Professional Documents
Culture Documents
Zoo Design Total1-7
Zoo Design Total1-7
Zoo Design Total1-7
บทที่ 1 การออกแบบสวนแสดงสัตว
( A Design Approach Zoological Exhibits )
ปญหาที่เกิดขึ้นในการออกแบบ
คณะผูบริหารของสวนสัตวแตละแหงที่รับผิดชอบงานในสวนการออกแบบ การจัดการ และ
แผนการพัฒนาสวนสัต วมักจะประสบกับปญหาที่ติดตามมาจากการออกแบบ เชน มีปญหาในการ
จัดการ ผูใชงานเชนผูเลี้ยงสัตวมักจะบนใหฟงบอยๆ เมื่อกลับไปดูผลงาน อยางไรก็ตามสิ่งที่ที่ติดตาม
มานั้นเราจะไมมองวาเปนผลลบแตเพียงอยางเดียว แตมองวาจะเปนขอมูลที่จะใชในการปรับปรุงการ
ออกแบบเพื่อใชในการกอสรางครั้งตอๆไป
1. สวนแสดงสัตวปาในสวนสัตว เปนสิ่งแวดลอมที่จําลองขึ้นมาและมีการปกปองอันตราย
ตางๆที่จะเกิดกับสัตว ผูเที่ยวชมที่มาเที่ยวสวนสัตวจะมีพื้นความเขาใจสัตวปาจากการชมสารคดีทาง
โทรทัศน ซึ่งสัตวในปาจะมีความระแวงภัยเนื่องจากอยูในสิ่งแวดลอมในปาที่มีการเคลื่อนไหวและไม
แนนอน รวมทั้งมีศัตรูผูลาอยูดวย เมื่อเขามาเที่ยวชมสวนสัตวพฤติกรรมสัตวที่แสดงออกใหเห็นวา
แตกตางจากภาพที่มีในความภาพความทรงจํา
รูปที่ 1 ริ งคเ ทล ลีเมอรที่ สวนสัต ว Kansas
City Zoo ความตองการสวนแสดง ของสัตว
ปาที่จําลองธรรมชาติและปลอดภัยสําหรับสัตว
มักจะทําใหเกิดภาพที่ไมพึงประสงคเกิดขึ้น
2
- การแสดงออกถึงการระแวงภัยของสัตวในสวนสัตว อาจจะมีเพียงกรณีสัตวที่มีพิษจะแสดงตัวให
สัตวอื่นเห็นในลักษณะที่สีสันของลําตัวเดนชัด เชนกบศรพิษของ ทวีปอเมริกาใต
- ความพยายามของเจาหนาที่เลี้ยงสัตวที่จะยังคงพฤติกรรมที่เคยมีในปาเชน เชน การปรากฏตัวของ
สัตวผูลา ทีก่ ารจัดวางตําแหนงสวนแสดงสัตว เชนการใชแนวกั้นสัตวที่ใชคูทั้งคูน้ําและคูแหง วาง
สวนแสดงสิงโดใหมองเห็นตัวแอนติโลพ แตพบวาวิธีการเหลานี้ไดผลในระยะแรก เมื่อเวลาผานไป
สัตวจะเกิดความคุนชินไมเกิดความตื่นเตนหวาดระแวง เมื่อสัตวผูถูกลามั่นใจในพื้นที่ที่ตนเองอยูนั้น
วาปลอดภัย ดังนั้นการจัดแสดงสัตวปาในสวนสัตวทกี่ ารนําสัตวจากถิ่นที่อยูธรรมชาตินํามาจัดแสดง
ในสวนแสดง ที่มพี ฤติกรรมการระแวงภัยหมด ดังนั้นการรักษาบรรยากาศแหงความเปนปาดวยการ
นําเสนอความรูสึกใหกับผูเที่ยวชมใหเห็นความสําคัญของถิ่นที่อยู
2. การใหการศึกษาแกผูเที่ยวชมที่เขามาในสวนสัตว ในแงของความเปนจริงในปาธรรม
ชาติ เชน
- พฤติกรรมที่สัตวผูลาออกลาเหยื่อเพื่อเปนอาหาร
- การตายของสัตวเนือ่ งจากการขาดแคลนอาหารเนื่องจากจํานวนประชากรที่มากเกินไป
- สาเหตุการลดลงของจํานวนสัตวปาในหลายๆชนิดเนื่องจากฝมือของมนุษย
การใหขอมูลในแนวนี้จะไมเปนที่สบอารมณของผูเที่ยวชมเนื่องจากความตองการที่เขามาสวนสัตว
เพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน โดยมีความคาดหวังที่จะพบกับเวลาแหงความสนุก
ผูเที่ยวชมมาที่สวนสัตวโดยมีความตองการที่จะเห็นสวนแสดงที่เปนธรรมชาติ สัตวที่เชื่อง
และเปนมิตร การที่สัตวปาเหลานี้เติบโตขึ้นในสภาพกรงเลี้ยงที่ปกปอง ซี่งมีความแตกตางจากสัตว
ที่สัตวที่อยูในปาที่มีพฤติกรรมระแวงภัย
3
การเริ่มตนในเรื่องของความสัมพันธของขบวนการวางแผนและขบวนการออกแบบที่มองถึง
บทบาทหนาที่อันแทจริงของสวนสัตว โดยไมมีความลําเอียงในเรื่องประเพณี ความคิดเห็นสวนตัว
แตเพียงผูเดียว หรือการใหน้ําหนักกับจุดประสงคอันหนึ่งอันใดมากเกินไป
การแกไขปญหาเพื่อที่จะใหการปฏิบัติตอสัตวทําไดอยางอยางเหมาะสมและใหผูเที่ยวชมเกิด
ความสนุกสนานตองการความคิดสรางสรรคและนวัตกรรมใหมๆ เพื่อออกแบบแนวคิดและวิธีการ
- ความยากของงานจะอยูที่ความเขาใจและการแปลผลของความซับซอนของรูปแบบและการพัฒนา
สวนแสดงสัตวจากการใชคําวา “ สวนสัตวนั้นเหมือนโรงละคร “
- เมื่อเราใชคํานี้เปนจุดเริ่มตนเพื่อการสรางความคิด ความคิดเห็น และวิธีการในการออกแบบสวน
แสดงสัตวหรือใชในการออกแบบกิจกรรมเสริมในสวนสัตว นอกจากนั้นแลวจากคํากลาวคํานี้ จะ
ชว ยสรางมุมมองใหมที่จ ะเปน แรงบัน ดาลใจที่จ ะเกิด ในแนวคิด ที่แตกตาง เปน การกระตุน
จินตนาการและความมีเหตุมีผลในการออกแบบสวนแสดงดวย
สวนสัตวนั้นเหมือนกับโรงละคร ( The Zoo As Theatre )
สวนสัตวและโรงละครนั้นมีความเหมือนกันอยูหลายสิ่งดวยกัน เชนเปนสถานที่ให
ความสนุกสนาน ใหความรูโดยใชฉาก แสง การแสดงของตัวแสดง
6
ดูรูปที่ 6 สวนแสดง Black Bear Exhibit, Hagenbeck, Hamburg West Germany ผูเที่ยวชมเขามาชม
ที่สวนแสดนี้แลวจะเกิดความรูสึกประทับใจเกิดความจดจํา
รากศัพทของคําวา “ Scenery ’’ คนทั่วไปจะนึกถึงเวทีละครที่มีผูแสดงที่ใชพื้นที่ตรง
สวนกลางของเวที และผูชมการแสดง ( Jackson,1979 )
- ในชวงตนของการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงเวทีละคร ในศตวรรษที่ 16 ฉากของละครสวนใหญจะ
เปนภาพที่เกี่ยวกับธรรมชาติ
- นักภูมิศาสตรไดรวบรวมขอมูลสถานที่ทางธรรมชาติที่สวยงามที่คนพบโดยนักสํารวจที่เดินทาง
รอบโลก โดยในรายงานนั้นไดเขียนถึงความสวยงามของธรรมชาติ เขียนใหถึงความสัมพันธ
ระหวางคน สัตวและธรรมชาติ
- ในชวงแรกของโรงละคร ทําหนาที่สื่อความหมายและบรรยายคําวา “ โลก ” ซึ่งแนวเรื่องที่
ออกมาจะเปนแนวลึกลับ ที่สื่อความหมายในรูปของศิลปะที่มีมิติของความกวาว ยาว ลึก ที่จะ
เหมือนกับแนวคิดในปจจุบัน
- ผูออกแบบสวนแสดงสัตวตองการสื่อความรูในเรื่องของธรรมชาติโดยผานการเห็นภาพที่สราง
ความประทับใจ การออกแบบสวนแสดงสัตว อาจใชแนวคิดที่แสดงความสัมพันธระหวางคน
สัตวและถิ่นที่อยูของสัตว ตัวอยางการออกแบบที่ออกแบบมาเพื่อใชลักษณะของตัวสัตว โดยที่วัสดุ
ที่เลือกใชในการสรางสวนแสดงจะมีผลทําใหตัวสัตวมีความโดดเดนชัดเจนขึ้น
8
- การออกแบบรูปแบบของฉากโรงละครและสวนแสดงสัตวจะถูกกําหนดโดยการเลือก
องคประกอบตางๆโดยผูออกแบบ
- รูปแบบที่ออกมาจะเปนตัวที่แสดงถึงการรวมกันขององคประกอบตางๆ โดยจะนํารวมกันโดยใช
แนวคิดของผูออกแบบ ขอมูลที่ตองการสื่อ และสถานที่ เวลา ลักษณะพื้นที่ของสวนแสดง
- ลําดับถัดไปจะนํารูปแบบที่เปนพื้นฐานในการออกแบบ ก็เปนสวนหนึ่งที่จะนํามาใชในการ
ออกแบบได ตัวอยางของรูปแบบฉากและสวนแสดงสัตว เชน realistic, abstract, cultured,
architectonic, romantic, formal, impressionistic, representational, ornamental เปนตน โดยแตละ
แบบจะมีความเหมาะสมในการสื่อสาร การแสดงออกถึงความคิด ขอคิดเห็น การใหขอมูลแกผูดู
( ดูรูปที่ 8 ) สวนแสดงยีราฟที่
West Berlin Zoo เปนการ
ออกแบบในรูปแบบโรแมนติก
เปนสถาปตยกรรมที่มีความ
แปลกตา ที่เปนลักษณะของภูมิ
ทัศนของประเทศที่เปนถิ่น
กําเนิดของยีราฟ
9
( ดูรูปที่ 9 ) เปนสวนแสดง
นกน้ําที่ Pert Zoo เปนการ
ออกแบบใน Ornamental style
ที่ประกอบดวยตนไมที่มี
รูปทรงสวยงาม มีดอกไม
หลากชนิดที่มีสีสันตางๆกัน
เพื่อเปนการดึงดูดและสราง
ความสนใจแกผูเที่ยวชมสวน
สัตว
( ดูรูปที่ 13 ) Colobus monkey ที่ Fort Wayne Children Zoo เปนสวนแสดงแบบ proscenium ( โรง
ละครที่มีสวนของเวทีและมีสวนแยกกันระหวางเวทีกับผูชม ) โดยผูชมจะมีลักษณะหยุดนิ่งในพื้นที่
ของจุดชมสัตว
- ผูเที่ยวชมจะไดเห็นภาพจากเวที/สวนแสดงสัตว โดยที่ผูเที่ยวชมจะอยูในลักษณะอยูกับที่ (มีที่
นั่งใหดูละครหรือมีบริเวณหนึ่งบริเวณใดเปนจุดชมสัตว ) ซึ่งก็เปนรูปแบบที่ใชไดผลดีกับหลายๆ
รูปแบบของการแสดงและเปนรูปแบบที่ดีของการออกแบบสวนแสดง
- มีวิธีการนําเสนอในรูปแบบอื่นๆ ที่เพิ่มมุมมองแบบใหม เชนการใชแนวคิดในการออกแบบสวน
แสดงแบบ the thrust and arena ซึ่งเปนแบบที่ผูเที่ยวชมอยูรอบเวที/อยูรอบสวนแสดงสัตว ที่
ผูเที่ยวชมสามารถมองเห็นการแสดงไดหลายมุมมอง
(ดูรูปที่ 14 ) เกาะลิงที่ Milwaukee Country Zoo เปนสวนแสดงที่เรียกวาแบบ “ The trust and arena
type ” ซึ่งผูเที่ยวชมสามารถดูสัตวไดจากหลายจุดโดยการเคลื่อนที่รอบแนวสวนแสดง
13
ซึ่งเปนลักษณะที่มีการใชในสวนสัตวหลายๆแหง โดยผูเที่ยวชมมีโอกาสที่จะเลือกมุมมองได
หลายมุมมอง
- สิ่งแวดลอมโดยรวมของโรงละครจะเหมือนกับการจัดสวนแสดงสัตวทั้งหมด โดยใหทั้งจุดชม
สัตวและบริเวณที่สัตวอยูมีองคประกอบทางสิ่งแวดลอมที่เหมือนกัน ( the total environmental
theater like the landscape immersion ) โดยสวนของผูชมละครจะถูกโอบลอมไปดวยผูแสดง
ผูเที่ยวชมสวนสัตวจะเห็นตัวสัตวอยูรอบตัวเอง ซึ่งมักจะเห็นตัวสัตวอยูในจุดที่ปลอดผูคน
( ดูรูปที่ 15) Gorilla encounter, Topeka zoo,
Kansas เปน สว นแสดงสัตวในแบบ The total
environment theater คือ การที่ผูเที่ยวชมถูกโอบ
ล อม ด ว ย สิ่ ง แ ว ด ล อ ม ข อง สั ต ว เ ป น ก า ร จั ด
องคประกอบใหมระหวางสวนที่สัตวอยูกับสวนของผู
เที่ยวชม
ความกาวหนาของระบบแสงและเสียงในโรงละครมีความกาวหนาทางเทคโนโลยีไปมาก
คาดวาในอนาคตอันใกลนี้เทคนิคตางๆที่มีในโรงละครอาจนํามาประยุกตใชกับสวนแสดงสัตวก็ได
รูปแบบของละครที่สมบูรณแบบคือ ละครในลักษณะของละครใบ ที่ใชทักษะทางการแสดง
ใชภาษาที่ออกจากการแสดงทาทาง เพื่อสรางอารมณและสื่อขอความโดยไมไดใชคําพูด เปนการ
สรางจุดสนใจอยูที่การแสดงออกของรางกายที่จะเปนตัวสื่อออกไป และมีฉากเปนตัวชวยเสริมเมื่อ
ประกอบกันก็จะเปนการสรางจินตนาการของผูชมใหเกิดขึน้ การแสดงทาทางตางๆของนักแสดงก็จะ
เหมือนกับการแสดงทาทางตามธรรมชาติของสัต วที่อยูในฉาก ที่เปนองคประกอบของสวนแสดง
หรือสภาพในถิ่นที่อยูของสัตว จุดสนใจของผูเที่ยวชมจะไปอยูที่การแสดงออกของสัตวลักษณะตางๆ
ของตัวสัตว เชน ขนาด สี รูปราง
14
สวนสัตวและโรงละครสัตวเปนสถานที่ใหความบันเทิงที่ไดรับความนิยม โดยมีการแสดงที่
สนุกสนานตื่นเตน นาประทับใจและดึงดูดใจ สวนแสดงสัตวที่ไดรับความนิยมมากเชน สวนแสดง
นากทะเล ตัวของนากทะเลจะแสดงพฤติกรรมการกินหอยทะเล โดยการวางกอนหินไวที่หนาทอง
และใชหอยทุบที่หินเพื่อกะเทาะเปลือกหอย ในสวนสัต วโดยทั่วไปจะมีสัตวที่ผูเที่ยวชมใหค วาม
สนใจและตองการเห็นเชน ยีราฟ มาลาย สวนแสดงแพนดาที่สวนสัตวเบอรลินที่มีพื้นที่กวางขวาง มี
เครื่ องปรับอุณ หภูมิและมีองคประกอบที่เปน หิน สระน้ํา กอไผและพื้น หญาที่ตอเนื่องกับพื้น ที่
ภายนอก
ภาพที่มนุษยเห็นและการออกแบบสวนแสดงสัตว ( Illusion and Exhibit Design )
- ผูเที่ยวชมมาเที่ยวที่สวนสัตวดวยเหตุผลหลายอยาง เชนมาเรียนรูเรื่องสัตวและพืช มาดูสัตวที่
แปลกๆและไมคุนเคย มาพักผอนในสิ่งแวดลอมที่ดี รูสึกสนุกสนานกับการแสดงพฤติกรรมของ
สัตว และเกิดความเขาใจในเรื่องความสัมพันธของสัตว พืชและมนุษย
- ความคาดหวังของผูที่ไมเคยมาเที่ยวสวนสัตว ภาพที่จินตนาการไวในใจจะมีทั้งภาพของความ
สนุกสนานและภาพของความนากลัว มีอะไรบางที่ฉันตองเจอ เมื่อเขามาแลวกอนไดยินเสียงคําราม
ขึ้นจากระยะไกลนั้นคือเสียงของอะไร คลายๆ เสียงคํารามของสิงโตหรือเปนเสียงรองของลิงบาบูน
16
- มนุษยจะมีความประทับใจในสิ่งที่ตนเองเคยประทับใจมากอน นักออกแบบจะเสนอภาพที่ใหผู
สังเกตการณมีโอกาสที่จะสรางภาพที่สมบูรณในจินตนาการ
แสดงสัตว (perceptual adj. of or relating to the ability to interpret or become aware of something through
the senses.)
The Use of perceptual Illusions In Exhibit Design
เกิดความรูสึกตอภาพที่เกิดขึ้นเมื่อมองดวยสายตามนุษย ทําใหการออกแบบสวนแสดงสัตว
ควรจะมีรูปแบบที่ทําใหเกิดภาพในลักษณะตอไปนี้
1 จําลองถิ่นที่อยูของสัตว
2 ชวยสรางบรรยากาศใหคลายกับถิ่นที่อยูที่สัตวนั้นอยู
3 ชวยใหลักษณะของสัตวดูเดนยิ่งขึ้น
4 ชวยสรางความเขาใจในเรื่องนิเวศวิทยา ที่มีความสัมพันธกันของสัตว พืชและคน
ภาพที่มองเห็นจะตองมีองคประกอบของ
- การแปลความหมายจากการเลาเรื่อง ( การจัดองคประกอบในสวนแสดงวามีรายละเอียดใน
กิจกรรมตางๆชองสัตวอยางไร )
- การจัดแสดง
- การแสดงผานภาพและเสียง
- สัญลักษณ
- ซึ่งจะชวยในการใหการศึกษาแกผูเที่ยวชม ในแงลักษณะของถิ่นที่อยูของสัตวชนิดนั้นๆเปน
อยางไร หลักการในเรื่องชีววิทยาและนิเวศวิทยา ผลกระทบที่มีระหวางกันของคน สัตว พืช
และความสัมพันธระหวางผูลากับเหยื่อ
การเห็นภาพจากภาพวาด งานปน ฉากในโรงละคร สวนที่มีการออกแบบ งาน
สถาปตยกรรม เปนสิ่งที่เกิดขึ้นมาเปนเวลานานแลว ในชวงป 1854 นาย Oppel ไดมีการตั้ง
สมมุติฐานในเรื่อง ที่อธิบายถึงภาพที่เห็นดวยตาของมนุษย ซึ่งมีผูที่เห็นดวยกับขอสมมุติฐานนั้นนอย
มาก
1. Lipps’ principle of mechanical-esthetic unity state ซึ่งทฤษฏีจะกลาวถึงพวกเราจะไมรูสึกวา
ชองวางหรือที่วางเปนสิ่งที่มีอยูจริง มีรูปลักษณ โดยใหพิจารณาจากเสนแรงที่เกิดขึ้นจากชองวาง ที่
เกิดจากวัตถุ สีและเสนวาเปนสิ่งที่มีอยูจริงและมีการเคลื่อนไหว ตัวอยางเชน สวนแสดงที่มีรูปทรง
เปนวงกลม จะมีลักษณะของจุดรวมสายตาอยูที่กึ่งกลาง เนื่องจากเกิดเสนนําสายตาที่เขาสูศูนยกลาง
ที่มีอิทธิพลมากกวาเสนนําสายตาที่เกิดจากเสนขอบของวงกลมของสวนแสดง ผลที่เกิดขึ้นก็คือ จุด
สนใจของการมองภาพจะไปอยูที่ตรงกลางของสวนแสดงและขนาดของคอกโดยรวมจะดูเล็กลง
19
การเกิดภาพที่ปรากฏกับสายตานั้นจะเปนการผสมผสานและจัดเรียงจากสวนประกอบตางๆ
เชน การเห็นเสน รูปทรง ชองวาง ขนาด สีและลักษณะของพื้นผิวซึ่งภาพที่เห็นในสวนแสดง
สัตวจะเปนลักษณะของพื้นที่ ตนไม น้ํา ตัวสัตว อาคารตางๆ และองคประกอบของธรรมชาติ
เชน แสงแดด ฝน ความเขาใจ การแปลความหมาย รูปแบบหลายๆแบบของภาพที่เห็นดวยสายตา
ซึ่งมักจะใชการจําแนกแยกแยะโดยการใชแนวคิดในวิชาเลขาคณิตและรูปทรงที่เห็นมิติเปนความกวาง
ยาวและลึก ( dimension)
ความรู ขอมูลในเรื่องของรูปแบบของภาพจะชวยในการออกแบบสวนแสดงสัตว
บางรูปแบบของ geometrical optical illusion จะชวยในการเปนแนวทางในการออกแบบเชน
1.ผลของสถานที่มีผลตอพื้นที่การมองเห็น (The effect of the location in the visual field) ขนาดของ
วัตถุที่มองในแนวดิ่งจะมีขนาดใหญกวาเมื่อมองวัตถุเดียวกันในแนวราบ ตัวอยางคือทอนไมทอน
เดียวกันที่วางในแนวราบจะดูสั้นกวาที่มองในแนวดิ่ง
2. ภาพที่ถูกแนวเขตถูกขัดขวาง (Illusion of Interrupted Extent) ความสูงและขนาดของวัตถุจะมี
ผลจากบริเวณที่วัตถุนั้นอยู ตัวอยางเชน พื้นที่สี่เหลี่ยมที่ตัววัตถุเรียงตัวในแนวขนานกับสายตาคือ
กําแพงและตนไมจะมีขนาดเล็กกวาตัววัตถุที่เรียงตัวในแนวตั้งฉากกับแนวสายตา คือสวนของพื้นของ
สวนแสดง
แสดงที่มีฉากหลังเปนกําแพงกอนหินจะดูเล็กกวากอนหินขนาดเทากันที่วางอยูในสวนแสดงที่มองไม
เห็นกําแพง
5.ภาพที่มองเห็นในลักษณะความตื้นและลึก (Illusion of Perspection )ความซับซอนของภาพจะมีมาก
ขึ้นเมื่อมีการเพิ่มเหลี่ยมมุม เพิ่มเสนโครงราง ความแตกตางของความมืด ความสวางของภาพ
สมของตัวนกจะเห็นชัดเจนยิ่งขึ้น แตถารอบตัวนกเปนสีเทาหรือถาบริเวณนั้นมีแสงมากระทบมาก
ความเดนของสีจะลดลง
9. สีที่มีข องภาพมีส วนในการสรางความรูสึก ตื้น เตน และซึมเศรา ( Illusion of Retiring and
Advancing Colors ) สีที่มีความยาวของคลื่นแสงสั้น เชน น้ําเงิน เขียวจะสรางความรูสึกซึมเศรา
สวนสีที่ดูมีชีวิตชีวา จะมีความยาวของคลื่นยาว เชนสีเหลือง สีแดง สีที่ดูแลว เกิดความรูสึ กเย็นจะ
สรางความรูสึกซึมเศรา สวนสีโทนอบอุนจะสรางความรูสึกตื้นเตนและสนุกสนาน
แสงเปนสวนประกอบที่มีความสําคัญสวนหนึ่งในการออกแบบ ชว ยใหเห็นวัตถุ เห็น
รูปทรง พื้นผิว ซึ่งจะทําใหเกิดอารมณความรูสึกกับภาพที่ปรากฏใหเห็น
- การใชแสงจากดานหลัง จะทําใหเกิดเงา สวนการใหแสงจากดานขางจะทําใหเห็นเสนของวัตถุมาก
ขึ้น
- สวนแสดงที่อยูภายในตัวอาคารจะสามารถควบคุมความเขมของแสงได และชนิดของหลอดไฟได
ทั้งหมด แตในสวนของกลางแจงแลวเราควบคุมอะไรไมไดเลย แตสิ่งหนึ่งที่ตองวางแผนไวคือแนว
ของสวนแสดงกับทิศทางของแสงเปนอยางไร เผื่อในกรณีแสงที่ผานมาที่คอกในชวงที่มีผูเที่ยวชม
หนาแนน
- วัตถุที่ชวยสรางความรูสึกเปน บริเวณปดไมวาจะเปนแนวดิ่ง แนวนอนหรือ พื้นที่ดานบนเหนือ
ศีรษะ ก็สามารถใชเปนตัวเลือกในเรื่องที่เกี่ยวกับแสง เชนการสะทอนแสง การดูดกลืนแสง การ
กระจายของแสง ลําดับตอมาคือเรื่องของความเขมของแสง การกระจายตัวของแสง
- การใชแสงจากหลอดไฟเขามาชวยเพิ่มแสงธรรมชาติ ตองมีขอพิจารณาอยางสรางสรรค โดยตอง
ทราบถึงการสรางอารมณค วามรูสึก ของผูออกแบบสว นแสด แนวคิด เรื่องการใชหลอดไฟเป น
แหลงกําเนิดแสง หลอดไฟสําหรับกลางคืน แผนงานการทํางานสิ่งเหลานี้ตองการงานในลักษณะ
ของงานวิจัย Josline 1982 ไดพูดถึงแผนงานการแสดงสัตวในเวลากลางคืนของ Sadiago Wild
Animal Park วาเปนนัวตกรรมที่ใชเพื่อสรางความสนใจใหกับนักทองเที่ยว
ในเวลากลางคืนที่มีการเปดใหผูเที่ยวชมเขาชมสัตว เชน ไนทซาฟารี หลอดไฟใหความ
สวางตามทางเดิน ควรใชแสงที่มีความเขมของแสงต่ําและแสงที่ออนนุม การใชไฟในการชมสัตว
แบบไนท ซาฟารีใชการไฟสปอทไลทสองจากรถนําเที่ยวจะได ความรูสึกที่ตื่นเตนกวาและความรูส ึก
ในขณะชม วามีความเปนปามากกวาในชวงเวลากลางวัน เนื่องจากในชวงเวลากลางวันจะเห็นแนว
เขตของสวนแสดงอยางชัดเจนและมองเห็นจุดสนใจอื่นๆ อีก การใช ไฟติดตั้งภายในสวนแสดงอาจ
ใชไดในกรณีมีสวนแสดงสัตวที่มีการจัดแสดงสัตวอยางตอเนื่องและเหมาะสม การเพิ่มการทองเทีย่ ว
ในเวลากลางคืน เปนอีกชองทางหนึ่งที่จะเพิ่มรายได ซึ่งความสําเร็จยังตองมีปจจัยเสริมอื่นอีกหลาย
ประการ ( Josline 1982 )
สวนสัตวเปนสถานที่สําหรับใหความรูแกบุคคลทั่วไป เพื่อจะไดเห็นความสําคัญของงาน
ดานการอนุรักษทรัพยากรพืชและสัตว เนื่องดว ยสัตวเ ปนสิ่งที่สามารถสรางความดึงดูดใจใหเกิด
24
การจัดการในเรื่องจุดชมใหดูสวยงามและการจัดการเรื่องการสุขาภิบาล เพื่อที่จะควบคุม
พยาธิและการควบคุมโรค แตสิ่งหนึ่งที่มักเกิดขึ้นตามมาเมื่อนึกถึงการสุขาภิบาลมากขึ้นคือ บางสวน
ของสว นแสดงจะมองเห็น เหมือนหองน้ําที่มีการนําแผน กระเบื้องมาปูเพื่อใหงายตอการทําความ
สะอาด
การจัดการสวนแสดงและจัดภูมิทัศนในรูปแบบของฮาเจนเบค เปนการจัดรูปแบบสวนแสดง
ที่ดูเปนธรรมชาติมากขึ้น ซึ่งไมไดหมายความถึงการจัดสวนแสดงใหเหมือนในแบบถิ่นที่อยูตาม
ธรรมชาติของสัตวชนิดนั้นๆ
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญอีกครั้งหนึ่งเมื่อกิจการของสวนสัตวมีกฎหมาย The endangered
Species Act ในป คศ. 1973 โดยในกฎหมายตองการควบคุมชนิดสัตว และสัตวบางชนิดจําเปนตอง
เริ่มการวางแผนเพื่อการเพาะขยายพันธุสัตวในสวนสัตว และกลุมสิทธิสัตวก็กลาววาสวนสัตวกระทํา
ตอสัตวอยางไมเหมาะสม ดังนั้น The American Association of Zoological Park and Aquarium ได
สรางมาตรฐานของตัวเองขึ้น โดยใหสวนสัตวเปลี่ยนแนวคิดใหมจากเพื่อการพักผอนและเพื่อความ
สนุกสนาน โดยการมีชนิดสัตวจํานวนมากและตัวสัตวจํานวนมาก โดยคุณภาพของสวนสัตวจะไม
วัดที่จํานวนของชนิดสัตว แตจะวัดที่คุณภาพของสวนแสดงสัตว งานใหการศึกษา งานวิจัยและงาน
ดานอนุรักษ โดยสัตวทตี่ องมีจัดแสดงใหผูเที่ยวชมไดชมเชน สิงโต เสือ ชาง
ในปจจุบันรูปแบบของสวนแสดงสัตวมีหลากหลาย เนื่องจากมีจุดประสงคและเปาหมายที่
จะมารองรับและยืนยันรูปแบบของสวนสัตวในรูปแบบตางๆ นั้น สวนแสดงที่มีลักษณะเปนกรงก็
ยังคงมีใหเห็นอยูทั่วไป รวมกับรูปแบบสวนแสดงสัตวแบบใหมหลายๆ รูปแบบก็เขามาเปน
สวนประกอบดวย สวนจัดแสดงสัตวที่เลียนแบบถิ่นที่อยูของสัตวชนิดนั้นๆ ( Habitat exhibit ) จะ
เปนการจัดการที่จะคัดเลือกสัตวและพืชเขามาจัดแสดงรวมกัน โดยจะตองมีปจจัยเกี่ยวเนื่องกับ
สถานที่ สิ่งแวดลอมในบริเวณที่จัดสรางขึ้นดวย สวนจัดแสดงที่สรางโอกาสใหสัตวไดแสดง
พฤติกรรมตามธรรมชาติของตัวสัตวเอง ( Behavior exhibit ) ไดมีการกอสรางและพัฒนารูปแบบขึ้น
เชน พฤติกรรมการบิน วายน้ํา การสรางสวนแสดงที่เปนจุดสนใจ ( Popularity exhibiting ) โดยการ
ใชสตั วที่อยูในความสนใจของประชาชน เชน แมวน้ํา ( sea lion ) ( Nagao, 1985 ) สวนแสดงสัตว
ที่มีการสรางภูมิทัศนทั้งภายนอกและภายในสวนแสดงใหกลมกลืนกัน โดยใหผูเที่ยวชมมีความรูสึก
วาตัวเองอยูในพื้นที่เดียวกับสัตว ( Landscape immersion exhibit, การจัดลักษณะพื้นที่ ตนไม กอน
หิน องคประกอบตางๆ ใหเหมือนกันระหวางพื้นที่ผูเที่ยวชมและสัตว เสมือนหนึ่งกําลังเดินเที่ยวปา )
30
โดยที่ภาพที่ผูเที่ยวชมเห็นและสัตวเห็นจะเปนสิ่งแวดลอมเดียวกันอีกรูปแบบหนึ่งคือการจัด
แสดงสัตวแบบซาฟารี ที่มีสัตวหลายชนิดอยูในพื้นที่ขนาดใหญเปนพื้นเดียวกันแหงเดียวกัน การ
เที่ยวชมใชวิธีการนั่งรถนําชม หรือรถรางนําชม ( mono rail ) .ในสวนเนื้อหาเรื่องรูปแบบของของ
สวนแสดงสัตว ( Exhibit theme ) เปนสวนที่มีเนื้อหาคอนขางมากจึงยกไปกลาวถึงในบทของ
“ Animal Exhibit theme ”
การพัฒนาสวนสัตวในรูปแบบใหม ไมไดมีความพยายามที่จะปรับปรุงในสวนของความ
สนุกสนานเพลิดเพลินใหกับผูเที่ยวชมแตเพียงอยางเดียว แตสวนสัตวตองเพิ่มในสวนของงานดาน
อนุรักษ งานวิจัย งานใหการศึกษา โดยสื่อจากการออกแบบสวนแสดงสัตว โดยในงานดานการ
อนุรักษและวิจัยจะเปนงานที่มีความสําคัญที่จะใหสัตวชนิดที่ถูกคุกคาม ๆ ยังคงอยูตอไปในพื้นที่ปาที่
มีการพัฒนาของมนุษย งานใหการใหการศึกษาที่ตองการใหขอมูลแกสาธารณะชน ในเรื่องของ
บทบาทของสวนสัตวในเรื่องงานอนุรักษและสาธารณะชนจะมีสวนรวมในงานนี้ไดอยางไร
บทเรียน เหตุการณตางๆ ในชวงที่ผานมาในอดีตไดบอกถึงทิศทางของการพัฒนาสวนสัตวใน
อนาคตมีไวอยางไรบาง เหตุการณทเี่ กิดขึ้นอยางชัดเจนคือ พื้นที่ปาทุกแหงมีพื้นที่ลดลงจากความ
ตองการใชพื้นที่ของมนุษย งานวิจัยในสวนสัตวและแผนงานการอนุรักษกลายเปนความหวังสุดทาย
ในการรอดจากการสูญพันธุของสัตวบางชนิด และมีความเปนไปไดที่จะนํากลับสูพื้นที่ปาธรรมชาติ
31
ตัวของปรัชญาเองเปนตัวชี้แนวทางที่จะใหเห็นถึงจุดประสงคของสวนสัตว ซึ่งทําใหเกิดงาน
ในลักษณะที่สวนสัตวตองทํางานอยางรับผิดชอบตอสัตวทั้งหมดที่ตนเองนั้นรับผิดชอบอยู ตอง
รับผิดชอบที่จะสรางความพึงพอใจกับผูเที่ยวชมที่จะเขามาใชบริการ
แตเดิมที่การแขงขันของแตละสวนสัตวจะเปนไปในเชิงจํานวนชนิดของสัตว จํานวนสัตวที่
หายากแตในปจจุบันงานที่สวนสัตวใหความสําคัญจะเปนเรื่องของสวนแสดงสัตวที่ดี งานให
การศึกษา งานวิจัย งานดานการอนุรักษที่ตรงกับปรัชญาของสวนสัตวอยางแทจริงเปนตัววัด
มาตรฐานของแตละสวนสัตว แตอยางไรก็ตามการใหความสําคัญในแตละเรื่องก็ขึ้นอยูกับทีม
ผูบริหารของสวนสัตวแตละแหงจะใหน้ําหนักมากนอยในแตละเรื่องอยางไร รวมทั้งผูออกแบบสวน
สัตวดวย
การเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นในเรื่องปรัชญาของสวนสัตว เริ่มขึ้นมาในชวง 10-15 ปที่
ผานมานี้เอง โดยมีการใชแผนแมบทในสวนสัตว การออกแบบสวนแสดง มีงานเขียนที่กลาวถึง
ความสัมพันธระหวางมนุษยและสัตวปา
จุดมุงหมายที่เปนแกนสําคัญของปรัชญาการทํางานของสวนสัตวในยุคปจจุบัน ( the core of
modern zoological philosophy ) คือ
1. การพักผอนหยอนใจและความบันเทิง
2. การศึกษา
3. งานดานการอนุรักษ
4. งานวิจัย
ซึ่งแตละสวนสัตวมีการใหน้ําหนักในแตละเรื่องที่แตกตางกัน ขึ้นอยูกับคณะผูบริหารและ
ทีมงานในการออกแบบสวนสัตว โดยในบทนี้จะพูดถึงใน 4 หัวขอนี้ พูดถึงความสัมพันธที่
เกี่ยวเนื่องกันและ ในสวนที่ขัดแยงกัน และการวางแผน การออกแบบที่จะใหงานแตสว น
ประสานกันไปไดรวมทั้งตองมีความเหมาะสมในเรื่องคาใชจายในงานกอสราง คาใชจายที่ตองใชใน
การทํางานและบํารุงรักษา การใหความสําคัญในแตละเปาหมายของแตละสวนสัตวนั้นจะมีความ
แตกตางเนื่องจากลักษณะทางกายภาพ ความพรอมในเรื่องของทุนและบุคลากร
การพักผอนหยอนใจและความบันเทิง ( Recreation )
กอนที่ผูเที่ยวชมจะเขามาเที่ยวที่สวนสัตวถาเปนบุคคลที่ยังไมเคยมาเลยเขายอมหาขอมูลวาสวน
สัตวที่จะมาเที่ยวมีสิ่งที่นาสนใจอะไรบาง ความสะดวกในการเดินทางเปนอยางไร เมื่อเขามาเที่ยว
แลวงานบริการดีหรือไม ถาเปนผูท ี่เคยมาเที่ยวแลวยอมมีขอมูลอยูในความทรงจําแลววาสวนสัตวแหง
นี้เขาจะกลับมาใชบริการอีกครั้งหรือไม
34
สวนสัตวสวนใหญใหความสําคัญกับความเชื่อมโยงกันระหวางการพักผอนหยอนใจและ
ความบันเทิงกับงานการใหการศึกษา มีการเขียนถึงความสัมพันธนี้ไวในแผนแมบท (กระบวนการ) ที่
บริษัทออกแบบเกี่ยวกับงานภูมิสถาปตยชื่อ McFadzean, Everly and Associates ที่ไดทําแผน
แมบทใหกับสวนสัตวหลายแหง เชน El Paso, Texas; Racine, Wisconsin และ Montgomery,
Alabama ในแนวคิดจากแผนงานที่สวนสัตว El Paso ไดใหความสําคัญเรื่องการพักผอนหยอนใจ
และความบันเทิงไวดังนี้
เสนแบงระหวางความบันเทิงกับงานใหการศึกษานั้นเล็กมาก ไมสามารถแบงไดวาตอนนี้
งานสวนนี้กําลังเริ่มและงานสวนนี้จบลงแลว เชน การเดินทางชมสัตวโดยรถไฟเล็กและมีผูบรรยาย
ขณะชมสัตวไปดวย ในชวงที่กําลังเลนหรือชวงของการพัก ขบวนการเรียนรูยังคงดําเนินไปอยาง
ตอเนื่อง
การใชรูปแบบการเรียนรูจากธรรมชาติ เชนทางเดินในปาธรรมชาติ เพื่อดูพฤติกรรมของ
สัตวชนิดตางๆ ซึ่งในกิจกรรมนี้จะเปนทั้งความบันเทิง การพักผอนหยอนใจ รวมไปกับการเรียนรูไป
ดวย สภาพแวดลอมที่เปนธรรมชาติ (ทั้งสัตวและพืช ) ภายใน El Paso Zoological Park จะมีการ
กระตุนใหอาจารยและนักเรียนไดมีความคิดสรางสรรคและเกิดการเรียนรูเรื่องธรรมชาติ (สัตวและ
พืช) เปนรูปแบบการสอนที่แตกตางจากหองเรียน เปนหองเรียนและสนานเด็กเลนของโรงเรียนที่
ขยายอาณาเขตมายังพื้นที่ปากลางแจง ( MccFadzean, Everly and Associated, 1980 )
การที่สวนสัตวตองทํางานรวมกันของงานเรื่องความบันเทิงและพักผอนหยอนใจกับงานให
การศึกษา เปนรูปแบบที่มีการพัฒนามารวมกันของการออกแบบสวนแสดงสัตวกับงานปายให
การศึกษา ที่ตองมีในแผนการพัฒนาระยะยาว
ความบันเทิงและการพักผอนหยอนใจ เปนสิ่งดึงดูดใจเบื้องตนสําหรับผูเที่ยวชมและเปน
ความคาดหวังที่ผูเที่ยวชมจะไดพบเมื่อเขามาเที่ยวในสวนสัตว เปนสิ่งคําคัญตอความอยูรอดดาน
สถานะการเงินของสวนสัตว มีงานวิจัยที่ The National Zoological park พบวา
เมื่อเขามาในสวนสัตว “ ผูเที่ยวชมสวนใหญตองการความสนุกสนาน ” ตองการเห็นการ
แสดงออกของสัตว แมสิ่งที่แสดงออกมาจะไมใชสิ่งที่เปนลักษณะพฤติกรรมตามธรรมชาติก็ตาม
เชน การแสดงความสามารถของสัตวในกลุมนกแกว สัตวที่เปนที่ชื่นชอบของคนคือสัตวที่มีกิจกรรม
โตตอบกับผูเที่ยวชม เชน ลิงชิมแพนซีที่ทําทาขอขนมจากผูเที่ยวชมกิน หรือสัตวที่มีกิจกรรม
รวมกับสัตวตัวอื่นๆ ผูเที่ยวชมไมชอบสัตวที่อยูนิ่งๆ ความรูสึกของผูเที่ยวชมที่เกิดขึ้นคือ เมื่อสัตว
อยูนิ่งไมสนุกเลย (Wolf and Tymitz, 1987)
งานใหการศึกษา ( Education )
งานการใหการศึกษาเปนสวนเติมเต็มที่จะทําใหงานสวนอื่นๆ สมบูรณยิ่งขึ้นและมี
ความสําคัญเทาเทียมกับงานดานอื่นๆ แตอยางไรก็ตามเปนที่ทราบกันดีวาหนวยงานเชนสวนสัตว
38
