สรุปหนังสือเรื่อง The Daily Drucker

You might also like

Download as docx, pdf, or txt
Download as docx, pdf, or txt
You are on page 1of 4

ื เรือ

สรุปหนั งสอ ่ ง The Daily Drucker


สรุปหนั งสอ ื เรือ ่ ง The Daily Drucker: 366 Days of Insight and Motivation for Getting the Right Things
Done ซงึ่ เป็ นบทบันทึกประจำวันเกีย ่ วกับกำรบริหำรจัดหำรและศำสตร์แห่งควำมเป็ นผู ้นำ แต่งโดย Peter F.
Drucker
ผู ้แต่งเชอ ื่ ว่ำผู ้นำทีจ ่ ะประสบควำมสำเร็จสูงสุดและมีบญ ุ ญำบำรมีนัน ้ จะต ้องรู ้ว่ำสงิ่ ใดเป็ นสงิ่ ทีค ่ วรทำมำกทีส ่ ดุ เพือ
่ ส
ร ้ำงผลกำไรต่อองค์กร
และผู ้นำเหล่ำนัน ้ จะต ้องมีคณ ุ สมบัต ิ ดังต่อไปนี้
.
1. มีคณ ุ ธรรม (Integrity)
.
หัวหน ้ำทีด ่ จ ี ะต ้องมีควำมยุตธิ รรม มีควำมจริงใจ รักษำคำมั่นสญ ั ญำ เห็นแก่ประโยชน์สว่ นรวม ชว่ ยสร ้ำง
แรงดลบันดำลใจและดึงศก ั ยภำพของลูกน ้องออกมำใชเพื ้ อ ่ ผลประโยชน์ขององค์กร
หัวหน ้ำควรมอบหมำยงำนทีท ่ ้ำทำยและตรงตำมควำมถนัดของลูกน ้อง
ถึงแม ้ว่ำลูกน ้องจะเรียนจบมำไม่ตรงตำมสำขำนัน ้ ๆ มำกนัก
หำกลูกน ้องมีควำมชอบและมีควำมสำมำรถเพียงพอหัวหน ้ำก็พร ้อมทีจ ่ ะมอบโอกำสให ้
ผู ้นำทีม ่ บ ี ญ ุ ญำบำรมีจะมองจุดอ่อนของลูกน ้องว่ำเป็ นเรือ ่ งทีไ่ ม่สำคัญมำกนั กและจะดึงลูกน ้องทีม ่ ค
ี วำมถนั ดในหลำ
ย ๆ ด ้ำนมำทำงำนร่วมกันเพือ ่ สร ้ำงผลงำนทีส ่ มบูรณ์แบบทีส ่ ด
ุ ให ้แก่องค์กร
ผู ้นำควรจะเน ้นทีผ ่ ลงำนและกำรทำงำนเป็ นทีมเป็ นหลัก อย่ำงไรก็ตำม
ในกำรประชุมย่อมจะมีควำมแตกต่ำงทำงด ้ำนควำมคิดไปบ ้ำง แต่ควรจะเน ้นทีผ ่ ลสำเร็จของทีม
ควำมคืบหน ้ำของงำน และผลงำนทีเ่ ป็ นรูปธรรมเป็ นหลัก
และงำนทุกชน ิ้ ทีม ่ อบหมำยจะต ้องมีกำหนดเวลำสง่ งำนทีช ่ ดั เจน
.
