Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 2

คืนการศึกษาให้ชุมชน ทางออกของปัญหาโรงเรียนขนาดเล็ก

การศึกษาที่ผ่านมาและจนถึงทุกวันนี้ได้ทาร้ายชุมชนชนบทอย่างแสนสาหัส ด้วยการพรากชีวิตไป จากวิถีที่เคยอยู่เคยเป็น นาพาลูกหลานชาวบ้านให้ทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิดในนามความสาเร็จของการศึกษา เมื่อ ลูกหลานทยอยจากไป นับวันชนบทก็กร่อนสลายกลายเป็นชุมชนสิ้นหวัง “จะจัดการศึกษาอย่างไรที่จะสร้าง ทางเลือกใหม่ ทาให้คนสามารถอยู่ได้ในท้องถิ่นบ้านเกิดของตน” คือโจทย์ข้อใหญ่ไม่แพ้ความจาเป็นในการ สร้างขีดความสามารถเพื่อการแข่งขันบนเวทีโลกเช่นกัน โรงเรียนของกระทรวงศึกษาธิการจานวนมากในชนบท ถูกปล่อยปละละเลยจนไม่มีคุณภาพ แล้วมา วันหนึ่งกระทรวงก็ประกาศที่จะยุบทิ้งโรงเรียนเหล่านั้น โดยไม่มีคาขอโทษ ไม่มีการขอความเห็นชาวบ้าน ไม่สานึกรู้ถึงความทุกข์เดือดร้อนของชาวบ้าน สะท้อนถึงวิธีคิดวิธีบริหารจัดการแบบรวบอานาจ ซึ่งนอกจาก ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาแล้ว ยังเป็นการซ้าเติมและเพิ่มเชื้อไฟของความขัดแย้ง จากการไปยุบทิ้งโรงเรียนที่ปู่ย่าตา ยายของเขาช่วยกันสร้างขึ้นมา ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและกฎหมายการศึกษาของชาติ ที่ให้หลักประกันต่อสิทธิ เสรีภาพทางการศึกษาของประชาชน ไม่เว้นแม้เด็กหนึ่งคนก็จะต้องได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึงมีคุณภาพ กระทรวงศึกษาธิการโดยนโยบายของรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง มีอานาจจริงหรือ ? ที่จะไปยุบทิ้งโรงเรียนของ ลูกหลานชาวบ้าน และกระทรวงจะอธิบายอย่างไรต่อหลักการ “ให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา” ใน เมื่อคุณไปยุบโรงเรียนของเขาเสียแล้ว วิกฤตการณ์ยุบโรงเรียนขนาดเล็ก จึงเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนล่าสุดถึงความผิดพลาดของการปล่อยให้ รัฐผูกขาดการจัดการศึกษา และการไร้ประสิทธิภาพของกระทรวงศึกษาธิการ ดังนั้น แทนที่จะปล่อยให้ยุบ โรงเรียนขนาดเล็กแล้วทนอยู่กับการผูกขาดไร้ประสิทธิภาพนี้กันต่อไป สังคมไทยควรถึงเวลาของการปักธง ใหม่ คือ “รัฐเลิกผูกขาดการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการจะต้องถูกยุบรวมให้เล็กลง การปฏิรูปการศึกษาที่ แท้จริงจะต้องอาศัยพลังภายนอกระบบราชการคือภาคประชาสังคมเป็นสาคัญ ” เริ่มต้นจากการประกาศอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “เด็กทุกคนอย่างน้อยในระดับประถมศึกษาจะต้องได้เรียน ในหมู่บ้านเกิดของตน ในสถานศึกษาที่สามารถเดินเท้าไปถึงได้ ” โดยมีการพัฒนาคุณภาพของการเรียนรู้และ การบริหารที่สอดคล้องเหมาะสมกับการเป็นสถานศึกษาขนาดเล็กในชุมชนชนบท ด้วยการคืนการศึกษาให้ ชุมชน การศึกษาของชุมชน โดยชุมชน เพื่อชุมชน จะต้องเคารพในภูมิปัญญาท้องถิ่น เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ท้องถิ่น ภูมิรู้ภูมิธรรม ทรัพยากร วัฒนธรรม วิถีชีวิต องค์ความรู้ต่างๆ ที่มีอยู่ในชุมชน เชื่อมโยงกับโลกและ สังคม นาเอาสภาพการณ์หรือปัญหาที่เป็นจริงของชุมชนท้องถิ่นมาเป็นโจทย์สาคัญของการศึกษาเรียนรู้ เพื่อให้ลูกหลานเกิดความรักและแรงใจที่จะร่วมกันพลิกฟื้นสร้างความเจริญให้กับบ้านเกิด และที่สาคัญคือ

