Professional Documents
Culture Documents
กฏหมายค้ำประกันใหม่ 61
กฏหมายค้ำประกันใหม่ 61
สารบัญ บทนํา
บทนํา 1 ปัญหาหนี้สินเป็นปัญหาพื้นฐานที่อยู่คู่กับประชาชนคนไทย
มาโดยตลอด ซึ่งสร้างความเดือดร้อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในครอบครัว
ความเป็นมาและสภาพปัญหา 2
ที่มีหนี้ครัวเรือนหรือหนี้จากเงินที่กู้ยืมมาใช้จ่ายเพื่อการอุปโภค
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม 4 บริโ ภคในครัว เรือ นของคนระดับ กลางไปจนถึง ระดับ รากหญ้า
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งรัฐบาลในแต่ละยุคสมัยเมื่อมีโอกาสได้มาบริหารประเทศ ก็ได้มี
(ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2557 การพยายามผลักดันนโยบายต่าง ๆ และสร้างมาตรการเพื่อเป็น
การช่วยเหลือบรรเทาภาระหนี้สินเหล่านี้
ผลกระทบที่เกิดขึ้นภายหลัง 9
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าความพยายามดังกล่าวอาจยังไม่เกิด
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม
สัมฤทธิผลเท่าใดนัก เนื่องจากกระแสสังคมที่มีความแปรผันไปสู่
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
วัฒนธรรมบริโภคนิยมที่รุนแรง ที่ทําให้ประชาชนจําต้องกู้หนี้ยืมสิน
(ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2557 มีผลใช้บังคับ
เพื่อจับจ่ายใช้สอยด้วยเหตุนานาประการ ทําให้เกิดปัญหาหนี้สิน
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม 11 เรื้อรังตามมาต่อเนื่องยาวนานจึงทําให้คนไทยจํานวนมากยังไม่สามารถ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หลุดพ้นจากสถานะ “ผู้มีหนี้สิน” จนกลายเป็น “ลูกหนี้”
(ฉบับที่ 21) พ.ศ. 2558 จากการที่บุคคลตกอยู่ในสภาวะที่เรียกว่า “ลูกหนี้” ก็เป็นสิ่งที่
หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทําให้เกิดสิ่งที่บ่งบอกว่าเป็นผู้ที่มีฐานะการเงิน
สรุปและข้อเสนอแนะของผู้ศึกษา 13
ที่ไม่น่าไว้วางใจหรือขาดความน่าเชื่อถือ ดังนั้นจึงมีความจําเป็น
ที่เจ้าหนี้จะต้องหาความมั่นใจว่า ตนจะได้รับการชําระหนี้ จึงมักจะเรียก
ให้ลูกหนี้หาหลักประกัน ไม่ว่าจะเป็นการประกันด้วยบุคคล หรือ
ประกันด้วยทรัพย์ก็ตาม เพื่อสร้างความมั่นใจในยามที่เกิดปัญหา
เอกสารวิชาการอิเล็กทรอนิกส์
ลูกหนี้ผิดนัด เจ้าหนี้จะได้เรียกให้ผู้ค้ําประกันรับผิดในมูลหนี้แทน
สํานักวิชาการ ลูกหนี้ได้ ซึ่งบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
สํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในเรื่ อ งค้ํา ประกั น และจํา นองในบางบทบั ญ ญั ติ ยั ง มี ช่ อ งโหว่
http://www.parliament.go.th/library ที่ ทําให้เจ้าหนี้กําหนดข้อตกลงบางอย่างเพื่อเป็นการเอาเปรียบ
2
และได้สร้างภาระให้กับผู้ค้ําประกันและผู้จํานองให้มีภาระหนักเกินไปกว่าลูกหนี้ ทําให้เกิดความไม่เป็นธรรม
