Professional Documents
Culture Documents
13506829 ข อสอบภาคีวิศวกรอุตสาหการ วิชา Maintenance Engineering PDF
13506829 ข อสอบภาคีวิศวกรอุตสาหการ วิชา Maintenance Engineering PDF
ขอที่ : 1
ในการบํารุงรักษาดวยตนเอง (Self Maintenance) กิจกรรมใดตอไปนี้ไมใชกิจกรรมเพื่อปองกันการเสื่อมสภาพ
คําตอบ 1 : การใชเครื่องจักรอยางถูกวิธี
ย
คําตอบ 2 : การซอมแซมกรณีเกิดเหตุขัดของแบบฉุกเฉิน
่ า
คําตอบ 3 : การหยอดน้ํามันหลอลื่นในจุดที่จําเปน
น
คําตอบ 4 : การทําความสะอาดเครื่องจักร
ขอที่ : 2
จ ำ ห
ม
ในการบํารุงรักษาดวยตนเอง (Self Maintenance) กิจกรรมใดตอไปนี้เปนกิจกรรมของการแกไขการเสื่อมสภาพ
า้
ิธ์ ห
คําตอบ 1 : การปรับปรุงวิธีการตรวจสอบเครื่องจักร/อุปกรณ
คําตอบ 2 : การเปลี่ยนอะไหลที่ทําใหเกิดเหตุขัดของ
คําตอบ 3 : การทําความสะอาดเครื่องจักร
ิท
คําตอบ 4 : การตรวจสอบความดันของลมยางอยางสม่ําเสมอ
นส
ว
ขอที่ : 3
ส ง
ขอใดที่มักจะเปนผลมาจากการที่โรงงานอุตสาหกรรมมีระบบซอมบํารุงที่ดี
อ
คําตอบ 1 : เดินเครื่องจักรทําการผลิตไดอยางราบรื่น
ข
คําตอบ 2 : ผลิตภัณฑมีคุณภาพดี
กร
คําตอบ 3 : ตนทุนการผลิตตอหนวยต่ําลง
ว
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
ขอที่ : 4
าว ศ
ิ
ภ
หากตนทุนของงานซอมบํารุงคิดเปนรอยละ 20 ของยอดขาย และกําไรคิดเปนรอยละ 10 ของยอดขาย การลดตนทุนในงานซอมบํารุงลงรอยละ 10 จะเปนผลใหกําไรเพิ่มขึ้นรอยละ
ส
เทาไร
คําตอบ 1 : รอยละ 10
คําตอบ 2 : รอยละ 20
คําตอบ 3 : รอยละ 30
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
1 of 118
ขอที่ : 5
ขอใดเปนคาประสิทธิผลเชิงรวมของโรงงานที่ขาดระบบซอมบํารุงที่ดี ที่ระบุโดยนายเซอิจิ นากาจิมา ผูเชี่ยวชาญดานการซอมบํารุงรักษาโรงงานอุตสาหกรรมชาวญี่ปุน
คําตอบ 1 : รอยละ 50
คําตอบ 2 : รอยละ 60
คําตอบ 3 : รอยละ 70
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
่ า ย
ขอที่ : 6
น
ขอใดเปนคาประสิทธิผลเชิงรวมของโรงงานทั่วไปที่มีระบบซอมบํารุงที่ดี ที่ระบุโดยนายเซอิจิ นากาจิมา ผูเชี่ยวชาญดานการซอมบํารุงรักษาโรงงานอุตสาหกรรมชาวญี่ปุน
ห
คําตอบ 1 : รอยละ 85
จ ำ
คําตอบ 2 : รอยละ 90
ม
คําตอบ 3 : รอยละ 95
า้
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 7
ิธ์ ห
ิท
ขอใดที่มีผลทําใหประสิทธิผลเชิงรวมของเครื่องจักรต่ําลง
ส
คําตอบ 1 : เครื่องจักรชํารุดหยุดงานบอยครั้ง
ว น
คําตอบ 2 : เครื่องจักรเดินชากวาความเร็วมาตรฐาน
ง
คําตอบ 3 : ตองซ้ํางานที่ออกจากเครื่องใหม
ส
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
ขอ
กร
ขอที่ : 8
ว
ขอใดที่ไมมีผลทําใหประสิทธิผลเชิงรวมของเครื่องจักรต่ําลง
ศ
ิ
คําตอบ 1 : ปรับตั้งเครื่องจักรเปลี่ยนการผลิตบอยครั้ง
าว
คําตอบ 2 : เครื่องจักรเดินชากวาความเร็วมาตรฐาน
ภ
คําตอบ 3 : การใชเวลาทํางานฝกทักษะงานซอมใหกับพนักงาน
ส
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 9
ขอใดที่ถือวาเปนความสูญเสียแฝงที่เกิดจากระบบซอมบํารุงขาดประสิทธิผล
คําตอบ 1 : สูญเสียตลาดจากความลาชาในการสงมอบงาน
คําตอบ 2 : ตนทุนในการผลิตตอหนวยสูงขึ้น
2 of 118
คําตอบ 3 : ขวัญและกําลังใจตกต่ํา สัมพันธภาพระหวางฝายไมดี
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
ขอที่ : 10
ประเทศใดที่ถือกันวาเปนแหลงที่เกิดของวิธีการจัดการงานซอมบํารุงโรงงานอุตสาหกรรมที่เรียกวาการซอมบํารุงทวีผลเชิงรวม (Total Productive Maintenance)
คําตอบ 1 : ญี่ปุน
คําตอบ 2 : เยอรมัน
คําตอบ 3 : สหรัฐอเมริกา
่ า ย
น
คําตอบ 4 : อังกฤษ
ขอที่ : 11
จ ำ ห
ม
ขอใดที่ไมถือวาเปนงานซอมบํารุงปองกัน
า้
ิธ์ ห
คําตอบ 1 : การขจัดจุดออนหรือขอบกพรองที่เปนสาเหตุใหเกิดการชํารุดขัดของ
คําตอบ 2 : การตรวจสอบสภาพเครื่องจักร
คําตอบ 3 : การเปลี่ยนชิ้นสวนที่หมดอายุ
ิท
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
นส
ว
ขอที่ : 12
ง
ขอใดเปนระดับผลผลิตของสายการผลิตที่จะเพิ่มขึ้น หากการปรับปรุงระบบซอมบํารุงทําใหประสิทธิผลเชิงรวมของสายการผลิตเพิ่มขึ้นจากรอยละ 60 เปนรอยละ 90
คําตอบ 1 : รอยละ 30
อ ส
ข
คําตอบ 2 : รอยละ 40
กร
คําตอบ 3 : รอยละ 50
ว
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 13
าว ศ
ิ
ภ
ขอใดที่เปนลักษณะเฉพาะที่โดดเดนในการดําเนินงานซอมบํารุงในแบบฉบับของอุตสาหกรรมในประเทศญี่ปุน
ส
คําตอบ 1 : การซอมบํารุงปองกันไมใหเกิดการชํารุดขัดของ
คําตอบ 2 : การซอมบํารุงดวยตนเองของพนักงานที่เปนผูเดินเครื่อง
คําตอบ 3 : การดัดแปลงปรับปรุงเครื่องจักรเพื่อขจัดสาเหตุของการชํารุดขัดของ
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
ขอที่ : 14 3 of 118
ขอใดเปนขั้นตอนแรกของการซอมบํารุงดวยตนเอง
คําตอบ 1 : การตรวจเช็คสภาพเครื่องจักรประจําวัน
คําตอบ 2 : การทําความสะอาดขั้นตน
คําตอบ 3 : การปรับตั้งกอนเดินเครื่อง
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 15
่ า ย
ขอใดที่เปนกิจกรรมหลักของการซอมบํารุงทวีผลเชิงรวม (Total Productive Maintenance)
น
คําตอบ 1 : การปรับปรุงแบบเนนชัดในจุดที่เปนปญหา
ห
คําตอบ 2 : การซอมบํารุงดวยตนเองของพนักงานที่ใชเครื่อง
จ ำ
คําตอบ 3 : การใหการศึกษาและฝกอบรมพนักงาน
ม
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
า้
ิธ์ ห
ขอที่ : 16
ขอใดที่เปนระยะเวลาที่มักจะตองใชในการพัฒนาระบบซอมบํารุงใหเปนแบบการซอมบํารุงทวีผลเชิงรวม (Total Productive Maintenance - TPM)
ิท
คําตอบ 1 : 3-4 เดือน
ส
คําตอบ 2 : 6-12 เดือน
ว น
คําตอบ 3 : 3-4 ป
ง
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
อ ส
ข
ขอที่ : 17
กร
การจัดตั้งหนวยงานขึ้นมาทําหนาที่ในการสงเสริมผลักดัน อยูในชวงใดของการพัฒนาระบบซอมบํารุงใหเปนแบบการซอมบํารุงทวีผลเชิงรวม (Total Productive Maintenance -
ว
TPM)
ศ
ิ
คําตอบ 1 : ชวงเตรียมการ
าว
คําตอบ 2 : ชวงเริ่มงาน
ภ
คําตอบ 3 : ชวงดําเนินงาน
ส
คําตอบ 4 : ชวงรักษาและพัฒนาระบบ
ขอที่ : 18
การจัดงานเปดตัวเพื่อแสดงความตั้งใจที่จะพัฒนาระบบซอมบํารุงโดยพนักงานทุกคน และอาจมีการเชิญชวนลูกคาและผูสงมอบเขารวมงานดวย เปนขั้นตอนที่อยูในชวงใดของการ
พัฒนาระบบซอมบํารุงใหเปนแบบการซอมบํารุงทวีผลเชิงรวม (Total Productive Maintenance - TPM)
คําตอบ 1 : ชวงเตรียมการ
คําตอบ 2 : ชวงเริ่มงาน 4 of 118
คําตอบ 3 : ชวงดําเนินงาน
คําตอบ 4 : ชวงรักษาและพัฒนาระบบ
ขอที่ : 19
การฝกอบรมบุคลากรเปนขั้นตอนที่อยูในชวงใดของการพัฒนาระบบซอมบํารุงใหเปนแบบการซอมบํารุงทวีผลเชิงรวม (Total Productive Maintenance - TPM)
คําตอบ 1 : ชวงเตรียมการ
คําตอบ 2 : ชวงเริ่มงาน
คําตอบ 3 : ชวงดําเนินงาน
่ า ย
น
คําตอบ 4 : ชวงรักษาและพัฒนาระบบ
ขอที่ : 20
จ ำ ห
ม
รางวัลดานการบํารุงรักษาโรงงาน เชน TPM Excellent Award อาจนํามาใชในชวงใดของการพัฒนาระบบซอมบํารุงใหเปนแบบการซอมบํารุงทวีผลเชิงรวม (Total Productive
า้
Maintenance - TPM)
ิธ์ ห
คําตอบ 1 : ชวงเตรียมการ
คําตอบ 2 : ชวงเริ่มงาน
ิท
คําตอบ 3 : ชวงดําเนินงาน
ส
คําตอบ 4 : ชวงรักษาและพัฒนาระบบ
ขอที่ : 21
ง ว น
ส
ขอใดเปนชื่อขององคกรที่สงเสริมการพัฒนาระบบซอมบํารุงดวยการจัดใหมีการพิจารณาใหรางวัลกับบริษัทที่มีความเปนเลิศในดานนี้
คําตอบ 1 :
ขอ
Japanese Union of Scientists and Engineers - JUSE
กร
คําตอบ 2 : Japanese Institute of Plant Maintenance - JIPM
ว
คําตอบ 3 : Japanese Productivity Center - JPC
ศ
ิ
คําตอบ 4 : Japanese Management Association - JMA
ขอที่ : 22
ภ าว
ส
ขอใดเปนแนวความคิดในการบํารุงรักษาโรงงานอุตสาหกรรม ที่เนนการพิจารณาผลกระทบทุกดานที่เกิดขึ้นจากงานและนําความรูในหลากหลายสาขาวิชาเขามาประยุกตใช
คําตอบ 1 : การซอมบํารุงปองกัน
คําตอบ 2 : การซอมบํารุงทวีผล
คําตอบ 3 : เทโรเทคโนโลยี
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
5 of 118
ขอที่ : 23
ขอใดเปนการสูญเสียที่สามารถชี้บงไดดวยตัวประกอบการใชเครื่อง (Utilization Factor – UF)
คําตอบ 1 : หยุดงานเพราะไมมีคําสั่งผลิต ไมมีวัตถุดิบ หยุดตามวาระเทศกาล หรือดวยเหตุอื่นๆ
คําตอบ 2 : เครื่องชํารุดขัดของ และ เสียเวลาตั้งเครื่องในการเปลี่ยนผลิตภัณฑ
คําตอบ 3 : ความเร็วลด เดินเครื่องตัวเปลา และเหตุติดขัดในการผลิต
คําตอบ 4 : ปญหาทางคุณภาพและการสูญเสียสวนได
่ า ย
ขอที่ : 24
น
ขอใดเปนการสูญเสียที่สามารถชี้บงไดดวยตัวประกอบการเดินเครื่อง (Running Factor – RF) หรือ ระดับความพรอม (Availability – A)
ห
คําตอบ 1 : หยุดงานเพราะไมมีคําสั่งผลิต ไมมีวัตถุดิบ หยุดตามวาระเทศกาล หรือดวยเหตุอื่นๆ
จ ำ
คําตอบ 2 : เครื่องชํารุดขัดของ และ เสียเวลาตั้งเครื่องในการเปลี่ยนผลิตภัณฑ
ม
คําตอบ 3 : ความเร็วลด เดินเครื่องตัวเปลา และเหตุติดขัดในการผลิต
า้
คําตอบ 4 : ปญหาทางคุณภาพและการสูญเสียสวนได
ขอที่ : 25
ิธ์ ห
ิท
ขอใดเปนการสูญเสียที่สามารถชี้บงไดดวยตัวประกอบเชิงสมรรถนะ (Performance Factor – PF)
ส
คําตอบ 1 : หยุดงานเพราะไมมีคําสั่งผลิต ไมมีวัตถุดิบ หยุดตามวาระเทศกาล หรือดวยเหตุอื่นๆ
ว น
คําตอบ 2 : เครื่องชํารุดขัดของ และ เสียเวลาตั้งเครื่องในการเปลี่ยนผลิตภัณฑ
ง
คําตอบ 3 : ความเร็วลด เดินเครื่องตัวเปลา และเหตุติดขัดในการผลิต
ส
คําตอบ 4 : ปญหาทางคุณภาพและการสูญเสียสวนได
ขอ
กร
ขอที่ : 26
ว
ขอใดเปนการสูญเสียที่สามารถชี้บงไดดวยตัวประกอบเชิงคุณภาพ (Quality Factor – QF)
ศ
ิ
คําตอบ 1 : หยุดงานเพราะไมมีคําสั่งผลิต ไมมีวัตถุดิบ หยุดตามวาระเทศกาล หรือดวยเหตุอื่นๆ
าว
คําตอบ 2 : เครื่องชํารุดขัดของ และ เสียเวลาตั้งเครื่องในการเปลี่ยนผลิตภัณฑ
ภ
คําตอบ 3 : ความเร็วลด เดินเครื่องตัวเปลา และเหตุติดขัดในการผลิต
ส
คําตอบ 4 : ปญหาทางคุณภาพและการสูญเสียสวนได
ขอที่ : 27
ขอใดเปนดัชนีที่สามารถชี้บงการสูญเสียจากการสูญเสียสวนได (Yield loss)
คําตอบ 1 : ตัวประกอบการใชเครื่อง (Utilization Factor – UF)
คําตอบ 2 : ตัวประกอบการเดินเครื่อง (Running Factor – RF) หรือ ระดับความพรอม (Availability – A)
6 of 118
คําตอบ 3 : ตัวประกอบเชิงสมรรถนะ (Performance Factor – PF)
คําตอบ 4 : ตัวประกอบเชิงคุณภาพ (Quality Factor – QF)
ขอที่ : 28
ขอใดเปนดัชนีที่สามารถชี้บงการสูญเสียจากการเดินเครื่องตัวเปลาได
คําตอบ 1 : ตัวประกอบการใชเครื่อง (Utilization Factor – UF)
คําตอบ 2 : ตัวประกอบการเดินเครื่อง (Running Factor – RF) หรือ ระดับความพรอม (Availability – A)
คําตอบ 3 : ตัวประกอบเชิงสมรรถนะ (Performance Factor – PF)
่ า ย
น
คําตอบ 4 : ตัวประกอบเชิงคุณภาพ (Quality Factor – QF)
ขอที่ : 29
จ ำ ห
ม
ขอใดเปนดัชนีที่เปนตัวชี้บงการสูญเสียจากการตั้งเครื่องเพื่อเปลี่ยนผลิตภัณฑ
า้
ิธ์ ห
คําตอบ 1 : ตัวประกอบการใชเครื่อง (Utilization Factor – UF)
คําตอบ 2 : ตัวประกอบการเดินเครื่อง (Running Factor – RF)
คําตอบ 3 : ตัวประกอบเชิงสมรรถนะ (Performance Factor – PF)
ิท
คําตอบ 4 : ตัวประกอบเชิงคุณภาพ (Quality Factor – QF)
นส
ว
ขอที่ : 30
ง
ขอใดเปนดัชนีที่เปนตัวชี้บงการสูญเสียจากการที่หยุดทําการผลิตเพราะไมมีคําสั่งใหทําการผลิตไดดี
คําตอบ 1 :
อ ส
ตัวประกอบการใชเครื่อง (Utilization Factor – UF)
ข
คําตอบ 2 : ตัวประกอบการเดินเครื่อง (Running Factor – RF) หรือ ระดับความพรอม (Availability – A)
กร
คําตอบ 3 : ตัวประกอบเชิงสมรรถนะ (Performance Factor – PF)
ว
คําตอบ 4 : ตัวประกอบเชิงคุณภาพ (Quality Factor – QF)
ขอที่ : 31
าว ศ
ิ
ภ
ขอใดเปนประสิทธิผลโดยรวมของเครื่องจักร (Overall Equipment Effectiveness - OEE) หากมีคาตัวประกอบการใชเครื่อง (Utilization Factor – UF) = 85.00 % ตัวประกอบ
ส
การเดินเครื่อง (Running Factor – RF) = 92.00 % ตัวประกอบเชิงสมรรถนะ (Performance Factor – PF) = 96.00 % ตัวประกอบเชิงคุณภาพ (Quality Factor – QF) = 98.00
%
คําตอบ 1 : 73.57 %
คําตอบ 2 : 86.55 %
คําตอบ 3 : 91.20 %
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
7 of 118
ขอที่ : 32
ขอใดเปนประสิทธิผลโดยรวมของการผลิต (Overall Production Effectiveness - OPE) หากมีคาตัวประกอบการใชเครื่อง (Utilization Factor – UF) = 85.00 % ตัวประกอบ
การเดินเครื่อง (Running Factor – RF) = 92.00 % ตัวประกอบเชิงสมรรถนะ (Performance Factor – PF) = 96.00 % ตัวประกอบเชิงคุณภาพ (Quality Factor – QF) = 98.00
%
คําตอบ 1 : 73.57 %
คําตอบ 2 : 86.55 %
คําตอบ 3 : 91.20 %
ย
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
น่ า
ห
ขอที่ : 33
ำ
ขอใดเปนตัวประกอบการใชเครื่อง (Utilization Factor – UF) ของโรงงานที่เดินเครื่องปละ 365 วันๆ ละ 24 ชั่วโมง หากในปที่คํานวณหยุดการผลิตในวาระเทศกาล 360 ชั่วโมง
จ
หยุดซอมเพราะเหตุชํารุดขัดของ 140 ชั่วโมง เสียเวลาในการปรับตั้งเครื่อง เปลี่ยนผลิตภัณฑ 100 ชั่วโมง
า้ ม
คําตอบ 1 : 95.89 %
ิธ์ ห
คําตอบ 2 : 97.14 %
คําตอบ 3 : 97.26 %
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ส ิท
น
ขอที่ : 34
ว
ขอใดเปนตัวประกอบการใชเครื่อง (Running Factor – RF) หรือ ระดับความพรอม (Availability – A) ของโรงงานที่เดินเครื่องปละ 365 วันๆ ละ 24 ชั่วโมง หากในปที่คํานวณนี้
ง
หยุดการผลิตในวาระเทศกาล 360 ชั่วโมง หยุดซอมเพราะเหตุชํารุดขัดของ 140 ชั่วโมง และเสียเวลาในการปรับตั้งเครื่อง เปลี่ยนผลิตภัณฑ 100 ชั่วโมง
อ ส
คําตอบ 1 : 95.89 %
ข
คําตอบ 2 : 97.14 %
กร
คําตอบ 3 : 97.26 %
ว
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 35
าว ศ
ิ
ภ
ขอใดเปนตัวประกอบการใชเครื่อง (Utilization Factor – UF) ในเดือนสิงหาคมของโรงงานที่เดินเครื่องสัปดาหละ 7 วันๆ ละ 24 ชั่วโมง หากในเดือนนี้หยุดการผลิตในวาระเทศกาล
ส
48 ชั่วโมง หยุดซอมเพราะเหตุชํารุดขัดของ 20 ชั่วโมง เสียเวลาในการปรับตั้งเครื่อง เปลี่ยนผลิตภัณฑ 10 ชั่วโมง
คําตอบ 1 : 93.55 %
คําตอบ 2 : 95.53 %
คําตอบ 3 : 95.69 %
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
8 of 118
ขอที่ : 36
ขอใดเปนตัวประกอบการใชเครื่อง (Running Factor – RF) หรือระดับความพรอม (Availability – A) ในเดือนสิงหาคมของโรงงานที่เดินเครื่องสัปดาหละ 7 วันๆ ละ 24 ชั่วโมง
หากในเดือนนี้หยุดการผลิตในวาระเทศกาล 48 ชั่วโมง หยุดซอมเพราะเหตุชํารุดขัดของ 20 ชั่วโมง เสียเวลาในการปรับตั้งเครื่อง เปลี่ยนผลิตภัณฑ 10 ชั่วโมง
คําตอบ 1 : 93.55 %
คําตอบ 2 : 95.53 %
คําตอบ 3 : 95.69 %
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
่ า ย
ขอที่ : 37
น
ขอใดเปนตัวประกอบเชิงสมรรถนะ (Performance Factor – PF) ของเครื่องจักร หากในเดือนมิถุนายนเครื่องจักรนี้ผลิตสินคาที่มีผลผลิตมาตรฐาน 1.2 ตันตอชั่วโมง ได 632 ตัน และ
ห
มีเวลาเดินเครื่องสุทธิ 650 ชั่วโมง
ำ
คําตอบ 1 :
จ
73.15 %
ม
คําตอบ 2 : 81.03 %
า้
คําตอบ 3 : 97.23 %
ิธ์ ห
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ิท
ขอที่ : 38
ส
ขอใดเปนตัวประกอบเชิงสมรรถนะ (Performance Factor – PF) ของเครื่องจักร หากในปที่ทําการคํานวณเครื่องจักรนี้ผลิตสินคาที่มีผลผลิตมาตรฐาน 1.0 ตันตอชั่วโมง ได 7,232
น
ตัน โดย หยุดการผลิตในวาระเทศกาล 200 ชั่วโมง หยุดเพราะเหตุอื่นๆ 160 หยุดซอมเพราะเหตุชํารุดขัดของ 140 ชั่วโมง เสียเวลาในการปรับตั้งเครื่อง เปลี่ยนผลิตภัณฑ 100
ว
ชั่วโมง
ส ง
คําตอบ 1 : 84.88 %
อ
คําตอบ 2 : 86.51 %
ข
คําตอบ 3 : 88.63 %
กร
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ศ
ิ ว
าว
ขอที่ : 39
ขอใดเปนตัวประกอบเชิงสมรรถนะ (Performance Factor – PF) ของเครื่องจักร ที่ในชวงเวลาเดินเครื่องสุทธิ 140 ชั่วโมง สามารถผลิตสินคาที่มีมาตรฐานผลผลิต 10 และ 20 หนวย
ภ
ตอชั่วโมงได 400 และ 800 หนวย ตามลําดับ
ส
คําตอบ 1 : 42.86 %
คําตอบ 2 : 57.14 %
คําตอบ 3 : 85.71 %
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 40
9 of 118
ขอใดเปนตัวประกอบเชิงคุณภาพ (Quality Factor – QF) ของเครื่องจักร ที่ในชวงเวลาเดินเครื่องสุทธิ 140 ชั่วโมง สามารถผลิตสินคาที่มีมาตรฐานผลผลิต 10 และ 20 หนวยตอ
ชั่วโมงได 400 และ 800 หนวย โดยมีของเสีย 32 และ 40 หนวย ตามลําดับ
คําตอบ 1 : 93.50 %
คําตอบ 2 : 94.00%
คําตอบ 3 : 96.25 %
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 41
่ า ย
ขอใดเปนประสิทธิผลโดยรวมของเครื่องจักร (Overall Equipment Effectiveness - OEE) หากผลผลิตสุทธิของสินคาที่มีมาตรฐานผลผลิต 7.5 หนวยตอชั่วโมง ที่ไดในชวง
น
สัปดาหหนึ่ง เปน 820 หนวย โดยในสัปดาหนี้ชวงที่หยุดเนื่องจากไมมีการสั่งผลิต 18 ชั่วโมง และเครื่องจักรชํารุดขัดของ 10 ชั่วโมง
ห
คําตอบ 1 : 65.08 %
ำ
คําตอบ 2 :
จ
72.89 %
ม
คําตอบ 3 : 91.20 %
า้
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 42
ิธ์ ห
ิท
ขอใดเปนประสิทธิผลโดยรวมของการผลิต (Overall Production Effectiveness - OPE) หากผลผลิตสุทธิของสินคาที่มีมาตรฐานผลผลิต 7.5 หนวยตอชั่วโมง ที่ไดในชวงสัปดาห
ส
หนึ่ง เปน 820 หนวย โดยในสัปดาหนี้มีชวงที่หยุดเนื่องจากไมมีการสั่งผลิต 18 ชั่วโมง และเครื่องจักรชํารุดขัดของ 10 ชั่วโมง
น
คําตอบ 1 : 65.08 %
ง ว
คําตอบ 2 : 72.89 %
ส
คําตอบ 3 : 91.20 %
อ
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 43
กร ข
ศ
ิ ว
ขอใดถือไดวาเปนจุดเริ่มตนของวงจรชีวิตเครื่องจักร
าว
คําตอบ 1 : เกิดความตองการเครื่องจักร
คําตอบ 2 : ผลิตและประกอบเครื่องจักร
ส ภ
คําตอบ 3 : เริ่มใชงานเครื่องจักร
คําตอบ 4 : ครั้งแรกที่เครื่องจักรชํารุดขัดของ
ขอที่ : 44
เมื่อเครื่องจักรไมสามารถทํางานไดในระดับที่ตองการถือไดวาเครื่องจักรสิ้นอายุประเภทใด
คําตอบ 1 : อายุงานทางกายภาพ
คําตอบ 2 : อายุงานทางเศรษฐกิจ 10 of 118
คําตอบ 3 : อายุงานทางวิทยาการ
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ไมถูกตอง
ขอที่ : 45
เมื่อการใชงานเครื่องจักรตอไปทําใหเกิดตนทุนโดยรวมสูงขึ้นถือไดวาเครื่องจักรสิ้นอายุประเภทใด
คําตอบ 1 : อายุงานทางกายภาพ
คําตอบ 2 : อายุงานทางเศรษฐกิจ
คําตอบ 3 : อายุงานทางวิทยาการ
่ า ย
น
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 46
จ ำ ห
ม
เมื่อมีเครื่องจักรแบบใหมที่ดีกวาเครื่องจักรเดิมที่ใชงานอยูในทุกๆ ดานที่มีนัยสําคัญตอการใชงาน ถือไดวาเครื่องจักรเดิมสิ้นอายุประเภทใด
า้
ิธ์ ห
คําตอบ 1 : อายุงานทางกายภาพ
คําตอบ 2 : อายุงานทางเศรษฐกิจ
คําตอบ 3 : อายุงานทางวิทยาการ
ิท
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
นส
ว
ขอที่ : 47
ง
ตนทุนประเภทใดมักจะลดลงเมื่อเครื่องจักรมีอายุการใชงานมากขึ้น
คําตอบ 1 : ตนทุนการใชงานเครื่องจักรตอป
อ ส
ข
คําตอบ 2 : ตนทุนซอมบํารุงรักษาเครื่องจักรตอป
กร
คําตอบ 3 : ตนทุนเครื่องจักรเริ่มตนเฉลี่ยตอป
ว
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 48
าว ศ
ิ
ภ
ขอความตอไปนี้ขอใดมักไมเปนความจริง
ส
คําตอบ 1 : ราคาเครื่องจักรเปนเพียงองคประกอบหนึ่งของตนทุนวงจรชีวิต
คําตอบ 2 : ตนทุนวงจรชีวิตอาจสูง 3-10 เทา ของราคาเครื่องจักร
คําตอบ 3 : การซื้อเครื่องจักรโดยพิจารณาจากราคาเปนเรื่องที่ทําไดงาย
คําตอบ 4 : การใชเครื่องจักรที่มีราคาต่ําสุดจะทําใหมีตนทุนสินคาตอหนวยถูกที่สุด
ขอที่ : 49 11 of 118
ขอใดเปนเกณฑในการตัดสินใจเลือกเครื่องจักรที่จะนํามาใชงานที่ดีที่สุด
คําตอบ 1 : ราคาเครื่องจักร
คําตอบ 2 : ตนทุนในการใชงานเครื่องจักร
คําตอบ 3 : ตนทุนในการซอมบํารุงเครื่องจักร
คําตอบ 4 : ตนทุนตลอดวงจรชีวิตของเครื่องจักร
ขอที่ : 50
่ า ย
ขอใดที่ไมใชองคประกอบของตนทุนตลอดวงจรชีวิตของเครื่องจักร
น
คําตอบ 1 : ราคาเครื่องจักร
ห
คําตอบ 2 : คานายหนาซื้อขายเครื่องจักร
จ ำ
คําตอบ 3 : ตนทุนโอกาสในการชํารุดหยุดซอม
ม
คําตอบ 4 : ตนทุนในการซอมบํารุงเครื่องจักร
า้
ิธ์ ห
ขอที่ : 51
ราคาอะไหลประกันที่ซื้อพรอมกับเครื่องจักรเปนตนทุนในกลุมใด
ิท
คําตอบ 1 : ตนทุนเครื่องจักรเริ่มตน
ส
คําตอบ 2 : ตนทุนในการใชงานเครื่องจักร
ว น
คําตอบ 3 : ตนทุนซอมบํารุงรักษาเครื่องจักร
ง
คําตอบ 4 : ตนทุนสูญเสีย
อ ส
ข
ขอที่ : 52
กร
อะไหลสิ้นเปลืองที่ใชไปในระหวางอายุการใชงานของเครื่องจักรเปนตนทุนในกลุมใด
ว
คําตอบ 1 : ตนทุนเครื่องจักรเริ่มตน
ศ
ิ
คําตอบ 2 : ตนทุนในการใชงานเครื่องจักร
าว
คําตอบ 3 : ตนทุนซอมบํารุงรักษาเครื่องจักร
ภ
คําตอบ 4 : ตนทุนสูญเสีย
ขอที่ : 53
ส
คาไฟฟาและพลังงานสําหรับเครื่องจักรเปนตนทุนในกลุมใด
คําตอบ 1 : ตนทุนเครื่องจักรเริ่มตน
คําตอบ 2 : ตนทุนในการใชงานเครื่องจักร
คําตอบ 3 : ตนทุนซอมบํารุงรักษาเครื่องจักร
12 of 118
คําตอบ 4 : ตนทุนสูญเสีย
ขอที่ : 54
คาใชจายในการบํารุงรักษาเชิงปองกันเปนตนทุนในกลุมใด
คําตอบ 1 : ตนทุนเครื่องจักรเริ่มตน
คําตอบ 2 : ตนทุนในการใชงานเครื่องจักร
คําตอบ 3 : ตนทุนซอมบํารุงรักษาเครื่องจักร
ย
คําตอบ 4 : ตนทุนสูญเสีย
น่ า
ห
ขอที่ : 55
ำ
โอกาสในการขายสินคาที่ขาดหายไปเนื่องจากเครื่องจักรเกิดการชํารุดขัดของเปนตนทุนในกลุมใด
คําตอบ 1 : ตนทุนเครื่องจักรเริ่มตน
มจ
า้
คําตอบ 2 : ตนทุนในการใชงานเครื่องจักร
ิธ์ ห
คําตอบ 3 : ตนทุนซอมบํารุงรักษาเครื่องจักร
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 56
ส ิท
ว น
คาใชจายในการฝกอบรมพนักงานฝายผลิตในการเดินเครื่องเปนตนทุนในกลุมใด
ง
คําตอบ 1 : ตนทุนเครื่องจักรเริ่มตน
ส
คําตอบ 2 : ตนทุนในการใชงานเครื่องจักร
อ
คําตอบ 3 : ตนทุนซอมบํารุงรักษาเครื่องจักร
คําตอบ 4 : ตนทุนสูญเสีย
กร ข
ขอที่ : 57
ศ
ิ ว
าว
คาใชจายในการฝกอบรมชางซอมบํารุงใหมีทักษะในการทํางานเปนตนทุนในกลุมใด
ภ
คําตอบ 1 : ตนทุนเครื่องจักรเริ่มตน
ส
คําตอบ 2 : ตนทุนในการใชงานเครื่องจักร
คําตอบ 3 : ตนทุนซอมบํารุงรักษาเครื่องจักร
คําตอบ 4 : ตนทุนสูญเสีย
ขอที่ : 58
ตนทุนประเภทใดในตนทุนตลอดวงจรชีวิต ที่สามารถประมาณไดจากคาระดับความพรอมหรือประสิทธิผลเชิงรวมของเครื่องจักรได
13 of 118
คําตอบ 1 : ตนทุนเครื่องจักรเริ่มตน
คําตอบ 2 : ตนทุนในการใชงานเครื่องจักร
คําตอบ 3 : ตนทุนซอมบํารุงรักษาเครื่องจักร
คําตอบ 4 : ตนทุนสูญเสีย
ขอที่ : 59
