Professional Documents
Culture Documents
Earthquake 123
Earthquake 123
µ∆ = ∆ m / ∆ y (1)
Load, P
µ ∆ = ∆m / ∆ y
Plastic hinge
Deflection
y m
ภาพที่ 2 ความเหนียวขององค์อาคาร
Elastic force, Fe
∆y Displacement at yield
Lateral inertial load ∆r Residual displacement
A ∆ Displacement at ultimate
u
Plastic hinge
Inelastic force, Fi
B
Plastic hinge
∆y ∆u
Lateral deflection
Required ductility
ภาพที่ 3 ความเหนียวขององค์อาคารช่วยลดขนาดแรงแผ่นดินไหวที่ใช้ในการออกแบบลงได้
Potential energy
Dissipated energy
Potential energy
∆u ∆y ∆u
Lateral deflection Lateral deflection
µϕ = ϕ m / ϕ y (2)
µ∆ − 1 (3)
µφ = 1 +
3(l p / l )[1 − 0.5(l p / l )]
โดยที่ lp เป็ นความยาวของ plastic hinge และ l เป็ นความยาวขององค์อาคาร ความยาวของ plastic
hinge สามารถคํานวณได้จาก
ตัวอย่ างโจทย์
เสายืน่ ค.ส.ล. (Cantiliver column) ต้นหนึ่งมีความยาว 4 ม. เสริ มด้วยเหล็ก DB28 เกรด SD30 (กําลัง
คราก = 300 MPa) ต้องออกแบบให้หน้าตัดมีความเหนียว µϕ เท่าไร จึงจะได้ความเหนียวขององค์อาคาร
µ∆ = 6
วิธีทาํ
1. คํานวณความยาว plastic hinge ดังนี้
lp = 0 . 08 × 4 + 0 . 022 × 0 . 028 × 300 = 0 . 5 m
Moment, M M M
Moment, M
µ = ϕ m /ϕ y
Dissipated energy
ϕy ϕ m Curvature, ϕ Curvature, ϕ
แบบเหล็กเสริ มดึงรู ด (bond pull-out failure) หากองค์อาคารเกิดการวิบตั ิแบบ crushing หรื อ แบบเฉื อน
การสลายพลังงานจะเกิดไม่ได้ เพราะเป็ นการวิบตั ิแบบเปราะ ดังนั้นเพื่อให้ plastic hinge สลายพลังงาน
ได้ตามต้องการ ต้องออกแบบให้การวิบตั ิเป็ นแบบที่เหล็กเสริ มคราก เมื่อองค์อาคารรับแรงแผ่นดินไหว
องค์อาคารจะเกิดการโยกตัวไปกลับไปมาเป็ นวนรอบ (Cyclic loops) ดังแสดงใน ภาพที่ 5 พื้นที่ภายใน
ลูปแสดงพลังงานที่สลายไปต่อการเคลื่อนที่ 1 รอบ พฤติกรรมการสลายพลังงานดังแสดงในภาพที่ 5
เรี ยกว่าพฤติกรรมอีลาสโต-พลาสติก (Elasto-plastic) ซึ่ งมีคุณลักษณะเด่นคือมี ลูปที่กว้าง สลายพลังงาน
ได้มาก พฤติกรรมขององค์อาคารคอนกรี ตเสริ มหล็กจะมีลูปที่แคบกว่านี้ดงั จะได้อธิ บายต่อไป
พฤติ ก รรม Column sidesway mechanism เป็ นที่ รู้จกั กันดี ในอี กชื่ อหนึ่ งว่า soft-story mechanism
และเป็ นหนึ่ งในหลายๆสาเหตุ ที่สําคัญที่ ท าํ ให้โครงสร้ างพังทลายลงมาในการเกิ ดแผ่นดิ นไหวครั้งที่
ผ่ า นๆมา เนื่ อ งจากการออกแบบเสาไม่ มี ค วามเหนี ย วพอ การออกแบบเพื่ อ ให้ เกิ ด beam sidesway
mechanism ทําได้โดยการออกแบบให้เสามีกาํ ลังสู งกว่าคาน มากพอที่จะบังคับให้ plastic hinge เกิดใน
คาน การออกแบบในลักษณะนี้เรี ยกว่า capacity design approach ซึ่ งจะได้อธิ บายในหัวข้อถัดไป
M n1 + M n 2 wu L (5)
Ve = +
L 2
(a) (a)
(b) (b)
(c) (c)
ภาพที่ 6 การโก่งตัว แรงเฉื อน และ โมเมนต์ที่ ภาพที่ 7 การโก่งตัว แรงเฉื อน และ โมเมนต์ที่
เกิดขึ้นในโครงข้อแข็งเมื่อรับแรงแนวดิ่ง เกิดขึ้นในโครงข้อแข็งเมื่อรับแรงแนวราบ