สามารถสร้างงานสร้างอาชีพขึ้นได้ด้วยตนเอง สร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจชุมชน จนสามารถอยู่ได้ และอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีในท้องถิ่นบ้านเกิดของตน เมื่อชุมชนเป็นกลไกหลักของการจัดการศึกษา ก็จะเห็นได้ถึงภาคส่วนต่างๆ ทั้งองค์กรชุมชน องค์กร เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฯลฯ ที่สามารถเข้ามาสนับสนุนการศึกษาเรียนรู้ของลูกหลานของเขา ทรัพยากรที่จะระดมเข้ามาช่วยเหลือ ตลอดจนครูภูมิปัญญาและแหล่งเรียนรู้มากมายในท้องถิ่นที่สอดคล้อง ตรงกับวิถีชีวิตจริง เปิดโอกาสของการเรียนรู้ แก้ปัญหา ริเริ่มสร้างสรรค์ อย่างลงมือทาจริงๆ ไม่ใช่แค่ แบบฝึกหัดในกระดาษหรือบนกระดานดา ในแง่การตรวจสอบประกันคุณภาพก็จะกลายเป็นเรื่องหญ้าปากคอก คือไม่ต้องรอให้ใครที่ไหนที่ไม่ รู้จริงมาประเมิน เพราะชุมชนประเมินเองได้ตามมาตรฐานของชุมชน ด้วยเป็นลูกหลานของตนย่อมรู้ดีกว่า ใครว่าอยากให้มันเก่ง ดี มีสุขอย่างไร อีกทั้งยังประเมินได้ทุกวัน เมื่ออยู่ใกล้กันตรงนั้นจะละเลยไปบ้างก็ไม่ นาน แล้วผลตอบกลับในการปรับปรุงแก้ปัญหาก็จะตรง-แรง ทานองเดียวกันกับหากพระในหมู่บ้าน ประพฤติไม่ดีชาวบ้านก็ไม่ใส่บาตรทาบุญ ที่จริง โรงเรียนหรือสถานศึกษาขนาดเล็กนั้น เป็นโอกาสที่ดีในการสร้างคุณภาพ ดังเช่นธุรกิจหรือ วิสาหกิจขนาดเล็กที่คล่องตัวในการบริหารปรับเปลี่ยนพัฒนา สามารถใช้วิธีการและต้นทุนที่เหมาะสมกับ ผลิตผลที่ต้องการได้ ขนาดจึงไม่ใช่ปัญหาอยู่ที่ฝีมือและวิสัยทัศน์ของผู้จัดการต่างหาก โรงเรียนยิ่งใหญ่ ปัญหายิ่งมากเทอะทะไม่ทันกับโลกภายนอก ยิ่งบ้าเรียนหนังสือแข่งขันเบียดเสียดกันไปเข้ามหาวิทยาลัย จะ ยิ่งห่างไกลจากการเรียนรู้ทักษะชีวิต สุดท้ายก็ย้อนกลับไปหาโจทย์เดิมๆ ของการปฏิรูป คือการศึกษาเพื่อ ความเป็นมนุษย์ หรือจะเอาแค่การศึกษาแบบหมาหางด้วน เจตนารมณ์การปฏิรูปการศึกษา ปฏิรูปการเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นการพยายามสร้างการมีส่วนร่วมของ ครอบครัว ชุมชน การศึกษาบนหลักการกระจายอานาจ การศึกษาที่ให้ความสาคัญกับท้องถิ่น การศึกษาที่ เสมอภาคเท่าเทียมสาหรับผู้เรียนทุกกลุ่ม การศึกษาที่เคารพความแตกต่างของผู้เรียนแต่ละคนให้สามารถ พัฒนาตามธรรมชาติและเต็มศักยภาพ จนถึงสูงสุดคือการศึกษาเพื่อพัฒนาความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้งหมด นั้นกลายเป็นความว่างเปล่า การลงทุนลงแรงที่ผ่านมาไร้ความหมายสิ้นเชิง ในทันทีที่กระทรวงศึกษาธิการ ประกาศยุบทิ้งโรงเรียนขนาดเล็กโรงเรียนของลูกหลานชาวบ้านหลายพันโรง ... เราจึงยอมไม่ได้ การศึกษาคือการเรียนรู้ ฉะนั้น ผู้รับผิดชอบการศึกษาของชาติจึงจะต้องเป็นองค์กรที่เรียนรู้เป็น ปัญหาวิกฤตการณ์โรงเรียนขนาดเล็กคือฟางเส้นสุดท้าย ในการพิสูจน์ตนเองของกระทรวงศึกษาธิการ ยุทธชัย เฉลิมชัย สภาการศึกษาทางเลือก

You might also like