อย่างมาก ทั้ง ๆ ที่ผู้ค้ําประกันและผู้จํานองมิได้รับประโยชน์ใด ๆ จากมูลหนี้เหล่านั้นเลย ซึ่งจากที่ผ่านมาพบว่า
เจ้าหนี้ส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินหรือผู้ประกอบอาชีพให้กู้ยืมเงิน มักอาศัยความได้เปรียบทางการเงิน
กําหนดข้อตกลงอันเป็นการยกเว้นสิทธิของผู้ค้ําประกันหรือผู้จํานองตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ หรือบางครั้ง
ให้รับ ผิด เสมือ นเป็น ลูก หนี้ชั้น ต้น ทํา ให้ผู้ค้ํา ประกัน หรือ ผู้จํา นองไม่ไ ด้รับ ความคุ้ม ครองตามกฎหมาย
และกลายเป็นผู้ถูกฟ้องล้มละลายอีกเป็นจํานวนมาก
ดังนั้น บทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่มีส่วนทําให้ลูกหนี้
ผู้ค้ําประกัน และผู้จํานองไม่สามารถหลุดพ้นจากความเป็นหนี้ได้โดยง่าย ซึ่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
และรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เห็นสมควรอย่างยิ่งที่จะมีการปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
ในสัง คมและแก้ปัญ หาความยากจนได้อ ย่า งยั่ง ยืน จึง ได้เ สนอขอแก้ไ ขเพิ่ม เติม ประมวลกฎหมายแพ่ง
และพาณิชย์ ใ นส่วนที่ ว่าด้วยค้ํ าประกันและจํานองต่ อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อปรั บปรุงบทบัญ ญัติ
กฎหมายเกี่ ย วกั บ การค้ํา ประกัน และจํา นองของไทยให้ทัน สมัย และเป็ น ธรรมต่อ ทุ ก ฝ่า ยมากยิ่ ง ขึ้น
โดยป้องกันไม่ให้สถาบันการเงินหรือเจ้าหนี้ผู้ให้กู้ยืมใช้อํานาจต่อรองที่เหนือกว่า ทําสัญญาค้ําประกันและ
จํานองที่มีข้อตกลงยกเว้นบทบัญญัติของกฎหมายและเอาเปรียบผู้ค้ําประกันและผู้จํานองจนเกินสมควร
ผู้ศึกษาเห็นว่าการแก้ไขกฎหมายค้ําประกันและจํานองในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เป็นปรากฎการณ์
ที่น่า สนใจที่เ ราควรนํา มาศึก ษาและวิเ คราะห์กัน ว่า แนวทางที่นํา เสนอเพื่อ แก้ไ ขเพิ่ม เติม นั้น สามารถ
ช่วยลดปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งจะได้อธิบายต่อไป ดังนี้
ความเป็นมาและสภาพปัญหา
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 680 วรรคแรก ได้บัญญัตินิยามสัญญาค้ําประกันเอาไว้ว่า
“อันว่าค้ําประกันนั้น คือ สัญญาซึ่งบุคคลภายนอกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้ค้ําประกันผูกพันต่อเจ้าหนี้คนหนึ่ง
เพื่อชําระหนี้เมื่อลูกหนี้ไม่ชําระหนี้”
จากบทนิยามดังกล่าว ผู้ค้ําประกันต้องเป็นบุคคลภายนอก คือ ไม่ใช่เจ้าหนี้และไม่ใช่ลูกหนี้อาจเป็น
บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้ ซึ่งผู้ค้ําประกันรายหนึ่งอาจมีเพียงคนเดียวหรือหลายคนก็ได้ นอกจากนี้
จะมีการค้ําประกันได้ ต้องมีหนี้ระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ซึ่งเรียกว่าหนี้ประธาน โดยหนี้ประธานจะเกิดจาก