เครื่องจักรที่มีระดับความพรอมรอยละ 99 ที่กําหนดไววาจะใชงานปละ 5,000 ชั่วโมง จะมีตนทุนสูญเสียปละเทาไร หากตนทุนสูญเสียผลผลิตตอชั่วโมงเทากับ 100,000 บาท
คําตอบ 1 : 1,000,000 บาท
่ า ย
น
คําตอบ 2 : 5,000,000 บาท
ห
คําตอบ 3 : 9,900,000 บาท
จ ำ
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ :
า้ ม
ิธ์ ห
60
ขอใดเปนคําตอบที่ถูกตองในการเปรียบเทียบตนทุนรวมของอุปกรณอยางหนึ่งซึ่งมีอายุการใชงาน 5,000 ชั่วโมง จากผูผลิตสามราย (A, B, C) โดยมีตนทุนในสวนที่ตางกันดังนี้
ผูผลิต ราคา (บาท) ตนทุนในการใชงาน (บาท/ชั่วโมง)
ิท
A 10,000 1.20
ส
B 5,000 1.60
น
C 4,000 1.80
ว
คําตอบ 1 : A มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
คําตอบ 2 : B มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
ส ง
อ
คําตอบ 3 : C มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
ข
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 61
ว กร
าว ศ
ิ
ขอใดเปนคําตอบที่ถูกตองในการเปรียบเทียบตนทุนรวมของอุปกรณอยางหนึ่งซึ่งมีอายุการใชงาน 5,000 ชั่วโมง จากผูผลิตสามราย (A, B, C)โดยมีตนทุนในสวนที่ตางกันดังนี้
ผูผลิต ราคา (บาท) ตนทุนติดตั้งหรือเปลี่ยน (บาทตอครั้ง) ตนทุนในการใชงาน (บาท/ชั่วโมง)
ภ
A 10,000 1,000 1.20
ส
B 5,000 2,000 1.60
C 4,000 3,000 1.80
คําตอบ 1 : A มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
คําตอบ 2 : B มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
คําตอบ 3 : C มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
14 of 118
ขอที่ : 62
ขอใดเปนคําตอบที่ถูกตองในการเปรียบเทียบตนทุนรวมของอุปกรณอยางหนึ่งซึ่งมีอายุการใชงาน 5,000 ชั่วโมง จากผูผลิตสามราย (A, B, C) โดยมีตนทุนในสวนที่ตางกันดังนี้
ผูผลิต ราคา ตนทุนติดตั้งหรือ ตนทุนในการใชงาน ตนทุนในการบํารุงรักษา
(บาท) เปลี่ยน (บาทตอครั้ง) (บาท/ชั่วโมง) (บาท/ชั่วโมง)
A 10,000 1,000 1.20 0.10
B 5,000 2,000 1.60 0.25
C 4,000 3,000 1.80 0.00
คําตอบ 1 : A มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
่ า ย
คําตอบ 2 : B มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
น
คําตอบ 3 : C มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
ห
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
จ ำ
ม
ขอที่ : 63
า้
ขอใดเปนคําตอบที่ถูกตองในการเปรียบเทียบตนทุนรวมของอุปกรณอยางหนึ่ง จากผูผลิตสามราย (A, B, C) โดยมีตนทุนในสวนที่ตางกันดังนี้
ิธ์ ห
ผูผลิต อายุการใชงาน (ชั่วโมง) ราคา (บาท) ตนทุนในการใชงาน
(บาท/ชั่วโมง)
A 5,000 10,000 1.20
ิท
B 4,500 5,000 1.60
ส
C 4,000 4,000 1.80
คําตอบ 1 :
คําตอบ 2 :
A มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
B มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
ง ว น
ส
คําตอบ 3 : C มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอ
ขอที่ : 64
ว กร
ศ
ิ
ขอใดเปนคําตอบที่ถูกตองในการเปรียบเทียบตนทุนรวมของอุปกรณอยางหนึ่ง จากผูผลิตสามราย (A, B, C) โดยมีตนทุนในสวนที่ตางกันดังนี้
าว
ผูผลิต อายุการใชงาน ราคา (บาท) ตนทุนติดตั้งหรือ ตนทุนในการใชงาน
(ชั่วโมง) เปลี่ยน (บาทตอครั้ง) (บาท/ชั่วโมง)
ส ภ
A 5,000 10,000 1,000 1.20
B 4,500 5,000 2,000 1.60
C 4,000 4,000 3,000 1.80
คําตอบ 1 : A มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
คําตอบ 2 : B มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
คําตอบ 3 : C มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
15 of 118
ขอที่ : 65
ขอใดเปนคําตอบที่ถูกตองในการเปรียบเทียบตนทุนรวมของอุปกรณอยางหนึ่ง จากผูผลิตสามราย (A, B, C) โดยมีตนทุนในสวนที่ตางกันดังนี้
ผูผลิต อายุการใชงาน ราคา (บาท) ตนทุนสูญเสียชวง ตนทุนในการใชงาน
(ชั่วโมง) เปลี่ยน (บาทตอครั้ง) (บาท/ชั่วโมง)
A 5,000 10,000 20,000 1.20
B 4,500 5,000 20,000 1.60
C 4,000 4,000 20,000 1.80
่ า ย
คําตอบ 1 : A มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
น
คําตอบ 2 : B มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
ห
คําตอบ 3 : C มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
ำ
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
มจ
า้
ขอที่ : 66
ิธ์ ห
ขอใดเปนคําตอบที่ถูกตองในการเปรียบเทียบตนทุนรวมของอุปกรณอยางหนึ่งซึ่งมีอายุการใชงาน 10 ป จากผูผลิตสามราย (A, B, C) โดยมีตนทุนในสวนที่ตางกันดังนี้ (Present
worth Factor : P/A, 10%, 10 ป มีคาเทากับ 6.1446)
ผูผลิต ราคา (ลานบาท) ตนทุนในการใชงานและบํารุงรักษา
ิท
(ลานบาท/ป)
ส
A 2.00 0.50
ว น
B 3.00 0.40
ง
C 4.00 0.30
ส
คําตอบ 1 : A มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
อ
คําตอบ 2 : B มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
กร ข
คําตอบ 3 : C มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ศ
ิ ว
าว
ขอที่ : 67
ภ
ขอใดเปนคําตอบที่ถูกตองในการเปรียบเทียบตนทุนรวมของอุปกรณอยางหนึ่งซึ่งมีอายุการใชงาน 10 ป จากผูผลิตสามราย (A, B, C) โดยมีตนทุนในสวนที่ตางกันดังนี้ (Present
ส
worth Factor : P/A, 10%, 10 ป มีคาเทากับ 6.1446)
ผูผลิต ราคา (ลาน ตนทุนสูญเสีย (ลาน ตนทุนในการใชงานและบํารุง
บาท) บาท/ป) รักษา (ลานบาท/ป)
A 2.00 1.00 0.50
B 3.00 0.90 0.40
C 4.00 0.80 0.30
คําตอบ 1 : A มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
คําตอบ 2 : B มีตนทุนรวมต่ําที่สุด 16 of 118
คําตอบ 3 : C มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 68
ขอใดเปนคําตอบที่ถูกตองในการเปรียบเทียบตนทุนรวมของอุปกรณอยางหนึ่งซึ่งมีอายุการใชงาน 10 ป จากผูผลิตสามราย (A, B, C) โดยมีตนทุนในสวนที่ตางกันดังนี้ (Present
worth Factor : P/A, 10%, 10 มีคาเทากับ 6.1446 และ P/F, 10%, 10 ป มีคาเทากับ 0.3855 )
ผูผลิต ราคา (ลานบาท) ตนทุนในการใชงานและบํารุงรักษา มูลคาซาก (ลานบาท)
ย
(ลานบาท/ป)
่ า
A 2.00 0.50 0.40
น
B 3.00 0.40 0.60
ห
C 4.00 0.30 0.80
คําตอบ 1 : A มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
จ ำ
ม
คําตอบ 2 : B มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
า้
คําตอบ 3 : C มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
ิธ์ ห
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ิท
ขอที่ : 69
ส
ขอใดเปนคําตอบที่ถูกตองในการเปรียบเทียบตนทุนรวมของอุปกรณอยางหนึ่งซึ่งมีอายุการใชงาน 10 ป จากผูผลิตสามราย (A, B, C) โดยมีตนทุนในสวนที่ตางกันดังนี้ (Present
น
worth Factor : P/A, 10%, 10 ป มีคาเทากับ 6.1446 และ P/F, 10%, 10 ป มีคาเทากับ 0.3855 )
ง ว
ผูผลิต ราคา (ลาน ตนทุนในการใชงานและบํารุง ตนทุนสูญเสีย มูลคาซาก (ลาน
ส
บาท) รักษา (ลานบาท/ป) (ลานบาท/ป) บาท)
อ
A 2.00 0.50 1.00 0.40
ข
B 3.00 0.40 0.90 0.60
กร
C 4.50 0.30 0.80 0.90
ว
คําตอบ 1 : A มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
ศ
ิ
คําตอบ 2 : B มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
าว
คําตอบ 3 : C มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
ภ
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 70
ส
ขอใดเปนคําตอบที่ถูกตองในการเปรียบเทียบตนทุนรวมของอุปกรณอยางหนึ่งซึ่งมีอายุการใชงาน 10 ป จากผูผลิตสี่ราย (A, B, C, D) โดยมีตนทุนในสวนที่ตางกันดังนี้ (Present
worth Factor : P/A, 10%, 10 ป มีคาเทากับ 6.1446)
ผูผลิต ราคา (ลานบาท) ตนทุนในการใชงานและบํารุงรักษา
(ลานบาท/ป)
A 2.00 1.00
B 3.00 0.80 17 of 118
C 4.00 0.60
D 5.00 0.50
คําตอบ 1 : A มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
คําตอบ 2 : B มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
คําตอบ 3 : C มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
คําตอบ 4 : D มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
่ า ย
ขอที่ : 71
น
ขอใดเปนคําตอบที่ถูกตองในการเปรียบเทียบตนทุนรวมของอุปกรณอยางหนึ่งซึ่งมีอายุการใชงาน 10 ป จากผูผลิตสี่ราย (A, B, C, D) โดยมีตนทุนในสวนที่ตางกันดังนี้ (Present
ห
worth Factor : P/A, 10%, 10 ป มีคาเทากับ 6.1446)
ำ
ผูผลิต ราคา (ลานบาท) ตนทุนในการใชงานและบํารุงรักษา ตนทุนสูญเสีย (ลาน
จ
(ลานบาท/ป) บาท/ป)
า้ ม
A 2.00 1.00 2.00
B 3.00 0.80 1.60
ิธ์ ห
C 4.00 0.60 1.20
D 5.00 0.50 1.00
ิท
คําตอบ 1 : A มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
ส
คําตอบ 2 : B มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
น
คําตอบ 3 : C มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
ง ว
คําตอบ 4 : D มีตนทุนรวมต่ําที่สุด
ขอที่ :
อ ส
ข
72
กร
ขอใดเปนเครื่องจักรที่มีตนทุนวงจรชีวิตเทียบเทาต่ําสุด หากตนทุนวงจรชีวิต (Life cycle cost – LCC) ที่ไมรวมตนทุนสูญเสีย และ ระดับความพรอมในการเดินเครื่อง (Running
factor – RF) ของเครื่องจักรสี่เครื่อง (A, B, C, D) ที่ทํางานเหมือนกัน เปนตามที่แสดงขางลางนี้
ว
เครื่องจักร LCC (ลานบาท) RF
ศ
ิ
A 8 0.60
าว
B 9 0.70
ภ
C 10 0.80
ส
D 14 0.90
คําตอบ 1 : เครื่องจักร A
คําตอบ 2 : เครื่องจักร B
คําตอบ 3 : เครื่องจักร C
คําตอบ 4 : เครื่องจักร D
ขอที่ : 73 18 of 118
่ า ย
คําตอบ 2 : เครื่องจักร B
น
คําตอบ 3 : เครื่องจักร C
ห
คําตอบ 4 : เครื่องจักร D
จ ำ
ม
ขอที่ : 74
า้
ขอใดเปนเครื่องจักรที่มีตนทุนวงจรชีวิตเทียบเทาต่ําสุด หากตนทุนวงจรชีวิต (Life cycle cost – LCC) ที่ไมรวมตนทุนสูญเสีย และ ระดับคุณภาพในการเดินเครื่อง (Quality factor
ิธ์ ห
– QF) ของเครื่องจักรสี่เครื่อง (A, B, C และ D) ที่ทํางานเหมือนกัน เปนตามที่แสดงขางลางนี้
เครื่องจักร LCC (ลานบาท) QF
A 8 0.80
ิท
B 9 0.93
ส
C 10 0.96
ว น
D 14 0.99
ง
คําตอบ 1 : เครื่องจักร A
ส
คําตอบ 2 : เครื่องจักร B
ขอ
คําตอบ 3 : เครื่องจักร C
กร
คําตอบ 4 : เครื่องจักร D
ขอที่ : 75
ศ
ิ ว
าว
ขอใดเปนเครื่องจักรที่มีตนทุนวงจรชีวิตเทียบเทาต่ําสุด หากตนทุนวงจรชีวิต (Life cycle cost – LCC) ที่ไมรวมตนทุนสูญเสีย และ ระดับความพรอมในการเดินเครื่อง (Running
ภ
factor – RF) ระดับสมรรถภาพในการเดินเครื่อง (Performance factor – PF) และระดับคุณภาพในการเดินเครื่อง (Quality factor – QF) ของเครื่องจักรสี่เครื่อง (A, B, C และ D)
ส
ที่ทํางานเหมือนกัน เปนตามที่แสดงขางลางนี้
เครื่องจักร LCC (ลานบาท) RF PF QF
A 8 0.60 0.80 0.80
B 9 0.70 0.85 0.93
C 10 0.80 0.90 0.96
D 14 0.90 0.95 0.99
คําตอบ 1 : เครื่องจักร A
คําตอบ 2 : เครื่องจักร B 19 of 118
คําตอบ 3 : เครื่องจักร C
คําตอบ 4 : เครื่องจักร D
ขอที่ : 76
ขอใดเปนเครื่องจักรที่มีตนทุนวงจรชีวิตต่ําสุด หากมูลคาปจจุบันของตนทุนวงจรชีวิต (Life cycle cost – LCC) ที่ไมรวมตนทุนสูญเสีย และ ระดับความพรอมในการเดินเครื่อง
(Running factor – RF) ของเครื่องจักรสี่เครื่อง (A, B, C และ D) ที่ทํางานเหมือนกัน เปนตามที่แสดงขางลางนี้ โดยที่ประมาณไดวากําลังการผลิตของเครื่องจักรเปน 1,000
หนวย/ป ทํารายได 2,000 บาท/หนวย และจะใชเครื่องจักรทําการผลิต 10 ป (Present worth Factor : P/A, 10%, 10 ป มีคาเทากับ 6.1446)
ย
เครื่องจักร LCC (ลานบาท) RF
่ า
A 8 0.60
น
B 9 0.70
ห
C 10 0.80
จ ำ
D 14 0.90
ม
คําตอบ 1 : เครื่องจักร A
า้
คําตอบ 2 : เครื่องจักร B
ิธ์ ห
คําตอบ 3 : เครื่องจักร C
คําตอบ 4 : เครื่องจักร D
ขอที่ : 77
ส ิท
น
ขอใดเปนเครื่องจักรที่มีตนทุนวงจรชีวิตต่ําสุด หากมูลคาปจจุบันของตนทุนวงจรชีวิต (Life cycle cost – LCC) ที่ไมรวมตนทุนสูญเสีย และ ระดับสมรรถภาพในการเดินเครื่อง
ง ว
(Performance factor – PF) ของเครื่องจักรสี่เครื่อง (A, B, C และ D) ที่ทํางานเหมือนกัน เปนตามที่แสดงขางลางนี้ โดยที่ประมาณไดวากําลังการผลิตของเครื่องจักรเปน 1,000
ส
หนวย/ป ทํารายได 2,000 บาท/หนวย และจะใชเครื่องจักรทําการผลิต 10 ป (Present worth Factor : P/A, 10%, 10 ป มีคาเทากับ 6.1446)
อ
เครื่องจักร LCC (ลานบาท) PF
ข
A 8 0.80
กร
B 9 0.85
C 10 0.90
ว
D 14 0.95
คําตอบ 1 :
คําตอบ 2 :
าว ศ
ิ
เครื่องจักร A
เครื่องจักร B
ภ
คําตอบ 3 : เครื่องจักร C
ขอที่ : 78
ส
คําตอบ 4 : เครื่องจักร D
ย
คําตอบ 4 : เครื่องจักร D
น่ า
ห
ขอที่ : 79
ำ
ขอใดเปนเครื่องจักรที่มีตนทุนวงจรชีวิตเทียบเทาต่ําสุด หากมูลคาปจจุบันของตนทุนวงจรชีวิต (Life cycle cost – LCC) ที่ไมรวมตนทุนสูญเสีย และ ระดับความพรอมในการเดิน
จ
เครื่อง (Running factor – RF) ระดับสมรรถภาพในการเดินเครื่อง (Performance factor – PF) และระดับคุณภาพในการเดินเครื่อง (Quality factor – QF) ของเครื่องจักรสี่เครื่อง
ม
(A, B, C และ D) ที่ทํางานเหมือนกัน เปนตามที่แสดงขางลางนี้ โดยที่ประมาณไดวากําลังการผลิตของเครื่องจักรเปน 1,000 หนวย/ป ทํารายได 2,000 บาท/หนวย และจะใชเครื่อง
า้
จักรทําการผลิต 10 ป (Present worth Factor : P/A, 10%, 10 ป มีคาเทากับ 6.1446)
ิธ์ ห
เครื่องจักร LCC (ลานบาท) RF PF QF
A 8 0.60 0.80 0.80
B 9 0.70 0.85 0.93
ิท
C 10 0.80 0.90 0.96
ส
D 14 0.90 0.95 0.99
คําตอบ 1 :
คําตอบ 2 :
เครื่องจักร A
เครื่องจักร B
ง ว น
ส
คําตอบ 3 : เครื่องจักร C
คําตอบ 4 : เครื่องจักร D
ขอ
ขอที่ : 80
ว กร
ศ
ิ
ขอใดที่ไมใชประโยชนของสถิติการชํารุดขัดของ (Failure statistics)
าว
คําตอบ 1 : ใชในการคํานวณหาคา Reliability
ภ
คําตอบ 2 : ใชวิเคราะหลักษณะฐานการชํารุดขัดของของเครื่องจักร
ส
คําตอบ 3 : ใชเปรียบเทียบคุณภาพของเครื่องจักรอุปกรณหรือชิ้นสวน
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
ขอที่ : 81
จากขอมูลจํานวนอุปกรณที่ชํารุดขัดของ ที่แสดงในตาราง คาความนาจะเปนในการชํารุดขัดของ (Failure probability) ในปที่ 100-200 จะมีคาเทาใด
ปที่ 1 2 3 4 5 6
จํานวนที่ชํารุด 12 18 40 16 10 4 21 of 118
คําตอบ 1 : 0.18
คําตอบ 2 : 0.30
คําตอบ 3 : 0.70
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 82
่ า ย
จากขอมูลจํานวนอุปกรณที่ชํารุดขัดของ ที่แสดงในตาราง คาความนาจะเปนในการชํารุดขัดของสะสม (Cumulative failure probability) ในชวงเวลา 2 ป จะมีคาเทาใด
น
ปที่ 1 2 3 4 5 6
ห
จํานวนที่ชํารุด 12 18 40 16 10 4
ำ
คําตอบ 1 :
จ
0.18
ม
คําตอบ 2 : 0.30
า้
คําตอบ 3 : 0.70
ิธ์ ห
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ิท
ขอที่ : 83
ส
จากขอมูลจํานวนอุปกรณที่ชํารุดขัดของ ที่แสดงในตาราง คาความนาจะเปนในการอยูรอด (Survival probability) ในชวงเวลา 2 ป จะมีคาเทาใด
น
ปที่ 1 2 3 4 5 6
ว
จํานวนที่ชํารุด 12 18 40 16 10 4
คําตอบ 1 : 0.18
ส ง
อ
คําตอบ 2 : 0.30
ข
คําตอบ 3 :
กร
0.70
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ศ
ิ ว
าว
ขอที่ : 84
ขอใดเปนอัตราการชํารุดขัดของ (Failure rate) ของเครื่องจักร หากในการใชงานเครื่องจักรนี้ 50 เครื่องในชวงเวลา 100 ชั่วโมง มีการชํารุดขัดของเกิดขึ้น 2 ครั้ง
ภ
คําตอบ 1 : 0.004 ครั้ง/ชั่วโมง
คําตอบ 2 :
คําตอบ 3 :
คําตอบ 4 :
ส 0.020 ครั้ง/ชั่วโมง
0.040 ครั้ง/ชั่วโมง
ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 85
ความนาจะเปนในการชํารุดขัดของ (Failure probability) มีการแจกแจงแบบใด 22 of 118
คําตอบ 1 : Hyper-exponential
คําตอบ 2 : Negative exponential
คําตอบ 3 : Normal distribution
คําตอบ 4 : เปนไปไดทั้งสามแบบ
ขอที่ : 86
อัตราการชํารุดขัดของ (Failure rate) จะมีคาคงที่เมื่อความนาจะเปนในการชํารุดขัดของ (Failure probability) มีการแจกแจงแบบใด
คําตอบ 1 : Hyper-exponential
่ า ย
น
คําตอบ 2 : Negative exponential
ห
คําตอบ 3 : Normal distribution
จ ำ
คําตอบ 4 : เปนไปไดทั้งสามแบบ
ขอที่ :
า้ ม
ิธ์ ห
87
การแจกแจงของความนาจะเปนแบบใดที่สามารถใชอธิบายพฤติกรรมของความนาจะเปนในการชํารุดขัดของ (Failure probability) ไดทุกชวงอายุของเครื่องจักรอุปกรณ
คําตอบ 1 : Hyper-exponential distribution
ิท
คําตอบ 2 : Negative exponential distribution
ส
คําตอบ 3 : Normal distribution
ว น
คําตอบ 4 : Weibull distribution
ส ง
อ
ขอที่ : 88
ข
ขอใดเปนชื่อเรียกเสนโคงที่สามารถใชอธิบายการชํารุดขัดของของเครื่องจักรอุปกรณในทางวิศวกรรมไดเปนอยางดี
กร
คําตอบ 1 : เสนโคงรูประฆัง
ว
คําตอบ 2 : เสนโคงรูปอางน้ํา
ศ
ิ
คําตอบ 3 : เสนโคงรูปเรือ
าว
คําตอบ 4 : เสนโคงรูปตัวเอส
ขอที่ : 89
ส ภ
ขอใดเปนสถิติการชํารุดขัดของที่ใชพล็อตเสนโคงรูปอางน้ํา
คําตอบ 1 : คาความนาจะเปนในการชํารุดขัดของ (Failure probability)
คําตอบ 2 : คาความนาจะเปนในการชํารุดขัดของสะสม (Cumulative failure probability)
คําตอบ 3 : คาความนาจะเปนในการอยูรอด (Survival probability)
คําตอบ 4 : อัตราการชํารุดขัดของ (Failure rate)
23 of 118
ขอที่ : 90
ขอใดเปนอายุการใชงานสามชวงที่แบงในเสนโคงรูปอางน้ํา
คําตอบ 1 : ชวงเริ่มตน ชวงใชงาน ชวงพัฒนา
คําตอบ 2 : ชวงออกแบบ ชวงผลิต ชวงใชงาน
คําตอบ 3 : ชวงเริ่มงาน ชวงใชงาน ชวงสึกหรอ
คําตอบ 4 : ชวงใชงาน ชวงสึกหรอ ชวงฟนฟู
่ า ย
น
ขอที่ : 91
ห
ขอใดอาจเปนสาเหตุของการชํารุดขัดของชวงเริ่มงาน
จ ำ
คําตอบ 1 : ขาดการบํารุงรักษา
ม
คําตอบ 2 : ขาดการหลอลื่น
า้
คําตอบ 3 : อุบัติเหตุ
ิธ์ ห
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ิท
ขอที่ : 92
ส
ขอใดอาจเปนสาเหตุของการชํารุดขัดของชวงใชงาน
ว น
คําตอบ 1 : ขาดการหลอลื่น
ง
คําตอบ 2 : สืบทอดจากสวนอื่น
ส
คําตอบ 3 : อุบัติเหตุ
อ
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
กร ข
ว
ขอที่ : 93
ศ
ิ
ขอใดที่มักเปนสาเหตุของการชํารุดขัดของชวงใชงาน
าว
คําตอบ 1 : การออกแบบเครื่องจักรไมเหมาะสม
ภ
คําตอบ 2 : การติดตั้งเครื่องจักรบกพรอง
ส
คําตอบ 3 : การใชงานผิดวิธี
คําตอบ 4 : การเสื่อมสภาพของวัสดุตามธรรมชาติ
ขอที่ : 94
ขอใดที่มักเปนสาเหตุของการชํารุดขัดของชวงสึกหรอ
คําตอบ 1 : การออกแบบเครื่องจักรไมเหมาะสม
24 of 118
คําตอบ 2 : การติดตั้งเครื่องจักรบกพรอง
คําตอบ 3 : การใชงานผิดวิธี
คําตอบ 4 : การเสื่อมสภาพของวัสดุตามธรรมชาติ
ขอที่ : 95
ชวงใดที่มักมีระยะเวลาที่ยาวนานที่สุดของเครื่องจักร
คําตอบ 1 : ชวงเริ่มงาน
คําตอบ 2 : ชวงใชงาน
่ า ย
น
คําตอบ 3 : ชวงสึกหรอ
ห
คําตอบ 4 : เทากันทุกชวง
จ ำ
ม
ขอที่ :
า้
96
เวบูลลพารามิเตอรที่สามารถชี้บงลักษณะฐานการชํารุดขัดของของเครื่องจักรอุปกรณไดเปนอยางดี คือ
ิธ์ ห
คําตอบ 1 : พารามิเตอรรูปทรง (Shape parameter)
คําตอบ 2 : พารามิเตอรขนาด (Scale parameter)
ิท
คําตอบ 3 : พารามิเตอรตําแหนง (Location parameter)
ส
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ :
ง ว น
ส
97
อ
ชวงใดที่การชํารุดของเครื่องจักรที่เมื่อวิเคราะหดวยฟงชั่นเวบูลลแลวคาพารามิเตอรรูปทรงมีคานอยกวา 1
ข
คําตอบ 1 : ชวงเริ่มงาน
กร
คําตอบ 2 : ชวงใชงาน
ว
คําตอบ 3 : ชวงสึกหรอ
ศ
ิ
คําตอบ 4 : ทุกๆ ชวง
ขอที่ : 98
ภ าว
ส
ชวงใดที่การชํารุดของเครื่องจักรที่เมื่อวิเคราะหดวยฟงชั่นเวบูลลแลวคาพารามิเตอรรูปทรงทางทฤษฎีมีคาเทากับ 1
คําตอบ 1 : ชวงเริ่มงาน
คําตอบ 2 : ชวงใชงาน
คําตอบ 3 : ชวงสึกหรอ
คําตอบ 4 : ทุกๆ ชวง
25 of 118
ขอที่ : 99
ชวงใดที่การชํารุดของเครื่องจักรที่เมื่อวิเคราะหดวยฟงกชั่นเวบูลลแลวคาพารามิเตอรรูปทรงมีคามากกวา 1
คําตอบ 1 : ชวงเริ่มงาน
คําตอบ 2 : ชวงใชงาน
คําตอบ 3 : ชวงสึกหรอ
คําตอบ 4 : ทุกๆ ชวง
่ า ย
ขอที่ : 100
น
ขอใดเปนความนาจะเปนของการชํารุดขัดของสะสมถึงอายุ 572 ชั่วโมง ที่จะใชพล็อตกราฟเวบูลลแบบลําดับมัชฌิม (Mean ranking) หากขอมูลอายุการชํารุดขัดของเปนดังนี้ 250,
ห
346, 412, 572, 612, 716, 896 (หนวย : ชั่วโมง)
ำ
คําตอบ 1 :
จ
42.86 %
ม
คําตอบ 2 : 50.00 %
า้
คําตอบ 3 : 62.50 %
ิธ์ ห
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ิท
ขอที่ : 101
ส
ขอใดเปนความนาจะเปนของการชํารุดขัดของสะสมถึงอายุ 572 ชั่วโมง ที่จะใชพล็อตกราฟเวบูลลแบบลําดับมัชฌิม (Mean ranking) หากขอมูลอายุการชํารุดขัดของเปนดังนี้ 250,
น
346, 412, 572, 612, 716, 896 (หนวย : ชั่วโมง)
ง ว
คําตอบ 1 : 42.86 %
ส
คําตอบ 2 : 50.00 %
อ
คําตอบ 3 : 62.50 %
ข
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ :
ว กร
ศ
ิ
102
าว
ขอใดเปนความนาจะเปนของการชํารุดขัดของสะสมถึงอายุ 596 ชั่วโมง ที่จะใชพล็อตกราฟเวบูลลแบบลําดับมัธยฐาน (Median ranking) หากขอมูลอายุการชํารุดขัดของเปนดังนี้
316, 446, 596, 650, 714, 872, 912 (หนวย : ชั่วโมง)
ภ
คําตอบ 1 :
ส
22.97 %
คําตอบ 2 : 33.33 %
คําตอบ 3 : 36.49 %
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 103
ขอใดเปนความนาจะเปนของการชํารุดขัดของสะสมถึงอายุ 212 ชั่วโมง ที่จะใชพล็อตกราฟเวบูลลแบบลําดับมัชฌิม (Mean ranking) หากขอมูลอายุการชํารุดขัด ของเปนดังนี้ 250,
26 of 118
146, 412, 372, 212, 316, 196 (หนวย : ชั่วโมง)
คําตอบ 1 : 37.50 %
คําตอบ 2 : 42.86 %
คําตอบ 3 : 62.50 %
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 104
่ า ย
ขอใดเปนความนาจะเปนของการชํารุดขัดของสะสมถึงอายุ 196 ชั่วโมง ที่จะใชพล็อตกราฟเวบูลลแบบลําดับมัธยฐาน (Median ranking) หากขอมูลอายุการชํารุดขัดของเปนดังนี้
น
316, 146, 196, 250, 412, 372, 212 (หนวย : ชั่วโมง)
ห
คําตอบ 1 : 22.97 %
ำ
คําตอบ 2 :
จ
33.33 %
ม
คําตอบ 3 : 36.49 %
า้
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 105
ิธ์ ห
ิท
ขอใดเปนอายุการใชงานของอุปกรณที่การแจกแจงความนาจะเปนของการชํารุดขัดของ (Failure probability density function) เปนแบบปกติ (Normal distribution) ที่ทําใหมี
ส
ความนาจะเปนในการชํารุดขัดของสะสมเปน 0.95 หากอุปกรณนี้มีอายุการใชงานเฉลี่ย 520 ชั่วโมง โดยมีคาเบี่ยงเบนมาตรฐาน 40 ชั่วโมง
น
คําตอบ 1 : 580.40 ชั่วโมง
ง ว
คําตอบ 2 : 585.80 ชั่วโมง
ส
คําตอบ 3 : 600.00 ชั่วโมง
อ
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 106
กร ข
ว
