Download as doc, pdf, or txt
Download as doc, pdf, or txt
You are on page 1of 5

สาระการเรียนรู้คณิ ตศาสตร์เพิ่มเติม ช่วงชัน

้ ที่ 4 ชัน
้ มัธยมศึกษาปี ที่ 4

เรื่องทฤษฎีจำานวนเบือ
้ งตูน หน่ วยการเรียนรู้ที่ 21 จำานวนเฉพาะ

ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง

นำ ำสมบัติของจำำนวนเต็มไปใช้ในกำรให้เหตุผลเกี่ยวกับกำรหำรลงตัวได้

จุดประสงค์การเรียนรู้

1 บอกควำมหมำยของจำำนวนเฉพำะได้
2 แยกตัวประกอบของจำำนวนเต็มที่กำำหนดให้ได้
3 หำจำำนวนเฉพำะจำกจำำนวนที่กำำหนดให้ได้

จำานวนเฉพาะ (Prime Number)

ในบรรดำจำำนวนทัง้ หลำยที่มีอยู่ในโลก จำำนวนเฉพำะ เป็ นจำำนวนที่นักคณิตศำสตร์ให้


ควำมสนใจอยู่ไมูน้อยนับตัง้ แตูสมัยโบรำณ และในปั จจุบันก็ยังมีกำรศึกษำเกี่ยวกับจำำนวน
เฉพำะอยู่
ในหนูวยกำรเรียนร้่นี้ เรำจะได้ศึกษำเกี่ยวกับจำำนวนเฉพำะ กำรหำจำำนวนเฉพำะ และ
กำรนำ ำจำำนวนเฉพำะไปใช้ในกำรแก้ปัญหำบำงปั ญหำด้วย

บทนิ ยาม 21.1จำำนวนเต็มบวก p > 1 เป็ นจำำนวนเฉพำะ ก็ตูอเมื่อ มีจำำนวนนับที่หำร p


ลงตัวเพียงสองจำำนวน คือ 1 และ p

ในที่นี้จะพบวูำ จำำนวนเฉพำะตำมบทนิยำม 21.1 เป็ นจำำนวนเฉพำะที่เป็ นบวกเทูำนัน



จำำนวนเฉพำะ เชูน

จำำนวนเต็มบวกอื่นๆ ที่ไมูใชู 1 และไมูใชูจำำนวนเฉพำะ เชูน

เรียกวูำจำำนวนประกอบ (Composite Number)


ประมำณ 230 ปี กูอนคริสต์ศักรำช นักดำรำศำสตร์ชำวกรีกนำมเอรำโทสเตเนส
(Eratosthenes, ประมำณ ประมำณ 276 – 194 ปี กูอนคริสต์ศักรำช) ได้พัฒนำวิธีกำรหำ
จำำนวนเฉพำะ (prime number) ซึ่งกลำยมำเป็ นที่ร้่จักกันในชื่อ “ตะแกรงของเอรำโทสเต
เนส” (Sieve of Eratosthenes) ซึ่งมีวิธีกำรดังนี้ (ในที่นี้จะใช้ตัวอยูำงกำรหำจำำนวนเฉพำะ
จำกจำำนวนนับ 1 ถึง 50)
1 2 3 4 5 1 ไมูเป็ นจำำนวนเฉำะ ตัดทิ้ง (ใช้เครื่องหมำย / ทับเลข
6 7 8 9 10 ที่ไมูต้องกำร)
11 12 13 14 15
2 เป็ นจำำนวนเฉพำะ เก็บไว้ (วงกลมล้อมตัวที่ต้องกำร
16 17 18 19 20
ไว้)
21 22 23 24 25
26 27 28 29 30 ตัดจำำนวนนับที่มำกกวูำ 2 และมี 2 เป็ นตัวประกอบทิ้ง