SESSION 1-1 10/20
∆u ∆u
θ2
θ1
ภาพที่ 8 เปรี ยบเทียบระหว่าง Beam sidesway mechanism และ Column sidesway mechanism
M o1 Ve Ve M o2
อย่างไรก็ตามสําหรับโครงข้อแข็งที่มีความเหนียจํากัดตามที่ระบุไว้ในกฏกระทรวงไม่ได้มีขอ้ กําหนด
ข้างต้น แต่เพื่อเป็ นการออกแบบที่ดี ผูเ้ ขียนแนะนําให้ใช้สมการข้างล่างนี้
∑ Mc > ∑ Mg (6.2)
นัน่ คืออย่างน้อยเสาจะต้องมีกาํ ลังต้านทานโมเมนต์มากกว่าหรื อเท่ากับของคาน
5. Flexural Over-strength
ในระหว่างเกิดแผ่นดินไหว โมเมนต์ที่ทาํ ให้คานเกิด plastic hinge อาจจะมีค่าสู งกว่ากําลังโมเมนต์
ดัดระบุ เพราะกําลังรับโมเมนต์ดดั ที่แท้จริ งมักมีค่าสู งกว่ากําลังโมเมนต์ดดั ระบุของหน้าตัด เราเรี ยกกําลัง
ต้านทานโมเมนต์สูงสุ ดนี้วา่ flexural over-strength ซึ่ งสามารถเขียนสมการแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง
flexural over-strength (M0) และ nominal strength (Mn) ได้ดงั นี้
M 0 = λ0 M n (7)
5.2 เหล็กในแผ่ นพืน้ และพืน้ ที่หล่ อเป็ นเนื อ้ เดียวกับคาน เพิ่มกําลังต้านทานโมเมนต์ของคานได้ (T-beam
action)
5.3 เหล็กเสริ มมีพฤติกรรม strain hardening ซึ่ งไม่ได้คิดไว้ในตอนออกแบบ
5.4 การโอบรั ดหน้ าตัดด้ วยเหล็กปลอก (confinement) ช่วยเพิ่มกําลังรับแรงอัดของคอนกรี ตได้
Crack occurs under the applied load. Crack remains after the load is removed.
Crack remains even if the load is reversed. Crack fully closes when the reversed load is large.
σs (tension)
εs
δ,V
V M
(a) (b)
δ,V
δ,V
(c) (d)
6.2 พฤติกรรมของเสา
ความแตกต่างระหว่างเสากับคานก็คือ เสามีแรงตามแนวแกนมากระทํา ซึ่ งแรงตามแนวแกนเกิด
จาก นํ้าหนักบรรทุกแนวดิ่ง และ นํ้าหนักบรรทุกแนวราบ รวมทั้งความเร่ วของผิวดินในแนวดิ่งด้วย แรง
ตามแนวแกนที่เป็ นแรงอัดมีท้ งั ข้อดีและข้อเสี ยต่อพฤติกรรมการรับแรงสลับทิศของเสา ข้อดีก็คือช่วยให้
รอยร้าวไม่เปิ ดกว้างมาก ทําให้คอนกรี ตถ่ายแรงได้ดีข้ ึน ดังนั้นลูปจึงมีความกว้างมากขึ้น แต่มีขอ้ เสี ยคือ
ทําให้ความเหนียวลดลง เพราะแรงอัดทําให้คอนกรี ต crush หรื อกะเทาะหลุดออกมาได้ง่ายขึ้น และยังมี
ผลของการขยายโมเมนต์เนื่องจากแรงตามแนวแกน หรื อ P- ∆ effect อีกด้วย กล่าวโดยสรุ ปก็คือหาก
ระดับของแรงอัดตามแนวแกนมีค่าไม่มากนัก ก็จะเป็ นผลดีต่อเสา แต่หากแรงอัดมีค่าสู งจะเป็ นผลเสี ย
มากกว่า
Column
0.85fc ba H
M1 M2
As1 fs As1 fy
Max. horizontal shear
Beam steel
Typical 0.85fc ba Vmax = As1 fy + As2 fy - H
Beam horizont
al plane
As2 fy As2 fs
6.3 พฤติกรรมของจุดต่ อ
ภายใต้น้ าํ หนักบรรทุกแนวดิ่ง จุดต่อไม่ค่อยจะรับแรงอะไรมากมายนัก เพราะ โมเมนต์ที่ปลายคาน
ทั้งสองด้านของจุดต่อมีทิศตรงกันข้ามกัน (เป็ นโมเมนต์ลบด้วยกันทั้งคู่) ดังแสดงในภาพที่ 6c ดังนั้นจึงมี
การถ่ายเท unbalanced moment เข้าไปในจุดต่อไม่มากนัก ในทางตรงกันข้าม เมื่อมีแรงด้านข้างกระทําต่อ