ขอใดเปนอายุการใชงานของอุปกรณที่การแจกแจงความนาจะเปนของการชํารุดขัดของ (Failure probability density function) เปนแบบปกติ (Normal distribution) ที่ทําใหมี
าว ศ
ิ
คาความนาวางใจ (Reliability) เปน 0.95 หากอุปกรณนี้มีอายุการใชงานเฉลี่ย 520 ชั่วโมง โดยมีคาเบี่ยงเบนมาตรฐาน 40 ชั่วโมง
คําตอบ 1 : 454.20 ชั่วโมง
ภ
คําตอบ 2 : 542.34 ชั่วโมง
ส
คําตอบ 3 : 585.80 ชั่วโมง
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 107
ขอใดเปนอัตราการชํารุดขัดของของอุปกรณที่นํามาทดสอบการใชงานจํานวน 10 ชิ้น ในชวงระยะเวลา 100 ชั่วโมง และปรากฏมีการชํารุด 2 ชิ้น ที่ชั่วโมงทดสอบที่ 12 และ 21 ตาม
ลําดับ
27 of 118
คําตอบ 1 : 0.0020 ครั้งตอชั่วโมง
คําตอบ 2 : 0.0024 ครั้งตอชั่วโมง
คําตอบ 3 : 0.0025 ครั้งตอชั่วโมง
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 108
ขอใดเปนอัตราการชํารุดขัดของของเครื่องจักรที่ผูผลิตขายในชวงสามเดือนแรกได 24, 36 และ 50 เครื่องตามลําดับ โดยมีเหตุขัดของในชวงนี้ 4 ครั้ง
คําตอบ 1 : 0.121 ครั้งตอเดือน
่ า ย
น
คําตอบ 2 : 0.0288 ครั้งตอเดือน
ห
คําตอบ 3 : 0.0364 ครั้งตอเดือน
จ ำ
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ :
า้ ม
ิธ์ ห
109
ขอใดเปนความนาวางใจ (Reliability) ในชวงการใชงาน 2,000 ชั่วโมง ของอุปกรณที่มีการแจกแจงของการชํารุดขัดของแบบ Negative exponential หากอัตราการชํารุดขัดของคง
ที่ที่ระดับ 0.0001 ครั้งตอชั่วโมง
ิท
คําตอบ 1 : 0.8187
ส
คําตอบ 2 : 0.9048
น
คําตอบ 3 :
ว
0.9512
ง
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
อ ส
ข
ขอที่ : 110
กร
ขอใดเปนความนาจะเปนของการชํารุดขัดของสะสม (Cumulative failure probability) ถึงอายุการใชงาน 4,000 ชั่วโมง ของอุปกรณที่มีการแจกแจงของการชํารุดขัดของแบบ
Negative exponential หากอัตราการชํารุดขัดของคงที่ที่ระดับ 0.0001 ครั้งตอชั่วโมง
คําตอบ 1 : 0.2592
ศ
ิ ว
าว
คําตอบ 2 : 0.3297
คําตอบ 3 :
ภ
0.9932
ส
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 111
ขอใดเปนความนาจะเปนของการชํารุดขัดของ (Failure probability) ในชวงการใชงาน 1,000 -2,000 ชั่วโมง ของอุปกรณที่มีการแจกแจงของการชํารุดขัดของแบบ Negative
exponential หากอัตราการชํารุดขัดของคงที่ที่ระดับ 0.0001 ครั้งตอชั่วโมง
คําตอบ 1 : 0.0861
คําตอบ 2 : 0.0952 28 of 118
คําตอบ 3 : 0.1813
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 112
ขอใดเปนความนาจะเปนตนทุนที่คาดหมายของการชํารุดขัดของ ของอุปกรณที่มีการแจกแจงของการชํารุดขัดของแบบ Negative exponential หากอัตราการชํารุดขัดของคงที่ที่
ระดับ 0.0001 ครั้งตอชั่วโมง ในชวงการใชงาน 2,000 ชั่วโมง หากการชํารุดขัดของแตละครั้งมีตนทุน 100,000 บาท
คําตอบ 1 : 8,610 บาท
่ า ย
คําตอบ 2 : 9,520 บาท
น
คําตอบ 3 : 18,130 บาท
ห
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
จ ำ
ม
ขอที่ : 113
า้
ขอใดเปนการจัดขอมูลเวลาใชงานกอนการชํารุดขัดของและความนาจะเปนสะสมในการชํารุดขัดของที่ถูกตอง
ิธ์ ห
คําตอบ 1 : F10 = 1,300 F50 = 670 F90 = 3,440
คําตอบ 2 : F10 = 3,440 F50 = 1,300 F90 = 670
ิท
คําตอบ 3 : F10 = 3,400 F50 = 670 F90 = 1,300
ส
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 114
ง ว น
ส
ขอใดเปนความนาจะเปนของการชํารุดขัดของสะสมของขอมูลลําดับที่ 4 ที่เรียงจากมากไปหานอย ที่จะใชพล็อตกราฟเวบูลลแบบลําดับมัชฌิม (Mean ranking) หากมีขอมูลอายุการ
อ
ชํารุดขัดของ 9 ตัว
คําตอบ 1 :
คําตอบ 2 :
40.00 %
กร ข
ว
50.00 %
ศ
ิ
คําตอบ 3 : 60.00 %
าว
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 115
ส ภ
ขอใดเปนความนาจะเปนของการชํารุดขัดของสะสมของขอมูลลําดับที่ 4 ที่เรียงจากนอยไปหามาก ที่จะใชพล็อตกราฟเวบูลลแบบลําดับมัธยฐาน (Median ranking) หากมีขอมูลอายุ
การชํารุดขัดของ 9 ตัว
คําตอบ 1 : 28.72 %
คําตอบ 2 : 39.36 %
คําตอบ 3 : 50.00 %
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด 29 of 118
ขอที่ : 116
ขอใดเปนอัตราการชํารุดขัดของ (Failure rate) ในปที่สอง หากความนาจะเปนในการชํารุดของ (Failure probability) ในสองปแรกเปน 0.10 และ 0.14 ตามลําดับ
คําตอบ 1 : 0.1200
คําตอบ 2 : 0.1333
คําตอบ 3 : 0.1556
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
่ า ย
น
ขอที่ : 117
ห
ขอใดเปนความนาจะเปนในการอยูรอด (Survival probability) ในชวงสองป หากความนาจะเปนในการชํารุดของ (Failure probability) ในสองปแรกเปน 0.10 และ 0.14 ตาม
ำ
ลําดับ
มจ
คําตอบ 1 : 0.90
า้
คําตอบ 2 : 0.86
ิธ์ ห
คําตอบ 3 : 0.76
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 118
ส ิท
น
ขอใดเปนคาประมาณอายุต่ําสุด (Minimum life) ที่ดี หากเวบูลลกราฟเปนเสนโคงและมีอายุที่คาความนาจะเปนสะสมจุดหลักดังนี้ F10 = 670, F50 = 1,300, F90 = 3,440
ว
(หนวย : ชั่วโมง)
คําตอบ 1 : 100 ชั่วโมง
ส ง
อ
คําตอบ 2 : 200 ชั่วโมง
ข
คําตอบ 3 : 300 ชั่วโมง
กร
คําตอบ 4 : 400 ชั่วโมง
ศ
ิ ว
าว
ขอที่ : 119
โรงงานแหงหนึ่งทํางาน 8 ชั่วโมง/วัน ใน 1 สัปดาหทํางาน 5 วัน จากการศึกษาสภาพการทํางานของเครื่องฉีดพลาสติกในโรงงาน พบวาสามารถผลิตชิ้นงานไดประมาณ 535 ชิ้น/วัน
ภ
และเครื่องจักรเกิดเหตุขัดของ (down time) โดยเฉลี่ยเปน 3 ชั่วโมง/สัปดาห และรอบเวลาที่ใชในการผลิตเปน 0.68 นาที/ชิ้น จงคํานวณหาเปอรเซ็นตสภาพความพรอมของการใช
ส
งาน (Availability) ของเครื่องจักร
คําตอบ 1 : 87.4%
คําตอบ 2 : 92.5%
คําตอบ 3 : 79.7%
คําตอบ 4 : 95.5%
30 of 118
ขอที่ : 120
Reliability ของเครื่องจักรหมายถึง
คําตอบ 1 : อัตราการชํารุดขัดของของเครื่องจักร
คําตอบ 2 : โอกาสที่เครื่องจักรจะเสีย
คําตอบ 3 : ความนาจะเปนที่เครื่องจักรจะเสีย
คําตอบ 4 : ความนาจะเปนที่เครื่องจักรจะทํางาน
่ า ย
ขอที่ : 121
น
ตัวเลขใดตอไปนี้อาจเปนคา Reliability ของเครื่องจักรได
ห
คําตอบ 1 : 0.6548
จ ำ
คําตอบ 2 : 1.2451
ม
คําตอบ 3 : 2.4218
า้
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 122
ิธ์ ห
ิท
ตัวเลขใดตอไปนี้ไมอาจเปนคา Reliability ของเครื่องจักรได
ส
คําตอบ 1 : 0.2451
ว น
คําตอบ 2 : 0.4218
ง
คําตอบ 3 : 0.6548
ส
คําตอบ 4 : 1.0586
ขอ
กร
ขอที่ : 123
ว
อัตราการชํารุดขัดของกับอายุการใชงานเฉลี่ย มีความสัมพันธแบบใด
ศ
ิ
คําตอบ 1 : เสนตรง
าว
คําตอบ 2 : ผกผัน
ภ
คําตอบ 3 : ยกกําลัง
ส
คําตอบ 4 : ไมมีความสัมพันธกันเลย
ขอที่ : 124
Mean Time Between Failures (MTBF) ของเครื่องจักรเครื่องหนึ่งเปน 2,000 ชั่วโมงตอครั้ง อัตราการชํารุดขัดของ (Failure rate) ของเครื่องจักรเครื่องนี้ จะมีคาเทากับเทาใด
คําตอบ 1 : 0.001 ครั้งตอชั่วโมง
คําตอบ 2 : 0.002 ครั้งตอชั่วโมง
31 of 118
คําตอบ 3 : 0.005 ครั้งตอชั่วโมง
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 125
หากอัตราการชํารุดขัดของ (Failure rate) ของเครื่องจักรเครื่องหนึ่งเปน 0.002 ครั้งตอชั่วโมง Mean Time Between Failures ( MTBF) ของเครื่องจักรเครื่องนี้ จะมีคาเทากับ
เทาใด
คําตอบ 1 : 1,000 ชั่วโมงตอครั้ง
่ า ย
คําตอบ 2 : 2,000 ชั่วโมงตอครั้ง
น
คําตอบ 3 : 5,000 ชั่วโมงตอครั้ง
ห
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
จ ำ
ม
ขอที่ : 126
า้
อัตราการชํารุดขัดของ กับ Reliability มีความสัมพันธกันแบบใด
ิธ์ ห
คําตอบ 1 : เสนตรง
คําตอบ 2 : ผกผัน
ิท
คําตอบ 3 : ยกกําลัง
ส
คําตอบ 4 : ไมมีความสัมพันธกันเลย
ขอที่ : 127
ง ว น
ส
ขอใดที่มีคาคงที่ในชวงอายุใชงานเครื่องจักร
คําตอบ 1 : อัตราการชํารุดขัดของ
ขอ
กร
คําตอบ 2 : Reliability
ว
คําตอบ 3 : Maintainability
ศ
ิ
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 128
ภ าว
ส
Reliability กับ Maintainability มีความสัมพันธทางคณิตศาสตรกันแบบใด
คําตอบ 1 : เสนตรง
คําตอบ 2 : ผกผัน
คําตอบ 3 : ยกกําลัง
คําตอบ 4 : ไมมีความสัมพันธกันเลย
32 of 118
ขอที่ : 129
เครื่องจักรที่มี Maintainability ดีหมายถึงขอใด
คําตอบ 1 : เครื่องจักรที่ ใชงานไดดีไมคอยชํารุดขัดของ
คําตอบ 2 : เครื่องจักรที่ใชเวลาในการซอมบํารุงนอย
คําตอบ 3 : เครื่องจักรที่มีสัดสวนของเวลาที่ใชงานไดสูง
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
่ า ย
ขอที่ : 130
น
ตัวชี้วัดคา Maintainability ที่ดีคือขอใด
ห
คําตอบ 1 : มัชฌิมเวลาในการซอมบํารุง (Mean time to repair – MTTR)
จ ำ
คําตอบ 2 : มัชฌิมเวลาระหวางการชํารุด (Mean time between failures - MTBF)
ม
คําตอบ 3 : ไดทั้ง MTTR และ MTBF
า้
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 131
ิธ์ ห
ิท
ตัวชี้วัดคา Reliability ไดคือขอใด
ส
คําตอบ 1 : มัชฌิมเวลาในการซอมบํารุง (Mean time to repair – MTTR)
ว น
คําตอบ 2 : มัชฌิมเวลาระหวางการชํารุด (Mean time between failures - MTBF)
ง
คําตอบ 3 : ไดทั้ง MTTR และ MTBF
ส
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอ
กร
ขอที่ : 132
ว
เครื่องจักรที่มี Availability ดี หมายถึงขอใด
ศ
ิ
คําตอบ 1 : เครื่องจักรที่ใชงานไดดีไมคอยชํารุดขัดของ
าว
คําตอบ 2 : เครื่องจักรที่ใชเวลาในการซอมบํารุงนอย
ภ
คําตอบ 3 : เครื่องจักรที่มีสัดสวนของเวลาที่ใชงานไดสูง
ส
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 133
เครื่องจักรที่ทุกชิ้นสวนตองทํางานรวมกันเครื่องจักรจึงจะทํางานได เมื่อมีชิ้นสวนมากชิ้นมักจะมีผลกับคา Reliability ในลักษณะใด
คําตอบ 1 : Reliability ของเครื่องจักรลดลง
คําตอบ 2 : Reliability ของเครื่องจักรเทาเดิม
33 of 118
คําตอบ 3 : Reliability ของเครื่องจักรเพิ่มขึ้น
คําตอบ 4 : ไมแนนอน
ขอที่ : 134
การมีตัวเสริม หรือตัวขนาน (Redundant) มีผลกับคา Reliability ในลักษณะใด
คําตอบ 1 : Reliability ของเครื่องจักรลดลง
คําตอบ 2 : Reliability ของเครื่องจักรเทาเดิม
คําตอบ 3 : Reliability ของเครื่องจักรเพิ่มขึ้น
่ า ย
น
คําตอบ 4 : ไมแนนอน
ขอที่ : 135
จ ำ ห
ม
สายการผลิตที่มีเครื่องจักรตอเนื่องกันสามเครื่อง หากเครื่องใดเครื่องหนึ่งหยุดสายการผลิตก็ตองหยุด หาก Reliability ของเครื่องจักรแตละเครื่องในชวงเวลาหนึ่งเปน 0.9
า้
Reliability ของสายการผลิตในชวงเวลานี้มีคาเทาใด
ิธ์ ห
คําตอบ 1 : 0.729
คําตอบ 2 : 0.999
ิท
คําตอบ 3 : 2.700
ส
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 136
ง ว น
ส
โรงงานมีเครื่องจักรสามเครื่อง หากเพียงเครื่องใดเครื่องหนึ่งทํางานก็พอเพียงสําหรับการผลิต หาก Reliability ของเครื่องจักรแตละเครื่องในชวงเวลาหนึ่งเปน 0.9 Reliability ของ
อ
การผลิตของโรงงานในชวงเวลานี้ เปนเทาใด
คําตอบ 1 :
คําตอบ 2 :
0.729
กร ข
ว
0.999
ศ
ิ
คําตอบ 3 : 2.700
าว
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 137
ส ภ
วิธีการที่จะใชปรับปรุงคา Reliability ของเครื่องจักรใหดีขึ้นไดคือขอใด
คําตอบ 1 : ลดชิ้นสวนที่ไมจําเปน หรือมีประโยชนนอยลง
คําตอบ 2 : ใชชิ้นสวนที่เปนมาตรฐานเดียวกัน
คําตอบ 3 : ลดเวลาคอยในงานซอมใหนอยลง
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
34 of 118
ขอที่ : 138
สายการผลิตที่มีเครื่องจักรตอเนื่องกันสองเครื่อง หากเครื่องใดเครื่องหนึ่งหยุดสายการผลิตก็ตองหยุด หาก Reliability ของเครื่องจักรแตละเครื่องในชวงเวลาหนึ่งเปน 0.92 และ
0.80 Reliability ของสายการผลิตในชวงเวลานี้คือ
คําตอบ 1 : 0.928
คําตอบ 2 : 0.892
คําตอบ 3 : 0.736
คําตอบ 4 : 1.720
่ า ย
น
ขอที่ : 139
ห
โรงงานมีเครื่องจักรสองเครื่อง หากเพียงเครื่องใดเครื่องหนึ่งทํางานก็พอเพียงสําหรับการผลิต หาก Reliability ของเครื่องจักรแตละเครื่องในชวงเวลาหนึ่งเปน 0.95 และ 0.90
ำ
Reliability ของการผลิตของโรงงานในชวงเวลานี้ คือเทาใด
จ
คําตอบ 1 :
ม
0.855
า้
คําตอบ 2 : 0.995
ิธ์ ห
คําตอบ 3 : 1.850
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 140
ส ิท
น
วิธีการที่จะใชปรับปรุงคา Maintainability ของเครื่องจักรใหดีขึ้นไดคือขอใด
ง ว
คําตอบ 1 : ลดชิ้นสวนที่ไมจําเปน หรือมีประโยชนนอย
ส
คําตอบ 2 : ใชชิ้นสวนที่เปนมาตรฐานเดียวกัน
อ
คําตอบ 3 : ลดเวลาคอยในงานซอมใหนอยลง
ข
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
ขอที่ :
ว กร
ศ
ิ
141
าว
วิธีการที่จะใชปรับปรุงคา Availability ของเครื่องจักรใหดีขึ้นไดคือ
คําตอบ 1 : ลดชิ้นสวนที่ไมจําเปน หรือมีประโยชนนอยลง
ส ภ
คําตอบ 2 : ใชชิ้นสวนที่เปนมาตรฐานเดียวกัน
คําตอบ 3 : ลดเวลาคอยในงานซอมใหนอยลง
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
ขอที่ : 142
ขอใดตอไปนี้สามารถใชเปนหนวยวัดของ Mean time between failures (MTBF) ได
คําตอบ 1 : ชั่วโมงตอครั้ง 35 of 118
คําตอบ 2 : กิโลเมตรตอครั้ง
คําตอบ 3 : รอบตอครั้ง
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
ขอที่ : 143
ขอใดใชเปนหนวยวัดของอัตราการชํารุดขัดของ (Failure rate) ได
คําตอบ 1 : ครั้งตอชั่วโมง
คําตอบ 2 : ครั้งตอกิโลเมตร
่ า ย
น
คําตอบ 3 : ครั้งตอรอบ
ห
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
จ ำ
ม
ขอที่ :
า้
144
สถิติระบุวาเครื่องจักรเครื่องหนึ่งมีคา Mean time between failures (MTBF) เปน 500 ชั่วโมงตอครั้ง Mean time to repair(MTTR) เปน 10 ชั่วโมงตอครั้ง ระดับความพรอม
ิธ์ ห
(Availability - A) ของเครื่องจักรนี้คือ
คําตอบ 1 : 98.04 %
ิท
คําตอบ 2 : 98.00 %
ส
คําตอบ 3 : 90.00 %
น
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ง ว
ส
ขอที่ :
อ
145
ข
วิศวกรซอมบํารุงรับชิ้นสวนเครื่องจักร 10 ชิ้นมาทดสอบการใชงานระยะเวลา 120 ชั่วโมง มี 2 ชิ้นที่ขัดของในชั่วโมงที่ 80 และ 90 อัตราการชํารุดขัดของ (Failure rate) ของชิ้นสวน
กร
นี้โดยประมาณ คือเทาใด
คําตอบ 1 : 0.01667 ครั้ง / ชั่วโมง
คําตอบ 2 :
ศ
ิ ว
0.01176 ครั้ง / ชั่วโมง
าว
คําตอบ 3 : 0.00177 ครั้ง / ชั่วโมง
คําตอบ 4 : 0.00167 ครั้ง / ชั่วโมง
ขอที่ : 146
ส ภ
จงประมาณอัตราการชํารุดขัดของ (Failure rate) ของผลิตภัณฑที่มีรายงานยอดขายในสองเดือนแรกเปน 100 และ 200 ชุดตามลําดับโดยมีจํานวนที่มีการชํารุดขัดของรวมกันจํานวน
5 ชุด
คําตอบ 1 : 0.01667 ครั้ง / เดือน
คําตอบ 2 : 0.02000 ครั้ง / เดือน
คําตอบ 3 : 0.01250 ครั้ง / เดือน 36 of 118
คําตอบ 4 : 0.00833 ครั้ง / เดือน
ขอที่ : 147
คา Reliability ของเครื่องจักรที่มีอัตราการชํารุดขัดของคงที่ 0.0001 ครั้งตอชั่วโมง ในชวงเวลาการใชงาน 5,000 ชั่วโมง คือ
คําตอบ 1 : 0.6065
คําตอบ 2 : 0.8413
คําตอบ 3 : 0.9512
ย
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
น่ า
ห
ขอที่ : 148
ำ
จงประมาณคา Reliability ในชวงระยะเวลารับประกันหนึ่งปของผลิตภัณฑที่มีรายงานยอดขายในสองเดือนแรกเปน 100 และ 200 ชุดตามลําดับโดยมีจํานวนที่มีการชํารุดขัดของรวม
จ
กันจํานวน 5 ชุด
คําตอบ 1 : 0.7866
า้ ม
ิธ์ ห
คําตอบ 2 : 0.8187
คําตอบ 3 : 0.9802
คําตอบ 4 :
ิท
0.9835
ขอที่ : 149
นส
ง ว
โรงงานมีหมอไอน้ําสามลูกแตโดยปกติสองลูกก็พอเพียงกับการใชงาน หากระดับ Reliability ในชวงการใชงานชวงหนึ่งของหมอไอน้ําแตละลูกเปน 0.9 ระดับ Reliability ของหมอ
ส
ไอน้ําทั้งชุดในชวงเวลานี้คือ
อ
คําตอบ 1 : 0.7290
ข
คําตอบ 2 :
กร
0.8100
คําตอบ 3 : 0.9720
ว
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 150
าว ศ
ิ
ภ
เครื่องจักร 2 เครื่อง (M1, M2) มีคา Mean time between failures (MTBF) และ Mean time to repair (MTTR) เปนตามที่แสดงไวในตาราง ระดับความพรอม (Availability)
ส
ของเครื่องจักรสองเครื่องนี้เครื่องใดดีกวากัน
เครื่องจักร MTBF (ชั่วโมง/ครั้ง) MTTR (ชั่วโมง/ครั้ง)
M1 100 2
M2 400 10
คําตอบ 1 : M1 ดีกวา M2
คําตอบ 2 : M2 ดีกวา M1
คําตอบ 3 : เทากัน 37 of 118
คําตอบ 4 : ไมสามารถสรุปไดจากขอมูลเทาที่มี
ขอที่ : 151
เครื่องจักรมีอุปกรณสําคัญอยู 2 รายการ หากคา Mean time between failures (MTBF) และ Mean time to repair (MTTR) เปนตามที่แสดงไวในตาราง จะระบุระดับความพรอม
(Availability) ของเครื่องจักรนี้
Part MTBF (ชั่วโมง/ครั้ง) MTTR (ชั่วโมง/ครั้ง)
P1 100 5
P2 400 10
คําตอบ 1 : 97.50 %
่ า ย
น
คําตอบ 2 : 95.00 %
ห
คําตอบ 3 : 93.02 %
จ ำ
คําตอบ 4 : 92.92 %
ขอที่ :
า้ ม
ิธ์ ห
152
เครื่องจักรที่ประกอบดวยชิ้นสวนหลัก 2 รายการ (P1, P2) มีจํานวนและอัตราการชํารุดในหนึ่งลานชั่วโมง จะมีอัตราการชํารุดขัดของเทาใด
Part จํานวน อัตราการชํารุดในหนึ่งลานชั่วโมง
ิท
P1 2 300
ส
P2 1 400
น
คําตอบ 1 : 0.001 ครั้ง/ชั่วโมง
ง ว
คําตอบ 2 : 0.003 ครั้ง/ชั่วโมง
ส
คําตอบ 3 : 0.004 ครั้ง/ชั่วโมง
อ
คําตอบ 4 : 0.007 ครั้ง/ชั่วโมง
ขอที่ : 153
กร ข
ว
คา Reliability ในชวงเวลาการใชงาน 100 ชั่วโมง ของเครื่องจักรซึ่งประกอบดวยชิ้นสวนหลักสองรายการ (P1 และ P2) ที่มีจํานวนและอัตราการชํารุดขัดของดังแสดงในตาราง คือ
าว ศ
ิ
เทาใด
Part จํานวน (ชิ้น) อัตราการชํารุดขัดของ (ครั้ง/ชั่วโมง)
ภ
P1 2 0.0002
ส
P2 4 0.0001
คําตอบ 1 : 0.4493
คําตอบ 2 : 0.9083
คําตอบ 3 : 0.9321
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
38 of 118
ขอที่ : 154
คา Reliability ในชวงเวลาการใชงาน 100 ชั่วโมง ของเครื่องจักรซึ่งประกอบดวยชิ้นสวนหลักสองรายการ (P1 และ P2) ที่มีจํานวนและคา Mean time between failures (MTBF)
ดังแสดงในตาราง และมีอัตราการชํารุดขัดของคงที่ คือ เทาใด
Part จํานวน (ชิ้น) MTBF (ชั่วโมง/ครั้ง)
P1 2 2,000
P2 4 8,000
คําตอบ 1 : 0.8607
คําตอบ 2 : 0.9512
ย
คําตอบ 3 : 0.9851
่ า
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
หน
ำ
ขอที่ : 155
จ
เครื่องจักรมีอุปกรณสําคัญอยู 2 รายการ (P1 และ P2) หากจํานวนและ Mean time to repair (MTTR) ของชิ้นสวนเปนตามที่แสดงไวในตาราง MTTR ของเครื่องจักรนี้ คือ เทาใด
ม
จํานวน (ชิ้น) อัตราการชํารุด (ครั้ง/ชั่วโมง) MTTR (ชั่วโมง/ครั้ง)
า้
Part
P1 1 0.002 5
ิธ์ ห
P2 1 0.001 10
คําตอบ 1 : 6.67 ชั่วโมง / ครั้ง
ิท
คําตอบ 2 : 7.50 ชั่วโมง / ครั้ง
ส
คําตอบ 3 : 8.42 ชั่วโมง / ครั้ง
น
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ง ว
ส
ขอที่ :
อ
156
ข
เครื่องจักรมีอุปกรณสําคัญอยู 2 รายการ (P1 และ P2) หากจํานวนและ Mean time to repair (MTTR) ของชิ้นสวนเปนตามที่แสดงไวในตาราง MTTR ของเครื่องจักรนี้คือเทาใด
กร
Part จํานวน อัตราการชํารุด (ครั้ง/ชั่วโมง) MTTR (ชั่วโมง/ครั้ง)
P1 2 0.003 4
ว
P2 4 0.001 8
าว ศ
ิ
คําตอบ 1 : 4.8 ชั่วโมง / ครั้ง
คําตอบ 2 : 5.6 ชั่วโมง / ครั้ง
ภ
คําตอบ 3 : 6.2 ชั่วโมง / ครั้ง
ส
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 157
เครื่องจักรที่ประกอบดวยชิ้นสวนหลัก 2 รายการ (P1, P2) มีจํานวนและอัตราการชํารุดในหนึ่งลานชั่วโมง (r) และคา Mean time to repair (MTTR) เปนตามที่แสดงไวในตาราง จง
ระบุระดับความพรอม (Availability) ของเครื่องจักรนี้
Part จํานวน r (ครั้งในหนึ่งลานชั่วโมง) MTTR (ชั่วโมง/ครั้ง)
A 2 300 5 39 of 118
B 1 400 10
คําตอบ 1 : 99.20 %
คําตอบ 2 : 99.25 %
คําตอบ 3 : 99.30 %
คําตอบ 4 : 99.40 %
ขอที่ : 158
่ า ย
หน
จ ำ
ม
จงประมาณคา Reliability ของเครื่องจักรที่เขียนแผนภาพกลองไดดังแสดง
า้
ิธ์ ห
คําตอบ 1 : 0.504
คําตอบ 2 : 0.872
คําตอบ 3 : 0.916
ิท
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
นส
ว
ขอที่ : 159
ส ง
ขอ
ว กร
จงประมาณคา Reliability ของเครื่องจักรที่เขียนแผนภาพกลองไดดังแสดง
คําตอบ 1 :
คําตอบ 2 :
0.1624
าว ศ
ิ
ภ
0.8376
ส
คําตอบ 3 : 0.9160
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 160
40 of 118
จงประมาณคา Reliability ของเครื่องจักรที่เขียนแผนภาพกลองไดดังแสดง
ย
คําตอบ 1 : 0.8376
่ า
คําตอบ 2 : 0.8720
น
คําตอบ 3 : 0.8924
ห
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
จ ำ
ม
ขอที่ :
า้
161
ิธ์ ห
ส ิท
น
จงประมาณคา Reliability ของเครื่องจักรที่เขียนแผนภาพกลองไดดังแสดง
ว
คําตอบ 1 :
ง
0.8376
ส
คําตอบ 2 : 0.8700
อ
คําตอบ 3 : 1.6800
ข
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 162
ว กร
าว ศ
ิ
ขอใดเปนวิธีที่เหมาะสมที่จะใชตรวจการเสียสมดุลของเครื่องจักร
คําตอบ 1 : การวิเคราะหการสั่นสะเทือน
ภ
คําตอบ 2 : การวัดอุณหภูมิและภาพฉาย
ส
คําตอบ 3 : การวิเคราะหน้ํามันหลอลื่น
คําตอบ 4 : การตรวจสอบดวยเครื่องอุลตราโซนิก
ขอที่ : 163
ขอใดเปนวิธีการตรวจสอบการแตกหักของเฟองเกียรในกลองที่ดี
คําตอบ 1 : การวิเคราะหการสั่นสะเทือน 41 of 118
คําตอบ 2 : การวัดอุณหภูมิและภาพฉาย
คําตอบ 3 : การวิเคราะหน้ํามันหลอลื่น
คําตอบ 4 : การตรวจสอบดวยเครื่องอุลตราโซนิก
ขอที่ : 164
ขอใดเปนวิธีที่ดีที่สุดในการตรวจสอบการสึกหรอภายในเครื่องจักร
คําตอบ 1 : การวิเคราะหการสั่นสะเทือน
คําตอบ 2 : การวัดอุณหภูมิและภาพฉาย
่ า ย
น
คําตอบ 3 : การวิเคราะหน้ํามันหลอลื่น
ห
คําตอบ 4 : การตรวจสอบดวยเครื่องอุลตราโซนิก
จ ำ
ม
ขอที่ :
า้
165
ขอใดเปนเปนวิธีที่ดีที่สุดสําหรับการตรวจสอบการทํางานเกินกําลังของเครื่องจักร
ิธ์ ห
คําตอบ 1 : การวิเคราะหการสั่นสะเทือน
คําตอบ 2 : การวัดอุณหภูมิและภาพฉาย
ิท
คําตอบ 3 : การวิเคราะหน้ํามันหลอลื่น
ส
คําตอบ 4 : การตรวจสอบดวยเครื่องอุลตราโซนิก
ขอที่ :
ง ว น
ส
166
อ
ขอใดเปนอุปกรณที่สามารถตรวจสอบสภาพดวย Shock pulse measurement ไดเปนอยางดี
ข
คําตอบ 1 : คลัปปลิ้ง
กร
คําตอบ 2 : ตลับลูกปน
ว
คําตอบ 3 : หมอไอน้ํา
ศ
ิ
คําตอบ 4 : เฟองเกียร
ขอที่ : 167
ภ าว
ส
ขอใดเปนเครื่องมือที่สามารถใชในการตรวจจับรอยรั่วของทอ วาลว และตัวดักไอน้ําไดดี
คําตอบ 1 : Barometer
คําตอบ 2 : Steam regulator
คําตอบ 3 : Tachometer
คําตอบ 4 : Ultrasonic
42 of 118
ขอที่ : 168
ขอใดเปนระดับความถี่ที่ใชเครื่องอุลตราโซนิกในการวัด
คําตอบ 1 : เกิน 10,000 Hertz
คําตอบ 2 : เกิน 20,000 Hertz
คําตอบ 3 : เกิน 30,000 Hertz
คําตอบ 4 : เกิน 40,000 Hertz
่ า ย
ขอที่ : 169
น
ขอใดเปนเครื่องมือที่ใชในการวัดความเร็วรอบของเครื่องจักรที่หมุนได
ห
