Professional Documents
Culture Documents
ความเค้นและความเครียด
ความเค้นและความเครียด
ของแรงความเค้นได้โดยเอาแรงภายนอกทีม ่ ากระท้านัน
้ หารด้วยพื้นทีห
่ น้าตัดทีแ
่ รงนัน
้ กร
ะท้าต่อหนึ่ง หน่ วยพืน
้ ที่ ถ้าให้ S( ) = ความเค้นของวัตถุ P =
แรงภายนอกทีม ่ ากระท้าต่อวัตถุ A = พืน ้ ทีห
่ น้าตัดของวัตถุ จะได้ S = A P
หน่ วยความเค้น ระบบอังกฤษ lb.f/in2 ระบบเมตริก kg.f/cm2 ระบบ SI N/m2 8.3
ชนิดของความเค้น (Kind of Stresses)
ความเค้นแบ่งออกตามลักษณะทีแ ่ รงภายนอกมากระท้าได้ 3 อย่าง คือ 8.3.1
ความเค้นดึง ( Tensile Stress) เมือ่ มีแรงภายนอกมากระท้าวัตถุในลักษณะทีพ ่ ยายามดึง
วัตถุในขาดจากกัน วัตถุนน ้ ั จะมีแรงภายในต่อต้านเอาไว้ แรงภายในทีต ่ อ่ ต้านเอาไว้
ต่อหนึ่งหน่ วยพื้นที่ เราเรียกความเค้นดึง ดูตามรูปที่ 8.1
AP
dP dP
137
รูปที่ 8.1 แรง P กระท้าต่อวัสดุผา่ นจุดศูนย์ถว่ ง ตามรูป ให้ St = ความเค้นดึง Pt =
แรงทีม ่ ากระท้าให้ลกั ษณะทีด่ งึ ให้วตั ถุขาดจากกัน At = พืน
้ ทีห ่ น้าตัดตัง้ ฉากกับแนวแรง
St = t t A p …………………………( 8.1) 8.3.2 ความเค้นอัด (Compressive Stress)
เมือ่ มีแรงภายนอกมากระท้าต่อวัตถุในลักษณะทีอ่ ดั วัตถุนน ้ ั ให้แตกหักออกจากกัน
ก็จะมีแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลต่อต้านเอาไว้แรงภายในทีต ่ อ ่ ต้านไว้นี้
ต่อหนึ่งหน่ วยพื้นทีเ่ ราเรียกว่า ความเค้นอัด ตามรูปที่ 8.2
รูปที่ 8.2
Sc =
รูปที่ 8.3
139
รูปที่ 8.5
140
141
8.6 พิกดั ยืดหยุน ่ (Modulus of Elasticity) พิกดั ยืดหยุน ่ นี้เราเรียกอีกย่างว่า (Young’s Modulus)
เป็ นค่าตัวคูณคงตัวของวัตถุชนิดหนึ่ง ๆ เราใช้สญ ั ลักษณ์ เป็ นตัว E E = s =LL E=
s = LA PL . ……………………(8.6) 8.7 ความสัมพันธ์ระหว่างความเค้นกับความเครียด
ค่าต่าง ๆ เกีย่ วกับสมบัตบิ างประการของวัสดุทน ี่ ้ามาใช้ในการค้านวณความแข็งแรงของ
ชิน
้ ส่วนเครือ ่ งกล และโครงสร้างได้มาจากการทดลองแรงดึงนัน ้ จริง ๆ
เราน้าแท่งวัสดุตามขนาดทีก ่ า้ หนดทดสอบแรงดึงหลาย ๆ อัน
วัดขนาดของแรงทีก ่ ระท้าและ ส่วนทีย่ ืดออกไป
ตลอดจนเส้นผ่าศูนย์กลางทีเ่ ปลีย่ นไปด้วยหลังจากได้ตวั เลขอย่างละเอียดดีแล้ว จึง
น้ามาเขียนเป็ นเส้นกราฟเพือ ่ ใช้งานต่อไป เราทราบมาแล้วว่า
ค่าทีม
่ คี วามส้าคัญในการค้านวณตามกฎของฮุก คือ ความเค้นและ ความเครียด
ดังนัน้ ในการทดลองเราจึงพยายามวัดค่าทัง้ สองนี้เพือ ่ น้ามาเขียนกราฟ และแสดง
ความสัมพันธ์ระหว่างกันและกัน โดยใช้คา่ ความเค้นเป็ นแกนตัง้ (Ordinate)
และค่าความเครียดเป็ นแกน นอน (Abscissa) ก็จะได้ Curve
ทีเ่ รียกว่ากราฟการทดสอบแรงดึง (Tensile Test Diagram) ดังรูปที่ 8.7
ซึง่ เป็ นแผนภาพทดสอบแรงดึงเส้นเหล็กทีใ่ ช้ในงานก่อสร้าง
ความเครียด (cm/cm)
ความเค้นดึง (kg/cm2)
E Breaking Strength
D Ultimate Strength
142
เนื้อทีห
่ น้าตัดเดิม – เนื้อทีห
่ น้าสุดท้ายทีข
่ าด เนื้อทีห
่ น้าตัดเดิม
C Ultimate Point
เนื้อทีต
่ ดั เป็ นร้อย =
การยืดตัวเป็ นร้อยละ =
143
แรงมากกว่านัน ้ นิดเดียวก็จะต้องแตกหักลงด้วยเหตุผลดังกล่าวได้
มีการพิจารณาหาตัวเลขจ้านวนหนึ่ง ไปทอนค่า Ultimate Strength ให้น้อยลง
เรียกจ้านวนนี้วา่ ตัวประกอบปลอดภัย (Factor of Safety) ใน งานช่างสาขาต่าง ๆ
ได้กา้ หนดตัวประกอบปลอดภัยไว้ตา่ ง ๆ กัน ค่าทีไ่ ด้จากการน้าเอาตัวประกอบ
ปลอดภัยไปหารความแข็งแรงสูงสุด (Ultimate Strength)
เราเรียกว่าความแข็งแรงทีย่ อมให้ใช้น่น
ั เอง ถ้า เขียนให้เป็ นสูตรจะได้ ดังนี้
145
St =
tA P =
146
Ss =
0125. 800 = 6.4 x 104 N/m2 Shearing Unit Stress = 6.4 x 104 N/m2
รูปที่ 8.10
147
แบบฝึ กหัดที่ 8
1. ตามรูปแรง P ท้าให้เกิด Tensile Unit Strain ของช่วงกลางเท่ากับ 0.001 ซม.
และท้าให้วตั ถุนี้ยด
ื ออก ทัง้ หมดเป็ นระยะทาง 0.04 ซม. จงหา Tensile Unit Strain ในช่วงริม
รูปที่ 8.11
149
1.80 m
A
BC 0.015 m
0.05 x 0.10 m
2.40 m
100 N
150
รูปที่ 8.17 จากโจทย์ขอ
้ 10
11. ตามรูป 8.20 แรง 225 N ท้าให้เกิด Shearing Unit Stress ในไม้ 2x105N/m2
จงหาขนาดของ B
151
152
14. ตามรูปที่ 8.21 แรง P ท้าให้เกิด Compressive Stress ในเพลา 4.14x107 N/m2 ถ้า
ของเพลา = 0.10 ม. จงหาแรง P และถ้า Collar หนา t = 0.0375 ม. จงหา Shearing Stress
้ ระหว่าง Collar กับเพลา
ทีเ่ กิดขึน
1.5 m
153