Download as docx, pdf, or txt
Download as docx, pdf, or txt
You are on page 1of 35

อาญา มาตรา ๕๙ - ๖๐

หมวด 4 ความรับผิดในทางอาญา มาตรา 59 - 79


มาตรา 59 บุคคลจะต้อง “รับผิด” ในทางอาญา ก็ตอ ่ เมือ่ ได้กระทาโดยเจตนา
เว้นแต่จะได้กระทาโดยประมาท ในกรณี ทก ี่ ฎหมายบัญญัตใิ ห้ตอ ้ งรับผิดเมือ่ ได้กระทาโดยประมาท
หรือเว้นแต่ในกรณี ทก ี่ ฎหมายบัญญัตไิ ว้โดยแจ้งชัดให้ตอ ้ งรับผิด แม้ได้กระทาโดยไม่มเี จตนา
กระทาโดยเจตนา ได้แก่ กระทาโดยรูส้ านึกในการทีก ่ ระทา และในขณะเดียวกัน ผูก ้ ระทาย่อมประสงค์ตอ
่ ผล
หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทานัน ้
ถ้าผูก ้ ระทามิได้รข ู้ อ
้ เท็จจริง อันเป็ นองค์ประกอบของความผิด จะถือว่าผูก ้ ระทาประสงค์ตอ่ ผล
หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทานัน ้ มิได้
กระทาโดยประมาท ได้แก่ กระทาความผิดมิใช่โดยเจตนา
แต่กระทาโดยปราศจากความระมัดระวังซึง่ บุคคลในภาวะเช่นนัน ้ จักต้องมีตามวิสยั และพฤติการณ์
และผูก ้ ระทาอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านัน ้ ได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่
การกระทา ให้หมายความรวมถึงการให้เกิดผลอันหนึ่งอันใดขึน ้
โดยงดเว้นการทีจ่ กั ต้องกระทาเพือ ่ ป้ องกันผลนัน ้ ด้วย
มาตรา 59 วรรคแรก
- บุคคลจะต้อง “รับผิด” ในทางอาญา ก็ตอ ่ เมือ่ ได้ “กระทาโดยเจตนา”(1) เว้นแต่จะได้
“กระทาโดยประมาท”(2) ในกรณี ทก ี่ ฎหมายบัญญัตใิ ห้ตอ ้ งรับผิด เมือ่ ได้กระทาโดยประมาท
หรือเว้นแต่ในกรณี ทก ี่ ฎหมายบัญญัตไิ ว้โดยแจ้งชัดให้ตอ ้ งรับผิด แม้ได้ ”กระทาโดยไม่มเี จตนา”(3)
(1) กระทาโดย “เจตนา” เป็ นองค์ประกอบภายใน อันเป็ นเงือ่ นไขทีผ ่ ก
ู้ ระทาจะต้องมี “เจตนา”
จึงจะต้องรับผิด ในทุกฐานความผิด (เว้นแต่ กรณี (2) (3)) โดยกฎหมาย
ไม่ตอ ้ งบัญญัตไิ ว้ทฐี่ านความผิดนัน ้ อีก
(2) กระทาโดย “ประมาท” เป็ นองค์ประกอบภายในทีก ่ ฎหมาย ต้องบัญญัตไิ ว้ทฐี่ านความผิด
เมือ่ บัญญัตใิ ห้ตอ ้ งรับผิด
(3) กระทาโดย “ไม่มเี จตนา” ต้องมีกฎหมายบัญญัตไิ ว้โดยแจ้งชัด เช่น ความผิดลหุโทษ ตาม ม 104
โครงสร้างการกระทา
กระทา ความหมาย ปกติ การเคลือ ่ นไหว หรือไม่เคลือ ่ นไหวร่างกาย โดยรูส้ านึก
อยูภ ่ ายใต้การควบคุมของจิตใจ
กระทาโดยผลของกฎหมาย คือ การงดเว้น ไม่ป้องกันผล
เมือ่ มีหน้าทีต ่ อ้ งป้ องกัน ตาม ม 59 ว ท้าย , การละเว้น ไม่ชว่ ยผูท ้ ต
ี่ กอยูใ่ นภยันตรายแห่งชีวต ิ
เมือ่ สามารถช่วยได้ ม 374
วิธีการ กระทาด้วยตนเอง , ใช้สตั ว์เป็ นเครือ ่ งมือ
กระทาด้วยผูอ ้ น
ื่ ใช้บค ุ คลทีไ่ ม่มเี จตนาร่วมกระทาผิดเป็ นเครือ ่ งมือ
ร่วมกับบุคคลอืน ่
โครงสร้างเงือ่ นไขความรับผิด ในส่วนของการกระทาแต่ละประเภท
กระทาโดยเจตนา เจตนาตามจริง มาตรา 59 วรรค 2 รูส้ ก ึ นึกฯ + ประสงค์ หรือย่อมเล็งเห็นผล
มาตรา 59 วรรค 3 หากไม่รู้
(ข้อเท็จจริงอันเป็ นองค์ประกอบความผิด) = ไม่เจตนา
มาตรา 62 วรรค 3 หากไม่รู้ (เหตุฉกรรจ์) =
ไม่ตอ ้ งรับโทษหนักขึน ้
มาตรา 61 ความสาคัญผิดในตัวบุคคล (บทขยาย
ไม่มผ ี ลต่อความรับผิด)
มาตรา 62 วรรค 1 ความสาคัญผิดในข้อเท็จจริง
อันเป็ นคุณแก่ผก ู้ ระทา
มาตรา 62 วรรค 2 การไม่รฯู้
และความสาคัญผิดในข้อเท็จจริง ซึง่ เกิดขึน ้ โดยประมาท
ต้องรับผิด
กรณี กฎหมายบัญญัตใิ ห้รบั ผิด แม้กระทาโดยประมาท
เจตนาโดยผลของกฎหมาย มาตรา 60 เจตนากระทาต่อบุคคลหนึ่ง

แต่ผลการกระทาเกิดขึน ้ แก่อก ี บุคคลหนึ่ง โดยพลาดไป


ขัน
้ ตอนของการกระทาโดยเจตนา คือ (1.คิด 2.ตัดสินใจ และ 3.ลงมือ)
ขัน้ ตอนในการพิจารณาความรับผิด ขัน้ ตระเตรียม –
ขัน
้ ลงมือพยายามกระทา - ความผิดสาเร็จ
กระทาโดยประมาท มาตรา 59 วรรค 4 เป็ นการกระทาผิดที่ “มิใช่โดยเจตนา”
แต่ขาดความระมัดระวังซึง่ “บุคคลในภาวะเช่นนัน ้ ” จักต้องมีตาม “วิสยั ” และ “พฤติการณ์ ”
หรือได้ใช้ความระมัดระวังเช่นว่านัน ้ ไม่เพียงพอ
กระทาโดยไม่มเี จตนา มาตรา 104 หลักทีใ่ ช้กบั กฎหมายลหุโทษ ให้ตอ ้ งรับผิด
แม้กระทาโดยไม่มเี จตนา
ยกเว้น
ความผิดนัน้ จะมีบทบัญญัตใิ ห้เห็นเป็ นอย่างอืน

ในลักษณะทีว่ า่ จะต้องรับผิดต่อเมือ่ มีเจตนา

“บุคคล”
นิตบ ิ ค
ุ คลอาจต้องรับผิดทางอาญาได้ในกรณี ดงั ต่อไปนี้
(บทความความรับผิดทางอาญาของนิตบ ิ คุ คล โดยอาจารย์บญ ั ญัติ สุชีวะ)
1. เมือ่ มีกฎหมายบัญญัตโิ ดยตรงให้นิตบ ิ คุ คลใดต้องรับผิดทางอาญา
นิตบ ิ คุ คลนัน ้ ก็ยอ่ มจะต้องรับผิดตามทีก ่ ฎหมายนัน ้ บัญญัตไิ ว้ เช่น
ความผิดตามพระราชบัญญัตก ิ าหนดความผิดเกีย่ วกับห้างหุน ้ ส่วนจดทะเบียน ห้างหุน ้ ส่วนจากัด
บริษท ั จากัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499
2. เมือ่ มีกฎหมายบัญญัตใิ ห้นิตบ ิ คุ คลใดต้องรับผิดในการกระทาของผูอ ้ น
ื่
ซึง่ นิตบ ิ ุคคลจะต้องรับผิดชอบ เช่น พระราชบัญญัตส ิ มุดเอกสารแลหนังสือพิมพ์ พ.ศ. 2470
ซึง่ ใช้อยูใ่ นขณะนัน ้ ให้เจ้าของต้องรับผิดในความผิดทีไ่ ด้กระทาลงด้วยการโฆษณาสมุด หรือเอกสาร
หรือหนังสือพิมพ์ ฉะนัน ้ บริษท ั จากัดนิตบ ิ คุ คลซึง่ เป็ นเจ้าของหนังสือพิมพ์
จึงต้องรับผิดในความผิดฐานหมิน ่ ประมาทอันเนื่องจากข้อความทีต ่ พ
ี ม ิ พ์ได้ (คาพิพากษาฎีกาที่ 265/2473)
หรือตามพระราชบัญญัตก ิ ารทาเหมืองแร่ พ.ศ. 2461 ซึง่ ใช้อยูใ่ นขณะนัน ้
ผูถ
้ ือประทานบัตรเหมืองแร่ยน ื่ บัญชีแร่ไม่ถูกต้อง ก็มค ี วามผิด แม้ผถ ู้ ือประทานบัตรนัน ้ จะเป็ นบริษท
ั จากัด

ซึงเป็ นนิตบ ิ ุคคล และแม้ผจู้ ดั การของบริษท ั จะเป็ นผูท ้ าบัญชีก็ตาม (คาพิพากษาฎีกาที่ 185/2489)
3. หากไม่มก ี ฎหมายบัญญัตโิ ดยตรงให้นิตบ ิ ุคคลต้องรับผิด
หรือต้องรับผิดในการกระทาของผูอ ้ น
ื่ ดังกล่าวข้างต้นแล้ว นิตบ ิ ค
ุ คลจะรับผิดทางอาญา
ก็ตอ ่ เมือ่ ความผิดทางอาญานัน ้ ได้กระทาไปในการดาเนินงานตามวัตถุทป ี่ ระสงค์ของนิตบ ิ ค
ุ คลนัน
้ ๆ
และนิตบ ิ คุ คลได้รบั ประโยชน์จากการกระทานัน ้ แล้ว ทัง้ นี้จะเห็นได้จากคาพิพากษาฎีกาที่ 1669/2506 และ
584/2508 ซึง่ วินิจฉัยว่า บริษท ั นิตบ ิ คุ คล แม้ไม่สามารถกระทาการทุกอย่างได้เช่นบุคคลธรรมดาก็ตาม
แต่ถา้ การกระทานัน ้ เป็ นไปตามความประสงค์ซงึ่ ได้จดทะเบียนไว้
และได้รบ ั ประโยชน์อน ั เกิดจากการกระทานัน ้ แล้ว ก็ยอ ่ มมีเจตนาในการรับผิดทางอาญาได้

- มาตรา 59 วรรคแรก ความรับผิดในทางอาญาของนิตบ ิ ค


ุ คล
- คาพิพากษาฎีกาที่ 787-788/2506 เจตนาของนิตบ ิ ค
ุ คลย่อมแสดงออกทางผูแ้ ทนของนิตบ ิ ค
ุ คล
เมือ่ ผูแ ้ ทนของนิตบ ุ คลแสดงเจตนาซึง่ อยูใ่ นอานาจหน้าทีข
ิ ค ่ องผูแ้ ทนในทางการของการดาเนินกิจการตามวั
ตถุทป ี่ ระสงค์ของนิตบ ิ ค
ุ คล เจตนานัน
้ ก็ผก
ู พันนิตบ
ิ ค
ุ คลและต้องถือว่าเป็ นเจตนาของนิตบ
ิ ค
ุ คลนัน
้ เอง ฉะนัน ้
นิตบ ิ ค ุ คลจึงอาจมีเจตนาอันเป็ นองค์ประกอบความผิดในทางอาญาและกระทาความผิด
ซึง่ ผูก้ ระทาต้องมีเจตนารวมทัง้ ต้องรับโทษทางอาญาเท่าทีล่ กั ษณะแห่งโทษ เปิ ดช่องให้ลงแก่นิตบ ิ ค
ุ คลได้
ซึง่ ต้องพิจารณาตามลักษณะความผิด
พฤติการณ์ แห่งการกระทาและอานาจหน้าทีข ่ องผูแ ้ ทนนิตบ ิ ค ุ คลประกอบกับวัตถุทป ี่ ระสงค์ของนิตบ ิ คุ คลเป็ น
รายๆ ไป Ø การทีผ ่ จู้ ดั การห้างหุน ้ ส่วนสามัญนิตบ ิ ค ุ คลเลียนเครือ ่ งหมายการค้าของผูอ ้ น
ื่
โดยกระทาไปในอานาจหน้าทีท ่ างการค้า
อันเป็ นวัตถุทป ี่ ระสงค์และเพือ ่ ประโยชน์ในทางการค้าของห้างหุน ้ ส่วน
ถือได้วา่ เป็ นเจตนาและการกระทาของห้างหุน ้ ส่วนฉะนัน ้ ห้างหุน ้ ส่วนจึงต้องรับผิดทางอาญาด้วย
- คาพิพากษาฎีกาที่ 59/2507 บริษท ั จาเลยที่ 1 เป็ นนิตบ ิ ค ุ คล จาเลยที่ 2
เป็ นกรรมการผูจ้ ดั การมีอานาจสั่งจ่ายเงินในเช็คแทนบริษท ั ร่วมกับจาเลยที่ 3
กรรมการของบริษท ั อีกคนหนึ่ง เมือ่ จาเลยที่ 2 กับที่ 3
ได้เซ็นชือ ่ สั่งจ่ายเงินในเช็คให้ใช้เงินมีจานวนสูงกว่าเงิน เงินในบัญชี
โดยเจตนาไม่ให้มก ี ารใช้เงินตามเช็คนัน ้ แล้ว จาเลยทัง้ สามมีความผิดในฐานเป็ นตัวการ Ø
การทีผ ่ ท ู้ รงเช็คละเลยไม่ยน ื่ เช็คแก่ธนาคาร เพือ ่ ให้ใช้เงินภายในหนึ่งเดือนนัน ้
เพียงแต่ทาให้ผท ู้ รงเช็คเสียสิทธิบางอย่างตามทีป ่ ระมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บญ ั ญัตไิ ว้เท่านัน้
หาทาให้ผก ู้ ระทาผิดตามพระราชบัญญัตวิ า่ ด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ฯ พ้นผิดไปด้วยไม่
- คาพิพากษาฎีกาที่ 584/2508 นิตบ ิ ค ุ คลอาจรับผิดทางอาญาร่วมกับบุคคลธรรมดา
ซึง่ เป็ นกรรมการดาเนินการของนิตบ ิ ค
ุ คลได้ ถ้าการกระทาผิดทางอาญานัน ้
กรรมการดาเนินการกระทาไปเกีย่ วกับกิจการตามวัตถุประสงค์ของนิตบ ิ ค ุ คล ทีไ่ ด้จดทะเบียนไว้
และเพือ ่ ให้นิตบ ิ ค ุ คลได้รบั ประโยชน์จากการกระทานัน ้ Ø จาเลยเติมข้อความในเอกสารทีจ่ าเลยทาขึน ้ เอง
แต่จาเลยหมดอานาจทีจ่ ะเติมเช่นนัน ้ แล้ว เพราะได้นาไปใช้เป็ นหลักฐานในการขายสินค้าเชือ ่ ให้แก่ ส.จน
ส.กับโจทก์ที่ 2
ได้ตรวจรับสิง่ ของและเซ็นชือ ่ ไว้ในบิลส่งของทีซ ่ ื้อแล้วจาเลยจึงมีความผิดฐานปลอมเอกสารได้ Ø
ในการซื้อเชือ ่ สินค้าต่าง ๆ เมือ่ ผูข ้ ายนาส่งสิง่ ของทีผ ่ ซ
ู้ ื้อสั่งซื้อนัน ้
ผูน
้ าส่งได้เขียนกรอกรายการสิง่ ของทีน ่ าส่ง และราคาลงในบิลด้วย
เมือ่ ฝ่ ายผูซ ้ ื้อตรวจสอบสิง่ ของและราคาถูกต้องกับจานวนทีฝ ่ ่ ายผูข ้ ายนาส่งแล้ว
ก็ลงชือ ่ ลายมือชือ ่ ผูร้ บ ั ในบิลนัน ้ มอบให้แก่ผน ู้ าส่งสิง่ ของไป บิลซื้อเชือ ่ สินค้าต่าง ๆ รายนี้
จึงเป็ นหลักฐานแห่งการก่อหนี้สน ิ และสิทธิเรียกร้อง จึงเป็ นเอกสารสิทธิตามกฎหมาย Ø
โจทก์ฟ้องและนาสืบในชัน ้ ไต่สวนมูลฟ้ องว่า เมือ่ ผูข ้ ายนาส่งสิง่ ของทีผ ่ ซ ู้ ื้อสั่งซื้อพร้อมด้วยบิลซื้อเชือ ่ สินค้าให้
ส. หรือโจทก์ที่ 2 ซึง่ เป็ นผูค ้ วบคุมงานรับเหมาก่อสร้างของ ส. เซ็นชือ ่ เป็ นผูร้ บ ั ของนัน ้
ไม่มข ี อ ้ ความทีโ่ จทก์หาว่าปลอม การกระทาของจาเลยเป็ นการเปลีย่ นตัวผูซ ้ ื้อหรือลูกหนี้จาก ส.เป็ น ท.
และโจทก์ทง้ ั สองเพิง่ ทราบเมือ่ วันทีจ่ าเลยส่งอ้างเอกสารเหล่านัน ้ เป็ นพยานในคดีแพ่งอันเป็ นเวลาทีศ ่ าลอนุญา
ตให้โจทก์ที่ 1 ซึง่ เป็ นหลานและเป็ นผูร้ บั มรดกของ ท.ผูต ้ ายแล้ว ย่อมเห็นได้วา่
ถ้าฝ่ ายจาเลยปลอมเอกสารเหล่านัน ้ ในตอนอ้างส่งเป็ นพยานต่อศาลจริง โจทก์ที่ 1 อาจได้รบ ั ความเสียหาย
โจทก์ที่ 1 จึงอยูใ่ นฐานะเป็ นผูเ้ สียหายตามความในมาตรา 2 (4)
แห่งประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา Ø โจทก์ที่ 2
เป็ นผูเ้ ซ็นชือ ่ รับของในบิลซื้อเชือ ่ บางฉบับไว้แทน ส. ผูร้ บั เหมาก่อสร้าง
แล้วฝ่ ายจาเลยทาการปลอมเอกสารเหล่านัน ้ มาอ้างส่งเป็ นพยานต่อศาล ว่าโจทก์ที่ 2
เป็ นผูเ้ ซ็นชือ ่ รับรองไว้แทน ท. ก็เป็ นทีเ่ ห็นได้วา่ อาจทาให้โจทก์ที่ 2 ต้องรับผิดต่อ ท. หรือทายาทของ ท.ได้
โจทก์ที่ 2 จึงอยูใ่ นฐานะเป็ นผูเ้ สียหาย มีอานาจฟ้ องจาเลยได้
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1508/2515 จาเลยที่ 1 เป็ นบริษท ั จากัด
ได้รบั อนุญาตให้ประกอบธุรกิจตรวจสอบมาตรฐานสินค้าขาออกตาม พ.ร.บ. มาตรฐานสินค้าขาออก
ได้ออกคารับรองต่อสภาหอการาค้าไทยว่า
แป้ งมันสาปะหลังป่ นทีม ่ ผ
ี ขู้ อให้รบั รองมาตรฐานทีจ่ ะส่งไปต่างประเทศนัน ้ ได้มาตรฐานชัน ้ หนึ่ง
จนสภาหอการค้าไทยได้ออกใบรับรอง
ให้ผข ู้ อไปความจริงแป้ งมันสาปะหลังป่ นรายนี้ ไม่ได้มาตรฐานชัน ้ หนึ่งดังทีท ่ างการกาหนดไว้
และผูต ้ รวจสอบของจาเลยที่ 1 ก็มใิ ช่ผม ู้ อี านาจตรวจมาตรฐานสินค้าชัน ้ หนึ่ง การทีจ่ าเลยที่ 1
รับรองไปเช่นนัน ้ เป็ นการจงใจกระทาการ ให้การออกใบรับรองมาตรฐานสินค้าผิดไปจากความเป็ นจริง
จึงเป็ นความผิดตาม พ.ร.บ. มาตรฐานสินค้าขาออก พ.ศ. 2503 มาตรา 57 Ø จาเลยที่ 2
เป็ นลูกจ้างของจาเลยที่ 1 มีตาแหน่ งเป็ นหัวหน้าแผนกจัดงานตรวจสอบมาตรฐานสินค้า
ได้สงั่ ให้เจ้าหน้าทีข ่ องจาเลยที่ 1 ตรวจสอบมาตรฐานสินค้า ไม่ได้ความว่ากระทาในฐานส่วนตัว
หรือเป็ นผูจ้ ดั การหรือมีอานาจตามกฎหมายทีจ่ ะทาการแทนจาเลยที่ 1 และไม่ได้ความว่าได้ร่วมกับจาเลยที่
1 ในการกระทาจึงไม่มค ี วามผิด
- คาพิพากษาฎีกาที่ 63/2517 กรรมการผูจ้ ดั การบริษท ั ออกเช็คสั่งจ่ายเงินในนามของบริษท ั
โดยเจตนาจะมิให้มก ี ารใช้เงินตามเช็ค ถือว่าได้ร่วมกับบริษท ั กระทาความผิดตาม พ.ร.บ.
ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค
- คาพิพากษาฎีกาที่ 378,379/2517 นายอาเภอมีหน้าทีต ่ าม พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.
2457 มาตรา 118 และ พ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2495 มาตรา 40 วรรคสาม
ทีจ่ ะต้องตรวจตราและจัดการรักษาทางบกทางน้า ให้ไปมาโดยสะดวกตามทีจ่ ะเป็ นได้ทุกฤดูกาล
จึงมีอานาจประกาศห้ามรถยนต์วงิ่ รับส่งผูโ้ ดยสารในเส้นทางทีก ่ าลังก่อสร้าง
เพือ ่ ป้ องกันอันตรายแก่ผโู้ ดยสาร และอานวยความสะดวกในการก่อสร้างให้เสร็จโดยเร็วได้ Ø จาเลยที่ 1
ทราบคาสั่งดังกล่าวแล้วยังฝ่ าฝื นเดินรถรับส่งผูโ้ ดยสารในเส้นทางนัน ้
จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 368 Ø จาเลยที่ 1
เป็ นนิตบ ิ ค ุ คลแสดงเจตนาออกโดยจาเลยที่ 2 และ จาเลยที่ 3 เป็ นคนขับรถได้ปฏิบตั ต ิ ามคาสั่งของจาเลยที่ 2
จึงถือได้วา่ จาเลยทัง้ 3 ร่วมกันกระทาผิด
- คาพิพากษาฎีกาที่ 97/2518 ผูจ้ ดั การบริษท ั จากัดโฆษณาหลอกขายทีด ่ นิ แก่ประชาชน
แม้มผ ี ส ู้ งั่ จองโดยยังไม่ชาระเงิน มีผซ ู้ ื้อเพียงรายเดียวทีแ่ จ้งความร้องทุกข์ ก็เป็ นความผิดตามมาตรา 343
บริษท ั จากัดมีความผิดตามมาตรานี้ดว้ ย ซึง่ ศาลลงโทษปรับบริษท ั และจาคุกผูจ้ ดั การ
- คาพิพากษาฎีกาที่ 388/2520
จาเลยให้การรับสารภาพตามฟ้ องและว่าจาเลยเป็ นตัวแทนของบริษท ั เท่านัน้
ดังนี้จาเลยมีความผิดฐานมีแร่ดบ ี ก
ุ ไว้ในครอบครองเกินกว่าใบสุทธิแร่
แม้จะมีไว้ในครอบครองในฐานะตัวแทนบริษท ั จาเลยก็มคี วามผิดร่วมกับบริษท ั ด้วย
- คาพิพากษาฎีกาที่ 2567/2520
ห้างหุน ้ ส่วนจากัดนายจ้างไม่จา่ ยเงินทดแทนแก่ลูกจ้างตามคาสั่งพนักงานเงินทดแทน
ซึง่ อธิบดีกรมแรงงานยกอุทธรณ์ เพราะยืน ่ เกิน 30 วัน อันเป็ นกาหนดเวลายืน ่ อุทธรณ์
นายจ้างไม่ยน ื่ อุทธรณ์ คาสั่งอธิบดีตอ ่ ศาลภายใน 30 วัน คาสั่งนัน ้ ถึงทีส ่ ดุ นายจ้างนาคดีมาฟ้ องศาลภายหลัง
การไม่จา่ ยเงินเป็ นความผิดตาม ป.ว. ฉบับที่ 103 ลงวันที่ 16 มีนาคม 2515 ข้อ 8
นายจ้างจ่ายเงินเมือ่ อัยการฟ้ องนายจ้างแล้ว นายจ้างไม่พ้นความผิด หุน ้ ส่วนผูจ้ ดั การ
ซึง่ เป็ นผูท ้ าการแทนนิตบ ิ ค
ุ คลมีความผิดเช่นเดียวกับ ห้างหุน ้ ส่วนจากัดด้วย

- มาตรา 59 วรรคแรก ความรับผิดของนิตบ ิ ค


ุ คล ในความผิดทีไ่ ด้กระทาโดยประมาท
- คาพิพากษาฎีกาที่ 3446/2537 บริษท ั ส. จากัด จาเลยที่ 1 และนาย ว. กรรมการผูจ้ ดั การ จาเลยที่
2 โดยจาเลยที่ 1 มีวตั ถุประสงค์ซื้อขายถังก๊าซ อุปกรณ์ กา๊ ซ และเคมีภณ ั ฑ์ ฯลฯ จาเลยที่ 2
มีอานาจหน้าทีใ่ นการบริหารงานต่าง ๆ ของจาเลยที่ 1 ในวันเกิดเหตุ ลูกจ้างของจาเลยทัง้ สอง
ขับรถบรรทุกก๊าซไปส่งลูกค้าด้วยความประมาท เป็ นเหตุให้รถเสียหลักทาให้ถงั ก๊าซหลุดออกมา
เกิดระเบิดเพลิงไหม้ มีคนตาย และบาเจ็บสาหัส รวมทัง้ ทรัพย์สน ิ เสียหายเป็ นจานวนมาก
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า “... แม้อบ ่
ุ ตั เิ หตุคดีนี้ ส่วนหนึงเกิดจากความประมาทของลูกจ้าง
ทีเ่ ป็ นผูข
้ ับรถบรรทุกก๊าซดังกล่าวเกิดเหตุพลิกคว่า ... แต่ยอ ่ มเป็ นทีเ่ ห็นได้วา่ ผลของอุบตั เิ หตุครัง้ นี้
มีสาเหตุสว่ นหนึ่งมาจากการกระทาของจาเลยที่ 1 (บริษท ั ส. จากัด) ด้วย เนื่องจากจาเลยที่ 1
มิได้นารถคันดังกล่าว ไปรับการตรวจรับรองจากกรมโยธาธิการ และกระทวงอุตสาหกรรม
ว่าด้วยมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ตามกฎกระทรวงทีอ ่ อกตามความในประกาศคณะปฏิวตั ิ ฉบับที่ 28
(พ.ศ.2514) ข้อ 3 โดยไม่ตด ิ ตัง้ วาล์วนิรภัย เพือ ่ ป้ องกันอุบตั เิ หตุกรณี กา๊ ซรั่วไหล ...
ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังของจาเลยทัง้ สอง ทีม ่ ไิ ด้ทาการควบคุมดูแล
เป็ นการไม่ปฏิบตั ต ิ ามกฎหมาย ทีม ่ งุ่ คุม
้ ครองความปลอดภัยของประชาชน
เป็ นการกระทาโดยประมาทปราศจากความระมัดระวัง ซึง่ บุคคลในภาวะเช่นจาเลยทัง้ สอง
จักต้องมีความวิสยั และพฤติการณ์ ...” ศาลฎีกาพิพากาาลงโทษจาเลยทัง้ สอง ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 291 โดยให้ลงโทษจาเลยที่ 1 ปรับ 20,000 บาท ส่วนจาเลยที่ 2 ให้ลงโทษจาคุกมีกาหนด 2 ปี
และปรับ 20,000 บาท แต่โทษจาคุกให้รอการลงโทษไว้ มีกาหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา
56

กระทา ความหมาย ปกติ การเคลือ


่ นไหว หรือไม่เคลือ
่ นไหวร่างกาย โดยรูส้ านึก
อยูภ
่ ายใต้การควบคุมของจิตใจ
กระทาโดยผลของกฎหมาย คือ การงดเว้น ตาม มาตรา 59 วรรค ท้าย ,
ละเว้น มาตรา 374
วิธีการ กระทาด้วยตนเอง , ใช้สตั ว์เป็ นเครือ
่ งมือ
กระทาด้วยผูอ
้ น
ื่ ใช้บค ุ คลทีไ่ ม่มเี จตนาร่วมกระทาผิดเป็ นเครือ
่ งมือ
ร่วมกับบุคคลอืน ่

- “กระทา” คือ 1.คิด 2.ตัดสินใจ และ 3.ลงมือ (อ เกียรติขจร คาอธิบายกฎหมายอาญา ภาค 1


พ.ศ.2538 /86)
- มาตรา 59 วรรคแรก บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญา ก็ตอ ่ เมือ่ ได้ “กระทาโดยเจตนา” เว้นแต่
“กระทาโดยประมาท”...หรือ....”กระทาโดยไม่มเี จตนา”
- คาพิพากษาฎีกาที่ 928/2499
ปื นลั่นจากมือจาเลยในขณะทีจ่ าเลยกาลังเป็ นลมบ้าหมูไม่รส ู้ ก
ึ ตัวไปถูกผูเ้ สียหายเข้า
จาเลยไม่มผ ี ด
ิ ฐานพยายามฆ่าคนหรือทาร้ายร่างกาย
- คาพิพากษาฎีกาที่ 425/2525 การทีจ่ าเลยกับผูเ้ สียหายกอดปลา้ ฟัดเหวีย่ งพลิกไปพลิกมา
เพือ่ แย่งมีดกันนัน ้ อาจเป็ นเหตุให้มด ่ ย่งกัน ซึง่ เป็ นมีดปลายแหลม
ี ทีแ
แทงเข้าไปทีส ่ ะบักซ้ายด้านหลังของผูเ้ สียหาย โดยจาเลยไม่มเี จตนาแทงได้
กรณี ไม่อาจสันนิษฐานให้เป็ นผลร้ายแก่จาเลย เหตุทเี่ กิดขึน ้ ผูเ้ สียหายเป็ นฝ่ ายทีท่ า้ จาเลยให้ตอ
่ ยกันก่อน
ฟังไม่ได้วา่ จาเลยใช้มด ี แทงผูเ้ สียหาย คงฟังได้เพียงว่าจาเลยชกต่อยผูเ้ สียหาย ซึง่ เป็ นความผิดตาม ป.อ.
ม.391 เท่านัน ้

