Professional Documents
Culture Documents
อาญา มาตรา ๕๙
อาญา มาตรา ๕๙
“บุคคล”
นิตบ ิ ค
ุ คลอาจต้องรับผิดทางอาญาได้ในกรณี ดงั ต่อไปนี้
(บทความความรับผิดทางอาญาของนิตบ ิ คุ คล โดยอาจารย์บญ ั ญัติ สุชีวะ)
1. เมือ่ มีกฎหมายบัญญัตโิ ดยตรงให้นิตบ ิ คุ คลใดต้องรับผิดทางอาญา
นิตบ ิ คุ คลนัน ้ ก็ยอ่ มจะต้องรับผิดตามทีก ่ ฎหมายนัน ้ บัญญัตไิ ว้ เช่น
ความผิดตามพระราชบัญญัตก ิ าหนดความผิดเกีย่ วกับห้างหุน ้ ส่วนจดทะเบียน ห้างหุน ้ ส่วนจากัด
บริษท ั จากัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499
2. เมือ่ มีกฎหมายบัญญัตใิ ห้นิตบ ิ คุ คลใดต้องรับผิดในการกระทาของผูอ ้ น
ื่
ซึง่ นิตบ ิ ุคคลจะต้องรับผิดชอบ เช่น พระราชบัญญัตส ิ มุดเอกสารแลหนังสือพิมพ์ พ.ศ. 2470
ซึง่ ใช้อยูใ่ นขณะนัน ้ ให้เจ้าของต้องรับผิดในความผิดทีไ่ ด้กระทาลงด้วยการโฆษณาสมุด หรือเอกสาร
หรือหนังสือพิมพ์ ฉะนัน ้ บริษท ั จากัดนิตบ ิ คุ คลซึง่ เป็ นเจ้าของหนังสือพิมพ์
จึงต้องรับผิดในความผิดฐานหมิน ่ ประมาทอันเนื่องจากข้อความทีต ่ พ
ี ม ิ พ์ได้ (คาพิพากษาฎีกาที่ 265/2473)
หรือตามพระราชบัญญัตก ิ ารทาเหมืองแร่ พ.ศ. 2461 ซึง่ ใช้อยูใ่ นขณะนัน ้
ผูถ
้ ือประทานบัตรเหมืองแร่ยน ื่ บัญชีแร่ไม่ถูกต้อง ก็มค ี วามผิด แม้ผถ ู้ ือประทานบัตรนัน ้ จะเป็ นบริษท
ั จากัด
่
ซึงเป็ นนิตบ ิ ุคคล และแม้ผจู้ ดั การของบริษท ั จะเป็ นผูท ้ าบัญชีก็ตาม (คาพิพากษาฎีกาที่ 185/2489)
3. หากไม่มก ี ฎหมายบัญญัตโิ ดยตรงให้นิตบ ิ ุคคลต้องรับผิด
หรือต้องรับผิดในการกระทาของผูอ ้ น
ื่ ดังกล่าวข้างต้นแล้ว นิตบ ิ ค
ุ คลจะรับผิดทางอาญา
ก็ตอ ่ เมือ่ ความผิดทางอาญานัน ้ ได้กระทาไปในการดาเนินงานตามวัตถุทป ี่ ระสงค์ของนิตบ ิ ค
ุ คลนัน
้ ๆ
และนิตบ ิ คุ คลได้รบั ประโยชน์จากการกระทานัน ้ แล้ว ทัง้ นี้จะเห็นได้จากคาพิพากษาฎีกาที่ 1669/2506 และ
584/2508 ซึง่ วินิจฉัยว่า บริษท ั นิตบ ิ คุ คล แม้ไม่สามารถกระทาการทุกอย่างได้เช่นบุคคลธรรมดาก็ตาม
แต่ถา้ การกระทานัน ้ เป็ นไปตามความประสงค์ซงึ่ ได้จดทะเบียนไว้
และได้รบ ั ประโยชน์อน ั เกิดจากการกระทานัน ้ แล้ว ก็ยอ ่ มมีเจตนาในการรับผิดทางอาญาได้
- การงดเว้น
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1112-1114/2508 จาเลยเห็นผูต ้ ายกาลังถูกทาร้าย ไม่ได้เข้าขัดขวางแต่อย่างใด
และไล่ลูก ๆ ให้ออกไป ทัง้ สั่งห้ามไม่ให้ไปบอกใครด้วย เมือ่ มีหญิงคนหนึ่งมายังทีเ่ กิดเหตุ
จาเลยวิง่ ไปรับหน้า ห้ามมิให้เข้าไป โดยกล่าวเท็จว่า ผัวเมียตีกน ั ไม่ใช่ธุระ
เป็ นการแสดงให้เห็นว่าจาเลยกระทาไปโดยตัง้ ใจเพือ ่ จะอานวยความสะดวกให้ผต ู้ ายถูกฆ่า
โดยไม่ตอ ้ งถูกผูใ้ ดขัดขวาง จาเลยจึงมีความผิดฐานเป็ นผูส ้ นับสนุนการกระทาผิด
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 / หมายเหตุ ชายชูฆ ้ า่ สามี ภรรยาช่วยเหลือชายชู้
และงดเว้นไม่ชว่ ยเหลือสามี ซึง่ ภรรยามีหน้าทีต ่ ามกฎหมายต้องช่วยเหลือดูแลสามี
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1461
- คาพิพากษาฎีกาที่ 2210/2544
แม้ขอ ้ เท็จจริงจะฟังได้วา่ จุดทีจ่ าเลยจอดรถและเกิดเหตุชนกันอยูใ่ นไหล่ทางด้านซ้ายของถนน
ในลักษณะไม่กีดขวางการจราจรแล้วก็ตาม แต่การทีจ่ าเลยจอดรถในเวลามืดค่าโดยไม่ได้เปิ ดไฟ
หรือใช้แสงสว่างตามทีก ่ าหนดในกฎกระทรวง(ฉบับที่ 2 พ.ศ.2522)
เพือ ่ เป็ นสัญญาณให้ผข ู้ บั ขีม
่ องเห็นรถทีจ่ อดอยู่ จนเป็ นเหตุให้ผต ู้ ายขับรถจักรยานยนต์
พุง่ เข้าชนท้ายรถคันทีจ่ าเลยจอดอยูท ่ าให้ผต ู้ ายถึงแก่ความตายอันเป็ นผลจากความประมาทของจาเลย
ไม่วา่ จะฟังว่าผูต ้ ายมีสว่ นประมาทอยูด ่ ว้ ยก็ตาม
ก็ตอ ้ งถือว่าเหตุทผ ี่ ต
ู้ ายถึงแก่ความตายเกิดเพราะความประมาทของจาเลยด้วย
จึงเป็ นผลโดยตรงทีเ่ กิดจากความประมาทของจาเลยเพือ ่ งดเว้นการทีจ่ กั ต้องกระทาเพือ
่ ป้ องกันผลนัน
้
หาใช่ผลโดยตรงจากการขับรถของจาเลยไม่ จาเลยจึงไม่มค ี วามผิดฐาน ขับรถโดยประมาทตาม
พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ มาตรา 43 (4), 157
คงผิดฐานกระทาโดยประมาทเป็ นเหตุให้ผอ ู้ น
ื่ ถึงแก่ความตายตาม ป.อ.มาตรา 291
- ตัวอย่างประเด็นข้อสอบเก่า เรือ
่ งงดเว้น