หรือสถานที่แสดงสัตวน้ําจะมีความแตกตางกันในเรื่องการใหความเอาใจใสหรือมองอยางเขาใจถึง
งานใหการศึกษาอยางทัดเทียมกับเปาหมายอื่นๆ เชนงานเพื่อความบันเทิงและการพักผอนหยอนใจ
แตขอเท็จจริงประการหนึ่งคือเมื่อความสนุกสนานเกิดขึ้นการใหการศึกษาก็จะสามารถแทรกซึมเขา
ไปสูผูเที่ยวชมเปนอยางดีไดเชนกัน Glenn Ehey , ผูอํานวยการงานการตลาดและประชาสัมพันธที่
สวนสัตว Brookfield Zooไดกลาวถึงผลที่ติดตามมาจากเปาหมายดานการตลาดนั้นสามารถ
นํามาใชไดกับงานใหการศึกษา คือ เปาหมายงานดานการตลาดคือเปลี่ยนจากผูแปลกหนามาเปน
ผูเที่ยวชม จากผูเที่ยวชมมาเปนผูรวมงาน เชน เขามาเปนอาสาสมัครชวยงานของสวนสัตว เชน
งานใหการศึกษา งานเปนผูเลี้ยงสัตว เปลี่ยนจากผูรวมงานเปนผูที่มีความรักและศรัทธาในสวนสัตว
( Believers )
‘งานในสวนของความบันเทิงและพักผอนหยอนใจในลักษณะของการแสดงความสามารถ
สัตว ตองมีการปฏิบัติและจัดการสัตวกลุมนี้อยางมีคุณธรรม เพื่อใหงานทั้งสองสวนนี้ประสานไป
ดวยกันได ซึ่งการเริ่มตนงานประเภทนี้ควรเริ่มตนดวยผูเชี่ยวชาญเพื่อใหการดําเนินงานของขั้นตอน
ตอนตางเปนไปดวยราบรื่น
39
เนื้อหาที่สวนสัตวนํามาสอนนั้นจะเปนการนําเอาสวนที่กระจัดกระจายตามเนื้อหาวิชาตางๆ เขามา
รวมกันเชน สรีระวิทยา ภูมิศาสตร สรีรวิทยา กายวิภาคศาสตร หวงโซอาหาร แมแตในระดับที่งาย
ที่สุดคือการไดเห็นสัตวตัวจริงจะเปนการกระตุนจินตนาการ ฝกการสังเกตและสรางความคิดใหกับผู
เที่ยวชม
- สวนสัตวอาจจะไมสามารถที่จะนําเสนอวิธีการใหการศึกษาที่เหมาะสมกับผูเที่ยวชมทุก
ชวงอายุได
- เด็กเปนชวงอายุที่มีลักษณะทางอารมณและความคิดที่พรอมสําหรับการเรียนรูในสวน
สัตว
- ความรูสึกของบุคคลทั่วไปคิดวาผูเขามาเที่ยวชมในสวนสัตวสวนใหญนาจะเปนเด็ก แต
จากการสํารวจพบวา 50-70 เปอรเซ็นตของผูที่เขามาเที่ยวสวนสัตวเปนผูใหญ
- ซึ่งความเปนผูใหญนนั้ แตละคนมีความแตกตางกันในระบบความคิด เนื่องจากมีลักษณะของ
สังคมและสภาพเศรษฐกิจที่แตกตางกัน มากกวาจะมาจากผูเที่ยวชมในลักษณะวัฒนธรรมแบบ
องคกร ( สวนเด็กยังอยูในวัยเรียนซึ่งมาจากวัฒนธรรมแบบองคกรที่เปนโรงเรียน ) นี้อาจเปน
เหตุผลหนึ่งที่สวนสัตวไมสามารถจัดรูปแบบการศึกษาใหเหมาะสมกับผูเที่ยวชมทุกกลุม
ในยุคปจจุบันที่สวนสัตวทั่วโลกไดมีการเพิ่มศักยภาพในการทํางานของตัวเองเชน งานดาน
ธุรการ งานวางแผนและประชาสัมพันธ งานซอมบํารุงและตกแตงสถานที่ การนําความรูในเรื่อง
นิเวศวิทยาและพฤติกรรมสัตวเขามารวมในการออกแบบสวนแสดงสัตว ดานการปองกันโรคและการ
รักษาสัตวปา การออกแบบสวนแสดงสัตวรวมทั้งประชาชนไดใหความสนใจในกิจการของสวนสัตว
มากยิ่งขึ้น สภาพสิ่งแวดลอมที่ถูกทําลายมากขึ้นทําใหสวนสัตวตองสนองความตองการในงานดาน
การบริการและแสดงภาพพจนสนองความตองการของประชาชน ( Conway, 1982 )
ผูเ ที่ยวชมสวนสัตวในปจจุบันจํานวนมากที่ไดมีโอกาสไปเที่ยวสวนสัตวแหงอื่นๆ ทั้งในและ
ตางประเทศ หรือการไดดูผานทางโทรทัศนจะเห็นรูปแบบการจัดแสดงสัตวในตางประเทศ ไดเห็น
การบริการ ก็เกิดการเปรียบเทียบเกิดขึ้น หรือตัวของผูบริหารสวนสัตวเองที่ไดมีโอกาสไดไปสัมผัส
รูปแบบที่ไดทํากันในการไปดูงานตางประเทศ( รูปแบบงานบริการ รูปแบบของสวนแสดงสัตว ) สิ่ง
เหลานี้จะเปนแรงกระตุนใหสวนสัตวทุกที่ตองมีการพัฒนาเพื่อตอบสนองความตองการของผูเที่ยวชม
หากสวนสัตวสามารถที่จะเพิม่ ความเขาใจใหกับผูเที่ยวชมในเรื่องของธรรมชาติ
วิทยาและวิทยาศาสตร โดยการใหผูเที่ยวชมไดเห็นถึงพฤติกรรมของสัตว ซึ่งจะเปนการ
นําเสนอความสัมพันธระหวางสัตวปากับธรรมชาติ ใหเห็นภาพการวิวัฒนาการและการ
ปรับตัวของสัตวใหเขากับสิ่งแวดลอม การใหการศึกษาจะตองสรางใหเห็นถึงความสัมพันธ
ระหวางสังคมสัตวและความสัมพันธระหวางสัตวและมนุษย
41
การมาเที่ยวสวนสัตวของผูเที่ยวชมมีจุดประสงคที่แตกตางกันหลายรูปแบบ บางคนไมไดมี
จุดมุงหมายเพื่อการศึกษา มาเที่ยวสวนสัตวเพื่อที่จะดูสัตวเทานั้น มีผูเที่ยวชมบางคนเดินออกจาก
กลุมผูเที่ยวชมในขณะที่ผูเลี้ยงสัตวกําลังเริ่มใหขอมูลสัตวแกผูเที่ยวชมที่มากันเปนกลุม บางทานมา
เที่ยวสวนสัตวโดยไมไดสนใจอานปายขอมูลสัตว แตอยางไรก็ตามสิ่งแวดลอมที่มีทั้งหมดจะเปน
งานใหการศึกษาแบบทางออมที่ทําใหผูเที่ยวชมไดรับขอมูลและเกิดการเรียนรูขึ้น
พอและแมของเด็กใชสวนสัตวเพื่อจุดประสงคเพื่อการศึกษา เชนพอ แมบางคนที่นําลูกอายุ
ประมาณ 2 ปมาที่สวนสัตวเดือนละ 2 ครั้ง คุณแมทานนั้นสอนวาสัตวตัวนี้ชื่ออะไรและสอน
คําศัพทแกลูกดวย ผูปกครองที่มากับเด็กโตมักจะสอนและพูดถึงสัตวชนิดนี้ใกลสูญพันธหรือ พูด
ถึงการมาเที่ยวสวนสัตวเพื่อปลูกฝงในเรื่องการอนุรักษสัตวปาและสิ่งแวดลอม ( Wolfand Tymitz ,
1981 )
มีสวนสัตวจํานวนมากที่ไดพยายามที่จะยกระดับงานดานการศึกษาใหมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยมองถึงประโยชนที่ผูเทีย่ วชมจะไดรับในการเขามาเที่ยวในสวนสัตว โดยหวังผลในการกระตุน
และสรางความสนใจในเรื่องของธรรมชาติมากขึ้น
มีความเดนชัดในชวง 10 ปที่ผานมาในเรื่องของงานใหการศึกษาที่มีการสอดแทรกเขาไปใน
การออกแบบและงานกอสรางสวนแสดงสัตวที่สรางขึ้นใหม มีการเตรียมงบประมาณสําหรับจัดทํา
ปาย ออกแบบใหเหมาะสมกับลักษณะของสวนแสดงสัตว เตรียมขอมูลที่ตองการจะนําเสนอให
พรอม แทนที่จะเปนนํามาติดตั้งเมื่อสวนแสดงสัตวนั้นสรางเสร็จแลว
(ดูรูปที่ 35 ) รูป Przewalski Horse, Lympne Zoo, Kent,
England การสื่อในเรื่องการอนุรักษในแบบไมเปน
ทางการแตสรางความสนใจ โดยใชการ
ผสมผสานของสวนแสดง ตัวสัตว การจัดจุดชม
ของผูเที่ยวชม โดยเปนการสรางเงื่อนไขที่จะให
ผูเที่ยวชมหยุดชม คิดถึงเรื่องราวของสัตว
จํานวนที่หลงเหลือในปาธรรมชาติ ระดับของ
การถูกคุกคาม
42
ในการวางแผนกําหนดสวนแสดงสัตวลงในพื้นที่ ตองมองในเรื่องของความตอเนื่องของ
เรือ่ งราวที่จะนําเสนอแกผูเที่ยวชม รอยเรียงเปนเรื่องราว ในสวนของปายใหการศึกษาก็ควรมองให
ตอเนื่องเปนชุดของเรื่องราว ในเรื่องของสวนแสดงสัตวและปายใหการศึกษาตองเขียนเรื่องราวและ
รูปแบบที่ตอเนื่องกัน เอาไวในแผนแมบท
ในชวงเวลาที่ผานมางานใหการศึกษาในสวนสัตวเปนงานหนึ่งที่มีการเจริญเติบโตและ
กาวหนา แตเจาหนาที่สวนใหญในสวนสัตวคิดวางานประชาสัมพันธและใหการศึกษาเปนงานของ
คนเฉพาะกลุม ซึ่งไมคอยถูกตองนักสําหรับความคิดดังกลาว ฟงขอคิดเห็นจาก Greg Geise ในเรื่อง
การทํางานใหการศึกษาในบางแงมุม
พวกเราไดใชเงินงบประมาณในเรื่องเครื่องมือ เครื่องใชและจางบุคลากรสําหรับงานให
การศึกษา ซึ่งโดยความจริงแลวงานนี้เปนงานของทุกคนที่ทํางานในสวนสัตว ไมวาจะเปนเจาหนาที่
เลี้ยงสัตว เจาหนาที่ที่ประจําสํานักงานที่บางครั้งตองรับโทรศัพทเพื่อใหขอมูลเรื่องการเที่ยวชมอยาง
คราวๆ เชน สัตวที่เปนจุดสนใจมีอะไรบาง รอบการแสดงโชวสัตว มีกี่รอบตอวัน เวลาใดบาง ที่ทุก
คนที่อยูประจําสํานักงานตองตอบใหได ไมตองโอนสายไปใหเจาหนาที่ใหการศึกษาตอบแตเพียง
สวนเดียว แตเจาหนาที่แผนกอื่นๆ มักจะบอกวาไมใชหนาที่ของเขาโดยตรง ที่จะตองมาสอน มา
พาเด็กเรียนเดินดูสัตวภายในสวนสัตว เมื่อมีการประชุมบุคลากรที่ทํางานในงานใหการศึกษาที่
ประกอบดวย graphic department, exhibit design และแผนกงานใหการศึกษา ซึ่งดูเหมือนวามี
การแบงหนาที่และจํานวนบุคลากรที่เพียงพอแลว แตในความเปนจริงที่เกิดขึ้นในหลายๆสวนสัตวใน
USA คือ พวกเขายังไมไดมีความทุมเทในงานใหการศึกษา ในการใหความรูแกผูเที่ยวชม ในเรื่อง
ของงานดานการอนุรักษในระดับที่ควรจะเปน และนาจะไดผลงานที่ดีกวานี้ (Geise,1985 )
จุดประสงคของรูปแบบงานใหการศึกษาที่ดีนั้นเพื่อเปาหมายที่สําคัญคือ การรักษาไวซึ่งโลก
ที่สวยงามที่มีความหลายหลายของสิ่งมีชีวิตไมวาจะเปนพืชหรือสัตว ในการสอนนักศึกษาเกี่ยวกับ
การออกแบบสวนสัตวที่ The Indianapolis Zoo มีขอมูลบางสวนในเนื้อหาของการสอนที่มี
ใจความที่กลาวถึงงานใหการศึกษาไดอยางนาสนใจ
หนึ่งในความตองการที่เรงดวนในโลกนี้คือการรักษาไวซึ่งความสมบูรณทางชีวภาพของโลก
การสรางใหเกิดจิตสํานึกและความสัมพันธที่แนบแนนระหวางมนุษยกับธรรมชาติ กับสัตวปา เพื่อให
ใหเกิดประโยชน เกิดความสุขกับทุกชีวิตที่อยูในโลกนี้ สวนสัตวเปนผูกระตุนใหเกิดความสนใจใน
ธรรมชาติ สงเสริมกิจกรรมและใหขอมูลที่เกี่ยวกับสัตวปา ธรรมชาติ และแนวโนมที่จะเกิดขึ้น เมื่อ
เราไดเรียนรูความตองการพื้นฐานของชีวิต ความสัมพันธของมนุษยที่ตองพึงพาธรรมชาติ อะไรจะ
เกิดขึ้นถาธรรมชาตินั้นเสียหายไปและสิ่งสําคัญเราจะรักษาโลกใบนี้ไวใหคงอยูอยางสมบูรณและ
สมดุลไดอยางไร (Shea, 1985)
43
สวนสัตวในอเมริกาหลายๆแหงไดมีการออกแบบและสรางสวนแสดงสัตวใหม รวมทั้ง
แผนงานอื่นๆที่เกี่ยวของเพื่อเปนการสรางจุดสนใจใหเกิดกับผูเที่ยวชม เพื่อใหผูเที่ยวชมไดสัมผัสกับ
ธรรมชาติ เกิดความรูสึกรักธรรมชาติ ถึงแมวาผูเที่ยวชมสวนใหญจะเปนคนที่อยูในเมืองใหญ
ประชาชนสวนใหญยังมีความเขาใจผิดในเรื่องของระบบนิเวศวิทยาของสิ่งมีชีวิตในปา
ความสัมพันธระหวางสิ่งแวดลอมกับมนุษยและความสัมพันธของสิ่งแวดลอมกับสัตวปา
ตัวอยางเชนการเขาใจผิดถึงบทบาทของนักลาสัตวในการอนุรักษสัตวปา หรือมีบางความเชื่อ
ทัศนคติบางอยางที่มีผลในการทําลายสัตวปา โดยเฉพาะอยางยิ่งการขยายพื้นที่ของชุมชนเมืองที่มี
ผลกระทบอยางยิ่งตอสัตวปา สวนสัตวเปนสถานที่ที่จะใหประชาชนไดชมและสังเกตสัตวที่ไม
สามารถกระทําไดในปา งานดานการศึกษาและปลูกจิตสํานึกการอนุรักษจึงถูกนํามาเปนเปาหมายที่
สําคัญของสวนสัตวถึงแมวาทั้ง 2 หัวขอถูกบรรจุเขามาในชวงเวลาที่ไมนานมากนัก ในชวงเวลาซึ่ง
ไมนานนักที่คนในเมืองหานเหินจากการสัมผัสกับสัตวปาและสิ่งแวดลอมตามธรรมชาติ การรับรู
เรื่องสัตวปาและธรรมชาติไปรับจากโทรทัศน วิทยุและสื่อสิ่งพิมพอื่นๆ ซึ่งปรากฏการณดังกลาวบง
บอกถึงมนุษยนั้นไดหางเหินสภาพความเปนจริงของธรรมชาติอยางยิง่
( Hatter,1974 )
ศูนยใหการศึกษา ( EDUCATION CENTER )
ศูนยใหการศึกษาไดกลายเปนสวนประกอบสําคัญในการตอบสนองเปาหมายสวนหนึ่งของ
สวนสัตว มีตัวอยางเชน ในชวง 10 ปที่ผานมาไดมีการสรางศูนยใหการศึกษาเพิ่มขึ้นในสวนสัตว
หลายแหง เชน สวนสัตวซินซิเนติ สวนสัตวซานดิเอโก สวนสัตวอินเดีนนาโพลิส สวนสัตวโทลิ
โด สวนสัตว Ft. Worth และมีสวนสัตวหลายแหงที่มีการขยายอาคารใหการศึกษา เชนสวนสัตวใน
ลอสแอนเจอรลิส ชิคาโก โคลัมบัส แตปญหาที่เกิดขึ้นคือตําแหนงของตัวอาคารใหการศึกษามักอยู
ในจุดทีห่ ลบมุมหาไมคอยเจอ ทําใหจํานวนผูเที่ยวชมเขามาใชบริการศูนยใหการศึกษานอยไมคุมคา
กับจํานวนเงินที่ลงทุนไป
ศูนยใหการศึกษามักอยูดานหลังของสวนสัตว ในขณะที่สํานักงานสวนใหญมักจะอยู
ดานหนาของสวนสัตว ผลที่เกิดขึ้นคือผูเที่ยวชมหาอาคารใหการศึกษาไมเจอ ถึงแมวาจะมีการเขียน
ปายแสดงทางเขาใหเห็นอยางชัดเจนแลวก็ตาม (Maynard, 1985)
จากสิ่งที่เกิดขึ้นดังกลาวจึงมีสวนสัตวหลายแหงที่ไดมกี ารปรับปรุงใหมหรืออยูในชวงของ
การกอสรางมีแนวโนมที่จะกําหนดที่ตั้งของศูนยใหการศึกษาใกลกับทางเขาดานหนา เชน The Pt.
Defiance ( Tacoma, Washington ) และ The Lowry Park Zoological Garden ( Tampa , Florida ) ซึ่ง
สวนสัตวทั้งสองแหงจะมีคําบรรยายที่เขียนถึงศูนยใหการศึกษาไวในแผนแมบททีค่ ลายกับคําบรรยาย
ที่เขียนไวในแผนแมบทของ The Indianapolis Zoo
44
อาคารใหการศึกษาควรรวมกับโครงสรางของทางเขา โดยใหอยูทางดานขวาของทางเขา
เพื่อใหผูเที่ยวชมที่มาเปนหมูขณะสามารถเขาไปสูอาคารดังกลาวไดโดยงาย (ที่เขามาเพื่อกิจกรรม
การเรียนรู) ซึ่งบริเวณที่เปนจุดรับนี้สามารถออกสูเสนทางปกติได มีที่จอดรถใหรวมไวในสวนของ
อาคารใหการศึกษานี้ดวย มีสวนของคอกแสดงและคอกกักเพื่อการแสดงสัตวที่เหมาะสมกับอาคาร
ศูนยใหการศึกษาไวดวย (James Associates and Zooplan Associates, 1983)
เนื่องดวยงบประมาณที่จํากัดในการที่จะวาจางเจาหนาที่สวนงานใหการศึกษา ศูนยให
การศึกษาจึงสามารถใชเปนอาคารของงานธุรการไปกอน ตัวอยางที่ Pt Defiance Zoo
อาคารสําหรับงานใหการศึกษาจะมีโครงสรางที่คลายกับอาคารสํานักงานกลาง เชนหอง
ประชุมสามารถใชเปนหองประชุมและหองสมุดได หองเรียนและหองปฏิบัตการทดลองสามารถใช
เปนหองทํางานออกแบบปายตางๆ ได ( Jones and Jone,1979 )
‘งบประมาณที่มีอยูอยางจํากัดอาจจะมีผลใหการสรางอาคารใหการศึกษาเนิ่นชาออกไปอีก
ซึ่งมักจะพบวาลําดับของการใหความสําคัญของสิ่งปลูกสรางมักจะออกในลําดับของการสรางศูนย
ตอนรับนักทองเที่ยว หองน้ํา ศูนยอาหารและรานขายของทีร่ ะลึก ที่มากอนการสรางอาคารให
การศึกษา
ในบางสวนสัตวศูนยใหการศึกษาจะอยูรวมกับสวนสัตวเด็ก ซึ่งเปนสถานที่ที่เด็กจะไดเห็น
ไดสัมผัสสัตวเลี้ยงปศุสัตว สัตวที่เลี้ยงตามบริเวณบานได หรือสัตวที่อายุยังนอย ทีเ่ จาหนาที่เลี้ยงสัตว
ตองนํามาเลี้ยงเอง สวนสัตวจะตองมีการจัดการที่ดีที่สุดเพื่อที่จะใหการศึกษาไปยังกลุมเด็ก ซึ่งก็
อาจจะเกิดคําถามวาทําไมตองใหเด็กไดมีโอกาสเรียนรูเ ปนพิเศษกวากลุมอื่นๆหละ ทําไมเราไมรวม
เอาผูใหญเขามามีกิจกรรมรวมกับเด็กดวยหละ แตมีบางสวนสัตวที่มีแผนการสอนที่มุงไปทีเ่ ด็ก
โดยเฉพาะ ที่ The Lowry Park organization Garden, ในเมือง เทมปาโดยมีเหตุผลดังนี้
เด็กเปนทรัพยากรที่มีคา การที่เด็กจะไดคนพบลักษณะเฉพาะของสัตวแตละชนิด รูในเรื่อง
ของนิเวศวิทยา รูถึงเรื่องราวของตัวเองที่เกี่ยวของกับธรรมชาติและสิ่งแวดลอม โดยผานแผนการ
สอนที่ศูนยใหการศึกษา ใน Amphitheater ซึ่งจะมีแผนงานสวนในหลายลักษณะ เชนการยกประเด็น
เพื่อการสนทนา การใหความรูดวยใชวัสดุทางการศึกษาเชน โครงกระดูกสัตว ซึ่งอาจจะแบงเปน
รอบๆในแตละวัน มีการแสดงในลักษณะของหมูบานเด็ก ที่เปนปายนิทรรศการในขนาดของตัวเด็ก
หองแหงการคนพบ แผนการเรียนแบบสื่อความหมาย สื่อการเรียนแบบแปลความหมาย ซึ่งจะตอง
มีผูดูแลนิทรรศการเหลานี้แบบเต็มเวลา
ในสวนของอาคารใหการศึกษาควรจะมี หองศิลปะ หองการเรียนรูแบบสัมผัส หองฉาย
หนัง แปลงปลูกผัก และสมุนไพรในสวนรอบตัวอาคารศูนยใหการศึกษาเพื่อเปนการใหความรูแก
เด็กที่อยูในเมือง
45
ตําแหนงที่ตั้งของศูนยใหการศึกษาควรอยูใกลกับ สถานที่ที่กระตนความคิดของเด็กได
เชนหัวขอสิ่งที่มีผลกระทบตอสิ่งมีชีวิตในโลก การใชสื่อการสอนที่สรางความสนุกและความรู
สําหรับเยาวชนในเมือง เทมปา ( Cashio, Cochran ,and Torre, 1984 )
ง.ลดความตื่นกลัวของสัตวโดยการใชวัสดุในการสรางสวนแสดงที่ชวยลดการเห็นหรือไดยิน เชน
กระจกที่มองเห็นไดดานใดดานหนึ่ง
จ.การออกแบบสวนแสดงสัตวใหดานกวางมากวาดานลึก เพื่อทีจ่ ะใหสัตวไมอยูไกลจากจุดชมมาก
เกินไป ( Josline,1985 )
เมื่อผูเที่ยวชมเขามาในสิ่งแวดลอมที่สวนสัตวไดจัดสรางขึ้นนี้ รูสึกวาตนเองกําลังอยู
ทามกลางปาธรรมชาติ หลุดออกจากลานจอดรถและเมืองที่เขาอยูอาศัยนั้นอยูหางไกลออกไปหลาย
กิโลเมตร พรอมทั้งเห็นภาพของสัตวอยูในสวนแสดงที่เปนเปนลักษณะของถิ่นที่อยูของสัตวชนิด
นั้นๆ โดยไมมีวัสดุกอสรางที่ใชเปนสวนที่กันสัตวหลุดปรากฏใหเห็น การเดินที่ผูเที่ยวชมจะผานมี
การออกแบบของลําดับสัตวที่เปนเรื่องราว ในเนื้อหาของสัตวที่ตอเนื่องกัน เห็นสัตวไดอยางชัดเจน
ระยะหางที่พอเหมาะระหวางคนกับตัวสัตวและจุดชมสัตว ทุกๆ ความประทับใจที่เกิดขึ้นจะถูก
ควบคุมใหเห็นวาสัตวชนิดนั้นกําลังอยูในปาธรรมชาติ ผูเที่ยวชมจะรูสึกวาตัวเองกําลังเปนสวนหนึ่ง
ของสิ่งแวดลอมตามธรรมชาตินั้น ลองอานความเห็นของ Grant Jones, ผูที่เห็นดี เห็นงานกับ
แนวความคิดนี้
( Jones and Jones, 1985 ) ความสําคัญของการจัดแสดงสัตวในสวนแสดงสัตวที่มีการจัด
สิ่งแวดลอมใหเปนธรรมชาติ รวมทั้งใหผูเที่ยวชมอยูในสิ่งแวดลอมเดียวกับสัตว ที่ทําใหผูเที่ยวชม
เห็นถึงสิ่งประกอบที่อยูรอบตัวเองไมวาจะเปนสวนของตนไม ลักษณะของพื้นที่และลักษณะของ
แหลงน้ํา ที่มีการจัดวางอยางลงตัว การตกแตงระหวางสวนแสดงของสัตวแตละสวนแสดงทําอยาง
กลมกลืนและตอเนื่อง การออกแบบแนวแบงระหวางสัตวและผูเที่ยวชมที่ไมบดบังสายตาผูเที่ยวชม
ผูเที่ยวชมไมเกิดความรูสึกวาสัตวถูกกักขัง สวนของ barrier จะถูกออกแบบใหเปนกลมกลืนเปน
สวนหนึ่งของสวนแสดง ใชตนไม และการปรับแตงเนินดินเปนตัวบัง กดสวนที่เปน barrier เชน
รั้วใหต่ําลง สายน้ําและลําธารจะเปนสวนที่ชวยผอนคลายและชวยเปนสวนที่กั้นระหวางสัตวกับผู
เที่ยวชม
2.สวนแสดงสัตวที่มีการแสดงวัฒนธรรม ( Culture exhibit ) เปนวิธีการออกแบบที่พยายามรวม
ระหวางสัตวกับวัฒนธรรมของมนุษย เพื่อใหเปนรูปแบบการจัดแสดงที่มีการเคลื่อนไหว มีสีสันมาก
ขึ้น ที่สวนสัตว Dickinson Park Zoo ที่ Missouri ไดจัดแสดงการใชชางเอเชียในอุตสาหกรรมทําไม
48
ในจุดชมสัตวผูเที่ยวชมที่มาเปนประจําตองการใหมีการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มขอมูลใหมที่
นาสนใจ หรือรูปแบบของปายใหการศึกษาแบบอื่นๆ สวนสัตวจึงควรมีปายใหการศึกษาที่สามารถ
เปลี่ยนเอาขอมูลเกาออกเปนชวงๆ และรูปแบบของการติดตั้งควรเปนแบบที่สามารถเปลี่ยนปายอัน
ใหมไดงาย รวมทั้งมีงบประมาณที่พรอมในการปรับปรุงเนื้อหาใหนาสนใจอยูเสมอ ขอมูลที่ผูเที่ยว
ชมตองการคือการนําเสนอขอมูลในหลายๆรูปแบบ ใชคําที่เขาใจงาย รูปแบบของคําพูดที่สราง
ความสนใจไดเชน
- การใชคําถาม “ คุณสามารถหาเตาตัวที่มีอายุมากที่สุดในบอนี้พบหรือไม ”
- การใชขอความในเชิงเปรียบเทียบ “ หาความแตกตางระหวางแมวน้ําและสิงโตทะเล
- ใชขอความที่นาสนใจใหผูเที่ยวชมลองสังเกตดู “ ลองสังเกตดูวาชางจับอาหารเขาปาก
อยางไร ”
- ขอความที่ชวนผูเที่ยวชมใหหาคําตอบจากการสังเกต เชน “ ลองดูตอนที่ชะนีรอง สังเกต
ลักษณะทาทางของชะนีวามีการแสดงทาทางแบบไหน ”
- ใชคําวา “ ทําไม ” เปนการกระตุนผูเที่ยวชมใหหาคําตอจากแหลงอื่นๆ เชนการสอบถามจาก
ผูเลี้ยงสัตว หรือใชคําถามจากปายถามเพื่อนหรือญาติ พี่นองที่มาเที่ยวดวยกันวาทราบคําตอบนี้
หรือไม ( Wolf and Tymitz, 1981)
การจัดทําขอมูลใหมโดยผูหาขอมูลและรูปภาพ ในเนื้อหาเรื่องพฤติกรรมและนิเวศวิทยาที่หา
ความเกี่ยวเนื่องกันระหวางสัตวที่อยูแยกคอกกัน
การกําหนดการเดินทางในการเที่ยวชมแบบทางเดียวเพื่อเปนการเลาเรื่องที่มีความ
เกี่ยวเนื่องกันของเนื้อหาและความคิด ซึ่งรูปแบบนี้เปนวิธีการที่ปฏิบัติในพิพิธภัณฑ เปนวิธีการที่
แพรหลายในทวีปยุโรปในชวงไมกี่ปที่ผานมา แตการนําไปใชจริงในสวนสัตวจะมีอุปสรรคในเรื่องของ
ระยะหางระหวางสวนแสดงและการที่จะกระตุน ใหผูเที่ยวชมเดินเที่ยวแบบตามเสนทางที่กําหนดไว
เพื่อใหเกิดเนื้อหาที่ตอเนื่อง (Joslin, 1982 )
การใชวิธีการสรางกิจกรรมรวมกับสัตวมีวิธีการไมหลากหลายนัก
50
เจาหนาของสวนสนุกดิสนียแลนด จะแตงตัวที่สรางความรูสึกใหแกผูพบเห็นเกิดความรูส ึก
ถึงบรรยากาศที่เปนมิตร อบอุน ซึ่งจะเขากับบรรยากาศของสวนสนุก เจาหนาที่เหลานี้จะเปน
เหมือนผูแสดงที่ไมไดทําหนาเพียงเปนผูบริการเทานั้น แตเปนสวนสําคัญในการเพิ่มความรูสึกใหแก
ผูเที่ยวชมที่เขามาเกิดความรูสึกวาเขาคือสวนหนึ่งของสวนสนุกดิสนียแลนด ซึ่งผลงานที่เกิดขึ้นจะ
ออกมาดีเนื่องจากเหมาะสมกับบรรยากาศของสวนสัตวในแบบของดิสนีย ที่มีผูเที่ยวชมที่เปน
ครอบครัว ที่ประกอบดวยพอแมและลูกๆ
การใหเจาหนาที่ 1-2 คน แตงตัวเปนรูปสัตวเปนการสื่อสารที่ดีโดยเพาะกับเด็กๆ กอน
เขาวัยเรียน เชนตัวการตูนในเรื่อง Sesame Street ซึ่งเปนที่นิยม และรูจักตัวการตูนเหลานี้ดี
ตัวอยางอื่นๆ เชนที่สวนสัตว Eskansas ในเมือง Stockholm ใหเจาหนาที่แตงตัวเปนชนเผา แลบ
แลนด ( Lapland ) ใหยืนอยูใกลกับกระทอม โดยทั้งหมดนี้อยูใกลกบั สวนแสดงกวางแลนเดียร ซึ่ง
จะเปนเครื่องมือในการสื่อความหมายที่ชวยใหสาธารณชนเขาใจถึงวิถีชีวิตและความสัมพันธของ
กวางแลนเดียรและชาวแลบแลนด ( Josline,1985)
5.การแสดงความสามารถของสัตว (Animal demonstration) การแสดงความสามารถของสัตว มีการ
โตเถียงกันวาเปนเครื่องมือในงานใหการศึกษาหรือไม มีการมองวาการแสดงความสามารถของสัตวก็
คืออีกรูปแบบหนึ่งของของละครสัตว แตในสวนของสวนสัตวก็ไดมีการปรับเปลี่ยนการโชวสัตวให
อยูในรูปของการแสดงพฤติกรรมตามปกติของสัตว ที่สามารถแสดงไดในสัตวหลายชนิด โดย
รูปแบบของสวนสัตวที่ควรเปนนาจะเปนการแสดงที่แสดงที่เปนลักษณะเฉพาะตัวของสัตวชนิดนั้นๆ
เชนการแสดงกระโดดกินเนื้อที่แขวนบนเชือกของเสือโครง เสือดาวกระโดดเกาะทอนไมเพื่อกินเนื้อ
ของสวนสัตวสงขลา
ขอดีของการแสดงความสามารถของสัตว เชน
1.การรวบรวมผูเที่ยวชมในบริเวณหนึ่งไดเปนจํานวนมาก ซึ่งสามารถสื่อสารกับคนจํานวนมากโดย
การใชเจาหนาที่จํานวนนอยและประหยัดเวลาเมื่อเปรียบเทียบกับการพาผูเที่ยวชมเดินชมรอบๆสวน
สัตว
2. การแสดงที่สรางความพึงพอใจใหกับผูเที่ยวชมจะเปนจุดเริ่มตนที่ผูเที่ยวชมเกิดความตองการที่จะรู
ขอมูลเกี่ยวกับสัตวชนิดนั้นๆ มากยิ่งขึ้น
52
6. รูปแบบการเที่ยวชมในสวนสัตวรูปแบบอื่นๆ
( ดูรูปที่ 39 การเที่ยวชมในสวนสัตว ( zoo tour ) ที่ Columbus zoo The traditional tour จะ
นําเสนอในรูปแบบที่สนุกสนาน และใหการศึกษา การนําเสนอรูปแบบการเที่ยวชมที่แตกตางไป
จากรูปแบบเดิม โดยใหน้ําหนักการศึกษาที่เปนปจจุบันและพิเศษ ( เชน ชวงที่ภาพยนตร อนา
คอนดากําลังเขาฉายเปนที่สนใจของผูคน ก็มีการนําชมงูอนาคอนดา โดยใหขอมูลที่เปนจริง ซึ่งใน
ภาพยนตรอาจใหภาพที่เกินความจริงเนื่องจากตองการสรางเพื่อความบันเทิง หรือในชวงที่กําลังแปล
นี้มีละครทางทีวีที่กําลังมีการนําเสนอเรื่องนกออก -ผูแปล )
การเที่ยวชมสัตวในลักษณะการนั่งรถไฟหรือรถรางจะทําใหผูเที่ยวชมเห็นภาพในมุมกวาง
ของสวนสัตววาประกอบดวยสัตวอะไรบาง การจัดอาคารและภูมิทัศนมีในรูปแบบใดบาง เพื่อให
การเที่ยวชมมีความหลากหลายมากขึ้น รวมทั้งความสนใจของผูเที่ยวชมแตละคนก็มีความแตกตาง
กัน จากการสัมภาษณผูเที่ยวชมที่ National Zoological Park
ผูเที่ยวชมที่เขามาเที่ยวในสวนสัตวจะมีความสนใจในเรื่องของเนื้อหาที่แตกตางกัน การ
นําเสนอในรูปแบบที่ผูเที่ยวชมชอบอัตราการกลับมาใชซ้ําก็จะเกิดขึ้น รวมทั้งการนําเสนอรูปแบบ
การทองเที่ยวในแบบอื่นๆ ใหพิจารณาโดยการนําเสนอดวยวิธีตางเชนพิมพเปนแผนพับ สื่อทางวิทยุ
และโทรทัศน ตัวอยางรูปแบบการการทองเที่ยวเชน
- ดานการอนุรักษ โดยพูดถึงสัตวที่เปนโครงการวิจัยและอนุรักษของสวนสัตว รวมทั้งพูดถึง
สัตวชนิดอื่นที่อยูใกลเคียง
- การเที่ยวชมที่นําชมเฉพาะสัตวในภูมภาคใดภูมิภาคหนึ่ง
- การเที่ยวชมในลักษณะที่มีการตั้งคําถามกอนและมีการเฉลยใหฟง และมีการสรุปเนื้อหาโดยรวม
(Wolf and Tymitz, 1981)
ในการนําเทีย่ วบางรายการตองการเจาหนาที่ที่มีความชํานาญเขาใจในเนื้อหาเปนอยางดี มี
ทักษะในการสื่อความหมายที่จะชวยในการกระตุนความสนใจ ในชนิดสัตวที่เรานําชม และจะเปน
การกระตุนการกลับมาเที่ยวซ้ํา
53
สวนสัตวจะเปนสถานที่เปดโอกาสใหประชาชนไดเห็นสัตวปา และเปนการพักผอนที่มากวา
ความสนุกสนานทั่วไปในวันพักผอน โดยสวนของสวนสัตวตองเปนผูจัดแสดงในชนิดสัตวที่
หลากหลาย และมีวิธีการนําเสนอในรูปแบบใหมๆ
- ที่สวนสัตว Tulsa zoo ไดสรางสวนแมลงทั้งที่แสดงแบบสตัฟฟและแมลงที่มีชีวิต
- สวนสัตว Washing park Zoo , Portland, Oregon มีแผนงานที่จะนําเสนอขอมูลสัตวในลักษณะ
ของ computer graphic และหองปฏิบัติการเพื่อการเรียนรู
- มีสวนสัตวหลายแหงที่มีการใชรูปแบบการแสดงของพิพิธภัณฑรวมกับการแสดงสวนแสดง
สัตวโดยแสดงพฤติกรรมสัตวอยางสมบูรณในชวงที่สัตวยังมีชีวิตอยู เชน สวนแสดงความ
หลากหลายของสิ่งชีวิตในธรรมชาติที่สวนสัตว Toledo Zoo
- การสรางความสนใจใหกับผูเที่ยวชมในขอมูลของสัตวโดยการใชวิธีการหลายวิธี เปน
ความสําเร็จของงานใหการศึกษา
( Joslin, 1982 ) ถาความสําเร็จเรื่องความบันเทิงและการพักผอนหยอนใจของผูเทีย่ วชมคือ
ความตองการระดับแรกของจุดประสงคของสวนสัตว ความสําคัญของงานใหการศึกษาก็ควรจะตอง
อยูในอันดับที่ไมหางจากความบันเทิงและการพักผอนหยอนใจ สาธารณะชนสวนใหญเห็นถึงคุณคา
ของสัตวปานอยมาก รวมถึงการทราบถึงอัตราการใกลสูญพันธุที่เกิดขึ้นกับสัตวลายๆชนิด สวนสัตว
เปนผูรับผิดชอบที่จะตองใหขอมูลกับสาธารณะชนถึงเหตุการณที่เกิดขึ้นในถิ่นที่อยูและตองบอกดวย
วาประชาชนทั่วไปจะมีสวนในการชวยอนุรักษสัตวเหลานี้ไดอยางไร ในระดับของสมาคม AAZP มี
ความตองการวาในชวง 10 ปจากตอนี้ไปสวนสัตวจะมีหนาที่กระตุนใหสาธารณะชนมีความสนใจ
ในเรื่องที่จะชวยกับปกปองการสูญเสียความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต โดยตองมีการออกแบบในสวน
ที่จะเพิ่มความแข็งแรงในกระบวนการใหขอมูลในเรื่องเหลานี้
การอนุรักษ ( Conservation )
ความยากลําบากในการเพิ่มจํานวนในสัตวปาบางชนิดเปนไปไดยาก ซึ่งถาสามารถเพิ่ม
จํานวนเกิดขึ้นในกรงเลี้ยงมักจะมีการนําเสนอขาวถึงความสําเร็จที่เกิดขึ้นนี้ สาเหตุที่สําคัญจํานวน
สัตวปาในถิ่นที่อยูเนื่องจาก การที่ถิ่นที่อยูถูกทําลายเพื่อแสวงหาผลประโยชนของมนุษย
54
ในปจจุบันสวนสัตว ไดใหความสําคัญกับการจัดแสดงใหกับผูเที่ยวชมที่ไมมีโอกาสไดเห็น
สัตวที่มีความหลากหลายของพฤติกรรมสัตว และในขณะเดียวกันที่มีสื่อโทรทัศนที่ทําหนาที่ในเรื่อง
ของการนําเสนอเรื่องราวของความหลากหลายของพฤติกรรมสัตวเชนเดียวกัน ถึงแมวาอารมณรวม
ความรูสึกที่เกิดขึ้น เมื่อเขามาเที่ยวในสวนสัตวจะเปนลักษณะที่จําเพาะ ซึง่ ความแตกตางที่เกิดขึ้น
นี้ มีความรูสึกอีกสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นเชนกันคือ เกิดความรูสึกวาความเหินหางระหวางมนุษยกับ
ธรรมชาติ มีความชัดเจนขึ้น ( interdesign inc,1970 )
Paul Joslin ไดใหขอมูลเพิ่มเติมดังนี้ สวนสัตวและสวนแสดงสัตวน้ํามีความรับผิดชอบที่
จะตองเขามาเสริมในเรื่องงานดานการอนุรักษสัตวปาของโลก ในป 2000 มากกวาครึ่งลานชนิด
ของสิ่งมีชีวิตทีมีแนวโนมจะลดจํานวนลง ถาแนวโนมของการถูกบุกรุกพื้นที่อยูอาศัยยังคงดําเนินตอ
ในอัตรานี้ ในชวงเวลาที่ผานมามีเพียงไมกี่หนวยงานที่มีความพยายามที่จะรณรงคเพื่อสราง
จิตสํานึกในเรื่องของการอนุรักษและผลงานที่เกิดขึ้นก็ไมกาวหนา แตถาสวนสัตวทุกแหงไดรวมกัน
กระตุนสาธารณะชนใหรวมกันชวยกัน เชน โครงการอนุรักษสัตวหายากที่สวนสัตวทุกแหงจะมี
โครงการอยูแลว
สวนสัตวหลายแหงในประเทศ ไดทําการออกแบบและพัฒนาสวนแสดงสัตวที่ดูเปน
ธรรมชาติ เพื่อที่จะนําผูเที่ยวชมเขาสูภาพรวมขององคประกอบโลกสัตวปา
แนวคิดที่สําคัญอันหนึ่งที่ผูออกแบบสวนสัตวคือการออกแบบสวนสัตว ใหเปน
ธรรมชาติ ไมวาจะเปนสวนของสวนแสดงสัตวหรือองคประกอบอื่นๆ เพื่อเปนการนําผู
เที่ยวชมเขาโลกของธรรมชาติที่องคประกอบครบถวนทั้งพืชและสัตว
56
การจัดสรางสวนแสดงในลักษณะที่เปนกรงตับเรียงกันไปก็มีแนวโนมที่ลดลง และมีการ