คําตอบ 1 : Stereoscope
จ ำ
คําตอบ 2 : Stethoscope
ม
คําตอบ 3 : Stroboscope
า้
คําตอบ 4 : Tachometer
ขอที่ : 170
ิธ์ ห
ิท
ขอใดเปนเครื่องมือที่ชวยใหฟงเสียงของเครื่องจักรขณะทํางานไดชัดเจนขึ้น
ส
คําตอบ 1 : Stereoscope
ว น
คําตอบ 2 : Stethoscope
ง
คําตอบ 3 : Stroboscope
ส
คําตอบ 4 : Tachometer
ขอ
กร
ขอที่ : 171
ว
ขอใดที่ขนาดถือวาเปน Amplitude ของการสั่นสะเทือน
ศ
ิ
คําตอบ 1 : ระยะเคลื่อนที่ (Displacement)
าว
คําตอบ 2 : ความเร็ว (Velocity)
ภ
คําตอบ 3 : ความเรง (Acceleration)
ส
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
ขอที่ : 172
ขอใดเปนรูปแบบขอมูลที่นิยมใชในการวิเคราะหการสั่นสะเทือน
คําตอบ 1 : Frequency domain
คําตอบ 2 : Sine wave
43 of 118
คําตอบ 3 : Time domain
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 173
ขอใดเปนกราฟแบบ Frequency domain ของการสั่นสะเทือน
คําตอบ 1 : แกนนอนเปนคา Time แกนตั้งเปนคา Amplitude
คําตอบ 2 : แกนนอนเปนคา Frequency แกนตั้งเปนคา Amplitude
คําตอบ 3 : แกนนอนเปนคา Frequency แกนตั้งเปนคา Time
่ า ย
น
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 174
จ ำ ห
ม
ขอใดเปนกราฟแบบ Frequency domain ของการสั่นสะเทือน
า้
ิธ์ ห
คําตอบ 1 : Fast Fourier Transform (FFT)
คําตอบ 2 : Boolean Function Transform (BFT)
คําตอบ 3 : Markov Chain Transform (MCT)
ิท
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
นส
ว
ขอที่ : 175
ง
ขอใดเปนเงื่อนไขที่สําคัญที่สุดในการวัดการสั่นสะเทือน
คําตอบ 1 : เครื่องมือวัดเดียวกันทุกครั้ง
อ ส
ข
คําตอบ 2 : ผูวัดคนเดียวกันทุกครั้ง
กร
คําตอบ 3 : ตําแหนงที่วัดเดียวกันทุกครั้ง
ว
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
ขอที่ : 176
าว ศ
ิ
ภ
ขอใดเปนการวัดการสั่นสะเทือนที่ควรทําในการตรวจสภาพเครื่องจักร
ส
คําตอบ 1 : การสั่นสะเทือนตามแนวนอน (Horizontal vibration)
คําตอบ 2 : การสั่นสะเทือนตามแนวดิ่ง (Vertical vibration)
คําตอบ 3 : การสั่นสะเทือนตามแนวแกน (Axial vibration)
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
ขอที่ : 178
่ า ย
ขอใดเปนวิธีวิเคราะหการสั่นสะเทือนที่ชวยชี้บงสภาพของเครื่องจักรอุปกรณ
น
คําตอบ 1 : Broadband analysis
ห
คําตอบ 2 : Narrowband analysis
จ ำ
คําตอบ 3 : Signature analysis
ม
คําตอบ 4 : Amplitude Trending
า้
ิธ์ ห
ขอที่ : 179
ขอใดเปนการวิเคราะหการสั่นสะเทือนที่แสดงเอกลักษณของชุดเครื่องจักรแตละชุด
ิท
คําตอบ 1 : Narrowband analysis
ส
คําตอบ 2 : Signature analysis
ว น
คําตอบ 3 : Trending
ง
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
อ ส
ข
ขอที่ : 180
กร
ขอมูลพื้นฐานที่ใชวิเคราะหการสั่นสะเทือนเชิงเปรียบเทียบจะตองตั้งใหมเมื่อใด
ว
คําตอบ 1 : เมื่อมีการซอมแซมเครื่องจักร
ศ
ิ
คําตอบ 2 : เมื่อมีการยกเครื่องหรือฟนสภาพเครื่องจักร
าว
คําตอบ 3 : เมื่อมีการเปลี่ยนอุปกรณหลักของเครื่องจักร
ภ
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
ขอที่ : 181
ส
ขอใดอาจเปน harmonic ของคลื่นความถี่ 2,500 Hertz
คําตอบ 1 : คลื่นความถี่ 7,500 Hertz
คําตอบ 2 : คลื่นความถี่ 10,000 Hertz
คําตอบ 3 : คลื่นความถี่ 25,000 Hertz
45 of 118
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 182
ขอใดเปนเครื่องมือวัดอุณหภูมิที่ไมไดใชโลหะสองชนิด
คําตอบ 1 : Bimetallic
คําตอบ 2 : Thermistor
คําตอบ 3 : Thermocouple
ย
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
น่ า
ห
ขอที่ : 183
ำ
ขอใดเปนเครื่องมือวัดอุณหภูมิที่ใชความแตกตางในสัมประสิทธิ์ของการขยายตัวของโลหะสองชนิด
คําตอบ 1 : Bimetallic element thermometer
มจ
า้
คําตอบ 2 : Thermistor
ิธ์ ห
คําตอบ 3 : Thermocouple
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 184
ส ิท
ว น
ขอใดเปนเครื่องมือวัดอุณหภูมิที่ใชความแตกตางของความตานทานไฟฟาของตัวนํา เมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนแปลงไป
ง
คําตอบ 1 : Bimetallic
ส
คําตอบ 2 : Thermistor
อ
คําตอบ 3 :
ข
Thermocouple
กร
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 185
ศ
ิ ว
าว
ขอใดเปนเครื่องมือวัดอุณหภูมิที่ใชความแตกตางของแรงดันไฟฟาที่เกิดขึ้นจากขั้วรวมของโลหะสองชนิด เมื่ออุณหภูมิมีการเปลี่ยนแปลงไป
ภ
คําตอบ 1 : Bimetallic
ส
คําตอบ 2 : Thermistor
คําตอบ 3 : Thermocouple
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 186
ขอใดเปนเครื่องมือวัดอุณหภูมิที่ใชคุณสมบัติของโลหะบางชนิดที่เปลี่ยนแปลงสีไปตามอุณหภูมิ
46 of 118
คําตอบ 1 : Bimetallic
คําตอบ 2 : Thermistor
คําตอบ 3 : Thermocouple
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 187
ขอใดเปนเครื่องมือวัดอุณหภูมิที่สามารถวัดไดในชวง 1,000 ถึง 5,000 ° F
คําตอบ 1 : Bimetallic
่ า ย
น
คําตอบ 2 : Optical pyrometer
ห
คําตอบ 3 : Thermistor
จ ำ
คําตอบ 4 : Thermocouple
ขอที่ :
า้ ม
ิธ์ ห
188
ขอใดเปนเครื่องมือวัดอุณหภูมิที่ทําการวัดคาไดโดยไมตองสัมผัสวัตถุที่ตองการวัดอุณหภูมิ
คําตอบ 1 : Gas thermometer
ิท
คําตอบ 2 : Resistance thermometer
ส
คําตอบ 3 : Pyrometer
ว น
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ส ง
อ
ขอที่ : 189
ข
ขอใดเปนรังสีที่ใชในการวัดและแสดงระดับอุณหภูมิของเครื่องมือฉายภาพอุณหภูมิ (Thermography)
กร
คําตอบ 1 : รังสีอัลฟา (Alpha-ray)
ว
คําตอบ 2 : รังสีแกมมา (Gamma-ray)
ศ
ิ
คําตอบ 3 : รังสีอินฟราเรด (Infrared-ray)
าว
คําตอบ 4 : รังสีเอ็กซ (X-ray)
ขอที่ : 190
ส ภ
ขอใดเปนคลื่นแมเหล็กไฟฟาที่มีความยาวคลื่นสูงสุดในขอตอไปนี้
คําตอบ 1 : คลื่นวิทยุ
คําตอบ 2 : คลื่นอินฟราเรด (คลื่นใตแดง)
คําตอบ 3 : คลื่นอุลตราไวโอเลท (คลื่นเหนือมวง)
คําตอบ 4 : คลื่นรังสีเอ็กซ
47 of 118
ขอที่ : 191
ขอใดเปนความสัมพันธเชิงคณิตศาสตรที่ถูกตองระหวางองศาเซลเซียส (C) กับ องศาฟาเรนไฮต (F)
คําตอบ 1 : F = C + 32
คําตอบ 2 : F = 1.8*C
คําตอบ 3 : F = 1.8*C + 32
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
่ า ย
น
ขอที่ : 192
ห
ขอใดเปนระดับอุณหภูมิที่ศูนยสัมบูรณ (absolute zero )
จ ำ
คําตอบ 1 : -273.15 °C
ม
คําตอบ 2 : -32 °C
า้
คําตอบ 3 : 0 °C
ิธ์ ห
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ิท
ขอที่ : 193
ส
ขอใดเปนอุณหภูมิเทียบเทาของ 50 องศาเซลเซียส
คําตอบ 1 :
คําตอบ 2 :
82 เคลวิน
122 เคลวิน
ง ว น
323.15 เคลวิน
อ ส
คําตอบ 3 :
ข
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 194
ว กร
ศ
ิ
ขอใดเปนอุณหภูมิเทียบเทาของ 400 °F
าว
คําตอบ 1 : 204.4 °C
ภ
คําตอบ 2 : 212 °C
ส
คําตอบ 3 : 273.15 °C
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 195
ขอใดเปนเครื่องมือที่เหมาะสําหรับใชในการตรวจสภาพของสถานีไฟฟายอย
คําตอบ 1 : Thermistor 48 of 118
คําตอบ 2 : Thermocouple
คําตอบ 3 : Thermography
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 196
ขอใดเปนความผิดปกติที่สามารถตรวจพบไดโดยใชเครื่องมือฉายภาพอุณหภูมิ (Thermography)
คําตอบ 1 : การหลุดหลวมของอุปกรณไฟฟา
คําตอบ 2 : การหลุดหลวมของอุปกรณทางกล
่ า ย
น
คําตอบ 3 : การมีภาระงานเกินระดับปกติ
ห
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
จ ำ
ม
ขอที่ :
า้
197
ขอใดเปนเครื่องจักรอุปกรณที่ตัวแปรรวมในการทํางานหรือประสิทธิภาพในการทํางานสามารถชี้บงสภาพของเครื่องจักรอุปกรณนั้นไดดี
ิธ์ ห
คําตอบ 1 : เครื่องสูบ
คําตอบ 2 : มอเตอรไฟฟา
ิท
คําตอบ 3 : ระบบไฮดรอลิกส
ส
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
ขอที่ :
ง ว น
ส
198
อ
ขอใดเปนตัวแปรรวมในการทํางานที่สามารถชี้บงสภาพของเครื่องจักรไฟฟาไดดี
ข
คําตอบ 1 : ความเร็วรอบของเครื่อง
กร
คําตอบ 2 : กระแสไฟฟาที่ใชในขณะเดินเครื่อง
ว
คําตอบ 3 : แรงบิดของเครื่อง
ศ
ิ
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 199
ภ าว
ส
ขอใดเปนเครื่องมือที่ใชตรวจสอบสภาพของเครื่องจักรไฟฟาไดดี
คําตอบ 1 : Flow meter
คําตอบ 2 : Multi meter
คําตอบ 3 : Pressure gauge
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
49 of 118
ขอที่ : 200
ขอใดเปนตัวแปรรวมในการทํางานที่สามารถชี้บงสภาพของระบบนิวเมติกสไดดี
คําตอบ 1 : แรงดันไฟฟา
คําตอบ 2 : แรงดันไอน้ํา
คําตอบ 3 : กําลังลม
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
่ า ย
ขอที่ : 201
น
ขอใดเปนเครื่องมือที่ใชในการชี้บงสภาพของระบบไฮดรอลิกสไดดี
ห
คําตอบ 1 : Fluid level indicator
จ ำ
คําตอบ 2 : Multi meter
ม
คําตอบ 3 : Pressure flow meter
า้
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 202
ิธ์ ห
ิท
ขอใดเปนตัวแปรรวมในการทํางานที่สามารถชี้บงสภาพของเครื่องสูบไดดี
ส
คําตอบ 1 : อัตราการไหลของของเหลว
ว น
คําตอบ 2 : ความถวงจําเพาะของของเหลว
ง
คําตอบ 3 : อุณหภูมิของเครื่องสูบ
ส
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอ
กร
ขอที่ : 203
ว
ขอใดเปนเครื่องมือที่สามารถใชในการชี้บงสภาพของเครื่องสูบไดดี
ศ
ิ
คําตอบ 1 : Flow meter
าว
คําตอบ 2 : Multi meter
ภ
คําตอบ 3 : Ohm meter
ส
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 204
ขอใดเปนตัวแปรรวมในการทํางานที่สามารถชี้บงสภาพของหมอไอน้ําไดดี
คําตอบ 1 : แรงดันไอ
คําตอบ 2 : อุณหภูมิของไอ
50 of 118
คําตอบ 3 : อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
ขอที่ : 205
ขอใดเปนเครื่องมือที่สามารถใชในการชี้บงสภาพของหมอไอน้ําไดดี
คําตอบ 1 : Current clamp meter
คําตอบ 2 :
ย
Pressure gauge
่ า
คําตอบ 3 : Volt meter
น
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 206
จ ำ ห
ม
ขอใดเปนอุปกรณที่วัดกระแสไฟฟาจากแรงเหนี่ยวนําของสนามแมเหล็กรอบสายไฟ
า้
ิธ์ ห
คําตอบ 1 : Amp meter
คําตอบ 2 : Current clamp meter
คําตอบ 3 : Multi meter
ิท
คําตอบ 4 : Oscilloscope
นส
ว
ขอที่ : 207
ง
ขอใดเปนการทํางานที่แทจริงของ โอหมมิเตอร ที่ใชทั่วไป
คําตอบ 1 :
อ
วัดแรงดันแลวแปลงเปนความตานทาน
ส
ข
คําตอบ 2 : วัดกระแสแลวแปลงเปนความตานทาน
กร
คําตอบ 3 : วัดความตานทานแลวผานวงจรขยายเพื่อแสดงคา
ว
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 208
าว ศ
ิ
ภ
ขอใดเปนวิธีที่มักใชในการตรวจสอบวาวงจรไฟฟาทํางานอยูหรือไม (วงจรเปดหรือปด)
ส
คําตอบ 1 : Resistance testing
คําตอบ 2 : Megger testing
คําตอบ 3 : HiPot testing
คําตอบ 4 : Impedance testing
ขอที่ : 210
่ า ย
ขอใดเปนวิธีทดสอบทางไฟฟาที่ใชตรวจสอบการทํางานของขดลวดไดดี
น
คําตอบ 1 : Resistance testing
ห
คําตอบ 2 : Megger testing
จ ำ
คําตอบ 3 : HiPot testing
ม
คําตอบ 4 : Impedance testing
า้
ิธ์ ห
ขอที่ : 211
ขอใดเปนเครื่องมือมาตรฐานที่ใชวิเคราะหการทํางานของวงจรอิเล็กทรอนิกสกันอยางแพรหลาย
ิท
คําตอบ 1 : Amp meter
ส
คําตอบ 2 : Ohmmeter
ว น
คําตอบ 3 : Oscilloscope
ง
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
อ ส
ข
ขอที่ : 212
กร
ขอใดเปนความผิดปกติของเครื่องจักรอุปกรณที่อาจพบไดจากการตรวจสอบดวยสายตา
ว
คําตอบ 1 : การรั่วซึมของน้ํามันไฮดรอลิก
ศ
ิ
คําตอบ 2 : การรั่วซึมของน้ําหลอเย็น
าว
คําตอบ 3 : การเกิดสนิมบนชิ้นสวนโลหะ
ภ
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
ขอที่ : 213
ส
ขอใดเปนเครื่องมือที่ทําใหสามารถมองเครื่องจักรที่หมุนไดในสภาพที่คลายหยุดนิ่งได
คําตอบ 1 : Stereoscope
คําตอบ 2 : Stethoscope
คําตอบ 3 : Stroboscope
52 of 118
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 214
ขอใดเปนความถี่ในการกระพริบแสงที่จะทําใหมองเครื่องจักรที่หมุนดวยความเร็วรอบ 950 รอบตอนาทีในสภาพที่คลายหยุดนิ่งได
คําตอบ 1 : 450 รอบตอนาที
คําตอบ 2 : 900 รอบตอนาที
คําตอบ 3 : 1,900 รอบตอนาที
ย
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
น่ า
ห
ขอที่ : 215
ำ
ขอใดเปนอุปกรณที่ใชในครัวเรือนที่สามารถนํามาใชวิเคราะหสภาพเครื่องจักรไดเปนอยางดี
คําตอบ 1 : โทรทัศนวงจรปด
มจ
า้
คําตอบ 2 : ระบบบันทึกภาพและเครื่องเลนวีดิทัศน
ิธ์ ห
คําตอบ 3 : เตาไฟฟา
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 216
ส ิท
ว น
ขอใดเปนการตรวจสอบที่สามารถทําโดยใชแสงเลเซอร
ง
คําตอบ 1 : ตรวจสอบความตรง
ส
คําตอบ 2 : ตรวจสอบความขนาน
อ
คําตอบ 3 : ตรวจสอบความเรียบ
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
กร ข
ขอที่ : 217
ศ
ิ ว
าว
ขอใดเปนเครื่องมือที่สามารถตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงขนาดของชิ้นสวนแมเพียงเล็กนอยไดดี
ภ
คําตอบ 1 : Alignment telescope
ส
คําตอบ 2 : Measuring microscope
คําตอบ 3 : Optical comparator
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 218
ขอใดเปนเครื่องมือที่ชวยการมองเห็นในการตั้งแนวแกนใหไดศูนย
53 of 118
คําตอบ 1 : Alignment telescope
คําตอบ 2 : Measuring microscope
คําตอบ 3 : Optical comparator
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 219
ขอใดเปนเครื่องมือฉายภาพขยายเปรียบเทียบเพื่อชวยการมองเห็นสภาพเครื่องจักรไดอยางชัดเจน
คําตอบ 1 : Alignment telescope
่ า ย
น
คําตอบ 2 : Measuring microscope
ห
คําตอบ 3 : Optical comparator
จ ำ
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ :
า้ ม
ิธ์ ห
220
ขอใดเปนวิธีการที่ไดผลดีและประหยัดตอการตรวจสอบดวยสายตาสําหรับสวนของเครื่องจักรดานที่ติดผนัง
คําตอบ 1 : เจาะผนังทําชองมองถาวร
ิท
คําตอบ 2 : ติดกระจกเงาที่ผนังดานนั้น
ส
คําตอบ 3 : ติดตั้งกลองวงจรปด
ว น
คําตอบ 4 : ยายเครื่องจักรนั้นออกมาจากผนัง
ส ง
อ
ขอที่ : 221
ข
ขอใดเปนโอกาสอันเหมาะที่จะตรวจสอบชิ้นสวนตางๆ ของเครื่องจักรดวยสายตาอยางละเอียด
กร
คําตอบ 1 : ในขณะทําการซอมฉุกเฉิน (Emergency maintenance)
ว
คําตอบ 2 : ในขณะปดเครื่องทํางานซอม (Shutdown maintenance)
ศ
ิ
คําตอบ 3 : ในขณะทําการซอมใหญหรือยกเครื่อง (Major repair or overhaul)
าว
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 222
ส ภ
ขอใดเปนจุดประสงคของการใชผงแมเหล็กในการตรวจสอบโลหะ
คําตอบ 1 : ตรวจสภาพความเปนแมเหล็กของโลหะ
คําตอบ 2 : ตรวจสอบความเรียบของผิวโลหะ
คําตอบ 3 : ตรวจหารอยแตกราวในเนื้อโลหะ
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
54 of 118
ขอที่ : 223
ในการตรวจสอบหารอยแตกราวบนโลหะดวยวิธีใชสีซึมลึก (Dye penetrant) ตัวสารซึมลึก (penetrant) มักถูกใชเปนลําดับที่เทาใด
คําตอบ 1 : กระปองที่ 1
คําตอบ 2 : กระปองที่ 2
คําตอบ 3 : กระปองที่ 3
คําตอบ 4 : กระปองที่ 4
่ า ย
น
ขอที่ : 224
ห
ขอใดเปนคุณสมบัติที่สําคัญของสารซึมลึก (Penetrant) ที่ใชในการตรวจสอบหารอยแตกราวของโลหะดวยวิธีสีซึมลึก (Dye penetrant)
จ ำ
คําตอบ 1 : มีแรงตึงผิวต่ําจึงซึมลึกไดดี
ม
คําตอบ 2 : มีเม็ดสีขนาดเล็กทําใหซึมลึกในรอยแตกราวได
า้
คําตอบ 3 : มีความลื่นสูงจึงมีความสามารถในการไหลดี
ิธ์ ห
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ิท
ขอที่ : 225
ส
ขอใดเปนความหมายของ Exograph
ว น
คําตอบ 1 : ภาพฉายของอุณหภูมิที่เกิดจากรังสีอินฟราเรด
ง
คําตอบ 2 : ภาพฉายที่เกิดจากรังสีเอ็กซ (x-ray)
ส
คําตอบ 3 : ภาพฉายที่เกิดจากรังสีแกมมา (gamma-ray)
อ
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
กร ข
ว
ขอที่ : 226
ศ
ิ
ขอใดเปนขอเดนของ Gamma-ray ที่เหนือกวา X-ray ในการใชคลื่นแมเหล็กไฟฟาตรวจหารอยราวของโลหะ
าว
คําตอบ 1 : สามารถตรวจโลหะไดหนามากกวา
ภ
คําตอบ 2 : ใชเวลาในการตรวจสอบนอยกวา
ส
คําตอบ 3 : ตรวจสอบรอยแตกราวของโลหะที่หนานอยกวา 2 นิ้วไดดีมาก
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 227
ขอใดเปนประเภทของน้ํามันที่นํามาใชหลอลื่นเครื่องจักรในเชิงอุตสาหกรรมมากที่สุดในปจจุบัน
คําตอบ 1 : น้ํามันจากพืช
55 of 118
คําตอบ 2 : น้ํามันจากสัตว
คําตอบ 3 : น้ํามันจากปโตรเลียม
คําตอบ 4 : น้ํามันสังเคราะห
ขอที่ : 228
ขอใดเปนประเภทของน้ํามันปโตรเลียมที่คาดัชนีความหนืดสูง (High viscosity index)
คําตอบ 1 :
ย
Aromatic
่ า
คําตอบ 2 : Asphaltic
น
คําตอบ 3 : Naphthenic
ห
คําตอบ 4 : Paraffinic
จ ำ
ม
ขอที่ :
า้
229
ขอใดเปนประเภทของน้ํามันปโตรเลียมที่มีคาจุดไหลเทต่ํา (Low pour point)
ิธ์ ห
คําตอบ 1 : Aromatic
คําตอบ 2 : Asphaltic
ิท
คําตอบ 3 : Naphthenic
ส
คําตอบ 4 : Paraffinic
ขอที่ :
ง ว น
ส
230
อ
ขอใดเปนประเภทของน้ํามันปโตรเลียมที่มีราคาถูกที่ใชหลอลื่นเฟองเปดที่มีรอบความเร็วต่ํา
ข
คําตอบ 1 : Aromatic
กร
คําตอบ 2 : Asphaltic
ว
คําตอบ 3 : Naphthenic
ศ
ิ
คําตอบ 4 : Paraffinic
ขอที่ : 231
ภ าว
ส
ขอใดเปนสวนประกอบของจาระบีที่ใชในการหลอลื่น
คําตอบ 1 : สบู น้ํามัน สารเพิ่มคุณสมบัติ
คําตอบ 2 : เรซิน น้ํามัน สารเพิ่มคุณสมบัติ
คําตอบ 3 : เยลลี่ น้ํามัน สารเพิ่มคุณสมบัติ
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
56 of 118
ขอที่ : 232
ขอใดเปนอัตราสวนโดยน้ําหนักของสวนประกอบของจาระบี (สบู : น้ํามัน : สารเพิ่มคุณสมบัต)ิ ที่ใชในการหลอลื่น
คําตอบ 1 : 70 : 25 : 5
คําตอบ 2 : 60 : 35 : 5
คําตอบ 3 : 40 : 55 : 5
คําตอบ 4 : 15 : 80 : 5
่ า ย
ขอที่ : 233
น
ขอใดเปนจาระบีที่มีความแข็งมากที่สุด
ห
คําตอบ 1 : NLGI No. 00
จ ำ
คําตอบ 2 : NLGI No. 0
ม
คําตอบ 3 : NLGI No. 6
า้
คําตอบ 4 : NLGI No. 10
ขอที่ : 234
ิธ์ ห
ิท
ขอใดเปนตัวอุมน้ํามันในจาระบีที่ทนน้ําแตไมทนความรอน
ส
คําตอบ 1 : สบูแคลเซียม
ว น
คําตอบ 2 : สบูโซเดียม
ง
คําตอบ 3 : สบูลิเทียม
ส
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอ
กร
ขอที่ : 235
ว
ขอใดเปนตัวอุมน้ํามันในจาระบีที่ไมทนน้ําแตทนความรอนไดดี
ศ
ิ
คําตอบ 1 : สบูแคลเซียม
าว
คําตอบ 2 : สบูโซเดียม
ภ
คําตอบ 3 : สบูลิเทียม
ส
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 236
ขอใดเปนตัวอุมน้ํามันในจาระบีที่ทนน้ําและทนความรอนไดดี
คําตอบ 1 : สบูแคลเซียม
คําตอบ 2 : สบูโซเดียม
57 of 118
คําตอบ 3 : สบูลิเทียม
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 237
จาระบีในขอใดสามารถใชปนรวมกันได
คําตอบ 1 : ชนิดเดียวกันแตคนละเบอร
คําตอบ 2 : เบอรเดียวกันแตตางชนิด
คําตอบ 3 : ยี่หอเดียวกันแตตัวอุมน้ํามัน (สบู) ตางกัน
่ า ย
น
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 238
จ ำ ห
ม
ขอใดเปนสารหลอลื่นสังเคราะหที่มักใชในตลับลูกปนที่ไมตองหลอลื่น
า้
ิธ์ ห
คําตอบ 1 : Organic esters
คําตอบ 2 : Polyglycols
คําตอบ 3 : Silicones
ิท
คําตอบ 4 : Synthethetic hydrocarbons
นส
ว
ขอที่ : 239
ง
ขอใดที่ไมใชคุณสมบัติของน้ํามันหลอลื่นสังเคราะห
คําตอบ 1 : ดัชนีความหนืดสูง
อ ส
ข
คําตอบ 2 : จุดไหลเทสูง
กร
คําตอบ 3 : การระเหยตัวต่ํา
ว
คําตอบ 4 : ความเสถียรของคุณสมบัติทางเคมีสูง
ขอที่ : 240
าว ศ
ิ
ภ
ขอใดเปนประเภทของน้ํามันหลอลื่นสังเคราะหที่ใชกันมากในทางอุตสาหกรรม
ส
คําตอบ 1 : Ester, diester, complex ester
คําตอบ 2 : Polyalphaolefin : PAO
คําตอบ 3 : Polyglycol
คําตอบ 4 : Silicone
ขอที่ : 242
่ า ย
ขอใดเปนสารหลอลื่นแข็งที่สามารถทนความรอนไดเกิน 1,000 องศาเซลเซียส
น
คําตอบ 1 : Molybdenum disulfide
ห
คําตอบ 2 : Boron nitride
จ ำ
คําตอบ 3 : Cerium fluoride
ม
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
า้
ิธ์ ห
ขอที่ : 243
ขอใดเปนหนวยวัดความหนืดในระบบเมตริก
ิท
คําตอบ 1 : เซนติสโตก (cSt)
ส
คําตอบ 2 : วินาทีเซโบลต (SUS, SSU)
ว น
คําตอบ 3 : เรดวูดNo.1 (RW1)
ง
คําตอบ 4 : อิงเลอร (E˚˚)
อ ส
ข
ขอที่ :
กร
244
ขอใดเปนระบบวัดความหนืดที่มีหนวยวัดเปนวินาทีเซโบลต (SUS, SSU)
ว
คําตอบ 1 : ระบบเมตริก (สากล)
าว ศ
ิ
คําตอบ 2 : ระบบอเมริกัน
คําตอบ 3 : ระบบอังกฤษ
ภ
คําตอบ 4 : ระบบยุโรป (เยอรมัน)
ขอที่ : 245 ส
ขอใดเปนอุณหภูมิอางอิงที่ใชวัดความหนืดในระบบเมตริก
คําตอบ 1 : 100 องศาฟาเรนไฮต, 210 องศาฟาเรนไฮต
คําตอบ 2 : 40 องศาเซลเซียส, 100 องศาเซลเซียส
คําตอบ 3 : 20 องศาเซลเซียส, 50 องศาเซลเซียส, 100 องศาเซลเซียส
59 of 118
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 246
ขอใดเปนเงื่อนไขที่เหมาะที่จะใชเลือกน้ํามันหลอลื่นที่มีความหนืดต่ํา
คําตอบ 1 : ความเร็วรอบต่ํา
คําตอบ 2 : ความเร็วรอบสูง
คําตอบ 3 : อุณหภูมิสูง
ย
คําตอบ 4 : แรงกดสูง
น่ า
ห
ขอที่ : 247
ำ
ขอใดเปนเงื่อนไขที่เหมาะที่จะเลือกใชน้ํามันหลอลื่นที่มีความหนืดสูง
คําตอบ 1 : ความเร็วรอบต่ํา
มจ
า้
คําตอบ 2 : อุณหภูมิสูง
ิธ์ ห
คําตอบ 3 : แรงกดสูง
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
ขอที่ : 248
ส ิท
ว น
ขอใดเปนคุณสมบัติของน้ํามันหลอลื่นที่มีความสําคัญดานความปลอดภัย
ง
คําตอบ 1 : ความตานทานการรวมตัวกับออกซิเจน
ส
คําตอบ 2 : จุดไหลเท
อ
คําตอบ 3 : จุดวาบไฟ
คําตอบ 4 : ดัชนีความหนืด
กร ข
ขอที่ : 249
ศ
ิ ว
าว
ขอใดคือความหมายที่ถูกตองของจุดไหลเทของน้ํามันหลอลื่น
ภ
คําตอบ 1 : ระดับความลาดเอียงของแทงทดสอบที่น้ํามันหลอลื่นจะไหลเทไปได
ส
คําตอบ 2 : อุณหภูมิต่ําสุดที่น้ํามันจะไหลไดโดยไมมีอะไรรบกวน
คําตอบ 3 : ขนาดเสนผาศูนยกลางของทอทดลองที่น้ํามันหลอลื่นจะไหลได
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 250
ขอใดเปนคุณสมบัติของน้ํามันหลอลื่นที่มีคาดัชนีความหนืดสูง
60 of 118
คําตอบ 1 : มีความหนืดสูงที่อุณหภูมิสูง
คําตอบ 2 : มีความหนืดสูงขึ้นเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น
คําตอบ 3 : คาความหนืดเปลี่ยนแปลงนอยแมอุณหภูมิเปลี่ยนไปมาก
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 251
ขอใดเปนวิธีกําจัดน้ํามันหลอลื่นที่ดี
คําตอบ 1 : เททิ้งลงทอระบายน้ํา
่ า ย
น
คําตอบ 2 : เททิ้งใหซึมลงในดิน
ห
คําตอบ 3 : ขายใหกับผูรับซื้อเร
จ ำ
คําตอบ 4 : นําไปใชกับงานที่มีความตองการต่ํากวา
ขอที่ :
า้ ม
ิธ์ ห
252
