คือพลังงานของสัญาณใน 1 บิต หรื อ พลังงานต่อบิต นัน่ เอง และในที่น้ ี s1 (t ) และ s2 (t ) อาจแทน
สัญญาณไบนารี “1” และ “0” หรื อ อาจสลับกันก็ได้ เราสามารถที่จะกําหนดเบซิ สได้ คือ
2
φ1 ( t ) = cos ω1t ; 0 ≤ t ≤ Tb (10.x)
T
และ
2
φ 2 (t ) = cos ω 2 t ; 0 ≤ t ≤ Tb (10.x)
T
ซึ่ งจะได้
s11 = s 22 = Eb
Es
Es
_____________________________________________________________________________
DCMM-S2 บทที่ ๑๐ การส่งสัญญาณดิจติ อลในพาสแบนด์ อิเล็กทรอนิกส์ สจล. 25
Es
Es
x = z1 − z2 (10.x)
ดังนั้น เมื่อ Z1 และ Z2 เป็ นตัวแปรสุ่ มของ z1 และ z2 ตามลําดับ และหากส่ ง “1” ไป จึงได้
E [ X|0 ] = E [ Z2 |0 ] − E [ Z1 |0 ] = + Eb (10.x)
_____________________________________________________________________________
26 การสือ่ สารดิจติ อล สมศักดิ ์ ชุมช่วย C3.20100209
∞
pe 0 = ∫f
0
X ( x|s2 )dx
∞
(10.x)
( x + E )2
−
= 1
2 πN 0 ∫e
0
2 N0
dx
เมื่อให้ z=
(x+ E )
2 N0
และเปลี่ยนลําดับของการหาปริ พนั ธ์ จาก x1 เป็ น z จะได้
∫
2
pe 0 = 1
π
e − z dz
Eb / N 0 (10.x)
= 21 erfc ( ) Eb
2 N0
pe 0 = pe 1 = 21 erfc ( ) Eb
2 N0 (10.x)
เมื่อ เทียบกรณี ของการส่ งแบบ BPSK จะเห็นว่า BFSK นั้นมีโอกาสความผิดพลาดมากกว่า BPSK และหากจะให้
BFSK มีโอกาสความผิดพลาดน้อยเหมือน BPSK นั้นจะต้องส่ งกําลังงานต่อบิตสู งขึ้นเป็ น 2 เท่า
+ Eb
สัญญาณ BFSK
φ 1 (t ) = T2 cos(2πf 1t )
b
ข้อมูลไบนารี
φ 2 (t ) = T2 cos( 2πf 2 t )
b
ก)
z1
φ 1 (t )
λ
ri (t ) φ 2 (t )
z2
_____________________________________________________________________________
DCMM-S2 บทที่ ๑๐ การส่งสัญญาณดิจติ อลในพาสแบนด์ อิเล็กทรอนิกส์ สจล. 27
T = Tb
T = Tb
2 Es
si (t ) = (2 πfcit ) โดยที่ i = 1,2 ,3......M (10.x)
Ts
2
φi ( t ) = cos(2 πfcit ) ; 0 ≤ t ≤ Tb และ i = 1,2 ,3......M (10.x)
T
⎡ Es ⎤ ⎡ 0 ⎤ ⎡ 0 ⎤ ⎡ 0 ⎤
⎢ ⎥ ⎢
⎢ 0 ⎥
⎢ Es ⎥ ⎢ 0 ⎥ 0 ⎥
⎢ ⎥ ⎢ ⎥ ⎢ ⎥
s1 = ⎢ 0 ⎥ s2 = ⎢ 0 ⎥ s3 = ⎢ Es ⎥ ….. และ sM = ⎢ 0 ⎥
⎢ ⎥ ⎢ ⎥ ⎢ ⎥ ⎢ ⎥
⎢ .. ⎥ ⎢ .. ⎥ ⎢ .. ⎥ ⎢ .. ⎥
⎢ 0 ⎥⎦ ⎢⎣ 0 ⎥⎦ ⎢⎣ 0 ⎥⎦ ⎢ Es ⎥⎦
⎣ ⎣
10.6 การมอดูเลตแบบการเปลีย
่ นขนาดและเลือ่ นเฟส
10.6.1 Binary Amplitude-Shift Keying (BASK)
_____________________________________________________________________________
28 การสือ่ สารดิจติ อล สมศักดิ ์ ชุมช่วย C3.20100209
ในระบบ ASK ความถี่และเฟสของสัญญาณจะมีคา่ คงที่ ขนาดของสัญญาณจะขึ้นอยูก่ บั การออกแบบซึ่ งขนาดของ
