Professional Documents
Culture Documents
214513 - Physics สอวน. 2560 ระดับชาติ
214513 - Physics สอวน. 2560 ระดับชาติ
C
V
Solution ข้อ 1
ข้อ 1.1 (2.0 คะแนน)
หากนักเรียนไม่ระบุกรอบอ้างอิงในการคานวณมาอย่างชัดเจนแล้วให้ถือว่าปริมาณทั้งหมดที่คานวณได้วัดเทียบ
กับกรอบอ้างอิงเดียวกันกับโจทย์
วิธีที่ 1 คำนวณในกรอบอ้ำงอิงของดำวเครำะห์
ใช้กฎอนุรักษ์พลังงานและประมาณมวลของก้อนหินน้อยกว่าดาวเคราะห์มากๆ m M
1 1 GMm 1
mu 2 mv 2 mv 2 mgR
2 2 R 2
วิธีที่ 2 ในกรอบอ้ำงอิงเฉื่อยที่ผู้สังเกตอยู่
ใช้กฎอนุรักษ์โมเมนตัมและพลังงาน
1 1 1 GMm
Mu 2 mv 2 Mw 2 ( w คืออัตราเร็วดาวเคราะห์ตอนหลัง)
2 2 2 R
Mu Mw mv
m
w u v
M
1 1 2 1 m
Mu 2 mv M u2 2 uv mgR v2 2uv 2gR 0
2 2 2 M
v u u2 2gR
ข้อสังเกต เราไม่สามารถคานวณโดยให้พลังงานของดาวเคราะห์คงที่ด้วยสมการ
1 1 1 GMm
Mu 2 mv 2 Mu 2 ซึ่งจะได้ v 2gR (ถ้าทาแบบนี้ ได้ 0 คะแนน)
2 2 2 R
แต่ในกรอบของดาวเคราะห์กลับคิดเสมือนว่าพลังงานของดาวเคราะห์คงที่ได้
การแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระดับชาติ ครั้งที่ 16 Solution ข้อ 1
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 8 – 12 มิ.ย. 60 หน้า 2/5
ช่วง BC
W เป็นลบเพราะ pdV ลบ เพราะ p บวก dV ลบ
dU เป็นลบเพราะ pV ลดทาให้ T ลด
3 3 3
(หรือเป็นลบเพราะ dU d pV pdV Vdp 0 ; ซึง่ dp และ dV เป็นลบ ทาให้ T ลด)
2 2 2
dQ dU ดังนั้น dQ จึงเป็นลบ
dW
dQ เป็นลบแสดงว่า ควำมร้อนไหลออก
ช่วง CA
วิธีที่ 1 วิธีที่ 2
W เป็นศูนย์เพราะ dV เป็นศูนย์ Q ncV T ncV TA TC 0
dU เป็นบวกเพราะ pV เพิ่มทาให้ T เพิ่ม หรือ เพราะ V คงตัวแต่ p เพิ่ม ทาให้ T เพิ่ม ตาม
(หรือ dU เป็นบวกเพราะ pV
1 1
p2V2
3 3 T1 T2
dU d pV Vdp 0 ทาให้ T เพิ่ม)
2 2 Q เป็นบวกแสดงว่า ความร้อนไหลเข้า
dQ dU ดังนั้น dQ จึงเป็นบวก
dW
dQ เป็นบวกแสดงว่า ควำมร้อนไหลเข้ำ
การแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระดับชาติ ครั้งที่ 16 Solution ข้อ 1
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 8 – 12 มิ.ย. 60 หน้า 3/5
วิธีที่ 3
หรือนักเรียนสามารถพิสูจน์สมการรวม จากกฎข้อ 1 ของเทอร์โมไดนามิกส์
3
dQ dU dW d pV pdV
2
5 3
ทาให้ได้ว่า dQ pdV Vdp
2 2
pA 10 atm
pC TC 300 K 7.5 atm
TA 400 K
วิีที
ธี ่ 1 วิธีที่ 2
QAB 3 QAB ncP T ncP TB TA 0
dQ dU dW d pV pdV
2 1 5R
2000K 400K
8.3 2
5 3 4, 000 J
dQ pdV Vdp แต่ในช่วง AB นั้น p คงตัว
2 2
5 5
QAB p V 10 105 2.0 0.4 10 3
2 2
4, 000 J
QCA 3 3 QCA ncV T ncP TC TA 0
QCA V p pV
2 2 1 3R
400K 300K
3 8.3 2
QCA 0.4 10 3 10 10 5
7.5 10 5
150 J
2
150 J
Wnet 1 Wnet Qin Qout
Wnet p V
2 QAB QCA QBC
1 5 3
10 7.5 10 2.0 0.4 10 4000 150 3950
2
200 J 200 J
W W 200
ดังนั้น ประสิทธิภาพของเครื่องจักรความร้อน e 4.8%
Qin QAB QCA 4150
กาหนดให้ VB x 1 VA
1 1
p xVA
1 2 4 A x
จากข้อ 1.2.2 เราได้ว่า p p แทนค่าจะได้ e
4 A 5 3 1 20x 3
p xVA VA pA
2 A 2 4
x 1
ประสิทธิภาพสูงสุดเกิดขึ้นเมื่อ x เข้าใกล้อนันต์ emax lim 5%
x 20x 3 20
การแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระดับชาติ ครั้งที่ 16 Solution ข้อ 1
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 8 – 12 มิ.ย. 60 หน้า 5/5
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
การแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระดับชาติ ครั้งที่ 16 Marking Scheme ข้อ 1
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 8 – 12 มิ.ย. 60 หน้า 1/7
3 3 T1 T2
dU d pV pdV 0
2 2
ช่วง BC
คำอธิบำย คะแนน
dU เป็นลบเพราะ pV ลดทาให้ T ลด 0.1
3 3 3
หรือ เป็นลบเพราะ dU d pV pdV Vdp 0 ; ซึง่ dp และ
2 2 2
dV เป็นลบ
ให้เหตุผลว่า W เป็นลบเพราะ pdV ลบ เพราะ p บวก dV ลบ 0.1
dQ dU dW ดังนั้น dQ จึงเป็นลบ 0.1
dQ เป็นลบแสดงว่า ควำมร้อนไหลออก 0.1
การแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระดับชาติ ครั้งที่ 16 Marking Scheme ข้อ 1
