Professional Documents
Culture Documents
Vaccine
Vaccine
การสรางเสริมภูมิคุมกันโรคและภูมิคุมกันบําบัด
(Vaccination and Immunotherpy)
วัชระ กสิณฤกษ
บทนํา
เปนที่ยอมรับกันโดยทัว่ ไปแลววาวิธกี ารทีด่ มี ากวิธหี นึง่ ในการปองกันโรคก็คอื การใชวคั ซีน
(vaccine) เพื่อกระตุนใหเกิดภูมคิ มุ กันตอโรคนัน้ ๆ ขึ้น ซึ่งเมื่อคนนั้นๆ ไดรบั เชือ้ โรคนัน้ อีกในภายหลัง
ระบบภูมิคุมกันที่ถกู กระตุน ใหเกิดขึน้ แลวนัน้ จะเขาทําลายเชือ้ โรค ทําใหผทู ไ่ี ดรบั เชือ้ โรคไมเปนโรค
ดังที่ไดเรียนกันมาแลววาเมือ่ รางกายไดรบั แอนติเจน แอนติเจนจะไปกระตุน ระบบภูมคิ มุ กัน
ทั้งชนิด humoral mediated immunity และ cell-mediated immunity (รวมถึง cytotoxic T cell
response หรือ CTL response) ขึ้น นอกจากนีแ้ อนติเจนดังกลาวยังกระตุน ใหเกิด immunological
memory ขึ้น (รูปที่ 15-1) ซึ่ง immunological memory ทัง้ memory B lymphocytes และ memory T
lymphocytes ทําใหเกิดการจดจําของระบบภูมคิ มุ กัน และเมือ่ รางกายไดรบั แอนติเจนชนิดเดิมอีกใน
ครั้งตอๆ ไป การกระตุน ระบบภูมคิ มุ กันจะเกิดไดมากและรวดเร็วกวาการกระตุน ในครัง้ แรก (รูปที1่ 5-2)
ดังนั้นการใหวัคซีนจึงเปนการกระตุน ระบบภูมคิ มุ กันใหเตรียมพรอมกอนทีร่ า งกายจะเจอเชือ้ โรคจริงใน
โอกาสตอไป
15-1
รูปที่ 15-2 แสดง primary และ secondary antibody response
Passive immunization
หมายถึงการนําเอาภูมคิ มุ กันโรค (จากคนหรือสัตวอน่ื ) มาใหแกผรู บั โดยตรง เพื่อใหผรู บั เกิด
ภูมิคุมกันโรคขึ้น วิธี passive immunization นี้เปนการนําเอาซีรมั ทีม่ แี อนติบอดีทจ่ี าเพาะต
ํ อแอนติเจน
ที่สนใจ (อาจเรียกวา แอนติซรี มั ; antiserum) มาฉีดใหแกผูรับ หรืออาจหมายถึงการนําเอา immune
cells เชน lymphocytes จากผูที่มีภูมิคุมกันโรคแลวมาใหผูรับ เพื่อใหผูรับเกิดภูมิคุมกันโรคขึ้นมา
โดยไมตอ งสรางเอง จะเห็นไดวา โดยวิธี passive immunization นี้ ไมไดมกี ารฉีดกระตุน ผูร บั ดวย
แอนติเจนเลย แตเปนการนําเอาภูมคิ มุ กันทีม่ อี ยูแ ลวจากบุคคลอืน่ หรือจากสัตวอน่ื มาให เพื่อใหผูรับ
มีภูมิคุมกันโรคขึ้น (รูปที่ 15-3) ภูมิคุมกันที่นามาให
ํ ผรู บั ใน passive immunization ไดแก ซีรัม (บางที่
เรียกวา แอนติซรี มั ; antiserum) หรือ โกลบูลนิ เขมขน (concentrated immunoglobulin) จากคนปกติ
15-2
ที่ไดรับการกระตุนกอนแลวดวยแอนติเจนทีส่ นใจ หรือจากคนทีห่ ายจากโรคติดเชือ้ นอกจากนีย้ งั อาจ
ใชซีรัมจากสัตวทไ่ี ดฉดี กระตุน กอนดวยแอนติเจนทีส่ นใจ (รูปที่ 15-3)
15-3
ตัวอยางของแอนติบอดีทใ่ี ชใน passive immunization และการใชงานดังแสดงในตารางที่
15-1
ตารางที่ 15-1 แสดงการให passive immunization เพื่อการปองกันโรคตางๆ
โรค ที่มาของแอนติบอดี การใชงาน
Measles Human Post exposure
Hepatitis A Human Pre exposure; Post exposure
Hepatitis B Human Post exposure
Rubella Human Post exposure