มูลหนี้ชนิดใดก็ได้ เช่น สัญญาซื้อขาย สัญญาเช่าทรัพย์ สัญญาเช่าซื้อ เป็นต้น
นอกจากนี้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 702 ได้บัญญัตินิยามจํานอง คือ การที่บุคคล
คนหนึ่งเรียกว่า “ผู้จํานอง” เอาอสังหาริมทรัพย์ของตน เช่น ที่ดินหรือทรัพย์ที่กฎหมายอนุญาตให้จํานองได้
ไปจดทะเบียนไว้กับบุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่า “ผู้รับจํานอง” เพื่อเป็นหลักประกันในการชําระหนี้ ทั้งนี้โดยผู้จํานอง
ไม่ต้องส่งมอบที่ดินหรือทรัพย์สินดังกล่าวนั้นให้แก่ผู้รับจํานอง
บทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยค้ําประกันและจํานองก่อนที่จะมีการแก้ไข
เพิ่มเติมในปี พ.ศ. 2557 หลายมาตราเป็นบทบัญญัติที่ส่งผลในทางปฏิบัติเพราะทําให้ผู้ค้ําประกันและ
ผู้จํานองโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้จํานองที่เป็นคนละคนกับลูกหนี้ แต่ได้จํานองทรัพย์สินของตนเป็นประกันหนี้
3
ของลูกหนี้ซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ในฐานะลูกหนี้ชั้นที่สองมีภาระหนักมาก บางครั้งมีภาระหนักยิ่งกว่าผู้เป็นลูกหนี้ชั้นต้น
โดยตรงเสียอีก เนื่องจากในทางปฏิบัติคู่สัญญามักจะได้ทําข้อตกลงยกเว้นบทบัญญัติของกฎหมายที่บัญญัติขึ้น
เพื่อให้สิทธิแก่ผู้ค้ําประกันหรือผู้จํานองในฐานะลูกหนี้ชั้นที่สอง เช่น กรณีของผู้ค้ําประกัน กฎหมายกําหนดให้
ผู้ค้ําประกันมีสิทธิเกี่ยง สิทธิยกข้อต่อสู้ รวมทั้งสิทธิที่จะอ้างเหตุหลุดพ้นด้วยสาเหตุต่าง ๆ เช่น หลุดพ้นเพราะ
เจ้าหนี้ผ่อนเวลาชําระหนี้ให้กับลูกหนี้ (ปรับโครงสร้างหนี้) โดยผู้ค้ําประกันมิได้ยินยอมด้วยแต่เจ้าหนี้ก็มักจะ
ให้ผู้ค้ําประกันทําข้อตกลงตั้งแต่ตอนเข้าทําสัญญาว่า ผู้ค้ําประกันตกลงว่าจะไม่ใช้สิทธิดังกล่าวเหล่านั้น หรือ
ตกลงให้ความยินยอมเรื่องการผ่อนเวลาไว้ล่วงหน้า รวมทั้งกรณีของผู้ค้ําประกันที่ค้ําประกันหนี้ในอนาคต
เจ้าหนี้ก็จะให้ผู้ค้ําประกันตกลงในสัญญาค้ําประกันที่เข้าผูกพันว่าผู้ค้ําประกันตกลงจะค้ําประกันหนี้ใด ๆ
ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตด้วย โดยไม่มีขอบเขตที่ชัดเจน จากข้อสัญญาเช่นว่านั้นจึงทําให้ผู้ค้ําประกันต้องรับผิด
ในหนี้ใด ๆ ที่ลูกหนี้จะก่อให้เกิดขึ้นในอนาคตกับเจ้าหนี้รายเดียวกันนี้อีก โดยขณะที่เข้าทําสัญญาค้ําประกัน
ผู้ค้ําประกันเองก็ไม่ทราบว่าลูกหนี้จะมีหนี้อะไรอีก และก็อาจจะไม่ได้ประสงค์จะเข้าค้ําประกันหนี้ของลูกหนี้
เหล่านั้นด้วยเลย (สุดา วิศรุตพิชญ์, 2557)
กรณีของผู้จํานอง ตามหลักกฎหมายเรื่องจํานอง ผู้จํานองเป็นบุคคลที่นําทรัพย์สินของตนมาจดทะเบียน
จํานองเพื่อเป็นหลักประกันการชําระหนี้ การจํานองให้สิทธิแก่ผู้รับจํานองบังคับเหนือทรัพย์สินที่ติดจํานอง
เท่านั้น ผู้รับจํานองไม่มีสิทธิบังคับเหนือทรัพย์สินอื่นของผู้จํานองและไม่มีสิทธิบังคับให้ผู้จํานองชําระหนี้