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 8 – 12 มิ.ย. 60 หน้า 3/7
ช่วง CA
วิธีที่ 1 วิธีที่ 2 คะแนน
dU เป็นบวกเพราะ pV เพิ่มทาให้ T เพิ่ม V คงตัวแต่ p เพิ่ม ทาให้ T เพิ่ม ตาม 0.1
หรือ dU เป็นบวกเพราะ pV
1 1
p2V2
3 3 T1 T2
dU d pV Vdp 0
2 2
วิธีที่ 3 (พิสูจน์แบบรวม)
คำอธิบำย คะแนน
3 0.3
dQ dU dW d pV pdV
2
dQ
5
pdV
3
Vdp
0.3
2 2
ช่วง AB ความดันคงที่ dp 0 และปริมาตรเพิ่มขึ้น dV เป็นบวก 0.2
ทาให้ dQ 0 ความร้อนไหลเข้า
ช่วง BC dp และ dV เป็นลบ 0.2
ทาให้ dQ 0 ความร้อนไหลออก
ช่วง CA ปริมาตรคงที่ dV 0 และความดันเพิ่มขึ้น dp เป็นบวก 0.2
ทาให้ dQ 0 ความร้อนไหลเข้า
การแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระดับชาติ ครั้งที่ 16 Marking Scheme ข้อ 1
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 8 – 12 มิ.ย. 60 หน้า 4/7
ใช้สมการ P
const. หรือ ใกล้เคียง 0.1
T
แทนค่าได้ถูกต้อง 0.1
คาตอบถูกต้อง 0.1
การแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระดับชาติ ครั้งที่ 16 Marking Scheme ข้อ 1
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 8 – 12 มิ.ย. 60 หน้า 5/7
QAB
5
p V หรือ QAB ncP T 0.2
2
แทนค่าถูกต้อง 0.1
คาตอบถูกต้อง 4, 000 J 0.1
QCA
3
V p หรือ QAB ncV T 0.2
2
แทนค่าถูกต้อง 0.1
คาตอบถูกต้อง 150 J 0.1
W
1
p V
Wnet QAB QCA QBC 0.2
2
แทนค่าถูกต้อง QBC ถูกต้อง 0.2
คาตอบถูกต้อง 200 J คาตอบถูกต้อง 200 J 0.1
คาจากัดความถูกต้อง e
W
(0.2) 0.3
Qin
e
x 0.4
20x 3
รู้ว่าประสิทธิภาพสูงสุดเกิดขึ้นที่ x 0.3
emax lim
x 1
5%
0.3
x 20x 3 20
การแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระดับชาติ ครั้งที่ 16 Marking Scheme ข้อ 1
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 8 – 12 มิ.ย. 60 หน้า 7/7
ใช้ Rayleigh’s Criterion ได้ถูกต้อง: 1.22 336 rad (หรือใช้ 1.2 ก็ให้) 0.6
D
ถ้าประมาณว่า ให้ (0.4)
D
แทนค่าตัวแปรได้ถูกต้อง เลือก D 2.0 mm ตามที่กาหนด (ตอบเป็น rad หรือ ดีกรี ก็ได้) 0.4
diff
336 rad หรือ 19.2 mDeg
***************************
การแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระดับชาติ ครั้งที่ 16 ข้อสอบภาคทฤษฎี ข้อ 2
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เวลาสอบรวม 4 ชั่วโมง
วันที่ 9 มิถุนายน 2560 หน้า 1/8
ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
1 t T
ค่าเฉลี่ยเชิงเวลา (Time average) ของฟังก์ชัน f t ใด ๆ คือ f t dt
T t 0
1 t 2 1 t 2 1
cos2 t dt sin2 t dt
T t 0 T t 0 2
2
เมื่อ T และ และ เป็นค่าคงตัว
เอกลักษณ์ตรีโกณมิติ:
a b a b
sin a sin b 2 sin cos
2 2
sin a b sin a b 2 sin a cos b
sin a b sin a b 2 cos a sin b
cos2 sin2 cos 2
Part I : พอร์ตมืดและพอร์ตสว่างของอุปกรณ์แทรกสอดมัคเซนเดอร์
อุปกรณ์แทรกสอดมัคเซนเดอร์ (Mach-Zehnder Interferometer) มีลักษณะดังรูปที่ 2.1 เริ่มต้นจาก
การส่งแสงเลเซอร์ความยาวคลื่นเดียวเข้าไปทางตัวแยกแสง (beam splitter) B1 จากนั้นแสงทีถ่ ูกแยกออกจะ
เดินทางไปตามแต่ละเส้นทาง โดยเส้นทางหนึ่งไปสะท้อนที่กระจก M2 และอีกเส้นทางหนึ่งไปสะท้อนที่กระจก M3
ดังรูป แล้วไปรวมกันอีกครั้งหลังจากผ่านตัวแยกแสงตัวสุดท้าย (B4) ไปยังตัวรับแสง (Photodiodes) A และ B
ถ้าจัดให้ระยะทางจาก B1 ถึง B4 ทั้งสองเส้นทางมีขนาดเท่ากัน จะทาให้เกิดการแทรกสอดแบบเสริมกันที่ตัวรับ
แสงตัวหนึ่ง (เราจะเรียกว่า พอร์ตสว่าง) และแบบหักล้างกันที่ตัวรับแสงอีกตัวหนึ่ง (เรียกว่า พอร์ตมืด)
การแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระดับชาติ ครั้งที่ 16 ข้อสอบภาคทฤษฎี ข้อ 2
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เวลาสอบรวม 4 ชั่วโมง
วันที่ 9 มิถุนายน 2560 หน้า 2/8
เราสามารถใช้อุปกรณ์แทรกสอดมัคเซนเดอร์ เพื่อศึกษาค่าความเข้มข้นของสารละลายน้าตาลได้โดยวาง
ภาชนะใส เช่น ท่อเล็ก ๆ ขนาดเท่ากัน (ความยาว L 1.0 cm ) ลงไปแทรกระหว่างเส้นทางเดินของแสงแต่ละ
เส้นทาง ตามรูปที่ 2.3 ท่อหนึ่งมีน้าเปล่าบรรจุอยู่ ส่วนอีกท่อหนึ่งมีสารละลายน้าตาลบรรจุอยู่ (เราสามารถ
