Professional Documents
Culture Documents
Hydraulics
Hydraulics
สารบัญ
บทที่ 1 หลักการพืน้ ฐาน และคุณสมบัตขิ องของไหล (Basic concept and Fluid property) 1-1
1.1 บทนํา 1-1
1.2 มิติ (Dimension) 1-1
1.3 หน่วย (Unit) 1-2
1.4 นิยามของของไหล 1-4
1.5 คุณสมบัตขิ องของไหล (Basic concept and Fluid property) 1-5
1.5.1 ความหนาแน่น (Density) 1-5
1.5.2 นํ้าหนักจําเพาะ (Specific weight) 1-5
1.5.3 ความถ่วงจําเพาะ (Specific gravity) 1-5
1.5.4 ปริมาตรจําเพาะ (Specific volume) 1-6
1.5.5 ความหนืด (Viscosity) 1-6
1.5.6 ความสามารถในการบีบอัดตัวของของไหล (Compressibility) 1-13
1.5.7 แรงตึงผิว (Surface tension) 1-14
เอกสารอ้างอิง R-1
ภาคผนวก A-1
บทที่ 1
หลักการพืน้ ฐาน และคุณสมบัติของของไหล
1.1 บทนํา
วิชากลศาสตร์ของไหล (Fluid mechanics) เป็ นการศึกษาเกีย่ วกับพฤติกรรมของของไหลทีส่ ภาวะต่างๆ แรง
ทีข่ องไหลกระทําต่อสิง่ แวดล้อม รวมถึงอิทธิผลของสิง่ ต่างๆ ทีม่ ผี ลต่อของไหลทัง้ ทีอ่ ยูน่ ิ่งและเคลื่อนที่ ซึง่ การศึกษา
พฤติกรรมของของไหลทีอ่ ยูน่ ิ่งเรียกว่า สถิตย์ศาสตร์ของของไหล (Fluid Statics) และพฤติกรรมของของไหลทีก่ าํ ลัง
เคลื่อนทีเ่ รียกว่า พลศาสตร์ของของไหล (Fluid Dynamics)
1.2 มิ ติ (Dimensions)
มิติ หมายถึง คุณสมบัตทิ างกายภาพของสสาร ซึง่ สามารถระบุได้ในเชิงปริมาณ เช่น ความยาว นํ้าหนัก มวล
แรง ฯลฯ เป็ นต้น ซึง่ สามารถแบ่งได้เป็ น 2 ประเภทคือ
1.2.1 มิตปิ ฐมภูม ิ หรือ มิตพิ น้ื ฐาน (Primary Dimensions or Basic Dimensions)
มิตปิ ฐมภูม ิ หมายถึง มิตขิ องตัวแปรพืน้ ฐานทีไ่ ม่สามารถแยกเป็ นมิตอิ ่นื ได้อกี และไม่ขน้ึ อยูก่ บั มิตอิ ่นื ๆ
ซึง่ เป็ นค่าทีบ่ อกถึงปริมาณทีท่ ส่ี สารแสดงออกมาโดยตรง ในวิชากลศาสตร์ของของไหลจะใช้มติ พิ น้ื ฐาน 4 ตัว ดังนี้
- มวล (Mass) สัญลักษณ์ทใ่ี ช้คอื M
- ความยาว (Length) สัญลักษณ์ทใ่ี ช้คอื L
- เวลา (Time) สัญลักษณ์ทใ่ี ช้คอื T
- อุณหภูม ิ (Temperature) สัญลักษณ์ทใ่ี ช้คอื
จากตัวอย่างที่ 1 จะเห็นได้วา่ แรง (F) เป็ นมิตทิ ุตยิ ภูม ิ แต่ในบางครัง้ เราอาจวิเคราห์โดยกําหนดให้แรง
เป็ นมิตปิ ฐมภูมกิ ไ็ ด้
Prefixes
Prefixes คือ คํานําหน้าทีน่ ํามาใส่ไว้ดา้ นหน้าของหน่วย เพือ่ หลีกเลีย่ งความไม่สะดวกในการใช้งานตัวเลขทีม่ ี
ขนาดใหญ่มากๆ หรือเล็กมากๆ เช่น
2.5 กิ โลเมตร (km) เท่ากับ 2103 หรือ 2,000 เมตร (m) ซึง่ กิโล หรือสัญลักษณ์ k มีคา่ เท่ากับ 103
1.5 มิ นลิ เมตร (mm) เท่ากับ 1.510-3 หรือ 0.0015 เมตร (m) ซึง่ มินลิ หรือสัญลักษณ์ m (ตัวหน้า) มีคา่
เท่ากับ 10-3
1.4 นิ ยามของของไหล
ของไหลสามารถคงรูปอยู่ได้ในสองสถานะ
1.5 คุณสมบัติของของไหล
Mass m
ρ : หน่วยของความหนาแน่นคือ กก./ลบ.ม. (kg/m3)
Volume
Weight mg
γ g : หน่วยของนํ้าหนักจําเพาะคือ นิวตัน/ลบ.ม. (N/m3)
Volume
W γ ρg ρ
SG : ความถ่วงจําเพาะไม่มหี น่วย
Ww γ w ρ w g ρ w
Volume 1
: หน่วยของปริมาตรจําเพาะคือ ลบ.ม./กก. (m3/kg)
Mass M ρ
จากรูปที่ 1.2 เมือ่ พิจารณาอนุ ภาคของของไหลทีม่ คี วามเร็วด้านล่าง (AD) เท่ากับ V ด้านบน (BC) มี
ความเร็วเท่ากับ V+v ดังนัน้ ความเร็วผิวด้านบนและด้านล่างแตกต่างกันเท่ากับ v ที่ เวลา t = 0 รูปร่างของ
อนุ ภาคจะมีลกั ษณะดังรูป ABCD และเมือ่ เวลาเปลีย่ นไป t = t อนุ ภาคจะมีรปู ร่างเปลีย่ นแปลงไปเป็ นรูป
A’B’C’D’
δa
พิจารณาทีม่ มุ tan δ
δy
δa
แต่เนื่องจากมุม มีขนาดเล็กมาก ดังนัน้ tan δ δβ
δy
และเนื่องจากระยะทาง = ความเร็วเวลา จะได้ δa δv δt จึงทําให้
δv δt δβ δv
δβ --------- (1.1)
δy δt δy
δβ
เรียกว่า Rate of shear strain (อัตราการเปลีย่ นแปลงความเครียดเฉือนเทียบกับเวลา) ซึง่ จะมีคา่
δt
แปรผันโดยตรงกับ Shear stress (ความเค้นเฉือน) ซึง่ จะได้วา่
δβ δv
τ หรือ τ --------- (1.2)
δt δy
ตัวอย่างที่ 1.4 จากรูปแผ่น plate เคลื่อนทีอ่ ยูใ่ นรางทีบ่ รรจุของไหลทีม่ คี า่ ความหนืด เท่ากับ จงหาขนาดของ
แรงฉุด (F) ทีท่ าํ ให้ plate เคลื่อนทีด่ ว้ ยความเร็วเท่ากับ v (สมมติให้การกระจายความเร็วเป็ นเส้นตรง)
วิธที าํ รูปทัวไปของสมการ
่ Parabola คือ
2
(v-k) = C(y-h) ; เมือ่ (h,k) คือจุดยอดของ parabola
จากรูปจุดยอดของ parabola อยูท่ ผ่ี วิ นํ้า y = 0 ; v = 6
h=0m k = 6 m/s
แทนค่าได้ (v-6) = C(y-0)2
พิจารณาทีท่ อ้ งนํ้า y = 3 ; v = 0
แทนค่าจะได้ (0-6) = C(3)2 C = -(6/9) = -(2/3)
จะได้สมการการกระจายตัวของความเร็วทีค่ วามลึกต่างๆ ดังนี้ v 6 32 y 2
dv dv
43 y ทีท่ อ้ งนํ้า y=3 43 3 4 s 1
dy dy
จาก = = (9×10 m /s)×(1000 kg/m ) = 0.009 kg/s m (หรือ N s/m2)
-5 2 3
dv
จาก τ μ = (0.009 Ns/m2)(4 s-1) = 0.036 N/m2 Ans
dy
dv V
วิธที าํ พิจารณาจาก
dv b
SG W 8 10
4
0.91,000 0.72 kg Ns
หรือ 2
s m m
V 3 kN
0.72 4.32 2
b 0.0005 m
F A DL 4.32 0.05 0.20 = 135.7 N Ans
2cos
กรณีของหลอดกลม h --------- (1.8)
r
เมือ่ r = เส้นผ่าศูนย์กลางหลอด และ = มุมสัมผัสระหว่างผนังกับผิวอิสระของของเหลว
บทที่ 2
ของไหลสถิ ต
ของไหลสถิต (Fluid Statics) คือของไหลทีอ่ ยูน่ ิ่ง ไม่มกี ารไหล และไม่มกี ารเคลื่อนทีร่ ะหว่างชัน้ ของของไหล
ซึง่ นันหมายความว่
่ าจะไม่เกิดผลเนื่องจากแรงเค้นเฉือนระหว่างอนุภาคของของไหล ดังนัน้ อนุภาคของของไหลจึงได้รบั
ผลกระทบจากความดัน และแรงโน้มถ่วงของโลกเท่านัน้
ความดัน หมายถึง แรงทีก่ ระทําในหนึ่งหน่วยพืน้ ที่ (มิตคิ อื FL-2 หรือ ML-1T-2) ดังนัน้ ถ้า dF คือแรงทีก่ ระทํา
บนพืน้ ทีเ่ ล็กๆ dA บนพืน้ ที่ A ความดันจะมีคา่ เป็ น
dF
P --------- (2.1)
dA
F
P --------- (2.2)
A
จากสมการที่ 2.3 และ 2.4 สามารสรุปได้วา่ “ในของไหลทีอ่ ยู่ในสภาพหยุดนิ ่งไม่มีการไหล ทีจ่ ดุ ใดๆ
ความดันของของไหลจะมีขนาดเท่ากันในทุกทิ ศทาง” ซึง่ หลักการนี้เรียกว่า กฎของปาสคาล (Pascal’s law) ความ
ดันนี้เรียกว่า “Static Pressure”
หากพิจารณาเฉพาะแกน Y ผลรวมของแรงภายนอกจะเท่ากับ
p δy p δy
δFy p δxδz p δxδz
y 2 y 2
p
δFy δxδyδz --------- (2.5)
y
พิจารณานํ้าหนักของก้อนนํ้าในรูปเวกเตอร์ จะได้
- δw k γδxδyδz k --------- (2.11)
จากสมการการเคลื่อนทีข่ อง นิวตัน F ma
δ Fs w k xyz a --------- (2.12)
p γ k ρa --------- (2.13)
หากพิจารณาในแนวแกน Z จะได้
p k γ k
z
dP
--------- (2.17)
dz
จากสมการที่ 2.17 จะเห็นได้วา่ อัตราการเปลีย่ นแปลงของความดันเมือ่ เทียบกับระยะทางตามแกน Z จะไม่
า มีการเปลีย่ นแปลงความดันในแนวดิง่ หรือสามารถกว่าวอีกนัยหนึ่งว่า “ในของไหลที ่
เท่ากับ 0 ซึง่ นันหมายความว่
่
ระดับต่างกันความดันจะไม่เท่ากัน”
การหาความแตกต่างของความดันระหว่างจุดสองจุดทําได้โดย
จากสมการที่ 2.17 dP dz
P2 z2
dP = dz
P1 z1
P2-P1 = -(z2-z1)
- ปิโซมิเตอร์ (Piezometer) เป็ นอุปกรณ์วดั ความดัน ทีม่ หี ลักการง่ายทีส่ ดุ คือ นําท่อทีม่ ปี ลายเปิ ดสูอ่ ากาศ
ไปติดตัง้ ณ จุดทีต่ อ้ งการวัดความดัน ดังรูปที่ 2.7 (ก)
ตัวอย่างที่ 2.2 จากรูป จงหาความดันทีจ่ ุด B เมือ่ ความดันทีจ่ ุด A มีคา่ เท่ากับ 25 mm-Hg (ระยะมีหน่วยเป็ น m)
พิจารณาความดันทีจ่ ุด A
หาความดันทีจ่ ุด B
(0.03-0.004) W = 0.02
= 1.3W
= (/g) = (1.3W)/g
จากรูปที่ 2.10 พิจารณาแรงทีก่ ระทํากับระนาบผิวเรียบ ทีม่ ขี นาดพืน้ ทีเ่ ท่ากับ A ทํามุม กับผิวนํ้า เมือ่ X คือ
ระยะในแนวราบ ส่วน Y คือระยะทีว่ ดั จากผิ วนํ้าตามแนวทีข่ นานกับระนาบของพื้นทีร่ บั แรง และ h คือความลึก
หรือระยะในแนงดิ ง่
Ixyc
แรงดันจะอยูห่ า่ งจากแกน Y เท่ากับ xP xc --------- (2.32)
Ax c
(ในกรณีทพ่ี น้ื ทีร่ บั แรงเป็ นรูปทรงสมมาตรตามแนวแกน Y : Ixyc = 0)
การหาตําเหน่งทีแ่ รงดันกระทํา
พิจารณาโมเมนต์ทจ่ี ุด O ของแรงรอบแกน X
FR y P = ydF
A
= yPdA
A
เนื่องจาก P คงที่ และ FR=PA ดังนัน้ จะได้วา่
P ydA
A
yP =
PA
ydA
yP A
--------- (2.34)
A
ydA
A
จากสมการที่ 2.34 จะเห็นได้วา่ เทอมของ ก็คอื ระยะจากแกน X ถึงจุดศูนย์ถ่วงของพืน้ ที่ ดังนัน้
A
yP y c --------- (2.35)
ในทํานองเดียวกันพิจารณาโมเมนต์ทจ่ี ุด O ของแรงรอบ Y
FR x P = xdF
A
P xdA
A
xP =
PA
xdA
xP A --------- (2.36)
A
xdA
A
จากสมการที่ 2.36 จะเห็นได้วา่ เทอมของ ก็คอื ระยะจากแกน y ถึงจุดศูนย์ถ่วงของพืน้ ที่ ดังนัน้
A
xP x c --------- (2.37)
ซึง่ จากสมการ 2.35 และ 2.37 สามารถสรุปได้วา่ “ตําแหน่ งของแรงดันในกรณี ทีค่ วามดันกระจายตัว
สมําเสมอจะอยู
่ ่ทีจ่ ดุ ศูนย์ถ่วงของพื้นทีร่ บั แรง”
เนื่องจากความดันจะมีทศิ ตัง้ ฉากกับพืน้ ทีเ่ สมอ ซึง่ ในกรณีทพ่ี น้ื ทีร่ บั แรงมีพน้ื ผิวโค้ง ทิศทางของความดันจะมี
การเปลีย่ นแปลงอย่างต่อเนือ่ งไปตามพื้นผิวทีโ่ ค้งไปมา ดังตัวอย่างในรูปที่ 2.14 ด้วยเหตุน้ีทาํ ให้การวิเคราะห์คา่ ของ
แรงดันโดยตรงนัน้ จึงทําได้ยาก
จากรูปที่ 2.15 ก้อนของไหล abc ถูกโอบล้อมด้วยส่วนโค้ง abfd ดังรูป 2.15 (ก) เนื่องจากก้อนของไหล จมอยู่
ในของไหล ดังนัน้ จะเกิดแรง F1 กระทําบนระนาบ aced แรง F2 กระทําบนระนาบ bcef และแรงดึงดูดของโลกกระทําที่
