Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 43

1

ลิมิต (Limits)

1.1 ลิมิตของฟงกชัน
“ x เขาใกล a ” ( x → a ) หมายถึงการพิจารณาคาของ x ที่มีคาเขาใกล a มาก
ขึ้นเรื่อยๆ
x เขาใกล a ทางซาย ( x → a ) ถา x เขาใกล a และ x < a

x เขาใกล a ทางขวา ( x → a ) ถา x เขาใกล a และ x > a


+

ดังแสดงความหมายเหลานี้ในรูป 1.1.1

x x a x x

รูป 1.1.1

บทนิยาม ให f เปนฟงกชันซึ่งขึ้นกับตัวแปรอิสระ x


ถา f ( x) มีคาเขาใกลคาคงตัว L ∈ เมื่อ x → a เราจะเรียก
1

L1 วาลิมิต
ซายของ f ( x) ที่ a (สัญลักษณ lim f ( x) = L )
x →a−
1

คาคงตัว L2 ∈ เปนลิมิตขวาของ f ( x) ที่ a ถา f ( x) มีคาเขาใกล L2 เมื่อ


x → a และเขียนแทนดวยสัญลักษณ lim f ( x) = L
+
2
x→a+

หมายเหตุ 1. ถาไมมีจํานวนจริง L1 หรือ L2 สอดคลองตามบทนิยาม เรากลาววา


f ไมมีลิมิตทางซาย (หรือทางขวา ตามลําดับ)
2. เราเรียกสัญลักษณ xlim −
→a
f ( x ) หรือ lim f ( x ) วา “ลิมิตดานเดียวหรือลิมิตทาง
x →a +

เดียว (one-sided limit)’’ ของ f ( x) ที่ a


2

sin x
ตัวอยาง 1 พิจารณาลิมิตทางซายของ f ( x) = ที่ 0
x

x -1.0 -0.8 -0.6 -0.4 -0.2 -0.1 -0.01


sin x
x 0.8415 0.8967 0.9411 0.9736 0.9934 0.99833 0.99998
sin x
จะไดวา f ( x) มีคาเขาใกลคาคงตัว 1 เมื่อ x → 0− นั่นคือ lim− =1
x →0 x
sin x
พิจารณาลิมิตทางขวาของ f ( x) = ที่ 0
x
x 1.0 0.8 0.6 0.4 0.2 0.1 0.01
sin x
x 0.8415 0.8967 0.9411 0.9736 0.9934 0.99833 0.99998
sin x
จะไดวา f ( x) มีคาเขาใกลคาคงตัว 1 เมื่อ x → 0+ นั่นคือ lim+ =1
x →0 x
y

−3 π −2 π −π π 2π 3π x

รูป 1.1.2
บทนิยาม

ถาลิมิตซายเทากับลิมิตขวา ( L 1 = L2 = L ) แลว เราเรียกวา f มีลิมิตเทากับ L


ที่ a หรือ
lim f ( x) = L
x→a

ลิมิตของฟงกชัน f มีคาเทากับ L เมื่อ x เขาใกล a

sin x sin x
จากตัวอยาง 1 จะไดวา f ( x) = มีลิมิตเทากับ 1 ที่ 0 หรือ lim =1
x x →0 x
3

หมายเหตุ 1.เรียกสัญลักษณ lim x →a


f ( x ) วา “ลิมิตสองดาน (two-sided limit)’’ ของ

f ( x ) ที่ a
2. ถา L1 ≠ L2 หรือ ไมมีลิมิตทางเดียวดานใดดานหนึ่ง แลวเรากลาววา f ไมมีลิมิต
ที่ a (หรือ ลิมิตหาคาไมไดที่ a )

ตัวอยาง 2 ให f เปนฟงกชันซึ่งกราฟของ f แสดงดังรูป


y

3
2 y = f ( x)

1
x
1 2 3 4

จะเห็นวาขณะที่ x เขาใกล 2 จากทางซายคา f ( x) เขาใกล 1 นั่นคือ


lim f ( x) = 1
x → 2−
และขณะที่ x เขาใกล 2 จากทางขวาคา f ( x) เขาใกล 3 นั่นคือ
lim f ( x) = 3
x → 2+
เนื่องจาก lim f ( x) ≠ lim+ f ( x) จึงไดวา f ( x) ไมมีลิมิตที่ 2
x → 2− x→2

ตัวอยาง 3 ให f เปนฟงกชันซึy่งกราฟของฟงกชันแสดงดังรูป


y = f ( x)

x
1 2 3 4

จากรูปจะเห็นวา lim f ( x) = 2 และ lim f ( x) = 2 จึงไดวา


x →3− x →3+
lim f ( x) = 2
x →3
4

ตัวอยาง 4 ให f เปนฟงกชันซึ่งกราฟของฟงกชันแสดงดังรูป


y

3
2 y = f ( x)
1 x
-1 1 2 3 4 5 6
-2
-3

จากรูป เมื่อ x → 6− จะไดวา f ( x) มีคาเขาใกล 1 ดังนั้น


lim− f ( x) = 1
x →6
แตเมื่อ x → 6+ คาของฟงกชัน f แปรเปลี่ยนไปมาระหวาง −3 ถึง 3 จึงกลาวได
วาไมมีคาคงตัวคาใดเลยในชวง [−3,3] นี้ที่คา f เขาใกลคานั้น หรือกลาวคือ f ไม
มีลิมิตทางขวา หรือ
lim f ( x) ไมมี (หรือ หาคาไมได)
x → 6+
ดังนั้น lim f ( x) ไมมหี รือ หาคาไมได
x →6

1
ตัวอยาง 5 ให f ( x) = เมื่อ x≠0 ซึ่งy มีกราฟดังรูปขางลางนี้
x

y = f ( x)
x

จะเห็นวาขณะที่ x เขาใกล 0 จากทางขวา f ( x) มีคามากขึ้นๆ หรืออาจ


1
กลาววาคาของ f ( x) ไมมีขอบเขตบน ดังนั้น f ( x) = ไมมีลิมิตทางขวาที่ 0 หรือ
x
1
lim+ f ( x) = lim+ ไมมี (หรือหาคาไมได)
x →0 x →0 x
5

