Professional Documents
Culture Documents
ชาดก 500 ชาติ เล่ม 2
ชาดก 500 ชาติ เล่ม 2
ชาดก 500 ชาติ เล่ม 2
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
ชาดก
จาก พระไตรปิ ฎกเล่มที ๒๗ และ ๒๘
พระสุตตันตปิ ฎกเล่มที ๑๙ และ ๒๐ ขุททกนิกาย ชาดก ภาค
๑ และ ๒.
หน้า 2 จาก 2
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
ชาดก เลม 2
สารบัญ
11. ลักขณชาดก ว่าด้ วย ผู้มศี ีล หน้ า 5
12. นิโครธมิคชาดก ว่าด้ วย การเลือกคบ หน้ า 12
13. กัณฑินชาดก ว่าด้ วย ผู้ตกอยู่ในอํานาจหญิง หน้ า 33
14. วาตมิคชาดก ว่าด้ วย อํานาจของรส หน้ า 39
15. ขราทิยชาดก ว่าด้ วย ผู้ล่วงเลยโอวาท หน้ า 48
16. ติปัลลัตถมิคชาดก ว่าด้ วย เล่ห์กลลวงพราน หน้ า 52
17. มาลุตชาดก ว่าด้ วย ความหนาวเกิดแก่ลม หน้ า 63
18. มตกภัตตชาดก ว่าด้ วย สัตว์ไม่ควรฆ่าสัตว์ หน้ า 66
19. อายาจิตภัตตชาดก ว่าด้ วย การเปลืองตน หน้ า 73
20. นฬปานชาดก ว่าด้ วย การพิจารณา หน้ า 77
21.กุรุงคมิคชาดก ว่าด้ วย กวางกุรุงคะ หน้ า 85
22. กุกกุรชาดก ว่าด้ วย สุ นัขทีถูกฆ่า หน้ า 90
23. โภชาชานียชาดก ว่าด้ วย ม้าสินธพอาชาไนย หน้ า 99
24. อาชัญญชาดก ว่าด้ วย ม้าอาชาไนยกับม้ากระจอก หน้ า 106
25. ติตถชาดก ว่าด้ วย การเบือเพราะซําซาก หน้ า 109
26. มหิฬามุขชาดก ว่าด้ วย การเสียมสอน หน้ า 118
27. อภิณหชาดก ว่าด้ วย การเห็นกันบ่อยๆ หน้ า 127
หน้า 3 จาก 3
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
28. นันทิวสิ าลชาดก ว่าด้ วย การพูดดี หน้ า 133
29. กัณหชาดก ว่าด้ วย ผู้เอาการเอางาน หน้ า 140
30. มุณกิ ชาดก ว่าด้ วย ลักษณะของผู้มอี ายุยนื หน้ า 147
หน้า 4 จาก 4
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
11.ลักขณชาดก
ว่าด้วย ผูม้ ีศีล
พระศาสดา เมือเสด็จเข้าไปอาศัยพระนครราชคฤห์
ประทับอยูใ่ นพระเวฬุวนั มหาวิหาร ทรงปรารภพระเทวทัต จึง
ตรัสพระธรรมเทศนานี มีคาํ เริ มต้นว่า โหติ สี ลวตํ อตฺ โถ ดังนี
เรื องพระเทวทัตจนถึงการประกอบกรรมคือ
การฆ่าอย่างหนัก จักมีแจ้งใน กัณฑหาลชาดก
เรื องการปล่อยช้างธนปาลกะ จักมีแจ้งใน จุลลหัง
สชาดก
และการถูกแผ่นดินสูบ จักมีแจ้งใน สมุททพาณิ ช
ชาดก ในทวาทสนิบาต.
สมัยหนึง พระเทวทัตทูลขอวัตถุ ๕ ประการ เมือไม่ได้
จึงทําลายสงฆ์ พาภิกษุ ๕๐๐ ไปอยูท่ ี คยาสี สประเทศ. ครังนัน
ญาณของภิกษุเหล่านันได้ถึงความแก่กล้าแล้ว พระศาสดาทรง
ทราบดังนัน จึงตรัสเรี ยกพระอัครสาวกทังสอง มาว่า ดูก่อน
สารี บุตรและโมคคัลลานะ ภิกษุ ๕๐๐ ผูเ้ ป็ นนิสิตของพวกเธอ
ชอบใจลัทธิของเทวทัตไปกับพระเทวทัตแล้ว ก็บดั นี ญาณ
หน้า 5 จาก 5
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
ของภิกษุเหล่านันถึงความแก่กล้าแล้ว พวกเธอจงไปทีนัน
พร้อมกับภิกษุจาํ นวนมาก แสดงธรรมแก่ภิกษุเหล่านันให้
ภิกษุเหล่านันตรัสรู้มรรคผล แล้วจงพามา.
พระอัครสาวกทังสองนันจึงไปทีคยาสี สประเทศนัน
นันแหละ แสดงธรรมแก่ภิกษุเหล่านัน ให้ตรัสรู้ธรรมด้วย
มรรคผลแล้ว. วันรุ่ งขึน เวลาอรุ ณขึน จึงพาภิกษุเหล่านันมายัง
พระเวฬุวนั วิหารนันเทียว. ก็แล ในเวลาทีพระสารี บตุ รเถระมา
ถวายบังคมพระผูม้ ีพระภาคเจ้า แล้วยืนอยู.่
ภิกษุทงหลายพากั
ั นสรรเสริ ญพระเถระแล้ว กราบทูล
พระผูม้ ีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผเู้ จริ ญ พระธรรม
เสนาบดี พีชายใหญ่ของข้าพระองค์ทงหลายอั
ั นภิกษุ ๕๐๐
แวดล้อมมาอยู่ งดงามเหลือเกิน ส่วนพระเทวทัตเป็ นผูม้ ี
บริ วารเสือมแล้ว.
พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทงหลายั สารี บุตรอัน
หมู่ญาติแวดล้อมมา ย่อมงดงาม แต่ในบัดนีเท่านันก็หามิได้
แม้ในกาลก่อนก็งดงามเหมือนกัน. ฝ่ ายพระเทวทัตเสื อมจาก
หมู่ญาติ ในบัดนีเท่านันหามิได้ แม้ในกาลก่อนก็เสื อมมาแล้ว
เหมือนกัน.
หน้า 6 จาก 6
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
ภิกษุทงหลายทู
ั ลอ้อนวอนพระผูม้ ีพระภาคเจ้า เพือให้
ทรงประกาศเรื องนันให้แจ่มแจ้ง
พระผูม้ ีพระภาคเจ้าได้ทรงกระทําเหตุ อันระหว่างภพ
ปกปิ ดไว้ให้ปรากฏ ดังต่อไปนี
ในอดีตกาล พระเจ้ามคธพระองค์หนึงครองราช
สมบัติในนครราชคฤห์ ในแคว้นมคธ. ในกาลนัน พระ
โพธิสตั ว์ทรงถือปฏิสนธิในกําเนิดมฤคชาติ พอเติบโต มีเนือ
หนึงพันเป็ นบริ วารอยูใ่ นป่ า พระโพธิสตั ว์นนมี
ั ลูก ๒ ตัวคือ
ลักขณะ และกาฬะ. ในเวลาทีตนแก่ พระโพธิสตั ว์นนกล่ ั าวว่า
ลูกพ่อทังสอง บัดนี พ่อแก่แล้ว เจ้าทังสองจงปกครองหมู่เนือ
นี แล้วให้บุตรแต่ละคน รับมอบเนือคนละ ๕๐๐. ตังแต่นนั
เนือแม้ทงสองก็
ั ปกครองหมู่เนือ.
ก็ในแคว้นมคธ ในสมัยข้าวกล้าอันเต็มไปด้วยข้าวกล้า
อันตรายย่อมเกิดแก่เนือทังหลายในป่ า เนืองจากพวกมนุษย์
ต้องการฆ่าพวกเนือทีมากินข้าวกล้า จึงขุดหลุมพราง ปักขวาก
ห้อยหิ นยนต์ [ฟ้ าทับเหว] ดักบ่วงมีบ่วงลวง เป็ นต้น เนือเป็ น
อันมากพากันถึงความพินาศ พระโพธิสตั ว์รู้คราวทีเต็มไปด้วย
ข้าวกล้า จึงให้เรี ยกลูกทังสองมากล่าวว่า พ่อทังสอง สมัยนี
หน้า 7 จาก 7
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
เป็ นสมัยทีเต็มแน่นไปด้วยข้าวกล้า เนือเป็ นอันมากพากันถึง
ความพินาศ เราแก่แล้วจักยับยังอยูใ่ นทีแห่งหนึง ด้วยอุบาย
อย่างหนึง พวกเจ้าจงพา หมู่เนือของพวกเจ้าเข้าไปยังเชิงเขา
ในป่ าในเวลาเขาถอนข้าวกล้าแล้ว จึงค่อยมา. บุตรทังสองนัน
รับคําของบิดาแล้ว พร้อมด้วยบริ วารพากันออกไป.