Varicella Human Prophylaxis in immunosuppressed individuals
Botulism Equine Post exposure and treatment
Diphtheria Equine Post exposure
Rabies Human and Equine Post exposure
Tetanus Human and Equine Post exposure and treatment
15-4
Active immunization
หมายถึงการฉีดแอนติเจน (หรือทีเ่ รียกวาวัคซีน; vaccine) เขาไปในรางกายเพือ่ กระตุน ใหรา ง-
กายผูร บั สรางภูมคิ มุ กันโรคขึน้ เอง การใหวคั ซีนเปนการกระตุน ระบบภูมคิ มุ กันและ immunological
memory ใหเกิดขึ้น และเมือ่ รางกายไดรบั เชือ้ โรคจริงๆ ตัวเชือ้ โรคเองจะกระตุน memory T และ B
lymphocytes และทําใหเกิดภูมคิ มุ กันโรคทีม่ าก และรวดเร็ว สุดทายทําใหเชือ้ โรคทีร่ บั เขามาถูก
ทําลาย
Active immunization สามารถแบงตามชนิดของแอนติเจนทีใ่ ชเปนวัคซีนไดเปน 3 กลุมใหญๆ
(รูปที่ 15-4) คือ
1. Killed vaccine หรือ inactivated vaccine
เปนวัคซีนที่ไดจากการนําตัวเชือ้ โรคมาฆาดวยความรอน หรือสารเคมี แลวนํามาใชเปนวัคซีน
เมื่อใหวคั ซีนชนิดนีเ้ ขาไปในรางกาย killed vaccine จะทําหนาทีเ่ ปนแอนติเจนชนิด exogenous
antigen ดังนั้นวัคซีนชนิดนีส้ ามารถกระตุน ระบบภูมคิ มุ กันชนิด humoral mediated immunity คือ
กระตุนการสรางแอนติบอดีได และสามารถกระตุน ภูมคิ มุ กันชนิด cell-mediated immunity ไดเฉพาะ
ในสวนของ CD4+ lymphocytes คือสามารถกระตุน CD4+ lymphocytes ใหทํางานได แต killed
vaccine ไมสามารถกระตุน CD8+ lymphocytes หรือ cytotoxic T cells (CTL) responses ได
เนื่องจาก CTL responses เปนภูมิคุมกันที่มีบทบาทสําคัญในการกําจัดเชือ้ โรคจําพวก intracellular
microorganism โดยเฉพาะไวรัส ดังนัน้ killed vaccine จึงใชไมไดผลในการปองกัน virus infection
หลายชนิด นอกจากนี้ความรอนหรือสารเคมีทใ่ี ชในการฆาเชือ้ โรคเพือ่ เตรียมเปนวัคซีน อาจทําลาย
antigenic determinant บางชนิดของตัวเชื้อ ทําใหเสียคุณสมบัตขิ องการเปน immunogen ในการ
กระตุน ระบบภูมคิ มุ กัน killed vaccine ยังอาจจะไมปลอดภัย หากระบบการฆาเชือ้ โรคกอนนําไปใช
เปนวัคซีนไมสมบูรณ
2. Sub-unit vaccine
เปนวัคซีนทีไ่ ดจากการแยก (purified sub-unit vaccine) หรือสังเคราะหสว นประกอบบางชนิด
ของเชื้อโรคโดยอาศัยวิธที าง molecular biology techniques (recombinant vaccine) แลวนํามา
ใชเปนวัคซีน นอกจากนี้ sub-unit vaccine อาจเปน toxin ที่เชื้อโรคสราง แลวนํามาทําใหหมดฤทธิ์
ดวยสารเคมี เชน hydrogen peroxide หรือ formaldehyde เรียก toxin ที่หมดความเปนพิษนีว้ า
toxoid แลวใชเปนวัคซีน เชนเดียวกับ killed vaccine วัคซีนชนิด sub-unit vaccine นี้จดั เปน
exogenous antigen จะกระตุน ระบบภูมคิ มุ กันชนิด humoral mediated immunity และ CD4+
lymphocytes แตไมสามารถกระตุน CTL response ได Sub-unit vaccine มักมีคุณสมบัติในการ
15-5