31 32 33 34 35 3 เป็ นจำำนวนเฉพำะ เก็บไว้


36 37 38 39 40
ตัดจำำนวนนับที่มำกกวูำ 2 และมี 3 เป็ นตัวประกอบทิ้ง
41 42 43 44 45
46 47 48 49 50 5 เป็ นจำำนวนเฉพำะ เก็บไว้

ตัดจำำนวนนับที่มำกกวูำ 5 และมี 5 เป็ นตัวประกอบทิ้ง

7 เป็ นจำำนวนเฉพำะ เก็บไว้

ตัดจำำนวนนับที่มำกกวูำ 7 และมี 7 เป็ นตัวประกอบทิ้ง

จำำนวนนับที่เหลือจำกกำรตัดทิ้งทัง้ หมดเป็ นจำำนวน


เฉพำะ

ดังนัน
้ จำำนวนนับตัง้ แตู 1 ถึง 50 มีจำำนวนเฉพำะทัง้ หมด ตัว ได้แกู

คำำถำม ถ้ำหำกหำจำำนวนเฉพำะโดยใช้ตะแกรงของเอรำโตสเทเนส จะร้่ได้อยูำงไรวูำจะหยุด


ตรงไหน

คำำตอบก็คือด่วูำจำำนวนที่มำกที่สุดในกำรหำครัง้ นัน
้ แล้วหำจำำนวนเฉพำะที่มำกที่สุดที่
ยกกำำลังสองแล้วไมูเกินจำำนวนนับที่มำกที่สุดนัน
้ จะได้จำำนวนเฉพำะตัวนัน
้ เป็ นตัวสุดท้ำยที่
จะเป็ นตัวประกอบของจำำนวนนับที่กำำหนดให้ เชูน จำกตัวอยูำงข้ำงต้น จำำนวนนับที่มำกที่สุด
คือ 50 จำำนวนเฉพำะที่มำกที่สุดที่ยกกำำลังสองแล้วไมูเกิน 50 คือ 7 (7 = 49) ดังนัน
้ 7 เป็ น
2

จำำนวนสุดท้ำยที่เรำใช้เป็ นตัวประกอบ

ทฤษฎีบท 21.1 ถ้ำ n เป็ นจำำนวนนับ ซึ่งไมูมีจำำนวนเฉพำะ p ใดๆ ที่หำร n ได้ลงตัว โดยที่
p < n แล้ว n เป็ นจำำนวนเฉพำะ
2

จำกทฤษฎีบทข้ำงต้น ถ้ำเรำต้องกำรตรวจสอบวูำ จำำนวนนับ n ที่กำำหนดให้เป็ นจำำนวน


เฉพำะหรือไมู เรำจะมีวิธีกำรดังนี้
1) รวบรวม p ซึ่ง p2 < n
2) นำ ำ p ที่รวบรวมได้ไปหำร n ถ้ำไมูมจี ำำนวนเฉพำะ p ใดๆ หำร n ได้ลงตัวแล้ว n จะ
เป็ นจำำนวนเฉพำะ
ตัวอย่าง 21.1 จงตรวจสอบวูำ จำำนวนนับที่กำำหนดให้ตูอไปนี้เป็ นจำำนวนเฉพำะหรือไมู
1) 167
วิธีทำา จำำนวนเฉพำะ p ซึ่ง p < n ได้แกู
2

