Professional Documents
Culture Documents
Hardness Removal
Hardness Removal
1. ชืชออ่ : พรศกด
พรศักดิ์ สมรไกรสรกจ
สมรไกรสรกิจ
2. ตําแหนง : ผูอํานวยการกองธุรกิจเสริมดานระบบผลิต
3. สถานทีท่ ํางาน : การประปานครหลวง
- การศึกษา :
1 ระดั
1. ระดบปรญญาตร
บปริญญาตรี สาขา วทยาศาสตรสุ
วิทยาศาสตรสขาภิ
ขาภบาล
บาล จาก มหาวทยาลยมหดล
มหาวิทยาลัยมหิดล
2. ระดับปริญญาโท สาขา วิศวกรรมสิ่งแวดลอม จาก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร
- การฝกอบรมตางประเทศ
1 Training course Yokohama Training Program 2001 in Japan
1.
1
การกําจัดความกระดาง
(Hardness Removal)
2
Hydrologic Cycle
Water is recycled
y
4
Aquifers
if needd to
t be
b protected
t td
6
Formation of Hardness
Precipitation
Organics + O2 + Bacteria CO2 + H2O + NH3 + Energy Topsoil
Organics + Combined oxygen + Bacteria CO2 + H2O + N2 + CH4 + H2S +Energy
Subsoil
CO2 + H2O H2CO3
HCO3-
9
Carbonate ion attracts cations
10
Hardness
สภาพปญหาที่เกิดจากความกระดางในน้ําสูง:
เปปนสาเหตุทําให
ใ เ กิดิ soap scum ทําํ ใใหส ิ้นเปลื
ป อื งสบูม ากขึึน้
CaCl2 + 2C17H35COONa Ca(C17H35COO)2(s) + 2NaCl
ทําใหรสชาติของน้ําไมนาดื่ม
เปนสาเหตุทําใหเกิดการอุดตันในระบบทอ (scaling on pipes)
เปนสาเหตุ
ป ทําใหการเปด-ปดระบบวาลวตดขดอนเนองมาจากผลก
ใ ป ป ิ ั ั ื่ ึ
ของ calcium carbonate
เกิดปญหากับระบบสุขภัณฑตางๆ
ทําใหเกิดตะกรันในหมอตมไอน้ํา้ (Boiler) ทําใหส้นิ เปลืองพลังงาน
มากขึ้น
มากขน
ทําใหเกิดตะกรันในระบบน้ําหลอเย็น(Cooling Tower) 11
ความกระด้างแบ่งออกได้ 3 ประเภทคือ
• Total Hardness
- 2+
Ca , Mg 2+ associated with -
HCO3 , CO3 2-
14 14
ความกระด้างแบ่งออกได้ 3 ประเภทคือ
• Non-Carbonate Hardness
o นิยมเรียกว่า“permanent hardness”เพราะว่าไม่
สามารถกําจัดออกได้ด้วยความร้อน เพราะฉะนนการ
สามารถกาจดออกไดดวยความรอน เพรา ฉ นั้นการ
กําจัดความกระด้างประเภท non-carbonate
hardness จึงมีคา่ ใช้จ่ายที่สูงกว่าการกําจัด carbonate
hardness.