กระตุน ระบบภูมคิ มุ กันไดไมดี (low immunogenicity) และกระตุน ระบบภูมคิ มุ กันไดในระยะสัน้ ดังนัน้
การใชวคั ซีนชนิดนี้ จึงมักตองมีการกระตุน ซํ้า (booster) หลายครั้ง เพือ่ ใหการกระตุน ระบบภูมคิ มุ กัน
เกิดไดดยี ง่ิ ขึน้
3. Live attenuated vaccine
เปนวัคซีนที่ไดจากการนําเชื้อโรคมาเลี้ยงในสภาวะที่ทาให ํ เชือ้ โรคนั้นออนแอลง และไมทําให
เกิดโรค (non-pathogenic) (รูปที่ 15-5 แสดงขัน้ ตอนการเตรียม live attenuated virus) วัคซีนชนิดนี้
เปนตัวเชื้อทีย่ งั มีชวี ติ สามารถกระตุน ระบบภูมคิ มุ กันไดทกุ ระบบ ทัง้ humoral mediated immunity,
CD4+ lymphocytes และ CTL responses แตวัคซีนชนิดนี้มขี อ ดอยคืออาจทําใหเกิดโรคกับผูร บั
วัคซีนได โดยเฉพาะกับผูท ม่ี กี ารทํางานของระบบภูมคิ มุ กันบกพรอง live attenuated vaccine อาจ
กลายพันธุก ลับสูส ภาพทีก่ อ โรคได (virulent form)
15-6
รูปที่ 15-5 แสดง การเตรียม live attenuated virus เพื่อใชเปนวัคซีน
15-7
ตารางที่ 15-2 แสดง active immunization ในการปองกันและรักษาโรคตางๆ
โรค วัคซีนทีใ่ ช
Bacterial diseases
Anthrax Purified proteins
Tuberculosis Modified live (BCG)
Cholera Killed organisms
Diphtheria Toxoid
Hemophilus Capsular polysaccharide
Meningococcus Capsullar polysaccharide
Whooping cough Killed organism or purified proteins
Plague Killed organisms
Pneumococcus Capsular polysaccharide
Tetanus Toxoid
Typhoid Killed or modified live organism
Viral disease
Maesles
Mumps Modified live organisms
Rubella Modified live organisms
Poliomyelitis Modified live organisms
Influenza Killed or modified live organisms
Hepatitis B Killed organisms
Rabies Recombinant antigen
Yellow fever Killed organisms
Modified live organisms
15-8
ตารางที่ 15-3 ตารางการฉีดวัคซีนในเด็ก
อายุ ชนิดของวัคซีน
แรกเกิด วัคซีนปองกันวัณโรค (BCG)
วัคซีนปองกันตับอักเสบ บี ครัง้ ที่ 1
1 เดือน วัคซีนปองกันตับอักเสบ บี ครัง้ ที่ 2
2 เดือน วัคซีนรวมปองกันคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก (DTP) ครั้งที่ 1
วัคซีนปองกันโปลิโอ (OPV) ครัง้ ที่ 1
4 เดือน วัคซีนรวมปองกันคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก (DTP) ครั้งที่ 2
วัคซีนปองกันโปลิโอ (OPV) ครัง้ ที่ 2
6 เดือน วัคซีนรวมปองกันคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก (DTP) ครั้งที่ 3
วัคซีนปองกันโปลิโอ (OPV) ครัง้ ที่ 3
วัคซีนปองกันตับอักเสบ บี ครัง้ ที่ 3
9-12 เดือน วัคซีนปองกันหัด คางทูม หัดเยอรมัน (MMR) ครัง้ ที่ 1
18 เดือน วัคซีนรวมปองกันคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก (DTP) ครั้งที่ 4
วัคซีนปองกันโปลิโอ (OPV) ครัง้ ที่ 4
วัคซีนปองกันโรคไขสมองอักเสบ (JEV) ครั้งที่ 1 และ 2 โดยใหหา งกัน 1-2
สัปดาห (เฉพาะในทองที่ที่มีโรคชุกชุม)