จะพบวูำ

ดังนัน

2) 701
วิธีทำา จำำนวนเฉพำะ p ซึ่ง p < n ได้แกู
2

จะพบวูำ

ดังนัน

กำรแยกตัวประกอบของจำำนวนนับใดๆ หมำยถึง กำรเขียนจำำนวนนับนัน


้ ในร่ปกำรค่ณ
ของตัวประกอบเฉพำะ

ตัวอย่างที่ 21.2 จงแยกตัวประกอบของจำำนวนนับตูอไปนี้


1) 21 = 3 x 7
2) 143 = 11 x 13

3) 221 =
4) 30 = 2 x 15 =2x3x5
5) 105 = 5 x 21 =5x3x7

6) 108 = 9 x 12 =

7) 260 =

8) 770 =

9) 1001 =

10) 5005 =

ทฤษฎีบท 21.2 ทฤษฎีบทพืน


้ ฐานของเลขคณิ ต (The Fundamental Theorem of
Arithmetic)
จำำนวนเต็มบวกใดๆ ที่มำกกวูำ 1 สำมำรถเขียนให้อยู่ในร่ปกำรค่ณของจำำนวน
เฉพำะได้เสมอและได้เพียงชุดเดียวเทูำนัน
้ (Existence and Uniqueness)

แบบฝึ กหัด 21

1. จงใช้ตะแกรงของเอรำโตสเทเนส หำจำำนวนเพำะตัง้ แตู 51 – 150

2. จงหำจำำนวนนับที่น้อยที่สุด ซึ่งเมื่อแยกตัวประกอบแล้วจะได้ตัวประกอบเฉพำะที่ไมูซ้ำำกัน
จำำนวน 2, 3, 4, และ 5 ตัว

3. จงหำจำำนวนนับที่น้อยที่สุดซึ่งเมื่อแยกตัวประกอบแล้วจะได้ตัวประกอบเฉพำะจำำนวนตำม
ที่กำำหนดให้ โดยที่ตัวประกอบเฉพำะแตูละตัวสำมำรถซำ้ำกัน จำำนวน 2, 3, 4, และ 5 ตัว

เกร็ดเล็กเกร็ดนู อย: จำานวนเฉพาะ


ประมำณ 230 ปี กูอน ค.ศ. นักดำรำศำสตร์ชำวกรีกนำมเอรำโทสเตเนส (Eratosthenes,
ประมำณ 276 – 194 ปี กูอนคริสต์ศักรำช) ได้พัฒนำวิธีกำรหำจำำนวนเฉพำะ
(prime number) ซึ่งกลำยมำเป็ นที่ร้่จักกันในชื่อ “ตะแกรงของเอรำโทสเต
เนส” (Sieve of Eratosthenes)
ค.ศ.1636 แฟร์มำต์นำำเสนอทฤษฎีจำำนวนสมัยใหมู ซึ่งรวมถึงทฤษฎีเกี่ยวกับจำำนวน
เฉพำะด้วย
ค.ศ.1644 นักทฤษฎีจำำนวนชำวฝรัง่ เศสนำมมำริน เมอร์เซนน์ (Marin Mersenne,
ค.ศ.1588 – 1648) ได้นำำเสนอส่ตรซึ่งจะทำำให้ผลลัพธ์เป็ นจำำนวนเฉพำะ (ส่ตร
กำรหำจำำนวนเฉพำะ) ซึ่งเรียกจำำนวนที่ได้นัน
้ วูำจำำนวนเฉพำะเมอร์เซนน์
(Mersenne Primes Number) แตูไมูถ่กต้องทุกรณี ทวูำเรื่องดังกลูำวได้กลำย
มำเป็ นหัวข้อสำำคัญที่หลำยคนให้ควำมสนใจในกำรทำำวิจัยทำงคณิตศำสตร์ใน
สำขำทฤษฎีจำำนวน (ด่ดำ้ นลูำง)

THE LARGEST KNOWN PRIME AND PERFECT NUMBER:


Cameron, Woltman, Kurowski et. al. (Last update: Dec 25, 2001)
Definition: When 2 – 1 is prime it is said to be Mersenne primes.
n

Theorem: If 2 -1 is prime, then so is n.


n

THE LARGEST KNOWN PRIME IS 2 – 1 (4,053,496 digits)


13,466,917

(Improved), and 2 – 1 (9,808,358 digits), Sept 4, 2006 by


32,582,657

GIMPS/Curtis Cooper & Steven Boone (not improve)

You might also like