C 2+, Mg
o Ca M 2+ associated
i d with i h other
h ions,
i Cl-, NO3-,
SO42-
15 15
ความสัมพันธ์ระหว่าง Alkalinity และ Hardness ในน้ําธรรมชาติ
ทัว่ ๆไป ที่มคี ่า pH ระหว่าง 6.5 – 8.0
16
Hardness Units
• milligrams per liter (mg/L) as calcium carbonate
• parts per million (ppm) as calcium carbonate
• grains per gallon of hardness (to convert from grains p
gallon to mg/L, multiply by 17.1) (1( grain = 0.065 g))
• equivalents/liter Equivalent = g
equivalents Eqq - Wt
oacids and bases: number of H+ transferred
oredox reactions: number of e- transferred
17
Hardness Description
Hardness range
Description
(mg/L as CaCO3)
SSoftft 0 - 75
Moderately hard 75 - 100
Hard 100 - 300
Very hard > 300
18
การกําจัดความกระด้าง (Hardness Removal)
การกาจดความกระดาง
วิธีการกําจัดความกระดางสามารถทําได 2 วิธีคือ
1. ใช
ใชสารเคมทาปฏกรยากบความกร
สารเคมีทา
ํ ปฏิกร
ิ ย
ิ ากับความกระด
ดางใหตกต
างใหตกตะกอน
กอน
(Precipitation)
2. ใชหลักการแลกเปลีย
่ นอิออนโดยใชเรซิน
(Ion Exchange Resin)
19
วิธีการใช้สารเคมีทาํ ปฏิกิริยาเพื่อให้ตกตะกอน (Precipitation)
มี 2 แบบ คือ
1. Cold Lime Soda Process
2. Hot Lime Process or Hot Process Softening
- ปูปนขาว (Ca(OH)
(C (OH)2)
- โซดาแอช (Na
(N 2CO3)
- โซดาไฟ (NaOH)
20 20
วั ต ถุ ป ระสงค์ เ พื่ อ ทํ า ปฏิ กิ ริ ย ากั บ ความกระด้ า งแล้ ว ทํ า ให้ เ กิ ด ตกตะกอน
นอกจากนี้ยังต้องใส่สารสร้างตะกอน(Coagulants)
นอกจากนยงตองใสสารสรางตะกอน (C l t) และสารช่วยตกตะกอน
และสารชวยตกตะกอน
(Coagulants aid) เพื่อจับตะกอนที่เกิดจากการทําปฏิกิริยาดังกล่าวให้จมตัวเร็ว
ยิ่งขึ้น
สารสร้างตะกอนเพื่อตกตะกอนที่นิยมใช้ทนี่ ิยมใช้ได้แก่ สารสม
สารสรางตะกอนเพอตกตะกอนทนยมใชทนยมใชไดแก สารส้ม เฟอรรสซลเฟต
เฟอร์รสั ซัลเฟต
และเฟอร์รกิ ซัลเฟต
ปฏิกิรยิ าทางเคมี
1. ปูนขาว (CaO)
ปฏิกิ ิรยิ าจะกํําจััด CO2 และลดความกระด้า้ งคาร์บ์ อเนต (Carbonate
Hardness) มีดังนี้
CaO + H2O Ca(OH)2
CO2 + Ca(OH)2 CaCO3 + H2O 21
Ca(HCO3)2 + Ca(OH)2 2CaCO3 + 2H2O
Mg(HCO3)2 + 2Ca(OH)2 2CaCO3 + Mg(OH)2 + H2O
2NaHCO
CO3 + Ca(OH)
C (O )2 Na2CO3 + CaCO3 + H2O
ป กิ ิริยาขจััดความกระด้้าง(แมกนีเี ซียม))ด้ว้ ยปูปนขาว มีดี ังนี้ี
ปฏิ
23