ประมาณได้ว่า ความเข้มข้นของสารละลายน้าตาลคงที่ตลอดทั้งท่อ) เมื่อค่อย ๆ เปลี่ยนความเข้มข้นของ
สารละลายน้าตาล เราจะเริ่มเห็นความสว่างที่เปลี่ยนไปของตัวรับแสงที่ปลายทาง
ตัวรับแสง
(พอร์ตสว่าง)
ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ความเข้มแสงเฉลี่ยที่เข้าสู่ตัวรับแสงที่เป็นพอร์ตสว่างนั้นจะขึ้นกับความเข้มข้นของ
สารละลายน้าตาล
การแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระดับชาติ ครั้งที่ 16 ข้อสอบภาคทฤษฎี ข้อ 2
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เวลาสอบรวม 4 ชั่วโมง
วันที่ 9 มิถุนายน 2560 หน้า 6/8
Part IV : การนาอุปกรณ์แทรกสอดไปควบคุมความเข้มข้นของสารละลายนาตาล
1.2
สัญญาณความต่างศักย์ไฟฟ้า (V)
0.8
จุดอ้างอิง (0.5 V)
0.6
0.4
0.2
0 h
hmin h0 hmax
การที่ค่าความต่างศักย์ขึ้นกับค่าความเข้มข้นของสารละลายน้าตาล ทาให้เราสามารถประยุกต์ใช้อุปกรณ์
แทรกสอดมัคเซนเดอร์ควบคุมความเข้มข้นของสารละลายน้าตาลในสายการผลิตให้คงที่ที่ค่าหนึ่งได้ จากรูปที่
2.5 เมื่อค่าความเข้มข้นของสารละลายเท่ากับ h0 สัญญาณความต่างศักย์ไฟฟ้าของตัวรับแสงจะเท่ากับ 0.5 V
เมื่อความเข้มข้นของสารละลายน้าตาลลดลงแต่ยังไม่น้อยกว่า hmin ความต่างศักย์ไฟฟ้าก็จะมีค่าลดลง ในทาง
กลับกัน เมื่อความเข้มข้นเพิ่มขึ้นแต่ไม่มากกว่า hmax ความต่างศักย์ไฟฟ้าก็จะมีค่ามากขึ้น ดังนั้น เมื่อค่าความ
ต่างศักย์ไฟฟ้าของตัวรับแสงต่างไปจากค่าความต่างศักย์อ้างอิง เราจะรู้ได้ว่าความเข้มข้นของสารละลาย
เปลี่ยนไป และสามารถปรับค่าความเข้มข้นของสารละลายน้าตาลจนกว่าค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าของตัวรับแสงจะ
เท่ากับค่าอ้างอิง
การแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระดับชาติ ครั้งที่ 16 ข้อสอบภาคทฤษฎี ข้อ 2
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เวลาสอบรวม 4 ชั่วโมง
วันที่ 9 มิถุนายน 2560 หน้า 7/8
Part V : ปัญหาของการใช้อุปกรณ์ในกรณีที่แหล่งกาเนิดแสงเกิดการผันผวน
เพื่อจะแก้ปัญหาความเข้าใจผิดอันเนื่องมาจากความผันผวนของแสงจากแหล่งกาเนิดแสง เราสามารถใช้
ตัวรับแสงสองตัว คือทั้งพอร์ตมืดและพอร์ตสว่าง ดังรูปที่ 2.1 แล้วนาความเข้มแสงเฉลี่ยที่ได้จากตัวรับแสงทั้งสอง
I A และ I B มาคานวณ ดังนี้
IA IB
I cos x
IA IB
Solution ข้อ 2
คำถำมข้อที่ 2.1
2.1.1 ตัวรับแสง A
ตัวรับแสง A เฟสที่เพิ่มขึ้น เฟสรวมที่เพิ่มขึ้น
แสงในแนวตามเข็มนาฬิกา ฺB1 0 , M2 , B4 ฺ 2 ฺ
แสงในแนวทวนเข็มนาฬิกา B1 0 , M3 , B4 0
2.1.2 ตัวรับแสง B
ตัวรับแสง A เฟสที่เพิ่มขึ้น เฟสรวมที่เพิ่มขึ้น
แสงในแนวตามเข็มนาฬิกา ฺB1 0 , M2 , B4 0 ฺ ฺ
แสงในแนวทวนเข็มนาฬิกา B1 0 , M3 , B4 0
คำถำมข้อที่ 2.2
ความสว่างบนตัวรับแสงเปลี่ยนไปหนึ่งริ้วฺฺแสดงว่าฺฺoptical path ของแสงในเส้นทางที่ผ่านสารละลายน้้าตาลต้อง
เพิ่มขึ้นฺ(หรือลดลง)ฺ หรือคิดเป็นฺphase shift ไดฺฺ้ 2 ฺฺฺนัน่ คือฺฺ
2 2
2 k1L k2L ฺฺฺหรือฺฺ 2 L L
h1 h2
โดยทีฺ่ h1
ฺคือความยาวคลื่นของแสงในสารละลายน้้าตาลขณะที่มีความเข้มข้นฺ h1 ฺ และฺ h2
ฺคือความยาวคลื่นของ
แสงในสารละลายน้้าตาลขณะที่มีความเข้มข้นฺ h2 ฺ
จากที่โจทย์ก้าหนดให้จะได้ว่าฺฺ h1
0 0
, h2
0 0
ฺ
nh 1.33 h1 nh 1.33 h2
1 2
2 2 2 2
แทนค่าลงในสมการฺ 2 L L ฺจะได้ว่าฺ 2 Lh1 Lh2 ฺ
h1 h2 0 0
หรือฺ h 0
ฺ
L
คำถำมข้อที่ 2.3
t 2 /
1 I
I I 0 sin2 tdt
0
T t 0
2
คำถำมข้อที่ 2.4
2.4.1
แสงเส้นทางที่สองจะมีฺoptical path มากกว่าเส้นที่หนึ่งฺเพราะความแตกต่างในดรรชนีหักเหระหว่าง
สารละลายน้้าตาลและน้้าเปล่า
นั่นคือ เส้นทางที่สองจะมีเฟสมากกว่าเส้นทางที่หนึ่งอยู่เท่ากับฺฺ
2 2 2 2 2 Lh
L L L L
2 1 0
1.33 h 0
1.33 0
การแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระดับชาติ ครั้งที่ 16 Solution ข้อ 2
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 8 – 12 มิ.ย. 60 หน้า 3/4
2.4.2
สนามไฟฟ้ารวมฺเกิดจากผลบวกของสนามไฟฟ้าทั้งสองเส้นทาง Etot E 0 sin t E 0 sin t
ยกก้าลังสองทั้งสองข้างฺฺฺ 2