เนื่องจากว่าผู้จํานองไม่ว่าจะเป็นลูกหนี้จํานองเองหรือผู้จํานองเป็นบุคคลภายนอก ที่มิได้เข้าผูกพันตนที่จะชําระ
หนี้ แต่ในทางปฏิบัติเจ้าหนี้ก็มักจะให้ผู้จํานองยอมตกลงว่าหากบังคับจํานองเอากับทรัพย์สินที่จํานองแล้วได้
ราคายังไม่พอชําระหนี้ ผู้จํานองก็จะรับผิดชําระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ในส่วนที่ขาดจนครบถ้วน กรณีเช่นนี้ หาก
ผู้จํานองเป็นลูกหนี้จํานองเองแล้ว (ลูกหนี้กับผู้จํานองเป็นคนเดียวกัน) มาตกลงว่าจะชําระหนี้ให้ครบถ้วน ก็จะ
เป็นธรรมกับทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ เนื่องจากลูกหนี้ก็ต้องรับผิดชําระหนี้แก่เจ้าหนี้จนครบถ้วน แต่หากผู้
จํานองเป็นบุคคลภายนอก ผู้จํานองย่อมเสียเปรียบ เนื่องจากต้องรับผิดชําระหนี้ส่วนที่อยู่นอกเหนือจากการ
จํานองด้วยทรัพย์ ด้วยเหตุที่บทบัญญัติที่คู่สัญญาได้ตกลงยกเว้นดังกล่าวเหล่านั้นไม่ใช่กฎหมายเกี่ยวกับ
ความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดี ข้อตกลงยกเว้นบทบัญญัติของกฎหมายเหล่านั้นจึงไม่เป็นโมฆะใช้บังคับกันได้
(สุดา วิศรุตพิชญ์, 2557) จากตัวอย่างปัญหาที่กล่าวมา คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงได้มีการเสนอแก้ไข
เพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในส่วนที่ว่าด้วยค้ําประกันและจํานองต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ในประเด็นหลัก ๆ ดังกล่าว เพื่อคุ้มครองผู้ค้ําประกันและผู้จํานองในฐานะลูกหนี้ชั้นที่สองให้ดียิ่งขึ้น โดยตราเป็น
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2557
หลังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ผ่านร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่ง
และพาณิชย์ (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2557 เพื่อแก้ไขเกี่ยวกับสิทธิและความรับผิดของผู้ค้ําประกันและผู้จํานอง
กลุ่มธุรกิจธนาคารออกมาแสดงความกังวลถึงผลกระทบจากการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวที่อาจทําให้ระบบ
เศรษฐกิจของประเทศไทยปั่นป่วน เพราะส่งผลให้การปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินเข้มงวดมากขึ้น
และการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐจะประสบปัญหาในการกู้เงินลงทุน เพราะการค้ําประกันของธนาคารพาณิชย์
ไม่มีความหมาย
4
การบัญญัติกฎหมายใหม่นี้ ยังคงหลักการเดิมในเรื่องของเงื่อนไขการบังคับเอาทรัพย์จํานองหลุด
เป็นสิทธิ คือต้องไม่มีการจํานองรายอื่นหรือบุริมสิทธิ์อื่นเหนือทรัพย์เดียวกันนั้น และลูกหนี้มีการค้างชําระ
ดอกเบี้ยเป็นเวลานานถึงห้าปี และเงื่อนไขเรื่องราคาทรัพย์จํานองซึ่งมีการบัญญัติแตกต่างจากเดิมที่ผู้นําสืบ
พิสูจน์คือผู้จํานอง เปลี่ยนเป็นผู้รับจํานองที่มีหน้าที่ในการนําสืบพิสูจน์โดยแสดงเป็นที่พอใจให้ศาลเห็นว่า