ถ้าเป็นความกระด้างถาวรแมกนีเซียม จะต้องใช้โซดาแอช 1 สมมูลกับ
ปูปนขาว 1 สมมูล เพืื่อทําํ ปปฏิิกิริยากัับความกระด้้างถาวรแมกนีีเซีียม 1
สมมูล
สมมล
MgSO4 + Na2CO3 + Ca(OH)2 Mg(OH)2 + CaCO3 + Na2SO4
MgCl2 + Na2CO3 + Ca(OH)2 Mg(OH)2 + CaCO3 + 2NaCl
Mg(NO3)2 + Na2CO3 + Ca(OH)2 Mg(OH)2 + CaCO3 + 2NaNO3
ในการใช้โซดาแอชจะลดความกระด้างลงได้ แต่ไม่สามารถลดสาร
(Dissolved Solid) ทีอี่ ยูใ่ นนํา้ํ ได้ ป ิกิริยาจะเกิิดเกลือื
ไ เ้ พราะผลของปฏิ
โซเดียมที่ละลายน้ํา
โซเดยมทละลายนา
Na2CO3 + Ca(OH)2 = Lime Soda Softener
24
24
3. ใช้โซดาไฟ (NaOH) แทนปูน-โซดาแอช จะเกิดปฎิกิริยาดังนี้
CO2 + 2NaOH Na2CO3 + H2O
C (HCO3)2 + 2NaOH
Ca(HCO 2N OH CaCO3 + Na2CO3 + 2H2O
Mg(HCO3)2 + 4NaOH Mg(OH)2 + 2Na2CO3 + 2H2O
MgSO
g 4 + 2NaOH Mg(OH)
g 2 + 2Na2SO4
4. สารสร้างตะกอนและสารช่วยตกตะกอน(Coagulants
g and
Coagulant aids)
เมื่อความกระด้างทําปฏิกิริยากับสารเคมีตามสมการต่างๆข้างต้นแล้วจะตกตะกอนเป็น
ตะกอนที่ละเอียดซึ่งจะฟ้งกระจายไดงาย
ตะกอนทละเอยดซงจะฟุ กระจายได้ง่าย การใสสารสรางตะกอนและสารชวยตกตะกอน
การใส่สารสร้างตะกอนและสารช่วยตกตะกอน
จะช่วยให้ตะกอนเม็ดเล็กๆรวมตัวกันเป็นตะกอนเม็ดใหญ่ขึ้นและตกตะกอนได้เร็ว
25 25
ปฏิกิริยาทางเคมี
Al2(SO4)3.18H2O + 3Ca(HCO3)2 2Al(OH)3 + 3CaSO4 + 18H2O + 6CO2
26
Coagulant
(1)* (2)*
Name Chemical Formula
Alum Al2(SO4)3.14H2O 0.55 0.44
Ferrous Sulfate FeSO4.7H2O 0.66 0.58
28
2. โซดาแอช (Na2CO3) คํานวณได้ดังนี้
[Na2CO3] = [Ca2+] + [Mg2+] + [Alkalinity]
where :
[Na2CO3] = amount of Na2CO3 required for noncarbonate
softening in meq/l
[C 2+] = concentration
[Ca C 2+ in
t ti off Ca i meq/l/l
[Mg2+] = concentration of Mg2+ in meq/l
[Alkalinity]
y = concentration of Alkalinityy in meq/l
q
29 29
Lime required in mg/l = [Ca(OH)
[ ( )2 in meq/l]] x 37
S d AAshh required
Soda i d iin mg/l/l = [Na
[N 2CO3 in
i meq/l]
/l] x 53
30
3. ปูนขาว (CaO) คํานวณในรูปของ CaO ได้ดังนี้
D
lim e (CaO in mg / l ) ( A B C ) x
E
Where :
A CO2 as CO2 (mg/l) x (56/44)
B HCO3 alkalinity as CaCO3 (mg/l) x (56/100)
C Mg as Mg (mg/l) x (56/24.3)
(56/24 3)
31 31
4. ปูนขาวประเภท slaked lime (Ca(OH)2) คํานวณในรูปของ Ca(OH)2 ได้ดังนี้
D