โครงข้อแข็ง จุดต่อระหว่างเสาและคานจะเป็ นบริ เวณที่มีการถ่ายแรงสู งมาก ที่เป็ นเช่นนี้เพราะ โมเมนต์ที่
ปลายคานทั้งสองด้านของจุดต่อมีทิศเดียวกัน ดังแสดงใน ภาพที่ 7c ดังนั้นจึงทําให้เกิด unbalanced
moment สู งถ่ายเข้าไปที่จุดต่อ ผลของ unbalanced moment นี้ทาํ ให้เกิดแรงเฉื อนแนวนอนขนาดมหาศาล
กระทําที่จุดต่อดังแสดงใน ภาพที่ 16 ซึ่ งสามารถคํานวณได้จาก
SESSION 1-1 18/20
V j = As1 f y + As 2 f y − H (7)
A s1f s A s1 f y
Fb
Fb = A s1 f y + A s1f s
120
100
80
60
40
20
Force (KN)
-20
-40
-60
-80
-100
-120
-140 -120 -100 -80 -60 -40 -20 0 20 40 60 80 100 120
Displacement (mm)
ภาพที่ 19 ความสัมพันธ์ระหว่างระยะแรงและระยะเคลื่อนตัวของจุดต่อคาน-เสา
7. บทสรุ ป
บทความนี้แนะนําให้ผอู ้ ่านได้รู้จกั พฤติกรรมขององค์อาคารค.ส.ล. และ โครงข้อแข็ง ค.ส.ล.
ภายใต้แรงแผ่นดินไหว โดยผูเ้ ขียนได้แนะนําให้ผอู ้ ่านได้รู้จกั การผลการตอบสนองแบบอีลาสติกของ
โครงสร้างต่อแรงแผ่นดินไหว โดยชี้ให้เห็นว่าแรงที่กระทําต่อโครงสร้างเนื่องจากแผ่นดินไหว แท้จริ ง
แล้วเป็ นแรงเฉื่ อยที่เกิดจากความเร่ ง และ มวลของอาคาร และขนาดของความเร่ งที่เกิดขึ้นนี้อาจจะมีค่า
มากเป็ นหลายเท่าของความเร่ งที่ผวิ ดิน จากนั้นผูเ้ ขียนได้ช้ ีให้เห็นต่อไปว่าวิศวกรไม่จาํ เป็ นต้องออกแบบ
ให้โครงสร้างอยูใ่ นสภาพอีลาสติก ภายใต้แรงแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่มีโอกาสกระทําต่อโครงสร้างเพียง
1 หรื อ 2 ครั้งตลอดอายุของโครงสร้าง เพราะจะทําให้ได้โครงสร้างที่มีขนาดใหญ่เกินจําเป็ น และเป็ นการ
ออกแบบที่ไม่ประหยัด วิธีการออกแบบที่เป็ นที่ยอมรับอย่างสากลมากกว่าคือออกแบบให้องค์อาคารเกิด
การคราก หรื อสร้าง plastic hinge ในระหว่างเกิดแผ่นดินไหว ซึ่ งก็จะทําให้สามารถลดแรงที่มากระทําต่อ
โครงสร้างลงได้เป็ นอย่างมาก ทั้งนี้ท้งั นั้นต้องออกแบบให้โครงสร้างมีความเหนียวพอเพียง ผูเ้ ขียนได้
ชี้ให้เห็นว่าการสร้าง plastic hinge เป็ นการสลายพลังงานออกไปจากโครงสร้าง
ในลําดับต่อไป ผูเ้ ขียนได้อธิ บายว่ารู ปแบบการสร้าง plastic hinge ในโครงสร้างนั้นทําได้ 2
รู ปแบบคือ การสร้าง plastic hinge ที่ปลายคานซึ่ งเรี ยกว่า beam hinge mechanism และ การสร้าง plastic
hinge ที่ปลายเสาซึ่ งเรี ยกว่า column hinge mechanism โดยผูเ้ ขียนชี้ให้เห็นว่ากลไก beam hinge
mechanism หรื อรู ้จกั ในอีกชื่ อหนึ่งว่า weak beam-strong column เป็ นวิธีที่ได้รับการแนะนําจากมาตรฐาน
SESSION 1-1 20/20
8. เอกสารอ้ างอิง
ACI318, 1999. Building Code Requirements for Structural Concrete (318M-99) and Commentary
(318RM-99). American Concrete Institute.
D.J. Dowrick, 1977. Earthquake Resistant Design. New York: John-Wiley & Sons.
G.P. Penelis and A.J. Kappos, 1997. Earthquake-Resistant Concrete Structures. New York: E & FN
SPON.