จุดศูนย์ถ่วงของก้อนของไหล ดังรูปที่ 2.15 (ค) หากพิจารณาความสมดุลของก้อนของไหลจะได้วา่
ผลรวมของแรงในแนวราบต้องเท่ากับ 0 FX 0
Fx = F1
Fy = F2 + W
FY 0 FY = F2 + W
F2 คือแรงดันทีก่ ระทํากับพืน้ ทีส่ เ่ี หลีย่ มผิวเรียบ BC ดังนัน้ F2 PBC A BC
PBC 2.5 W : A BC 2 4 8 m 2
F2 2.5 W 8 20 W
ขนาดของแรงลัพธ์หาได้จาก
F = FH2 FV2
= 28 W 2 20 W 4 W 2
= 421.33 kN Ans
ทิศทางของแรงรวมหาได้จาก
FV 20 4 W
tan = =
FH 28 W
= 49.31O Ans
W4 คือนํ้าหนักของก้อนนํ้า ADBC
W4 = 2 2 4W = 16 W
ตําแหน่งทีแ่ รง W4 กระทําอยูท่ จ่ี ุดศูนย์ถ่วงของก้อนนํ้า ADBC
2
x4 1 m จากจุด B
2
W5 คือนํ้าหนักของก้อนนํ้า ADB
W5 = 1 2 2 4
4
W = 4 W
ตําแหน่งทีแ่ รง W5 กระทําอยูท่ จ่ี ุดศูนย์ถ่วงของก้อนนํ้า ADB
4 2 8
x5 0.85 m จากจุด B
3 3
ดังนัน้ Fy = 36 W 16 W 4 W = 20 4 W
เนื่องจากแรงในแนวดิง่ ทีข่ องไหลกระทํากับพืน้ ผิวโค้ง (FV) คือแรงปฏิกรยาของ Fy ดังนัน้
FV 20 4 W = 319.48 kN Ans
การหาตําแหน่งของแรง FV วิเคราะห์ได้จาก โมเมนต์ทเ่ี กิดจาแรง FV
จะต้องเท่ากับโมเมนต์ทเ่ี กิดจาก F2 W4 และ W5 รวมกัน
FV x = F2 1 W 4 1 W5 0.85
20 4 W x = 36 W 1 16 W 1 4 W 0.85
36 16 4 0.85
X =
20 4
= 0.942 m จากจุด B Ans
ขนาดของแรงลัพธ์หาได้จาก
F = FH2 FV2
F = 28 W 2 20 W 4 W 2
= 421.33 kN Ans
ทิศทางของแรงรวมหาได้จาก
FV 20 4 W
tan = =
FH 28 W
= 49.31O Ans
ผลรวมของแรงทีข่ องไหลกระทํากับประตูในแนวราบเกิดจาก
F1 + F2
F1 คือแรงทีเ่ กิดจากความดันของนํ้ามันด้านบนทํากับพืน้ ผิว
เรียบ AC ดังนัน้
F1 PO A
1 O 2 5
1 0.75 W 10 7.5 W
ตําแหน่งของแรง F1 จะอยูท่ จ่ี ุดศูนย์ถ่วงของพืน้ ที่ AC
y 1 1 0.5 1 2.5 m จากผิวนํ้ามัน
หรือเท่ากับว่า F1 จะอยูส่ งู กว่าจุด O เท่ากับ 1.0 m
F2 คือแรงทีเ่ กิดจากความดันของนํ้ากระทํากับพืน้ ผิวเรียบ AC ดังนัน้ F2 W hC A
hC 1 0.5 1.5 m ; A 2 5 10 m 2
F2 = W 1.5 10 15 W
I
ตําแหน่งของแรง F2 อยูท่ ่ี y2 yC
A AC y C
y C hC 1.5 m ; I
23 5
3.333 m 4
12
3.333
y2 = 1.5 1.722 m จากผิวของนํ้า
101.5
หรือเท่ากับว่า F2 จะอยูส่ งู กว่าจุด O เท่ากับ 2.5 - 1.72 = 0.78 m
ผลรวมของแรงทีข่ องไหลกระทํากับประตูในแนวดิ่ งเกิดจาก
F4+W
F4 คือแรงทีเ่ กิดจากความดันของนํ้ากับนํ้ามันทีก่ ระทํากับพืน้ ผิวเรียบ BC ดังนัน้ F4 PBC A
F4 = 0.5 W 1 O 2 5
= 0.5 W 0.75 W 10
= 12.5 W
ตําแหน่งของแรง F4 อยูท่ จ่ี ุดศูนย์ถ่วงของพืน้ ที่ BC ดังนัน้ F4 อยูห่ า่ งจาจุด O เท่ากับ x 4 1.0 m
W คือนํ้าหนักของก้อนของไหล ABC ซึง่ ในการคํานวณโดยตรง
ทําได้ยาก แต่ถา้ พิจารณาจากรูปจะเห็นได้วา่
W5 คือนํ้าหนักของนํ้าก้อน AOBC
W5 = W 2 2 5
=
20 W
ตําแหน่งของ W5 อยูท่ ศ่ี นู ย์ของก้อนนํ้า AOBC
ดังนัน้ W5 กระทําห่างจากจุด O เท่ากับ x 5 1.0 m
W6 คือนํ้าหนักของนํ้าก้อน ABC
W 2 2 5 = 5 W
1
W6 =
4
ตําแหน่งของ W6 อยูท่ ศ่ี นู ย์ของก้อนนํ้า ABC ดังนัน้ W5 กระทําห่างจากจุด O เท่ากับ
4 2
x6 0.85 m
3
ในขณะทีป่ ระตูกาํ ลังเปิ ดออกพอดี ผลรวมของโมเมนต์รอบ
จุด O จะต้องเท่ากับ 0
1F1 0.78F2 0.85 W6 = 1 W5 1F4 2 F
17.5 0.7815 0.855 W = 120 112.5 W 2 F
32.55 W 32.5 W = 2 F
0.05
F = W 0.025 W
2
แรง F มีขนาดเท่ากับ 245.25 N ทิศทาง Ans
หากพิจารณาแรงดันทีเ่ กิดขึน้ กับวัตถุ ABCD ทีจ่ มอยูใ่ นของไหลดังรูปที่ 2.18 ในกรณีทไ่ี ม่มกี ารไหล หรือวัตถุ
ไม่มกี ารเคลื่อนที่ ถ้ากําหนดให้แรงในแนวราบทีก่ ระทํากับพืน้ ผิวด้าน DAB เท่ากับ F1 และแรงในแนวราบทีก่ ระทํากับ
พืน้ ผิวด้าน DCB เท่ากับ F2 จะเห็นได้วา่ F1 คือแรงดันบนพืน้ ผิวเรียบ HE และ F2 คือแรงดันบนพืน้ ผิวเรียบ FG ซึง่ มี
ค่าเท่ากันแต่มที ศิ ตรงกันข้าม จึงทําให้แรงทัง้ สองหักล้างกันหมด
พิจารณาวัตถุไม่มมี วลก้อนหนึ่ง จมอยูใ่ นของไหล ดังรูปที่ 2.19 โดยที่ Fb คือแรงทีก่ ดให้วตั ถุจมในของไหล
และ W คือนํ้าหนักของของไหลทีอ่ ยูภ่ ายในกรอบ ABCD เมือ่ กําหนดให้กรอบ ABCD คือกรอบสมมุตริ ปู สีเ่ หลีย่ มมุม
ฉากทีล่ อ้ มรอบก้อนวัตุ
ซึง่ เมือ่ พิจารณาจาก Fb คือแรงทีก่ ดให้วตั ถุจม ดังนัน้ แรงปฏิกริ ยิ าทีพ่ ยายามดันให้วตั ถุลอยขึน้ ก็คอื แรงทีม่ ี
ขนาดเท่ากับ Fb แต่มที ศิ ทางตรงกันข้าม แรงปฏิกริ ยิ าทีว่ า่ นี่กค็ อื “แรงลอยตัว”
เสถียรภาพการลอยตัวสามารถแบ่งออกได้เป็ น 3 แบบคือ
- Stable Equilibrium หมายถึง สภาพทีว่ ตั ถุลอยตัวในของเหลวอย่างสมดุล และเมือ่ มีแรงกระทํา
สภาพการลอยตัวจะเปลีย่ นไป แต่เมือ่ นําแรงกระทํานัน้ ออก จะสามารถกลับคืนสูส่ ภาพเดิมได้
- Neutral Equilibrium หมายถึงสภาพวัตถุทล่ี อยตัวในสภาวะทีม่ เี สถียรภาพพอดี หรือเกือบจะไม่ม ี
เสถียรภาพ
- Unstable Equilibrium หมายถึง สภาพทีว่ ตั ถุลอยตัวในของเหลวอย่างสมดุล เมือ่ มีแรงมากระทําสภาพ
การลอยตัวจะเปลีย่ นไป แต่เมือ่ นําแรงออกจะไม่สามารถกลับสูส่ ภาพเดิมได้
พิจารณาจากรูปที่ 2.20(ก) หากวัตถุมจี ุดศูนย์กลางแรงลอยตัว (C) อยูเ่ หนือจุดศูนย์ถ่วง (G) เมือ่ วัตถุ
เอียงไปจากแนวเดิม จะเกิดโมเมนต์ตา้ น ทําให้วตั ถุสามารถกลับสูส่ ภาพเดิมได้ หรือกล่าวได้วา่ วัตถุนนั ้ มี
เสถียรภาพของการลอยตัว (Stable)
ตัวอย่างที่ 2.12 ท่อนไม้ขนาด กว้าง 30 ซม. ยาว 60 ซม. และสูง 30 ซม. นํ้าหนัก 318 N จงตรวจสอบเสถียรภาพ
ของท่อนไม้ เมื่อลอยอยูใ่ นนํ้า
IX
0.3 103
2 50 m 4
12
IY
1.2 10 0.6 3 10
3
1.26 m 4
12 12
ดังนัน้ วัตถุจะพลิกรอบแกน Y ก่อน
I 1.26
CM Y 1.4 m
2 0.3 0.15 10
จาก GM CM CG 1.4 0.05 1.35
GM ทีไ่ ด้มคี า่ เป็ น ลบ (+) ดังนัน้ วัตถุจงึ มีเสถียรภาพ Ans
2.5 การเปลี่ยนแปลงความดันของของไหลในภาชนะที่เคลื่อนที่
(Variation of fluid pressure in moving container)
0 = ρa y dy ρa z g dz
จัดรูปสมการใหม่จะได้วา่
dz ay
--------- (2.55)
dy g a z
ความลาดชันของผิวนํ้าจึงเท่ากับ
dz 0. 5 0. 5 1
dy 2. 0 2
4
ความเร่งในแนวราบ a y acos a
5
3
ความเร่งในแนวดิง่ a z asin a
5
4 a
5
1
แทนค่าในสมการจะได้วา่ =
2 g 3 a
5
แก้สมการจะได้ a = 11 g
5 = 4.459 m/s2 Ans
p p p
dP = dr dθ dz --------- (2.56)
r θ z
p dθ p dθ
F ma p drdz p drdz ρr dr dθ dz aθ
θ 2 θ 2
p
ρraθ
θ
แต่เนื่องจากไม่มคี วามเร่งเชิงมุม a θ 0
p
0 --------- (2.58)
θ
Fz ma z
p p dz dr rdθ p p dz dr rdθ γr dr dθ dz ρr dr dθ dz a
r
z 2 z 2
p
ρg a z --------- (2.59)
z
บทที่ 3
ทฤษฎีการไหลเบือ้ งต้น
3.1.3 พิจารณาจากการเปรียบเทียบกับเวลา
ั ่ ว่ น
รูปที่ 3.5 การไหลแบบราบเรียบ และการไหลแบบปนป
3.2 การวิ เคราะห์การไหลด้วยวิ ธีปริ มาตรควบคุม (Flow analysis with Control Volume method)
จากทัง้ สามหลักการทีก่ ล่าวมา วิธอี นุพนั ธ์ เป็ นวิธที ม่ี คี วามยุง่ ยากซับซ้อนในการวิเคราะห์ เพือ่ ให้ได้คาํ ตอบ
บางครัง้ อาจต้องใช้เครือ่ งมือช่วยในกาคํานวณเช่น โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ส่วนการวิเคราะห์มติ กิ บั แบบจําลองนัน้ จะ
กล่าวถึงอย่างละเอียดในบทต่อไป ดังนัน้ ในบทนี้จะขอกล่าวถึงเฉพาะการวิเคราะห์โดยการกําหนดขอบเขตของการไหล
หรือทีเ่ รียกว่า “วิ ธีปริ มาตรควบคุม” (Control Volume Approach)
การกําหนดขอบเขตของปริมาตรควบคุม
ผ่านระบบนัน้ ดังรูปที่ 3.7 (ข) หรือถ้าหากต้องการศึกษาเกีย่ วกับของไหลทีอ่ ยูใ่ นภาชนะทีส่ ามารถเปลีย่ นรูปร่างได้
เราจะกําหนดขอบเขตปริมาตรควบคุมแบบเปลีย่ นรูปร่างได้ (Deforming Control Volume) เพื่อศึกษา
ความสัมพันธ์ระหว่างรูปร่างของภาชนะ กับการไหลเข้าและออกของระบบ ดังรูปที่ 3.7 (ค)
กําหนดให้
พืน้ ทีส่ เี ทาคือ ระบบทีก่ าํ ลังพิจารณา และแนวเส้นประคือ ขอบเขตของปริมาตรควบคุม
B = ปริมาณทางฟิสกิ ส์ใดๆ ในระบบทีเ่ คลื่อนตัวผ่านปริมาตรควบคุม
จากรูปที่ 3.7 (ก) เมือ่ เวลา t = t ปริมาณใดๆ ทีม่ อี ยูใ่ นระบบ BSYS(t) จะเท่ากับปริมาณใดๆ ทีอ่ ยูใ่ นปริมาตร
ควบคุม BCV(t)
BSYS(t) = BCV(t) --------- (3.1)
แต่เมือ่ เวลาผ่านไป t หากพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณในระบบ กับปริมาณในปริมาตรควบคุม
และสิง่ แวดล้อม จะได้วา่
B sys t δt = B CV t δt BI t δt BII t δt --------- (3.2)
DB sys BCV
B In B Out --------- (3.7)
Dt t
หากกําหนดให้ QIn/Out = อัตราการไหล (เข้า-ออก) In / Out
t
b = อัตราส่วนของปริมาณใดๆ ต่อหนึ่งหน่วยมวลของของไหลใดๆ
(ของไหลทีผ่ า่ นปริมาตรควบคุม ไม่จาํ เป็ นต้องเป็ นระบบ)
B
b =
m
หากพิจารณาที่ อัตราการไหลเข้าของปริมาณผ่านผิวปริมาตรควบคุม ( B In )
mb b
B In In In In In In In In bIn
t t t
B In = InQInbIn --------- (3.8)
ในทํานองเดียวกันหากพิจารณาที่ อัตราการไหลออกของปริมาณผ่านผิวปริมาตรควบคุม ( B Out )
m b b
B Out Out Out Out Out Out Out Out b Out
t t t
B Out = Out Q Outb Out --------- (3.9)
สมการที่ 3.7 อาจอยูใ่ นรูป
DB sys BCV
InQInbIn Out Q Outb Out --------- (3.10)
Dt t
3.3.2 ทฤษฎีการเคลื่อนย้ายของเรย์โนด์ กับใช้ปริมาตรควบคุมทีม่ กี ารไหลเข้าออก อย่างอิสระ
จากรูปที่ 3.9 (ข) เมือ่ เวลาเปลีย่ นเป็ น t+dt พิจารณาปริมาณทีไ่ หลออก (II)
กําหนดให้ความเร็วในแนวตัง้ ฉากกับผิวควบคุม