สรางสวนเพาะขยายพันธุสัตวที่หายากโดยเปนสวนที่แยกออกจากสวนปกติที่ใหผูเที่ยวชม มีสวนที่
ใชสําหรับเลี้ยงลูกสัตวออนที่แมไมยอมเลี้ยง (Josline1982)
ในขณะเดียวกันปญหาที่เดียวกันที่ปญหาที่เกิดขึ้นกับสัตวที่อยูในปาดูจะเพิ่มมากขึ้น ถึงแมวา
นักวิจัยสัตวปาไดสงสัญญาณถึงปญหาที่เกิดขึ้น ขาวการเคลื่อนไหวในเรื่องการอนุรักษที่ Thane
Maynard ใหขอคิดในประเด็นนี้วา
ขอสมมุติฐานอันหนึ่งวาในศตวรรษที่ 20 นี้ผูเที่ยวชมที่เขามาเที่ยวในสวนสัตว จะมี
จิตสํานึกของความเปนนักอนุรักษ ( conservationist ) เชน คุณตองประหยัดการใชไฟที่บานของ
คุณ เลือกใชรถที่ประหยัดน้ํามัน รวมทั้งทราบถึงปญหาของสิ่งแวดลอมที่เกิดขึ้นรอบตัวคุณและ
ปญหาที่เกิดขึ้นกับสัตวปาดวย สวนสัตวจะตองเปนอีกหนวยงานหนึ่งที่จะตองสะทอนปญหาของ
สิ่งแวดลอมโดยใชสื่อตางๆ ในการบอกถึงเรื่องราวในหัวขอนี้ เชน เราตองการสื่อขอความรณรงค
เรื่องการอนุรักษวา คิดถึงระดับโลก ทําระดับทองถิ่น ( Think global do local )โดยตองการใหมอง
ถึงปญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลกและใหประชาชนมีสวนรวมในการแกปญหาในระดับทองถิ่น
( Maynard ,1985 )
ในหนังสือแนะนําสวนสัตว การใชรูปสัตวที่สูญพันธุไปแลว หรือการปนรูปสัตวดังกลาวที่
ทางออกหรือทางเขาของสวนสัตว ปายที่ชี้ทิศทางการชมสัตวชนิดตางๆ การใชสีของตัวอักษรใน
สัตวที่ใกลสูญพันธุเปนตัวอักษรสีแดง และใชสัตวที่อยูในสถานะที่อื่นๆ เชนไมมีปญหาที่เสี่ยงตอ
การสูญพันธุใชสีน้ําเงิน
มีตัวอยางในสวนสัตว Cincineti Zoo คือการใชโครงการวิจัยและเพาะขยายพันธุใน
สัตวที่กําลังใกลสูญพันธุ เปนขอความเปนขอมูลที่สื่อกับผูเที่ยวชมที่เขามาในสวนสัตว กับ
ประชาชนทั่วไปวาสวนสัตวแหงนี้มีโครงการวิจัยและเพาะขยายพันธุสัตวชนิดใดอยู ซึ่งแผนงานที่มี
จะสื่อทั้งงานที่อยูในสวนสัตว สื่อทั้งงานที่สวนสัตวไดไปทํากับถิ่นที่อยูของสัตวชนิดอยู ใหมีความ
ครบถวนในเนื้องาน รวมทั้งมีการใหประชาชนผูเที่ยวชมมีสวนรวม โดยบอกวาการชวยเหลือ
โครงการทําไดหลายทาง การเขามาเที่ยวในสวนสัตวแหงนี้ การซือ้ ของที่ระลึกที่โครงการไดทําขึ้น
เพื่อเปนเงินทุนในการทํางาน ( Maynard, 1985 )
Greg Geise ไดเพิ่มเติมความคิดในเรื่องของคุณคาความสําคัญของการสื่อสารในเชิงบวก
การใหความสําคัญในการสรางจิตสํานึกในเรื่องการอนุรักษคือประเด็นที่จะตองทําใหเกิดใน
บุคคลทั่วไป ซึ่งตองสรางในเชิงบวก แมวาในความเปนจริงแลวมนุษยก็ไมไดเปนผูที่สรางผลกระทบ
ใหเกิดกับสัตวปาไปเสียทุกเรื่อง ตัวอยางเชนประชาชนในเขตอเมริกาเหนือจะรูสึกประหลาดใจกับ
จํานวนประชากรของกวางหางขาว ที่สิ่งแวดลอมมีสวนทําใหประชากรของสัตวชนิดนี้เพิ่มขึน้ อยาง
58
มากมาย แตเมื่อประชาชนมาชมสัตวเหลานี้ก็เปนโอกาสที่ดีที่จะสื่อในเรื่องของงานดานอนุรักษ
อยางเหมาะสมเขาไปได
สวนสัตวจะนําเสนอขอมูลดานการอนุรักษอยางไรโดยมีจุดมุงหมายที่จะใหประชาชนหันมา
ใหความสนใจกับสิ่งแวดลอมที่อยูรอบๆขางตัวเขาเอง แตอยางไรก็ตามปญหาที่อยูหางไกลออกไปก็
เปนสิ่งที่ตองใหเกิดการรับดวยเชนกัน
ความคิดของนักสัตววิทยา Archie Carr ไดเขียนไววา ความพยายามในการอนุรักษถิ่นที่อยู
ของสัตวปาและตัวสัตวปาในระยะยาวแลว ก็ยังไมแนใจวาลูกหลานของเราจะมีโอกาสไดเห็นในสิ่ง
สวยงามเหลานี้หรือไม บางครั้งสวนสัตวอาจะเปนสถานที่ที่ดีกวาก็ไดที่จะทําใหประชาชนไดเห็น
ความสวยงามของสัตวปา ถาหากวาไมมีสถานที่ที่อื่นที่ดีกวานี้อีกแลว
งานวิจัย
สวนสัตวตองใหความสําคัญ ใหความสนใจกับงานวิจัยโดยเฉพาในหัวขอการเพาะขยายพันธุ
ในกรงเลี้ยง ซึ่งผลงานเหลานี้จะเปนผลดีตอการจัดการสัตวชนิดนั้นในสวนสัตว และสัตวอีกสวน
หนึ่งที่อยูในปา รวมทั้งเพื่อใชเปนแนวทางที่จะตองทําตอไปในอนาคตดวย
งานวิจัยเปนความตองการของทุกหนวยงานที่จะผลิตงานวิจัย ไมควรมองวาเปนงานที่ไม
คุมคากับเงินที่ตองจายไป ถาเรานํางานวิจัยในเรื่องการเพาะขยายพันธุไปใชอยางแทจริง ซึ่ง
สามารถนําไปปรับปรุงในเรื่องการจัดการสัตว ทําใหโอกาสของความสําเร็จในเรื่องการเพาะ
ขยายพันธุสัตวก็จะมีมากยิ่งขึ้น เมื่อจํานวนของชนิดสัตวลดลงอยางตอเนื่อง สวนสัตวจึงเปน
สถานที่ที่จะตองทําหนาที่ใหสัตวปามีโอกาสมากยิ่งขึ้นที่จะดํารงเผาพันธุของตนเองตอไปในสภาพ
กรงเลี้ยง งานในลักษณะนี้ตองใชความรวมมือจากหลายสวนจากผูปฏิบัติงานที่มีประสบการณสะสม
ความรูมากเพียงพอ มีทีมงานที่มีความรูในหลายสาขาที่มากพอ มีความตั้งใจจริงที่จะทํางาน มี
ผูบริหารที่เห็นความสําคัญและใหการสนับสนุน มีงบประมาณที่เพียงพอ มีทีมงานที่มีความรูใน
หลายสาขาที่มากพอ เชน พฤติกรรมของสัตว อาหาร สรีรวิทยา งานวิจัยจะเปนกลไกที่สําคัญที่จะ
เขาใจและรูถึงวิธีการที่จะจัดการกับสัตวที่มีจํานวนนอยนี้ใหมีความหลากหลายทางพันธุกรรมเพื่อที
จะคงความแข็งแรงเพื่อใหลูกหลานที่จะตามยังคงอยูไดไปอีกในระยะยาว
งานวิจัยและการจัดการตองมองไปถึงงานที่อยูในปาที่เปนถิ่นที่อยูของสัตวชนิดนั้นดวย
( ตัวอยางคืองานของมูลนิธินกกระเรียนโลก ที่มีโครงการที่จะศึกษานกระเรียนชนิดตางๆที่มีอยูทั่ว
โลก โดยการสงเจาหนาที่เขาไปเก็บขอมูล เพื่อผลที่จะปกปองนกกระเรียนชนิดนั้น ในทองถิ่นแหง
นั้นดวยวิธีการใด โครงการอนุรกั ษนกแกวของมูลนิธีโรโล พารค ของสวนสัตวโรโล พารคที่เกาะ
เทเนริเฟ ประเทศสเปน โดยสวนสัตวแหงนี้ไดใชประโยชนจากสัตวในดําเนินกิจการสวนสัตว มีการ
เพาะนกแกวหลายชนิดเพื่อการจําหนาย มีการใหเงินทุนสวนหนึ่งเพื่องานอนุรักษนกแกวในถิ่นที่ยู
เดิม ที่เปนการสรางภาพพจนที่ดีที่เราไมไดเอาประโยชนจากสัตวอยางเดียว ยังเปนสิ่งที่ตอบแทนแก
สัตวดวย – ผูแปล ) ( Joslin 1985 )
งานวิจัยสามารถนําเขาไปใชในสวนของงานใหการศึกษา งานเพื่อความบันเทิงและพักผอน
หยอนใจ งานดานการอนุรักษ เชน ใชเปนขอพิจารณาในการพิจารณาโดยเฉพาะในสวนที่เกี่ยวของ
กับสัตว สิ่งกอสรางที่เพิม่ ขึ้น การวางแผนการปฏิบัติ งบประมาณที่เพียงพอที่จะทําใหงานทีว่ างไว
สําเร็จลงได
สวนสัตวที่อยูในโครงการ อนุรักษสัตว Special Survival Plan ของ AAZPA โดยแผนการ
ปฏิบัติอยางคราวๆ คือ จะมีการจัดแผนประชากรสัตววาชนิดสัตวที่อยูในโครงการนั้น มีอยูท ี่สวน
สัตวแหงใดบาง จํานวนเทาไหร แตละเพศมีจํานวนเทาไหร ที่มาของสัตวแตละตัวเปนอยางไร พอ
และแมของแตละตัวคือตัวใด ทดลองจัดแผนการผสมพันธุ เพื่อใหลูกที่จะเกิดมามีอัตราความ
หลากหลายทางพันธุกรรมมากที่สุด ความคิดนี้เปนแนวคิดที่ดีแตความสําเร็จยังตองขึ้นอยูกับ
ความสัมพันธของสวนสัตวแตละแหง เมื่อตองใหสัตวของตัวเองไปยังสวนสัตวแหงอื่นและการเมือง
ที่หนุนหลังของการนี้อยู แผนการที่มีความจําเปนตองเตรียมการไวลวงหนาเชน ลูกที่เกิดขึ้นจาก
โครงการจะนําเลี้ยงที่ใด งบประมาณคาอาหาร คาจางผูเลี้ยงสัตว
60
ในอดีตที่ผานมาการเลี้ยงสัตวปาในสวนสัตวจนกระทั้งสัตวนั้นตายจะดวยเหตุผลอะไรก็ตาม
ก็จะใชการจับสัตวตัวใหมจากปาเขามา แตในยุคปจจุบันที่ที่สัตวปามีจํานวนลดลงมาก การใชวิธี
จับสัตวจากปาเพื่อนํามาจัดแสดงเปนวิธีการที่ไมไดรับการยอมรับจากสังคม มีสัตวบางชนิดที่ออก
ลูกหลานไดเปนจํานวนมากในสวนสัตว เชน สิงโต กวางบางชนิด สาเหตุเนื่องจากเมื่อสัตวอยูใน
สวนสัตว ไมมีศัตรูผูลา มีอาหารใหกินทุกวัน สัตวมีอายุยาวนานขึ้น จํานวนสัตวที่ยังมีชีวิตอยู
และสัตวที่เกิดใหมทุกปมากกวาสัตวที่ตายไป ซึ่งปญหาที่ตามมาคือปญหาสัตวลนกรง ดังนั้นการมี
แผนประชากรสัตววาจะตองเลี้ยงสัตวชนิดใดและจํานวนเทาใดเพื่อใหพอเหมาะกับปจจัยที่มี โดย
ตองแบงสัตวเปนกลุมตางเชน สัตวเพื่อการอนุรักษ เชน สมเสร็จ แมวปาขนาดเล็กบางชนิด สัตวที่
เปนดาราสําคัญประจําสวนสัตว เชนยีราฟ มาลาย (Graham 1985)
จุดมุงหมายของการเพาะขยายพันธุสัตวในกรงเลี้ยงเพื่อบํารุงเลี้ยงดูและเพิ่มจํานวนของ
ประชากรสัตวปา เพื่อหวังที่จะปลอยสัตวกลับคืนสูปา การปลอยสัตวที่อยูสวนสัตวเขาสูปามี
ความสําเร็จเกิดขึ้นเชนกัน แตจุดประสงคและอัตราความสําเร็จที่เกิดขึ้นไดทําใหมีประเด็นอื่นๆ ที่
ตองพิจารณาเชนกัน
( Geise 1985 ) เมื่อเปรียบเทียบจํานวนสัตวที่มีในสวนสัตวกับสัตวปาที่อยูใน
ปาธรรมชาติยังถือวายังเปนอัตราสวนที่นอยมาก ถาสัตวชนิดหนึ่งไมมีประชาการทีอ่ ยูในปาแลว
ถึงแมวาจะมีสัตวชนิดนั้นอยูในสวนสัตวก็ตาม คาดวาอีกไมนานสัตวชนิดนั้นก็ตองสูญพันธุไปใน
เวลาไมนาน
ถาประชาชนไมเขาใจถึงการอนุรักษปาธรรมชาตินั้นคือวิธีการที่จะรักษาสัตวปาไว
ได นั้นหมายถึงประชาชนยังไมเขาใจหลักการปลอยสัตวทอี่ ยูในกรงเลี้ยงกลับคืนสูธรรมชาติได สวน
สัตวจึงตองทําหนาที่ในการสรางจิตสํานึกในเรื่องการอนุรักษธรรมชาติใหกับประชาชนโดยเริ่มที่
จะตองใหประชาชนเห็นความสวยงาม นาสนใจในตัวสัตวเสียกอนเปนลําดับแรก
จํานวนของชนิดสัตว จํานวนสัตวของแตละชนิด จํานวนของสวนแสดงสัตว งานให
การศึกษา งานวิจัยปจจัยเหลานี้จะผลตอรูปแบบและเนื้อหาของแผนแมบทของสวนสัตวและการ
ออกแบบสวนแสดงสัตว การใหความสําคัญกับการงานวิจัยมากขึ้น เปนผลจากการที่สวนสัตวอยู
ในโครงการของ Species Survival Plane และการตองสรางความยอมรับใหสมกับคําวาสวนสัตวยุค
ใหม ทําใหการคัดสรรชนิดสัตวที่จะนํามาเลี้ยงในสวนสัตวเปนเรื่องที่ตองพิจารณาใหดี
ในการวางแผน(แผนงาน แผนเงิน )และการออกแบบสวนแสดงตางๆ ตองมี
การนําเอาการวิจัยเขามาเกี่ยวของดวยแตพบวาสวนใหญจะไมนํามาใช การศึกษาในเรื่องความสําเร็จ
และความลมเหลวในเรื่องการวางแผนในสวนสัตวและการออกแบบจะมีสวนสําคัญในการปรับปรุง
งานดานการวางแผนและการออกแบบสวนแสดงสัตว
61
การวางแผนในระยะยาวตองเขียนถึงงานวิจัยเอาไวดวย ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นคือสวนสัตวสวน
ใหญจะมองวางานวิจัยเปนคาใชจายที่ไมเกิดประโยชน ฟุมเฟอย ถาสวนสัตวมีงบประมาณจํากัด
การวิจัยจะเปนประโยชนตอสวนสัตวโดยจะเปนสวนที่ชวยหาคําตอบในเรื่องบางเรื่องเชน
1.ทําอยางไรจึงจะทําใหการใชจายงบประมาณเปนไปอยางมีประสิทธิภาพ
2.บริการแบบใดที่เปนที่ตองการของผูเที่ยวชม
3.เราจะมีวิธีการอยางไรที่จะกระตุนใหเจาหนาที่ภายในสวนสัตวมีจิตสํานึกในงานบริการ
4.การปรับปรุงพันธุกรรม หาวิธีการจัดการที่จะใหสัตวที่หายากและไมประสบความสําเร็จในการผสม
พันธุในกรงเลี้ยงใหสามารถออกลูกได
5.เราจะทําอยางไรที่จะสื่อสารกับผูเที่ยวชมและประชาชนทั่วไปใหทราบถึงระดับของถูกคุกคาม
ทําลายของพืชและสัตว
ตัวอยางที่กลาวมานี้เปนลักษณะงานที่เปนประโยชนที่สามารถใชเปนขอมูลในการตัดสินใจ
ได ตัวอยางงานวิจัยในหัวขออื่นๆ เชน การวัดวาผูเที่ยวชมใชเวลาในสวนแสดงสัตวแตละแหง
เทาใด สาเหตุใดที่ผูเที่ยวชมใชเวลาในสวนแสดงแตละแหงแตกตางกัน มีสาเหตุเนื่องจากการจัด
สถานที่หรือไม ซึ่งจะไดใชเปนตัวอยางในการปรับปรุงสวนแสดงที่ยังไมเปนที่ชื่นชอบของผูเที่ยวชม
( Joslin, 1982 )
ในงานวิจัยหลายๆ งานไดมีขอเสนอแนะวาการจัดสวนแสดงในลักษณะใหดูเปนธรรมชาติ
ที่มีการกอสรางในสวนสัตวหลายแหงในสหรัฐอเมริกา ที่มีการชี้นําถึงความรูสึกของผูเที่ยวชมที่
เกิดขึ้นวาสัมพันธกับความตั้งใจที่เกิดจากการออกแบบหรือไม Sanford Friedman, Brookfield zoo,
Chicago มีขอคิดเห็นกับสวนแสดง Sand Cat ในสวน The Predator Ecology section ของ Brookfield
zoo
มีความพยายามที่จะจัดสวนแสดงใหดูเปนธรรมชาติ พวกเราพูดถึงที่จะทําใหสวนแสดงมี
Visual impact ดาวอยูในจุดที่ถูกตอง สีของหินถูกตองแลว โดยมีความพยายามที่จะใหสิ่งที่ตอง
เหมือนจริงนั้นไดทําในสิ่งที่ถูกตอง งานที่ทําเปนสิ่งที่พึงพอใจสําหรับผูเที่ยวชมหรือไม ไดความรูสึก
อยางที่ตองการหรือไม รวมทั้งวิธีการรูปแบบที่ไดออกแบบนั้นไดมีการนําถกเถียงถึงขอดีหรือขอดอย
อยางใดหรือไม ( Freidman, 1985 )
ในสวนสัตวไดมีการศึกษาถึงผูเที่ยวชมในเรื่องสถิติตางๆ เชนจํานวนของผูเที่ยวชมเมื่อแบง
ตามเพศ แบงตามอายุ ความถี่ของการเที่ยวชม รวมทั้งดูในสวนของความชื่นชอบ ความประทับใจ
ของการมาเที่ยวสวนสัตว
การศึกษาเรื่องการใชงานของสวนแสดง อาคารสถานที่ตางๆ เมื่อไดกอสรางเสร็จมีผลคุมคา
ตอเงินที่จายไปอยางไร มีปญหาในการใชงานหรือไม ถาตองปรับปรุงตองทําอยางไร ที่สวนสัตว
The Akron Ohio zoo ไดทําฐานขอมูลในเรื่องของการออกแบบคอกสัตวในแตละคอกมีหลักการและ
62
กลุมคนที่จะเปนผูทํางานหรือเปนขวัญ กําลังใจกับสวนสัตวใหเปนหนวยงานที่รับผิดชอบตองาน มี
พันธะสัญญาที่ที่ตองทําหนาที่ของตนใหดีอยางสม่ําเสมอ ตอเนื่อง
พิพิธภัณฑไมเหมือนสวนสัตว สวนสัตวไมมีชวงของปดอาคารแลวคลุมสิ่งของไวดวยผากัน
ฝุน โดยที่ไมตองหวงกังวลอะไรมาก ยีราฟและนกฮัมมิ่ง เสือตองไดรับการดูแลเอาในใจใสอยาง
ตอเนื่อง ตองจัดหาอาหาร เตรียมอาหาร จัดการเรื่องความสะอาด วัฒนธรรมองคกรไมวาจะเปน
องคกรใดก็ตาม เกิดขึ้นจากการสรางของตัวบุคคลภายในสวนสัตวเอง แตสวนสัตวก็มีรูปแบบของ
วัฒนธรรมที่มาจากงานที่ตองรับผิดชอบกับสัตวที่มีชีวิต (Conway 1982 )
สวนสัตวตองใหความสําคัญกับความรูสึกของชุมชนเนื่องจากขอเท็จจริงประการหนึ่งคือ ถา
เงินทุนที่ไดรีบการสนับสนุนจากชุมชนลดลง สวนสัตวตองหาวิธีการอื่นๆที่จะตองหารายไดเพิ่มเติม
เพื่อใหเพียงพอตอคาใชจาย โดยชุมชนก็คือกลุมของผูเที่ยวชมที่เขามาเที่ยวในสวนสัตวที่เปนเจาของ
เงินที่สวนสัตวนํามาใชเปนคาดําเนินงานตางๆ
ไดมีคําสั่งจาก Metropolitan Service Distric ใหสวนสัตววอชิงตัน พารค เขียนแผนแมบทเพื่อ
ใชในการดําเนินงานในอนาคต
1.แผนงานดานการตลาดและประชาสัมพันธ
2 .แผนในการหารายได โดยหาบริการที่จะสรางรายได เชน ขายอาหาร ขายของที่ระลึก การบริการ
การเดินทางภายในสวนสัตว ถายรูป งานคายพักแรม
3.สวนสาธารณะ จะมีแผนในการตกแตงสวนสัตวอยางไร จัดสรางบรรยากาศเมื่อเขามาเที่ยวอยางไร
การอํานวยความสะดวกพื้นฐานเชนหองน้ํา
4.สวนแสดงสัตว จะจัดสรางสวนแสดงเพิ่มเติม หรือปรับปรุงสวนแสดงใดบางที่จะเพิ่มความ
นาสนใจ การแสดงความสามารถของสัตวที่ดึงดูดใจใหนักทองเที่ยว
5.ขั้นตอนการดําเนินงานจะปรับปรุงการบริหารงานอยางไร มีระบบการตรวจสอบผลงานที่วัดได
การพัฒนาบุคลากร
6. การมีสวนรวมของประชาชน การรับฟงความคิดเห็นของผูเที่ยวชมเพื่อการพัฒนาสวนสัตว
(Guthrie,Slusarenko, and leep,1983) การใหผูเที่ยวชมมีสวนรวมในการพัฒนาสวนสัตวโดยการใหผู
เที่ยวชมเปนผูร วมดูแลรักษามากกวาเปนเพียงผูบริโภคอยางเดียว
แผนแมบทของสวนสัตวจะเปนเครื่องมือในการบอกทิศทางการพัฒนา เนื่องจากในปจจุบัน
มีปจจัยที่ที่ตองเผชิญหนามากยิ่งขึ้น รายไดที่ไดจากการเก็บจากผูเที่ยวชมคือสิ่งสําคัญของแผนงานที่
ตองทําใหเกิดความสัมฤทธิ์ผล การสรางความพึงพอใจใหกับผูเที่ยวชมในทุกๆดาน เพื่อจะใหกลับมา
เที่ยวอีก ซึ่งผูที่ไดมาเที่ยวชมแลวเกิดความประทับใจก็จะเปนสวนในการโฆษณาใหกับผูเที่ยวชมที่ยัง
ไมเคยมาเที่ยวชมไดทดลองมาเที่ยวดู ผลที่จะเกิดขึ้นคือรายไดที่เพิ่มขึ้น ซึ่งรายไดที่เพิม่ ขึ้นนี้ก็จะเปน
ทุนทรัพยในเรื่องงานดานงานใหการศึกษา งานวิจัยและงานดานการอนุรักษ โดยที่งานทั้ง 3 สวนนี้
64
จะเปนสวนที่กลับมาเกื้อหนุนงานดานความบันเทิงและพักผอนหยอนใจใหกับผูเที่ยวชมอีกสวนหนึ่ง
ดวย
65
สวนสัตวเปนองคกรที่มีจุดประสงคในการทํางานหลายประการ ในการพัฒนาใหบรรลุ
จุดประสงคใหสมบูรณไดนั้น เปนงานทํางานที่ตองทําอยางตอเนื่อง แตอุปสรรคในการดําเนินงาน
ตามแผนที่ไมสามารถบรรลุไดนั้นเกิดจากหลายปจจัย เชน ความจํากัดในเรื่องของเงินทุน การ
เปลี่ยนแปลงเปาหมายของการลงทุน การเปลี่ยนแปลงเรื่องการการเมืองในระดับตางๆ การ
เปลี่ยนแปลงตัวผูบริหาร แตการดําเนินงานที่จะใหเปาหมายตางๆ เปนไปอยางสมดุล ตองการการ
จัดการสวนสัตวที่อยูภายใตการวางแผนในระยะยาว โดยการวางแผนงานจะประกอบดวย 3 สวน
ดวยกันคือ 1 แผนกลยุทธ 2. แผนแมบท 3. แผนโครงการ โดยเนื้อหาในแตละสวนจะมีสวน
เกื้อหนุนกันและกัน แผนกลยุทธจะเปนสวนที่ประเมินกิจกรรมที่ทําในอดีตและปจจุบัน การกําหนด
พันธกิจในอนาคต การพัฒนาจุดประสงคและแผนงานที่ชัดเจน รูปแบบการจัดการ กลยุทธดาน
การเงิน
ที่สวนสัตวดีทรอยท ( The Detroit zoo ) จะมีหัวขอของแผนกลยุทธในการจัดการในดาน
ตางๆ เชน แผนการประชาสัมพันธและการตลาด การเลือกชนิดสัตว การดูแลสัตว งานให
การศึกษา งานดานการอนุรักษ งานงบประมาณ งานดานการโยธาและอาคารสถานที่ ( Graham
1985 )
ผลจากการใชแผนกลยุทธอยางตอเนื่อง จะเปนการเตรียมโครงรางในการจัดการที่จําเปน
สําหรับการทําแผนแมบท ที่จะตองจัดทําขึ้นสําหรับสวนสัตวที่ไดเปดดําเนินงานแลวและในสวนสัตว
ที่จะจัดสรางขึ้นใหม
-โดยแผนแมบทมีจุดประสงคที่จะพัฒนาแนวคิดขององคการในบางสวนใหเกิดชัดเจนและสรางสรรค
- แผนแมบทเกิดจากการแปลผลจากงานการปฏิบัติตามแผนกลยุทธ
- แผนแมบทเปนผลผลิตที่จากวิเคราะหเปนการออกแบบแผนที่ใชเพื่อบอกแนวทาง แตไมไดหมายถึง
การตองปฏิบัติตามแผนทัง้ หมดโดยไมสามารถปรับเปลี่ยนอะไรได โดยในอนาคตจะมีแผนงาน
โครงการ ที่เปนแผนงานสําหรับงานในพื้นที่นั้นๆพรอมกับแผนปฏิบัติงาน
แผนโครงการและการออกแบบจะเปนสวนที่เพิ่มในรายละเอียดเขาไปในแตละชวงเวลาของ
แผนแมบท ซึ่งมักจะเปนการออกแบบและการกอสรางสวนแสดงของสัตวชนิดนั้นภายในกลุมสัตว
เดียวกัน
การกําหนดชนิดสัตวจะทําในชวงการทําแผนแมบท จุดประสงคของการเขียนแผนโครงการ
และออกแบบมีเพื่อใหการดําเนินการกอสรางเสร็จสิ้นเปนกลุมๆสัตวหรือเปนพื้นที่ไป จนกระทั่ง
สามารถเปดใชไดและความพึงพอใจของผูใชที่ประกอบดวยผูเลี้ยงสัตว ผูเที่ยวชมอยูในระดับที่พึง
พอใจ และมาตรฐานความเปนอยูของสัตวอยูในระดับดี
66
- ประมาณ 80 % เคยมาเที่ยวสวนสัตวแหงนี้แลว
- เกือบ 80 % ของผูใหญจะมีเด็กมาดวย
- 22 % ของผูเที่ยวชมจะมีเด็กที่มีอายุนอยกวา 6 ปมาดวย
ข จํานวนและอัตราสวนของเจาหนาที่สวนสัตวที่เหมาะสม ( Attendance patterns ) สวน
สัตวเปนสถานประกอบการที่มีผูมาใชบริการไมคงที่ สําหรับสวนสัตวในเมืองรอนแบบประเทศไทย
จะมีความตางในชวงวันหยุดสุดสัปดาหกับวันทําการ สวนในเมืองหนาวเชนในทวีปยุโรปและทวีป
อเมริกาเหนือ ยังมีความแตกตางในเรื่องของฤดูกาล
จํานวนคนทํางานที่เหมาะสมกับชวงเวลา โดยสถานการณในอุดมคติคือ การใชผูทํางานให
นอยที่สุดที่สามารถใหบริการกับผูเทีย่ วชมอยางมีคุณภาพ โดยมีคาใชจายเรื่องคาแรงนอยที่สุด แต
สวนใหญแลวคือจํานวนของผูปฏิบัติงานจะคงที่ ในขณะที่จํานวนของผูเที่ยวชมจะมีความผันแปร
เชน ในการเก็บขอมูลที่สวนสัตวบรูคฟลด ชวงเวลาที่ผูเที่ยวชมเขามามากที่สุดคือชวงเวลา 12.00
น ครึง่ หนึ่งของผูเที่ยวชมจะเขาในชวงวันหยุดสุดสัปดาห มาในวันที่แสงแดดออกจะมากกวาวันที่
ฝนตก ผูเที่ยวชมในชวงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคม จะมากกวาชวงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือน
กุมภาพันธุที่เปนฤดูหนาวถึง 13 เทา การเที่ยวชมจะมีมากขึ้นในชวงเทศกาลสําคัญ เชนวันฮาโลวีน
วันคริสตมาส วันอีสเตอร ในชวง 2 ปที่ผานมาสวนสัตวบรูคฟลด ไดทําการโฆษณาเชิญชวนใหมา
เที่ยวที่สวนสัตวโดยใชชื่อวา มหัศจรรยวันหยุด ( Holiday Magic ) นอกจากนั้นการขายของที่ระลึก
จะขายไดดีในวันที่มีการโฆษณา
ค การเปรียบเทียบกับกิจการรูปแบบอื่นๆในทองถิ่น ตัวอยางของหัวขอในการจัดการที่นํามา
เปรียบเทียบเชน โครงสรางของบุคลากร รูปแบบที่มาของรายได อัตราคาจาง กิจกรรมการหาทุน
กิจกรรมสัมพันธของสมาชิกสวนสัตว วิธีการทางการตลาด วัฒนธรรมในแตละทองถิ่นมีผลตอการ
ปฏิบัติการหรือไมอยางไร ตัวอยางเชน ประชาชนในเมืองชิคาโกจะหลั่งไหลกันไปดูโคอลา ที่สวน
สัตวขอยืมชั่วคราวจากสวนสัตวซานดิเอโก หรือในกรณีหมีแพนดาที่ขอยืมจากประเทศจีน ( กรณีใน
สวนสัตวสงขลาที่การแสดงงูจากบานโคกสงา จังหวัด ขอนแกน เปนที่สนใจของคนในเขตจังหวัด
สงขลาและจังหวัดใกลเคียง )
ง. การเปรียบเทียบกับสวนสัตวแหงอื่น ในการเปรียบเทียบกับสวนสัตวแหงอื่น การใชมาตรฐานที่
จะใชวิเคราะหและใชเปนกลยุทธในการปรับปรุงตัวเองเชน AAZPA directory on zoo and
aquarium
หัวขอที่ใชเปรียบเทียบกับสวนสัตวแหงอื่น เชน คาใชจายในการดําเนินงานประจําป
คาใชจายในการปรับปรุงสวนตางๆของสวนสัตว จํานวนของประชากรในเมืองที่สวนสัตวตั้งอยู
จํานวนของผูเที่ยวชมในแตละป จํานวนประชากรทั้งจังหวัดที่สวนสัตวนั้นตั้งอยู รูปแบบการหา
รายได โครงสรางเงินเดือนของเจาหนาที่ จํานวนของลูกจางและพนักงาน จํานวนของอาสาสมัคร
68
ขบวนการประเมินของผลผลิตแผนกลยุทธ
- การวิเคราะหความตองการของสัตว ผูเลี้ยงสัตวและผูเที่ยวชม การจัดการทั่วไป สภาพสิ่งแวดลอม
ของพื้นที่สวนแสดงสัตว การวางตําแหนงสวนแสดงสัตวและสิ่งปลูกสราง
แผนแมบทไมไดใชเฉพาะกับการเริ่มสรางสวนสัตวใหมเทานั้น ยังใชเปนแนวทางสําหรับ
การปรับปรุงสวนสัตวเดิม วิเคราะหประเมินสวนสัตวเดิม เชนสิ่งปลูกสราง ระบบการขนสงภายใน
สวนสัตว สวนแสดงสัตว การปลูกพืช การตกแตงสวน Tom Atkins ไดชี้ประเด็นใหเห็นเชน
แผนแมบทควรจะเปนแผนที่มีความยืดหยุนอยูในตัว แตก็ตองมีบริษัทที่ปรึกษาของงานการ
ออกแบบและการวางแผนอยูดวย ซึ่งตองอยูดวยเปนระยะเวลาหลายปภายหลังขบวนการการเขียน
แผนเสร็จสิ้น
โดยในสวนของแผนงานและแผนปฏิบัติงานตองมีลักษณะ 2 อยางคือ
1. มีความยืดหยุนหากมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เชนในการเรียงลําดับสวนแสดงที่จะตองจัดสราง
ขึ้นกอนหลัง อาจมีสวนแสดงบางงานที่สรางกอนหากมีแหลงเงินทุนมากอน
2. มีความชัดเจนที่จะชวยในการตัดสินใจ ใหกรอบที่สามารถพิจารณาและตัดสินใจไดในอนาคต
สวนประกอบของแผนแมบทเชน คุณลักษณะของพื้นที่สวนสัตว เชน ธรรมชาติ
วัฒนธรรม การเมือง สิ่งแวดลอม ระบบสาธารณูประโภค สิ่งอํานวยความสะดวกตางๆ เชน น้ํา
ไฟฟา ถนน รูปแบบของการจัดการจะเปนรูปแบบใด สวนใหบริการอื่นๆ เชน ระบบการเดินทาง
หมุนเวียนของผูเที่ยวชม สถานที่ตางๆสําหรับผูเที่ยวชม อาคารที่เกี่ยวของกับการบริการตางๆ เชน
สุขา รานอาหาร รานขายของที่ระลึกและสวนแสดงสัตว
สวนของสัตวเปนสวนสําคัญในการออกแบบ สวนสัตวตองรับผิดชอบและใหความสําคัญใน
เรื่องสุขภาพและสวัสดิภาพของสัตว ในชวงเวลา 15 ปที่ผานมามีงานที่แสดงใหเห็นวาสวนสัตวได
ทํางานที่เกี่ยวกับสัตวมากขึ้นเชน การสรางสวนแสดงที่มุงหวังในเรื่องของการเพาะขยายพันธุซึ่งอาจ
ตองใชพื้นที่ที่อยูนอกพื้นที่ชมสัตว การสรางสวนแสดงสัตวที่นําเสนอเปนรูปแบบ ( theme
exhibition ) จัดแสดงรวมทั้งงานใหการศึกษา งานการปลอยสัตวปาคืนถิ่นอาศัยเดิม
( Atkins ,1985)
ในการเขียนแผนแมบท ซึ่งมีการวาจางผูเชี่ยวชาญในการเขียนแผน แตก็ขบวนการก็ตอง
พึ่งพาเจาหนาที่สวนสัตวอยูมากเชน ชวงการสํารวจพื้นที่ ชวงการเตรียมเอกสารประกอบ
มีคําถามวาสวนสัตวจําเปนตองมีแผนแมบท สําหรับใชเปนตัวแนะแนวทางการเติบโตและ
พัฒนาหรือไม มีตัวอยางที่สวนสัตวจํานวนมากที่มีความลงตัวในเรื่องคน พืช สัตว รายไดและ
จํานวนผูเที่ยวชมก็อยูในระดับที่พอใจ โดยไมมีแผนแมบท แตสิ่งหนึ่งคือในอนาคตที่อาจจะมีความ
เปลี่ยนแปลงได เชน ผูบริหาร การอุดหนุนจากแหลงเงินทุน การมีแผนแมบทไวก็จะทําใหผูทํางาน
70
ที่สวนสัตวดีทรอยท มีการวางแผนการใชพื้นที่สําหรับสวนแสดงสัตวโดยใชแนวคิดตามถิ่นที่
อยูของสัตวชนิดนั้นๆ ( geographic zone ) เชนแอฟริกา เอเชีย เมื่อเวลาผานไปหลายป แนวคิดนี้
มีการปฏิบัติตามแผนที่นอยลง นอยลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งผูเที่ยวชมเกิดความสบสนวา สิ่งที่สวน
สัตวกําลังจะสื่อใหทราบคืออะไร ซึ่งในแผนการปรับปรุงสวนสัตวนั้น การตัดสินใจที่ตองชัดเจนเชน
สวนใดตองรื้อทิ้ง สวนใดจะขยายปรับปรุง แผนแมบทของสวนสัตวที่สรางใหมกับสวนสัตวที่เปด
ดําเนินการแลวมีความแตกตางกัน (Atkins 1985)
กรณีของสวนสัตว Point Defiance Zoo/Aquarium จะมีความแตกตางจากสวนสัตวอื่น
โดยเปนสวนสัตวที่เปดดําเนินการเปนเวลา 8 ปแลวคณะกรรมการบอรดของสวนสัตว
( Metropolitan Park Board ) ไดมีมติใหมีการจัดทําแผนแมบทขึ้น เพื่อเปนแนวทางในการพัฒนา
ในแนวทางใหม โดยความสําคัญในแผนแมบทคือ แผนที่ชี้ใหเห็นถึงเปาหมายในระยะยาวของสวน
สัตวในแนวทางใหม
ความจริงอันหนึ่งก็คือ การปรับปรุงสิ่งปลูกสรางจะเปนผลสะทอนจากเปาหมายในระยะยาว
ซึ่งตองใชเวลาดําเนินงานหลายปกวางานจะสําเร็จตามแผนงาน ตัวของสวนสัตวเองจะตองมีความ
ยืดหยุน เพื่อที่จะใหแผนที่รางขึ้นมาบรรลุผลตามที่มีการวางแผนไว the conception plan ควรจะ
เปนสวนที่แปลผลจาก theme เพื่อใหมาปรากฏในสวนขอมูลที่เกี่ยวกับชนิดสัตวที่จะเลือกเลี้ยง
รูปแบบและวิธีการจัดแสดงสัตว จุดสรางสวนแสดงสัตวทั้งหมดและความตองการในอนาคต (
Jones and Jones, 1979 )
แผนแมบทจะเปนรายงานที่รวบรวมองคประกอบจากการวางแผนกลยุทธ ( Strategic
planning ) สวนที่มีความสําคัญที่ตองกลาวถึงดวยเชน การออกแบบดานภูมิสถาปตย ( Landscape
architecture ) รูปแบบของสิ่งกอสราง งานใหการศึกษา การเดินทางของผูเที่ยวชมในสวนสัตววาจะ
ใชรูปแบบใด เชนรถไฟ จักรยาน ทางเดิน ทางสําหรับคนพิการ รูปแบบงานใหการศึกษา การ
วิเคราะหทางดานวิศวกรรม เชน คุณสมบัติของดิน เพื่อประกอบในการวางแผนเรื่องฐานราก ซึ่งจะ
มีวิธีการอยูหลายวิธีที่จะเอาสวนประกอบตางๆประกอบเขามาเปนแผนแมบท
บริษัทที่รับจางเขียนแผนแมบท The Jones and Jones office จะใชวิธกี ารทํา work shop
การระดมสมอง ความคิดของผูมีประสบการณหลายสาขาวิชาและจากหลายพื้นที่มาทํางานรวมกัน
เพื่อหาขอสรุป (Atkins, 1985)
ทีมในการการเขียนแผนงานของ The new Indianapolis Zoo ไดดูงานในสวนสัตวหลาย
แหง เพื่อรับฟงขอคิดเห็นจากเจาหนาที่ของสวนสัตวนั้น ซึ่งแตละสวนจะมีทั้งจุดดีที่เอาเปนตัวอยาง
ได และจุดดอยที่เราตองเก็บประสบการณเพื่อไมใหเกิดซ้ําในสวนสัตวที่จะสรางขึ้นใหม ( horror
story ) เชน ในระบบน้ํา ระบบไฟ ระบบการเดินทางภายในสวนสัตว การดูในสวนแสดงสัตวที่ตอง
ลงลึกในรายละเอียดเพือ่ ใหขอดีหรือขอดอยของสวนแสดงนั้น การบันทึกขอมูลจากตัวของผูใชสวน
72
2. แนวคิดที่จะเขารวมในกระบวนการและผลิตผลในทุกขั้นของการออกแบบและเกิดแรงบันดาลใจ
จากแหลงกําเนิดที่ไมจํากัด ( ดูรูปที่ 44 )
3.คือจากผลจากที่ทีมออกแบบจะมองเห็นภาพของปญหา ที่สะทอนถึงปรัชญาและการใหความสําคัญ
ของสมาชิกทีมออกแบบ ( ดูรูป 45 )
รูป 45 wild refuge content แนวคิดพื้น
ที่วางอยูตรงกลาง โดยใหจุดสนใจอยู
ที่พื้นที่ตรงกลางที่เปนโอเอซิส โดยให
การแสดงสัตวอยูโดยรอบพื้นที่ตรง
กลาง ซึ่งแนวคิดนี้จะแสดงความคิด
ของกลุมออกแบบที่ตองการ
เปรียบเทียบสภาพสิง่ แวดลอมที่เกิดขึ้น
ใน
สังคมเมืองใหญ
แนวคิดที่เปดกวาง open end (open-ended adj. having no predetermined limit or boundary.)