- ประเด็นเปรียบเทียบ การกระทา และไม่มก ี ารกระทา การขับรถพุ่งไปทางเจ้าพนักงาน


- คาพิพากษาฎีกาที่ 1270/2526 จาเลยขับรถยนต์บรรทุกดินลูกรังสูงเกินกาหนด
พอถึงจุดตรวจซึง่ มีแผงเหล็กเครือ ่ งหมาย "หยุด" ตัง้ อยูก
่ ลางถนน
เจ้าพนักงานตารวจได้เป่ านกหวีดและให้สญ ั ญาณให้จาเลยหยุด จาเลยกลัวถูกจับจึงไม่หยุดรถ แต่
“กลับเร่งเครือ
่ งยนต์ หลีกเครือ
่ งหมายจราจร พุง่ เข้าใส่เจ้าพนักงานตารวจ” ทีย่ ืนอยูท ่ างซ้าย 2-3 คน
แต่เจ้าพนักงานตารวจกระโดดหลบเสียทัน ดังนี้
จาเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทาได้วา่ รถยนต์ทจี่ าเลยขับพุง่ เข้าใส่เช่นนัน ้
จะต้องชนเจ้าพนักงานตารวจทีย่ ืนอยูใ่ นถนนถึงแก่ความตายได้
จาเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึง่ ปฏิบตั ก ิ ารตามหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา
289, 80
- คาพิพากษาฎีกาที่ 223/2531 จาเลยขับรถยนต์สบ ิ ล้อไปถึงด่านตรวจ
ได้รบั สัญญาณให้หยุดรถจากเจ้าหน้าทีต ่
่ ารวจ ซึงยืน่ อยู่รม
ิ ถนนบริเวณด่านตรวจนัน ้ แล้วไม่ปฏิบตั ต
ิ าม
โดยจาเลยขับรถผ่านเลยไป ดังนี้ เมือ่ ไม่ได้ความว่าจาเลยกระทาการอืน ่ ใด นอกเหนือไปจากนี้
การกระทาของจาเลย จึงยังถือไม่ได้วา่ เป็ นความผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบตั ก ิ ารตามหน้าที่

- “งดเว้น” คือ 1.มีหน้าที่ (เป็ นหน้าทีโ่ ดยเฉพาะเพือ


่ ป้ องกันผล) และ 2.ไม่กระทาตามหน้าที่ (อ
เกียรติขจร คาอธิบายกฎหมายอาญา ภาค 1 พ.ศ.2538 /94)
- มาตรา 59 วรรคท้าย การกระทา ให้หมายความรวมถึงการให้เกิดผลอันหนึ่งอันใดขึน ้
โดยงดเว้นการทีจ่ กั ต้องกระทา เพือ ่ ป้ องกันผลนัน
้ ด้วย
- การกระทา ให้หมายความรวมถึง การให้เกิดผลอันหนึ่งอันใดขึน ้
โดยงดเว้นการทีจ่ กั ต้องกระทาเพือ ่ ป้ องกันผลนัน้ ด้วย
- งดเว้นกระทาการ มีทง้ ั กรณี เจตนา และประมาท
- งดเว้นกระทาการ โดยมีเจตนากระทาผิดแล้ว ผลไม่เกิด รับผิดฐานพยายามกระทาผิดได้
- งดเว้นกระทาการ มีการกระทาโดยพลาดตาม ม 60 ได้
หากผูก้ ระทามีหน้าทีป ่ ้ องกันผลต่อผูไ้ ด้รบ ั ผลร้ายด้วย
- ความผิดทีต ่ อ
้ งการเจตนา หากขาดเจตนา เพราะไม่รูอ ้ งค์ประกอบความผิด ไม่ตอ ้ งรับผิด
เว้นแต่กรณี ความไม่รเู้ กิดจากความประมาทตาม ม 62 ว 2
- งดเว้นกระทาการ มีตวั การร่วมตาม ม 83 ได้
- งดเว้นกระทาการ มีผส ู้ นับสนุนตาม ม 86 ได้
- งดเว้น เป็ นการตัดโอกาสผูอ ้ นื่ เข้าช่วย ผูเ้ สียหายแล้ว เช่น เข้าช่วยแล้ว หยุ ดช่วย
เป็ นงดเว้นกระทาการ
- ผิดเมือ่ มีหน้าที่ และสามารถป้ องกันผลได้ แต่งดเว้น หากไม่อาจทาได้ ไม่ผด ิ เช่น
ไม่กล้าโดดน้าไปช่วย (ความเห็นเพิม ่ )
- ผลต้องสัมพันธ์กบั การงดเว้นกระทาการ เช่น ไม่พาไปรักษา แต่แม้พาไปรักษา ก็ตายอยูด ่ ี ไม่ผด

- ทาผิด พรบ.ควบคุมอาคาร ไม่ทาทางหนีไฟ เป็ น งดเว้นกระทาการ ผิด ม 291 เพราะไม่เจตนาฆ่า
แต่ประมาท
- ปล่อยให้ลูก ฆ่าตัวตาย พ่อผิด เพราะเป็ นการงดเว้นกระทาการป้ องกัน แม้ลูกทาเอง
- งดเว้นกระทาการ ใช้กบั องค์ประกอบทีต ่ อ ้ งมีผลเกิด ต่างกับ มาตรา 307 ทิง้ แล้วผิดทันที เช่น ทิง้ ลูก
ผิด มาตรา 307 ทันที แต่ยงั ไม่ตอ ้ งรับผิด ข้อหาพยายามฆ่า โดยไตร่ตรองไว้กอ ่ น มาตรา 59 ว
5+80+288

- “หน้าทีโ่ ดยเฉพาะเพือ ่ ป้ องกันผล” (อ เกียรติขจร คาอธิบายกฎหมายอาญา ภาค 1 พ.ศ.2538 /72)


- หน้าทีต ่ ามกฎหมายบัญญัติ เช่น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1564 บิดา มารดา
เลี้ยงดูบตุ รผูเ้ ยาว์ , มาตรา 1563 บุตรจาต้องอุปการะเลี้ยงดูบด ิ ามารดา , มาตรา 1461
สามีและภรรยามีหน้าทีอ ่ ป
ุ การะเลี้ยงดูกน
ั ตามฐานานุรูป
- หน้าทีจ่ ากการยอมรับโดยเฉพาะเจาะจง เช่น หน้าทีต ่ ามสัญญารับจ้างเลี้ยงเด็ก โดยมีคา่ ตอบแทน
หรือ เพือ่ นบ้านตกลงจะดูแลเด็กแทนพ่อแม่ช่วั คราว โดยไม่มค ี า่ ตอบแทน
- หน้าทีจ่ ากการกระทาครัง้ ก่อนของตนเอง เพราะไปตัดโอกาสผูอ ้ น
ื่ ทีจ่ ะช่วยเหลือ เช่น
จูงคนตาบอดข้ามถนน ต้องช่วยจนเสร็จ
- หน้าทีจ่ ากความสัมพันธ์พเิ ศษ เช่น ป้ าเลี้ยงดูหลาน แต่หลานปล่อยให้ป้าป่ วยตาย ไม่พาไปรักษา
(คดีศาลอังกฤษ)

- การงดเว้น
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1112-1114/2508 จาเลยเห็นผูต ้ ายกาลังถูกทาร้าย ไม่ได้เข้าขัดขวางแต่อย่างใด
และไล่ลูก ๆ ให้ออกไป ทัง้ สั่งห้ามไม่ให้ไปบอกใครด้วย เมือ่ มีหญิงคนหนึ่งมายังทีเ่ กิดเหตุ
จาเลยวิง่ ไปรับหน้า ห้ามมิให้เข้าไป โดยกล่าวเท็จว่า ผัวเมียตีกน ั ไม่ใช่ธุระ
เป็ นการแสดงให้เห็นว่าจาเลยกระทาไปโดยตัง้ ใจเพือ ่ จะอานวยความสะดวกให้ผต ู้ ายถูกฆ่า
โดยไม่ตอ ้ งถูกผูใ้ ดขัดขวาง จาเลยจึงมีความผิดฐานเป็ นผูส ้ นับสนุนการกระทาผิด
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 / หมายเหตุ ชายชูฆ ้ า่ สามี ภรรยาช่วยเหลือชายชู้
และงดเว้นไม่ชว่ ยเหลือสามี ซึง่ ภรรยามีหน้าทีต ่ ามกฎหมายต้องช่วยเหลือดูแลสามี
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1461
- คาพิพากษาฎีกาที่ 2210/2544
แม้ขอ ้ เท็จจริงจะฟังได้วา่ จุดทีจ่ าเลยจอดรถและเกิดเหตุชนกันอยูใ่ นไหล่ทางด้านซ้ายของถนน
ในลักษณะไม่กีดขวางการจราจรแล้วก็ตาม แต่การทีจ่ าเลยจอดรถในเวลามืดค่าโดยไม่ได้เปิ ดไฟ
หรือใช้แสงสว่างตามทีก ่ าหนดในกฎกระทรวง(ฉบับที่ 2 พ.ศ.2522)
เพือ ่ เป็ นสัญญาณให้ผข ู้ บั ขีม
่ องเห็นรถทีจ่ อดอยู่ จนเป็ นเหตุให้ผต ู้ ายขับรถจักรยานยนต์
พุง่ เข้าชนท้ายรถคันทีจ่ าเลยจอดอยูท ่ าให้ผต ู้ ายถึงแก่ความตายอันเป็ นผลจากความประมาทของจาเลย
ไม่วา่ จะฟังว่าผูต ้ ายมีสว่ นประมาทอยูด ่ ว้ ยก็ตาม
ก็ตอ ้ งถือว่าเหตุทผ ี่ ต
ู้ ายถึงแก่ความตายเกิดเพราะความประมาทของจาเลยด้วย
จึงเป็ นผลโดยตรงทีเ่ กิดจากความประมาทของจาเลยเพือ ่ งดเว้นการทีจ่ กั ต้องกระทาเพือ
่ ป้ องกันผลนัน

หาใช่ผลโดยตรงจากการขับรถของจาเลยไม่ จาเลยจึงไม่มค ี วามผิดฐาน ขับรถโดยประมาทตาม
พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ มาตรา 43 (4), 157
คงผิดฐานกระทาโดยประมาทเป็ นเหตุให้ผอ ู้ น
ื่ ถึงแก่ความตายตาม ป.อ.มาตรา 291

- ตัวอย่างประเด็นข้อสอบเก่า เรือ
่ งงดเว้น
- (ขส เน 2538/ 2) แดง จ้างขาว ไปฆ่าดา ขาวตกลง / ระหว่างรอโอกาส ดาไปว่ายน้าในสระ
เกิดตะคริว จะจมน้า ดาร้องขอให้คนช่วย/ ขาวเป็ นลูกจ้างประจาสระ มีหน้าทีด ่ แ
ู ลความปลอดภัย
เห็นดาและช่วยได้ แต่ไม่ชว่ ยเพราะประสงค์ให้ดาตาย ซึง่ หากขาวช่วย ดาก็จะไม่จบน้า
(ขาวและแดงผิดฐานใด) / ขาวมีหน้าทีป ่ ้ องกันมิให้ผม
ู้ าว่ายน้าจมน้า ปล่อยให้ดาจมน้า เป็ นการฆ่าดา
โดยงดเว้นการทีจ่ กั ต้องกระทาเพือ่ ป้ องกันผลนัน ้ ตาม ม 59 วรรคท้าย เมือ่ มีเจตนาฆ่าอยูก ่ อ
่ นแล้ว
จึงผิดฐานฆ่าโดยไตร่ตรองไว้กอ ่ น ตาม ม 289 (4) เพราะเป็ นการรับจ้างมาฆ่า / แดง
ผูใ้ ช้ตอ
้ งรับโทษเสมือนตัวการ ตาม ม 84 วรรคสอง ผิด ม 289 (4) ประกอบ ม 84

- “ละเว้น” คือ 1.มีหน้าที่ (เป็ นหน้าทีโ่ ดยทั่วไป “General Duty” ไม่ใช่หน้าทีป ่ ้ องกันผล) และ
2.ไม่กระทาตามหน้าที่ (อก/74, 84)
- มาตรา 374 ผูใ้ ดเห็นผูอ ้ น
ื่ ตกอยูใ่ นภยันตรายแห่งชีวต ิ
ซึง่ ตนอาจช่วยได้โดยไม่ควรกลัวอันตรายแก่ตนเองหรือผูอ ้ น
ื่ แต่ไม่ชว่ ยตามความจาเป็ น / อ จิตติ ติงศภัทิย์
อธิบายว่า ความผิดตามมาตรานี้ ไม่เป็ นการไม่กระทา ไม่ใช่หน้าทีต ่ ามกฎหมายทีต่ อ
้ งกระทา
เพือ ่ ป้ องกันผลมิให้ตายตามมาตรา 59 วรรคท้าย ฉะนัน ้ ถ้าไม่ชว่ ยแล้ว เกิดมีความตาย
ผูไ้ ม่ช่วยไม่มค ี วามผิดฐานฆ่าคน และความผิดตามมาตรานี้ไม่ตอ ้ งมีผล ฉะนัน

การทีไ่ ม่ชว่ ยจะตายหรือจะรอดไม่สาคัญ
และการละเว้นไม่ชว่ ยตามความจาเป็ นต้องเป็ นการกระทาโดยเจตนา ถึงแม้การที่ควรจะช่วยหรือไม่
โดยไม่ตอ ้ งมีเจตนาในส่วนนัน ้ ก็ตาม

- งดเว้น - ละเว้น
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1403/2512 (สบฎ เน 2096) ม 157 การจะเป็ นความผิดนัน ้
ต้องเป็ นการปฏิบตั ิ หรือละเว้นปฏิบตั ิ เฉพาะแต่หน้าทีข ่ องเจ้าพนักงานผูน ้ น
้ ั "โดยตรง"
ตามทีไ่ ด้รบ ั มอบหมาย ถ้าไม่เกีย่ วกับหน้าทีโ่ ดยตรงแล้ว ย่อมไม่ผด ิ (หมายถึงหน้าทีใ่ นการปฏิบตั ริ าชการ
ไม่ใช่หน้าทีป ่ ้ องกันผล ตาม ม 59 ว 5)
- เช่น นายขาว จะแทงนายดาให้ตาย ตารวจผ่านมา ไม่ระงับเหตุ ทัง้ ทีท ่ าได้ ตารวจผิด ม 157
แต่ไม่ผด ิ ม 288 + 59 ว 5
- แต่หากตารวจนัน ้ ได้รบั คาสั่งให้มาอารักขาดา โดยตรง ผิด ม 157 และ หากมีเจตนาฆ่า ผิด ม 288
+ 59 ว 5 + 59 ว 2 หรือหากงดเว้น ไม่ชว่ ยอารักขาโดยประมาท ม 59 ว 4,5 + 291)
- คาพิพากษาฎีกาที่ 999/2527 จาเลยเป็ นเจ้าพนักงานตารวจ มีอานาจทาการสืบสวนคดีอาญา
และจับกุมผูก ้ ระทาผิดกฎหมายในกรณี ทม ี่ ผ ู้ ระทาผิด ซึง่ หน้าแม้ในทีร่ โหฐาน
ี ก
จาเลยก็มอ ี านาจจับได้โดยไม่ตอ ้ งมีทง้ ั หมายจับและหมายค้น จาเลยเข้าไปในห้องเล่นการพนัน
พบผูเ้ ล่นกาลังเล่นการพนันเอาทรัพย์สน ิ กัน แล้วไม่ทาการจับกุม
ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการกรมตารวจ
มีความผิดฐานเป็ นเจ้าพนักงานปฏิบตั ห ิ น้าทีโ่ ดยมิชอบตาม ป.อ.ม.157

- “หลักความรับผิดตามเจตนาและข้อเท็จจริง” คือ (อ เกียรติขจร คาอธิบายกฎหมายอาญา ภาค 1


พ.ศ.2538 /103)
- ไม่รู-้ ไม่เจตนา
- ตาม เจตนาจริง ม 59 ว 2 , 3 และ เจตนาโดยผลของกฎหมาย มาตรา 60
- ฎ 6405/2539 จาเลยกระทาชาเราผูเ้ สียหายโดยสาคัญผิดว่าผูเ้ สียหายอายุ 17 ปี
เท่ากับไม่รข ้ เท็จจริงว่าผูเ้ สียหายอายุไม่เกิน 15 ปี ซึง่ เป็ นข้อเท็จจริงอันเป็ นองค์ประกอบความผิดตาม
ู้ อ
ป.อ.มาตรา 277 วรรคแรก จึงถือว่าจาเลยไม่มเี จตนากระทาความผิดฐานนี้
- รูเ้ ท่าไร-เจตนาเท่านัน ้
- ตาม ม 62 ว 1 , 3
- รับผิดไม่เกินความจริง
- ตามองค์ประกอบของกฎหมาย บทมาตราทีท ่ าผิด
- กรณีทค ี่ วามจริงเป็ นคุณมากกว่าความเข้าใจ ไม่ตอ ้ งอ้างสาคัญผิดตาม ม 62 ว 1 (อก/134)
- ขาดองค์ประกอบภายนอก ไม่ผด ิ ฐาน 80 อ จิตติ และ อ หยุด (อก/99)

มาตรา 59 วรรคสอง
กระทาโดยเจตนา ได้แก่ กระทาโดยรูส้ านึกในการทีก
่ ระทา และในขณะเดียวกัน ผูก
้ ระทาย่อมประสงค์ตอ
่ ผล
หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทานัน

กระทาโดยเจตนา มาตรา 59 วรรค 2 = รูส้ ก


ึ นึกฯ + ประสงค์ หรือย่อมเล็งเห็นผล
มาตรา 59 วรรค 3 หากไม่รู้ (ข้อเท็จจริงอันเป็ นองค์ประกอบความผิด) =
ไม่มเี จตนา
- เจตนา เป็ นความนึกคิดภายในใจของผูก ้ ระทา การวินิจฉัยเจตนาของผูก ้ ระทา ในทางปฏิบตั ิ
ใช้วธิ ีพจิ ารณาจากพยานหลักฐาน และพฤติการณ์ แวดล้อม แต่ในทางทฤษฎีโดยเฉพาะในการทาข้อสอบ
ต้องดูขอ ้ เท็จจริงทีใ่ ห้มาในข้อสอบให้ดี เพราะบางครัง้ ข้อเท็จจริงทีใ่ ห้มาในข้อสอบเป็ นอันยุตแ ิ ล้ว
แต่ขอ ้ เท็จจริงในส่วนอืน ่ ทาให้หลงวินิจฉัยไปแย้งกับข้อเท็จจริงทีใ่ ห้มาแล้วได้
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1958/2526
เจตนาเป็ นองค์ประกอบภายในของความผิดอาญาทีจ่ ะแสดงว่าจาเลยมีความผิดหรือไม่
อันเป็ นมูลฟ้ องในข้อหาบุกรุกลักทรัพย์ของโจทก์ ศาลย่อมมีอานาจยกเจตนาของจาเลยขึน ้ วินิจฉัยได้
ไม่วา่ กระบวนพิจารณาอยูใ่ นชัน ้ ใด และจาเลยจะได้ยกขึน ้ เป็ นข้อต่อสูแ
้ ล้วหรือไม่

- กระทาโดยเจตนา ได้แก่ กระทาโดยรูส้ านึกในการทีก ่ ระทา และในขณะเดียวกัน


ผูก
้ ระทาย่อมประสงค์ตอ ่ ผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทานัน ้
- ถ้าผูก
้ ระทามิได้รข
ู้ อ
้ เท็จจริง อันเป็ นองค์ประกอบของความผิด จะถือว่าผูก
้ ระทาประสงค์ตอ
่ ผล
หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทานัน ้ มิได้

- เจตนาประสงค์ตอ ่ ผล (อ เกียรติขจร คาอธิบายกฎหมายอาญา ภาค 1 ครัง้ ที่ 8 /2546 น 144)


- คาพิพากษาฎีกาที่ 1051/2510 ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 344
ผูห
้ ลอกลวงต้องประสงค์ตอ ่ ผล คือ การทางานของผูท ้ ถ
ี่ ูกหลอกให้ประกอบการงานให้แก่ตน
หรือบุคคลทีส ่ ามโดยจะไม่ใช้คา่ แรงงาน ฯลฯ เมือ่ คดีได้ความว่าจาเลยหลอก เพือ ่ ให้สง่ เงินเท่านัน

ไม่ได้หลอกให้ทางาน จึงไม่ใช่เป็ นการกระทา เพือ ่ ประสงค์ตอ ่ ผล ตามมาตรา 344
จาเลยไม่มค ี วามผิดตามมาตรานี้
- คาพิพากษาฎีกาที่ 4279/2539
บริษทั มีเจตนาเพียงจะเรียกเก็บเงินประกันการทางานจากประชาชนผูม ้ าสมัครงาน
โดยมีเจตนาแสวงหาผลประโยชน์ทม ี่ ค
ิ วรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสาหรับตัวกรรมการของบริษท ั เอง
หรือเพือ ่ บริษท ั อันเป็ นการกระทาโดยทุจริตโดยประกาศหลอกลวงให้ประชาชนมาสมัครงานด้วยแสดงข้อคว
ามเท็จว่าให้สมัครเข้ามาทางาน แต่บริษท ั หามีงานให้ทาไม่ จาเลยที่ 1 และที่ 2
ในฐานะกรรมการบริหารงานของบริษท ั ย่อมจะต้องทราบดีอยูแ ่ ล้วว่าบริษท ั ไม่มงี านให้ทา
แต่ก็ยงั ร่วมดาเนินการรับสมัครบุคคลเข้าทางานตลอดมาเป็ นการปกปิ ดข้อความจริงซึง่ ควรบอกให้แจ้งแก่ป
ระชาชนและในการรับสมัครบุคคลเข้าทางานดังกล่าวเป็ นเหตุทาให้บริษท ั กับกรรมการของบริษท ั ได้ไปซึง่ เงิ
นประกันการทางานจากผูส ้ มัคร การกระทาของจาเลยที่ 1 และที่ 2 จึงเป็ นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 343 วรรคแรก / การทีบ ่ ริษทั ได้รบั ผูเ้ สียหายเข้าทางานแล้วได้ให้
ผูเ้ สียหายซื้อหุน ้ คนละ 30 หุ้น เป็ นเงิน 3,000 บาท มี ลักษณะเป็ นการรับเข้าร่วมลงทุนและได้มก ี ารจ่าย
ผลประโยชน์ตอบแทนแก่ผเู้ สียหายโดยให้เงินปันผลหรือเงิน ค่าครองชีพเดือนละ135 บาท
จึงเข้าลักษณะการกูย้ ืมเงิน ตามพระราชกาหนดการกูย้ ืมเงินทีเ่ ป็ นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา
3 เมือ่ บริษท ั จัดให้มผี รู้ บ
ั เงินในการรับสมัครงานทีม ่ ช
ิ อบ
หรือจ่ายหรือตกลงหรือจะจ่ายผลประโยชน์ ตอบแทนให้แก่ผเู้ สียหายซึง่ ถือว่าเป็ นผูใ้ ห้กยู้ ืมเงินตามพระราชกา
หนดดังกล่าว และในการกูเ้ งินดังกล่าวได้มก ี ารให้ผลประโยชน์ตอบแทนเดือนละ 135 บาท
หรือคิดเป็ นอัตราถึงร้อยละ 54 ต่อปี ซึง่ เป็ นอัตราดอกเบีย้ ทีส ่ งู กว่าอัตราดอกเบีย้ สูงสุดทีส
่ ถาบันการเงินตาม
กฎหมายว่าด้วยดอกเบีย้ เงินให้กยู้ ืมของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้จงึ เข้ากรณี เป็ นการกระทาผิดตามมาตรา
5 แห่งพระราชกาหนดการกูย้ ืมเงินทีเ่ ป็ นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 เมือ่ จาเลยที่ 1 และที่ 2
เป็ นผูร้ ว่ มรับเงินที่ ผูเ้ สียหายได้นามาเข้าร่วมลงทุนเพือ ่ ให้ผลประโยชน์ ตอบแทนดังกล่าว
จึงมีความผิดตามพระราชกาหนด การกูย้ ืมเงินทีเ่ ป็ นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 5 /
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 344 ผูห ้ ลอกลวงต้องประสงค์ตอ ่ ผล
คือการทางานของผูถ ้ ูกหลอกลวงให้ประกอบการงานให้แก่ตนหรือบุคคลทีส ่ าม โดยจะไม่ใช้คา่ แรงงาน
หรือโดยจะใช้คา่ แรงงานต่ากว่าทีต ่ กลงกัน การกระทาของจาเลยที่ 1 และที่ 2 ทีไ่ ด้ กระทาในนามของบริษท ั
โดยอ้างว่ามีงานให้ทาก็ดี การรับผูเ้ สียหายเข้าทางานก็ดี การคืนเงินประกันการ ทางานเมือ่ ครบกาหนด 6
เดือน แล้วก็ดี ล้วนเป็ นอุบาย ทุจริตคิดตัง้ เรือ ้ เพือ
่ งขึน ่ หลอกลวงผูเ้ สียหายให้หลงเชือ ่ และมอบเงินให้
แสดงว่าจาเลยที่ 1 และที่ 2 หลอกลวง ผูเ้ สียหายให้สง่ มอบเงินแก่จาเลยที่ 1 และที่ 2 เท่านัน ้
มิได้มเี จตนาหลอกลวงเพือ ่ มิให้มาทางาน เพราะความจริง แล้วไม่มงี านให้ทา ทีจ่ าเลยที่ 1 และที่ 2
จัดให้มก ี ารทางานในช่วงแรก ๆ และจ่ายเงินเดือนให้ก็เป็ นวิธีการในการหลอกลวงอย่างหนึ่ง
ซึง่ ต่อมาภายหลังก็ไม่มีงานให้ทาและไม่จา่ ยเงินเดือนให้ กรณี จงึ มิให้เป็ นการกระทา
เพือ ่ ประสงค์ตอ ่ ผลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 344 ไม่มค ี วามผิดตามมาตรานี้

- ประสงค์ให้เกิดผล แม้ไม่ “คาดหมาย” ว่าผลจะเกิด ถือว่า เจตนา


- เช่น ใช้ปืนทีม
่ รี ะยะหวังผล 30 เมตร คือระยะทีท่ าให้ถงึ ตายได้แน่ นอน
แต่ลูกกระสุนไม่ได้หยุดในระยะหวังผล ยิงไปที่ ก ซึง่ ยืนอยูห่ า่ งไป 50 เมตร ถูกศีรษะตาย ก็ถือว่ามีเจตนาฆ่า

- ไม่ประสงค์ให้เกิดผล แต่ “คาดหมาย” ได้วา่ ผลอาจเกิด ถือว่า ไม่ เจตนา เช่น แพทย์ผา่ ตัด
คนไข้ตาย

- ประสงค์ และไม่ประสงค์ ต่อผล ส่วนทีไ่ ม่ประสงค์ตอ ่ ผลอาจเป็ น “เล็งเห็นผล”


- เช่น ชกหน้า (ประสงค์ตอ ่ ผล ทาร้ายร่างกาย) แว่นแตก (ย่อมเล็งเห็นผล ว่าทาให้เสียทรัพย์)
- คาพิพากษาฎีกาที่ 321/2535 การทีจ่ าเลยใช้อาวุธปื นยิง และกระสุนปื นไปถูกกระจกหน้าต่าง
และโต๊ะของผูเ้ สียหาย ได้รบั ความเสียหายด้วยนัน ้ แสดงว่าจาเลยมีเจตนายิงผูเ้ สียหายเป็ นสาคัญ
จึงเป็ นความผิดฐานพยายามฆ่าผูอ ้ น
ื่ (โดยมีเจตนาประสงค์ตอ ่ ผล) และฐานทาให้เสียทรัพย์
(โดยมีเจตนาย่อมเล็งเห็นผล) ซึง่ เป็ นกรรมเดียว

- ประสงค์ตอ ่ ผล แล้วผลเกิด ต้องรับผล แม้วธิ ีการผิดแปลกไปจากทีต ่ ง้ ั ใจไว้ (อ เกียรติขจรฯ 8/144)


- เล็งปื นแล้ว ยังไม่ทน
ั ยิง หรือยิงแล้วไม่ถูก แต่ช็อกตาย หรือไล่ยงิ ทาให้ผถ ู้ ูกฆ่า ต้องกระโดดน้า
หรือกระโดดตึกหนี แล้วตาย
- เจตนาฆ่า แต่ยงิ รูปปั้นโดยสาคัญผิด แล้วกระสุน แฉลบมาถูกผูต ้ ายตามเจตนา

- เจตนาฆ่า แม้ไม่เจาะจงตัว ก็ประสงค์ตอ ่ ผลได้


- เช่น ยิงไปในกลุม ่ คน / กรณี ไม่แน่ ชดั ว่าเจาะจงยิงผูใ้ ดในกลุม
่ ศาลปรับ เล็งเห็นผล (อ เกียรติขจรฯ
8/167)
- บางกรณี ศาลปรับเป็ นเจตนาเล็งเห็นผล / ฎ 2567/2544 (อ เกียรติขจรฯ 8/162)
จาเลยใช้ปืนยิงไปทีก
่ ลุม
่ คน บนรถยนต์โดยสารทีจ่ าเลยโดยสารมา ถือว่ามีเจตนาฆ่าโดยเล็งเห็นผล
- การสาคัญผิดในตัวบุคคล (ตาม มาตรา 61) ก็ถือเป็ นการการกระทาโดยประสงค์ตอ ่ ผล
- ดา ประสงค์จะฆ่าขาว เมือ่ แดงเดินมา ดายิงแดง โดยเข้าใจว่ายิงขาว ดาผิด มาตรา 288 + 59 ว 2
+ 61 / แม้ไม่มมี าตรา 61 การเข้าใจผิดของดา ก็ยงั ครบองค์ประกอบภายในตาม มาตรา 288 คือ รูว้ า่
“การยิง เป็ นการฆ่า” + “รูว้ า่ แดง เป็ นผูอ
้ น
ื่ ” และเมือ่ เข้าองค์ประกอบภายนอก คือ มีการฆ่า และฆ่าผูอ
้ น
ื่
ครบโครงสร้างความรับผิด จึงต้องรับผิดตามกฎหมายเหมือนเดิม