OH ) 2 in mg / l ) ( A' B' C ' ) x
Slaked lim e (Ca (O
E
Where
h :
A' CO2 as CO2 (mg/l) x (74/44)
B' HCO3 alkalinity as CaCO3 (mg/l) x (74/100)
C ' Mg as Mg (mg/l) x (74/24.3)
D Excess lime D = 1.1 to 1.2
E Purity of the lime :generally, E = 0.93 to 0.95
32 32
5. โซดาแอช (Na2CO3) สําหรับการกําจัดความกระด้างถาวร
(non carbonate hardness) คําํ นวณได้
ไ ้ดังนี้ี
106
Soda Ash ( Na2CO3 in mg / l ) ( NH L) x
100
Where :
NH Noncarbonate hardness as CaCO3 (mg/l)
L Noncarbonate hardness remaing in the softened
water (mg/l)
33
ส่วนประกอบของกระบวนการกําจัดความกระด้างด้วยวิธีตกผลึก
1 ถงกวนเรว
1. ถังกวนเร็ว (Rapid Mixing Tank)
2 ถงกวนชา
2. ถังกวนช้า (Slow
(Sl MiMixing
i TTank)
k)
3. ถัังตกตะกอน (Sedimentation Tank)
4. ระบบพีเี อชหรือื รีคี าร์บ์ อเนชัน่ั (Recarbonation)
34
34
Design Criteria
1. Flash mixing
- Mixing Energy (G) 300 to 500 sec-1
- Mixing Time 10 to 30 sec
2. Flocculation
- Mixing Energy (G) 5 to 50 sec-1
- Mixing
Mi i Time
Ti e 30 to
t 40 min
i
- Flow Velocity through ports 0.5 to 1.2 ft/s(0.15 to 0.36 m/s)
NOTE : Adequate mixing time is very important because of the slow reaction rate
38
Design Criteria
3. Sedimentation
- Surface Loading 1.9 to 2.5 m/hr (rectangular tank type)
2.5 to 4.4 m/hr (sludge blanket type)
39
39
Design Criteria
4. Recarbonation
- Carbon dioxide diffusion tank 3 min minimum contact time
- Recarbonation tank 20 min minimum detention time
- pH of water after recarbonation 8.7 to 8.8
40
40
Design Criteria
5. Filtration (Dual Media Bed)
- Filtration Rate 10 to 15 m/hr
- Anthracite Coal
Depth 0.5 m
Eff ti Size
Effective Si 1 0 to 1.1
1.0 1 1 mm
Uniformity Coefficient < 1.4
Specific gravity 1.67 to 1.7
- Sand
Depth 0.25 m
Effective Size 0.55 to 0.6 mm
Uniformity Coefficient < 1.5
Specific gravity > 2.63 42
Backwash rate Average 50 m/hr
Hot Lime Process or Hot Process Softening
สามารถปรับสภาพน้ําให้มคี ุณภาพดังนี้
1. ลดปริมาณซิลกิ าที่มีอยู่ในน้ําให้ลดลงจนมีอยู่ไม่เกิน 1 พีพเี อ็ม
2. ลด P และ M-Alkalinity ในน้ําให้ลดลงจํานวนหนึง่ ทําให้นา้ํ หมุนอยู่ใน
ระบบของหม้อไอน้ําได้นานขึน้