vn v n --------- (3.13)
เมือ่ v = ความเร็วของระบบทีผ่ วิ ของปริมาตรควบคุม
n = เวกเตอร์ตงั ้ ฉากหนึ่งหน่วยทีผ่ วิ ของปริมาตรควบคุม
จากรูปที่ 3.9 (ข) ปริมาณการไหลออกบนพืน้ ทีเ่ ล็กๆ เท่ากับ
δBOut ρbv ndA δt --------- (3.14)
d d
ρb d ρb d ρbv n dA --------- (3.21)
dt sys dt CV CS
CV
= v ndA v ndA
t CS Out CSIn
CV
= v n dA v ndA
t CSIn CS Out
เนื่องจาก v ndA Q ดังนัน้
CS
CV
QIn Q Out --------- (3.25)
t
วิธที าํ พิจารณาจากสมการการเคลื่อนย้ายของเรย์โนด์
DB sys BCV
B In B Out
Dt t
พิจารณาปริมาตรควบคุมแบบ Fix Control Volume ดังรูป
กําหนดให้ระบบคือ ของไหลทัง้ หมดทีไ่ หลผ่านท่อ และ
ปริมาณทีพ่ จิ ารณาคือมวล จะได้วา่
MCV
M In M Out
t
เนื่องจากอัตราการไหลเข้าออกคงที่ และปริมาตรภายในท่อ
ส่วนทีอ่ ยูใ่ นปริมาตรควบคุมไม้เปลีย่ นแปลง ดังนัน้
MCV
0
t
พิจารณาการไหลเข้าทัง้ สองทาง
M In = w Q w AlcoholQ Alcohol
= 0.1w 0.3 0.8 w
พิจารณาการไหลออก
M Out = Mix Q Mix
แทนค่าทัง้ หมดในสมการ จะได้
0 0.1 w 0.3 0.8 wl Mix Q Mix ----- (1)
เนื่องจากระบบเป็ นของเหลวอัดตัวได้น้อยมาก ประกอบกับปริมาตรควบคุมเป็ นแบบคงตัว ไม่มกี าร
เปลีย่ นแปลงปริมาตร และการไหลไม่แปรเปลีย่ นตามเวลา
Q In Q Out Q w Q Alcohol = Q mix
(0.1) + (0.3) = Q mix
Q mix = 0.4 cms
แทนค่าใน (1) 0 = 0.1 w 0.3 0.8 wl Mix 0.4
วิธที าํ พิจารณาจากสมการการเคลื่อนย้ายของเรย์โนด์
DB sys BCV
B In B Out
Dt t
DB sys BCV
วิธที าํ พิจารณาจากสมการการเคลื่อนย้ายของเรย์โนด์ B In B Out
Dt t
พิจารณาปริมาตรควบคุมแบบ Deforming Control Volume ดังรูป
DB sys BCV
วิธที าํ พิจารณาจากสมการการเคลื่อนย้ายของเรย์โนด์ B In B Out
Dt t
พิจารณาปริมาตรควบคุมแบบ Fix Control Volume ดังรูป
กําหนดให้ระบบคือ ของไหล และปริมาณทีพ่ จิ ารณาคือมวล จะได้วา่
MCV
M In M Out ----- (1)
t
พิจารณาการไหลเข้า In
M = inQ in
= 1.0015W 1.0 ----- (2)
พิจารณาการไหลออก Out
M = out Q out
= 1.0012W 1.0 ----- (3)
เมือ่ พิจารณาที่ t = 0 มวลใน Control Volume คือมวลของนํ้าส่วนที่ 1 และ 2 แต่เมือ่ เวลาผ่านไป t = t มวลทีอ่ ยูใ่ น
Control volume คือ มวลของนํ้าส่วนที่ 1 กับ มวลของตะกอนทีเ่ ข้ามาแทนทีส่ ว่ นที่ 2
ดังนัน้ ในช่วงเวลาดังกล่าวมีมวลแตกต่างกันเท่ากับ
M CV = m1 mตะกอน m1 m 2
= mตะกอน m 2 = ตะกอน ตะกอน 2 2
= ตะกอน 2 = 3600 3 1.6552 1.00121000
M CV = 7,063,200 kg = 7,063.2 ton
เมือ่ พิจารณาอัตราการเปลีย่ นแปลงของมวลใน Control volume ต่อหนึ่งหน่วยเวลา จะได้
MCV MCV 7,063.2 103
= = ----- (4)
t t t
7,063.2 103
นํา (2) (3) และ (4) แทนใน (1) = 1.0015 1.0012W
t
7,063.2
t = = 47,088,000 วินาที = 545 วัน Ans
1.0015 1.0012
บทที่ 4
สมการพลังงาน
dV
เนื่องจากความเร่ง a s และ V f s, t ดังนัน้ จะได้
dt
a V ds V dt V V V --------- (4.2)
s s dt t dt s t
V V dV
แต่เนื่องจากสภาพการไหลไม่เปลีย่ นแปลงตามเวลา (Steady flow) จึงทําให้ 0 และ
t s ds
สมการที่ 4.2 จึงสามารถเขียนใหม่ได้วา่
a V dV --------- (4.3)
s
ds
มวลของอนุภาคของไหลมีคา่ เท่ากับ
m d dA ds --------- (4.4)
P dP
ทีส่ ภาพการไหลแบบ Steady flow ความดันไม่แปรเปลีย่ นตามเวลา จึงทําให้ ดังนัน้
s ds
dP dz dV
P P ds ds ds V
ds ds ds
จัดรูปสมการใหม่จะได้
dP V dV
dz 0 --------- (4.5)
g
P1 V12 P2 V22
หรือ z1 z 2 --------- (4.7)
2g 2g
ซึง่ ต่อมาสมการที่ 4.7 นี้ถกู เรียกว่า สมการพลังงานของ Bernoulli หรือ สมการ Bernoulli
จากสมการที่ 4.6 และ 4.7 จะเห็นได้วา่ มิตขิ องตัวแปรแต่ละเทอมในสมการคือความยาว (L) ซึง่ เป็ นมิติ
เดียวกันกับมิตขิ องพลังงานต่อหนึ่ งหน่ วยนํ้าหนักของของไหล กล่าวคือ
P FL
2
MLT 2 L2 2
V 2 LT 1
L
z: L : L :
ML 2 T 2 ML 2 T 2 2g LT 2
Energy FL
มิตขิ องพลังงานต่อหนึ่งหน่วยนํ้าหนัก = : L
Weight F
เมือ่ พิจารณาภายใต้เงือ่ นไข การไหลแบบคงที (Steady flow) แรงทีเ่ กีย่ วข้องมีเพียงแรงโน้ มถ่วง กับ แรงอัน
เนื่ องมาจากความดัน ของไหลเป็ นของไหลในจิ นตนาการ (Ideal Fluid) และอัดตัวไม่ได้ (Incompressible fluid)
เมือ่ อนุภาคของไหลเคลื่อนทีไ่ ปตาม streamline โดยไม่มผี ลจากพลังงานภายนอก และการสูญเสียพลังงาน ผลรวมของ
เฮดทีจ่ ุดใดจุดหนึ่ง จะเท่ากับผลรวมของเฮดอีกจุดหนึ่งเสมอ ดังนัน้ เฮดพลังงานรวมจะคงทีต่ ลอดความยาวของ
streamline ดังรูปที่ 4.2 โดยเส้นทีบ่ อกถึงระดับของเฮดพลังงานรวมนัน้ เราจะเรียกว่า เส้นระดับพลังงาน (Energy
Grade Line ; E.G.L.) และเส้นทีบ่ อกถึงระดับผลรวมของเฮดระดับ กับเฮดความดัน จะเรียกว่า ระดับชลศาสตร์
(Hydraulic Grade Lime ; H.G.L.)
(ผลรวมของเฮดระดับ กับเฮดความดันเรียกว่า เฮดสถิต ; Static head หรือ Piezomatic head)
ตัวอย่างที่ 4.3 ท่อ AG มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางช่วง A-B 15 ซม. และช่วง C-G 10 ซม. มาตรวัดความดันทีจ่ ุด A
อ่านค่าได้ 39.24 kPa นํ้าไหลจาก G ไป A ด้วยอัตรา 78.3 l/s ถ้าการสูญเสียพลังงานระหว่างการไหลเกิดขึน้ น้อยมาก
จงพล็อตกราฟเส้นระดับพลังงาน และระดับชลศาสตร์ทจ่ี ุดต่างๆ
พิจารณาสมการพลังงานจาก G ไป A
2 2
PG VG P V
zG = zA A A
2g 2g
PG 9.97 2 39.24 10 3 4.43 2
6.5 = 3.5
2g 2g
PG
= -3.06 m
P VG2 9.97 2
E.G.L. G z G G 6.5 3.06 8.5 m
2g 2g
P
H.G.L. G z G G 6.5 3.06 3.44 m
พิจารณาสมการพลังงานจาก F ไป A
PF VF2 PA VA2
zF = zA
2g 2g
3 2
PF 9.97 2 39.24 10 4.43
6.5 = 3.5
2g 2g
PF
= -3.06 m
PF VF2 9.97 2
E.G.L. F z F 6.5 3.06 8.5 m
2g 2g
P
H.G.L. F z F F 6.5 3.06 3.44 m
พิจารณาสมการพลังงานจาก E ไป A
PE VE2 PA VA2
zE = zA
2g 2g
3 2
PE 9.97 2 39.24 10 4.43
5.0 = 3.5
2g 2g
PE
= -1.56 m
P VE2 9.97 2
E.G.L. E z E E 5.0 1.56 8.5 m
2g 2g
P
H.G.L. E z E E 5.0 1.56 3.44 m
พิจารณาสมการพลังงานจาก D ไป A
PD VD2 PA VA2
zD = zA
2g 2g
PD 9.97 2 39.24 10 3 4.43 2
3.5 = 3.5
2g 2g
PD
= -0.06 m
2 2
P VD 9.97
E.G.L. D z D D 3.5 0.06 8.5 m
2g 2g
P
H.G.L. D z D D 3.5 0.06 3.44 m
พิจารณาสมการพลังงานจาก C ไป A
2 2
PC VC P V
zC = zA A A
2g 2g
3 2
PC 9.97 2 39.24 10 4.43
3.5 = 3.5
2g 2g
PG
= -0.06 m
PC VC2 9.97 2
E.G.L. C z C 3.5 0.06 8.5 m
2g 2g
P
H.G.L. C z C C 3.5 0.06 3.44 m
พิจารณาสมการพลังงานจาก B ไป A
PB VB2 PA VA2
zB = zA
2g 2g
3 2
PB 4.43 2 39.24 10 4.43
3.5 = 3.5
2g 2g
PB
= 4.0 m
PB VB2 4.43 2
E.G.L. B z B 3.5 4 8.50 m
2g 2g
P
H.G.L. B z B B 3.5 4.0 7.5 m
จากรูปที่ 4.3 ระดับของเหลวทีอ่ ยูใ่ น Piezometer (H1 , H2) คือค่าของ Static head
พิจารณาสมการ Bernoulli ระหว่างจุด 1-2
2 2
P1 V1 P2 V2
z1 z 2
2g 2g
เมือ่ H1 , H2 คือ static head ของจุดที่ 1 และ 2 จะได้วา่
2 2
V V
H1 1 H2 2
2g 2g
2gH2 H1 V2 V1
2 2
D12
เนื่องจาก A1V1 A 2 V2 V2 2 V1
D2
ความเร็ว และอัตราการไหลของของไหลในท่อคือ
2 gH
V V1 4 --------- (4.8)
D1
1
D2
แต่เนื่องจากค่าของความเร็วทีไ่ ด้จากสมการ 4.8 จะไม่ตรงกับความเป็ นจริง ดังนัน้ จะต้องมีการปรับแก้
ด้วยค่าสัมประสิทธิ ์ความเร็ว (CV)
2gH
Vทีแ่ ท้จริง C V 4 C W 2gH --------- (4.9)
D1
1
D2
CV
เมือ่ CW คือค่าสัมประสิทธิ ์ของมาตรวัดแบบเวนจูร ี ซึง่ มีคา่ เท่ากับ 4
D1
1
D2
- Pitot tube
Pitot tube คืออุปกรณ์อย่างง่ายทีใ่ ช้สาํ หรับการวัดความเร็วของการไหล มีลกั ษณะเป็ นท่อขนาดเล็ก ทีห่ นั
ปลายทางเข้าไปทางต้นนํ้า ลักษณะดังรูปที่ 4.4
การสูญเสียเฮดสามารถจําแนกได้เป็ น 2 ประเภทดังนี้
2 2
P V P V
z1 1 1 z 2 2 2 hf hm ------- (4.12)
2g 2g
hm A H 1.5 1 1 2 1.5 7m
2
V
แทนค่าใน (1) 15.0 = 0.0 H 7.0 7.0
2g
VH = 4.429 m/s
Q A H VH
4
0.10 2 4.429 0.035 m 3 s
พิจารณาสมการพลังงานระหว่างจุด A-B
2 2
PA VA P V
zA = z B B B h f hm AB
w 2g w 2g
D H2 0.10 2
PA = 0 , VA = 0 VB 2 VH 2 4.429 1.968 m / s
DB 0.15
hm A B 1. 5m h f A B 0m
PB 1.968 2
15.0 0 0 = 10.0 1.5 0
w 2g
PB
= = 3.303 m
w
2 2
PB VB 1.968
ดังนัน้ ทีจ่ ุด B ระดับ E.G.L. = zB 10 3.303 13.5 m
w 2g 2g
P
ระดับ H.G.L. = z B B 10 3.303 13.303 m
w
พิจารณาสมการพลังงานระหว่างทางเข้า-ออก ทีจ่ ุด C
PC in VC2in PC out VC2out
z C in = z C out h f h m
w 2g w 2g
PC in VC2in
z C in 12.5 m VC in VC out 1.968 m / s z C in z C out
w 2g
h f C C
in out
0m hm C C
in out
1m
PC out 1.968 2
12.5 = 10.0 0 1.0
w 2g
PC out
= 1.303 m
w
PC out VC2out 1.968 2
ดังนัน้ ทีจ่ ุด Cout ระดับ E.G.L. = z C out 10 1.303 11.5 m
w 2g 2g
PC out
ระดับ H.G.L. = z C out 10 1.303 11.303 m
w
พิจารณาสมการพลังงานระหว่างทางออกข้องอ C – ทางเข้าข้องอ D
PC out VC2out PD in VD2in
z C out = z D in h f h m
w 2g w 2g
PC out VC2out
z C out 11.5 m VC out VD in 1.968 m / s
w 2g
h f C
out D in
1.0 m hm C
out D in
0 m
PD in 1.968 2
11.5 = 5.0 1.0 0
w 2g
PD in
= 5.303 m
w
PD in VD2in 1.968 2