- เจตนาเล็งเห็นผล (อ เกียรติขจร คาอธิบายกฎหมายอาญา ภาค 1 ครัง้ ที่ 8 /2546 น 156)


- เล็งเห็นว่าผลจะเกิดแน่ นอน เท่าทีบ ่ ค ุ คลนัน้ จะคาดหมายได้
- พิจารณาตามบุคคลในสภาพเช่นเดียวกับผูก ้ ระทา ไม่ใช่วญ ิ ญูชนทั่วไป เช่น เด็กทา คิดเหมือนเด็ก
(อก/116)
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1334/2510 จาเลยจะทาร้ายบุตรของผูเ้ สียหาย ผูเ้ สียหายเข้าไปขัดขวาง
จาเลยผลักผูเ้ สียหาย ทาให้ผเู้ สียหายล้มลง จาเลยย่อมเล็งเห็นผลว่า เมือ่ ผูเ้ สียหายล้มลงแล้ว
ผูเ้ สียหายจะได้รบ ั ผลอย่างไร ผูเ้ สียหายได้รบั บาดเจ็บ ก็ยอ ่ มเป็ นผลแห่งการกระทาโดยเจตนาของจาเลยตาม
มาตรา 59 วรรค 2
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1155/2520 จ.ปลูกข้าวในหนองสาธารณะ จ.อ้างสิทธิครอบครองในหนองไม่ได้
จาเลยมีสท ิ ธิใช้หนองได้เท่าเทียมกับ จ.แต่จาเลยนาเรือเข้าไปตัดใบบัว
ซึง่ ปนอยูก ่ บั ต้นข้าวทาให้ตน ้ ข้าวเสียหาย เป็ นการกระทาโดยเล็งเห็นผลตาม ม.59 ผิดตาม ม.359
- คาพิพากษาฎีกาที่ 2780/2527 จาเลยจ้องปื นมาทางจ่าสิบตารวจ น. กับพวกแล้วก็มี เสียงปื นดังขึน ้
1 นัด จากทางด้านจาเลย ซึง่ จาเลยจะ ต้องเป็ นผูย้ งิ เพราะพวกของจาเลยไม่มป ี ืน
แม้กระสุนปื นทีจ่ าเลยยิงจะไม่ถูกใคร แต่การทีจ่ าเลยยิงปื นมาทางจ่าสิบตารวจ น. กับพวก
จาเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทานัน ้ ได้วา่ อาจเป็ นเหตุให้จา่ สิบตารวจ น. กับพวกคนใดคนหนึ่งหรือ
หลายคนถึงแก่ความตาย จาเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึง่ กระทาการตามหน้าที่
- คาพิพากษาฎีกาที่ 114/2531 การทีจ่ าเลยจุดไฟเผาทีน ่ อนในห้องของโรงน้าชา
เพราะไม่พอใจหญิงบริการของโรงน้าชานัน ้ จาเลยย่อมเล็งเห็นผลได้วา่ เมือ่ ทีน ่ อนถูกเผาไหม้แล้ว
ไฟอาจจะลุกลามไหม้เตียงนอน ฝาพนัง เพดาน จนกระทั่งโรงน้าชาแห่งนัน ้ ทัง้ หมดได้
เมือ่ ได้ความว่าโรงน้าชานัน ้ มีคนอยูอ ่ าศัยด้วย จาเลยจึงต้องมีความผิดฐานวางเพลิงเผาโรงเรือนทีค ่ นอยูอ
่ าศัย
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 218 (1)
- คาพิพากษาฎีกาที่ 3322/2531 ผูเ้ สียหายซึง่ เป็ นเจ้าหน้าทีต ่ ารวจ
เข้าตรวจค้นรถยนต์บรรทุกทีจ่ าเลยขับ โดยโหนตัวขึน ้ ไปยืนบนบันไดรถ
จาเลยขับรถกระชากออกไปโดยเร็ว และไม่ยอมหยุดรถโดยเจตนาให้ผเู้ สียหายตกจากรถ
จาเลยย่อมเล็งเห็นผลได้วา่ อาจเป็ นเหตุให้ผเู้ สียหายได้รบั อันตรายแก่กาย
ถือได้วา่ จาเลยมีเจตนาทาร้ายร่างกายผูเ้ สียหาย เมือ่ ผูเ้ สียหายได้รบั อันตรายสาหัส
จาเลยจึงต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 298
- คาพิพากษาฎีกาที่ 24/2533 แม้จาเลยจะยิงผูเ้ สียหาย โดยไม่มเี จตนาประสงค์ตอ ่ ผล คือความตาย
เพราะผูเ้ สียหายกับจาเลยเป็ นเพือ ่ นกัน และยิงในขณะทีจ่ าเลยมึนเมาสุรา แต่การทีจ่ าเลยยกอาวุธปื นขึน ้ เล็ง
แล้วยิงไปทีผ ่ เู้ สียหายในระยะกระชัน ้ ชิด จาเลยเล็งเห็นผลได้วา่ กระสุนปื นทีย่ งิ จะต้องไปถูกผูเ้ สียหาย
จาเลยจะอ้างความมึนเมามาเป็ นข้อแก้ตวั เพือ ่ ให้พน ้ ความผิดไม่ได้ / จาเลยยิงผูเ้ สียหายในระยะใกล้
กระสุนปื นถูกทีท ่ อ้ งต้องรับการรักษาโดยการผ่าตัด หากแพทย์รกั ษาไม่ทน ั ผูเ้ สียหายอาจถึงแก่ความตายได้
เมือ่ ผูเ้ สียหายไม่ถงึ แก่ความตาย จาเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่า
- คาพิพากษาฎีกาที่ 3431/2535 การทีจ่ าเลยที่ 2

ใช้ปืนซึงเป็ นอาวุธร้ายแรงยิงไปทางกลุม ่ ผูเ้ สียหายซึง่ มีประมาณ 10 คน
โดยไม่ใยดีวา่ กระสุนปื นจะถูกผูใ้ ดหรือไม่ แม้จะเป็ นการยิงเพียงนัดเดียว ก็อาจถูกผูอ ้ น
ื่ ถึงแก่ความตายได้
จึงเป็ นการกระทาทีย่ อ ่ มเล็งเห็นผลของการกระทานัน ้ เป็ นการกระทาโดยเจตนาฆ่า
- คาพิพากษาฎีกาที่ 2991/2536 จาเลยอยูบ ่ นรถกระบะที่กาลังขับไล่ตด ิ ตามรถจักรยานยนต์
ทีผ ่ เู้ สียหายขับไปตามถนนซึง่ เป็ นทางลูกรังแคบและขรุขระใช้อาวุธปื นเล็กกล (เอ็ม.16)
ยิงไปทีร่ ถจักรยานยนต์ของผูเ้ สียหายหลายนัด แม้จาเลยมีเจตนายิงยางรถจักรยานยนต์
เพือ
่ ให้รถจักรยานยนต์ลม ้ แต่จาเลยย่อมเล็งเห็นได้วา่ กระสุนปื นอาจถูกผู้เสียหายได้
การทีจ่ าเลยใช้อาวุธปื นดังกล่าวยิงไปในลักษณะเช่นนัน ้ จาเลยย่อมเล็งเห็นผลได้วา่
กระสุนปื นอาจถูกผูเ้ สียหายทีบ ่ ริเวณอวัยวะสาคัญทาให้ผเู้ สียหายทัง้ สองถึงแก่ความตายได้
จึงเป็ นการกระทาโดยเจตนาฆ่า
- คาพิพากษาฎีกาที่ 573/2539 จาเลยยิงปื นเข้าไปในห้องน้า โดยรูว้ า่ ผูเ้ สียหายอยูใ่ นนัน ้
จาเลยย่อมเล็งเห็น ได้วา่ กระสุนปื นอาจถูกผูเ้ สียหายถึงแก่ความตายได้ จึงมีความผิดฐานพยายามฆ่า
- คาพิพากษาฎีกาที่ 2870/2540 แม้จาเลยกับผูเ้ สียหายจะเป็ นญาติพน ี่ ้องกัน
สาเหตุแห่งการทาร้ายเกิดจากจาเลยโกรธทีผ ่ เู้ สียหายว่ากล่าวตักเตือนให้จาเลยเลิกดืม ่ สุรา
จาเลยได้ลอบเข้าไปแทงผูเ้ สียหายขณะทีผ ่ เู้ สียหายนอนหลับ จาเลยเลือกแทงทีท ่ อ
้ งของผูเ้ สียหายอย่างแรง
บาดแผลลึกถึง 4 นิ้ว ทะลุลาไส้เล็กตัดเส้นโลหิตใหญ่ฉีกขาด
ถึงแม้จาเลยจะมีเจตนาเพียงทาร้ายร่างกายผูเ้ สียหาย
แต่จาเลยย่อมเล็งเห็นผลว่าอาจทาให้ผเู้ สียหายถึงแก่ความตายได้ ย่อมถือว่าจาเลยมีเจตนาฆ่าผูเ้ สียหายตาม
ป.อ.มาตรา 59 วรรคสอง และการทีจ่ าเลยไม่แทงซา้ อีกทัง้ ๆ ทีม ่ โี อกาส
จะทาได้ก็ไม่ทาให้ความผิดของจาเลยเปลีย่ นแปลงไป
เพราะเจตนาโดยเล็งเห็นผลนัน ้ มุง่ ถึงลักษณะแห่งการกระทา และผลของการกระทาทีอ ่ าจเกิดขึน ้ เป็ นหลัก
มิได้มงุ่ ถึงเจตนาของผูก ้ ระทาเป็ นหลัก
- คาพิพากษาฎีกาที่ 4252/2542 แม้ผต ู้ ายมีเจตนาจะใช้มด ี ทีถ
่ ืออยู่ประทุษร้ายจาเลยอย่างแน่ นอน
อันเป็ นการละเมิดต่อกฎหมายและเป็ นภยันตรายใกล้จะถึง แต่การทีจ่ าเลยใช้อาวุธปื นยิงไปทีม ่ ือผูต ้ าย
ขณะทีม ่ อ ื ผูต
้ ายอยูใ่ นบริเวณใบหน้า
และจาเลยรูด ้ ีวา่ ปื นของจาเลยเป็ นชนิดทีย่ งิ ออกไปแล้วกระสุนกระจายออกหลายเม็ด จาเลยย่อมเล็งเห็นผลว่า
หากจาเลยยิงไปทีม ่ อ
ื กระสุนปื นต้องถูกใบหน้าผูต ้ ายด้วย ข้ออ้างของจาเลยทีอ ่ า้ งว่า
ต้องการยิงมือของผูต ้ ายเพือ
่ ให้มด ี ตกลงจากมือผูต ้ ายฟังไม่ขน ึ้ / ผูต ้ ายถือมีดทาครัวใบมีดยาวเพียง 4 นิ้ว
กว้าง 1 นิ้ว เข้ามาจะทาร้ายจาเลย หากจาเลยเพียงแต่ใช้อาวุธปื นขู่ หรือเพียงแต่ยงิ ขูผ ่ ตู้ ายซึง่ เมาสุรา
และถือมีดดังกล่าว ก็ไม่น่าจะกล้าใช้มด ี นัน
้ เข้ามาทาร้ายอีกต่อไป
แม้จาเลยจะใช้อาวุธปื นยิงผูต ้ ายเพียงนัดเดียว
ก็เป็ นการกระทาเกินกว่ากรณี แห่งการจาต้องกระทาเพือ ่ ป้ องกัน
- คาพิพากษาฎีกาที่ 4563/2543 จาเลยถอดกางเกงเดินเข้าไป เพือ ่ ข่มขืนกระทาชาเราผูต ้ าย
ขณะทีผ ู้ ายไม่ได้สวมกางเกง และยืนพิงลูกกรงระเบียงอาคาร ซึง่ สูงเพียงระดับสะโพก
่ ต
โดยผูต ้ ายมิได้ยน ิ ยอม จาเลยย่อมเล็งเห็นได้วา่ หากผูต ้ ายหลบหลีกขัดขืน มิให้ขม ่ ขืนกระทาชาเราแล้ว
อาจจะตกลงไปจากระเบียงอาคาร ถึงแก่ความตายได้ ผูต ้ ายดิน ้ รนขัดขืน เพือ ่ มิให้จาเลยข่มขืน
จนผูต ้ ายพลัดตกลงไปจากระเบียงอาคาร ได้รบั บาดเจ็บและตายในเวลาต่อมา จึงเป็ นผลทีเ่ กิดโดยตรง
อันเป็ นการกระทาโดยเจตนาฆ่าผูต ้ าย

- ประเด็นเปรียบเทียบเรือ ่ งเจตนาประสงค์ตอ ่ ผล กับเจตนาย่อมเล็งเห็นผล


- & การยิงยานพาหนะ คาพิพากษาฎีกาที่ 2991/2536 จาเลย อยูบ ่ นรถกระบะ
ทีก
่ าลังขับไล่ตดิ ตามรถจักรยานยนต์ ทีผ ่ เู้ สียหาย ขับไปตามถนน ซึง่ เป็ นทางลูกรังแคบ และขรุขระ
ใช้อาวุธปื นเล็กกล (เอ็ม.16) ยิงไปทีร่ ถจักรยานยนต์ของผูเ้ สียหาย หลายนัด แม้จาเลย
มีเจตนายิงยางรถจักรยานยนต์ เพือ ่ ให้รถจักรยานยนต์ล้ม แต่จาเลยย่อมเล็งเห็นได้ว่า กระสุนปื น
อาจถูกผูเ้ สียหายได้ การทีจ่ าเลย ใช้อาวุธปื นดังกล่าว ยิงไปในลักษณะเช่นนัน ้ จาเลยย่อมเล็งเห็นผลได้วา่
กระสุนปื น อาจถูกผูเ้ สียหาย ทีบ ่ ริเวณอวัยวะสาคัญ ทาให้ผเู้ สียหายทัง้ สอง ถึงแก่ความตายได้ จึงเป็ น
การกระทาโดยเจตนาฆ่า / ข้อสังเกต แต่ถา้ จาเลย ยิงยางรถยนต์ แล้วไปถูกคนบนรถ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
เป็ นการกระทาโดยประมาท ตามคาพิพากษาฎีกาที่ 1086/2521 ซึง่ อาจเป็ นเพราะ
การยิงไปทีย่ างรถยนต์นน ้ ั โอกาสทีจ่ ะถูกผูเ้ สียหายนัน ้ มีน้อยกว่ารถยนต์ ทัง้ ความร้ายแรงของอาวุธปื น
ก็ตา่ งกันด้วย / ตามแนวของศาลฎีกา ได้วางหลักตลอดมาว่า การยิงปื นเข้าไปในรถยนต์ รถไฟ หรือเรื อ
หรือในห้องทีร่ วู้ า่ มีคน หรือหมูค ่ น โดยมิได้ประสงค์ จะให้ถูกผูใ้ ด โดยเฉพาะแล้ว ถือได้วา่
เป็ นเจตนาประเภท ย่อมเล็งเห็นผล ดังนี้ เมือ่ ถือว่า มีเจตนาแล้ว ถ้ายิงไม่ถูกผูใ้ ด ก็ยงั คงเป็ น
ความผิดขัน ้ พยายามได้
- ประเด็นเปรียบเทียบเรือ ่ งเจตนาฆ่า กับทาร้าย
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1003/2512 จาเลยขับรถแซงรถผูเ้ สียหายขึน ้ ไปด้วยความเร็ว
แล้วหักพวงมาลัยให้ทา้ ยรถจาเลยปัดหน้ารถผูเ้ สียหาย จนรถผูเ้ สียหายแฉลบไปจนเกือบตกถนนนัน ้
“หากถนนตรงนัน ้ เป็ นทีส
่ งู หรืออยูห ่ น้าผาสูงชัน” ย่อมเล็งเห็นผลได้วา่ ถ้ารถคว่าไปแล้ว
ทัง้ รถและคนย่อมถึงซึง่ ความพินาศ เห็นผลได้ชดั ว่าผูเ้ สียหายย่อมได้รบ ั อันตรายถึงชีวต ิ ดังนัน

แม้รถยนต์ผเู้ สียหายจะไม่ตกถนนลงไป จาเลยก็มค ี วามผิดฐานพยายามฆ่าผูอ ้ น
ื่
และไม่จาต้องคานึงถึงว่าคนนั่งภายในรถจะมีตวั รถป้ องกันหรือไม่ แต่เมือ่ ข้อเท็จจริงได้ความว่า
ถนนตรงทีเ่ กิดเหตุสงู จากพื้นนาประมาณ 1 แขน หรือ 1 เมตร / “ขณะเกิดเหตุ”
ผูเ้ สียหายขับรถอยูใ่ นอัตราความเร็ว 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมือ่ ถูกจาเลยเอาท้ายรถปัดหน้ารถผูเ้ สียหาย ๆ
ก็แตะเบรครถหยุดทันที และเครือ ่ งดับเอง ล้อรถด้านซ้ายยังห่างขอบถนนอีกราว 1
ศอกผูเ้ สียหายไม่ได้รบ ั บาดเจ็บอันใด จึงถือว่าจาเลยมีเจตนาพยายามฆ่าผูเ้ สียหายให้ถงึ ตายยังไม่ได้
เพราะถึงหากรถยนต์ผเู้ สียหายจะตกลงไป โดยผูเ้ สียหายนั่งอยูภ ่ ายในตัวรถก็ไม่แน่ ว่าจะถึงตาย
แต่ก็พอคาดหมายได้วา่ อย่างน้อยผูเ้ สียหาย ย่อมได้รบั การกระทบกระแทกเป็ นอันตรายถึงบาดเจ็บ
“ซึง่ จาเลยก็น่าจะเล็งเห็นผลอันจะเกิดแก่ผเู้ สียหายได้” ดังนี้จาเลยจึงมีความผิดฐานพยายามทาร้ายผูเ้ สียหาย
เป็ นอันตรายถึงบาดเจ็บตาม มาตรา 295, 80
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1048/2512 ผูเ้ สียหายใช้ของแข็งตีศรี ษะจาเลย 1 ที
จาเลยไปหยิบมีดโต้วงิ่ เข้าหาผูเ้ สียหาย ผูเ้ สียหายวิง่ หนีจาเลยไล่ตาม ผูเ้ สียหายล้ม จาเลยตามทัน
ก็ใช้มด ี โต้ฟน
ั ผูเ้ สียหาย มีบาดแผล 2 แห่ง คือ ทีข ่ อ้ ศอกซ้ายและทีไ่ หล่ขวาแห่งละแผล
แล้วจาเลยก็กลับไปเอง แม้อาวุธมีดทีจ่ าเลยใช้ฟน ั ผูเ้ สียหาย จะเป็ นมีดทีใ่ หญ่ยาวถึงศอกเศษ
อันอาจทาให้ผเู้ สียหายถึงตายได้ก็ดี แต่จาเลยก็ใช้ฟน ั ผูเ้ สียหายเพียง 2 แผล ในทีไ่ ม่สาคัญเท่านัน้
แล้วจาเลยกลับไปเอง ทัง้ ทีม ่ โี อกาสทีจ่ ะฟันซา้ ในทีส ่ าคัญ ๆ ให้ถงึ ตายได้
บาดแผลก็รกั ษาหายในเวลาหนึ่งเดือน จึงยังฟังไม่ได้วา่ จาเลยฟันทาร้ายผูเ้ สียหาย โดยมีเจตนาฆ่า
คงฟังได้เพียงว่าจาเลยมีเจตนาทาร้ายผูเ้ สียหายเท่านัน ้ (ศาลวินิจฉัยว่ามีเจตนาเพียงทาร้าย
หากวินิจฉัยว่ามีเจตนาฆ่า และยับยัง้ ก็จะผิด ม 288 + 80 + 82 คงรับผิดตาม ม 295 เช่นเดียวกัน)

- กรณี ไม่มเี จตนา


- คาพิพากษาฎีกาที่ 509/2502 ใช้ปืนยิงขู่ โดยเข้าใจผิดว่าเป็ นคนร้ายจะมางัดห้อง แต่การยิง
ผูย้ งิ ไม่เห็นตัว และได้ยงิ ลงต่า ไม่ประสงค์ให้ถูกใคร หากแต่เผอิญกระสุนไปถูกไม้คร่าว
จึงแฉลบไปถูกคนทีเ่ ข้าใจผิด ว่าเป็ นคนร้ายเข้า ถือว่าไม่มเี จตนาฆ่า หรือแม้แต่เจตนาจะทาร้ายร่างกาย
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1019/2504 จาเลยเชือ ่ มั่นโดยสุจริตว่าเป็ นเหมืองของจาเลย
จาเลยย่อมไม่รูว้ า่ เหมืองทีจ่ าเลยกัน ้ น้านัน ้ เป็ นสาธารณู ปโภค ซึง่ เป็ นองค์ประกอบของความผิดตาม ปอ
มาตรา 228 จาเลยไม่มค ี วามผิดตามมาตรานี้
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1381/2508 จาเลยเชือ ่ โดยสุจริตใจว่า
ทีส ่ าธารณสมบัตข ิ องแผ่นดินซึง่ จาเลยเข้าครอบครองอยูน ่ น ้ ั เป็ นทีข
่ องตน ฉะนัน ้
การทีจ่ าเลยไม่ยอมออกจากทีพ ่ พ
ิ าทตามคาสั่งของนายอาเภอ โดยอ้างว่าทีพ ่ พ ิ าทเป็ นของตนนัน ้
จึงมีเหตุอ ันสมควร เป็ นข้อแก้ตวั ให้พน ้ ผิดฐานขัดคาสั่งเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368
ได้
- คาพิพากษาฎีกาที่ 136/2515 (วรสารอัยการ ก.ย. 34 หน้า 133) การทีช ่ ายร่วมประเวณี กบั หญิง
โดยต่างยินยอมพร้อมใจ แม้หญิงจะถึงแก่ความตาย โดยชายมิได้คาดคิด จึงไม่มเี จตนาฆ่า
หรือทาร้ายร่างกาย / (พนักงานอัยการ กรมอัยการ โจทก์ จ่าโทแอนดรู โรเบิร์ททูมส์ จาเลย)
จาเลยไม่มเี จตนาฆ่าผูต ้ าย เจตนาทีแ ่ ท้จริงของจาเลย ก็เพือ ่ จะร่วมประเวณี กบั ผูต ้ ายเท่านัน

แต่เนื่องจากการร่วมประเวณี เป็ นเหตุให้ผต ู้ ายถึงแก่ความตาย
โดยขณะทีจ่ าเลยกับผูต ้ ายกาลังร่วมประเวณี กน ั เป็ นครัง้ ที่ 2 จาเลยกับผูต ้ ายได้กอดรัดกันแรงกว่าครัง้ แรก
เพราะความสนุก และอาจเป็ นไปได้ทม ี่ ือจาเลยบังเอิญไปถูกทีค ่ อผู้ตาย
โดยเฉพาะตอนทีว่ า่ ใช้มอ ื ช้อนคอขึน ้ จูบหน้า เมือ่ ใกล้จะสาเร็จความใคร่นน ้ั
นิ้วมือของจาเลยไปกดถูกทีเ่ ส้นเลือดเลี้ยงสมองโดยไม่รูต ้ วั ซึง่ เป็ นการกดอย่างไม่แรงด้วย
ประกอบกับผูต ้ ายมีสข ุ ภาพไม่ดี เคยแท้งลูก เป็ นลมและเวียนศีรษะเป็ นประจา ด้วยเหตุเหล่านี้เอง
ทีเ่ ป็ นเหตุให้ผต ู้ ายถึงแก่ความตาย และจาเลยกระทากับผูต ้ าย เมือ่ ใกล้จะสาเร็จความใคร่
ด้วยความยินยอมพร้อมใจ และสนุกด้วยกันทัง้ สองฝ่ าย โดยไม่อาจคาดคิดได้เลยว่า
จะเป็ นเหตุให้ถงึ แก่ความตาย จึงเห็นว่าจาเลยมิได้มเี จตนาฆ่าผูต ้ าย หรือแม้แต่เจตนาทาร้ายร่างกาย
อันจะเป็ นความผิดฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนาแต่อย่างไร
- คาพิพากษาฎีกาที่ 110/2516
จาเลยส่งจดหมายมีขอ ้ ความหมิน ่ ประมาทโจทก์ทางไปรษณี ย์ลงทะเบียนถึงโจทก์โดยตรง ณ สานักงานโจทก์
แสดงเจตนาของจาเลยว่าจะให้โจทก์เท่านัน ้ ทราบข้อความในจดหมาย
มิใช่เจตนาเป็ นการใส่ความโจทก์ตอ ่ บุคคลทีส ่ าม
แม้เสมียนของโจทก์ทราบข้อความจากจดหมายทีจ่ าเลยส่งไปถึงโจทก์นน ้ั
ก็เป็ นเรือ ่ งนอกเหนือเจตนาของจาเลย การกระทาของจาเลยจึงไม่เป็ นความผิดฐานหมิน ่ ประมาท
- คาพิพากษาฎีกาที่ 3118/2516 จาเลยเข้าไปยึดถือครอบครองทีด ่ นิ ส่วนหนึ่งของทีด ่ น

ทาให้จาเลยเข้าใจโดยสุจริตว่า ทางราชการผ่อนผันให้ครอบครองไปจนกว่าทางราชการจะพิจารณา
แล้วเห็นว่าจาเป็ น จะต้องให้จาเลยออกจากทีด ่ นิ และแจ้งให้ออกแล้ว
ต่อมานายอาเภอได้แจ้งให้จาเลยออกไปจากทีด ่ น ิ นัน
้ จาเลยทราบคาสั่งแล้วไม่ออกไป
ก็ไม่เป็ นการจงใจฝ่ าฝื นกฎหมาย หรือคาสั่งของนายอาเภอ การกระทาของจาเลยตัง้ แต่วน ั ที่ 28 กรกฎาคม
2516 เป็ นต้นมา จึงขาดเจตนา อันเป็ นองค์ประกอบความผิด ไม่เป็ นความผิดตาม มาตรา 368 และ ป ทีด ่ น

มาตรา 9 แต่บงั อาจยึดถือทีด ่ น
ิ นี้ ตัง้ แต่กอ ่ นวันที่ 28 กรกฎาคม 2513 เป็ นความผิดตาม ป ทีด ่ น
ิ มาตรา 9
มีโทษตามมาตรา 108 และมีอายุความ 1 ปี ตาม ป อาญา มาตรา 95 (5) โจทก์ฟ้องเมือ่ เกิน 1 ปี
จึงลงโทษจาเลยไม่ได้
- คาพิพากษาฎีกาที่ 38/2524 กานันถูกแต่งตัง้ เป็ นประธานกรรมการโครงการสร้างถนนเข้าหมูบ ่ า้ น
เป็ นเจ้าพนักงานอยูแ ่ ล้ว ตาม พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457
เบิกเงินมาเพือ ่ จ่ายแก่ผรู้ บั เหมาทาถนนในขณะทีถ ่ นนยังไม่เสร็จ
แต่เบิกมาเพือ ่ จะจ่ายให้ผรู้ บ ั เหมาทางานต่อไปได้
มิฉะนัน ้ จะต้องส่งเงินคืนคลังกานันจ่ายเงินแก่ผรู้ บั เหมาไปแล้ว ดังนี้ ขาดเจตนาแจ้งความเท็จตาม ป.อ.ม.59
แต่เมือ่ รับเงินมาแล้ว กานันละเว้นไม่ดาเนินการให้ผรู้ บ ั เหมาทางานต่อไปให้เสร็จตามสัญญา
เป็ นการทุจริตให้ผอ ู้ นื่ ได้รบั ประโยชน์ทม ี่ คิ วรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เป็ นความผิดตาม ป.อ.ม.157
- คาพิพากษาฎีกาที่ 7601/2540 การทีจ่ าเลยใช้อาวุธปื นลูกซองสัน ้ เบอร์ 12
ยิงผูเ้ สียหายในระยะห่างเพียง 15 เมตร หากจาเลยมีเจตนาฆ่ากระสุนปื นทีจ่ าเลยยิงก็น่าจะถูกผูเ้ สียหายหรือ
ร. บ้าง แต่ลูกกระสุนปื นก็หาได้ถูกผูห ้ นึ่งผูใ้ ดไม่
ไม่ปรากฏว่าวิถีกระสุนปื นไปในทิศทางทีใ่ กล้กบั ผูเ้ สียหายหรือไม่อย่างไร
น่ าเชือ ่ ว่าจาเลยมิได้มเี จตนาทีจ่ ะทาร้ายหรือฆ่าผูเ้ สียหาย จาเลยจึงไม่มค ี วามผิดฐานพยายามฆ่าผูเ้ สียหาย
แต่การทีจ่ าเลยใช้อาวุธปื นยิงในหมูบ ่ า้ น จาเลยมีความผิดฐานยิงปื น โดยใช่เหตุในหมูบ ่ า้ นตาม ป.อ.มาตรา
376
- คาพิพากษาฎีกาที่ 12482/2547 ผูเ้ สียหายและจาเลยเคยมีความสัมพันธ์กน ั ฉันชูส ้ าว ในวันเกิดเหตุ
จาเลยมาหาผูเ้ สียหายทีบ ่ า้ นและกอดรัดผูเ้ สียหาย ในฐานะที่เคยมีความสัมพันธ์กน ั มาก่อน
แม้ผเู้ สียหายจะปฏิเสธและจาเลยไม่เลิกรา ก็น่าจะเป็ นเพราะจาเลยต้องการแสดงความรักต่อผูเ้ สียหาย
ตามวิส ัยชายทีม ่ ต
ี อ
่ หญิงทีเ่ คยมีความสัมพันธ์กน ั มาก่อน การกระทาของจาเลยจึงขาดเจตนาบุกรุก
และขาดเจตนาอนาจารผูเ้ สียหาย

- ขาดเจตนา แต่เป็ นประมาท ต้องรับผิดเมือ่ มีกฎหมายบัญญัตใิ ห้รบั ผิดเมือ่ ได้กระทาโดยประมาท