J.G. MacGregor, 1992.. Reinforced Concrete Mechanics and Design. USA: Prentice Hall International.
K. Maekawa, A. Pimanmas and H.Okamura, 2003. .Nonlinear Mechanics of Reinforced Concrete.
Spon Press.
Proc. of the 5th Workshop, 2005. Design of building against earthquakes. Engineering Institute of
Thailand.
R. Park and T. Paulay, 1975. Reinforced Concrete Structures. USA: John-Wiley & Sons.
T. Paulay and M.J.N. Priestley, 1992. Seismic Design of Reinforced Concrete and Masonry Buildings.
USA: John-Wiley & Sons.
บทที่ 2
หลักการออกแบบอาคารต้ านทานแผ่ นดินไหว
ศ.ดร.อมร พิมานมาศ
เลขาธิการสภาวิศวกร
ประธานคณะอนกุ รรมการทดสอบความร้ ูความชํานาญระดับสามัญวิศวกร (โยธา)
1
หลักสําคัญของการออกแบบอาคารต้านทานแผ่นดินไหว
มยผ. กฎกระทรวง
รู ปทรง เสถียรภาพ
กําลัง ความเหนียว
กฎกระทรวง มยผ.
2
Ft การวิเคราะห์ดว้ ยวิธีแรงสถิตย์เทียบเท่า
พิจารณาแผ่นดินไหวเป็ น
แรงสถิตย์กระทําใน
แนวนอน
W = นน. อาคารทั้งหมด
BASE SHEAR, V
V=ZIKCS W
Acceleration (Sa) % g
3
กฏกระทรวง พ.ศ. 2550
การรับนํ้าหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร และพืน้ ดินที่รองรับอาคาร
ต้านแผ่นดินไหว
แรงเฉือนในแนวราบที่ระดับพื้นดิน V
V = ZI K CSW
สัมประสิทธิ์ของ นํ้าหนักของตัวอาคาร
ความเข้มของแผ่นดินไหว สัมประสิทธิ์ของการประสาน
ความถี่ธรรมชาติ
ตัวคูณเกี่ยวกับการใช้งาน
ระหว่างอาคารและชั้นดิน
สัมประสิทธิ์ของโครงสร้าง
์
อาคารที่รบั แรงตามแนวราบ สัมประสิทธิของคาบธรรมชาติ
4
Zone Factor (Z)
บริเวณ ค่า Z
1 0.19
2 0.38
5
ส.ป.ส. ของโครงสร้างที่รบั แรงในแนวราบ(K)
ระบบและชนิดของโครงสร้างรับแรงในแนวราบ K
(1) ออกแบบให้กาํ แพงรับแรงเฉือน/โครงแกงแนงรับแรงทัง้ หมด 1.33
(2) ออกแบบให้โครงต้านแรงดัดทีม่ คี วามเหนียวต้าน (DMRF) ทานแรงทัง้ หมด 0.67
(3) ออกแบบให้โครงต้านแรงดัดทีม่ คี วามเหนียวรับแรงร่วมกับกําแพงรับแรงเฉือนหรือโครงแกงแนง โดย 0.80
มีขอ้ กําหนด ดังนี้
- โครงต้านทานแรงดัดทีม่ คี วามเหนียวต้องรับแรงในแนวราบได้ไม่น้อยกว่า 25%
- กําแพงรับแรงเฉือน/โครงแกงแนงเมือ่ แยกออกจากโครงสร้างต้องรับแรงได้ทงั ้ หมด
- โครงต้านทานแรงดัดทีม่ คี วามเหนียว + กําแพงรับแรงเฉือน/โครงแกงแนง ต้องสามารถรับแรงใน
แนวราบได้
ทัง้ หมด โดยสัดส่วนของแรงทีก่ ระทําต่อโครงสร้างแต่ละระบบ ให้เป็ นไปตามสัดส่วนความคงตัว
(Rigidity) โดย
คํานึงถึงการถ่ายเทแรงระหว่างโครงทัง้ สอง
(4) หอถังนํ้า รองรับด้วยเสาไม่น้อยกว่า 4 ต้น มีแกงแนงยึดและไม่ตงั ้ อยูบ่ นอาคาร 2.50
หมายเหตุ ค่า K คูณกับ C ต้องไม่น้อยกว่า 0.12 และไม่เกิน 0.25