ขอใดเปนจุดมุงหมายของการทดสอบน้ํามันหลอลื่นดวยการเผา (Burn test)
คําตอบ 1 : เพื่อหาจุดวาบไฟ
ิท
คําตอบ 2 : เพื่อหาโลหะที่อยูในน้ํามันหลอลื่น
ส
คําตอบ 3 : เพื่อทดสอบวามีน้ําปนเปอนในน้ํามันหลอลื่นหรือไม
ว น
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ส ง
อ
ขอที่ : 253
ข
ขอใดเปนจุดมุงหมายของการทดสอบน้ํามันหลอลื่นดวยขวดทดสอบ (bottle test) ที่มีการเติมคารไบด ในการทดลอง
กร
คําตอบ 1 : เพื่อหาออกซิเจนหรือออกไซดที่ปนอยูในน้ํามัน
ว
คําตอบ 2 : เพื่อหาโลหะมีอยูในน้ํามันหลอลื่น
ศ
ิ
คําตอบ 3 : เพื่อทดสอบวามีน้ําปนเปอนในน้ํามันหลอลื่นหรือไม
าว
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 254
ส ภ
ขอใดเปนจุดมุงหมายของการทดสอบน้ํามันหลอลื่นดวยแทงไหลน้ํามัน (Flow stick)
คําตอบ 1 : เพื่อตรวจวาน้ํามันหลอลื่นมีความหนืดเหมาะสมที่จะใชงานตอไปไดหรือไม
คําตอบ 2 : เพื่อตรวจหา ของแข็งหรือสิ่งแปลกปลอมที่ปนเปอนอยูในน้ํามันหลอลื่น
คําตอบ 3 : เพื่อทดสอบวามีน้ําปนเปอนในน้ํามันหลอลื่นหรือไม
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
61 of 118
ขอที่ : 255
ขอใดเปนจุดมุงหมายของการทดสอบน้ํามันหลอลื่นดวยกระดาษซึม (Paper test)
คําตอบ 1 : เพื่อตรวจวาน้ํามันหลอลื่นมีความหนืดเหมาะสมที่จะใชงานตอไปไดหรือไม
คําตอบ 2 : เพื่อตรวจหา ของแข็งหรือสิ่งแปลกปลอมที่ปนเปอนอยูในน้ํามันหลอลื่น
คําตอบ 3 : เพื่อตรวจหาโลหะที่เกิดจากการสึกหรอของเครื่องจักรที่ตกคางในน้ํามันหลอลื่น
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
่ า ย
น
ขอที่ : 256
ห
ขอใดเปนวิธีที่ดีที่สุดในการตรวจสอบการสึกหรอ (Wear) ของเครื่องจักร
จ ำ
คําตอบ 1 : การวิเคราะหการสั่นสะเทือน
ม
คําตอบ 2 : การฉายภาพอุณหภูมิ
า้
คําตอบ 3 : การวิเคราะหน้ํามันหลอลื่น
ิธ์ ห
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ิท
ขอที่ : 257
ส
ขอใดเปนวิธีที่ดีที่สุดในการตรวจสอบการลาตัว (Fatigue) ของเครื่องจักร
ว น
คําตอบ 1 : การวิเคราะหการสั่นสะเทือน
ง
คําตอบ 2 : การฉายภาพอุณหภูมิ
ส
คําตอบ 3 : การวิเคราะหน้ํามันหลอลื่น
อ
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
กร ข
ว
ขอที่ : 258
ศ
ิ
ขอใดเปนหนาที่ของปลั๊กแมเหล็ก (Magnetic plug)
าว
คําตอบ 1 : ปรับเสนแรงแมเหล็กของน้ํามันหลอลื่น
ภ
คําตอบ 2 : ดูดโลหะจากน้ํามันหลอลื่นไปเก็บไว
ส
คําตอบ 3 : ปองกันการรั่วซึมของน้ํามันหลอลื่น
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 259
ขอใดเปนวัตถุประสงคของการวิเคราะหคา TAN และ TBN ของน้ํามันหลอลื่น
คําตอบ 1 : วิเคราะหการสึกหรอของเครื่องจักร
62 of 118
คําตอบ 2 : วิเคราะหอายุของน้ํามันหลอลื่น
คําตอบ 3 : วิเคราะหวาน้ํามันหลอลื่นมีความเหมาะสมที่จะใชงานไดหรือไม
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 260
ขอใดเปนสารเพิ่มคุณสมบัติที่ชวยลดการเกิดกรดในน้ํามันหลอลื่น
คําตอบ 1 : สารตานออกซิเดชั่น (Oxidation Inhibitors)
คําตอบ 2 : สารปองกันสนิม (Rust Inhibitors)
่ า ย
น
คําตอบ 3 : สารรับแรงกดสูง (Extreme-pressure Additives)
ห
คําตอบ 4 : สารปรับปรุงดัชนีความหนืด (Viscosity Index Improver)
จ ำ
ม
ขอที่ :
า้
261
ขอใดเปนสารเพิ่มคุณสมบัติที่ชวยเพิ่มความสามารถในการรับภาระงานของน้ํามันหลอลื่น
ิธ์ ห
คําตอบ 1 : สารตานออกซิเดชั่น (Oxidation Inhibitors)
คําตอบ 2 : สารปองกันสนิม (Rust Inhibitors)
ิท
คําตอบ 3 : สารรับแรงกดสูง (Extreme-pressure Additives)
ส
คําตอบ 4 : สารปรับปรุงดัชนีความหนืด (Viscosity Index Improver)
ขอที่ :
ง ว น
ส
262
อ
ขอใดเปนสารเพิ่มคุณสมบัติที่ทําใหน้ํามันหลอลื่นใชงานไดดีแมอุณหภูมิของเครื่องจักรขณะทํางานจะสูงขึ้น
ข
คําตอบ 1 : สารตานออกซิเดชั่น (Oxidation Inhibitors)
กร
คําตอบ 2 : สารปองกันสนิม (Rust Inhibitors)
ว
คําตอบ 3 : สารรับแรงกดสูง (Extreme-pressure Additives)
ศ
ิ
คําตอบ 4 : สารปรับปรุงดัชนีความหนืด (Viscosity Index Improver)
ขอที่ : 263
ภ าว
ส
ขอใดเปนเงื่อนไขที่เหมาะสมสําหรับระบบหลอลื่นที่ใชการเติมจาระบีดวยมือ
คําตอบ 1 : มีจุดเติมจาระบีนอย เขาถึงไดยาก
คําตอบ 2 : มีจุดเติมจาระบีนอย เขาถึงไดโดยสะดวก
คําตอบ 3 : มีจุดเติมจาระบีมาก เขาถึงไดยาก
คําตอบ 4 : มีจุดเติมจาระบีมาก เขาถึงไดโดยสะดวก
63 of 118
ขอที่ : 264
ขอใดเปนเงื่อนไขที่เหมาะสมสําหรับระบบหลอลื่นที่ใชการเติมจาระบีโดยจายแบบอัตโนมัติจากศูนยกลาง
คําตอบ 1 : มีจุดจาระบีเติมนอย เขาถึงไดยาก
คําตอบ 2 : มีจุดเติมจาระบีนอย เขาถึงไดโดยสะดวก
คําตอบ 3 : มีจุดจาระบีเติมมาก เขาถึงไดยาก
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
่ า ย
ขอที่ : 265
น
ขอใดเปนระบบหลอลื่นที่ระบายความรอนไดดีเทาที่ตองการได
ห
คําตอบ 1 : ระบบจุมหรือสาดน้ํามัน
จ ำ
คําตอบ 2 : ระบบละอองน้ํามัน
ม
คําตอบ 3 : ระบบไหลเวียนน้ํามัน
า้
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 266
ิธ์ ห
ิท
ขอใดเปนระบบหลอลื่นที่ระบายความรอนไดนอยที่สุด
ส
คําตอบ 1 : ระบบเติมน้ํามันดวยการหยอด
ว น
คําตอบ 2 : ระบบจุมหรือสาดน้ํามัน
ง
คําตอบ 3 : ระบบละอองน้ํามัน
ส
คําตอบ 4 : ระบบไหลเวียนน้ํามัน
ขอ
กร
ขอที่ : 267
ว
ขอใดเปนระบบหลอลื่นที่ตนทุนเริ่มตนต่ําสุด
ศ
ิ
คําตอบ 1 : ระบบจุมหรือสาดน้ํามัน
าว
คําตอบ 2 : ระบบจายจาระบีอัตโนมัติจากศูนยกลาง
ภ
คําตอบ 3 : ระบบละอองน้ํามัน
ส
คําตอบ 4 : ระบบไหลเวียนน้ํามัน
ขอที่ : 268
ขอใดเปนระบบหลอลื่นที่มีตนทุนดานสารหลอลื่นต่ําสุด
คําตอบ 1 : ระบบเติมจาระบีดวยมือ
คําตอบ 2 : ระบบจายจาระบีอัตโนมัติจากศูนยกลาง
64 of 118
คําตอบ 3 : ระบบเติมน้ํามันดวยการหยอด
คําตอบ 4 : ระบบไหลเวียนน้ํามัน
ขอที่ : 269
ขอใดเปนวิธีการที่ใชกันทั่วไปเพื่อปองกันการสับสนปะปนในการใชสารหลอลื่นในโรงงานอุตสาหกรรม
คําตอบ 1 : ตั้งรหัสประจําตัวสําหรับสารหลอลื่นแตละชนิด
คําตอบ 2 : ใชรูปสัญลักษณของสารหลอลื่นแตละชนิด
คําตอบ 3 : ใชสีที่แตกตางสําหรับสารหลอลื่นแตละชนิด
่ า ย
น
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 270
จ ำ ห
ม
ขอใดเปนเหตุผลที่มีการลดความหลากหลายของสารหลอลื่นในการออกแบบระบบการจัดการหลอลื่นเครื่องจักรกลอุตสาหกรรม
า้
ิธ์ ห
คําตอบ 1 : เพื่อลดคาใชจายในการซื้อสารหลอลื่นใหนอยลง
คําตอบ 2 : เพื่อลดความยุงยากซับซอนในการจัดการสารหลอลื่น
คําตอบ 3 : เพื่อใหการใชสารหลอลื่นตรงกับความตองการของผูสรางเครื่องจักรใหมากที่สุด
ิท
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
นส
ว
ขอที่ : 271
ง
ขอใดเปนเอกสารหลักในการดําเนินงานหลอลื่น
คําตอบ 1 : แผนการหลอลื่นแมบท
อ ส
ข
คําตอบ 2 : รายการตรวจประเมินระบบหลอลื่น
กร
คําตอบ 3 : บัญชีสารหลอลื่น
ว
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 272
าว ศ
ิ
ภ
ขอใดเปนบุคคลที่ควรไดรับมอบหมายใหรับผิดชอบงานหลอลื่น
ส
คําตอบ 1 : ชางซอมเครื่องกล
คําตอบ 2 : พนักงานประจําเครื่องจักร
คําตอบ 3 : ชางหลอลื่น หรือ ชางน้ํามัน
คําตอบ 4 : เลือกบุคคลใดบุคคลหนึ่งในสามขอขางตนไดตามความพรอมและความเหมาะสม
ขอที่ : 274
่ า ย
ขอใดเปนประโยชนของการใหชางหลอลื่นเปนผูรับผิดชอบงานหลอลื่น
น
คําตอบ 1 : ลดตนทุนในการหลอลื่น
ห
คําตอบ 2 : ทําใหความรับผิดชอบกับเครื่องจักรมีความชัดเจน
จ ำ
คําตอบ 3 : สรางและใชความเชี่ยวชาญของชางหลอลื่น
ม
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
า้
ิธ์ ห
ขอที่ : 275
ขอใดเปนวัตถุประสงคหลักในการตรวจประเมินระบบหลอลื่น (Lubrication system audit)
ิท
คําตอบ 1 : เพื่อควบคุมการหลอลื่นใหเปนไปตามแบบแผนที่กําหนดไว
ส
คําตอบ 2 : เพื่อลดตนทุนในการหลอลื่น
ว น
คําตอบ 3 : เพื่อตรวจหาขอบกพรองของพนักงานที่รับผิดชอบงานหลอลื่น
ง
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
อ ส
ข
ขอที่ : 276
กร
ขอใดเปนเงื่อนไขสําคัญที่ทําใหเกิดความสัมพันธเชิงปฏิปกษระหวางผูขายกับผูใชสารหลอลื่น
ว
คําตอบ 1 : ผูใชขาดความรูเกี่ยวกับสารหลอลื่น
ศ
ิ
คําตอบ 2 : ผูขายไมมีความรูเกี่ยวกับสารหลอลื่น
าว
คําตอบ 3 : ทั้งสองฝายหวังแคผลประโยชนเฉพาะหนา
ภ
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
ขอที่ : 277
ส
ขอใดเปนเหตุผลที่ผูใชสารหลอลื่นมักเลือกสงสารหลอลื่นไปวิเคราะหที่หองทดสอบของบริษัทน้ํามันผูจําหนายสารหลอลื่น
คําตอบ 1 : บริษัทน้ํามันมักไดมาตรฐาน ISO 17025
คําตอบ 2 : ถือเปนความรับผิดชอบโดยตรงของผูขายสารหลอลื่น
คําตอบ 3 : การจัดตั้งหองทดสอบและวิเคราะหน้ํามันหลอลื่นมีตนทุนสูง
66 of 118
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
ขอที่ : 278
ขอใดเปนขั้นตอนที่มักเปนปญหาในการวิเคราะหน้ํามันหลอลื่นที่ตองกระทําอยางมีทักษะดีพอ
คําตอบ 1 : การเก็บตัวอยางน้ํามันหลอลื่น
คําตอบ 2 : การกําหนดตัวชี้บงน้ํามันหลอลื่น
คําตอบ 3 : การสงตัวอยางน้ํามันหลอลื่นไปหองทดสอบ
ย
คําตอบ 4 : การกําจัดน้ํามันหลอลื่น
น่ า
ห
ขอที่ : 279
ำ
ขอใดมักเปนที่มาของการปนเปอนของน้ําในน้ํามันหลอลื่น
คําตอบ 1 : การดูดซึม
มจ
า้
คําตอบ 2 : การควบแนน
ิธ์ ห
คําตอบ 3 : ตัวเปลี่ยนถายความรอน
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
ขอที่ : 280
ส ิท
ว น
ขอใดเปนเหตุผลของการวางถังน้ํามันตามนอนแทนการวางตั้ง
ง
คําตอบ 1 : เพื่อความสะดวกในการถายเทน้ํามันหลอลื่นไปใชงาน
ส
คําตอบ 2 : เพื่อปองกันการดูดซึมไอน้ําจากอากาศเขาไปปนเปอนกับน้ํามัน
อ
คําตอบ 3 : เพื่อลดโอกาสในการเกิดอัคคีภัยในคลังน้ํามัน
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
กร ข
ขอที่ : 281
ศ
ิ ว
าว
ขอมูลสําคัญที่จําเปนตองมีในใบแจงซอม คือขอใด
ภ
คําตอบ 1 : วันเวลาที่แจง
ส
คําตอบ 2 : แผนกที่แจงซอม
คําตอบ 3 : วันเวลาที่เครื่องเสีย
คําตอบ 4 : ความเรงดวนของงาน
ขอที่ : 282
ขอมูลสําคัญที่จําเปนตองมีในใบแจงซอม คือขอใด
67 of 118
คําตอบ 1 : วันเวลาที่แจง
คําตอบ 2 : แผนกที่แจงซอม
คําตอบ 3 : รหัสของเครื่องที่เสีย
คําตอบ 4 : ความเรงดวนของงาน
ขอที่ : 283
ขอมูลสําคัญที่จําเปนตองมีในใบแจงซอม คือขอใด
คําตอบ 1 : วันเวลาที่แจง
่ า ย
น
คําตอบ 2 : แผนกที่แจงซอม
ห
คําตอบ 3 : ตําแหนงที่ตั้งของเครื่องที่เสีย
จ ำ
คําตอบ 4 : ความเรงดวนของงาน
ขอที่ :
า้ ม
ิธ์ ห
284
ขอมูลสําคัญที่จําเปนตองมีในใบแจงซอม คือขอใด
คําตอบ 1 : วันเวลาที่แจง
ิท
คําตอบ 2 : แผนกที่แจงซอม
ส
คําตอบ 3 : อาการที่เครื่องเสีย
ว น
คําตอบ 4 : ความเรงดวนของงาน
ส ง
อ
ขอที่ : 285
ข
ผูที่จะเขียนใบแจงซอมไดนั้น จะตองเปนใครจึงจะเหมาะสม
กร
คําตอบ 1 : หัวหนาแผนกผลิต
ว
คําตอบ 2 : หัวหนาแผนกบํารุงรักษา
ศ
ิ
คําตอบ 3 : maintenance inspector
าว
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
ขอที่ : 286
ส ภ
ขอมูลที่นํามาจากรายงานการซอม และ เอามาบันทึกไวในประวัติเครื่องจักร คือขอใด
คําตอบ 1 : วันเวลาที่เครื่องเสีย
คําตอบ 2 : รหัสหมายเลขเครื่อง
คําตอบ 3 : ผูจําหนายอะไหล
คําตอบ 4 : ผูผลิตเครื่องจักร
68 of 118
ขอที่ : 287
ขอมูลที่นํามาจากรายงานการซอม และ เอามาบันทึกไวในประวัติเครื่องจักร คือขอใด
คําตอบ 1 : วันเวลาที่ซอมเครื่องเสร็จ
คําตอบ 2 : รหัสหมายเลขเครื่อง
คําตอบ 3 : ผูจําหนายอะไหล
คําตอบ 4 : ผูผลิตเครื่องจักร
่ า ย
น
ขอที่ : 288
ห
ขอมูลที่นํามาจากรายงานการซอม และ เอามาบันทึกไวในประวัติเครื่องจักร คือขอใด
จ ำ
คําตอบ 1 : รหัสหมายเลขเครื่อง
ม
คําตอบ 2 : ผูจําหนายอะไหล
า้
คําตอบ 3 : รายการอะไหลที่เปลี่ยนในการซอมครั้งนั้น
ิธ์ ห
คําตอบ 4 : ผูผลิตเครื่องจักร
ิท
ขอที่ : 289
ส
ขอมูลที่นํามาจากรายงานการซอม และ เอามาบันทึกไวในประวัติเครื่องจักร คือขอใด
ว น
คําตอบ 1 : รหัสหมายเลขเครื่อง
ง
คําตอบ 2 : ผูจําหนายอะไหล
ส
คําตอบ 3 : สาเหตุที่เครื่องจักรเสีย
อ
คําตอบ 4 : ผูผลิตเครื่องจักร
กร ข
ว
ขอที่ : 290
ศ
ิ
ขอมูลที่นํามาจากรายงานการซอม และ เอามาบันทึกไวในประวัติเครื่องจักร คือขอใด
าว
คําตอบ 1 : รหัสหมายเลขเครื่อง
ภ
คําตอบ 2 : ผูจําหนายอะไหล
ส
คําตอบ 3 : รายชื่อพนักงานซอม
คําตอบ 4 : ผูผลิตเครื่องจักร
ขอที่ : 291
ขอมูลที่นํามาจากรายงานการซอม และ เอามาบันทึกไวในประวัติเครื่องจักร คือขอใด
คําตอบ 1 : รหัสหมายเลขเครื่อง
69 of 118
คําตอบ 2 : ผูจําหนายอะไหล
คําตอบ 3 : ระยะเวลาที่ตองรออะไหล (ถามี)
คําตอบ 4 : ผูผลิตเครื่องจักร
ขอที่ : 292
ขอมูลที่นํามาจากรายงานการซอม และ เอามาบันทึกไวในประวัติเครื่องจักร คือขอใด
คําตอบ 1 : รหัสหมายเลขเครื่อง
คําตอบ 2 : ผูจําหนายอะไหล
่ า ย
น
คําตอบ 3 : วันเวลาที่เริ่มทํางานซอม
ห
คําตอบ 4 : ผูผลิตเครื่องจักร
จ ำ
ม
ขอที่ :
า้
293
ระบบขอมูลที่สําคัญในการจัดการบํารุงรักษา นอกจาก ระบบการแจงซอมและสั่งงาน ระบบบันทึกประวัติเครื่องจักรแลว ยังมีอะไรอีก
ิธ์ ห
คําตอบ 1 : ระบบการสั่งซื้ออะไหล
คําตอบ 2 : ระบบการวางแผนshutdown
ิท
คําตอบ 3 : ระบบการเก็บเอกสารซอมบํารุง
ส
คําตอบ 4 : ระบบขอมูลรายละเอียดเครื่องจักร
ขอที่ :
ง ว น
ส
294
อ
ขอใดเปนรายละเอียดที่จําเปนตองมีในใบสั่งงานบํารุงรักษา
ข
คําตอบ 1 : ผูที่จะติดตอในการซื้ออะไหล
กร
คําตอบ 2 : หมายเลขงาน
ว
คําตอบ 3 : คาใชจายในการซอม
ศ
ิ
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
ขอที่ : 295
ภ าว
ส
ขอใดเปนรายละเอียดที่จําเปนตองมีในใบสั่งงานบํารุงรักษา
คําตอบ 1 : ประวัติเครื่องจักร
คําตอบ 2 : รายชื่อชาง
คําตอบ 3 : คาใชจายในการซอม
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
70 of 118
ขอที่ : 296
ขอใดเปนรายละเอียดที่จําเปนตองมีในใบสั่งงานบํารุงรักษา
คําตอบ 1 : ผูที่จะติดตอในการซื้ออะไหล
คําตอบ 2 : หมายเลขรหัสเครื่องจักรที่ตองบํารุงรักษา
คําตอบ 3 : ประวัติเครื่องจักร
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
่ า ย
ขอที่ : 297
น
ขอใดเปนรายละเอียดที่จําเปนตองมีในใบสั่งงานบํารุงรักษา
ห
คําตอบ 1 : ตําแหนงที่ตั้งเครื่องจักร
จ ำ
คําตอบ 2 : ผูที่จะติดตอในการซื้ออะไหล
ม
คําตอบ 3 : ประวัติเครื่องจักร
า้
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
ขอที่ : 298
ิธ์ ห
ิท
ขอใดเปนรายละเอียดที่จําเปนตองมีในใบสั่งงานบํารุงรักษา
ส
คําตอบ 1 : ผูที่จะติดตอในการซื้ออะไหล
ว น
คําตอบ 2 : รายละเอียดของงานบํารุงรักษา
ง
คําตอบ 3 : ประวัติเครื่องจักร
ส
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
ขอ
กร
ขอที่ : 299
ว
ขอใดเปนรายละเอียดที่จําเปนตองมีในใบสั่งงานบํารุงรักษา
ศ
ิ
คําตอบ 1 : บริษัทผูขายอะไหล
าว
คําตอบ 2 : หมายเลขรหัสเครื่องจักรที่ตองบํารุงรักษา
ภ
คําตอบ 3 : ประวัติเครื่องจักร
ส
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
ขอที่ : 300
ขอใดเปนรายละเอียดที่จําเปนตองมีในใบสั่งงานบํารุงรักษา
คําตอบ 1 : ผูที่จะติดตอในการซื้ออะไหล
คําตอบ 2 : ประมาณการเวลาที่จะตองใชในการทํางาน
71 of 118
คําตอบ 3 : ประวัติเครื่องจักร
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
ขอที่ : 301
ขอใดเปนรายละเอียดที่จําเปนตองมีในใบสั่งงานบํารุงรักษา
คําตอบ 1 : ผูที่จะติดตอในการซื้ออะไหล
คําตอบ 2 : ประวัติเครื่องจักร
คําตอบ 3 : ขอแนะนําเกี่ยวกับความปลอดภัย (ถามี)
่ า ย
น
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
ขอที่ : 302
จ ำ ห
ม
เมื่อทํางานบํารุงรักษาตามใบสั่งงานแลว รายละเอียดที่ตองรายงานกลับมาในใบสั่งงานควรเปนขอใด
า้
ิธ์ ห
คําตอบ 1 : รายชื่อพนักงานผูควบคุมเครื่องจักรนั้น
คําตอบ 2 : บริษัทที่ไดติดตอซื้ออะไหล
คําตอบ 3 : วันเวลาที่เริ่มงานจริง
ิท
คําตอบ 4 : หมายเลขเครื่องจักร
นส
ว
ขอที่ : 303
ง
เมื่อทํางานบํารุงรักษาตามใบสั่งงานแลว รายละเอียดที่ตองรายงานกลับมาในใบสั่งงานควรเปนขอใด
คําตอบ 1 :
อ ส
รายชื่อพนักงานผูควบคุมเครื่องจักรนั้น
ข
คําตอบ 2 : บริษัทที่ไดติดตอซื้ออะไหล
กร
คําตอบ 3 : วันเวลาที่งานเสร็จ
ว
คําตอบ 4 : หมายเลขเครื่องจักร
ขอที่ : 304
าว ศ
ิ
ภ
เมื่อทํางานบํารุงรักษาตามใบสั่งงานแลว รายละเอียดที่ตองรายงานกลับมาในใบสั่งงานควรเปนขอใด
ส
คําตอบ 1 : บริษัทที่ไดติดตอซื้ออะไหล
คําตอบ 2 : รายการงานที่ทําไปแลว
คําตอบ 3 : หมายเลขเครื่องจักร
คําตอบ 4 : รายชื่อพนักงานผูควบคุมเครื่องจักรนั้น
ขอที่ : 306
่ า ย
เมื่อทํางานบํารุงรักษาตามใบสั่งงานแลว รายละเอียดที่ตองรายงานกลับมาในใบสั่งงานควรเปนขอใด
น
คําตอบ 1 : หมายเลขเครื่องจักร
ห
คําตอบ 2 : บริษัทที่ไดติดตอซื้ออะไหล
จ ำ
คําตอบ 3 : รายชื่อพนักงานผูควบคุมเครื่องจักรนั้น
ม
คําตอบ 4 : เลขที่อางอิงของใบเบิกวัสดุและอะไหล
า้
ิธ์ ห
ขอที่ : 307
เมื่อทํางานบํารุงรักษาตามใบสั่งงานแลว รายละเอียดที่ตองรายงานกลับมาในใบสั่งงานควรเปนขอใด
ิท
คําตอบ 1 : หมายเลขเครื่องจักร
ส
คําตอบ 2 : บริษัทที่ไดติดตอซื้ออะไหล
ว น
คําตอบ 3 : รายชื่อพนักงานผูควบคุมเครื่องจักรนั้น
ง
คําตอบ 4 : รายชื่อพนักงานบํารุงรักษาที่ทํางานนั้น
อ ส
ข
ขอที่ : 308
กร
ขอมูลที่ควรเก็บไวในรายการเกี่ยวกับเครื่องจักรไดแก
ว
คําตอบ 1 : รายชื่อพนักงานผูควบคุมเครื่องจักรนั้น
ศ
ิ
คําตอบ 2 : ประวัติเครื่องจักร
าว
คําตอบ 3 : ผูขายอะไหล
ภ
คําตอบ 4 : วิธีการบํารุงรักษาปองกัน
ขอที่ : 309
ส
ขอมูลที่ควรเก็บไวในรายการเกี่ยวกับเครื่องจักรไดแก
คําตอบ 1 : รายชื่อพนักงานผูควบคุมเครื่องจักรนั้น
คําตอบ 2 : ประวัติเครื่องจักร
คําตอบ 3 : ตําแหนงที่ตั้งของเครื่องจักร
73 of 118
คําตอบ 4 : วิธีการบํารุงรักษาปองกัน
ขอที่ : 310
ขอมูลที่เก็บไวในรายการเกี่ยวกับเครื่องจักรไดแก
คําตอบ 1 : รายชื่อพนักงานผูควบคุมเครื่องจักรนั้น
คําตอบ 2 : ประวัติเครื่องจักร
คําตอบ 3 : รายละเอียดผูผลิตเครื่องจักร
ย
คําตอบ 4 : วิธีการบํารุงรักษาปองกัน
น่ า
ห
ขอที่ : 311
ำ
ขอมูลที่ควรเก็บไวในรายการเกี่ยวกับเครื่องจักรไดแก
คําตอบ 1 : รายชื่อพนักงานผูควบคุมเครื่องจักรนั้น
มจ
า้
คําตอบ 2 : ประวัติเครื่องจักร
ิธ์ ห
คําตอบ 3 : รายการอางอิงเกี่ยวกับแบบ (drawing) ของเครื่องจักร
คําตอบ 4 : วิธีการบํารุงรักษาปองกัน
ขอที่ : 312
ส ิท
ว น
ขอมูลที่ควรเก็บไวในรายการเกี่ยวกับเครื่องจักรไดแก
ง
คําตอบ 1 : รายชื่อพนักงานผูควบคุมเครื่องจักรนั้น
ส
คําตอบ 2 : ประวัติเครื่องจักร
อ
คําตอบ 3 : คูมือการใชงาน (Manual) ของเครื่องจักร
คําตอบ 4 : วิธีการบํารุงรักษาปองกัน
กร ข
ขอที่ : 313
ศ
ิ ว
าว
ขอมูลที่ควรเก็บไวในรายการเกี่ยวกับเครื่องจักรไดแก
ภ
คําตอบ 1 : รายชื่อพนักงานผูควบคุมเครื่องจักรนั้น
ส
คําตอบ 2 : ประวัติเครื่องจักร
คําตอบ 3 : รหัสของเครื่องจักร
คําตอบ 4 : วิธีการบํารุงรักษาปองกัน
ขอที่ : 314
ขอใดที่ถือวาเปนงานซอมบํารุงปองกันทางออม (Indirect PM)
74 of 118
คําตอบ 1 : การเปลี่ยนชิ้นสวนของเครื่องจักรที่หมดอายุ
คําตอบ 2 : การยกเครื่อง
คําตอบ 3 : การตรวจสอบสภาพเครื่องจักร
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 315
ขอใดเปนสิ่งที่พนักงานตรวจสอบเครื่องจักร (PM Inspector) ควรทําเมื่อพบขอบกพรองเล็กนอยที่สามารถแกไขไดโดยงาย
คําตอบ 1 : แกไขขอบกพรองนั้นแลวทํารายงาน
่ า ย
น
คําตอบ 2 : ออกใบแจงซอม
ห
คําตอบ 3 : สั่งใหหยุดเครื่อง
จ ำ
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ :
า้ ม
ิธ์ ห
316
ขอใดเปนสิ่งที่พนักงานตรวจสอบเครื่องจักร (PM Inspector) ควรทําเมื่อพบขอบกพรองที่ตองมีการวินิจฉัยสาเหตุหรือตองเปลี่ยนชิ้นสวนอะไหล
คําตอบ 1 : แกไขขอบกพรองนั้นแลวทํารายงาน
ิท
คําตอบ 2 : ออกใบแจงซอม
ส
คําตอบ 3 : สั่งใหหยุดเครื่อง
ว น
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ส ง
อ
ขอที่ : 317
ข
ขอใดเปนเอกสารที่มักระบุวิธีการและความถี่ในการซอมบํารุงปองกัน
กร
คําตอบ 1 : มาตรฐานงานซอมบํารุงปองกัน
ว
คําตอบ 2 : กําหนดการซอมบํารุงปองกัน
ศ
ิ
คําตอบ 3 : ใบสั่งงานซอมบํารุงปองกัน
าว
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 318
ส ภ
ขอใดเปนประโยชนของการซอมบํารุงปองกัน
คําตอบ 1 : ลดการชํารุดขัดของของเครื่องจักรและการสูญเสียผลผลิต
คําตอบ 2 : ลดงานซอมฉุกเฉิน งานซอมใหญ
คําตอบ 3 : ลดการใชอะไหลและขนาดคงคลังอะไหล
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
75 of 118
ขอที่ : 319
ขอใดเปนถือวาเปนงานซอมบํารุงประจํา (Routine maintenance)
คําตอบ 1 : การหลอลื่นและการตรวจสอบสภาพเครื่องจักร
คําตอบ 2 : การหลอลื่นและการเปลี่ยนชิ้นสวนที่หมดอายุ
คําตอบ 3 : การทําความสะอาดและการหลอลื่นเครื่องจักร
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
่ า ย
น
ขอที่ : 320
ห
ขอใดเปนการตรวจสอบแบบภาวะวิสัย (Objective inspection)
จ ำ
คําตอบ 1 : การฟงเสียงของเครื่องจักรขณะทํางาน
ม
คําตอบ 2 : การวัดและวิเคราะหการสั่นสะเทือนของเครื่องจักร
า้
คําตอบ 3 : ถูกทั้งขอ 1 และ 2
ิธ์ ห
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ิท
ขอที่ : 321
ส
ขอใดเปนงานที่ชวยใหระบบซอมบํารุงปองกันมีประสิทธิผล
ว น
คําตอบ 1 : การตรวจสอบสภาพเครื่องจักร
ง
คําตอบ 2 : การเปลี่ยนชิ้นสวนตามระยะเวลาที่กําหนดไว
ส
คําตอบ 3 : การยกเครื่องหรือทําการซอมใหญทุกป
อ
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
กร ข
ว
ขอที่ : 322
ศ
ิ
ขอใดเปนเวลาที่เปนโอกาสในการตรวจสอบสภาพเครื่องจักร
าว
คําตอบ 1 : ขณะเดินเครื่อง
ภ
คําตอบ 2 : ขณะหยุดเครื่อง / ปดซอม
ส
คําตอบ 3 : ขณะทําการซอมใหญ
คําตอบ 4 : ทั้งสามขอประกอบกัน
ขอที่ : 323
ขอใดเปนบุคลากรที่ควรไดรับมอบหมายใหตรวจสอบสภาพเครื่องจักร
คําตอบ 1 : พนักงาน หรือ หัวหนางานในผายผลิต
76 of 118
คําตอบ 2 : ชางซอมบํารุง
คําตอบ 3 : พนักงานตรวจสภาพเครื่องจักร
คําตอบ 4 : จัดตามความเหมาะสมจากสามขอขางตน
ขอที่ : 324
ขอใดเปนขอดีของการตรวจวัดสภาพแบบใชประสาทสัมผัสและความชํานาญ (Subjective Condition Monitoring)
คําตอบ 1 : ไดผลแนนอนกวา
คําตอบ 2 : เก็บประวัติไดงายกวา
่ า ย
น
คําตอบ 3 : ใชเงินลงทุนนอย
ห
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
จ ำ
ม
ขอที่ :
า้
325
ขอใดเปนเงื่อนไขที่ทําใหตองติดเครื่องมือตรวจสอบสภาพเครื่องไวประจําเครื่องจักรที่มีความสําคัญ
ิธ์ ห
คําตอบ 1 : เครื่องจักรมีราคาแพง