- คาพิพากษาฎีกาที่ 1022/2503 การทีจ่ ะลงโทษบุคคลฐานพยายามฆ่าคนนัน ้
จะต้องได้ความว่าจาเลยมีเจตนากระทาการเพือ ่ การฆ่า เพียงแต่จาเลยถือปื นส่ายไปมาต่อหน้าคนหมูม ่ าก
แล้วกระสุนลั่นออก โดยไม่ได้จอ ้ งยิงผูใ้ ด คดีมที างส่อให้วน
ิ ิจฉัยได้วา่ จาเลยประมาทเลินเล่อ
ทาให้ปืนลั่นออกไปโดยไม่มีเจตนาจะเหนี่ยวไกปื นลั่นกระสุน จึงจะลงโทษจาเลยฐานพยายามฆ่าคนไม่ได้
- คาพิพากษาฎีกาที่ 847/2527 จาเลยเสพสุราจนเมามากครองสติไม่ได้
ไม่มเี หตุทะเลาะวิวาทกับผูเ้ สียหาย หรือผูใ้ ดในบริเวณทีเ่ กิดเหตุ เมือ่ เดินออกมาทีล่ านบ้านผูเ้ สียหาย
จาเลยกดไกปื น ทาให้ปืนลั่น โดยมิได้เจตนาจะยิงทาร้ายผูใ้ ด แต่เนื่องจากปื นของกลางเป็ นปื นยิงเร็ว
และยิงกระสุนเป็ นชุด จาเลยไม่สามารถบังคับทิศทางของกระสุนปื นได้ กระสุนปื นบางนัดจึงถูกบ้านเสียหาย
หาใช่เจตนายิงใส่บา้ นผูเ้ สียหายไม่ จาเลยจึงไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าผูเ้ สียหายกับพวกทีอ ่ ยูใ่ นบ้าน
- คาพิพากษาฎีกาที่ 2483/2528 จาเลยใช้อาวุธปื นขูผ ่ ต
ู้ ายมิให้เอาถ่านมาป้ ายหน้าจาเลย
โดยจาเลยไม่รวู้ า่ อาวุธปื นนัน
้ มีกระสุนปื นบรรจุอยู่ ฟังไม่ได้วา่ จาเลยมีเจตนาฆ่าผูต ้ าย
จาเลยไม่มค ี วามผิดฐานฆ่าผูอ ้ น
ื่ ตามทีโ่ จทก์ฟ้อง
แต่การทีจ่ าเลยใช้อาวุธปื นซึง่ เป็ นอาวุธร้ายแรงออกมาขูผ ่ ต
ู้ าย
โดยจาเลยไม่ดเู สียให้ดก ี อ่ นว่ามีกระสุนบรรจุอยูห ่ รือไม่ เป็ นเหตุให้กระสุนปื นลั่นไปถูกผูต ้ ายถึงแก่ความตาย
ดังนี้จาเลยมีความผิดฐานกระทาโดยประมาทเป็ นเหตุให้ผอ ู้ น
ื่ ถึงแก่ความตาย

- เจตนาพิเศษ (อ เกียรติขจร คาอธิบายกฎหมายอาญา ภาค 1 ครัง้ ที่ 8 /2546 น 170)


- สังเกตคาว่า “เพือ
่ ” เป็ นเจตนาพิเศษ
- ใช้ประกอบกับเจตนา ตาม มาตรา 59 วรรค 2 เสมอ
- “เจตนาพิเศษ” ซึง่ เป็ นองค์ประกอบความผิด ต้องเป็ น “เจตนาประสงค์ตอ ่ ผล” เท่านัน
้ ไม่ใช้กบั
“เจตนาเล็งเห็นผล”
- “เจตนาพิเศษ” ยกเว้นความผิด ม 68 เพือ ่ ป้ องกัน ยกเว้นโทษ ม 67 เพือ
่ ให้พน
้ ภยันตราย
บรรเทาโทษ ม 72 บันดาลโทสะ โดยถูกข่มเหงฯ ต้องมีเจตนา ม 59 ว 2 ประกอบเจตนาพิเศษ

- คาพิพากษาฎีกาที่ 1240/2504 (สบฎ เน 632) การกระทาให้เกิดอุทกภัยตาม มาตรา 228


จะต้องมีเจตนาให้เกิดอุทกภัยโดยตรง จะยกเอาการเล็งเห็นผลของการกระทาตาม มาตรา 59 ว 2
มาใช้ไม่ได้
- คาพิพากษาฎีกาที่ 717/2511 การลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทาลายศพตาม มาตรา 199
ต้องทาด้วยความมุง่ หมาย เพือ ่ ปิ ดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย จึงจะเป็ นผิด
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1827/2520 จับคนไปเพือ ่ เรียกค่าไถ่ เป็ นความผิดสาเร็จเมือ่ นาตัวคนไป
โดยเจตนาพิเศษ เพือ ่ ได้มาซึง่ ค่าไถ่ แม้ยงั ไม่ได้ตด ิ ต่อเรียกค่าไถ่ก็ตาม
- คาพิพากษาฎีกาที่ 2907/2526 ตาม ม.157 คาว่า "เพือ ่ ให้เกิดความเสียหายแก่ผห ู้ นึ่งผูใ้ ด”
ถือว่าเป็ นเจตนาพิเศษ การทีจ่ าเลยแก้ไขมติของสภาเทศบาลในรายงานการประชุม
โดยไม่มเี จตนาเพือ ่ ให้เกิดความเสียหายแก่เทศบาล หากเป็ นการกระทาไป เพราะความเข้าใจผิด พลาด
เกีย่ วกับระเบียบกระทรวงมหาดไทย จาเลยจึงไม่มค ี วามผิดตาม ม.157
- คาพิพากษาฎีกาที่ 5409/2530 การทีจ่ าเลยพรากเด็กไป เพือ ่ ให้ขอทานเงิน
และเก็บหาทรัพย์สน ิ มาให้จาเลย
เป็ นการกระทาไปเพือ ่ หาประโยชน์ในทางทรัพย์สน ิ อันเป็ นเจตนาพิเศษในการพรากเด็ก
จึงเป็ นการกระทาเพือ ่ หากาไร เป็ นความผิดตาม มาตรา 317 วรรคท้าย
- คาพิพากษาฎีกาที่ 769/2540 (สบฎ เน 31)
“ได้กระทาเพือ ่ ให้ผห ู้ นึ่งผูใ้ ดหลงเชือ ่ ว่าเป็ นเอกสารทีแ่ ท้จริง” นอกจากเป็ นการกระทาโดยเจตนาแล้ว
ยังต้องมีเจตนาพิเศษ การทีจ่ าเลยมีเจตนากระทาเอกสารปลอมขึน ้ เพือ
่ ให้ ค. หลงเชือ่ ว่าเป็ นเอกสารทีแ ่ ท้จริง
ก็เป็ นความผิดแล้ว แม้จาเลยยังไม่ได้นาเอกสารดังกล่าวไปใช้แสดงต่อ ด.
- คาพิพากษาฎีกาที่ 6632/2540 การที่ ป. มารดาเด็กหญิง ส. ยินยอมให้เด็กหญิง ส.
เดินทางไปกับจาเลย ก็เพือ ่ ไปรับจ้างทางานเป็ นลูกจ้างขายผักทีต ่ ลาดเท่านัน ้ มิได้ยน
ิ ยอมให้จาเลยพาไป
เพือ ่ การอนาจารแต่อย่างใด ฉะนัน ้ การทีจ่ าเลยพาเด็กหญิง ส. เข้าไปในโรงแรม
เพือ ่ กระทาอนาจารหรือร่วมประเวณี แม้จาเลยยังไม่ทน ั กระทาการดังกล่าวก็ตาม
พฤติการณ์ ของจาเลยก็เข้าองค์ประกอบแห่งความผิดตาม ป.อ.มาตรา 317 วรรคหนึ่งและวรรคสาม
อันเป็ นความผิดสาเร็จแล้ว หาใช่เพียงขัน ้ พยายามไม่
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1001/2547
ความผิดฐานทาร้ายร่างกายผูอ ้ น
ื่ จนเป็ นเหตุให้ได้รบั อันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297
เป็ นเหตุทท ี่ าให้ผกู้ ระทาความผิดฐานทาร้ายร่างกายตามมาตรา 295
ต้องรับโทษหนักขึน ้ เพราะผลทีเ่ กิดจากการกระทา
โดยทีผ ่ ก
ู้ ระทาไม่จาต้องประสงค์ตอ ่ ผลหรือย่อมเล็งเห็นผลถึงอันตรายสาหัสนัน
้ ดังนัน

แม้จาเลยจะทาร้ายผูเ้ สียหายโดยหามีเจตนาทาให้แท้งลูกก็ตาม
เมือ่ ผลจากการทาร้ายนัน ้ ทาให้ผเู้ สียหายต้องแท้งลูกแล้ว จาเลยก็ตอ
้ งมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 297 (5)

- ประเด็นเปรียบเทียบ เรือ ่ งนักศึกษาเอาทรัพย์สน ิ ของนักศึกษาต่างสถาบัน


- คาพิพากษาฎีกาที่ 4792/2533 ฝ่ ายจาเลยกับฝ่ ายผูเ้ สียหาย ต่างเป็ นนักเรียนอาชีวะ
ในระยะเกิดเหตุนกั เรียนอาชีวะ มีเรือ ่ งตีกน ั บ่อย แต่ไม่มเี จตนาทีจ่ ะปล้น หรือฆ่ากันวันเกิดเหตุ
เป็ นเวลากลางวันและเหตุเกิดทีส ่ ถานีรถไฟ ซึง่ ปกติมผ ี ค
ู้ นพลุกพล่าน จาเลยที่ 1 แต่งกายนักเรียน
พร้อมกับพวกเมาสุรา เข้ามาหาผูเ้ สียหายไปหาเรือ ่ งเพือ ่ นจาเลยที่ 1 เมือ่ ผูเ้ สียหายปฏิเสธ จาเลยที่ 1
ได้ลว้ งเอามีดออกมาจากกระเป๋ าย่าม ทาท่าจะฟันผูเ้ สียหายจาเลยอืน ่ ห้ามไว้ จาเลยที่ 1 จึงเก็บมีด
และดึงเอาปากกาและกระเป๋ าของผูเ้ สียหายไป แล้วพูดว่าอยากได้ของ ก็ตามมาเอา จาเลยที่ 1
กับพวกไม่ได้หลบหนีไปไหน คงอยูท ่ ส ี่ ถานีรถไฟ จนกระทั่งถูกเจ้าพนักงานตารวจจับกุม
พฤติการณ์ ของจาเลยที่ 1 ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า จาเลยที่ 1 กระทาไปด้วยความคะนอง
เพือ ่ แสดงอวดให้เพือ ่ น ๆ เห็นเท่านัน ้ จาเลยที่ 1 ไม่มเี จตนาเอาทรัพย์สน ิ ของผูเ้ สียหายไปโดยทุจริต
จึงไม่มค ี วามผิดฐานชิงทรัพย์
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1942/2538 จาเลยและพวกกับผูเ้ สียหายทัง้ สีเ่ ป็ นนักศึกษาต่างสถาบัน
ซึง่ มีเรือ่ งยกพวกทาร้ายร่างกายกันเป็ นประจา ในขณะทีส่ วมเครือ ่ งแบบนักศึกษา แม้ไม่เคยรูจ้ กั กัน
จาเลยกับพวกมีอาวุธปื น มีด และก้อนหินขูบ ่ งั คับผูเ้ สียหายทัง้ สี่ ให้ถอดเสือ ้ ฝึ กงานและหัวเข็มขัด
ซึง่ มีราคาเพียงเล็กน้อย ผูเ้ สียหายทัง้ สีก ่ ลัวจึงยอมทาตาม จาเลยและพวกย่อมไม่สามารถนาเสือ ้ ฝึ กงาน
และหัวเข็มขัดดังกล่าวไปใช้ หรือแสวงหาประโยชน์ในลักษณะทีเ่ ป็ นทรัพย์สน ิ ได้
จึงเป็ นการกระทาโดยมิได้มงุ่ ประสงค์ตอ ่ ผล ในการจะแสวงหาประโยชน์จากทรัพย์สน ิ ดังกล่าวโดยแท้จริง
มิได้มเี จตนาเอาทรัพย์สน ิ ดังกล่าวไปเป็ นของตนเองหรือผูอ ้ น
ื่ หากแต่เป็ นการแสดงอานาจบาตรใหญ่
ทาไปด้วยความคะนอง ตามนิสยั วัยรุน ่ ทีค ่ วามประพฤติไม่เรียบร้อย
เพือ ่ หยามศักดิศ์ รีของนักศึกษาต่างสถานศึกษาเท่านัน ้ เป็ นการกระทาทีข ่ าดเจตนาลักทรัพย์
จึงไม่เป็ นความผิดฐานปล้นทรัพย์ แต่เป็ นการข่มขืนใจผูเ้ สียหายทัง้ สีใ่ ห้กระทาตามทีจ่ าเลย
และพวกประสงค์โดยทาให้กลัวว่า จะทาให้เกิดอันตรายต่อร่างกายของผูเ้ สียหายทัง้ สี่ อันเป็ นความผิดตาม
ป.อ. มาตรา 309 วรรคสอง
- คาพิพากษาฎีกาที่ 2753/2539 จาเลยกับพวกขึน ้ ไปบนรถโดยสารประจาทาง
บังคับขูเ่ ข็ญให้ผเู้ สียหายถอดเสือ ้ ฝึ กงานและแหวนรุน ่ ทาด้วยเงินซึง่ มีราคาเล็กน้อย
จาเลยกับพวกกระทาไปเป็ นการแสดงอานาจบาตรใหญ่ดว้ ยความคะนอง
เพือ ่ ให้ผเู้ สียหายซึง่ เป็ นนักศึกษาต่างสถาบัน ทีม ่ เี รือ
่ งทะเลาะวิวาทกับสถาบันของจาเลยเห็นว่า เป็ นคนเก่ง
พอทีจ่ ะรังแกคนได้ ตามวิสยั วัยรุน ่ ทีม ่ ค ี วามประพฤติไม่เรียบร้อยเท่านัน ้
มิใช่มงุ่ หมายเพือ ่ จะได้ประโยชน์จากทรัพย์ จึงไม่เป็ นความผิดฐานปล้นทรัพย์
แต่เป็ นความผิดต่อเสรีภาพตาม ป.อ. มาตรา 309 วรรคแรก ซึง่ เป็ นส่วนหนึ่งของความผิดฐานปล้นทรัพย์
ตามทีโ่ จทก์ฟ้อง จึงต้องลงโทษตามทีพ ่ จิ ารณาได้ความ ส่วนเสือ ้ ฝึ กงานและแหวนเงินจาเลยไม่มส ี ท
ิ ธิยด
ึ ถือไว้
ต้องคืนแก่ผเู้ สียหาย หลังจากให้ถอดเสือ ้ ฝึ กงานและแหวนเงิน แล้วกลุม ่ เพือ ่ นของจาเลย 3 คน
ได้ชกต่อยผูเ้ สียหาย จากนัน ้ จาเลยใช้อาวุธปื นยิงผูเ้ สียหายในระยะห่าง 1 ฟุต
แต่ผเู้ สียหายยกขาและแขนขึน ้ ปิ ดป้ องไว้ และกระสุนปื นถูกกระดุมเสือ ้ ซึง่ เป็ นแผ่นเหล็ก
เป็ นเหตุให้ไม่ถูกอวัยวะส่วนสาคัญ ถือได้วา่ จาเลยใช้ปืนยิงโดยมีเจตนาฆ่า แต่การกระทาไม่บรรลุผล
จึงมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 288, 80 และมาตรา 371
- คาพิพากษาฎีกาที่ 5164/2542 จาเลยที่ 1 ยกมือเป็ นสัญญาณ คนบนรถยนต์กระบะของจาเลยที่ 2
ก็ลงจากรถเข้าไปล้มป้ ายของวัดรางม่วง และกระทืบจนหลอดไฟแตก
แล้วยกป้ ายขึน ้ รถยนต์กระบะของจาเลยที่ 2 ขับรถยนต์เข้าไปวัดถา้ สิงโตทองนัน ้
แสดงว่าเจตนาจาเลยทัง้ สองแต่แรก ต้องการทาลายให้แผ่นป้ ายนัน ้ ไร้ประโยชน์
อันสืบเนื่องมาจากความไม่พอใจวัดรางม่วง การเอาไปซึง่ แผ่นป้ ายดังกล่าว
กระทาต่อเนื่องกับการทาลายแผ่นป้ ายนัน ้ ในวาระเดียวเกีย่ วพันกัน โดยไม่ขาดตอน
จึงมิใช่เป็ นการกระทาโดยมุง่ จะแสวงหาประโยชน์จากทรัพย์สน ิ ดังกล่าวโดยแท้จริง
จาเลยทัง้ สองมิได้มเี จตนาจะเอาแผ่นป้ ายดังกล่าวเป็ นของตน หากแต่เป็ นการแสดงอานาจบาตรใหญ่
หรือทาไปด้วยความคึกคะนองของพวกจาเลย มิใช่เกิดจากเจตนาทุจริต ไม่ผด ิ ฐานลักทรัพย์
- คาพิพากษาฎีกาที่ 507/2543 จาเลยกับ ต. ตกลงกันว่า
หากพบเห็นนักศึกษาต่างโรงเรียนก็ให้แย่งเสือ ้ ตัวทีน
่ กั ศึกษาของสถาบันนัน ้ มาให้ได้
จาเลยจับเสือ ้ ช๊อปของผูเ้ สียหายไว้ ขณะทีพ ่ ูด ขอเสือ้ ครัน ้ ถูกปฏิเสธ จาเลยจึงล้วงมีดคัทเตอร์
เมือ่ พวกของจาเลยต่อย จาเลยก็เข้าชกต่อยจนกระทั่งได้เสือ ้ ช๊อป
แสดงเจตนาว่าจาเลยประสงค์ตอ ่ เสือ
้ ช๊อปเป็ นสาคัญ จาเลยจึงมีความผิดฐานชิงทรัพย์

- การขาดเจตนายึดถือเพือ ่ ตน ไม่เป็ นการครอบครอง ทาให้ไม่ครบองค์ประกอบความผิดทางอาญา


- คาพิพากษาฎีกาที่ 760/2535 (สบฎ เน 11) จาเลยมีเรือ ่ งทะเลาะกับบิดา
จาเลยน้อยใจต้องการประชดบิดา จึงให้เพือ ่ นซื้อเฮโรอีน มาเป็ นของกลางเพือ่ ให้ตารวจจับกุม
มิใช่เจตนาทีจ่ ะยึดถือไว้ในครอบครอง ไม่มีความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รบั อนุญาต

- ตัวอย่างประเด็นข้อสอบเก่า เรือ ่ งเจตนา


- (ขส เน 2524/ 7) ชัยวิวาทก่อเรือ ่ งวิวาทกับคนกลุม่ หนึ่ง แล้วถูกไล่ทาร้าย
ชัยกระโดดขึน ้ รถสองแถว แล้วใช้มีดจี้ให้คนขับพาหนี คนขับกระโดดหนี ชัยจึงขับรถต่อไป
เมือ่ หนีพน้ แล้วจอดทิง้ หนีไป / ชัยไม่ผดิ ชิงทรัพย์ เพราะไม่ประสงค์ตอ ่ ผลในการลักรถยนต์
และจะถือว่ามีเจตนาเล็งเห็นผลไม่ได้ เพราะลักทรัพย์ตอ ้ งมีเจตนาทุจริต ซึง่ เป็ นเจตนาพิเศษ
จะยกเอาเจตนาย่อมเล็งเห็นผลมาใช้ไม่ได้ (ฎ 1240/2504) จึงไม่ผด ิ ฐานชิงทรัพย์ /
แต่การขูใ่ ห้ขบั รถพาหนีเป็ นความผิดตาม ม 309 ว 2 อ้างจาเป็ น เพือ ่ ไม่ตอ้ งรับโทษ ตาม ม 67
ไม่ได้เพราะเป็ นผูก้ อ
่ เหตุ โดยไปก่อเรือ่ งวิวาทเอง ฎ 1683/2500

- (ขส พ 2502/ 7 ครัง้ ทีส ่ อง) สีจุดประทัดโยนใส่คนดูลเิ ก ขาวตกใจ ปัดถูกสา


สาตกใจปัดไปเกิดระเบิดขึน ้ ทาให้แสงตาบอด / สีผด ิ ม 297 เพราะมีเจตนาย่อมเล็งเห็นผล
ว่าจะต้องมีผห ู้ นึ่งผูใ้ ด ได้รบ ั บาดเจ็บเนื่องจากการกระทาของตน ตาม ม 59 / ขาวและสา
ไม่ผด ิ เพราะไม่มเี จตนา (และไม่มข ี อ
้ เท็จจริงว่าเป็ นประมาท)
- (ขส พ 2515/ 8) คนร้ายลักวิทยุของ นาย ก ไป 15 วันต่อมา ข เก็บวิทยุได้ทข ี่ า้ งถนน
นาไปซ่อมและใส่ถา่ น แล้วขายให้นาย ค นาย ค ทราบแล้วว่า ข เก็บได้ รับซื้อไว้โดยเปิ ดเผยและสุจริต นาย
ง แจ้งแก่นาย ก ว่าหากต้องการวิทยุคน ื จะไปรับให้ แต่ตอ ้ งจ่ายค่าจ้างให้ 100 บาท แต่นาย ง
ก็ไม่นาวิทยุมาคืน เพราะเล่นการพนันเสียหมด / นาย ข ไม่ผด ิ ฐานใด
เพราะไม่รูว้ า่ เป็ นของได้มาโดยการกระทาผิด เพราะการเก็บของตก อาจผิดกฎหมายก็มี ไม่ผด ิ กฎหมายก็มี
การเก็บได้ ก็มไิ ด้ซอ ่ นเร้น ยังถือไม่ได้วา่ ข ทุจริตคิดยักยอก เพราะเมือ่ เก็บได้แล้ว
ก็ไม่มเี หตุอย่างใดทีจ่ ะทาให้เชือ ่ ว่าเป็ นของใคร หรือพอจะหาเจ้าของได้ / นาย ค ไม่ผด ิ เพราะ นาย ข
ผูเ้ ก็บได้ ไม่มค ี วามผิดตามกฎหมาย จึงเอาผิดแก่ นาย ค ผูซ ้ ื้อไว้โดยสุจริตไม่ได้ / นาย ง ไม่ผด ิ เพราะเงินที่
นาย ก ให้ เป็ นค่าจ้าง
- (ขส พ 2523/ 8) อูห ๋ ยุดรถให้เม้งแซง แล้วหักรถให้ทา้ ยรถปัดถูกหน้ารถเม้ง
เกือบตกถนนสูงประมาณครึง่ เมตร หน้ารถพัง เม้งชักปื นยิงอู๋ กระสุนพลาดไปถูกผูโ้ ดยสารในรถอู๋ / อูผ ๋ ด
ิ ม
358 ถนนสูง ย่อมคาดหมายได้วา่ ถ้าตกถนน จะได้รบั อันตราย อูเ๋ ล็งเห็นผลได้ จึงผิด ม 295+80 ฎ
1003/2512 / เม้งยิงอูข ๋ ณะโทสะ กระสุนพลาดไป ผิด ม 288+80+60+72
ศาลลงโทษน้อยกว่าทีก ่ ฎหมายกาหนดเพียงใดก็ได้ ฎ 1682/2509
- (ขส พ 2524/ 7) เช้าแก้เลขท้ายในสลาก แล้วนาไปหลอกขาย สายรูอ ้ ยูแ
่ ล้ว แต่เห็นว่าทาแนบเนียน
จึงซื้อไว้ แล้วแก้ให้ถูกรางวัลทีส ้ นาไปหลอกขายเทีย่ ง / เช้าผิด ปลอมเอกสารสิทธิ
่ งู ขึน
(ไม่เป็ นเอกสารราชการ) และนาไปขาย (เป็ นการใช้) ผิด ม 265+268 เช้าหลอกสาย
แต่สายชาระเงินทัง้ ทีร่ วู้ า่ ถูกหลอก เช้าผิด ม 341+80 เป็ นกรรมเดียว / สายผิด ม 265+268 + (80+341)
เป็ นกรรมเดียว การทีเ่ ทีย่ งนาไปขึน ้ เงิน อยูน
่ อกเจตนาของเช้า เช้าไม่ตอ
้ งรับผิดร่วมกับแสง
เพราะเจตนาฉ้อโกงนายแสงเพียงผูเ้ ดียว
- (ขส พ 2528/ 10) นายขาวส่งจดหมายดูหมิน ่ นายดา เสมียนของนายดา แอบอ่าน
เป็ นเรือ
่ งนอกเหนือเจตนาของนายขาว ไม่ผด ิ ม 326 และการส่งกับการรับจดหมาย ต่างเวลากัน
ไม่เป็ นการดูหมิน่ ซึง่ หน้า ตาม ม 393 ฎ 1100/2516 / เสมียนแอบอ่านนาไปเล่าต่อ ให้เพือ ่ ฟัง
แม้จะเล่าเพราะเพือ ่ นถาม ก็ยอ ่ มสานึกในการกระทา และเล็งเห็นผล ถือได้วา่ ยืนยันข้อเท็จจริง
โดยเจตนาใส่ความนายดา เสมียนผิด ม 326 ฎ 380/2503

- (ขส อ 2529/ 3) ขับรถชนรถตารวจ ให้ตกน้าตาย แต่น้าตืน ้ ผิด ม 289 (2) + 80 + 358


ผลักตารวจทีค ่ วบคุมตัวมาในรถเดียวกัน ให้ตกรถ ผิด ม 296 + 190 ว 2 (ไม่มป ี ระเด็น ม 138 ว 2+140
ไม่ถือว่าขัดขวางการจับกุม แต่น่าจะถือว่าขัดขวางการควบคุมตัว ซึง่ ถือเป็ นการปฏิบตั ห ิ น้าทีเ่ ช่นเดียวกัน)
- (ขส อ 2529/ 4) เจ้าของผูกช้างไว้ ช้างตกมัน ไปพังบ้านนายมั่น และกระทืบนายมั่นซีโ่ ครงหัก
นายมาจึงยิงช้างตาย / เจ้าของผิด ม 59 ว 4 + 300 + 377 ฎ 3435/2527
ทรัพย์เสียหายโดยประมาทไม่ผด ิ / นายมา ไม่ผด ิ ม 385 เพราะป้ องกัน ม 68
- (ขส อ 2531/ 3) เผาทีน่ อนประสงค์ตอ ่ ผล (ต้องผิด ม 217 แต่ธงคาตอบไม่มป ี ระเด็น)
ไฟไหม้เตียงนอน อาคาร เล็งเห็นผล ม 218 (1) (+ ม 358) (ทีน ่ อนลุกไหม้แล้วดับไฟทัน
ไม่บอกว่าอาคารติดไฟ ต้องผิดพยายาม ไม่ใช่ผด ิ สาเร็จ + ม 80)
- (ขส อ 2531/ 5) ชักปื นเล็งเล็ก ถูกปัด ปื นลั่น เบิม
้ ตาย คนชักปื น ผิด ม 288+80+60 คนปัด ไม่ผด ิ
เพราะไม่มเี จตนาฆ่า และไม่ถือว่าประมาท เพราะกระทันหันเพือ ่ ช่วยชีวติ เป็ นกรณี เร่งด่วน
จะใช้ความระมัดระวังไม่ให้ถูกผูอ ้ น
ื่ ด้วย คงทาไม่ได้
- (ขส อ 2541/ 1) ร่วมกันทาร้าย ห้ามแล้ว แต่เพือ ่ นอัดตาย / เป็ นตัวการ ม 83
ห้ามแล้วเจตนาร่วมยุติ คนห้าม ผิด ม 295+83 คนทาต่อประสงค์ตอ ่ ผล ผิด ม 288 (สังเกต
"ทาร้ายถึงแก่ความตาย" ไม่ ม 290) / ต่อยกันในร้าน ย่อมเล็งเห็นผล ว่าอาจทาให้ทรัพย์เสียหายได้ ผิด ม
358

- พฤติการณ์ ประกอบการกระทา (อ เกียรติขจร คาอธิบายกฎหมายอาญา ภาค 1 ครัง้ ที่ 8 /2546 น


174)
- พฤติการณ์ ประกอบการกระทา คือลักษณะของการกระทานัน ้ ๆ
ไม่ใช่ขอ ้ เท็จจริงอันเป็ นองค์ประกอบความผิด หากวิญญูชนเห็นว่า “น่ าจะเสียหายฯ” ก็เข้าองค์ประกอบ
“น่ าจะเสียหาย” โดยผูก ้ ระทาไม่ตอ ้ งรู้ หรือประสงค์ตอ ่ ผล
- หาก “ไม่น่าจะเสียหายฯ” ก็ขาดองค์ประกอบภายนอก และไม่ตอ ้ งปรับบทพยายามกระทาผิด ม 80
แม้ผก ู้ ระทาประสงค์จะให้เกิดความเสียหาย
- องค์ประกอบนี้ไม่ตอ ้ งการผล เช่น “น่ าจะหรืออาจเกิดความเสียหาย” “อันเป็ นการมิชอบ”
“อันเป็ นการเหยียดหยามศาสนา” “โดยประการทีน ่ ่ าจะทาให้…” “อันเป็ นการรบกวนการครอบครอง”
- “อันเป็ นการเหยียดหยามศาสนา”
ถือเป็ นองค์ประกอบความผิดทีพ ่ จิ ารณาได้จากความคิดธรรมดาของบุคคลทั่วไป (เทียบ ฎ 769/2540 (สบฎ
เน น 31) )เช่น กรณี ชาวต่างประเทศมาปี นขีพ ่ ระพุทธรูป เพือ ่ ถ่ายรูป โดยมีเจตนา คือ รูว้ า่ ตนปี น
พระพุทธรูป และพระพุทธรูปนัน ้ เป็ นวัตถุทบ ี่ คุ คลซึง่ นับถือศาสนาพุทธนับถือ
แม้ไม่มเี จตนาจะเหยียดหยามโดยตรง เพียงแต่ตอ ้ งการถ่ายรูปในลักษณะทีส ่ นุกสนาน
แต่การปี นไปขีพ ่ ระพุทธรูปในความรูส ้ ก
ึ ของบุคคลทั่วไป เห็นได้วา่ เป็ นการเหยียดหยามศาสนา
ก็เป็ นความผิดตาม มาตรา 206 ได้
- “จนน่ าจะเป็ นอันตรายแก่บค ุ คลอืน ่ หรือทรัพย์ของผูอ ้ นื่ ” อ จิตติ ติงศภัทยิ ์ อธิบายว่า
ไม่ใช่ผลของการกระทา แต่เป็ นพฤติการณ์ ประกอบการกระทา
ฉะนัน ้ จึงเป็ นความผิดสาเร็จโดยทีย่ งั ไม่เป็ นอันตราย การกระทา ถึงขนาดน่ าจะเป็ นอันตรายหรือไม่
“เป็ นข้อเท็จจริง” เป็ นความเห็นอันเป็ นความรูส ้ ก
ึ ทางจิตใจ ถ้าเป็ นสิง่ ทีค ่ นธรรมดารูไ้ ด้ ศาลก็ยอ ่ มรูไ้ ด้เอง
(ปวิพ มาตรา 84) แต่ถา้ ไม่ใช่กรณี ทค ี่ นธรรมดารูไ้ ด้ โจทก์ก็ตอ
้ งสืบพยานแสดงให้เห็นว่าน่ าจะเป็ นอันตราย
(ปวิอ มาตรา 174)
- “น่ าจะเกิดความเสียหายแก่ผอู้ น ื่ หรือประชาชน” อ จิตติ ติงศภัทยิ ์ อธิบายว่า
เป็ นพฤติการณ์ ประกอบการกระทา มิใช่ผลทีต ่ อ
้ งเกิดจากการกระทา เพียงแต่น่าจะเกิดแต่ไม่เกิด
ก็เป็ นความผิดสาเร็จ ถ้าไม่น่าจะเกิดความเสียหาย ก็ไม่เป็ นความผิด แม้ในฐานพยายามก็ไม่เป็ นความผิด
เมือ่ ไม่ใช่ผลของการกระทา ก็ไม่อยูใ่ นหลักเกณฑ์ของเจตนาว่าประสงค์ตอ ่ ผล
หรือย่อมเล็งเห็นผลเป็ นข้อเท็จจริงประกอบองค์ความผิดประการหนึ่ง