ราคาทรัพย์น้อยกว่าจํานวนเงินที่ลูกหนี้ค้างชําระเพื่อให้ศาลมีคําสั่งเอาทรัพย์จํานองหลุดเป็นสิทธิ
12. มาตรา 14 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 729/1 กําหนดให้สิทธิแก่ผู้จํานองในการแจ้ง
ผู้รับจํานองให้บังคับจํานองด้วยการขายทอดตลาด
กฎหมายใหม่กําหนดให้ ผู้จํานองมีสิทธิแจ้งเป็นหนังสือไปยังผู้รับจํานองเพื่อให้ผู้รับจํานองดําเนินการ
ให้มีการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่จํานองโดยไม่ต้องฟ้องเป็นคดีต่อศาล (ถ้าไม่มีการจํานองรายอื่นหรือ
บุริมสิทธิ์อื่นอันได้จดทะเบียนเหนือทรัพย์สินอันเดียวกัน) โดยผู้รับจํานองต้อ งดํา เนิน การขายทอดตลาด
ทรัพย์สินที่จํานองภายในเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้ง ทั้งนี้ ตามกฎหมายเดิมไม่มีบทบัญญัติ
ให้สิทธิแก่ฝ่ายผู้จํานองในการที่จะเป็นฝ่ายเร่งรัดให้มีการบังคับจํานอง แต่กฎหมายใหม่ได้มีบทบัญญัติ
ให้สิทธินี้แก่ผู้จํานอง ซึ่งผู้รับจํานองต้องดําเนินการขายทอดตลาดภายในเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งนั้น
(โดยไม่ต้องฟ้องร้องเป็นคดีต่อศาลเพราะฝ่ายผู้จํานองเป็นฝ่ายเร่งรัดเอง)
ในกรณีที่ผู้รับจํานองไม่ได้ดําเนินการขายทอดตลาดทรัพย์สินในระยะเวลาที่กําหนดให้ผู้จํานอง
พ้นจากความรับผิดในดอกเบี้ยและค่าสินไหมทดแทนซึ่งลูกหนี้ค้างชําระ ตลอดจนค่าภาระติดพันอันเป็น
อุปกรณ์แห่งหนี้รายนั้นบรรดาที่เกิดขึ้นภายหลังวันที่พ้นกําหนดเวลาดังกล่าว
13. มาตรา 15 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 735 และมาตรา 16 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 737 นั่นคือการแก้ไข
เพิ่มเติมระยะเวลาในการบังคับจํานองเอาแก่ผู้รับโอนและสิทธิในการไถ่ถอนจํานองของผู้รับโอนให้สอดคล้อง
กับระยะเวลาที่กําหนดในการบังคับจํานองที่ได้แก้ไขจากเดิมเดือนหนึ่งเป็นหกสิบวัน
การบัญญัติกฎหมายทั้งสองมาตรานี้ เป็นการแก้ไขเพิ่ม เติมระยะเวลาในการบังคับจํานอง
ผู้รับ โอนและสิทธิในการไถ่ถอนจํานองของผู้รับโอน ให้สอดคล้องกับ มาตรา 728 ที่กําหนดขั้นตอนการบังคับ
จํานองไว้อย่างชัดเจน คือก่อนบังคับจํานองเจ้าหนี้ต้องบอกกล่าวลูกหนี้ภายในหกสิบวัน ดังนั้นมาตรา 735
(แก้ไขใหม่) ผู้รับจํานองต้องมีจดหมายบอกกล่าวการบังคับจํานองเอาแก่ผู้รับโอนทรัพย์สินซึ่งจํานองล่วงหน้า
เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่าหกสิบวัน และมาตรา 737 (แก้ไขใหม่) ในกรณีที่ผู้รับโอนประสงค์จะไถ่ถอนจํานอง
ต้องทําการเสนอขอไถ่ถอนภายในหกสิบวันนับแต่วันได้รับคําบอกกล่าว
สรุปและข้อเสนอแนะของผู้ศึกษา
ในความเห็นของผู้ศึกษาเห็นว่า การแก้ไขกฎหมายดังกล่าว มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อช่วยเหลือ
ผู้ค้ําประกันและผู้จํานองให้หลุดพ้นจากการเป็นหนี้โดยเร็ว อันเป็นปัญหาที่เกิดจากช่องว่างของบทบัญญัติ