ผู ้นำทีม ่ บ ี ญ ุ ญำบำรมีต ้องสำมำรถสร ้ำงขวัญ กำลังใจ และควำมศรัทธำได ้ ลูกน ้องจะรู ้สก ึ เชอ
ื่ มั่นว่ำ
เมือ ่ ทำดีต ้องได ้ดี ถ ้ำมีผลงำนจะได ้รับกำรดูแลและสอนสงั่ เป็ นอย่ำงดี นอกจำกนัน ้
หัวหน ้ำต ้องเป็ นผู ้ฟั งและนักสอ ื่ ควำมทีด ่ ี พูดจำชด ั เจน เข ้ำใจง่ำย ฟั งแล ้วอยำกทำตำม
ในกำรทำงำนเป็ นทีมนัน ้ จะต ้องมีผู ้ไกล่เกลีย ่ เพือ่ ไม่ให ้ควำมขัดแย ้งในทีมบำนปลำยจนถึงขัน ้ ทะเลำะกัน
และจะต ้องมีผู ้ประสำนงำนสบ ิ ทิศทีค ่ อยติดต่อประสำนงำนกับหน่วยงำนอืน ่
ผู ้นำจะทำหน ้ำทีเ่ สมือนเป็ นผู ้ควบคุมวงดนตรี คอยกำหนดทิศทำงของกลุม ่ ให ้เน ้นทีผ ่ ลงำน ผลสำเร็จขององค์กร
หัวหน ้ำทีด ่ ต ี ้องเน ้นทีผ ่ ลประโยชน์สว่ นรวมเป็ นหลักและไม่ชงิ ดีชงิ เด่นหรือชอบจับผิดลูกน ้อง
.
ผู ้นำทีไ่ ม่มค ี ณ ุ ธรรมมักมีคณ ุ สมบัตด ิ ังนี้
-
ชอบชงิ ดีชงิ เด่นและกลั่นแกล ้งลูกน ้องเพรำะกลัวลูกน ้องจะเก่งเกินหน ้ำเกินตำโดยอ ้ำงว่ำทำเพือ ่ ผลประโยชน์ของอ
งค์กร
- ชถ ี้ ก
ู ชผ ี้ ด ิ สนใจแต่ข ้อผิดพลำดมำกกว่ำจะมองว่ำ ลูกน ้องทำอะไรได ้บ ้ำงหรือควรชว่ ยเหลือและแก ้ไขกันอย่ำงไร
- ไม่มค ี วำมจงรักภักดีตอ ่ องค์กร
- ไม่มใี ครอยำกทำงำนด ้วยเพรำะชอบเล่นเสนเล่ ้ นสำย จับกลุม ่ เพือ
่ สร ้ำงอำนำจบำรมี ยุยงให ้คนทะเลำะกัน
ชถ ี้ กู ชผ ี้ ด ิ ตลอดเวลำ
-
ปิ ดบังควำมผิดทีเ่ กิดขึน ้ หรือทำเป็ นไม่รู ้ไม่เห็นแต่ถ ้ำเรือ ่ งถูกเปิ ดโปงขึน ้ มำผู ้นำทีไ่ ม่มค ี ณ
ุ ธรรมจะโยนควำมผิดให ้ลูก
น ้องหรือระบบกำรทำงำนทันที
.