ก็พวกมนุษย์ทงหลายย่
ั อมรู้หนทางทีพวกเนือเหล่านัน
ไปและมาว่า ในเวลานี พวกเนือกําลังลงจากภูเขา ในเวลานี
กําลังขึนภูเขา มนุษย์เหล่านันพากันนังในทีกําบัง ณ ทีนัน
แทงเนือเป็ นอันมากให้ตาย
ฝ่ ายเนือกาฬะ เพราะความทีตัวโง่ จึงไม่รู้ว่า เวลาชือนี
ควรไป จึงพาหมูเ่ นือไปทางประตูบา้ น ทังในเวลาเช้าและเวลา
เย็น ทังเวลาพลบคําและเวลาใกล้รุ่ง พวกมนุษย์ยืนและนังตาม
ปรกติ นันแล อยูใ่ นทีนันๆ ยังเนือเป็ นอันมากให้ถึงความ
พินาศ เนือกาฬะนันให้เนือเป็ นอันมาก ถึงความพินาศ เพราะ
ความทีตนเป็ นผูโ้ ง่เขลาอย่างนี จึงเข้าป่ าด้วยเนือมีประมาณ
น้อยเท่านัน.
ส่วนเนือลักขณะเป็ นบัณฑิตมีปัญญา ฉลาดในอุบาย รู้
ว่า เวลานีควรไป เนือลักขณะนันไม่ไปทางประตูบา้ น ไม่ไป
หน้า 8 จาก 8
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
หน้า 10 จาก 10
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
หน้า 14 จาก 14
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
และเสมหะย่อมไหลออกจากกายเป็ นหยดเหงือ
เมือเป็ นอย่างนัน ศีรษะของกายนันเป็ นโพรงเต็มด้วย
มันสมอง คนพาลถูกอวิชชาห่อหุ้ม จึงสําคัญโดยความเป็ น
ของงดงาม กายมีโทษอนันต์ เปรี ยบเสมอด้วยต้นไม้พิษเป็ นที
อยูข่ องสรรพโรค ล้วนเป็ นกองทุกข์ ถ้ากลับเอาภายในของ
กายนีออกข้างนอก ก็จะต้องถือท่อนไม้ คอยไล่กาและสุนขั
เป็ นแน่.
กายไม่สะอาด มีกลิ นเหม็น เป็ นดังซากศพ เปรี ยบ
เหมือนส้วม ผูม้ ีจกั ษุติเตียน แต่คนเขลาเพลิดเพลิน อันหนังสด
ปกปิ ดไว้ มีทวาร ๙ มีแผลใหญ่ ของไม่สะอาด มีกลิ นเหม็น
ไหลออกรอบด้าน
ก็ในกาลใด กายนันนอนตายขึนพองมีสีเขียวคลํา ถูก
ทอดทิ งไว้ในสุสาน ในกาลนัน ญาติทงหลายย่ั อมไม่ห่วงอาลัย
สุนขั บ้าน สุ นขั จิ งจอกย่อมเคียวกินกายนัน และนกตะกรุ ม
หนอน กา แร้ง และสัตว์ทงปวงอื ั นๆ ย่อมเคียวกิน
ก็ภิกษุผมู้ ีญาณในศาสนานี นันแล ได้ฟังพระพุทธพจน์
แล้ว ย่อมรู้แจ้งกายนัน ย่อมเห็นตามเป็ นจริ งแลว่า ร่ างกายนี
ฉันใด ร่ างกายนันก็ฉันนัน ร่ างกายนันฉันใด ร่ างกายนีก็ฉนั
หน้า 15 จาก 15
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
นัน ข้าพเจ้าคายความเพลิดเพลินใน กายทังภายในและ
ภายนอกเสี ยแล้ว.
หน้า 16 จาก 16
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
หน้า 18 จาก 18
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
หน้า 20 จาก 20
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
ภายหลัง พระกุมารกัสสปนันบรรลุพระอรหัต ใน
เพราะวัมมิกสูตร. แม้ภิกษุณีผเู้ ป็ นมารดาของพระกุมารกัสสป
นัน เห็นแจ้งแล้วบรรลุพระอรหัต. พระกุมารกัสสปเถระ
ปรากฏในพระพุทธศาสนา ประดุจพระจันทร์เพ็ญใน
ท่ามกลางท้องฟ้ า ฉะนัน.
อยูม่ าวันหนึง พระตถาคตเสด็จกลับจากบิณฑบาต
ภายหลังภัต ประทานโอวาทแก่ภิกษุทงหลาย ั แล้วเสด็จเข้า
พระคันธกุฎี ภิกษุทงหลายรั
ั บพระโอวาทแล้ว ให้ภาคกลางวัน
หมดไป ในทีเป็ นทีพักกลางคืน และทีพักกลางวันของตนๆ
ในเวลาเย็น ประชุมกันในโรงธรรมสภา นังพรรณนาพระ
พุทธคุณว่า ดูก่อนอาวุโสทังหลาย พระเทวทัตทําคนทังสอง
คือพระกุมารกัสสปเถระและพระเถรี ให้พินาศ เพราะความที
ตนไม่รู้ และเพราะความไม่มีขนั ติและเมตตาเป็ นต้น แต่พระ
สัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็ นปัจจัยแก่ท่านทังสองนัน เพราะ
พระองค์เป็ นพระธรรมราชา และเพราะทรงถึงพร้อมด้วยพระ
ขันติ พระเมตตา และความเอ็นดู.
พระศาสดาเสด็จมายังโรงธรรมสภา ด้วยพุทธลีลา
ประทับนังบนอาสนะทีเขาปูลาดไว้ แล้วตรัสถามว่า ดูก่อน
หน้า 21 จาก 21
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
ภิกษุทงหลาย
ั บัดนีพวกเธอนังสนทนากันด้วยเรื องอะไร
หนอ? ภิกษุทงหลายกราบทู
ั ลว่า ด้วยเรื องพระคุณของ
พระองค์เท่านัน แล้วกราบทูลเรื องทังปวงให้ทรงทราบ.
พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทงหลายั ตถาคตเป็ น
ปัจจัยและเป็ นทีพึงแก่ชนทังสองนี ในบัดนีเท่านันหามิได้ แม้
ในกาลก่อนก็ได้เป็ นแล้วเหมือนกัน.
ภิกษุทงหลายจึ
ั งทูลอ้อนวอนพระผูม้ ีพระภาคเจ้า เพือ
ต้องการให้เรื องนันแจ่มแจ้ง.
พระผูม้ ีพระภาคเจ้าได้ทรงกระทําเหตุอนั ระหว่างภพ
ปกปิ ดไว้ให้ปรากฏ ดังต่อไปนี .
ในอดีตกาล เมือพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติใน
นครพาราณสี ฝ่ ายพระโพธิสตั ว์ทรงถือปฏิสนธิในกําเนิดมฤค
ชาติ. พระโพธิสตั ว์ เมือออกจากท้องของมารดา ได้มีสีเหมือน
ดังสี ทอง นัยน์ตาทังสองของเนือนันได้เป็ นเช่นกับลูกแก้วมณี
กลม เขาทังคู่มีวรรณะดังเงิน หน้ามีวรรณะดังกองผ้ากัมพล
แดง ปลายเท้าหน้าและเท้าหลัง เหมือนทําบริ กรรมด้วยรสนํา
ครั ง ขนหางได้เป็ นเหมือนขนจามรี ก็ร่างกายของเนือนันใหญ่
มีขนาดเท่าลูกม้า เนือนันมีบริ วาร ๕๐๐. โดยชือ มีชือ
หน้า 22 จาก 22
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
หน้า 24 จาก 24
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
อย่าเอาลูกศรยิงเนือ วาระของเนือทังหลายจงมีในทีแห่งค้อน
ของผูพ้ ิพากษา วาระจงถึงแก่บริ ษทั ของเราวันหนึง จงถึงแก่
บริ ษทั ของท่านวันหนึง เนือตัวทีถึงวาระจงไปนอนพาดหัวที
ไม้คอ้ นของผูพ้ ิพากษา แม้เมือเป็ นอย่างนัน เนือทังหลายจักไม่
กลัว เนือสาขะรับคําแล้ว.
ตังแต่นนมา
ั เนือทีถึงวาระ จะไปนอนพาดคอทีไม้
ค้อนพิพากษา พ่อครัวมาจับเอาเนือตัวทีนอนอยู่ ณ ทีนัน นัน
แหละไป.