Etot E 02 4 sin2 t cos2 ฺ
2 2
1 Lh
เฉลี่ยตามระยะเวลาจะไดฺ้ I tot 4I 0 cos2 2I 0 cos2 ฺ
2 2 0
L
นั่นคือฺ 2, ฺ
0
คำถำมข้อที่ 2.5
Lh
Vout เป็นฟังก์ชันของฺความเข้มข้นของสารละลายน้้าตาลดังนีฺฺฺฺ้Vout cos2 ฺ เมื่อฺ h
0
ดังนั้นฺเฟสเปลี่ยนไปเท่ากับ 1 2
0.75 0.782 0.10 rad
Lh L
จากสมการฺ ฺฺดังนั้นฺ h
0 0
0.146 0.01 m
แทนค่าฺฺ 0.1 h ฺ
550 nm
แก้สมการจะไดฺฺฺ้ h 12 ppm ฺ
สารละลายเข้มข้นขึ้นฺและเราต้องเพิ่มปริมำณนำฺเพื่อลดความเข้มข้นให้เท่าเดิม
การแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระดับชาติ ครั้งที่ 16 Solution ข้อ 2
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 8 – 12 มิ.ย. 60 หน้า 4/4
คำถำมข้อที่ 2.6
2.6.1 ได้กราฟใหม่ที่รูปร่างคล้ายเดิมฺฺแค่เปลี่ยนแอมพลิจูดเป็น 1.1 V
2.6.3 ฺฺผู้ทดลองไม่ทราบว่าความเข้มแสงผันผวนฺเขาจะเห็นแค่ความต่างศักย์มากขึ้นฺเขาจึงบอกว่าความเข้มข้นของ
สารละลายน้้าตาลมำกกว่ำควำมเข้มข้นอ้ำงอิงฺฺฺฺฺฺฺปริมาณเท่าใดนั้นหาได้จาก 0.55 1.0 cos2 3
แก้สมการจึงไดฺ้ 3
0.766
0.146 L
0.766 0.75 h ฺฺแก้สมการจะไดฺฺ้ h 6 ppm ฺ
0
คำถำมข้อที่ 2.7
2 Lh
ดังนั้นฺ x ฺ
0
๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒
การแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระดับชาติ ครั้งที่ 16 Marking Scheme ข้อ 2
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 8 – 12 มิ.ย. 60 หน้า 1/2
Marking Scheme ข้อ 2
คำตอบ/เหตุผล คะแนน
- เัียน k
2
ได้ถูกต้อง 0.5
0
n
2.4.1 2
hL
(ตอบในรูปัอง n แทน h ก็ได้) 0.4
0
ยกกาลังสองทั้งสองั้าง 2
Etot E 02 4 sin2 t cos2
2 2
การแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระดับชาติ ครั้งที่ 16 Marking Scheme ข้อ 2
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 8 – 12 มิ.ย. 60 หน้า 2/2
ตอบค่า alpha beta ได้ถูกต้อง 2, L (0.2 + 0.2)
0
- คานวณ Phase Shift ที่ 0.5 V และ 0.6 V ได้ถูกต้อง ( 0.1 rad ) 0.5
ไม่หักคะแนน แม้ว่าตอนคานวณเฟส จาก arccos จะไม่ได้เลือก fringe ที่ถูกต้อง
1.0
- หาความเั้มเฉลี่ยบนพอร์ตมืดได้ว่าเป็น IA 2I 0 sin2
2
(จะใช้วิธีการแบบั้อ 3 หรือ กออนุรัก์์พลังงานก็ได้)
ในการบั ง คั บ ทิ ศ ทางของล าอนุ ภ าคนั้ น เราใช้ ส นามแม่ เ หล็ ก 2 ขั้ ว หรื อ Magnetic Dipole จาก
กระแสไฟฟ้าที่ไหลในเส้นลวดนากระแสไฟฟ้าจานวนหลายเส้น ที่วางตัวในแนวขนานไปกับลาของอนุภาค ดังรูปที่
3.1 ตรงกลางระหว่างเส้นลวดเป็นท่อสุญญากาศทรงกระบอกสาหรับให้ลาอนุภาคเคลื่อนที่ผ่าน เส้นลวดกระแส
แบ่งออกเป็น 2 ซีก นาไฟฟ้าในทิศทางตรงข้ามกัน ทาให้เกิดสนามแม่เหล็กบริเวณตรงกลางทรงกระบอกซึ่ง
ค่อนข้างมีความสม่าเสมอ ลาอนุภาคเคลื่อนที่ตั้งฉากกับสนามแม่เหล็กที่กลางกระบอก
การแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระดับชาติ ครั้งที่ 16 ข้อสอบภาคทฤษฎี ข้อ 3
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เวลาสอบรวม 4 ชั่วโมง
วันที่ 9 มิถุนายน 2560 หน้า 2/8
ลาอนุภาค
S N
ลาอนุภาค
N S
รูปที่ 3.5 แบบจาลอง Magnetic Quadrupole เมื่อมอง รูปที่ 3.6 หน้าตัดของ Magnetic
ด้านข้าง โดยที่ d R (สเกลของรูปไม่ถูกต้อง) Quadrupole แสดงการไหลของ
กระแสไฟฟ้าที่สร้างสนามแม่เหล็ก วงกลม
บริเวณตรงกลางคือพื้นที่หน้าตัดของลา
อนุภาค (สเกลของรูปไม่ถูกต้อง)
ลาอนุภาคเคลื่อนที่เข้าที่จุดศูนย์กลางของเส้นลวดทั้ง 4 เส้นโดยแกนกลางของลาอนุภาคซ้อนทับกับ
แกนกลางของ Magnetic Quadrupole สนามแม่เหล็กบริเวณใกล้ ๆ แกนกลางของ Magnetic Quadrupole
เท่ากับ
B ay ˆi bx ˆj
เมื่อ a และ b คือค่าคงตัว
Magnetic Magnetic
Quadrupole Quadrupole
C.1 (0.3 คะแนน) ให้ลาอนุภาคเคลื่อนที่ไปทาง z ดังรูปที่ 3.5 และ 3.6 สาหรับอนุภาคที่เคลื่อนทีผ่ ่าน
แกน x (อยู่บนระนาบ xz ) นั้น Magnetic Quadrupole ทาตัวเป็นเลนส์นูนหรือเลนส์เว้า และสาหรับอนุภาค
ที่เคลื่อนที่ผ่านแกน y (อยู่บนระนาบ yz ) นั้น Magnetic Quadrupole ทาตัวเป็นเลนส์นูนหรือเลนส์เว้า ให้
ระบุคาตอบพร้อมเหตุผลประกอบในกระดาษสรุปคาตอบ