จะเปนกระบวนการที่ทําใหเกิดความคิดสรางสรรค วามีไดอยางหลากหลาย และเปนแนวคิดที่ดี
สําหรับสวนสัตว แตสิ่งที่เกิดขึ้นคือนักวางแผนและนักออกแบบมักจะพึงพอใจกับแนวคิดที่ประสบ
ความสําเร็จจากโครงการหนึ่งโครงการใด และพยายามที่จะปรับแนวคิดดังกลาวไปใชกับโครงการใน
อนาคต ซึ่งจะเปนการแกไขปญหาที่จํากัดวิธีการ และเปนการจํากัดกระบวนการความคิดสรางสรรค
ที่จะเปนสวนในการสรางความตื่นเตนที่เกิดจากความคิดในการออกแบบ
สวนประกอบตางๆ สวนสัตวในแผนแมบท เชน อาคาร เสนทางสัญจรและวิธีการเดินทาง
สวนแสดงกลางแจง การปลูกตนไม ซึ่งตองมีสวนประกอบเหลานี้เปนพื้นฐาน ความแตกตางกันของ
แผนแมบทจะอยูที่การเชื่อมตอของสวนประกอบตางๆเหลานี้ สภาพพื้นที่ของสวนสัตว
รูปราง รูปทรงของสวนสัตว หรือการจัดสวนประกอบจะขึ้นอยูกับทัศคติของแนวคิดของผูอออก
แบบ ที่จะมีความแตกตางกันเมื่อใชวิธีการแตกตางกันไป ขั้นตอนการประกอบสวนตางๆ โดยการดู
วิธีการของที่ใชที่ Woodland park Zoo ที่เปนการทํางานที่มีลําดับงานโดยเริ่มจากงานภาคสนาม
จนถึงงานขั้นสุดทายที่เปนสวนของคําแนะนํา
วิธีการแบบหมุนวน ( The helical methodology ) จะเปนการหมุนแบบ 2 รอบ ใน
ขบวนการออกแบบ
1 การเขียนสวนประกอบทั้งหมด
2. การวิเคราะห
3. การสรางตัวเลือกขึ้นมา
4. การคัดเลือกและการกลั่นกรองตัวเลือก
74
โดยจะใหความสําคัญกับขอมูลทั่วไปที่ลงไปในความจําเพาะของปญหาของความตองการ
โครงการ ของ woodland Park Zoo กรอบความคิดในวิธีการออกแบบเพื่อการพัฒนาแผนในระยะยาว
ซึ่งจะมีเนื้อหาตามขอความขางลางนี้
Jones, coeand Paulson, 1976 ใหแบงขอมูลที่มีออกเปน 5 กลุม คือ 1 สภาพอากาศ
2. ลักษณะพื้นที่ 3. ตนไม 4. บรรยากาศและวัฒนธรรม 5. สัตว โดยในแตละสวนจะ
ประกอบดวยการพิจารณาอยางกวางๆ ( examined extensive ) ที่เปนการพิจารณาในกรอบและ
ความหมายกวางๆ เชน (ระดับโลกและระดับพื้นที่ ) จากนั้นจะเปนการพิจารณาแบบละเอียด
เขมขนเปนระดับที่มีความจําเพาะ ในกระบวนการที่เขาสูศูนยกลาง เปนกระบวนการสังเคราะหไป
ตามลําดับขั้นจากรายการที่มี (ชองสีขาวนอกสุด )เขาไปยังการวิเคราะหในสวนของแถบสีเทา ตอไป
เปนจุดที่เกิดตัวเลือก ( potential site bioclimatic zone ) และจุดที่อยูตรงกลางเปนจุดที่เลือก
แนวคิด
วิธีการเขียนแผนพัฒนาระยะยาวของ the woodland Park Zoo ไดชี้ใหเห็นถึงอิทธิพลของแนวคิด
ของตัวองคกรเองที่นํามาใชในสูตรของการวิธกี ารวางแผน และปจจัยอื่นๆ มาจากเปาหมายของ
องคการเชนสวนสัตว
การรับผิดชอบที่จะออกแบบตามความตองการของ the Washington park zoo โดยใช two
phase plan
ในชวงที่ 1 กลุมที่ทําหนาที่วางแผนจะทําการรวบรวมเอกสารที่มีความเกี่ยวของกับแนวคิดของ
รายงานแผนแมบท เชน
- เอกสารที่กลาวถึงงานที่ทําไปแลวทั้งหมด
- เอกสารการวิเคราะหงานที่ทําแลวที่มี
- การกําหนดแผนงานที่ตองการปฏิบัติ
- มาตรฐานที่ตองการพัฒนาและออกแบบในอนาคตทั้งในสวนของแผนงาน เหตุการณและ
สิ่งกอสราง
แผนงานที่ตองทําในระยะที่ 1 คือ การทบทวนเอกสารของงานที่ไดพัฒนาไปแลวทั้งหมด
การสัมภาษณผูอํานวยสถาบันที่อยูขางเคียงถึงมุมมองของหนวยงานอื่นๆที่มีกับสวนสัตว บท
สัมภาษณของเจาหนาที่สวนสัตว
ประชาชนก็เปนสวนสําคัญในกระบวนการออกแบบ ในสวนที่จะตองมีการพัฒนาความ
เขาใจที่มีกับสวนสัตว เชน กลุม เพื่อนของสวนสัตววอชิงตัน ( friends of the Washington park
76
บทที่ 5 การจัดการรูปแบบและเนื้อหาของพื้นที่สวนสัตว
( Site Organizational Themes for Zoological Parks )
จุดประสงค (Purpose)
การดูความสมบูรณมากนอยของการนําเปาหมายของสวนสัตว ( ความบันเทิงและการพักผอน
หยอนใจ งานใหการศึกษา การอนุรักษ งานวิจัย ) มาใชเปนหลักในการสรางและพัฒนาสวนสัตวดู
ไดจาก
- สภาพพื้นที.่ ( site condition )
- สัตวในแงของชนิดและจํานวน ( animal collection )
ซึ่งทั้งสองเรื่องนั้นจะเริ่มตนจากแนวคิดขององคกร ( organization concept ) ที่จะกําหนดพื้นที่วาง
และรวมผสมผสานทุกๆสวนแสดงสัตว ( define spatial and integrate the many animal exhibit )
ความคิดในเรื่องของการจัดการสวนแสดงสัตวจะเปนตัวกําหนดบรรยากาศของที่วางทั้งหมดหรือ
กําหนดลักษณะของสวนสัตว ซึ่งยังสงผลตอระบบการเคลื่อนไหลของผูเที่ยวชมภายในที่ควบคุม
ลําดับการมองเห็นของผูเที่ยวชม โดยมีตัวอยางวิธีการที่ R.J Laforthne North American Living
Museum
กลุมของผูทํางานดานการวางแผนที่เริ่มพูดคุยเพื่อทําความเขาใจและการทํางานที่
กําหนดลักษณะของสวนแสดงของสัตวที่จะเกิดขึ้น โดยภาพที่จะเกิดขึ้นตองเปนภาพที่สตั วมี
ปฏิสัมพันธกับธรรมชาติและผูเที่ยวชมไดเห็นภาพที่มีการสื่อความหมาย ความกลมกลืนของ
สวนประกอบตางๆ ที่ประกอบดวยสัตว พืชที่ปลูกในสวนแสดง ปายใหการศึกษา พื้นที่วางที่มีทั้ง
ภายในบริเวณที่มีสิ่งกอสรางและไมมีสิ่งกอสราง ทั้งหมดจะเปนตัวสงขอมูลไปยังผูเที่ยวชม
( Zucconi and Nicholas, 1981 )
จุดเริ่มตนที่จะเห็นความสําคัญและความตองการทีจ่ ะสรางองคกรที่มีรูปแบบ ( organizational
theme ) ก็ตอเมื่อไดมีการวิเคราะหโครงราง และสภาพที่เกิดขึ้นในปจจุบัน ก็จะพบสวนประกอบ
หลายๆสวนและแนวคิดหลายๆแนวคิดที่เกิดขึ้นในชวงการสรางและพัฒนาสวนสัตว เปนแนวทางไม
ที่เปนแนวคิดรวมของทั้งสวนสัตว มาอานสภาพที่เกิดขึ้นที่ The Columbus zoo กอนที่จะมีการ
ปรับปรุงซึ่งสามารถสะทอนใหเห็นถึงภาพทีพ่ บไดทั่วไปทั้งประเทศสหรัฐอเมริกา ( Schooley,
Cornelius and Associate, 1977 )
สภาพทีส่ วนแสดงสัตวภายในสวนสัตวโคลัมบัสที่อยูในลักษณะที่เปนกรงที่เรียงเปนตับๆ
( The menagerie effect ) เมื่อสิ่งกอสรางในลักษณะนี้เกิดขึ้นในชวงเวลานานๆ หลายป จึงเกิด
กลุมของกรงเหลานี้อยูในลักษณะที่กระจัดกระจายตามพื้นที่ของสวนสัตว และแตละกรงสัตวขนาด
เล็กเหลานี้สัตวแตละตัวไมมีความสัมพันธกันในเชิงเนื้อหาวิทยาศาสตร แนวคิดในลักษณะของ
Animal Museum และ Scientific Zoo จะพบในสวนแสดงในลักษณะเปนกรงขนาดเล็กภายในตัว
79
- ความเหมาะสมและสวยงามของภาพที่ปรากฏตอผูเที่ยวชม
- วิธกี ารนําเสนอ
จะมีอิทธิพลตอการนํามาใชเปนแนวคิด ในการเริ่มตนสําหรับแนวคิดของ Organization
theme ซึ่งสิ่งที่กลาวมานี้ The Minnesota Zoo ใชเปนตัวกํากับในวิธกี ารออกแบบ
จากการตรวจสอบสวนประกอบของพื้นที่ จะเปนตัวชวยเสริมการจัดการ การพัฒนา
สถานที่ของสวนสัตว เชน พบความไมตอเนื่องของสายน้ําแตละสาย จึงไดมีการนําเสนอความเห็นที่
จะทําการเชื่อมสายน้ําและนําสายน้ําไปสูทะเลสาบที่มีอยูตรงกลาง มีพื้นทีม่ ีความสวยงามที่มี
ทะเลสาบที่อยูตรงกลางและใกลกันนั้นมีเนินเขา เราจะใชพื้นที่บริเวณดังกลาวเปนทางเขาสวนสัตว
และกลุมอาคาร สวนที่เปนที่ราบที่อยูรอบๆ เนินเขาเปนสถานที่อุดมคติสําหรับสรางลานจอดรถและ
อาคาร
ลําดับความสําคัญของ theme นั้นจะมีความสําคัญเพือ่ ที่จะตั้งตนในชวงการวางแผนและ
ออกแบบสวนสัตว การจัดการอยางเปนระบบและการแปลผล theme ควรจะมีการคิดไปพรอมๆ กัน
กับงานใหการศึกษา งานการสรางจิตสํานึกดานการอนุรักษ ใหเขาไปเปนสวนรวมในการออกแบบ
สวนสาธารณะและการออกแบบสวนแสดง โดย theme ที่มีความสําคัญที่สุดจะเปนสวนที่จะรองรับ
หลักการขององคกร ที่จะเปนตัวแนะนําการพัฒนาทั้งหมดในลําดับตอนั้นมา และในลําดับตอมานั้น
ควรจะใหความสัมพันธที่กวางขึ้นในการที่จะเตรียมความยืดหยุนที่จําเปน ทีมีความตองการ
หลากหลายของสวนแสดงและการแปลความหมายของ theme เชน theme เรื่อง The river of life
ที่ new Indianapolis Zoo ไดจัดตั้งขึ้นบนแนวความคิดกวางไว
เราไมเคยย่ําซ้ํารอยเทาในแมน้ําสายเดิมที่มีการเคลื่อนไหลตอเนื่อง ( Heraclitus ) แมน้ําคือ
ความมั่งคั่งและคุนเคย เปนความหมายของการเปลี่ยนแปลงที่ตอเนื่องทั้งหมด เปนเครื่องหมายของ
การวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต เปนความหลากหลายของระบบนิเวศวิทยา ยังเปนสวนหนึ่งของ
ประวัติศาสตรของมนุษย โดยเฉพาะอยางยิ่งที่สามารถปลุกเราใหเกิดการผสมผสานกันระหวางการ
อนุรักษและนวัตกรรมที่เปนลักษณะของ Indianapolis สัญลักษณของแมน้ําจะหมายถึงแมน้ําที่
ไหลเขาสูตัวเมืองซึ่งจะเปนผลโดยตรงจากการกระทําของคนและสติปญญา ในขณะที่สิ่งอื่นๆ จะ
เปนตัวแทนของปฏิกิริยาที่ไมมีการปดบัง การปดบังจากจากผลของธรรมชาติ สิ่งสําคัญอีกอยาง
หนึ่งคือ เปนเนื้อหาที่จะทําใหคําวา white river state มีความสําคัญขึ้น เปนการเฉลิมฉลองน้ําและ
แมน้ําที่แหลงกําเนิดของสิ่งมีชีวิต ( James Associates, 1983 )
แนวคิดการจัดการสวนแสดง ( Organizational theme ) ที่มีเนื้อหาในเรื่องการสํารวจและการ
คนพบ (Exploration and discovery ) เปนเนื้อหาที่นาสนใจและเหมาะสมโดยเฉพาะอยางยิ่งเมื่อใชการ
เดินทางตามเสนทางของนักเดินทางหลายๆคน The Roanoke Zoo ใชการเดินทางของ Lewis and
Clark , The Wasington Park Zoo พัฒนา Safari walk , นักเรียนออกแบบ Group a ใหความ
84
การนําเสนอเรื่องความสัมพันธของมนุษยกับธรรมชาติ โดยผานการนําเสนอภาพที่บอกวา
มนุษยเปนผูทําลายธรรมชาติ ( ซึ่งเปนวิธีการนําเสนอที่แบบที่นํามาซึ่งความขัดแยง ) แตสวนสัตว
จะใชวิธีการนําเสนอทีส่ ามารถเขามาแทนที่ ที่จะแกไขปญหาความขัดแยงระหวางคนและธรรมชาติ
โดยจุดประสงคของสวนสัตวเพื่อสนับสนุนความเขาใจธรรมชาติของสิ่งแวดลอม ใน
แนวทางของความบันเทิงและการศึกษา การเขามาแทนที่ความรูสึกที่ไมถูกตองดวยการสราง
ความรูสึกเชื่อมโยงโลกสวนตัวของผูเที่ยวชมกับภาพสัตวที่เขาจะไดเห็น การสรางความรูสึกดังกลาว
เปนขบวนการตอเนื่อง โดยเริ่มจากสิ่งที่เขาคุนเคยกอนแลวคอยผานไปสูสิ่งที่ไมคุนเคย ซึ่งจะคอย
สรางความเชื่อมโยงจากสิ่งที่คุนเคยคืบไปหาสิ่งที่ไมคุนเคย
สวนสัตวจะเปนผูสํารวจและแสดงความสัมพันธนี้
1. ความสัมพันธระหวางคนและการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดลอมในเขต Indianapolis การสราง
ความเขาใจในความสัมพันธเหลานี้จะใหผูเที่ยวชมรูถึงความเปนมาของสถานที่ สถานที่ทาง
ประวัติศาสตร ไดเขาใจถึงรูปแบบของสิ่งแวดลอมที่มีในเมือง Indianapolis และมีผลกระทบของ
การเปลี่ยนแปลงสภาพปามาเปนสภาพสิ่งแวดลอมที่เปนเมือง เพื่อใหผูเที่ยวชมมีจุดอางอิงวาใน
อนาคตอาจจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นบาง
2. ความสัมพันธระหวางประชาชนและธรรมชาติที่มีภูมิอากาศเหมือนกันที่อยูรอบๆโลก โดยใชการ
แสดงที่สมจริงของสิ่งแวดลอมใหไดมากที่สุด สวนสัตวจะเลือกชนิดของสัตวทสี่ ามารถปรับตัวเขาได
กับภูมิอากาศของเมืองอินเดียนาโพลิส วิธีการนําเสนอจะใชการเคลื่อนที่ของผูเที่ยวชมไปรอบๆโลก
จากอินเดียนาโพลิส จากตะวันออกสูตะวันตกผานเวลากลับมาที่อินเดียนาโพลิสที่ 40 degree
north latitude
3. ความสัมพันธระหวางประชาชนกับสัตวในสวนสัตว โดยใชภาพและบรรยากาศที่ผูเที่ยวได
สัมผัสคือคือครูที่ดีที่สุด จุดมุงหมายของพวกเราคือการจัดแสดงภาพ สิ่งแวดลอมและบรรยากาศ
ระหวางผูเที่ยวชมกับสัตวใหดีที่สุด โดยการใชสภาพภูมิอากาศตามปกติของเมืองอินเดียนาโพลิส
เปนพืน้ ฐาน ผูเที่ยวชมการเคลื่อนยายระหวางสวนแสดงจะคอยๆ เปลี่ยนภาพ การคอยเคลื่อนที่ไป
จะสรางความรูสึกที่ผูเที่ยวและสัตวเสมือนอยูภายในพื้นที่แหงเดียวกันในขณะที่เที่ยวชม
แนวคิดที่จะสรางความสัมพันธใหเกิดขึ้นในความรูสึกของผูเที่ยวชมโดยผานสิ่งที่ไดสัมผัสใน
สวนสัตว ควรจะเปนสิ่งที่วัดไดในดานการพัฒนาดานกายภาพ
วิธีการออกแบบที่ใชที่ the new Indianapolis จะเริ่มตนโดยการออกแบบรูปแบบ
รอง ( sub –theme ) ที่จะใชเปนองคประกอบสําหรับรูปแบบหลักขององคกร ( Organizational
theme )
เพื่อเปนการสนับสนุน รูปแบบหลัก, the river of life โดยการใชรูปแบบรอง 4 รูปแบบ
( sub team) จึงไดถูกเลือกเขาเพื่อใชเปนตัวแทนของ biomes of the world
86
ดูรูป 53 river of life ซึ่งเปนรูปแบบรองของ biomas of the world , The indiapolis zoo ใช
รูปแบบรองเพื่อออกแบบการจัดการในอนาคตและแสดงถึงความหลากหลายของสวนแสดงสัตว
โดยแตละรูปแบบรองจะมีสวนที่เกี่ยวของกับน้ําในระดับที่ตางๆกันไดแก น้ํา ( The
Waters ) ทะเลทราย ( The Desert ) ที่ราบ ( The Plain ) ปา ( The Forest )
แนวคิดของสวนแสดงสัตวที่จะจัดไวภายใน theme รอง มีตัวอยางเชน the water
complex จะจัดรูปแบบของแหลงน้ําพอเปนตัวอยางในหลายรูปแบบ และจะนําผูเที่ยวชมไปยัง
สถานที่ตาง ๆเหลานี้ ซึ่งสวนใหญเปนสถานที่ที่อยูหางไกลจากอินเดียนาโพลิส เชน สระน้ํา
Indiana , แมน้ําอเมซอน เกาะ Micronesian และ coral reef
ทะเลทรายจะจัดแสดงในตัวอาคารโดยจะมีสวนของพืชและสัตวที่อาศัยอยูในทะเลทราย ซึ่ง
โดยปกติสัตวที่อยูในทะเลทรายจํานวนมากจะมีกิจกรรมในชวงเวลากลางคืน ดานนอกจะเปน
ทะเลทรายในลักษณะที่คุนเคยที่รอนและแหงโดยจะนําเสนอในหัวขอ “ ความหนาวในทะเลทราย
“ พื้นที่ราบ ( The Plains ) มีการจําลองเอาทุงหญาซาวันนาของแอฟริกา หรือทุงหญาแบบอื่นๆ
เชน ทุงหญาในอเมริกาใต ในอเมริกาเหนือ ยูเรเซีย ออสเตรเลีย โดยในสวนของแอฟริกาจะมีสวน
แสดงของชาง แรดขาว ฮิปโปโปเตมัส นู กาเซลทอมสัน อื่นๆ
สวนที่เปนปาเปนสวนที่จัดแสดงในตัวอาคาร มีกลุมของตนไมยืนที่มีลักษณะใบกวางลําตน
ขนาดสูงใหญของปาในรัฐอินเดียนาโพลิส รวมทั้งมีการจําลองปาดิบชื้นและมีสัตวที่หากินในปาดิบ
ชื้นที่มีการจัดแสดงในลักษณะใหสัตวหากินตามพื้นที่อยางอิสระ ( Jame Associated and zoo
Plan Associate 1983 )
การคัดเลือกสัตวควรจะเลือกใหเหมาะกับรูปแบบหลัก ( major theme ) สัตวที่มีอยูแลวใน
รายการจะเปนสวนที่สําคัญที่จะเปนตัวเลือกในขั้นตอนการคัดเลือกสัตว แตมีความจริงอันหนึ่งก็คือ
87
เมื่อผูเที่ยวชมผานเขาไปในสวนแสดงของในตัวอาคารและในสวนกลางแจง การจัดการขอมูลที่จะ
สงผานไปยังผูเที่ยวชมจะตองมีวิธีการสงผานเขามาในหลายๆ รูปแบบ จุดสําคัญที่ทาทายการ
สื่อสารขอความสําคัญของเนื้อเรื่องใหไดประสิทธิภาพคือ ความไมกลมกลืนกันระหวางสิ่งแวดลอมที่
เราจัดบรรยากาศในสวนแสดงกับสิ่งแวดลอมที่เปนรูปแบบจริงดวยภาพรวมของรูปแบบนั้นๆ
ตัวอยางเชน สวนแสดงขนาดเล็กที่บรรจุเอาพืชตางๆ ของทะเลทรายในเขตตะวันตกเฉียงใต ที่ไม
สามารถสื่อถึงความรูสึกของสิ่งแวดลอมในแบบที่เปนความจริงได การจัดทะเลทรายควรจะเปนสวน
หนึ่งของเนื้อหาของลักษณะในพื้นที่เขตนั้น เชนเปนรูปแบบหนึ่งของพื้นที่ในทวีปแอฟริกา
จุดแรกของการเคลื่อนตัวของผูเที่ยวชมเคลื่อนผานเขาไปในตัวอาคารนั้น ผูออกแบบจะวาง
รูปแบบการเคลื่อนไหลของผูเที่ยวชมในพื้นที่ตัวอาคารอีกพื้นที่หนึ่ง โดยรูปแบบการเคลื่อนที่ใน
อาคารรวมทั้งเนื้อหาและลําดับ จะตองพยามที่รักษาความตอเนื่องกับเรื่องราวกอนที่จะเขาสูอาคาร
และออกจากอาคาร เมื่อผูเที่ยวชมเขาไปในอาคารการใหขอมูลที่เปนภาพรวมของลักษณะทาง
ธรรมชาติที่เปนลักษณะเฉพาะของเขตนั้นๆ จุดที่ใหขอมูลจะแสดงขอมูลที่ขนาดปายและขนาด
ตัวอักษรที่ชัดเจนเพื่อแสดงใหเห็นเนื้อหาในตัวอาคารและความชัดเจนในการบอกเสนทาง
เมื่อผูเที่ยวชมผานเขาไปในพื้นที่ตัวอาคาร สวนแสดงจะมีการนําเสนอสัตว พืชและการตกแตง
พื้นที่ทั้งในสวนแสดงและโดยรอบตามลักษณะของพื้นทีน่ ั้นๆ ตอจากนั้นมีการเพิ่มเติมโดยการใช
ขอความและภาพสัญลักษณ เพื่อเปนการตอกย้ําเนื้อหาและลําดับเรื่องราวใหชัดเจนยิ่งขึ้น
การออกแบบระบบการเคลื่อนไหลในการเดินทางชมสวนสัตวนั้น ควรจะมีแนวคิดพื้นฐานที่จะ
พัฒนาเปาหมายและรูปแบบ ( theme ) มีขอสังเกตลักษณะของเสนทางเคยมีการออกแบบและใชงาน
ไปเปนรูปแบบที่ไมแนะนําใหนํามาใช เชน
- เสนทางการเดินทางเสนตรง ( lineal )
- เสนทางการเดินทางเปนกลุมกอน ( cluster )
- เสนทางการเดินทางลักษณะเปนแกนกลางแลวแตกแขนงออกไป ( axial )
ตัวอยางรูปแบบของเสนทางการเที่ยวชมทั้ง 4 รูปแบบจะชวยในสื่อความหมายและเตรียม
ในสวนของเนื้อหา
- เสนทางการเดินทางแบบทางหลัก ( primary ) และเชือ่ มตอไปดวยเสนทางรอง (
secondary )
- เสนทางการเดินทางแบบวงกลม( loop )
- เสนทางการเดินทางแบบทางตัน ( cul-de-sac )
- เสนทางการเดินทางแบบในศูนยการคา ( mall )
องคประกอบของรูปแบบเสนทางจะตองไมสรางความสบสนกับการสื่อรูปแบบหลัก(
89
organizing theme ) ที่เราจะใชในการแสดง theme เชน “ Safari Walk ” ที่ the Washington Park
zoo
ดูรูปที่ 55 Safari Walk Washington
Park zoo - ทางเดินซาฟารี ที่แสดง
ภาพโดยรวมมุมสูงที่ใชรูปแบบของ
พื้นที่ในแอฟริกาตะวันออก ที่ใหผู
เที่ยวชมสัมผัสกับสัตว แบบเห็นสัตว
อยางใกลชิดและมีเวลาที่จะสังเกต
พฤติกรรมของสัตวดวย
ดูรูปที่ 56 The New Children ‘ s Zoo ที่ Philadelphia Zoological Garden บรรยากาศแบบ
วิคตอเรียที่ใชเปนจุดที่แสดงถึงประเพณี ประวัติศาสตรเปนสวนที่ชวยในการสรางบรรยากาศ เปนตัว
หลักของ organization theme ซึ่งเปนแนวคิดที่ดีที่สามารถดึงดูดผูเที่ยวชมกลุมเด็กและวัยรุน รวมทั้ง
เปนสวนแสดงที่มีรูปแบบชัดเจน
การออกแบบในสวนสัตว สวนใหญแลวตองการบรรยากาศที่รมรื่นโดยมีตนไมเปนตัวชวยที่
แสดงถึงความเขียวอยางตอเนื่อง สวนแบบ Victoria ที่ชวยในการประสานรวมกันของตัวอาคารที่มี
รูปทรงหลายแบบและสัตวหลายชนิดไวดวยกัน เมื่อตัวอาคารที่ดูแปลกตานั้นรวมกับตัวสัตว จะเปน
ภาพที่มีความสวยงามเมื่อถูกโอบลอมดวยการตกแตงดวยองคประกอบอื่น ถึงแมจะผานไปเนิ่นนาน
หลายป สวนแบบ Victoria และโครงสรางยังคงอยูเปนสวนประกอบที่สามารถสรางความพึงพอใจ
ความประทับใจใหกับผูเที่ยวชม เปนสวนที่มีความสําคัญสวนหนึ่งของสวนสัตว และยังเปนสวนที่
เสริมใหสวนนี้มีความแตกตางจากสวนอื่นๆ ของสวนสัตวดวย
การพัฒนา theme นี้ เราจะตองจัดการเรื่องของกิจกรรมสําหรับสวนสัตวเด็ก ในสวนที่อยู
รอบๆตัวอาคารของถนนวิคตอเรียน ซึ่งกิจกรรมที่ทําเพิ่มขึ้นนี้ยังชวยใหสวนสัตวเด็กเปนสถานที่
มากกวาสวนที่ชวยในการสรางบรรยากาศ ถนนจะเปนในลักษณะเสนตรงที่จะชวยใหผูเที่ยวชม
เขาใจองคประกอบไดโดยงาย โดยจะมีสิ่งปลูกสรางและสวนตกแตงในพื้นทีด่ านซาย-ขวา ดานบน-
ลางของผูเที่ยวชม ใหเกิดภาพที่ชัดเจน มีลําดับที่เขาใจงายโดยเริ่มตั้งแตจุดเริ่มตน จัดทํารูปแบบ
ของ Victorian house ใหคลายกับ ฟลาเดเฟยตะวันตก ที่เตรียมความเปนธรรมชาติ การจัดแตง
สวนแบบสวนตามบานทั่วไปและมีรูปแบบของกิจกรรมที่สามารถเรียนรูหรือทํากิจกรรมดวยตัวของผู
เที่ยวชมเอง ( Venturi, Rauchj, Scottch Brown, 1981 )
Theme รองมักจะเปนสวนที่เปนสวนประกอบของโซน โดยการใชรูปแบบพื้นที่ตาม
ธรรมชาติตามสวนตางๆของโลก ตัวอยางเชน Zoogeographic หรือแบบ bioclimate เปนตน สวนสัตว
The Minnesota Zoo จะใชแนวคิดที่ผสมเอาการจัดพื้นที่แบบ 3 แบบคือ
1 จัดกลุมสัตวตามภูมิประเทศ ( zoogeographic )
2. การสํารวจสัตวตามพื้นที่สวนตางๆ ( exploratory ) เชน เสนทางขึ้นเหนือ ( North trek )
3. สวนแสดงสัตวปศุสัตว (Farm
area)
ดูรูปที่ 57 ความมากนอยของ
โอกาสที่สัตวจะแสดงออกมาได
นั้นจะขึ้นอยูกับความมากนอยของ
การสรางและพัฒนาเปาหมาย การ
ปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงพื้นที่
92
ดูรูปที่ 58 แนวคิดการจัดการพื้นที่สวน
สัตวแบบ zoogeographic ที่ The
Minnesota Zoo ใชพื้นที่ทางภูมิศาสตร
เพื่อรวมประกอบการจัดโชวสัตว
ลักษณะทางภูมิศาสตรของทวีปทั้ง 6 ทวีปของโลกมักจะถูกนํามาใชเปนสวนในการออกแบบ
การจัดการพื้นที่การจัดแสดงสัตวอยูบอยครั้งเชน แอฟริกา เอเชีย อเมริกาใต อเมริกาเหนือ
ออสเตรเลีย และยุโรป ดูตัวอยางคําบรรยายแนวคิดของสวนสัตวโคลัมบัส ( The Columbus Zoo
Concept ) )
การจัดแสดงสัตวที่มาจากพื้นที่ทางภูมิศาสตรเดียวกันทั้งกลุมสัตวเลี้ยงลูกดวยน้ํานม รวม
กับสัตวในกลุมนก ปลาและสัตวเลื้อยคลาน ในชนิดที่สามารถอยูรวมกันได การจัดแสดงในลักษณะ
ที่รวมกันแบบนี้ การออกแบบใหสวนประกอบของสวนแสดงที่จะทําใหสัตวแตละชนิดดูเดนขึ้นโดย
การใช สี พื้นผิวและรูปทรง ( Schooley , Cornelius Associates, 1977 )
การจัดแสดงพื้นที่บางสวนของพื้นที่ทวีป ( continental ) มักจะใชเพื่อเลาถึงสิ่งแวดลอม
โดยเรื่องที่เลาจะแสดงออกโดยการใชพืช ดิน อากาศ วัฒนธรรมพื้นบานและประวัติศาสตรกอนยุค
ประวัติศาสตร เรื่องราวพื้นฐานหรือการแปลเรื่องราวของสวนแสดงจะทําไดหลากหลาย บางครั้งใช
เรื่องมนุษยที่มีอิทธิพลเหนือถิ่นที่อยูของสัตว การปรับปรุงพฤติกรรมของสัตว สภาพภูมิอากาศ
94
พื้นที่นั้นไมตองถึงกับเขมงวดใหถูกตองตามลักษณะทางนิเวชวิทยาทุกอยาง แตใหใชการ
ผสมผสานกันระหวางภูมิประเทศของพื้นทีณ ่ บริเวณที่สรางสวนแสดงกับลักษณะทางกายภาพที่จะ
ทําใหผูเที่ยวชมทราบไดโดยงายวาพื้นที่สวนนี้คือสวนใดของโลก
The North Carolina Zoo ใชแนวคิด Zoogeographic ที่ใชการจัดการพื้นที่เปน กลุมของสัตว
ที่มีถิ่นที่อยูเดียวกัน( habitat cluster) และ การออกแบบพื้นที่ตามลักษณะถิ่นที่อยูของกลุมสัตวนั้น (
habitat area )
สําหรับบริเวณที่จะมีการกอสราง แนวทางหนึ่งในการเริ่มตนในเรื่องของแนวคิดแบบของ
สวนธรรมชาติที่จะจัดแสดงพืชและสัตวอยูรวมกัน ที่จัดใหมีสภาพใกลเคียงกับที่เกิดจริงในธรรมชาติ
การจัดพื้นที่ใหคลายกับสภาพถิ่นที่อยูของสัตวไมตองกระจายจนคลุมพื้นที่ทั้งหมด แตจัด
ใหอยูเปนกลุมที่เหมาะสม เพื่อลดความรูสึกที่หนาแนนมากเกินไปและใหเกิดประโยชนใชสอยใน
รูปแบบอื่น พื้นที่ของสวนแสดงตองเอื้อในการมองเห็นตัวสัตวเพื่อชวยใหเพิ่มโอกาสที่จะศึกษาตัว
สัตวมากขึ้น ที่สวนสัตว North Carolina Zoo จะแบงพื้นที่ออกเปน 7 โซน โดยชนิดของสัตวที่แบง
ออกเปนกลุมตามถิ่นที่อยูที่เปนแหลงกําเนิด คือ 1. อเมริกาเหนือ 2. อเมริกาใต 3. ยุโรป 4. เอเชีย
5. แอฟริกา 6. ออสเตรเลีย 7. โลกทะเล
95
รูปที่ 60 Hierarchy of
Organization Theme: North
Carolina Zoo โดยในสวนของ
Zoogeographic area ทั้ง 7 โซนนั้น
แตละโซนจะถูกแบงออกเปน กลุม
ของถิ่นที่อยูของสัตว ( habitat
cluster ) และตอไปในอนาคตจะมี
การแบงออกตามชนิดสัตว ( habitat
area ) โดยลําดับของการเที่ยวชมแต
ละ theme จะชวยในการเปรียบเทียบ
ลักษณะของสิ่งแวดลอมที่เปน
ธรรมชาติตามถิ่นที่อยูนั้น
เปนลักษณะพื้นที่ที่ผูเที่ยวชมสวนใหญคุนเคย ดังนั้นการนําเสนอจะนําเสนอในเรื่องความ
หลากหลายของชนิดสัตวและความสัมพันธที่มีกับระบบนิเวศที่ผูเที่ยวชมอาจจะยังไมทราบ หรือจะ
นําเสนอในแนวคิดอื่นๆที่ ผูเที่ยวชมเขาใจในเนื้อหาอยูแลว เนื่องจากเปนลักษณะที่พบในทองที่นั้น
ภายนอกสวนสัตว
ในกลุมของถิ่นที่อยูที่ไมเปนที่คุนเคยของผูเที่ยวชม เชน Alaska, Hawaii , ทะเลทราย และ
Everglades โดยการเลือกถิ่นที่อยูในลักษณะนี้จากลักษณะที่มีความจําเพาะและดูลึกลับ รวมทั้ง
ชนิดสัตวและชนิดของพืชเพื่อใชในการจัดแสดงมีเปนจํานวนมาก ความหลากหลายของถิ่นที่อยู
รวมกับสวนแสดงสัตวจะเปนการเพิ่มการเห็นคุณคาความสัมพันธระหวางสัตวและถิ่นที่อยู และถิ่นที่
อยูในกลุมนี้เปนกลุมที่ถูกทําลายจากการขยายตัวของอุตสาหกรรม ทําใหพื้นที่เหลานี้ถูกมองขาม
ซึ่งความจริงแลวพื้นที่เหลานี้เปนแหลงที่อยูของสัตวที่หายาก ( Design group B , 1985 )
อีกจุดประสงคหนึ่งของการเลือกใช bioclimatic theme คือเพื่อการสรางลําดับของภาพที่
เกิดขึ้น การเริ่มตนของการลําดับภาพตองการความเขาใจอยางชัดเจนของการพัฒนาเปาหมาย การ
กําหนดวาแตละสวนสวนแสดงมีความสัมพันธ มีจุดประสงค และมีการประสานสอดคลองกันของ
ลักษณะของสวนแสดงที่อยูขางเคียง
ความสําคัญของระบบนิเวศจะมีไมเทาเทียมกัน ขึ้นอยูกับประเด็นที่เราจะเลือกมาจัดแสดง
ถาเรามุงประเด็นไปที่งานดานการอนุรักษเราก็จะเลือกพื้นที่ที่ถูกบุกรุกทําลาย เชน ปาดิบชื้น และ
ระบบนิเวศวิทยาทางทะเล หรืออีกตัวอยางหนึ่ง สวนแสดงในลักษณะของที่ราบอินเดียนาจะมี
ความพิเศษอยางหนึ่งคือโดยมีพื้นฐานในเรื่องสัตวและวัฒนธรรมของทองถิ่นที่ปรากฏกอนยุค
civilization
1. ปาดิบชื้น ( Tropical Rainforest ) เปนระบบนิเวศที่ไดรับการพิจารณาวาถูกคุกคามใน
ระดับที่รุนแรง สัตวที่นํามาจัดแสดงใหเลือกชนิดที่แสดงถึงการพัฒนาที่พึ่งพาอาศัยความ
หลากหลายของระบบนิเวศวิทยาที่สัตวชนิดนั้นอาศัยอยู
2. ระบบนิเวศวิทยาทางทะเล การจัดแสดงสัตวเลี้ยงลูกดวยน้ํานมที่อยูในทะเล ที่แสดงถึง
ความหลากหลายของชีวิตที่อยูในทะเล การนําเสนอการแสดงความสามารถของสัตวทะเลที่เลี้ยงลูก
ดวยน้ํานมเชน แมวน้ําที่แสดงถึงความฉลาดและพฤติกรรมตามธรรมชาติ
3. ที่ราบอินเดียน มีการนั่งเรือเพื่อชมสัตวในสวนแสดง เปนสวนที่เพิ่มเติมเขาไปในระบบนิเวศนี้
การใชศูนยมรดกทางวัฒนธรรมดั้งเดิมที่นําแสดงรวมกับการแสดงของสัตว โดยใชการจัดแสดงสัตว
หลายๆชนิดรวมกับวัฒนธรรมเคยมีในชวงกอนหนานี้ เพื่อใหผูเที่ยวชมไดเห็นถึงความเจริญที่เกิดขึ้น
ที่มีผลกระทบตอพื้นที่ และเชื่อมความสัมพันธไปถึงบางพื้นที่ของโลกที่ยังอยูในสภาพทีย่ ังไมพัฒนา
หลังจากการจัดเรียงลําดับในสวนของระบบนิเวศที่เลือกมาใชในการจัดการพื้นที่ไดแลว
งานในลําดับถัดมาจะเปนการเพิ่มหนวยยอยเขาไปในแตละพื้นที่ของระบบนิเวศใหมีความเหมาะสม
102
ลักษณะทางกายภาพของ พื้นที่ทางภูมิอากาศที่เราจะทําในพื้นที่สวนแสดงนั้นตองมีการ
วิเคราะหและเปรียบเทียบวาตรงกับความตองการของสวนแสดงและสัตว หรือไม เนื่องจากตองดูวา
พื้นที่สวนแสดงนั้นอยูในโซนใดและพื้นที่ขางเคียงเปนสวนแสดงใดดวย สวนประกอบของ
ภูมิอากาศที่สําคัญคือ อุณหภูมิ ฝน รวมทั้ง ความชื้น ลมและชวงความยาวแสงแดด การแบงดวยวิธี
งายๆ เชน เย็น ชื้น รอน แหง เปนสิ่งที่ไมเพียงพอ ตองดูถึงฤดูกาล ชวงเวลาของกลางคืนและ
กลางวันซึ่งเปนสิ่งที่มีความสําคัญของลักษณะของโซน น้ําตองกําหนดใหชัดเจนวาเปนฝน หมอก
หรือ หิมะ
แตละ bioclimatic zone จะตองมีการวิเคราะหถึงสัตวที่จะเอามาแสดงเพื่อจะยืนยันถึงความ
หลากหลายตลอดทั้งสวนสัตว ความแตกตางในเรื่องการดําเนินชีวิตของ ตามชนิดของสัตวนม สัตว
ปก สัตวเลือ้ ยคลาน ที่อาศัยอยูในโซน เรื่องราวที่นาสนใจหรือ sub 3theme ที่สามารถนํามาเปน
ขอมูลที่จะสื่อไปยังผูเที่ยวชมได เชน การปรับตัวทางลักษณะทางรางกายสัตวเพื่อใหเหมาะสมกับ
พื้นที่ ( animal adaptation ) พฤติกรรมการกินอาหารของสัตว ( feeding habit )
การเขียนลายเสนลงบนแผนที่สวนสัตวเพื่อแสดงจุดที่ตั้งและขนาดพื้นที่แบบคราวๆ เพื่อใช
เปนแบบอางอิงในการออกแบบสวนแสดง จะมีปจจัยที่เกี่ยวเนื่องกับจํานวนและความหลากหลาย
ของ bioclimatic zone ที่เลือกมาใช ลักษณะทางกายภาพของสวนสัตวเอง ขอแนะนําเพิ่มเติม
สําหรับงานดังกลาวคือ
- แยกลักษณะทางภูมิศาสตรที่ตางกันออกจากกันเชน ปาดิบชื้น ตองแยกออกจากภูเขา
- เพื่องายตอการจัดการ สวนแสดงที่มีลักษณะถิ่นทิ่อยูแบบเดียวกันควรอยูใกลกัน
- การออกแบบที่จะสรางลักษณะแตพื้นที่ใหเกิดความแตกตาง เพื่อใหผูเที่ยวชมมีโอกาสที่จะ
เปรียบเทียบพื้น แตละแบบที่ในโลกที่สวนสัตวเลือกนํามาจัดจําลองใหดู
105
บทที่ 6 การออกแบบภูมิทัศนของสวนแสดงสัตวเมื่อมองจากจุดชม
( Landscape Architech of zoo exhibit form viewing point )
ขอในการพิจารณาทั่วไปในการออกแบบ ( General Design Consideration )
ประเด็นสําคัญในการออกแบบสวนแสดงสัตวคือการเตรียมลักษณะทางกายภาพที่จะสื่อถึงงานให
การศึกษา งานดานการอนุรักษ สื่อถึงตัวสัตว และถิ่นที่อยูของสัตวไปถึงผูเที่ยวชม
จุดมุงหมายของการออกแบบเพื่อสิ่งแวดลอมที่ดสี ําหรับสัตว เพื่อใหเกิดความพึงพอใจและ
ความสนุกสนานแกผูเที่ยวชม
สวนแสดงสัตวที่มีในสวนสัตวที่ดีมีความเกี่ยวเนื่องกับคน สัตว พืช โดยจะเปนสวนใหผูเที่ยวชม
- เกิดความรูสึกที่ดีตอตัวสัตว
- เกิดความเขาใจตอความสัมพันธระหวางคน พืช สัตว
- ใหการศึกษาแกผูเที่ยวชมถึงแนวคิดดานการอนุรักษ และมีสวนในการสรางความสนุกแกผูเที่ยว
ชม ( Robinson, 1985 )
ผูออกแบบจะตองมีความเขาใจใน
- คุณลักษณะพื้นฐานของวัตถุแตละชนิดที่จะนํามาใชในการออกแบบที่ประกอบไปดวย
ขนาด รูปราง สีและพื้นผิว
- วัสดุตางๆ นําเขามารวมกับหลักทางการออกแบบ (ความตัดกันของสี เกิดสัดสวน ความ
106
จุดประสงคของสวนแสดงและเปาหมายของการศึกษา
จุดประสงคจําเพาะของสวนแสดงจะผันแปรไปตาม
1.เปาหมายของสวนสัตวแหงนั้นๆ
2.กลุมผูออกแบบมีแนวคิดสรุปของกลุม อยางไร
3.รูปแบบของผูเที่ยวชม
ความแตกตางในเรื่องของมุมมองของผูเ ที่ยวชมเมื่อชมสวนแสดงสัตว ( การมองสวนแสดงสัตว
คือการเชื่อมโยงองคประกอบตางๆ ที่มภี ายในสวนแสดง )
