Professional Documents
Culture Documents
คำนวณใบกังหันลม PDF
คำนวณใบกังหันลม PDF
คำนวณใบกังหันลม PDF
การออกแบบใบกังหันลมใหดีที่สุดสําหรับประเทศไทยโดยใช ทฤษฎีสตริป
Optimal Blade Shape Design of Wind Turbine for Thailand Using Strip Theory
ชโลธร ธรรมแท และ ทวิช จิตรสมบูรณ
สาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล สํานักวิชาวิศวกรรมศาสตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
อ.เมือง จ.นครราชสีมา 30000 โทร 0-4422-4410 โทรสาร 0-4422-4411 E-mail: tabon@sut.ac.th
บทคัดยอ 1. บทนํา
บทความนี้วิเคราะหอากาศพลศาสตรของใบกังหันลมดวย พลังงานลมเปนทางเลือกหนึง่ สําหรับพลังงานทดแทนใน
ทฤษฎี Strip ซึ่งสรางจากการวิเคราะหกฏอนุรักษมวล โมเมนตัม ประเทศไทย การสรางกังหันลมใชเองมีความเหมาะสมกวาการซื้อ
และ โมเมนตัมเชิงมุม ของ Strip ทําใหไดความสัมพันธไปสูการ เทคโนโลยีเขามา แตการจะทําเชนนั้นไดนั้นกอนอื่นตองสรางองค
ออกแบบมุมบิดของใบกังหันที่เหมาะสม ทําการเขียนโปรแกรมตาม ความรูเชิงวิศวกรรมที่เกี่ยวของ รูปรางของใบกังหันมีความสําคัญ
ทฤษฎี Strip และทดสอบเปรียบเทียบผลลัพธจากการคํานวณเชิง มากตอประสิทธิภาพกังหันลม เนื่องจากเกี่ยวของโดยตรงกับอากาศ
ทฤษฎีกับผลจากกังหันลมที่ไดมีการสรางไวแลวพบวาสอดคลองกัน พลศาตรของกังหันลม ดังนั้นการออกแบบและหารูปรางของกังหัน
ดี และเมื่อใชทฤษฎีนี้ไปหาคาที่เหมาะสมสําหรับมุมบิดที่ปลายใบ ลมที่ดีที่สุดสําหรับลมในประเทศไทย (ซึ่งมักมีความเร็วลมต่ํากวา
และขนาดความโตของใบ พบวาสามารถใหประสิทธิภาพสูงสุด ทางยุโรป) จึงเปนสิ่งจําเปน ทั้งนี้เพื่อใหไดประสิทธิภาพสูงสุด
ในทางทฤษฎีไดถึง 41.46 % ขณะที่กังหันลมตัวเดิมมีประสิทธิภาพ การไฟฟาฝายผลิตแหงประเทศไทย (กฟผ.) ไดทําการทดสอบ
อยูที่ประมาณ 30.18% จึงนําไปออกแบบกังหันลมความเร็วต่ํา ติดตั้งกังหันลมจํานวณ 6 รุน อัตราการผลิตไฟฟา 0.85-150 kW
สําหรับใชในประเทศไทย ซึ่งใบกังหันที่ออกแบบนี้จะนําไปใชสราง ติดตั้งที่บริเวณทิศเหนือของแหลมพรหมเทพจังหวัดภูเก็ต [1] ดัง
เพื่อใชงานจริงตอไป แสดงในตารางที่ 1 ซึ่งจะมีศักยภาพในการผลิตไฟฟาไดรวม 192.35
kW ที่ความเร็วลม 7-13 m/s อยางไรก็ตาม จากขอมูลความเร็วลมใน
Abstract ประเทศไทยที่มีอัตราความเร็วลมเฉลีย่ เพียง 5 m/s จะทําให
This paper analyzes the aerodynamics of wind turbine ประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟาลดลงมาก เพราะกําลังงานที่ไดจะเปน
blade with Strip Theory. The theory is based on the analyses ฟงกชั่นของความเร็วลมยกกําลัง 3
of conservation of mass, momentum and angular momentum เนื่องจากการติดตั้งกังหันลมที่แหลมพรหมเทพเปนการนําเขา
in an annular strip. The relation for an appropriate blade twist กังหันลมจากตางประเทศทั้งหมด ซึ่งเปนกังหันที่ถูกออกแบบไวที่
can be carried out. A computer program based on the Strip ความเร็วลมสูงกวาในประเทศไทยมาก ดังนั้นการใชงานจะไมได
Theory is created. Its results when compared to experimental ประสิทธิภาพเต็มที่ การออกแบบกังหันลมใหเหมาะกับความเร็วลม
data are very good. For an optimal design, tip pitch angle and ในประเทศไทยจึงเปนสิ่งที่สําคัญอยางยิ่ง
chord length are studied. The theoretical optimum value of
power coefficient is 41.46% while the original wind turbine is
30.18%. The new design technique shall be employed to build
a HAWT in the future.