- คาพิพากษาฎีกาที่ 256/2509 ความผิดฐานหมิน ่ ประมาทนัน ้


ต้องเป็ นการแสดงข้อความให้คนฟังคนเห็นคนเชือ ่ จึงจะเกิดความรูส้ ก ึ เกลียดชังดูหมิน ่ ขึน ้ ได้
จาเลยกล่าวว่าโจทก์เป็ นผีปอบ เป็ นชาติหมา ความรูส ้ ก ึ นึกคิดของคนธรรมดาไม่เชือ ่ ว่าเป็ นเช่นนัน ้ ได้
จึงไม่กอ ่ ให้เกิดความเกลียดชังหรือดูหมิน ่ อย่างใด และข้อความใดจะเป็ นการทาให้เสียหายแก่ชอ ื่ เสียง
ถูกดูหมิน ่ เกลียดชัง ต้องถือตามความคิดของบุคคลธรรมดาผูไ้ ด้เห็นได้ฟงั คากล่าวของจาเลย
จึงไม่ผด ิ ฐานหมิน ่ ประมาท
- คาพิพากษาฎีกาที่ 710/2516 การทาหรือใช้เอกสารปลอม น่ าจะเกิดความเสียหายหรือไม่
เป็ นปัญหาข้อเท็จจริง
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1568/2521 แก้ตวั เลขในสลากกินแบ่ง 1 ตัว
ให้เป็ นหมายเลขทีถ ่ ูกรางวัลเพือ ่ ให้เพือ ่ นเลี้ยงอาหารจาเลยก่อน แล้วจาเลยทิง้ สลากกินแบ่งในถังขยะในบ้าน
มีผเู้ ก็บสลากกินแบ่งนัน ้ ไปขอรับรางวัลนอกความรูเ้ ห็นของจาเลย การหลอกให้เลี้ยงอาหาร
เป็ นการล้อเล่นระหว่างเพือ ่ นซึง่ ทาอยูเ่ ป็ นปกติ ไม่เป็ นความเสียหายแก่ประชาชนหรือเพือ ่ นของจาเลย
ไม่เป็ นความผิดฐานปลอมเอกสาร
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1064/2531 ข้อความทีก ่ ล่าวจะเป็ นความผิดฐานหมิน ่ ประมาทหรือไม่
ต้องพิเคราะห์ถงึ ความรูส ้ กึ ของวิญญูชนทั่ว ๆ ไปเป็ นเกณฑ์
ในการพิจารณาว่าข้อความทีก ่ ล่าวนัน ้ ถึงขัน ้ ทีท ่ าให้ผถ ู้ กู หมิน
่ ประมาท น่ าจะเสียชือ ่ เสียง
ถูกบุคคลอืน ่ ดูหมิน ่ เกลียดชังหรือไม่ ไม่ใช่พจิ ารณาตามความรูส ้ ก
ึ ของผูถ ้ ูกหมิน่ ประมาทแต่ฝ่ายเดียว
- คาพิพากษาฎีกาที่ 213/2539 จาเลยนาภาพถ่ายของตน
มาปิ ดทับลงในสาเนาภาพถ่ายใบอนุญาตขับรถของตน แม้เพือ ่ ให้เจ้าพนักงานตารวจ
และบุคคลทั่วไปหลงเชือ ่ ว่าเป็ นต้นฉบับเอกสารทีแ ่ ท้จริง แต่ก็ไม่กอ ่ ให้เกิดความเสียหายใดๆ
แก่ผอ ู้ นื่ หรือประชาชน จึงไม่เป็ นความผิดฐานปลอมเอกสาร
และแม้จะได้นาไปใช้ก็ไม่มีความผิดฐานใช้เอกสารปลอม
- คาพิพากษาฎีกาที่ 769/2540 (สบฎ เน 31)
“โดยประการทีน ่ ่ าจะเกิดความเสียหายแก่ผอ ู้ นื่ หรือประชาชน” ม 264 นัน ้ ไม่ใช่การกระทาโดยแท้
และไม่ใช่เจตนาพิเศษ จึงไม่เกีย่ วกับเจตนา
แต่เป็ นพฤติการณ์ ทป ี่ ระกอบการกระทาทีน ่ ่ าจะเกิดความเสียหายได้ แม้จะไม่เกิดความเสียหายขึน ้ จริง
ก็เป็ นความผิด ถือเป็ นองค์ประกอบความผิดทีพ ่ จิ ารณาได้จากความคิดธรรมดาของบุคคลทั่วไป
- คาพิพากษาฎีกาที่ 4408/2542 หนังสือสัญญาจ้างเหมาะแรงงานมีขอ ้ ความในลักษณะแบบสัญญา

ซึงมีขอ ้ ความทีพ ่ ม ิ พ์ไว้แล้ว
มีชอ ่ งว่างสาหรับเติมข้อความทีต ้ งการไว้ซงึ่ สาระสาคัญทีจ่ ะต้องเติมประการแรกก็คือ
่ อ
ชือ
่ และลายมือชือ ่ ของคูส ่ ญั ญาทีจ่ ะต้องรับผิดและพยานท้ายสัญญาสาหรับชือ ่ ของคูส ่ ญ ั ญาในเอกสารนัน ้ คงมีเ
ฉพาะชือ ่ บริษท ั อ. โดยจาเลยที่ 1 กรรมการผูจ้ ดั การระบุในฐานะผูว้ า่ จ้างและจาเลยที่ 1
ได้ลงชือ ่ ท้ายสัญญาในช่องผูว้ า่ จ้างเท่านัน ้
โดยไม่มีชอ ื่ โจทก์หรือบุคคลอืน ่ ใดทีร่ ะบุไว้เป็ นคูส ่ ญั ญาในฐานะผูร้ บั จ้างไว้เลย ลักษณะของเอกสารดังกล่าว
จึงยังไม่เป็ นสัญญาทีจ่ ะใช้บงั คับผูห ้ นึ่งผูใ้ ดให้ตอ ้ งรับผิดได้การทีจ่ าเลยที่ 1 ทาเอกสารขึน ้ มาเช่นนี้
ยังถือไม่ได้วา่ เป็ นการกระทาโดยประการทีน ่ ่ าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์หรือแก่ผอ ู้ นื่ หรือประชาชน
จาเลยที่ 1 ไม่มค ี วามผิดฐานปลอมเอกสาร

- การบรรยายฟ้ อง และการสืบพยาน
- หาก “ผูเ้ สียหาย” เป็ นโจทก์ ต้องบรรยายว่าเกิดความเสียหาย และตนได้รบั ความเสียหายแล้ว
จะบรรยายว่า “น่ าจะ..หรือ อาจเกิด..” ตามตัวบทไม่ได้ เพราะเท่ากับความเสียหายยังไม่เกิด
โจทก์ยงั ไม่ได้รบั ความเสียหาย ไม่ใช่ผเู้ สียหาย / ปวิอ ม 28 ให้ “ผูเ้ สียหาย” มีอานาจฟ้ อง “ผูจ้ ะเสียหาย”
จึงไม่มอ ี านาจฟ้ อง / แต่หาก “อัยการ” เป็ นโจทก์ มีอานาจฟ้ อง ป.วิ.อาญา.ม 28
โดยไม่จาต้องเป็ นผูไ้ ด้รบั ความเสียหาย จึงบรรยายตามตัวบทได้
- คาพิพากษาฎีกาที่ 2054/2517 การเบิกความเท็จต่อศาลในการพิจารณาคดี
มิใช่เรือ ่ งแจ้งความต่อเจ้าพนักงาน เพราะศาลทาหน้าทีเ่ ป็ นเจ้าพนักงานในการยุตธิ รรมในการพิจารณาคดี
ซึง่ มีบทบัญญัตไิ ว้โดยเฉพาะตามมาตรา 177
มิได้ปฏิบ ัติหน้าทีใ่ นฐานะเป็ นเจ้าพนักงานอย่างเจ้าพนักงานทั่วไป จึงไม่เป็ นความผิดฐานแจ้งความเท็จ /
ฟ้ องโจทก์มไิ ด้บรรยายว่า การแจ้งความของจาเลยอาจทาให้โจทก์เสียหายเป็ นแต่กล่าวว่า
อาจทาให้ผอ ู้ น
ื่ เสียหาย โจทก์จงึ ไม่ใช่ผเู้ สียหาย ไม่มอ ี านาจฟ้ องในข้อหาฐานนี้
- คาพิพากษาฎีกาที่ 3397,3398/2516 คูค ่ วามรับกันว่า
จาเลยได้ลงข้อความเกีย่ วกับโจทก์ในหนังสือพิมพ์ ดังทีโ่ จทก์กล่าวในฟ้ อง
คงเหลือปัญหาจะต้องวินิจฉัยแต่เพียงว่า ข้อความตามฟ้ องเป็ นการใส่ความโจทก์
โดยประการทีน ่ ่ าจะทาให้โจทก์เสียชือ ่ เสียง ถูกดูหมิน ่ หรือถูกเกลียดชังหรือไม่
ซึง่ เป็ นการวินิจฉัยลักษณะของการกระทา ไม่ใช่วน ิ ิจฉัยผลแห่งการกระทา
อันเป็ นปัญหาข้อกฎหมายทีศ ่ าลวินิจฉัยได้เองโดยพิจารณาจากข้อความเหล่านี้วา่ มีความหมายอย่างไร
โจทก์หาต้องนาสืบไม่
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1068/2537 คาว่าเบีย้ วมีความหมายพิเศษเป็ นทีร่ ก ู้ น
ั อยูท
่ ่วั ไปว่า หมายถึง
ไม่ซือ ่ ตรงหรือโกง การแปลหัวข้อข่าวทีว่ า่ "แอมบาสเดอร์เบีย้ วค่าเฟอร์นิเจอร์ เจ้าของฟ้ องศาลเรียกหนี้ 1
ล้าน" หมายถึงแอมบาสเดอร์ไม่จา่ ยค่าเฟอร์นิเจอร์เพราะไม่ซือ ่ ตรงหรือโกง
จึงไม่เป็ นการแปลความหมายผิดไปจากเจตนารมณ์ หรือความหมาย หัวข้อข่าว
ประกอบกับข้อความในเนื้อข่าวตามฟ้ อง เป็ นการใส่ความโจทก์ทง้ ั สาม
โดยประการทีน ่ ่ าจะทาให้โจทก์ทง้ ั สามเสียชือ ่ เสียง ถูกดูหมิน่ หรือถูกเกลียดชังหรือไม่
เป็ นการวินิจฉัยลักษณะของการกระทา อันเป็ นปัญหาข้อกฎหมายทีศ ่ าลวินิจฉัยได้เอง
โดยพิเคราะห์จากข้อความเหล่านัน ้ ว่ามีอย่างไร

- ตัวอย่างประเด็นข้อสอบเก่า เรือ
่ ง พฤติการณ์ ประกอบการกระทา
- (ขส พ 2528/ 7) สัญญากู้ แม้ไม่มพ ี ยานก็สมบูรณ์ แล้ว แม้จดั ให้มีพยานลงลายมือชือ ่ ภายหลัง
ก็ไม่ผด ิ ม 265 เพราะไม่น่าจะเสียหาย เมือ่ นาไปยืน ่ ฟ้ องจึงไม่ผด
ิ ม 268 และไม่ผด ิ ม 180 ฎ 1126/2505
/ ผูล้ งชือ
่ เป็ นพยานในสัญญากู้ ก็ไม่ผด
ิ ม 265 เพราะไม่น่าจะเกิดความเสียหาย / ผูก ้ ห
ู้ ยิบสัญญามาดูแล้วฉี ก
ผิด ม 358 และ 188 เป็ นกรรมเดียว ม 90 ฎ 1418/2506

- การกระทาความผิด โดยประมาท (อ เกียรติขจร คาอธิบายกฎหมายอาญา ภาค 1 พ.ศ.2538)`


- กระทาโดยประมาท ได้แก่ กระทาความผิดมิใช่โดยเจตนา
แต่กระทาโดยปราศจากความระมัดระวังซึง่ บุคคลในภาวะเช่นนัน ้ จักต้องมีตามวิสยั และพฤติการณ์
และผูก ้ ระทาอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านัน ้ ได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่
1. ความระมัดระวังตาม ”วิสยั ของบุคคล” (บุคคลทีม ่ ลี กั ษณะเช่นเดียวกับผูก
้ ระทา) “ในภาวะเช่นนัน
้ ”
(บุคคลเช่นเดียวกับผูก ้ ระทาซึง่ อยูใ่ นขณะนัน้ )
- บุคคลธรรมดา พิจารณาจากอายุ เพศ การศึกษา ฯลฯ
- ผูม
้ วี ช
ิ าชีพ ผูม
้ วี ช
ิ าชีพในระดับปกติ / ผูเ้ ชีย่ วชาญ
2. ความระมัดระวังตามพฤติการณ์ พิจารณาจากข้อเท็จจริง หรือเหตุตา่ ง ๆ ภายนอกตัวผู้กระทา
้ หรือมีอยูข
ทีเ่ กิดขึน ่ ณะนัน

- “ประมาท” ต้องมีการ “กระทา” ก่อน ดังนัน


้ จึงเกิดจากการ “งดเว้น” ได้
- ฎ 1909/2516 จาเลยขับรถยนต์บรรทุกเสาไฟฟ้ าโดยใช้ลอ ้ พ่วง เมือ่ ล้อรถพ่วงหลุด
ทาให้เสาตกลงมาขวางถนน จนกระทั่งค่าแล้ว จาเลยก็ไม่ได้จดั ให้มโี คมไฟ หรือเครือ ่ งสัญญาณอย่างอืน

เพือ
่ ให้ผใู้ ช้ถนนเห็นเสาทีข
่ วางถนนอยูน
่ น
้ ั เป็ นเหตุให้รถทีแ
่ ล่นมาชนเสามีคนตายและบาดเจ็บ
ถือได้วา่ จาเลยกระทาโดยประมาท และผลเสียหายเกิดขึน ้ จากการทีจ่ าเลยงดเว้นการทีจ่ กั ต้องกระทา
เพือ่ ป้ องกันผลนัน
้ จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291,300 (แต่ไม่ผด ิ ม 288
เพราะไม่มเี จตนาฆ่า)

- พิจารณาความประมาทจากวิสยั ของ “คนในภาวะเช่นนัน ้ ” ไม่ใช่วญิ ญูชนทั่วไป (อก/182)


- ไม่ใช้กบั เหตุ “งด” “ลด” โทษทีต่ อ
้ งมีเจตนาพิเศษ เช่น ม.67, ม.68
และไม่ใช้กบั เรือ
่ งทีม
่ อ
ี งค์ประกอบทีต
่ อ
้ งการกระทาโดย “เจตนา” เช่น ม.80-88 (อก/192)
- บรรยายฟ้ อง ต้องบรรยายถึง “การกระทา” ทีอ ่ า้ งว่าเป็ นประมาทให้ชดั (เน 47/4/70)
- Common law (อก/190)
- Negligence ประมาทธรรมดา ขาดความระวัง แต่รูส ้ ก
ึ เสีย่ งภัยแล้วยังทา
- Recklessness คาดว่าผลอาจเกิด แต่ไม่แน่ วา่ จะเกิด แล้วยังทา (ต่างกับเล็งเห็นผล
ต้องเล็งเห็นว่าจะเกิดผลแน่ )

- “การฝ่ าฝื นกฎหมาย” เป็ นคนละประเด็นกับ “การประมาท”


- คาพิพากษาฎีกาที่ 294/2501 ขับรถยนต์โดยไม่มใี บอนุญาต แต่ไม่ประมาท แม้ทบั คนตาย
ก็ไม่ผดิ ฐานฆ่าคนโดยประมาท การทาฝ่ าฝื นกฎหมายและข้อบังคับนัน ้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา
59 ไม่ได้บ ัญญัตวิ า่ เป็ นประมาทอย่างกฎหมายเก่า
- คาพิพากษาฎีกาที่ 206/2503 จาเลยขับรถผิดทางเข้าไปชนรถทีผ ่ เู้ สียหายขับขีเ่ พียง
แต่ปรากฏว่าผูเ้ สียหายไม่มใี บอนุญาตให้ขบั ขีเ่ ท่านัน

ยังไม่เป็ นเหตุทจี่ ะทาให้ฟงั ว่าผูเ้ สียหายประประมาทเลินเล่อ
- คาพิพากษาฎีกาที่ 2961/2524 คดีละเมิด ความเสียหายเกิดขึน ้ จากความผิดของผูต ้ ายแต่ฝ่ายเดียว
ทีข
่ ับรถจักรยานยนต์โดยไม่ชานาญ ผ่านทางแยก ชนรถยนต์ทจี่ าเลยขับ
แม้จาเลยขับรถยนต์ผา่ นทางแยกด้วยความเร็วประมาณ 30-50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เกินอัตราทีก ่ าหนดในกฎกระทรวง ความเสียหายเกิดจากความผิดของผูต ้ ายฝ่ ายเดียว
มิใช่ผลโดยตรงจากการทีจ่ าเลยขับรถเร็วฝ่ าฝื น พ.ร.บ.จราจรฯ จาเลยจึงมิได้กระทาละเมิดต่อผูต ้ าย
- คาพิพากษาฎีกาที่ 3426/2516 จาเลยขับเรือเป็ ดขนาดใหญ่มก ี าลัง 10 แรงม้า แล่นตัดกระแสน้า
เรือหางยาวมีกาลัง 25 แรงม้าแล่นตามกระแสน้ามาทางขวาของเรือจาเลยด้วยความเร็วสูง
คนขับเรือหางประมาท เป็ นเหตุให้เรือสองลาชนกัน มีคนถึงแก่ความตาย แม้ตามกฎกระรวง (พ.ศ.2498)
ออกตามความใน พ.ร.บ. ป้ องกันเรือโดนกัน พ.ศ. 2497 หมวด 3 ข้อ 20
จาเลยจะต้องหลีกทางให้เรือหางยาวก็ตาม แต่เป็ นการพ้นวิสยั ทีจ่ าเลยจะแล่นเรือหลีกทางให้เรือหางได้
การทีจ่ าเลยไม่หลีกทางให้เรือหางยาว จึงไม่เป็ นการฝ่ าฝื นกฎกระทรวงดังกล่าว
จาเลยไม่มค ี วามผิดฐานทาให้คนตายโดยประมาท และไม่มค ี วามผิดตาม พ.ร.บ. การเดินเรือในน่ านน้าไทย

- หากความเสียหายเป็ น “ผลโดยตรง” จากการกระทาโดยประมาท แม้ “ผูเ้ สียหาย” มีสว่ นประมาท


จาเลยก็ตอ้ งรับผิด (อก/191)
- ทางอาญา แม้ผเู้ สียหายประมาทด้วย ก็ไม่ใช่ขอ ้ ต้องพิจารณา
- ฎ 94-95/2512 ส่วนทางแพ่ง แต่ละฝ่ ายประมาทเพียงใด มีผลต่อการพิจารณากาหนดค่าเสียหาย
ม.442 (อก/10)
- ประมาททัง้ สองฝ่ าย จาเลยไม่พน ้ ความรับผิด
- ศาลย่อมพิจารณาจากการกระทาของจาเลยฝ่ ายเดียว ฎ 94-5/2512 (สบฎ เน 2120)
- อัยการฟ้ องทัง้ สองฝ่ ายได้ ฎ 1326/2510 (อก/191)
- แต่ผเู้ สียหายมีสว่ นประมาทด้วย ถือว่าไม่ใช่ผเู้ สียหายโดยนิตน ิ ยั ไม่มีอานาจฟ้ อง ฎ 1167-
1168/2530 (ขส เน วิอ 2538/1)
- การกระทาโดยประมาท “ไม่มค ี วามผิดฐานพยายาม” เพราะ การพยายามกระทาความผิด
คือการมุง่ หมายทีจ่ ะกระทาผิด จึงใช้กบ
ั เรือ่ งเจตนาเท่านัน
้ การกระทาโดยประมาท
ไม่ใช่การมุง่ หมายทีจ่ ะกระทาผิด จึงไม่ใช่เรือ่ งของการพยายามกระทาผิด เช่น ขับรถประมาท
เกือบชนคนถึงตาย ไม่ผด ิ ม 291 แต่หากช็อกตาย อาจต้องรับผิด ในกรณี ทเี่ ป็ นผลโดยตรง (อก/191) /
(หนังสือรพี 2531 เนรุน ่ 40/63) คดีละเมิด Bourhill v. Young จาเลยขับรถประมาทชนรถยนต์คน ั อืน

หญิงมีครรภ์ไม่เห็นเหตุการณ์ แต่ได้ยน ิ เสียงชนอย่างแรง และเห็นเลือดในทีเ่ กิดเหตุหลังรถชนกัน
ทาให้ตกใจช็อคและแท้งลูก จาเลยไม่ตอ ้ งรับผิด ในเหตุทหี่ ญิงนัน
้ แท้งลูก

- ความผิดทีแ ่ บ่งโดยผล มี 2 ลักษณะ (อก/192)


- เกิดผลแล้วจึงจะต้องรับผิด (“…ประมาทเป็ นเหตุให้…”) ไม่มฐี าน 80 เช่น ม.291, 300, 390 หรือ
- ยังไม่เกิดผลก็เป็ นความผิด (“น่ าจะ…”) เช่น ม.225, 239 (อก/192)

- การกระทาโดยประมาท “ไม่มี ตัวการ ผูใ้ ช้ ผูส้ นับสนุน” ตาม ม 83-86 เพราะ โดยสภาพไม่อาจ
เป็ น ตัวการ ผูใ้ ช้ ผูส
้ นับสนุน ตาม ม 83-86 ให้กระทาความผิดโดยประมาทได้ ฎ 1337/2534 (อก/192)

- ประมาทหลายคน “ไม่ถือว่าเป็ นตัวการประมาทร่วมกัน” ต่างรับผิดในความประมาทของตน เช่น


- คาพิพากษาฎีกาที่ 1199/2510 จาเลยที่ 1 เป็ นนักเรียนหัดขับรถยนต์ ยังไม่ได้รบั ใบอนุญาตขับขี่
จาเลยที่ 2 ได้รบั ใบอนุญาตขับขี่ แต่ยงั ไม่ได้รบั ใบอนุญาตเป็ นครูฝึกสอนขับรถยนต์ ได้น่งั ควบคุมไปด้วย
ถนนทีจ่ าเลยหัดขับนัน ้ ไม่ได้รบั อนุญาตให้เป็ นถนนสาหรับฝึ กหัดขับรถยนต์
ในวันเวลาเกิดเหตุถนนตอนนัน ้ มีผคู้ นพลุกพล่าน ฝนตก ถนนลืน ่ จาเลยที่ 1 ขับจะเฉี่ยวรถสามล้อเครือ ่ ง
หรือหักหลบรถสามล้อเครือ ่ งไม่พน ้ จาเลยที่ 2 ซึง่ นั่ งควบคุมไปด้วย ต้องเข้าช่วยถือพวงมาลัย และให้จาเลยที่
1 ปล่อยมือ จาเลยที่ 1 จึงปล่อยมือ แต่เท้ายังเหยียบคันเร่งน้ามันอยู่ จาเลยที่ 2 หักพวงมาลัยเบนขวา
เพือ่ ให้พน
้ สามล้อเครือ ่ ง เป็ นเหตุให้รถพุง่ ข้ามถนนชนต้นไม้และคนถึงบาดเจ็บและตาย
จึงเป็ นการกระทาโดยประมาทของจาเลยที่ 1 ด้วย
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1326/2510 (สบฎ เน 1527) จาเลยที่ 1 ขับรถเร็วเกินอัตราทีก ่ ฎหมายกาหนด
จาเลยที่ 2 ไม่หยุดรอให้รถของจาเลยที่ 1 ซึง่ มาในเส้นทางตรง ผ่านไปเสียก่อน การทีเ่ กิดชนกัน จึงเป็ น
“ผลโดยตรง” จากความประมาทของจาเลยทัง้ สองทีไ่ ม่ปฏิบตั ต ิ ามกฎหมาย เป็ นความผิดด้วยกันทัง้ คู่
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1211/2530 จาเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันลักน้ามันทีป ่ ๊ม
ั ผูเ้ สียหาย
โดยใช้สายไฟต่อขัว้ แบตเตอรีก ่ บั เครือ่ งปั๊ม ดูดน้ามันจากถังใต้ดน ิ มาใส่ถงั ในรถยนต์ เมือ่ ดูดน้ามันได้ 4
ถังแล้ว จาเลยที่ 2 ดึงสายไฟจากขัว้ แบตเตอรี่ ให้ป๊ม ั ติก ๊ หยุดทางาน เพือ ่ จะเปลีย่ นสายยางไปใส่ถงั ที่ 5
ทาให้เกิดประกายไฟเป็ นเหตุให้เพลิงไหม้ ดังนี้
พฤติการณ์ ทจี่ าเลยทัง้ สองร่วมกันมาลักทรัพย์โดยวิธีการเช่นนี้
ทาให้เกิดไอระเหยของน้ามันกระจายอยูใ่ นบริเวณนัน ้ ง่ายต่อการเกิดเพลิงไหม้
ถือได้วา่ เป็ นการกระทาโดยประมาท
เพราะแบตเตอรีเ่ ป็ นเครือ ่ งกาเนิดไฟฟ้ าและน้ามันเป็ นวัตถุตด ิ ไฟได้งา่ ย เมือ่ เกิดเพลิงไหม้ขน ึ้

เนื่องจากวิธีการในการลักทรัพย์ของจาเลยทัง้ สอง ซึงกระทาด้วยความประมาท
ต้องถือว่าเป็ นผลอันเกิดจากการกระทาของจาเลยทุกคนทีร่ ว่ มกันลักทรัพย์ ดังนัน ้ แม้จาเลยที่ 3
จะมิได้เป็ นผูถ้ อดสายไฟฟ้ าจากขัว้ แบตเตอรี่ ก็ตอ ้ งฟังว่าจาเลยที่ 3 ร่วมกระทาด้วย จาเลยที่ 3
จึงต้องมีความผิดฐานทาให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท
- Common law (อก/193) ขับรถแข่งกันในถนน รับผิดทัง้ คู่ ไม่วา่ ผลจะเกิดจากรถคันใด (291
Manslaughter)

- หากประมาทและผลเกิด แต่ไม่สมั พันธ์กน ั (ไม่ใช่ผลโดยตรง) ไม่ตอ ้ งรับผิด


- คาพิพากษาฎีกาที่ 717/2509 (ขับรถเร็ว แต่ถก ู เลี้ยวตัดหน้า แต่แม้ขบั ช้าก็ตอ
้ งชน ไม่ตอ
้ งรับผิด
ไม่ใช่ “ผลโดยตรงจากประมาท”) จาเลยที่ 1 ขับรถเข้ามาขวางทางแล่นในช่องของจาเลยที่ 2 โดยกระชัน ้ ชิด
แม้จะขับรถเร็วน้อยกว่า ก็ตอ้ งชนอยูน
่ ่น
ั เอง หาใช่เป็ นความประมาทของจาเลยที่ 2 ไม่ /
ในกรณี ทรี่ ถแล่นคนละช่อง ต้องรักษาช่องเดินรถของตน เมือ่ จะเปลีย่ นช่อง
ต้องระวังมิให้กีดขวางรถทีแ ่ ล่นอยูใ่ นช่องนัน
้ ๆ เมือ่ จะเลี้ยวรถทางซ้าย จะต้องแล่นชิดขอบทางด้า นซ้าย
จะเลี้ยวได้ เมือ่ สามารถกระทาได้โดยปลอดภัย ถ้าหากแล่นเข้าไปกีดขวางในช่องทางเดินรถอืน ่ แล้ว
อันตรายเกิดขึน ้ เพราะการกระทาของตนจะต้องรับผิด เมือ่ ให้สญ ั ญาณเลี้ยวแล้ว จะเลี้ยวทันทีไม่ได้
เพราะไม่สามารถจะป้ องกันอันตรายได้

- กระทาโดยเจตนา แต่พลาด ด้วยความประมาท


- ป้ องกันตาม ม 68 ต่อ ผูเ้ สียหายที่ 1 ผลเกิดแก่ ผูเ้ สียหายที่ 2 โดยประมาท แม้ไม่ตอ ้ งรับผิด ม 288
เพราะ อ้าง ม 68 แต่อาจต้องรับผิด ม 291 ต่อ 2 ได้ (อก/195) เช่น ก ถือมีดสัน ้ จะทาร้าย ข / ข
มีทง้ ั ดาบทีย่ าว และมีดสัน ้ เกิดชะล่าใจว่าตนขว้างมีดสัน ้ ได้แม่น จึงขว้างมีดใส่ ก แต่มด ี ไปถูก ค บาดเจ็บ
- คาพิพากษาฎีกาที่ 140/2494 ขับรถยนต์รบั คนโดยสารมาตามถนน
เผอิญเกิดยิงกันเกีย่ วกับการจราจลจึงขับรถหนี แม้จะเร็วจนถึงขนาดผิดกฎจราจร ก็ได้รบั ยกเว้นโทษตาม
ก.ม. ลักษณะอาญามาตรา 49 เพราะถือได้วา่ เป็ นการกระทาเพือ ่ หลบหนีภยันตรายอันร้ายแรง
เมือ่ เอาผิดในตอนนี้ไม่ได้ การวิง่ ตัดหน้ารถยนต์ภายในระยะ 1 วา คนขับห้ามล้อรถหยุดไม่ทน ั ทัง้ ๆ
ทีห
่ า้ มล้อดี วินิจฉัยว่าวิง่ ตัดหน้ารถยนต์ในระยะกระชัน ้ ชิด ใช่วสิ ยั ทีจ่ ะป้ องกันมิให้รถยนต์ทบั ได้
การทีร่ ถยนต์ทบั คนทีว่ งิ่ ตัดหน้ารถนัน ้ จึงเป็ นเหตุสด
ุ วิสยั ไม่ใช่เรือ ่ งผูข้ บั รถประมาท (ผูส ้ ่งั ต้องรับผิด ไม่ปรับ
ม 83 หรือ ม 84 ไม่ใช่ผก ู้ ระทาความผิดทางอ้อม)
- ทฤษฎี เรือ่ งความรับผิดเด็ดขาด (อก/197-205)