สัญญาณที่แทน “1” และแทน “0” ควรจะมีที่ขนาดแตกต่างกันมาก (เพื่อการทนต่อสัญญาณรบกวน) แบบที่นิยมมาก
ที่สุด คือ OOK-ASK หรื อ On-Off Keying ASK โดยจะให้ “1” มีความถี่ตามขนาดที่ตอ้ งการ ในขณะที่เป็ น “0”
นั้น b จะไม่ส่งอะไรเลย ซึ่ งจะเป็ นการประหยัดพลังงานอย่างไรก็ตามระบบ ASK เป็ นระบบที่มอดูเลตทางขนาด ทํา
ให้มีการรบกวนของสัญญาณได้ง่าย
s11 = Eb
⎧ 2 Eb
⎪ s1 (t ) = cos(2 πfc t )
si (t ) = ⎨ Tb
⎪ s (t ) = 0
⎩ 1
เมื่อ Eb ก็คือพลังงานของสัญาณใน 1 บิต หรื อ พลังงานต่อบิต นัน่ เอง และในที่น้ ี s1 ( t ) และ s2 (t ) อาจแทน
สัญญาณไบนารี “1” และ “0” หรื อ อาจสลับกันก็ได้ เราสามารถที่จะหาเบซิ สได้ คือ
2
φ1 (t ) = cos(2 πfc t ) ; 0 ≤ t ≤ Tb (10.x)
T
และโอกาสความผิดพลาดก็คือ
_____________________________________________________________________________
DCMM-S2 บทที่ ๑๐ การส่งสัญญาณดิจติ อลในพาสแบนด์ อิเล็กทรอนิกส์ สจล. 29
pe 0 = pe 1 = 21 erfc ( )
Eb
2 N0 (10.x)
16-QAM 16-QAM
รู ปที่ 10.15 ปริ ภมู ิของสัญญาณ QAM ที่จาํ นวนบิตต่อสัญญลักษณ์ ต่าง ๆ กัน
_____________________________________________________________________________
30 การสือ่ สารดิจติ อล สมศักดิ ์ ชุมช่วย C3.20100209
รู ปที่ 10.16 สัญญาณ 8-QAM (2 ขนาด 4 เฟส)
สัญญาณ QAM จะประกอบด้วย 2 ส่ วน คือส่ วนเฟสเหมือน (in phase, φ1 ( t ) ) และส่ วนเฟสต่าง (Quadrature
phase, φ2 ( t ) )
2
φ1 (t ) = cos(2 πfc t ) ; 0 ≤ t ≤ Tb (10.x)
T
2
φ2 (t ) = sin (2 πfc t ) ; 0 ≤ t ≤ Tb (10.x)
T
2 Es 2 Es
si (t ) = ai cos(2 πfc t ) + bi s in(2 πfc t ) ; 0 ≤ t ≤ Ts (10.x)
Ts Ts
_____________________________________________________________________________
DCMM-S2 บทที่ ๑๐ การส่งสัญญาณดิจติ อลในพาสแบนด์ อิเล็กทรอนิกส์ สจล. 31
ในระบบ QAM ส่ งข้อมูลที่มีหลายระดับและเฟสที่แตกกต่างกัน โอกาสความผิดพลาดจะหาได้จาก
⎛ 3 Eavg ⎞
pe ≈ 2(1 − 1
M
)erfc ⎜ 2 N 0 ( M − 1) ⎟ (10.x)
⎝ ⎠
φ 1 (t )
φ 2 (t )
φ 2 (t )
E0
2E0
φ 1 (t )
E0
cos( 2 πf c t )
sin( 2 πf c t )
z2
cos( 2 πf c t )
sin( 2 πf c t )
cos( 2 πf c t ) m1 (t ) s(t )
m2 (t )
cos ( )
πt
2 Tb φ2 ( t )
y 1 (t )
φ 1 (t )
r(t )
φ 2 (t )
y 2 (t )
_____________________________________________________________________________
DCMM-S2 บทที่ ๑๐ การส่งสัญญาณดิจติ อลในพาสแบนด์ อิเล็กทรอนิกส์ สจล. 33
ประสิ ทธิภาพในการลดสัญญาณรบกวนได้อีกมาก วิธีการดังกล่าวคือให้เฟสของสัญญาณมีการเปลี่ยนแปลงอย่าง
ต่อเนื่อง