อ่านเป็นความรู้เพิ่มเติมหลังจากทาข้อสอบเสร็จแล้ว
เครื่ อ งเร่ ง อนุ ภ าคที่ เ ราศึ ก ษาในแบบจ าลองนี้ มี พ ลั ง งานน้ อ ยมากเที ย บกั บ เครื่ อ งเร่ ง อนุ ภ าคทั่ ว ไป
ตัวอย่างเช่น เครื่องเร่งอนุภาคขององค์กรวิจัยนิวเคลียร์ยุโรป (CERN) สามารถเร่งให้อนุภาคโปรตอนมีความเร็ว
0.999999989 เท่าของความเร็วแสง มีพลังงานสูงถึง 6.5 TeV และนาไปสู่การค้นพบอุนภาคมูลฐานฮิกส์โบ
ซอน (Higgs boson) ในปี ค.ศ. 2015 สาหรับประเทศไทยเรามีเครื่องกาเนิดแสงสยามที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี
สุรนารี ซึ่งสามารถเร่งอิเล็กตรอนให้มีพลังงานสูงถึง 1.2 GeV ที่ความเร็ว 0.999999909 เท่าของความเร็ว
แสง และใช้เป็นแหล่งกาเนิดแสงซินโครตรอน (synchrotron radiation) ย่านความถี่เอ็กซ์เรย์สาหรับงานวิจัย
วัสดุและสารชีวโมเลกุล
การแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระดับชาติ ครั้งที่ 16 ข้อสอบภาคทฤษฎี ข้อ 3
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เวลาสอบรวม 4 ชั่วโมง
วันที่ 9 มิถุนายน 2560 หน้า 8/8
ในกรณีที่อนุภาคมีพลังงานสูงมากนั้น ต้องใช้ขดลวดตัวนายิ่งยวดสาหรับการสร้างสนามแม่เหล็กความ
เข้ ม สู ง รู ป ที่ 3.10 แสดงหน้ า ตั ด ของ Magnetic Quadrupole ที่ CERN ใช้ ตั ว น ายิ่ ง ยวดน ากระแสไฟฟ้ า ที่
อุณหภูมิ 1.9 K ซึ่งจะเห็นว่ามีท่อสุญญากาศ 2 ท่อที่ขนานกันสาหรับให้อนุภาคโปรตอน 2 ลาเคลื่อนที่สวนทาง
กัน โดยที่กระแสใน Quadrupole แต่ละชิ้นแบ่งออกเป็น 4 ปีก (เลข 1 ถึงเลข 4) ในแต่ละปีกมีลวดตัวนายิ่งยวด
ประมาณ 30 กว่าเส้น ในแต่ละเส้นมีกระแสไฟฟ้าขนาดหลายพันแอมแปร์ ทาให้ได้กระแสไฟฟ้ารวมหลายแสน
แอมแปร์ เนื่องจากกระแสไฟฟ้ามีค่ามาก แรงระหว่างเส้นลวดจึงมีขนาดมากด้วยเช่นกัน บริเวณรอบ ๆ ลวด
ตัวนาเป็นวัสดุที่มีส่วนประกอบของเหล็กที่ยึดลวดให้คงรูปร่างเดิมไว้ บริเวณที่เป็นเหล็กนี้มีค่าสภาพยอมสัมพัทธ์
สูงซึ่งช่วยในการวนของสนามแม่เหล็กไม่ให้ออกไปสู่ภายนอก
4
2
รูปที่ 3.10 หน้าตัดของ Magnetic Quadrupole ที่ CERN ลวดตัวนายิ่งยวดมีจานวน 4 บริเวณ กระแสใน
บริเวณที่ 1 และ 3 ไหลทิศเดียวกัน และตรงข้ามกับกระแสในบริเวณ 2 และ 4 อนุภาคโปรตอนใน
แต่ละท่อมีทิศตรงกันข้าม ก่อนจะถูกบังคับให้มาชนกันในบริเวณที่เป็นเครื่องตรวจจับอนุภาค
ในการทดลองที่ CERN ลาอนุภาคมีรัศมีน้อยกว่า 1 มิลลิเมตร และมีความยาวประมาณ 30 cm
เรียกว่า bunch โดยในแต่ละ bunch มีอนุภาคโปรตอนประมาณ 1.2 1011 อนุภาค ในการทดลองแต่ละ
ครั้งมีจานวน bunch ทั้งหมด 2 2808 bunch ห่างกันเป็นระยะประมาณ 7.5 m เคลื่อนที่ไปพร้อม ๆ
กัน รอบวงแหวนใต้ดิน ความยาวประมาณ 27 km อนุภ าคจะเคลื่ อนที่ได้ประมาณ 11,245 รอบใน 1
วิ น าที ในการศึ ก ษาเรื่ อ งอนุ ภ าคมู ล ฐาน ล าอนุ ภ าคโปรตอนที่ เ คลื่ อ นที่ ส วนทางกั น จะโดนบี บ ด้ ว ย
Quadrupole แบบพิเศษให้ มี ข นาดเล็ กมากไม่ กี่ ไมครอนเพื่ อ เพิ่ม โอกาศในการชน เนื่องจากโปรตอนมี
พลังงานสูงมาก จึงต้องใช้ Dipole จานวนถึง 1,232 ชิ้นและใช้ Quadrupole ถึง 392 ชิ้น นอกจากนี้ยังมี
อุปกรณ์แม่เหล็กชนิดอื่น ๆ อีกหลายพันชิ้นตลอดเส้นรอบวง
อุป กรณ์แต่ล ะชิ้น ของเครื่ องเร่ งอนุ ภ าคมีความซั บซ้อนมาก การออกแบบเครื่องเร่งอนุภ าคให้ มี
พลังงานสูงขึ้นไปอีกเป็นสิ่งที่ท้าทายนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ ๆ
************************* จบข้อ 3 *************************
TPhO2017 ม.เกษตร 8 – 12 มิ.ย. 60 Solution ข้อ 3 Page 1 of 9
1
ความสัมพันธ์ของพลังงานจลน์และอัตราเร็ว Ek mv 2 ซึ่งต้องแปลงหน่วยพลังงานเป็นจูลก่อนคานวณความเร็ว
2
2E
E 4.0 106 1.6 1019 J ได้อัตราเร็ว v 2.77 107 m/s
m
เนื่องจากเส้นลวดยาวมากเมื่อเทียบกับรัศมีของมัน เราจึงสามารถคานวณหาสนามแม่เหล็กจากเส้นลวดยาวแต่ละเส้น
0 I
ตามกฎของแอมแปร์คือ และสนามแม่เหล็กจากเส้นลวดทั้งสองเสริมกันบนแกน x เมื่อใช้ระยะจากลวดแต่ละเส้น จะได้
2 r
0 I 0 I I 2R
B( x) 0 2 ทิศ y หรือใช้ unit vector j
2 ( R x) 2 ( R x) 2 R x 2
I 2 2 x2
B( x) 0 ( ) เมื่อ x R
2R R2
2 2
