Download as docx, pdf, or txt
Download as docx, pdf, or txt
You are on page 1of 14

ความเค้นและความเครียด

8.1 ความน า ชิน ้ ส่วนโครงสร้างทุกประเภท


เมือ่ ถูกแรงหรือน้้าหนักมากระท้าให้เกิดการเคลือ่ นทีห ่ รือหยุด นิ่ง
หรือเปลีย่ นแปลงรูปร่างวัสดุนน ้ ั ก็พยายามทีค ่ งรูปไว้
โดยแรงยึดเหนี่ยวระหว่างมวลเพือ ่ รักษารูปทรง ให้อยูใ่ นสภาพสมดุล
แรงทีม ่ ากระท้าจะกระจายเต็มพื้นทีห ่ น้าตัด การพิจารณาแรงยึดเหนี่ยวภายในถือ
เป็ นเรือ ่ งส้าคัญทีจ่ ะต้องทราบเพือ ่ ประกอบการพิจารณาน้าไปประกอบชิน ้ ส่วนโครงสร้างอ
าคารต่อไป 8.2 ความหมาย ปัจจุบ ันนี้ เราสามารถน้าเอาวัตถุตา่ งๆ
มาใช้ประกอบเป็ นเครือ ่ งจักรกลและโครงสร้างต่างๆ ได้ อย่างเหมาะสม ทัง้ นี้ขน ้ึ อยูก
่ บั
ความแข็งแรงของมวลของวัตถุหรือแรงภายใน นอกจากนัน ้ วิศวกร และ
ช่างเทคนิคจ้าเป็ นต้องเอาใจใส่ คุณสมบัตข ิ องวัสดุตอ่ ไปนี้ ความหนาแน่ น (Density)
ความยืดหยุน ่ (Elasticity) ความเค้น (Stress) ความเครียด (Strain) ความแข็ง (Hardness)
เนื่องจากคุณสมบัตบ ิ างอย่าง เช่น ความหนาแน่ น ความแข็ง เราได้ศก ึ ษามาแล้ว
จากวิชากลศาสตร์ เบือ ้ งต้น จึงไม่จา้ เป็ นต้องน้ามา กล่าวอีก ความยืดหยุน ่ ( Elasticity)
คือคุณสมบัตข ิ องวัตถุทก ี่ ลับคืนสูส่ ภาพเดิมเมือ่ มีแรง หรือระบบของ แรงมากระท้า
ให้แปรรูปนัน ้ ๆ หมดไปแล้ว วัสดุทน ี่ บ
ั ได้วา่ มีความยืดหยุน ่ โดยสมบูรณ์ ก็ตอ ่ เมือ่ ไม่มี
การแปรรูปจนอยูต ่ วั เหลืออยูเ่ ลยจนนิดเดียว เมือ่ เอาแรงหรือระบบของแรงนัน ้ ออกไปเสีย
เช่น ยางยืด สปริง เป็ นต้น ความเป็ นพลาสติก (Plasticity)
คือคุณสมบัตข ิ องวัตถุทยี่ อมแปรรูปจนอยูต ่ วั แม้แต่จะถูกแรง
ภายนอกมากระท้านิดเดียวเมือ่ เอาแรงภายนอกออกแล้วก็คงอยูใ่ นสภาพทีแ ่ ปรรูป
เช่นเดิม เช่น ดิน เหนียว ความเค้น (Stresses)
เมือ่ มีแรงภายนอกมากระท้าต่อวัตถุจะมีแรงภายในเกิดขึน ้ ในเนื้อของวัตถุ ต่อต้านเอาไว้
แรงภายในอันนี้ คือ แรงยึดเหนี่ยวกันระหว่างเนื้อกับวัตถุ หรือจะกล่าวได้วา่ เมือ่ วัตถุถูก
ดึง หรือถูกกด
หรือถูกเฉื อนให้ขาดออกจากกันก็จะมีแรงปฏิกริ ยิ าโต้ตอบต่อแรงภายนอกทีม ่ ากระท้า
สมมุตวิ า่ เราตัดแท่งวัสดุให้ตง้ ั ฉากกับแนวแรงภายนอก ทีม ่ ากระท้า
เราจะเห็นว่าต้องมีแรงท้า ให้ชน ิ้ ทีถ ่ กู ตัดออกไปนี้อยูใ่ นภาวะสมดุล แรงนี้จะมีคา่ เท่ากับ P
และมีทศ ิ ทางตรงกันข้ามกับ P ถ้าเราคิด ว่าแรงนี้อยูใ่ น
เนื้อของวัตถุเมือ่ วัตถุยงั ไม่ขาดจากกันก็คอ ื อ้านาจความยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลของ
วัตถุนน ้ ั เอง ดังนัน้ พอจะกล่าวได้วา่ แรงนี้จะต้องแบ่งออกเป็ นแรงเล็ก ๆ
นับไม่ถว้ นกระจายอยูเ่ ต็มเนื้อที่ ความเข้มของแรงต่อพื้นทีภ ่ าคตัดหรือไม่สม่า้ เสมอก็ได้
แล้วแต่ลกั ษณะของแรง เราสามารถจะหาขนาด
136