- (ขส เน 2538/ 2) แดง จ้างขาว ไปฆ่าดา ขาวตกลง / ระหว่างรอโอกาส ดาไปว่ายน้าในสระ
เกิดตะคริว จะจมน้า ดาร้องขอให้คนช่วย/ ขาวเป็ นลูกจ้างประจาสระ มีหน้าทีด ่ แ
ู ลความปลอดภัย
เห็นดาและช่วยได้ แต่ไม่ชว่ ยเพราะประสงค์ให้ดาตาย ซึง่ หากขาวช่วย ดาก็จะไม่จบน้า
(ขาวและแดงผิดฐานใด) / ขาวมีหน้าทีป ่ ้ องกันมิให้ผม
ู้ าว่ายน้าจมน้า ปล่อยให้ดาจมน้า เป็ นการฆ่าดา
โดยงดเว้นการทีจ่ กั ต้องกระทาเพือ่ ป้ องกันผลนัน ้ ตาม ม 59 วรรคท้าย เมือ่ มีเจตนาฆ่าอยูก ่ อ
่ นแล้ว
จึงผิดฐานฆ่าโดยไตร่ตรองไว้กอ ่ น ตาม ม 289 (4) เพราะเป็ นการรับจ้างมาฆ่า / แดง
ผูใ้ ช้ตอ
้ งรับโทษเสมือนตัวการ ตาม ม 84 วรรคสอง ผิด ม 289 (4) ประกอบ ม 84
- “ละเว้น” คือ 1.มีหน้าที่ (เป็ นหน้าทีโ่ ดยทั่วไป “General Duty” ไม่ใช่หน้าทีป ่ ้ องกันผล) และ
2.ไม่กระทาตามหน้าที่ (อก/74, 84)
- มาตรา 374 ผูใ้ ดเห็นผูอ ้ น
ื่ ตกอยูใ่ นภยันตรายแห่งชีวต ิ
ซึง่ ตนอาจช่วยได้โดยไม่ควรกลัวอันตรายแก่ตนเองหรือผูอ ้ น
ื่ แต่ไม่ชว่ ยตามความจาเป็ น / อ จิตติ ติงศภัทิย์
อธิบายว่า ความผิดตามมาตรานี้ ไม่เป็ นการไม่กระทา ไม่ใช่หน้าทีต ่ ามกฎหมายทีต่ อ
้ งกระทา
เพือ ่ ป้ องกันผลมิให้ตายตามมาตรา 59 วรรคท้าย ฉะนัน ้ ถ้าไม่ชว่ ยแล้ว เกิดมีความตาย
ผูไ้ ม่ช่วยไม่มค ี วามผิดฐานฆ่าคน และความผิดตามมาตรานี้ไม่ตอ ้ งมีผล ฉะนัน
้
การทีไ่ ม่ชว่ ยจะตายหรือจะรอดไม่สาคัญ
และการละเว้นไม่ชว่ ยตามความจาเป็ นต้องเป็ นการกระทาโดยเจตนา ถึงแม้การที่ควรจะช่วยหรือไม่
โดยไม่ตอ ้ งมีเจตนาในส่วนนัน ้ ก็ตาม
- งดเว้น - ละเว้น
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1403/2512 (สบฎ เน 2096) ม 157 การจะเป็ นความผิดนัน ้
ต้องเป็ นการปฏิบตั ิ หรือละเว้นปฏิบตั ิ เฉพาะแต่หน้าทีข ่ องเจ้าพนักงานผูน ้ น
้ ั "โดยตรง"
ตามทีไ่ ด้รบ ั มอบหมาย ถ้าไม่เกีย่ วกับหน้าทีโ่ ดยตรงแล้ว ย่อมไม่ผด ิ (หมายถึงหน้าทีใ่ นการปฏิบตั ริ าชการ
ไม่ใช่หน้าทีป ่ ้ องกันผล ตาม ม 59 ว 5)
- เช่น นายขาว จะแทงนายดาให้ตาย ตารวจผ่านมา ไม่ระงับเหตุ ทัง้ ทีท ่ าได้ ตารวจผิด ม 157
แต่ไม่ผด ิ ม 288 + 59 ว 5
- แต่หากตารวจนัน ้ ได้รบั คาสั่งให้มาอารักขาดา โดยตรง ผิด ม 157 และ หากมีเจตนาฆ่า ผิด ม 288
+ 59 ว 5 + 59 ว 2 หรือหากงดเว้น ไม่ชว่ ยอารักขาโดยประมาท ม 59 ว 4,5 + 291)
- คาพิพากษาฎีกาที่ 999/2527 จาเลยเป็ นเจ้าพนักงานตารวจ มีอานาจทาการสืบสวนคดีอาญา
และจับกุมผูก ้ ระทาผิดกฎหมายในกรณี ทม ี่ ผ ู้ ระทาผิด ซึง่ หน้าแม้ในทีร่ โหฐาน
ี ก
จาเลยก็มอ ี านาจจับได้โดยไม่ตอ ้ งมีทง้ ั หมายจับและหมายค้น จาเลยเข้าไปในห้องเล่นการพนัน
พบผูเ้ ล่นกาลังเล่นการพนันเอาทรัพย์สน ิ กัน แล้วไม่ทาการจับกุม
ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการกรมตารวจ
มีความผิดฐานเป็ นเจ้าพนักงานปฏิบตั ห ิ น้าทีโ่ ดยมิชอบตาม ป.อ.ม.157
มาตรา 59 วรรคสอง
กระทาโดยเจตนา ได้แก่ กระทาโดยรูส้ านึกในการทีก
่ ระทา และในขณะเดียวกัน ผูก
้ ระทาย่อมประสงค์ตอ
่ ผล
หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทานัน
้
- ไม่ประสงค์ให้เกิดผล แต่ “คาดหมาย” ได้วา่ ผลอาจเกิด ถือว่า ไม่ เจตนา เช่น แพทย์ผา่ ตัด
คนไข้ตาย
- การบรรยายฟ้ อง และการสืบพยาน
- หาก “ผูเ้ สียหาย” เป็ นโจทก์ ต้องบรรยายว่าเกิดความเสียหาย และตนได้รบั ความเสียหายแล้ว
จะบรรยายว่า “น่ าจะ..หรือ อาจเกิด..” ตามตัวบทไม่ได้ เพราะเท่ากับความเสียหายยังไม่เกิด
โจทก์ยงั ไม่ได้รบั ความเสียหาย ไม่ใช่ผเู้ สียหาย / ปวิอ ม 28 ให้ “ผูเ้ สียหาย” มีอานาจฟ้ อง “ผูจ้ ะเสียหาย”
จึงไม่มอ ี านาจฟ้ อง / แต่หาก “อัยการ” เป็ นโจทก์ มีอานาจฟ้ อง ป.วิ.อาญา.ม 28
โดยไม่จาต้องเป็ นผูไ้ ด้รบั ความเสียหาย จึงบรรยายตามตัวบทได้
- คาพิพากษาฎีกาที่ 2054/2517 การเบิกความเท็จต่อศาลในการพิจารณาคดี
มิใช่เรือ ่ งแจ้งความต่อเจ้าพนักงาน เพราะศาลทาหน้าทีเ่ ป็ นเจ้าพนักงานในการยุตธิ รรมในการพิจารณาคดี
ซึง่ มีบทบัญญัตไิ ว้โดยเฉพาะตามมาตรา 177
มิได้ปฏิบ ัติหน้าทีใ่ นฐานะเป็ นเจ้าพนักงานอย่างเจ้าพนักงานทั่วไป จึงไม่เป็ นความผิดฐานแจ้งความเท็จ /
ฟ้ องโจทก์มไิ ด้บรรยายว่า การแจ้งความของจาเลยอาจทาให้โจทก์เสียหายเป็ นแต่กล่าวว่า
อาจทาให้ผอ ู้ น