ในทํานองเดียวกัน ขณะที่ x เขาใกล 0 จากทางซาย f ( x) มีคานอยลงๆ หรืออาจ


1
กลาววาคาของ f ( x) ไมมีขอบเขตลาง ดังนั้น f ( x) = ไมมลี ิมิตทางซายที่ 0 หรือ
x
1
lim− f ( x) = lim− ไมมี (หรือหาคาไมได)
x →0 x →0 x

1
หมายเหตุ จากตัวอยาง 5 แมวา f ( x) = ไมมีลิมิตทัง้ ทางซายและทางขวา แต
x
คาของฟงกชันนั้นเปลี่ยนแปลงอยางมีรูปแบบ กลาวคือคาของ f ( x) = 1 มีคามาก
x
+
ขึ้นเรื่อยๆ อยางไมมีสิ้นสุดเมื่อ x → 0 หรืออาจกลาววา f มีคาลูเขาใกลอนันต
(infinity) เมือ่ x → 0+ ในกรณีนี้ เราจะเขียนแทนดวยสัญลักษณ
1
lim+ f ( x) = lim+ = +∞
x →0 x →0 x
และคาของ f ( x) = 1 มีคานอยลงขึ้นเรื่อยๆ อยางไมมีสิ้นสุดเมื่อ x → 0+ หรือ
x
อาจกลาววา f มีคาลูเขาใกลลบอนันต เมื่อ x → 0− ในกรณีนี้ เราจะเขียนแทนดวย
1
lim− f ( x) = lim− = −∞
x →0 x →0 x

⎧x + 4
⎪⎪ x − 2 , x < 2
ตัวอยาง 6 ให f ( x) = ⎨ ซึ่งมีกราฟดังรูปขางลางนี้
⎪x−6, x > 2
⎩⎪ x − 2
y

2
x
y = f ( x)

ซึ่งจะไดวา lim f ( x) = −∞ = lim− f ( x)


x → 2+ x→2
6

หมายเหตุ จากตัวอยาง 6 เพราะวา lim f ( x) = lim− f ( x) เราจึงกลาววา f มีคา


x → 2+ x→2
ลูเขาสู −∞ เมื่อ x เขาใกล 2 และเขียนแทนดวย lim f ( x) = −∞
x→2

1
ตัวอยาง 7 ให f ( x) = เมื่อ x ≠ −3 ซึ่งมีกราฟดังรูปขางลางนี้
x+3
y

y = f ( x)

x
-3

เนื่องจาก lim f ( x) = +∞ = lim − f ( x) จึงไดวา


x →−3+ x →−3
lim f ( x) = +∞
x →−3

ตอไปนี้แสดงการพิจารณาลิมิตของฟงกชันเมื่อตัวแปรอิสระ x มีคาเพิ่มขึ้นหรือลด
ลงโดยไมมขี อบเขต

บทนิยาม ถาตัวแปรอิสระ x มีคาเพิ่มขึ้นอยางไมมีขอบเขตจํากัด จะเขียนแทน


ดวยสัญลักษณ x → +∞ และอานวา x เขาใกล “บวกอนันต”
ในทํานองเดียวกันถา x มีคาลดลงอยางไมมีขอบเขตจํากัด เราจะเขียนแทน
ดวยสัญลักษณ x → −∞ และอานวา x เขาใกล “ลบอนันต”
ถา x → +∞ หรือ x → −∞ แลว f ( x) มีคาลูเขาใกลคาคงตัว (หรือ ±∞ ) L จะ
เขียนแทนดวยสัญลักษณ
lim f ( x) = L หรือ lim f ( x) = L
x →+∞ x →−∞
ตามลําดับ
7

ตัวอยาง 8 ให f เปนฟงกชันซึ่งกราฟของฟงกชันแสดงดังรูปขางลางนี้


y
y=4
4
y = f ( x)
x
-1 y = −1

ขณะที่ x เขาใกล +∞ จะเห็นวากราฟของ f เขาใกลเสนตรง y=4


กลาวคือ f ( x) มีคาเขาใกล 4 นั่นคือ lim f ( x) = 4
x →+∞
ขณะที่ x เขาใกล −∞ จะเห็นวากราฟของ f เขาใกลเสนตรง y = −1
กลาวคือ f ( x) มีคาเขาใกล −1 นั่นคือ lim f ( x) = −1
x →−∞

sin x
ตัวอยาง 9 จากตัวอยาง 1 กราฟของ f ( x) = เมื่อ x≠0 คือ
x
y

−3 π −2 π −π π 2π 3π

sin x
เนื่องจาก −1 ≤ sin x ≤ 1 จึงไดวา เมื่อ x → +∞ คาของ f ( x) = จะมีคาอยู
x
⎡ −1 1 ⎤
ในชวง ⎢⎣ x , x ⎥⎦ ซึ่งมีคาเขาใกล 0 เมื่อ x มีคามากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น
sin x
lim f ( x) = lim =0
x →+∞ x →+∞ x
ในทํานองเดียวกัน จะไดวา
sin x
lim f ( x) = lim =0
x →−∞ x →−∞ x
8

ตัวอยาง 10 ให f เปนฟงกชันซึ่งกราฟของฟงกชันแสดงดังรูปขางลางนี้


y

y = f ( x)
x
-2
y = -2 y = f ( x)

จะเห็นวาขณะที่ x เขาใกล −∞ คา f ( x) ไมมีขอบเขตบน นั่นคือ


lim f ( x) = +∞
x →−∞
ขณะที่ x เขาใกล +∞ คาของ f ( x) กวัดแกวงขึ้นลงตามแนวเสนตรง y = −2 แต
ชวงของการกวัดแกวงยิ่งแคบลงเรื่อยๆ เมื่อ x มีคามากขึ้น จึงไดวาคาของ f ( x)
เขาใกล -2 นั่นคือ
lim f ( x) = −2
x →+∞