ในเรื่องของการค้ําประกันและจํานอง ซึ่งจริง ๆ แล้วเราอาจต้องย้อนกลับมาตั้งคําถามว่า ปัญหาที่เกิดเป็นช่องว่าง
ทางกฎหมาย หรือเป็นเรื่องของอํานาจต่อรองของเจ้าหนี้ที่โดยปกติจะอยู่เหนือลูกหนี้เสมอ เนื่องจาก
14
ขอชําระหนี้แทนลูกหนี้ทั้งหมด เพื่อผู้ค้ําประกันจะได้ไม่ต้องรับผิดในดอกเบี้ยและค่าสินไหมทดแทนต่าง ๆ
ที่เกิดขึ้น
5. สําหรับการแก้ไขปัญหาในกรณีที่เจ้าหนี้ลดหนี้ให้ลูกหนี้แล้ว ผู้ค้ําประกันไม่ทราบ ตนเองก็ยังต้อง
ผู ก พั น ตามข้ อ ตกลงเดิ ม โดยกฎหมายใหม่ ไ ด้ มี ก ารเพิ่ ม เติ ม หลั ก การใหม่ เ พื่ อ แก้ ไ ขในกรณี ดั ง กล่ า ว
ในมาตรา 691 กรณีที่เจ้าหนี้ตกลงกับลูกหนี้ อันมีผลเป็นการลดจํานวนหนี้ที่มีการค้ําประกัน ให้เจ้าหนี้
มีหนังสือแจ้งให้ผู้ค้ําประกันทราบถึงข้อตกลงดังกล่าวภายในหกสิบวัน นับตั้งแต่วันที่ตกลงกันนั้น ถ้าลูกหนี้
ได้ชําระหนี้ตามที่ได้ลดแล้ว หรือลูกหนี้ไม่ชําระหนี้ตามที่ได้ลด แต่ผู้ค้ําประกันได้ชําระหนี้ตามที่ได้ลดนั้นแล้ว
ให้ผู้ค้ําประกันเป็นอันหลุดพ้นจากการค้ําประกัน ทั้งนี้ การชําระหนี้ของผู้ค้ําประกันมีสิทธิชําระหนี้ได้แม้จะ
ล่วงเลยกําหนดเวลาชําระหนี้ตามที่ได้ลด แต่ต้องไม่เกินหกสิบวัน นับแต่วันที่ครบกําหนดเวลาชําระหนี้
ในกรณีที่เจ้าหนี้มีหนังสือแจ้งให้ผู้ค้ําประกันทราบถึงข้อตกลงดังกล่าว เมื่อล่วงเลยกําหนดเวลาชําระหนี้
ตามที่ไ ด้ล ดแล้ว ให้ผู้ค้ํา ประกัน มีสิท ธิชํา ระหนี้ไ ด้ภ ายในหกสิบ วัน นับ แต่วัน ที่เ จ้า หนี้มีห นัง สือ แจ้ง ให้
ผู้ค้ําประกันทราบถึงข้อตกลงนั้น
6. ผู้ค้ําประกันที่เป็นสถาบันการเงินหรือค้ําประกันเพื่อสินจ้างเป็นปกติธุระสามารถตกลงล่วงหน้า
ให้เจ้าหนี้ผ่อนเวลาชําระหนี้ให้แก่ลูกหนี้ได้ ซึ่งช่วยแก้ไขปัญหาการปรับโครงสร้างหนี้ให้สามารถทําได้ง่ายขึ้น
โดยเจ้าหนี้หรือสถาบันการเงินสามารถช่วยเหลือผ่อนผันเวลาให้ลูกหนี้ได้โดยไม่ต้องเรียกให้ผู้ค้ําประกัน
ที่เป็นมาให้ความตกลงอีกครั้ง หรือในกรณีการดําเนินโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐ ในการจัดซื้อจัดจ้าง
ที่มีการกําหนดให้คู่สัญญาต้องใช้หนังสือค้ําประกันของธนาคารเป็นหลักประกันตามสัญญา โดยการให้ผู้ค้ําประกัน
ที่เป็นสถาบันการเงินหรือค้ําประกันเพื่อสินจ้างเป็นปกติธุระสามารถทําข้อตกลงไว้ล่วงหน้า โดยยินยอมให้มี
การผ่อนเวลาได้ ซึ่งหากคู่สัญญาไม่สามารถดําเนินการตามสัญญาได้ ภาครัฐสามารถเรียกร้องค่าเสียหายจาก
ผู้ค้ําประกันที่เป็นสถาบันการเงินหรือค้ําประกันเพื่อสินจ้างเป็นปกติธุระได้ทันที
การแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนที่เกี่ยวกับการค้ําประกันก็จะเป็นไปตามที่ผู้ศึกษาได้กล่าวไว้ข้างต้น
ซึ่งการแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวนี้ อาจส่งผลให้เจ้าหนี้รายใหญ่อย่างเช่นธนาคารพาณิชย์ อาจต้องแก้ไขแบบ
มาตรฐานสัญญากันให้ถูกต้องตามหลักกฎหมายใหม่