ENETT2550-137
1/5
ตารางที่ 1 รายละเอียดกังหันลมของ กฟผ. ติดตั้งที่บริเวณแหลมพรหมเทพจังหวัดภูเก็ต[1]
รุน AEROWATT WINDANE 12 SVIAB DUNLITE BWC EXCEL-R NORDTANK
ขนาดกําลังผลิต (kW) 1 18.5 0.85 2 10 150
จํานวนใบกังหัน 2 2 3 3 3 3
ขนาดเสนผาศูนยกลางใบกังหัน(m) 5 12 2.8 3.7 7 24
กําลังผลิต Rate ที่ความเร็วลม (m/s) 7 11.5 13 11 12.1 13
ความเร็วลมเริ่มจายไฟ (m/s) 2 4.5 3 4.5 3.1 4
ความเร็วรอบสูงสุด (rpm) 178 83 1,000 255 350 38
อัตราเฟองทดสงกําลัง 01:16.9 01:18.4 - 1:05 - 1:39
ความสูงของเสากังหันลม (m) 15 18 12 18 24 31
จํานวณ (ชุด) 1 1 1 1 2 1
ติดตั้งใชงานเมื่อ ป พ.ศ. 2526 2528 2528 2530 2536 2539
∫ Ω∂Q (12)
คือ CP =
P
= H
Ptot 0.5 ρπR 2U 3
∂L =
1
C L ρU rel
2
c∂r (4)
2 เนื่องจากมีการสูญเสียที่ปลายใบ (tip loss) จึงตองมีการปรับแกคา Cp
ในสมการที่ 12 โดยคูณ Tip loss factor (F) เขาไปซึ่ง Prandtl ไดเสนอ
เมื่อ CL คือสัมประสิทธิแรงยก c คือความยาวหนาตัด (chord) (ซึ่งอาจ ไว และ Wilson [5] ไดสรุปสําหรับกังหันลมไวดังนี้
เปลี่ยนคาไปตามแนวยาวของใบ) และแรงฉุดในแตละสวนของใบกังหัน
∂r ตามทิศขนานกับความเร็วสัมพัทธ Urel คือ 2 ⎛ ⎡ N (R − r) ⎤ ⎞ (13)
F= cos −1 ⎜⎜ exp ⎢− ⎥ ⎟⎟
π ⎝ ⎣ 2 r sin φ ⎦ ⎠
∂D =
1
C D ρU rel
2
c∂r (5)
2 เมื่อกระจายสมการที่ 12 ออกมาใหมจะไดความสัมพันธของ Cp เปน
ทําใหไดสมการแรงในแนวแกน และแรงบิด สําหรับใบกังหัน N ใบ ดังนี้
2
R
σ ′λ2r (1 − a)C L ⎡ C D cos φ ⎤ (14)
CP = ∫
λR H
F
sin 2 φ
⎢sin φ −
⎣ CL ⎦
⎥ ∂r
1 (6)
∂T = N ρU rel
2
(C L cos φ + C D sin φ )c∂r
2
เมื่อ λ = ΩR / U 0 คือ tip speed ratio โดย R คือรัศมีใบ คา H คือ
1 ระยะรัศมีของ Hub คา σ ′ = Nc / 2πr เรียกวา local solidity
∂Q = N ρU rel
2
(C L sin φ − C D cos φ )cr∂r (7)
2 โดยใชทฤษฎี BEM นี้ทําใหสามารถคํานวณเชิงตัวเลขเพื่อหามุม
บิดที่เหมาะสมที่หนาตัดตางๆ ของใบกังหันได
2.3 Blade Element- Momentum (BEM) Theory
เปนการนําเอา Momentum Theory มาผสมเขากับ Blade 3. โปรแกรมคอมพิวเตอรและการทดสอบโปรแกรม
Element Theory สมมุติฐานพื้นฐานของทฤษฎี BEM คือแรงกระทําบน กระบวนการในการหาคําตอบของสมการ BEM สามารถทําไดโดย
ใบกังหันเปนผลจากการเปลี่ยนโมเมนตัมของอากาศที่วิ่งผานตลอดวง ใชวิธีการทําซ้ํา จากการกําหนดคา r/R, c, CL(α), CD(α), θ, และ U0
แหวนที่กําหนดขึ้น นั่นคือไมคิดผลของการไหลในแนวรัศมีไปตาม โดยใชกระบวนการดังนี้
span หรือไมมีการถายเทการไหลในแตละวงแหวน เงื่อนไขนี้จะเปนจริง
ก็ตอเมื่อ คา a ไมเปลี่ยนแปลงในแนวรัศมี นําเอา BET รวมกับ MT 1. เดาคา a และ a ′
∂T BET = ∂T MT และ ∂Q BET = ∂Q MT จะไดความสัมพันธเปน 2. คํานวณ มุมลมสัมพัทธ φ จากสมการ (3)
2
3. คํานวณ α = φ − θ และ CL(α), CD(α)