คําตอบ 2 : ชวงเวลาบอกเตือนเหตุขัดของลวงหนาสั้น
ิท
คําตอบ 3 : ไมมีพนักงานอยูประจําเครื่องจักรนั้น
ส
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ :
ง ว น
ส
326
อ
ขอใดเปนเอกสารในระบบซอมบํารุงปองกันที่อาจจัดทําในรูปของรายการตรวจสอบได
ข
คําตอบ 1 : มาตรฐานซอมบํารุงปองกัน
กร
คําตอบ 2 : กําหนดการซอมบํารุงปองกัน
ว
คําตอบ 3 : ใบสั่งงานซอมบํารุงปองกัน
ศ
ิ
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 327
ภ าว
ส
ขอใดเปนเอกสารอางอิงรายการแรกที่ควรใชในการจัดทํามาตรฐานซอมบํารุงปองกัน
คําตอบ 1 : คูมือบํารุงรักษาเครื่องจักร
คําตอบ 2 : ประวัติ / บันทึกการซอมบํารุงเครื่องจักร
คําตอบ 3 : ตําราทางเทคนิค
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
77 of 118
ขอที่ : 328
ขอใดเปนชวงเวลาที่กําหนดการซอมบํารุงปองกัน (PM schedule) มักจะครอบคลุม
คําตอบ 1 : 1 สัปดาห
คําตอบ 2 : 1 เดือน
คําตอบ 3 : 1 ป
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
่ า ย
ขอที่ : 329
น
ขอใดเปนความถี่ในการทํางานซอมบํารุงปองกันที่ไมเปนที่นิยมใชกัน
ห
คําตอบ 1 : ทุก 1 สัปดาห
จ ำ
คําตอบ 2 : ทุก 2 สัปดาห
ม
คําตอบ 3 : ทุก 3 สัปดาห
า้
คําตอบ 4 : ทุก 4 สัปดาห
ขอที่ : 330
ิธ์ ห
ิท
ขอใดเปนสัปดาหที่จะตองตรวจสภาพเครื่องจักรที่ตองทําเปนประจําทุก 4 สัปดาห หากกําหนดใหเริ่มทํางานนี้ครั้งแรกของปในสัปดาหที่ 3
ส
คําตอบ 1 : สัปดาหที่ 31
ว น
คําตอบ 2 : สัปดาหที่ 32
ง
คําตอบ 3 : สัปดาหที่ 33
ส
คําตอบ 4 : สัปดาหที่ 34
ขอ
กร
ขอที่ : 331
ว
ขอใดเปนสัปดาหที่จะตองตรวจสภาพเครื่องจักรที่ตองทําเปนประจําทุกไตรมาส หากกําหนดใหเริ่มทํางานนี้ครั้งแรกในสัปดาหที่ 3
ศ
ิ
คําตอบ 1 : สัปดาหที่ 27
าว
คําตอบ 2 : สัปดาหที่ 29
ภ
คําตอบ 3 : สัปดาหที่ 31
ส
คําตอบ 4 : สัปดาหที่ 33
ขอที่ : 332
ขอใดเปนสัปดาหที่จะตองตรวจสภาพเครื่องจักรที่ตองทําเปนประจําทุก 4 สัปดาห เปนครั้งแรกของป หากมีกําหนดใหมีการทํางานนี้ในสัปดาหที่ 34 รวมอยูดวย
คําตอบ 1 : สัปดาหที่ 1
คําตอบ 2 : สัปดาหที่ 2
78 of 118
คําตอบ 3 : สัปดาหที่ 3
คําตอบ 4 : สัปดาหที่ 4
ขอที่ : 333
ขอใดเปนสัปดาหที่จะตองตรวจสภาพเครื่องจักรที่ตองทําเปนประจําทุกไตรมาสเปนครั้งแรกของป หากกําหนดใหทํางานนี้สัปดาหที่ 37 รวมอยูดวย
คําตอบ 1 : สัปดาหที่ 5
คําตอบ 2 : สัปดาหที่ 7
คําตอบ 3 : สัปดาหที่ 9
่ า ย
น
คําตอบ 4 : สัปดาหที่ 11
ขอที่ : 334
จ ำ ห
ม
ขอใดเปนตนทุนรวมที่ตองนํามาคํานวณเพื่อกําหนดชวงเวลาที่ประหยัดที่สุดในการทํางานซอมบํารุงปองกัน (Optimum PM interval)
า้
ิธ์ ห
คําตอบ 1 : ตนทุนในงานซอมบํารุงปองกัน กับ ตนทุนอะไหลและอุปกรณ
คําตอบ 2 : ตนทุนในงานซอมบํารุงปองกัน กับ ตนทุนคาเสื่อมราคาของเครื่องจักร
คําตอบ 3 : ตนทุนในงานซอมบํารุงปองกัน กับ ตนทุนในการเกิดเหตุชํารุดขัดของ
ิท
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
นส
ว
ขอที่ : 335
ง
ขอใดเปนภาระงานตลอดทั้งปของงานซอมบํารุงปองกันที่ตองทําทุกสัปดาห และแตละครั้งจะตองใชเวลา 10 นาที
คําตอบ 1 : 8 ชั่วโมง 20 นาที
อ ส
ข
คําตอบ 2 : 8 ชั่วโมง 30 นาที
กร
คําตอบ 3 : 8 ชั่วโมง 40 นาที
ว
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 336
าว ศ
ิ
ภ
ขอใดเปนภาระงานตลอดทั้งปของงานซอมบํารุงปองกันที่ตองทําทุก 4 สัปดาห และแตละครั้งจะตองใชเวลา 15 นาที
ส
คําตอบ 1 : 3 ชั่วโมง 15 นาที
คําตอบ 2 : 3 ชั่วโมง 30 นาที
คําตอบ 3 : 3 ชั่วโมง 45 นาที
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 338
่ า ย
ขอใดเปนลักษณะของการจัดฝายซอมบํารุงแบบรวมศูนย (Centralization)
น
คําตอบ 1 : จัดใหมีชางซอมบํารุงประจําเครื่อง
ห
คําตอบ 2 : จัดใหมีชางซอมประจําพื้นที่
จ ำ
คําตอบ 3 : จัดใหชางซอมทํางานทดแทนกันได
ม
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
า้
ิธ์ ห
ขอที่ : 339
ขอใดเปนการจัดฝายซอมบํารุงแบบกระจายศูนย (Decentralization)
ิท
คําตอบ 1 : จัดใหชางไฟฟาทั้งหมดสังกัดอยูในแผนกเดียวกัน
ส
คําตอบ 2 : จัดใหมีชางซอมประจําพื้นที่
ว น
คําตอบ 3 : จัดใหชางซอมทํางานทดแทนกันได
ง
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
อ ส
ข
ขอที่ : 340
กร
ขอใดที่ไมใชขอดีของการจัดฝายซอมบํารุงแบบรวมศูนย (Centralization)
ว
คําตอบ 1 : ชางซอมบํารุงสามารถทํางานทดแทนกันได
ศ
ิ
คําตอบ 2 : การควบคุมงานทางดานเทคนิคทําไดดีขึ้น
าว
คําตอบ 3 : ความชํานาญในงานซอมบํารุงเฉพาะเครื่อง ของชาง
ภ
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 341
ส
ขอใดที่ไมใชขอดีของการจัดฝายซอมบํารุงแบบกระจายศูนย (Decentralization)
คําตอบ 1 : ชางซอมบํารุงสามารถทํางานทดแทนกันได
คําตอบ 2 : ชางซอมมีความสัมพันธใกลชิดกับผูใชเครื่อง
คําตอบ 3 : ความชํานาญ ในงานซอมบํารุงเฉพาะเครื่องของชาง
80 of 118
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 342
ขอใดเปนขอดีของการใหชางซอมเครื่องกลอยูในสังกัดหนวยเดียวกัน
คําตอบ 1 : การประสานงานระหวางชางซอมเครื่องกลกับชางอื่นๆ ทําไดดีขึ้น
คําตอบ 2 : การควบคุมดูแลทางดานเทคนิคทําไดดีขึ้น
คําตอบ 3 : การเขาพื้นที่เพื่อทํางานซอมทําไดอยางรวดเร็ว
ย
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
น่ า
ห
ขอที่ : 343
ำ
ขอใดเปนขอดีของการใหชางซอมบํารุงไฟฟาอยูในสังกัดรวมกับชางอื่นๆในพื้นที่เดียวกัน
คําตอบ 1 : การประสานงานซอมในพื้นที่ทําไดดีขึ้น
มจ
า้
คําตอบ 2 : การควบคุมดูแลทางดานเทคนิคทําไดดีขึ้น
ิธ์ ห
คําตอบ 3 : การพัฒนาทักษะในงานซอมไฟฟาทําไดดีขึ้น
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
ขอที่ : 344
ส ิท
ว น
ขอใดเปนงานซอมบํารุงที่สามารถมอบหมายใหเปนความรับผิดชอบของฝายผลิตได
ง
คําตอบ 1 : งานฟนฟูสภาพเครื่องจักรหรือยกเครื่อง
ส
คําตอบ 2 : งานซอมแซมเครื่องจักรที่ชํารุดขัดของ
อ
คําตอบ 3 : งานตรวจสอบสภาพเครื่องจักรประจําวัน
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
กร ข
ขอที่ : 345
ศ
ิ ว
าว
ขอใดเปนประเภทของงานงานซอมบํารุงที่ควรเปนภารกิจหลักของโรงงาน
ภ
คําตอบ 1 : งานฟนฟูสภาพเครื่องจักรหรือยกเครื่อง
ส
คําตอบ 2 : งานซอมแซมเครื่องจักรที่ชํารุดขัดของ
คําตอบ 3 : งานเปลี่ยนทดแทนเครื่องจักรที่ชํารุดขัดของบอยๆ
คําตอบ 4 : งานซอมบํารุงปองกัน
ขอที่ : 346
ขอใดเปนเครื่องมือที่ใชชี้บง โครงสราง สายการบังคับบัญชา และความสัมพันธในการทํางานระหวางหนวยงาน
81 of 118
คําตอบ 1 : พรรณาลักษณะงาน
คําตอบ 2 : คุณลักษณะเฉพาะของงาน
คําตอบ 3 : แผนภูมิองคกร
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 347
ขอใดเปนเครื่องมือที่ใชชี้บงหนาที่และความรับผิดชอบในการทํางาน
คําตอบ 1 : พรรณาลักษณะงาน
่ า ย
น
คําตอบ 2 : คุณลักษณะเฉพาะของงาน
ห
คําตอบ 3 : แผนภูมิองคกร
จ ำ
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ :
า้ ม
ิธ์ ห
348
หลักการจายคาตอบแทนชางซอมบํารุงที่ดี คืออะไร
คําตอบ 1 : เพียงพอสําหรับการครองชีพ
ิท
คําตอบ 2 : แขงขันไดในตลาด
ส
คําตอบ 3 : เปนธรรมกับคาของงาน
ว น
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
ส ง
อ
ขอที่ : 349
ข
ขอใดเปนวิธีการที่จะชวยใหกําหนดคาตอบแทนชางซอมบํารุงไดอยางเปนธรรม
กร
คําตอบ 1 : การคัดเลือกชางซอมบํารุง
ว
คําตอบ 2 : การประเมินคาของงาน
ศ
ิ
คําตอบ 3 : การประเมินผลปฏิบัติงาน
าว
คําตอบ 4 : การใหคําปรึกษาแนะนํา
ขอที่ : 350
ส ภ
ขอใดที่ไมใชเงื่อนไขของงานซอมบํารุงที่สมควรจะดําเนินการโดยใชการจางเหมา
คําตอบ 1 : งานที่ไมปลอดภัยหรือเสี่ยงตอการเกิดอุบัติภัย
คําตอบ 2 : งานที่ขาดชางที่มีความชํานาญ
คําตอบ 3 : งานที่ขาดเครื่องมือหรืออุปกรณที่จําเปนในการดําเนินงาน
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
82 of 118
ขอที่ : 351
ขอใดที่เปนประโยชนของงานซอมบํารุงที่ใชการจางเหมา
คําตอบ 1 : ทําใหควบคุมคุณภาพงานซอมไดดีขึ้น
คําตอบ 2 : ทําใหงานซอมบํารุงมีความปลอดภัยขึ้น
คําตอบ 3 : ทําใหภาระงานซอมลดนอยลง
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
่ า ย
น
ขอที่ : 352
ห
ขอใดเปนประโยชนที่สําคัญของสนับสนุนงานซอมบํารุง เชน งานวางแผนงานซอมบํารุง งานระบบสารสนเทศงานซอมบํารุง งานตนทุนและงบประมาณซอมบํารุง ฯลฯ
จ ำ
คําตอบ 1 : ทําใหงานซอมมีประสิทธิภาพ
ม
คําตอบ 2 : ทําใหมีขอมูล สารสนเทศ ที่ทําใหตัดสินใจไดดีขึ้น
า้
คําตอบ 3 : ทําใหควบคุมงานซอมบํารุงไดดี
ิธ์ ห
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
ิท
ขอที่ : 353
ส
ขอใดเปนสายงานหลักงานซอมบํารุงที่มีความสําคัญ ที่มีสวนชวยงานซอมบํารุงดําเนินไปไดอยางมีประสิทธิผล
ว น
คําตอบ 1 : งานวางแผนการซอมบํารุง
ง
คําตอบ 2 : งานซอมบํารุงปองกัน
ส
คําตอบ 3 : งานสารสนเทศระบบซอมบํารุง
อ
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
กร ข
ว
ขอที่ : 354
ศ
ิ
ขอใดเปนงานสนับสนุนงานซอมบํารุงที่มีความสําคัญ ที่มีสวนชวยงานซอมบํารุงดําเนินไปไดอยางมีประสิทธิผล
าว
คําตอบ 1 : งานวางแผนการซอมบํารุง
ภ
คําตอบ 2 : งานซอมบํารุงไฟฟา
ส
คําตอบ 3 : งานซอมบํารุงเครื่องกล
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 355
เครื่องจักรมีงานซอมบํารุงปองกันประจําวันๆละ 15 นาที จะมีภาระงานนี้ตลอดทั้งปเทาไร หากโรงงานที่เปดทํางาน ปละ 365 วัน
คําตอบ 1 : 54.75 ชั่วโมง-คน
83 of 118
คําตอบ 2 : 91.25 ชั่วโมง-คน
คําตอบ 3 : 5,475 ชั่วโมง-คน
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 356
เครื่องจักรกลุมหนึ่งจํานวนสิบเครื่องของโรงงานมีงานซอมบํารุงปองกันประจําวันๆ ละ 12 นาที จะมีภาระงานนี้ตลอดทั้งปเทาไร หากโรงงานที่เปดทํางาน ปละ 340 วัน
คําตอบ 1 : 408 ชั่วโมง-คน
คําตอบ 2 : 680 ชั่วโมง-คน
่ า ย
น
คําตอบ 3 : 782 ชั่วโมง-คน
ห
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
จ ำ
ม
ขอที่ :
า้
357
เครื่องจักรกลุมหนึ่งจํานวนสิบเครื่องของโรงงานมีงานซอมบํารุงปองกันประจําสัปดาหๆ ละ 60 นาที จะมีภาระงานนี้ตลอดทั้งปเทาใด หากโรงงานเปดทํางานปละ 50 สัปดาห
ิธ์ ห
คําตอบ 1 : 500 ชั่วโมง-คน
คําตอบ 2 : 520 ชั่วโมง-คน
ิท
คําตอบ 3 : 730 ชั่วโมง-คน
ส
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ :
ง ว น
ส
358
อ
งานหลอลื่นเครื่องจักรควรเปนภาระงานของหนวยงานใด
ข
คําตอบ 1 : แผนกผลิต
กร
คําตอบ 2 : แผนกบํารุงรักษาเครื่องกล
ว
คําตอบ 3 : แผนกบํารุงรักษาปองกัน (P.M.)
ศ
ิ
คําตอบ 4 : อาจเปนไดทุกขอ
ขอที่ : 359
ภ าว
ส
แผนกงานใดในฝายบํารุงรักษาที่มีลักษณะการวางแผนเชนเดียวกับลักษณะการจัดการงานผลิต
คําตอบ 1 : แผนกเครื่องกําเนิดไอน้ํา(Boiler)
คําตอบ 2 : แผนกบํารุงรักษาปองกัน (P.M.)
คําตอบ 3 : แผนกบํารุงรักษาเครื่องกล
คําตอบ 4 : แผนกเครื่องมือวัดและควบคุม
84 of 118
ขอที่ : 360
แผนกงานใดในฝายบํารุงรักษาที่มีลักษณะการวางแผนเชนเดียวกับลักษณะการจัดการงานผลิต
คําตอบ 1 : แผนกบํารุงรักษาปองกัน (P.M.)
คําตอบ 2 : แผนกบํารุงรักษาเครื่องกล
คําตอบ 3 : โรงซอม (Workshop)
คําตอบ 4 : แผนกเครื่องมือวัดและควบคุม
่ า ย
ขอที่ : 361
น
แผนกงานใดในฝายบํารุงรักษาที่มีลักษณะการวางแผนเชนเดียวกับลักษณะการจัดการงานผลิต
ห
คําตอบ 1 : แผนกบํารุงรักษาปองกัน (P.M.)
จ ำ
คําตอบ 2 : แผนกบํารุงรักษาเครื่องกล
ม
คําตอบ 3 : โรงไฟฟา (Power plant)
า้
คําตอบ 4 : แผนกเครื่องมือวัดและควบคุม
ขอที่ : 362
ิธ์ ห
ิท
หนวยงานบํารุงรักษาใดที่จัดวาเปนหนวยงานซึ่งจัดองคการตามลักษณะหนาที่งาน (function)
ส
คําตอบ 1 : หนวยซอมประจํากะ
ว น
คําตอบ 2 : หนวยชางบํารุงรักษาเครื่องกล
ง
คําตอบ 3 : แผนกซอมบํารุงโรงงานที่ 1
ส
คําตอบ 4 : หนวยบํารุงรักษาสํานักงาน
ขอ
กร
ขอที่ : 363
ว
หนวยงานบํารุงรักษาใดที่จัดวาเปนหนวยงานซึ่งจัดองคการตามลักษณะหนาที่งาน (function)
ศ
ิ
คําตอบ 1 : แผนกซอมบํารุงโรงงานที่1
าว
คําตอบ 2 : หนวยซอมประจํากะ
ภ
คําตอบ 3 : แผนกบํารุงรักษาไฟฟา
ส
คําตอบ 4 : หนวยบํารุงรักษาสํานักงาน
ขอที่ : 364
หนวยงานบํารุงรักษาใดที่จัดวาเปนหนวยงานซึ่งจัดองคการตามลักษณะหนาที่งาน (function)
คําตอบ 1 : หนวยบํารุงรักษาสํานักงาน
คําตอบ 2 : หนวยซอมประจํากะ
85 of 118
คําตอบ 3 : แผนกบํารุงรักษาเครื่องมือวัด
คําตอบ 4 : แผนกซอมบํารุงโรงงานที่ 1
ขอที่ : 365
การจัดองคการบํารุงรักษาแบบกระจายศูนย (Decentralized organization) เหมาะกับหนวยงานที่มีลักษณะสําคัญในขอใด
คําตอบ 1 : รับผิดชอบพื้นที่กวาง
คําตอบ 2 : ตองใชความเชี่ยวชาญของชางแตละดานมาก
คําตอบ 3 : มีชางจํานวนไมมาก
่ า ย
น
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
ขอที่ : 366
จ ำ ห
ม
การจัดองคการบํารุงรักษาแบบกระจายศูนย (Decentralized organization) เหมาะกับหนวยงานที่มีลักษณะสําคัญในขอใด
า้
ิธ์ ห
คําตอบ 1 : รับผิดชอบพื้นที่ที่ไมกวางมาก
คําตอบ 2 : ตองใชความเชี่ยวชาญของชางแตละดานมาก
คําตอบ 3 : มีชางจํานวนมาก
ิท
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
นส
ว
ขอที่ : 367
ง
การจัดองคการบํารุงรักษาแบบรวมศูนย (centralized organization) เหมาะกับหนวยงานที่มีลักษณะสําคัญในขอใด
คําตอบ 1 : รับผิดชอบพื้นที่ที่ไมกวางมาก
อ ส
ข
คําตอบ 2 : ตองใชความเชี่ยวชาญของชางแตละดานมาก
กร
คําตอบ 3 : มีชางจํานวนไมมาก
ว
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
ขอที่ : 368
าว ศ
ิ
ภ
สายพาน v-belt จะจัดไวในวัสดุบํารุงรักษาประเภทใด
ส
คําตอบ 1 : อะไหลเครื่องกล
คําตอบ 2 : อะไหลอุปกรณไฟฟา
คําตอบ 3 : เครื่องมือ
คําตอบ 4 : วัสดุสิ้นเปลือง
ขอที่ : 370
่ า ย
น้ํามันเครื่องจะจัดไวในวัสดุบํารุงรักษาประเภทใด
น
คําตอบ 1 : อะไหลเครื่องกล
ห
คําตอบ 2 : อะไหลอุปกรณไฟฟา
จ ำ
คําตอบ 3 : เครื่องมือ
ม
คําตอบ 4 : วัสดุสิ้นเปลือง
า้
ิธ์ ห
ขอที่ : 371
จาระบีจะจัดไวในวัสดุบํารุงรักษาประเภทใด
ิท
คําตอบ 1 : อะไหลเครื่องกล
ส
คําตอบ 2 : อะไหลอุปกรณไฟฟา
ว น
คําตอบ 3 : เครื่องมือ
ง
คําตอบ 4 : วัสดุสิ้นเปลือง
อ ส
ข
ขอที่ : 372
กร
กระดาษทรายจะจัดไวในวัสดุบํารุงรักษาประเภทใด
ว
คําตอบ 1 : อะไหลเครื่องกล
ศ
ิ
คําตอบ 2 : อะไหลอุปกรณไฟฟา
าว
คําตอบ 3 : เครื่องมือ
ภ
คําตอบ 4 : วัสดุสิ้นเปลือง
ขอที่ : 373
ส
ดอกสวาน จะจัดไวในวัสดุบํารุงรักษาประเภทใด
คําตอบ 1 : อะไหลเครื่องกล
คําตอบ 2 : อะไหลอุปกรณไฟฟา
คําตอบ 3 : เครื่องมือ
87 of 118
คําตอบ 4 : วัสดุสิ้นเปลือง
ขอที่ : 374
valve จะจัดไวในวัสดุบํารุงรักษาประเภทใด
คําตอบ 1 : อะไหลเครื่องกล
คําตอบ 2 : อะไหลอุปกรณไฟฟา
คําตอบ 3 : เครื่องมือ
ย
คําตอบ 4 : วัสดุสิ้นเปลือง
น่ า
ห
ขอที่ : 375
ำ
ในการพิจารณาวาจัดเก็บ stock ของวัสดุไว ถาเปนวัสดุประเภท c ตองนําคาใชจายใดมาพิจารณา
คําตอบ 1 : คาใชจายในการเก็บรักษา
มจ
า้
คําตอบ 2 : คาใชจายในการสั่งซื้อ
ิธ์ ห
คําตอบ 3 : คาใชจายเมื่อเครื่องจักรเสียและตองใชชิ้นสวนนั้น
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 376
ส ิท
ว น
ในการพิจารณาวาจัดเก็บ stock ของชิ้นสวนอะไหลไว ถาเปนวัสดุประเภท A ตองนําคาใชจายใดมาพิจารณา
ง
คําตอบ 1 : คาใชจายในการเก็บรักษา
ส
คําตอบ 2 : คาใชจายในการสั่งซื้อ
อ
คําตอบ 3 : คาใชจายเมื่อเครื่องจักรเสียและตองใชชิ้นสวนนั้น
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
กร ข
ขอที่ : 377
ศ
ิ ว
าว
วัสดุที่จัดวาเปนวัสดุประเภท C นั้น มีลักษณะตรงกับขอใด
ภ
คําตอบ 1 : อยูในกลุมที่มีมูลคาในสต็อก 80% ของมูลคาสต็อกทั้งหมดและมีจํานวนรายการเพียง 20 %ของจํานวนวัสดุทั้งหมด
ส
คําตอบ 2 : อยูในกลุมที่มีมูลคาในสต็อก 60% และมีจํานวนรายการเพียง 40 %ของมูลคาสต็อกทั้งหมด
คําตอบ 3 : อยูในกลุมที่มีมูลคาในสต็อก 40% และมีจํานวนรายการ 60 %ของมูลคาสต็อกทั้งหมด
คําตอบ 4 : อยูในกลุมที่มีมูลคาในสต็อก 20% และมีจํานวนรายการ 80 %ของมูลคาสต็อกทั้งหมด
ขอที่ : 378
วัสดุที่จัดวาเปนวัสดุประเภท A นั้น มีลักษณะตรงกับขอใด
88 of 118
คําตอบ 1 : อยูในกลุมที่มีมูลคาในสต็อก 80% ของมูลคาสต็อกทั้งหมดและมีจํานวนรายการเพียง 20 %ของจํานวนวัสดุทั้งหมด
คําตอบ 2 : อยูในกลุมที่มีมูลคาในสต็อก 60% และมีจํานวนรายการเพียง 40 %ของมูลคาสต็อกทั้งหมด
คําตอบ 3 : อยูในกลุมที่มีมูลคาในสต็อก 40% และมีจํานวนรายการ 60 %ของมูลคาสต็อกทั้งหมด
คําตอบ 4 : อยูในกลุมที่มีมูลคาในสต็อก 20% และมีจํานวนรายการ 80 %ของมูลคาสต็อกทั้งหมด
ขอที่ : 379
วัสดุประเภทใดที่ควรจัดเก็บในคลังที่แยกตางหากจากวัสดุประเภทอื่น
คําตอบ 1 : ชิ้นสวนอะไหลไฟฟา
่ า ย
น
คําตอบ 2 : ชิ้นสวนอะไหลเครื่องกล
ห
คําตอบ 3 : น้ํามันหลอลื่น
จ ำ
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
ขอที่ :
า้ ม
ิธ์ ห
380
วัสดุประเภทใดที่ควรจัดเก็บในคลังที่แยกตางหากจากวัสดุประเภทอื่น
คําตอบ 1 : ชิ้นสวนอะไหลไฟฟา
ิท
คําตอบ 2 : ชิ้นสวนอะไหลเครื่องกล
ส
คําตอบ 3 : วัสดุกอสราง
ว น
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
ส ง
อ
ขอที่ : 381
ข
วัสดุสิ้นเปลือง ควรกําหนดรหัสจําแนกตามขอใด
กร
คําตอบ 1 : รหัสของผูผลิต
ว
คําตอบ 2 : ประเภทเครื่องจักรที่ใชวัสดุนั้น
ศ
ิ
คําตอบ 3 : แผนกผลิต
าว
คําตอบ 4 : เนื้อวัสดุ
ขอที่ : 382
ส ภ
วัสดุใดที่เหมาะที่จะควบคุมดวยวิธี 2-bin method
คําตอบ 1 : เฟองเกียร
คําตอบ 2 : น้ํามันเกียร
คําตอบ 3 : สายพาน
คําตอบ 4 : นอตสกรู
89 of 118
ขอที่ : 383
ในการควบคุมวัสดุโดยใชระบบ 2-bin นั้น จะมีการสั่งวัสดุเมื่อระดับวัสดุคงคลังมีคาเทากับขอใด
คําตอบ 1 : ปริมาณที่สั่งในแตละครั้ง
คําตอบ 2 : ครึ่งหนึ่งของระดับสินคาคงคลังเฉลี่ย
คําตอบ 3 : สองเทาของระดับสินคาคงคลังเฉลี่ย
คําตอบ 4 : ศูนย
่ า ย
น
ขอที่ : 384
ห
ในการควบคุมวัสดุโดยใชระบบ 2-bin นั้น จะมีระดับจุดสั่งซื้อ เทากับเทาใด
จ ำ
คําตอบ 1 : ปริมาณที่สั่งในแตละครั้ง
ม
คําตอบ 2 : ครึ่งหนึ่งของระดับสินคาคงคลังเฉลี่ย
า้
คําตอบ 3 : สองเทาของระดับสินคาคงคลังเฉลี่ย
ิธ์ ห
คําตอบ 4 : ศูนย
ิท
ขอที่ : 385
ส
ความแตกตางที่สําคัญประการหนึ่ง ระหวางการตัดสินใจในการควบคุมวัสดุในการผลิตกับการควบคุมวัสดุอะไหลประเภท A และ B คือขอใด
ว น
คําตอบ 1 : วัสดุอะไหลสามารถเก็บไดนานกวา
ง
คําตอบ 2 : วัสดุอะไหลมีราคาสูงกวาวัสดุในการผลิตมาก
ส
คําตอบ 3 : การควบคุมวัสดุอะไหลตองพิจารณาถึงความสูญเสียเมื่อขาดชิ้นสวนนั้นเวลาที่เครื่องเสีย
อ
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
กร ข
ว
ขอที่ : 386
ศ
ิ
ความแตกตางที่สําคัญประการหนึ่ง ระหวางการตัดสินใจในการควบคุมวัสดุในการผลิตกับการควบคุมวัสดุอะไหลประเภท A และ B คือขอใด
าว
คําตอบ 1 : วัสดุอะไหลสามารถเก็บไดนานกวา
ภ
คําตอบ 2 : วัสดุอะไหลมีราคาสูงกวาวัสดุในการผลิตมาก
ส
คําตอบ 3 : อัตราการใชวัสดุอะไหลไมแนนอน
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
ขอที่ : 387
ในการเบิกอะไหลไปใชงานนั้น คลังอะไหลจะจายอะไหลใหได ตองมีขอมูลสําคัญอะไรบาง
คําตอบ 1 : แผนกที่เบิก
90 of 118
คําตอบ 2 : แผนกผลิตที่นําอะไหลไปใช
คําตอบ 3 : ตําแหนงที่ตั้งของเครื่องจักร
คําตอบ 4 : หมายเลขที่งานบํารุงรักษา
ขอที่ : 388
วัสดุมีอัตราการใชเฉลี่ย ชิ้นละ 12 วัน และมีระยะเวลาในการสั่ง 30 วัน ควรสั่งวัสดุนี้เมื่อระดับวัสดุคงคลังลดลงเหลือเทาใด
คําตอบ 1 : 30 หนวย
คําตอบ 2 : 12 หนวย
่ า ย
น
คําตอบ 3 : 3 หนวย
ห
คําตอบ 4 : 2 หนวย
จ ำ
ม
ขอที่ :
า้
389
วัสดุใดที่เหมาะที่จะควบคุมดวยวิธี 2-bin method
ิธ์ ห
คําตอบ 1 : เฟองเกียร
คําตอบ 2 : น้ํามันเกียร
ิท
คําตอบ 3 : สายพาน
ส
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ :
ง ว น
ส
390
อ
วัสดุที่ชางอาจเบิกมาเก็บไวใชไดมากกวาจํานวนที่ตองใชในแตละงานควรเปนวัสดุประเภทใด
ข
คําตอบ 1 : วัสดุประเภท A
กร
คําตอบ 2 : วัสดุประเภท B
ว
คําตอบ 3 : วัสดุประเภท C
ศ
ิ
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 391
ภ าว
ส
วัสดุใดที่ไมเหมาะที่จะควบคุมดวยวิธี 2-bin method
คําตอบ 1 : นอต
คําตอบ 2 : กระดาษทราย
คําตอบ 3 : ประแจขันนอต
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
91 of 118
ขอที่ : 392
องคประกอบในการพิจารณาสั่งเครื่องมือชาง ไดแกขอใด
คําตอบ 1 : คาใชจายในการบํารุงรักษา
คําตอบ 2 : คาใชจายในการเก็บรักษา
คําตอบ 3 : ความจําเปนในการใชงาน
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
่ า ย
ขอที่ : 393
น
ตัวแบบ Economic order quantity (EOQ) เหมาะที่จะใชในการตัดสินใจกับวัสดุบํารุงรักษาประเภทใด
ห
คําตอบ 1 : น้ํามันหลอลื่น
จ ำ
คําตอบ 2 : ชิ้นสวนอะไหลที่มีความสําคัญ
ม
คําตอบ 3 : ชิ้นสวนอะไหลประเภท A
า้
คําตอบ 4 : ชิ้นสวนอะไหลที่ผลิตใชเอง
ขอที่ : 394
ิธ์ ห
ิท
ตัวแบบ Economic order quantity (EOQ) เหมาะที่จะใชในการตัดสินใจกับวัสดุบํารุงรักษาประเภทใด
ส
คําตอบ 1 : ชิ้นสวนอะไหลประเภท A
ว น
คําตอบ 2 : ชิ้นสวนอะไหลที่มีความสําคัญ
ง
คําตอบ 3 : ชิ้นสวนอะไหลที่ผลิตใชเอง
ส
คําตอบ 4 : วัสดุสิ้นเปลือง
ขอ
กร
ขอที่ : 395
ว
ตัวแบบ Economic order quantity (EOQ) เหมาะที่จะใชในการตัดสินใจกับวัสดุบํารุงรักษาประเภทใด
ศ
ิ
คําตอบ 1 : ชิ้นสวนอะไหลที่ผลิตใชเอง
าว
คําตอบ 2 : ชิ้นสวนอะไหลที่มีอัตราการใชนอย
ภ
คําตอบ 3 : ชิ้นสวนอะไหลประเภท A
ส
คําตอบ 4 : ชิ้นสวนอะไหลที่มีอัตราการใชมาก
ขอที่ : 396
ตัวแบบ Economic order quantity (EOQ) เหมาะที่จะใชในการตัดสินใจกับวัสดุบํารุงรักษาประเภทใด
คําตอบ 1 : ชิ้นสวนอะไหลที่ผลิตใชเอง
คําตอบ 2 : เครื่องมือชาง
92 of 118
คําตอบ 3 : ชิ้นสวนอะไหลประเภท A
คําตอบ 4 : ชิ้นสวนอะไหลที่มีอัตราการใชคอนขางคงที่
ขอที่ : 397
ตัวแบบ Economic order quantity (EOQ) เหมาะที่จะใชในการตัดสินใจกับวัสดุบํารุงรักษาประเภทใด
คําตอบ 1 : ชิ้นสวนอะไหลที่ผลิตใชเอง
คําตอบ 2 : เครื่องมือชาง
คําตอบ 3 : ชิ้นสวนอะไหลประเภท C
่ า ย
น
คําตอบ 4 : ชิ้นสวนอะไหลที่มีอัตราการใชไมแนนอน
ขอที่ : 398
จ ำ ห
ม
ตัวแบบ Economic order quantity (EOQ) เหมาะที่จะใชในการตัดสินใจกับวัสดุบํารุงรักษาประเภทใด
า้
ิธ์ ห
คําตอบ 1 : ชิ้นสวนอะไหลที่ผลิตใชเอง
คําตอบ 2 : เครื่องมือชาง
คําตอบ 3 : ชิ้นสวนอะไหลในงาน P.M.