2 ปครึง่ วัคซีนปองกันโรคไขสมองอักเสบ (JEV) ครั้งที่ 3 (เฉพาะในทองทีท่ ม่ี โี รคชุกชุม)
4-6 ป วัคซีนรวมปองกันคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก (DTP) ครั้งที่ 5
วัคซีนปองกันโปลิโอ (OPV) ครัง้ ที่ 5
15-9
ดังนั้นเมื่อพิจารณาถึงตรงนี้จะเห็นไดวาวัคซีนที่มีใชในปจจุบันยังไมใชวัคซีนที่ดีที่สุด ซึ่งวัคซีน
ที่ดีที่สุดนี้ ควรจะเปนวัคซีนทีก่ ระตุน ระบบภูมคิ มุ กันไดทง้ั ชนิด humoral mediated immunity และ
cell-mediated immunity ทั้งการกระตุน CD4+ lymphocytes และ CTL responses และตองไมใช
ตัวเชื้อโรคที่ยังมีชีวิตเปนวัคซีน จากแนวคิดดังกลาวทําใหนกั วิจยั ทางวิทยาศาสตรการแพทยไดศกึ ษา
อยางจริงจังเพื่อพัฒนาวัคซีนและวิธีการใหวัคซีนที่มีประสิทธิภาพมากกวาเดิม และโดยอาศัยความรู
ทาง molecular biology และ immunology จนในที่สุดก็ไดพบวิธกี ารหรือเทคนิคใหมๆ ทีเ่ รียกวา DNA
vaccination ที่นาจะเปนวิธกี ารทีจ่ ะบรรลุวตั ถุประสงคดงั กลาว
DNA vaccine
หลักการของ DNA vaccination (ดูรปู ที่ 15-6 ประกอบ)
DNA vaccination หรือ DNA immunization เปนเทคนิคทีอ่ าศัยหลักการคือ เมือ่ นํายีนที่
กําหนดการสรางโปรตีนใดๆ ทีส่ นใจไปเชือ่ มตอใน eukaryotic expression plasmid vector ซึ่งภาย
ใตสภาวะที่เหมาะสม ยีนที่เชื่อมตอใน plasmid vector นั้นจะสรางเปน encoded protein ออกมา ซึ่ง
ถาการแสดงออกของยีนดังกลาวเกิดขึน้ ในรางกายของสิง่ มีชวี ติ และถา encoded protein นั้นๆ มี
คุณสมบัตเิ ปน antigenic protein ก็จะไปกระตุน ระบบภูมคิ มุ กันของรางกายและทําใหรา งกายเกิด
ภูมิคุมกันตอบสนองตอโปรตีนนัน้ ๆ ขึ้น โดยพบวาระบบภูมคิ มุ กันทีถ่ กู กระตุน ใหเกิดขึน้ โดยวิธนี ม้ี ที ง้ั
humoral mediated immunity, cell-mediated immunity ทั้งกระตุน CD4+ lymphocytes และ CTL
response
15-10
กลไกการกระตุนระบบภูมิคุมกันโดย DNA vaccine
กลไกการกระตุน ระบบภูมคิ มุ กันโดยวิธี DNA vaccination ยังไมทราบแนชดั อยางไรก็ตาม
เชื่อวานาจะมีกลไกดังนี้คือ เมื่อฉีด DNA ที่กําหนดการสรางโปรตีนทีส่ นใจและเชือ่ มตออยูใ น plasmid
vector ที่เหมาะสมเขาสูรางกาย plasmid DNA จะเขาสูเซลลเปาหมายซึ่งอาจเปนเซลลกลามเนื้อ
หรือเซลลใตผิวหนัง ทั้งนี้ขึ้นกับ route และวิธีการฉีด โดยอาศัย transcription และ translation
mechanism ของเซลล ยีนทีแ่ ทรกอยูใ น plasmid vector จะถูกสรางเปน antigenic protein เมื่อ
พิจารณาถึงตรงนี้จะเห็นวา antigenic protein ที่ถูกสรางขึ้นมานี้จะถูกสรางภายในเซลล ดังนั้นจึงถูก
process และกระตุน ระบบภูมคิ มุ กันคลายกับ endogenous antigen ทั่วๆ ไป กลาวคือ antigenic
protein จะถูก process เปน peptide antigen ขนาดเล็กภายใน cytoplasm และสงไปจับกับ major
histocompatibility complex (MHC) class I molecule จากนั้นจะถูกสงไปบนผิวเซลลเพื่อกระตุน
CD8+ lymphocytes เกิดเปน cytotoxic T lymphocytes ซึ่งสามารถทําลาย infected cells ได