ตัวอยาง 11 ให f ( x) = sin x ซึ่งมีกราฟดังนี้

จะเห็นวาคาของ f ( x) กวัดแกวงขึ้นลงไปมาอยูในชวง [ −1,1] ไมวาคาของ x จะเขา


ใกล +∞ หรือ −∞ กลาวคือ f ( x) ไมมีลิมิต เมือ่ x → ±∞
9

ตัวอยาง
y

3
y = f 2 ( x)
2
1
x
1 2 3 4

• y = f ( x)

x
2
a=2

a=4

x
4

x
-2
a=3
10

1.2 บทนิยามของลิมิต
บทนิยาม ให a < b เปนคาคงตัว และ f เปนฟงกชันที่นิยามบนชวง ( a, b) เรา
กลาววา
lim f ( x) = L ∈
x→a+
ถาสําหรับแตละจํานวนจริงบวก ε จะมีจํานวนจริงบวก δ ที่ทําให
| f ( x) − L | < ε
เปนจริงสําหรับทุกๆ x ที่สอดคลองกับอสมการ 0 < x − a < δ หรือ a < x < a +δ
y

L+ ε
L
L- ε

x
a a+ δ

และเรากลาววา
lim f ( x) = L ∈
x →b −
ถาสําหรับแตละจํานวนจริงบวก ε จะมีจํานวนจริงบวก δ ที่ทําให
| f ( x) − L | < ε
เปนจริงสําหรับทุกๆ x ที่สอดคลองกับอสมการ 0 < b − x < δ หรือ b − δ < x < b

L+ ε
L
L- ε

x
b- δ b
11

ตัวอยาง 12 จงแสดงวา lim x = 0 x → 0+

บทพิสูจน ให f ( x) = x และ L = 0 สําหรับจํานวนจริงบวก ε เลือก δ = ε 2


จะไดวา ถา x สอดคลองกับอสมการ 0 < x < 0 + δ หรือ 0 < x < δ = ε แลวจะได 2

f ( x) − L = x −0 = x <ε

โดยนิยาม จะไดวา lim x =0


x → 0+

บทนิยาม ให a เปนคาคงตัวที่อยูในชวง (b, c) และ f เปนฟงกชันที่นิยามบนชวง


(b, a ) ∪ (a, c) เรากลาววา
lim f ( x) = L ∈
x→a+

ถาสําหรับแตละจํานวนจริงบวก ε จะมีจํานวนจริงบวก δ ที่ทําให


| f ( x) − L | < ε

เปนจริงสําหรับทุกๆ x ที่สอดคลองกับอสมการ 0 <| x − a |< δ


y
L+ ε
y = f ( x)
L
L- ε δ δ

x
x0 a x1
a−δ a+δ
12

1
ตัวอยาง 12 จงแสดงวา lim x sin =0
x →0 x
1
บทพิสูจน ให f ( x) = x sin และ L = 0 ให ε เปนจํานวนจริงบวก กอนอื่น
x
สังเกตวา สําหรับทุกๆ x∈ − {0}

1 1
f ( x) − L = x sin − 0 = x sin ≤ x
x x

1
เพราะวา sin ≤ 1 จึงไดวา ถาเลือก δ = ε แลวสําหรับทุกๆ x ที่สอดคลองกับ
x
อสมการ 0 <| x − 0 |=| x |< δ จะไดวา

f ( x) − L ≤ x < δ = ε

1
โดยนิยาม จะไดวา lim x sin =0
x →0 x
13

บทนิยาม ให a<b เปนคาคงตัว และ f เปนฟงกชันที่นิยามบนชวง ( a, b) เรา


กลาววา
lim f ( x) = +∞ (และ lim f ( x) = −∞ )
x→a+ x→a+

ถาสําหรับแตละจํานวนจริงบวก จะมีจํานวนจริงบวก δ ที่ทําให


M
f ( x) > M (และ f ( x) < − M ตามลําดับ)
เปนจริงสําหรับทุกๆ x ที่สอดคลองกับอสมการ 0 < x − a < δ หรือ a < x < a + δ

1
ตัวอยาง 13 จงแสดงวา lim = +∞
x →0 +
x
1
บทพิสูจน ให f ( x) = และให M เปนจํานวนจริงบวก กอนอื่นสังเกตวา
x
1 1
>M ⇔ x<
x M
1
จึงไดวา ถาเลือก δ = แลวสําหรับทุกๆ x ที่สอดคลองกับอสมการ 0 < x < δ
M
จะไดวา
1 1
f ( x) = > =M
x δ
1
โดยนิยาม จะไดวา lim = +∞
x →0 +
x

หมายเหตุ เราสามารถใหบทนิยามสําหรับ lim f ( x) = ±∞ ไดในทํานองเดียวกัน


x→a −
14

บทนิยาม ให a เปนคาคงตัวที่อยูในชวง (b, c) และ f เปนฟงกชันที่นิยามบนชวง


(b, a ) ∪ (a, c) เรากลาววา
lim f ( x) = +∞ (หรือ −∞ )
x→a

ถาสําหรับแตละจํานวนจริงบวก M จะมีจํานวนจริงบวก δ ที่ทําให


f ( x) > M (หรือ f ( x) < − M ตามลําดับ)
เปนจริงสําหรับทุกๆ x ที่สอดคลองกับอสมการ 0 <| x − a |< δ
y
a- δ a + δ
x

−M

บทนิยาม ให f เปนฟงกชันที่นิยามไวบนชวงอนันต (a, + ∞) เรากลาววา


lim f ( x) = L ∈
x →+∞

ถาสําหรับแตละ ε > 0 จะมีจํานวนจริงบวก N ที่ทําให


| f ( x) − L |< ε สําหรับทุกๆ x > N

L+ ε
L
L- ε
x
N
N

และถา f เปนฟงกชันที่นิยามไวบนชวงอนันต (−∞, a) เรากลาววา


lim f ( x) = L ∈
x →−∞
15

ถาสําหรับแตละ ε > 0 จะมีจาํ นวนจริงบวก N ที่ทําให


| f ( x) − L |< ε สําหรับทุกๆ x < − N

L+ ε
L
L- ε
x
N

บทนิยาม ให f เปนฟงกชันที่นิยามไวบนชวงอนันต (a, + ∞) เรากลาววา


lim f ( x) = +∞
x →+∞

ถาสําหรับแตละ M > 0 จะมีจาํ นวนจริงบวก N ที่ทําให


f ( x) > M สําหรับทุกๆ x > N

ตัวอยาง 14 จงแสดงวา lim ( x + sin x ) = +∞


x →+∞
บทพิสูจน ให f ( x) = x + sin x และให M เปนจํานวนจริงบวก กอนอื่นสังเกตวา
f ( x) = x + sin x ≥ x − 1