(5) โครงต้านทานแรงดัดทีม่ คี วามเหนียวจํากัดและโครงสร้างระบบอืน่ ๆนอกเหนือจาก (1) ถึง (4) 1.00
6
1
C-factor
C = Min [ , 0.12]
15 T
C
(1) สําหรับอาคารทัวไป
่
0.12 T = 0.09hn / D
9
การวิบตั ิมกั เกิดขึ้นที่ปลายชิ้นส่ วน 1. ต้องเสริ มเหล็กปลอกให้แน่หนา
2. ต้องหลีกเลี่ยงการทาบต่อเหล็ก
เสริ มบริ เวณดังกล่าว
10
หลักการออกแบบอาคารต้านทานแผ่นดินไหว
∆ u ระยะเคลื่อนตัวทางราบ
แรง
11
Elastic Design Yielding Design
แรงแผ่ นดินไหว
แรงแผ่ นดินไหว
คราก
∆y
∆u ระยะเคลื่อนตัว ∆u ระยะเคลื่อนตัว
ความเหนียวทีต่ ้ องการ
12
∆
หลักการออกแบบอาคารต้∆านทานแผ่นดินไหว
u u
θ2
θ1
Mg ME
14
ขั้นที่ 2 ออกแบบคานรับแรงเฉื อน
Wu
Vu = Wu L
+
M n1 + M n2
L
2 L
แรงเฉื อนที่เกิดจากนํ้าหนักบรรทุก
แนวดิ่งเพิม่ ค่า = Wu L/2
เกิดโมเมนต์ดดั = M n1 + M n2
L
15
ขั้นที่ 3 ออกแบบเสารับโมเมนต์ ดดั
∑ Mnc ≥ 6 ∑ Mng โครงที่มีความเหนียวพิเศษ ในอเมริ กา ญี่ปุ่น เป็ นต้น
5
∑ Mnc ≥ ∑ Mng โครงที่มีความเหนียวจํากัด
Mc
∑Mc ผลรวมกําลังต้านทานโมเมนต์ของเสา Mg
Mg
∑Mg ผลรวมกําลังต้านทานโมเมนต์ของคาน
16
โครงทีม
่ ค
ี วามเหนียวจํากัด
4. S2 จะต้องไม่มากกว่า d/2 D = 4d
b
Seismic Hook
db
17
Beam รายละเอียดการเสริ มเหล็กในเสา
l0 s0
1. s0 ต้องไม่เกิน
a. 8 เท่าของ dia เหล็กยืน
b. 24 เท่า dia เหล็กปลอก
Column ties
c. ด้านแคบ/2
st d. 30 cm.
l0 2. l0 ต้องไม่นอ้ ยกว่า
< s0/2
a. H/6 ข. Bs ค. 50 ซม.
Beam
< s0/2
3. ไม่ทาบต่อเหล็กยืนในระยะ l0
4. St ต้องไม่มากกว่า 2S0
l0
Bs
BL > Bs
BL
18
• ของอ (Hook) : จะต้องใช้ของอ 90 องศาและ 135 องศา สําหรับ
อาคารทัวไปและอาคารสาธารณะตามลํ
่ าดับ
Mg
Mg
Earthquake
Mc
Mg
Mg
Mc
20
พฤติกรรมของข้ อต่ อคานเสา
เสา
Joint shear failure
0.85fc ba Vcol
As1 fs คาน
As1 As1 fy
Mn1
0.85fc ba Mn2
As2 fs
As2 As2 fy
แรงเฉือนแนวนอนในข้อต่อ
การออกแบบ
Vj = As1 fs + 0.85fc ba + As1 fy - Vcol
Vj < φ Vjn
Vj = As2 fy + As1 fy - Vcol
21
Detail of transverse joint reinforcement
Typical Specimen JTR Specimen SMRF Specimen
Modified IMRF
22
การวิบัติของจุดต่ อ
Typical Specimen JTR Specimen SMRF Specimen
23
100 100
Story shear force (kN)
เสา เหล็กปลอกในข้อต่อ
Av = 3.5 b s/ fy
คาน
25
Vj < φVn
• การออกแบบเหล็กเสริมในข้อต่อเสาคาน
3. กําลังรับแรงเฉื อนระบุ มีค่าดังต่อไปนี้ หน่วย SI หน่วย metric
- ข้อต่อได้รบั การยึดรัง้ จากคานทัง้ 4 ด้าน, Vn = 1.4 fc′ A j V = 5.4 f ′ A
n c j
26
ที่มา มยผ. 1301-54
27
การตรวจสอบความมันคงของโครงสร้
่ าง
การตรวจสอบการเคลื่อนตัวระหว่างชัน้ (Interstory drift)
DRIFT
0.04h i
• เมื่อ T < 0.70 s ∆ i ≤ min
Rw
,0.005h i
V
beam
0.03h i h
• เมื่อ T >= 0.70 s ∆ i ≤ min ,0.004h i column