ดังนัน้ ทีจ่ ุด Din ระดับ E.G.L. = z D in 5.0 5.303 10.5 m
w 2g 2g
PD
ระดับ H.G.L. = z D in in 5.0 5.303 10.303 m
w
พิจารณาสมการพลังงานระหว่างทางเข้า-ออก ข้องอทีจ่ ุด D
PD in VD2in PD out VD2out
z D in = z D out h f h m
w 2g w 2g
PD in VD2in
z D in 10.5 m VD in VD out 1.968 m / s z D in z D out
w 2g
h f D D
in out
0 hm D D
in out
1.0 m
PD out 1.968 2
10.5 = 5.0 0 1.0
w 2g
PD out
= 4.303 m
w
PD out VD2out 1.968 2
ดังนัน้ ทีจ่ ุด Dout ระดับ E.G.L. = z D out 5.0 4.303 9.5 m
w 2g 2g
PD out
ระดับ H.G.L. = z D out 5.0 4.303 9.303 m
w
พิจารณาสมการพลังงานระหว่างทางออกของข้องอทีจ่ ุด D - E
PD out VD2out P V
2
z D out = z E E E h f h m
w 2g w 2g
PD out VD2out
z D out 9.5 m VD out VE 1.968 m / s
w 2g
h f D
out E
1.0 m hm D
out E
0
PE 1.968 2
9.5 = 5.0 1.0 0
w 2g
PE
= 3.303 m
w
2 2
P V 1.968
ดังนัน้ ทีจ่ ุด E ระดับ E.G.L. = z E E E 5.0 3.303 8.5 m
w 2g 2g
P
ระดับ H.G.L. = z E E 5.0 3.303 8.303 m
w
พิจารณาสมการพลังงานระหว่างจุด E - F
2 2
PE VE P V
zE = z F F F h f hm
w 2g w 2g
2
P V
z E E E 8.5 m
w 2g
D E2 0.15 2
A E VE A F VF VF VE
0.10 2 1.968 4.428 m / s
D F2
h f EF 0 hm EF 2.0 m
PF 4.428 2
8.5 = 5.0 0 2.0
w 2g
PF
= 0.500 m
w
2 2
P V 4.428
ดังนัน้ ทีจ่ ุด F ระดับ E.G.L. = z F F F 5.0 0.5 6.5 m
w 2g 2g
P
ระดับ H.G.L. = z F F 5.0 0.5 5.5 m
w
พิจารณาสมการพลังงานระหว่างจุด F – ทางเข้าข้องอทีจ่ ุด G
P V
2 PG in VG2in
zF F F = z G in h f h m
w 2g w 2g
2
P V
z F F F 6.5 m VG in VF 4.428 m / s
w 2g
h f FG
in
2.0 m hm FG
in
0
PG in 4.428 2
6.5 = 5.0 2.0 0
w 2g
P G
= -1.500 m
w
PG in VG2in 4.428 2
ดังนัน้ ทีจ่ ุด Gin ระดับ E.G.L. = z G in 5.0 1.5 4.5 m
w 2g 2g
PG
ระดับ H.G.L. = z G in in 5.0 1.5 3.5 m \
w
พิจารณาสมการพลังงานระหว่างทางเข้า-ออกของข้องอทีจ่ ุด G
PG in VG2in PG out VG2out
z G in = z G out h f h m
w 2g w 2g
PG in VG2in
z G in 4.5 m VG in VG out z G in z G out
w 2g
h f G G
in out
0 hm G G
in out
1.5 m
PG out 4.428 2
4.5 = 5.0 0 1.5
w 2g
PG out
= -3.000 m
w
PG out VG2out 4.428 2
ดังนัน้ ทีจ่ ุด Gout ระดับ E.G.L. = z G out 5.0 3.0 3.0 m
w 2g 2g
PG out
ระดับ H.G.L. = z G out 5.0 3.0 2.0 m
w
พิจารณาสมการพลังงานระหว่างทางออกของข้องอทีจ่ ุด G - H
PG out VG2out P V
2
z G out = z H H H h f hm
w 2g w 2g
PG out VG2out
z G out 3.0 m VG out VH 4.428 m / s
w 2g
h f G
out H
2.0 m h m G
out H
0
PH 4.428 2
3.0 = 0.0 2.0 0
w 2g
PH
= 0.000 m
w
2 2
P V 4.428
ดังนัน้ ทีจ่ ุด H ระดับ E.G.L. = zH H H 0 0 1.0 m
w 2g 2g
P
ระดับ H.G.L. = zH H 0 0 0 m
w
Ans
เครือ่ งสูบนํ้า เป็ นอุปกรณ์ทท่ี าํ หน้าทีเ่ ปลีย่ นพลังงานกล (hP) ทีไ่ ด้รบั มาจากแหล่งพลังงานเช่น มอเตอร์
ให้กลายเป็ นพลังงานของของไหล (HP) ดังนัน้ เมือ่ ของไหลหรือระบบไหลผ่านเครือ่ งสูบ เฮดพลังงานรวมของ
ระบบจะเพิม่ สูงขึน้ ดังรูปที่ 4.8
2 2
P V P V
z1 1 1 HP z 2 2 2 hf hm ------- (4.13)
2g 2g
กังหันนํ้า เป็ นอุปกรณ์ทท่ี าํ หน้าทีเ่ ปลีย่ นพลังงานของของไหล (HP) ให้กลายเป็ นพลังงานกล (hT) เพือ่
นําไปใช้กบั กิจกรรมต่างๆ เช่น ส่งพลังงานทีไ่ ด้ให้กบั เครือ่ งกําเนิดกระแสไฟฟ้า ดังนัน้ เมือ่ ของไหลหรือระบบ
ไหลผ่านเครือ่ งสูบ เฮดพลังงานรวมของระบบจะลดตํ่าลง ดังรูปที่ 4.9
2 2
P V P V
z1 1 1 z 2 2 2 HT hf hm ------- (4.16)
2g 2g
บทที่ 5
สมการโมเมนตัม
รูปที่ 5.2 เป็ นการแสดงสิง่ ต่างๆ ทีเ่ กิดขึน้ กับระบบ โดยรูปที่ 5.1 (ก) เป็ นการพิจารณาเกีย่ วกับ อัตราการไหล
ความเร็ว และ โมเมนตัม ทีไ่ หลผ่านปริมาตรควบคุม ส่วนรูปที่ 5.1 (ข) พิจารณาเฉพาะ แรงภายนอกทีก่ ระทํากับระบบ
จากกฎการเคลื่อนทีข่ อง นิวตัน
dV
F = ma = m
dt
F dt = m dV --------- (5.2)
ซึง่ สมการที่ 5.2 ก็คอื กฎของอินพัลส์โมเมนตัม (Impulse momentum) โดยเราจะเรียกเทอมของ F dt
ว่า อิมพัลส์ (Impulse) ส่วนเทอมของ m dV คือ การเปลีย่ นแปลงของโมเมนตัม
ซึง่ สมการที่ 5.7 ก็คอื สมการโมเมนตัม (Momentum Equation) ของของไหลทีอ่ ดั ตัวไม่ได้ (Incompressible
Fluid) ภายใต้การไหลทีไ่ ม่แปรเปลีย่ นตามเวลา (Steady stage)
0
88.29 10
3
VA
2
= 00
VB
2
2g 2g
2
A D 5 2
จาก Q VA A A VB A B VB A VA A VA VA 4 VA
AB DB 2.5
88.29 10
3
VA
2
=
16 VA2
2g 2g
VA = 3.43 m/s
VB = 13.72 m/s
Q =
3.43 4 0.05
2
= 0.0067 m3/s
แทนค่าในสมการที่ (5)
PA A A FX = w Q 13.72 w Q 3.43
FX
= 88.29 10 3 4 0.05 2 w 0.0067 13.72 3.43
= 104.41 N
เนื่องจาก FX คือแรงกระทําภายนอก หรือแรงทีห่ วั ฉีดกระทํากับของไหล ดังนัน้ แรงทีข่ องไหลกระทํากับ
หัวฉีดก็คอื แรงปฏิกริ ยิ าของแรง FX
จึงสรุปได้วา่ แรงเกิดขึน้ บริเวณข้อต่อมีคา่ เท่ากับ 104.41 N และมีทศิ ทาง Ans
0
88.29 10 3
2
VA
=
VB
2
0 0 1.5
2
VA
2g 2g 2g
2
AA DA 5 2
จาก Q VA A A VB A B VB VA VA VA 4 VA
AB DB 2.5
88.29 103 VA2
=
16 VA2
1.5
VA2
2g 2g 2g
VA = 3.27 m/s
VB = 13.09 m/s
Q =
3.27 4 0.05
2
= 0.0064 m3/s
แทนค่าในสมการที่ (5)
PA A A FX = w Q 13.09 w Q 3.27
FX
= 88.29 10 3 4 0.05 2 w 0.0064 13.09 3.27
= 110.51 N
เนื่องจาก FX คือแรงกระทําภายนอก หรือแรงทีห่ วั ฉีดกระทํากับของไหล ดังนัน้ แรงทีข่ องไหลกระทํากับ
หัวฉีดก็คอื แรงปฏิกริ ยิ าของแรง FX
จึงสรุปได้วา่ แรงเกิดขึน้ บริเวณข้อต่อมีคา่ เท่ากับ 110.51 N และมีทศิ ทาง Ans
สมการโมเมนตัมกับการไหลหลายทิ ศทาง
Q 2 V2 A 2 10 4 0.2 2 10 0.031 0.31 m 3 s
0.98 0.31 0.98 0.31
แทนค่าใน (1) V3 =
4
0 . 15 2 =
0 . 018
= 37.2 m/s
Q3 = Q1 - Q3 = 0.67 m3/s
จากรูป
FX = FX F2 F3 cos 45 O
= P2 A 2 P3 A 3 cos 45 O FX
= 112.5 0.031 529.42 0.018 cos 45 O FX
FX = 10.23 FX kN ----- (3)
จากสมการโมเมนตัมตามแนวแกน X
FY = Q out Vout Y Q in Vin Y ----- (6)
จากรูป
O
FY = FY F1 F3 sin 45
= FY P1A 1 P3 A 3 sin 45 O
= FY 150 0.196 529.42 0.018 sin 45 O
FY = FY 36.14 kN ----- (7)
Q in Vin Y = W Q 1 V1
= W 0.98 5 = -4.9 (kN) ----- (8)
2
A1 D1 0.3 2
V2 V1 V1 V1 4 V1 4 3 12 m s แทนค่าใน (2)
A2 D
2 0. 15
2 2
58.86 3 P 12
0 = 0 2 1.12
9.81 2g 2g
P2 = -19.62 kPa
F Y = F2 Y FY = P2 A 2 35 FY
= 35 19.62 4 0.15 2 FY
= 0.208 – FY (kN)
Q out Vout Y = w V2 A 2 35 V2 = 35 w 4 0.15 2 12 2
= +1.527 (kN)
Q in Vin Y = 0
แทนค่าทัง้ หมดใน (2)
0.208 + FY = (+1.527)
FY = 1.319 kN
F = FX2 FY2
2 2
= 3.038 1.319
= 3.312 kN
F
tan 1
1.319
= tan 1 Y =
FX 3.038
O
= 23.47 Ans
จากรูปที่ 5.6 FX = FX
Out Q Out VOut X = Q v u cos
In Q In VIn X = Q v u
แทนค่าในสมการโมเมนตัม
FX = Q v u cos Q v u
FX = Q v u 1 cos --------- (5.15)
FY = FY
Out Q Out VOut Y = Q v u sin
In Q In VIn Y = 0
แทนค่าในสมการโมเมนตัม
FY = Q v u sin 0
FY = Q v u sin --------- (5.16)
จากสมการโมเมนตัน
FX = VX Q out VX Q in ---- (1)
จากรูป FX = -FX = -T
Q V U A V U 0.025 2
4
VX Q out = W Q v u cos 45 O
= W 0.025 2 v u 2 cos 45 O
4
VX Q in = W Q v u
= W 0.025 2 v u 2
4
แทนค่าในสมการที่ (1)
-T = W 0.025 2 v u 2 cos 45 O W v u 2 cos 45 O
4
T =
4
W 0.025 2 v u 2 1 cos 45 O
(1g) =
W 0.025 2 10 u 2 1 cos 45 O
4
แก้สมการหาค่า u ได้
u = 1.91 m/s Ans
บทที่ 6
การไหลภายในท่อ
ในปี ค.ศ. 1883 ออสบอร์น เรย์โนลด์ (Osborne Reynolds) ได้ทาํ การศึกษาพฤติกรรมของการไหลในท่อ โดย
ใช้เครือ่ งมือทีป่ ระกอบด้วยถังนํ้าขนาดใหญ่ เชื่อมต่อกับท่อโปร่งใสทีม่ วี าล์วควบคุมการไหลอยูท่ ป่ี ลายท่อ และถังบรรจุส ี
ขนาดเล็กเชื่อมต่อกับท่อขนาดเล็ก ทําหน้าทีป่ ล่อยอนุภาคสีเข้าไปภายในท่อโปร่งใส ลักษณะดังรูปที่ 6.2
VD VD
Re --------- (6.1)
1) ช่วงการไหลทีบ่ ริเวณกึง่ กลางท่อยังไม่ถกู รบกวน (Invicid core length : LI) เมือ่ เริม่ ต้นพิจารณาจาก
ปากทางเข้าท่อ ของไหลจะเริม่ ถูกรบกวนโดยแรงเสียดทานจากผนังของท่อ ทําให้ความเร็วของอนุภาค
ของไหลทีอ่ ยูต่ ดิ กับผนังท่อเป็ นศูนย์ และความเร็วของอนุ ภาคถัดไปจะลดลงตามลําดับ ส่วนในบริเวณ
กึง่ กลางของท่อนัน้ จะยังไม่ถกู รบกวน แต่เมื่อของไหลเดินทางต่อไปเรือ่ ยๆ ผลกระทบดังกล่าวจะ
ขยายตัวใหญ่ขน้ึ จนเต็มหน้าตัดการไหล ซึง่ ทําให้พฤติกรรมของความเร็วของอนุภาคของไหลในช่วงนี้
จะแปรผันตามระยะทางตามแนวความยาวของท่อ (x) และระยะตามแนวรัศมีของท่อ (y) ดังนัน้ Li จึง
เริม่ ต้นวัดจากปากทางเข้าท่อไปจนถึงจุดทีก่ ารรบกวนของผนังขยายตัวเต็มหน้าตัดการไหลพอดี
ั ่ ว่ น
รูปที่ 6.4 การไหลบริเวณปากทางเข้าของท่อในสภาวะการไหลแบบปนป
L V2
จัดรูปใหม่จะได้วา่ hf f --------- (6.12)
D 2g
ั ่ ว่ น
รูปที่ 6.8 ความเร็วของการไหลแบบราบเรียบ แบบแปรเปลีย่ น และแบบปนป
ั ่ ว่ น
รูปที่ 6.9 ความเร็วทีต่ าํ แหน่ง r ใดๆ ของการไหลแบบปนป
2 V2 V 2