กฎหมายจํานอง
กฎหมายเรื่องจํานองในส่วนที่เสนอให้มีการแก้ไขและเพิ่มเติมนั้นซึ่งผู้ศึกษาเห็นว่าโดยส่วนใหญ่
เป็นเรื่องของการบังคับจํานองที่มีข้อดีตรงที่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้ ดังนี้
1. มาตรา 727/1 กําหนดให้ผู้มีอํานาจในการจัดการนิติบุคคลซึ่งเป็นผู้จํานองทรัพย์สินของตน
เพื่อประกันหนี้ของบุคคลนั้นสามารถผูกพันอย่างผู้ค้ําประกัน โดยทําเป็นสัญญาค้ําประกันต่างหากได้ซึ่งช่วย
แก้ไขปัญหาในกรณีที่บริษัทที่เป็นนิติบุคคลจะนําทรัพย์สินมาจํานอง สถาบันการเงินจะให้เจ้าของกิจการ
นําทรัพย์สินในชื่อของตนเองมาจํานองเป็นหลักประกัน หากธนาคารไม่สามารถเรียกส่วนที่ขาดจากเจ้าของกิจการ
ตัวจริงได้ ธนาคารย่อมมีความเสี่ยงมากขึ้น ดังนั้นกฎหมายใหม่จึงกําหนดให้ผู้มีอํานาจจัดการนิติบุคคลที่ทําสัญญา
จํานองทรัพย์ของตนไว้เป็นประกันหนี้ของนิติบุคคลนั้น สามารถเข้าทําสัญญาเป็นผู้ค้ําประกันต่างหากกับ
16
ข้อเสนอแนะ
ในประเด็นของกระบวนการบังคับจํานอง ที่กฎหมายใหม่กําหนดในมาตรา 728 มาตรา 729 และ
มาตรา 735 นั้น ผู้ศึกษาเห็นว่าหากลูกหนี้ไม่สามารถปฏิบัติการชําระหนี้ได้ หรือลูกหนี้หรือผู้จํานอง ไม่ประสงค์
ให้มีการบังคับเอากับทรัพย์สินของตนแล้ว และยังต้องการได้เงื่อนไขที่ผ่อนปรนจากเจ้าหนี้ โดยการยอมที่จะ
ให้เจ้าหนี้คิดดอกเบี้ย ซึ่งคิดว่าเป็นการดีกว่าการยึดทรัพย์จํานองแล้ว ข้อเสนอเพิ่มเติมบทบัญญัติในมาตรา
714/1 ที่กําหนดให้มีผลเป็นโมฆะนั้น อาจทําให้ลูกหนี้หรือผู้ค้ําประกันเสียหายมากกว่า เนื่องจากไม่เป็นไป
ตามความต้องการ โดยในอนาคตหากมีการแก้ไขเพิ่มเติมอีกครั้ง อาจบัญญัติให้ลูกหนี้หรือผู้ค้ําประกัน
แสดงเจตจํานงที่จะเลือกให้บังคับจํานองเอากับทรัพย์สินหรือไม่ประสงค์ให้บังคับจํานองก็ได้ โดยให้เจ้าหนี้
ผ่อนปรนให้กับลูกหนี้ โดยการคิดดอกเบี้ยเพิ่มแทนการบังคับจํานองเอากับทรัพย์สินก็เป็นทางเลือกที่จะ
สามารถช่วยเหลือลูกหนี้ หรือผู้ค้ําประกันได้อีกทางหนึ่ง
จัดทําโดย
นางสาวชัชฎาภรณ์ ประยูรวงษ์
นิติกรชํานาญการ
กลุ่มงานบริการวิชาการ 2 สํานักวิชาการ
โทร. 0 2244 2065
โทรสาร. 0 2244 2058
18
บรรณานุกรม
ไทยรัฐออนไลน์. (ธันวาคม 2557). คลี่กฎหมาย “ปลดล็อค” ค้ําประกันหนี้ ดาบสองคมสั่นคลอนการเงินไทย
สืบค้น 20 กรกฎาคม 2558 จาก http://www.thairath.co.th/content/467720.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์. (11 ม.ค. 2558). ได้ข้อยุติแก้กฎหมายค้ําประกันหนี้ ชง"สนช."ปรับปรุงถ้อยคําใหม่-
ไม่ ยื ด เวลาบั ง คั บ ใช้ .สื บ ค้ น 22 กรกฎาคม 2558 จากhttp://www.prachachat.net/news_
detail.php?newsid=1420917081
ปัญญา ถนอมรอด. (2558). รวมคําบรรยาย ภาคหนึ่ง สมัยที่ 68 ปีการศึกษา 2558 เล่มที่ 8 “ยืม ค้ําประกัน
จํานอง จํานํา”. กรุงเทพฯ: สํานักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา.