2. สร ้ำงนวัตกรรมใหม่
กำรคิดค ้นนวัตกรรมใหม่นัน ้ ไม่ใชเ่ พียงกำรเปลีย ่ นแปลงรูปลักษณ์ภำยนอกของสน ิ ค ้ำ
แต่จะต ้องเป็ นสน ิ ค ้ำตัวใหม่ทส ี่ ำมำรถตอบสนองควำมต ้องกำรลูกค ้ำได ้อย่ำงแท ้จริง
และควรมีรป ู แบบทีห ่ ลำกหลำยเพือ ่ ลูกค ้ำจะได ้ไม่เบือ ่ นอกจำกนัน ้
เรำควรศก ึ ษำคูแ ่ ข่งอย่ำงละเอียดถีถ ่ ้วนเพือ ่ เปรียบเทียบกับสน ิ ค ้ำและบริกำรของเรำ
สน ิ ค ้ำของบริษัทคูแ ่ ข่งสำมำรถตอบสนองควำมต ้องกำรของผู ้บริโภคได ้จริงหรือไม่ อย่ำงไร
และเรำสำมำรถพัฒนำเพิม ่ เติมตรงจุดไหนได ้อีกบ ้ำง ทำอย่ำงไรลูกค ้ำจึงจะซอ ื้ สน ิ ค ้ำของเรำเพิม ่ ขึน

จุดประสงค์ในกำรแข่งขันกับบริษัทคูแ ่ ข่งก็คอ ื ทำอย่ำงไรเรำจึงจะสร ้ำงสน ิ ค ้ำทีต ่ อบสนองควำมต ้องกำรลูกค ้ำได ้มำ
กกว่ำโดยทีบ ่ ริษัทก็ได ้ผลกำไรด ้วย
ก่อนผลิตนวัตกรรมใหม่ใดๆออกมำเรำต ้องมั่นใจก่อนว่ำสน ิ ค ้ำนั น ้ จะประสบควำมสำเร็จอย่ำงแน่นอน
แต่จะมำกน ้อยแค่ไหนค่อยมำดูกันภำยหลัง ผู ้นำจะต ้องมองทีโ่ อกำสมำกกว่ำควำมเสย ี่ งและรู ้เสมอว่ำ
ทำแล ้วจะเกิดผลอะไรและไม่มก ี ำรเสย ี่ งเพือ ่ ลองผิดลองถูกเด็ดขำด
3. มองแนวโน ้มของตลำดได ้อย่ำงทะลุปรุโปร่งว่ำจะมีกำรเปลีย ่ นแปลงอย่ำงไร
เมือ ่ มีกำรเปลีย ่ นแปลงใดทีเ่ กิดขึน ้ เรำจะต ้องมองให ้ออกว่ำมันคือแนวโน ้มทีก ่ ำลังจะเกิดขึน ้
จริง ๆ หรือเป็ นเพียงกระแสทีไ่ ม่ชำก็ ้ ต ้องเงียบหำยไป เรำควรมองกำรเปลีย ่ นแปลงหรือปั ญหำต่ำง ๆ
ว่ำเป็ นโอกำสมำกกว่ำอุปสรรค ผู ้แต่งเชอ ื่ ว่ำเรำควรขจัดขัน ้ ตอนกำรทำงำนทีท ่ ำให ้เสย ี เวลำโดยเปล่ำประโยชน์ เชน ่
กำรประชุมทีบ ่ อ่ ยครัง้ เกินไปหรือกำรประชุมทีไ่ ม่มป ี ระเด็นทีช ่ ด ั เจน
และควรตัดทอนสน ิ ค ้ำหรือบริกำรทีไ่ ม่สร ้ำงผลกำไรมำกนั กหรือสน ิ ค ้ำทีบ ่ ริษัทไม่สำมำรถครองสว่ นแบ่งของตลำดไ
ด ้เป็ นอันดับหนึง่ หรือสอง เรำต ้องรู ้จักมองภำพรวมขององค์กรโดยเน ้นทีผ ่ ลงำนเป็ นหลัก
และให ้เลิกถำมว่ำเรำควรทำอะไรบ ้ำง แต่ให ้ถำมว่ำสงิ่ ทีเ่ รำทำอยูน ่ ัน ้ มัน”ใช”่ สงิ่ ทีค ่ วรทำจริงหรือไม่
สงิ่ นัน้ มันมันสร ้ำงผลกำไร ชว่ ยลดค่ำใชจ่้ ำย และตรงกับเป้ ำหมำยขององค์กรหรือไม่ ผู ้แต่งแนะนำเพิม ่ เติมว่ำ
องค์กรไม่ควรมีขนำดใหญ่เกินไปเพรำะจะไม่คล่องตัวและยำกต่อกำรปรับกลยุทธ์ทำงธุรกิจให ้เข ้ำกับกำรเปลีย ่ นแป
ลงของเทคโนโลยีและควำมต ้องกำรของลูกค ้ำและตลำดทีเ่ ปลีย ่ นแปลงไป
.
4. มีมำตรฐำนกำรทำงำนทีเ่ ป็ นเลิศ
.