ระบบของหมอไอนาไดนานขน
33. สามารถลดความกระดางแคลเซยมและแมกนเซยมลงไดบางสวนและถา
สามารถลดความกระด้างแคลเซียมและแมกนีเซียมลงได้บางส่วนและถ้า
น้ํานี้ผา่ นเครือ่ งทําน้ําอ่อน (Ion Exchange Softener) จะได้น้ําที่มีความ
กระด้างไม่ ไ เกิน 1 พีพเี อ็ม็
4 ลดปริ
4. ป ิมาณสารละลาย (TDS) และสารแขวนลอย
5 ไลกาซทละลายนาออกได
5. ไล่ก๊าซทีล่ ะลายน้ําออกได้
43 43
เมื่อใส่ปูนขาวและโซดาแอช จะเกิดปฏิกิริยาดังนี้
2HCO3- + Ca(OH)2 CaCO3 + CO3-2 + H2O
Mg+2 + Ca(OH)2 Mg(OH)2 + Ca+2
Ca+2 + CO3-2 CaCO3
ระบบ Hot Process Softening นอกจากขจัดความกระด้างแล้วยังใช้
ลดความเป็น็ ด่างในนํ
ใ ้ําได้
ไ ้อีกด้้วย โดยเฉพาะในกรณี
โ ใ ที ีน่ ํา้ มีีค่าความเป็น็
ด่างในรปโซเดี
ดางในรู ปโซเดยมไบคารบอเนตมาก
ยมไบคาร์บอเนตมาก
2NaHCO3 + ความรอน
ความร้อน NNa2CO3 + H2O + CO2
Na2CO3 + H2O + ความร้อน 2NaOH + CO2
45 45
ระบบ Hot Process Softening จะประหยัดค่าใช้จ่ายในการ
เปลี่ยนรปไบคาร์
เปลยนรู ปไบคารบอเนต
บอเนต และใช้
และใชยปซม
ยิปซัม (แคลเซยมซลเฟต)
(แคลเซียมซัลเฟต)
ตกตะกอนเป็นแคลเซียมคาร์บอเนตอีกที
DCF = 1
1 + ปอนดไอนาทใช
ปอนด์ ไอน้ําทีใ่ ช้
ปอนด์น้ําดิบ
ปอนด์ไอน้ําที่ใช้ เอนทาลปีของน้ําที่ปรับสภาพแล้ว - เอนทาลปีของน้ําดิบ
=
ปอนด์น้ําดิบ เอนทาลปีของไอน้ําดิบ - เอนทาลปีของน้ําที่ปรับสภาพแล้ว
สําหรับค่าเอนทาลปี (Enthalpy)
สาหรบคาเอนทาลป (E th l ) ของไอนานนหาไดจากตารางไอนาในหนงสอเกยวกบไอนา
ของไอน้ํานั้นหาได้จากตารางไอน้ําในหนังสือเกี่ยวกับไอน้ํา
47 47
2. ในการคํานวณปริมาณสารเคมีทตี่ ้องใช้ที่แท้จริง เมื่อมีการชดเชยเนือ่ งจาก
การเจือจางไอน้ํา้ ให้คณ
ู ด้วย CCF (Cold Correction Factor)
CCF = 1
DFC
ปริมาณปูนขาวทีใ่ ช้จริง
= (meq/l HCO3 + meq/l Mg - meq/l OH) Raw Water -
CCF(meq/l HCO3 + meq/l Mg - meq/l OH) Treated Water
ปริมาณโซดาแอชที่ใช้จริง
ปรมาณโซดาแอชทใชจรง
= (meq/l Hardness - meq/l Total Alkalinity ) Raw Water -
CCF(meq/l Hardness - meq/l Total Alkalinity) Treated Water
49
การตรวจสอบคุณภาพน้าํ
การตรวจสอบคุณภาพนํ้าเพื่อดูว่าใส่ ใ ปูนขาวมากหรือน้้อยเกินไปนั
ไ ้นดูได้้จากค่า
P- Alkalinityy และ M – Alkalinityy ถ้าค่า 2P – M มีค่าเป็นลบแล้วแสดงว่าใส่ปูน
ขาวมากเกินไปเล็กน้อย จึงมีไบคาร์บอเนตที่ไม่ได้ทําปฏิกิริยาเหลืออยู่