- ความแตกตางในเรื่องมุมมองจะมีความเชื่อมโยงกับสวนประกอบในสวนแสดง
- เปาหมายและผูใช
- ตัวขององคประกอบจะเปนผูสรางความแตกตางในรูปลักษณของสวนแสดง โดยสิ่งที่จะ
เกิดขึ้นอาจจะเปนไดตั้งแตการจําลองถิ่นที่อยูจนถึงภาพในลักษณะของรูปธรรม
จุดประสงคของการออกแบบที่ The Robert J. Lafortune North American Living Museum
เปนการออกแบบที่ไมไดตองการใหเปนสวนสัตว แตจะออกแบบสวนแสดงสัตวของสัตวหลาย
ชนิดใหเปนเหมือนกับพิพิธภัณฑธรรมชาติวิทยา ( Natural History Muesum , natural history
n.1 the scientific study of animals or plants, especially as concerned with observation rather than
experiment and presented in popular form.) ซึ่งเปนการนําเอาพืชและสัตวมาจัดการในรูปแบบของ
107
เมื่อเปรียบเทียบเหตุผลของผูเที่ยวชมที่มาที่สวนแสดงสวนอื่นๆของสวนสัตวกับไปที่สวนสัตว
เด็กจะไดขอสังเกตที่นาสนใจ คือ การมาเที่ยวที่สวนสัตวนั้นเปนรูปแบบหนึ่งของความบันเทิงของ
สังคมมนุษย
การออกแบบสวนสัตวตองทราบวาความสนใจของผูเที่ยวชมนั้นมีความแตกตางกันและ
หลากหลาย ในหลายๆครั้งผูเที่ยวชมบางคนมิไดมาเพื่อการศึกษาและเรียนรู ความสนใจในแตละครั้ง
นั้นอาจขึ้นอยูกับบุคคลที่เขารวมในการมาเที่ยวครั้งนั้น หรือขึ้นอยูกับสิ่งที่สัตวแสดงใหเขาไดเห็น
วิธีการที่ 2 ที่ใหความสําคัญกับการออกแบบและสรางสวนแสดงทั้งในพื้นที่ภายในสวน
แสดง และพื้นที่คอกกักที่จําลองเอาลักษณะของถิ่น
ที่อยูของสัตวชนิดนั้นๆ โดยเลือกใชวัสดุที่เปน
ธรรมชาติ สวนตัวอาคารจะถูกพิจารณาความสําคัญ
ใหเปนลําดับที่ 2 และพยายามที่จะหาวิธีที่จะปดบัง
ใหเห็นโครงสรางใหนอยที่สุด
รูปที่ 69 Elephant exhibit, สวนสัตวนอรทแคโรไล
นา เปนวิธีการผสมผสานเพื่อลดการมองเห็นสิ่ง
ปลูกสรางตางๆ ที่มีในสวนแสดงสัตว ดวยการใช
วัสดุธรรมชาติ นวัตกรรมในการออกแบบเรื่องการ
เดินทางและเสนทางเดินภายในสวนสัตว ( แนวคิด
ทางสถาปตยกรรมคือลดการเห็นโครงสรางที่มีใน
113
เนื่องดวยลักษณะทางธรรมชาติที่นํามาใชในสวนสัตวมีหลายรูปแบบ ดังนั้นสิ่งแวดลอมที่มี
ในสวนแสดงสัตวตองเปนที่พึงพอใจของสัตว ผูเที่ยวชม ผูเลี้ยงสัตว การออกแบบสวนแสดง
ตองการกระบวนการที่ใชการพิจารณาที่ละเอียด ไมควรใชการรวบลัดหรือมองปญหาไมรอบดาน
มองอะไรก็งายไปหมด อะไรก็ไดไปเสียหมด การออกแบบดวยสาขาอาชีพใดอาชีพหนึ่งเชนวิศวกร
หรือนักภูมิสถาปตย ที่จะมีความถนัดในสาขาของตนเองเพียงอยางเดียว จะทําใหสิ่งที่ออกมาไมได
สนองตอบความตองการที่รอบดาน เราตองการความเขาใจ เราตองการความรวมมือที่ลงตัว มีสวน
แสดงที่ใชประโยชนได มีการจัดการดานการสุขาภิบาลที่มีประสิทธิภาพ มีการสรางสภาพแวดลอมที่
มีนาสนใจ เปนที่ชนื่ ชอบและชวยในเรื่องงานใหการศึกษาดวย
- การออกแบบสวนสัตวที่ดีจะใชวิธีการหลายวิธี เพือ่ ที่จะใชในการจัดวางและใชในงานกอสราง
โดยตองมองในเรื่องขอเท็จจริงที่วาสวนสัตวจะตองใชเวลาในการพัฒนาและปรับปรุงในสภาพ
สิ่งแวดลอมทางกายภาพ ใชเวลาในการปรับปรุงชนิดและจํานวนสัตวที่มีในสวนสัตว ใชเวลาในการ
ปรับปรุงเรื่องการจัดการ
- ดังนั้นการออกแบบควรจะอยูบนพื้นฐานของความรวมมือ โดยตองมีการปรับเปลี่ยนการตามความ
เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
- การออกแบบทางสถาปตยกรรมและการพัฒนาพื้นที่ความจะมีความยืดหยุนไปตามแผนงาน
สถานที่ ความสามารถในการจัดการและไมควรไปกําหนดใหไปอยูในความคิดของผูออกแบบคน
หนึ่งคนใด
การออกแบบสิ่งกอสรางในสวนสัตวมักจะเกิดเหตุการณ ในสิ่งสําคัญกลับไมใหความสําคัญ
แตกลับไปใหความสําคัญในสิ่งที่ไมควรใหความสําคัญ เชน
- ใหความสําคัญกับสถาปตยกรรมและการตกแตงสวนดานนอกสวนแสดงมากกวาใหความสําคัญ
การตกแตงภายในสวนแสดง
- การใชโครงสรางทางสถาปตยกรรมรวมสมัย (contemporary architecture ) ที่มีโครงสรางใน
ลักษณะที่สรางอารมณตื่นเตน และกินพื้นที่เขาไปพื้นที่สีเขียวที่จะใชปลูกตนไม
- การในโครงสรางสถาปตยกรรมแบบสมัยใหม (modern architecture ) และสรางความกลมกลืน
โดยการใชพืชที่มีราคาแพงเขามาประกอบ
- การจัดสวนในพื้นที่อยูนอกสวนแสดงที่มีรูปแบบในลักษณะเปนสวนที่จัดสําหรับตัวอาคาร ซึ่งไม
เหมาะสมกับพื้นที่แบบสวนแสดงสัตว หรือการใชองคประกอบหรือเครื่องตางๆ ที่ไมไดตอบสนอง
ความตองการที่ถูกตองและเหมาะสมตอสัตวหรือผูเที่ยวชม
114
- การใชคุณลักษณะของตัวอาคารหรือสิ่งกอสรางที่มีรูปราง สีหรือองคประกอบบางสวนที่บดบัง
คุณลักษณะที่ถูกตองและเหมาะสมของสวนแสดงนั้นๆ
- องคประกอบในสวนแสดงที่สรางขึ้นเพื่อเปนตัวแทน เชนแสงที่ผานพื้นคอนกรีตที่เปนตัวแทนของ
พื้นปาที่โลงเตียน หรือ การใชรูปทรงขององคประกอบในสวนแสดงเปนแบบ free form ( เชนสระ
น้ํา อาณาเขตของสวนแสดงสัตว ) ที่เปนรูปทรงแบบที่พบตามธรรมชาติ แตจากทั้ง 2 ตัวอยางนี้
อารมณที่เกิดขึ้นไมสามารถใชจําลองไดกับสภาพที่เกิดขึ้นในถิ่นที่อยูของสัตวได
- สวนแสดงทีไ่ มสามารถสื่อสารในเรื่องของงานใหการศึกษา งานดานการอนุรักษ และความบันเทิง
ได
การตอบสนองความตองการของผูเที่ยวชม ( People Considerations )
การออกแบบสวนแสดงสัตวตองใหความสําคัญกับกับพฤติกรรมของผูเที่ยวชม โดยมี
ประเด็นที่ตองสรางความเขาใจเปนเบื้องตนเชน
- ตองมีความเขาใจวาลักษณะของสิ่งแวดลอมที่ดึงดูดความสนใจและชวยใหผูเที่ยวชมสามารถสรุป
รวบรวมองคประกอบที่มีทั้งหมดในสวนแสดงวาจะเกิดภาพในลักษณะเชนใดขึ้น
- วิธีการออกแบบสวนแสดงควรจะเริ่มที่รูปแบบที่มีการตอบสนองหรือมีเปาหมายทางดาน
อารมณ กอนที่จะเลือกและจัดการสวนประกอบสวนแสดง
- สวนแสดสัตวตองมีการออกแบบเพื่อใหใชประโยชนตามความตองการในดานตางๆ
(range of function ) เพื่อที่จะตอบสนองความตองการของผูเที่ยวชมได
- สวนแสดงในสวนสัตวที่ดีจะตองมีการนําเสนอแนวคิดใหกับประชาชน
- ตองมีสวนที่ใหบริการตอประชาชน
- ตองสรางความสนุกสนาน
- มีรูปแบบที่ไมเปนทางการ
- มีสวนใหการศึกษา
- เปนที่รองรับกับผูเที่ยวชมทุกกลุมอายุ
- สรางความรูสึกดีเชิงบวกกับองคกรและตัวสัตว
- เตรียมสิ่งที่นาสนใจและรูปแบบใหมในการชมสัตวและพืช
- ใหผูเที่ยวชมไดมองเห็นสัตวโดยที่ไมมีการเบี่ยงเบนความสนใจ ใหสัตวเปนสิ่งที่โดดเดน
ที่สุดในสวนแสดง
- มีความปลอดภัยใหกับผูเที่ยวชม
- ตองสรางบรรยากาศเหมือนกับวาสัตว พืช มีชีวิตอยูในปา ( Robinson, 1985 )
การสรางความนาสนใจใหเกิดกับผูเที่ยวชม มีความจําเปนที่จะตองทําใหเกิดขึ้นเพื่อความ
ชัดเจนในการสื่อสารของหัวขอของงานใหการศึกษา ผูเที่ยวชมจะตองถูกนําเขาสูสวนแสดงดวย
วิธีการเขามาทีถ่ ูกสรางใหเกิดความคาดหวัง เชนในการเที่ยวชมสวนสัตวในเวลากลางคืนที่มี
บรรยากาศของความมืดที่มีความลึกลับ ตื่นเตน หรือการเที่ยวชมสวนสัตวในเวลากลางวัน ทีให ่
ความสําคัญกับลําดับการชม ใหดูวากอนที่จะเขามาที่สวนแสดงนี้ไดชมสวนแสดงใดมากอน สามารถ
เชื่อมโยงเนื้อหากันไดหรือไม
ความประทับใจเมื่อเริ่มตนในการชมสวนแสดงจะเปนสวนที่มีความสําคัญมาก เพราะจะเปน
สวนที่มีอิทธิพลตอการเที่ยวชมในลําดับถัดๆมา สิ่งที่เห็นเปนลําดับแรก จะเปนภาพที่มีความซับซอน
ตอมาผูเที่ยวชมจะกวาดสายตาใหกวางที่สุดกอนภายในเวลาที่สั้นที่สุด เพื่อที่จะกําหนดทิศทางและ
พรอมที่จะชมภาพอื่นๆที่อยูขางหนาตอไป ดังนั้นความสนใจของผูเที่ยวชมตองอยูในระดับที่นาพึง
พอใจในชวงการชมครั้งแรก ถาผูเที่ยวชมเห็นสัตวที่ปวยหรือมีความพิการ ผูเที่ยวชมก็จะเกิดความไม
พึงพอใจเกิดขึ้น ( Hutchins , Hancocks, and Crockett, 1984 )
ผูเที่ยวชมจะมีแนวโนมที่จะใชเวลาสั้นๆ ในการชมสวนแสดงแตละแหง โดยมีความคิดวา
นาจะเดินไปขางหนาอาจจะพบอะไรที่หนาสนใจที่อยูขางหนาก็ได ซึ่งลักษณะของสวนสัตวที่มีความ
หลากหลายของสัตวจะเปนตัวกระตุนพฤติกรรมของผูเที่ยวชมในลักษณะดังกลาว ดังนั้นงานที่สําคัญ
สวนหนึ่งของการออกแบบสวนสัตวที่ไมเพียงแตดึงดูดความสนใจของผูเที่ยวชมเทานั้น แตตองใหผู
เที่ยวชมใชเวลามากขึ้นในแตละสวนแสดงดวย
การจัดวางองคประกอบ การสรางอารมณและการนําเสนอเมื่อเขาสูสวนแสดง ควรจะสราง
อารมณใหกับผูดู เชน ความกลัวที่สามารถกระตุนไดอยางรวดเร็วใหเกิดความตืน่ เตนซึ่งเปนรูปแบบที่
116
ดูรูป 72 อูฐโหนกเดียว ที่ Toledo Zoo นกฟลามิงโกที่ Brokfield Zoo หมีขาวขั้วโลกที่ Milwaukee
country zoo ความสําเร็จของสวนแสดงสัตวนั้นเกิดจากองคประกอบหลายประการ ที่จะตอบสนอง
ความตองการของผูเที่ยวชม แตความสําเร็จที่เปนจุดสําคัญแลวเพื่อสัตวที่อยูในกรงเลี้ยง นั้นหมายถึง
ตองเริ่มตนทีก่ ารใหความสําคัญกับการออกแบบ การพัฒนาและการจัดการที่ถูกตองเหมาะสม
120
สวนแสดงที่ดีนั้นคือ สวนแสดงที่เปดโอกาสใหใหสัตวแสดงพฤติกรรมการสืบพันธุเปนปกติ
ปลอดภัยสําหรับผูเลี้ยงสัตว สัตวอยูในสิ่งแวดลอมที่เปนสภาพทีเ่ หมาะสมคลายกับสิ่งแวดลอมที่
แทจริง รวมทั้งที่ความเครียดที่เปนธรรมชาติของชีวิต การที่ยกเอาความเครียดออกไปโดยการทําให
ชีวิตงายดาย ปลอดภัยไปเสียหมดจะทําใหสัตวสรางความเครียดที่ไมเปนธรรมชาติขึ้น สัตวจะ
แสดงอาการที่แสดงถึงความผิดปกติทางพฤติกรรม ขอดีของการใหสัตวอยูรวมกันหลายชนิดที่จะทํา
ใหเกิดปฏิสัมพันธ ที่จะทําใหเกิดความเครียดที่เปนธรรมชาติ เชนตัวอื่นๆ เขากําลังทําอะไรอยู การ
ใหโอกาสที่สัตวจะไดเลี้ยงลูกออน เปนการเปดโอกาสใหสัตวไดแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติ ซึ่ง
สภาพโดยทั่วไปในสวนแสดงตองความปลอดภัยสําหรับสัตวและผูเลี้ยงสัตว ( Robinson,1985 )
การออกแบบสวนแสดงสัตว
ในปจจุบัน การออกแบบสวนแสดงอยูในชวงการพัฒนา ซึ่งจะมีรูปแบบหลายรูปแบบเชน -
การจัดแสดงสัตวทมี่ ีการสื่อแนวคิดชัดเจน( thematic display )
- การจําลองใหใกลเคียงถิ่นทีอ่ ยูเ ดิม ( replication of the animal’s natural habitat )
- สวนแสดงที่มีสัตวหลายชนิดอยูรวมกัน ( mix species exhibit)
- รูปแบบตามระบบนิเวศวิทยา ( ecological theme )
- การจัดการตามลักษณะพฤติกรรมของสัตว ( behavioral engineering )
ยังไมมีขอสรุปวาถึงรูปแบบที่ดีที่สุด( เปนธรรมชาติหรือเปนแบบนามธรรม ) ปะการังเทียม
ที่ Shedd Aquarium หรือปาดิบชื้นจําลองที่ Tropical world ที่ Brookfield zoo ดูแลววาไมมีความ
แตกตางในเรื่องของการแสดงพฤติกรรมของสัตว แตมีความแตกตางในเรื่องของปฏิกิริยาของผูเที่ยว
ชม การจะจําลองสิ่งแวดลอมตามธรรมชาติภายในสวนแสดงจะทําในรูปแบบใด ขึ้นอยูกับชนิดของ
สัตว เปาหมายดานงานใหการศึกษา งบประมาณ พื้นที่และความคิดสรางสรรคของทีมงาน
ในชวงเวลา 10 ปที่ผานมาการออกแบบสวนแสดงสัตวสวนใหญ จะมีการเปลี่ยนแปลงไปใน
ทิศทางที่จะปรับปรุงคุณภาพของชีวิตสัตว สิ่งที่เปนตัวขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงเกิดจากปรัชญา
ที่ผูที่เขามาจัดการสวนสัตวรูวาสัตวในกรงเลี้ยงไมไดตองการเพียงอาหาร น้ําและหองเปลาๆ เพื่อ
การมีชีวิตอยูเทานั้น การออกแบบคือ การสรางถิ่นที่อยูที่เปนปาและสามารถควบคุมสิ่งแวดลอมได
( Tolson,1985 )
สภาพแวดลอมในพื้นที่ที่จะสรางสวนแสดง เปนสวนสําคัญตอสภาพแวดลอมที่จะจัดใน
สวนแสดงในสวนของพืชพรรณ น้ํา ลักษณะภูมิประเทศ การวางตําแหนงและทิศทาง
ลักษณะของปา northeast Asia template forest จะมีความใกลเคียงกับ Wooden
Pittsburgh hill ที่อยูรอบสวนสาธารณะ การใหคําแนะนําที่เปนรูปภาพที่อธิบายความเหมือนและ
ความแตกตางระหวางสองพื้นที่ เชนชนิดของตนไมทีแตกตางจากตนไมทอี่ ยูใ นเขต Asia เชน สน
เมเปล birch โอค จูปเตอร ( Coe,1984 )
121
การออกแบบที่เหมาะสมตอความตองการของสัตวตองมีการปจจัยภายในเชน พืชพรรณ
ภายในสวนแสดง คอนใหนกเกาะ อางอาบน้ําสําหรับสัตวที่ชอบเลนน้ํา สัตวสวนใหญจะใชพืชทีม่ ี
ในสวนแสดงสําหรับการซอนตัว ถาสัตวเหลานี้มีการเคลื่อนไหวไปมาที่สะดวก การปลูกตนไมใหดู
เปนธรรมชาตินั้นขอดีเพิ่มเติมอีกหลายประการ ( แตตองมีเงื่อนไขที่ตองเลือกชนิดของตนไมให
เหมาะสมดวย ) เชน เปนสวนชวยหนุนในงานใหการศึกษา เปนจุดกินน้ําสําหรับสัตวที่กินน้ําจาก
ใบไม หรือหยดน้ําที่หยดจากใบไม ชวยรักษาระดับของความชื้นที่เหมาะสมภายในกรงเลี้ยง การมี
ตนไมจะชวยลดความเครียดของสัตวเนื่องจากกิจกรรมของผูเที่ยวชม การที่หลบภัย (คอกกัก )มี
ความจําเปนมากสําหรับบางสวนแสดง โดยเฉพาะสวนแสดงที่มีสัตวเปนคู มีตัวผูมากกวา 1 ตัว
ในฤดูผสมพันธุ สัตวที่เปนตัวดอยจะไมสามารถหนีจากตัวผูที่ดุและแข็งแรงได การตายเนื่องจาก
ความเครียดจะเปนผลที่เกิดติดตามมา ( Tolson, 1983 )
จุดประสงคของสวนแสดง ในหลายจุดประสงคเชน การตกแตงสวนแสดงใหเลียนแบบ
ธรรมชาติพบวา เปนการใหความสําคัญในดานงานใหการศึกษา มากกวาความตองการของสัตว
รวมทั้งแนวคิดการแสดงในลักษณะที่เปนรูปแบบ( The thematic system display concept ) ที่จะมีผล
โดยตรงตอความสําเร็จที่ใหความสําคัญกับงานใหการศึกษาของสวนแสดง
การกอสรางสวนแสดง ปาดิบชื้นสําหรับนกที่ Taronga Zoo เปนตัวอยางที่ดีของแนวโนม
การออกแบบสวนสัตวที่ใชการจัดแสดงที่มีรูปแบบ ( the thematic display ) ซึ่งในปจจุบันการ
ออกแบบที่ใหความสําคัญกับลักษณะรางกายของสัตว และความตองการทางดานจิตใจของสัตว
โดยเลียนแบบถิ่นที่อยูของสัตวที่สามารถตอบสนองกับสัตวไดนั้น เปนแนวคิดที่ไดรับการยอมรับ
อยางกวางขวาง
มีสวนแสดงสัตวไมมากนักที่จะสามารถสื่อในเรื่องงานใหการศึกษาไดสําเร็จในระดับที่นาพึง
พอใจ สวนแสดงสัตวที่มวี ิธีการจัดแสดงสัตวที่มีรูปแบบจะเปนวิธีการรักษาสิ่งที่ถูกละเลยไป ( The
thematic approach is an attempt to remedy this omission. ) ภายใตหลักการนี้คือการจัดการ
สัตวและสวนแสดงเพื่อสื่อถึงภาพหนึ่งภาพหรือหลายภาพ ซึ่งเปนภาพที่มีเนื้อหาอยูในหลักวิชาเชน
- animal natural history
- พฤติกรรมตามธรรมชาติของสัตวชนิดนั้น (Behavior)
- ลักษณะของสัตวที่ปรับตัวใหเขาถิ่นทีอ่ ยู (Physical adaptation)
- การแบงสัตวเปนกลุมๆตามลักษณะทางรางกาย (Taxonomic relationship)
- ประเด็นอื่นๆ ในเนื้อหาของวิชาชีววิทยา (Other feature of its biology)
ซึ่งสามารถสรางประเด็นในแงความแตกตางของสวนประกอบของสัตวปา การจําลองสิ่งแวดลอม
และการอธิบายโดยการใชปายและรูปภาพ (Muller, 1977)
การเปลี่ยนแปลงบทบาทของสวนสัตวในสังคมมีผลจากสาเหตุหลายประการเชน
123
- การเพิ่มขึ้นของทําลายพืชพรรณและสัตวปาทั่วโลก
- ปญหาที่มนุษยตองเผชิญกับความไมแนนอนของธรรมชาติทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเชน ปญหา
โลกรอน น้ําทวม ความแหงแลง
- ผูเที่ยวชมใหความสําคัญกับสิ่งแวดลอมมากยิ่งขึ้น
- สวนสัตวมคี วามสําเร็จของการเพาะขยายพันธุส ัตวในสภาพกรงเลี้ยง
มีผลใหสวนสัตวเตรียมเรื่องงานใหการศึกษาตามความเปลี่ยนแปลงทัศนคติของผูเที่ยวชม
การจัดองคประกอบในสวนแสดงและพื้นที่โดยรอบใหอยูในสภาพที่เปนธรรมชาติ จะชวยใหสวน
สัตวสามารถตอบตอความตองการของผูเที่ยวชมที่เขามาเที่ยวในสวนสัตวได
ในนกเหมือนกับสัตวชนิดอื่นที่มีรายชือ่ อยูในรายการสัตวที่อยูในการเสี่ยงตอการสูญพันธุ
รวมทั้งรายชื่อดังกลาวก็มีอัตราที่เพิ่มขึ้นจนอยูในระดับทีไ่ มสมดุลกับจํานวนของประชากรไมถูก
รบกวน เหตุผลเหลานีท้ ําใหสวนสัตวตองแสดงบทบาทของผูผลิต ในสวนที่ผลิตไดคือจัดการสัตวที่
ตนครอบครองอยูใหถูกตองและเหมาะสม เพื่อใหสัตวเหลานี้สามารถเพิ่มจํานวนขึ้นในสวนสัตวได
ลดบทบาทการเปนผูบริโภคอยางเดียวที่นําสัตวตัวใหมเขามา เมื่อสัตวที่มีอยูเดิมตายไปเหมือน
ในชวงที่ผานมา กระแสความคิดที่สวนสัตวเปนผูนําสัตวจากปายังคงมีอยางตอเนื่อง การลดกระ
ดังกลาวทําไดโดยการใชการออกแบบสวนแสดงสัตวเขามาเกี่ยวของ จัดสภาพสวนแสดงสัตวใหดู
สมจริง สัตวสามารถปรับสภาพตัวเองใหเขากับสภาพภายในสวนสัตวได ภาพที่บังเกิดขึ้นเพื่อใหผู
เที่ยวชมไดเกิดการเรียนรูมากขึ้นในเรื่องชีวิตของนก ซึ่งผลที่จะติดตามมาคือเปนการเสริม
ภาพลักษณของสวนสัตวใหดียิ่งขึ้น ( Osten, 1985 )
คําจํากัดความของสวนแสดงสัตวที่จําลองเอาลักษณะของถิ่นที่อยูมีดวยกันหลายคํา ซึ่งในที่นี้
ยกมา 3 ประโยคดวยกันคือ 1. Realistic Nature Habitat 2. Modify Nature Habitat 3. Naturalistic
Habitat
1.การสรางสวนแสดงสัตวแบบสมจริงตามลักษณะถิ่น
ที่อยูของสัตวตามธรรมชาติ ( Realistic Nature
Habitat )
การสรางสวนแสดงสัตวแบบสมจริงตามลักษณะถิ่นที่อยูของสัตวตามธรรมชาติ จะเปน
การสรางถิ่นที่อยูในสวนของภาพทั่วไป ลักษณะของพื้นที่ ลักษณะของสังคมพืช พฤติกรรมสัตว
ซึ่งการที่จะสรางใหไดตามที่กลาวมานี้ตองอาศัยงานวิจัย ใชเวลา ความชํานาญ และทุน
โดยทั่วไปผลงานที่เกิดขึ้นจะใหความสําคัญที่สัตวไดแสดงพฤติกรรมของสัตวและงานให
การศึกษาแกผูเที่ยวชม
2.Modify Nature Habitat
( ดูรูป 74 ) แรติคูเรทยีราฟ ที่มิลวอคกี้ซู “ The
Modified network habitat “ ใชวัสดุธรรมชาติเพื่อ
สรางความพึงพอใจ ที่ไมเหมือนกับถิ่นที่อยูตาม
ธรรมชาติของสัตว แตเพียงพอที่จะสรางความพึง
พอใจความตองการของสัตว และความตองการของ
ผูเที่ยวชมจะเห็นสัตวใน “ wild lamp “
ในกรณีที่ไมสามารถสรางสวนแสดงสัตวที่มี
ลักษณะของฤดูกาล ภูมิอากาศ ลักษณะของพื้นที่
สังคมพืช (ชนิดของพืชในพื้นที่ ) ใหเหมือนกับถิ่นที่
อยูของสัตวชนิดนั้นๆ ได การใชองคประกอบของ
ถิ่นที่อยูใ นสวนของพืชและตนไมทดแทน ใชการ
ดัดแปลงพื้นที่และผสมผสานกับสิ่งแวดลอมของ
พื้นที่สวนแสดงที่มโี ดยรอบ
3. Naturalistic Habitat
( รูปที่ 75 ) ชะนีมือขาวที่ Denver Zoo , The
naturalistic habitat โดยใชหิน น้ํา หญา พืชมาเปน
องคประกอบในการตกแตงสิ่งแวดลอมภายในสวน
แสดง นําโดยรูปแบบของสิ่งที่มนุษยสรางขึน้ และ
องคประกอบ
125
การออกแบบ การสรางและการตกแตงจะใหความสําคัญกับการจําลองทุกองคประกอบจาก
ถิ่นที่อยูจริงนอยมาก เปนรูปแบบที่ใชวัสดุจากธรรมชาติแตนําวัสดุเหลานี้เพียงเพื่อการตกแตง
เทานั้น ( Robinson,1985 )
The Realistic Nature Habitat จะใหความสําคัญกับการเลียนแบบหรือจําลองถิ่นที่อยูตาม
ธรรมชาติของสัตวชนิดนั้นๆ ซึ่งเปนเตรียมใหผูดูไดเห็นภาพในเชิงนิเวศวิทยาและเปนภาพใกลเคียง
กับสภาพธรรมชาติในลักษณะเทาที่จะเปนไปได ผูดจู ะใชเวลาไมนานที่จะหยุดดูสวนแสดงที่เปน
ธรรมชาติ แตสิ่งที่ควรจะไดรับคือภาพบรรยากาศของภูมิทัศนโดยรวมที่เปนธรรมชาติ ใหผูเที่ยวชม
มีความรูสึกวาตัวเองกําลังอยูภายในพื้นที่เดียวกันกับที่สัตวอาศัยอยู ( Coe, 1980 ) ถึงแมวาจะมี
ความเห็นวาสวนแสดงทุกแหงควรจะตองมีลักษณะตามที่มีในถิ่นที่อยูของสัตวนั้น เพื่อใหสัตวได
แสดงพฤติกรรมของสัตวชนิดนั้นได แตในทางการปฏิบัติแลวสวนสัตวสวนใหญก็ไมไดลงมติวาเปน
เอกฉันทที่จะยอมรับแนวคิด Natural exhibit
ขอโตแยงตอแนวคิด natural exhibit ก็คือเรื่องความปลอดภัย คาใชจายในการกอสราง
วิธีการกอสราง มุมมองจากสัตวแพทยหรือจากผูเลี้ยงสัตวที่อาจจะไมปลอดภัยตอการทํางาน (
เกาะชะนี- ผูแปล ) ซึ่งเปนประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมา มีบางทานที่พูดถึงวา กรงคือกรง ทําไมตรง
ลงทุนในราคาสูงและการบํารุงรักษาที่ยุงยาก รวมทั้งสวนแสดงในลักษณะนี้จะเปนแหลงหมักหมม
สะสมเชื้อโรคและพยาธิ
แนวคิด สวนแสดงที่เปนธรรมชาติ มีขอสนับสนุนจากเหตุผล 5 ขอคือ
1. งานใหการศึกษา
2. สิ่งแวดลอมที่เปนความตองการของสัตว
3. การลดความแปลกแยกระหวางสัตวและคน
4.ความสวยงาม
5. ผูเลี้ยงสัตวกับการจัดการภายในสวนแสดง
ขอ 1 ถามีการดําเนินงานที่ดี สวนแสดงที่เปนธรรมชาติก็เปนสื่อการสอน เปนการสื่อโดย
ไมไดใชขอความ สิ่งจะผูรับสารจะรับไดจากการการเห็น พื้นดิน กอนหิน พืชพรรณ ผูเที่ยวชมเห็น
ความสัมพันธระหวางสัตวกับระบบนิเวศวิทยา สัตวก็จะเปนสื่อที่สําคัญ ทั้งหมดที่กลาวมาจะเปน
เปาหมายของงานใหการศึกษา หนึ่งในเปาหมายของงานใหการศึกษาคือการใหเห็นความซับซอน
และสิ่งทีส่ นใจของลักษณะรางกายสัตว ลักษณะทางสรีระ การปรับตัวของพฤติกรรม ( Austin,
1965 ) ที่จะมีผลใหสัตวแตละชนิดสามารถอยูรอดไดในสิ่งแวดลอมตามธรรมชาตินั้นๆ
ขอ 2 ไมเพียงแตเปนการตกแตงเทานั้น แตโครงสรางที่หลากหลายและซับซอน จะมีสวน
ในการกระตุนใหสัตวมีการตอบสนองโดยการแสดงพฤติกรรมออกมา
126
ขอ 5 สวนแสดงที่มีการจัดแตงอยางเปนธรรมชาตินั้นจะเปนการสรางความพึงพอใจใหกับผู
เลี้ยงสัตวที่เลี้ยงสัตวชนิดนั้นอยู สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นกับผูเลี้ยงสัตวคือความรูสึกผิดที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
หากตองเลี้ยงสัตวในสภาพที่เหมือนถูกกักขังมากเกินไป แตถาผูเลี้ยงสัตวดูแลสัตวในสภาพที่สัตวไม
ถูกกักขังนักความรูสึกแบบนี้จะลดลง
ขอดีอีกประการหนึ่งที่สําคัญคือ เปนการนําภาพของระบบนิเวศวิทยาทีไ่ ดผลกระทบจาก
มนุษยมีผลนอยที่สุด เชน ภาพในลักษณะเดียวกันกับอุทยานแหงชาติและเขตหามลาสัตวปาที่มี
กฎหมายในลักษณะคุมครองสัตวปาจากการกระทําของมนุษย สวนสัตวและพิพิธภัณฑที่จะนําเสนอ
ความพึงพอใจในสิ่งที่ควบคุมได ที่ผูเที่ยวชมคุน เคยที่เปนภาพการปฏิสัมพันธกันระหวางคนกับ
องคประกอบที่คัดเลือกจากเปนธรรมชาติ ( Bacon, 1980 )
การจําลองในลักษณะที่เลียนแบบธรรมชาติในรูปแบบที่มีคากอสราง และการบํารุงรักษาที่
นอยกวาแบบ traditional hand exhibit ซึ่งพบบางครั้งภาพที่ออกมาไมเปนทีพ่ ึงพอใจ ดังนั้นวิธีการ
ออกแบบและกอสรางในรูปแบบอื่น ทีม่ ีเปาหมายที่จะใหไดภาพของปาที่จะกระตุนใหสัตวได
แสดงออกตามลักษณะของรางกายและสรีระวิทยาที่ตัวเองมีอยางเต็มที่ ตัวอยางเชนที่ การนํา
นวัตกรรมที่ทําที่ Tropic world ที่ Brookfield Zoo ที่จะเปนสัญญาณที่บอกกระตุนถึงความคิด
สรางสรรค ที่มีตอเนื่องในการพัฒนาในเรื่องของการออกแบบสวนแสดงในสวนสัตว
สวนแสดงปาดิบชื้นนําองคประกอบสําคัญของปาดิบชื้น โดยภาพจะแสดงความสัมพันธ
ไปจนถึงโครงสรางของลักษณะสังคมของปาดิบชืน้ โดยตนไมจะเปนตนไมเทียม ที่สรางจากวัสดุ
gunite tree และการใช epoxy คลุมในสวนของ rope vine เพื่อใหทําความสะอาดไดงายและการ
สรางคอกใหมองเห็นสัตวไดงาย สวนแสดงสัตวจะมีการแบงเปนชั้นๆ เหมือนกับพื้นปา เรือนยอด
ระดับกลาง เรือนยอดระดับสูงที่มีเถาวัลย หนาผาที่มีขอบหรือแนวโผลออกมา การใชน้ําและทอน
ไมที่วางนอนอยูเพื่อแบงพื้นที่ปาในสวนพื้นดินในสวนที่มีความแตกตางกัน
กอนที่จะทําการออกแบบสวนแสดงสัตวความเขาใจในตัวสัตว วาสัตวตองการพื้นทีม่ าก
นอยเพียงใด พฤติกรรมของสัตวชนิดนัน้ ๆในหลายๆ ดาน สัตวชนิดดังกลาวอาศัยอยูบริเวณใดของ
พื้นปา อาศัยอยูบนตนไมหรือบนพื้นดิน ขอมูลเหลานี้จะใชเปนขอมูลในการออกแบบ เชน ตําแหนง
การวางตนไม ตําแหนงของเกาะหลายๆเกาะจะตองมีความสัมพันธกับความสามารถในการกระโดด
และการปนปายของสัตว ในกรณีที่เปนชนิดสัตวที่มีพฤติกรรมทํารายตัวอื่น จะตองมีการจัดการ
เพิ่มเติม เชน มีคอกกักสําหรับกักตัวที่ทํารายตัวอื่น มีพื้นที่ออกกําลังกายอีกสวนหนึ่งเพื่อใหสัตวตัว
ที่อาจจะถูกทําราย ไดมีพื้นที่ออกมาจากคอกกักบางหรือระบบของคอกกักที่สามารถสลับเอาสัตวทกุ
ตัวออกมายังสวนแสดงได ( Robinson,1985 )
สวนแสดงสัตวที่มีสัตวหลายชนิดอยูรวมกัน ( Mixed Species Exhibit )
สวนแสดงสัตวที่รวมสัตวหลายชนิดอยูรวมกันจะนําเสนอความยิ่งใหญและสวยงามของถิ่นที่
อยูตามธรรมชาติ ซึง่ จะใหความสําคัญกับการแสดงของสัตวในบางระบบนิเวศ ในอันที่จะสงผลตอ
งานใหการศึกษา การผสมผสานของสัตวกับสิ่งแวดลอมตามถิ่นที่อยูของสัตว จะเปนการสื่อ
ความหมายที่มีประสิทธิภาพในเรื่องราวพื้นฐานของวิชาชีววิทยา ( การวิวัฒนาการในเรื่องการปรับตัว
ของสัตว การแขงขัน ลักษณะทางพฤติกรรม) เปนการนําไปสูงานดานการอนุรักษถิ่นที่อยูตาม
ธรรมชาติของสัตวชนิดนั้น ( Juvik,1976 )
แตละสวนสัตวจะมีสภาพที่แตกตางกัน เชนลักษณะพื้นที่ ชนิดของสัตวที่มี การให
ความสําคัญของหัวขอตางๆ ในการพัฒนาที่แตกตางกัน สิ่งทีก่ ลาวมานี้ทําใหแตละสวนสัตวมีวิธีการ
นําเสนอในเรื่องของการจัดแสดง Mixed Species Exhibit ที่แตกตางกัน การนําสัตวหลายชนิดมาอยู
รวมกันเปนหัวขอที่จะตองมีแหลงอางอิง เชน สวนสัตวแหงอื่นๆ เลี้ยงสัตวชนิดใดรวมกันบาง พื้นที่
เทาใด รูปแบบการจัดการและปญหาที่เกิดขึ้น
1.พื้นที่ตองมีการใชอยางมีประสิทธิภาพตัวอยางเชน จัดพื้นที่ใหเหมาะสมกับพฤติกรรมของสัตว
เชนบางชนิดอยูบนตนไมและบางชนิดอยูบนพื้นดิน
2. Mixed exhibit จะมีสิ่งที่ตองนําเสนอสิ่งที่นาสนใจและนําเสนอแบบใกลชิด ถาลักษณะของการ
แบงพื้นที่สัตวเปนแบบการแบงตามถิ่นที่อยูของสัตวสัตว ซึ่งเปนกลุมสัตวที่อยูรวมกันตามพฤติกรรม
ในถิ่นที่อยูเดิม
3. การอยูรวมกันของสัตวหลายชนิดตองมีการจัดการเรื่องจํานวนใหเหมาะสม ในเบื้องหลังอาจตอง
มีการกักตัวผูของสัตวชนิดดังกลาวไวในคอกกัก เนื่องจากทํารายสัตวชนิดอื่นๆ
4. ในชนิดสัตวที่ยังมีจํานวนนอยในสวนสัตวหรือสัตวที่มีจํานวนนอยในปาธรรมชาติ อาจพิจารณา
ไมนํามาจัดแสดง หากจะนํามาแสดงควรมีจํานวนที่มากเพียงพอแลว
การเลือกสัตวมาอยูรวมกันเพื่อจัดแสดง จํานวนทั้งชนิดสัตวและจํานวนในสัตวแตละชนิด
ตองมีการพิจารณาอยางรอบคอบ ถาสัตวที่อยูบนตนไมตองจัดเตรียมตนไมและราวไตสําหรับการ
หอยโหนไวดวย หากเปนสัตวที่มีการขุดตองเตรียมพื้นที่ไวให การทราบถึงลักษณะของถิ่นที่อยูของ
สัตวแตละชนิดเปนสิ่งที่ตองใหความสําคัญ ความเปนไปไดของชนิดสัตวทจะสามารถอยู
ี่ รวมกันได
แตการตัดสินวาอยูกันไดหรือไมก็ตอเมื่อนําสัตวแตละชนิดมาอยูรวมกันจริงๆ ( crotty,1980 )
รูปแบบงานใหการศึกษา ที่มีความเกี่ยวเนื่องกับสวนแสดงแบบสัตวหลายชนิดอยูรวมกัน ใน
หัวขอความสัมพันธของผูลากับผูถูกลา ( predator – prey relationship )
129
ดูรูปที่ 78 สวนแสดง หมีขั้วโลก กับแมวน้ําที่ Hagenbeck Zoo เมือง Hamburg ในชื่อหัวขอ ภาพ
แหงความจริง ( illusion of reality ) โดยจัดแสดงผูลากับผูถูกลาอยูใกลกัน การออกแบบจะทําใหภาพ
ที่ปรากฏในลักษณะทีส่ ัตวอยูรวมกันจากสายตาของผูเที่ยวชม ในขณะที่ความจริงนั้นสัตวจะแยกจาก
กันดวยการใชคู
แตในการใชรูปแบบสวนแสดงแบบนี(้ predator – prey relationship )ก็อาจจะเกิดปญหา
บางอยางขึ้น เชน
- มีสัตวบางชนิดเปนสิ่งที่ไมควรนํามาจัดแสดงในลักษณะความสัมพันธแบบผูลาและผูถูกลา
- การนํารูปแบบความสัมพันธระหวางผูลากับผูถูกลานี้มาใช อาจจะไมทําใหเกิดภาพที่นาตื่นเตน
อยางที่คาดไว เนื่องจากพบวาสัตวจะตางฝายตางอยู และเปนเรื่องยากที่จะทําใหสัตวผูลาตื่นตัวอยู
130
2 สวนแสดงแบบนิเวศวิทยาที่มีการนําเสนออยางตอเนื่อง แบบการเปลี่ยนแปลงตามตําแหนงของ
พื้นที่ (.Latitude Gradient / Ecological Continuum Exhibits )
เสนทางจากเมือง Abdidjan ไปยังเมือง Timbuktu ความเปลี่ยนแปลงไปตามตามตําแหนงของพื้นที่
โดยดูจากรูปที่ 80
การใชทางที่มีความลาดชันในระดับกลางจะใหความรูสึกของทางเนินลาด โดยมีสิ่งกีดขวาง
อยูดานหนาของเขา ความชันที่เหมาะสม ควรจะควบคุมดวยปจจัยที่มีอยูจริงในภูมิประเทศและ
ตามลักษณะการเคลื่อนที่ของผูเที่ยวชม เชน ทางเดินเทา ทางรถไฟ
ความหลากหลายของขอมูลทางชีววิทยาทั้งในระดับพื้นฐานและระดับสูงจะสามารถ
ถายทอดไดเปนอยางดี โดยการถายทอดผานรูปแบบของระบบนิเวศแบบภูเขา โดยแนวคิด
ประกอบดวย
- กลไกการปรับตัวของพืชและสัตว
- สายการวิวัฒนาการมารวมกัน
- ความหลากหลายของรูปแบบในในระบบนิเวศวิทยา
- ความแตกตางของลักษณะของพรรณพืชและสัตวในพื้นที่ที่มีระดับความสูงแตกตางกัน
ตัวอยางเชน เสือดาว( Panthera pardus )กับ เสือดาวหิมะ ( P. uncial ) ( juvik,1976 )
สวนแสดงปาอะเมซอน สวนแสดงปาดิบชื้นจะสื่อความรูไปยังผูเที่ยวชมไดในหลายหลาย
รูปแบบ การเดินทางทองเที่ยวเริ่มตนที่ปากแมน้ําอะเมซอนโดยจะเห็นตัวไคแมนที่ยาว 14 ฟุต โดยผู
เที่ยวชมจะเห็นไคแมนลอยตัวอยูในน้ํา จากจุดนี้จะเปนการเดินทางไปตามลําน้ําอะเมซอน การ
เที่ยวชมจะเปนไปในลักษณะสะพานแขวนที่พาดไปตามแนวเรือนยอดของตนไมภายในปาอะเมซอน
การเห็นตัวสัตวจะอยูตามระดับความสูงที่แตกตางกัน ไดเห็นตัวและไดยินเสียงสัตวในกลุมนกและ
ลิง พืช เชนกลุม Lianas และ Epiphytes ที่อยูในตนไม น้ําที่อยูในลักษณะลําธารขนาดเล็กและ
ละอองฝนจะชวยใหเกิดความรูสึกแบบปาดงดิบ ( Design group D, 1985 )
- liana n. a woody climbing plant that hangs from trees, especially in tropical rainforests. the free-
hanging stem of such a plant.