1) ผู ้นำจะต ้องมีเป้ ำหมำยสูงสุดคือองค์กรจะต ้องเป็ นทีห ่ นึง่ ในธุรกิจ สำขำ
หรือควำมเชย ี่ วชำญทีไ่ ม่มใี ครสำมำรถทัดเทียมได ้ ฉะนั น ้
หัวหน ้ำจึงต ้องตระหนักเสมอว่ำสงิ่ ทีส ่ ร ้ำงประโยชน์โดยตรงต่อองค์กรคือกำรเพิม ่ รำยได ้ กำรลดรำยจ่ำย
และกำรตอกย้ำวัฒนธรรมขององค์กร ทำอย่ำงไรลูกค ้ำจึงจะซอ ื้ สน ิ ค ้ำของเรำมำกขึน ้
ลูกค ้ำจะได ้รับประโยชน์อะไรจำกสน ิ ค ้ำและบริกำรของเรำ
และเรำจะต ้องทำอย่ำงไรจึงจะสร ้ำงควำมพึงพอใจให ้กับลูกค ้ำได ้เกินกว่ำสงิ่ ทีเ่ ขำคำดไว ้
องค์กรของเรำจึงจะเหนือคูแ ่ ข่งได ้
.
2) ศก ึ ษำกำรเปลีย ่ นแปลงของตลำดและควำมต ้องกำรของลูกค ้ำอยูเ่ สมอ
.
3) จัดลำดับควำมสำคัญสงิ่ ทีค ่ วรทำจริง ๆ 3 ประกำร และเริม ่ ทำงำนทีส ่ ำคัญทีส ่ ดุ ก่อน
ควรหลีกเลีย ่ งกำรรับมือกับเรือ ่ งเร่งด่วนทีไ่ ม่สำคัญ
และในขณะทีล ่ งมือทำภำพของเป้ ำหมำยทีเ่ รำตัง้ ไว ้จะต ้องชด ั เจนขึน ้ เรือ ่ ย ๆ จึงจะเรียกว่ำเดินมำถูกทำง
.
4) ผู ้นำทีเ่ ก่งจริงจะต ้องกล ้ำคิดกล ้ำทำกล ้ำตัดสน ิ ใจ
อย่ำกลัวว่ำจะตัดสน ิ ใจผิดพลำดแต่ให ้ถำมตนเองว่ำเรำควรตัดสน ิ ใจเรือ ่ งใดมำกกว่ำและทุกกำรตัดสน ิ ใจจะต ้องเป็ น
ไปเพือ ่ ประโยชน์ขององค์กรและสงั คม เมือ ่ พิจำรณำอย่ำงถีถ ่ ้วนแล ้วก็ลงมือทำทันที
.
5) กล ้ำตรวจสอบและประเมินตนเองอยูเ่ สมอเชน ่ เรำมีคณ ุ ธรรมจริงหรือไม่ เรำได ้ทำเพือ ่ องค์กรจริงหรือ
ตัง้ แต่ทำงำนมำมีผลงำนอะไรบ ้ำงและมันตรงตำมเป้ ำหมำยหรือไม่ ตอนนีเ้ ป้ ำหมำยของเรำคืออะไร
แผนกำรทีต ่ งั ้ ไว ้ เรำได ้ลงมือทำบ ้ำงแล ้วหรือยัง เรำใชคนเหมำะสมกั ้ บงำนหรือไม่
ผู ้แต่งเชอ ื่ ว่ำผู ้นำสว่ นใหญ่มักมองข ้ำมประเด็นทีว่ ำ่ ควำมล ้มเหลวใด ๆ
ทีเ่ กิดขึน ้ มักมีสำเหตุมำจำกตัวผู ้นำเองทีเ่ ลือกใชคนผิ ้ ด
ผู ้นำมองไม่เห็นจุดแข็งจุดอ่อนของลูกน ้องจึงโทษว่ำลูกน ้องไม่มค ี วำมสำมำรถเพียงพองำนจึงล ้มเหลว
.