- การกระทาเดียว มีสว่ นทีก ่ ระทาโดยเจตนา และส่วนที่กระทาโดยประมาท ได้ แต่ตามแนวคิดของ อ


เกียรติขจร การกระทาส่วนทีป ่ ระมาทและเจตนา มิได้เกิดขึน ้ พร้อมกัน เช่น สาคัญผิดเกิดจากความประมาท
(อก/195) ,
- คาพิพากษาฎีกาที่ 872/2510 (สบฎ เน 1525) จาเลยใช้ปืนยิงเด็กตีกบ
โดยสาคัญผิดว่าเป็ นคนร้ายจะมาฆ่าพีจ่ าเลย เป็ นการป้ องกันเกินกว่ากรณี แห่งการจาต้องกระทาเพือ
่ ป้ องกัน
และความสาคัญผิดเกิดขึน้ โดยสาคัญผิด จาเลยมีความผิด ตาม ม 288 , ม 69 และ ม 291 เป็ นกรรมเดียว
- “เจตนา” ฆ่าโดยสาคัญผิดในข้อเท็จจริง ม 59 ว 2 + 288 + 68 + 69 + 62 ว 1
- ความสาคัญผิดเกิดขึน ้ ด้วยความ “ประมาท” ม 62 ว 2 ม 59 ว 4 + ตาย = 291 กรรมเดียว)

- กรณีทมี่ ก
ี ารกระทาทัง้ ส่วนทีเ่ กิดจากเจตนา และส่วนทีเ่ กิดจากความประมาท
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1094/2501 ยิงคนตายในทีม ่ ด
ื โดยเล็งไปทางทีค ่ นเห็น
เพราะเข้าใจว่าเป็ นคนร้ายมาแย่งชิงทรัพย์ ไม่พจิ ารณาให้รอบคอบ เป็ นความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา
โดยป้ องกันทรัพย์เกินกว่าเหตุ (เจตนาฆ่า เพราะสาคัญผิดในข้อเท็จจริงว่ายิงคนร้ายทีจ่ ะชิงทรัพย์
แต่ความสาคัญผิดนัน ้ เกิดจากการไม่พจิ ารณาให้รอบคอบ
ก็เป็ นการกระทาทีเ่ กิดขึน ้ จากความประมาทอยูใ่ นตัว / อ เกียรติขจร (เน 51/6/1) เห็นว่า
การกระทาโดยประมาท ต้องไม่ใช่การกระทาโดยมีเจตนา เพราะตัวบทใช้คาว่า การกระทาโดยประมาท
ได้แก่การกระทาความผิดมิใช่โดยเจตนา ซึง่ กรณี นี้ “ความสาคัญผิดทีเ่ กิดขึน ้ ก่อนการลงมือยิง” นัน ้
เป็ นความสาคัญผิดโดยประมาท ต้องวินิจฉัยในประเด็นนี้ตาม ม 62 วรรคสองด้วย ส่วนตอนที่ “ลงมือยิง”
นัน้ เป็ นการกระทาโดยเจตนา วินิจฉัยในประเด็นนี้ไปตามปกติ / มองอีกแง่มม ุ หนึ่ง แม้สว่ นทีป
่ ระมาท
และเจตนาเกิดไม่พร้อมกัน แต่ในขณะยิง ก็อาจเป็ นประมาทได้ หากดูให้ดก ี ็จะทราบข้อเท็จจริง
การพิจารณาในแง่นี้ เมือ่ แยกพิจารณาทีละส่วน ก็ไม่น่าผิด)
- คาพิพากษาฎีกาที่ 717/2511 จาเลยมีปากเสียงกับพวกผูต ้ ายก่อนเกิดเหตุ แล้วผูต ้ ายเกินมาหาพวก
ผูต
้ ายก้มลงเก็บของทีท ่ าตก จาเลยสาคัญผิดว่าผูต ้ ายจากทาร้ายตน จึงยิงผูต ้ ายตาย
ดังนี้เป็ นการเข้าใจผิดโดยไม่มเี หตุอน ั ควร แม้ความสาคัญผิดจะเกิดจากความประมาท
ก็เป็ นการกระทาทีเ่ กินกว่าเหตุ การกระทาของจาเลย จึงเป็ นการป้ องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ
- คาพิพากษาฎีกาที่ 917/2530 จาเลยใช้ดา้ มปื นตีศรี ษะ ว.แตกเลือดไหลแล้วกระสุนปื นลั่นไปถูก ด.
ตาย และ ส. ได้รบั บาดเจ็บ จาเลยย่อมมีความผิดฐานทาร้ายร่างกาย ว. ตาม มาตรา 295
แต่เมือ่ ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจาเลยมีเจตนาใช้ปืนยิง เพือ่ ฆ่าหรือทาร้าย ว.
กรณี จงึ มิใช่เป็ นการทีจ่ าเลยมีเจตนากระทาต่อ ว. แต่ผลของการกระทาผิดเกิดแก่ ด. และ ส. โดยพลาด
จาเลยจึงไม่มค ี วามผิดตามมาตรา 290, 295 ประกอบด้วยมาตรา 60 อย่างไรก็ตาม
เมือ่ การทีก
่ ระสุนปื นลั่นเป็ นผลให้ ด.ตายและ ส.ได้รบ ั บาดเจ็บนัน ้ เป็ นเพราะความประมาทของจาเลย
ในการใช้ปืนตี ว.จาเลยจึงมีความผิดตามมาตรา 291, 390 (เจตนาทาร้ายโดยใช้ปืนตีศรี ษะ
และการใช้ปืนในลักษณะนี้ ย่อมเป็ นการกระทาโดยประมาทอยูใ่ นตัว )
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1211/2530 จาเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันลักน้ามันทีป ่ ๊ม
ั ผูเ้ สียหาย
โดยใช้สายไฟต่อขัว้ แบตเตอรีก ่ บั เครือ
่ งปั๊ม ดูดน้ามันจากถังใต้ดน ิ มาใส่ถงั ในรถยนต์เมือ่ ดูดน้ามันได้ 4
ถังแล้ว จาเลยที่ 2 ดึงสายไฟจากขัว้ แบตเตอรีใ่ ห้ป๊ม ั ติก ๊ หยุดทางาน เพือ ่ จะเปลีย่ นสายยางไปใส่ถงั ที่ 5
ทาให้เกิดประกายไฟเป็ นเหตุให้เพลิงไหม้ ดังนี้
พฤติการณ์ ทจี่ าเลยทัง้ สองร่วมกันมาลักทรัพย์โดยวิธีการเช่นนี้
ทาให้เกิดไอระเหยของน้ามันกระจายอยูใ่ นบริเวณนัน ้ ง่ายต่อการเกิดเพลิงไหม้
ถือได้วา่ เป็ นการกระทาโดยประมาท เพราะแบตเตอรีเ่ ป็ นเครือ ่ งกาเนิดไฟฟ้ า
และน้ามันเป็ นวัตถุตด ิ ไฟได้งา่ ย เมือ่ เกิดเพลิงไหม้ขน ึ้ เนื่องจากวิธีการในการลักทรัพย์ของจาเลยทัง้ สอง
ซึง่ กระทาด้วยความประมาท ต้องถือว่าเป็ นผลอันเกิดจากการกระทาของจาเลยทุกคนทีร่ ว่ มกันลักทรัพย์
ดังนัน้ แม้จาเลยที่ 3 จะมิได้เป็ นผูถ ้ อดสายไฟฟ้ าจากขัว้ แบตเตอรี่ ก็ตอ ้ งฟังว่าจาเลยที่ 3 ร่วมกระทาด้วย
จาเลยที่ 3 จึงต้องมีความผิดฐานทาให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท (เจตนาลักทรัพย์ และวิธีการลักทรัพย์นน ้ั
เป็ นการกระทาโดยประมาท)

- คาพิพากษาฎีกาเรือ ่ งประมาท
- คาพิพากษาฎีกาเรือ ่ งประมาท เกีย่ วกับการขับขีย่ านพาหนะ และจราจร
- คาพิพากษาฎีกาที่ 127/2503 การขับรถตามหลังคนอืน ่
ควรจะเว้นระยะให้หา่ งมากพอทีจ่ ะหยุดรถได้ทน ั โดยไม่ชนรถคันหน้า ยิง่ ฝุ่ นตลบ
ก็ยอ ่ มจะต้องระมัดระวังเว้นระยะให้หา่ งมากขึน ้ เมือ่ รถจาเลยไปชนรถคันหน้าเป็ นเหตุให้คนตาย ถือได้วา่
จาเลยประมาท ทาให้คนตาย
- คาพิพากษาฎีกาที่ 983/2508 มาตรา 291 ต้องเป็ นการกระทาโดยประมาท
และเป็ นผลโดยตรงให้เกิดความตาย การกระทาตามมาตรานี้ไม่รวมถึงการละเว้น การทีจ่ าเลยที่ 1
“ไม่ไปตรวจหัวประแจ” ก่อนทีร่ ถจะมาถึง ก็เป็ นเพียงละเว้น “ไม่ใช่ผลโดยตรง” ทีท ่ าให้รถชนกัน
ผลโดยตรงทีท ่ าให้รถชนกันอยูท ่ ี่ “การเปลีย่ นหัวประแจ ไม่สบั กลับ” ซึง่ เป็ นการกระทาของจาเลยที่ 2 จาเลยที่
1 ไม่ผด ิ ม 291
- ตามแนวคิดเรือ ่ งการตรวจสอบซา้ (Double Check) ใช้กบั เรือ ่ งทีม
่ คี วามสาคัญมาก ๆ
เช่นการเดินรถไฟ ซึง่ มีประชาชนใช้บริการเป็ นจานวนมาก การรักษาความปลอดภัยในระบบการเดินรถไฟ
เป็ นเรือ
่ งสาคัญ หากข้อเท็จจริงฟังได้ชดั ว่า จาเลยที่ 1 นอกจากมีหน้าทีต ่ รวจหัวประแจโดยตรงแล้ว
และเมือ่ พบว่าการสับรางยังไม่ถูกต้อง จาเลยที่ 1 จะต้องดาเนินการให้ถูกต้องทันที การกระทาของจาเลยที่ 1
ในคดีนี้ ทีไ่ ม่ไปตรวจหัวประแจ ถือเป็ นการงดเว้นกระทาการ โดยประมาทแล้ว
และถือเป็ นเหตุทส ี่ าคัญอันหนึ่งซึง่ ทาให้เกิดผลคือรถไฟชนกัน และมีผถ ู้ งึ แก่ความตาย จาเลยที่ 1
จะต้องรับผิดในผลของการกระทานัน ้ โดยตรง ตามทฤษฎีเงือ่ นไข ในแง่ Contributory cause
- คาพิพากษาฎีกาที่ 761/2511 จาเลยขับรถประจาทางมาตามถนน
เห็นรถบรรทุกแล่นสวนทางมาในระยะกว่า 50 เมตรในลักษณะผิดปกติ
คือแล่นกินทางเข้ามาด้วยความเร็วสูงและส่ายไปมา เช่นนี้ จาเลยควรมีหน้าทีห ่ ยุดรถ
หรือชะลอรถแอบเข้าข้างทาง แต่คงขับต่อไป เพิง่ จะห้ามล้อ เมือ่ อยูห ่ า่ งกันในระยะ 7-8 เมตร
แล้วหักหลบไปทางขวา เป็ นเหตุให้ชนรถบรรทุกจนมีคนตายและบาดเจ็บ
ถือว่าเป็ นการกระทาโดยปราศจากความระมัดระวัง
ซึง่ บุคคลในภาวะเช่นนัน ้ จักต้องมีตามวิสยั และพฤติการณ์ และอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านัน ้ ได้
แต่หาได้ใช้เพียงพอไม่ จาเลยจึงมีความผิดฐานประมาททาให้คนตายและบาดเจ็บ
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1563/2521 คนโดยสารเรือยนต์ตกน้า เรือถอยหลังไปช่วย
ทาให้ใบจักรฟันคนทีต ่ กน้าตาย แทนทีจ่ ะโยนชูชีพลงไปช่วยตามข้อบังคับการเดินเรือ
เป็ นการขาดความระวังตามควรแก่เหตุการ และนายท้ายผูป ้ ระกอบวิชาชีพเดินเรือควรได้คาดคิด
จึงเป็ นประมาททาให้คนตายตาม ม.291
- คาพิพากษาฎีกาที่ 3052/2530 (คดีแพ่ง) พ. ขับรถยนต์ดว้ ยความเร็ว 50-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
แม้ไม่เกินอัตราทีก ่ ฎหมายกาหนด แต่ตรงทีเ่ กิดเหตุมที างแยก จะต้องขับรถให้ชา้ ลงกว่านี้อก
ี การที่ พ.
ขับรถด้วยความเร็วดังกล่าว และขณะทีข ่ บั รถมาใกล้จะถึงทีเ่ กิดเหตุ
ก็ได้เห็นรถทีจ่ อดรออยูต ่ รงเกาะกลางถนนแล้ว ก็น่าจะชะลอความเร็วของรถบ้าง หรือมิฉะนัน ้
เมือ่ เห็นมีรถซึง่ รออยูต
่ รงเกาะกลางถนน แล่นตัดหน้าไปคันหนึ่งแล้ว ก็ควรห้ามล้อให้รถชะลอความเร็วลงได้
โดยไม่จาเป็ นต้องหักรถหลบไป จนปี นเกาะกลางถนน ดังนี้ถือได้ว่า พ. มีสว่ นประมาทด้วย

- คาพิพากษาฎีกาเรือ ่ งประมาท เกีย่ วกับการใช้อาวุธ


- คาพิพากษาฎีกาที่ 361/2497 เอาปื นทีบ ่ รรจุกระสุนไปจ่อล้อเพือ ่ นเล่น
โดยไม่ระมัดระวังเพือ ่ นปัดกระบอกปื น ๆ จึงลั่นถูกเพือ ่ นตาย ดังนี้
ก็ยอ่ มเป็ นความผิดฐานทาให้คนตายโดยประมาทตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 252 /
เจ้าของปื นผูไ้ ด้รบั อนุญาตแล้ว ใช้จาเลยเอาปื นไปทาความสอาดชั่วขณะหนึ่ง
ในระหว่างนัน ้ จาเลยเอาปื นไปจ่อเพือ ่ นโดยประมาท ปื นลั่นทาให้เพือ ่ นตาย ดังนี้
ยังถือไม่ได้วา่ จาเลยมีอาวุธปื นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รบั อนุญาต. ( อ้างฎีกาที่ 1578/2495 )
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1086/2521 ยิงยางรถยนต์พลาด กระสุนถูกรถยนต์ทะลุไปถูกคนในรถ
เป็ นอันตรายสาหัส เป็ นความผิดฐานทาให้เกิดอันตรายสาหัสโดยประมาทตาม ม.300
แต่ฟ้องฐานพยายามฆ่าคนโดยเจตนา จึงลงโทษไม่ได้ (ไม่ใช่พลาด ม 60 เพราะไม่มเี จตนาต่อคน)
- คาพิพากษาฎีกาที่ 2483/2528 จาเลยใช้อาวุธปื นขูผ ่ ต
ู้ ายมิให้เอาถ่านมาป้ ายหน้าจาเลย
โดยจาเลยไม่รวู้ า่ อาวุธปื นนัน ้ มีกระสุนปื นบรรจุอยู่ ฟังไม่ได้วา่ จาเลยมีเจตนาฆ่าผูต ้ าย
จาเลยไม่มค ี วามผิดฐานฆ่าผูอ ้ น
ื่ ตามทีโ่ จทก์ฟ้อง
แต่การทีจ่ าเลยใช้อาวุธปื นซึง่ เป็ นอาวุธร้ายแรงออกมาขูผ ่ ต
ู้ าย
โดยจาเลยไม่ดเู สียให้ดก ี อ
่ นว่ามีกระสุนบรรจุอยูห ่ รือไม่ เป็ นเหตุให้กระสุนปื นลั่นไปถูกผูต ้ ายถึงแก่ความตาย
ดังนี้จาเลยมีความผิดฐานกระทาโดยประมาทเป็ นเหตุให้ผอ ู้ น
ื่ ถึงแก่ความตาย
- คาพิพากษาฎีกาที่ 5548/2530 จาเลยถูกผูเ้ สียหายด่า
จึงยิงปื นเพือ่ ขูไ่ ม่ให้ผเู้ สียหายด่าจาเลยอีกต่อไป แต่จาเลยไม่เลือกยิงขึน ้ ฟ้ า กลับยิงไปทีล่ ูกกรงไม้ชานบ้าน
ห่างจากจุดทีผ ่ เู้ สียหายยืนประมาณ 2 วา ทาให้เศษไม้กระเด็นไปถูกผูเ้ สียหาย ได้รบั อันตรายแก่กาย
จาเลยมีความผิดฐานกระทาโดยประมาทเป็ นเหตุให้ผอ ู้ นื่ ได้รบั อันตรายแก่กาย ตาม มาตรา 390

- กรณี ไม่เป็ นการกระทาโดยประมาท


- คาพิพากษาฎีกาที่ 3445/2535 รถยนต์โดยสารทีจ่ าเลยขับยางล้อหลังระเบิด
จาเลยจึงจอดรถยนต์ไว้ชด ิ ไหล่ทางด้านซ้าย ล้อหน้าอยูท
่ ีไ่ หล่ทาง ส่วนล้อหลังด้านขวาอยูบ่ นถนน
แล้วจาเลยได้หากิง่ ไม้มาวางและเปิ ดสัญญาณไฟกระพริบ ถือได้วา่ จาเลยใช้ความระมัดระวังเพียงพอแล้ว
การกระทาของจาเลยจึงไม่เป็ นการกระทาโดยประมาท
- คาพิพากษาฎีกาที่ 383/2537 จาเลยขับรถยนต์ไปด้วยความเร็วประมาณ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
้ ายได้วงิ่ ไล่ตี ช. ข้ามถนนตัดหน้าช่องเดินรถทีจ่ าเลยขับ ไปแล้วแต่ได้มรี ถยนต์อีกคันหนึ่งแล่นมา
ผูต
ผูต้ ายจึงชะงักและถอยหลังกลับเข้ามาช่องเดินรถของจาเลยโดยกะทันหัน และในระยะกระชัน ้ ชิด
ทาให้จาเลยไม่สามารถหยุดรถหรือหลบไปทางอืน ่ ได้ทนั ท่วงที และในภาวะเช่นนัน ้ จาเลยไม่อาจคาดคิดได้วา่
จะมีคนวิง่ ข้ามถนนตัดหน้าช่องเดินรถทีจ่ าเลยขับไปแล้ว
กลับชะงักและถอยหลังเข้ามาขวางหน้ารถยนต์ทจี่ าเลยขับไปอีก การทีจ่ าเลยขับรถยนต์ชนผูต ้ าย
จึงเป็ นเหตุสด ุ วิสยั ทีจ่ าเลยไม่อาจป้ องกันได้
จาเลยจึงไม่มค ี วามผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็ นเหตุให้ชนผูอ ้ น
ื่ ถึงแก่ความตาย

- ตัวอย่างประเด็นข้อสอบเก่า เรือ
่ งประมาท
- (ขส พ 2502/ 7 ครัง้ ทีส่ อง) สีจุดประทันโยนใส่คนดูลเิ ก ขาวตกใจ ปัดถูกสา
สาตกใจปัดไปเกิดระเบิดขึน ้ ทาให้แสงตาบอด / สีผด ิ ม 297 เพราะมีเจตนาย่อมเล็งเห็นผล ตาม ม 59 /
ขาวและสา ไม่ผด ิ เพราะไม่มเี จตนา (และไม่มีขอ้ เท็จจริงว่าเป็ นประมาท)
- (ขส พ 2519/ 9) แดงให้ดาช่วยสอนขับรถ แดงขับรถประมาทชนคน ดาเห็นแดงพลาด
จึงหักพวงมาลัยรถ ชนคนตาย แดงบาดเจ็บสาหัส แดงและดาผิด ม 291 ดาผิด ม 300 อีกด้วย
เพราะก่อนดาหักพวงมาลัย แดงขับรถมาในลักษณะน่ าจะอันตรายอยูแ ่ ล้ว ฎ 1199/2510 ดาถือพวงมาลัย
ทัง้ ทีไ่ ม่อยูใ่ นสภาพทีจ่ ะขับหรือควบคุมรถได้ปลอดภัย จึงเป็ นการประมาท

- (ขส อ 2529/ 4) เจ้าของผูกช้างไว้ ช้างตกมัน ไปพังบ้านนายมั่น และกระทืบนายมั่นซีโ่ ครงหัก


นายมาจึงยิงช้างตาย / เจ้าของผิด ม 59 ว 4 + 300 + 377 ฎ 3435/2527
ทรัพย์เสียหายโดยประมาทไม่ผด ิ / นายมา ไม่ผด ิ ม 358 เพราะป้ องกัน ม 68
- (ขส อ 2531/ 5) ชักปื นเล็งเล็ก ถูกปัด ปื นลั่น เบิม
้ ตาย คนชักปื น ผิด ม 288+80+60 คนปัด ไม่ผด

เพราะไม่มเี จตนาฆ่า และไม่ถือว่าประมาท เพราะกระทันหันเพือ ่ ช่วยชีวต
ิ เป็ นกรณี เร่งด่วน
จะใช้ความระมัดระวังไม่ให้ถูกผูอ้ น
ื่ ด้วย คงทาไม่ได้

มาตรา 60 ผูใ้ ดเจตนาทีจ่ ะกระทาต่อบุคคลหนึ่ง แต่ผลของการกระทาเกิดแก่อก ี บุคคลหนึ่ง


“โดยพลาดไป” ให้ถือว่าผูน ้ น
้ ั กระทาโดยเจตนาแก่บค ุ คลซึง่ ได้รบ
ั ผลร้ายจากการกระทานัน

แต่ในกรณี ทก
ี่ ฎหมายบัญญัตใิ ห้ลงโทษหนักขึน ้ เพราะ “ฐานะของบุคคล” หรือเพราะ
“ความสัมพันธ์ระหว่างผูก ้ ระทากับบุคคลทีไ่ ด้รบ ั ผลร้าย”
มิให้นากฎหมายนัน้ มาใช้บงั คับเพือ ่ ลงโทษผูก
้ ระทาให้หนักขึน ้

(1) “เจตนาทีจ่ ะกระทาต่อบุคคลหนึง่ ” (สังเกตตัวบทใช้คาว่า “ผูใ้ ดมีเจตนา...”)


- เจตนาแรก เป็ นเจตนาประสงค์ตอ ่ ผล หรือย่อมเล็งเห็นผลก็ได้
- ไม่ใช้กรณี ทก
ี่ ฎหมายบัญญัตใิ ห้ตอ ้ งรับผิดเมือ่ ได้กระทาโดยประมาท
กรณี ทกี่ ฎหมายบัญญัตใิ ห้ตอ ้ งรับผิด เมือ่ ได้กระทาโดยประมาท และมีผไู้ ด้รบ ั ผลจากการกระทาหลายฝ่ าย
ไม่ใช้มาตรา 60 แต่ให้พจิ ารณาเรือ ่ งความสัมพันธ์ระหว่างการกระทาและผล
- เจตนาแรกต้องถึงขัน ้ ลงมือทาผิด

(2) ผลของการกระทาเกิดแก่อก ี บุคคลหนึง่ “โดยพลาดไป” / มาตรา 60 มีผเู้ กีย่ วข้องในการกระทาอยู่ 3


ฝ่ าย (1) บุคคลผูก ้ ระทาผิด (2) บุคคลทีผ ่ กู้ ระทาผิด เจตนาจะทากระทา และ (3)
บุคคลทีไ่ ด้รบั ผลร้ายจากการกระทา โดยพลาด
- บุคคลทีไ่ ด้รบั ผลร้ายจากการกระทาโดยพลาด จะต้องได้รบั ผลร้ายนัน ้ แล้ว
(จะถึงขัน ้ เป็ นความผิดสาเร็จ หรือพยายามก็ได้)
- ใช้กบั “วัตถุทม ี่ งุ่ หมายกระทาต่อ” อันเป็ นประเภทเดียวกันเท่านัน ้ (ชีวต
ิ ร่างกาย เสรีภาพ ชือ
่ เสียง
หรือทรัพย์สน ิ )
- กรณี วตั ถุทม ี่ งุ่ หมายกระทาต่อนัน ้ ต่างประเภทกับวัตถุทถี่ ูกกระทา
ต้องพิจารณาเรือ ่ งเจตนาเล็งเห็นผล ตามมาตรา 59 วรรคสอง ประกอบวรรคแรก (คือหากมีเจตนา
ก็ตอ้ งรับผิด ปรับเป็ นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท แต่หากไม่มเี จตนา
พิจารณาเรือ ่ งการกระทาโดยประมาทต่อ) และการกระทาโดยประมาท
กรณี ทก ี่ ฎหมายบัญญัตใิ ห้ตอ ้ งรับผิดเมือ่ ได้กระทาโดยประมาท ตามมาตรา 59 วรรคสี่ ประกอบวรรคแรก
(หากไม่มเี จตนา และไม่ได้กระทาโดยประมาท หรือกระทาโดยประมาท
แต่ไม่มก ี ฎหมายบัญญัตใิ ห้ตอ ้ งรับผิด ผูก ้ ระทาไม่ตอ ้ งรับผิด)

(3) ให้ถือว่าผูน
้ น
้ ั กระทาโดยเจตนาแก่บค ุ คลซึง่ ได้รบ
ั ผลร้ายจากการกระทานัน ้
- เจตนาประสงค์ตอ ่ ผลโดยตรง รับผิดตามเจตนาทีม ่ อ
ี ยูเ่ ดิม แม้สาคัญผิดในตัวบุคคล
- เจตนาแรก (ฆ่า , ทาร้ายร่างกาย , ความผิดเกีย่ วกับทรัพย์) โอนไปยังผูถ ้ ูกกระทาโดยสาคัญผิด
หรือผูท้ ไี่ ด้รบ ั ผลร้าย
- เจตนาแรก ประกอบด้วยเจตนาพิเศษ (ป้ องกัน , จาเป็ น , บันดาลโทสะ , ฆ่าโดยไตร่ตรอง ฯลฯ)
โอนไปยังผูถ ้ ูกกระทาโดยสาคัญผิด หรือผูท ้ รี่ บั ผลร้าย
- ผูก
้ ระทารูอ้ งค์ประกอบภายนอกเท่าไร รับผิดเท่านัน ้
- หากไม่รข ู้ อ
้ เท็จจริงอันเป็ นองค์ประกอบความผิด ถือว่าไม่มเี จตนาตามมาตรา 59 วรรคสาม
ผูก
้ ระทาไม่ตอ ้ งรับผิด
- หากไม่รข ู้ อ้ เท็จจริง อันทาให้ตอ
้ งรับโทษหนักขึน ้ ผูก
้ ระทาไม่ตอ
้ งรับโทษหนักขึน้ ตามมาตรา 62
วรรคท้าย
- ผูก้ ระทารับผิดไม่เกินข้อเท็จจริง อันเป็ นองค์ประกอบความผิดนัน ้
- ผูก ้ ระทาต้องรับผิดต่อ “บุคคลทีผ ่ ก
ู้ ระทาผิด เจตนาจะทากระทา” และ
“บุคคลทีไ่ ด้รบั ผลร้ายจากการกระทาผิด” (เป็ นกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท
ลงโทษบทหนักตามมาตรา 90)
- มาตรา 60 แม้การกระทานัน ้ มีเจตนาโดยพลาด เกิดขึน ้ โดยประมาท (คือ
กระทาโดยประมาทต่อ“บุคคลทีไ่ ด้รบั ผลร้ายจากการกระทาผิด” ด้วย) มาตรา 59 วรรคสี่
ไม่ตอ้ งปรับประมาทอีก เพราะต้องรับผิดในส่วนของ “เจตนา” ตาม มาตรา 59 วรรคสอง ต่อ
“บุคคลทีผ ่ ก ู้ ระทาผิด เจตนาจะทากระทา” และ “บุคคลทีไ่ ด้รบั ผลร้ายจากการกระทาผิด” อยูแ ่ ล้ว

(4) กรณี ทก
ี่ ฎหมายบัญญัตใิ ห้ลงโทษหนักขึน ้ เพราะ “ฐานะของบุคคล” หรือเพราะ
“ความสัมพันธ์ระหว่างผูก้ ระทากับบุคคลทีไ่ ด้รบ ั ผลร้าย”
มิให้นากฎหมายนัน ้ มาใช้บงั คับเพือ่ ลงโทษผูก
้ ระทาให้หนักขึน้
- ตรงกับกรณี ไม่รขู้ อ
้ เท็จจริง อันทาให้ตอ ้ ผูก
้ งรับโทษหนักขึน ้ ระทาไม่ตอ ้
้ งรับโทษหนักขึน
ตามมาตรา 62 วรรคท้าย

- การกระทาโดยพลาด ตาม ม 60 “เป็ นเจตนาโดยผลของกฎหมาย”


เพราะไม่มเี จตนากระทาต่อผูเ้ สียหายที่ 2 จริง และเป็ นเรือ
่ งเจตนาโอน (อก/160)

- การกระทาโดยพลาด ตาม ม 60 “ต้องมีผถ ู้ ูกกระทา 2 ฝ่ ายขึน ้ ไป” ผูเ้ สียหายที่ 1


ถูกกระทาโดยเจตนาประสงค์ตอ ่ ผล หรือเล็งเห็นผล ผูเ้ สียหายที่ 2 ได้รบั ผลร้ายด้วย (อก/161)
- ยิงดา ถูกขาว ผิดต่อดา ม 80+288 ผิดต่อขาว ม 288+60 ปรับ ม 90 รับโทษ ม 288 (อก/161)
- ยิงดา ถูกกระจกรถยนต์ขาว ไม่ใช่ ม 60 (อก/161)
- ปื นตีหวั ดา ปื นลั่นดาตาย ไม่ใช่ ม 60 (อก/162)
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1937/2522 ยิง 4-5 นัด เจตนาฆ่า ก. กระสุนถูก ก. ตาย ถูก ส.อันตรายสาหัส
เป็ นความผิดตาม ป.อ.ม.288 กับ ม.288,80 อีกบทหนึง่ คาพิพากษาต้องอ้างความผิดทัง้ 2 บท
ให้ลงโทษตาม ม.288 บทหนัก คาให้การชัน ้ สอบสวนของพยานโจทก์ทไี่ ด้ตวั มาเบิกความ
และทีไ่ ม่ได้ตวั มาเบิกความเพราะติดตามตัวไม่พบ ระบุชอ ื่ ผูย้ งิ ว่านายประทีป
สุขเกษมมาในชัน ้ ศาลพยานโจทก์วา่ คนยิงไม่ใช่จาเลย แต่เป็ นคนในร้านตัดเสื้อทีช ่ อ
ื่ ประทีป
แต่ไม่ทราบนามสกุล ศาลรับฟังได้วา่ นายประทีป สุขเกษม จาเลยคือผูย้ งิ ตามฟ้ อง