- epiphyte n. a plant that grows non-parasitically on a tree or other plant.
การวางตําแหนงของที่กินอาหารของสัตว เปนการกระตุนใหสัตวมีการเคลื่อนที่และสราง
โอกาสใหผูเที่ยวชมไดเห็นสัตวจากหลายๆมุม เปนการสรางกิจกรรมที่นาสนใจใหเกิดกับผูเที่ยวชม
มากยิ่งขึ้น ที่สวนสัตว The Woodland Park ที่สวนแสดงบีเวอรจะมีการตัดทอนไมในลักษณะบาก
ดวยขวานหรือมีดใหคลายกับการกัดดวยตัวบีเวอร โดยเฉพาะการตัดตนไมในบริเวณรอบสวนแสดง
เพื่อเปนการกระตุนตัวบีเวอรใหเห็นตนไมที่ถูกโคนใหลมลง ซึ่งวิธีการที่กลาวมานี้ไมสามารถกระตุน
ตัวบีเวอรใหแสดงพฤติกรรมไดอยางเปนที่พึงพอใจของผูเที่ยวชมก็ตาม แตก็เปนตัวอยางที่จะพยายาม
จําลองสิ่งแวดลอมเพื่อกระตนพฤติกรรมสัตวใหเกิดขึ้น ดังนั้นการทดลองดวยวิธีการหลายๆวิธีอยาง
ตอเนื่องจะมีความจําเปน เชนการควบคุมระดับน้ําใหอยูในระดับต่ําที่จะเปนการคงระดับใหบีเวอรยัง
สรางและรักษาสภาพเขื่อนอยูตลอดเวลา
ทันทีที่นําบีเวอรเขามาในสวนแสดง ผูเลี้ยงสัตวพยายามที่จะชักนําตัวบีเวอรใหแสดงการ
รักษาเขื่อนดวยวิธีที่ใหน้ําอยูใ นระดับต่ํากวาจุดที่อุดรู มีการเพิ่มและลดระดับน้ําในสระน้ําที่อยู
ดานบน ในหลายๆครั้งในแตละวัน เพื่อสรางความไมแนนอนและลดระดับน้ําจนกระทั่งน้ําแหง
ปลอยใหระดับน้ําจนถึงจุดที่น้ําไหลเออ จนลนเหนือจุด spillway
142
หนึ่งในอิทธิพลที่สําคัญในพฤติกรรมสัตวในสวนแสดงสัตว คือองคประกอบทางกายภาพที่
อยูกับสัตวทุกวัน โดยแตละองคประกอบมีคุณสมบัติและลักษณะที่แตกตางกัน เชน ขนาด รูปราง
สี ลักษณะของพื้นผิว น้ําหนัก ซึ่งผูอ อกแบบจะเปนผูกําหนด ผูใชสถานที่คือ สัตวและคน การ
กําหนดและจัดวางองคประกอบที่เลือกใหตรงกับความตองการของสัตวและใหเกิดภาพที่นาดู
นาสนใจกับผูเที่ยวชม โดยในสวนนี้จะใหความสําคัญสิ่งแวดลอมของสัตวที่ประกอบดวยสวนพื้น
( base ) ดานแนวตั้ง ( vertical ) เหนือศรีษะ ( overhead ) ในแนวราบ สวนประกอบแตละอยาง
ภายในพื้นที่ของสวนแสดงจะมีผลตอลักษณะอื่นๆของสวนแสดงและมีผลตอพฤติกรรมของสัตว คํา
บรรยายที่จะกลาวในหัวขอตอๆไปนี้จะไมกลาวถึงทุกองคประกอบ แตจะกลาวถึงในสวนที่เกี่ยวของ
กับความตองการของสัตว และการออกแบบองคประกอบตางๆ ที่เกิดจากทีมงานที่ประกอบดวย
ผูเชี่ยวชาญในแตละสาขามาทํางานรวมกัน ( the collaborative team )
144
ขนาด (Size )
สวนแสดงสัตวในอุดมคติคือ สวนแสดงที่ใกลเคียงกับถิ่นที่อยูตามธรรมชาติของสัตว
ขอจํากัดทีท่ ําใหไมสามารถสรางสวนแสดงสัตวใหไดตามความตองการดังกลาวเชน พื้นที่ภายใน
สวนสัตวที่มีไมเพียงพอ
สวนสัตวที่จัดลําดับความสําคัญของการพัฒนารูปแบบและพื้นที่เปนลําดับตน มักจะมีการใส
ขอกําหนดที่จะตองการใหสวนแสดงที่ปรับปรุงใหมดูเปนธรรมชาติ คําถามที่มักเกิดขึ้นเชนสวน
แสดงสัตวควรจะมีความกวางใหญเทาใดจึงจะเปนสิ่งที่สัตวพึงพอใจ และเมื่อปรากฏตอสายตาของผู
เที่ยวชมจะไมเปนในลักษณะที่เปนเหมือนกรง ซึ่งไมใชคําตอบที่งายสําหรับคําถามนี้ มีตัวอยางใน
สวนสัตวในเคนยาและแอฟริกาที่มีบางสวนแสดงที่มีขนาดใหญจะมีการใชคู รั้วไฟฟา คูน้ําที่มีสวน
กระตุนชักนําใหสัตวแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติ และเมื่อผูเที่ยวชมไดเห็นพฤติกรรมเหลานี้ก็จะ
เกิดความพึงพอใจ
145
ขอมูลโดยทั่วไปมักจะบอกพื้นที่ที่ตองการอยางนอยและจํานวนสัตวที่สามารถรับได จาก
ประสบการณและการทดลองพวกเราก็พอจะทราบถึงความสําคัญของขนาดสวนแสดง จะมีผลตอ
ขนาดฝูง จํานวนสัตว และถาเปนสวนแสดงสัตวที่มีสัตวหลายชนิดอยูรวมกันจะสามารถจัดแสดงได
กี่ชนิดและจํานวนเทาใด
ขนาดของสัตวไมไดเปนตัวกําหนดตายตัวถึงการกําหนดขนาดพื้นที่ที่สัตวตองการ แตขึ้นอยู
กับพฤติกรรมที่สัตวตอ งการแสดงออก
สิ่งที่พบเห็นดวยทั่วไปคือสัตวที่มีขนาดใหญตองอยูในกรงขนาดใหญ และสัตวขนาดเล็กถูก
บังคับใหอยูในกรงขนาดเล็กเชนใชตูปลาขนาดเล็ก สัตวที่มีขนาดเล็กควรจะนํามาเลี้ยงในสวนแสดง
ที่มีขนาดใหญเทาที่จะเปนไปได และถาเปนชนิดสัตวที่เปนสัตวสังคมทีต่ องอยูรวมกันหลายตัว ยอม
ตองการพื้นที่มากกวาชนิดสัตวที่อยูตามลําพัง
พื้นที่ของสวนแสดงตองมีความสัมพันธกับพฤติกรรมของสัตวที่ตองการแสดง สัตวผูลาที่มี
ความคลองแคลว เชน monitor lizard ผูเ ลี้ยงตองพิจารณาความเหมาะสมของพื้นที่โดยดูจาก
พฤติกรรมที่จะแสดงออกมา สัตวผูลา ที่ใชการดักซุมในการลาเหยื่อ เชนงู visperids ซึ่งมีรูปราง
อวนสั้นจะตองการพื้นที่นอยลงเมื่อดูจากขนาดของรางกาย เตา mata-mata เปนสัตวที่ลาเหยื่อที่
เปนปลาโดยการทําตัวใหกลมกลืนกับสิ่งแวดลอม ซึ่งจะแตกตางจากเตาชนิดอื่นๆ ที่มีการเคลื่อนที่
นอย แตในชวงฤดูกาลผสมพันธุซ ึ่งเปนชวงเวลาทีเ่ ตา mata-mata ตองการพื้นที่เพื่อการเกี้ยวพา
ราสีและการผสมพันธุ ซึ่งพบวาในสระน้ําที่มีขนาดใหญจะประสบความสําเร็จในการเพาะขยายพันธุ
มากกวา จากตัวอยางตางเหลานี้เปนการบงบอกใหรูวากอนที่จะทําการออกแบบสวนแสดง
ของสัตวชนิดใดการศึกษาทําความเขาใจธรรมชาติของสัตวชนิดนั้นๆใหชัดเจนเสียกอน
( Tolson,1985 )
นกตองการพื้นที่มากกวา 3 เทาของความยาวรางกายเพื่อตองการพื้นที่สําหรับการบิน
และนกแตละชนิดมีความแตกตางในเรื่องของอาหาร คอนเกาะ การจับคู การนอนหลับ ในสวนจัด
แสดงตองตองการสิ่งแวดลอมที่มีความเครียดนอย แตผูเที่ยวชมสามารถมองเห็นตัวสัตวได นก
ตองการสิ่งแวดลอมที่ใกลเคียงกับธรรมชาติที่นกอยู เพื่อนกจะไดมีโอกาสแสดงพฤติกรรมตาม
ธรรมชาติ นกเปนสัตวเกิดความเครียดไดงาย เชนความเครียดที่เกิดจากการตองอยูรวมกับสัตวชนิด
อื่นๆ ซึ่งในการจัดการสัตวในลักษณะนี้ ตองมีพื้นที่ใหสัตวสามารถหลบหลีกกันและกันได
นกลาเหยื่อ เชนเหยี่ยว นกอินทรีตองการสวนแสดงที่มีขนาดใหญ การจัดการตองพยายามใหมี
พื้นที่กวางขวางที่สุดเทาที่จะทําได แตตองใหพอเหมาะเนื่องจากนกที่นําเขาใหมจากปา จะบินใน
ลักษณะที่จะเปนอันตรายตอตัวนกได
พื้นที่โดยรวมของสวนแสดงมักจะมีจํากัด เปนสิ่งจําเปนที่จะตองมีพื้นที่สํารองภายในสวน
แสดง แตพื้นที่ดังกลาวไมควรจะเทากับพื้นที่หลัก รวมทั้งรูปรางควรจะตองแตกตางกันดวยเพื่อสราง
146
เหลานี้เกิดขึ้นเนื่องจากการวางแผนออกแบบเพื่อสรางภูมิทัศนและบรรยากาศที่เปนธรรมชาติ
( Werler,1975)
พื้นที่เหนือศีรษะ ( Overhead Plan )
ดู
รูปที่ 90 สวนแสดงนกแบบเดินเขาชมภายใน ที่ North Carolina Zoo พื้นที่เหนือศรีษะของสําหรับ
สวนแสดงนี้จะประกอบดวยหลังคารูปโคงครึ่งวงกลม ตนไม และกอนหิน ซึ่งทั้งหมดจะมีผลตอ
บรรยากาศและมีอิทธิพลตอพื้นที่ของสวนแสดงที่เลียนแบบถิ่นที่อยูของสัตว
สวนหลังคาของสวนแสดงเปนสวนที่มีความสูง สี พื้นผิว ความขุน ซึ่งเปนขอกําหนดโดย
รูปแบบของบรรยากาศของสวนแสดง ที่เปนความตองการของกลุมผูออกแบบ ขอแตกตางระหวาง
พื้นที่ดานแนวตั้งกับพื้นที่เหนือศีรษะ คือความพรามัวของภูมทิ ัศนของธรรมชาติ เชนทุงหญาแพรี่
ปาละเมาะ จะมีพื้นที่แนวตั้งที่มีพืชตามลักษณะของพื้นที่และเหนือศรีษะเปดโลง ในขณะที่ภูมิทัศน
ของปาและภูเขาพื้นที่ทั้งสองสวนจะจะคอนขางแนนทึบตามลักษณะของตนไมที่มีในพื้นที่
- พื้นที่เหนือศีรษะและพื้นที่ในแนวตั้งจะเปนสวนควบคุมแสงที่ผานมาที่สวนแสดง ทําให
พื้นที่ทั้งสองแหงนี้จะมีอิทธิพลตอบรรยากาศของสวนแสดง
- การใหความสนใจถึงความสัมพันธทั้งสองสวนนี้ การทําความเขาใจวาทําไมปาดิบชื้นจึง
มืดและทุงหญาซาวันนาจึงสวาง เนื่องจากจุดกําเนิดแสงและตัวกั้นแสง จะเปนตัวกําหนดวา
บรรยากาศที่จะเกิดขึ้นจะอยางไร
พื้นที่สวนเหนือศีรษะของสวนแสดงสัตวที่มีตาขายคลุมดานบน จะเปนสวนที่กันสัตวใหอยู
ภายในพื้นที่และชวยลดแรงปะทะจากลมฝน เชนตาขายที่คลุมสวนแสดงนกน้ํา ที่ The Woodland
Park ใชตาขายสีดํา การมองเห็นวัสดุชนิดนี้จะมีความเดนชัดนอยกวาสีอื่นๆ และเปนวัสดุที่มีความ
แข็งแรงเพียงพอ ที่จะควบคุมนกใหอยูภายในสวนแสดงไดโดยที่ไมไดตองตัดปก ตาขายชนิดนี้ยัง
152
องคประกอบภายในสวนแสดง ( Features )
จุดประสงคในเรื่องงานใหการศึกษาและงานดานการอนุรักษ
- การออกแบบสวนสัตวเพื่อที่จะใหผูเที่ยวชมไดรับความสนุกสนาน เปนเปาหมายที่สําคัญ
นับตั้งแตสวนสัตวเริ่มเกิดขึ้นในหนาประวัติศาสตรโลก
- การพัฒนาสวนสัตวในยุคปจจุบันไดสรางเปาหมายเพิ่มในเรือ่ งของงานใหการศึกษาและงาน
ดานการอนุรักษพืชและสัตว โดยที่สวนสัตวจะทําหนาที่สรางจิตสํานึกใหแกประชาชนในเรื่อง
สิ่งแวดลอมโดยเฉพาะในเรื่องสัตวปาที่ลดจํานวนลงและเรื่องของวัฒนธรรมทองถิ่น
- การออกแบบสวนแสดงที่มีแนวคิดในหัวขอเรื่องงานดานการอนุรักษและวัฒนธรรม ที่จะ
ทําใหเกิดการเรียนรูเมื่อผูเที่ยวชมเขามาในสวนสัตว พรอมทั้งไดรับความบันเทิงไปดวย
วิธีการออกแบบตองการวิธีการแบบใหมเพื่อใหผูเที่ยวชมไดชมสัตวพรอมกับสิ่งแวดลอม
ของสัตวชนิดนั้น ซึ่งตองใชสื่อที่หลากหลายที่จะสรางความรูสึกกับขอมูลที่ตองการสื่อออกไปใหผู
เที่ยวชมจะไดรับทราบ โดยใหความสําคัญกับลําดับเรื่องราวที่จะนําเสนอ ในการเคลื่อนที่ชมสัตว
ของผูเที่ยวชม จุดชมสัตวเปนจุดที่ผูเที่ยวชมไดอยางใกลชิดและชัดเจน เสนทางการเคลื่อนที่ผสาน
กับเรื่องราวที่นาสนใจและนาจดจําหรือไม
การออกแบบใหสวนแสดงประสบความสําเร็จในหัวขอเรื่องการอนุรักษ ( conservation
teme ) ตองการการเริ่มตนที่เปาหมายดานงานใหการศึกษา ที่สามารถใหแนวทางในการออกแบบ
และพัฒนาสวนสัตว
การเลือกหัวขอดานสิ่งแวดลอมที่เหมาะสมเปนเรื่องที่สําคัญ โดยเฉพาะในหัวขอเรื่องที่มี
ผลกระทบตอผูเที่ยวชมสวนสัตว การสื่อความหมายและการจัดแสดงในหัวขอภายในเรื่องราวของ
สัตวในสวนแสดงตางๆนั้นจะมีความจํากัด เนื่องจากความคิดสรางสรรคและความรอบรูของกลุมของ
ผูออกแบบเอง
การวิเคราะหและการเลือกเปาหมายจากรายงานของแผนแมบท นิตยสารทางวิชาการ และ
รายงานการเสนอเพื่อเริ่มตนงานออกแบบของนักศึกษา ไดแสดงใหเห็นถึงเรื่องราวที่จําเพาะ
โดยเฉพาะในเรื่องของระบบนิเวศวิทยา
การสรางสวนแสดงที่ทําใหสัตวและพืชมีสุขภาพแข็งแรงและมีสุขภาพจิตที่ดี ใหสัตวไดมี
โอกาสแสดงกิจกรรมตามธรรมชาติ ผูเทีย่ วชมไดเขาใจถึงความสัมพันธระหวางสัตว สิ่งแวดลอม
และโลก ( Shea,1985 )
จุดประสงคการใหการศึกษาที่สวนแสดง The North American Exhibit เพื่อกระตุนความ
สนใจและใหเห็นความสําคัญของสิ่งแวดลอมในทวีปอารคติก โดยนําเสนอในเรื่องสิ่งแวดลอมที่มีผล
จากน้ํามือมนุษย ( Design Group A,1985 )
สวนแสดงจะทําหนาที่ในเรื่องงานใหการศึกษาใน 2 จุดประสงคคือ 1 ใหผูเทีย่ วชมไดทราบ
ถึงความหลากหลายของชนิดพืชและสัตวในปาดิบชื้น 2. ทราบถึงการคุกคามทําลายพื้นที่ปาดิบชื้น
155
เนื่องจากสามารถปรับตัวเขากับทุงหญาที่มีการเลี้ยงสัตวได นักอนุรักษตองออกมาปกปองประโยชน
การใชสอยจากการใชพื้นที่ และทําใหมีการจัดการกลุมจิงโจและแกะใหอยูในพื้นที่เดียวกัน
( Design Group E, 1985 )
พื้นที่ปาดิบชื้นที่สําคัญของโลก 3 แหง คือพื้นที่ลุมน้ําอเมซอนในทวีปอเมริกาใต เขตลุม
น้ําคองโกในแอฟริกากลาง หมูเกาะของประเทศอินโดนีเซียในเอเชียตะวันออกเฉียงใต ปาดิบชื้น
เปนพื้นที่ทีมีความหนาแนนของสิ่งมีชีวิตตอพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตรที่มากกวาระบบนิเวศในปาชนิด
อื่น มีพืชอยูเปนจํานวนมากที่ยังไมมีการศึกษาถึงมูลคาทางเศรษฐกิจและวิทยาศาสตร พื้นที่
ดังกลาวถูกทําลายเพื่อใชเปนพื้นที่สําหรับเลี้ยงสัตวและทําเหมืองแร พืชและสัตวจํานวนมากถูก
คุกคามจากพื้นที่ปาถูกทําลาย สัตวที่อยูในพื้นที่ดังกลาวเกิดการแยงชิงพื้นที่มากขึ้น ( Design
group D, 1985 )
งานดานการอนุรักษที่นําเสนอในลักษณะพื้นที่ เพื่อใชในงานใหการศึกษาแกผูเที่ยวชม
เกี่ยวกับปาดิบชื้น ถูกทําลายจากมนุษย โดยเตรียมพื้นที่ที่มีความแตกตางระหวางปาดิบชื้น
และพื้นที่ปาดิบชื้นที่ถูกทําลายกลายเปนพื้นที่เกษตรกรรม ตัวอยางคือ เมื่อเดินผาน สวน
แสดงที่สวยงามมีสิ่งแวดลอมที่เปนตนไมที่ขึ้นแนนทึบและมีสัตวปาจากนั้นผูเที่ยวชมก็จะผานไปสู
พื้นที่เกษตรกรรมที่มีการหักลางถางพง มีทุงนาที่ปลูกขาวในกระทอมที่มีอุปกรณลาสัตวตางๆ
รวมทั้งเสนทางที่เขาไปในปาเพื่อการตัดซุง สรางความรูสึกที่ออนไหวใหเกิดขึ้นในเสนทางที่เดินผาน
แปลผลขอมูลจากภาพที่เห็นวาพื้นที่ปามีการถูกทําลายกลายเปนพื้นที่เกษตรกรรมและใหขอมูล
เพิ่มเติม อัตราการลดลงของพื้นที่ปาดงดิบเปนไปในอัตราทีส่ ูงมากตอวัน แสดงภาพการตัดตนไม
ทําลายปาที่เกิดขึ้นในเขตทั้ง 3 เขตดังกลาว ( Design Group D,1985 )
ตัวอยางของการออกแบบสวนแสดงที่ใชแนวคิดทางสิ่งแวดลอม
วัฒนธรรมของชนพื้นเมืองทั่วโลกมีการใชทรัพยากรทั้งที่สรางใหมได และแบบที่ใชแลวหมด
ไป ทวีปอารคติกเปนพื้นที่ที่มีลักษณะจําเพาะทั้งในเรื่องของอากาศ พืชและสัตว สวนแสดงนี้จะใหผู
เที่ยวชมไดสัมผัสกับบรรยากาศของพื้นที่ทวีปอารคติก เนื้อหาที่มีภายในสวนแสดงนี้จะจัดแสดงการ
ทําลายที่มีผลกระทบจากการที่มนุษยเขาไปใชพื้นที่ ( Design Group B,1985 )
พื้นที่ที่จัดแสดงความแตกตางกันของพื้นที่ที่ปาดิบชื้นที่สมบูรณและพื้นที่ปาที่ถูกทําลายจาก
ฝมือมนุษย ตัวอยางของพื้นที่จัดแสดง เชน ผูเที่ยวชมเดินผานพื้นที่ปาที่ตนไมขึ้นอยางหนาแนน
และมีสัตวปา จากนั้นผูเที่ยวชมจะผานไปสูพื้นที่นาขาว บานของพรานลาสัตว และถนนที่ตัดเขาไป
ยังเหมืองแร บรรยากาศดังกลาวสรางขึ้นเพื่อใหผูเที่ยวชมไดสัมผัสความรูสึกถึงความเสียหายที่
เกิดขึ้น รวมทั้งการใหขอมูลถึงความเสียหายของพื้นที่ปาดิบชื้นตอวันนั้นมีปริมาณมากนอยเพียงใด
( Design Group D, 1985 )
157
การออกแบบที่ประสพความสําเร็จในสวนของพื้นที่ของผูเที่ยวชม
- อาจจะอยูภายในหรืออยูติดกับพื้นที่ของสัตว
- เปนพื้นที่ที่ผูเที่ยวชมไดเห็นตัวสัตวและเห็นพฤติกรรมของสัตว
- เปนสวนในเชื่อมความสัมพันธระหวางพื้นที่ของผูเที่ยวชมและพื้นที่ของสัตว
- เปนสวนทีช่ วยสนับสนุนการสื่อสารของขอมูล และเปนการปฏิสัมพันธที่จะทําใหเกิด
โอกาสการเรียนรูอยางไมมีจํากัด
- พื้นที่ชมสัตวตองสรางเงื่อนขัยทางสิ่งแวดลอมที่จําเปนตอการสรางการเรียนรูอยางเหมาะสม
ที่ผูเที่ยวชมจะเกิดการเรียนรู เมื่อไดเขาไปมีสวนรวมในกิจกรรมซึ่งสรางขึ้นในพื้นที่ชมสัตว ขอมูลที่
ผูเที่ยงชมจะไดรับนั้นเกิดจากประสบการณที่ตนไดสัมผัสมาโดยตรง และไดรับรูจากประสาทสัมผัส
ของรางกายในหลายๆ ชองทาง
การรับรูของคนจะมีการเรียงลําดับจากนอยไปหามากดังนี้คือ การไดยิน การอาน ไดเห็น ลง
มือทํา การเรียนรูจากสถานการณหรือเหตุการณ แตผูเรียนจะสามารถรับไดมากหรือนอยจะขึ้นอยูกับ
159
- ความรูพื้นฐานของผูเรียนคนนั้น
- การนําเสนอที่มีความสัมพันธกัน ทันสมัย ถูกตอง
- เปนขอมูลที่เปนประโยชน เขาใจได
- จัดแสดงออกมาในสื่อที่นาสนใจ
การเรียนรูจะเกิดไดมากขึ้นเมื่อประกอบดวยแรงจูงใจ ความคาดหวัง ความรูสึกที่ทาทาย
มากกวาการพูดคุยขอมูลใหฟงเพียงอยางเดียว
การสรางสรรคสิ่งแวดลอมที่เอื้อใหเกิดการเรียนรูนั้นตองมีการเคลื่อนไหวและความซับซอน
ซึ่งประกอบดวยผูคน สัตว และสิ่งแวดลอมที่รายลอมสัตวชนิดนั้นๆอยู โดยสิ่งแวดลอมทั้งหมดที่
สรางขึ้น ตองมีความเขาใจถึงการประมวลผลของการสัมผัสรับรูในการเห็นภาพของมนุษย การแปล
ความหมายของความรูในเรื่องธรรมชาติวิทยาของสัตวชนิดนั้นๆ ใหเปนลักษณะทางกายภาพอยาง
แทจริง เปนขั้นตอนที่มีความสําคัญของกระบวนการออกแบบ ความสวยงามที่พบเห็นไดในสวน
แสดง จะประกอบดวยการเรียนรูจากการผสมผสานการมองสิ่งตางๆ ของมนุษย เชน ขนาด รูปทรง
ตําแหนง แสง สี อากาศ พืช สัตว ซึ่งการรับรูและเขาใจของผูเที่ยวชมยังมีผลจากวัฒนธรรม
ประเพณี ลักษณะทางสังคม ลักษณะของสัตว พฤติกรรมของสัตว เศรษฐกิจ การเมือง เปนตน
คุณลักษณะตามธรรมชาติและการจัดวางตัวของวัตถุ จะมีผลตอความรูสึกและอารมณของ
มนุษย โดยเกิดจากการประมวลผลจากภาพที่ไดเห็นรวมกับประสบการณเดิมของผูรับภาพนั้น รวม
ทั้งประสาทสัมผัสอื่นๆ ก็เปนสวนเสริมในการสรางอารมณและความรูสึกเชน สัมผัสรอนหนาวที่รับ
จากความรูสึกทางกายที่เกิดขึ้น
- แนวความคิดและอารมณความรูสึกที่ตองการใหเกิดขึ้น กับผูเที่ยวชมที่สวนแสดงสัตว คือ
ในเรื่องของความเขาใจถึงสิ่งแวดลอมในถิ่นที่อยูเดิมที่สัตวชนิดนั้นอยู พฤติกรรมและงานดานการ
อนุรักษ
ผูออกแบบสวนแสดงสัตวตองรับผิดชอบในสวนของการกําหนดชนิดของวัสดุและ
กําหนดการจัดวางวัสดุภายในสวนแสด ใหสอดคลองกับงานใหการศึกษาและงานดานการอนุรักษ
- - ความรับผิดชอบของผูออกแบบสวนแสดงสัตวจะมีผลอยางยิ่งตอการเรียนรูของผูเ ที่ยว
ชม
- การออกแบบสวนแสดงสัตวที่มีองคประกอบและอุปกรณภายในสวนแสดง ที่ชวยใหสัตวแสดง
พฤติกรรมตามที่สรางโอกาสใหสัตวไดแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาตินั้น ผูออกแบบตองมีความ
ตระหนักสุขภาพใจของสัตวนั้นจะดีไดก็ตอเมื่อ สัตวไดแสดงออกตามลักษณะของรางกาย ซึ่งจะใช
เปนขอมูลในการเลือกวัสดุและจัดวางวัสดุ
การออกแบบสวนแสดงสัตวที่นําเอาการแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติของสัตว เขามาเปน
แนวคิดรวมจะเกิดขอสังเกตที่วา วัสดุที่นํามาใชจะตองมีความตอเนื่องประสานกับองคประกอบอื่นๆ
ไมแยกกันอยางชัดเจนหรือรวมกันจนเปนสิ่งเดียวกัน แตจะมีความสัมพันธกับสิ่งอื่นๆในระดับที่
160
ดูรูปที่ 94 ระดับของปฏิสัมพันธระหวางผูเที่ยวชมกับการสื่อดานการศึกษาและความบันเทิงที่สวน
สัตวสรางสรรคขึ้น ซึ่งมีวิธีการหลากหลายวิธีที่จะสรางความสนใจ สรางกระบวนการเรียนรู และ
ความสนุกสนาน ก. การสังเกต สวนแสดงสิงโตที่สวนสัตวแคนซัส ซิตี้ ข. การแสดงความสามารถ
ของชางแอฟริกาที่สวนสัตว ไมอามี แมโทร ค.การสื่อความหมายโดยใชภาพ ที่สวนสัตวลินคอนท
ปารค ง. การนําสัตวใหผูเที่ยวชมใกลชิดที่มีการฝกจนเชื่อง จ. สัตวมีกิจกรรมรวมกับผูเที่ยวชม เชน
การใหผูเที่ยวชมสัมผัส
ก. การสังเกต ( observation ) กอนที่จะเขามาเที่ยวสวนสัตวผูเที่ยวชมมักรับรูเรื่องของสัตวชนิดตางๆ
จากโทรทัศน วิทยุ สื่อสิ่งพิมพ ผูเที่ยวชมมาที่สวนสัตวเพื่อความบันเทิงและการพักผอน ไมไดเพือ่
มารับทราบขอมูลที่หนักสมอง
ผูเที่ยวชมสวนสัตวจะใชการสัมผัสทางประสาทตาเพื่อรับชมภาพเปนชองทางสําคัญในการ
รับขอมูล
- สวนสัตวในยุคที่ยังมีระดับการจัดการยังไมดีนัก กลิ่นจะเขามาเปนสิ่งสัมผัสรวมอีกสวนหนึ่ง
162
- ประสาทสัมผัสทางเสียงในขณะเดินเที่ยวชมสัตว อาจไดยินเสียงสัตวบางชนิดรองเชนเสียงรอง
ของชะนี เสียงรองของนกกาฮัง หรืออาจจะมีผูเที่ยวชมบางคนใชการตะโกนเพื่อเรียกความสนใจ
จากตัวสัตว แตการกระทําในลักษณะดังกลาวถือวาเปนการรบกวนสัตว ซึ่งไมควรกระทํา
- การสัมผัสตัวสัตวอาจจะเกิดขึ้นไดในสวนที่สวนสัตวจัดเตรียมไวให ผูที่ชมสามารถสัมผัสไดเชนที่
สวนสัตวเด็ก
การออกแบบสวนแสดงสัตวจะตองใหความสําคัญกับภาพที่ผูเที่ยวชมไดเห็น เนื่องจากภาพ
เปนชองทางสําคัญที่ผูเที่ยวชมจะใชในการรับรูถึงเรื่องราว เมื่อเขามาในสวนสัตว และลําดับตอไปสิ่ง
ที่จะเกิดขึ้นตามมาคือ การแทรกงานใหการศึกษาเขามา ซึ่งตองอาศัยประสาทสัมผัสจากภาพที่เกิดขึ้น
ขอมูลของแมวน้ําที่จะตองสื่อใหกับแกผูเที่ยวชม ในการชมสวนแสดงของสัตวชนิดนี้ เชน
การใหผูเที่ยวชมทราบวาตาของแมวน้ํามีขนาดใหญและไมมที อน้ําตา ซึ่งจะทําใหดูเหมือนวาสัตว
ชนิดนี้กําลังรองไห และเมื่อดูแมวน้ําในตอนดําน้ําที่อยูใตน้ําก็จะเห็นวามีหนังตาที่ 3 มาคลุมปดตา
ไว เราจะใหผูเที่ยวชมมองผานเลนสเพื่อใหเห็นภาพ ในลักษณะเดียวกันกับทีแ่ มวน้ําเห็นภาพเมื่อ
ภาพขณะอยูในน้ํา โดยมองเขาไปในสวนแสดงปลาซึ่งจะมีปลาหลายชนิดจัดแสดงอยู ดวยกิจกรรม
นี้ผูเที่ยวจะไดสัมผัสกับบางมุมของชีวิตแมวน้ําในบรรยากาศที่แมวน้ําเปน ( Design Group
A,1985 )
พื้นที่ชมสัตวของสวนแสดงสัตวกลุมสัตวกินเนื้อ ที่ตองลาสัตวชนิดอื่นเปนอาหาร จะจัด
แสดงสวนของฟนและเล็บเพื่อใหผูเที่ยวชมไดเห็นและสัมผัสพื้นผิว ขนาด รูปทรง ความแหลมคม
ซึ่งสัตวกลุม นี้จะใชอวัยวะเหลานี้ชวยในการลาสัตว
การใชกลอง periscope เพื่อใหผูเที่ยวชมเห็นภาพภายในในลักษณะที่มองจากตา
ของนกหรือตาของแมลง เพื่อจะใหผูเที่ยวชมเห็นภาพทีมองจากตานก วาขนาดของวัตถุ
จะเปนอยางไรเมื่อนกมองมาที่วัตถุและความแหลมคม ความสามารถในการรับภาพของตา
นก
การจัดแสดงใหเห็นความแตกตางของสัตวและพืชในสวนของลักษณะ สี ขนาด รูปราง
เพื่อเปนการสื่อใหเห็นถึงความหลากหลายที่มีในระบบนิเวศวิทยา เชน สัตวเทากีบในทุงหญาซาวัน
นาของแอฟริกาที่มีสีสันของรางกายและลักษณะของเขาที่แตกตางกัน
ขบวนการเรียนรูทผี่ สมผสานระหวางความสนุกสนานและขอมูล ตองสรรหาวิธีการทีผ่ ูเที่ยว
ชมชื่นชอบและมีประสิทธิภาพในการสื่อสารขอมูลในเรื่องสัตวและพฤติกรรมสัตว
ในพื้นที่สวนแสดงของลิงชิมแพนซี ที่ไดจัดแตงสวนแสดงใหมีอุปกรณที่ใหสัตวไดแสดง
พฤติกรรมอยางเต็มที่ จัดหาสัตวเพื่อใหเกิดโครงสรางสังคมที่เหมือนกับสังคมในปา ผูเที่ยวชมมี
โอกาสที่จะเห็นพฤติกรรมตามธรรมชาติ ความเฉลียวฉลาดของลิงไมมีหาง ซึ่งเปนสัตวที่มีลักษณะ
163
ของสายพันธุกรรมที่มีความสัมพันธกับมนุษย รวมทั้งการนําเสนอในแงมุมของลิงชิมแพนซีมี
ความสัมพันธอยางไรกับพื้นที่ปาที่ตัวเองอาศัยอยู
การจัดแสดงโดยการนําเสนอพฤติกรรมตามธรรมชาติของลิงชิมแพนซี ที่มีความสัมพันธกับ
สิ่งแวดลอม ผานการใชอุปกรณที่เปนวัสดุธรรมชาติหรือจําลองวัสดุธรรมชาติ พฤติกรรมที่ผูเที่ยวชม
ไดเห็นจะเปนภาพตัวแทนของพฤติกรรมที่สัตวแสดงในปา อุปกรณที่เราจัดไวจะเปนตัวกําหนดใหลิง
ชิมแพนซีตองปรับตัวเขากับสิ่งแวดลอมในสวนแสดง ตัวอยางของกิจกรรมที่จะจัดใหมี เชน
แบบตางๆของการเคลื่อนที่ ซึ่งดวยกันหลายรูปแบบ การเดินบนทอนไมที่แข็งแรง การแกง
ไกวตัวบนกิ่งไม การเคลื่อนที่โดยใชเชือก การเคลื่อนที่บนพื้นดินโดยใชมือและเทาทั้ง 4 ขาง
แสดงความแข็งแกรงของรางกาย การเคลื่อนยายวัตถุที่หนัก เชนทอนไมแหง เพื่อเอา
อาหารที่อยูใตทอนไม
การแกไขปญหาโดยการใชอุปกรณ ตัวอยางเชน การแกปญหาเพื่อจะกินผลไมที่อยูในวัสดุที่
เปดยากหรือผลไมเปลือกแข็ง
ความสามารถในการแกปญหาและความสามารถในการเคลื่อนที่ เพื่อเอาอาหารที่แขวนอยู
สูงเกินกวาที่จะเอื้อมถึงดวยความสามารถของรางกายปกติ
ข. การสื่อความหมาย ( interpretation ) การสื่อขอมูลโดยการใชรูปภาพและเจาหนาที่ เปนแนวคิดที่
จะใหสวนชมสัตวของสวนแสดงเกิดกิจกรรมประจําวัน
- ขอมูลที่จะนํามาสื่อตองมีการตรวจสอบแลววาถูกตอง และการออกแบบปายขอมูลทั้งในสวน
ขอความและรูปภาพ ที่จะชวยในการเปนสวนที่สรางความสนุกสนาน และดึงดูดความสนใจของผู
เที่ยวชม ซึ่งจะเปนโอกาสทีจ่ ะสื่อความรูใหแกผูเที่ยวชม
- องคประกอบทุกอยางของพื้นที่สวนแสดงจะตองใชเปนเครื่องมือในการสอน ชวยเตรียมในสวน
ของความหมายภาพและเปนตัวสื่อขอความ
- จุดชมสัตวที่ใชงานเพื่อการสื่อความหมายไดดีนั้น ตองมีพื้นที่ที่เพียงพอและอยูในตําแหนงที่
เหมาะสม ภาพที่เห็นจากจุดชมตองมีการผสมผสานอยางลงตัวของฉาก เรื่องราวที่จะนําเสนอ ลําดับ
ของเรื่องราว วิธีการสื่อที่ไปถึงผูเที่ยวชม
สวนแสดงผึ้งหาน้ําหวาน เปนสวนแสดงที่สื่อใหเห็นถึงการพึ่งพากันระหวางแมลงและพืช มีพนื้ ที่
ปลูกไมยืนตนและพืชลมลุกหลายๆ ชนิด โดยเลือกปลูกพืชที่ใหน้ําหวานที่สรางดอกไมที่ในหลาย
ลักษณะ หลายกลิ่นและสีสันเพื่อดึงดูดแมลงมาที่ดอกไมเพื่อชวยในการผสมเกสร ในพื้นที่
สวนกลางอาจวางรังผึ้งเลี้ยงไวโดยมีพื้นที่ที่ปลูกตนไมและดอกไมที่เปนแหลงหาน้ําหวานอยูโดยรอบ
เพื่อจัดแสดงใหเห็นความสัมพันธระหวางผึ้งและพืช
แมลง สวนแสดงขนาดเล็กที่แสดงแนวคิดวา สัตวมีการพัฒนาระบบการปรับตัวจนมีสีลําตัวเพื่อ
ปกปองตัวเองจากผูล า การจัดแสดงจะใหขอมูลและรูปภาพถึงเหตุผลสําหรับการพรางตัวและมี
164
สวนแสดงสัตวที่สามารถสื่อสารขอมูลโดยผานทางประสาทสัมผัสของรางกายหลายชองทาง
( Multisensory )
การออกแบบสวนแสดงสัตวสามารถสื่อขอมูลไดหลายชองทาง นอกเหนือจากวิธีการหลักคือ
การมองเห็น โดยผานสัมผัสทาง กลิ่น เสียง สัมผัส รส ซึ่งจะเปนวิธีการที่ไมเพียงสรางความ
นาสนใจ แตยังสรางคําถามใหผูเที่ยวชมเอาไปคิดเพื่อหาคําตอบเพิ่มเติม ที่จะนําไปสูการหาความรู
เพิ่มในโอกาสหนา สวนแสดงในลักษณะดังกลาวยังเพิ่มความนาสนใจและความสนุกสนานอีกดวย
สวนงานใหการศึกษาและความสนุกสนานเพลิดเพลินสําหรับผูเที่ยวชม ควรจะตองผสมผสาน
กันจนเปนเรื่องเดียวกัน การศึกษาควรเปนแบบไมเปนทางการ การใชประสาทสัมผัสตางๆ เชน
เห็นสัตวกระโดดโลดเตนในสวนแสดงที่เปนธรรมชาติ ฟงเสียงนกรองที่ดังผานพุมไมออกมา ไดกลิ่น
หอมของดอกไม จะเปนการสือ่ สารที่มคี วามนาสนใจและเพิ่มความหลากหลายใหวิธีการให
การศึกษา ( Design Group E,1985 )
การออกแบบสวนแสดงสัตวเพื่อใหสอื่ ขอมูลผานไปยังประสาทสัมผัสหลายๆชองทางนั้น
ในทางการปฏิบัติแลวการนําเสนอที่สรางความตื่นเตนและสนุกสนาน ควรจะเปนการสื่อขอมูลใน
เรื่องใดเรื่องหนึ่ง ทําใหการนําเสนออาจทําไดโดยผานประสาทสัมผัสแบบใดแบบหนึ่งเทานั้น
ตัวอยางที่ยกมานําเสนอเชน
การสัมผัส – ความรูสึก ( Touch – Feel )
ก ขอมูล หมีขั้วโลกสามารถทนทานตออากาศที่หนาวเย็นของอากาศและน้ํา โดยอาศัยอยูกลางแจง
และวายน้ําในน้ําที่หนาวเย็นตลอดทั้งป ในชวงที่ตัวเมียเลี้ยงลูกในฤดูหนาวจะหลบในถ้ํา อุณหภูมิ
ปกติในชวงฤดูหนาวของเวลากลางวันในทวีปอารติกจะเปน – 60 องศาฟาเรนไฮต ในชวงฤดูรอนจะ
เปน 60 องศาฟาเรนไฮน อุณหภูมิของน้ําที่หมีขาววายอยูจะสูงประมาณ 27 องศาฟาเรนไฮต
รางกายของหมีขาวจะมีสวนของขน ผิวหนังและไขมันจะเปนสวนที่ชวยใหหมีสามารถอยูร อดไดใน
สภาพที่อากาศหนาวเย็น รางกายของหมีขาวมีความสามารถในการกระจายความรอน ทําใหหมี
ขาวมีความทนทานตอความรอนในชวงฤดูอบอุนได ความจริงขอหนึ่งก็คือรางกายของหมีขาวจะมี
สองอุณหภูมิดวยกัน โดยที่สวนเทาจะเปนบริเวณทีม่ ีอุณหภูมิที่เย็นกวาสวนอื่นๆ ของรางกาย
165
ไดวิเคราะหสาเหตุการมาเที่ยวสวนสัตวพบวา 47 % มีความคาดหวังวาจะสามารถใหอาหารแกสัตว
ได สามารถสัมผัสสัตวได เด็กตองการใกลชิดสัตว อยากสัมผัส อยากใหอาหาร ( Normadia, 1983 )
สวนแสดงสัตวที่ผูเที่ยวชมสามารถสัมผัสสัตวได ( Hand on exhibit ) เปนสวนแสดงที่มีเพื่อ
ตอบสนองความตองการการสัมผัสของมนุษย ( Tactile stimulation ) ดังนั้นพื้นที่ที่ผูเที่ยวชมสามารถ
เขาใกลชิดและสัมผัสสัตวไดจึงเปนพื้นที่ที่มีความสําคัญสวนหนึ่งของสวนสัตว
สวนแสดงที่เพิ่มโอกาสการมีสวนรวมของผูเที่ยวชม โดยใหผูเที่ยวชมไดใชประสาทสัมผัส
อื่นๆมากขึ้น มากกวาการเห็นเพียงอยางเดียว ผลที่จะเกิดขึ้นจากการใชประสาทสัมผัสและอารมณที่