Rw
Stiffness effect
โดยค่าการเคลื่อนตัวระหว่างชัน้
สามารถคํานวณได้จากโปรแกรม
คอมพิวเตอร์ 3 มิติ (ไม่รวมผลของการบิด)
28
การตรวจสอบความมันคงของโครงสร้
่ าง
29
การตรวจสอบความมันคงของโครงสร้
่ าง
การตรวจสอบการพลิกควํา่ (Overturn)
68.12 T
97.66 T
MR
F .S . = 84.25 T
MO 70.85 T
W=8,557.64 T
57.44 T
29.0
เมื่อ Mo คือ โมเมนต์พลิกควํา่
25.5
44.04 T
22.0
18.5
30.64 T
MR คือ โมเมนต์ต้านการพลิกควํา่
15.0
11.5
17.67 T
8.0
4.5
ต้องมากกว่า 1.5
A
5.0 5.0 5.0 5.0 5.0
30
การตรวจสอบความมันคงของโครงสร้
่ าง
การตรวจสอบผลกระทบเนื่ องจากแรงและการเคลื่อนตัว (P-∆ Effect)
Pi ∆ i
θi =
Vi h i
31
บทที่ 3
การคานวณแรงแผ่นดินไหวตาม กฏกระทรวงฯ พ.ศ. 2550
การรับน้าหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร
และพืน้ ดินที่รองรับอาคารต้านแผ่นดินไหว
ศ.ดร.อมร พิมานมาศ
เลขาธิการสภาวิศวกร
1
พืน้ ที่และบริเวณเฝ้ าระวัง
บริเวณเฝ้ าระวัง : พืน้ ทีห่ รือบริเวณทีอ่ าจได้รบั ผลกระทบจากแผ่นดินไหวได้แก่
จังหวัดกระบี่ ชุมพร พังงา ภูเก็ต ระนอง สงขลาและสุราษฏร์ธานี
บริเวณที่ 1 : พืน้ ทีห่ รือบริเวณทีเ่ ป็ นดินอ่อนซึง่ อาจได้รบั ผลกระทบจากแผ่นดินไหว
ระยะไกล ได้แก่จงั หวัด กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการและสมุทรสาคร
บริเวณที่ 2 : พืน้ ทีๆ่ อยูใ่ กล้รอยเลื่อนทีอ่ าจได้รบั ผลกระทบจากแผ่นดินไหว ได้แก่
จังหวัดกาญจนบุรี เชียงราย เชียงใหม่ ตาก น่าน พะเยา แพร่ ลาปาง ลาพูนและ
แม่ฮ่องสอน
2
บริเวณและอาคารที่บงั คับใช้
(ก) อาคารที่จาเป็ นต่อสาธารณชน เช่น สถานพยาบาลทีร่ บั ผูป้ ่ วยไว้คา้ งคืน สถานี
ดับเพลิงอาคารศูนย์บรรเทาสาธารณภัย อาคารศูนย์สอ่ื สาร ท่าอากาศยาน
โรงไฟฟ้ า โรงผลิตและเก็บน้าประปา
(ข) อาคารเก็บวัตถุอนั ตราย เช่น วัตถุระเบิด วัตถุไวไฟ วัตถุมพี ษิ วัตถุกมั มันตรังสี
หรือวัตถุทร่ี ะเบิดได้
(ค) อาคารสาธารณะ เช่น โรงมหรสพ หอประชุม หอศิลป์ พิพธิ ภัณฑสถาน หอสมุด
ศาสนสถาน อัฒจันทร์ ตลาด ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า สถานีรถและโรงแรม
(ง) สถานที่ศึกษา
3
บริเวณและอาคารที่บงั คับใช้
(จ) สถานที่รบั เลีย้ งเด็ก
(ฉ) อาคารที่มีผใ้ ู ช้อาคารได้ดงั ้ แต่ห้าพันคนขึน้ ไป
(ช) อาคารที่มีความสูงตัง้ แต่ 15 ม. ขึน้ ไป
(ซ) สะพานหรือทางยกระดับที่มีศนู ย์กลางตอม่อตัง้ แต่ 10 ม. ขึน้ ไป
(ฌ) เขื่อนกักเก็บน้า เขื่อนทดน้าหรือฝายทดน้า ที่ตวั เขื่อนหรือตัวฝายมีความ
สูงตัง้ แต่ 10 ม. ขึน้ ไป
4
เงื่อนไขในการออกแบบ
การจัดรูปแบบทางเรขาคณิตให้มเี สถียรภาพในการต้านทานการสันสะเทื
่ อน
ของแผ่นดินไหว
รายละเอียดปลีกย่อยชิน้ ส่วนโครงสร้าง รวมทัง้ บริเวณรอยต่อระหว่างปลายชิน้ ส่วน