ื่ เสียหาย โจทก์จงึ ไม่ใช่ผเู้ สียหาย ไม่มอ ี านาจฟ้ องในข้อหาฐานนี้
- คาพิพากษาฎีกาที่ 3397,3398/2516 คูค ่ วามรับกันว่า
จาเลยได้ลงข้อความเกีย่ วกับโจทก์ในหนังสือพิมพ์ ดังทีโ่ จทก์กล่าวในฟ้ อง
คงเหลือปัญหาจะต้องวินิจฉัยแต่เพียงว่า ข้อความตามฟ้ องเป็ นการใส่ความโจทก์
โดยประการทีน ่ ่ าจะทาให้โจทก์เสียชือ ่ เสียง ถูกดูหมิน ่ หรือถูกเกลียดชังหรือไม่
ซึง่ เป็ นการวินิจฉัยลักษณะของการกระทา ไม่ใช่วน ิ ิจฉัยผลแห่งการกระทา
อันเป็ นปัญหาข้อกฎหมายทีศ ่ าลวินิจฉัยได้เองโดยพิจารณาจากข้อความเหล่านี้วา่ มีความหมายอย่างไร
โจทก์หาต้องนาสืบไม่
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1068/2537 คาว่าเบีย้ วมีความหมายพิเศษเป็ นทีร่ ก ู้ น
ั อยูท
่ ่วั ไปว่า หมายถึง
ไม่ซือ ่ ตรงหรือโกง การแปลหัวข้อข่าวทีว่ า่ "แอมบาสเดอร์เบีย้ วค่าเฟอร์นิเจอร์ เจ้าของฟ้ องศาลเรียกหนี้ 1
ล้าน" หมายถึงแอมบาสเดอร์ไม่จา่ ยค่าเฟอร์นิเจอร์เพราะไม่ซือ ่ ตรงหรือโกง
จึงไม่เป็ นการแปลความหมายผิดไปจากเจตนารมณ์ หรือความหมาย หัวข้อข่าว
ประกอบกับข้อความในเนื้อข่าวตามฟ้ อง เป็ นการใส่ความโจทก์ทง้ ั สาม
โดยประการทีน ่ ่ าจะทาให้โจทก์ทง้ ั สามเสียชือ ่ เสียง ถูกดูหมิน่ หรือถูกเกลียดชังหรือไม่
เป็ นการวินิจฉัยลักษณะของการกระทา อันเป็ นปัญหาข้อกฎหมายทีศ ่ าลวินิจฉัยได้เอง
โดยพิเคราะห์จากข้อความเหล่านัน ้ ว่ามีอย่างไร
- ตัวอย่างประเด็นข้อสอบเก่า เรือ
่ ง พฤติการณ์ ประกอบการกระทา
- (ขส พ 2528/ 7) สัญญากู้ แม้ไม่มพ ี ยานก็สมบูรณ์ แล้ว แม้จดั ให้มีพยานลงลายมือชือ ่ ภายหลัง
ก็ไม่ผด ิ ม 265 เพราะไม่น่าจะเสียหาย เมือ่ นาไปยืน ่ ฟ้ องจึงไม่ผด
ิ ม 268 และไม่ผด ิ ม 180 ฎ 1126/2505
/ ผูล้ งชือ
่ เป็ นพยานในสัญญากู้ ก็ไม่ผด
ิ ม 265 เพราะไม่น่าจะเกิดความเสียหาย / ผูก ้ ห
ู้ ยิบสัญญามาดูแล้วฉี ก
ผิด ม 358 และ 188 เป็ นกรรมเดียว ม 90 ฎ 1418/2506
- การกระทาโดยประมาท “ไม่มี ตัวการ ผูใ้ ช้ ผูส้ นับสนุน” ตาม ม 83-86 เพราะ โดยสภาพไม่อาจ
เป็ น ตัวการ ผูใ้ ช้ ผูส
้ นับสนุน ตาม ม 83-86 ให้กระทาความผิดโดยประมาทได้ ฎ 1337/2534 (อก/192)
- กรณีทมี่ ก
ี ารกระทาทัง้ ส่วนทีเ่ กิดจากเจตนา และส่วนทีเ่ กิดจากความประมาท
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1094/2501 ยิงคนตายในทีม ่ ด
ื โดยเล็งไปทางทีค ่ นเห็น
เพราะเข้าใจว่าเป็ นคนร้ายมาแย่งชิงทรัพย์ ไม่พจิ ารณาให้รอบคอบ เป็ นความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา
โดยป้ องกันทรัพย์เกินกว่าเหตุ (เจตนาฆ่า เพราะสาคัญผิดในข้อเท็จจริงว่ายิงคนร้ายทีจ่ ะชิงทรัพย์
แต่ความสาคัญผิดนัน ้ เกิดจากการไม่พจิ ารณาให้รอบคอบ
ก็เป็ นการกระทาทีเ่ กิดขึน ้ จากความประมาทอยูใ่ นตัว / อ เกียรติขจร (เน 51/6/1) เห็นว่า
การกระทาโดยประมาท ต้องไม่ใช่การกระทาโดยมีเจตนา เพราะตัวบทใช้คาว่า การกระทาโดยประมาท
ได้แก่การกระทาความผิดมิใช่โดยเจตนา ซึง่ กรณี นี้ “ความสาคัญผิดทีเ่ กิดขึน ้ ก่อนการลงมือยิง” นัน ้
เป็ นความสาคัญผิดโดยประมาท ต้องวินิจฉัยในประเด็นนี้ตาม ม 62 วรรคสองด้วย ส่วนตอนที่ “ลงมือยิง”
นัน้ เป็ นการกระทาโดยเจตนา วินิจฉัยในประเด็นนี้ไปตามปกติ / มองอีกแง่มม ุ หนึ่ง แม้สว่ นทีป
่ ระมาท
และเจตนาเกิดไม่พร้อมกัน แต่ในขณะยิง ก็อาจเป็ นประมาทได้ หากดูให้ดก ี ็จะทราบข้อเท็จจริง
การพิจารณาในแง่นี้ เมือ่ แยกพิจารณาทีละส่วน ก็ไม่น่าผิด)
- คาพิพากษาฎีกาที่ 717/2511 จาเลยมีปากเสียงกับพวกผูต ้ ายก่อนเกิดเหตุ แล้วผูต ้ ายเกินมาหาพวก
ผูต
้ ายก้มลงเก็บของทีท ่ าตก จาเลยสาคัญผิดว่าผูต ้ ายจากทาร้ายตน จึงยิงผูต ้ ายตาย
ดังนี้เป็ นการเข้าใจผิดโดยไม่มเี หตุอน ั ควร แม้ความสาคัญผิดจะเกิดจากความประมาท
ก็เป็ นการกระทาทีเ่ กินกว่าเหตุ การกระทาของจาเลย จึงเป็ นการป้ องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ
- คาพิพากษาฎีกาที่ 917/2530 จาเลยใช้ดา้ มปื นตีศรี ษะ ว.แตกเลือดไหลแล้วกระสุนปื นลั่นไปถูก ด.
ตาย และ ส. ได้รบั บาดเจ็บ จาเลยย่อมมีความผิดฐานทาร้ายร่างกาย ว. ตาม มาตรา 295
แต่เมือ่ ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจาเลยมีเจตนาใช้ปืนยิง เพือ่ ฆ่าหรือทาร้าย ว.