ของแรงความเค้นได้โดยเอาแรงภายนอกทีม ่ ากระท้านัน
้ หารด้วยพื้นทีห
่ น้าตัดทีแ
่ รงนัน
้ กร
ะท้าต่อหนึ่ง หน่ วยพืน
้ ที่ ถ้าให้ S( ) = ความเค้นของวัตถุ P =
แรงภายนอกทีม ่ ากระท้าต่อวัตถุ A = พืน ้ ทีห
่ น้าตัดของวัตถุ จะได้ S = A P
หน่ วยความเค้น ระบบอังกฤษ lb.f/in2 ระบบเมตริก kg.f/cm2 ระบบ SI N/m2 8.3
ชนิดของความเค้น (Kind of Stresses)
ความเค้นแบ่งออกตามลักษณะทีแ ่ รงภายนอกมากระท้าได้ 3 อย่าง คือ 8.3.1
ความเค้นดึง ( Tensile Stress) เมือ่ มีแรงภายนอกมากระท้าวัตถุในลักษณะทีพ ่ ยายามดึง
วัตถุในขาดจากกัน วัตถุนน ้ ั จะมีแรงภายในต่อต้านเอาไว้ แรงภายในทีต ่ อ่ ต้านเอาไว้
ต่อหนึ่งหน่ วยพื้นที่ เราเรียกความเค้นดึง ดูตามรูปที่ 8.1

รูปที่ 8.1 แห่งวัตถุถูกแรงดึงมากระท้า


P

AP

dP dP

137
รูปที่ 8.1 แรง P กระท้าต่อวัสดุผา่ นจุดศูนย์ถว่ ง ตามรูป ให้ St = ความเค้นดึง Pt =
แรงทีม ่ ากระท้าให้ลกั ษณะทีด่ งึ ให้วตั ถุขาดจากกัน At = พืน
้ ทีห ่ น้าตัดตัง้ ฉากกับแนวแรง
St = t t A p …………………………( 8.1) 8.3.2 ความเค้นอัด (Compressive Stress)
เมือ่ มีแรงภายนอกมากระท้าต่อวัตถุในลักษณะทีอ่ ดั วัตถุนน ้ ั ให้แตกหักออกจากกัน
ก็จะมีแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลต่อต้านเอาไว้แรงภายในทีต ่ อ ่ ต้านไว้นี้
ต่อหนึ่งหน่ วยพื้นทีเ่ ราเรียกว่า ความเค้นอัด ตามรูปที่ 8.2

