Professional Documents
Culture Documents
ชนชั้นกลางกับการสื่อสารทางการเมือง
ชนชั้นกลางกับการสื่อสารทางการเมือง
E-Hearing ทางเลือกการสื่อสารการเมือง
ของชนชั้นกลาง
โดย
สุระชัย ชูผกา
เลขทะเบียน 5007300030
เสนอ
รศ.ดร.สุรัตน์ เมธีกุล
2
E-Hearing กับช่องทางการสื่อสารการเมืองชนชัน
้ กลาง
ความนำ า
ชนชัน
้ กลางเป็ นกลุ่มคนที่มีความรู้ ความสามารถในหลาย
ดูานเนื่ องเพราะเป็ นกลุ่มชนที่มีฐานทางชีวสังคมในตำาแหนุ งที่
เชื่อมรูอยกับชนชัน
้ อื่นๆ ในสังคม กลุาวคือเป็ นทัง้ กลุ่มคนที่มีพ้ ืน
ฐานการศึกษาที่ส้งกวุาคนทัว
่ ไปในสังคมจำานวนมากอันเป็ นแรง
สุงอันสำาคัญใหูกลุ่มคนเหลุานี้เขูาสุ้ตำาแหนุ งงานที่เป็ นขูอตุอของ
ระบบเศรษฐกิจสุวนบนและสุวนลุาง หาใชุเป็ นเพียงกรรมกรผู้ใชู
แรงงาน แตุก็ยังไมุสามารถมีฐานะอยุางมัน
่ คงกวูางขวางที่จะมี
อำานาจในดูานตุางๆ ในการชี้นำาหรือขับเคลื่อนสังคมไดูอยุางเดุน
ชัดโดยลำาพังเฉกเชุนชนชัน
้ ส้ง
ในประวัติศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม
ทีผ
่ ุานมาเป็ นที่ทราบกันดีวุา ชนชัน
้ กลางมีบทบาทสำาคัญในผลัก
ดันใหูเกิดความเปลี่ยนแปลงตุอการขยับตัวทางสังคม ช่มชน
และประเทศอยุางเดุนชัด แตุกระนั น
้ ก็ตามหากไดูไตุสวนเพื่อ
3
คูนหาความหมายของชนชัน
้ กลางอยุางเป็ นสากลก็ยากที่พบ
นิยามที่กำาหนดตัวตนของชนชัน
้ กลาง ไกลไปกวุานั น
้ การจะ
กำาหนดตำาแหนุ งแหุงที่ใหูชนชัน
้ ไดูเขูามามีสุวนรุวมในการกำาหนด
ชะตากรรมของประเทศชาติอยุางมีบทบาทใหูปรากฏชัดยิ่งเป็ น
เรื่องไมุงุาย
รายงานการศึกษาชิ้นนี้จึงพยายามมุ่งศึกษาเพื่อกำาหนดวาง
ความหมายและบทบาทของชนชัน
้ กลางตุอการพัฒนาสังคม
การเมืองไทยมิใหูล่ ืนไหลไรูร้ปแบบตัวตนจนไมุสามารถพัฒนาขูอ
เสนอแนะดูาน E-Hearing เป็ นโครงรุางประการหนึ่ งที่จะชุวยฉ่ด
ดึงพลังของชนชัน
้ ออกมารุวมสรรค์สรูางสังคมไทยอยุางเป็ น
ระบบมากยิ่งขึ้น
กำาเนิ ดชนชัน
้ กลาง
ในอดีตที่ผุานมาไมุการกลุาวถึงคำาวุา ชนชัน
้ กลาง หรือ
Middle class มากุอน มีเพียงคำาวุา The gentlemen คือกลุ่ม
ส่ภาพชน และ Non gentlemen คือกลุ่มชนทัว
่ ๆ ไป
คำาวุา ชนชัน
้ กลาง หรือ Middle class มิไดูมีการกำาหนดขึ้น จน
กระทัง่ ในปี ค.ศ. 1812 มีบัญญัติศัพท์คำาวุา Middle class ลงใน
oxford Dictionary ตัง้ แตุนัน
้ เป็ นตูนมาจนถึงปั จจ่บัน โดยไดูใหู
ความหมายวุา เป็ น ชนชัน
้ ทางสังคมที่อยุ้ระหวุางชนชัน
้ ส้งและ
ชนชัน
้ ตำ่าในสังคมนั น
้ ๆ อาทิ กลุ่มพุอคูา นั กธ่รกิจ ผู้ประกอบ
วิชาชีพตุางๆ (A S Hornby: 1974 )
4
กำาเนิ ดชนชัน
้ กลางไทย
ชนชัน