กรณทที่ 1 เพอลดความกระดางใหมากทสุ
กรณี เพื่อลดความกระด้างให้มากที่สด ตองควบคุ
ต้องควบคมน้
มนาใหมคุ
ําให้มีคณ
ณภาพ
ภาพ
ดังนี้
2P – M = 10 – 20 ppm
M – Alkalinity = 40 – 50 ppm
ความกระด้าง = 15 – 25 ppm
กรณีที่ 3 ดดซั
ู บซิลกิ าให้มากที่สุด
2P – M = 0 – 10 ppm
51 51
ใช้หลักการแลกเปลี่ยนอิออนโดยใช้เรซิน(Ion Exchange Resin)
ประวัติศาสตร์
ปี ค.ศ.1850 นักเคมีชาวอังกฤษชื่อทอมป์สัน เป็นผู้ค้นพบปรากฎการณ์การ
แลกเปลี่ยนอิออนของดิน โดยการเทสารละลายแอมโมเนยมซลเฟต
แลกเปลยนอออนของดน โดยการเทสารละลายแอมโมเนียมซัลเฟต (NH4SO4)
ผ่านดิน ดินจะจับแอมโมเนียไว้และได้แคลเซียมซัลเฟตแทนที่ ดังสมการ
Ca-Soil + NH4SO4 NH4- Soil + CaSO4
R-SO3-
เรซินิ แบบประจุ
ป บวก-กรดแก่ เปนเรซิ
ป็ นิ ทีีม่ กี ารใช้
ใ ้งานมากทีีส่ ุดใน
ใ
จําํ พวกเรซิินประจุบวก ปกติิจะอยูใ่ นรูปของ
58
60
61
Ion-Exchange
E h
Exchanges Na+ for
N f the
th hard
h d water
t
cations
63
65
ข้อดี - ข้อเสียของเรซินแบบกรดแก่ (Strong Acid Cation Resin)
ข้อดี
1. ใช้ได้ดีกับน้ําที่มีคา่ พีเอชทุกระดับ
2. สามารถแยก Na+ จากเกลือื แกงได้ ไ ้
3 สามารถแลกเปลยนไอออนไดรวดเรว
3. สามารถแลกเปลี่ยนไอออนได้รวดเร็ว
4. มีความคงทน อาจใช้ได้นานถึง 20 ปีหรือนานกว่า โดยมีการ
สูญเสียอํานาจเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย
5. เหมาะสําหรับใช้ ใ ้กําจัดความกระด้้างหรือื ในการทํ
ใ านํ้าให้
ใ บ้ ริสุทธิ์
(Demineralization)
66
ข้อดี - ข้อเสียของเรซินแบบกรดแก่ (Strong Acid Cation Resin)
ข้อเสีย
1. มีประสิทธิภาพในการ regeneration ต่ําประมาณ 25 - 45 %
ทําให้ส้นิ เปลืองสารเคมีในการรีเจเนอเรชั่น
ข้อดีของการใช้เรซินทําน้ําอ่อน
11. สามารถผลตนาทมความกระดางนอยกวา
สามารถผลิตน้ําที่มคี วามกระด้างน้อยกว่า 2 พพเอม
พีพีเอ็ม
ในรปป CaCO3
ในรู
22. การใชงานควบคุ
การใช้งานควบคมง่
มงาย
าย สามารถตดตงระบบการลาง
สามารถติดตั้งระบบการล้าง
เรซินเป็นแบบอัตโนมัติได้
3. การล้างเรซินเพื่อฟืน้ ฟประสิ
ู ทธิภาพนั้น ใช้เกลือซึ่งหา
ได้ง่ายและมีราคาถูก
4. ไม่มปี ญ
ั หาเรื่องการบําบัดน้ําทิ้ง
68 68
ข้อดีของการใช้เรซินทําน้ําอ่อน
55. การเปลยนแปลงหรอความแปรปรวนของอตราการไหล
การเปลี่ยนแปลงหรือความแปรปรวนของอัตราการไหล
ของน้ําในช่วงหนึ่งจะมีผลกระทบกระเทือนต่อคุุณภาพน้ําที่
ได้น้อยมาก