กรณี จงึ มิใช่เป็ นการทีจ่ าเลยมีเจตนากระทาต่อ ว. แต่ผลของการกระทาผิดเกิดแก่ ด. และ ส. โดยพลาด
จาเลยจึงไม่มค ี วามผิดตามมาตรา 290, 295 ประกอบด้วยมาตรา 60 อย่างไรก็ตาม
เมือ่ การทีก
่ ระสุนปื นลั่นเป็ นผลให้ ด.ตายและ ส.ได้รบ ั บาดเจ็บนัน ้ เป็ นเพราะความประมาทของจาเลย
ในการใช้ปืนตี ว.จาเลยจึงมีความผิดตามมาตรา 291, 390 (เจตนาทาร้ายโดยใช้ปืนตีศรี ษะ
และการใช้ปืนในลักษณะนี้ ย่อมเป็ นการกระทาโดยประมาทอยูใ่ นตัว )
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1211/2530 จาเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันลักน้ามันทีป ่ ๊ม
ั ผูเ้ สียหาย
โดยใช้สายไฟต่อขัว้ แบตเตอรีก ่ บั เครือ
่ งปั๊ม ดูดน้ามันจากถังใต้ดน ิ มาใส่ถงั ในรถยนต์เมือ่ ดูดน้ามันได้ 4
ถังแล้ว จาเลยที่ 2 ดึงสายไฟจากขัว้ แบตเตอรีใ่ ห้ป๊ม ั ติก ๊ หยุดทางาน เพือ ่ จะเปลีย่ นสายยางไปใส่ถงั ที่ 5
ทาให้เกิดประกายไฟเป็ นเหตุให้เพลิงไหม้ ดังนี้
พฤติการณ์ ทจี่ าเลยทัง้ สองร่วมกันมาลักทรัพย์โดยวิธีการเช่นนี้
ทาให้เกิดไอระเหยของน้ามันกระจายอยูใ่ นบริเวณนัน ้ ง่ายต่อการเกิดเพลิงไหม้
ถือได้วา่ เป็ นการกระทาโดยประมาท เพราะแบตเตอรีเ่ ป็ นเครือ ่ งกาเนิดไฟฟ้ า
และน้ามันเป็ นวัตถุตด ิ ไฟได้งา่ ย เมือ่ เกิดเพลิงไหม้ขน ึ้ เนื่องจากวิธีการในการลักทรัพย์ของจาเลยทัง้ สอง
ซึง่ กระทาด้วยความประมาท ต้องถือว่าเป็ นผลอันเกิดจากการกระทาของจาเลยทุกคนทีร่ ว่ มกันลักทรัพย์
ดังนัน้ แม้จาเลยที่ 3 จะมิได้เป็ นผูถ ้ อดสายไฟฟ้ าจากขัว้ แบตเตอรี่ ก็ตอ ้ งฟังว่าจาเลยที่ 3 ร่วมกระทาด้วย
จาเลยที่ 3 จึงต้องมีความผิดฐานทาให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท (เจตนาลักทรัพย์ และวิธีการลักทรัพย์นน ้ั
เป็ นการกระทาโดยประมาท)
- คาพิพากษาฎีกาเรือ ่ งประมาท
- คาพิพากษาฎีกาเรือ ่ งประมาท เกีย่ วกับการขับขีย่ านพาหนะ และจราจร
- คาพิพากษาฎีกาที่ 127/2503 การขับรถตามหลังคนอืน ่
ควรจะเว้นระยะให้หา่ งมากพอทีจ่ ะหยุดรถได้ทน ั โดยไม่ชนรถคันหน้า ยิง่ ฝุ่ นตลบ
ก็ยอ ่ มจะต้องระมัดระวังเว้นระยะให้หา่ งมากขึน ้ เมือ่ รถจาเลยไปชนรถคันหน้าเป็ นเหตุให้คนตาย ถือได้วา่
จาเลยประมาท ทาให้คนตาย
- คาพิพากษาฎีกาที่ 983/2508 มาตรา 291 ต้องเป็ นการกระทาโดยประมาท
และเป็ นผลโดยตรงให้เกิดความตาย การกระทาตามมาตรานี้ไม่รวมถึงการละเว้น การทีจ่ าเลยที่ 1
“ไม่ไปตรวจหัวประแจ” ก่อนทีร่ ถจะมาถึง ก็เป็ นเพียงละเว้น “ไม่ใช่ผลโดยตรง” ทีท ่ าให้รถชนกัน
ผลโดยตรงทีท ่ าให้รถชนกันอยูท ่ ี่ “การเปลีย่ นหัวประแจ ไม่สบั กลับ” ซึง่ เป็ นการกระทาของจาเลยที่ 2 จาเลยที่
1 ไม่ผด ิ ม 291
- ตามแนวคิดเรือ ่ งการตรวจสอบซา้ (Double Check) ใช้กบั เรือ ่ งทีม
่ คี วามสาคัญมาก ๆ
เช่นการเดินรถไฟ ซึง่ มีประชาชนใช้บริการเป็ นจานวนมาก การรักษาความปลอดภัยในระบบการเดินรถไฟ
เป็ นเรือ
่ งสาคัญ หากข้อเท็จจริงฟังได้ชดั ว่า จาเลยที่ 1 นอกจากมีหน้าทีต ่ รวจหัวประแจโดยตรงแล้ว
และเมือ่ พบว่าการสับรางยังไม่ถูกต้อง จาเลยที่ 1 จะต้องดาเนินการให้ถูกต้องทันที การกระทาของจาเลยที่ 1
ในคดีนี้ ทีไ่ ม่ไปตรวจหัวประแจ ถือเป็ นการงดเว้นกระทาการ โดยประมาทแล้ว
และถือเป็ นเหตุทส ี่ าคัญอันหนึ่งซึง่ ทาให้เกิดผลคือรถไฟชนกัน และมีผถ ู้ งึ แก่ความตาย จาเลยที่ 1
จะต้องรับผิดในผลของการกระทานัน ้ โดยตรง ตามทฤษฎีเงือ่ นไข ในแง่ Contributory cause
- คาพิพากษาฎีกาที่ 761/2511 จาเลยขับรถประจาทางมาตามถนน
เห็นรถบรรทุกแล่นสวนทางมาในระยะกว่า 50 เมตรในลักษณะผิดปกติ
คือแล่นกินทางเข้ามาด้วยความเร็วสูงและส่ายไปมา เช่นนี้ จาเลยควรมีหน้าทีห ่ ยุดรถ
หรือชะลอรถแอบเข้าข้างทาง แต่คงขับต่อไป เพิง่ จะห้ามล้อ เมือ่ อยูห ่ า่ งกันในระยะ 7-8 เมตร
แล้วหักหลบไปทางขวา เป็ นเหตุให้ชนรถบรรทุกจนมีคนตายและบาดเจ็บ
ถือว่าเป็ นการกระทาโดยปราศจากความระมัดระวัง
ซึง่ บุคคลในภาวะเช่นนัน ้ จักต้องมีตามวิสยั และพฤติการณ์ และอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านัน ้ ได้
แต่หาได้ใช้เพียงพอไม่ จาเลยจึงมีความผิดฐานประมาททาให้คนตายและบาดเจ็บ
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1563/2521 คนโดยสารเรือยนต์ตกน้า เรือถอยหลังไปช่วย
ทาให้ใบจักรฟันคนทีต ่ กน้าตาย แทนทีจ่ ะโยนชูชีพลงไปช่วยตามข้อบังคับการเดินเรือ
เป็ นการขาดความระวังตามควรแก่เหตุการ และนายท้ายผูป ้ ระกอบวิชาชีพเดินเรือควรได้คาดคิด
จึงเป็ นประมาททาให้คนตายตาม ม.291
- คาพิพากษาฎีกาที่ 3052/2530 (คดีแพ่ง) พ. ขับรถยนต์ดว้ ยความเร็ว 50-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
แม้ไม่เกินอัตราทีก ่ ฎหมายกาหนด แต่ตรงทีเ่ กิดเหตุมที างแยก จะต้องขับรถให้ชา้ ลงกว่านี้อก
ี การที่ พ.