(เรียกระบบภูมคิ มุ กันแบบนีว้ า CTL response)
Antigenic protein สวนหนึง่ จะถูกปลอยออกนอกเซลล ซึง่ อาจเกิดจาก antigenic protein
นั้นมีคณุ สมบัตเิ ปน secreted protein หรือเกิดจากการทีเ่ ซลลถกู ทําลาย ซึ่ง antigenic protein ที่
ออกมานอกเซลลเหลานี้จะถูก process และกระตุน ระบบภูมคิ มุ กันเชนเดียวกัน exogenous antigen
คือถูก uptake โดย antigen presenting cells จากนัน้ จะถูกตัดเปน peptide ทอนสัน้ ๆ แลวสงออก
มาบนผิวเซลลรวมกับ MHC class II molecule และสงไปกระตุน CD4+ cells ใหหลั่ง lymphokines
ออกมา ซึ่ง lymphokines เหลานี้สามารถกระตุน ใหเซลลตา งๆ ในระบบภูมิคุมกันเชน monocytes,
macrophages, neutrophils, B lymphocytes, CD4+ lymphocytes, CD8+ lymphocytes และ
NK cells ใหทํางานไดดยี ง่ิ ขึน้ การทํางานของเซลลเหลานีก้ อ ใหเกิดการทํางานของระบบภูมคิ มุ กันที่
เรียกวา cell-mediated immunity
antigenic protein สวนหนึง่ สามารถกระตุน B lymphocytes และโดยความชวยเหลือของ
lymphokines ที่ปลอยมาจาก activated CD4+ lymphocytes ทําให B lymphocytes ที่ถูกกระตุน
แลวนีก้ ลายเปน plasma cells สรางแอนติบอดีออกมา แอนติบอดีทส่ี รางออกมานีส้ ามารถจับและ
ทําลายเชื้อโรคได เกิดเปนการตอบสนองทาง humoral mediated immunity ขึ้น
15-11
Plasmid vector ที่ใชใน DNA vaccine
ดังไดกลาวมาแลววาในงาน DNA vaccination จําเปนตองมีการเชือ่ มตอยีนทีส่ นใจเขากับ
plasmid vector ที่เหมาะสมเพือ่ ควบคุมการแสดงออกของยีน โดยทัว่ ไป plasmid vector ที่ใชในงาน
DNA immunization ควรประกอบดวยสวนตางๆ คือ
1. Transcriptional promoter ตองเปน promoter ที่สามารถทํางานไดใน eukaryotic cells
ทําหนาทีค่ วบคุมให gene ที่สอดใสหลัง promoter นี้เกิดการ transcription
2. Enhancer element ทําหนาทีเ่ พิม่ กระบวนการ gene expression สวนนี้อาจจะมีหรือไมมี
ก็ได
3. สวนของยีนทีก่ าหนดการสร
ํ าง antigenic protein ที่สนใจ โดยแทรกเขาไปใน vector ใน
ตําแหนงหลัง eukaryotic promoter
4. RNA-processing elements ไดแก polyadenylation signal และ intron element ทํา
หนาทีช่ ว ยเพิม่ กระบวนการ transcription และทําให RNA ที่สรางออกมามีความคงตัวยิง่ ขึน้
นอกจากนี้ plasmid vector ยังตองประกอบดวย bacterium-specific genetic sequences
2 ชนิด ไดแก antibiotic selectable marker และ bacterium origin of replication โดยทัง้ 2 สวนนี้มี
ประโยชนในการเตรียม DNA ใหไดปริมาณมากๆ ในแบคทีเรีย จากคุณสมบัตขิ อง plasmid DNA
ดังกลาวนีท้ ําใหเมือ่ ฉีดเขาไปในรางกาย ยีนทีแ่ ทรกอยูใ น vector จะแสดงออกโดยสรางเปนโปรตีนโดย
อาศัย transcription และ translation mechanisms ปกติของรางกาย
15-12
ขอดีของ DNA vaccine
จากการศึกษาทีผ่ า นมาพบวาวิธี DNA vaccination มีขอดีหลายประการเมื่อเทียบกับวัคซีนที่
ใชอยูใ นปจจุบนั คือ