เกิดขึ้นจะมีสวนชวยใหผูเที่ยวชมเกิดความสนุกสนาน เพิ่มชองทางการศึกษา ระดับของการมีสวน
รวมตองการกิจกรรมทางรางกายและเหตุการณที่มีผลกระทบตออารมณ บางครั้งประสบการณที่ผู
เที่ยวชมไดรับจะเปนสิ่งที่มีความสนุกสนาน คลายกับการนําผูเที่ยวชมไปสูสถานที่จําลองถิ่นที่อยูตาม
ธรรมชาติของสัตว
ผูเที่ยวชมที่มีประสบการณในการเที่ยวดูนกในทางเดินศึกษาในอุทยานแหงชาติ มีขอปฏิบัติ
ในการเที่ยวชมลักษณะดังกลาวเชน การแตงตัวที่กลมกลืนกับสีสันรอบขาง สอดสายสายตาหา
เปาหมายในระยะใกลไกลและระดับสูงต่ํา ขอปฏิบัติที่กลาวมาก็จะทําใหมีโอกาสไดพบนกชนิดตางๆ
มากชนิดขึ้น ในการเดินเที่ยวชมสัตวในสวนสัตวมีขอปฏิบัติเชน พูดคุยกันดวยเสียงที่เบา มองหา
ตําแหนงที่สัตวอยูและชี้ใหเพื่อนรวมกลุมไดทราบตําแหนง ( Cotty, 1980 )
การออกแบบสวนชมสัตวใหผูเที่ยวชมไดมีกิจกรรมรวม ที่จะทําการเที่ยวชมสัตวมีความ
สนุกสนานภายใตแนวคิดงานใหการศึกษา เชน
- การเคลื่อนที่ของจิงโจ มีปายเชิญชวนกระโดดในทาทางที่คลายกับจิงโจกระโดด
- การปองกันตัวของพืชจากการถูกสัตวกินพืชมากัดกินดวยการใหทดลองเดินผานพืชกลุม
ตะบองเพชรที่ปลูกเวนชองใหทดลองเดินผาน
- การเรียนรูภาพที่เห็นดวยตาของนกโดยการเตรียมกระจกที่มีลักษณะเปนกระจกชิ้นเล็กตอ
กันเปนกระจกบานใหญ
- การแสดงใหเห็นถึงความเร็วในการวิ่งของสัตวผูลาและสัตวกินพืชที่เปนผูถูกลา ดวยการ
ใชหุนรูปสัตววางบนรางเลื่อนที่ควบคุมดวยเครื่องยนตและสายพาน
สวนแสดงสัตวที่มีงานใหการศึกษาที่ใหขอมูลในลักษณะการเปรียบเทียบตัวมนุษยกับสัตว
โดยจุดประสงคหลักของแนวคิดนี้เพื่อเพิ่มความเขาใจในเรื่องของการปรับตัวและการวิวัฒนาการของ
สัตวใหเหมาะสมกับสิ่งแวดลอม ลองดูตัวอยางของกิจกรรมการเปรียบเทียบความสามารถระหวาง
มนุษยกับสัตว
167
การเคลื่อนที่และการสรางสมดุล
ก.โหนเชือก เปนบริเวณทีผ่ ูกเชือกไวเพดาน โดยผูเที่ยวชมใชมือและแขนไตขึ้นดานบนตามความ
ยาวของเชือก เมื่อผูเที่ยวชมถึงจุดสูงสุดจะมีกระดิ่งใหสั่นเพื่อหยุดเวลาที่แสดงวาใชเวลานานเทาใด
การโหนเชือกขึ้นนี้ผูเที่ยวชมสามารถเปรียบเทียบเวลาของตัวเองกับลิงอุรังอุตังได
ข.บันไดมือ ( Monkey Bar ) นําเครื่องเลนเด็กบันไดมือวางไวที่พื้นที่ชมสัตว และดัดแปลง
บันไดมือจัดติดตั้งไวในภายในพื้นที่สวนแสดงลิงอุรังอุตัง เมื่อผูเที่ยวชมเห็นลิงอุรังอุตังเลนเครือ่ งเลน
ก็จะเกิดความอยากที่จะเครื่องเลนดังกลาวขึ้นมา และสามารถเปรียบเทียบการใชเวลาบันไดมือ(
monkey bar ) ของอุรังอุตัง
ค. คานทรงตัว ( Balance Beam ) นําคานไมแข็งวางไวในสวนแสดงลิงอุลังอุตังและนําไมใน
ลักษณะดังกลาววางที่จุดชมสัตว เมื่อผูเที่ยวชมเห็นลิงเดินผานคานไม ผูเที่ยวชมก็เกิดความอยากที่
จะลองเดินผานไมคานนั้นบาง และสามารถเปรียบเทียบเวลากับลิงอุรังอุตังได
ความแข็งแกรง
ก การยกน้ําหนัก โดยบริเวณนี้จะเปนบริเวณที่จะโชวความแข็งแรงของลิงอุรังอุตัง และความแข็งแรง
ของผูเที่ยวชมเมื่อเปรียบเทียบกับลิงอุรังอุตัง โดยจะมีลูกตุมน้ําหนัก 2 อันใหคุณไดทดลองยกดู มี
แบบยกแขนเดียวและแบบยก 2 แขน มีขอความที่เขียนวา ลิงอุรังอุตัวยกตุมน้ําหนักนี้ไดคุณทําได
หรือไม
ข. Tug of War พื้นที่นี้แสดงกําลังแรงดึงของลิงอุรังอุตัง โดยจะเปนการแขงดึงเชือกกันระหวางลิง
กับผูเที่ยวชม หรือเปนการออกแรงดึงเพื่อเปรียบเทียบกําลังกับลิงอุรังอุตัง ซึ่งกิจกรรมในลักษณะ
ดังกลาวตองเปนลิงที่มีการฝกมาแลวและมีการควบคุมโดยครูฝก
การสรางกิจกรรมใหกับผูเที่ยวชมควรจะตองใชพฤติกรรมของสัตวที่แสดงในถิ่นที่อยูตาม
ธรรมชาติเปนตนแบบ หรือเปนจุดเริ่มตนของความคิด
- Habitat Plays capes เปนตนไมเทียมทีใ่ หเด็กสัตวสามารถไตเขาไปในตนไม ที่มีชองในตนไมทํา
เหมือนเปนโพรงไมที่นกเขาไปทํารังและวางไข เมื่อเด็กเขาไปในโพรงและมองออกมาดานนอก
เหมือนกับโผลออกมาจากรังของนกหัวขวาน
- สวนแสดงแพรี่ดอค พื้นที่ชมสัตวจะสามารถเห็นภาพโพรงใตดินที่แพรี่ดอคขุดเปนทางซับซอน
และเห็นพื้นที่เหนือโพรง
สัตวเลี้ยงลูกดวยนมที่อาศัยอยูใตพื้นดิน เปนพื้นที่ที่ไมมีแสง มีการขนยายดินจํานวนมาก
ขึ้นมาที่เหนือโพรงดินจากการขุดโพรง หาอาหารในพื้นที่ใกลโพรง การหลบหนีจากศัตรูผูลาก็มี
วิวัฒนาการในการสรางประสาทสัมผัส มีการปรับตัวใหเหมาะสมกับถิ่นที่อยูทั้งในดานสรีระวิทยา
พฤติกรรม สวนแสดงของสัตวกลุมนี้จุดแสดงสัตวจะนําเสนอภาพในขณะที่สัตวอาศัยอยูใตดิน ซึ่งจะ
168
ทําใหเขาใจไดถึงกลไกตางๆที่สัตวชนิดนี้มีก็เพื่อการอยูรอดตามลักษณะของพื้นที่ ( Friedman,
Joslin, Parker and Robinson ,1984 )
สวนสุดทายที่สําคัญของพวกเรา สําหรับจัดแสดงที่นําเสนอรูปแบบในเรื่องการเคลื่อนไหวของ
สัตว โดยจัดแสดงหุนจําลองสัตวขนาดใหญที่สวนขอตอขาที่สามารถขยับได เด็กหรือผูใหญ
สามารถปนขึ้นไปนั่งขี่ได ( Animal mechanic : Zoo gym ) และ มีพื้นที่ใหเด็กนั่งบนหลังสัตวเชนมา
ที่มีเจาหนาคอยจูงให ( riding area ) โดยมีขอความอธิบายเพิ่มเติมในพื้นที่สวนนี้วา การ
เคลื่อนไหวของสัตวเหลานี้จะควบคุมโดยกฎพื้นฐานทางธรรมชาติ เมื่อคุณบังคับสัตวที่มีชีวิตหรือปน
ปายบนหุนจําลอง ก็ลองดูวาแขนขามีระบบการทํางานอยางไร คุณสามารถเรียนรูกฎอันเดียวกันกับ
นก จิงโจหรือกบ มีสวนแสดงที่นําความคิดดังกลาวนี้ไปใชคือที่ The Physic Playground ที่
Exploratorium ใน Sanfrancisco มีชิงชาและอุปกรณที่ออกแบบมาเพื่อการสอนกฎในวิชาฟสิกค
( Kimche,1978 ) แตในปจจุบันยังไมมีการใชหุนจําลองสัตวที่นําเสนอกฎของกลไกการเคลื่อนที่ของ
สัตว ( Brody,1981 )
สวนแสดงทีม่ ีการสรางกิจกรรมรวมใหกับผูเที่ยวชม ตําแหนงหรือลําดับของสวนแสดงควรจะ
เปน
- เปนจุดเชื่อมของการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาหรือเรือ่ งราวที่จะนําเสนอแกผูเที่ยวชม
- เปนจุดที่ใหผูเที่ยวชมมีจุดพักเพื่อไมใหผูเที่ยวชมเคลื่อนตําแหนงไปยังสวนแสดงถัดไปเร็วจนเกินไป
- เปนพื้นที่ผูเที่ยวชมไดผอนคลายหรือเปนจุดสรางความทาทาย
- ขยายเวลาในการเที่ยวชมสัตว
- กิจกรรมที่สรางขึ้นจะเปนโอกาสที่จะสอดแทรกขอมูลไดมากขึ้น สวนแสดงแตละแหงที่ใชการ
สรางกิจกรรมรวมใหกับผูเที่ยวชมตองมีความแตกตางในเรื่องของเนื้อหาและขอมูล
ตัวอยางการสรางกิจกรรมใหกับผูเที่ยวชมสัตวบนพื้นที่จุดชมสัตว โดยกิจกรรมที่สรางขึ้นอยู
บนพฤติกรรมของตัวสัตว ( animal action activity ) บนพื้นที่จุดชมสัตวจะสรางโครงสรางในการปน
ปายใหกับเด็ก โดยจําลองเอาโครงสรางที่ใหสัตวปนปายในสวนแสดง เด็กสามารถปนปายใน
โครงสรางที่สรางขึ้นนี้โดยการเลียนแบบการเคลื่อนที่แบบที่แพะทํา สวนผูใหญที่มาที่สวนแสดงนี้
แลวสนุกสนานไปกับการปนปายและถึงแมวาความคิดนี้จะไมจําเพาะ พวกเราก็มีความรูสึกวา
รูปแบบของการตอบสนองทางกายภาพ จะเปนสวนสําคัญที่จะใหผูเที่ยวชมที่เลนไดเขาใจพฤติกรรม
สัตว
จากตัวอยางงานของ Troup, 1997 ที่กลาวถึงสวนแสดงสัตวที่มีการสรางกิจกรรมใหผูเที่ยวชม
โดยใชองคประกอบที่มีในสวนแสดงสัตว สวนแสดงลิงที่มีลักษณะเปนเกาะจํานวน 4 เกาะที่
ลอมรอบดวยน้ํา แตละเกาะจะมีตนไผที่ลิงสามารถปนปายและหอยโหนได ในพื้นที่สวนชมสัตวจะมี
การจําลองลักษณะทุกอยางที่เหมือนกับเกาะของสัตวกลุมลิง เสมือนเปนเกาะที่ 5 มีเครื่องเลนที่ให
169
นก ขอดีคือของสวนแสดงแบบนี้คือ จะทําใหผูเที่ยวชมไดใกลชิดกับตัวสัตวและเกิดความรูสึกวา
ตนเองเปนสวนหนึ่งของโลกของนก ซึ่งจะเปนสิ่งที่เกิดขึ้นไดยากแมแตในปาธรรมชาติ ความใกลชิด
กับนกจะเปนการสรางความพึงพอใจ ใหเกิดกับผูเที่ยวชมทุกกลุมอายุและมีผูเที่ยวชมจํานวนเพียง
เล็กนอยที่ไมพอใจ แตในแงของความปลอดภัยพื้นที่บริเวณนี้เปนพื้นที่ของนกซึ่งเราไมสามารถ
ควบคุมได อาจเกิดไดทั้งกรณีที่นกถูกทํารายจากผูเที่ยวชม ( เคยมีกรณีที่ผูเที่ยวชมเขามายิงนกเลน
ในกรงนกใหญของสวนสัตวบางแหง – ผูแปล ) หรือผูเที่ยวชมถูกทํารายจากนกในกรณีที่อยูในชวง
ฤดูกาลผสมพันธ ( เคยมีกรณีที่ผูเที่ยวชมถูกทํารายจากนกยูงเพศผูที่เดินเที่ยวอิสระในสวนสัตว –ผู
แปล ) ( Oston,1985)
การวางตําแหนงของผูเที่ยวชมใหอยูในตําแหนงที่อยูเหนือพื้นที่ของสัตว ทีจ่ ะทําใหผูเที่ยวชม
เกิดความรูสึกที่ตัวเองมีสถานะสูงกวาสัตว นั้นเปนขอที่ควรหลีกเลี่ยง นอกจากนั้นการมองจาก
มุมมองในระดับที่สูงเชนการมองจากหอคอยสูง ที่สามารถมองเห็นภาพรวมโดยรอบไดทั้งหมดนั้น
จะเปนการชวยใหตนเองทราบวาขณะนี้ตัวเองนั้นอยูที่ใด แตวิธีการนี้จะเปนวิธีการที่ไมเอื้อตอการ
สรางความรูสึกลึกลับ เพื่อที่จะสรางความสนใจของสถานที่ เนื่องจากเปนการใหขอมูลทีม่ ากเกินไป
แกผูเที่ยวชม และที่สําคัญภาพของความเปนปาที่เราตองการใหเห็น ก็จะถูกผสมดวยสวนบริการ
เห็นคอกกัก เห็นพื้นที่ของแผนกโยธาที่เปนสวนของงานซอมบํารุง
ภาพมุมสูงในสวนที่มองจากรถไฟหรือรถยนตโดยสาร เปนมุมมองที่ควบคุมองคประกอบของ
ภาพใหเกิดความสมบูรณไดไดยากกวามุมมองอื่นๆ เนื่องจากพื้นที่ที่สามารถมองเห็นพื้นที่ได
กวางขวางกวา แตก็มีตัวอยางในสวนสัตวบางแหงที่มุมมองจากมุมสูงสามารถสรางความพึงพอใจแก
ผูเที่ยวชมได
- ผูเที่ยวชมที่เขามาที่เขาที่ที่สวนแสดง Bat and Rat exhibit ที่ Brookfield Zoo โดยเดิน
ขึ้นจุดชมที่มีลักษณะเปนหอสูงที่มีระดับความสูงระดับเดียวกับยอดไม ผูเที่ยวชมจะถูกลอมรอบดวย
บรรยากาศของปาเขตรอนชื้น ในชวงเย็นจะไดสัมผัสกับภาพที่นาตื่นเตนของฝูงคางคาวนับพันตัวที่
กําลังบินผานทองฟา ( Friedman, Joslin, Parker and Robbin, 1984)
- ที่สวนแสดง the Danver bird exhibit ที่ผูเที่ยวชมจะไดเห็นภาพแบบ bird eye view
โดยจะตองเดินขึ้นไปบนหอคอยสูง เมื่อมองจากจุดชมไปจะเห็นภาพของกลุมยอดไมและเห็นโพรง
ของนกเงือกผู เมียที่จับคูกัน โดยจุดชมจะสูงจากพื้นดิน 45 เมตร ภาพที่เปนภาพประทับใจคือภาพ
ที่เห็นเรือนยอดของปาไม ( Freihett, Clayton, Schmitt, 1977 )
จุดชมสัตวที่วางอยูหลายระดับจะทําใหสามารถรองรับผูเที่ยวชมไดมากขึ้นและโอกาสที่จะได
เห็นภาพสวยๆ ดี ..ความแตกตางของตําแหนงจะทําใหผูเที่ยวชมมีโอกาสที่จะไดเห็นพฤติกรรมของ
สัตวหลากหลายขึ้น
175
ดูรูปที่ 98 Australian South American Exhibit ที่ The Potter Zoo, Lansing หอคอยที่มองลงใน
ระดับที่ต่ําลงมาผูเที่ยวชมจะมีจุดในการมองภาพหลายตําแหนง เปนภาพที่ไมมีการปดบังสวนที่อยู
รอบๆตัวสัตว ยังใหโอกาสที่ผูเที่ยวชมจะไดประสบการณที่หลากหลายของพฤติกรรมสัตวจากหลาย
ระดับ และถูกครอบคลุมดวยถิ่นที่อยูของสัตว
สวนแสดงหมีขาวที่มองผานกระจกใส จุดที่ผูเที่ยวชมยืนอยูถามองในระดับที่ต่ําลงไปจะเปน
บริเวณที่หมีกําลังวายน้ําอยู และมองเห็นภาพที่หมีกําลังขึ้นจากน้ําไปยืนบนกอนน้ําแข็งหรือกอนหิน
ปญหาในเรื่องภาพที่ผูเที่ยวชมไดเห็น ไมไดมีปจจัยจากเรื่องตําแหนงของผูดูเทานั้น การลดการ
รบกวนจากฝูงชนที่เขามาชมซึ่งอาจเปนภาพ เสียง การสัมผัส การเห็นวัตถุที่ดูไมเปนธรรมชาติหรือ
ดูไมกลมกลืน เชนคอกกัก สายไฟ สิ่งเหลานี้ควรจะการบังหรือพรางโดยการใชตนไมหรืออุปกรณ
อื่นในทางสถาปตยกรรม แตถาทําในสิ่งเหลานี้มากเกินไปก็จะเปนการทําลายความตอเนื่องของภาพที่
จะแสดงจะทําใหความนาสนใจของภาพลดลง แนวทางของ The Point Defiance Zoo ที่แสดงใหเห็น
ถึงขอปลีกยอยตางๆของปญหา
มีบางสวนแสดงที่สามารถมองเห็นไดจากเสนทางหลักของวงรอบการชมสัตว
เสนทางรองแยกจากเสนทางหลักการตกแตงเสนทางจะใชรูปลักษณและวัสดุที่คลายกับสวน
แสดงสัตวซึ่งจําลองลักษณะพื้นที่ตามธรรมชาติ รวมทั้งการออกแบบที่จดุ ชมซึ่งทั้งหมดนี้เพื่อให
ผูเที่ยวชมเกิดความรูส ึกใกลชิดกับสัตว โดยจุดชมทีม่ ีทั้งลักษณะที่ยื่นล้ําเขาไปในพื้นที่สวนแสด
( The nodal viewing station )หรือแบบจุดชมสัตวที่มีตามเสนทางเดิน ( The linear viewing
station )
การออกแบบสวนจุดชมสัตวตอ งใหความระมัดระวังในเรื่องของภาพที่มองเห็นจากสวนแสดง
ตองลดองคประกอบที่ไมจําเปนออกเชน การเห็นสวนแสดงที่อยูติดกันที่ไมมีความเกี่ยวของกัน โดย
สิ่งที่เราตองการคือใหสัตวเปนสื่อที่โดดเดนที่สุด ใหผูที่ชมไดเห็นในรายละเอียดของที่สามารถ
176
โดยบริเวณดังกลาวจําลองลักษณะของถิ่นที่อยูของสัตวชนิดนั้น รวมทั้งมีการควบคุมจัดการชนิดสัตว
ที่ผูเที่ยวชมจะไดชมในลําดับถัดไป ซึ่งการจัดการเรื่องนี้ยังตองควบคุมความเปนธรรมชาติใหตอเนื่อง
สวยงามดวย The envelopment concept จะออกแบบใหจุดชมสัตวจะตองอยูในตําแหนงที่เห็นสัตวได
ชัดเจนที่สุดและลดภาพที่เกิดจากสวนประกอบของสวนแสดงสัตวเชนคอกกักสัตว
กลยุทธในเรื่องนี้กอนที่จะเขาแตละโซน จะมีพื้นที่ปายที่แสดงกับผูเที่ยวชมวากําลังจะเขาสู
พื้นที่ของโซนใด เชน ทุงหญาซาวันนาในแอฟริกา นําเสนอลักษณะของพื้นที่แบบนี้มีลักษณะ
จําเพาะอยางไร นําเสนอขอมูลสัตวในลักษณะของความสัมพันธกับสัตวชนิดอื่นและพื้นที่ใน
ลักษณะนี้ ในถิ่นที่อยูและสิ่งแวดลอม 3 ใน 4ของพื้นที่สวนแสดงจะตอเนื่องถึงกัน ดวยทางเทาโดย
จะมีการผสมผสานกันทั้งชนิดของสัตวและพืช ( Zucconi, 1979)
พื้นที่ที่แสดงขอมูลกอนที่จะเขาสวนแสดงสัตว ( Pre-animal exhibit ) เปนพื้นที่จัดแสดง
ศิลปะและวัฒนธรรมของผูคนในพื้นที่ที่นําสัตวชนิดนั้นๆ มา The Pre Exhibit ควรจะเปนสวนที่มี
การนําเสนอที่ดี สรางอารมณสนุกสนาน มีการสรางกิจกรรมใหกับคนไดในระดับสูง กิจกรรมที่
เกิดขึ้นในพื้นที่นี้จะทําใหเกิดความคาดหวังวาเกิดอะไรขึ้นในพื้นที่ถัดไป ที่จะเปนความตอเนื่องตอไป
เมื่อผูเที่ยวชมเขาสูพื้นที่ชมสัตวที่อยูในสิ่งแวดลอมของสัตว เชนหมูบานชางของชนชาวสวยในพื้นที่
จังหวัดสุรินทร หมูบานของชาวพื้นเมืองในแอฟริกา
ลําดับสวนแสดงจะเกิดความชัดเจนได ตองมีขอตกลงที่ชัดเจนวาจะใชการแบงการใชพื้นที่
แบบ Zoogeographic หรือ bioclimatic โดยเฉพาะในกรณีที่สัตวที่อยูในแผนจํานวนมากและใช
แนวคิดสวนแสดงแบบจําลองถิ่นที่อยูของสัตว การเรียงลําดับสวนแสดงสัตวนี้รวมเอาพื้นที่ระหวาง
สวนแสดงดวย
สวนแสดงสัตวที่นําเสนอภาพปาแบบ Alaska’ s Tundra ซึ่งองคประกอบสําคัญของภาพจะ
เปนทะเลและภูเขา สวนแสดงจะจําลองถิ่นที่อยูใหใกลเคียงธรรมชาติใหไดมากที่สดุ เทาที่จะเปนไป
ได ซึ่งเปนการสรางความรูสึกใหเกิดกับผูเที่ยวชมวา ธรรมชาตินั้นเปนสวนประกอบที่สําคัญในการ
ดํารงชีวิตของสัตว และยังเปนการสรางที่อยูที่เหมาะสมใหกับสัตวดวย สวนแสดงสัตวควร
ประกอบดวยสัตวมากกวาหนึ่งชนิด ซึ่งจะเปนการนําเสนอที่นา สนใจ ดูเปนธรรมชาติและสามารถ
สื่อความหมายได
ระบบการเคลื่อนไหลของผูเที่ยวในวงรอบการชมสัตวดวยทางเดินเทา( The Pedestrian
circulation system ) และภูมทิ ัศนที่อยูโ ดยรอบ จะเปนสวนสําคัญที่จะใชในการควบคุมลําดับของ
ภาพ ขอมูลและ ประสบการณที่ผเู ที่ยวชมจะไดรับ แนวคิดในการออกแบบเสนทางไดแบงลําดับชั้น
ของเสนทางออกเปนเสนทางหลัก ( Primary Pathway ) เสนทางรอง ( Secondary pathway ) เสนทาง
ยอย ( Tertiary Pathway ) โดยที่แตละเสนทางจะมีการใชงานแตกตางกันทําใหรูปลักษณที่เกิดขึ้น
แตกตางกันไปดวย
182
การออกแบบสวนแสดงที่ประสบความสําเร็จคือ สามารถตอบสนองทางความตองการ
ทางดานจิตใจและความตองดานรางกาย รวมทั้งสรางจุดสนใจใหกับผูเที่ยวชม โดยจะตองสราง
ภาพที่นาสนใจ นาจดจําทีส่ ามาถกระตุนความตองการที่จะศึกษาหาความรูเพิ่มเติมในสัตวชนิดนั้น
ยิ่งขึ้น สวนแสดงที่จําลองถิ่นที่อยูตามธรรมชาติและการนําสัตวหลายๆชนิดมาอยูในภาพเดียวกัน
จะเปนการนําเสนอภาพที่สามารถตอบสนองภาระและหนาที่ของาวนสัตวไดดี โดยในการออกแบบ
ตองมีองคประกอบทีป่ ระกอบจากมิติตางๆ ทั้งในแนวระนาบ แนวตั้งและแนวที่อยูเหนือศีรษะขึ้นไป
รวมทั้งวัสดุที่จะนําเขามาเปนองคประกอบ จะเปนสวนที่กระตุนและสงเสริมใหสัตวไดแสดง
พฤติกรรมตามธรรมชาติของสัตวชนิดนั้นๆ
การออกแบบสถานที่ที่สามารถดึงดูดผูเที่ยวชมไดนนั้ คือ ตองสรางความสนุกสนานใหเกิดขึ้น
เปนเปาหมายแรก และตองสอดแทรกขอมูลที่สงเสริมเขาใจในเรื่องของธรรมชาติวิทยาใหมากยิ่งขึ้น
ซึ่งทั้งสองประการที่กลาวมาขางตนก็เพื่อใหผูเที่ยวชมที่เขามาเที่ยวชมในสวนสัตว เห็นคุณคาของ
สัตวปาและธรรมชาติเพื่อทีจ่ ะเกิดจิตสํานึกที่จะชวยกันอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติ ตามแตละบุคคล
จะสามารถทําได ซึ่งความสําเร็จจะเกิดขึ้นก็ตอเมื่อตัวของสวนสัตวเองสามารถรวมเอามนุษยและ
สัตวมาพบกันที่สวนแสดงสัตว วิชาภูมิสถาปตยจะเขามาชวยในสวนของตําแหนงของผูเที่ยวชมใน
ขณะที่อยูในพื้นที่สวนแสดงควรจะอยู ณ. ตําแหนงใด จึงจะไดเห็นองคประกอบตางๆ อยาง
ครบถวนทั้งพืชพรรณ สัตวและวัสดุอื่นๆที่นําเขามาประกอบในสวนแสดง ลําดับของสวนแสดง
ภายในวงรอบการชมสัตว ความหลากหลายทางสิ่งแวดลอมที่จัดสรางขึ้น โดยเฉพาะในสวนของ
เรื่องราวที่จะนํามาสื่อในงานใหการศึกษา และเนื้อหาทางวัฒนธรรมก็จะถูกดึงเขามารวมโดยเฉพาะ
ในชวงที่กําลังจะเขาสูพื้นที่การชมสัตว
188
บทที่ 7 การออกแบบการจําลองพื้นที่ถิ่นกําเนิดสัตวในสวนของพืช
ในพื้นที่ของสวนสัตวในสวนของสัตวและคน
(Design of Plant Habitats for Animals and People)
การพัฒนาและการจัดการพื้นที่ ( Developememt and Management Zone )
การเลือกชนิดและการจัดวางตนไมในสวนสัตว มีสาเหตุจากปจจัยหลายประการดวยกัน
โดยตัวของสวนสัตวเองมีการแบงพื้นที่ตามลักษณะการใชงานและการตกแตงพื้นที่ เปน 2 สวน
ดวยกันคือ 1. สวนแสดงสัตว 2. สวนบริการผูเที่ยวชม ถึงแมจะมีลักษณะการใชงานที่แตกตางกัน
แตการออกแบบตองสอดคลองกัน ไมควรเปนไปในลักษณะตางฝายตางทํา โดยไมมีเกี่ยวเนื่องกัน
ในเบื้องตนใหทุกการตัดสินใจในการออกแบบ ตองใหความสําคัญจุดประสงคหลักของสวนสัตว ที่
ประกอบดวยงานนันทนาการ งานใหการศึกษา งานวิจัยและการสรางจิตสํานึกการอนุรักษ
ทรัพยากรธรรมชาติ และลักษณะของถิ่นที่อยูของสัตวชนิดนั้นๆ การตัดสินใจในระดับรองลงมา
(subsequence decision ) ตองใหความสําคัญกับแนวคิดการเลือกชนิดและจัดวางตนไมเพื่อการจัด
แสดง
189
ตนไมใหเติบโตสวยงามภายในสวนแสดงและมีสนองตอบตอจุดประสงคตางๆ เพื่อใหสวนแสดง
บรรลุตามความมุงหมายนั้น มีขอเท็จจริงที่ตองทําความเขาใจในเบื้องตน เชน
- เปนงานทีต่ องใชการลองผิดลองถูก
- ใชการวิจัยเพื่อใหไดพืชที่เหมาะสม เนื่องจากตนไมแตละชนิดมีความแตกตางในเรื่องของ
ความยากงายในเรื่องของการบํารุงเลี้ยง
- วิธีการปองกันตนไม ซึ่งสิ่งเหลานีจ้ ะตองใชเวลาที่จะตองใหผูปฏิบัติไดเรียนรูวิธีการ
จัดการ ที่เหมาะสมกับพื้นที่
- ทรัพยากรที่ม(ี ระบบน้ํา คุณภาพดิน จํานวน ความเอาใจใสของผูปฏิบัติงาน ฯลฯ ) และ
- ชนิดสัตว
- ถายทอดประสบการณใหกับผูรวมปฏิบัติงาน
พืชทีจ่ ะเลือกมาปลูกในสวนแสดงสัตวทจี่ ะมีสวนชวยในงานดานใหการศึกษาของสวนสัตว
- เปนสวนประกอบในการอธิบายพฤติกรรมตามธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตชนิดนั้นๆ
- กระตุนความเขาใจในเรื่องสิ่งแวดลอมที่สัตวนั้นอาศัยอยู เชนปาแบบดิบชื้น
- พืชจะแสดงถึงการพึ่งพากันของพืชและสัตวโดยการแสดงขอมูลในเรื่องของหวงโซ
อาหารและรูปแบบถิ่นที่อยู
- แสดงใหเห็นภาพของสังคมของธรรมชาติซึ่งจะเปนแหลงอาศัยของสิ่งมีชีวิตชนิดหลายชนิด
สัตวไมสามารถแยกจากพืชไดเนือ่ งจากพืชจะเปนแหลงอาหาร รมเงา
ประโยชนในดานงานใหการศึกษาที่เกิดจากการจําลองถิ่นที่อยูโดยใชตนไมรวมกับสัตว จะ
ออกมาในแนวของวิชาชีววิทยาในเรื่องการปรับตัวเขากับสิ่งแวดลอมที่ตนอาศัยอยู ทําใหตัวสัตวเกิด
การวิวัฒนาการและการแขงขัน เกิดการปรับตัวในดานสรีระของรางกายและพฤติกรรม ถาหากไมมี
พืชที่กลมกลืนกับสวนแสดงของสัตว ที่จะเปนสวนเสริมใหภาพสัตวที่ปรากฏแกสายตาของผูเที่ยวชม
สวนแสดงสัตวแหงนั้นจะดูแหงแลงขาดชีวิตชีวา ซึ่งมักจะเกิดขึ้นกับผูดูแลสวนสัตวที่ขาดความเขาใจ
วา สิ่งที่เหมาะสมที่จะตองจัดการใหเกิดขึ้นในสวนแสดงสัตวและพื้นที่โดยรอบนั้นตองทําอยางไร
( Hohn, 1981 )
การปลูกพืชโดยรอบสวนแสดงจะเปนการเสริมภาพโดยรวมของสวนสัตว โดยจะ
- ทําหนาที่เปนสวนฉากของสวนแสดงและนอกสวนแสดง
- พืชจะเปนสวนเสริมของภาพ
- เปนสวนที่เพิ่มความนาสนใจในสวนแสดง
- มีผลตอสภาพอากาศโดยรอบเปนที่ใหรมเงาแกสัตวและสรางความนารื่นรมยใหแกผูเที่ยว
ชม
การใหความสําคัญกับพืชในสวนสัตวจึงเปนสิ่งที่มีความสําคัญและใหผลที่เหนือความคาดหมาย
อยางไมจํากัด เชนแนวคิด Zoological Park คือแนวคิดที่สวนสัตวเปนที่สะสมพันธุไมที่นาสนใจ
191
และลักษณะการจัดตกแตงพืชในสวนแสดงหลายแบบที่เหมาะสมกับกลุมสัตว แมแตสวนสัตวที่ให
ความสําคัญกับการตกแตงโดยใชพชื ทองถิ่น ก็ตองมีชนิดพืชอยางหลากหลายเพื่อใหเกิดความ
เหมาะสมกับสวนแสดงสัตวชนิดนั้นๆ
เมื่อมองในภาพรวมก็จะเห็นวารูปลักษณของสวนสัตวในหลายๆ แหงที่มีอายุมากวาสิบหาป
ขึ้นไป ประกอบดวยระบบหรือแนวคิดหลายแนวทีแ่ ตกตางกัน เนื่องจากการพัฒนาเปนระยะ
เวลานานโดยผูน ําหลายๆคน ซึ่งมีความแตกตางในเรื่องของแนวคิดและการใหความสําคัญในเรื่อง
หัวขอการพัฒนา ภาพที่เกิดขึ้นในสวนสัตวก็จะเห็นสิ่งแวดลอมหลากหลายแบบที่จะเปนตัวแทนของ
การออกแบบในรูปแบบตางๆ
ผลสืบเนื่องจากแนวคิดจะสงผลถึงลักษณะภูมิอากาศ วัฒนธรรม รายการของชนิดสัตวและ
พืชที่สวนสัตวคัดเลือก เปนสิ่งทีช่ ัดเจนวาไมมีรูปแบบการปลูกพืชรูปแบบใดแบบหนึ่ง ที่จะสามารถ
ตอบสนองความตองการไดครบถวนหรือเหมาะสมกับพื้นที่ จึงมีความจําเปนที่จะตองออกแบบ
เพื่อที่จะคัดเลือกชนิดพืชและการจัดวางอยางตอเนื่อง เพื่อใหตนไมที่เราปลูกในสวนสัตวได
องคประกอบที่ลงตัว ถาเรามีความมุงหวังทีจ่ ะสรางสิ่งแวดลอมใหเหมาะสมและพิเศษสําหรับผูเที่ยว
ชมและสัตว
192
ดูรูปที่ 108 พื้นที่บริการผูเที่ยวชม ( People Place ) ที่ Detroit Zoo and Hagenbeck Tierapark ,
Hamberg เปนการออกแบบการจัดสวนในพื้นที่ของผูเที่ยวชมแหงแรกของสวนสัตว รูปที่ 1 ที่
Detroit Zoo เปนการจัดสวนในรูปแบบที่เปนแถว เปนแนวและเปนการออกแบบที่มอี งคประกอบ
ของสิ่งกอสราง โดยมีพื้นฐานแนวคิดการใชพืชประดับตกแตงเพื่อความสวยงาม ใชหลักวิชา
ทางพฤษศาสตรและมีจุดสนใจอยูที่การสรางบรรยากาศที่เปนธรรมชาติ รูปที่ 2 ใชการจัดแบบ
สวนสาธารณะ โดยปรับประสานแนวคิดทางระบบนิเวศวิทยาและธรรมชาติของพืชแตละชนิด
194
- การเปลี่ยนภาพของของการเที่ยวชมโดยทําใหที่เปนฉากหลัง
- การบดบังในสิ่งที่ไมกลมกลืน
- เปนสวนทีส่ นับสนุนความหลากหลายและสรางความประทับใจของสวนแสดงสัตว
ความสําเร็จของภาพโดยรวมของสวนสัตวจะมีความใกลชิดกับการออกแบบ การกอสราง
การบํารุงรักษาพืชที่ปลูก วิธีการออกแบบหลายๆ วิธีที่ไดรับความสําเร็จ
เมื่อชาวอเมริกันเริ่มใหความสนใจในเรื่องของสิ่งแวดลอม ความรูสึกและความตองการที่
บังเกิดติดตามมาเชน เริ่มมีความรูสึกวาสัตวปายอมตองการอยูในปาธรรมชาติที่มีความเหมาะสมกับ
ตัวเอง ผูเที่ยวชมตองการสถานที่ที่มดี อกไมและตนไมที่สวยงามรมรื่นเพื่อการพักผอนหยอนใจ ซึ่ง
สวนสัตวสามารถสนองความตองการที่กลาวมาของผูคนได ทําใหภาพของสวนสัตวในสังคมชัดเจน
ขึ้น วาสามารถสนองความตองการในดานใดแกสังคมไดบาง สิ่งที่เกิดติดตามมาคือสวนสัตวไดรับ
การสนับสนุน โดยดูไดจากเงินคาผานประตูหรือการชวยเหลือจากสังคมในรูปแบบอื่นๆ การใช
ความสวยงามจากตนไมและดอกไมจะชวยใหการเที่ยวชมสัตวนาสนใจ ทําใหผูเที่ยวชมใชเวลาใน
การชมสัตวและเกิดความพึงพอใจจะมากขึ้น ถาหากสิ่งแวดลอมในสวนแสดงเปนธรรมชาติมี
ความสัมพันธถิ่นที่อยูเดิมของสัตว ถึงแมวาจะมีผูกลาววาผูเที่ยวชมจะมาทีส่ วนสัตวไมไดมาเพื่อ
ศึกษาหาความรู แตมาเพื่อพักผอนและโดยการสัมผัสสิ่งที่นาเพลิดเพลินใจ ตนไมก็เปนปจจัยที่
สําคัญที่จะตอบสนองความตองการตามที่กลาวมาไดเปนอยางดี แตตองมีการออกแบบที่สามารถ
ตอบสนองความตองการผูใช ( มนุษยและสัตวที่เปนผูใช ) ( Norfleet , 1983 )
196
( ดูรูปที่ 109 ) Asian Elephant, ที่ Milwaukee Country Zoo การปลูกตนไมในพื้นทีร่ ะหวางผูเที่ยวชม
และสัตวมกี ารใชงานทีห่ ลายอยางทีส่ ําคัญดวยกัน เชน พืชที่อยูสวนหนาของผูเที่ยวชมเพื่อชวยสราง
สวยงามในการปดบัง barrier ชวยสรางบรรยากาศที่รมรื่นแกผูเที่ยวชม พื้นทีด่ านหลังของสวนแสดง
จะเปนฉากหลังที่ชว ยใหเกิดภาพที่สวยงาม สรางความกลมกลืนระหวางสวนแสดงและพื้นที่โดยรอบ
แนวคิดในการออกแบบการเลือกชนิดและจัดวางตนไมภายในพื้นที่สวนแสดงสัตวที่ให
ความสําคัญกับถิ่นที่อยูของสัตว ซึ่งแนวคิดดังกลาวก็ยังเปนแนวคิด ที่ตองนํามาใชในพื้นที่บริเวณ
โดยรอบสวนชมสัตวดวย โดยถือวาพื้นที่ดังกลาวเปนสวนหนึ่งของสวนแสดงสัตวที่จะชวยใหการ
ทํางานสวนแสดงสมบูรณยิ่งขึ้น “support landscape ”
พื้นที่อยูโดยรอบสวนแสดงสัตว ( support area ) จะแบงเปนสวนตางๆคือ พื้นที่ดานหลัง (
back ground ), สวนที่ผูเที่ยวชมยืนอยู ( fore ground ) และดานขางของสวนแสดง ( the side of
an exhibit ) ซึ่งพื้นที่ทั้งหมดเปนระยะที่อยูในสายตาของผูเที่ยวชมขณะที่ยืนชมสัตวอยู
การจัดภูมิทัศนในลักษณะที่แสดงใหเห็นถึงถิ่นที่อยูตามธรรมชาติของสัตวที่อยูในสวนแสดง
สรางความพึงพอใจแกผูเที่ยวชม และเปนพื้นที่ทสี่ ัตวออกมาไมได ภูมิทัศนเหลานี้จะเปนจะเปนสวน
ที่เสริมภูมิทัศนที่อยูภายในสวนแสดงที่ใชแนวคิดการจําลองถิ่นทิข่ องสัตวในสวนแสดง
นอกจากนั้นยังชวยในกรณีที่การจัดภูมิทัศนตามแนวคิดดังกลาวอาจไมสามารถทําได
เนื่องจากปองกันการถูกทําลายจากสัตว จึงเลือกที่จะวางตนไมที่เปนตัวแทนของปาตามธรรมชาติไว
ดานนอกแทน (Tune, 1974 )
197
การตกแตงภายในสวนแสดงสัตวดวยตนไมจะเปนสวนที่เติมเต็ม ที่ทําใหผูเที่ยวชมเห็นความ
หลากหลายของชนิดสัตว เห็นลักษณะรางกายของตัวสัตว การแบงกลุมของชนิดสัตว
ตนไมจะเปนตัวชวยใหเห็นถึงปจจัยที่มีความสําคัญในการออกแบบสวนแสดงสัตว “ สวน
แสดงสัตวทปี่ ระสบความสําเร็จคือสรางความพึงพอใจใหกับผูเที่ยวชม ผูเลี้ยงสัตว เจาหนาที่โยธา
ตัวสัตว และพืชดวย ที่มองดูแลวรื่นรมยแตไมดึงความสนใจไปจากตัวสัตว การบํารุงรักษาไมยุงยาก
แนวคิดการปลูกพืชตองเขียนขึ้นในกระบวนการวางแผน ซึ่งตองมองจากทุกมุมมองที่เปนตัวชวยใน
การพิจารณา ( Robert,1985 )
การเจริญเติบโตของตนไม
ยกระดับของพื้นที่บริเวณนั้น ตนไมสามารถสรางอารมณไดมากกวาวัสดุที่เปนองคประกอบทาง
สถาปตยกรรม ( Robertson, 1985 )
เมื่อตองทํางานกับสิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตวซึ่งมีการเจริญเติบโตที่แตกตางกัน ตองการ