ดังนั้น k0 , k1 0, k2
TPhO2017 ม.เกษตร 8 – 12 มิ.ย. 60 Solution ข้อ 3 Page 2 of 9
0 I 0 I 0 I 0 I
เมื่อเทียบกับสนามแม่เหล็กตามที่โจทย์ระบุ B( x) k0 (หรือ B( x) 1.0 )
2R R 2R 2R
จะได้ว่า
2 2 Rmv 4 Rmv
I หรือ I
0 NDq 0 NDq
ประจุในลาอนุภาคทาให้เกิดสนามไฟฟ้าและการเคลื่อนที่ของลาอนุภาคทาให้เกิดกระแสไฟฟ้าและสนามแม่เหล็กด้วย
ดังนั้น แรงระหว่างอนุภาคมีด้วยกัน 2 แรงคือแรงแม่เหล็กและแรงไฟฟ้า เนื่องจากลาอนุภาคมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับความยาว เรา
จึงสามารถใช้กฎของเกาส์และแอมแปร์ที่เหมาะสมได้
แรงไฟฟ้า
จากความสมมาตรของลาอนุภาคยาว เราประมาณได้ว่าสนามไฟฟ้าอยู่ในทิศตั้งฉากกับการเคลื่อนที่ (หรือขนานกับแนว
รัศมีของลาอนุภาค) สนามไฟฟ้าสามารถคานวณได้โดยสร้าง Gaussian surface เป็นทรงกระบอกรอบลาอนุภาค คานวณฟลักซ์
ไฟฟ้าและประจุภายใน nq ได้
nq
E
2 0 r0
nq 2
ดังนั้น แรงไฟฟ้าที่ขอบของลาอนุภาค FE qE ทิศออกจากแกนกลาง
2 0 r0
แรงแม่เหล็ก
สนามแม่เหล็กมาจากการกระแสไฟฟ้าที่เกิดจากการเคลื่อนที่อนุภาค เมื่อลาอนุภาคความยาว อนุภาคประจุ q
จานวน n ตัวเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว v เท่ากับมีกระแสไฟฟ้า
Q vt nqv
I
t t
เมื่อ คือประจุต่อความยาว การคานวณสนามแม่เหล็กทาได้โดยสร้าง Amperian loop รอบลาอนุภาค
0 I 0 nqv
B
2 r 2 r0
0 nq 2v 2
ดังนั้น แรงแม่เหล็กที่ขอบของลาอนุภาค FB qvB ทิศเข้าสู่แกนกลาง
2 r0
แรงลัพธ์และความเร่ง
แรงลัพธ์เกิดจากการรวมแรงไฟฟ้าและแรงแม่เหล็กซึ่งมีทิศตรงข้ามกัน
nq 2 nq 2v 2 nq 2 nq 2 v2
F
2 0 r0
0
2 r0
2 0 r0
1 0 0 v 2
2 0 r0
1 2
c
TPhO2017 ม.เกษตร 8 – 12 มิ.ย. 60 Solution ข้อ 3 Page 4 of 9
v2
ทิศออกไปตามแนวรัศมีทรงกระบอกเนื่องจาก 0 0v 2 1 (นักเรียนไม่จาเป็นต้องเขียน 0 0 1 c 2 ) แรงลัพธ์นจี้ ะมี
c2
ค่าน้อยมากเมื่ออนุภาคมีความเร็วเข้าใกล้ความเร็วแสงในเครื่องเร่งอนุภาคทั่วไป (ซึ่งการกระจายออกจะมาจากกระบวนการอื่นเป็น
หลัก)
F nq 2 v 2
ดังนั้น ความเร่ง a0 1
m 2 0 r0 m c 2
1
B.2 (0.4 คะแนน) รัศมีของลาอนุภาคจะเปลีย่ นโดยประมาณไปตามสมการ r r0 z 2 สาหรับตาแหน่ง z
โดยที่ เป็นค่าคงตัว จงหาความสัมพันธ์ระหว่าง , a 0 และ v และคานวณค่า เป็นตัวเลข กาหนดให้
n 106 , พลังงานจลน์ของอนุภาคเท่ากับ E 4.0 MeV , รัศมีเริม่ ต้น r0 1.0 mm ความยาวของลาอนุภาค
30 cm
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงเกิดในแนวรัศมี ความเร็วในแนวแกน z จึงคงตัว หรือระยะ z vt นาไปแทนค่าในสมการ
รัศมีที่โจทย์กาหนดให้ จะได้ r r0 v 2t 2 ซึ่งเมื่อหาอนุพันธ์เทียบกับเวลาจะได้วา่ ความเร่งในแนวรัศมีเท่ากับ a0 2 v 2
nq 2
ดังนั้น
a0 1
2 2
2v 2v 2 0 r0 m
1 0 0 v 2
2E
หาค่า v จากพลังงานจลน์ v ตามข้อ A.1
m
แทนค่าตัวเลขทั้งหมด ได้ 5.94 107 m-1
(ซึ่งแสดงว่าอนุภาควนไปสองสามรอบก็จะมีรัศมีเพิม่ ขึ้นอย่างมีนัยสาคัญ)
C.1 (0.3 คะแนน) ให้ลาอนุภาคเคลือ่ นที่ไปทาง z ดังรูปที่ 3.5 และ 3.6 สาหรับอนุภาคที่เคลื่อนที่ผ่านแกน x (อยู่
บนระนาบ xz ) นั้น Magnetic Quadrupole ทาตัวเป็นเลนส์นูนหรือเลนส์เว้า และสาหรับอนุภาคที่เคลือ่ นที่ผ่านแกน
y (อยู่บนระนาบ yz ) นั้น Magnetic Quadruple ทาตัวเป็นเลนส์นูนหรือเลนส์เว้า ให้ระบุคาตอบพร้อมเหตุผล
ประกอบในกระดาษสรุปคาตอบ
ใช้กฎมือขวาในการหาทิศของแรงแม่เหล็กที่ทากระทากับอนุภาคโปรตอน
อนุภาคบนแกน x มีแรงกระทาเข้าหาแกนกลาง จึงเป็นเลนส์นูน
อนุภาคบนแกน y มีแรงกระทาออกจากแกนกลาง จึงเป็นเลนส์เว้า
C.2 (1.8 คะแนน) จงหาค่าของ a และ b เมื่อ x R และ y R เขียนคาตอบในรูปของ 0 , R และ I (ไม่
ต้องคานวณเป็นตัวเลข)
2 0 I
เมื่อเปรียบเทียบกับสมการ B ayˆi bxˆj สรุปได้ว่า b
R2
2 I
จากความสมมาตรของโครงสร้างเส้นลวด เราสรุปได้ทันทีว่า a 02 เช่นกัน
R
พิจารณาอนุภาคโปรตอนบนตาแหน่ง x ซึ่งเป็นเลนส์นูน
อิมพัลซ์บนอนุภาคบนแกน x เท่ากับ
d
Px qvBt qv bx bqdx
v
Magnetic
จากรูปสามเหลี่ยม เราได้อัตราส่วน Quadrupole
Px bqdx x
Pz mv fx
mv
ดังนั้นความยาวโฟกัส f x และคาตอบไม่ขึ้นกับค่า x ดังนั้น อนุภาคทุกตัวบนแกน x มีระยะโฟกัสเท่ากัน
