Professional Documents
Culture Documents
Chapter 10
Chapter 10
Strain Transformation(การแปลงความเครียด)
Plane Strain(ความเครียดในระนาบ)
สมการการแปลงความเครียดในระนาบ
Sign Convention
รู ปที่ 10-2a แสดง sign convention ของความเครี ยดที่มีคา่ เป็ นบวกบน
strain element โดยที่
1. ความเครี ยดตั้งฉากε x และ ε y จะมีค่าเป็ นบวก เมื่อความเครี ยดตั้งฉากทั้ง
สองทาให้เกิดการยืดตัวไปในแนวแกน + x และ + y ตามลาดับ
2. ความเครี ยดเฉื อนγxy จะมีค่าเป็ นบวก เมื่อมุมภายใน AOB มีค่าลดลงน้อย
กว่า90°เราควรสังเกตด้วยว่า sign convention ของความเครี ยดนี้จะมีความ
สอดคล้องกับ sign convention ที่เราใช้ในกรณี ของ plane stress ที่
กล่าวถึงไปแล้วในบทที่ 9 คือ หน่วยแรง σ x , σ y , และ τ xy ที่เป็ นบวกจะ
ทาให้เกิดความเครี ยด ε x , ε y , และ γxy ที่เป็ นบวก นอกจากนั้นแล้ว มุม θ
จะมีค่าเป็ นบวก เมื่อมีทิศทางหมุนตามกฎมือขวาจากแกน x ไปยังแกน x′ หรื อ
หมุนทวนเข็มนาฬิกา ดังที่แสดงในรู ปที่ 10-2c
หน่วยแรงและความเครี ยดมีความสอดคล้องกัน ดังที่แสดงในตาราง >
EX1 กาหนดให้ strain element ดังที่แสดงในรู ปที่ EX10-1a มีสภาวะของ strain ดังต่อไปนี้
ε x = 500(10-6 ) ,ε y = -300(10-6 ) , γ xy = 200(106 ) จงหา
a.) สภาวะของ strain เมื่อ strain element หมุนทวนเข็มนาฬิกาเป็ นมุม 30°
b.) Principal strains และทิศทางที่เกิด
c.) Maximum in-plane shear strain และทิศทางที่เกิด
สภาวะของ strain เมื่อ strain element หมุนทวนเข็มนาฬิกาเป็ นมุม +30°
Principal strains และทิศทางทีเ่ กิด
ดังนั้น
วงกลมมอร์ - ความเครียดในระนาบ (Mohr’s Circle-Plane Strain)
ในลักษณะเช่นเดียวกับ Mohr’s circle ของ plane stress เราจะเขียน
สมการของ Mohr’s circle ของ plane strain ได้ในรู ป
EX 2 กาหนดให้ strain element มีสภาวะของ strain ดังต่อไปนี้
ε x = 250(10-6 ) , ε y = -150(10-6 ) ,γ xy = 120(106 )
จงหา
a.) Principal strains และทิศทางที่เกิด
b.) Maximum in-plane shear strain และทิศทางที่เกิด
Strain Rosettes
เราจะหาค่าความเครี ยดตั้งฉาก ε x , ε y , และ γ xy ในระนาบ x - y ที่จุดดังกล่าวได้โดยใช้สมการ strain
transformation
โดยทัว่ ไปแล้ว strain rosette มักจะมีรูปแบบที่ strain gauges ทั้งสามทามุมต่อกันเท่ากับ 45° หรื อ 60° ในกรณีที่
strain rosette มีรูปแบบที่ทามุม 45° ดังที่แสดงในรู ปที่ (b) แล้ว เราจะได้วา่ θ a = 0° , θ b = 45° , และ θ c = 90° ดังนั้น
จากสมการข้างบน เราจะได้วา่
ในกรณี ที่ strain rosette มีรูปแบบที่ทามุม 60°ดังที่แสดงในรู ปที่ (c) แล้ว เราจะได้วา่ θ a = 0° ,
θ b = 60° , และ θ c = 120° ดังนั้น จากสมการข้างบน เราจะได้วา่