อยูม่ าวันหนึง วาระถึงแก่แม่เนือผูม้ ีครรภ์ตวั หนึง ซึ ง
เป็ นบริ ษทั ของเนือสาขะ แม่เนือนันเข้าไปหาเนือสาขะ แล้ว
กล่าวว่า เจ้านาย ข้าพเจ้ามีครรภ์ คลอดลูกแล้ว พวกเราทังสอง
จะไปตามวาระ ท่านจงให้ขา้ มวาระของข้าพเจ้าไปก่อน. เนือ
สาขะกล่าวว่า เราไม่อาจทําวาระของเจ้าให้ถึงแก่เนือตัวอืนๆ
เจ้าเท่านันจักรู้ว่า เจ้ามีบุตร เจ้าจงไปเถอะ. แม่เนือนัน เมือ
ไม่ได้ความช่วยเหลือจากสํานักของเนือสาขะ จึงเข้าไปหาพระ
โพธิสตั ว์บอกเนือความนัน พระโพธิสตั ว์นนได้ ั ฟังคําของแม่
เนือนัน จึงคิดว่า ก็พระโพธิสตั ว์ทงหลายในกาลก่
ั อน เห็น
ทุกข์ของคนอืน ย่อมไม่ห่วงใยชีวิตของตน ประโยชน์ของ
หน้า 25 จาก 25
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
ผูอ้ ืนจากประโยชน์ตนนันแล เป็ นสิ งทีหนักกว่าสําหรับพระ
โพธิสตั ว์เหล่านัน.
เหล่านก ปศุสตั ว์ มฤคในป่ าทังหมดย่อมเป็ นอยูด่ ว้ ย
ตนเอง นักปราชญ์ทงหลายผู
ั ส้ งบ ยินดีแล้วในประโยชน์
เกือกูลแก่สตั ว์ ย่อมยังผูอ้ ืนให้เป็ นอยู่ ก็นกั ปราชญ์เหล่านัน
สละทรัพย์ อวัยวะและชีวิต เพือประโยชน์เกือกูล เรานันเป็ นผู้
สามารถจักยังเหล่าสัตว์เป็ นอันมาก พร้อมทังเทวโลกให้ขา้ ม
ได้ดว้ ย ก็ความไม่มีบุญ เพราะกายอันไร้สาระนี เราจักได้ลาภ
ของท่านอันยังยืนด้วยตนเองแน่.
หน้า 26 จาก 26
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
นอนอยู่ ณ ทีนี
พระยาเนือกราบทูลว่า ข้าแต่มหาราช แม่เนือผูม้ ีครรภ์
มากล่าวว่า ขอท่านจงยังวาระของฉันให้ถึงแก่เนือตัวอืน ก็ขา้
พระบาทไม่อาจโยนมรณทุกข์ของเนือตัวหนึงไปเหนือเนือตัว
อืนได้ ข้าพระบาทนันจึงให้ชีวิตของตนแก่แม่เนือนัน ถือเอา
ความตายอันเป็ นของแม่เนือนันแล้ว จึงนอนอยู่ ณ ทีนี ข้าแต่
มหาราช ขอพระองค์อย่าได้ทรงระแวงเหตุอะไรๆ อย่างอืน
เลย
พระราชาตรัสว่า ดูก่อนสุวรรณมิคราชผูเ้ ป็ นนาย แม้
ในหมู่มนุษย์ทงหลาย
ั เราก็ไม่เคยเห็นคนผูเ้ พียบพร้อมด้วย
ขันติ เมตตาและความเอ็นดูเช่นกับท่าน ด้วยเหตุนนั เราจึง
เลือมใสท่าน ลุกขึนเถิดเราให้อภัยแก่ท่าน และแก่แม่เนือนัน.
พระยาเนือกล่าวว่า ข้าแต่พระผูจ้ อมคน เมือข้าพระ
บาททังสองได้อภัยแล้ว เนือทีเหลือนอกนัน จักกระทํา
อย่างไร.
พระราชาตรัสว่า นาย เราให้อภัยแม้แก่เนือทีเหลือ
ด้วย
พระยาเนือกราบทูลว่า ข้าแต่มหาราช แม้เมือเป็ นอย่าง
หน้า 27 จาก 27
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
นัน เนือทังหลายในพระราชอุทยานเท่านัน จักได้อภัย เนือที
เหลือจักทรงกระทําอย่างไร
พระราชาตรัสว่า นาย เราให้อภัยแก่เนือ แม้เหล่านัน
พระยาเนือกราบทูลว่า ข้าแต่มหาราช เบืองต้น เนือ
ทังหลายได้รับอภัย สัตว์ ๔ เท้าทีเหลือจักกระทําอย่างไร
พระราชาตรัสว่า นาย เราให้อภัยแก่สตั ว์ ๔ เท้า แม้
เหล่านัน
พระยาเนือกราบทูลว่า ข้าแต่มหาราช สัตว์ ๔ เท้า
ได้รับพระราชทานอภัยก่อน หมู่นกจักกระทําอย่างไร
พระราชาตรัสว่า นาย แม้หมู่นกเหล่านันเราก็ให้อภัย
พระยาเนือกราบทูลว่า เบืองต้น หมู่นกจักได้รับ
พระราชทานอภัย พวกปลาทีอยูใ่ นนํา จักกระทําอย่างไร
พระราชาตรัสว่า นาย แม้หมู่ปลาเหล่านัน เราก็ให้
อภัย
พระมหาสัตว์ทูลขออภัยแก่สรรพสัตว์กะพระราชา
อย่างนีแล้ว ได้ลุกขึนยืน ให้พระราชาดํารงอยูใ่ นศีล ๕ แล้ว
แสดงธรรมแก่พระราชา ด้วยลีลาของพระพุทธเจ้า ว่า
ข้าแต่มหาราช ขอพระองค์จงประพฤติธรรมในพระ
หน้า 28 จาก 28
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
หน้า 30 จาก 30
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
จบอรรถกถานิโครธมิคชาดก
หน้า 32 จาก 32
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
13. กัณฑินชาดก
ว่ าด้ วย ผู้ตกอยู่ในอํานาจหญิง
พระศาสดา เมือประทับอยูใ่ นพระเชตวันมหาวิหาร
ทรงปรารภภิกษุถูกภรรยาเก่าประเล้าประโลม จึงตรัสพระ
ธรรมเทศนานี มีคาํ เริ มต้นว่า ธิรตฺ ถุ กณฺ ฑินํ สลฺ ล ํ ดังนี.
การประเล้าประโลมนัน จักมีแจ้งใน อินทริ ย
ชาดก อัฏฐกนิบาต.
ก็พระผูม้ ีพระภาคเจ้าได้ตรัสพระดํารัสนีกะภิกษุนนว่ ั า
ดูก่อนภิกษุ แม้ในกาลก่อน เธออาศัยมาตุคามนี ถึงความ
สิ นชีวิต ร้องเรี ยกอยูท่ ีพืนถ่านเพลิง อันปราศจากเปลว.
ภิกษุทงหลายทู
ั ลอ้อนวอนพระผูม้ ีพระภาคเจ้า เพือ
ทรงประกาศเรื องนันให้แจ่มแจ้ง
พระผูม้ ีพระภาคเจ้าได้ทรงกระทําเหตุ อันระหว่างภพ
ปกปิ ด ให้ปรากฏแล้ว.
ก็เบืองหน้าแต่นีไป เราจักไม่กล่าวถึง การทีภิกษุ
ทังหลายทูลอ้อนวอน และความทีเหตุถูกระหว่างภพปกปิ ด
จักกล่าวเฉพาะคํามีประมาณเท่านี ว่า อตีต ํ อาหริ แปลว่า ทรง
หน้า 33 จาก 33
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
นําอดีตนิทานมาว่าดังนี เท่านัน.
แม้เมือกล่าวคํามีประมาณเท่านี ก็พึงประกอบ
เหตุการณ์นีทังหมด คือการทูลอาราธนา การเปรี ยบเทียบ
เหมือนนําพระจันทร์ ออกจากกลุ่มเมฆ และความทีเหตุถูก
ระหว่างภพปกปิ ดไว้ โดยนัยดังกล่าวไว้ในหนหลังนันแหละ
แล้วพึงทราบไว้.
ในอดีตกาล เมือพระเจ้ามคธครองราชสมบัติอยูใ่ น
พระนครราชคฤห์ แคว้นมคธ. ในสมัยข้าวกล้าของชนชาว
มคธ พวกเนือทังหลายมีอนั ตรายมาก เนือเหล่านันจึงเข้าไปยัง
เนินเขา. เนือภูเขาทีอยูใ่ นป่ าตัวหนึง ทําความสนิทสนมกับลูก
เนือตัวเมียชาวบ้านตัวหนึง ในเวลาทีพวกเนือเหล่านันลงจาก
เชิงเขา กลับมายังชายแดนบ้านอีก ได้ลงมากับเนือเหล่านันนัน
แหละ เพราะมีจิตปฏิพทั ธ์ในลูกเนือตัวเมียนัน.