โครงสร้างต่างๆต้องมีความเหนียวเทียบเท่าความเหนียวจากัด (Limited Ductility)
ในการออกแบบให้ใช้ค่าหน่วยแรงทีม่ ากกว่าระหว่างแรงจากแผ่นดินไหวและแรงลม
ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 6 (พ.ร.บ 2522)
5
อาคารรูปทรงสมา่ เสมอ
การออกแบบโครงสร้างอาคารทีม่ ลี กั ษณะเป็ นตึก บ้าน เรือน หรือลักษณะคล้ายๆ
กันและไม่อยู่ในบริเวณเฝ้ าระวัง ให้คานวณแรงเนื่องจากแผ่นดินไหว ดังนี้
Ft
V = ZIKCSW
V : แรงเฉือนทีฐ่ านในแนวราบ
Z : ส.ป.ส. ความเข้มของแผ่นดินไหว
I : ตัวคูณเกีย่ วกับการใช้อาคาร
K : ส.ป.ส. ของโครงสร้างทีร่ บั แรงในแนวราบ
C : ส.ป.ส. ของคาบของโครงสร้าง
W
Base Shear, V S : สัมประสิทธิของการประสานความถี
์ ธ่ รรมชาติระหว่าง
อาคารและชัน้ ดิน
W : น้ าหนักของตัวอาคาร 6
การกระจายแรงเฉื อน
ให้แปลงแรงเฉือนในแนวราบทีร่ ะดับพืน้ ดินออกเป็ นแรงในแนวราบทีช่ นั ้ บนสุดของอาคารดังนี้
Ft = Min(0.07TV , 0.25V)
การคานวณต้องเป็ นตามมาตรฐานว่าด้วยการออกแบบอาคารต้านทาน
การสันสะเทื
่ อนและแผ่นดินไหวทีส่ ภาวิศวกรรับรอง หรือ มาตรฐานที่
จัดทาโดยส่วนราชการหรือนิตบิ ุคคลซึง่ ได้รบั ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
วิศวกรรมควบคุม ซึง่ มีวุฒวิ ศิ วกร สาขาวิศวกรรมโยธาตามกฎหมายว่า
ด้วยวิศวกรเป็ น ผูใ้ ห้คาปรึกษาและลงลายมือชื่อรับรองวิธกี ารคานวณนัน้
8
อาคารรูปทรงไม่สมา่ เสมอ
การออกแบบอาคารที่มีรปู ทรงไม่สมา่ เสมอและไม่อยู่ในบริเวณเฝ้ าระวัง
ผูค้ านวณต้อง
10
ส.ป.ส. ความเข้มของแผ่นดินไหว (Z)
ให้ใช้ค่าตามที่กาหนดดังนี้
บริเวณ ค่า Z
1 0.19
2 0.38
11
ตัวคูณเกี่ยวกับการใช้อาคาร (I)
ให้ใช้ค่าตามที่กาหนดดังนี้
ชนิดของอาคาร ค่า I
จาเป็ นต่อความเป็ นอยูข่ องสาธารณชน 1.50
เป็ นทีช่ ุมชนครัง้ หนึ่งๆ ได้มากกว่า 300 คน 1.25
อาคารอื่นๆ 1.00
12
ส.ป.ส. ของโครงสร้างที่รบั แรงในแนวราบ(K)
ระบบและชนิดของโครงสร้างรับแรงในแนวราบ K
(1) ออกแบบให้กาแพงรับแรงเฉือน/โครงแกงแนงรับแรงทัง้ หมด 1.33
(2) ออกแบบให้โครงต้านแรงดัดทีม่ คี วามเหนียวต้าน (DMRF) ทานแรงทัง้ หมด 0.67
(3) ออกแบบให้โครงต้านแรงดัดทีม่ คี วามเหนียวรับแรงร่วมกับกาแพงรับแรงเฉือนหรือโครงแกงแนง โดยมี 0.80
ข้อกาหนด ดังนี้
- โครงต้านทานแรงดัดทีม ่ คี วามเหนียวต้องรับแรงในแนวราบได้ไม่น้อยกว่า 25%
- กาแพงรับแรงเฉือน/โครงแกงแนงเมือ ่ แยกออกจากโครงสร้างต้องรับแรงได้ทงั ้ หมด
- โครงต้านทานแรงดัดทีม ่ คี วามเหนียว + กาแพงรับแรงเฉือน/โครงแกงแนง ต้องสามารถรับแรงในแนวราบได้
ทัง้ หมด โดยสัดส่วนของแรงทีก่ ระทาต่อโครงสร้างแต่ละระบบ ให้เป็ นไปตามสัดส่วนความคงตัว (Rigidity) โดย
คานึงถึงการถ่ายเทแรงระหว่างโครงทัง้ สอง
(4) หอถังน้ า รองรับด้วยเสาไม่น้อยกว่า 4 ต้น มีแกงแนงยึดและไม่ตงั ้ อยูบ่ นอาคาร 2.50