6. ไม่ว่าจะเป็นเครื่องทําน้ําอ่อนที่มีขนาดใหญ่หรือเล็ก
สามารถใช้งานให้ได้ประสิทธิภาพสูงได้ จึงทําให้สะดวกใน
การใช้
ใ ง้ านแทบทุกขนาด
69
ข้อจํากัดของเครื่องทําน้ําอ่อนมีดังนี้
1. ขจัดได้เฉพาะความกระด้างแคลเซียมและแมกนีเซียมเท่านั้น
2 นาดบทเขาเครองทานาออนตองมความขุ
2. น้ําดิบที่เข้าเครื่องทําน้ําอ่อนต้องมีความข่นต่ตากวา
ํากว่า 1 NTU ถา
ถ้า
ความขุ่นน้ําดิบสูงประสิทธิภาพของเรซินในการกําจัดความ
กระด้างจะลดลง
3. น้ําดิบทีผ่ ่านจากกระบวนการที่ใช้สารส้มในการตกตะกอน ต้อง
ระมดระวงอยาใหมปรมาณอะลู
ั ั ่ ใ ้ ปี ิ มนมอออนมากเกนควรเพราะจะ
ิ ั ิ ิ
ไปทําลายเม็ดเรซิน ถ้ามีการใช้สารส้มก่อนหน้าเข้าเครื่องทําน้ํา
อ่อนจะต้องมีการควบคุมค่า pH ให้อยูใ่ นช่วงที่กําหนดอย่าง
เข้มงวดเพื่อให้เครื่องทําน้้ําอ่อนมีประสิทธิภาพสูง
70
ข้อจํากัดของเครื่องทําน้ําอ่อนมีดังนี้
4 ปรมาณเหลกในนาดบไมควรเกน
4. ปริมาณเหล็กในน้ําดิบไม่ควรเกิน 0.1
0 1 มลลกรม/ลตร
มิลลิกรัม/ลิตร เพราะจะ
ทําลายเม็ดเรซินโดยแทรกตัวเข้าไปอยูใ่ นเนื้อของเม็ดเรซิน ถ้า
พบว่ามีเหล็กหรือโลหะอื่นอยู่มาก ต้องขจัดออกก่อนเข้าเครื่อง
ทําํ นํ้ําอ่่อน
5. ถ้าในน้ํา้ มีสารทีท่ ําหน้าที่เป็น็ สารออกซิไดซ์อย่างรุนแรง เช่น
คลอรีน จะไปออกซไดซทาลายเมดเรซนได
คลอรน จะไปออกซิไดซ์ทําลายเม็ดเรซินได้ ตองใสสารทม
ต้องใส่สารที่มี
คุณสมบัติในการรีดิวส์ เช่น โซเดียมซัลไฟต์ เพื่อไปทําลาย
คลอรีน
71
ความสามารถในการจับอิออนของเรซิน
กําลังความสามารถในการจับอิออนของเรซิน คือ Exchange Capacity
หมายถึึง ปริิมาณไอออนที
ไ ี่เรซิินแลกมาจากนํ้ํา (มัักมีีหน่่วยสมมูล หรืือ
วัดในหน่วยกิโลเกรนของหินปน)
วดในหนวยกโลเกรนของหนปู น) ตอหนวยปรมาตรของเรซน
ต่อหน่วยปริมาตรของเรซิน หนวย หน่วย
แสดงขีดความสามารถของเรซิน จึงอาจเป็นได้หลายแบบดังนี้
1. หน่วยสมมูลต่อปริมาตรของเรซิน เช่น meq/ml , eq/l
2. หน่ว่ ยสมมูลต่่อนํ้ําหนัักของเรซินิ เช่่น meq/g
3 หนวยนาหนก
3. หน่วยน้ําหนัก (ในเทอมหนปู
(ในเทอมหินปนต่
นตอปรมาตรของเรซน
อปริมาตรของเรซิน เช่
เชนน
กิโลเกรนต่อลิตร หรือ กิโลเกรนต่อ ลบ.ฟุต)
1 grain = 0.065 gram
1 gallon = 3.785 liter
1 grain/gallon = 0.0171 gram/liter = 17.1 milligram/liter
77
D i CCriteria
Design it i for
f Resin
R i Regeneration
R ti
1. เวลาทีใ่ ช้ในการ regeneration resin ที่ 40 นาที
(Design
De i Criteria
C ite i = 30 – 60 นาท