พิจารณาระบบ CPFSK (Continuous Phase Shift Keying) ที่นิยามในช่วง 0 ≤ t ≤ Tb ดังนี้
⎧ 2 Eb
⎪ cos[2 πf 1t + θ(0)] for symbol "1"
⎪ Tb
s(t ) = ⎨ (10.x)
⎪ 2 Eb cos[2 πf t + θ(0)] for symbol "0"
⎪ T 2
⎩ b
เมื่อ Eb พลังงานการส่ งต่อบิต และ Tb คือช่วงเวลาของแต่ละบิต และเฟส θ(0) หมายถึง เฟสเมื่อ t = 0 ซึ่ งขึ้นอยูก่ บั
การมอดูเลตในช่วงที่ผา่ นมา ซึ่ ง f1 และ f2 เป็ นความถี่ที่แตกต่างกันในการส่ งข้อมูลไบนารี “1” และ “0”
ตามลําดับ บางครั้ง CPFSK จึงก็อาจเขียนได้เป็ น
2 Eb
s(t ) = cos ⎡⎣ 2 πfc t + θ(t )⎤⎦ (10.x)
Tb
จะเป็ นเฟสของ s(t ) และ θ(t ) เป็ นฟังก์ชนั ของเวลาที่ต่อเนื่อง ซึ่ งเราจะพบว่า s(t ) เป็ นฟังก์ชนั ที่ต่อเนื่อง
θ(t )
ตลอดเวลาด้วย (แม้วา่ ค่าของสัญญาณในแต่ละบิตจะเปลี่ยนไป) โดยที่ค่าเฉลี่ยของความถี่ เป็ นค่ากลางระหว่าง และ
คือ
f1 + f2
fc = (10.x)
2
เมื่อ เครื่ องหมาย + แสดงถึงว่า สัญญลักษณ์ที่ส่งมาเป็ น “1” และเครื่ องหมาย - แสดงถึงว่า สัญญลักษณ์ที่ส่งมาเป็ น
“0” โดยที่พารามิเตอร์ h หรื อ อัตราส่ วนการเปลี่ยนแปลง (derivation ratio) นิ ยามโดย
h = Tb ( f 1 − f 2 ) (10.x)
ค่า h จะวัดเปรี ยบเทียบกับอัตราการส่ ง หรื อบิตเรต (bit rate; 1/Tb ) ดังนั้น จากสมการ () จึงได้
_____________________________________________________________________________
34 การสือ่ สารดิจติ อล สมศักดิ ์ ชุมช่วย C3.20100209
+4 πh
+3πh
+πh
0 t
2Tb 4Tb 6Tb 8Tb
−πh
−2 πh
−3πh
−4 πh
10.7 บทสรุ ป
การส่ งสัญญาณในเบสแบนด์ที่ผา่ นมานั้นเป็ นการส่ งข้อมูลดิจิตอลออกไป โดยไม่ตอ้ งมีการมอดูเลตกับความถี่อื่น (แต่
จะต้องปรับรู ปร่ างของพัลส์เสี ยก่อน) การทวนสัญญาณและการขยายสัญญาณนั้นทําได้ยาก ทําให้เป็ นข้อจํากัดอย่าง
หนึ่งในเรื่ องของระยะทางการส่ ง ในอีกทางเลือกการส่ งแบบผสมความถี่น้ นั ซับซ้อนมากกว่า แต่กท็ าํ การทวนสัญญาณ
ได้ง่าย พร้อมกันนั้นยังสามารถที่จะส่ งข้อมูลครั้งละหลายบิต (เรี ยกว่าสัญญาณเวคเตอร์ ) ได้อีกด้วย
QPSK,MSK 2
pe = erfc ( Eb
2 N0 ) − erfc ( )
1
4
2 Eb
2 N0
BFSK 1 pe = pe 0 = pe 1 = 21 erfc ( )
Eb
2 N0
OOK 1 erfc ( )
Eb
pe = pe 0 = pe 1 = 1
2 2 N0
QAM M ⎛ 3 Eavg ⎞
pe ≈ 2(1 − 1
M
)erfc ⎜ 2 N 0 ( M − 1) ⎟
⎝ ⎠
เมื่อ Eavg = 2 E (3M −1)
0
_____________________________________________________________________________
DCMM-S2 บทที่ ๑๐ การส่งสัญญาณดิจติ อลในพาสแบนด์ อิเล็กทรอนิกส์ สจล. 35
0
Error Probability Distribution
10
-1
10 ← QPSK,MSK
-2
10 ← BPSK ← BFSK,OOK
Error Probability (pe)