ความคิดสรางสรรคและความอดทนที่จะตองทําความเขาใจถึงความจริงที่เกิดขึ้น ตัวอยางที่นาสนใจ
เชนในสวนแสดงยีราฟ เมื่อยีราฟสูงขึ้นเราตองหาตนไมที่สูงกวาและเมื่อยีราฟสูงเกินกวาตนไมเดิม
เราตองหาตนใหมมาแทน ทายที่สุดเราตองจัดหาตนปาลมที่มีความสูงเกือบ 7 เมตร เราใชตนปาลม
หลายตนเนื่องจาก เราสามารถหาตนไมที่ขนาดความสูงตางๆไดและในราคาที่ไมแพงเกินไป ปญหา
อันหนึ่งที่เกิดขึ้นคือยีราฟมากัดกินใบของตนปาลมในสวนที่ยีราฟกัดกินถึง ( Gibbons, 1983 )
การออกแบบเพื่อตอบโจทยที่ตั้งไววา “ ในวันที่เปดสวนแสดงตนไมที่ปลูกในพื้นที่ตองเติบ
ในสภาพที่สวยงาม ” ซึง่ ในบางครั้งการกําหนดลําดับของงานกอสรางจะชวยในการตอบโจทยที่ตั้ง
ไวได ตัวอยางเชน ในสวนแสดงปาเขตรอนของอเมริกา ( tropical American exhibit ) เราจะทํางาน
ในสวนของภูมิทัศนเปนจุดแรกและสรางกรงคลุมตนไมดานบน เมื่องานทุกอยางเสร็จสิ้น ตนไมที่
เราเริ่มงานเปนลําดับที่หนึ่งก็สมบูรณพรอมเปดใหผเู ที่ยวชมชมได สภาพของสวนแสดงก็จะเปน
ธรรมชาติ ซึ่งวิธีการนี้ก็เปนวิธีการแกไขกรณีที่ตองรอคอยหลายๆป เพื่อที่จะใหตนไมนั้นเติบโตและ
ใหญ ถึงแมวาจะเปนการเพิ่มคาใชจายแตประโยชนที่ไดรับนั้นจะมากกวาเงินที่จายไป
(Gibbon,1983)
กอนที่จะปลอยสัตวเขาสูสวนแสดงควรที่จะใหพืชไดมีการเจริญเติบโตชวงหนึ่งกอน แต
บางครั้งมีผูอํานวยการสวนสัตวกลาววา ถาเปดชาจะเปนการทําใหประชาชนตองรอนานเกินไป แต
นั้นเปนการประเมินความตองการของผูเที่ยวชมนอยเกินไป ในความเขาใจในเรื่องความสวยงามของ
พื้นที่ที่สัตวอยู ที่สวนสัตวซีแอทเติ้ลทําปายอธิบายแกผูเที่ยวชมวาทําไมสวนแสดงแหงนี้จึงไมมสี ัตว
เขามาจัดแสดงในชวงปแรก หลังจากที่สวนแสดงไดสรางเสร็จสิ้นแลวและใหทราบถึงสาเหตุ
เนื่องจากยังไมนําสัตวดวยเหตุผลใด ซึ่งอาจมีคําพูดที่อาจไดยินเชน “ โอโฮ ขนาดนี้ยังไมพออีกเหรอ
จะเอาสวยขนาดไหน ขนาดนี้ก็ดีกวาของเดิมแลวแหละ ” แตชวงเวลาที่จะใหตนไมไดแข็งแรงจน
พอเพียงนั้นเปนสิ่งสําคัญ โดยเฉพาะสัตวกับที่กินใบไมเปนอาหารหรือกลุมลิงขนาดใหญ แตอาจจะ
ไมจําเปนสําหรับสัตวกินเนื้อซึ่งไมทําลายตนไม ( Coe, 1984 ) วิธีการปลูกที่จะใหตนไมเติบโตอยาง
รวดเร็วใหทันวันเปดงาน ก็คงเปนอักวิธีหนึ่งที่จะใหสวนแสดงอยูในสภาพที่นาพึงพอใจในวันเปด
งาน
ตัวอยางการออกแบบการปลูกตนไม ( An Experimental Planting Design Approach )
วิธีการปลูกตนไมภายในสวนแสดงสัตวที่ประกอบดวยการเลือกชนิดของตนไม ตําแหนงที่
วางตนไมภายในสวนแสดง การบํารุงรักษา ซึ่งทุกขั้นตอนที่กลาวมาเปนการทดลองปลูก ลองผิด
ลองถูกไปกอน เนื่องจากไมมีขอมูลที่เปนพื้นฐานวาพืชชนิดใดเหมาะสมกับกับสัตวชนิดใด เชนสวน
แสดงยีราฟกินใบไมของตนไมชนิดใดและไมกินใบไมของตนไมใด พืชชนิดใดสามารถทนทานกับ
206
ตนไมที่สัตวชอบกินใบไมเมื่อนํามาปลูกภายในและรอบสวนแสดงสัตวตองสังเกตการกิน
ของสัตว ซึ่งบางครั้งจะพบวาสัตวจะชอบกินอาหารที่ผูเลี้ยงสัตวจัดเตรียมไวให
- ดินชนิดที่มีการไหลซึมของน้ําดีมีเกาะตัวกันแนน ทําใหรากของพืชเกาะดินดี
- ระบบน้ําที่ใชรดหญาแบบหัวฉีดลอย ควรวางทิ้งไวในตอนกลางคืน พบวาลิงกอลิลาไมชอบ
น้ําที่พนออกมาแบบฝกบัวอาบน้ํา
- หลีกเลี่ยงการปลูก Nettle และ thistles เปนพืชอาหารที่ลิงกอลิลากินในปารวมทั้ง spiney
barberries
- พบวาลิงกอลิลาชอบไปคุยหาอาหารเชนแครอท ผลไมและกะหล่ําปลี ที่คนเลี้ยงไปหวานไว
ตามพงหญาสูง
- สวนแสดงที่มีพื้นที่ขนาดใหญใชเวลาในการบํารุงรักษาไมมาก
- ตนเมเปตายเนื่องจากรากเสียหายในชวงการขนยายและเปลือกถูกลิงลอกกิน ตองใชการ
ปองกันตนไมทุกตนดวยรั้วไฟฟา ( Coe,1984 )
ปจจัยที่มีผลตอการเลือกชนิดของพืชที่จะปลูกในพื้นที่ของสัตว เชน
- ความเปนพิษหรือไม
- รสชาด
- อัตราการเจริญเติบโต
- ใชเปนวัสดุรองรังของนกไดหรือไม
- หาไดงาย ลักษณะคลายกับพืชในทองถิ่นของสัตว
- เหมาะสมกับดินในพื้นที่
- เหมาะสมกับความชื้นในพื้นที่
- เหมาะสมกับการเปนฉากหลัง เปนรมเงา ความสวยงาม
ดูตัวอยางการตกแตงสวนแสดงหมีแพนดาที่ Louisvill Zoo
ดานนอกสวนของกําแพงจะใชตนไมชนิดที่ไมผลัดใบหลายชนิดเปนตัวบังกําแพง เชน
Douglass fir , Austrian pine, Japaness Pine, juniper, และตนไผ ซึ่งตนไผเปนเปนตนไมที่ให
บรรยากาศของถิ่นที่อยูประเทศจีน ไผเปนแหลงอาหารของหมีแพนดา เปนรมเงาในชวง 10.00 -
13.00 น. สําหรับการปรับปรุงภูมิทัศนในดานทิศตะวันออกเฉียงใต โดยใชพืชในกลุม
Rhododendren มาปลูก ( Poglayen Nevwall, 1974)
การเลือกตนไมโดยมองจากลักษณะของตนไมเปนสิ่งที่ตองพิจารณาโดยเฉพาะสวนที่ฤดูกาล
เขามาเกี่ยวของเชนใบ ดอก สีและลักษณะพื้นผิวของเปลือกของลําตน ผล การเลือกตนไมเพื่อใชใน
การบังองคประกอบของสิ่งกอสราง ใชขอพิจารณาในสวนของรูปทรงของตนไม ความหนาแนนของ
ใบไม ลักษณะพื้นผิวของเปลือกลําตนและความสูง สวนการวางตําแหนงของตนไม มักจะพิจารณา
การเปนลําดับที่สองในขบวนการออกแบบพื้นที่ของสัตว
สวนแสดงของสัตวในสวนสัตวไมใชการตกแตงภูมิทัศนเพื่อความสวยงาม และ
ไมใชพื้นที่ที่จะนํากฎของการจัดสวนที่คํานึงถึงองคประกอบเรื่องความกลมกลืน ลําดับ
ความสมดุล ความมีเอกลักษณ การออกแบบไมไดมีจุดประสงคเพื่อความสวยงามและการ
ตกแตงเปนอันดับหนึ่ง แตใชแนวคิดที่ออกแบบเพื่อใหไดบรรยากาศความเปนธรรมชาติ
ขั้นตอนการคัดเลือกตนไมจึงเปนสิ่งสําคัญ เนื่องจากเปนการเพิ่มในสวนของลักษณะที่
เลียนแบบสิ่งแวดลอม ( Robertson, 1985 )
การสรางสรรคพื้นที่ที่เหมาะสมสําหรับสัตว การใชวัสดุจากพืชเปนเรื่องที่ยากและทาทาย
แตเปนงานที่จัดลําดับความสําคัญกับความตองการของสัตวเปนเบื้องตนและไมใหความสําคัญกับ
ความสวยงามจนมากเกินไป โดยความจริงก็คือการจําลองลักษณะสิ่งแวดลอม ทีแ่ สดงออกในเรื่อง
ของความเคลื่อนไหวที่มีความประสานสอดรับกัน ความแตกตางและความเหมาะสมลงตัว ซึ่งจะเปน
ภาพภูมิทัศนที่นาจดจําที่ติดอยูในความทรงจําของผูเที่ยวชม
210
อัตราการเติบโตของตนไมจะมีผลตออัตราการรอด เมื่อตองปลูกตนไมไวในสวนแสดง
ในขณะที่ตนไมเปนสวนทีแ่ ตกใบเขียวและทรงพุมใหญใหรมเงาแกสัตวที่อยูใ นสวนแสดง สราง
ความพึงพอใจและความรื่นรมยใหกับผูเที่ยวชม พืชที่ใชการขยายพันธโดยการใชรากและลําตนใตดิน
จะเปนพืชกลุมทีม่ ีอัตราการเจริญเติบโตที่รวดเร็ว จึงเปนตนไมกลุมที่ใชในการปรับปรุงพื้นที่วาง
เปลาเนื่องจากสามารถเติบโตในสภาพพื้นที่ไมเอื้ออํานวยเทาที่ควร พืชที่มีการเจริญเติบโตไดเร็วจะ
เปนพืชตัวเลือกในชวงแรกของการปลูกเนื่องจากจะใชเปนพืชสําหรับคลุมดิน แตการที่จะไดตนไมที่
นาพึงพอใจตองการเวลาอยูชวงระยะเวลาหนึ่งกวาจะไดสภาพโดยรวมที่นาพึงพอใจ การคาดหวังวา
จะใหสวยงามในเร็ววันนั้นเปนสิ่งที่คาดหวังเชนนั้นไดยาก ( Robertson , 1985)
การบํารุงรักษาและการปองกันการทําลายตนไม (Maintenance and Plant Protection)
รูปที่ 118 มาลายและนูหางขาวที่ The African Veldt, Kansas City Zoo สัตวที่นํามาจัดแสดงกินหญา
เปนอาหารหลัก การดูแลพืน้ หญาในสวนแสดงเปนเรื่องที่ยุงยาก ตัวอยางของปญหาเชน พื้นที่ใน
สวนแสดงมีนอยเกินไป หญาฟนตัวไมทัน แตยังมีปจจัยรวมจากวิธีการใหน้ําและการใสปุย
ภูมิทัศนของสวนแสดงตองการการบํารุงรักษาอยางเอาใจใสและพิถีพิถัน เนื่องจากอาจถูก
ทําลายจากสัตวภายในคอก เปนพื้นที่ที่อยูใ นสายตาของผูเที่ยวชม รวมทั้งตนไมเปนองคประกอบใน
งานใหการศึกษาและงานดานการอนุรักษ เพื่อใหตนไมอยูในสภาพที่สมบูรณตองประกอบดวยระบบ
น้ํา การใสปุย การตัดแตง ดูการระบายน้ําของดิน การปองกันการทําลายจากสัตวในคอก
เมือ่ ปลูกตนไมลงไปตองสังเกตพฤติกรรมของสัตววามีการทําลายตนไมหรือไม เมื่อปลอย
สัตวลงไปแลวตองใชความพยายามอยางเต็มที่ที่จะปกปองพืช จากการทําลายของสัตวที่อยูในสวน
แสดงสัตว ตัวอยางการปกปองเชน การใชรั้วชั่วคราว การเพิ่มอาหารใหกับสัตว เพิ่มอาหารที่สัตว
ชอบเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากตนไมที่ปลูกลงไป
212
ฟาแจมใส ( Serenity )
ดูรูปที่ 120, ความสดชื่นแจมใส( serenity ) ,สวนแสดงหมีหมา, ที่ Miami Metro Zoo พื้นผิว
เรียบ เปนคลื่นในสวนหญาที่เปนรูปแบบงายหรือวงกลมของหิน มีบรรยากาศสงบเงียบและเปน
ภาพที่ทําใหเกิดความรูสึกสงบมีสมาธิ ( contemplative perceptual effect )
ขั้นที่ 1 คุณลักษณะของถิ่นที่อยูของสัตว ( habitat attribution )
ผอนคลาย สวยงาม สันติสุข เชื้อเชิญ ขี้เกียจ ปลอดภัย เงียบ สะดวกสบาย ใกลชิดสนิทสนม
คิดพิจารณา
ขั้นที่ 2 คําบรรยายลักษณะทางกายภาพ ( Physical Description )
แบน เรียบ ลูกคลื่น กลม สะอาด เงียบ ไมเคลื่อนไหว คลื่น นุม งาย
ขั้นที่ 3 คุณลักษณะของภาพที่มนุษยเห็น ( Perceptual Characteristics )
- รูปแบบ - เบา กลม
- สี - โทนสวาง ใชโทนสีเย็น
- พื้นผิว - เบา กลาง นุม
- เสียง - มาแบบหยุด ขาด ปานกลาง
- ทิศทาง - ผานเขามาอยางนุมนวล เคลื่อนตัวในแนวราบ หยุดนิ่ง
- อัตราสวน - มีบางสวนนูนออกมา
- ระดับ - กลาง ไมมีความแตกตางอยางชัดเจน นิ่มนวล
ขั้นที่ 4 คําบรรยายคุณลักษณะของพื้นที่ ( site factor )
1 พื้นราบ คอนขางเรียบ ประกอบดวยความละเอียด เรียบนิ่ม โดยใชวัสดุ ทราย หญา มอส
เฟรินส ใบไมและน้ํา
220
ใหญโตสงางาม ( Grandeur )
รูปที่ 122 ความโดดเดี่ยว, สวนแสดงชาง, ที่ Miami Metro Zoo พื้นที่ราบในลักษณะพื้นเรียบ พื้นที่
ในแนวตั้งและพื้นที่เหนือศีรษะซึ่งจะเปนสวนฉากที่สรางความรูสึกเหงาและโดดเดี่ยว ใชสีที่เปน
222
โทนสีเดียวกันและการกระจายตัวของแตละสีใหเกิดความขัดแยงในระดับเล็กนอย เพื่อเปนสวนเติม
เต็มในสวนพื้นผิวที่หยาบของชางและใชรูปแบบของตนไมจําลอง
ขั้นที่ 1 คุณลักษณะของภูมิทัศน ( Landscape attribution )
แข็ง หนาวและปลาวเปลี่ยว ไมสดใส นาเบื่อ ไมมีแรงบันดาลใจ ทําลาย นิจนิรันด ไมนาสนใจ
ขั้นที่ 2 คําบรรยายลักษณะทางกายภาพ ( Physical Description )
ใหญ แข็ง สีโทนเดียว แหงแลง กวาง เปด กระจาย ตอเนื่อง
ขั้นที่ 3 คุณลักษณะของภาพที่มนุษยเห็น ( Perceptual Characteristics )
รูปแบบ เปดโลง สวาง มีลักษณะจําเพาะ พื้นที่วาง
สี สีทึบ โทนสีเย็น
ทิศทาง เคลื่อนไหว พื้นที่ราบ
อัตราสวน ใหญ ความเบื่อไมจํากัด ภาพนูนออกมา
ความหนักเบา ต่ํา การกระจายตัวต่ํา ความแตกตางนอย
ขั้นที่ 4 คําบรรยายคุณลักษณะของพื้นที่ (Habitat Site Factor )
1.พื้นที่ราบ ประกอบดวยพื้นผิวที่หยาบเล็กนอย เปนพื้นที่ที่ไมมีวัตถุวางอยู ( พื้นดินไมมีการปลูก
หญา มีใบไมรวงอยูเล็กนอย )
2. พื้นที่แนวราบ ตนไมลําตนขนาดกลางจํานวนมาก ลักษณะทรงพุมที่มีใบไมอยูหนาแนนและมีการ
กระจายตัวอยางสม่ําเสมอ ( ฉากหลังแนนทึบ ) ทําใหระยะตัวผูมองถึงจุดสิ้นสุดของภาพสั้น
แสงอาทิตยจะสามารถผานเขามาจากดานหลังไดเปนสวนๆ ถาเปนชวงเชาหรือบายๆ แสงของพระ
อาทิตยจะผานเขามาไดนอย
3. พื้นที่เหนือศีรษะ มีความสูงปานกลาง 8-20 เมตร ซึ่งมีเรือนยอดที่แนนที่ประกอบดวยกิ่งไมและ
ใชใบไมที่หยาบ มีเรือนยอดที่ทับซอนกัน เสียงภายในพื้นที่จะเปนเสียงที่นุมและเปนเสียงที่แตกตาง
กันและพุงเขามาทันที มีลมพัดมาออนๆ มีเสียงดังมาแตไกลของลําธารหรือน้ําตก
4. วัสดุภายในสวนแสดงมีนอยและวางตัวอยางกระจัดกระจาย
223
ความลึกลับ ( Mystery )
สี - ความเขมสีจาง โทนสีอบอุน
พื้นผิว - สวาง แข็ง-นุม บอบบาง
เสียง มาเปนระยะดังๆ
ทิศทาง- มั่นใจ แนนอน การเคลื่อนที่แบบออกดานนอก
อัตราสวน - มนุษย ภาพเวาเขาดานใน
ความมาก นอย สวาง เห็นความแตกตาง หริ่บหรี่ วูบวาบ
ขั้นที่ 4 คําบรรยายคุณลักษณะของพื้นที่ (Habitat Site Factor )
1.พื้นที่แนวราบ พื้นเปนคลื่น วัสดุในพื้นที่ในลักษณะละเอียด นิ่ม (ทราย น้ํา มีใบไมแหงหลนตาม
พื้นดินเล็กนอย )
2.พื้นที่แนวตั้ง พื้นผิวเรียบ ประกอบดวยไมที่มีลําตนขนาดเล็ก มีไมเลื้อย ใบไมมพี ื้นผิวแบบ
ละเอียด การปลูกไมประดับใหวางในลักษณะตางๆ แตสม่ําเสมอเพื่อสรางบรรยากาศที่สดใสและเกิด
ภาพในลักษณะมุมกวาง พื้นที่มีแสงสวางผานเขามาเปนพื้นที่กวาง
3. พื้นที่เหนือศีรษะ ที่มีระดับความสูงปานกลาง 8-20 เมตร ทรงพุมของตนไมมีลักษณะแยกจากกัน
เมื่อมองภาพรวมพื้นผิวเปนแบบละเอียดและกระจายบางๆ มีเสียงที่ดังแบบตอเนื่องและดัง เปนเสียง
น้ําไหลของลําธาร น้ําตกและเสียงนกรอง
4.วัสดุที่เลือกใช จัดวางเพื่อใหวัสดุแตละอยางดูโดดเดนชัดเจน พื้นผิวหยาบ มีรูปทรงที่เปนกลาง
และมีทิศทางออกไปทุกทิศทาง โทนสีเขมชัด
ความสําเร็จของการสรางสวนแสดงสัตวที่สรางความอารมณและความรูสึกใหแกผูเที่ยวชม
ไดนั้น เกิดจากการเปดโอกาสใหผูมีสวนเกี่ยวของทุกสวน ไดมีสวนรวมในการแสดงความคิดเห็น
และใชการทดลอง เนื่องจากแตละทานจะมีความคิดเห็นในการแปลความหมายคําบรรยายลักษณะ
ตางๆของพื้นที่ ( site factor ) และมีความเขาใจที่แตกตางในเรื่องของคุณสมบัติของวัสดุที่จะเลือก
นํามาใช และวัสดุเหลานั้นมีน้ําหนักมากหรือนอยเพียงใด ในการใชในการสื่อความหมาย การสราง
ภาพที่สื่อความรูสึกออกมาเปนภาระหนาที่ของผูออกแบบ ในกระบวนการนั้นตองเขาใจในเรื่องของ
ถิ่นที่อยูที่จะนํามาจําลอง ชนิดสัตว ชนิดของพืช ลักษณะภูมิประเทศ ดิน หินและน้ํา
ภูมิอากาศจะมีอิทธิพลตอการกําหนดชนิดสัตวและพืช วาจะมีสัตวชนิดใดอาศัยอยูไดและจะ
มีพืชชนิดใดสามารถกระจายตัวครอบคลุมภายในพื้นที่ที่มลี ักษณะภูมิอาการในลักษณะนี้ได การ
ผสมผสานระหวางการแบงพื้นที่ภายในสวนสัตวตามลักษณะภูมิอากาศ ( climatic zone ) และการ
ออกแบบตนไม จะเปนกระบวนการที่ชวยเตรียมสวนแสดงสัตวที่จะใชแนวคิด ในลักษณะการ
จําลองลักษณะธรรมชาติและชวยในการกําหนดกลุมสัตวลงในพื้นที่ ซึ่งแนวคิดนี้จะเกิดคําถามที่สราง
ขึ้นมา เพื่อสอบถามถึงความเขาใจถึงโครงสรางของสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยูในภูมิอากาศของสัตวชนิด
นั้นๆ และธรรมชาติของภูมทิ ัศนที่จะทําการจําลองไวภายในสวนแสดงสัตว ซึ่งจะมีคําบางสวนที่
เกี่ยวกับตนไมที่จะถูกเลือกเขามาเพื่อตกแตงพื้นที่
226
เฉพาะสวนของเรือนยอดตนไม และสิ่งที่ผูเที่ยวชมจะไดเห็นจากจุดชมสัตวในสวนที่อยูตรงขามกับ
เนินเขาจะเปนภาพฝูงกอลิลากําลังหากินอยูใตตนไมที่เขียวสด
ผูเที่ยวชมจะเขาสูสวนแสดงกอลิลาตามทางเดินที่มีลักษณะโคง ดานบนจะมีรมเงาของตน
magnolia ซึ่งเปนพืชที่มีลักษณะใบใหญ และตน albizzia ที่มีลักษณะใบเปนมัน บริเวณจุดชมสัตว
ใหเนนการใชกลุมของตนปาลม
b พื้นดินและพื้นน้ํา ภายในสวนแสดงจะมีลําธารที่มีตลิ่งสูงชัน โดยขอบของลําธารจะเปนหินเทียม
ที่ทําเลียนแบบหินแกรนิต ขนาดใหญ สายน้ําของลําธารจะขดเคี้ยวไปมาซึ่งจากจุดชมจะมองเห็นขอบ
ลําธารเปนบางชวง เนื่องจากถูกบดบังดวยเหลี่ยมเขา บางชวงของลําธารจะไหลผานหินกอนใหญ
ริมน้ําที่เปนหญาสีเขียวและสุดทายของสายลําธารจะตกเปนน้ําตกที่แผออกเปนมานลงสูหวงน้ําเบื้อง
ลาง
สวนของเนินเขา( ที่อยูดานนอกของคูแหง ) ตั้งแตสวนของยอดเนินทอดตัวลงต่ํามาที่เชิงเนิน
เขาจะเปนสวนที่โลนโลงเตียนเนื่องจากการตัดฟนทําลายปา เพื่อทําเกษตรกรรมแบบโบราณที่มีการ
ทําไรเลื่อนลอย เปลี่ยนแปลงปลูกไปเมื่อดินเริ่มเสื่อมสภาพ มีบางพื้นที่มีมีหญาขึ้นสูง แสดงถึงพื้นที่
ที่ปลอยใหรกรางโดยไมมีการทําประโยชนและมีตนไมใหญที่ลมลงกองกับพื้น
โดยทั่วไปแลวที่ราบที่เปนดินทรายจะถูกกัดเซาะดวยการไหลของน้ําซึ่งจะทําใหเกิดเกาะ
ทางโคงของสายน้ํา เกิดลําคลองสาขาของแมน้ําสายใหญ สิ่งเหลานี้จะเกิดในฤดูกาลน้ําหลาก การ
เกิดน้ําทวมจะเปนการกัดเซาะเอาตลิ่งริมฝงแมน้ําในดานฝงดานนอกและเกิดการสะสมตะกอนบริเวณ
ริมฝงดานในของโคงแมน้ํา
b ดิน ดินของสวนริมฝงน้ําเมื่อถูกกัดเซาะจากกระแสน้ําของแมน้ํา จะเผยใหชั้นดินที่เปนทรายหรือ
กอนกรวด และเห็นรากของตนไมที่สานไปมาที่อยูท ี่พื้นดินชั้นบน ซึ่งจะชวยยึดพื้นดินบางสวนไว
c . น้ํา น้ําสีดําและสะทอนแสงไหลผานชาๆ ผาน mossy bank และ มีกอบัวอยู ( Mymphaea )
กระแสน้ําจะไหลในลักษณะเปนวงกลมเล็กๆ อยางตอเนื่อง
ฉากที่ _2 สวนแสดงลิงแสม ( Long –tail Macaque )
A. พืชพรรณ ( vegetation ) พืชพรรณภายในสวนแสดงจะเปนตนไมที่ขึ้นบนดินซึ่งมีความ
หนาของหนาดินบางๆ ที่คลุมบนกอนหิน พืชที่ขึ้นจะขึ้นหางกันกระจายตัวทั่วไป ซึ่งสวนใหญจะ
เปนหญาและพืชลมลุก และจะมีไมพุมลําตนแหงๆ ขึ้นแทรกปะปน โดยพืชกลุมนี้จะขึ้นบนพื้นที่ที่
เปนกอนกรวดและมีรากที่ฝงในชั้นดินที่ลึก
หญาและตนไมบนเกาะเลือกชนิดที่สามารถทนทานกับการทําลายของสัตวไดดี หญาเชน
Quack Grass ( Agropyron repens ) ที่อยูใกลน้ํา reed Canary Grass ( Phalaris arundinacea ) ใน
พื้นที่ที่อยูสวนกึ่งกลางของสวนแสดงทีม่ ีตนไมใหญเชน honey locus เพื่อใหสัตวไดมีการเคลื่อนที่
ในแนวตั้ง
การเตรียมพื้นที่สําหรับการปนปาย และใชทอนไมขนาดใหญเปนหางใหปนปาย
231
สัตวที่อยูในสิ่งแวดลอมในลักษณะเชนนี้จะมีกลไกรางกายและพฤติกรรมที่ปรับตัวที่จะ
สามารถดํารงชีวิตอยูไดโดยใชน้ําในปริมาณนอย พบวาสัตวที่อาศัยอยูในทะเลทรายจะมีลักษณะของ
รางกายที่คลายกันแมจะอยูตางพื้นที่กัน เชน ขายาว ลําตัวขนาดกลาง หนูบางชนิดจะมีสีของลําตัว
คลายกับสีทรายในทะเลทราย หรือในสัตวที่คลายหนูที่มีหางยาวที่พบในทะเลทรายหลายแหง แต
สัตวเหลานี้ในการแบงกลุมของสัตวนั้นตางกลุมกัน เชน Kangaroo rat ในอเมริกาเหนือ เจโรบาส
และเจอรบิลของเอเชียและแอฟริกา Dasyures ของทวีปออสเตรเลีย ตัวอยางอื่นๆอีกเชน Kit foxes
ของทวีปอเมริกา fennecs ในทวีปแอฟริกา และ jack rabbit ในอเมริกาเหนือ , caviids ในทวีป
อเมริกาเหนือ , small kangaroo ในออสเตรเลีย โดยสัตวเลี้ยงลูกดวยนมสวนใหญจะหากินในเวลา
กลางคืน จะมีพฤติกรรมตางๆมากในชวงเวลาที่มีความชื้นสูงและเปนชวงที่มีนกลาเหยื่อนอย แตจะมี
ground squirrels ที่จะมีการเคลื่อนไหวในชวงที่มีอากาศรอนของเวลากลางวัน สัตวสวนใหญสีขน
ลําตัวจะกลมกลืนไปกับสีของสิ่งแวดลอมเชน สีทรายจางหรือสีทรายดํา เพื่อเปนการพรางสายตา
สัตวผูลา สัตวเลี้ยงเลื้อยคลานหลายชนิดสามารถปรับตัวอยูไดในสภาพอากาศและภูมิประเทศแบบ
ทะเลทราย
คําบรรยายสําหรับการจําลองถิ่นที่อยู ( Description of Simulated Habitats )
ฉากที่หนึ่ง Sonoran Desert
ไมพุมที่ขึ้นอยู 2 ขางทางของรองน้ําที่มีน้ําไหลผาน จะจําลองเอาลักษณะของพืชที่อยูพื้นที่
ของทะเลทรายโซนาราน เชน creosote bush ( Larrea ) และ mesquite ( Prosopis ) พืชหลายชนิดใน
กลุมของ Swordleave yucca ( yucca glauca ) Y. harrimaniae, Y whipplei ซึ่งเปนพืชในแถบมลรัฐ
ตะวันตกเฉียงใต ซึ่งพบไดนอยในมลรัฐซิแอตเทิล ปลูกรวมกับตะบองเพชรที่ทนหนาวไดดี เชน
opuntia ซึ่งเปนสวนที่ปลูกไวขางเสนทางของผูเที่ยวชม รองน้ําที่แหงะเปนดินวางๆ มีวัชพืชที่ปลิว
ตามลม ไมพุมที่ลําตนลมลงและถูกดินทับบางสวน เห็นรากของตนไมที่ถูกแรงน้ําพัดใหลมลง มี
ตะบองเพชรขนาดใหญรูปรางคลายถังเบียร ( Fero Cactus spp ) Ocotillo ( Fonquieria splendens ),
Cholla ( Opuntia spp )
ข. ดิน กอนกรวดจะเชื่อมประสานกับ คอนกรีต หรือดินซีเมนต หินภูเขาไฟสีแดงจะวางตัว
กระจัดกระจายตามพื้นที่มีหินโผลขึ้นมา การทําปูนปนที่มีพื้นผิวแบบทะเลทรายที่มีคุณสมบัติปองกัน
การขุดและกัดเซาะที่เกิดจากสัตว รวมทั้งการกัดเซาะที่เกิดจากน้ําฝน
พืชทะเลทรายจะไมเหมาะสมกับการปลุกในดินที่ชุมน้ํา แตจะเหมาะกับดินทรายที่มีการไหล
ผานของน้ําอยางรวดเร็ว ความตองการน้ําและปุยในชั้นดินที่อยูใตลงไป จะใชการควบคุมอัตโนมัติ
ดวยโดยการใชแทงที่ควบคุมความชื้นในดิน ในกรณีที่มีความชื้นในดินมากเกินไปก็จะทําใหน้ําไหล
ออกโดยการใช agriculture drain lines
การใชระบบผิวดินที่น้ําผานไมได ( impervious surface ) และ ระบบการใหน้ําในชั้น
238
สัตวเลี้ยงลูกดวยนมจะมีพฤติกรรมนอยลงในชวงอากาศหนาวเย็น ในฤดูใบไมรวงมีคางคาว
บางชนิดและนกประมาณมากกวาครึ่งหนึ่งที่อาศัยอยูในปารูปแบบนี้ จะมีการอพยพยายถิ่นมาที่พื้นที่
บริเวณเสนศูนยสูตร และกลับมาใหมในฤดูใบไมผลิ มีการสะสมอาหารของสัตวบางชนิดสามารถทํา
ไดเนื่องจากอุณหภูมิที่ลดลง และเปนวิธีการปรับตัวที่สําคัญของสัตวเลี้ยงลูกดวยน้ํานมบางชนิด เชน
กระรอกที่จะเอาลูกนัทฝงไวในตนไมตระกูลบีชและเมเปล โดยปาชนิดนี้จะเปนที่อยูอาศัยของสัตวลี้
ยงลูกดวยนมขนาดใหญและสัตวกีบที่เปนเหยื่อ หนูขนาดเล็กและนกนานาชนิด
คําบรรยายการจําลองลักษณะของพื้นที่
ฉากที่ 1 นกน้ํา ของปาแบบ Temperate Deciduous Forest
ก. พืชพรรณ สวนแสดงนกน้ํา ( waterfowl exhibit ) พื้นที่โดยรอบสระน้ําจะปลูกตนไมที่มี
ในทองถิ่นที่มีลักษณะใบกวางและพืชลมลุกอยูใตตนไมใหญซึ่งจะคลุมพื้นดินไปจนถึงริมฝงน้ํา
พืชที่อยูบนผิวน้ําเชน water lilies ( Nymphace ), Spatterdock ( Nymphar advena ), Pondweed
( Potamongeton ), duckweed ( Lemna )
พืชชนิดที่โผลขึ้นมาเหนือน้ํา Cattail ( Typhalatifolia ), reed ( Scirpus ), rushes ( Juncus ) ,
arrow head ( Sagaittaria ) , Giant bur - reed ( Sparganium ), spiderlily ( Crinum americanum ),
Pickerel – weed ( Pontederia ), wild rice ( Zizania aquatica ), sedges (caren ), purple loosestrife
( Lythorum salicaria ) , buttonbush ZCephalanthus occidentalis ), fringed gentian (Gentiana
Crinita ), และ steeple – bush ( Spiraea tomentosa )
พื้นที่ไมพุม ตัวอยางพืชที่ปลูก willow ( Saliz discolor ), cranberry ( Viburnum trilobum ),
blueberry ( Vaccinium ), elderberry (Sambucus ), spicebush (Lindera benzoin ), sweet pepper bush
( Clethera ), black willow (Salix nigra ), red maple ( Acer rubrum )
ข. ภูมิประเทศ ( Terrain ) บึงน้ําจะเห็นแนวขอบเขตดวยพืชพรรณที่เปนพืชน้ําที่โผลพนจาก
ผิวน้ํา มีตนไมทรงพุมเตี้ยที่จะทําหนาที่เปนฉากและชวยบังรั้วที่อยูลอมรอบบึงน้ํา ตาขายที่คลุมอยู
ในพื้นที่ดานบนและพื้นที่โดยรอบ ขนาดของลวดตาขายขนาดเล็กและใหดึงแบบขึ้งตึง ซึ่งจะทําให
ตาขายที่คลุมพื้นที่สวนนี้มองเห็นไมชัดเจน พืชที่ปลูกภายในรั้วควรจะเปนแบบทรงพุมเตี้ย ใหแสง
ตามธรรมชาติผานเขามาโดยไมถูกกันแสงดวยตนไมสูง ลักษณะของบึงน้ําจะทําใหเกิดความแตกตาง
โดยมีตนไมที่โตเต็มที่อยูโดยรอบ
( ยอหนา3, ขวา,170, ang )
สวนแสดง swamp นี้จะมีความแตกตางจาก marsh โดย swamp จะประกอบดวยตนไมที่
เปนชนิดพันธุในปาเบญจพรรณ ที่เจริญเติบโตเต็มที่แลวที่สามารถขึ้นไดในระดับน้ําตื้น มีทั้งตนไม
ขนาดเล็กและตนไมขนาดใหญ มีทอนไมที่เกิดจากตนไมที่ลมลง มีกิ่งไมที่หักอยูริมสระ ที่ทําใหเกิด
ภาพปาไมที่ถูกน้ําทวม มองเห็นตนไมที่ถูกตัวบีเวอรกัดแทะแตยังไมเสร็จ เห็นเขื่อนของตัวบีเวอรที่
อยูไมหางออกไป มีไมลมลุกที่ขึ้นในพื้นที่น้ําตื้นๆ ที่อยูใตตนไมขนาดใหญได ยังมีสวนของหญาที่
242
ขึ้นบนเนินดิน ภาพโดยรวมของพืชพรรณจะเปนไมพุมมากกวาที่จะเปนหญาที่ขึ้นแลวมองดูคลายกับ
เปนพรมที่อยูใตตนไมแตละตน
ทางเดินและสะพานที่พาดผานสระน้ํา ควรจะแคบเทาที่จะเปนไปได แตตองใหการเดินผาน
ไดโดยสะดวก และเห็นภาพไดโดยรอบ เสนทางเดินใน สวนแสดงนกน้ํา ควรจะแคบเพื่อกระตุน
ลักษณะที่เปนปา ที่ไมมีการจัดการ ซึ่งจะสมบูรณถาใชเสนทางในลักษณะทางเดินเพียงทางเดียวไมมี
การเดินยอนกลับ
ค. น้ํา สระน้ําธรรมชาติและสระน้ําที่ตัวบีเวอรอาศัยอยูจะมีความลึกที่ผันแปรตั้งแต 2-4 ฟุต
แลวจะเชื่อมกับสระน้ําที่สรางดวย gunite ที่มีความลาดเอียงไปหาทอระบายน้ําทิ้ง ขอบดานบนของ
gunite จะต่ํากวาระดับน้ํา 12 นิ้ว สวนที่จมน้ําแตอยูเหนือ gunite จะถูกคลุมดวยเยื่อใยที่น้ําซึมผาน
ไมได ( impervious membrane ) และประกอบดวยดินผสมทรายกรวดเพื่อเปนพื้นที่สําหรับปลูกพืชที่
มีเปนกลุมที่ลําตนโผลพนน้ําขึ้นมา
ฉากที่ 2 Red Deer ของปาแบบ Temperate Deciduous Forest
ก.พืชพรรณ พืชที่ขึ้นในพื้นที่น้ําจะประกอบดวย bulrush ( Scirpus ), water lilies ( Nymphaea )
และมีพืชน้ําที่มีลักาณะขึ้นเปนกอ ๆ เชน ryegrassและ red fescue ( lolium perene )และ Festuca rubra
ไมมีไมพุมที่อยูภายในพื้นที่ที่กวางอยู แตจะปลูกไมพุมนอกพื้นที่ที่สัตวอยูเชน shrub dog wood
( Corum stolonifera )
ตนไมจะประกอบดวย white birch ( betula verrucosa ) ที่โรยตัวอยูเหนือคูน้ําบริเวณพื้นที่ชม
สัตว ตนไมเชน oak ( Ouercus robber ), beech (Fagus syhatica ) และ pine ( Pinus syhestris ) อยูบน
better drained slope พรอมกับมีปาสนที่หนาแนนที่จะชวยเพิ่มรมเงา ชวยบังรั้วที่มีอยูทั้งภายในและ
ภายนอกพื้นที่ของสัตว รวมทั้งบังลานจอดรถที่อยูดานหลังอีกดวย ลําตนของตนไมจะปองกันดวย
steel-reinforce synthetic fiberglass หรือ urethane ที่มีการปนเปนรูปเปลือกไม ที่จะยังทําใหตนไม
สามารถเจริญเติบโตไดเปนปกติ
ข.ภูมิประเทศ ( terrain ) ควรจะมีความลาดชันไปทางดานหลังเล็กนอยของสวนแสดงเพื่อชวยใหการ
ระบายน้ํา สําหรับปาไมแบบ upland forest type
ค. ดิน การระบายน้ําที่ดีโดยมีระบบการระบายน้ําแบบ under drainage ในพื้นที่ที่ต่ํากวาเพื่อปองกัน
การพังทลายของดิน เนื่องจากโครงสรางดินถูกทําลายจากการเหยียบย่ํา รวมทั้งการมีเนินเล็กของผิว
ดินก็จะชวยใหการระบายของดินดีขึ้น
ง. น้ํา สระน้ําที่มีแนวของสระน้ําอยูใกลจุดชมสัตว โดยความลึกในดานที่อยูใกลจุดชมสัตว
จะมีความลึก 4 ฟุต สรางดวยวัสดุคอนกรีต ใกลกับพื้นที่สัตวจะคอยๆตื้นขึ้นและมีดินที่จะชวยให
พืชที่อยูบนผิวน้ําและพืชที่โผลพนน้ําขึ้นมา ในสระน้ําไมตองมีระบบการหมุนเวียนน้ํา ไมตองมีการ
เปลี่ยนน้ําบอยๆ
243
ฉากที่3 wapiti
ก.พืชพรรณ ตนไมที่อยูในพื้นที่ของสัตวควรจะถูกปองกันดวยการใชfiberglass ที่จะทําหนาที่เปน
เปลือกนอก การปลูกพืชกลุมไมเลื้อยเพื่อปกคลุมกําแพงและรั้ว Bank of salal (Gaultheria shallon ) ,
hackberry ( Vaccinum spp.), ocean spray ( Holodiscus discolor ) , sword fern ( Polystichum
munitum )
พืชหลักในพื้นที่ที่จําลองถิ่นที่อยูของกวางวาปติอยูจะเปนหญา ซึ่งจะเปนพื้นที่เปดโลง ซึ่งจะแตกตาง
โดยที่จะลอมรอบสวนแสดงและพื้นที่ทางเดินชมสัตวที่จะปลูกตนไมใหหนาแนน
ข. น้ํา มีลําธารขนาดใหญ ไดยินเสียงน้ําไหลและเสียงน้ําที่ตกจากหนาผา ในบริเวณที่ใกลกับสายน้ํา
ผานจะมีมอสและเฟรินทเกาะขางๆ จากจุดชมวิวจะเนหนาผาสูง 6-8 ฟุต จากจุดชมจะเห็นสายน้ําที่
ไหลตอไปยังเขื่อนของบีเวอร มีลําธารสายที่ 2 ที่เล็กที่เงียบกวาสายแรกที่ผานลงมาที่สระน้ําที่มี
ขนาดเล็กกวา