คูณด้วย V ทัง้ สองข้าง = --------- (6.22)
u *
2 O
จากสมการที่ 6.13 แทนค่าใน 6.22 จะได้วา่
V 8
= --------- (6.23)
u* f
ั ่ ว่ น
รูปที่ 6.10 ความเร็วทีต่ าํ แหน่ง r ใดๆ ของการไหลแบบปนป
ั ่ ว่ นในท่อกลม
รูปที่ 6.11 เปรียบเทียบความเร็วเฉลีย่ กับความเร็วทีต่ าํ แหน่ง r ใดๆ ของการไหลแบบปนป
R
เมือ่ พิจารณาอัตราการไหลในท่อ Q = u t dA
0
V2
hm k --------- (6.30)
2g
- หาค่าผลต่างของระดับนํ้า( Z )
Q 0.04
จาก Q = VA V = = 2
A 4 0.10
V = 5.09 m/s
VD 5.09 0.1
หาค่าเรย์โนลด์นมั เบอร์ Re = =
1 106
Re = 5.09X105
เมือ่ พิจารณาจาก Moody diagram : f 0.0175 ซึง่ ไม่เท่ากับทีส่ มมุติ แสดงว่าค่า f ทีไ่ ด้ไม่ถกู ต้อง
3
0.045 10
= = 0.00045
D 0.10
เมือ่ พิจารณาจาก Moody diagram : f 0.0172 ซึง่ ไม่เท่ากับทีส่ มมุติ แสดงว่าค่า f ทีไ่ ด้ไม่ถกู ต้อง
เมือ่ พิจารณาจาก Moody diagram : f 0.0173 ซึง่ ใกล้เคียงกับค่าทีส่ มมุติ แสดงว่าค่า f ทีไ่ ด้ถกู ต้อง
V = 5.446 m/s
Q = 5.446 4 0.10 2 = 0.0427 m3/s
= 42.7 l/s Ans
ตัวอย่างที่ 6.2 ต้องการออกแบบท่อส่งนํ้ามันผ่านพืน้ ทีร่ าบระยะทาง 12 กม. โดยใช้ทอ่ wrought iron อัตราการส่ง
นํ้ามันทีใ่ ช้ในการออกแบบคือ 300 ลิตรต่อนาที นํ้ามันมีคา่ ความถ่วงจําเพาะเท่ากับ 0.7 ความหนืดคิเนมาติกของนํ้ามัน
เท่ากับ 5X10-7 m2/s ถ้าข้อกําหนดของการออกแบบคือ ความดันภายในท่อส่งจะลดลงได้ไม่เกิน 10.3 kPa ต่อ
ระยะทาง 1 กม. จงออกแบบขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของท่อ
วิธที าํ พิจารณาสมการพลังงานระหว่างจุดเริม่ ต้น (1) กับจุดสิน้ สุด (2)
2 2
P1 V1 P2 V2
z1 = z 2 hf
O 2g O 2g
เนื่องจาก z1 z 2 และ V1 V2 V จะได้วา่
P2 P1
= hf
O O
2
P LV
= f
O D 2g
2
P 12,000 V
= f --------- (1)
O D 2g
จากข้อกําหนด ความดันจะลดลงได้ไม่เกิน 10.3 kPa/km ดังนัน้ ความดันทัง้ สองจุดจะแตกต่างกันเท่ากับ
P = (10.3 kPa/km) (12 km)
= 123.6 kPa
แทนค่าในสมการที่ (1)
123.6 kPa 12,000 V
2
= f
0.7 9810 D 2g
2
V
0.0294 = f --------- (2)
D
ท่อ wrought iron = 0.045 mm
อัตราการไหลในท่อ Q = 300 l/min = 5 l/s
สมมุตขิ นาดเส้นผ่าศูนย์กลางท่อ D = 10 cm
0.045 mm
= 0.00045
D 100 mm
Q 0.005
V = = = 0.637 m/s
A
4 0.12
VD 0.637 0.1 5
Re = = 1.3 10
O 5 10 7
สมมุตขิ นาดเส้นผ่าศูนย์กลางท่อ D = 15 cm
0.045 mm
= 0.0003
D 150 mm
Q 0.005
V = = = 0.283 m/s
A
4 0.152
VD 0.283 0.15 4
Re = = 8.5 10
O 5 10 7
Q 0.02
จาก Q = VA VGE = = 2 = 2.546 m/s
A GE 4 0.10
Q 0.02
VDB = = 2 = 4.527 m/s
A DB 4 0.075
hf = h fGE h fDB
2
L GE VGE L DB VDB2
= fGE fDB
D GE 2 g D DB 2g
2 2
7.5 2.546 33.0 4.527
hf = 0.0225 0.0240
0.1 2g 0.075 2g
hf = 11.588 m
การสูญเสียพลังงานรอง จะเกิดขึน้ ทีท่ างเข้า (foot valve : kG = 2.0) ประตูน้ํา (Gate valve : kvalve = 2.5)
ข้องอ 90O ทัง้ สองตัว (F และ C : kF = kC = 1.5) และบริเวณทางออก (B : kB = 1) ดังนัน้ การสูญเสียพลังงาน
รองทัง้ หมดจึงมีคา่ เท่ากับ (ค่า k ของอุปกรณ์ต่างๆ โจทย์ระบุมาให้)
2
VGE VDB2
hm = k G k F k valve k C k B
2g 2g
2 2
2.546 4.527
= 2.0 1.5 2.5 1.5 1.0
2g 2g
hm = 4.594 m
กําลังงานทีน่ ้ําได้รบั
PW = QHP = 9810 0.02 42.682
= 8374.208 Watt
กําลังงานทีก่ าํ ลังของเครือ่ งสูบ
PW 8374.208
PP = =
P 0.65
= 12883.398 Watt
PP = 12.883 k Watt Ans
พิจารณาสมการพลังงานระหว่างจุด I กับ A
PI VI2 PA VA2
zI = zA h f hm
W 2g W 2g
2
PI VDB
15.5 = 25.0 0 0 h f hm
W 2g
2
PI V
= 9.5 DB h f hm --------- (2)
W 2g
2
PI 4.527
= 9.5 3.008 1.045
W 2g
= 12.508 m
PI = 12.508 W = 122.703 kPa Ans
hf = h fB E h fF H
2 2
L V L V
= fBE BE BE fFH FH FH
D BE 2g D FH 2g
2 2
150 2.546 35 1.132
= 0.016 0.015
0.5 2g 0.75 2g
hf = 1.632 m
การสูญเสียพลังงานรอง จะเกิดขึน้ ทีท่ างเข้า (ตะแกรงดักขยะ : kB = 3.50) ประตูน้ํา (Gate valve : kvalve
= 0.39) ข้องอ 45O ทัง้ สองตัว (C และ D : kC = kD = 0.20) ข้องอ 90O (kG = 0.30) และบริเวณทางออก (H : kH
= 1.00) ดังนัน้ การสูญเสียพลังงานรองทัง้ หมดจึงมีคา่ เท่ากับ
2 2
VBE VFH
hm = k B k C k D k valve k G k H
2g 2g
2
2.546 1.132 2
= 3.50 0.2 0.2 0.39 0.3 1.0
2g 2g
hm = 1.502 m
เนื่องจากสภาพการไหลเป็ นแบบ Fully rough flow ค่า f จึงแปรผันกับ เพียงอย่างเดียว
D
0.20 0.002 f 0.0235
BD
D BD 100
0.20 0.004 f f 0.0285
DF DJ
D DF D DJ 50
2 2
L V V
hf hm BD = fBD BD BD k DF BD
DBD 2g 2g
2
10 VBD
= 0. 0235 0. 5 1. 5
0.10 2g
2
V
= 4.35 BD
2g
LDF VDF2 V2
hf hm DF = fDF k DF DF
DDF 2g 2g
2
15 VDF
= 0.0285 0.9 1.5 0.39 1.0
0.05 2g
2
VDF
= 12.34
2g
แทนค่าในสมการที่ (3)
2 2
V V
9.84 DF = 16.69 DJ
2g 2g
VDF = (1.302) VDJ --------- (5)
แทนค่าในสมการที่ (4)
VBD2 VDF2 VDJ2
2 30 12 = 2 4.35 12.34 16.69
2g 2g 2g
2
VBD VDJ2 VDJ2
36 = 8.70 20.919 16.69
2g 2g 2g
2
VBD VDJ2
36 = 8.70 37.609 --------- (6)
2g 2g
หากพิจารณาจากอัตราการไหล จะเห็นได้วา่
QBD = QDF + QDJ
4 0.12 VBD = 4 0.052 VDF 4 0.052 VDJ
(4) VBD = VDF + VDJ
จากสมการที่ (5)
(4) VBD = (1.302) VDJ + VDJ
(1.738) VBD = VDJ --------- (7)
บทที่ 7
การไหลในทางนํ้าเปิ ด
2) พิจารณาการเปลีย่ นแปลงรูปตัดขวางของการไหลในช่วงใดๆ
a) การไหลแบบสมํ่าเสมอ (Uniform Flow : UF) คือการไหลทีม่ คี วามลึก (y) และพืน้ ทีห่ น้าตัดการ
ไหล (A) คงทีต่ ลอดช่วงความยาวทีพ่ จิ ารณา
b) การไหลแบบแปรเปลีย่ น (Varied flow หรือ Non-Uniform flow) คือการไหลทีม่ คี วามลึก และ
พืน้ ทีห่ น้าตัดการไหล ไม่คงทีต่ ลอดช่วงความยาวทีพ่ จิ ารณา ซึง่ แบ่งเป็ น 2 ลักษณะคือ
- การไหลแบบแปรเปลีย่ นแบบค่อยเป็ นค่อยไป (Gradually Varied Flow : GVF) คือการไหลที่
ความลึก และพืน้ ทีห่ น้าตัดการไหล มีการเปลีย่ นแปลงทีล่ ะน้อยไปตามความยาวของช่วงที่
พิจารณา
- การไหลแบบแปรเปลีย่ นแบบฉับพลัน (Rapidly Varied Flow : RVF) คือการไหลทีค่ วามลึก
และพืน้ ทีห่ น้าตัดการไหล มีการเปลีย่ นแปลงอย่างฉับพลันในช่วงความยาวทีพ่ จิ ารณา
รูปที่ 7.12
จากข้อพิสจู น์ดงั กล่าวจะเห็นได้วา่ ไม่วา่ จะอยูจ่ ุดใดบนหน้าตัดเดียวกัน ค่าของ static head จะมีคา่ เท่ากันเสมอ
ดังนัน้ สมการพลังงานของการไหลในทางนํ้าเปิดจึงมีรปู แบบดังต่อไปนี้
2 2
V V
z 1 y 1 1 z 2 y 2 2 hL --------- (7.5)
2g 2g
เมือ่ hL = การสูญเสียพลังงาน
yi = ความลึกทีห่ น้าตัด i
zi = ค่าระดับท้องรางนํ้าทีห่ น้าตัด i
Vi = ความเร็วเฉลีย่ ของการไหลทีห่ น้าตัด i
sf = ความลาดชันของเส้นระดับพลังงานรวม
sw = ความลาดชันของผิวนํ้า
so = ความลาดชันของท้องรางนํ้า
ั ่ ว่ น ความเค้นเฉือนทีผ่ นัง จะ
ในปี ค.ศ. 1773 Antoni Chezy ได้ทาํ การศึกษาพบว่า ในสภาพการไหลแบบปนป
เป็ นปฏิภาคโดยตรงกับความเร็วเฉลีย่ (V) ยกกําลังสอง
V2
= KV 2 (K คือค่าคงที)่ --------- (7.8)
แทนค่า จากสมการ 7.8 ลงในสมการ 7.7 จะได้
KV 2 = Rs o
Rs o
V =
K
V C Rs o --------- (7.9)
สมการที่ 7.9 นัน้ เรียกว่าสมการ Chezy หรือ สูตร Chezy (Chezy’s Formula) โดยที C คือค่า
K
สัมประสิทธิ ์ของ Chezy (Chezy coefficient) ซึง่ มีลกั ษณะเป็ นสัมประสิทธิ ์การไหลชนิดหนึ่ง โดยจะขึน้ อยูก่ บั ลักษณะ
ทางกายภายของทางนํ้า และความหยาบของพืน้ ผิวทางนํ้า
ต่อมาในปี ค.ศ. 1890 Robert Manning ได้พฒ ั นาสมการของ Chezy โดยนําผลทีไ่ ด้จากการทดลองใน
ห้องปฏิบตั กิ าร และข้อมูลในภาคสนามมาวิเคราะห์พบว่า สัมประสิทธิ ์ของ Chezy จะมีความสัมพันธ์กบั ค่าสัมประสิทธิ ์
ความขรุขระของ Manning (Manning’s roughness coefficient) ดังสมการที่ 7.10 และ 7.11
1 1
สําหรับระบบ SI C = R 6 --------- (7.10)
n
1.49 1
หรือสําหรับระบบ BG C = R 6 --------- (7.11)
n
เมือ่ n คือสัมประสิทธิ ์ความขรุขระของ Manning (Manning’s roughness coefficient) ซึง่ มีลกั ษณะเป็ น
สัมประสิทธิ ์ความเสียดทานชนิดหนึ่ง โดยจะขึน้ อยูก่ บั ลักษณะทางกายภายของทางนํ้า และความหยาบของพืน้ ผิวทาง
นํ้า เช่นเดียวกับสัมประสิทธิ ์ของ Chezy (ตารางที่ 7.1)
ดังนัน้ หากพิจารณาจากสมการที่ 7.9 เมือ่ เปลีย่ นค่าสัมประสิทธิ ์ของ Chezy เป็ น สัมประสิทธิ ์ความขรุขระของ
Manning จะได้วา่
1 2 1
สําหรับระบบ SI V R 3 S 2 --------- (7.12)
n
1 2 1
หรือ Q A R 3 S 2 --------- (7.13)
n
1.49 2 1
สําหรับระบบ BG V R 3 S 2 --------- (7.14)
n
1.49 2 1
หรือ Q A R 3 S 2 --------- (7.15)
n
สมการที่ 7.12 และ 7.14 นัน้ เรียกว่าสมการ Manning หรือ สูตร Manning (Manning’s Formula)
A b my y 4 2 2 2 16 m 2
2 2
P b 2y 1 m 4 2 2 1 2 12.94 m
A 16
R 1.24 m
P 12.94
1 2 1
สมการของ Manning V = R 3 S 2
n
1 2 1
= 12.94 3 0.001 2 --------- (1)
n
จากโจทย์กาํ หนดค่า ส.ป.ส. ความขรุขระของ Manning ของพืน้ ผิวคอนกรีตมีคา่ เท่ากับ 0.015 แทนค่าในสมการ (1)
1 2 1
V = 12.94 3 0.001 2 --------- (2)
0.015
1 2 1
จาก Q = VA Q = 12.94 3 0.001 2 16
0.015