รูปที่ 8.2

รูปที่ 8.2 เมือ่ แท่งวัตถุถก ู แรงอัดมากระท้า ให้ Sc = ความเค้นอัด Pc = แรงอัดภายนอก


Ac = พืน้ ทีห
่ น้าตัดตัง้ ได้ฉากกับแนวแรง
138

Sc =

cA P c ………………………………. (8.2) 8.3.3 ความเค้นเฉื อน (Shearing Stress)


เมือ่ มีแรงภายนอกมากระท้าต่อวัตถุในลักษณะทีเ่ ฉื อน วัตถุให้ขาดจากกัน
ก็มแ ี รงภายในต่อต้านเอาไว้ แรงภายในทีต
่ อ
่ ต้านไว้ตอ่ หนึ่งหน่ วยพืน
้ ที่ เราเรียกว่า
ความเค้นเฉื อน ดูรูปที่ 8.3

รูปที่ 8.3

ให้ Ss = ความเค้นเฉื อน Ps = แรงภายนอก As = พื้นทีห


่ น้าตัดทีข
่ นานกับแนวแรง Ss = s
s A P ……………………………………….( 8.3)

8.4 ความเครียด (Strain) เมือ่ แท่งวัตถุ ถูกแรงภายนอกมากระท้า


และวัตถุนน
้ ั แปรรูปหรือเปลีย่ นรูปร่างก็จะมี แรงภายในต่อต้าน
แรงภายนอกทีม ่ าเปลีย่ นรูปร่างนัน
้ การต่อต้านการเปลีย่ นรูปร่างนี้เรียกว่า ความเครียด
หาขนาดความเครียดได้โดยเอาส่วนทีเ่ ปลีย่ นไปจากรูปร่างเดิมหารด้วยรูปร่างเดิมของวัต
ถุ แบ่งได้ 3 อย่าง คือ 8.4.1 ความเครียดอัด (Compression Strain) เราให้ c=
ความเครียดอัด L = ส่วนทีห
่ ด L = ความยาวเดิม c =

139

รูปที่ 8.4 วัตถุจะหดตัวเมือ่ ได้รบั แรงอัด

8.4.2 ความเครียดดึง (Tensile strain) ตามรูปที่ 8.5 t = ความเครียดดึง L=


ส่วนทีย่ ืด L = ความยาวเดิม t = L L ……………………………(8.4)

รูปที่ 8.5

140

8.4.3 ความเครียดเฉื อน ( s) เมือ่ มีแรงกระท้าต่อวัตถุให้รูปร่างเปลีย่ นไปตามรูปที่ 8.6


รูปที่ 8.6

s = ความเครียดเฉื อน = มุมทีเ่ อียงไปของวัตถุ Tan =LL = s


……………………………(8.5)

8.5 กฎของฮุก (Hook’ Law) โรเบอร์ด ฮุก เป็ นนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ


ได้ทา้ การทดลองดึงท่อนวัสดุหลาย ๆ อย่างใน หน้าตัดเท่า ๆ กัน
และสังเกตพบว่าการยืดตัวของท่อนวัสดุเมือ่ ถูกแรงดึงเป็ นสัดส่วนโดยตรงกับแรงที่
ใช้ดงึ และเขาได้สรุปกฎไว้วา่ “ ถ้ามีแรงมากระท้าต่อวัตถุ
การยึดตัวของวัตถุจะเป็ นปฏิภาคโดยตรงกับ แรงทีม ่ ากระท้า” หรือ “
ภายในขอบเขตแห่งความเป็ นพลาสติก (Plastic Limit) ความเครียดทีเ่ กิดขึน ้ จะ
เป็ นปฏิภาคโดยตรงกับความเค้น ค้าว่าภายในขอบเขตแห่งพลาสติกนัน ้ หมายความว่า
ถ้าวัสดุถกู แรง
ภายนอกมากระท้าวัตถุก็จะยืดหรือหดหรือเปลีย่ นรูปร่างและจะเปลีย่ นรูปร่างไปจนถึงขีด
หนึ่ง ถ้าหาก เอาแรงมากระท้านัน ้ ออกวัตถุก็สามารถกลับคืนเข้าสูส่ ภาพเดิมได้
กฎของฮุกนี้เราพอจะเขียนเป็ นสมการ ได้ดงั นี้ ความเค้น = มีคา่ คงทีเ่ สมอ
(ถ้าการยืดหดหรือเปลีย่ นรูปร่างอยูใ่ นขอบเขต ความเครียด
แห่งความยืดหยุน ่ ) S = ความเค้น = ความเครียด s = ค่าคงที่
่ ส้าหรับวัสดุชนิดหนึ่ง)
(ค่าพิกดั ยืดหยุน