1. DNA vaccine สามารถกระตุน ระบบภูมคิ มุ กันทัง้ ชนิด humoral mediated immunity และ
cell-mediated immunity ทั้งการกระตุน CD4+ lymphocytes และ CTL response
2. การเตรียม DNA ทําไดงายและ DNA ที่เตรียมไดมีความคงตัวสูง
3. สามารถเตรียมเปน recombinant vaccine โดยการแทรกยีนทีก่ าหนดการสร
ํ างโปรตีนของ
เชื้อโรคหลายชนิดเขาไปใน vector อันเดียวกัน ทําใหการฉีดวัคซีนเพียงครัง้ เดียวไดผลกับโรคหลาย
ชนิด
Adjuvants
Adjuvants คือสารใดๆ ที่เมือ่ ผสมกับแอนติเจนแลว ทําใหคณ ุ สมบัตใิ นการกระตุน ระบบ
ภูมิคุมกันของแอนติเจนนั้นๆ ดีขน้ึ โดยทั่วไป การฉีดโปรตีนแอนติเจนชนิดสารนํา้ (soluble protein
antigen) เขาสูรา งกายมักกระตุน ระบบภูมคิ มุ กันไดไมคอ ยดี แตถานําโปรตีนแอนติเจนนัน้ มาผสมกับ
adjuvant กอนแลวจึงฉีดเขาสูรางกายจะทําใหการกระตุน ภูมคิ มุ กันเกิดขึน้ ไดดยี ง่ิ ขึน้
กลไกการชวยกระตุน ระบบภูมคิ มุ กันของ adjuvant แบงไดเปน 2 กลไก คือ
15-13
1. Adjuvant เปลี่ยนสภาพของแอนติเจนจากที่เปน soluble form ไปเปน particulate form
ซึ่งแอนติเจนชนิด particulate form จะถูกจับและ process โดย antigen presenting cells ไดดกี วา
แอนติเจนชนิด soluble form
2. Adjuvant บางชนิดมี bacteria หรือ bacterial product ผสมอยู ซึง่ มีคณ ุ สมบัตไิ ปกระตุน
เซลล macrophages ใหกลายเปน activated macrophages และหลั่ง cytokines ออกมาหลายชนิด
cytokines เหลานีส้ ามารถกระตุน ให lymphocytes ทํางาน นอกจากนี้ activated macrophages ยังมี
ความสามารถในการเปน antigen presenting cells ทีด่ ี
Adjuvants ที่นิยมใชในปจจุบนั และกลไกการกระตุน ระบบภูมคิ มุ กัน ดังแสดงในตารางที่ 15-4
15-14
ภูมิคุมกันบําบัด (Immunotherapy)
ภูมิคุมกันบําบัด เปนการนําเอาวิธกี ารทางภูมคิ มุ กันมาใชรกั ษาโรคตางๆ เชน โรคภูมคิ มุ กัน
บกพรอง (immunodeficiency diseases) โรคติดเชือ้ ชนิดตางๆ (infectious diseases) โรคภูมติ า น-
ทานตนเอง (autoimmune diseases) และโรคมะเร็ง (cancer) โดยการนําสารตางๆ มากระตุนการ
ทํางานของระบบภูมิคุมกัน
วิธีภูมิคุมกันบําบัด อาจแบงไดเปน 2 ประเภทใหญๆ คือ nonspecific immunotherapy และ
antigen-specific immunotherapy
Nonspecific immunotherapy
เปนภูมิคุมกันบําบัด เพือ่ หวังผลการกระตุน ภูมคิ มุ กันทัว่ ไปของผูป ว ย โดยการใหสารตางๆ
ไดแก
1. Bacillus Calmette-Guerin (BCG)
BCG เปน live attenuated strain ของเชื้อ Mycobacterium bovis การให BCG มีผล
กระตุนเซลล macropahges ใหหลั่ง interleukin 1 (IL-1) ซึ่งสาร IL-1 นี้สามารถกระตุน การทํางาน
ของ T lymphocytes ได จากการศึกษาในสัตวทดลองพบวา BCG สามารถใชรักษามะเร็งที่มีสาเหตุ
จากสารเคมีและเชื้อไวรัสบางชนิดได BCG สามารถกระตุน natural killer cell (NK cells) ซึ่งมี
คุณสมบัตใิ นการทําลายเซลลมะเร็งได BCG ใชไดผลดีมากในการรักษาโรคมะเร็ง melanoma และ