= 38.88 cms Ans
7.5 พลังงานจําเพาะกับการไหลแปรเปลี่ยนแบบฉับพลันแต่ไม่แปรเปลี่ยนตามเวลา
(Specific energy and steady rapidly varied flow)
V2
จากสมการที่ 7.16 E = y
2g
q2
E = y 2 --------- (7.21)
2g y
จาก q คงที่ ดังนัน้ หากพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่าง E กับ y พบว่ากราฟความสัมพันธ์จะเป็ นรูป Hyperbola
ดังรูปที่ 7.19
จากสมการที่ 7.22 ทีจ่ ุดวิกฤต ค่าอนุ พนั ธ์ของพลังงานจําเพาะเทียบกับความลึกจะมีคา่ เท่ากับ 0 ฉะนัน้ เมือ่ แทน
dE
ค่า y = yc จะทําให้ 0 จึงได้วา่
dy
2
q
0 = 1 3
g yc
2
q
yc = 3 --------- (7.23)
g
จากสมการที่ 7.2 ความลึกชลศาสตร์ของการไหลในทางนํ้ารูปสีเ่ หลีย่ มมุมฉาก จะมีคา่ เท่ากับกับค่าความลึกของ
การไหล (D = y) เมือ่ แทนค่าในสมการที่ 7.23 จะได้วา่
V D c 2
Dc = 3
g
V D c 2 V
1 = 3 =
gDc gDc
V V
1 = = = Frc --------- (7.24)
gDc gyc
ตัวอย่างที่ 7.4 ทางนํ้ารูปสีเ่ หลีย่ มผืนผ้ากว้าง 3 m ความลึก y1 เท่ากับ 1.55 m และความเร็ว V1 เท่ากับ 1.83 m/s
หากทางด้านท้ายนํ้ามีการยกพืน้ ขึน้ ลักษณะดังรูป
ในการหาคําตอบจําเป็ นต้องวิเคราะห์จากพฤติกรรม
ของการเปลีย่ นแปลงสภาวะการไหล โดยสามารถวิเคราะห์
ได้จากกราฟความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานจําเพาะ กับ
ความลึกของการไหล ซึง่ จะเห็นได้วา่ ทีด่ า้ นเหนือนํ้า สภาวะ
การไหลเป็ นแบบ ตํ่ากว่าวิกฤต (subcritical flow : y > yc)
การทีค่ วามลึกด้านท้ายนํ้าจะลดลงจนกระทังตํ ่ ่ากว่าความลึก
วิกฤต (supercritical flow : y < yc) ได้นนั ้ การไหลจะต้อง
ผ่านสภาวะวิกฤตเสียก่อน ซึง่ จากโจทย์ เมือ่ พิจารณาการ
เปลีย่ นแปลงระดับท้องทางนํ้า ไม่สามารถทําให้การไหลเข้า
สูส่ ภาวะวิกฤตได้ ดังนัน้ การไหลด้านท้ายนํ้าจึงเป็ นการไหล
แบบตํ่ากว่าวิกฤต (y > yc)
ความลึกของการไหลด้านท้ายนํ้า y2 = 1.76 m Ans
V1 y 1 1.83 1.55
จาก q v 1y 1 v 2 y 2 V2 = =
y2 1.76
V2 = 2.25 m/s Ans
หากวิเคราะห์ได้จากกราฟความสัมพันธ์ระหว่าง
พลังงานจําเพาะ กับ ความลึกของการไหล ประกอบกับ
สมการพลังงานของการไหลในทางนํ้าเปิด จะเห็นได้วา่
ผลต่างของค่าระดับท้องทางนํ้าจะมากทีส่ ดุ เมือ่ E2 = Ec
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ผลต่างของค่าระดับท้องทางนํ้า
ทีม่ ากทีส่ ดุ จะต้องทําให้สภาวะการไหลด้านท้ายนํ้าเป็ น
การไหลแบบวิกฤต
หากพิจารณาจากกราฟความสัมพันธ์ระหว่างพลังงาน
จําเพาะ กับ ความลึกของการไหล และจากโจทย์ ความลึก
ด้านเหนือนํ้ามากกว่าความลึกวิกฤต ดังนัน้ ความลึกด้าน
เหนือนํ้า y1 ควรมีคา่ เท่ากับ 1.728 m
Ans
หากพิจารณาจากกราฟความสัมพันธ์ระหว่างพลังงาน
จําเพาะ กับ ความลึกของการไหล และจากโจทย์ สภาพด้าน
ท้ายนํ้าไม่สามารถบอกได้วา่ การไหลจะอยูใ่ นสภาวะใด เช่น
ถ้าด้านท้ายนํ้าเกิดการหนุ นของนํ้า จนความลึกมากกว่า
ความลึกวิกฤต เป็ นต้น จะส่งผลให้สภาวะการไหลด้านท้าย
นํ้าเป็ นแบบ subcritical flow ความลึก y3 จะมีคา่ เท่ากับ
1.728 m แต่ถา้ ด้านท้ายนํ้าเกิดการไหลตกอย่างอิสระ หรือ
ความลาดชันด้านท้ายนํ้าสูง จะส่งผลให้สภาวะการไหลด้าน
ท้ายนํ้าเป็ นแบบ supercritical flow ความลึก y3 จะมีค่า
เท่ากับ 0.525 m ดังนัน้ จึงไม่มคี าํ ตอบทีแ่ น่นอน
Ans
ตัวอย่างที่ 7.6 ทางนํ้ารูปสีเ่ หลีย่ มผืนผ้า ด้านเหนือนํ้า (B1) กว้าง 3 m ช่วงกลาง (B2) กว้าง 2.0 m และท้ายนํ้า (B3)
กว้าง 2.0 m ดังรูป ถ้าอัตราการไหล 8.51 cms ความลึกของนํ้าด้านเหนือนํ้า y1 เท่ากับ 2.0 m จงหาความลึกของนํ้า
บริเวณคอคอด (y2) และความลึกด้านท้ายนํ้า (y3) โดยไม่พจิ ารณาการสูญเสียพลังงาน
จากสมการที่ 7.6
F Q
2
Q
2
= y A y A
1 1 gA 2 2 gA
1 2
2
Q
กําหนดให้ Momentum function (M) = yA --------- (7.26)
gA
ดังนัน้ สมการที่ 7.6 จึงเขียนใหม่ได้เป็ น
F
= M1 M 2 --------- (7.27)
หากพิจารณาการไหลในทางนํ้ารูปสีเ่ หลีย่ มมุมฉาก หรือการไหลต่อหนึ่งหน่วยความกว้าง Momentum function
จะอยูใ่ นรูป
b 2 bq 2 1
M =2 y g y --------- (7.28)
จากสมการที่ 7.28 จะเห็นได้วา่ ความสัมพันธ์ระหว่าง โมเมนตัมฟงั ก์ชนั กับ ความลึกของการไหล จะมีลกั ษณะ
คล้ายกับรูปทรงพาราโบร่า ดังรูปที่ 7.20
F
วิธที าํ จากสมการที่ 7.27 = M1 M 2
เนื่องจากมีผลของแรงเสียดทาน เป็ นผลกระทบจากแรงภายนอกซึง่
ไม่ได้เกิดจากของไหล F f
f
= M1 M 2 --------- (1)
ทางนํ้าเป็ นรูปสีเ่ หลีย่ มมุมฉาก จากสมการที่ 7.28 แทนค่าใน (1) จะได้วา่
f b 2 bq 2 1 b 2 bq 2 1
w
= 2 y1 g y 2 y 2 g y --------- (2)
1 2
3 2 3 2 1.75 2 1 3 2 3 2 1.75
2
1
= 2 2 1 . 75
g 2 2 g 1.75
f = 7.873 6.734 w = 11.173 kN Ans
ถ้าแรงเสียดทาน f 11.5 kN แทนค่าใน (2) จะได้
11.5 10
3
3 2 3 2 1.75 2 1 3 2 3 2 1.75 2 1
= 2 y2
w 2 g 2 2 g y2
3 2 3 2 1.75 2 1
6.700 = y2
2 g y2
y2 = 0.610 m และ 1.741 m
V1y 1 2 2 1.75 2
หาค่า yc = 3 = 3 = 1.117 m
g g
หากพิจารณาจากกราฟ ระหว่าง Momentum function กับ
ความลึกของการไหล ความลึกด้านเหนือนํ้า y1 > yc การไหล
เป็ นแบบ subcritical flow ดังนัน้ คําตอบ y2 = 0.610 m จึงไม่น่า
เป็ นไปได้ เนื่องจากการลดระดับลงของระดับนํ้าในทางนํ้า
เกิดขึน้ แบบค่อยเป็ นค่อยไป ไม่ได้ถกู บังคับให้เปลีย่ นโดย
กะทันหัน และระหว่าวทางไม่มสี งิ่ ใดทําให้สภาวะการไหลผ่าน
จุดวิกฤต ดังนัน้ ด้านท้ายนํ้าควรเกิดสภาวะการไหลแบบ
subcritical flow (y2 > yc) เพราะฉะนัน้ คําตอบของข้อนี้คอื
ความลึกด้านท้ายนํ้ามีคา่ เท่ากับ 1.741 m Ans
F
วิธที าํ จากสมการที่ 7.27 = M1 M 2
เนื่องจากไม่พจิ ารณาผลของแรงเสียดทาน จึงไม่เกิดผลกระทบจากแรง
ภายนอก ดังนัน้ F 0 จึงทําให้
M1 = M2 --------- (1)
ทางนํ้าเป็ นรูปสีเ่ หลีย่ มมุมฉาก จากสมการที่ 7.28 แทนค่าใน (1) จะได้วา่
b 2 bq 2 1 b 2 bq 2 1
2 y1 g y 2 y 2 g y
=
1 2
3 2 3 7 0.5
2
1 3 2 3 7 0.5 2 1
2 0.5 g
=
0.5 2 y2 g
y2
2 3.746
0.375 7.492 = 1.5 y 2 y
2
y2 = 2.00 m และ 0.5 m
หากพิจารณาจากกราฟ ระหว่าง Momentum
function กับ ความลึกของการไหล คําตอบทัง้ สองค่าคือคู่
conjugate depth และเนื่องจากการไหลไม่มแี รงภายนอกมา
กระทํา ค่าของ Momentum function จึงเท่าเดิม ค่าความลึก
0.5 ก็คอื ความลึกด้านเหนือนํ้า ดังนัน้ ในสถานการณ์ทเ่ี กิด
Hydraulic jump ความลึกด้านท้ายนํ้าจะมากกว่าเสมอ
เพราะฉะนัน้ คําตอบของข้อนี้คอื ความลึกด้านท้ายนํ้ามีคา่
เท่ากับ 2.00 m
q 7 0. 5
V2 = = = 1.75 m/s Ans
y2 2.00
พิจารณาสมการที่ 7.19 z 2 z1 = E1 E 2 hL
เนื่องจากท้องทางนํ้าอยูใ่ นแนวระดับ z 2 z 1 0
hL = E1 E 2 --------- (2)
V12 72
: E1 y 1 0.5 2.9975 m
2g 2g
V22 1.75 2
: E 2 y 2 2.00 2.1561 m
2g 2g
เมือ่ พิจารณาจากกราฟความสัมพันธ์ระหว่างพลังงาน
จําเพาะ กับ ความลึกของการไหล พฤติกรรมของการเกิด
ปรากฏการณ์ Hydraulic jump การไหลจะเปลี่ยนสภาวะ
จาก supercritical flow ไปเป็ น subcritical flow อย่าง
ฉับพลัน โดยไม่ผา่ นจุดวิ กฤต ซึ่งในระหว่างช่วงระยะทาง
ของการเปลี่ยนแปลงนัน้ จะมีพลังงานส่วนหนึ่ งสูญเสียไป
บทที่ 8
การวิ เคราะห์มิติ และความคล้ายคลึงทางชลศาสตร์
การวิเคราะห์มติ ิ เป็ นเทคนิคทางคณิตศาสตร์ทใ่ี ช้ศกึ ษาเกีย่ วกับมิติ และหน่วย ของตัวแปรต่างๆ เพือ่ ใช้
แก้ปญั หาทางด้านกลศาสตร์ของไหลซึง่ ทฤษฎีการไหลอื่นๆ ไม่สามารถอธิบายได้ หรืออธิบายได้ยาก โดยจะช่วยให้
เข้าใจถึงปรากฏการณ์ของการไหล และทํานายตัวแปรทีม่ อี ทิ ธิพลต่อปรากฏการณ์ทเ่ี กิดขึน้ ซึง่ สามารถหาความสัมพันธ์
ของตัวแปรต่างๆ ในรูปของตัวแปรไร้มติ ิ และเมือ่ นํามาวิเคราะห์รว่ มกับข้อมูลทีไ่ ด้จาการตรวจวัด หรือทําการทดลอง จะ
สามารถสรุปออกมาเป็ นสูตรหรือสมการทัวไปได้
่ นอกจากนี้ยงั ช่วยให้เราทราบถึงแนวทางในออกแบบการทดลอง หรือ
การทดสอบแบบจําลองของตัวต้นแบบทางชลศาสตร์อกี ด้วย
มิ ติ (Dimension)
มิติ หมายถึง คุณสมบัตทิ างกายภาพของสสาร ซึง่ สามารถระบุได้ในเชิงปริมาณ เช่น ความยาว นํ้าหนัก มวล
แรง ฯลฯ เป็ นต้น ซึง่ สามารถแบ่งได้เป็ น 2 ประเภทคือ
- มิตปิ ฐมภูม ิ หรือ มิตพิ น้ื ฐาน (Primary Dimensions or Basic Dimensions) หมายถึง มิตขิ องตัวแปรพืน้ ฐานทีไ่ ม่
สามารถแยกเป็ นมิตอิ ่นื ได้อกี และไม่ขน้ึ อยูก่ บั มิตอิ ่นื ๆ ซึง่ เป็ นค่าทีบ่ อกถึงปริมาณทีท่ ส่ี สารแสดงออกมาโดยตรง ในวิชา
กลศาสตร์ของของไหลจะใช้มติ พิ น้ื ฐาน 4 ตัว ดังนี้
มวล (Mass) สัญลักษณ์ทใ่ี ช้คอื M
ความยาว (Length) สัญลักษณ์ทใ่ี ช้คอื L
เวลา (Time) สัญลักษณ์ทใ่ี ช้คอื T
อุณหภูม ิ (Temperature) สัญลักษณ์ทใ่ี ช้คอื
- มิตทิ ุตยิ ภูม ิ (Secondary Dimensions) เป็ นมิตทิ เ่ี กิดจากการรวมกันของมิตปิ ฐมภูม ิ ซึง่ ตัวแปรจะแสดงค่ามิติ
ตามทีถ่ กู กําหนดขึน้ จาก นิยาม หรือทฤษฎี เช่น ปริมาตร เกิดจาก ความกว้าง (L) ความยาว (L) ความสูง (L)
ดังนัน้ ปริมาตร จึงมีมติ เิ ป็ น L3 หรือ ความเร็ว คือ ระยะทางทีเ่ ปลีย่ นไป (L) ต่อหนึ่งหน่วยเวลา (T) ดังนัน้ ความเร็ว จึง
มีมติ เิ ป็ น L/T เป็ นต้น
หน่ วย (Unit)
หน่วย หมายถึง ลักษณะนามทีใ่ ช้ระบุถงึ ปริมาณของมิตทิ แ่ี สดงออกมา ซึง่ ทัวโลกได้มกี ารกําหนดระบบหน่วยใน