ลําดับนัน ลูกเนือตัวเมียนัน จึงกล่าวกะเนือภูเขานันว่า
ข้าแต่เจ้า ท่านแลเป็ นเนือภูเขาทีเขลา. ก็ธรรมดา ชายแดนของ
บ้าน น่าระแวง มีภยั เฉพาะหน้า ท่านอย่าลงมากับพวกเราเลย.
เนือภูเขานันไม่กลับเพราะมีจิตปฏิพทั ธ์ต่อลูกเนือตัวเมียนัน
ได้มากับลูกเนือตัวเมียนัน นันแหละ. ชนชาวมคธรู้ว่า บัดนี
หน้า 34 จาก 34
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
หน้า 36 จาก 36
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
จบอรรถกถากัณฑินชาดก
หน้า 38 จาก 38
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
14. วาตมิคชาดก
ว่ าด้ วย อํานาจของรส
พระศาสดา เมือประทับอยูใ่ นพระเชตวันมหาวิหาร
ทรงปรารภพระจูฬปิ ณฑปาติกติสสเถระ จึงตรัสพระธรรม
เทศนานี มีคาํ เริ มต้นว่า น กิรตฺ ถิ รเสหิ ปาปิ โย ดังนี.
ได้ยินว่า เมือพระศาสดาทรงอาศัยพระนครราชคฤห์
ประทับอยูใ่ นพระวิหารเวฬุวนั
วันหนึง บุตรของตระกูลเศรษฐีผมู้ ีทรัพย์มากชือ
ว่า ติสสกุมาร ไปพระวิหารเวฬุวนั ฟังพระธรรมเทศนาของ
พระศาสดา แล้วประสงค์จะบวช จึงทูลขอบรรพชา แต่บิดา
มารดายังไม่อนุญาต จึงถูกปฏิเสธ ได้กระทําการอดอาหาร ๗
วัน แล้วให้บิดามารดาอนุญาต เหมือนดังพระรัฐบาลเถระได้
บวชในสํานักของพระศาสดาแล้ว.
พระศาสดา ครันทรงให้ติสสกุมารนันบวชแล้ว
ประทับอยูใ่ นพระวิหารเวฬุวนั ประมาณกึงเดือน แล้วได้เสด็จ
ไปพระวิหารเชตวัน.
ในพระเชตวันนัน กุลบุตรนีสมาทานธุดงค์ ๑๓ เทียว
หน้า 39 จาก 39
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
ไปบิณฑบาตตามลําดับตรอก ในนครสาวัตถี ยังกาลเวลาให้
ล่วงไป. ใครๆ เรี ยกว่า พระจูฬบิณฑปาติกติสสเถระ ได้เป็ นผู้
ปรากฏรู้กนั ทัวไปในพระพุทธศาสนา เหมือนพระจันทร์ เพ็ญ
ในพืนท้องฟ้ า ฉะนัน.
ในกาลนัน เมือกาลเล่นนักขัตฤกษ์ยงั ดําเนินไป ใน
นครราชคฤห์. บิดามารดาของพระเถระ เก็บสิ งของอันเป็ น
เครื องประดับอันมีอยูใ่ นครังพระเถระเป็ นคฤหัสถ์ ไว้ในผอบ
เงิน เอามาวางไว้ทีอก ร้องไห้ พลางพูดว่า ในการเล่นนักขัต
ฤกษ์อืนๆ บุตรของพวกเรานีประดับด้วยเครื องประดับนี เล่น
นักขัตฤกษ์. พระสมณโคดมพาเอาบุตรน้อยนันของพวกเรา
ไปยังพระนครสาวัตถี. บัดนี บุตรน้อยของเราทังหลายนัน นัง
ทีไหนหนอ ยืนทีไหนหนอ.
ลําดับนัน นางวัณณทาสี คนหนึงไปยังตระกูลนัน เห็น
ภรรยาของเศรษฐีกาํ ลังร้องไห้อยู่ จึงถามว่า แม่เจ้า ท่านร้องไห้
ทําไม? ภรรยาของเศรษฐีนนจึ ั งบอกเนือความนัน.
นางวัณณทาสี กล่าวว่า แม่เจ้า ก็พระลูกเจ้ารักอะไร?
ภรรยาเศรษฐีกล่าวว่า รักของสิ งโน้นและสิ งโน้น.
นางวัณณทาสี กล่าวว่า ถ้าท่านจะให้ ความเป็ นใหญ่
หน้า 40 จาก 40
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
หน้า 42 จาก 42
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
หน้า 44 จาก 44
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
หน้า 46 จาก 46
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
พระศาสดาตรัสว่า ภิกษุทงหลาย
ั นางวัณณทาสี นนผู
ั ก
ภิกษุนนด้
ั วยตัณหาในรส กระทําไว้ในอํานาจของตน ในบัดนี
เท่านันก็หามิได้ แม้ในกาลก่อนก็ได้กระทําแล้วเหมือนกัน.
ครันทรงนําพระธรรมเทศนานีมาสื บต่ออนุสนธิแล้ว
ทรงประชุมชาดกว่า
นายสัญชัยในครังนัน ได้เป็ น นางวัณณทาสี คนนี
เนือสมันในครังนัน ได้เป็ น พระจูฬบิณฑปาติกภิกษุ
ส่วนพระเจ้าพาราณสี ได้เป็ น เรา แล.
จบอรรถกถาวาตมิคชาดก
หน้า 47 จาก 47
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
15. ขราทิยชาดก
ว่ าด้ วย ผู้ล่วงเลยโอวาท
พระศาสดา เมือประทับอยูท่ ีพระวิหารเชตวัน ทรง
ปรารภ ภิกษุว่ายากรู ปหนึง จึงตรัสพระธรรมเทศนานี มีคาํ
เริ มต้นว่า อฏฺ ฐขุรํ ขราทิเย ดังนี.
ได้ยินว่า ภิกษุนนว่
ั ายากไม่รับโอวาท. ลําดับนัน พระ
ศาสดาได้ตรัสถามภิกษุนนว่ ั า ดูก่อนภิกษุ ได้ยินว่า เธอว่ายาก
ไม่รับโอวาทจริ งหรื อ? ภิกษุนนกราบทูั ลว่า ข้าแต่พระผูม้ ีพระ
ภาคเจ้า จริ ง พระเจ้าข้า.
พระศาสดาตรัสว่า แม้ในกาลก่อน เธอก็ไม่รับโอวาท
ของบัณฑิตทังหลาย เพราะความเป็ นผูว้ ่ายาก จึงติดบ่วงถึง
ความสิ นชีวิต แล้วทรงนําอดีตนิทานมา ว่า
ในอดีตกาล เมือพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติใน
พระนครพาราณสี . พระโพธิสตั ว์เป็ นมฤคแวดล้อมด้วยหมู่
เนืออยูใ่ นป่ า. ลําดับนัน เนือผูเ้ ป็ นน้องสาวมฤคนันแสดงบุตร
น้อย แล้วให้รับเอา ด้วยคําพูดว่า ข้าแต่พีชาย นีเป็ นหลานของ
พี พีจงให้เรี ยนมายาเนืออย่างหนึง. มฤคนันกล่าวกะหลานนัน
ว่า ในเวลาชือโน้น เจ้าจงมาเรี ยนเอา เนือผูห้ ลานไม่มาตาม
หน้า 48 จาก 48
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
เวลาทีพูดไว้.
เมือล่วงไป ๗ วันเหมือนดังวันเดียว เนือผูเ้ ป็ นหลาน
นันไม่ได้เรี ยนมายาของเนือ ท่องเทียวไป จึงติดบ่วง. ฝ่ าย
มารดาของเนือนันเข้าไปหามฤคผูพ้ ีชาย แล้วถามว่า ข้าแต่พี พี
ให้หลานเรี ยนมายาของเนือแล้วหรื อ?
พระโพธิสตั ว์กล่าวว่า เจ้าอย่าคิดเสี ยใจต่อบุตรผูไ้ ม่รับ
โอวาทสังสอนนัน บุตรของเจ้าไม่เรี ยนเอามายาของเนือเอง
เป็ นผูไ้ ม่มีความประสงค์จะโอวาทเนือนันเลย ในบัดนี จึง
กล่าวคาถานีว่า
ดูก่อนนางเนือขราทิยา ฉันไม่สามารถจะสังสอนเนือ
ตัวนัน ผูม้ ี ๘ กีบ มีเขาคดแต่โคนเขาจนถึงปลายเขา ผูล้ ่วงเลย
โอวาทเสี ยตัง ๗ วันได้.
บรรดาบทเหล่านี บทว่า อฏฺ ฐขุรํ ได้แก่ มีกีบ๘ กีบ
โดยเท้าข้างหนึงๆ มี ๒ กีบ. พระโพธิสตั ว์เรี ยกนางเนือนัน
โดยชือว่า ขราทิยา. บทว่า มิค ํ เป็ นคํารวมถือเอาเนือทุกชนิด.