141

8.6 พิกดั ยืดหยุน ่ (Modulus of Elasticity) พิกดั ยืดหยุน ่ นี้เราเรียกอีกย่างว่า (Young’s Modulus)
เป็ นค่าตัวคูณคงตัวของวัตถุชนิดหนึ่ง ๆ เราใช้สญ ั ลักษณ์ เป็ นตัว E E = s =LL E=
s = LA PL . ……………………(8.6) 8.7 ความสัมพันธ์ระหว่างความเค้นกับความเครียด
ค่าต่าง ๆ เกีย่ วกับสมบัตบิ างประการของวัสดุทน ี่ ้ามาใช้ในการค้านวณความแข็งแรงของ
ชิน
้ ส่วนเครือ ่ งกล และโครงสร้างได้มาจากการทดลองแรงดึงนัน ้ จริง ๆ
เราน้าแท่งวัสดุตามขนาดทีก ่ า้ หนดทดสอบแรงดึงหลาย ๆ อัน
วัดขนาดของแรงทีก ่ ระท้าและ ส่วนทีย่ ืดออกไป
ตลอดจนเส้นผ่าศูนย์กลางทีเ่ ปลีย่ นไปด้วยหลังจากได้ตวั เลขอย่างละเอียดดีแล้ว จึง
น้ามาเขียนเป็ นเส้นกราฟเพือ ่ ใช้งานต่อไป เราทราบมาแล้วว่า
ค่าทีม
่ คี วามส้าคัญในการค้านวณตามกฎของฮุก คือ ความเค้นและ ความเครียด
ดังนัน้ ในการทดลองเราจึงพยายามวัดค่าทัง้ สองนี้เพือ ่ น้ามาเขียนกราฟ และแสดง
ความสัมพันธ์ระหว่างกันและกัน โดยใช้คา่ ความเค้นเป็ นแกนตัง้ (Ordinate)
และค่าความเครียดเป็ นแกน นอน (Abscissa) ก็จะได้ Curve
ทีเ่ รียกว่ากราฟการทดสอบแรงดึง (Tensile Test Diagram) ดังรูปที่ 8.7
ซึง่ เป็ นแผนภาพทดสอบแรงดึงเส้นเหล็กทีใ่ ช้ในงานก่อสร้าง