ขับรถด้วยความเร็วดังกล่าว และขณะทีข ่ บั รถมาใกล้จะถึงทีเ่ กิดเหตุ
ก็ได้เห็นรถทีจ่ อดรออยูต ่ รงเกาะกลางถนนแล้ว ก็น่าจะชะลอความเร็วของรถบ้าง หรือมิฉะนัน ้
เมือ่ เห็นมีรถซึง่ รออยูต
่ รงเกาะกลางถนน แล่นตัดหน้าไปคันหนึ่งแล้ว ก็ควรห้ามล้อให้รถชะลอความเร็วลงได้
โดยไม่จาเป็ นต้องหักรถหลบไป จนปี นเกาะกลางถนน ดังนี้ถือได้ว่า พ. มีสว่ นประมาทด้วย
- ตัวอย่างประเด็นข้อสอบเก่า เรือ
่ งประมาท
- (ขส พ 2502/ 7 ครัง้ ทีส่ อง) สีจุดประทันโยนใส่คนดูลเิ ก ขาวตกใจ ปัดถูกสา
สาตกใจปัดไปเกิดระเบิดขึน ้ ทาให้แสงตาบอด / สีผด ิ ม 297 เพราะมีเจตนาย่อมเล็งเห็นผล ตาม ม 59 /
ขาวและสา ไม่ผด ิ เพราะไม่มเี จตนา (และไม่มีขอ้ เท็จจริงว่าเป็ นประมาท)
- (ขส พ 2519/ 9) แดงให้ดาช่วยสอนขับรถ แดงขับรถประมาทชนคน ดาเห็นแดงพลาด
จึงหักพวงมาลัยรถ ชนคนตาย แดงบาดเจ็บสาหัส แดงและดาผิด ม 291 ดาผิด ม 300 อีกด้วย
เพราะก่อนดาหักพวงมาลัย แดงขับรถมาในลักษณะน่ าจะอันตรายอยูแ ่ ล้ว ฎ 1199/2510 ดาถือพวงมาลัย
ทัง้ ทีไ่ ม่อยูใ่ นสภาพทีจ่ ะขับหรือควบคุมรถได้ปลอดภัย จึงเป็ นการประมาท
(3) ให้ถือว่าผูน
้ น
้ ั กระทาโดยเจตนาแก่บค ุ คลซึง่ ได้รบ
ั ผลร้ายจากการกระทานัน ้
- เจตนาประสงค์ตอ ่ ผลโดยตรง รับผิดตามเจตนาทีม ่ อ
ี ยูเ่ ดิม แม้สาคัญผิดในตัวบุคคล
- เจตนาแรก (ฆ่า , ทาร้ายร่างกาย , ความผิดเกีย่ วกับทรัพย์) โอนไปยังผูถ ้ ูกกระทาโดยสาคัญผิด
หรือผูท้ ไี่ ด้รบ ั ผลร้าย
- เจตนาแรก ประกอบด้วยเจตนาพิเศษ (ป้ องกัน , จาเป็ น , บันดาลโทสะ , ฆ่าโดยไตร่ตรอง ฯลฯ)
โอนไปยังผูถ ้ ูกกระทาโดยสาคัญผิด หรือผูท ้ รี่ บั ผลร้าย
- ผูก
้ ระทารูอ้ งค์ประกอบภายนอกเท่าไร รับผิดเท่านัน ้
- หากไม่รข ู้ อ
้ เท็จจริงอันเป็ นองค์ประกอบความผิด ถือว่าไม่มเี จตนาตามมาตรา 59 วรรคสาม
ผูก
้ ระทาไม่ตอ ้ งรับผิด
- หากไม่รข ู้ อ้ เท็จจริง อันทาให้ตอ
้ งรับโทษหนักขึน ้ ผูก
้ ระทาไม่ตอ
้ งรับโทษหนักขึน้ ตามมาตรา 62
วรรคท้าย
- ผูก้ ระทารับผิดไม่เกินข้อเท็จจริง อันเป็ นองค์ประกอบความผิดนัน ้
- ผูก ้ ระทาต้องรับผิดต่อ “บุคคลทีผ ่ ก
ู้ ระทาผิด เจตนาจะทากระทา” และ
“บุคคลทีไ่ ด้รบั ผลร้ายจากการกระทาผิด” (เป็ นกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท
ลงโทษบทหนักตามมาตรา 90)
- มาตรา 60 แม้การกระทานัน ้ มีเจตนาโดยพลาด เกิดขึน ้ โดยประมาท (คือ
กระทาโดยประมาทต่อ“บุคคลทีไ่ ด้รบั ผลร้ายจากการกระทาผิด” ด้วย) มาตรา 59 วรรคสี่
ไม่ตอ้ งปรับประมาทอีก เพราะต้องรับผิดในส่วนของ “เจตนา” ตาม มาตรา 59 วรรคสอง ต่อ
“บุคคลทีผ ่ ก ู้ ระทาผิด เจตนาจะทากระทา” และ “บุคคลทีไ่ ด้รบั ผลร้ายจากการกระทาผิด” อยูแ ่ ล้ว
(4) กรณี ทก
ี่ ฎหมายบัญญัตใิ ห้ลงโทษหนักขึน ้ เพราะ “ฐานะของบุคคล” หรือเพราะ
“ความสัมพันธ์ระหว่างผูก้ ระทากับบุคคลทีไ่ ด้รบ ั ผลร้าย”
มิให้นากฎหมายนัน ้ มาใช้บงั คับเพือ่ ลงโทษผูก
้ ระทาให้หนักขึน้
- ตรงกับกรณี ไม่รขู้ อ
้ เท็จจริง อันทาให้ตอ ้ ผูก
้ งรับโทษหนักขึน ้ ระทาไม่ตอ ้
้ งรับโทษหนักขึน
ตามมาตรา 62 วรรคท้าย
- เจตนาโอน ให้ดท ู เี่ จตนาแรกเป็ นหลัก และให้รบั ผิดในผลของทัง้ สองเจตนา แล้วปรับ ม.90
กรณี เป็ นเจตนาทาผิด ไม่ตอ ้ งดูตอ่ ว่าประมาทหรือไม่ เพราะต้องรับผิดตามเจตนาทีโ่ อนไป
ซึง่ หนักกว่าอยูแ ่ ล้ว (อก/164)
- คาพิพากษาฎีกาที่ 205/2516 ผูต ้ าย ผูเ้ สียหาย และจาเลยร่วมดืม ่ สุราด้วยกันจนเมา
แล้วผูต ้ ายกับจาเลยทะเลาะกัน ผูเ้ สียหายจึงชวนจาเลยกลับบ้าน ผูต ้ ายตามมาต่อยและเตะจาเลยจนล้ม
ลุกขึน ้ ก็ยงั ถูกเตะอีกเมือ่ ผูต ้ ายเตะ จาเลยก็ใช้มด ี ปลายแหลมทีต ่ ด
ิ ตัวไปแทงสวนไปสองสามครัง้ ถูกผูต้ าย
ระหว่างนัน ้ ผูเ้ สียหายเข้าขวางเพือ ่ ห้าง จึงถูกมีดได้รบ ั บาดเจ็บ ส่วนผูต้ ายถึงแก่ความตาย
การกระทาของจาเลยต่อผูต ้ ายเป็ นการกระทาโดยป้ องกันพอสมควรแก่เหตุ
แม้จะพลาดไปถูกผูเ้ สียหายเข้าด้วย ซึง่ ตามมาตรา 60 ประมวลกฎหมายอาญา
จะถือว่าจาเลยมีเจตนาแทงผูเ้ สียหายก็ดี แต่การกระทาของจาเลยก็เป็ นผลสืบเนื่องมาจากจาเลยแทงผูต ้ าย
เพือ ่ ป้ องกันสิทธิพอสมควรแก่เหตุ อันไม่เป็ นความผิด
จาเลยจึงไม่มค ี วามผิดฐานทาร้ายร่างกายผูเ้ สียหายด้วย
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1428/2520 ผูต ้ ายไล่จว้ งแทงจาเลยด้วยมีด ตัวมีดยาวคืบเศษ
จาเลยยิงด้วยปื นพก 7.65 มม. 7 นัด เมือ่ อยูห ่ า่ ง 1 วา กระสุน 1 นัดพลาดไปถูกผูอ ้ น
ื่ บาดเจ็บ
เป็ นการกระทาเพือ ่ ป้ องกันเกินสมควรแก่เหตุ ความผิดฐานฆ่าคนและพยายามฆ่าคนเป็ นกรรมเดียวกัน
- คาพิพากษาฎีกาที่ 370/2527 จาเลยมีปากเสียงชกต่อย ค.ด้วยสาเหตุปก ั ใจเชือ
่ ว่า
ค.เป็ นคนร้ายฆ่าบิดาตน จาเลยสูไ้ ม่ได้และกลับไปก่อน ต่อมาอีก 30 นาที ค.ขีร่ ถจักรยานกลับบ้านมี
ป.นั่งซ้อนท้ายไปด้วย จาเลยดักซุม่ อยูใ่ นป่ าข้างทางใช้ปืนแก๊ปยาวทีถ
่ ือติดมือมายิง
ค.แต่กระสุนปื นพลาดไปถูก ป.ตายดังนี้เป็ นการกระทาโดยไตร่ตรองไว้กอ ่ น จาเลยมีความผิดตาม ป.อ.