จึงไดวา ถาเลือก N = M +1 แลวสําหรับทุกๆ x ที่ x>N จะไดวา


f ( x) = x + sin x ≥ x − 1 > N − 1 = M

โดยนิยาม จะไดวา lim ( x + sin x ) = +∞


x →+∞
16

1.3 สมบัติและทฤษฎีบทของลิมิต
ในสวนนี้เราจะใชสัญลักษณ lim f ( x) แทน
lim f ( x), lim± f ( x ), และ lim f ( x)
x →±∞ x→a x→a
และสัญลักษณ f และ g แทนฟงกชันเสมอ
ทฤษฎีบท 1.3.1 ถา lim f ( x) มีลิมิตแลว ลิมิตนั้นตองมีเพียงหนึง่ เดียว กลาวคือ
ถา lim f ( x) = L1 และ lim f ( x) = L2 แลว L1 = L2

ทฤษฎีบทของลิมิต ให c เปนคาคงตัว


1. lim c = c
2. lim x = lim± x = a เมื่อ a เปนคาคงตัว และ ±∞
x→a x→a

3. lim cf ( x) = c lim f ( x) เมื่อ c≠0 (ถา c=0 แลว lim cf ( x) = lim 0 = 0 )

4. lim [ f ( x) ± g ( x)] = lim f ( x) ± lim g ( x)

( ถา ไมอยูในรูป ∞−∞ หรือ −∞ + ∞ )


5. lim f ( x) g ( x) = lim f ( x)ilim g ( x) ( ถา ไมอยูในรูป 0i ∞ )

ซึ่งจะไดวา lim [ f ( x) ] = [ lim f ( x)] เมื่อ n เปนจํานวนเต็มบวก


n n

f ( x) lim f ( x) ∞
6. lim = เมื่อ lim g ( x) ≠ 0 และไมอยูในรูป
g ( x) lim g ( x) ∞

7. lim n f ( x) = n lim f ( x) เมื่อ n เปนจํานวนเต็มบวก และ n


หาคาได
คาเกี่ยวกับ ±∞ ที่ใชในทฤษฏีบทของลิมิต
c
∞±c =∞, ∞ + ∞ = +∞ , −∞ − ∞ = −∞ ,
= 0, n
+∞ = +∞
±∞
ถา c > 0 แลว ci(±∞) = ±∞ และ ถา c < 0 แลว ci(±∞) = ∓ ∞
แตคาตอไปนี้ไมนิยาม ∞ − ∞, −∞ + ∞ , ±∞ , 0i∞ , 0
±∞ 0
17

ตัวอยาง 15 จงหา (
lim 3 x 2 + x + 5
x→2
)

x3 − 2 x 2 − 1
ตัวอยาง 16 จงหา lim
x →1− 5 − 3x

ตัวอยาง 17 จงหา lim 2x + 1


x →+∞
18

ตัวอยาง 18 จงหา ( )(
lim x 2 + 3 x3 − 5 x
x →3
)

1
ตัวอยาง 19 จงหา lim
x →−∞ x 2 − 1

1
ตัวอยาง 20 จงหา lim− , lim+ 1 และ lim
1
x →0 x x →0 x x →0 x
19

หมายเหตุ
ถา lim f ( x) = 0 เราจะใชสัญลักษณ lim f ( x) = 0+ ถา f ( x) > 0
และ lim f ( x) = 0− ถา f ( x) < 0
ในกรณีนี้เราจะนิยาม
1 1
= +∞ และ = −∞
0+ 0−
1
ระวัง! กรณี ไมสามารถพิจารณาคาได
0

1 1 1 1 1 1
ตัวอยางเชน lim− = = − = −∞ และ lim+ = = + = +∞
x →0 x lim− x 0 x →0 x lim+ x 0
x →0 x →0
1 1 1
จึงไดวา lim− ≠ lim+ ดังนั้น lim ไมมี
x →0 x x →0 x x →0 x

x +1
ตัวอยาง 21 จงหา lim+
x →1 x3 − 1
20

1.4 เทคนิคการหาคาลิมิต
ทบทวน ฟงกชันพหุนาม คือฟงกชันที่อยูในรูป
f ( x) = an x n + an −1x n −1 + + a1x + a0
เมื่อ n∈ ∪ {0} และ an ≠ 0 เราเรียก an วาสัมประสิทธิ์นํา

เทคนิค 1 ถา f เปนฟงกชันพหุนามแลว lim f ( x) = lim f ( x) = f (a )


x→a± x →a

lim f ( x) = an i(+∞) n
x →+∞

ตัวอยาง
( )
lim 4 x3 + 3 x − 7 = 4i(+∞)3 = +∞
x →+∞

lim ( 4 x
3
+ 3 x − 7 ) = 4i(−∞) = 4(−∞) = −∞
3
x →−∞

lim ( − x 4
+ x ) = −1i(+∞) = −∞ และ lim ( − x
2 4 4
)
+ x 2 = −1i(−∞) 4 = −∞
x →+∞ x →−∞

เทคนิค 2 ถา f และ g เปนฟงกชันพหุนาม และ g (a) ≠ 0 แลว


f ( x) f ( x) f (a)
lim± = lim =
x→a g ( x) x → a g ( x) g (a )

x−2
ตัวอยาง จงหา lim
x → −1 x 2 + 4 x − 3
21

f ( x)
เทคนิค 3 หารดวยกําลังสูงสุดของตัวหารใชในกรณีหาลิมิตที่อยูในรูป lim
x →±∞ g ( x )