หมายเหตุ ค่า K คูณกับ C ต้องไม่น้อยกว่า 0.12 และไม่เกิน 0.25
(5) โครงต้านทานแรงดัดทีม่ คี วามเหนียวจากัดและโครงสร้างระบบอืน่ ๆนอกเหนือจาก (1) ถึง (4) 1.0013
คาบของโครงสร้าง(T)
ในกรณี ที่ไม่สามารถคานวณคาบของโครงสร้างด้วยวิธีอื่น ให้คานวณตามสูตรต่อไปนี้
(1) สาหรับอาคารทัวไป
่
T 0.09 hn / D
T = 0.1N
0.12
15
สัมประสิทธ์ ิ ของการประสานความถี่ธรรมชาติ
ระหว่างอาคารและชัน้ ดิน(S)
หิน : หินทุกลักษณะไม่วา่ จะเป็ นหินเชลหรือทีเ่ ป็ นผลึกตามธรรมชาติหรือ
ให้คานวณตามค่าดังต่อไปนี้ ดินลักษณะแข็งซึง่ มีความลึกของชัน้ ดินไม่เกิน 60 ม. ทีท่ บั อยูเ่ หนือ
ชัน้ หินและต้องเป็ นดินทีม่ เี สถียรภาพดี เช่น ทราย กรวด หรือดิน
ลักษณะของชัน้ ดิน ค่าของ S
เหนียวแข็ง
หิน 1.0
ดินแข็ง : ดินลักษณะแข็งซึง่ มีความลึกของชัน้ ดินมากกว่า 60 ม. ทีท่ บั อยู่
ดินแข็ง 1.2 เหนือชัน้ หินและต้องเป็ นดินทีม่ เี สถียรภาพดี เช่น ทราย กรวด
ดินอ่อน 1.5 หรือดินเหนียวแข็ง
DRIFT
17
ตัวอย่างการออกแบบ
อาคารหลังนี้เป็ นอพาร์ทเม้นต์คอนกรีตเสริมเหล็กสูง 8 ชัน้ (รวมดาดฟ้ า) เสามีขนาด 35x35
ซม. มีกาแพงรับแรงเฉือน 2 ตัวอยูท่ ก่ี ลางอาคาร มีความหนาแผ่นพืน้ เท่ากับ 15 ซม.
5@4.50 = 22.50
5.00
6@3.00 = 18.00
3.00
5.00
4.50 กาแพงรับแรงเฉื อน
รูปด้าน แปลน 18
พารามิเตอร์ต่างๆ
พืน้ หนา 15 ซม. กลายเป็ นน้ าหนักกระจายเท่ากับ 360 กก./ม.2
น้ าหนักบรรทุกทีเ่ กิดจากผนังก่ออิฐ (รวมกาแพงรับแรงเฉือน) มีคา่ เท่ากับ 200 กก./ม.2
19
คาบของโครงสร้าง (T)
คานวณคาบของโครงสร้างจากสูตรโดยประมาณ (สาหรับอาคารทัวไป)
่
0.09hn
T
D
20
ส.ป.ส. ของคาบของโครงสร้าง(C)
นาค่า T ทีไ่ ด้ มาคานวณ ส.ป.ส. การขยายคาบของโครงสร้าง
1
C 0.12
15 T
21
แรงเฉื อนที่ฐาน (V)
นาผลทีไ่ ด้มาคานวณแรงเฉือนทีฐ่ านได้ดงั นี้
V = Z*I*K*C*S*W
= 0.38*1.00*1.00*0.11W
= 0.042W
V = 61.70 ตัน
นันคื
่ อแรงเฉือนมีคา่ ประมาณ 4.2% ของมวลของโครงสร้างนันเอง
่ โดยในตารางที่ 1 จะแสดง
มวลในแต่ละชัน้ และมวลรวมทัง้ หมดของโครงสร้าง
22
การคานวณมวลของโครงสร้าง (W)
ชัน้ พื้น+กาแพง เสา มวลของโครงสร้าง
พื้นที่ น้าหนัก มวล พื้นที่ สูง มวล (ตัน)
(ม.2) (ตัน/ม.2) (ตัน) (ม.2) (ม.) (ตัน)
ดาดฟ้ า 292.5 0.56 163.8 0 0 0 163.80
7 292.5 0.56 163.8 2.94 3.00 21.17 184.97
6 292.5 0.56 163.8 2.94 3.00 21.17 184.97
5 292.5 0.56 163.8 2.94 3.00 21.17 184.97
4 292.5 0.56 163.8 2.94 3.00 21.17 184.97
3 292.5 0.56 163.8 2.94 3.00 21.17 184.97
2 292.5 0.56 163.8 2.94 3.00 21.17 184.97
1 292.5 0.56 163.8 2.94 4.50 31.75 195.55
รวม (W) 1,469.16
13.09
11.08
9.06
7.05
5.03
3.02
V = 61.70
25
ขอบคุณครับ
26