บทว่า วงฺ กาติวงฺ กินํ ได้แก่ คดยิ งกว่าคด คือ คดตังแต่ทีโคนเขา
คดมากขึนไปถึงปลายเขา ชือว่าผูม้ ีเขาคดแต่โคนจนถึงปลาย
เขา เพราะเนือนันมีเขาเป็ นเช่นนัน. จึงชือว่า เขาคดแต่โคน
หน้า 49 จาก 49
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
จนถึงปลายเขา คือ มีเขาคดแต่โคนเขา จนถึงปลายเขานัน .
บทว่า สตฺ ตกาเลหติกฺกนฺ ต ํ ได้แก่ ผูล้ ่วงเลยโอวาท โดยเวลา
เป็ นทีให้โอวาท ๗ วัน. ด้วยบทว่า น นํ โอวทิตุสฺสเห นี ท่าน
แสดงว่า เราไม่อาจให้โอวาทเนือผูว้ ่ายากนี แม้ความคิดเพือจะ
โอวาทเนือนี ก็ไม่เกิดขึนแก่เรา.
ครังนัน นายพรานฆ่าเนือทีว่ายากตัวนันซึ งติดบ่วง
ถือเอาแต่เนือ แล้วหลีกไป.
ฝ่ ายพระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ เธอเป็ นผูว้ ่ายากแต่
ในบัดนีเท่านัน ก็หามิได้ แม้ในกาลก่อน ก็เป็ นผูว้ ่ายาก
เหมือนกัน.
ครันทรงนําพระเทศนานี มาสื บต่ออนุสนธิกนั แล้ว
ทรงประชุมชาดก ว่า
เนือผูเ้ ป็ นหลานในกาลนัน ได้เป็ น ภิกษุผวู้ ่ายาก ใน
บัดนี
แม่เนือผูเ้ ป็ นน้องสาวในกาลนัน ได้เป็ น พระ
อุบลวรรณา ในบัดนี
ส่วนเนือผูใ้ ห้โอวาทในกาลนัน ได้เป็ น เรา
ตถาคต แล.
หน้า 50 จาก 50
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
จบอรรถกถาขราทิยชาดก
หน้า 51 จาก 51
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
16. ติปัลลัตถมิคชาดก
ว่ าด้ วย เล่ ห์กลลวงพราน
พระศาสดา เมือประทับอยูใ่ นพทริ การาม นครโกสัม
พี ทรงปรารภพระราหุลเถระผูใ้ คร่ ต่อการศึกษา จึงตรัสพระ
ธรรมเทศนานี มีคาํ เริ มต้นว่า มิค ํ ติปลฺ ลตฺ ถ ํ ดังนี.
ความพิศดารว่า กาลครังหนึง เมือพระศาสดาเสด็จเข้า
ไปอาศัยเมืองอาฬวี ประทับอยูใ่ นอัคคาฬวเจดีย ์ อุบาสก
อุบาสิ กา ภิกษุ และภิกษุณี จํานวนมากไปวิหารเพือฟังธรรม
ตอนกลางวัน มีการฟังธรรม.
ก็แล เมือกาลเวลาล่วงไป อุบาสิ กาและภิกษุณีทงหลาย ั
ไม่ไป. มีแต่พวกภิกษุและอุบาสกทังหลาย ตังแต่นนั จึงเกิดมี
การฟังธรรมตอนกลางคืน ในเวลาเสร็ จสิ นการฟังธรรม ภิกษุ
ทังหลายผูเ้ ป็ นพระเถระพากันไปยังทีอยูข่ องตนๆ ภิกษุหนุ่ม
กับพวกอุบาสก นอนทีอุปัฏฐานศาลา คือโรงฉัน
เมือพวกภิกษุหนุ่มและพวกอุบาสกเหล่านัน เข้าถึง
ความหลับ บางคนนอนกรนเสี ยงครื ดๆ นอนกัดฟัน บางคน
นอนครู่ เดียวแล้วลุกขึน พวกอุบาสกเห็นประการอันแปลก
ของภิกษุหนุ่ม จึงกราบทูลแด่พระผูม้ ีพระภาคเจ้า.
หน้า 52 จาก 52
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
หน้า 54 จาก 54
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
หน้า 56 จาก 56
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
ภิกษุทงหลายกราบทู
ั ลว่า ข้าแต่พระองค์ผเู้ จริ ญ พวก
ข้าพระองค์นงสนทนากั
ั นด้วยสิ กขากามกถา ว่าด้วย ความใคร่
ต่อการศึกษาของพระราหุล มิใช่ดว้ ยเรื องอืน พระเจ้าข้า.
พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทงหลาย ั ราหุลเป็ นผู้
ใคร่ ต่อการศึกษา ในบัดนีเท่านันหามิได้ แม้ในกาลก่อน แม้
บังเกิดในกําเนิดเดียรัจฉาน ก็เป็ นผูใ้ คร่ ต่อการศึกษาเหมือนกัน
แล้วทรงนําอดีตนิทานมา ดังต่อไปนี.
ในอดีตกาล พระเจ้ามคธราชพระองค์หนึงครองราช
สมบัติอยูใ่ นพระนครราชคฤห์ ในกาลนัน พระโพธิสตั ว์
บังเกิดในกําเนิดมฤค อันหมู่มฤคแวดล้อมอยูใ่ นป่ า.
ครังนัน แม่เนือผูเ้ ป็ นน้องสาวของพระโพธิสตั ว์นนั
นําบุตรน้อยของตนเข้าไป แล้วกล่าวว่า ข้าแต่พี ท่านจงให้
หลานของท่านนี ศึกษามารยาของเนือ. พระโพธิสตั ว์รับคํา
แล้วกล่าวว่า ดูก่อนพ่อ เจ้าจงไป ในเวลาชือโน้น เจ้าจงมา
ศึกษา. เนือผูเ้ ป็ นหลานนันไม่ล่วงเลยเวลาทีลุงบอก เข้าไปหา
ลุงนัน แล้วศึกษามารยาของเนือ.
วันหนึง เนือนันเทียวไปในป่ า ติดบ่วงจึงร้องบอกให้รู้
ว่า ติดบ่วง หมู่เนือพากันหนีไปบอกแก่มารดาของเนือนันว่า
หน้า 57 จาก 57
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
บุตรของท่านติดบ่วง. แม่เนือนันจึงไปยังสํานักของพีชายแล้ว
ถามว่า พีท่านให้หลานศึกษามารยาของเนือแล้วหรื อ? พระ
โพธิสตั ว์กล่าวว่า เจ้าอย่ารังเกียจกรรมอันลามกอะไรๆ ของ
บุตร เราให้บุตรของเจ้านันศึกษามารยาของเนืออย่างดีแล้ว
บัดนี บุตรของเจ้านันละทิ งบ่วงนันแล้วหนีไป จักกลับมา
แล้วกล่าวคาถานีว่า
หน้า 58 จาก 58
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
หน้า 60 จาก 60
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
พระโพธิสตั ว์ เมือแสดงความทีเนือหลานชายเรี ยน
มารยาของเนือดีแล้ว จึงปลอบโยนเนือผูน้ อ้ งสาวให้เบาใจ
ด้วยประการอย่างนี . ลูกเนือ แม้นนติ ั ดบ่วง ไม่ดิ นรนเลย นอน
เหยียดเท้าทัง ๔ ไปทางด้านข้างทีผาสุกมาก ณ ทีพืนดิน เอา
กีบทังหลายนันแหละคุย้ ในทีทีใกล้ๆ เท้าทัง ๔ ทําดินร่ วนและ
หญ้าให้กระจุยขึน ปล่อยอุจจาระปัสสาวะออกมา ทําให้หวั ตก
ลิ นห้อย กระทําสรี ระให้เปรอะเปื อนด้วยนําลาย ทําให้ตวั พอง
ขึนด้วยการอันลม ทํานัยน์ตาทังสองให้เหลือก ทําลมให้
เดินทางช่องนาสิ กล่าง กลันลมทางช่องนาสิ กบน ทําหัวให้
แข็ง แสดงอาการของเนือทีตายแล้ว.
ฝ่ ายแมลงวันหัวเขียวก็ตอมเนือนัน กาทังหลายพากัน
แอบอยูใ่ นทีนันๆ นายพรานมาเอามือดีดท้อง คิดว่า เนือจักติด
บ่วงแต่เช้าตรู่ นกั จึงเกิดจะเน่า(ขึนมา) จึงแก้เชือกทีผูกเนือนัน
ออก คิดว่า บัดนี เราจักแล่เนือนันในทีนีแหละ เอาแต่เนือไป
เป็ นผูไ้ ม่สงสัย เริ มเก็บเอากิ งไม้และใบไม้.