เมื่อ f และ g เปนฟงกเชิงพหุนาม

x2 + x − 5
ตัวอยาง จงหา lim
x →+∞ x−3

x3 + x
ตัวอยาง จงหา lim
x →+∞ 3 x 3 − x + 1

x−5
ตัวอยาง จงหา lim
x →−∞ 4 x2 + 1
22
5
x2 − x2
ตัวอยาง จงหา lim
x →−∞ x2 − x4 + 3

สรุปเทคนิค 3 ถา f ( x) = an x n + an −1x n −1 + และ


+ a1x + a0
g ( x) = bm x m + bm −1x m −1 + + b1x + b0 เปนฟงกชันพหุนาม และ an ≠ 0, bm ≠ 0
แลว
⎧ an n−m
⎪ b i( ±∞ ) , if n > m
⎪ m
f ( x) ⎪ an
lim =⎨ , if n = m
x →±∞ g ( x ) b
⎪ m
⎪0 , if n < m

x2 − 4
ตังอยาง 1. lim =
x →−∞ x 2 − 2

x2 + 2 x − 4
2. lim =
x →+∞ 2 x 3 + 7 x 2 − 2

x + x −1
3. lim =
x →+∞ x 4 + 2

x
4. lim =
x →+∞ x −1
23

f ( x)
เทคนิค 4 ตัดตัวประกอบรวม ใชในกรณีหาลิมิตของ lim± และ
x→a g ( x)
f ( x)
lim ที่มี f (a) = 0 = g (a)
x → a g ( x)

x2 − 4
ตัวอยาง 1. จงหา lim
x→2 x − 2
วิธีทํา
x2 − 4 ( x + 2)( x − 2)
lim = lim = lim ( x + 2)
x→2 x − 2 x→2 x−2 x→2

=2+2=4

x2 − 4
หมายเหตุ สังเกตวา ฟงกชัน f ( x) = และ g ( x) = x + 2 มีคาเทากัน
x−2
สําหรับทุกๆ x ≠ 2 และ g (2) = 4 แต f (2) ไมนิยาม

x 2 − x + 12
2. จงหา lim
x →−3 x+3
24

9− x
3. จงหา lim
x →9 3 − x

x3 − 1
4. จงหา lim 2
x →1 x − 1

(2 + x) 2 − 8
5. จงหา lim
x →0 x
25

f ( x)
เทคนิค 4 คูณดวยสังยุค (Conjugate) ใชในกรณีหาลิมิตของ lim± และ
x→a g ( x)
f ( x)
lim ที่มี f (a) = 0 = g (a) เชนกัน แต f และ g ไมมีตัวประกอบรวมที่ a
x → a g ( x)

x +1 −1
ตัวอยาง จงหา lim
x →0 x
วิธีทํา
x +1 −1 x +1 −1 x +1 +1
lim = lim ×
x →0 x x →0 x x +1 +1
2
x + 1 − 12 x +1−1
= lim = lim
x →0 x ( x +1 +1 ) x →0 x ( x +1 +1 )
x 1
= lim = lim
x →0 x ( x +1 +1 ) x →0 x +1 +1
1 1
= =
0 +1 +1 2

ตัวอยาง 1. จงหา lim+ x


x →0 4+ x − 2
26

2− x − 2
2. จงหา lim
x →0 x

x
3. จงหา lim
x →0 1 + 3x − 1
27

เทคนิค 5 จัดรูปทั่วไป มักจะใชในกรณีที่ฟงกชันอยูในรูปที่ยุงยาก หรือ อยูในรูปที่


เมื่อใชทฤษฏีบทของลิมิตแลวเกิดรูป ∞ − ∞
1 1

ตัวอยาง 1. จงหา lim 2 + x 2
x →0 x
วิธีทํา

⎡ 1 1⎤
2. จงหา lim ⎢ − ⎥
x →0 ⎣ x x + 1 x⎦
วิธีทํา
28

3. จงหา lim ⎡ x 2 + x − x 2 − x ⎤
x→−∞ ⎢
⎣ ⎥⎦

เทคนิค 6 พิจารณาคาขอบเขต มักจะใชในกรณีที่ฟงกชันคํานวณคาลิมิตลําบาก


แตสามารถหาฟงกชันที่คํานวณคาลิมิตไดงาย และสามารถบอกแนวโนมของลิมิต
ของฟงกชันเดิมได

ทฤษฏีบท ให a ∈ (b, c) และ f , g เปนฟงกชันที่นิยามบน (b, c) − {a}


ถา f ( x) ≤ g ( x) สําหรับทุกๆ x ∈ (b, c) − {a} และทั้งสองฟงกชันมีลิมิต (รวม
±∞ ) แลว
lim f ( x) ≤ lim g ( x)

หมายเหตุ อสมการขางตนยังเปนจริงในกรณี lim ดวย


x→±∞
ตัวอยาง 1. จงหา lim [ x + sin x ]
x →+∞
วิธีทํา เนื่องจาก sin x ≥ −1 สําหรับทุกๆ x∈ จึงไดวา x + sin x ≥ x − 1 สําหรับ
ทุกๆ x ∈ ทําใหไดวา
lim [ x + sin x ] ≥ lim [ x − 1] = +∞
x →+∞ x →+∞
ดังนั้น lim [ x + sin x ] = +∞
x →+∞
29

จากทฤษฏีบทขางตน เราสามรถสรุปไดวา

Squeeze Theorem ( or Sandwich Theorem )


ให และ f , g , h เปนฟงกชันที่นิยามบน (b, c) − {a}
a ∈ (b, c)
ถา f ( x) ≤ g ( x) ≤ h( x) สําหรับทุกๆ x ∈ (b, c) − {a} และ lim f ( x) = lim h( x)
มีลิมิตที่ a (รวม x → a ± ) แลว g มีลิมิตที่ a (รวม x → a ± ตามลําดับ) และ
lim f ( x) = lim g ( x) = lim h( x)