1 ⎡U (1 − a ) ⎤ 4. แกคา a และ a ′ จาก จากสมการ (10) และ (11)
N ρ⎢ 0 (C L cos φ + C D sin φ )c∂r
2 ⎣ sin φ ⎥⎦ (8)
= 4a (1 − a ) ρU 02πr ∂r จากนั้นกลับไปคํานวณจากขอ 2 และทําซ้ําจนกวาคาจะลูเขา ซึ่ง
กระบวนการลูเขาจะไมดีหาก a=0.5 เนื่องจากผลของการ Stall
2
1 ⎡ rΩ(1 + a′) ⎤ กระบวนการคํานวณจะทําตอเนื่องจากโคนใบถึงปลายใบ
N ρ (C L sin φ − C D cos φ )cr∂r (9)
2 ⎢⎣ cos φ ⎥⎦ กระบวนการในการคํานวณนี้สามารถนําไปเขียนเปนโปรแกรม
= 4a′(1 − a ) ρU 0πr 3Ω∂r คอมพิวเตอรได ทั้งนี้จะตองมีความสัมพันธของ CL และ CD ที่เปน
ฟงกชันของมุมปะทะ α โดยอาจเปนคาที่ไดจากการทดสอบในอุโมงค
สามารถจัดรูปสมการ (8), (9) ไดใหมดังนี้ ลม ในที่นี้ใชขอมูลดังแสดงในรูปที่ 3 ซึ่งไดจากการทดสอบแพนอากาศ
S809 (ของ NREL) ในอุโมงลมที่ Re=1,000,000 [6]
ENETT2550-137
3/5
1.5 4. การออกแบบกังหันใหดีที่สุด
จากนี้ไปจะทําการออกแบบใบกังหันที่ดีที่สุดดวย BEM โดยจะใช
CL
CD
1 คา CP เปนเกณฑของคาสูงสุด นั่นคือหากปรับตัวแปรที่เกี่ยวของจนได
คา CP สูงสุด ตัวแปรนั้นจะหมายถึงตัวแปรที่นําไปสูคาดีที่สุดของการ
0.5 ออกแบบ ในที่นี้พบวาตัวแปรที่นาสนใจมี 2 คาคือ มุมเผินปลายใบ (tip
CL,CD
บิดใบเมื่อเทียบกับแกนการหมุน และในการติดตั้งใชงานจริงจะตองปรับ 35
31
60
29
50
27
40 NREL Phase3
BEM 25
twist(deg)
20
รูปที่ 5 สัมประสิทธิกําลังเทียบกับ c/R
10
0
0 0.2 0.4 0.6 0.8 1 39
r/R 38.5
37.5
จะเห็นไดวาผลลัพธสอดคลองกันเปนอยางดี และสําหรับการ 37
Cp
36
ใหผลที่สอดคลองกับการทดลองในอุโมงคลมอยางดี และใหผลอยางดี
35.5
มากเทียบกับการทดสอบในภาคสนาม ดังแสดงอยูในตารางที่ 2
35
34.5
ตารางที่ 2 เปรียบเทียบผลการคํานวณกับการทดลอง 34
Cp Measure BEM error 0 2 4 6 8
Tip pitch angle(degree)
Wind tunnel 34.78 30.18 -13.08%
Field test 31.02 30.18 -2.54% รูปที่ 6 สัมประสิทธิกําลังเทียบกับมุมบิดปลายใบ
ENETT2550-137
4/5
ความสัมพันธของมุมบิดใบ ณ จุดที่ดีที่สุดนี้ดังแสดงอยูในรูปที่ 7 5. สรุป
จะเห็นไดวา ความชันของการบิดใบของกันหันที่ออกแบบใหมนอยกวา ทฤษฎี Strip ซึ่งนําไปสูทฤษฎี BEM สามารถทําใหคํานวณหาคา
ของเดิม ที่ชวง ประมาณ 30-65% span และมีความเปนเชิงเสนของ มุมบิดใบกังหันที่เหมาะสมได ซึ่งใหผลการคํานวณสอดคลองเปนอยาง
การบิดใบที่สูงกวาของเดิม ซึ่งอาจชวยทําใหการผลิตทําไดงายขึ้น ดีกับกังหันลมที่ไดมีการผลิตและทดลองไวแลว จากนั้นนําไปสูการ
สําหรับการบิดใบที่ประมาณ 30% span มีอัตราการบิดที่ไมตอเนื่องนั้น ปรับปรุง มุมบิดที่ปลายใบ และขนาดของ chord ที่เหมาะสมสําหรับ
เปนผลมาจากความไมตอเนื่องของการ ประมาณคา CL และ CD ตาม ความเร็วลมที่ต่ํากวาจุดออกแบบ (เชนในประเทศไทย) ได ทําให
รูปที่3 ซึ่งการทําซ้ําของโปรแกรมนําไปสูคามุมปะทะที่ 20 องศา ซึ่งเปน ประสิทธิภาพในทางทฤษฎีเพิ่มขึ้น