ความเครียด (cm/cm)
ความเค้นดึง (kg/cm2)
E Breaking Strength

D Ultimate Strength

C Yield point B Elastic limit A Proportional limit

142

รูปที่ 8.7 เส้นกราฟการทดสอบแรงดึงของเหล็กก่อสร้าง จากรูปที่ 8.7 จะเห็นได้วา่ จาก


O ถึง A จะเป็ นกราฟเส้นตรง ซึง ่ หมายความว่า ในระยะนี้
ความสัมพันธ์ระหว่างความเค้นกับความเครียดจะเป็ นไปตามกฎของ ฮุก จุด A
นี้เราเรียกว่า “ จุดแห่ง ขอบเขตของความหยืดหยุน ่ ” หรือจุดจ้ากัดความยืดหยุน ่
(Proportinal limit) เลยจุด A ไปการยืดตัวของ วัสดุ จะไม่เป็ นสัดส่วน
หรือจะไม่เป็ นตามกฎของฮุกทีจ่ ด ุ B การยึดตัวของวัสดุจะเพิม ้ อย่างรวดเร็ว
่ ขึน
กว่าความเค้น ตอนนี้ความยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลของวัตถุเริม ่ คราก(Yield) คือ
จุดทีว่ ตั ถุไม่ยอม กลับคืนสูส่ ภาพเดิม เมือ่ แรงทีม
่ ากระท้านัน้ หมดไป เราเรียกว่า จุดคราก
(Yield Point) เมือ่ เลยจุด B ไป แล้ว เมือ่ ออกแรงดึงวัตถุจะยืนต่อไป
และเมือ่ เพิม ่ แรงดึงไปถึงจุด C ดูตามกราฟจะเห็นว่าเส้นกราฟขึน ้ ไปสูงสุดทีจ่ ุด C
และเมือ่ เลยจุดนี้ไปแล้ว วัตถุจะยึดต่อไป แม้ไม่ไดด้เพิม ่ แรงเลย เมือ่ ดูตามเข็มของ
เครือ
่ งทดลองจะเห็นว่าแรงทีใ่ ช้ดงึ ลดลงไปจากจุด C เราเรียกว่าจุดแรงสูงสุด (Ultimate
Strength) วัตถุ จะยืดตัวต่อไป แม้แรงจะลดลงถึงจุด C และวัตถุจะขาด เราเรียกจุด D ว่า
จุดขาด (Breaking Point) วัตถุ บางชนิดไม่แสดงขอบเขต ความเป็ นสัดส่วนโดยแน่ ชดั เช่น
เหล็กหล่อ ดูรูปที่ 8.8

รูปที่ 8.8 เป็ นกราฟของการดึงเหล็กหล่อ

8.7.1 การยืดตัวเป็ นร้อยละ (Percentage of Elongation) จากการทดลองการดึงวัสดุ


วัสดุยอ่ มมี การยืดตัวต่าง ๆ กัน
เครือ
่ งทดสอบแรงดึงสามารถบันทึกการยืดตัวออกได้อย่างละเอียด

ความยาวสุดท้าย – ความยาวครัง้ แรก x 100 ความยาวครงัแ ้ รก


ในท้านองเดียวกันเราสามารถจะหาการลดตัวทางพื้นทีห
่ น้าตัดของวัสดุ เป็ นร้อยละ

เนื้อทีห
่ น้าตัดเดิม – เนื้อทีห
่ น้าสุดท้ายทีข
่ าด เนื้อทีห
่ น้าตัดเดิม
C Ultimate Point

เนื้อทีต
่ ดั เป็ นร้อย =
การยืดตัวเป็ นร้อยละ =
143

ในวัสดุบางอย่างเช่น เหล็กหล่อ ( Cast iron) ตามรูปที่ 8.8 แล้ว


กราฟไม่สามารถจะแสดงให้เรา ทราบถึงจุดยืด Yield Point ได้อย่างแน่ นอน
จุดยืดเป็ นจุดส้าคัญมากในการออกแบบโครงสร้างหรือ เครือ ่ งจักรกล ดูตามรูปที่ 8.9
รูปที่ 8.9 แสดงการหาจุด Yield Point

โดยทัว่ ไปแล้วเราสามารถหาจุด Yield Strength โดยเขียนเส้นตรงให้ขนานกับช่วง Elastic