⎡ 1⎤
ตัวอยาง 1. จงหา lim ⎢ x sin ⎥
x →0 ⎣ x⎦
วิธีทํา

ทบทวน ถา f เปนฟงกชันตรีโกณมิติที่นิยามที่จุด a แลว จากกราฟจะไดวา


lim f ( x) = lim f ( x) = f (a )
x→a± x→a
π 1
ตัวอยางเชน lim tan x = tan 0 = 0 lim sec x = sec
π
=
π
= 2 เปนตน
x →0 x→ 3
3
cos
3
30

sin t
2. จงแสดงวา lim =1
t →0 t
วิธีทํา พิจารณาวงกลมหนึ่งหนวยและให t เปนมุมที่วัดจากแกน X ทางดานบวก
ทวนเข็มนาฬิกาขึ้นไปโดยที่ 0 < t < π2 ดังรูป
Q(1, tan t)
• P(cos t, sin t) • P(cos t, sin t) ••
t • t • t •
0 B(1, 0) 0 B(1, 0) 0 B(1, 0)
จากรูปจะไดวา
0 < พื้นที่ของ ΔOBP < พื้นที่ของจักรภาค OBP < พื้นที่ของ ΔOBQ

และเพราะพื้นที่ของจักรภาค OBP เทากับ 12 (ความกวางของมุม)(รัศมี) ทําใหได 2

0 < 1 (1)(sin t ) < 1 (t )(1)2 < 1 (1)(tan t )


2 2 2
หรือ 0 < sin t < t < tan t
2 2 2

เมื่อคูณตลอดดวย 2 > 0 จะได


sin t
1 < t < cost
sin t
1 หรือ 1 > sin t
t > cos t
จะไดวา
sin t
lim cos t ≤ lim ≤ lim 1
t →0+ t → 0+ t t →0 +

sin t
เนื่องจาก lim cos t = lim 1 = 1 โดย Squeeze Theorem จึงไดวา lim =1
t →0+ t →0+ t → 0+ t

สังเกตวา t → 0− ก็ตอเมื่อ −t → 0+ ดังนั้นจากเอกลักษณ sin(−t ) = − sin t จะได


วา
sin t sin(−t ) − sin t sin t
lim = lim = lim = lim =1
t →0 −
t t →0 +
−t t →0 −t +
t →0 t +

sin t
จึงสรุปไดวา lim =1
t →0 t
31

ตังอยาง 1. lim 1−cos


t→ 0 t
t = lim 1−cos t
t →0 t ( ) (11++cos
cos t )
t = lim
t →0
sin 2 t
t (1+ cos t )

= ( lim sint t
t →0
)( lim sin t
t → 0 1+ cos t
) ⎛ 0 ⎞
= (1) ⎜ ⎟ = 0
⎝1+1⎠

2. lim
x →0
sin 2 x
x
= lim
x →0
2sin x cos x
x

= 2 ⎜ lim
sin x ⎞
(
⎟ lim cos x = 2 × 1 × 1 = 2
⎝ x →0 x ⎠ x →0
)

หมายเหตุ ให u ( x) เปนฟงกชันซึ่ง u ( x) → b เมื่อ x→a แลวจะไดวา


lim f (u ( x)) = lim f (u )
x→a u →b
เรียกวา การเปลี่ยนตัวแปร

3. lim
x →0
sin x 2
x
= lim
x →0
x sin x 2 ⎛
x2
sin x 2 ⎞
( )
= ⎜⎜ lim 2 ⎟⎟ lim x = 1 × 0 = 0
⎝ x →0 x ⎠ x →0

tan 2 x sin 2 x ⎛ sin 2 x ⎞⎛ 1 ⎞


4. lim = lim = ⎜ lim ⎟⎜ lim ⎟
x → 0 sin 3 x x → 0 (sin 3 x)(cos 2 x ) ⎝ x → 0 sin 3 x ⎠⎝ x → 0 cos 2 x ⎠

⎛ ⎡ sin 2 x 3x 2 ⎤ ⎞⎛ 1 ⎞
= ⎜ lim ⎢ × × ⎥ ⎟ ⎜ lim ⎟
⎝ x →0 ⎣ 2 x sin 3 x 3 ⎦ ⎠ ⎝ x →0 cos 2 x ⎠

2 ⎡ sin 2 x ⎤ ⎡ 3x ⎤
= × lim ⎢ lim (1)
3 x →0 ⎣ 2 x ⎥⎦ x →0 ⎢⎣ sin 3 x ⎥⎦

2
= × 1× 1
3
32

เทคนิค 7 พิจารณาคาลิมิตทางซาย-ขวา ใชในกรณีที่ฟงกชันมีนิยามที่แตกตางกัน


ทางซายและทางขวาของจุด a
1
ตัวอยาง จงหา lim
x →0 | x |

1 ⎧ x, x≥0
วิธีทํา ให f ( x) = เนื่องจาก | x |= ⎨ จึงไดวา
| x| ⎩− x , x < 0
1 1
lim+ f ( x) = lim+ = lim+ = +∞
x →0 x →0 | x | x →0 x

และ
1 1 1
lim− f ( x) = lim− = lim− = − lim− = −(−∞ ) = +∞
x →0 x →0 | x | x →0 − x x →0 x

สรุปไดวา
1
lim = +∞
x →0 | x |

⎧⎪2 x − x3 , x < 1
ตัวอยาง จงหา lim f ( x) เมื่อ f ( x) = ⎨
x →1
⎪⎩2 x − 2 , x ≥ 1
2

วิธีทํา
33

x −1
ตัวอยาง จงหา lim
x →1 | x − 1|

⎡1 1 ⎤
ตัวอยาง จงหา lim ⎢ − ⎥
x →0 ⎣ x | x | ⎦
34

ความตอเนื่องของฟงกชัน
Continuity of functions

บทนิยาม เราจะเรียกฟงกชัน f วาตอเนื่องที่ a ถากราฟของ f ไมขาดตอนที่ จุด


( a, f (a) ) แตถากราฟขาดตอนที่ x = a เราจะกลาววา f ไมตอเนื่องที่ a

ตัวอยาง พิจารณาจุดที่ฟงกชันตอเนื่องบนชวง [a, b]


y

(c3 , f (c3 ))