การวัดขึน้ มาหลายระบบ แต่ระบบหน่วยสากลทีน่ ิยมใช้มากทีส่ ดุ ในปจั จุบนั มี 2 ระบบ คือ
- System International Unit หรือทีเ่ รียกว่า “ระบบ SI” ตัวย่อ SI ซึง่ สําหรับมิตพิ น้ื ฐาน จะมีหน่วยดังนี้
มวล (Mass) หน่วยคือ กิโลกรัม (kg)
ความยาว (Length) หน่วยคือ เมตร (m)
เวลา (Time) หน่วยคือ วินาที (s)
อุณหภูม ิ (Temperature) หน่วยคือ เคลวิน (K)
- British Gravitational System หรือทีเ่ รียกว่า “ระบบอังกฤษ” ตัวย่อ BG ซึง่ สําหรับมิตพิ น้ื ฐาน จะมีหน่วยดังนี้
มวล (Mass) หน่วยคือ สลัก (Slug)
ความยาว (Length) หน่วยคือ ฟุต (ft)
เวลา (Time) หน่วยคือ วินาที (sec)
อุณหภูม ิ (Temperature) หน่วยคือ แรนไคน์ (R)
ในเอกสารการฉบับนี้จะใช้ระบบ SI เป็ นหลัก
เป็ นทฤษฎีทใ่ี ช้วเิ คราะห์พจน์ของตัวแปรไร้มติ ิ (Dimensionless terms) ซึง่ เป็ นวิธที น่ี กั ฟิสกิ ส์ขาวอเมริกนั ชื่อ
Edgar BuckingHam ได้เป็ นผูพ้ ฒ ั ลักษณ์ (Pi) แทนพจน์ของตัวแปรไร้มติ ทิ ว่ี เิ คราะห์ขน้ึ มาจากตัว
ั นาขึน้ โดยใช้สญ
ั
แปรทีเ่ กีย่ วข้องกับปญหาทีพ่ จิ ารณา โดยขัน้ ตอนในการวิเคราะห์สามารถสรุปได้ดงั นี้
ทัง้ นี้ตวั แปรทีร่ วบรวมได้จะต้องไม่ขน้ึ อยูก่ บั ตัวแปรอื่น เช่น นํ้าหนักจําเพาะ () เกิดจากผลคูณระหว่าง
ความหนาแน่น () กับ ความเร่งเนื่องจากแรงโน้มถ่วง (g) ดังนัน้ ในการคัดเลือกตัวแปรสามารถทําได้สอง
แบบคือ เลือก นํ้าหนักจําเพาะ เพียงตัวเดียว หรือเลือก ความหนาแน่น และ ความเร่งเนื่องจากแรงโน้มถ่วง
6) หาความสัมพันธ์ระหว่างพจน์ตวั แปรไร้มติ ิ
1 , 2 , 3 ,..., n 0
ความสัมพันธ์จะได้จากการเก็บข้อมูลจากการทอลอง
: M 1 L 3 : M 1 L 1 T 1
P
: M 1 L 2 T 2 V : L 1 T 1 g : L 1 T 2
มิตอิ า้ งอิงประกอบด้วย M L และ T ( r = 3 ) เลือกตัวแปรซํ้าให้เท่ากับจํานวนมิตอิ า้ งอิง D , , V
P
ตัวแปรทีเ่ หลืออยูค่ อื , , , g ดังนัน้ พจน์ของตัวแปรไร้มติ จิ งึ มีทงั ้ หมด 4 พจน์ (k-r = 4)
วิเคราะห์มติ ขิ องพจน์ไร้มติ ิ (-term)
L 1 L 1 M 1 L 3 L 1 T 1
a b c
1 D a b V c
M M 0 0 b 0 M 0 b 0
L L 1a3 bc L 0 a c 1 a 1
T T 000c T 0 c0
1
D
M 1 L 1 T 1 L 1 M 1 L 3 L 1 T 1
d e f
2 D d e V f
M M 10 e 0 M0 e 1
L L 1 d3 e f L0 d f 2 d 1
T T 100f T 0 f 1
VD
2
DV
P g h i
M 1 L 2 T 2 L 1 M 1 L 3 L 1 T 1
g h i
3
D V
M M 10h0 M 0 h 1
L L 2 g 3 h i L0 g i 1 g 1
T T 2 0 0 i T0 i 2
P D
3
V 2
L1 T 2 L1 M 1 L 3 L1 T 1
j k n
4 g D j k V n
M M 0 0 k 0 M 0 k 0
L L 1 j3 k n L 0 j n 1 j 1
T T 200n T 0 n 2
gD V2
4
V2 gD
ซึง่ จากทฤษฎีกล่าวไว้วา่ f R e , D
VD
จากการวิเคราะห์มติ ิ จะเห็นได้วา่ 3 Re
และ 4
gD
V 2
V2
gD
V
gD
Fr Froude number
ดังนัน้ จึงสามารถสรุปใหม่ ได้วา่ f , R e , FR
D
: M 1 L 2 T 2 : M 1 L 1 T 1
m : M1 V : L 1 T 1 F : M 1 L 1 T 2
มิตอิ า้ งอิงประกอบด้วย M L และ T ( r = 3 )
เลือกตัวแปรซํ้าให้เท่ากับจํานวนมิตอิ า้ งอิง D , , V
ตัวแปรทีเ่ หลืออยูค่ อื , m , F
ดังนัน้ พจน์ของตัวแปรไร้มติ จิ งึ มีทงั ้ หมด 3 พจน์ (k-r = 3)
วิเคราะห์มติ ขิ องพจน์ไร้มติ ิ (-term)
1 D a b V c M 1 L 1 T 1 L1 a M 1 L 2 T 2 b L1 T 1 c
M M 1 0 b 0 M 0 b 1
L L 1 a 2 b c L 0 a c 1 a 2
T T 1 0 2 b c T 0 c 1
V
1
D2
2 m D d e V f M 1 L1 d M 1 L 2 T 2 e L1 T 1 f
M M 1 0 e 0 M 0 e 1
L L 0 d 2 e f L 0 d f 2 d 4
T T 002 ef T 0 f 2
mV 2
2
D4
3 F D g h V i M 1 L1 T 2 L1 g M 1 L 2 T 2 h L1 T 1 i
M M 1 0 h 0 M 0 h 1
L L 1 g 2 h i L 0 g i 3 g 3
T T 2 0 2 h i T 0 i 0
F
3
D3
ตัวอย่างที่ 8.3 การทดลองหาค่าแรงฉุด F ทีก่ ระทํากับตอม่อสะพานสีเ่ หลีย่ มจัตุรสั กว้าง B สูง H พืน้ ทีห่ น้าตัดเท่ากับ
A ความลึกของการไหลเท่ากับ Y ความเร็วของกระแสนํ้าเท่ากับ V ความหนืดของของไหลเท่ากับ ความหนาแน่น
ของของไหลเท่ากับ จงหาความสัมพันธ์ของตัวแปรในรูป สมการของตัวแปรไร้มติ ิ
: M 1 L 3 : M 1 L 1 T 1
V : L 1 T 1 g : L 1 T 2 F : M 1 L 1 T 2
มิตอิ า้ งอิงประกอบด้วย M L และ T ( r = 3 )
เลือกตัวแปรซํ้าให้เท่ากับจํานวนมิตอิ า้ งอิง Y , , V
ตัวแปรทีเ่ หลืออยูค่ อื B , , g , F
ดังนัน้ พจน์ของตัวแปรไร้มติ จิ งึ มีทงั ้ หมด 4 พจน์ (k-r = 4)
2 Y d e V f M 1 L 1 T 1 L1 d M 1 L 3 e L1 T 1 f
M M 1 0 e 0 M 0 e 1
L L 1 d 3 e f L 0 d f 2 d 1
T T 1 0 0 f T 0 f 1
VY
2 Re
YV
3 g Y g h V i L1 T 2 L1 g M 1 L 3 h L1 T 1 i
M M 00e0 M 0 e 0
L L 1 g 3 h i L 0 g i 1 g 1
T T 2 0 0 i T 0 i 2
gy V
3 FR
V2 gy
4 F Y j k V n M 1 L1 T 2 L1 j M 1 L 3 k L1 T 1 n
M M 1 0 k 0 M 0 k 1
1 j 3 k n
L L L j n 4 j 2
0
T T 2 0 0 n T 0 n 2
F
4
Y 2 V 2
วิธที าํ พิจารณาความคล้ายคลึงทางเลขาคณิต
Lm 1
โจทย์กาํ หนดมาตราส่วน 1:30 ดังนัน้ จะได้
L p 30
ประเภทของแบบจําลองเป็ นแบบ clossed conduit ได้รบั อิทธิพลของความหนืด ความดัน และแรงเฉื่อย
Lm Dm 8 1
วิธที าํ พิจารณาความคล้ายคลึงทางเลขาคณิต
L p D p 40 5
ประเภทของแบบจําองเป็ นแบบ clossed conduit ได้รบั อิทธิพลของความหนืด ความดัน และแรงเฉื่อย
ถ้าต้องการหาอัตราการไหลควรพิจารณาจากความคล้ายคลึงทางจลศาสตร์
Q m Vm L2m Vm L2m Vm 1 2
Q p Vp L2p Vp L2p Vp 5
V 1
Q m m Q p --------- (1)
V
p 25
เมือ่ พิจารณาตัวแปรทีเ่ กีย่ วข้องกับความเร็ว คล้ายคลึงทางพลศาสตร์คอื
VL VL
R e m R e p
m p
Vp m L m p
--------- (2)
Vm p L p m
เนื่องจากของเหลวทีใ่ ช้มคี ุณสมบัตเิ หมือนกัน ดังนัน้ m p ; m p
Vp L m 1 V L 5
m m --------- (3)
Vm L p 5 Vp L p 1
ตัวอย่างที่ 8.6 การทดสอบเกีย่ วกับแรงฉุด (Drag force) ทีเ่ กิดกับอากาศยานทีเ่ คลื่อนทีด่ ว้ ยความเร็ว 150 km/hr โดย
ใช้แบบจําลองมาตราส่วน 1:10 ทดสอบในอุโมงค์ภายใต้ความกดดัน เพือ่ ลดผลของ Compressibility จึงใช้ความเร็วลม
เท่ากับ 150 km/hr จงคํานวณความดันอากาศทีใ่ ช้ในการทดสอบ โดยสมมติให้อุณหภูมขิ องอากาศทีใ่ ช้ในการทดสอบ
เท่ากับของจริง และถ้าหากในการทดลองมีแรงฉุดเกิดขึน้ 12.5 N จงคํานวณแรงฉุดทีเ่ กิดกับกับอากาศยานของจริง
ภายใต้ความกดอากาศ 100 kPa
วิธที าํ พิจารณาความคล้ายคลึงทางเลขาคณิต
L 1
โจทย์กาํ หนดมาตราส่วน 1:10 ดังนัน้ m
L p 10
ประเภทของแบบจําองเป็ นแบบ Flow around immerse bodies ได้รบั อิทธิพลของความหนืด ความดัน และ
แรงฉุด
พิจารณาตัวแปรทีเ่ กีย่ วข้องกับความดันได้จาก
2
P P P V
E u m E u p 2 2 m m m
V m V p Pp p Vp
2 2
Vm 150 km hr
Pm m Pp m Pp m Pp --------- (1)
p Vp p 150 km hr p
วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของความหนาแน่นได้จาก
VL VL
R e m R e p
m p
p V L
m m p --------- (2)
m Vp L p m
ของเหลวชนิดเดียวกันทีอ่ ุณหภูมเิ ท่า : m = p แทนค่าใน (2) จะได้วา่
p 150 km hr 1 1
1 --------- (3)
m 150 km hr 10 10
เมือ่ พิจารณาตัวแปรทีเ่ กีย่ วข้องกับความดันดังนัน้
Pm Pp 10 Pp 10 100 1,000 kPa
10
Ans
1
วิเคราะห์แรงฉุดจากความสัมพันธ์ของ Drag force coefficient
C D m C D p
FD FD
2 2 2 2
V L m V L p
2
1 150 km hr 10
2 2
Vp Lp
2
FD p p FD m 12.5
m Vm Lm 10 150 km hr 1
FD p 125 N Ans
วิธที าํ พิจารณาความคล้ายคลึงทางเลขาคณิต
Lm 1 H d L 1
โจทย์กาํ หนดมาตราส่วน 1:10 ดังนัน้ จะได้ m m m
L p 10 H p d p L p 10
เนื่องจากการไหลผ่านสันผ่าย ได้รบั อิทธิพลจากแรงโน้มถ่วงเป็ นหลัก ดังนัน้ ความคล้ายคลึงทางพลศาสตร์คอื
FR m FR p V V
gL m gL p
Vp L 10
การก่อสร้างจริงและแบบจําลองอยูบ่ นโลก ดังนัน้ g จะมีคา่ เท่ากัน p
Vm Lm 1
พิจารณาความคล้ายคลึงทางจลศาสตร์
2
Q m Vm A m Vp L p 10 10
2
Q p 2 Q m 0.05
Q p Vp A p Vm L m 1 1
Q p 15.81
Q p 15.81 cms q p 1.32 cms m Ans
Bp 12
วิธที าํ พิจารณาความคล้ายคลึงทางเลขาคณิต
Lm 1
โจทย์กาํ หนดมาตราส่วน 1:25 ดังนัน้ จะได้
L p 15
Dm Lm 1
D p D m 15 0.40 6 m
15
Ans
D p L p 15 1
พิจารณาความคล้ายคลึงทางพลศาสตร์ ถึงแม้การไหลจะมีผวิ อิสระก็ตาม แต่ปญั หาข้อนี้เป็ นปญั หาทีต่ อ้ งการ
คําตอบทีเ่ กีย่ วกับ การไหลของของไหล รอบวัตถุ
ดังนัน้ เมือ่ พิจารณาตัวแปรทีเ่ กีย่ วข้องกับความเร็ว ความคล้ายคลึงทางพลศาสตร์คอื
VL VL
R E m R E p m Vm L m p Vp L p
m p m p
Vm Lp p m 15 1 0.54
10
V
p Lm m p 1 0.9 0.90
V 2.4
Vp m 0.24 m s Ans
10 10
จากสมการ Drag force coefficient C D m C D p
FD FD
2 2 2 2
V L m V L p
2 2
V L
FD p p p p FD m
m Vm L m
2 2
1 1 15
70 175 N
0.9 10 1
แรงทีเ่ กิดกับตอม่อของจริง FD p 175 N Ans
5.2)
30. ภาชนะบรรจุของไหลสองชนิดคือ A และ B (SGB = 0.8) 34. ต้องการสูบลมยางรถยนต์ทม่ี คี วามดัน 25 Psi ให้ได้ความ
ในลักษณะดังรูป มาตรวัดความดัน P1 และ P4 เป็ นมาตร ดันเท่ากับ 30 Psi ด้วยกระบอกสูบเส้นผ่าศูนย์กลาง 40
วัดความดันสัมบูรณ์ ส่วนมาตรวัด P2 และ P3 เป็ นมาตรวัด mm จะต้องออกแรงกดกระบอกสูบอย่างน้อยเท่าไร จึงจะ
ความดันเกจ อยากทราบว่า มาตรวัด P1 P2 P3 อ่านค่าได้ สามารถสูบลมเข้าไปในยางรถยนต์ได้ และจะทราบได้