Limit โดยจุดเริม ่ ต้นของเส้นขนานนี้หา่ งจากจุดก้าเนิดของกราฟประมาณ 0.2%
ของความเครียด เมือ่ เส้นขนานนี้ไปตัดเส้นกราฟทีไ่ หน ก็ให้ถือว่า Yield Strength
อยูท ่ จี่ ุดนัน้ 8.7.2 แรงประลัย (Ultimate Strength) วัตถุตา่ ง ๆ
เมือ่ ถูกแรงภายนอกกระท้าจะมีแรงภายใน (Stress Strain) ต่อต้านเอาไว้
แต่ถา้ วัตถุนน ้ ั ถูกแรงกระท้าเพิม ้ ทุกที แรงภายในก็จะเพิม
่ ขึน ่ ตามไปด้วยแต่
จะมีขด ี จ้ากัดอยูข ่ ีดหนึ่งนัน
้ จะมีความต้านทานเพิม ้ อีกไม่ได้
่ ขึน
และถ้าวัตถุได้รบั แรงต่อไปเกินขีดจ้ากัด จะเกิดการแตกหรือขาดได้ ขีดทีก ่ ล่าวนี้คอ

แรงสูงสุดทีว่ สั ดุสามารถจะรับน้้าหนัก หรือแรงประลัย (Ultimate Strength) 8.7.3 แรงทีก่
าหนดให้ใช้งาน (Allowable, Stresses or Working Stress) เป็ นแรงภายในทีก ่ า้ หนด
้ เพือ
ขึน ่ ให้วสั ดุสามารถใช้งานได้โดยปลอดภัย
เนื่องมาจากการทดสอบก้าลังของวัสดุเราสามารถทราบ ก้าลังสูงสุดของวัสดุได้
แต่เราไม่สามารถจะทราบถึงก้าลังทีป ่ ลอดภัยเมือ่ วัสดุนน
้ ั รับก้าลัง เราจึงก้าหนด
ความแข็งแรงทีใ่ ช้งานได้ปลอดภัย 8.7.4 ตัวประกอบปลอดภัย (Factor of Safety)
จากการทดสอบก้าลังของวัสดุนน ้ ั ทราบก้าลัง สูงสุด (Ultimate Strength) ของวัสดุ
ในการออกแบบโครงสร้างและเครือ ่ งจักรกลเราต้องการความ ปลอดภัย
ถ้าใช้คา่ ก้าลังประลัยในการออกแบบ ก็จะได้ผลลัพธ์ซงึ่ หมิน ่ ต่ออันตราย
เพราะถ้าวัสดุได้รบั
144

แรงมากกว่านัน ้ นิดเดียวก็จะต้องแตกหักลงด้วยเหตุผลดังกล่าวได้
มีการพิจารณาหาตัวเลขจ้านวนหนึ่ง ไปทอนค่า Ultimate Strength ให้น้อยลง
เรียกจ้านวนนี้วา่ ตัวประกอบปลอดภัย (Factor of Safety) ใน งานช่างสาขาต่าง ๆ
ได้กา้ หนดตัวประกอบปลอดภัยไว้ตา่ ง ๆ กัน ค่าทีไ่ ด้จากการน้าเอาตัวประกอบ
ปลอดภัยไปหารความแข็งแรงสูงสุด (Ultimate Strength)
เราเรียกว่าความแข็งแรงทีย่ อมให้ใช้น่น
ั เอง ถ้า เขียนให้เป็ นสูตรจะได้ ดังนี้

Ultimate Strength Factor of Safety

ตัวอย่างที่ 8.1 แท่งเหล็กแท่งหนึ่ง เส้นผ่าศูนย์กลาง 0.025 ม. ยาว 0.03 ม. มีแรง 1000


้ ในเหล็กแท่งนี้ P = 1000 N At = 4 2d
N ดึงตามแกน จาก Tensile Unit Stress ทีเ่ กิดขึน

d = 0.025 m St = 2 025.0 41000 x = 025.0025.022 471000 xx xx =


2036363 N/m2 Tensile Unit Stress = 2.03x106 N/m2 ตอบ

ตัวอย่างที่ 8.2 เหล็กแข็งยาว 1.00 ม. มีเส้นผ่าศูนย์กลางภายนอก 0.025 ม.