้ กลางไทยกำาเนิ ดขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระ
จ่ลจอมเกลูาเจูาอยุ้หัวที่กำาหนดใหูมีการปฏิร้ปการปกครองดูวย
การจัดใหูมีการบริหารราชแผุนดินดูวยระบบกระทรวง ตลอดจน
5
การปรับปร่งการจัดการภาครัฐในร้ปแบบใหมุ และใหูมีการเลิก
ทาสถ้กยกเลิก มีการปฏิร้ประบบการศึกษา ซึ่งการเปลี่ยนแปลง
ทางสังคม การเมืองนี้ทำาใหูโอกาสในการขยับตัวทาง
สังคม(social mobilization)ของประชาชนคนไทยมีส้งขึ้น ทำาใหู
ประชาชนมีโอกาสไดูรับการศึกษาส้งขึ้น ประกอบอาชีพไดูอส
ิ ระ
มากขึ้น เกิดพุอคูา ปั ญญาชน และชนชัน
้ กลางเพิ่มมากขึ้น อันนั บ
ไดูวุาเป็ นชนชัน
้ ใหมุทางสังคมที่แตกตุางไปจากระบบศักดินาเดิม
ทัง้ นี้บทบาทของชนชัน
้ กลางไทยไดูปรากฏตัวอยุางเดุนชัด
ขึ้นในการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองพ.ศ. 2475 ทีม
่ ีปัญญา
ชนผู้ไดูรับการศึกษาจากตะวันตก และชนชัน
้ อาชีพอิสระในสังคม
และกลุ่มทหารหนุ ่ม ซึ่งลูวนเป็ นผลพวงจากการปฏิร้ปสังคม
การเมืองกุอนหนู าเขูารุวมเป็ นกำาลังสำาคัญในการเปลี่ยนแปลง
การปกครอง และเป็ นไปในทิศทางเดียวกันกับการกิดชนชัน
้
ปั ญญาชน นิ สิต นั กศึกษาที่เป็ นกำาลังสำาคัญในการประทูวงเพื่อใหู
มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในวันที่ 14 ต่ลาคม พ.ศ. 2516
(Yoshifumi;2004)
ในงานการศึกษาเกี่ยวกับพัฒนาการชนชัน
้ กลางของนั ก
วิชาการจำานวนมากตุางเห็นพูองตูองกันวุา การเปลี่ยนแปลง
ทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจจากระบบชาตินิยม รัฐวิสาหกิจใน
ระบบของจอมพลป.พิบ้ลสงคราม มาสุ้การผลิตเพื่อตอบสนองตุอ
ระบบตลาดที่เริ่มตูนขึ้นย่คจอมพล สฤษ ธนะรัตน์ ตัง้ แตุพ.ศ.
2501 ตุอเนื่ องสุ้การพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อการสุงออกในย่คตุอมา
เป็ นสุวนสำาคัญที่ทำาใหูชนชัน
้ กลางไทยกุอร้ปอยุางเป็ นกลุ่มกูอนที่
6
การขยายตัวของบทบาทชนชัน
้ กลางไทย
จากที่กลุาวมาแสดงใหูเห็นวุา ชนชัน
้ กลางไดูกุอตัวอยุาง
เดุนชัดเนื่ องเพราะผลผลิตของการขยายตัวของระบบอ่ดมศึกษา
ไทยที่เพิ่มทวีค้ณขึ้นเพื่อผลิตบ่คคลกรตอบสนองตุอทิศทางการ
พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศเป็ นสำาคัญ ดังปรากฏใน
การงานการศึกษาหลายชิ้น
Takashi (2004) พบวุา
7
การแสดงออกทางการเมืองของชนชัน
้ ตุอเหต่การณ์พฤษภา
ทมิฬนี้ ทำาใหูเกิดความ
ตื่นตัวทางการเมืองของชนชัน
้ กลางอยุางตุอเนื่ องในระยะตุอมา
ดังที่ปรากฏในงานวิจัยเรื่องชนชัน
้ กับการเลือกตัง้ ของ พิชาย
รัตนดิลก ณ ภ้เก็ต (2541) ทีช
่ ี้ชัดวุา การเลือกตัง้ ทัว
่ ไปในปี พ.ศ.