ม.289 (4) ประกอบด้วย ม.60
- การกระทาโดยพลาดตาม ม 60 ต้องเกิดผลขณะกระทา
- ยิงดาลูกขาว ขาวช็อกตาย ขณะ นัน
้ ปรับ ม 60 แต่หากขาวมาเห็นศพ แล้วช็อกตาย ไม่ปรับ ม 60
(อก/165)
- การกระทา “โดยสาคัญผิด” ตาม ม 61 ไม่ตอ ้ งรับผิดตาม ม 81 ต่อ ผูเ้ สียหายที่ ตัง้ ใจจะทาร้าย
แต่รบั ผิดต่อ ผูเ้ สียหายที่ ถูกกระทาอย่างเดียว (อก/171)
- การพยายามกระทาความผิด ซึง่ ไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่ แท้ ตาม ม 81
เกิดจากการกระทาโดยพลาด ตาม ม 60 ได้ เช่น ต้องการยิงดา แต่ยงิ ตอไม้ กระสุนถูกขาวตาย รับผิดต่อดา
ม 288+81 และ รับผิดต่อขาว ม 288+60 (อก/171)
- ถ้าประสงค์ตอ
่ ผลและเล็งเห็นผลพร้อมกัน แยกเป็ นสองเจตนา ยังไม่ปรับ มาตรา 60
แต่ทง้ ั สองเจตนานัน
้ อาจพลาดไปเกิดผลกับผูอ ้ น
ื่ อีกได้ กรณี นี้จงึ ปรับ ม 60 (อก/162,167)
- ฐานะหรือความสัมพันธ์ (อก/176)
- เจตนาทา บุคคลธรรมดา ผลเกิดแก่บดิ า หรือเจ้าพนักงาน ถือว่าเจตนาทาต่อบุคคลธรรมดา
(อก/176)
- เจตนาทา บิดา ผลเกิดแก่ มารดา รับผิดเต็ม ไม่นอกเหนือเจตนา
(อก/176)
- เจตนาทา เจ้าพนักงาน ผลเกิดแก่ เจ้าพนักงานอืน่ รับผิดเต็ม ไม่นอกเหนือเจตนา
(อก/176)
- เจตนาทา บิดา ผลเกิดแก่ เจ้าพนักงาน
- หรือ เจตนาทา เจ้าพนักงาน ผลเกิดแก่บดิ า รับผิดเพียง “บุคคลธรรมดา”
(อก/177)
- เจตนาทา บิดา หรือ เจ้าพนักงาน แต่ผลเกิดแก่บค ุ คลธรรมดา รับผิดเท่าบุคคลธรรมดา
(ไม่ตอ
้ งกล่าวถึงเจตนาแรก))
- ประเด็นตามกฎหมายวิธีพจิ ารณาความ
- คาพิพากษาฎีกาที่ 2145/2499 ฟ้ องว่าจาเลยยิง ก.ตายโดยเจตนา
ข้อเท็จจริงได้ความว่าจาเลยเจตนายิง ข. แต่พลาดไปถูก ก. ตายเช่นนี้ ถือว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้ อง
ถ้าโจทก์ประสงค์จะให้ศาลลงโทษจาเลยตาม ก.ม.อาญา ม.44 ก็ตอ ้ งบรรยายลงไว้ในฟ้ องให้ชดั เจน.
(ประชุมใหญ่ครัง้ ที่ 6/2500)
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1182/2512 (สบฎ เน 2071) บรรยายฟ้ องว่า "เจตนาฆ่านายทองหล่อ"
แต่กระสุนพลาดถูกนายรอด แต่ทางพิจารณาฟังได้วา่ "เจตนาฆ่านายรอด"
จาเลยผิดฐานฆ่านายรอดตายโดยเจตนา ม 288
- สรุปมาตรา 60
- 1. ต้องมีผถ ู้ ูกกระทา 2 ฝ่ ายขึน ้ ไป
- 2. ผูก
้ ระทาจะ ต้องไม่ ประสงค์ตอ ่ ผลต่อบุคคลผูไ้ ด้รบั ผลร้าย และ ต้องไม่
เล็งเห็นผลว่าจะเกิดแก่บค ุ คลซึง่ ได้รบ
ั ผลร้าย ... (หากเล็งเห็นผล ก็เป็ นเจตนาตามมาตรา 59)
- 3. การทีไ่ ปเกิดแก่ผไู้ ด้รบ ั ผลร้ายนัน
้ ไม่ตอ ้ งคานึงว่าผูก้ ระทาจะประมาทหรือไม่ กล่าวคือ
แม้ประมาทก็ถือว่าผูก ้ ระทามีเจตนาต่อผูไ้ ด้รบ ั ผลร้าย
แม้ไม่ประมาทก็ถือว่าผูก ้ ระทาก็มเี จตนาต่อผูร้ บั ผลร้ายเช่นกัน
- 4. หากผูก ้ ระทาได้กระทาต่อวัตถุแห่งการกระทา
อันเป็ นองค์ประกอบภายนอกของความผิดฐานหนึ่ง
ซึง่ ผูก
้ ระทารูข้ อ้ เท็จจริงอันเป็ นองค์ประกอบภายนอนนัน ้ แล้ว
แต่ผลของการกระทาไปเกิดแก่วตั ถุแห่งการกระทา อันเป็ นองค์ประกอบภายนอกของความผิดอีกฐานหนึ่ง
ซึง่ ผูก้ ระทาไม่รข ู้ อ
้ เท็จจริงอันเป็ นองค์ประกอบนัน ้ มาก่อน เช่นนี้ไม่ถือว่าเป็ นการกระทาโดยพลาด (ฎ
1086/21 ยิงยางรถยนต์พลาด กระสุนถูกรถยนต์ทะลุไปถูกคนในรถเป็ นอันตรายสาหัส
เป็ นความผิดฐานทาให้เกิดอันตรายสาหัสโดยประมาทตาม ม.300)
- 5. หากกระทาโดยเจตนาต่อทรัพย์ของบุคคลหนึ่ง แต่ผลไปเกิดแก่ทรัพย์ของอีกบุคคลหนึ่ง
ก็ถือว่าเป็ นการกระทาโดยพลาดตามมาตรา 60 ได้เช่นกัน
- 6. แม้ผลจะเกิดแก่ผเู้ สียหายฝ่ ายแรกสมเจตนาของผูก ้ ระทา หากผลไปเกิดแก่ผเู้ สียหายอีกฝ่ ายหนึ่ง
ก็ถือว่าเป็ นการกระทาโดยพลาดด้วยเช่นกัน (
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1937/2522 ยิง 4-5 นัด เจตนาฆ่า ก. กระสุนถูก ก. ตาย ถูก ส.อันตรายสาหัส
เป็ นความผิดตาม ป.อ.ม. 288 กับ ม.288, 80 อีกบทหนึ่ง คาพิพากษาต้องอ้างความผิดทัง้ 2 บท
ให้ลงโทษตาม ม.288 บทหนัก)
- 7. การกระทาโดยพลาดตามมาตรา 60 จะต้องมีผลเกิดขึน ้ แก่ผเู้ สียหายฝ่ ายทีส่ อง
- 8. เจตนาตามมาตรา 60 คือ “เจตนาโอน” หากเจตนาในตอนแรกเป็ นเจตนาฆ่า
เจตนาทีโ่ อนมาก็เป็ นเจตนาฆ่า หากเจตนาในตอนแรกเป็ นเจตนาทาร้าย