เส้นผ่าศูนย์กลางภายใน 0.01 ม. มีแรง 800 N ดึงตามแกน จงหา Tensile Unit Stress
้ ในแป๊ ป P = 800 N At = 2 2 2 1 44 dd
ทีเ่ กิดขึน = 2 2 2 14 dd
=4 (0.0252 – 0.0192 ) = 47 000264.022 x x = 0.0002836 ม2
Working Strength =

145
St =

tA P =

0002830.0 800 Tensile Unit Stress = 2.8 x106 N/m2 ตอบ

ตัวอย่างที่ 8.3 แท่งคอนกรีตมีพน ื้ ทีห


่ น้าตัด 0.01 ม2 และมีแรง 10000 N อัดตามแกน
จงหา Compressive Unit Stress ทีเ่ กิดขึน้ ในคอนกรีต วิธีท า SC = CA P P = 10,000 N AC =
0.0100 m2 SC = 0100.0 000,10 = 106 N/m2 ตอบ ตัวอย่างที่ 8.4
แป๊ ปเหล็กมีเส้นผ่าศูนย์กลางภายนอก 0.35 ม. มีแรง 39200 N อัดตามแกน ท้าให้เกิด
Compressive Unit Stress เท่ากับ 9.5 x 103N/m2 จงหาเส้นผ่าศูนย์กลางภายในของแป๊ ป
จากสูตร Sc = cA p P = 39200 N SC = 9.5 x 103 N/m2 AC = 3 105.9 408 x = 0.042
ม2 พื้นทีภ่ ายนอกของแป๊ ป = 4 2d = 4 35.0 2 = 0.962 ม2
พื้นทีภ
่ ายในของแป๊ ป = 0.0962 – 0.042 = 0.0542 ม2 0.0542 = 4 2d
d2 = 22 740542.0 xx d = 0.262 ม. ตอบ

้ ตามรูป 8.10 สูตร Ss


ตัวอย่างที่ 8.5 จงหา Shearing Unit Stress ทีเ่ กิดขึน = sA P P = 800
N AS = 0.10x0.125 = .0125 ม2

146

Ss =

0125. 800 = 6.4 x 104 N/m2 Shearing Unit Stress = 6.4 x 104 N/m2

รูปที่ 8.10

ตัวอย่างที่ 8.7 ในการทดสอบอัดคอนกรีตรูปทรงกระบอกสูง 0.40 m ปรากฏว่าคอนกรีต


เมือ่ Compressive Unit Strain เท่ากับ 0.0012
จงหาว่าก่อนทีแ ่ ท่งคอนกรีตจะแตกนัน ้ มันหดเท่าไร สูตร Ec = LL Ec = 0.0012 L =
0.40 m 0.0012 = 40.0 L L = 0.00048 m

147

แบบฝึ กหัดที่ 8
1. ตามรูปแรง P ท้าให้เกิด Tensile Unit Strain ของช่วงกลางเท่ากับ 0.001 ซม.
และท้าให้วตั ถุนี้ยด
ื ออก ทัง้ หมดเป็ นระยะทาง 0.04 ซม. จงหา Tensile Unit Strain ในช่วงริม

รูปที่ 8.11

2. แท่งทองเหลืองมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.20 ม. ยาว 0.40 ม. มีแรงอัด 10,000 N


จะหดตัวเข้า 0.015 ม. จง หา Modulus of Elasticity 3. แท่งทองเหลืองยืดออก 0.012 ม.
เมือ่ Unit Stress = 12,000 N/m2 ให้หาว่าแท่งทองเหลืองยืดเท่าไร 4.
ตามรูปแท่งทองเหลือง AB มี Unit Stress = 12,600 N/m2 จงหาว่า AB ยืดเท่าไร

รูปที่ 8.12 จากโจทย์ที่ 4


0.05 m 0.05 m 0.05 m
1.5 m
148

5. ตามรูป เป็ นรอยต่อโครงสร้าง ถ้า AB ท้าด้วยเหล็กกล้า ซึง่ มี Ultimate Strength = 6.5 x