-3
10
-4
10
-5
10
-6
10
-7 m09090220pe.m
10
0 5 10 15
Eb/N0 (dB)
_____________________________________________________________________________
36 การสือ่ สารดิจติ อล สมศักดิ ์ ชุมช่วย C3.20100209
แบบฝึ กหัด
1. พิจารณาสัญญาณ s1 (t ), s2 (t ), s3 (t ) และ s4 ( t ) แสดงในรู ป จงใช้วิธีการแกรม-ชมิดธ์ ในการหาเบซิ ส และแสดง
สัญญาณทั้งสี่ ในปริ ภมู ิ
1 1
t t
0 0
T/2 T/2 T
s1(t) s2(t)
1 1
t t
0 0
T/2 T/2 T
5. จงใช้วธ
ิ ี การแกรม-ชมิดธ์ ในการหาเบซิ สของการมอดูเลตแบบเฟสเลื่อน 4 เฟส โดยเฟสเริ่ มต้นคือ π /4
_____________________________________________________________________________
DCMM-S2 บทที่ ๑๐ การส่งสัญญาณดิจติ อลในพาสแบนด์ อิเล็กทรอนิกส์ สจล. 37
2
6. วงจรโครี เลเตอร์ สาํ หรับสัญญาณมอดูเลตเฟสเลื่อน โดยที่ φ1 (t ) = cos ωc t จงแสดงรู ปร่ างของ y (t ) เมื่อ
T
โครีเลเตอร์
สัญญาณ BPSK z(t ) y (t ) zi
ประเมินที่ t=Tb
φ 1 (t )
5. จงค้นคว้าและอธิ บายถึง
_____________________________________________________________________________
38 การสือ่ สารดิจติ อล สมศักดิ ์ ชุมช่วย C3.20100209
สารบัญ
บทที่ 10 ......................................................................................................................................................................... 1
การส่ งสัญญาณดิจิตอลในพาสแบนด์........................................................................................................................ 1
Passband Digital Signal Transmission ................................................................................................................ 1
วัตถุประสงค์ของบทศึกษา .............................................................................................................................. 1
10.1 การส่ งสัญญาณดิจิตอลในพาสแบนด์ ..................................................................................................... 1
10.2.1 วิธีการของแกรม-ชมิดท์................................................................................................................... 2
10.4.3 การมอดูเลตแบบการเลื่อนเฟส M สถานะ (M-ary Phase-Shift Keying: M-ary PSK) .............. 24
_____________________________________________________________________________
DCMM-S2 บทที่ ๑๐ การส่งสัญญาณดิจติ อลในพาสแบนด์ อิเล็กทรอนิกส์ สจล. 39