นาที)
นาท)
2. ความเข้มข้นเกลือทีใ่ ช้ในการ Regeneration
g = 10 %
(Design Criteria = 8 – 10 %)
3. ปริมาตรเกลืือแกงทีใี่ ช้้ Regeneration : Design Criteria
= 2 – 7 BV(BED VOLUME ของเรซนหนวยลตร
ของเรซินหน่วยลิตร)
ของเรซนหนวยลตร) ร)
4. อัตราการไหลของน้ําเกลือ = 0.1BV ลิตร/ ร/นาที
การทํารีเจนเนอเรชั่น หมายถึง การทําให้เรซินที่หมดอํานาจไปแล้วกลับฟื้นตัวขึ้นมามีอาํ นาจ
ใ
ในการแลกเปลี
ป ย่ี นไอออนอี
ไ กี
79
80
วัฎจักรการทํางานของระบบแลกเปลี่ยนไอออน
ระบบแลกเปลี่ยนไอออนอาจทํางานแบบทีละเท (Batch) หรือแบบ
ต่ อ เนื่ อ ง(Continuous) วั ฎ จั ก รการทํ า งานของเรซิ น มี 4 ขั้ น ตอน
ต่อ่ เนือ่ื งกันั ดัังนีี้
1. การแลกเปลี่ยนไอออน (Service)
2. การล้างย้อน (Backwash)
3 การรเจนเนอเรชน
3. ี ั่ (Regeneration)
(R ti )
4. การชะลาง
การชะล้าง (Rinse)
วิธีการทํารีเจนเนอเรชันมีอยู 2 ลักษณะ คือ
84
การเลือกประเภทของเรซิน
วัตั ถุประสงค์์ ปประเภทของเรซิิน ชนิดิ ของรีเี จนเนอแรนต์์
1.กําจัดความกระด้าง เรซินแบบกรดแก่ เกลือแกง (NaCl)
(Hardness Removal) (Strong Acid Rasin)
2 ํ ั ่
2.กาจดดาง เรซนแบบกรดออน
ซิ ่ กรดเกลอื (HCl)
( l)
(Bicarbonate Removal) (Weak Acid Rasin) กรดกํามะถัน (H2SO4)
3.น้ําบริสุทธิ์ เรซิ น แบบกรดแก่ ห รื อ อ่ อ น กรดเกลือหรือกรดกํามะถัน
( i i i Water))
(Deionization และเรซินแบบด่างแก่หรืออ่อน และโซดาไฟหรอแอมโมเนย
และเรซนแบบดางแกหรอออน และโซดาไฟหรือแอมโมเนีย
(ใช้ 2 ถังแยกกันหรือผสมกัน
ใ งั เดียี วก็ไ็ ด้)้
ในถั
85
การคํานวณปริมาตรเรซินเพื่อกําจัดความกระด้างแบบง่าย
ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
1. Equivalent = g
(gm-eq)
Eq - Wt
Equivalent
q - Weight
g = Moleculae Weight (M.W.)
1 Valency บวก หรือื ลบ
.
120 ( mg / l as CaCO 3 ) x 50 ( m 3 / hr )
Volume Resin = Liter/hr
100 x 0.60
= 100 Liter/hr
- สมมติ operate ระบบ 10 ชั่วโมง/วัน
- ต้องการ regenerate เรซิน 15 วัน/ครั้ง
Ca2+ 20 15 x 50 = 37.5
20
Sr2+ 43.8 2 x 50 = 2.3
43.8
Mg2+ 12.2 10 x 50 = 41.0
12.2
เพราะฉะนั้น Total Hardness = 80.8 mg/l as CaCO3
2. Equivalent = g
Eq - Wt
เพราะฉะนั
เพราะฉะนน้น exchange capacity 1.75 eq มาจากเรซิ
มาจากเรซนน = 1 liter
ถ้าต้องการกําจัดความกระด้าง 1.616 x 10 -3 eq จะต้องใช้เรซิน
102
103