จุดหักของเสนกราฟพอดี และจุดนี้คือจุดที่เกิดการ stall ของแพน จากการหาคาประสิทธิภาพสูงสุด ขนาดของใบจะตองโตขึ้นและมุม
อากาศรุน S809 เผินปลายใบจะตองมากขึ้นดวย ซึ่งทําใหลักษณะการบิดใบมีคา
เปลี่ยนไป สําหรับประเทศไทย หากตองการใหมีกําลังงานเทากับกังหัน
50 ที่ออกแบบมากับความเร็วลมสูง จะตองมีใบที่ยาวกวาเพื่อใหไดกําลังที่
45 เทาเดิม ดังนั้นจึงควรลดความเร็วรอบลงมาเพื่อใหได Tip speed ratio
40 เทาเดิม
35
NREL
6. กิตติกรรมประกาศ
twist (deg)
30
New Design (optimum)
25
20
งานวิจัยนี้ไดรับการสนับสนุนทุนจากโครงการปริญญาเอก
15
กาญจนาภิเษก (คปก.) ของสํานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.)
10
5 เอกสารอางอิง
0
0 0.2 0.4 0.6 0.8 1
1. http://www.egat.co.th/re/egat_wind/wind_phuket.htm
r/R 2. Eggleston, D.M., and Stoddard F. S., “Wind Turbine
รูปที่ 7 มุมการบิดใบที่ r/R ของกันหันใหมเปรียบเทียบกับของเดิม Engineering Design”, Van Nostrand Company, 1987
3. Burton T. et al., “Wind Energy Handbook”, John Wiley & Son,
เนื่องจากการออกแบบกังหันลมสําหรับประเทศไทยซึ่งมีความเร็ว 2001
ลมเฉลี่ยต่ํานั้น (ความเร็วลมออกแบบ 5 m/s) เพื่อใหไดกําลังที่เทากับ 4. Manwell, J. F., McGowan J.G. and Rogers A.L., “Wind
กังหันลม NREL (ความเร็วลมออกแบบ 8 m/s) ขนาดเสนผาน Energy Explained”, John Wiley & Son, 2002
ศูนยกลางใบจึงตองยาวกวาเดิม เพือ่ ให Tip speed ratio เทาเดิม 5. Wilson, R.E., Lissaman, P.B.S., and Walker, S.N.,
ความเร็วรอบการหมุนจึงตองลดลง โดยการคํานวณที่ความเร็วลม “Aerodynamic Performance of Wind Turbines”, Oregon State
ออกแบบ 5 m/s จะทําใหไดตัวแปรที่เหมาะสมดังแสดงในตารางที่ 3 University, 1976.
6. Jonkman, J. M., “Modeling of the UAE Wind Turbine for
ตารางที่ 3 ตัวแปรตางๆของกังหันลมเดิมเทียบกับออกแบบใหม Refinement of FAST_AD”, NREL/TP-500-34755, National
Parameter NREL Phase3 New design Renewable Energy Laboratory, Colorado, 2003
7. Scheper, J.G. et al., “Enhanced Field Rotor Aerodynamics
(Optimum)
Database” Final report of IEA Annex XVIII: ECN-C--02-016,
Design wind speed(m/s) 8 5
February, 2002
Maximum Theoretical 6.52 6.52
8. Simms, D. A. et. al., “Unsteady Aerodynamics Experiment
Rotor power(kW)
Phases II–IV Test Configurations and Available Data
Blade Radius(m) 5.05 8.72
Campaigns”, National Renewable Energy Laboratory,
c/R 0.0905 0.2178
Colorado, July 1999
Blade Chord(m) 0.457 1.90
Tip pitch angle (degree) 3 7
Tip Speed Ratio 4.735 4.735
Rotational Speed (RPM) 72 26.06
Cp(Theory) 30.18% 41.46%
ENETT2550-137
5/5