ฝ่ ายลูกเนือลุกขึนยืนด้วยเท้าทัง ๔ สลัดกายเหยียดคอ
หน้า 61 จาก 61
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
แล้วได้ไปยังสํานักของมารดาโดยเร็ ว ประดุจเมฆฝนถูกลม
พายุใหญ่พดั ขาดไป ฉะนัน.
ฝ่ ายพระบรมศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทงหลาย ั ราหุล
เป็ นผูใ้ คร่ ต่อการศึกษา ในบัดนีเท่านันก็หามิได้ แม้ในกาล
ก่อน ก็เป็ นผูใ้ คร่ ต่อการศึกษาเหมือนกัน.
ครันทรงนําพระธรรมเทศนานี มาสื บต่ออนุสนธิแล้ว
จึงทรงประชุมชาดก ว่า
ลูกเนือผูเ้ ป็ นหลานในครังนัน ได้เป็ น พระราหุล ใน
บัดนี
ฝ่ ายมารดาในครังนัน ได้เป็ น ภิกษุณีอุบลวรรณา ใน
บัดนี
ส่วนเนือผูเ้ ป็ นลุงในครังนัน ได้เป็ น เรา แล.
จบอรรถกถาติปัลลัตถมิคชาดก
หน้า 62 จาก 62
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
17. มาลุตชาดก
ว่ าด้ วย ความหนาวเกิดแก่ ลม
พระศาสดา เมือประทับอยูใ่ นพระวิหารเชตวัน ทรง
ปรารภบรรพชิตผูบ้ วชเมือแก่ ๒ รู ป จึงตรัสพระธรรมเทศนา
นี มีคาํ เริ มต้นว่า กาเฬ วา ยทิ วา ชุณฺเห ดังนี.
ได้ยินว่า บรรพชิตทังสองรู ปนันอยูใ่ นป่ าแห่งหนึง ใน
โกศลชนบท. รู ปหนึงชือ กาฬเถระ รู ปหนึงชือ ชุณหเถระ. อยู่
มาวันหนึง พระชุณหะถามพระกาฬะว่า ท่านกาฬะผูเ้ จริ ญ
ธรรมดาว่า ความหนาวมีในเวลาไร? พระกาฬะนันกล่าวว่า
ความหนาวมีในเวลาข้างแรม. อยูม่ าวันหนึง พระกาฬะถาม
พระชุณหะว่า ท่านชุณหะผูเ้ จริ ญ ธรรมดาว่า ความหนาวย่อม
มีในเวลาไร? พระชุณหะนันกล่าวว่า มีในเวลาข้างขึน. พระแม้
ทังสองรู ปนัน เมือไม่อาจตัดความสงสัยของตนได้ จึงพากัน
ไปยังสํานักของพระบรมศาสดา ถวายบังคม แล้วทูลถามว่า
ข้าแต่พระองค์ผเู้ จริ ญ ธรรมดาว่า ความหนาวย่อมมีในกาลไร
พระเจ้าข้า?
พระศาสดาทรงสดับถ้อยคําของภิกษุทงสองนั ั น แล้ว
หน้า 63 จาก 63
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทงหลาย
ั แม้ในกาลก่อน เราก็ตอบปัญหานี
แก่เธอทังสองแล้ว แต่เธอทังหลายกําหนดไม่ได้ เพราะอยูใ่ น
สังเขปแห่งภพ แล้วทรงนําอดีตนิทานมา ดังต่อไปนี
ในอดีตกาล ณ เชิงเขาแห่งหนึง มีสตั ว์ผเู้ ป็ นสหายกัน
สองตัว คือ ราชสี ห์ตวั หนึง เสื อโคร่ งตัวหนึง อยูใ่ นถําเดียวกัน
นันเอง. ในกาลนัน แม้พระโพธิสตั ว์ก็บวชเป็ นฤาษี อยูท่ ีเชิง
เขานันเหมือนกัน. ภายหลังวันหนึง ความวิวาทเกิดขึนแก่
สหายเหล่านัน เพราะอาศัยความหนาว. เสื อโคร่ งกล่าวว่า
ความหนาวย่อมมีเฉพาะในเวลาข้างแรม. ราชสี ห์กล่าวว่า มี
เฉพาะในเวลาข้างขึน. สหายแม้ทงสองนัั น เมือไม่อาจตัด
ความสงสัยของตน จึงถามพระโพธิสตั ว์.
พระโพธิสตั ว์จึงกล่าวคาถานีว่า
ข้างขึนหรื อข้างแรมก็ตาม สมัยใดลมย่อมพัดมา สมัย
นันย่อมมีความหนาว เพราะความหนาวเกิดแต่ลม ในปัญหา
ข้อนีท่านทังสอง ชือว่าไม่แพ้กนั .
บรรดาบทเหล่านัน บทว่า กาเฬ วา ยทิ วา ชุณฺเห
ได้แก่ ในปักษ์ขา้ งแรม หรื อในปักษ์ขา้ งขึน. บทว่า ยทา วายติ
มาลุโต ความว่า สมัยใด ลมอันต่างด้วยลมทิศตะวันออกเป็ น
หน้า 64 จาก 64
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
ฝ่ ายพระศาสดาจึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทงหลาย
ั แม้ในกาล
ก่อน เราก็ตอบปัญหานีแก่เธอทังหลายแล้ว
ครันทรงนําพระธรรมเทศนานีมาแล้ว จึงทรงประกาศสัจจะ
ทังหลาย
ในเวลาจบสัจจะ พระเถระแม้ทงสองเหล่
ั านัน ก็ดาํ รงอยูใ่ น
พระโสดาปัตติผล.
แม้พระศาสดาก็ทรงสืบอนุสนธิ แล้วประชุมชาดก ว่า
เสือโคร่ งในครังนัน ได้เป็ น พระกาฬะ
ราชสีห์ในครังนัน ได้เป็ น พระชุณหะ
ส่วนดาบสผูแ้ ก้ปัญหาในครังนัน ได้เป็ น เรา แล.
จบอรรถกถามาลุตชาดก
หน้า 65 จาก 65
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
18. มตกภัตตชาดก
ว่ าด้ วย สั ตว์ ไม่ ควรฆ่าสั ตว์
พระศาสดา เมือประทับอยูใ่ นพระวิหารเชตวัน ทรง
ปรารภมตกภัต จึงตรัสพระธรรมเทศนานี มีคาํ เริ มต้นว่า เอว ฺ
เจ สตฺ ตา ชาเนยฺยุ ◌ํ ดังนี.
ความพิสดารว่า ในกาลนัน มนุษย์ทงหลายฆ่
ั าแพะ
เป็ นต้นเป็ นอันมาก ให้มตกภัตอุทิศญาติทงหลายที
ั ตายไป
แล้ว. ภิกษุทงหลายเห็
ั นมนุษย์เหล่านันกระทําอย่างนัน จึงทูล
ถามพระศาสดาว่า ข้าแต่พระองค์ผเู้ จริ ญ บัดนี มนุษย์ทงหลาย ั
ทําสัตว์มีชีวิตเป็ นอันมาก ให้ถึงความสิ นชีวิตแล้วให้ชือว่า
มตกภัต ความเจริ ญในการให้มตกภัตนีมีอยูห่ รื อ พระเจ้าข้า?
พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทงหลาย
ั ชือว่าความ
เจริ ญอะไรๆ ในปาณาติบาต แม้ทีเขากระทําด้วยคิดว่า พวกเรา
จักให้มตกภัตดังนี ย่อมไม่มี. แม้ในกาลก่อน บัณฑิตทังหลาย
นังในอากาศ แสดงธรรมกล่าวโทษในการทําปาณาติบาตนี ให้
ชนชาวชมพูทวีปทังสิ น ละกรรมนัน แต่บดั นี กรรมนันกลับ
ปรากฏขึนอีก เพราะสัตว์ทงหลายเหล่
ั านันเป็ นผูอ้ ยูใ่ นสังเขป
แห่งภพ
หน้า 66 จาก 66
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
แล้วทรงนําอดีตนิทานมา ดังต่อไปนี.
ในอดีตกาล เมือพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติใน
นครพาราณสี . มีอาจารย์ทิศาปาโมกข์ผสู้ ําเร็ จไตรเพทคนหนึง
คิดว่าจักให้มตกภัต จึงให้จบั แพะมาตัวหนึง กล่าวกะอันเตวา
สิ กทังหลายว่า พ่อทังหลาย พวกท่านจงนําแพะตัวนีไปยัง
แม่นาํ เอาระเบียบดอกไม้สวมคอ เจิมประดับประดา แล้ว
นํามา.