- ต้องไม่ประสงค์ตอ ่ ผล หรือเล็งเห็นผลต่อ ผูเ้ สียหายที่ 2 เพราะหากมี เจตนา ตาม ม 59 ว 2 ไม่ใช่


พลาดตาม ม 60 (อก/162)
- จะยิงดา แต่ยงิ ตอไม้ ถูกขาวบาดเจ็บ และถูกดาตาย ผิดต่อขาว ม 60+80+288 ผิดต่อดา ม
59+288 ไม่ใช่ ม 60 (อก/162)
- ใช้ปืนลูกซองกระจาย ตัง้ ใจยิงขาว ซึง่ ยืนอยูก่ บั ตารวจ ถือว่ามีเจตนาประสงค์ตอ
่ ผลทีจ่ ะฆ่าขาว (ม
59 ว 2 + 288) และเจตนาย่อมเล็งเห็นผลทีจ่ ะฆ่าตารวจเจ้าพนักงาน (ม 59 ว 2 + 289 (2)
ซึง่ ต้องรับโทษหนักขึน้ / แต่หากยิงด้วยปื นนัดเดียว ไม่อาจเล็งเห็นได้วา่ จะถูกตารวจ
แต่บ ังเอิญกระสุนไปถูกนาฬก ิ าของขาว แฉลบไปถูกตารวจตาย รับผิดต่อขาว (ม 59 ว 2 + 288 + 80)
รับผิดต่อตารวจเพียงแค่ (ม 59 ว 2 + 288 + 60) ไม่ผด ิ ฐานฆ่าเจ้าพนักงานตาม ม ๖๐ ตอนท้าย)
- คาพิพากษาฎีกาที่ 321/2535 จาเลยใช้อาวุธปื นยิง และกระสุนปื นไปถูกกระจกหน้าต่าง
และโต๊ะของผูเ้ สียหาย ได้รบั ความเสียหายด้วยนัน ้ จาเลยมีเจตนายิงผูเ้ สียหายเป็ นสาคัญ
จึงเป็ นความผิดฐานพยายามฆ่าผูอ ้ น
ื่ (“กระทาโดยเจตนาประสงค์ตอ ่ ผล”) และฐานทาให้เสียทรัพย์
(“กระทาโดยเจตนาย่อมเล็งเห็นผล” แต่ไม่ใช่กระทาโดยพลาด เพราะเล็งเห็นได้
และเรือ ี เู้ สียหายเพียงคนเดียว)ซึง่ เป็ นกรรมเดียว
่ งนี้ มผ

- ไม่ตอ ้ งดูวา่ ประมาทต่อ ผูเ้ สียหายที่ 2 ด้วยหรือไม่ เพราะมีเจตนาตามกฎหมายเสมอ (อก/162)


- ยิงดา ถูกขาว แม้ประมาทต่อขาวด้วย ไม่ตอ ้ งรับผิดฐานประมาท
เพราะต้องรับผิดตามเจตนาซึง่ โอนมาด้วย อยูแ ่ ล้ว แม้ขาวอยูไ่ กลมาก (อก/162)
- คาพิพากษาฎีกาที่ 784/2509 การทีจ่ าเลยติดตามขับไล่คนร้ายไป แล้วใช้ปืนยิงคนร้าย
แต่กระสุนปื นไปถูกผูเ้ สียหายนัน ้ เป็ นการกระทาทีจ่ าเลยได้มเี จตนาจะกระทาต่อบุคคลหนึ่ง
แต่ผลของการกระทาเกิดแก่อก ี บุคคลหนึ่งโดยพลาดไป ตามมาตรา 60
ให้ถือว่าผูน
้ น
้ ั กระทาโดยเจตนาแก่บค ุ คลซึง่ รับผลร้าย ไม่เป็ นการกระทาโดยประมาท

- กรณีเจตนากระทาต่อ “วัตถุประเภทหนึง่ ” แต่เกิดผลกับ “วัตถุอก


ี ประเภทหนึง่ ”
ไม่ใช่การกระทาโดยพลาด ตาม ม 60 ให้พจิ ารณาเจตนาย่อมเล็งเห็นผลและประมาทประกอบ (ชีวิต ร่างกาย
เสรีภาพ ชือ
่ เสียง หรือทรัพย์สน
ิ )
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1086/2521 ยิงยางรถยนต์ แต่ลูกกระสุนไปถูกคนในรถ ได้รบั อันตรายสาหัส
ปรับ ม 80+358 และ ม 59 ว 4 + ม 300 ไม่ใช่ ม 60 (อก/163)

- การกระทาโดยพลาดตาม ม 60 ใช้กบั วัตถุทม ี่ งุ่ หมายเป็ นประเภทเดียวกัน (ชีวต


ิ ร่างกาย เสรีภาพ
ชือ
่ เสียง หรือทรัพย์สนิ )
- ดา ทาร้ายลูกของขาว / ขาวเห็นเหตุการณ์ เกิดตกใจช็อกตาย / ปรับ ม 60 ผิด ม 295 และ ม 290
+ 60 (สังเกต เรือ ่ งความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผล) แต่หากดาทาลายทรัพย์ของขาว ขาวเห็นเหตุการณ์
เกิดตกใจช็อกตาย ไม่ปรับ ม 60 (อก/163)

- การกระทาโดยพลาดตาม ม 60 ใช้กบั ทรัพย์ เสรีภาพ และชือ ่ เสียงด้วย


- ขส เน 2531 ยิงช้างของ ผูเ้ สียหายที่ 1 ไปถูกช้างของ ผูเ้ สียหายที่ 2 โดยเจตนาป้ องกัน ตาม ม 68
อ้างป้ องกัน ได้ทง้ ั ผูเ้ สียหายที่ 1-2 (อก/164)

- เจตนาโอน ให้ดท ู เี่ จตนาแรกเป็ นหลัก และให้รบั ผิดในผลของทัง้ สองเจตนา แล้วปรับ ม.90
กรณี เป็ นเจตนาทาผิด ไม่ตอ ้ งดูตอ่ ว่าประมาทหรือไม่ เพราะต้องรับผิดตามเจตนาทีโ่ อนไป
ซึง่ หนักกว่าอยูแ ่ ล้ว (อก/164)
- คาพิพากษาฎีกาที่ 205/2516 ผูต ้ าย ผูเ้ สียหาย และจาเลยร่วมดืม ่ สุราด้วยกันจนเมา
แล้วผูต ้ ายกับจาเลยทะเลาะกัน ผูเ้ สียหายจึงชวนจาเลยกลับบ้าน ผูต ้ ายตามมาต่อยและเตะจาเลยจนล้ม
ลุกขึน ้ ก็ยงั ถูกเตะอีกเมือ่ ผูต ้ ายเตะ จาเลยก็ใช้มด ี ปลายแหลมทีต ่ ด
ิ ตัวไปแทงสวนไปสองสามครัง้ ถูกผูต้ าย
ระหว่างนัน ้ ผูเ้ สียหายเข้าขวางเพือ ่ ห้าง จึงถูกมีดได้รบ ั บาดเจ็บ ส่วนผูต้ ายถึงแก่ความตาย
การกระทาของจาเลยต่อผูต ้ ายเป็ นการกระทาโดยป้ องกันพอสมควรแก่เหตุ
แม้จะพลาดไปถูกผูเ้ สียหายเข้าด้วย ซึง่ ตามมาตรา 60 ประมวลกฎหมายอาญา
จะถือว่าจาเลยมีเจตนาแทงผูเ้ สียหายก็ดี แต่การกระทาของจาเลยก็เป็ นผลสืบเนื่องมาจากจาเลยแทงผูต ้ าย
เพือ ่ ป้ องกันสิทธิพอสมควรแก่เหตุ อันไม่เป็ นความผิด
จาเลยจึงไม่มค ี วามผิดฐานทาร้ายร่างกายผูเ้ สียหายด้วย
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1428/2520 ผูต ้ ายไล่จว้ งแทงจาเลยด้วยมีด ตัวมีดยาวคืบเศษ
จาเลยยิงด้วยปื นพก 7.65 มม. 7 นัด เมือ่ อยูห ่ า่ ง 1 วา กระสุน 1 นัดพลาดไปถูกผูอ ้ น
ื่ บาดเจ็บ
เป็ นการกระทาเพือ ่ ป้ องกันเกินสมควรแก่เหตุ ความผิดฐานฆ่าคนและพยายามฆ่าคนเป็ นกรรมเดียวกัน
- คาพิพากษาฎีกาที่ 370/2527 จาเลยมีปากเสียงชกต่อย ค.ด้วยสาเหตุปก ั ใจเชือ
่ ว่า
ค.เป็ นคนร้ายฆ่าบิดาตน จาเลยสูไ้ ม่ได้และกลับไปก่อน ต่อมาอีก 30 นาที ค.ขีร่ ถจักรยานกลับบ้านมี
ป.นั่งซ้อนท้ายไปด้วย จาเลยดักซุม่ อยูใ่ นป่ าข้างทางใช้ปืนแก๊ปยาวทีถ
่ ือติดมือมายิง
ค.แต่กระสุนปื นพลาดไปถูก ป.ตายดังนี้เป็ นการกระทาโดยไตร่ตรองไว้กอ ่ น จาเลยมีความผิดตาม ป.อ.
ม.289 (4) ประกอบด้วย ม.60

- การกระทาโดยพลาดตาม ม 60 ต้องเกิดผลแก่ ผูเ้ สียหายที่ 2


- เพราะมาตรา 60 ตามตัวบทต้องมี “ผลของการกระทาเกิดแก่อก ี บุคคลหนึ่ง”
- ยิงดา เกือบถูกขาว ไม่ตอ
้ งรับผิดต่อขาว แต่หากยิงดา ขาวช็อกตาย ปรับ ม 60 รับผิดต่อขาว
(อก/165)
- คาพิพากษาฎีกาที่ 5438/2538 จาเลยใช้อาวุธปื นยิงพยายามฆ่า ส. กระสุนปื นถูก ส.
ได้รบั อันตรายสาหัส และพลาดไปถูก ว. ได้รบั อันตรายแก่กาย จาเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่า ส. และ
ว. อันเป็ นการกระทากรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท

- การกระทาโดยพลาดตาม ม 60 ต้องเกิดผลขณะกระทา
- ยิงดาลูกขาว ขาวช็อกตาย ขณะ นัน
้ ปรับ ม 60 แต่หากขาวมาเห็นศพ แล้วช็อกตาย ไม่ปรับ ม 60
(อก/165)

- การกระทาโดยพลาดตาม ม 60 “เจตนาโอน” ต้องรับผิดต่อผูเ้ สียหายที่ 2


ตามเจตนาทีม ่ ตี อ
่ ผูเ้ สียหายที่ 1 เช่น
- ยิงดา ถูกขาวสาหัส รับผิดต่อขาว ม 288 + 80 + 60 ไม่ใช่ ม 297 (อก/165)
- ตีดา ถูกขาวล้มหัวแตกตาย รับผิดต่อขาว ม 290 + 60 ไม่ใช่ ม 288 (อก/166)
- ตีเมีย ถูกชาวบ้านตาย รับผิดต่อชาวบ้าน ม 290 + 60 ฎ 447/2510 (อก/166)
- คาพิพากษาฎีกาที่ 61/2494 น้อยโกรธเมียหลวงเพราะเมียหลวงพูดถ้อยคาบาดหู
จึงเอามีดฟันเมียหลวงไปในทันทีทน ั ใดนัน
้ โดยหมายฟันตรงแขนเมียหลวง แต่เมียหลวงเบนหนี
มีดทีฟ ่ นั ลงจึงไปถูกกลางศีร์ษะเด็กหญิงอายุ 7 เดือนทีเ่ มียหลวงอุม ้ พาดตักและแขนเข้า
กะโหลกศีร์ษะแตกตาย ดังนี้ วินิจฉัยว่าหากเมียหลวงไม่เบนหนี
มีดทีฟ ่ นั ก็จะถูกแขนเมียหลวงและเมียหลวงก็ไม่ถงึ ตาย ฉะนัน ้ เมือ่ เกิดพลาดไปถูกเด็กจนถึงตายขึน ้
ก็เป็ นเรือ ่ งทีช
่ ี้ขาดว่าเป็ นความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาไม่ได้
คงเป็ นความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 251
- คาพิพากษาฎีกาที่ 486/2499 การทีจ่ าเลยกับพวกสมคบกันมาเจตนาจะยิงคูป ่ รปักษ์
แม้กระสุนปื นของพวกจาเลยยิงไปจะพลาดพวกปรปักษ์
แต่ไปถูกผูเ้ สียหายซึง่ มาดูเหตุการณ์ เข้าเช่นนี้.จาเลยซึง่ เป็ นฝ่ ายพวกผูถ ้ ูกยิงย่อมต้องมีผด ิ ฐานพยายามฆ่าคน
ตายโดยเจตนาด้วย
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1917/2511 ความผิดฐานปล้นทรัพย์เป็ นเหตุให้ผอ ู้ น
ื่ ถึงแก่ความตาย ตาม
มาตรา 340 วรรคท้ายนัน ้ หมายถึงบุคคลอืน ่ มิใช่พวกปล้นด้วยกันเอง
จาเลยกับพวกปล้นทรัพย์และใช้ปืนยิงเจ้าทรัพย์บาดเจ็บ กระสุนพลาดไปถูกพวกคนร้ายด้วยกันตาย
จาเลยผิดฐานปล้นโดยใช้ปืนยิง และฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา (รับผิดฐานพยายามฆ่าต่อเจ้าทรัพย์ดว้ ย)

- ฎ.917/2530 “ด้ามปื นตีหวั ปื นลั่น” จาเลยตีหวั ว.แตก ปื นลั่นถูก ด.ตาย ส.บาดเจ็บ


- คาพิพากษาฎีกาที่ 917/2530 จาเลยใช้ดา้ มปื นตีศรี ษะ ว.แตกเลือดไหลแล้วกระสุนปื นลั่นไปถูก ด.
ตาย และ ส. ได้รบั บาดเจ็บ จาเลยย่อมมีความผิดฐานทาร้ายร่างกาย ว. ตาม มาตรา 295
แต่เมือ่ ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจาเลยมีเจตนาใช้ปืนยิง เพือ
่ ฆ่าหรือทาร้าย ว.
กรณี จงึ มิใช่เป็ นการทีจ่ าเลยมีเจตนากระทาต่อ ว. แต่ผลของการกระทาผิดเกิดแก่ ด. และ ส. โดยพลาด
จาเลยจึงไม่มค ี วามผิดตามมาตรา 290, 295 ประกอบด้วยมาตรา 60 อย่างไรก็ตาม
เมือ่ การทีก่ ระสุนปื นลั่นเป็ นผลให้ ด.ตายและ ส.ได้รบ
ั บาดเจ็บนัน้ เป็ นเพราะความประมาทของจาเลย
ในการใช้ปืนตี ว.จาเลยจึงมีความผิดตามมาตรา 291, 390
- ศาลฎีกาว่า ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้วา่ มีเจตนายิงหรือทาร้าย ว.จึงไม่ใช่กรณี เจตนากระทาต่อ
ว.แล้วผลเกิดแก่ ด.และ ส.โดยพลาด จึงไม่ปรับ ม.290,295 + 60 แต่เป็ นความประมาทจึงปรับ ม.291
,390 / คาวินิจฉัยของศาลฎีกา ไม่ได้ชี้ในประเด็นนี้ ว่าเจตนาทาร้ายนี้ โอนได้
แต่ศาลฎีกาไปหยิบเอาผลของการกระทาทีน ่ อกเหนือความตัง้ ใจเดิม มาวินิจฉัยว่า ไม่ใช่เจตนาฆ่า
จึงไม่ใช้หลักเจตนาโอน ตาม ป.อาญา มาตรา 60 ซึง่ ขาดประเด็นทีต ่ อ
้ งวินิจฉัยในคดีนี้โดยตรง
ว่าเจตนาทาร้ายนัน ้ ต้องโอนไปยังผูเ้ สียหายที่ 2 ตามมาตรา 60 ด้วย
- อ เกียรติขจรฯ เห็นว่าการใช้ปืนตีหวั ว.เป็ น “เจตนาทาร้าย” เมือ่ ผลเกิดแก่ ด.และ ส.
แม้จะด้วยวิธีการทีน ่ อกเหนือไปจากเจตนา ก็ยงั ถือว่าเจตนาโอน
- รับผิด ต่อ ว. ตาม ม.295+59 ว.2 หากปื นลั่นถูก ว.บาดเจ็บด้วย ต้องปรับประมาท ม.390+59 ว.4
/ หาก ว.ตาย ปรับ ม.290+59 ว.4 แล้วจึงปรับด้วย ม.90 / แต่ตามข้อเท็จจริง ว.ไม่บาดเจ็บจากกระสุน
ไม่ตอ ้ งปรับเรือ ่ งประมาท ทัง้ ทีถ่ ือว่าเป็ นการประมาทด้วย เพราะเรือ ่ งประมาทต้องรับผิดเมือ่ ผลเกิดเท่านัน

- กรณี รบั ผิดต่อ ด. ปรับบทเช่นเดียวกับกรณี ว.ตาย เพิม ่ ม.60 ตามหลักเจตนาโอน
- กรณี รบั ผิดต่อ ส. ปรับ ม.295 + 60 ตามหลักเจตนาโอน และ ม.390 เพราะถือว่าประมาทต่อ
ส.ซึง่ ส่วนนี้เป็ นเรือ ่ งประมาท ไม่ปรับเจตนาโอน แต่หาก ส.อยูไ่ กลมาก ไม่เป็ นประมาทต่อ ส.แล้ว
ก็ไม่ตอ ้ งปรับ ม.390
- แม้การใช้ปืน ตบหน้าผูอ ้ น
ื่ จะเป็ นการกระทาทีข ่ าดความระมัดระวัง
แต่ก็ไม่ตอ ้ งปรับเป็ นเรือ่ งการกระทาโดยประมาทอีก เพราะกรณี นี้ เป็ นการกระทาทีเ่ ริม ่ ด้วยเจตนาทาร้าย
จึงขาดองค์ประกอบของการกระทาโดยประมาท ทีบ ่ ญ
ั ญัตวิ า่ "กระทาโดยประมาท ได้แก่
กระทาความผิดมิใช่โดยเจตนา แต่กระทาโดยปราศจากความระมัดระวังฯ"
- ส่วนทีก่ ระสุนลั่นไปถูก นาย ค. นัน ้ เมือ่ การกระทาเดียวกัน เริม ่ ด้วยเจตนาทาร้าย
แต่ผลของการกระทาไปเกิดกับอีกบุคคลหนึ่งโดยพลาดไป แม้ในกรณี นี้ ผลทีเ่ กิดจากกระสุนลั่น
โดยไม่มเี จตนาจะยิงโดยตรง ก็เข้าองค์ประกอบ ป.อาญา มาตรา 60 เพราะเจตนาทาร้ายนัน ้ โอนได้
และผูก ้ ระทาต้องรับผิดต่อผูเ้ สียหายทัง้ สอง

- การกระทาโดยพลาด ตาม ม 60 รับผิดต่อ ผูเ้ สียหายที่ 1 แม้ผลไม่เกิด ผิด ม 80


และรับผิดต่อผูเ้ สียหายที่ 2 ปรับ ม 90 (ดู ม 107 ว 2 พยายามฆ่า โทษประหาร) (อก/171)
- คาพิพากษาฎีกาที่ 2852/2531 จาเลยยิงผูต ้ ายซึง่ อยูใ่ นกลุ่มคน 2 นัดติดต่อกัน
กระสุนปื นถูกผูต ้ ายถึงแก่ความตาย และพลาดไปถูกคนในกลุม ่ คือ ส.
ได้รบั บาดเจ็บพฤติการณ์ ของจาเลยจึงเป็ นการกระทา เพือ ่ ฆ่าผูต้ ายเท่านัน
้ หาได้มเี จตนาจะฆ่า
ส.อีกต่างหากไม่ การกระทาของจาเลยจึงเป็ นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 288 บทหนึ่งและมาตรา 288,80 ประกอบด้วยมาตรา 60 อีกบทหนึ่ง
ไม่ใช่เป็ นการกระทาความผิดหลายกระทง

- การกระทา “โดยสาคัญผิด” ตาม ม 61 ไม่ตอ ้ งรับผิดตาม ม 81 ต่อ ผูเ้ สียหายที่ ตัง้ ใจจะทาร้าย
แต่รบั ผิดต่อ ผูเ้ สียหายที่ ถูกกระทาอย่างเดียว (อก/171)
- การพยายามกระทาความผิด ซึง่ ไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่ แท้ ตาม ม 81
เกิดจากการกระทาโดยพลาด ตาม ม 60 ได้ เช่น ต้องการยิงดา แต่ยงิ ตอไม้ กระสุนถูกขาวตาย รับผิดต่อดา
ม 288+81 และ รับผิดต่อขาว ม 288+60 (อก/171)

- การกระทาโดยพลาด ตาม ม 60 เกิดได้หลายวิธี


- การกระทาโดยพลาด ตาม ม 60 เพราะบุคคลทีส ่ าม เช่น ยิงผูเ้ สียหายที่ 1 แต่บค
ุ คลทีส
่ าม ปัดปื น
ถูกพวกเดียวกับผูย้ งิ เอง ผิด ม 288+60 ฎ 651/2513 (อก/169)
- การกระทาโดยพลาด ตาม ม 60 เพราะผูเ้ สียหายที่ 1 เช่น ตีดา ดาหลบ เซไปถูกขาว ขาวหัวแตก
รับผิดต่อดา ม 295+59/2+80 รับผิดต่อขาว 295+60 (อก/169)
- การกระทาโดยพลาด ตาม ม 60 เพราะผูเ้ สียหายที่ 2 เช่น หลอกให้ดากินยาพิษ แต่ขาวมาหยิบกิน
(อก/169)
- ผูก
้ ระทา ทาต่อตนเอง แต่ผลเกิดแก่อก ี บุคคลหนึ่ง ไม่ใช่การกระทาโดยพลาดตาม ม 60
- ฆ่าตัวตาย มือสั่น ลูกปื นไปถูกขาว ไม่ผด
ิ ม 288 ไม่มเี จตนาฆ่า แต่อาจผิด ม 291 ประมาทได้
(อก/170)

- ้ เป็ นความผิด” เช่น ม


การกระทาโดยพลาด ตาม ม 60 ต้อง “มีการกระทา” ต่อ ผูเ้ สียหายที่ 1 “ถึงขึน
80
- “การตระเตรียมการวางเพลิง” ตาม มาตรา 219 แม้มก ี ฎหมายบัญญัตเิ ป็ นความผิด
แต่โดยลักษณะของขัน ้ ตระเตรียม ยังไม่เกิดผลของการกระทา จึงไม่อาจมีกรณี การกระทาโดยพลาดตาม ม
๖๐ ได้ เพราะมาตรา ๖๐ ต้องมี “ผลของการกระทาเกิดแก่อก ี บุคคลหนึ่ง”

- กรณี ”ตระเตรียม” ฆ่า แต่ผลเกิดกับบุคคลทีส ่ าม ไม่ใช่พลาด เช่น


- ซื้อยาพิษมาเก็บไว้ แต่มค ี นเอาไปกิน (อก/170)
- เล็งปื นแล้ว ถูกปัด ถูกผูเ้ สียหายที่ 2 เป็ นการกระทาโดยพลาด ตาม ม 60 แต่ ชักปื นแล้ว ถูกปัด
ยังไม่ถงึ ขัน
้ ลงมือกระทาผิด ปื นลั่นถูกผูเ้ สียหายที่ 2 ไม่ใช่ ม 60 แต่หากเป็ นการกระทาโดยประมาท
รับผิดตาม ม 291 ได้ (อก/170)

- ถ้าประสงค์ตอ
่ ผลและเล็งเห็นผลพร้อมกัน แยกเป็ นสองเจตนา ยังไม่ปรับ มาตรา 60
แต่ทง้ ั สองเจตนานัน
้ อาจพลาดไปเกิดผลกับผูอ ้ น
ื่ อีกได้ กรณี นี้จงึ ปรับ ม 60 (อก/162,167)

- “การกระทาโดยประมาท” เจตนาไม่โอน ให้รบั ผิดฐานประมาท ตาม ม 59 ว 4 ต่อผู้เสียหายทัง้ หมด


- แกว่งปื นทีส
่ าธารณะ กระสุนไปถูก ก.แล้วแฉลบไปถูก ข.ด้วย (อก/171)/
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1086/2521 ยิงยางรถยนต์พลาด กระสุนถูกรถยนต์ทะลุไปถูกคนในรถ
เป็ นอันตรายสาหัส เป็ นความผิดฐานทาให้เกิดอันตรายสาหัสโดยประมาทตาม ม.300
(ศาลวินิจฉัยว่าเป็ นการกระทาโดยประมาท ส่วนทีใ่ ช้คาว่าพลาดไปถูกคนในรถนัน ้ หมายถึง
ผลทีเ่ กิดไม่ตรงกับทีต ่ ง้ ั ใจไว้ แต่ไม่ใช่เรือ
่ งการกระทาโดยเจตนาโดยพลาดไปตาม ม 60)

- การกระทาโดยพลาด ตาม ม 60 ใช้กบั เจตนาย่อมเล็งเห็นผลด้วย (อ เกียรติฯ 8/240)


- คาพิพากษาฎีกาที่ 117/2515 จาเลยยิงปื นเข้าไปในบ้านผูเ้ สียหาย
โดยจาเลยทราบดีวา่ มีคนอยู่ในบ้านนัน ้ กระสุนปื นอาจจะถูกผูเ้ สียหายและพวกซึง่ อาศัยอยูใ่ นบ้านหลังนัน ้ ได้
และกระสุนปื นทีจ่ าเลยใช้ยงิ ได้ทะลุบา้ นผูเ้ สียหาย ไปถูกผูท
้ อ ่
ี่ าศัยอยูใ่ นบ้านอีกหลังหนึงได้รบ
ั บาดเจ็บ
เช่นนี้จาเลยมีความผิด (รับผิดต่อผูเ้ สียหาย) ตาม มาตรา 288, 80 (+เจตนาย่อมเล็งเห็นผล)
(และรับผิดต่อผูไ้ ด้รบั บาดเจ็บ ตาม ม 288 , 80 , 60)

- การกระทา “โดยเจตนา” เท่านัน ้ ที่ เจตนาแรก โอนไปยังผูร้ บ ั ผล ตาม ม 60 ได้ ส่วน


“การกระทาโดยประมาท” เจตนา ไม่โอน ตาม มาตรา 60 (อ เกียรติฯ 8/240)
- ประมาทขับรถชนรถดา ไม่รวู้ า่ ดาบรรทุกระเบิด เกิดระเบิด ขาวอยูร่ ม ิ ถนนตาย ไม่ตอ้ งรับผิดต่อขาว
/ ถือว่าประมาทต่อดา แต่ผลทีเ่ กิดกับขาว นัน ้ ไม่ถือว่าความประมาททีม ่ ต
ี อ
่ ดา โอนมายังขาวด้วย
เมือ่ ไม่ได้กระทาโดยประมาทต่อขาว จึงไม่ตอ ้ งรับผิดต่อขาว (อ เกียรติฯ 8/240)
- เห็นว่าเป็ นการกระทาโดยประมาท และความตายเป็ นผลโดยตรง จากการกระทาโดยประมาท
หากจะไม่ตอ ้ งรับผิดในผล ก็น่าจะใช้ทฤษฎีเหตุทเี่ หมาะสม หมายถึงทฤษฎีเดิม ทีว่ า่ เหตุทุกเหตุ
ไม่ได้มน ี ้าหนักเท่ากัน จะมีบางเหตุเท่านัน ้ ทีจ่ ะมีน้าหนัก มีความเหมาะสมเพียงพอทีจ่ ะทาให้ผลนัน ้
้ เกิดขึน
การวินิจฉัยก็จะดูวา่ เหตุอน ั นี้กบั ผลทีเ่ กิดขึน้ มีเหตุผลเพียงพอหรือไม่
หรือเหตุทเี่ กิดขึน ้ แล้วทาให้เกิดผลขึน้ มานัน ้ เป็ นเรือ ่ งปกติธรรมดา หรือไม่ทจี่ ะทาให้เกิดผลอย่างนี้ขนึ้ มา /
ไม่ได้หมายถึงทฤษฎีเหตุทเี่ หมาะสม ซึง่ อาจารย์นามาปรับใช้กบั ม 63 โดยตรง เพราะกรณี นี้ไม่ใช้ ม 63
เนื่องจากความตาย ไม่ใช่ผลแห่งการกระทาผิด ทีท ่ าให้ผก
ู้ ระทาจะต้องรับโทษหนักขึน้
- ตัวอย่างทีอ ่ าจารย์ยกขึน้ นี้ เทียบกับการทีร่ ถยนต์ของดา ไม่บรรทุกระเบิด แต่ไถลไปชนเข็นข้างทาง
แล้วรถเข็นกระเด็นไปทับขาวทีน ้
่ อนอยูใ่ นบ้าน หรือรถเข็นกระเด็นเข้าไปถูกถังแก็สในบ้าน แล้วระเบิดขึน
ทาให้ขาวตาย กรณี นี้น่าจะพิจารณาในเรือ ่ งความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผล
มากกว่าในเรือ ่ งทีว่ า่ ไม่ได้ประมาทต่อขาว
- ปื นลั่นถูกดา แฉลบไปถูกขาว ซึง่ อยูห ่ า่ งมาก รับผิดต่อดา ม 291 เพราะกระทาโดยประมาทต่อดา
แต่ไม่ตอ้ งรับผิดต่อขาว เพราะไม่ได้กระทาโดยประมาทต่อขาว และการกระทาโดยประมาท
ไม่อาจโอนความรับผิด ในกรณี กระทาโดยพลาดตาม ม 60 ได้ เพราะใช้กบั การกระทาโดยเจตนาเท่านัน ้ (อ
เกียรติฯ 8/240)