ปัญญา ถนอมรอด. (2558). รวมคําบรรยาย ภาคหนึ่ง สมัยที่ 68 ปีการศึกษา 2558 เล่มที่ 9 “ยืม ค้ําประกัน
จํานอง จํานํา”. กรุงเทพฯ: สํานักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา.
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฉบับที่ 20 พ.ศ. 2558. (13พฤศจิกายน 2557).
ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 131 ตอนที่ 77ก
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฉบับที่ 21 พ.ศ. 2558. (14 กรกฎาคม 2558).
ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 132 ตอนที่ 63ก.
สุดา วิศรุตพิชญ์. (2557). คําอธิบายกฎหมายค้ําประกันและจํานองที่แก้ไขเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติ
แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2557. สืบค้น 15 มิถุนายน
2558 จาก http://www.law.tu.ac.th/wp-content/uploads/ 2015/01/8JAN_ final4JEED.pdf
สํานักงานเลขาธิการวุฒิสภา. (2557). เอกสารประกอบการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... . กรุงเทพ: สํานักงานเลขาธิการวุฒิสภา
________. (2558). เอกสารประกอบการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่ง
และพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เฉพาะบทบัญญัติที่เกี่ยวกับกฎหมายค้ําประกันและจํานอง).
กรุงเทพ: สํานักงานเลขาธิการวุฒิสภา
iLAW. (21 เมษายน 2558). แก้ไข ป.แพ่งฯ เรื่องค้ําประกันจํานอง 2 : ให้สถาบันการเงินเป็นลูกหนี้ร่วมได้.
สืบค้น 15 มิถุนายน 2558 จาก http://ilaw.or.th/node/3665
Thai PBS NEWS. (15พฤศจิกายน 2557). ช่องโหว่ “กม.ค้ําประกัน” ใหม่ : ประชาชน-SMEs เข้าถึง
แ ห ล่ ง เ งิ น กู้ ย า ก -ธ น า ค า ร เ สี่ ย ง เ จ อ ห นี้ เ สี ย . สื บ ค้ น 2 3 ก ร ก ฎ า ค ม 2 5 5 8 จ า ก
http://news.thaipbs.or.th/content/ช่องโหว่-“กมค้ําประกัน”-ใหม่-ประชาชน-smes-เข้ าถึง
แหล่งเงินกู้ยาก-ธนาคารเสี่ยงเจอหนี้เสีย
Thai PBS NEWS. (24 พฤศจิกายน 2557). สมาคมธนาคารไทยวิเคราะห์ กม.ค้ําประกันใหม่ทํา SME กู้ยาก-
NPLs แบงค์ พุ่ ง เตรี ย มเสนอ“ธปท.”บรรเทาผลกระทบ. สื บ ค้ น 23 กรกฎาคม 2558
จาก http://news.thaipbs.or.th/content/สมาคมธนาคารไทยวิเคราะห์-กมค้ําประกันใหม่ทํา-
smeกู้ยาก-npls-แบงค์พุ่ง-เตรียมเสนอ“ธปท”บรรเทาผลกระทบ