bladder cancer อยางไรก็ตามการฉีด BCG มักทําใหเกิดแผลและอาจเกิด hypersensitivity
reaction ในบางคน
2. Muramyl dipeptide (MDP)
การใช BCG ในภูมิคุมกันบําบัด บางครัง้ ทําใหเกิดอาการขางเคียงทีร่ นุ แรง จึงมีความ
พยายามแยกสวนของ BCG แลวนํามาใชในงานภูมิคุมกันบําบัดแทนการใช BCG เพื่อลดอาการ
ขางเคียง
Muramyl dipeptide (MDP) เปน substituted monosaccharide (N-acetyl-muramyl-
L-alanyl-D-isoglutamine) ที่สกัดจาก cell wall ของ mycobacterium และนํามาใชแทน BCG MDP
นี้มีคุณสมบัติเปน immunoadjuvant ที่แรงมาก และมีผลกระตุนการทํางานของ macrophages และ
antigen presenting cells
15-15
3. Corynebacterium parvum
C. parvum เปนแบคทีเรียชนิดกรัมลบ ใชรักษาโรคโดยใหกนิ หรือฉีดในหรือรอบๆ กอน
มะเร็ง C. parvum สามารถยับยัง้ การเจริญของกอนมะเร็ง และยับยั้งการแพรกระจายของเซลลมะเร็ง
ได พบวา C. parvum ออกฤทธิโ์ ดยการกระตุน macrophages มีการทดลองใช C. parvum รักษา
โรคมะเร็งในคนหลายชนิด เชน malignant melanoma, lung cancer และ breast cancer โดยใชรวม
กับการรักษาดวยยารักษามะเร็งอืน่
4. Thymic hormones
Epithelium ของตอมไธมัสสามารถสรางสารหลายชนิด ซึง่ ออกฤทธิค์ ลายฮอรโมน และมี
บทบาทในการควบคุมพัฒนาการของ T cells สารดังกลาวไดแก thymosin, facteur thymique
serique (FTS) และ thymoprotein สารดังกลาวถูกนํามาใชรกั ษาผูป ว ยทีม่ คี วามผิดปกติของ
T lymphocytes เชน Nezelof’s syndrome, Wiskott-Aldrich syndrome, ataxia-telangiectaxia
และ immunodeficiency ที่มี enzyme deficiency โดยใหในรูป thymus extract
5. Levamisole
ยาตัวนีเ้ ปนอนุพนั ธของ tetramisole ใชเปนยารักษาพยาธิในสัตว พบวา levamisole
ชวยเพิม่ ความตานทานตอเซลลมะเร็ง สวนในคนพบวายาตัวนีช้ ว ยแกไขและเพิม่ delayed skin
hypersensitivity ตอแอนติเจนชนิดตางๆ ในผูท ม่ี กี ารตอบสนองตํ่าหรือผูป ว ยโรคมะเร็ง levamisole
ยังชวยใหผปู ว ยทีต่ ดิ เชือ้ ตางๆ เชน herpes labialis, herpes genitalis, หูด และ chronic
staphylococcal infection และผูป ว ย gastric cancer ระยะที่ III มีอาการดีขึ้น แต levamisole มัก
ทําใหผูปวยเกิดอาการขางเคียงได เชน เกิดคลืน่ ไส ครัน่ เนือ้ ครัน่ ตัว มีผื่น และทําใหเม็ดเลือดขาวลดตํา่
(granulocytopenia) อาการดังกลาวจะหายไปเมื่อหยุดยา
6. Cytokine therapy
มีการนําสาร cytokines หลายชนิดมาใชในงานภูมิคุมกันบําบัด เชน interferon, tumor
necrosis factor (TNF), IL-2 หรือ IL-4 โดยอาศัยหลักการวาสาร cytokines เหลานีม้ คี ณ ุ สมบัตใิ น
การกระตุนการทํางานของเซลลเม็ดเลือดขาวชนิดตางๆ Cytokine therapy มีหลายชนิด เชน การให
interferon เพื่อรักษาการติดเชือ้ ไวรัส และรักษาโรคมะเร็งอีกหลายชนิด เชน osteosarcoma,
Hodgkin’s disease, multiple myeloma, cervical cancer, basal cell caracinoma, breast