bqd
TPhO2017 ม.เกษตร 8 – 12 มิ.ย. 60 Solution ข้อ 3 Page 7 of 9
vx bqdx0 x0 mv
จากรูปสามเหลี่ยม เราได้อัตราส่วน ซึ่งให้คาตอบเดียวกัน f x ซึ่งเป็นเลนส์นูน
vz mv fx bqd
mv
จากความสมมาตรของระบบ (หรือทาซ้าอีกครั้ง) เราได้ความยาวโฟกัส f y เลนส์เว้า
aqd
หมายเหตุ:
d2y
ในกรณีทนี่ ักเรียนทาเลนส์เว้าก่อน จะเจอ m qvB aqvy ซึ่งจะเป็นฟังก์ชั่น hyperbolic หรือ
dt 2
qvb d
exponential แล้วใช้การประมาณ มีค่าน้อยแล้วจะได้คาตอบเดียวกัน ให้ใช้แนวทางการตรวจ SHM
m v
พิจารณาอนุภาคบนแนวแกน x
- ลาอนุภาคขนานที่เข้ามาจากซ้ายมือ
- เลนส์ตัวที่หนึ่งเป็นเลนส์นูน ความยาวโฟกัส f x (มีค่าบวก)
- เลนส์ตัวที่สองเป็นเลนส์เว้าเนื่องจากมีการสลับกระแส ความยาวโฟกัส f y (มีค่าติดลบ)
- เลนส์นูนและเลนส์เว้ามีขนาดความยาวโฟกัสเท่ากัน f x f y 0
- ภาพจากเลนส์ที่หนึ่งจะเป็นวัตถุให้เลนส์ที่สอง
- ระยะภาพจากเลนส์ที่สองก็คือระยะโฟกัสของระบบ f x
1 1 1
ได้สมการเลนส์บางตัวที่สอง จัดรูปและใช้สมการ f x f y 0 จะได้ความยาวโฟกัส
L f x f x f y
mv mv
L
f y f x L aqd bqd
f x
L L
พิจารณาแบบเดียวกันบนแกน y
- อนุภาคจะผ่านเข้ามาทางเลนส์เว้าก่อน แล้วไปเจอเลนส์นูน
1 1 1
ได้สมการเลนส์บางตัวที่สอง (เลนส์นูน) จัดรูป ได้ความยาวโฟกัส
L f y f y f x
mv mv
L
f x L f y bqd
aqd
f y
L L
ซึ่งมากกว่าศูนย์ (เพราะ f y เป็นลบ f x เป็นบวก) แสดงว่า Magnetic Quadrupole คู่นี้เป็นเลนส์นูนทางแกน y ด้วย
f2
จะเห็นว่าทั้งสองแกนกลายเป็นเลนส์นูน และหาก f L จะได้ f x f y
L
๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓
TPhO2017 ม.เกษตร 8 – 12 มิ.ย. 60 Marking Scheme ข้อ 3 Page 1 of 7
Marking Scheme
1
1. ความสัมพันธ์ของพลังงานจลน์ Ek mv 2 และการเปลีย่ นหน่วย 0.1 ฟิสิกส์
2
2E 0.1 อื่นๆ
2. ได้คาตอบ v 2.77 107 m/s
m
รวม 0.2 0.1, 0.0 ,0.1
Marking Scheme
1. แรงเนื่องจากสนามแม่เหล็กบนประจุ เท่ากับ qvB 0.1 ฟิสิกส์
2
mv
2. แนวคิดความเร่งและสมการแรงเข้าสู่ศูนย์กลาง qvB 0.2 ฟิสิกส์
3. ระบุหรือแสดงให้เห็นว่า เป็นรัศมีความโค้งของไดโพล
(ไม่ใช่ของวงแหวน และไม่ได้เขียนสูตรขึ้นมาลอยๆ) อาจดูจากการคานวณ 0.3 ฟิสิกส์
ถัดๆ ไป
D
4. คานวณมุมทีเ่ ปลีย่ นไปเมื่อผ่านไดโพล 0.2 คณิต
5. สมการของมุมเมื่อเคลื่อนที่ครบรอบ N 2 0.3 คณิต
2 Rmv
2
4 Rmv
6. คาตอบสุดท้าย I หรือ I 0.3 อื่นๆ
0 NDq 0 NDq
รวม 1.4 0.6, 0.5, 0.3
Marking Scheme
2 2 Rmv
1. คานวณได้ I 1.14 104 A หรือ
0 NDq
0.2 อื่นๆ
4 Rmv
I 7.23 103 A
0 NDq
รวม 0.2 0.0, 0.0 ,0.2
TPhO2017 ม.เกษตร 8 – 12 มิ.ย. 60 Marking Scheme ข้อ 3 Page 3 of 7
Marking Scheme
1. หาประจุต่อหน่วยความยาวหรือหาประจุต่อหน่วยปริมาตรเพื่อนาไปใช้กับกฎ
ของเกาส์หรือกฎของแอมแปร์หรือ Biot-Savart หรือเพื่อการแก้ปญ ั หาอื่นๆ 0.1 ฟิสิกส์
ที่สอดคล้องกับโจทย์ (ไม่ใช่ยกสมการขึ้นมาลอยๆ)
2. ใช้กฎของเกาส์ (0.1), เข้าใจการสร้าง Gaussian surface (0.1), หาพื้นที่
ของฟลักซ์ (0.1), หาประจุที่อยู่ข้างใน (0.1) และใช้กฎของเกาส์ได้อย่าง
nq 0.5 ฟิสิกส์
ถูกต้อง จนได้สมการ E (0.1)
2 0 r
(หรือนักเรียนหาคาตอบด้วยวิธีอื่นจนได้คาตอบที่เทียบเท่า)
3. แรงจากสนามไฟฟ้า FE qE 0.1 ฟิสิกส์
4. เข้าใจว่าประจุเคลื่อนที่มีกระแสไฟฟ้า (0.1) และหากระแสไฟฟ้าได้
nqv 0.3 ฟิสิกส์
I (0.2)
5. ใช้กฎของแอมแปร์ (01), เข้าใจการสร้าง Amperian loop (0.1), แทน
ค่ากระแส (0.1) และใช้กฎของแอมแปร์ได้อย่างถูกต้อง จนได้สมการ
0 nqv 0.4 ฟิสิกส์
B (0.1)
2 r
(หรือนักเรียนหาคาตอบด้วยวิธีอื่นจนได้คาตอบที่เทียบเท่า)
6. แรงจากสนามแม่เหล็ก ( FB qvB ) 0.1 ฟิสิกส์
nq 2
7. เข้าใจว่าแรงตรงกันข้าม (0.1) รวม F
2 0 r
1 0 0v2 (0.1) 0.2 ฟิสิกส์
(ไม่ต้องระบุวา่ แรงลัพธ์ชี้ออก เพราะโจทย์บอกไว้แล้ว)
nq 2
8. ได้คาตอบความเร่งที่ถูกต้อง a0
2 0 r m
1 0 0v2 0.1 ฟิสิกส์
รวม 1.8 1.8, 0.0, 0.0
TPhO2017 ม.เกษตร 8 – 12 มิ.ย. 60 Marking Scheme ข้อ 3 Page 4 of 7
1
B.2 (0.4 คะแนน) รัศมีของลาอนุภาคจะเปลีย่ นโดยประมาณไปตามสมการ r r0 z 2 สาหรับตาแหน่ง z