2538 และพ.ศ. 2539 ชนชัน
้ กลางประสงค์ไปใชูสิทธิในการเลือก
ตัง้ มากกวุาชนชัน
้ อื่นๆ โดยการศึกษาคูนพบวุา กลุ่มคนที่มีรายไดู
ระดับปานกลาง มีการศึกษาระดับปริญญาตรี มีอาชีพอยุ้ในภาค
เอกชน เป็ นกลุ่มที่ออกไปใชูสิทธิมากกวุากลุ่มคนที่มีรายไดู การ
ศึกษา ทีม
่ ีระดับมากกวุาและนู อยอยุางเดุนชัด
ปั ญหาและข้อจำากัดของชนชัน
้ กลาง
แมูวุาชนชัน
้ กลางจะถือไดูวุาเป็ นกลุ่มทางสังคมที่มีความ
สำาคัญตุอการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองในทิศทาง
เสรีนิยม ประชาธิปไตย แตุทวุาบทบาทของชนชัน
้ กลางตุอการ
พัฒนาสังคมการเมือง ด้เหมือนยังคงเป็ นที่ถกเถียงกันอยุางกวูาง
9
จากลักษณะดังกลุาวแสดงใหูเห็นถึงขูอจำากัดในพลังของ
ชนชัน
้ กลางที่ยังไมุสามารถหาความชัดเจนไดูวุาจะเป็ นแรงขับ
เคลื่อนระบบการเมืองในระบอบประชาธิปไตยไดูมากนู อยเพียง
ใด เทียบไมุไดูกับการเป็ นพลังขับเคลื่อนในระบบเศรษฐกิจ
ชนชัน
้ กลางนั บเป็ นแรงหรือปี กพย่งอันสำาคัญทีท
่ ำาใหูเศรษฐกิจ
ตลาดเสรีเดินหนู าไปไดูอยุางกูาวหนู าตุอเนื่ อง ซึ่งเป็ นเพราะพวก
เขาเหลุานั น
้ มีที่ทางในระบบเศรษฐกิจอยุางชัดเจน และมีโอกาส
ในการขยับพลังของตนในระบบเศรษฐกิจเสรีไดูอยุางสอดคลูอง
กับความรู้ ความคิดและพลังสรูางสรรค์ทางชนชัน
้ ที่แสวงหาผล
ประโยชน์ และกำาหนดชะตาความอยุ้รอดในวิถีการดำารงชีวิตของ
ตน
แตุกลุาวสำาหรับทีท
่ างในทางการเมืองของชนชัน
้ กลาง ยัง
นับไดูวุาชนชัน
้ กลางขาดพื้นที่ตุอการจัดวางพลังของตนในกูาว
เขูาไปเป็ นแรงขับหรือปี กพย่งในระบบการเมือง หากมีเพียงการ
แสดงอารมณ์ความรู้สึก หรือความคิดทางการเมืองผุาน
สื่อมวลชน สื่อบ่คคล ตามวาระโอกาสสุวนบ่คคลเทุานั น
้ เป็ น
สำาคัญ การมุ่งหวังใหูชนชัน
้ เป็ นข่มพลังคำ้ายันระบอบ
ประชาธิปไตย จึงแทบจะเป็ นไปไมุไดูหากขาดซึ่งการถากถางทาง
เพื่อใหูพลังของชนชัน
้ กลางไดูเขูาไปมีสุวนรุวมในทางการเมือง
อยุางตุอเนื่ องยัง่ ยืน
E-Hearing ทางเลือกแห่งช่องทางสื่อสารการเมืองของชนชัน
้
กลาง
11
พัฒนาการทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยไทยที่ผุาน
มา กลุ่มทหาร
นั กการเมือง และนั กธ่รกิจขนาดใหญุที่แอบอิงกับกลุ่มการเมือง
ด้จะเป็ นตัวแสดงสำาคัญในการขับเคลื่อนทิศทาง ทัง้ หนู าฉากและ
หลังฉาก คนกลุ่มอื่นๆ มีโอกาสเพียงตัวประกอบในการใหูฉันทา
มติรับรองการใชูอำานาจของตัวแสดงบนเวทีเหลุานั น
้ แมูแตุ
ชนชัน
้ กลางผู้มีความรู้ ความสามารถในทางเศรษฐกิจ สังคม ก็ยัง