เจตนาทีโ่ อนมาก็เป็ นเจตนาทาร้ายเช่นกัน
- คาพิพากษาฎีกาที่ 447/2510 จาเลยกับภรรยาโต้เถียงกัน
แล้วจาเลยใช้ไม้ไผ่ซงึ่ มีขนาดโตกว่าหัวแม่มือนิดหน่ อย ยาวประมาณ 1 วา ตีภรรยา แต่ตห ี นักมือไป
ทาให้พลาดถูกนางบุญสืบซึง่ ภรรยาของจาเลยยืนเกาะหลังอยูถ ่ งึ แก่ความตาย เมือ่ ภรรยาจาเลยหนีไปแล้ว
จาเลยก็มไิ ด้ตีซา้ อีก ซึง่ บ่งชี้ให้เห็นว่าจาเลยกระทาโดยไม่รส ู ้ านึกในการกระทา
และมิได้ประสงค์ตอ ่ ผลหรือย่อมเล็งเห็นผลว่านางบุญสืบอาจถึงแก่ความตายเพราะการกระทาของจาเลยได้
จาเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290
- คาพิพากษาฎีกาที่ 917/2530 จาเลยใช้ดา้ มปื นตีศรี ษะ ว.แตกเลือดไหลแล้วกระสุนปื นลั่นไปถูก
ด.ตาย และ ส. ได้รบั บาดเจ็บ จาเลยย่อมมีความผิดฐานทาร้ายร่างกาย ว. ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา
295 แต่เมือ่ ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้วา่ จาเลยมีเจตนาใช้ปืนยิงเพือ ่ ฆ่าหรือทาร้าย ว.
กรณี จงึ มิใช่เป็ นการทีจ่ าเลยมีเจตนากระทาต่อ ว. แต่ผลของการกระทาผิดเกิดแก่ ด. และ ส. โดยพลาด
จาเลยจึงไม่มค ี วามผิดตามมาตรา 290, 295 ประกอบด้วยมาตรา 60 อย่างไรก็ตาม
เมือ่ การทีก ่ ระสุนปื นลั่นเป็ นผลให้ ด.ตายและ
ส.ได้รบ ั บาดเจ็บนัน ้ เป็ นเพราะความประมาทของจาเลยในการใช้ปืนตี ว.จาเลยจึงมีความผิดตามมาตรา
291, 390)
- 9. หากเจตนาในตอนแรกเป็ นเจตนาประเภทไตร่ตรองไว้กอ ่ น
เจตนาทีโ่ อนมายังผูไ้ ด้รบั ผลก็เป็ นเจตนาไตร่ตรองไว้กอ ่ นเช่นกัน
- 10. การทีผ ่ ลไปเกิดแก่ผูเ้ สียหายอีกฝ่ ายหนึ่งโดยพลาดนัน ้ อาจเกิดได้หลายวิธีดว้ ยกัน
- คาพิพากษาฎีกาที่ 651/2513 จาเลยชักปื นสัน ้ ออกมาง้างนกขึน ้ จ้องจะยิง ส.
ซ.พวกของจาเลยรีบเข้าปัดปื นให้เฉไปเสีย กระสุนปื นทีล่ ่น ั ออกมาจึงไปถูก จ. พวกของจาเลยถึงแก่ความตาย
จาเลยก็มค ี วามผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา
- คาพิพากษาฎีกาที่ 870/2526 ผูเ้ สียหายกับจาเลยทะเลาะกัน
ในทีส ่ ด
ุ จาเลยชักปื นเล็งไปทีห ่ น้าอกผูเ้ สียหาย และขึน ้ นกจะยิงในระยะห่างประมาณ 1 เมตรเศษ
สามีจาเลยเข้าจับมือกดลงต่า ปื นลั่นกระสุนถูกผูอ ้ น
ื่ ทีเ่ ท้า ดังนี้ จาเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่า
- 11. หากผูก ้ ระทาได้กระทาต่อตนเอง แต่ผลไปเกิดแก่อก ี บุคคลหนึ่ง ก็ไม่ใช่การกระทาโดยพลาด
- 12. กรณี ทจี่ ะถือว่าเป็ นการกระทาโดยพลาดตามมาตรา 60 ได้นน ้ั
ผูก้ ระทาจะต้องได้กระทาการโดยเจตนาต่อบุคคลฝ่ ายแรกถึงขึน ้ ทีจ่ ะเป็ นความผิดเสียก่อน เช่น
ถึงขัน้ ลงมือตามมาตรา 80 หรือตระเตรียมในบางกรณี เช่น ตระเตรียมวางเพลิงเผาทรัพย์
หากการกระทาในตอนแรกโดยเจตนานัน ้ ยังไม่ถงึ ขัน ้ ทีจ่ ะเป็ นความผิด แม้ผลเกิดแก่บค ุ คลทีส ่ าม
ก็มใิ ช่การกระทาโดยพลาดตามมาตรา 60
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1961/2528 การวิวาท หมายถึง การสมัครใจเข้าต่อสูท ้ าร้ายกัน
คาพูดของจาเลยทีว่ า่ การย้ายตารวจต้องมีขน ้ ั ตอน ต้องมีคณะกรรมการอย่าไปเชือ ่ ให้มากนัก
เป็ นเพียงการแสดงความคิดเห็นในการสนทนาเท่านัน ้
มิได้มีขอ ้ ความใดทีเ่ ป็ นการท้าทายให้ผต ู้ ายหรือผูเ้ สียหายออกมาต่อสูท ้ าร้ายกับจาเลย
จะถือว่าจาเลยเป็ นฝ่ ายก่อเหตุววิ าทมิได้ / หลานผูต ้ ายใช้ขวดตีจาเลยทีท ่ ดั ดอกไม้จนเข่าทรุดร่วงตกจากเก้าอี้
ผูต
้ ายเข้าไปล็อคคอและดึงคอเสือ ้ จาเลยไว้
พร้อมกับพูดว่าเอาให้ตายและมีคนอีกกลุม ่ หนึ่งกรูกน ั เข้ามาจะรุมทาร้ายจาเลย
จาเลยสะบัดหลุดแล้วชักปื นออกมาขู่ โดยหันปากกระบอกปื นขึน ้ ฟ้ าพร้อมกับตะโกนว่าอย่าเข้ามา
ทันใดนัน ้ มีคนเข้ามาตะปบปื นในมือจาเลยเพือ ่ จะแย่งปื น ปื นลั่นขึน ้ 1 นัด
กระสุนถูกผูต ้ ายล้มลงถึงแก่ความตาย จาเลยวิง่ หนี แต่คนกลุม ่ นัน ้ วิง่ ไล่ตามจะทาร้ายจาเลย
จาเลยยิงปื นขูข ึ้ ฟ้ าอีก 1 นัด แล้ววิง่ ไปได้หน่ อยหนึ่งก็หมดสติล้มลง
่ น
กระสุนปื นนัดทีส ่ องพลาดไปถูกผูเ้ สียหายบาดเจ็บสาหัส เมือ่ จาเลยเจตนายิงขึน ้ ฟ้ าเพือ่ ขูแ่ ล้ว