(c2 , f (c2 ))

x
a c1 c2 c3 b

จะเห็นวากราฟขาดตอนที่ x = c1, c2 และ c3 ดังนั้นฟงกชันนี้ตอเนื่องทุกๆจุดบน


[a, b] ยกเวนที่ x = c1, c2 และ c3

จากบทนิยามนี้ จะไดวาฟงกชันตอไปนี้เปนฟงกชันตอเนื่องบนชวงตางๆกัน

ฟงกชัน ชวงที่ตอเนื่อง
| x |, sin x, cos x, tan −1 x, cot −1 x, a x (−∞, +∞)
เมื่อ a > 0
tan x, sec x ( nπ ,(n + 1)π ) เมื่อ n∈
cot x, csc x ⎛ π π ⎞
⎜ − + nπ , + nπ ⎟ เมื่อ n∈
⎝ 2 2 ⎠
sin −1 x, cos −1 x [−1,1]
−1 −1
csc x, sec x (−∞, −1] ∪ [1, +∞)
log a x เมื่อ a>0 (0,+∞
35

บทนิยาม เราจะเรียกฟงกชัน f วาตอเนื่องที่ c ก็ตอเมื่อ


lim f ( x) = f (c)
x →c

ซึ่งบทนิยามนี่มีความเดียวกับบทนิยามตอไปนี้
บทนิยาม ให f เปนฟงกชันที่นิยามที่ c เรากลาววา f ตอเนื่องที่ c
ก็ตอเมื่อ สําหรับทุก ε > 0 จะมี δ > 0 ที่ทําให
f ( x ) − f (c ) < ε
สําหรับทุก x ∈ (c − δ , c + δ )

หมายเหตุ จากบทนิยาม จะสังเกตเห็นไดวา เราตรวจสอบความตอเนื่องของฟงกชัน


เฉพาะที่จุดในโดเมนของฟงกชันเทานั้น เพราะ f (c) ไมนยิ าม ถา c ไมอยูในโดเมน
x2 − 1
ตังอยาง ฟงกชัน f ( x) = ไมตอเนื่องที่ 1 เพราะ f (1) ไมนยิ าม ตอไป
x −1
⎧ x2 − 1
⎪ , x ≠1
พิจารณา f ( x) = ⎨ x − 1
⎪ 2, x = 1

x2 − 1 ( x − 1)( x + 1)
เนื่องจาก lim f ( x) = lim = lim = lim( x + 1) = 2 = f (1)
x →1 x →1 x − 1 x →1 x −1 x →1
จึงไดวา f ตอเนื่องที่ 1 ( สังเกตวา f ตอเนื่องที่ทุกๆจุดใน (−∞, +∞) )

บทนิยาม ให A ⊂ (−∞, +∞) เรากลาว f ตอเนื่องบน A ถา f ตอเนื่องที่ทุกๆ


a ∈ A ในกรณี A = (−∞, +∞) เราอาจจะกลาวสั้นๆ วา f เปนฟงกชันตอเนื่อง
36

ตัวอยาง จงหาคาคงตัว c ที่ทําใหฟงกชัน f เปนฟงกชันตอเนื่อง เมื่อ


⎧⎪ cx + 1, x ≤ 3
f ( x) = ⎨ 2
⎪⎩cx − 1, x > 3
วิธีทํา กอนอื่นสังเกตวา ถา a ≠ 3 แลว lim f ( x) = f (a ) จึงไดวา f ตอเนื่อง
x→a
ที่ a ≠ 3 ไมวา c จะเปนจํานวนจริงใดก็ตาม ตอไปพิจารณาเงื่อนไขของความ
ตอเนื่องที่ a = 3 ซึ่งไดวา
( )
lim+ f ( x) = lim+ cx 2 − 1 = c32 − 1 = 9c − 1
x →3 x →3
และ
lim f ( x) = lim+ ( cx + 1) = c3 + 1 = f (3)
x →3− x →3
จากบทนิยาม f ตอเนื่องที่ 3 ก็ตอเมื่อ
lim f ( x) = lim− f ( x) = f (3)
x →3+ x →3
1
หรือ 9c − 1 = 3c + 1 ⇔ 6c = 2 ⇔ c =
3
ดังนั้น f เปนฟงกชันตอเนื่องถา c=3

บทนิยาม ให f เปนฟงกชันที่นิยามที่ c เรากลาววา f ตอเนื่องทางขวาที่


c ก็ตอเมื่อ
lim f ( x) = f (c)
x →c +
และ f ตอเนื่องทางซายที่ c ก็ตอเมื่อ
lim f ( x) = f (c)
x →c −

บทนิยาม ให f เปนฟงกชันที่นิยามบน [a, b] เรากลาววา f ตอเนื่องบน


[a, b] ก็ตอเมื่อ ตอไปนี้เปนจริง
1. f เปนฟงกชันตอเนื่องบน (a, b)
2. f ตอเนื่องทางซายที่ b
3. f ตอเนื่องทางขวาที่ a
37

ตัวอยาง พิจารณากราฟของฟงกชันตอไปนี้
y y y

f (a)

x x a x
a b a b b

จะไดวากราฟของ 2ฟงกชันแรกไมตอเนื่องบน [a, b] โดยที่ฟงกชันของกราฟแรก


ตอเนื่องทางซายที่ b แตไมตอเนื่องที่ a สวนฟงกชันของกราฟที่สองตอเนื่อง
ทางขวาที่ a แตไมตอเนื่องที่ b

ตัวอยาง จงแสดงวา f ( x) = 1 − 1 − x 2 ตอเนื่องบน [−1,1]

ทฤษฏีบท ให f และ g เปนฟงกชันตอเนืองที่ a และ c เปนคาคงตัว แลว


ฟงกชันตอไปนี้ตอเนื่องที่ a
f
1. f ±g 2. cf 3. f ⋅g 4. ถา g (a) ≠ 0
g

จากทฤษฏีบทขางตนไดวา

1. ฟงกชันพหุนามเปนฟงกชันตอเนื่องบน = (−∞, +∞)


p ( x)
2. ฟงกชันตรรกยะ f ( x) = (เมื่อ p และ q เปนฟงกชันพหุนาม)
q ( x)
ตอเนื่องทุกๆ จุดใน a ∈ = (−∞, +∞) ยกเวนที่ q(a) = 0
38

x +1
ตัวอยาง 1. f ( x) = ตอเนื่องทุกๆ จุด ยกเวนที่ 1
x −1

x +1
2. g ( x) = ตอเนื่องบน = (−∞, +∞) เพราะ x2 + 1 ≥ 1 สําหรับทุกๆ
x2 + 1
จํานวนจริง x