- กรณี “ขาดองค์ประกอบความผิด” ไม่ใช่พลาด


- จะฆ่า ก ยิงไปทีศ
่ พ ก.แล้วไปถูก ข หรือ จะยิงสัตว์เลี้ยงของ ก.แต่ยงิ สัตว์เลี้ยงตัวเอง
แล้วไปถูกสัตว์ของ ข. (อก/172) หรือจะยิงสัตว์ของ ก แต่ยงิ ข ซึง่ อยูห
่ ลังพุม
่ ไม้ (รับผิด ต่อ ทายาทของ ก.
ม.358+81 ต่อ ข.ปรับ ม 59 ว 3 ขาดองค์ประกอบ “ผูอ ้ น
ื่ ”) (อก/179)
- (เทียบ การพยายามกระทาความผิด ซึง่ ไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่ แท้ ตาม ม 81
เกิดจากการกระทาโดยพลาด ตาม ม 60 ได้ เช่น ต้องการยิงดา แต่ยงิ ตอไม้ กระสุนถูกขาวตาย รับผิดต่อดา
ม 288+81 และ รับผิดต่อขาว ม 288+60 (อก/171))

- กรณีเจตนาแรก เป็ นเจตนาพิเศษ (เช่น ม 67 , 68 , 72) แล้วพลาด เจตนาโอน


แต่หากไม่มเี จตนาพิเศษ การกระทาโดยพลาด ตาม ม 60 ไม่ตอ ้ งดูเจตนาพิเศษ เพราะไม่ตอ
้ งรับผิด
(อก/172)
- ยิงโดยป้ องกัน ตาม ม 68 ต่อแดง แดงหลบ ถูกขาวตาย อ้าง ม 68 ต่อขาวได้ ฎ 205/2516
แต่หากเกิดจากประมาท รับผิด ม 291 ต่อขาวด้วย (อก/173)
- มีเหตุจาเป็ นต้องยิงดา ม 67 ยิงแล้ว ดาหลบทัน พลาดไปถูก ขาว (รับผิด ต่อดา ม 59+80+288
อ้าง ม 67 และต่อขาวปรับมาตราเดียวกัน เพิม ่ ม 60) แต่หากดาหลบแล้วกระสุนไปถูกทรัพย์ของขาว
กรณี ขาวไม่ใช่เรือ
่ งพลาด (วัตถุตา่ งประเภท เจตนาไม่โอน 60) จึงไม่ตอ
้ งรับผิดต่อขาว
และไม่ตอ้ งพิจารณาเจตนาโอน (อก/174)

- ู ระมาทอีกประเด็นหนึ่ง (เน 47/8/23)


กรณี เป็ นเจตนาป้ องกัน บันดาลโทสะ แล้วพลาด อ.จิตติ ให้ดป

- ฐานะหรือความสัมพันธ์ (อก/176)
- เจตนาทา บุคคลธรรมดา ผลเกิดแก่บดิ า หรือเจ้าพนักงาน ถือว่าเจตนาทาต่อบุคคลธรรมดา
(อก/176)
- เจตนาทา บิดา ผลเกิดแก่ มารดา รับผิดเต็ม ไม่นอกเหนือเจตนา
(อก/176)
- เจตนาทา เจ้าพนักงาน ผลเกิดแก่ เจ้าพนักงานอืน่ รับผิดเต็ม ไม่นอกเหนือเจตนา
(อก/176)
- เจตนาทา บิดา ผลเกิดแก่ เจ้าพนักงาน
- หรือ เจตนาทา เจ้าพนักงาน ผลเกิดแก่บดิ า รับผิดเพียง “บุคคลธรรมดา”
(อก/177)
- เจตนาทา บิดา หรือ เจ้าพนักงาน แต่ผลเกิดแก่บค ุ คลธรรมดา รับผิดเท่าบุคคลธรรมดา
(ไม่ตอ
้ งกล่าวถึงเจตนาแรก))

- กรณี โทษหนัก แต่ไม่ใช่เรือ


่ งฐานะหรือความสัมพันธ์ของบุคคล
- ทาลายทรัพย์ ผลเกิดแก่ทรัพย์สาธารณะ รับผิด ม 358+60 ไม่ใช่ ม 360+60 ไม่ปรับ ม 60
ตอนท้าย (อกว่า ม 60 ตอนท้าย ไม่จาเป็ นต้องมี) (ม 62 ว 3 สามารถปรับใช้ได้ทุกกรณี ) (อก/177)

- การกระทา “โดยสาคัญผิด” ตาม ม 61 มีการพลาด ตาม ม 60 ได้ (อก/178)


- ประสงค์จะยิงแดง แต่ยงิ ดาโดยสาคัญผิดว่าเป็ นแดง กระสุนแฉลบไปถูกขาวด้วย

- ผลอาจเกิดขึน ้ ตามเจตนา ก็ตอ ้ งรับผิด แม้ผลจะเกิดด้วยเหตุอน


ั นอกเหนือเจตนา
- ยิงรูปปั้นคิดว่าเป็ นดา กระสุนแฉลบ ถูกดาตาย (อก/178)

- เจตนาแรก อาจเป็ นเจตนาประสงค์และเล็งเห็นผลในขณะเดียวกันได้


- ตัง้ ใจขว้างกระจก คาดว่าจะถูกหัวดา ผลเกิด แจกันของเหลืองแตก แจกันล้ม ถูกเขียวหัวแตกด้วย
(อก/179)
- ตัง้ ใจยิง สัตว์ของดา แต่ยงิ ขาว ซึง่ อยูห
่ ลังพุ่มไม้ (รับผิด ต่อ ดา ม 358+81 ต่อ ขาว ปรับ ม.59 ว.3
ขาดองค์ประกอบ “ผูอ ้ น
ื่ ” แต่อาจเป็ นการกระทาโดยประมาท ตาม ม 59 ว 4 ได้) เช่น กระสุนพลาดไปถูก
เหลือง และแมวของเขียว ตายหมด (อาจรับผิดต่อเหลือง ม 291 ได้ (กรณี เหลือง ไม่ปรับ ม 60
เพราะวัตถุทถ ี่ ูกกระทาเป็ นคนละประเภท) รับผิดต่อเขียว ม 60+358 (อก/179)

- ประเด็นตามกฎหมายวิธีพจิ ารณาความ
- คาพิพากษาฎีกาที่ 2145/2499 ฟ้ องว่าจาเลยยิง ก.ตายโดยเจตนา
ข้อเท็จจริงได้ความว่าจาเลยเจตนายิง ข. แต่พลาดไปถูก ก. ตายเช่นนี้ ถือว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้ อง
ถ้าโจทก์ประสงค์จะให้ศาลลงโทษจาเลยตาม ก.ม.อาญา ม.44 ก็ตอ ้ งบรรยายลงไว้ในฟ้ องให้ชดั เจน.
(ประชุมใหญ่ครัง้ ที่ 6/2500)
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1182/2512 (สบฎ เน 2071) บรรยายฟ้ องว่า "เจตนาฆ่านายทองหล่อ"
แต่กระสุนพลาดถูกนายรอด แต่ทางพิจารณาฟังได้วา่ "เจตนาฆ่านายรอด"
จาเลยผิดฐานฆ่านายรอดตายโดยเจตนา ม 288

- สรุปมาตรา 60
- 1. ต้องมีผถ ู้ ูกกระทา 2 ฝ่ ายขึน ้ ไป
- 2. ผูก
้ ระทาจะ ต้องไม่ ประสงค์ตอ ่ ผลต่อบุคคลผูไ้ ด้รบั ผลร้าย และ ต้องไม่
เล็งเห็นผลว่าจะเกิดแก่บค ุ คลซึง่ ได้รบ
ั ผลร้าย ... (หากเล็งเห็นผล ก็เป็ นเจตนาตามมาตรา 59)
- 3. การทีไ่ ปเกิดแก่ผไู้ ด้รบ ั ผลร้ายนัน
้ ไม่ตอ ้ งคานึงว่าผูก้ ระทาจะประมาทหรือไม่ กล่าวคือ
แม้ประมาทก็ถือว่าผูก ้ ระทามีเจตนาต่อผูไ้ ด้รบ ั ผลร้าย
แม้ไม่ประมาทก็ถือว่าผูก ้ ระทาก็มเี จตนาต่อผูร้ บั ผลร้ายเช่นกัน
- 4. หากผูก ้ ระทาได้กระทาต่อวัตถุแห่งการกระทา
อันเป็ นองค์ประกอบภายนอกของความผิดฐานหนึ่ง
ซึง่ ผูก
้ ระทารูข้ อ้ เท็จจริงอันเป็ นองค์ประกอบภายนอนนัน ้ แล้ว
แต่ผลของการกระทาไปเกิดแก่วตั ถุแห่งการกระทา อันเป็ นองค์ประกอบภายนอกของความผิดอีกฐานหนึ่ง
ซึง่ ผูก้ ระทาไม่รข ู้ อ
้ เท็จจริงอันเป็ นองค์ประกอบนัน ้ มาก่อน เช่นนี้ไม่ถือว่าเป็ นการกระทาโดยพลาด (ฎ
1086/21 ยิงยางรถยนต์พลาด กระสุนถูกรถยนต์ทะลุไปถูกคนในรถเป็ นอันตรายสาหัส
เป็ นความผิดฐานทาให้เกิดอันตรายสาหัสโดยประมาทตาม ม.300)
- 5. หากกระทาโดยเจตนาต่อทรัพย์ของบุคคลหนึ่ง แต่ผลไปเกิดแก่ทรัพย์ของอีกบุคคลหนึ่ง
ก็ถือว่าเป็ นการกระทาโดยพลาดตามมาตรา 60 ได้เช่นกัน
- 6. แม้ผลจะเกิดแก่ผเู้ สียหายฝ่ ายแรกสมเจตนาของผูก ้ ระทา หากผลไปเกิดแก่ผเู้ สียหายอีกฝ่ ายหนึ่ง
ก็ถือว่าเป็ นการกระทาโดยพลาดด้วยเช่นกัน (
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1937/2522 ยิง 4-5 นัด เจตนาฆ่า ก. กระสุนถูก ก. ตาย ถูก ส.อันตรายสาหัส
เป็ นความผิดตาม ป.อ.ม. 288 กับ ม.288, 80 อีกบทหนึ่ง คาพิพากษาต้องอ้างความผิดทัง้ 2 บท
ให้ลงโทษตาม ม.288 บทหนัก)
- 7. การกระทาโดยพลาดตามมาตรา 60 จะต้องมีผลเกิดขึน ้ แก่ผเู้ สียหายฝ่ ายทีส่ อง
- 8. เจตนาตามมาตรา 60 คือ “เจตนาโอน” หากเจตนาในตอนแรกเป็ นเจตนาฆ่า
เจตนาทีโ่ อนมาก็เป็ นเจตนาฆ่า หากเจตนาในตอนแรกเป็ นเจตนาทาร้าย
เจตนาทีโ่ อนมาก็เป็ นเจตนาทาร้ายเช่นกัน
- คาพิพากษาฎีกาที่ 447/2510 จาเลยกับภรรยาโต้เถียงกัน
แล้วจาเลยใช้ไม้ไผ่ซงึ่ มีขนาดโตกว่าหัวแม่มือนิดหน่ อย ยาวประมาณ 1 วา ตีภรรยา แต่ตห ี นักมือไป
ทาให้พลาดถูกนางบุญสืบซึง่ ภรรยาของจาเลยยืนเกาะหลังอยูถ ่ งึ แก่ความตาย เมือ่ ภรรยาจาเลยหนีไปแล้ว
จาเลยก็มไิ ด้ตีซา้ อีก ซึง่ บ่งชี้ให้เห็นว่าจาเลยกระทาโดยไม่รส ู ้ านึกในการกระทา
และมิได้ประสงค์ตอ ่ ผลหรือย่อมเล็งเห็นผลว่านางบุญสืบอาจถึงแก่ความตายเพราะการกระทาของจาเลยได้
จาเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290
- คาพิพากษาฎีกาที่ 917/2530 จาเลยใช้ดา้ มปื นตีศรี ษะ ว.แตกเลือดไหลแล้วกระสุนปื นลั่นไปถูก
ด.ตาย และ ส. ได้รบั บาดเจ็บ จาเลยย่อมมีความผิดฐานทาร้ายร่างกาย ว. ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา
295 แต่เมือ่ ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้วา่ จาเลยมีเจตนาใช้ปืนยิงเพือ ่ ฆ่าหรือทาร้าย ว.
กรณี จงึ มิใช่เป็ นการทีจ่ าเลยมีเจตนากระทาต่อ ว. แต่ผลของการกระทาผิดเกิดแก่ ด. และ ส. โดยพลาด
จาเลยจึงไม่มค ี วามผิดตามมาตรา 290, 295 ประกอบด้วยมาตรา 60 อย่างไรก็ตาม
เมือ่ การทีก ่ ระสุนปื นลั่นเป็ นผลให้ ด.ตายและ
ส.ได้รบ ั บาดเจ็บนัน ้ เป็ นเพราะความประมาทของจาเลยในการใช้ปืนตี ว.จาเลยจึงมีความผิดตามมาตรา
291, 390)
- 9. หากเจตนาในตอนแรกเป็ นเจตนาประเภทไตร่ตรองไว้กอ ่ น
เจตนาทีโ่ อนมายังผูไ้ ด้รบั ผลก็เป็ นเจตนาไตร่ตรองไว้กอ ่ นเช่นกัน
- 10. การทีผ ่ ลไปเกิดแก่ผูเ้ สียหายอีกฝ่ ายหนึ่งโดยพลาดนัน ้ อาจเกิดได้หลายวิธีดว้ ยกัน
- คาพิพากษาฎีกาที่ 651/2513 จาเลยชักปื นสัน ้ ออกมาง้างนกขึน ้ จ้องจะยิง ส.
ซ.พวกของจาเลยรีบเข้าปัดปื นให้เฉไปเสีย กระสุนปื นทีล่ ่น ั ออกมาจึงไปถูก จ. พวกของจาเลยถึงแก่ความตาย
จาเลยก็มค ี วามผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา
- คาพิพากษาฎีกาที่ 870/2526 ผูเ้ สียหายกับจาเลยทะเลาะกัน
ในทีส ่ ด
ุ จาเลยชักปื นเล็งไปทีห ่ น้าอกผูเ้ สียหาย และขึน ้ นกจะยิงในระยะห่างประมาณ 1 เมตรเศษ
สามีจาเลยเข้าจับมือกดลงต่า ปื นลั่นกระสุนถูกผูอ ้ น
ื่ ทีเ่ ท้า ดังนี้ จาเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่า
- 11. หากผูก ้ ระทาได้กระทาต่อตนเอง แต่ผลไปเกิดแก่อก ี บุคคลหนึ่ง ก็ไม่ใช่การกระทาโดยพลาด
- 12. กรณี ทจี่ ะถือว่าเป็ นการกระทาโดยพลาดตามมาตรา 60 ได้นน ้ั
ผูก้ ระทาจะต้องได้กระทาการโดยเจตนาต่อบุคคลฝ่ ายแรกถึงขึน ้ ทีจ่ ะเป็ นความผิดเสียก่อน เช่น
ถึงขัน้ ลงมือตามมาตรา 80 หรือตระเตรียมในบางกรณี เช่น ตระเตรียมวางเพลิงเผาทรัพย์
หากการกระทาในตอนแรกโดยเจตนานัน ้ ยังไม่ถงึ ขัน ้ ทีจ่ ะเป็ นความผิด แม้ผลเกิดแก่บค ุ คลทีส ่ าม
ก็มใิ ช่การกระทาโดยพลาดตามมาตรา 60
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1961/2528 การวิวาท หมายถึง การสมัครใจเข้าต่อสูท ้ าร้ายกัน
คาพูดของจาเลยทีว่ า่ การย้ายตารวจต้องมีขน ้ ั ตอน ต้องมีคณะกรรมการอย่าไปเชือ ่ ให้มากนัก
เป็ นเพียงการแสดงความคิดเห็นในการสนทนาเท่านัน ้
มิได้มีขอ ้ ความใดทีเ่ ป็ นการท้าทายให้ผต ู้ ายหรือผูเ้ สียหายออกมาต่อสูท ้ าร้ายกับจาเลย
จะถือว่าจาเลยเป็ นฝ่ ายก่อเหตุววิ าทมิได้ / หลานผูต ้ ายใช้ขวดตีจาเลยทีท ่ ดั ดอกไม้จนเข่าทรุดร่วงตกจากเก้าอี้
ผูต
้ ายเข้าไปล็อคคอและดึงคอเสือ ้ จาเลยไว้
พร้อมกับพูดว่าเอาให้ตายและมีคนอีกกลุม ่ หนึ่งกรูกน ั เข้ามาจะรุมทาร้ายจาเลย
จาเลยสะบัดหลุดแล้วชักปื นออกมาขู่ โดยหันปากกระบอกปื นขึน ้ ฟ้ าพร้อมกับตะโกนว่าอย่าเข้ามา
ทันใดนัน ้ มีคนเข้ามาตะปบปื นในมือจาเลยเพือ ่ จะแย่งปื น ปื นลั่นขึน ้ 1 นัด
กระสุนถูกผูต ้ ายล้มลงถึงแก่ความตาย จาเลยวิง่ หนี แต่คนกลุม ่ นัน ้ วิง่ ไล่ตามจะทาร้ายจาเลย
จาเลยยิงปื นขูข ึ้ ฟ้ าอีก 1 นัด แล้ววิง่ ไปได้หน่ อยหนึ่งก็หมดสติล้มลง
่ น
กระสุนปื นนัดทีส ่ องพลาดไปถูกผูเ้ สียหายบาดเจ็บสาหัส เมือ่ จาเลยเจตนายิงขึน ้ ฟ้ าเพือ่ ขูแ่ ล้ว
ก็ถือไม่ได้วา่ มีเจตนาฆ่า จาเลยจึงไม่มีความผิดฐานฆ่าผูต ้ ายหรือพยายามฆ่าผูเ้ สียหาย
และจะถือว่าจาเลยกระทาให้ผอ ู้ น
ื่ ตายโดยประมาทหรือรับอันตรายสาหัสโดยประมาทมิได้)
- 13. การกระทาโดยเจตนาต่อผูเ้ สียหายฝ่ ายแรกนัน ้
หากผลไม่เกิดแก่ผเู้ สียหายฝ่ ายแรกตามเจตนาของผูก ้ ระทา ผูก ้ ระทาต้องรับผิดฐานพยายามตามหลักทั่วไป
- 14. การกระทาโดยเจตนาต่อผูเ้ สียหายฝ่ ายแรกนัน ้ อาจเป็ นเจตนาเล็งเห็นผล ก็ได้
หากพลาดไปถูกผูเ้ สียหายฝ่ ายทีส ่ องก็เป็ นการกระทาโดยพลาดตามมาตรา 60
- (ฎีกาที่ 117/2515 จาเลยยิงปื นเข้าไปในบ้านผูเ้ สียหาย
โดยจาเลยทราบว่ามีคนอยูใ่ นบ้านนัน ้ กระสุนปื นอาจจะถูกผูเ้ สียหายและพวกซึง่ อาศัยอยูใ่ นบ้านหลังนัน ้ ได้
และกระสุนปื นทีจ่ าเลยใช้ยงิ ได้ทะลุบา้ นผูเ้ สียหายไปถูกผูท ี่ าศัยอยูใ่ นบ้า นอีกหลังหนึ่งได้รบ
้ อ ั บาดเจ็บ เช่นนี้
จาเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80)
- 15. “เจตนา” เท่านัน ้ ทีส
่ ามารถโอนได้ ตามมาตรา 60 ส่วน “ประมาท” โอนไม่ได้
- 16. หากผูก ้ ระทามีเจตนากระทาต่อบุคคลหนึ่ง
แต่ความจริงเป็ นเรือ ่ งขาดองค์ประกอบความผิดภายนอกของความผิด แม้ผลจะไปเกิดแก่อก ี บุคคลหนึ่ง
ก็ไม่ถือเป็ นการกระทาโดยพลาดตามมาตรา 60
- 17. หากเจตนาในตอนแรกเป็ นเจตนาพิเศษเพือ ่ ป้ องกันสิทธิตามมาตรา 68
เจตนาพิเศษในเรือ ่ งจาเป็ นตามมาตรา 67 หรือเจตนาพิเศษในเรือ ่ งบันดาลโทสะตามมาตรา 72
แม้จะมีการกระทาโดยพลาดเกิดผลแก่ผเู้ สียหายอีกฝ่ ายหนึ่ง เจตนาพิเศษในตอนแรกดังกล่าวก็โอนไปด้วย
- คาพิพากษาฎีกาที่ 205/2516 ผูต ้ าย ผูเ้ สียหาย และจาเลย ร่วมดืม ่ สุราด้วยกันจนเมา
แล้วผูต ้ ายกับจาเลยทะเลาะกัน ผูเ้ สียหายจึงชวนจาเลยกลับบ้าน ผูต ้ ายตามมาต่อยและเตะจาเลยจนล้ม
ลุกขึน ้ ก็ยงั ถูกเตะอีกเมือ่ ผูต ้ ายเตะ จาเลยก็ใช้มด ี ปลายแหลมทีต ่ ด
ิ ตัวไปแทงสวนไปสองสามครัง้ ถูกผูต ้ าย
ระหว่างนัน ้ ผูเ้ สียหายเข้าขวางเพือ ่ ห้าง จึงถูกมีดได้รบั บาดเจ็บ ส่วนผูต ้ ายถึงแก่ความตาย
การกระทาของจาเลยต่อผูต ้ ายเป็ นการกระทาโดยป้ องกันพอสมควรแก่เหตุ
แม้จะพลาดไปถูกผูเ้ สียหายเข้าด้วย ซึง่ ตามมาตรา 60 ประมวลกฎหมายอาญา
จะถือว่าจาเลยมีเจตนาแทงผูเ้ สียหายก็ดี แต่การกระทาของจาเลยก็เป็ นผลสืบเนื่องมาจากจาเลยแทงผูต ้ าย
เพือ ่ ป้ องกันสิทธิพอสมควรแก่เหตุ อันไม่เป็ นความผิด
จาเลยจึงไม่มค ี วามผิดฐานทาร้ายร่างกายผูเ้ สียหายด้วย
- คาพิพากษาฎีกาที่ 892/2515
จาเลยตัง้ ใจยิงคนร้ายทีป ่ ลา้ อยูก
่ บั บุตรสาวและบุตรเขยของจาเลยในน้าลึกถึงเอว
เพือ ่ ช่วยเหลือบุตรสาวและบุตรเขยให้พน ้ ภยันตรายซึง่ เกิดจากการประทุษร้าย
อันละเมิดต่อกฎหมายทีก ่ าลังมีอยูโ่ ดยไม่พน ิ ิจพิจารณาให้รอบคอบเสียก่อนว่าคนไหนเป็ นคนร้าย
คนไหนเป็ นบุตรสาวบุตรเขย คนร้ายมีอาวุธอะไรหรือไม่
เมือ่ ลูกกระสุนปื นทีจ่ าเลยยิงพลาดไปถูกบุตรเขยถึงแก่ความตาย
การกระทาของจาเลยย่อมเป็ นความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนาเพือ ่ ป้ องกันผูอ
้ น
ื่ เกินสมควรแก่เหตุ
- คาพิพากษาฎีกาที่ 222/2513 พีส ่ าวจาเลยกับ ฉ.
ด่าท้าท้ายและจะทาร้ายกันจาเลยจึงถือปื นลูกซองยาวบรรจุกระสุนปื นพร้อมเข้าไปยืนห่าง ฉ. เพียง 3 วา
เป็ นเชิงท้าทาย เมือ่ ฉ. ดังนี้ จาเลยจะอ้างว่าป้ องกันตัวไม่ได้
และเมือ่ กระสุนปื นทีจ่ าเลยยิงไปนัน ้ ยังพลาดไปถูก ป.ถึงแก่ความตาย จาเลยก็มค ี วามผิดฐานฆ่าผูอ้ น
ื่ อีกด้วย)

- ตัวอย่างประเด็นข้อสอบเก่า มาตรา 60
- (ขส เน 2512/ 5) กรอบจะยิงตัวตาย แต่ไกปื นแข็ง ให้กล่าจับปื น โดยกรอบเหนี่ยวไกเอง /
กระสุนไม่ถูกกรอบ แต่กระสุนพลาดไปถูกนายก้อนบาดเจ็บ / กรอบไม่ผด ิ ม 288 เพราะเป็ นการฆ่าตนเอง
แม้กระสุนพลาดไปถูกก้อน ก็ไม่ใช่การกระทาโดยพลาดตาม ม 60
ทัง้ ไม่ปรากฏว่ากรอบกระทาโดยปราศจากความระมัดระวัง ในผลร้ายทีเ่ กิดขึน ้ กับผูอ
้ น
ื่
จึงไม่เป็ นการทาให้กอ ้ นได้รบ
ั บาดเจ็บโดยประมาท / กล่าผิดฐานพยายามฆ่ากรอบ ม 288+80
และผลร้ายเกิดขึน ้ แก่นายก้อนโดยพลาด กล่าจึงผิดฐานพยายามฆ่าก้อนด้วย ตาม ม 288+80+60

- (ขส พ 2515/ 6) แดงข่มเหงดา ดาบันดาลโทสะแทงแดง พลาดไปถูกเขียว


เขียวโกรธวิง่ ไปเอาปื นทีบ
่ า้ นมายิงดา แต่ลืมบรรจุกระสุนปื นไว้ / ดาผิด ม 295,60 อ้างบันดาลโทสะได้ ม
72 ฎ 1682/2509 / เขียวผิด ม 288,81 อ้างบันดาลโทสะได้ ม 72 ฎ 247/2478
- (ขส พ 2519/ 6) ดินเอาก้อนหินขว้างน้า น้าหลบหัวชนเรือ ตกน้าตาย ดินผิด ม 290
เพราะดินมีเจตนาทาร้าย น้าหลบ คิว้ แตกเป็ นผลจากการกระทาของดิน ฎ 895/2509 / ไม่มเี จตนาฆ่า ฎ
150/2489 / ก้อนหินถูกตะเกียง ไม่ผด ิ ม 358 เพราะไม่มเี จตนาทาให้เสียทรัพย์ ไม่อาจเล็งเห็ นผล
และไม่มก
ี ฎหมายให้ตอ ้ งรับผิดกรณี ทาให้เสียทรัพย์โดยประมาท ทัง้ ไม่ใช่ ม 60
- (ขส พ 2523/ 8) อูห ๋ ยุดรถให้เม้งแซง แล้วหักรถให้ทา้ ยรถปัดถูกหน้ารถเม้ง
เกือบตกถนนสูงประมาณครึง่ เมตร หน้ารถพัง เม้งชักปื นยิงอู๋ กระสุนพลาดไปถูกผูโ้ ดยสารในรถอู๋ / อูผ
๋ ด
ิ ม
358 ถนนสูง ย่อมคาดหมายได้วา่ ถ้าตกถนน จะได้รบั อันตราย อูเ๋ ล็งเห็นผลได้ จึงผิด ม 295+80 ฎ
1003/2512 / เม้งยิงอูข ๋ ณะโทสะ กระสุนพลาดไป ผิด ม 288+80+60+72
ศาลลงโทษน้อยกว่าทีก่ ฎหมายกาหนดเพียงใดก็ได้ ฎ 1682/2509

- (ขส อ 2519/ 7) ตีสลบ คิดว่าตายแล้ว เอาไปแขวนพรางคดี ผิด ม 290 ฎ 1395/2518 (ไม่ผด ิ ม


199 + 80+81 / + ปวิอ ม 150 ทวิ เพราะขาดองค์ประกอบภายนอก ตอนเคลือ ่ นย้ายร่างผูเ้ สียหาย
ผูเ้ สียหายยังไม่ตาย จึงไม่มีศพ และการพรางศพ ตามองค์ประกอบภายนอก)
- (ขส อ 2522/ 5) ใหญ่ชกโต โตหลบ เซไปถูกเล็ก ใหญ่ ผิด ม 295+60
- (ขส อ 2523/ 5) ใหญ่ไปแอบซุม ่ ยิง แต่ยงิ ผิดคนโดยสาคัญผิด ถูกนายโต เป็ นรอยไหม้
แล้วเลยไปถูกบิดานายใหญ่ สาหัส / ต่อโต ผิด ม 289 (4) + 80 + 61 ฎ 70/2493 / ต่อบิดา ผิด ม 289
(4) + 60 + 61 ไม่รบั ผิด ม 289 (1) / เป็ นกรรมเดียว จะโทษพยายามฆ่าโต หรือบิดาก็ได้ โทษเท่ากัน ฎ
241-2/2504
- (ขส อ 2529/ 5) ดักยิงขโมย แต่ยงิ เงาต้นไม้ โดยสาคัญผิด พลาดไปถูกม้าแดงตาย
และแดงตกม้าสาหัส / ซุม ่ ยิง ผิด ม 289 (4) + 81 ไม่เป็ นป้ องกัน ม 68 / ถูกม้าแดงตาย ไม่มเี จตนา ม 358
ไม่ผด ิ (และไม่ใช่พลาด ม 60 ต่างเจตนา) / แดงสาหัส ผิด ม 300
- (ขส อ 2530/ 2) ปื นตีหวั ลั่นไปถูกผูอ ้ น
ื่ ตายและสาหัส / ตีหวั ม 295 / ปื นลั่น ไม่เจตนา
ไม่ใช่พลาด ม 288+297+60 / แต่เกิดจากประมาท ม 291+300 / + ม 371 / + 291+295+300 + 90
และ ม 371 91
- (ขส อ 2530/ 5) ราษฎรจับผู้รา้ ย ขณะกาลังลักทรัพย์ แล้วคุมตัว เพือ ่ ส่งให้ตารวจ
พีช ่ ายของผูต ้ อ
้ งหา มาช่วยเหลือในขณะนัน ้ ผิด ตาม ม 191 + 81 (ธงคาตอบ
ออกแนวว่าไม่ถือว่าขาดองค์ประกอบภายนอก แต่ถือว่าไม่บรรลุผลได้อย่างแน่ แท้)
- (ขส อ 2531/ 5) ชักปื นเล็งเล็ก ถูกปัด ปื นลั่น เบิม ้ ตาย คนชักปื น ผิด ม 288 + 80 + 60 คนปัด
ไม่ผด ิ เพราะไม่มเี จตนาฆ่า และไม่ถือว่าประมาท เพราะกระทันหันเพือ ่ ช่วยชีวติ เป็ นกรณี เร่งด่วน
จะใช้ความระมัดระวังไม่ให้ถูกผูอ ้ น
ื่ ด้วย คงทาไม่ได้
- (ขส อ 2533/ 3) ขาวขว้างหินและยิงปื นเข้าไปในบ้าน แดงยิงเป็ นการป้ องกัน ไม่ผด ิ ตาม ม 68
ดาภรรยาเข้าไปปัดปื น ปื นลั่นถูกบิดาแดง แดงไม่ผด ิ ไม่ตอ้ งรับผลจากการทีก ่ ระสุนไปถูกเขียว (เล็งแล้ว
ปื นลั่น เป็ นพลาด ม 60 ได้ ดู อ เกียรติขจร / เรือ ่ งนี้ตรวจดูวา่ ถึงขัน
้ ลงมือหรือยัง หรือปื นลั่นก่อนยกขึน ้ เล็ง
)

You might also like