อันเตวาสิ กทังหลายรับคําแล้ว พาแพะนันไปยังแม่นาํ
ให้อาบนํา ประดับแล้ว พักไว้ทีฝั งแม่นาํ . แพะนันเห็นกรรม
เก่าของตน เกิดความโสมนัสว่า เราจักพ้นจากทุกข์ ชือเห็น
ปานนี ในวันนี จึงหัวเราะลัน ประดุจต่อยหม้อดิน. กลับคิดว่า
พราหมณ์นีฆ่าเราแล้ว จักได้ความทุกข์ทีเราได้แล้ว เกิดความ
กรุ ณาพราหมณ์ จึงร้องไห้ดว้ ยเสี ยงอันดัง.
ลําดับนัน มาณพเหล่านันจึงถามแพะนันว่า ดูก่อน
แพะผูส้ หาย ท่านหัวเราะและร้องไห้เสี ยงดังลัน เพราะเหตุไร
หนอ ท่านจึงหัวเราะ และเพราะเหตุไร ท่านจึงร้องไห้?
แพะกล่าวว่า ท่านทังหลายพึงถามเหตุนีกะเรา ใน
สํานักแห่งอาจารย์ของท่าน.
หน้า 67 จาก 67
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
มาณพเหล่านันจึงพาแพะนันไป แล้วบอกเหตุนีแก่
อาจารย์ อาจารย์ได้ฟังคําของมาณพเหล่านัน แล้วถามแพะว่า
ดูก่อนแพะ เพราะเหตุไร ท่านจึงหัวเราะ เพราะเหตุไร ท่านจึง
ร้องไห้?
แพะหวนระลึกถึงกรรมทีตนกระทําด้วยญาณเครื อง
ระลึกชาติ ได้กล่าวแก่พราหมณ์ว่า
ดูก่อนพราหมณ์ เมือก่อน เราเป็ นพราหมณ์ผสู้ าธยาย
มนต์เช่นท่านนันแหละ คิดว่า จักให้มตกภัต จึงได้ฆ่าแพะตัว
หนึง แล้วให้มตกภัต เพราะเราฆ่าแพะตัวหนึง เรานันจึงถึง
การถูกตัดศีรษะใน ๔๙๙ อัตภาพ นีเป็ นอัตภาพที ๕๐๐ ของ
เรา ซึ งตังอยูใ่ นทีสุด. เรานันเกิดความโสมนัสว่า วันนี เราจัก
พ้นจากทุกข์เห็นปานนี ด้วยเหตุนี จึงหัวเราะ แต่เราเมือร้องไห้
ได้ร้องไห้เพราะความกรุ ณาท่าน ด้วยคิดว่า เบืองต้น เราฆ่า
แพะตัวหนึง ถึงความทุกข์ คือการถูกตัดศีรษะถึง ๕๐๐ ชาติ
จักพ้นจากทุกข์นนในวัั นนี. ส่วนพราหมณ์ฆ่าเราแล้ว จักได้
ทุกข์ คือการถูกตัดศีรษะถึง ๕๐๐ ชาติ เหมือนเรา.
พราหมณ์กล่าวว่า ดูก่อนแพะ ท่านอย่ากลัวเลย เราจัก
ไม่ฆ่าท่าน.
หน้า 68 จาก 68
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
หน้า 70 จาก 70
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
จบอรรถกถามตกภัตตชาดก
หน้า 72 จาก 72
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
19. อายาจิตภัตตชาดก
ว่ าด้ วย การเปลืองตน
พระศาสดา เมือประทับอยูใ่ นพระวิหารเชตวัน ทรง
ปรารภพลีกรรมอ้อนวอนเทวดาทังหลาย จึงตรัสพระธรรม
เทศนานี มีคาํ เริ มต้นว่า สเจ มุ ฺ เจ ดังนี.
ได้ยินว่า ในกาลนัน มนุษย์ทงหลาย ั เมือจะไปค้าขาย
ได้ฆ่าสัตว์ทาํ พลีกรรมแก่เทวดาทังหลาย อ้อนวอนว่า ข้าพเจ้า
ทังหลายถึงความสําเร็ จประโยชน์โดยไม่ขดั ข้องมาแล้ว จัก
กระทําพลีกรรมแก่ท่านทังหลายอีก ดังนีแล้วจึงพากันไป.
ในกาลนัน พวกมนุษย์ได้ถึงความสําเร็ จประโยชน์
โดยไม่มีอนั ตรายมาแล้ว สําคัญว่า ผลนีเกิดด้วยอานุภาพของ
เทวดา จึงฆ่าสัตว์เป็ นอันมากกระทําพลีกรรม เพือปลดเปลือง
การอ้อนวอน.
ภิกษุทงหลายเห็
ั นดังนัน จึงทูลถามพระผูม้ ีพระภาคเจ้า
ว่า ข้าแต่พระองค์ผเู้ จริ ญ ประโยชน์ในการอ้อนวอนนี มีอยู่
หรื อ?
พระผูม้ ีพระภาคเจ้าจึงทรงนําอดีตนิทานมา
หน้า 73 จาก 73
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
ดังต่อไปนี.
ในอดีตกาล มีกุฏ ุ มพีคนหนึงในบ้านแห่งหนึงใน
แคว้นกาสี ปฏิญญาการพลีกรรมแก่เทวดาผูส้ ิ งอยูท่ ีต้นไทร ซึ ง
ตังอยูใ่ กล้ประตูบา้ น แล้วกลับมาโดยไม่มีอนั ตราย จึงฆ่าสัตว์
เป็ นอันมาก แล้วไปยังโคนต้นไทร ด้วยตังใจว่า จักเปลืองการ
อ้อนวอน.
รุ กขเทวดายืนอยูท่ ีค่าคบของต้นไม้ กล่าวคาถานีว่า
ถ้าท่านปรารถนาจะเปลืองตนให้พน้ ท่านละโลกนีไป
แล้ว ก็จะพ้นได้ ก็ท่านเปลืองตนอยูอ่ ย่างนี กลับจะติดหนักเข้า
เพราะนักปราชญ์หาได้เปลืองตน ด้วยอาการอย่างนีไม่. การ
เปลืองตนอย่างนี เป็ นเครื องติดของคนพาล.
หน้า 74 จาก 74
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
ยังติดพันด้วยกรรมอันลามก.
เพราะเหตุไร?
เพราะนักปราชญ์ทงหลายหาได้
ั เปลืองตน ด้วยอาการ
อย่างนีไม่.
อธิบายว่า ก็บุรุษผูเ้ ป็ นบัณฑิตเหล่านัน ย่อมไม่ปลด
เปลืองตนด้วยคํามันสัญญาอย่างนี.
เพราะเหตุไร?
เพราะการเปลืองตน เห็นปานนี เป็ นเหตุติดพันของ
คนพาล คือธรรมดา การเปลืองตนเพราะกระทําปาณาติบาตนี
ย่อมเป็ นเหตุติดหนักของคนพาล.
รุ กขเทวดาแสดงธรรมด้วยประการดังกล่าวนี.
ตังแต่นนั มนุษย์ทงหลายงดเว้
ั นจากกรรม คือ
ปาณาติบาตเห็นปานนัน พากันประพฤติธรรม ยังเทพนครให้
เต็มแล้ว.
หน้า 75 จาก 75
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
ทรงประชุมชาดกว่า สมัยนัน เราได้เป็ นรุ กขเทวดา
แล.
จบอรรถกถาอายาจิตชาดก
หน้า 76 จาก 76
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
20. นฬปานชาดก
ว่ าด้ วย การพิจารณา
พระศาสดา เมือเสด็จจาริ กไปในโกศลชนบท ถึงบ้าน
นฬกปานคาม ประทับอยูใ่ นเกตกวัน ใกล้นฬกปานโบกขรณี
ทรงปรารภท่อนไม้ออ้ ทังหลาย จึงตรัสพระธรรมเทศนานี
มีคาํ เริ มต้นว่า ทิสฺวา ปทมนุตฺติณฺณํ ดังนี.
ได้ยินว่า ครังนัน ภิกษุทงหลายอาบนํ
ั าในสระ
โบกขรณี ชือว่า นฬกปานะ แล้วให้พวกสามเณรเอาท่อนไม้ออ้
มา เพือต้องการทํากล่องเข็ม เห็นท่อนไม้ออ้ เหล่านันทะลุ
ตลอด จึงเข้าไปเฝ้ าพระศาสดา แล้วทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้
เจริ ญ พวกข้าพระองค์ให้ถือเอาท่อนไม้ออ้ ทังหลายมา เพือ
ต้องการทํากล่องเข็ม ท่อนไม้ออ้ เหล่านันเป็ นรู ทะลุตลอด
ตังแต่โคนจนถึงปลาย นีเหตุอะไรหนอ พระเจ้าข้า?
พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทงหลาย ั นีเป็ นการ
อธิษฐานเดิมของเรา.
แล้วทรงนําอดีตนิทานมา ดังต่อไปนี.