cancer non-Hodgkin’s disease และ neuroblastoma และพบวาการรักษามะเร็งจะใหผลดียิ่งขึ้น
เมื่อให interferon รวมกับ TNF การให interleukin 2 ในผูปวยมะเร็งเชื่อวา IL-2 จะกระตุน specific
tumor-reactive T cells ได โดยพบวา IL-2 สามารถรักษาผูป ว ย melanoma ไดผลประมาณ 25-40%
15-16
7. LAK therapy
NK cells และ T lymphocytes บางชนิด เมื่อกระตุนดวย IL-2 เปนเวลา 4 วัน จะกลาย
เปนเซลลทม่ี คี วามสามารถในการทําลายเซลลมะเร็งไดสูงมาก เรียกวา lymphokine-activated killer
cells หรือ LAK cells ดังนัน้ จึงมีการนํา LAK cells มาใชในการรักษามะเร็งบางชนิด โดยนําเซลล
ของผูป ว ยเองมากระตุน ดวย IL-2 นอกรางกาย จากนัน้ นําเซลลทถ่ี กู กระตุน ใหเปน LAK cells แลวนี้
ฉีดกลับเขาไปในรางกายอีกครั้ง เพื่อทําลายเซลลมะเร็งในรางกายผูป ว ยเอง (รูปที่ 15-7)
Antigen-specific immunotherapy
เปนวิธีภูมิคุมกันบําบัดทีจ่ ําเพาะตอแอนติเจนทีส่ นใจ มีหลายวิธี ไดแก
1. Specific active immunotherapy
เปนวิธีการแยกแอนติเจนจากเซลลมะเร็ง แลวนํามาใชเปนวัคซีนเพือ่ ฉีดใหผปู ว ยโรค
มะเร็ง เพื่อกระตุน ใหเกิด humoral immune response และ cell-mediated immune response ตอ
เซลลมะเร็ง แอนติเจนทีใ่ ชนอ้ี าจไดมาจากการนําเอาเซลลมะเร็งมาแตก แลวเอาไปฉีด (lysed whole
tumor cells) หรือแยกเอาเฉพาะแอนติเจนจําเพาะจากเซลลมะเร็ง เชนการแยกเอา gangliosides
15-17
จาก melanomas หรือ mucins จาก carcinomas เปนตน หรือนําเซลลมะเร็งมายอยดวยเอนไซม
neuraminidase เพื่อหวังผลในการเพิ่ม immunogenicity ของเซลลมะเร็ง แลวใหกลับเขาในผูป ว ย
2. Magic bullet therapy
เปนวิธีที่นํายารักษามะเร็ง หรือสารพิษ หรือสารกัมมันตรังสีมาติดฉลากเขากับแอนติบอดี
ที่จําเพาะตอเซลลมะเร็งแลวใหแกผูปวย แอนติบอดีนจ้ี ะไปจับกับเซลลมะเร็งทําใหสารพิษ หรือยา
หรือสารรังสี ไปมีผลกับเซลลมะเร็งโดยตรง (รูปที่ 15-8)
3. DNA vaccine
วิธีนค้ี ลายกับวิธี specific active immunotherapy แตแทนที่จะฉีดแอนติเจนของเซลล
มะเร็งเขาไป กลับนํายีนทีก่ าหนดการสร
ํ างโปรตีนทีจ่ าเพาะกั
ํ บเซลลมะเร็งมาตอกับ plasmid vector ที่
เหมาะสม (เชนเดียวกับทีใ่ ชในงาน DNA vaccination ที่กลาวมาแลว) แลวฉีดเขาในผูป ว ยมะเร็ง โดย
ยีนที่ใหเขาไปจะไปสรางเปน tumor antigen ในผูปวย และกระตุนระบบภูมิคุมกันในที่สุด
15-18
เอกสารอานประกอบ
1. Abbas AK, Lichtman AH, Peter JS. Cellular and Molecular Immunology. 2nd ed. London:
W.B. Saunders, 1994.
2. Janeway CA, Travers P, Walport M, Capra JD. Immunobiology. 4th ed. New York:
Garland Publishing, 1999.
3. Kasinrerk W, Tokrasinwit N, Piluk Y. Production of mouse anti-CD4 antibodies by DNA-
rabbits by DNA Immunization. Asia Pacific J. Mol Biol Biotech 1997; 5:123-129.
CD4 antibodies generated by DNA immunization. Immunol letters 1999; 67: 237-242.
15-19