ก็ถือไม่ได้วา่ มีเจตนาฆ่า จาเลยจึงไม่มีความผิดฐานฆ่าผูต ้ ายหรือพยายามฆ่าผูเ้ สียหาย
และจะถือว่าจาเลยกระทาให้ผอ ู้ น
ื่ ตายโดยประมาทหรือรับอันตรายสาหัสโดยประมาทมิได้)
- 13. การกระทาโดยเจตนาต่อผูเ้ สียหายฝ่ ายแรกนัน ้
หากผลไม่เกิดแก่ผเู้ สียหายฝ่ ายแรกตามเจตนาของผูก ้ ระทา ผูก ้ ระทาต้องรับผิดฐานพยายามตามหลักทั่วไป
- 14. การกระทาโดยเจตนาต่อผูเ้ สียหายฝ่ ายแรกนัน ้ อาจเป็ นเจตนาเล็งเห็นผล ก็ได้
หากพลาดไปถูกผูเ้ สียหายฝ่ ายทีส ่ องก็เป็ นการกระทาโดยพลาดตามมาตรา 60
- (ฎีกาที่ 117/2515 จาเลยยิงปื นเข้าไปในบ้านผูเ้ สียหาย
โดยจาเลยทราบว่ามีคนอยูใ่ นบ้านนัน ้ กระสุนปื นอาจจะถูกผูเ้ สียหายและพวกซึง่ อาศัยอยูใ่ นบ้านหลังนัน ้ ได้
และกระสุนปื นทีจ่ าเลยใช้ยงิ ได้ทะลุบา้ นผูเ้ สียหายไปถูกผูท ี่ าศัยอยูใ่ นบ้า นอีกหลังหนึ่งได้รบ
้ อ ั บาดเจ็บ เช่นนี้
จาเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80)
- 15. “เจตนา” เท่านัน ้ ทีส
่ ามารถโอนได้ ตามมาตรา 60 ส่วน “ประมาท” โอนไม่ได้
- 16. หากผูก ้ ระทามีเจตนากระทาต่อบุคคลหนึ่ง
แต่ความจริงเป็ นเรือ ่ งขาดองค์ประกอบความผิดภายนอกของความผิด แม้ผลจะไปเกิดแก่อก ี บุคคลหนึ่ง
ก็ไม่ถือเป็ นการกระทาโดยพลาดตามมาตรา 60
- 17. หากเจตนาในตอนแรกเป็ นเจตนาพิเศษเพือ ่ ป้ องกันสิทธิตามมาตรา 68
เจตนาพิเศษในเรือ ่ งจาเป็ นตามมาตรา 67 หรือเจตนาพิเศษในเรือ ่ งบันดาลโทสะตามมาตรา 72
แม้จะมีการกระทาโดยพลาดเกิดผลแก่ผเู้ สียหายอีกฝ่ ายหนึ่ง เจตนาพิเศษในตอนแรกดังกล่าวก็โอนไปด้วย
- คาพิพากษาฎีกาที่ 205/2516 ผูต ้ าย ผูเ้ สียหาย และจาเลย ร่วมดืม ่ สุราด้วยกันจนเมา
แล้วผูต ้ ายกับจาเลยทะเลาะกัน ผูเ้ สียหายจึงชวนจาเลยกลับบ้าน ผูต ้ ายตามมาต่อยและเตะจาเลยจนล้ม
ลุกขึน ้ ก็ยงั ถูกเตะอีกเมือ่ ผูต ้ ายเตะ จาเลยก็ใช้มด ี ปลายแหลมทีต ่ ด
ิ ตัวไปแทงสวนไปสองสามครัง้ ถูกผูต ้ าย
ระหว่างนัน ้ ผูเ้ สียหายเข้าขวางเพือ ่ ห้าง จึงถูกมีดได้รบั บาดเจ็บ ส่วนผูต ้ ายถึงแก่ความตาย
การกระทาของจาเลยต่อผูต ้ ายเป็ นการกระทาโดยป้ องกันพอสมควรแก่เหตุ
แม้จะพลาดไปถูกผูเ้ สียหายเข้าด้วย ซึง่ ตามมาตรา 60 ประมวลกฎหมายอาญา
จะถือว่าจาเลยมีเจตนาแทงผูเ้ สียหายก็ดี แต่การกระทาของจาเลยก็เป็ นผลสืบเนื่องมาจากจาเลยแทงผูต ้ าย
เพือ ่ ป้ องกันสิทธิพอสมควรแก่เหตุ อันไม่เป็ นความผิด
จาเลยจึงไม่มค ี วามผิดฐานทาร้ายร่างกายผูเ้ สียหายด้วย
- คาพิพากษาฎีกาที่ 892/2515
จาเลยตัง้ ใจยิงคนร้ายทีป ่ ลา้ อยูก
่ บั บุตรสาวและบุตรเขยของจาเลยในน้าลึกถึงเอว
เพือ ่ ช่วยเหลือบุตรสาวและบุตรเขยให้พน ้ ภยันตรายซึง่ เกิดจากการประทุษร้าย
อันละเมิดต่อกฎหมายทีก ่ าลังมีอยูโ่ ดยไม่พน ิ ิจพิจารณาให้รอบคอบเสียก่อนว่าคนไหนเป็ นคนร้าย
คนไหนเป็ นบุตรสาวบุตรเขย คนร้ายมีอาวุธอะไรหรือไม่
เมือ่ ลูกกระสุนปื นทีจ่ าเลยยิงพลาดไปถูกบุตรเขยถึงแก่ความตาย
การกระทาของจาเลยย่อมเป็ นความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนาเพือ ่ ป้ องกันผูอ
้ น
ื่ เกินสมควรแก่เหตุ
- คาพิพากษาฎีกาที่ 222/2513 พีส ่ าวจาเลยกับ ฉ.
ด่าท้าท้ายและจะทาร้ายกันจาเลยจึงถือปื นลูกซองยาวบรรจุกระสุนปื นพร้อมเข้าไปยืนห่าง ฉ. เพียง 3 วา
เป็ นเชิงท้าทาย เมือ่ ฉ. ดังนี้ จาเลยจะอ้างว่าป้ องกันตัวไม่ได้
และเมือ่ กระสุนปื นทีจ่ าเลยยิงไปนัน ้ ยังพลาดไปถูก ป.ถึงแก่ความตาย จาเลยก็มค ี วามผิดฐานฆ่าผูอ้ น
ื่ อีกด้วย)
- ตัวอย่างประเด็นข้อสอบเก่า มาตรา 60
- (ขส เน 2512/ 5) กรอบจะยิงตัวตาย แต่ไกปื นแข็ง ให้กล่าจับปื น โดยกรอบเหนี่ยวไกเอง /
กระสุนไม่ถูกกรอบ แต่กระสุนพลาดไปถูกนายก้อนบาดเจ็บ / กรอบไม่ผด ิ ม 288 เพราะเป็ นการฆ่าตนเอง
แม้กระสุนพลาดไปถูกก้อน ก็ไม่ใช่การกระทาโดยพลาดตาม ม 60
ทัง้ ไม่ปรากฏว่ากรอบกระทาโดยปราศจากความระมัดระวัง ในผลร้ายทีเ่ กิดขึน ้ กับผูอ
้ น
ื่
จึงไม่เป็ นการทาให้กอ ้ นได้รบ
ั บาดเจ็บโดยประมาท / กล่าผิดฐานพยายามฆ่ากรอบ ม 288+80
และผลร้ายเกิดขึน ้ แก่นายก้อนโดยพลาด กล่าจึงผิดฐานพยายามฆ่าก้อนด้วย ตาม ม 288+80+60