104 N/m2 ก้าหนดให้ใช้ Factor of Safety = 5 จงค้านวณหา พืน ้ ทีห
่ น้าตัดของเหล็ก A และ B
ทีจ่ ะได้รบั โดย ปลอดภัย

รูปที่ 8.13 จากโจทย์ที่ 5 6. เหล็กเส้นหนึ่งมี 0.05 ม. มีแรง 60,000 N ดึงตามแกน


้ บน พื้นทีห
จงหา Shearing Unit ทีเ่ กิดขึน ่ น้าตัดเอียว 45 องศา และหา Tensile Unit Stress 7.
ตามรูป AB ท้าด้วยเหล็กขนาน 0.19 ม. BC ท้าด้วยไม้ขนาด 0.055x0.075 ม. หา Tensile
้ ในเหล็ก AB และหา Compressive Unite Stress ในไม้ BC
Unit Stress ที่ เกิดขึน
20000 N
60000 N
A

รูปที่ 8.14 จากโจทย์ขอ้ 7

149

8. ตามรูป 8.15 ABC เป็ นโครงสามเหลีย่ มหน้าจั่ว AB ท้าด้วยไม้ขนาด 0.05x0.10 ม. BC


้ ในไม้ AB และหา Tensile Unit
ท้าด้วยเหล็ก 0.012 จงหา Compressive Unit Stress ทีเ่ กิดขึน
้ ใน เหล็ก BC
Stress ทีเ่ กิดขึน

รูปที่ 8.15 จากโจทย์ขอ


้ 8

9. ตามรูปที่ 8.16 BC ท้าด้วยเส้นลวดขนาด 0.006 m จงหา Tensile Unit Stress


้ ในเส้นลวด BC
ทีเ่ กิดขึน

รูปที่ 8.16 จากโจทย์ขอ


้ 9 10. จงหา Shearing Unit Stress ทีม
่ ลี กั ษณะตามรูปที่ 8.17

1.80 m
A

BC 0.015 m
0.05 x 0.10 m
2.40 m

100 N

150
รูปที่ 8.17 จากโจทย์ขอ
้ 10

11. ตามรูป 8.20 แรง 225 N ท้าให้เกิด Shearing Unit Stress ในไม้ 2x105N/m2
จงหาขนาดของ B

รูปที่ 8.18 จากโจทย์ขอ


้ 11

151

้ ในตัวน้อต ตามรูปที่ 8.19


12. จงหา Shearing Unit Stress ทีเ่ กิดขึน

รูปที่ 8.19 จากโจทย์ที่ 12

้ ในแผ่นเหล็ก ตามรูปที่ 8.20


13. จงหา Shearing Unit Stress ทีเ่ กิดขึน

รูปที่ 8.20 จากโจทย์ขอ


้ 13
600 N
0.125 m

152
14. ตามรูปที่ 8.21 แรง P ท้าให้เกิด Compressive Stress ในเพลา 4.14x107 N/m2 ถ้า
ของเพลา = 0.10 ม. จงหาแรง P และถ้า Collar หนา t = 0.0375 ม. จงหา Shearing Stress
้ ระหว่าง Collar กับเพลา
ทีเ่ กิดขึน

รูปที่ 8.21 จากโจทย์ขอ


้ 14

15. ตามรูปแท่งทองเหลือง AB มี Stress = 8.69x108 N/m2 มี E ของทองเหลือง 2.01 x


1011 N/m 2 จงหา ว่า AB ยืดเท่าไร

รูปที่ 8.22 จากโจทย์ 15

1.5 m
153

16. จงหาค่าของแรง F ท้าให้ Tensile Stress 1200 kg/cm2

รูปที่ 8.23 จากโจทย์ขอ


้ 16

You might also like