ิท
คําตอบ 4 : ชิ้นสวนอะไหลที่มีอัตราการใชไมแนนอน
นส
ว
ขอที่ : 399
ง
องคประกอบที่ไมตองนํามาพิจารณาในการตัดสินใจเกี่ยวกับชิ้นสวนอะไหลประเภท A และ B คือขอใด
คําตอบ 1 : คาใชจายในการเก็บรักษา
อ ส
ข
คําตอบ 2 : อัตราการหมุนเวียน
กร
คําตอบ 3 : คาใชจายในการสั่งซื้อ
ว
คําตอบ 4 : ความสูญเสียเมื่อขาดอะไหลตอนที่เครื่องเสีย
ขอที่ : 400
าว ศ
ิ
ภ
องคประกอบที่ไมตองนํามาพิจารณาในการตัดสินใจเกี่ยวกับชิ้นสวนอะไหลประเภท A และ B คือขอใด
ส
คําตอบ 1 : คาใชจายในการเก็บรักษา
คําตอบ 2 : ความสูญเสียเมื่อขาดอะไหลตอนที่เครื่องเสีย
คําตอบ 3 : คาใชจายในการสั่งซื้อ
คําตอบ 4 : ความสูญเสียเมื่ออะไหลลาสมัยหรือหมดอายุใชไมได
วัสดุมีอัตราการใชเฉลี่ย หนวยละ 12 วัน และมีระยะเวลาในการสั่ง 30 วัน ถาตองการใหระดับวัสดุคงคลังต่ําสุด (safety stock) = 10 หนวย ควรสั่งวัสดุนี้เมื่อระดับวัสดุคงคลังลดลง
เหลือเทาใด
คําตอบ 1 : 30 หนวย
คําตอบ 2 : 13 หนวย
คําตอบ 3 : 10 หนวย
คําตอบ 4 : 3 หนวย
่ า ย
ขอที่ : 402
น
ขอใดเปนสาเหตุที่ทําใหเกิดเวลารอคอยในงานซอมบํารุง
ห
คําตอบ 1 : อะไหลขาดมือ
จ ำ
คําตอบ 2 : มีชางนอยกวาภาระงานซอมบํารุง
ม
คําตอบ 3 : ขาดการวางแผนงานซอมที่มีประสิทธิผล
า้
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ถูก
ขอที่ : 403
ิธ์ ห
ิท
ขอใดเปนขอที่มีความสําคัญสูงสุดในการวางแผนและจัดงานซอมบํารุง
ส
คําตอบ 1 : ผลผลิตที่สูญเสียระหวางเครื่องหยุดทํางาน
ว น
คําตอบ 2 : เวลาที่เครื่องหยุดทํางาน
ง
คําตอบ 3 : เวลารอคอยระหวางงานซอมบํารุง
ส
คําตอบ 4 : เวลาที่ใชในงานซอมบํารุง
ขอ
กร
ขอที่ : 404
ว
เครื่องจักรที่หยุดการเดินเครื่องเพราะเหตุชํารุดขัดของเวลา 09.00 น. เริ่มทําการซอมเวลา 13.00 น. ใชเวลาในการซอม 3 ชั่วโมง จะเสียเวลาที่เครื่องหยุดเทาไหร
ศ
ิ
คําตอบ 1 : 4 ชั่วโมง
าว
คําตอบ 2 : 5 ชั่วโมง
ภ
คําตอบ 3 : 7 ชั่วโมง
ส
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 405
เครื่องจักรที่หยุดการเดินเครื่องเพราะเหตุชํารุดขัดของเวลา 08.00 น. ไดรับการซอมและเดินเครื่องไดอีกครั้งหนึ่งเวลา 13.00 น. หากการซอมใชเวลา 3 ชั่วโมง เวลารอคอยเปน
เทาไร
คําตอบ 1 : 2 ชั่วโมง
94 of 118
คําตอบ 2 : 3 ชั่วโมง
คําตอบ 3 : 5 ชั่วโมง
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 406
ขอใดคือปริมาณผลผลิตที่สูญเสียของเครื่องจักรที่มีกําลังการผลิต2 ตัน/ชั่วโมง ที่ตองหยุดการเดินเครื่องเพราะเหตุชํารุดขัดของเวลา 08.00 น. เริ่มตนทําการซอมเมื่อเวลา 13.00 น.
และใชเวลาในงานซอม 3 ชั่วโมง
คําตอบ 1 : 6 ตัน
่ า ย
คําตอบ 2 : 10 ตัน
น
คําตอบ 3 : 16 ตัน
ห
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
จ ำ
ม
ขอที่ : 407
า้
ควรทําการซอมเครื่องจักรใดกอนในเครื่องจักรเหมือนกันสามเครื่อง (A, B, C) หากเวลาที่เกิดการชํารุด เวลาซอมที่ตองใชเปนตามขอมูลขางลาง เมื่อสามารถทําการซอมไดครั้งละ
ิธ์ ห
หนึ่งเครื่อง
เครื่องจักร เวลาที่เครื่องเสีย (น.) เวลาซอมที่ตองใช(ชั่วโมง)
A 04.00 5
ิท
B 05.00 3
ส
C 06.00 4
คําตอบ 1 :
คําตอบ 2 :
A
B
ง ว น
ส
คําตอบ 3 :
อ
C
ข
คําตอบ 4 : เครื่องใดก็ได
ขอที่ : 408
ว กร
ศ
ิ
ควรจัดลําดับงานซอมเครื่องจักรอยางไรสําหรับเครื่องจักรเหมือนกันสามเครื่อง (A, B, C) หากเวลาที่เกิดการชํารุด เวลาซอมที่ตองใชเปนตามขอมูลขางลาง เมื่อสามารถทําการซอม
าว
ไดครั้งละหนึ่งเครื่อง
เครื่องจักร เวลาที่เครื่องเสีย (น.) เวลาซอมที่ตองใช(ชั่วโมง)
ส ภ
A 04.00 5
B 05.00 3
C 06.00 4
คําตอบ 1 : A-B-C
คําตอบ 2 : B-C-A
คําตอบ 3 : C-A-B
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
95 of 118
ขอที่ : 409
จะเสียเวลาในการเดินเครื่องโดยรวมเทาไร หากจัดลําดับงานซอมเครื่องจักรอยางไรสําหรับเครื่องจักรเหมือนกันสามเครื่องตามลําดับ A-B-C หากเวลาที่เกิดการชํารุด เวลาซอมที่
ตองใชเปนตามขอมูลขางลาง และสามารถทําการซอมไดครั้งละหนึ่งเครื่องโดยเริ่มงานซอมเวลา 08.00 น.
เครื่องจักร เวลาที่เครื่องเสีย (น.) เวลาซอมที่ตองใช(ชั่วโมง)
A 04.00 3
B 05.00 1
C 06.00 2
่ า ย
คําตอบ 1 : 6 ชั่วโมง
น
คําตอบ 2 : 13 ชั่วโมง
ห
คําตอบ 3 : 22 ชั่วโมง
ำ
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
มจ
า้
ขอที่ : 410
ิธ์ ห
จะเสียผลผลิตโดยรวมเทาไร หากจัดลําดับงานซอมเครื่องจักรอยางถูกตอง สําหรับเครื่องจักรเหมือนกันสามเครื่องทีมีกําลังการผลิตเครื่องละ 2 ตัน/ชั่วโมง หากเวลาที่เกิดการชํารุด
เวลาซอมที่ตองใชเปนตามขอมูลขางลาง และสามารถทําการซอมไดครั้งละหนึ่งเครื่อง
เครื่องจักร เวลาที่เครื่องเสีย (น.) เวลาซอมที่ตองใช(ชั่วโมง)
ส ิท
A 04.00 3
น
B 05.00 1
ว
C 06.00 2
ง
คําตอบ 1 : 32 ตัน
ส
คําตอบ 2 : 38 ตัน
คําตอบ 3 : 44 ตัน
ขอ
กร
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 411
ศ
ิ ว
าว
ควรทําการซอมเครื่องจักรใดกอนในเครื่องจักรอิสระที่ทํางานแบบเดียวกันสามเครื่อง (A, B, C) หากกําลังการผลิตและเวลาซอมที่ตองใช เปนตามขอมูลขางลาง เมื่อสามารถทําการ
ภ
ซอมไดครั้งละหนึ่งเครื่อง
ส
เครื่องจักร กําลังการผลิต (หนวย/ชั่วโมง) เวลาซอมที่ตองใช(ชั่วโมง)
A 1 3
B 2 3
C 4 3
คําตอบ 1 : A
คําตอบ 2 : B
คําตอบ 3 : C
96 of 118
คําตอบ 4 : เครื่องใดก็ได
ขอที่ : 412
ควรจัดลําดับงานซอมเครื่องจักรอิสสระที่ทํางานแบบเดียวกันสามเครื่อง (A, B, C) อยางไร หากกําลังการผลิตและเวลาซอมที่ตองใช เปนตามขอมูลขางลาง เมื่อสามารถทําการซอม
ไดครั้งละหนึ่งเครื่อง
เครื่องจักร กําลังการผลิต (หนวย/ชั่วโมง) เวลาซอมที่ตองใช(ชั่วโมง)
A 1 3
B 2 3
่ า ย
C 4 3
น
คําตอบ 1 : A-B-C
ห
คําตอบ 2 : B-C-A
ำ
คําตอบ 3 :
จ
C-A-B
ม
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
า้
ิธ์ ห
ขอที่ : 413
จะเสียผลผลิตโดยรวมเทาไรนับจากเริ่มทํางานซอม หากจัดลําดับงานซอมเครื่องจักรอิสระที่ทํางานแบบเดียวกันสามเครื่องตามลําดับ A-B-C ตามขอมูลกําลังการผลิตและเวลาซอม
ิท
ที่ตองใชขางลาง เมื่อสามารถทําการซอมไดครั้งละหนึ่งเครื่อง
ส
เครื่องจักร กําลังการผลิต (หนวย/ชั่วโมง) เวลาซอมที่ตองใช(ชั่วโมง)
น
A 1 3
ว
B 2 3
ง
C 4 3
ส
คําตอบ 1 : 21 หนวย
คําตอบ 2 : 51 หนวย
ขอ
กร
คําตอบ 3 : 63 หนวย
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ศ
ิ ว
าว
ขอที่ : 414
ภ
จะเสียผลผลิตโดยรวมเทาไรนับจากเริ่มทํางานซอม หากจัดลําดับงานซอมเครื่องจักรอิสระที่ทํางานแบบเดียวกันสามเครื่องตามลําดับที่ถูกตอง ตามขอมูลกําลังการผลิตและเวลาซอม
ส
ที่ตองใชขางลาง เมื่อสามารถทําการซอมไดครั้งละหนึ่งเครื่อง
เครื่องจักร กําลังการผลิต (หนวย/ชั่วโมง) เวลาซอมที่ตองใช(ชั่วโมง)
A 1 3
B 2 3
C 4 3
คําตอบ 1 : 16 หนวย
คําตอบ 2 : 21 หนวย
97 of 118
คําตอบ 3 : 33 หนวย
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 415
จะเสียผลผลิตโดยรวมเพิ่มขึ้นเทาไรนับจากเริ่มทํางานซอม หากจัดลําดับงานซอมเครื่องจักรอิสระที่ทํางานแบบเดียวกันสามเครื่อง ตามลําดับ A-B-C แทนการจัดงานซอมตามลําดับ
ที่ถูกตอง ตามขอมูลกําลังการผลิตและเวลาซอมที่ตองใชขางลาง เมื่อสามารถทําการซอมไดครั้งละหนึ่งเครื่อง
เครื่องจักร กําลังการผลิต (หนวย/ชั่วโมง) เวลาซอมที่ตองใช(ชั่วโมง)
ย
A 1 3
่ า
B 2 3
น
C 4 3
คําตอบ 1 : 36.36 %
จ ำ ห
ม
คําตอบ 2 : 48.48 %
า้
คําตอบ 3 : 54.55 %
ิธ์ ห
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ิท
ขอที่ : 416
ส
ควรทําการซอมเครื่องจักรใดกอนในเครื่องจักรอิสระที่ทํางานแบบเดียวกันสามเครื่อง (A, B, C) หากกําลังการผลิตและเวลาซอมที่ตองใช เปนตามขอมูลขางลาง เมื่อสามารถทําการ
น
ซอมไดครั้งละหนึ่งเครื่อง
ง ว
เครื่องจักร กําลังการผลิต (หนวย/ชั่วโมง) เวลาซอมที่ตองใช(ชั่วโมง)
ส
A 1 1.5
อ
B 2 2
ข
C 3 6
กร
คําตอบ 1 : A
ว
คําตอบ 2 : B
ศ
ิ
คําตอบ 3 : C
าว
คําตอบ 4 : เครื่องใดก็ได
ขอที่ : 417
ส ภ
ควรจัดลําดับงานซอมเครื่องจักรอิสระที่ทํางานแบบเดียวกันสามเครื่อง (A, B, C) อยางไร หากกําลังการผลิตและเวลาซอมที่ตองใชเปนตามขอมูลขางลาง เมื่อสามารถทําการซอมได
ครั้งละหนึ่งเครื่อง
เครื่องจักร กําลังการผลิต (หนวย/ชั่วโมง) เวลาซอมที่ตองใช(ชั่วโมง)
A 1 1.5
B 2 2
C 3 6
98 of 118
คําตอบ 1 : A-B-C
คําตอบ 2 : B-A-C
คําตอบ 3 : C-A-C
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 418
จะเสียผลผลิตโดยรวมเทาไรนับจากเริ่มทํางานซอม หากจัดลําดับงานซอมเครื่องจักรอิสระที่ทํางานแบบเดียวกันสามเครื่องตามลําดับ A-B-C ตามขอมูลกําลังการผลิตและเวลาซอม
ย
ที่ตองใชขางลาง เมื่อสามารถทําการซอมไดครั้งละหนึ่งเครื่อง
่ า
เครื่องจักร กําลังการผลิต (หนวย/ชั่วโมง) เวลาซอมที่ตองใช(ชั่วโมง)
หน
A 1 1.5
ำ
B 2 2
จ
C 3 6
ม
คําตอบ 1 : 14.5 หนวย
า้
คําตอบ 2 : 36 หนวย
ิธ์ ห
คําตอบ 3 : 37 หนวย
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ :
ส ิท
น
419
ว
จะเสียผลผลิตโดยรวมเทาไรนับจากเริ่มทํางานซอม หากจัดลําดับงานซอมเครื่องจักรอิสระที่ทํางานแบบเดียวกันสามเครื่องตามลําดับที่ถูกตอง ตามขอมูลกําลังการผลิตและเวลาซอม
ง
ที่ตองใชขางลาง เมื่อสามารถทําการซอมไดครั้งละหนึ่งเครื่อง
ส
เครื่องจักร กําลังการผลิต (หนวย/ชั่วโมง) เวลาซอมที่ตองใช(ชั่วโมง)
อ
A 1 1.5
กร ข
B 2 2
C 3 6
ว
คําตอบ 1 : 14.5 หนวย
ศ
ิ
คําตอบ 2 : 36 หนวย
าว
คําตอบ 3 : 37 หนวย
ภ
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 420
ส
ชิ้นสวนที่มีการชํารุดแบบ random failure ควรที่จะวางแผนการบํารุงรักษาแบบใด
คําตอบ 1 : เปลี่ยนตามอายุการใชงาน
คําตอบ 2 : ใชงานจนชํารุดแลวจึงซอม
คําตอบ 3 : ทํา preventive maintenance
99 of 118
คําตอบ 4 : เปลี่ยนเมื่อมีการ shut down
ขอที่ : 421
ชิ้นสวนที่มีการชํารุดแบบ Wearout failure ควรที่จะวางแผนการบํารุงรักษาแบบใด
คําตอบ 1 : เปลี่ยนตามอายุการใชงาน
คําตอบ 2 : ตรวจสอบและเปลี่ยนเมื่อใกลเสื่อมสภาพ
คําตอบ 3 : ทํา preventive maintenance
ย
คําตอบ 4 : ใชไดทุกวิธี
น่ า
ห
ขอที่ : 422
ำ
ชิ้นสวนมีอายุใชงานเฉลี่ย 100 วัน และมี standard deviation ของอายุใชงาน 10 วันโดยมีลักษณะการชํารุดเปนแบบ random failure ควรวางแผนเปลี่ยนชิ้นสวนนี้ทุกๆ กี่วันจึงจะ
จ
เหมาะสม
คําตอบ 1 : 80 วัน
า้ ม
ิธ์ ห
คําตอบ 2 : 100 วัน
คําตอบ 3 : 120 วัน
คําตอบ 4 : ควรรอใหชํารุดแลวจึงเปลี่ยน
ส ิท
น
ขอที่ : 423
ง ว
ชิ้นสวนมีอายุใชงานเฉลี่ย 100 วัน และมี standard deviation ของอายุใชงาน 10 วันโดยมีลักษณะการชํารุดเปนแบบ wearout failure จากขอมูลที่มีอยูนี้ ควรวางแผนเปลี่ยนชิ้น
ส
สวนนี้ทุกๆ กี่วันจึงจะเหมาะสม
อ
คําตอบ 1 : 80 วัน
ข
คําตอบ 2 : 100 วัน
กร
คําตอบ 3 : 110 วัน
ว
คําตอบ 4 : 120 วัน
ขอที่ : 424
าว ศ
ิ
ภ
ชิ้นสวนที่มีราคาถูก และ การชํารุดไมมีผลกระทบตอการผลิตสวนอื่นๆ ควรวางแผนการบํารุงรักษาแบบใด
ส
คําตอบ 1 :
คําตอบ 2 :
คําตอบ 3 :
เปลี่ยนตามอายุการใชงาน
ใชงานจนชํารุดแลวจึงซอม
ทํา preventive maintenance
คําตอบ 4 : ตรวจสอบและเปลี่ยนเมื่อใกลเสื่อมสภาพ
ขอที่ : 426
่ า ย
งาน corrective maintenance ควรกําหนดไวชวงเวลาใด
น
คําตอบ 1 : ชวงเวลา shut down
ห
คําตอบ 2 : ชวงเวลาที่เปลี่ยน batch การผลิต
จ ำ
คําตอบ 3 : ชวงเวลาที่แผนกบํารุงรักษามีภาระงานต่ํา
ม
คําตอบ 4 : ไมสามารถวางแผนกําหนดเวลาไดลวงหนา
า้
ิธ์ ห
ขอที่ : 427
การวางแผนงาน corrective maintenance สามารถวางแผนลวงหนาในระยะยาวเชนแผนงานประจําปไดหลายดาน เรื่องใดที่ไมสามารถวางแผนกําหนดได
ิท
คําตอบ 1 : กําหนดเวลา
ส
คําตอบ 2 : วิธีการทํางาน
ว น
คําตอบ 3 : อะไหลที่ตองใช
ง
คําตอบ 4 : เครื่องมือที่ตองใช
อ ส
ข
ขอที่ : 428
กร
การวางแผนงานประจําป ควรเริ่มกําหนดเวลาการทํางานบํารุงรักษาไวในชวงเวลาใดกอนชวงเวลาอื่นๆ
ว
คําตอบ 1 : ชวงเวลาเปลี่ยนกะการผลิต
ศ
ิ
คําตอบ 2 : ชวงเวลาเปลี่ยน batch การผลิต
าว
คําตอบ 3 : ชวงเวลา shutdown
ภ
คําตอบ 4 : ขอใดก็ไดไมแตกตางกัน
ขอที่ : 429
ส
ชิ้นสวนที่มีการชํารุดแบบ wearout failure ซึ่งมีคา standard deviation ของอายุใชงานนอยควรใชการวางแผนบํารุงรักษาแบบใดจึงจะเหมาะสม
คําตอบ 1 : ตรวจสอบสภาพ
คําตอบ 2 : ใชงานจนเสียแลวจึงเปลี่ยน
คําตอบ 3 : เปลี่ยนตามอายุใชงาน
101 of 118
คําตอบ 4 : ขอใดก็ไดไมแตกตางกัน
ขอที่ : 430
ชิ้นสวนที่มีการชํารุดแบบ wearout failure ซึ่งมีคา standard deviation ของอายุใชงานมากกวา 30 %ของอายุใชงาน และมีวิธีการในการตรวจสอบซึ่งไมเสียคาใชจายมาก ควรใช
การวางแผนบํารุงรักษาแบบใดจึงจะเหมาะสม
คําตอบ 1 : ตรวจสอบสภาพ
คําตอบ 2 : ใชงานจนเสียแลวจึงเปลี่ยน
ย
คําตอบ 3 : เปลี่ยนตามอายุใชงาน
่ า
คําตอบ 4 : ขอใดก็ไดไมแตกตางกัน
หน
ำ
ขอที่ : 431
จ
ชิ้นสวนที่มีการชํารุดแบบ random failure ซึ่งมีคา standard deviation ของอายุใชงานมากกวา 30% ของอายุใชงาน และไมมีวิธีการในการตรวจสอบ ควรใชการวางแผนบํารุงรักษา
า้ ม
แบบใดจึงจะเหมาะสม
ิธ์ ห
คําตอบ 1 : ตรวจสอบสภาพ
คําตอบ 2 : ใชงานจนเสียแลวจึงเปลี่ยน
คําตอบ 3 : เปลี่ยนตามอายุใชงาน
ิท
คําตอบ 4 : ขอใดก็ไดไมแตกตางกัน
นส
ว
ขอที่ :
ง
432
ส
ชิ้นสวนที่มีการชํารุดแบบ wearout failure ซึ่งมีคา standard deviation ของอายุใชงานมากกวา30 %ของอายุใชงาน เฉลี่ยและไมมีวิธีการในการตรวจสอบ ควรใชการวางแผนบํารุง
อ
รักษาแบบใดจึงจะเหมาะสม
ข
คําตอบ 1 : เปลี่ยนกอนที่จะเสีย
กร
คําตอบ 2 : ใชงานจนเสียแลวจึงเปลี่ยน
ว
คําตอบ 3 : เปลี่ยนตามอายุใชงาน
ศ
ิ
คําตอบ 4 : ตองพิจารณาจาก cost model วาวิธีใดดีที่สุด
ขอที่ : 433
ภ าว
ส
เวลาที่ใชในการทํางาน shutdown ทั้งหมดมีคาเทากับเทาใด
คําตอบ 1 : ผลรวมของเวลาที่ใชของกิจกรรมยอยทั้งหมดรวมกัน
คําตอบ 2 : ผลรวมของเวลาที่ใชใน critical path สายทางใดสายทางหนึ่ง
คําตอบ 3 : คาเฉลี่ยของเวลาที่ใชของกิจกรรมยอย + 3 เทาของ standard deviation
คําตอบ 4 : เวลาที่ใชของกิจกรรมยอยที่มากที่สุด x จํานวนกิจกรรมยอยทั้งหมด
102 of 118
ขอที่ : 434
ถางาน shut down ที่วางแผนไวใชเวลานานกวาเวลาที่มีอยู จะตองทํางานใดใหเสร็จเร็วขึ้น
คําตอบ 1 : งานที่เปน critical path
คําตอบ 2 : งานที่ทําในวันแรกของการ shut down
คําตอบ 3 : งานที่ทําในวันสุดทายของการ shut down
คําตอบ 4 : งานที่ใชเวลาทํานานที่สุด
่ า ย
ขอที่ : 435
น
ในการเรง critical path ใหสั้นลง ควรเริ่มจากการเรงงานแบบใดใหสั้นลง
ห
คําตอบ 1 : งานที่ใชเวลานอย
จ ำ
คําตอบ 2 : งานที่ทําในชวงกลางๆ ของการ shut down
ม
คําตอบ 3 : งานที่ทําในวันสุดทายของการ shut down
า้
คําตอบ 4 : งานที่เสียคาใชจายในการเรงต่ํา
ขอที่ : 436
ิธ์ ห
ิท
ในการเรง critical path ใหสั้นลง ควรเริ่มจากการเรงงานแบบใดใหสั้นลง
ส
คําตอบ 1 : งานที่ทํางาย
ว น
คําตอบ 2 : งานที่ทําในชวงกลางๆของการ shut down
ง
คําตอบ 3 : งานที่ทําในวันสุดทายของการ shut down
ส
คําตอบ 4 : งานที่เสียคาใชจายในการทํางานสูง
ขอ
กร
ขอที่ : 437
ว
งานที่สามารถขยายเวลาการทํางานออกไปไดโดยไมมีผลกระทบในทันที ไดแกงานใด
ศ
ิ
คําตอบ 1 : งานที่ทํางาย
าว
คําตอบ 2 : งานที่ทําในวันแรกของการ shut down
ภ
คําตอบ 3 : งานที่ทําในวันสุดทายของการ shut down
ส
คําตอบ 4 : งานที่ไมอยูใน critical path
ขอที่ : 438
งานที่สามารถขยายเวลาการทํางานออกไปไดโดยไมมีผลกระทบในทันที ไดแกขอใด
คําตอบ 1 : งานที่ทํางาย
คําตอบ 2 : งานที่ทําในวันแรกของการ shut down
103 of 118
คําตอบ 3 : งานที่ทําในวันสุดทายของการ shut down
คําตอบ 4 : งานที่มี float
ขอที่ : 439
เทคนิคที่ใชในการกําหนดเวลาที่ใชในการทํางานแตละงานซึ่งเปนเทคนิคที่ใชกับการวางแผน shut down คือขอใด
คําตอบ 1 : Time study
คําตอบ 2 :
ย
Work sampling
่ า
คําตอบ 3 : Time estimation
น
คําตอบ 4 : ใชไดทุกวิธี
ขอที่ : 440
จ ำ ห
ม
งานที่สามารถโยกยายชางไปทํางานอื่นไดโดยไมมีผลกระทบในทันที คืองานใด
า้
ิธ์ ห
คําตอบ 1 : งานที่ทํางาย
คําตอบ 2 : งานที่ทําในวันแรกของการ shut down
คําตอบ 3 : งานที่ทําในวันสุดทายของการ shut down
ิท
คําตอบ 4 : งานที่ไมเปน critical path
นส
ว
ขอที่ : 441
ง
งานที่เปน critical path คืองานที่มีลักษณะใด
คําตอบ 1 : งานที่ไมมี float
อ ส
ข
คําตอบ 2 : งานที่ถาเสร็จชาจะทําใหการ shut down ลาชาไปดวย
กร
คําตอบ 3 : ถูกทั้งขอ 1 และ 2
ว
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 442
าว ศ
ิ
ภ
งานที่เปน critical path คืองานที่มีลักษณะใด
ส
คําตอบ 1 : งานที่ไมมี float
คําตอบ 2 : งานที่มี ES=LS, EF=LF
คําตอบ 3 : ถูกทั้งขอ 1 และ 2
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ขอที่ : 444
่ า ย
กําหนดให งานที่จะตองทํามีคาเวลาตางๆ ใชสัญลักษณดังนี้ D=เวลาที่ใชในการทํางาน, ES = Earliest start = เวลาที่จะเริ่มงานเร็วที่สุด, LS = Latest start = เวลาที่จะเริ่มงานชา
น
ที่สุด, EF = Earliest finish = เวลาที่จะเสร็จงานเร็วที่สุด, LF = Latest finish = เวลาที่จะเสร็จงานชาที่สุด, EF จะมีคาเทากับขอใด
ห
คําตอบ 1 : ES - D
ำ
คําตอบ 2 :
จ
ES + D
ม
คําตอบ 3 : LS - D
า้
คําตอบ 4 : LS + D
ขอที่ : 445
ิธ์ ห
ิท
กําหนดให งานที่จะตองทํามีคาเวลาตางๆ ใชสัญลักษณดังนี้ D=เวลาที่ใชในการทํางาน, ES = Earliest start = เวลาที่จะเริ่มงานเร็วที่สุด, LS = Latest start = เวลาที่จะเริ่มงานชา
ส
ที่สุด, EF = Earliest finish = เวลาที่จะเสร็จงานเร็วที่สุด, LF = Latest finish = เวลาที่จะเสร็จงานชาที่สุด
ง ว น
ส
EF
อ
คําตอบ 2 : ES
ข
คําตอบ 3 : ขอ 1 และ 2 ถูก
กร
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ศ
ิ ว
าว
ขอที่ : 446
กําหนดให งาน A มีคาเวลาตางๆ ดังนี้
ส ภ
D = เวลาที่ใชในการทํางาน = 12 ชั่วโมง
คําตอบ 2 : 17
คําตอบ 3 : 19
คําตอบ 4 : 24
ขอที่ : 447
กําหนดให งานที่จะตองทํามีคาเวลาตางๆ ใชสัญลักษณดังนี้ D = เวลาที่ใชในการทํางาน, ES = Earliest start = เวลาที่จะเริ่มงานเร็วที่สุด, LS= Latest start = เวลาที่จะเริ่มงานชา
ที่สุด, EF = Earliest finish = เวลาที่จะเสร็จงานเร็วที่สุด, LF = Latest finish = เวลาที่จะเสร็จงานชาที่สุด
่ า ย
คําตอบ 1 : LS
หน
ำ
คําตอบ 2 : LF
จ
คําตอบ 3 : ขอ 1 และ 2 ถูก
า้ ม
คําตอบ 4 : ขอ 1 2 และ 3 ผิด
ิธ์ ห
ขอที่ : 448
เทคนิคที่ไมเหมาะสมที่จะใชในการวางแผน shut down คือขอใด
คําตอบ 1 : PERT
ส ิท
น
คําตอบ 2 : BAR CHART
ว
คําตอบ 3 :
ง
GANTT CHART
ส
คําตอบ 4 : CPM
ขอ
กร
ขอที่ : 449