เท่าไร และ ความถ่วงจําเพาะของของไหล A มีคา่ เท่าไร อย่างไรว่าความดันภายในยางรถยนต์เท่ากับ 30 Psi
39. จงอธิบายความแตกต่างระหว่าง ความดัน กับ แรงดัน 46. ประตู AB และ CD กัน้ ระหว่างอากาศในถังกับนํ้าทีอ่ ยู่
40. เหตุใดแรงดันทีก่ ระทําบนพืน้ ทีผ่ วิ เรียบจึงมีทศิ ตัง้ ฉาก และ ภายนอก ลักษณะดังรูป ถ้าประตูทงั ้ สองบานมีขนาด 2.0 x
พุง่ เข้าหาพืน้ ผิวรับแรงเสมอ 1.0 m2 หาขนาดของความดันอากาศในถัง และระดับนํ้า
41. ประตู AOB กัน้ ระหว่างอากาศ กับของไหล ลักษณะดังรูป เหนือประตู CD (h) ทีท่ าํ ให้ประตูอยูใ่ นสภาพสมดุล
ถ้าของไหลทัง้ สองส่วนคือนํ้า ประตู AOB มีความยาว 4.0
m จุด O คือจุดหมุนของประตู จงหาขนาดของแรง F ที่
กระทําทีจ่ ดุ A ซึง่ ทําให้ประตูสามารถคงสภาพอยูไ่ ด้โดยไม่
เปิดเข้าหรือออก
58. ประตูน้ําผิวโค้งรัศมี 2.0 m ยาว 4.0 m ถูกติดตัง้ ใน 63. ประตูน้ําบานหนึ่ง (ABC) กว้าง 4 ม. มีการติดตัง้ ใน
ลักษณะดังรูป หากระดับนํ้าด้านเหนือนํ้าลึก 3.5 m จงหา ลักษณะดังรูป ระดับนํ้าอยูส่ งู กว่าจุด A 6 ม. หากไม่คดิ
ขนาดและตําแหน่งของแรงทีก่ ระทํากบประตูน้ําโดยแยก นํ้าหนักของประตูน้ํา จงหาแรงปฏิกริ ยิ าทีก่ ระทําทีจ่ ดุ B
พิจารณาเป็ นแรงในแนวราบกับแนวดิง่
59. ประตูน้ําผิวโค้งรัศมี 2.0 m ยาว 2.5 m ถูกติดตัง้ ใน 64. ต้องการออกแบบอุโมงค์ใต้น้ําลักษณะดังรูป ซึง่ อุโมงค์
ลักษณะดังรูป หากระดับนํ้าด้านเหนือนํ้าลึก 2.0 m จงหา ดังกล่าวอยูใ่ ต้น้ําทะเลทีม่ คี วามถ่วงจําเพาะเท่ากับ 1.05 จง
ขนาดและตําแหน่งของแรงทีก่ ระทํากบประตูน้ําโดยแยก หาขนาดและตําแหน่งของแรงทีก่ ระทํากับโครงสร้างรูปโค้ง
พิจารณาเป็ นแรงในแนวราบกับแนวดิง่ โดยพิจารณาแรงต่อความยาวหนึ่งเมตร และแยกเป็ นแรง
ในแนวราบ กับ แนวดิง่ (ตําแหน่งของแรงให้ตอบเป็ น
ระยะห่างในแนวราบหรือแนวดิง่ จากจุดA) :
96.57kN/3.89m,78.2kN/1.12m
67. จงหานํ้าหนักของทรงกระบอกเส้นผ่าศูนย์กลาง 50 mm
ยาว 50 cm ทีก่ าํ ลังลอยอยูใ่ นนํ้าลักษณะดังรูป
73. แรงลอยตัวคืออะไร จะเกิดขึน้ เมือ่ ใด มีขนาดและทิศทาง 81. วัตถุชน้ิ หนึ่งมีคา่ ความถ่วงจําเพาะเท่ากับ 0.5 ลอยอยูใ่ น
เป็ นอย่างไร นํ้าในลักษณะดังรูป จงตรวจสอบเสถียรภาพการลอยตัว
74. ถ้านําวัตถุทรงลูกบาศก์ขนาด 1x1x1 m3 มีน้ําหนัก 4 kN ของวัตถุดงั กล่าว : ไม่เสถียรรอบแกนY
มาใส่ลงในถังบรรจุน้ํา จงหาวัตถุจะลอยอยูใ่ นนํ้าโดยมีสว่ น
ทีอ่ ยูใ่ ต้ผวิ นํ้าลึกเท่าไร (*)
75. หากนําแก้วใบหนึ่งทีม่ เี ส้นผ่านศูนย์กลางภายนอก 5 cm
สูง 10 cm ไปลอยในนํ้า ถ้าแก้วจมในนํ้า 7 cm จงหา
นํ้าหนักของแก้วใบนี้ (*)
76. กล่องเหล็ก (ถ.พ. 7.85) ลอยอยูท่ ผ่ี วิ สัมผัสระหว่างนํ้าและ
82. วัตถุรปู ทรงสีเ่ หลีย่ มขนมเปียกปูน ซึง่ มีคา่ ความ
ปรอท(ถ.พ. 13.6) ตามรูปจงหาอัตราส่วนของระยะ a ต่อ
ถ่วงจําเพาะเท่ากับ 0.6 และมีรปู ร่างลักษณะดังรูป จง
b (**)
ตรวจสอบเสถียรภาพการลอยตัวของวัตถุ เมือ่ วัตถุลอยใน
ของไหลทีม่ คี า่ ความถ่วงจําเพาะเท่ากับ 0.8
86. ท่อรูปตัว U บรรจุน้ําอยูเ่ ต็มในลักษณะดังรูป จงตอบ 90. รถบรรทุกคันหนึ่ง บรรทุกถังนํ้าขนาด 2 m x 2.5 m x 4.5
คําถามต่อไปนี้ m ถังนํ้ามีชอ่ งระบายอากาศอยูด่ า้ นบน ห่างจากด้านท้าย
ก) ขณะทีท่ อ่ เคลื่อนทีใ่ นแนวราบด้วยความเร่ง 6 m/s2 จง ของถัง 0.5 m ลักษณะดังรูป อยากทราบว่า รถบรรทุก
หาผลต่างของระดับนํ้าทีป่ ลายทัง้ สองด้าน : 0.55m สามารถวิง่ ด้วยอัตราเร่งมากทีส่ ดุ เท่าใด ทีไ่ ม่ทาํ ให้น้ําล้น
ข) ถ้าปลายด้าน D ถูกปิด เมือ่ ท่อเคลื่อนทีใ่ นแนวราบด้วย ออกทางช่องระบายอากาศ
ความเร่ง 5 m/s2 จงหาความดันทีจ่ ดุ B C และ D
89. ถังนํ้ารูปสีเ่ หลีย่ มผืนผ้าใบหนึ่งสูง 1.20 m กว้าง 0.45 m 92. ถังนํ้ารูปสีเ่ หลีย่ มใบหนึ่ง มีรปู ร่างและ ลักษณะดังรูป
ยาว 1.50 m บรรจุน้ําสูง 1.0 m จงหาขนาดของความดันที่ เคลื่อนที่ ลงจาพืน้ เอียงด้วยความเร่ง a จงหาขนาดของ
จุด A B C และ D เมือ่ ความเร่ง ทีท่ าํ ให้น้ําล้นออกจาถังพอดี ความดันทีม่ ากทีส่ ดุ
- ถังเคลื่อนทีไ่ ปทางซ้ายด้วยความเร่ง 0.5g เกิดขึน้ ทีจ่ ดุ ใด และมีคา่ เท่าไร
- ถังเคลื่อนทีข่ น้ึ ในแนวดิง่ ด้วยความเร่ง 0.5g
- ถังเคลื่อนทีล่ งในแนวดิง่ ด้วยความเร่ง 0.5g
136. ท่อส่งนํ้าทําจากเหล็กหล่อ (Cast iron) ต่อเชือ่ มระหว่าง 140. นํ้ามันมีคา่ ความหนืด 8.14 x 10-2 N.s/m2 ความหนาแน่น
อ่างเก็บนํ้า A และ B 869 kg/m3 ไหลในท่อด้วยอัตรา 0.0142 m3/s ถ้าความดัน
- ถ้าอัตราการไหลเท่ากับ 100 l/s จงหาผลต่างของ ลดลงซึง่ เป็ นผลเนื่องมาจากความเสียดทานของการไหล
ระดับนํ้าระหว่าง A กับ B 23.94 kPa ท่อยาว 300 m จงออกแบบขนาดท่อ (**)
- ZA– ZB = 10 m จงหาอัตราการไหล 141. ถ้าต้องการจะส่งนํ้าจากถังสูง 20 m ผ่านท่อเหล็กหล่อ
ขนาด 100 mm ยาว 200 m มี friction factor = 0.02 ต่อ
กับ ท่อเหล็กหล่อขนาด 80 mm ยาว 300 m มี friction
factor = 0.025 ถ้าไม่คดิ minor loss จงหาอัตราการไหล
ในท่อ (***)
142. อ่างเก็บนํ้าสองแห่ง มีระดับนํ้าต่างกัน 1.5 m อ่างทัง้ สอง
137. จากรูป จงหาอัตราการไหล และความดันทีจ่ ดุ G เชือ่ มกันด้วยท่อ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 30 cm ยาว 300
m จงหาอัตราทีน่ ้ําไหลจากอ่างเก็บนํ้าที่ 1 ไปอ่างที่ 2
กําหนดให้คา่ สัมประสิทธิความฝื
์ ด (f) = 0.02 ค่าสัมประ
สิทธ์ของการสูญเสียรอง (K) ทีน่ ้ําเข้าและออกจากท่อเป็ น
0.5 และ 1.0 ตามลําดับ (**)
143. ต้องการออกแบบท่อลอด เพือ่ ระบายนํ้าอัตรา 0.45 cms
อยากทราบว่าต้องใช้ทอ่ อย่างน้อยกีเ่ ส้น
- อัตราการไหลในท่อเส้นที่ 2 และ 3
- ผลต่างของระดับนํ้าในอ่างทัง้ สอง (Z)
147. ระบบท่อส่งนํ้ามีการติดตัง้ ลักษณะดังรูป ถ้าท่อทํามาจาก
Galvanized iron เส้นผ่าศูนย์กลางและความยาวของท่อแต่
ละเส้นแสดงดังตาราง การไหลเป็ นแบบ ปนป ั ่ ว่ นสมบูรณ์
(Complete turbulence) และไม่คดิ การสูญเสียพลังงานรอง
เมือ่ อัตราการไหลในท่อเส้นที่ 1 เท่ากับ 7.5 l/s จงหา
- อัตราการไหลในท่อเส้นที่ 2 และ 3
- ผลต่างของระดับนํ้าในอ่างทัง้ สอง
148. ถังเก็บนํ้า A และ B เชือ่ มต่อกันด้วยท่อเหล็กชุบสังกะสี
(Galvanized iron) ในลักษณะดังรูป ขนาดของท่อแต่ละ
เส้นแสดงดังตาราง ถ้าการไหลเป็ นแบบ ปนป ั ่ ว่ นสมบูรณ์
(Complete turbulence) และไม่คดิ การสูญเสียพลังงานรอง
ถ้าระดับนํ้าในถังทัง้ สองต่างกัน 75 m จงหาอัตราการไหล
ในท่อแต่ละเส้น
แบบฝึ กหัดบทที่ 7
150. ต้องการออกแบบคลองส่งนํ้าลักษณะดังรูป หากอัตราการ
ไหลทีใ่ ช้ในการออกแบบเท่ากับ 200 cms และความลาดเท
ของพืน้ คลองเท่ากับ 0.0005 สัมประสิทธิความขรุ
์ ขระของ
Manning เท่ากับ 0.0125 จงคํานวณค่าความลึกของนํ้า
เมือ่ พิจารณาสภาพการไหลเป็ นแบบ Steady Uniform
Flow
แบบฝึ กหัดบทที่ 8 161. ถ้าค่ากําลังงาน (P) ทีใ่ ส่ให้กบั เครือ่ งสูบนํ้า ขึน้ อยูก่ บั ตัว
154. จงอธิบายความหมายของ มิ ติ และ หน่ วย แปรตามสมการต่อไปนี้
155. จงหามิตแิ ละหน่วยของตัวแปรต่อไปนี้ P = f( Q , D , , , )
แรง (F) ความเร็วเชิงมุม () ความเร็วรอบ (N) โดยที่ P = กําลังงาน (Power)
156. ข้อใดไม่ใช่ Dimensionless term(*) Q = อัตราการไหล
D = เส้นผ่าศูนย์กลางของใบพัดเครือ่ งสูบนํ้า
1) V gL 2) Vt L
= ความเร็วรอบของเครือ่ งสูบนํ้า
3) P L2 4) t = ความหนืดสัมบูรณ์ของของไหล
157. ตอม่อสะพานแห่งหนึ่งกว้าง a ยาว b ระดับนํ้าด้านเหนือ = ความหนาแน่นของของไหล
นํ้า ลึก d นํ้ามีคา่ ความหนืดเท่ากับ ความหนาแน่น จงจัดรูปตัวแปรไร้มติ ิ (Dimensionless terms)
เท่ากับ ความเร็วของนํ้าทีไ่ หลผ่านเท่ากับ V จงหา 162. การศึกษาปรากฏการณ์ต่างๆ ทีเ่ กิดขึน้ ในขณะทีอ่ ากาศ
ความสัมพันธ์ของตัวแปรต่างๆ ทีม่ ผี ลต่อแรงกระทําที่ ยานกําลังเคลื่อนที่ ตัวแปรหลักทีต่ อ้ งการศึกษา
ตอม่อ F ในรูปพจน์ตวั แปรไร้มติ ิ ประกอบด้วย ความแตกต่างระหว่างความดันอากาศใต้ปีก
กับความดันเหนือปี ก (P) และ แรงฉุดทีเ่ กิดขึน้ กับ
อากาศยาน (FD) ซึง่ ตัวแปรทัง้ สองมีความสัมพันธ์กบั
รูปร่างของอากาศยาน (A และ B) และความเร็วของอากาศ
ยาน (u) จงวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของตัวแปรต่างๆ ในรูป
ความสัมพันธ์ของกลุ่มตัวแปรไร้มติ ิ
เอกสารอ้างอิง
3) Bruce R. Munson, Donald F. Young, and Theodore H. Okiishi, Fundamentals of fluid mechanics,
2 nd. Ed., Jhon Wiley & Sons Inc., 1994
4) Ranald V. Giles, Jack B. Evett, and Cheng Liu, Schaum’s Outline of Theory and Problems of
Fluid Mechanics and Hydraulics, 3 rd. Ed., McGraw-Hill Inc., 1994
5) Joseph B. Franzini & E. John Finnemore, Fluid Mechanics, 9 th. Ed., McGraw-Hill Inc., 1997
7) นิมติ เฉิดฉันท์พพิ ฒ
ั น์, เอกสารประกอบการสอน วิชา กลศาสตร์ของไหล, ภาควิชาวิศวกรรมชลประทาน
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน, 2000
8) Larry W. Mays, Water Resources Engineering, 1 st. Ed., Jhon Wiley & Sons Inc., 2001
10) Jack B. Evett, and Cheng Liu (ผูแ้ ต่ง), นิตยา หวังวงศ์วโิ รจน์ (แปลและเรียบเรียง), โจทย์ 2500 ข้อ
กลศาสตร์ของไหล,สํานักพิมพ์ทอ้ ป, 2004
Appendix