ทฤษฏีบท ให n เปนจํานวนเต็มบวก และ f ( x) = n x


1. ถา n เปนจํานวนคี่ แลว f เปนฟงกชันตอเนื่องบน
2. ถา n เปนจํานวนคู แลว f เปนฟงกชันตอเนื่องบน [ 0,+∞ )

x x −1
ตัวอยาง จงหาชวงที่ฟงกชัน f ( x) = x + − 2 ตอเนื่องบนชวงนั้น
x +1 x
39

ทฤษฎีบท ถา f ตอเนื่องที่ b = lim g ( x) แลว


x →a

( )
lim f ( g ( x)) = f lim g ( x) = f (b)
x→a x→a

พิสูจน เนื่องจาก f เปนฟงกชันตอเนืองที่ b = lim g ( x) จึงไดวา


x →a

(
lim f (u ) = f (b) = f lim g ( x)
u →b x→a
)
ถาให u = g ( x) แลว จะไดวา
lim f ( g ( x)) = lim f (u ) = f (b) = f lim g ( x)
g ( x ) →b u →b
( x→a
)
หรือกลาวคือ ถา g ( x) → b แลว f ( g ( x)) → f (b)
เนื่องจาก lim g ( x) = b หมายความวา ถา x→a แลว g ( x) → b
x→a
ดังนั้น จะไดวา ถา x → a แลว g ( x) → b ซึ่งทําให f ( g ( x)) → f (b) กลาวอีก
นัยหนึ่งคือ ถา x → a แลว f ( g ( x)) → f (b) หรือ
(
lim f ( g ( x)) = f (b) = f lim g ( x)
x→a x→a
)
ตัวอยาง จงหา lim e 2 x +1
x →0
40

⎛1− x ⎞
ตัวอยาง จงหา lim arcsin ⎜ ⎟
x →1
⎝ 1− x ⎠

ตัวอยาง จงหา lim sin ( x + sin x )


x →π

ตัวอยาง จงหา lim 2|tan x −1|


x →0
41

ทฤษฏีบท ให g เปนฟงกชันตอเนืองที่ a และ f เปนฟงกชันตอเนืองที่ g (a )


แลวฟงกชัน ( f g )( x) = f ( g ( x)) ตอเนื่องที่ a

พิสูจน จากทฤษฎีบทกอนหนานี้ จะไดวา


( )
lim f ( g ( x)) = f lim g ( x) = f ( g (a))
x→a x→a

จึงไดวา lim ( f g )( x) = ( f g )(a ) ซึ่งแสดงวา f g ตอเนื่องที่ a


x→a

ตัวอยาง จงหาชวงที่ฟงกชัน f ( x) = x − 3 ตอเนื่องบนชวงนั้น


วิธีทํา เนืองจาก g ( x) = x − 3 เปนฟงกชันตอเนื่องบน และ h(u ) = u เปน
ฟงกชันตอเนื่องบน [0, +∞) ดังนั้น f ( x) = h g ( x) ตอเนื่องทุกๆ จุด x ที่
g ( x) ≥ 0 เนื่องจาก g ( x) ≥ 0 ⇔ x ≥ 3
จึงไดวา f ตอเนื่องบน [3, +∞)

ตัวอยาง จงหาชวงที่ฟงกชัน f ( x) = ln( x 4 − 1) ตอเนื่องบนชวงนั้น


42

สมบัติของฟงกชันตอเนื่อง
ทฤษฎีบทคาสุดขีด ( Extreme Value Theorem)
ถา f เปนฟงกชันตอเนื่องบน [a, b] แลวจะมี x1 และ x2 ใน [a, b] ที่ทําให
f ( x) ≤ f ( x1 ) และ f ( x) ≥ f ( x1 )
สําหรับทุกๆ x ∈ [a, b]

ทฤษฎีบทคาสุดขีดกลาววา ฟงกชันที่ตอเนื่องบนชวงปดจะตองมีจุดที่ใหคาสูงสุด
และต่ําสุดของฟงกชันในชวงปดนั้น แตไมไดกลาววาจะหาไดอยางไร ซึ่งนักศึกษา
จะไดเรียนเกี่ยวกับวิธีการหาคาเหลานี้ในบทที่ 3

ทฤษฎีบทคากลาง (Intermediate Value Theorem)


ถา f เปนฟงกชันตอเนื่องบน [a, b] ถา c เปนคาคงตัวซึ่งอยูระหวาง
f (a ) และ f (b) [นั่นคือ f (a ) < c < f (b) หรือ f (b) < c < f (a ) ] แลวจะมี
x ∈ [a, b] ที่ทําให f ( x ) = c
0 0

y
f (b) y = f ( x)

c
f (a)

x
a b
ตัวอยางการประยุกตใช IVT
ตัวอยาง จงแสดงวารากของพหุนาม P( x) = x3 − 3x + 1 อยูในชวง ( 0,1)
วิธีทํา กอนอื่นสังเกตวา P( x) เปนฟงกชันตอเนื่องบน [0,1] และ P(0) = 1 และ
P (1) = 1 − 3 + 1 = −1 จึงไดวา 0 อยูระหวาง P(0) และ P(1)
ดังนั้น โดย IVT จะไดวา มี c ∈ (0,1) ที่ทําให P(c) = 0 หรือกลาวคือ c เปนรากของ
P( x) นั่นเอง
43

ตัวอยาง จงแสดงวาสมการ x2 = x + 1 มีอยางนอยหนึ่งคําตอบที่อยูใน (1,2)


วิธีทํา

ตัวอยาง ให f ( x) = x5 − 2 x3 + x 2 + 2 จงแสดงวามีจํานวนจริง c ที่ทําให f (c) = −1


วิธีทํา

You might also like