ถ้กขีดวงไวูแตุเพียงการมีสุวนรุวมตามวาระและโอกาสที่ถ้กสรูาง
กำาหนดขึ้นไวู อาทิเวที การเลือกตัง้ การเปิ ดใหูแสดงความคิด
เห็นผุานสื่อมวลชน แมูวุาในอดีตไดูแสดงพลังมหาศาลในการขับ
เคลื่อนการเมืองไทยมาบูางแลูวก็ตาม
ชุองทางในการสื่อสารเพื่อสืบสานการมีสุวนรุวมของกลุ่มคน
ทีม
่ ีพลังสรูางสรรค์อยุางชนชัน
้ กลางนั บวุามีความสำาคัญอยุางยิ่ง
ตุอพัฒนาการทางการเมืองไทย เฉกเชุนที่ Lucian W Pye นั ก
วิชาการทางดูานพัฒนาการทางการเมืองไดูชี้ไวูวุา “การสรูางชาติ
ใหูเป็ นอันหนึ่งอันเดียวกันทางการเมืองของรัฐชาติใหม่สำาคัญอย่้
ทีก
่ ารสรูางการสื่อสารภายในชาติ โดยตูองมีการสถาปนาช่อง
ทางการสื่อสารระหว่างทุกภาคส่วนที่มีประสิทธิภาพเพื่อใหูทุกคน
เขูาใกลูและรับรู้ขูอม้ลข่าวสารกัน เรียนรู้กัน ดังนัน
้ จึงตูองมีการ
พัฒนาสื่อมวลชน หรือองค์กรที่สามารถรวบรวมความคิดเห็นใน
ทางการเมือง และความคิดเห็นสาธารณะของประชาชนแต่ละ
คน” (Lucian W Pye: 1963 pp10-11)
12
ประกันความโปรุงใสในการนำ าความคิดเห็นขูอเสนอแนะสุ้การ
ปฏิบัติของหนุ วยงานที่เกี่ยวขูอง เชุนเดียวกับที่ระบบเว๊ปไซด์
ตุางๆ ไดูเปิ ดพื้นที่รวบรวมความคิด ขูอเสนอแนะในดูานตุางๆ
ตลอดจนระบบการโหวตแสดงความนิ ยมผุานโทรศัพท์มือถือ
หรือ เว๊ปไซด์ตุางๆ ทีป
่ ระสบความสำาเร็จเป็ นอยุางดีในระบบ
เอกชน โดยระบบนี้สุวนภาคสาธารณะสามารถเริ่มตูนจากระบบ
เชื่อมตุอสรูางฐานสมาชิกระหวุางสำานั กงานเขต องค์กรปกครอง
ทูองถิ่น กุอนขยายตัวสุ้สุวนกลางและระดับชาติ
ขูอเสนอดังกลุาว เชื่อมัน
่ ไดูวุาเป็ นการจัดวางชุองทางที่สอด
รับกับวิถีและคุานิยมของชนชัน
้ กลางที่มีภาคสุวนชีวิตอยุ้ใน
สังคมทันสมัย เนู นการสื่อสารที่ฉับไวโดยไมุเป็ นภาระรับผิดชอบ
ตุอตนเองและคนรอบขูางมากนั ก ชุองทางเชุนนี้จะเป็ นสุวนเกื้อ
หน่นใหูเกิดการรุวมกันเรียนรู้ชีวิตในภาคสุวนสาธารณะ (Public
life) ทีจ
่ ะเป็ นการเปิ ดปริมณฑลใหูชนชัน
้ กลางไดูกูาวออกมาจาก
พื้นที่ผลประโยชน์ และความสนใจสุวนตน จนนำ าไปสุ้ปฏิบัติการ
ทางการสื่อสารทางการเมืองระหวุางชนชัน
้ กลางผู้มีความคิด
สรูางสรรค์และพลังแหุงความเชื่อมัน ์ รี
่ ในหลักเหต่ผลและศักดิศ
แหุงความเทุาเทียมกันระหวุางผู้ปกครองและผู้อน่ญาตใหู
ปกครอง
ลักษณะเชุนนี้เองที่สามารถสรูางสรรค์พ้ ืนที่สาธารณะ
(public sphere) ในแนวทาง ของ Jurgen Habermas นั ก
วิชาการชาวเยอรมัน ที่เชื่อวุาจะเป็ นวุามีชุองทางติดตุอสื่อสารที่
เปิ ดกวูางระหวุางประชาชนและรัฐ จะนำ ามาซึ่งการไหลเวียนของ
14
หนั งสืออ้างอิง