โดยที่ เป็นค่าคงตัว จงหาความสัมพันธ์ระหว่าง , a 0 และ v และคานวณค่า เป็นตัวเลข กาหนดให้
n 106 , พลังงานจลน์ของอนุภาคเท่ากับ E 4.0 MeV , รัศมีเริม่ ต้น r0 1.0 mm ความยาวของลาอนุภาค
30 cm
Marking Scheme
1. การเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงตัว z vt 0.1 ฟิสิกส์
a0
2. หาความเร่งจากสมการรัศมี ได้ความสัมพันธ์ 0.2 ฟิสิกส์
2v 2
3. แทนค่าตัวเลขต่างๆ ได้คาตอบ 5.94 107 m-1
0.1 อื่นๆ
(ซึ่งแสดงว่าอนุภาควนไปสองสามรอบก็จะมีรัศมีเพิม่ ขึ้นอย่างมีนัยสาคัญ)
รวม 0.4 0.3, 0.0, 0.1
Marking Scheme
1. มีการพิจารณาแรงหรืออิมพัลซ์ที่กระทากับอนุภาค เพื่อหาทิศการเคลื่อนที่ มี
0.1 ฟิสิกส์
การอ้างอิงถึงกฎมือขวา หรือคูณกันแบบเวกเตอร์
2. ใช้กฎมือขวาได้ถูกต้อง ได้คาตอบถูกต้อง แกน x เป็นเลนส์นูน (0.1), แกน
0.2 ฟิสิกส์
y เลนส์เว้า (0.1)
รวม 0.3 0.3, 0.0, 0.0
TPhO2017 ม.เกษตร 8 – 12 มิ.ย. 60 Marking Scheme ข้อ 3 Page 5 of 7
C.2 (1.8 คะแนน) จงหาค่าของ a และ b เมื่อ x R และ y R เขียนคาตอบในรูปของ 0 , R และ I (ไม่
ต้องคานวณเป็นตัวเลข)
Marking Scheme
1. ใช้กฎของแอมแปร์ได้สอดคล้องกับโจทย์ 0.1 ฟิสิกส์
2. ใช้กฎของแอมแปร์หา ขนาด สนามแม่เหล็กบนแกน x (หรือ y )
0 I
จากลวดขวา ขนาด B (0.1)
2 ( R x)
0 I
จากลวดซ้าย ขนาด B (0.1)
2 ( R x)
0.4 ฟิสิกส์
0 I
จากลวดบน ขนาด B (0.1)
2 R 2 x 2
0 I
จากลวดล่าง ขนาด B (0.1)
2 R 2 x 2
2 I
6. จัดรูปและใช้การประมาณสาหรับ x R ได้ B( x) 02 x 0.2 คณิต
R
2 I
7. ตอบ b 02 0.1 อื่นๆ
R
8. ใช้แนวคิดความสมมาตร หรือพิสูจน์ซ้าอีกครั้งในอีกแกนหนึ่ง (0.2) ตอบ
2 0 I 0.3 ฟิสิกส์
a (0.1)
R2
รวม 1.8 1.0, 0.7, 0.1
TPhO2017 ม.เกษตร 8 – 12 มิ.ย. 60 Marking Scheme ข้อ 3 Page 6 of 7
Marking Scheme
1. ใช้แนวคิดกับกับ Impulse หรือแนวคิดเกี่ยวกับแรงในการหาโมเมนตัมหรือ
0.2 ฟิสิกส์
ความเร็วในแนวตั้งฉากกับการเคลือ่ นที่ของลาอนุภาค
2. แสดงความเข้าใจหรือระบุว่า ระยะเวลาที่เคลื่อนที่ผ่าน Quadrupole นั้นน้อย
เทียบกับเวลาของการเคลื่อนทีไ่ ปยังจุดโฟกัส หรือแสดงความเข้าใจมีการเปลี่ยน 0.2 ฟิสิกส์
ตาแหน่งน้อยในแนวตั้งฉากระหว่างที่ยังอยู่ภายใน Quadrupole
d
3. สมการเวลาภายใน Quadrupole, t 0.1 ฟิสิกส์
v
4. ได้สมการ Impulse Px qvBt
d 2x
หรือ ได้สมการแรง m bqdx 0.3 ฟิสิกส์
dt 2
d2y
(หรือ ถ้าเริ่มเลนส์เว้าก่อน จะได้ m 2 aqdy )
dt
5. ได้คาตอบของ Impulse, Px bqdx
qbdx0 0.2 คณิต
หรือ ได้ความเร็วเข้าหาแกนกลาง vx
m
6. ใช้อัตราส่วน หรือ สามเหลี่ยมที่ถกู ต้องในการหาคาตอบ 0.2 คณิต
mv
7. ได้คาตอบความยาวโฟกัสในแกนแรกที่คานวณ f x หรือตอบ
bqd
mv 0.2 อื่นๆ
fx สาหรับนักเรียนที่ได้ค่า a b ในข้อ A.2
aqd
(ไม่สนใจเครื่องหมาย เพราะถามแล้วในข้อ C.1)
mv
8. ใช้ความสมมาตรหรือทาซ้าอีกครั้งในอีกแกน (0.2) และได้คาตอบ f y
aqd
mv 0.3 ฟิสิกส์
หรือตอบ f y สาหรับนักเรียนที่ได้ค่า a b ในข้อ A.2 (0.1)
bqd
(ไม่สนใจเครื่องหมาย เพราะถามแล้วในข้อ C.1)
รวม 1.7 1.1, 0.4, 0.2
TPhO2017 ม.เกษตร 8 – 12 มิ.ย. 60 Marking Scheme ข้อ 3 Page 7 of 7
Marking Scheme
1. แสดงความเข้าใจหรือระบุว่า การสลับกระแสไฟฟ้าของ Quadrupole อันที่สอง
0.3 ฟิสิกส์
เป็นการสลับเลนส์เว้าและเลนส์นนู
2. ได้ตาแหน่งวัตถุของเลนส์ตัวที่สองถูกต้อง (0.1) ได้สมการของเลนส์ตัวที่ 2 ที่รวม
1 1 1 0.2 ฟิสิกส์
ค่า L อย่างถูกต้อง (0.1)
L f x f x f y
mv mv
L
aqd bqd 0.2 อื่นๆ
3. ได้คาตอบ และเขียนในรูปของตัวแปรที่กาหนด f x
L
4. (ตรวจเมื่อคาตอบข้อ 3. ถูกต้อง) แกน x เป็นเลนส์นูน เพราะเมื่อแทนค่าแล้ว
0.1 ฟิสิกส์
ความยาวโฟกัสรวมเป็นบวก
5. ทาซ้ากับอีกแกนหนึ่งตามแนวทางเดิม หาตาแหน่งวัตถุของตัวที่สองได้ถูกต้อง
(0.1), สมการเลนส์ตัวทีส่ อง (0.1) คาตอบในรูปของตัวแปรที่กาหนด
mv mv 0.4 ฟิสิกส์
L
bqd aqd
f x (0.2)
L
6. (ตรวจเมื่อคาตอบข้อ 5. ถูกต้อง) แกน y เป็นเลนส์นูน เพราะเมื่อแทนค่าแล้ว
0.1 ฟิสิกส์
ความยาวโฟกัสรวมเป็นบวก
รวม 1.3 1.1, 0.0, 0.2
รวมคะแนนข้อที่ 3