กําหนดให งานที่จะตองทํามีคาเวลาตางๆ ใชสัญลักษณดังนี้ D = เวลาที่ใชในการทํางาน ES = Earliest start = เวลาที่จะเริ่มงานเร็วที่สุด LS = Latest start = เวลาที่จะเริ่มงานชา
ว
ที่สุด EF = Earliest finish = เวลาที่จะเสร็จงานเร็วที่สุด LF = Latest finish = เวลาที่จะเสร็จงานชาที่สุด ในการคํานวณ จะหาคา LS ไดจาก
าว ศ
ิ
คําตอบ 1 : LS = EF + D
คําตอบ 2 : LS = EF - D
ภ
คําตอบ 3 : LS = LF + D
ส
คําตอบ 4 : LS = LF - D
ขอที่ : 450
ถามีงาน 2 งาน A และ B ซึ่งจะตองทําตามลําดับโดย B จะเริ่มได A จะตองเสร็จแลวเทานั้น เวลาของ A มีคา D = 10, ES = 2 คาเวลา B มีคา D = 5 ดังนั้น ES ของ B เปนเทาใด
กําหนดให งานที่จะตองทํามีคาเวลาตางๆ ใชสัญลักษณดังนี้ D = เวลาที่ใชในการทํางาน ES = Earliest start = เวลาที่จะเริ่มงานเร็วที่สุด LS = Latest start = เวลาที่จะเริ่มงานชา
ที่สุด EF = Earliest finish = เวลาที่จะเสร็จงานเร็วที่สุด LF = Latest finish = เวลาที่จะเสร็จงานชาที่สุด
106 of 118
คําตอบ 1 : 2
คําตอบ 2 : 5
คําตอบ 3 : 12
คําตอบ 4 : 17
ขอที่ : 451
ถามีงาน 2 งาน A และ B ซึ่งจะตองทําตามลําดับโดย B จะเริ่มได A จะตองเสร็จแลวเทานั้น เวลาของ A มีคา D = 10, ES = 22 เวลาของ B มีคา D = 5 ดังนั้น EF ของ B เปน
ย
เทาใด กําหนดให งานที่จะตองทํามีคาเวลาตางๆ ใชสัญลักษณดังนี้ D = เวลาที่ใชในการทํางาน, ES = Earliest start = เวลาที่จะเริ่มงานเร็วที่สุด, LS = Latest start = เวลาที่จะ
่ า
เริ่มงานชาที่สุด, EF = Earliest finish = เวลาที่จะเสร็จงานเร็วที่สุด, LF = Latest finish = เวลาที่จะเสร็จงานชาที่สุด
คําตอบ 1 : 2
หน
ำ
คําตอบ 2 : 5
จ
คําตอบ 3 :
ม
12
า้
คําตอบ 4 : 17
ิธ์ ห
ขอที่ : 452
ิท
ถามีงาน 2 งาน A และ B ซึ่งจะตองทําตามลําดับโดย B จะเริ่มได A จะตองเสร็จแลวเทานั้น เวลาของ A มีคา D = 10, ES = 22 เวลาของ B มีคา D = 5, LF = 40 ดังนั้น LS
ของ B เปนเทาใด กําหนดให งานที่จะตองทํามีคาเวลาตางๆ ใชสัญลักษณดังนี้ D = เวลาที่ใชในการทํางาน, ES = Earliest start = เวลาที่จะเริ่มงานเร็วที่สุด, LS = Latest start =
ส
เวลาที่จะเริ่มงานชาที่สุด, EF = Earliest finish = เวลาที่จะเสร็จงานเร็วที่สุด, LF = Latest finish = เวลาที่จะเสร็จงานชาที่สุด
คําตอบ 1 :
คําตอบ 2 :
10
ง ว น
ส
22
อ
คําตอบ 3 : 35
ข
คําตอบ 4 : 45
ขอที่ : 453
ว กร
ศ
ิ
ถามีงาน 2 งาน A และ B ซึ่งจะตองทําตามลําดับโดย B จะเริ่มได A จะตองเสร็จแลวเทานั้น เวลาของ A มีคา D = 10, ES = 22 เวลาของ B มีคา D = 5, LF = 40 ดังนั้น LF
าว
ของ A เปนเทาใด กําหนดให งานที่จะตองทํามีคาเวลาตางๆ ใชสัญลักษณดังนี้ D = เวลาที่ใชในการทํางาน, ES = Earliest start = เวลาที่จะเริ่มงานเร็วที่สุด, LS = Latest start =
ภ
เวลาที่จะเริ่มงานชาที่สุด, EF = Earliest finish = เวลาที่จะเสร็จงานเร็วที่สุด, LF = Latest finish = เวลาที่จะเสร็จงานชาที่สุด
ส
คําตอบ 1 : 10
คําตอบ 2 : 22
คําตอบ 3 : 35
คําตอบ 4 : 45
ขอที่ : 454
107 of 118
ถามีงาน 2 งาน A และ B ซึ่งจะตองทําตามลําดับโดย B จะเริ่มได A จะตองเสร็จแลวเทานั้น เวลาของ A มีคา D = 10, ES = 22 เวลา ของ B มีคา D = 5, LF = 40 ดังนั้น LS
ของ A เปนเทาใด กําหนดให งานที่จะตองทํามีคาเวลาตางๆ ใชสัญลักษณดังนี้ D = เวลาที่ใชในการทํางาน, ES = Earliest start = เวลาที่จะเริ่มงานเร็วที่สุด, LS = Latest start =
เวลาที่จะเริ่มงานชาที่สุด, EF = Earliest finish = เวลาที่จะเสร็จงานเร็วที่สุด, LF = Latest finish = เวลาที่จะเสร็จงานชาที่สุด
คําตอบ 1 : 35
คําตอบ 2 : 32
คําตอบ 3 : 25
คําตอบ 4 : 22
่ า ย
ขอที่ : 455
น
ถามีงาน 3 งาน A B และ C ซึ่งจะตองทําตามลําดับโดย C จะเริ่มได A และ B จะตองเสร็จแลวเทานั้น เวลาของ A มีคา D = 10, ES = 22 เวลา ของ B มีคา D = 5, ES = 15
ห
เวลาของ C มีคา D = 6 ดังนั้น ES ของ C จะมีคาเทาใด กําหนดให งานที่จะตองทํามีคาเวลาตางๆ ใชสัญลักษณดังนี้ D = เวลาที่ใชในการทํางาน, ES = Earliest start = เวลาที่
ำ
จะเริ่มงานเร็วที่สุด, LS = Latest start = เวลาที่จะเริ่มงานชาที่สุด, EF = Earliest finish = เวลาที่จะเสร็จงานเร็วที่สุด, LF = Latest finish = เวลาที่จะเสร็จงานชาที่สุด
จ
คําตอบ 1 :
ม
15
า้
คําตอบ 2 : 20
ิธ์ ห
คําตอบ 3 : 32
คําตอบ 4 : 38
ขอที่ : 456
ส ิท
น
ถามีงาน 3 งาน A B และ C ซึ่งจะตองทําตามลําดับโดย C จะเริ่มได A และ B จะตองเสร็จแลวเทานั้น เวลาของ A มีคา D = 10, ES = 22 เวลาของ B มีคา D = 5, ES = 15 เวลา
ว
ของ C มีคา D = 6 ดังนั้น EF ของ C จะมีคาเทาใด กําหนดให งานที่จะตองทํามีคาเวลาตางๆ ใชสัญลักษณดังนี้ D = เวลาที่ใชในการทํางาน, ES = Earliest start = เวลาที่จะเริ่ม
ง
งานเร็วที่สุด, LS = Latest start = เวลาที่จะเริ่มงานชาที่สุด, EF = Earliest finish = เวลาที่จะเสร็จงานเร็วที่สุด, LF = Latest finish = เวลาที่จะเสร็จงานชาที่สุด
อ ส
คําตอบ 1 : 15
ข
คําตอบ 2 : 20
กร
คําตอบ 3 : 32
ว
คําตอบ 4 : 38
ขอที่ : 457
าว ศ
ิ
ภ
ถามีงาน 3 งาน A B และ C ซึ่งจะตองทําตามลําดับโดย B และ C จะเริ่มได A จะตองเสร็จแลวเทานั้น เวลาของ A มีคา D = 10 เวลาของ B มีคา D = 5, LF = 32 เวลาของ C มี
ส
คา D = 6, LF = 35 ดังนั้น LF ของ A จะมีคาเทาใด กําหนดให งานที่จะตองทํามีคาเวลาตางๆ ใชสัญลักษณดังนี้ D = เวลาที่ใชในการทํางาน, ES = Earliest start = เวลาที่จะเริ่ม
งานเร็วที่สุด, LS = Latest start = เวลาที่จะเริ่มงานชาที่สุด, EF = Earliest finish = เวลาที่จะเสร็จงานเร็วที่สุด, LF = Latest finish = เวลาที่จะเสร็จงานชาที่สุด
คําตอบ 1 : 17
คําตอบ 2 : 19
คําตอบ 3 : 27
คําตอบ 4 : 29
108 of 118
ขอที่ : 458
ถามีงาน 3 งาน A B และ C ซึ่งจะตองทําตามลําดับโดย B และ C จะเริ่มได A จะตองเสร็จแลวเทานั้น เวลาของ A มีคา D = 10 เวลาของ B มีคา D = 5, LF = 32 เวลาของ C มี
คา D = 6, LF = 35 ดังนั้น LS ของ A จะมีคาเทาใด กําหนดให งานที่จะตองทํามีคาเวลาตางๆ ใชสัญลักษณดังนี้ D = เวลาที่ใชในการทํางาน ES = Earliest start = เวลาที่จะเริ่ม
งานเร็วที่สุด LS = Latest start = เวลาที่จะเริ่มงานชาที่สุด EF = Earliest finish = เวลาที่จะเสร็จงานเร็วที่สุด LF = Latest finish = เวลาที่จะเสร็จงานชาที่สุด
คําตอบ 1 : 17
คําตอบ 2 : 19
คําตอบ 3 : 27
ย
คําตอบ 4 : 29
น่ า
ห
ขอที่ : 459
ำ
งานที่จะตองทําในการ Shut down จํานวน 4 งานคือ งาน A B C D มีคาเวลาหลังจากทําการวิเคราะห network แลว ดังนี้
มจ
า้
ิธ์ ห
งาน B D=8 ES=7 EF=15 LS=7 LF=15
ส ิท
งานที่เปนงานใน critical path คืองานใด
ง ว น
ส
คําตอบ 1 : A
อ
คําตอบ 2 : B
ข
คําตอบ 3 :
กร
C
คําตอบ 4 : D
ศ
ิ ว
าว
ขอที่ : 460
งานที่จะตองทําในการ Shut down จํานวน 4 งานคือ งาน A B C D มีคาเวลาหลังจากทําการวิเคราะห network แลว ดังนี้
งาน A
งาน B ส ภ
D=2
D=8
ES=2
ES=7
EF=4 LS=3
EF=15 LS=7
LF=7
LF=15
ขอที่ : 461
่ า ย
ในการเรง critical path ใหสั้นลง ควรเริ่มจากการเรงงานแบบใดใหสั้นลง
น
คําตอบ 1 : งานที่ไมไดจางผูรับเหมาชวง
ห
คําตอบ 2 : งานที่ทําในชวงกลางๆ ของการ shut down
จ ำ
คําตอบ 3 : งานที่ทําในวันสุดทายของการ shut down
ม
คําตอบ 4 : งานที่เสียคาใชจายในการทํางานสูง
า้
ิธ์ ห
ขอที่ : 462
ในการเรง critical path ใหสั้นลง ควรเริ่มจากการเรงงานแบบใดใหสั้นลง
ิท
คําตอบ 1 : งานที่ทําในชวงเริ่มตนของการ shut down
ส
คําตอบ 2 : งานที่ทําในชวงกลางๆ ของการ shut down
ว น
คําตอบ 3 : งานที่ทําในวันสุดทายของการ shut down
ง
คําตอบ 4 : งานที่เสียคาใชจายในการทํางานสูง
อ ส
ข
ขอที่ : 463
กร
อัตราสวนความถี่การชํารุดฉุกเฉิน หาไดจากขอใด
ว
คําตอบ 1 : จํานวนครั้งของการชํารุดฉุกเฉิน / ระยะเวลาเดินเครื่อง
ศ
ิ
คําตอบ 2 : เวลาที่เครื่องเสียจากการชํารุดทุกประเภท / ระยะเวลาเดินเครื่อง
าว
คําตอบ 3 : เวลาที่เครื่องเสียจากการชํารุดฉุกเฉิน / ระยะเวลาเดินเครื่อง
ภ
คําตอบ 4 : จํานวนชั่วโมงคนที่ใชในการซอมฉุกเฉิน / ระยะเวลาเดินเครื่อง
ขอที่ : 464
ส
อัตราสวนเวลาการชํารุดฉุกเฉิน หาไดจากขอใด
คําตอบ 1 : จํานวนครั้งของการชํารุดฉุกเฉิน / ระยะเวลาเดินเครื่อง
คําตอบ 2 : เวลาที่เครื่องเสียจากการชํารุดทุกประเภท / ระยะเวลาเดินเครื่อง
คําตอบ 3 : เวลาที่เครื่องเสียจากการชํารุดฉุกเฉิน / ระยะเวลาเดินเครื่อง
110 of 118
คําตอบ 4 : จํานวนชั่วโมงคนที่ใชในการซอมฉุกเฉิน / ระยะเวลาเดินเครื่อง
ขอที่ : 465
อัตราสวนงานบํารุงรักษาที่วางแผนไว หาไดจากขอใด
คําตอบ 1 : จํานวนชั่วโมงคนที่ใชในการซอมฉุกเฉิน / ระยะเวลาเดินเครื่อง
คําตอบ 2 : จํานวนชั่วโมงคนที่ใชในงานที่วางแผนไว / ระยะเวลาเดินเครื่อง
คําตอบ 3 : จํานวนชั่วโมงคนที่ใชในงานที่วางแผนไว / จํานวนชั่วโมงคนที่ใชในงานบํารุงรักษาทั้งหมด
ย
คําตอบ 4 : จํานวนชั่วโมงคนที่ใชในงานที่วางแผนซึ่งปฏิบัติไดจริง / จํานวนชั่วโมงคนที่ใชในงานบํารุงรักษาทั้งหมด
น่ า
ห
ขอที่ : 466
ำ
อัตราสวนงานบํารุงรักษาที่วางแผนที่ปฏิบัติจริง หาไดจาก
คําตอบ 1 : จํานวนชั่วโมงคนที่ใชในการซอมฉุกเฉิน / ระยะเวลาเดินเครื่อง
มจ
า้
คําตอบ 2 : จํานวนชั่วโมงคนที่ใชในงานที่วางแผนไว / ระยะเวลาเดินเครื่อง
ิธ์ ห
คําตอบ 3 : จํานวนชั่วโมงคนที่ใชในงานที่วางแผนไว / จํานวนชั่วโมงคนที่ใชในงานบํารุงรักษาทั้งหมด
คําตอบ 4 : จํานวนชั่วโมงคนที่ใชในงานที่วางแผนซึ่งปฏิบัติไดจริง / จํานวนชั่วโมงคนที่ใชในงานบํารุงรักษาที่วางแผนทั้งหมด
ขอที่ : 467
ส ิท
ว น
เมื่อผลการปฏิบัติงานบํารุงรักษาของหนวยงานมีแนวโนมที่ดีขึ้น อัตราสวนความถี่การชํารุดฉุกเฉิน ควรที่จะมีแนวโนมแบบใด
ง
คําตอบ 1 : เพิ่มขึ้น
ส
คําตอบ 2 : คงที่
อ
คําตอบ 3 : ลดลง
คําตอบ 4 : ไมแนนอน
กร ข
ขอที่ : 468
ศ
ิ ว
าว
เมื่อผลการปฏิบัติงานบํารุงรักษาของหนวยงานมีแนวโนมที่ดีขึ้น อัตราสวนเวลาการชํารุดฉุกเฉิน ควรที่จะมีแนวโนมแบบใด
ภ
คําตอบ 1 : เพิ่มขึ้น
ส
คําตอบ 2 : คงที่
คําตอบ 3 : ลดลง
คําตอบ 4 : ไมแนนอน
ขอที่ : 469
เมื่อผลการปฏิบัติงานบํารุงรักษาของหนวยงานมีแนวโนมที่ดีขึ้น อัตราสวนงานบํารุงรักษาที่วางแผนไว ควรที่จะมีแนวโนมแบบใด
111 of 118
คําตอบ 1 : เพิ่มขึ้น
คําตอบ 2 : คงที่
คําตอบ 3 : ลดลง
คําตอบ 4 : ไมแนนอน
ขอที่ : 470
เมื่อผลการปฏิบัติงานบํารุงรักษาของหนวยงานมีแนวโนมที่ดีขึ้น อัตราสวนงานบํารุงรักษาวางแผนที่ปฏิบัติจริง ควรที่จะมีแนวโนมแบบใด
คําตอบ 1 : เพิ่มขึ้น
่ า ย
น
คําตอบ 2 : คงที่
ห
คําตอบ 3 : ลดลง
จ ำ
คําตอบ 4 : ไมแนนอน
ขอที่ :
า้ ม
ิธ์ ห
471
เมื่อผลการปฏิบัติงานบํารุงรักษาของหนวยงานมีแนวโนมที่ดีขึ้น เวลาที่เครื่องจักรเสีย ควรที่จะมีแนวโนมแบบใด
คําตอบ 1 : เพิ่มขึ้น
ิท
คําตอบ 2 : คงที่
ส
คําตอบ 3 : ลดลง
ว น
คําตอบ 4 : ไมแนนอน
ส ง
อ
ขอที่ : 472
ข
เมื่อจํานวนชางซอมบํารุง มีแนวโนมเพิ่มขึ้น ผลการปฏิบัติงานบํารุงรักษาของหนวยงาน ควรที่จะมีแนวโนมแบบใด
กร
คําตอบ 1 : ดีขึ้น
ว
คําตอบ 2 : คงที่
ศ
ิ
คําตอบ 3 : ลดลง
าว
คําตอบ 4 : ไมสามารถบอกไดจากองคประกอบเพียงอยางเดียว
ขอที่ : 473
ส ภ
เมื่ออัตราการใชน้ํามันหลอลื่น มีแนวโนมที่มากขึ้น ผลการปฏิบัติงานบํารุงรักษาของหนวยงานควรที่จะมีแนวโนมแบบใด
คําตอบ 1 : ดีขึ้น
คําตอบ 2 : คงที่
คําตอบ 3 : ลดลง
คําตอบ 4 : ไมสามารถบอกไดจากองคประกอบเพียงอยางเดียว
112 of 118
ขอที่ : 474
เมื่ออัตราคาวัสดุซอมบํารุงตอชางซอม มีแนวโนมที่มากขึ้น ผลการปฏิบัติงานบํารุงรักษาของหนวยงานควรที่จะมีแนวโนมแบบใด
คําตอบ 1 : ดีขึ้น
คําตอบ 2 : คงที่
คําตอบ 3 : ลดลง
คําตอบ 4 : ไมสามารถบอกไดจากองคประกอบเพียงอยางเดียว
่ า ย
น
ขอที่ : 475
ห
เมื่ออัตราคาบํารุงรักษาตอหนวยผลิตภัณฑ มีแนวโนมที่มากขึ้น ผลการปฏิบัติงานบํารุงรักษาของหนวยงานควรที่จะมีแนวโนมแบบใด
จ ำ
คําตอบ 1 : ดีขึ้น
ม
คําตอบ 2 : คงที่
า้
คําตอบ 3 : ลดลง
ิธ์ ห
คําตอบ 4 : ไมสามารถบอกไดจากองคประกอบเพียงอยางเดียว
ิท
ขอที่ : 476
ส
เมื่ออัตราคาบํารุงรักษาตอหนวยของเวลาเดินเครื่อง มีแนวโนมที่มากขึ้น ผลการปฏิบัติงานบํารุงรักษาของหนวยงานควรที่จะมีแนวโนมแบบใด
ว น
คําตอบ 1 : ดีขึ้น
ง
คําตอบ 2 : คงที่
ส
คําตอบ 3 : ลดลง
อ
คําตอบ 4 : ไมสามารถบอกไดจากองคประกอบเพียงอยางเดียว
กร ข
ว
ขอที่ : 477
ศ
ิ
เมื่ออัตราคาบํารุงรักษาตอหนวยพลังงานไฟฟาที่ใช (kWh) มีแนวโนมที่มากขึ้น ผลการปฏิบัติงานบํารุงรักษาของหนวยงานควรที่จะมีแนวโนมแบบใด
าว
คําตอบ 1 : ดีขึ้น
ภ
คําตอบ 2 : คงที่
ส
คําตอบ 3 : ลดลง
คําตอบ 4 : ไมสามารถบอกไดจากองคประกอบเพียงอยางเดียว
ขอที่ : 478
เมื่ออัตราคาบํารุงรักษาตอตนทุนผลิตภัณฑ มีแนวโนมที่มากขึ้น ผลการปฏิบัติงานบํารุงรักษาของหนวยงานควรที่จะมีแนวโนมแบบใด
คําตอบ 1 : ดีขึ้น
113 of 118
คําตอบ 2 : คงที่
คําตอบ 3 : ลดลง
คําตอบ 4 : ไมสามารถบอกไดจากองคประกอบเพียงอยางเดียว
ขอที่ : 479
เมื่ออัตราคาบํารุงรักษาตอมูลคาเครื่องจักร มีแนวโนมที่มากขึ้น ผลการปฏิบัติงานบํารุงรักษาของหนวยงานควรที่จะมีแนวโนมแบบใด
คําตอบ 1 : ดีขึ้น
คําตอบ 2 : คงที่
่ า ย
น
คําตอบ 3 : ลดลง
ห
คําตอบ 4 : ไมสามารถบอกไดจากองคประกอบเพียงอยางเดียว
จ ำ
ม
ขอที่ :
า้
480
เครื่องจักรในแผนกผลิตจํานวน 4 เครื่อง มีชางดูแลบํารุงรักษาประจําเครื่องแตละเครื่อง สถิติการเสียของเครื่องจักรในรอบ 3 เดือนเปนดังนี้
ิธ์ ห
เครื่องจักร 1 เสีย 5 ครั้ง รวมเวลา 16.5 ชั่วโมง
ิท
เครื่องจักร 2 เสีย 8 ครั้ง รวมเวลา 22.1 ชั่วโมง
นส
ว
เครื่องจักร 3 เสีย 4 ครั้ง รวมเวลา 10.3 ชั่วโมง
ส ง
ขอ
ชางซอมชุดใดมีผลการปฏิบัติงานในรอบ 3 เดือนนี้ดีที่สุด
กร
คําตอบ 1 : ชางซอมของเครื่องที่ 1
ว
คําตอบ 2 : ชางซอมของเครื่องที่ 2
ศ
ิ
คําตอบ 3 : ชางซอมของเครื่องที่ 3
าว
คําตอบ 4 : ชางซอมของเครื่องที่ 4
ขอที่ : 481
ส ภ
เครื่องจักรในแผนกผลิตจํานวน 4 เครื่อง มีชางดูแลบํารุงรักษาประจําเครื่องแตละเครื่อง สถิติการเสียของเครื่องจักรในรอบ 3 เดือนเปนดังนี้
ชางซอมชุดใดมีผลการปฏิบัติงานในรอบ 3 เดือนนี้ต่ําที่สุด
คําตอบ 1 : ชางซอมของเครื่องที่ 1
คําตอบ 2 : ชางซอมของเครื่องที่ 2
คําตอบ 3 : ชางซอมของเครื่องที่ 3
ย
คําตอบ 4 : ชางซอมของเครื่องที่ 4
น่ า
ห
ขอที่ : 482
ำ
เครื่องจักรในแผนกผลิตจํานวน 4 เครื่อง มีชางดูแลบํารุงรักษาประจําเครื่องแตละเครื่อง สถิติการเสียของเครื่องจักรในรอบ 3 เดือน ซึ่งมีชั่วโมงทํางานของโรงงานรวม 600 ชั่วโมงเปน
จ
ดังนี้ จงหาอัตราความถี่การชํารุดตอ 100 ชั่วโมงของเครื่องจักร 1 มีคาเทากับเทาไร
า้ ม
ิธ์ ห
เครื่องจักร 2 เสีย 12 ครั้ง รวมเวลา 22.1 ชั่วโมง
ิท
เครื่องจักร 3 เสีย 24 ครั้ง รวมเวลา 10.3 ชั่วโมง
นส
คําตอบ 1 : 2 ครั้งตอ 100 ชั่วโมง
ง ว
ส
คําตอบ 2 : 3.17 ครั้งตอ 100 ชั่วโมง
อ
คําตอบ 3 : 4 ครั้งตอ 100 ชั่วโมง
กร ข
คําตอบ 4 : 5.83 ครั้งตอ 100 ชั่วโมง
ขอที่ : 483
ศ
ิ ว
าว
เครื่องจักรในแผนกผลิตจํานวน 4 เครื่อง มีชางดูแลบํารุงรักษาประจําเครื่องแตละเครื่อง สถิติการเสียของเครื่องจักรในรอบ 3 เดือน ซึ่งมีชั่วโมงทํางานของโรงงานรวม 600 ชั่วโมงเปน
ดังนี้ จงหาอัตราเวลาการชํารุดตอ 100 ชั่วโมงของเครื่องจักร 1 มีคาเทากับเทาไร
ส ภ
เครื่องจักร 1 เสีย 35 ครั้ง รวมเวลา 16.5 ชั่วโมง
ขอที่ : 484
เครื่องจักรในแผนกผลิตจํานวน 4 เครื่อง มีชางดูแลบํารุงรักษาประจําเครื่องแตละเครื่อง สถิติการเสียของเครื่องจักรในรอบ 3 เดือน ซึ่งมีชั่วโมงทํางานของโรงงานรวม 600 ชั่วโมงเปน
ย
ดังนี้ จงหาอัตราความถี่การชํารุดตอ 100 ชั่วโมงของเครื่องจักร 2 มีคาเทากับเทาไร
น่ า
เครื่องจักร 2 เสีย 12 ครั้ง รวมเวลา 22.1 ชั่วโมง
จ ำ ห
เครื่องจักร 3 เสีย 24 ครั้ง รวมเวลา 10.3 ชั่วโมง
า้ ม
ิธ์ ห
เครื่องจักร 4 เสีย 19 ครั้ง รวมเวลา 23 ชั่วโมง
คําตอบ 1 : 2 ครั้งตอ 100 ชั่วโมง
ิท
คําตอบ 2 : 3.17 ครั้งตอ 100 ชั่วโมง
ส
คําตอบ 3 : 4 ครั้งตอ 100 ชั่วโมง
คําตอบ 4 : 5.83 ครั้งตอ 100 ชั่วโมง
ง ว น
ขอที่ : 485
อ ส
ข
เครื่องจักรในแผนกผลิตจํานวน 4 เครื่อง มีชางดูแลบํารุงรักษาประจําเครื่องแตละเครื่อง สถิติการเสียของเครื่องจักรในรอบ 3 เดือน ซึ่งมีชั่วโมงทํางานของโรงงานรวม 600 ชั่วโมงเปน
กร
ดังนี้ จงหาอัตราเวลาการชํารุดตอ 100 ชั่วโมงของเครื่องจักร 2 มีคาเทากับเทาไร เครื่องจักร 1 เสีย 35 ครั้ง รวมเวลา 16.5 ชั่วโมง เครื่องจักร 2 เสีย 12 ครั้ง รวมเวลา 22.1 ชั่วโมง
เครื่องจักร 3 เสีย 24 ครั้ง รวมเวลา 10.3 ชั่วโมง เครื่องจักร 4 เสีย 19 ครั้ง รวมเวลา 23 ชั่วโมง
คําตอบ 1 :
ศ
ิ
1.72 ชั่วโมง
ว
าว
คําตอบ 2 : 2.75 ชั่วโมง
ภ
คําตอบ 3 : 3.68 ชั่วโมง
ส
คําตอบ 4 : 3.83 ชั่วโมง
ขอที่ : 486
เครื่องจักรในแผนกผลิตจํานวน 4 เครื่อง มีชางดูแลบํารุงรักษาประจําเครื่องแตละเครื่อง สถิติการเสียของเครื่องจักรในรอบ 3 เดือน ซึ่งมีชั่วโมงทํางานของโรงงานรวม 600 ชั่วโมงเปน
ดังนี้ จงหาอัตราความถี่การชํารุดตอ 100 ชั่วโมงของเครื่องจักร 3 มีคาเทากับเทาไร
่ า ย
คําตอบ 4 : 5.83 ครั้งตอ 100 ชั่วโมง
ขอที่ :
หน
ำ
487
จ
สถิติอัตราการหยุดโรงงาน (downtime) เฉลี่ย คิดเปนเปอรเซ็นต ของโรงงาน 4 แหงเปนเวลา 5 ป ตามลําดับจากปแรกจนถึงปที่ 5 เปนดังนี้ จงหาวาโรงงานใดที่มีผลการปฏิบัติงาน
ม
บํารุงรักษาที่ดีที่สุด
า้
ิธ์ ห
โรงงานที่ 1 12.5 13.4 12.4 13.9 13.1
ส ิท
โรงงานที่ 4 12.2 13.6 15.8 15.6 17.9
ง ว น
ส
คําตอบ 1 : โรงงานที่ 1
อ
คําตอบ 2 : โรงงานที่ 2
ข
คําตอบ 3 : โรงงานที่ 3
กร
คําตอบ 4 : โรงงานที่ 4
ศ
ิ ว
าว
ขอที่ : 488
สถิติอัตราการหยุดโรงงาน (downtime) เฉลี่ย คิดเปนเปอรเซ็นต ของโรงงาน 4 แหงเปนเวลา 5 ปตามลําดับจากปแรกจนถึงปที่ 5 เปนดังนี้ จงหาวาโรงงานใดที่มีผลการปฏิบัติงาน
ภ
บํารุงรักษาที่ต่ําที่สุด โรงงานที่ 1 12.5 13.4 12.4 13.9 13.1 โรงงานที่ 2 11.5 10.2 9.4 8.6 6.2 โรงงานที่ 3 13.2 12.8 12.4
ส
12.7 12.6 โรงงานที่ 4 12.2 13.6 15.8 15.6 17.9
คําตอบ 1 : โรงงานที่ 1
คําตอบ 2 : โรงงานที่ 2
คําตอบ 3 : โรงงานที่ 3
คําตอบ 4 : โรงงานที่ 4
117 of 118
ขอที่ : 489
เมื่อผลการปฏิบัติงานบํารุงรักษาของหนวยงานมีแนวโนมที่ดีขึ้น อัตราการชํารุดจากการขาดน้ํามันหลอลื่นควรที่จะมีแนวโนมแบบใด
คําตอบ 1 : เพิ่มขึ้น
คําตอบ 2 : คงที่
คําตอบ 3 : ลดลง
คําตอบ 4 : ไมแนนอน
ขอที่ : 490
่ า ย
เมื่อมีการจัดทํามาตรฐานการตรวจสอบเครื่องจักรเปนจํานวนที่มากขึ้น ผลการปฏิบัติงานบํารุงรักษาของหนวยงานควรที่จะมีแนวโนมแบบใด
น
คําตอบ 1 : ดีขึ้น
ห
คําตอบ 2 : คงที่
จ ำ
คําตอบ 3 : ลดลง
ม
คําตอบ 4 : ไมสามารถบอกไดจากองคประกอบเพียงอยางเดียว
า้
ิธ์ ห
ส ิท
ง ว น
อ ส
กร ข
ศ
ิ ว
ภ าว
ส
118 of 118