5. มีทักษะในกำรดูแลลูกน ้องได ้เป็ นอย่ำงดี
.
1) ผู ้แต่งกล่ำวว่ำ ถ ้ำเรำต ้องกำรให ้ลูกน ้องดูแลลูกค ้ำอย่ำงไรให ้เรำปฏิบัตเิ ชน ่ นั น
้ กับลูกน ้อง
และหมั่นถำมตนเองว่ำถ ้ำเรำเป็ นลูกน ้องเรำอยำกได ้รับกำรปฏิบัตอ ิ ย่ำงไรจำกเจ ้ำนำย
.
2) คัดเลือกลูกน ้องทีเ่ ป็ นคนดีและมีควำมสำมำรถออกมำร ้อยละ 20 โดยลูกน ้องเหล่ำนีจ ้ ะมีคณุ สมบัตค ิ อ

มีควำมเอำใจใสแ ่ ละอยำกให ้บริกำรลูกค ้ำ มีควำมคิดสร ้ำงสรรค์ในกำรสร ้ำงนวัตกรรมใหม่ มีหัวในทำงธุรกิจ
และมีควำมขยันมีแรงจูงใจในกำรทำงำน
เมือ ่ ได ้ลูกน ้องประเภทนีม ้ ำแล ้วหัวหน ้ำควรวำงตำแหน่งกำรทำงำนไว ้อย่ำงชัดเจน (career path)
และให ้กำรอบรมฝึ กฝนทีเ่ หมำะสมอย่ำงสมำ่ เสมอ สว่ นลูกน ้องอีกร ้อยละ 80
เรำควรให ้ทำงำนตำมควำมถนัดและพยำยำมสร ้ำงทีมเวิรค ์ เพือ
่ ทดแทนจุดอ่อนของแต่ละคน
.
3) เมือ ่ มีกำรสงั่ งำนไปแล ้วหัวหน ้ำจะต ้องติดตำมงำนเสมอ
ในกรณีทม ี่ พ
ี นักงำนใหม่หัวหน ้ำไม่ควรมอบหมำยงำนชน ิ้ ใหญ่ทท ี่ ้ำทำยให ้พนั กงำนเหล่ำนั น ้
เพรำะจะเกิดแรงต่อต ้ำนจำกลูกน ้องดัง้ เดิม
งำนนัน ้ ย่อมไม่ประสบผลสำเร็จและพนักงำนใหม่ก็จะหมดกำลังใจไปด ้วย
ยิง่ ไปกว่ำนั น ้ สงิ่ นีอ
้ ำจสร ้ำงอคติให ้เกิดขึน ่ ลูกน ้องซงึ่ เป็ นอุปสรรคต่อกำรทำงำนเป็ นทีมได ้ในอนำคต
้ ในกลุม
.
4)
ผู ้นำจะต ้องสร ้ำงควำมศรัทธำและควำมไว ้เนือ ้ เชอื่ ใจจำกลูกน ้องและเพือ ่ นร่วมงำนโดยสร ้ำงได ้จำกคุณธรรมและคว
ำมสำมำรถของตัวผู ้นำเองเชน ่ ถ ้ำหัวหน ้ำทำผิดพลำดหัวหน ้ำต ้องยอมรับผิด เรียนรู ้และปรับตัวมำกขึน ้
ถ ้ำลูกน ้องทำผิดหรือคดโกงหัวหน ้ำจะต ้องตรวจสอบและมีบทลงโทษทีช ั เจนเพือ
่ ด ่ ไม่ให ้เกิดกำรทำเป็ นเยีย ่ งอย่ำง
และเป็ นกำรรักษำขวัญและกำลังใจของลูกน ้องทีต ่ งั ้ ใจทำงำนเพือ ่ ให ้พวกเขำรู ้ว่ำ คนทีท ่ ำดียอ่ มได ้ดี

You might also like