ได้ยินว่า ในอดีตกาลแม้ในกาลก่อน ป่ าชัฏนันเป็ นป่ า
หน้า 77 จาก 77
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
มีผีเสื อนําตนหนึงเคียวกินคนผูล้ งไปๆ ในสระโบกขรณี แม้
นัน.
ในกาลนัน พระโพธิสตั ว์เป็ นพระยากระบีมีขนาดเท่า
เนือละมัง แวดล้อมด้วยหมู่วานรแปดหมืนตัว บริ หารฝูงอยูใ่ น
ป่ านัน. พระยากระบีนันได้ให้โอวาทแก่หมู่วานรว่า พ่อ
ทังหลาย ในป่ านีมีตน้ ไม้พิษบ้าง สระโบกขรณี ทีเกิดเองอัน
อมนุษย์หวงแหนบ้าง มีอยูใ่ นป่ านันนันแหละ ท่านทังหลาย
เมือจะเคียวกินผลไม้นอ้ ยใหญ่ทียังไม่เคยเคียวกิน หรื อเมือจะ
ดืมนําทียังไม่เคยดืม ต้องสอบถามเราก่อน. หมู่วานรเหล่านัน
รับคําแล้ว.
วันหนึง ไปถึงทีทีไม่เคยไป เทียวไปในทีนันหลายวัน
ทีเดียว เมือจะแสวงหานําดืม เห็นสระโบกขรณี สระหนึง ยัง
ไม่ดืมนํา นังคอยการมาของพระโพธิสตั ว์.
พระโพธิสตั ว์มาถึงแล้ว จึงกล่าวว่า พ่อทังหลาย ทําไม
จึงยังไม่ดืมนํา.
พวกวานรกล่าวว่า พวกข้าพเจ้าคอยการมาของท่าน.
พระโพธิสตั ว์กล่าวว่า พ่อทังหลาย พวกท่านทําดีแล้ว.
จึงเดินวนเวียนสระโบกขรณี นนั กําหนดรอยเท้าเห็นแต่
หน้า 78 จาก 78
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
หน้า 80 จาก 80
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
หน้า 82 จาก 82
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
อธิษฐานอันมีในกาลก่อนของเราเอง.
ครันทรงนําพระธรรมเทศนานีมาสื บต่ออนุสนธิแล้ว
จึงทรงประชุมชาดก ว่า
ผีเสื อนําในครังนัน ได้เป็ น พระเทวทัต ในบัดนี
วานรแปดหมืนในครังนัน ได้เป็ น พุทธบริ ษทั ใน
บัดนี
ส่วนพระยากระบีผูฉ้ ลาดในอุบายในครังนัน ได้
เป็ น เรา แล.
จบ นฬปานชาดกที ๒๐.
จบ สี ลวรรคที ๒.
-----------------------------------------------------
รวมชาดกทีมีในวรรคนี คือ
๑. ลักขณชาดก ว่าด้วย ผูม้ ีศีล
๒. นิโครธมิคชาดก ว่าด้วย การเลือกคบ
๓. กัณฑินชาดก ว่าด้วย ผูต้ กอยูใ่ นอํานาจหญิง
๔. วาตมิคชาดก ว่าด้วย อํานาจของรส
๕. ขราทิยชาดก ว่าด้วย ผูล้ ่วงเลยโอวาท
หน้า 83 จาก 83
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
๖. ติปัลลัตถมิคชาดก ว่าด้วย เล่ห์กลลวงพราน
๗. มาลุตชาดก ว่าด้วย ความหนาวเกิดแก่ลม
๘. มตกภัตตชาดก ว่าด้วย สัตว์ไม่ควรฆ่าสัตว์
๙. อายาจิตภัตตชาดก ว่าด้วย การเปลืองตน
๑๐. นฬปานชาดก ว่าด้วย การพิจารณา
-----------------------------------------------------
อ่าน เนือความในพระไตรปิ ฎก
http://www.84000.org/tipitaka/atita100/v.php?B=27&A=129&Z=14
2
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด พระไตรปิ ฎกฉบับธรรมทาน
บันทึก ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
หากพบข้อผิดพลาด กรุ ณาแจ้งได้ที DhammaPerfect@yahoo.com
หน้า 84 จาก 84
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
21.กุรุงคมิคชาดก
ว่ าด้ วย กวางกุรุงคะ
พระศาสดา เมือประทับอยูใ่ นพระวิหารเวฬุวนั ทรง
ปรารภพระเทวทัต จึงตรัสพระธรรมเทศนานี คําเริ มต้นว่า
ญาตเมตํ กุรุงฺคสฺ ส ดังนี
ความพิศดารว่า สมัยหนึง ภิกษุทงหลายนั
ั งประชุมกัน
ในโรงธรรมสภา นังกล่าวโทษของพระเทวทัตว่า ดูก่อน
อาวุโสทังหลาย พระเทวทัตประกอบนายขมังธนู เพือต้องการ
ปลงพระชนม์พระตถาคต กลิ งศิลา ปล่อยช้างธนปาลกะ
ตะเกียกตะกายเพือจะปลงพระชนม์ของพระทศพล แม้ในกาล
ทังปวง.
พระศาสดาเสด็จมา แล้วประทับนังบนอาสนะที
ตกแต่งไว้ แล้วตรัสถามว่า ภิกษุทงหลาย
ั บัดนี พวกเธอนัง
สนทนากันด้วยเรื องอะไรหนอ? ภิกษุทงหลายกราบทู
ั ลว่า ข้า
แต่พระองค์ผเู้ จริ ญ ข้าพระองค์ทงหลายนั
ั งสนทนากันด้วย
เรื องการกล่าวโทษของพระเทวทัต ว่า พระเทวทัตตะ
เกียกตะกาย เพือปลงพระชนม์ของพระองค์.
หน้า 85 จาก 85
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
พระศาสดาตรัสว่า ภิกษุทงหลายั พระเทวทัตตะ
เกียกตะกายเพือจะฆ่าเรา ในบัดนีเท่านัน หามิได้. แม้ในกาล
ก่อน ก็ตะเกียกตะกายเหมือนกัน ก็แต่ว่า ไม่สามารถจะฆ่าเรา
ได้ แล้วทรงนําอดีตนิทานมา ดังต่อไปนี.
ในอดีตกาล เมือพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติ ใน
พระนครพาราณสี
โพธิสตฺ โต กุรุงฺคมิโค หุตฺวา เอกสฺ มึ อร ฺ ญายตเน ผลา
ผลานิ ขาทนฺ โต วสติ ฯ
เป็ นกวางเคียวกินผลาผลทังหลายในราวป่ าแห่งหนึง.
ในคราวหนึง กวางนันกินผลมะรื นทีต้นมะรื น อันมีผล
สะพรั ง.
ลําดับนัน มีพรานนังห้างชาวบ้านคนหนึง พิจารณา
รอยเท้าเนือทังหลายแล้ว จึงผูกห้างบนต้นไม้แล้วนังบนห้าง
นัน เอาหอกแทงพวกเนือทีมากินผลไม้ แล้วขายเนือของเนือ
เหล่านันเลียงชีวิต วันหนึง พรานนันเห็นรอยเท้าของพระ
โพธิสตั ว์ทีโคนต้นไม้นนั จึงผูกห้างบนต้นมะรื นนัน แล้ว
บริ โภคอาหารแต่เช้าตรู่ แล้วถือหอกเข้าป่ า ขึนไปยังต้นไม้นนั
แล้วนังห้าง.
หน้า 86 จาก 86
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
หน้า 88 จาก 88
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
ประชุมชาดก ว่า
นายพรานนังห้างในครังนัน ได้เป็ น พระเทวทัต
ส่วนกวางในครังนัน ได้เป็ น เราผูต้ ถาคต แล.
จบอรรถกถากุรุงคมิคชาดก
หน้า 89 จาก 89
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
22. กุกกุรชาดก
ว่ าด้ วย สุ นัขทีถูกฆ่า
พระศาสดา เมือประทับอยูใ่ นพระเชตวันวิหาร ทรง
ปรารภการประพฤติประโยชน์แก่พระญาติ จึงตรัสพระธรรม
เทศนานี มีคาํ เริ มต้นว่า เย กุกฺกุรา ดังนี
การประพฤติประโยชน์แก่พระญาตินนั จักมีแจ้ง
ในภัททสาลชาดก ทวาทสนิบาต.
ก็พระศาสดาทรงตังเรื องนี แล้วทรงนําอดีตนิทานมา
ดังต่อไปนี.
ในอดีตกาล เมือพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติใน
นครพาราณสี พระโพธิสตั ว์ทรงอาศัยกรรมเห็นปานนัน
บังเกิดในกําเนิดสุนขั ห้อมล้อมด้วยสุนขั มิใช่นอ้ ย อยูใ่ น
สุสานใหญ่.
อยูม่ าวันหนึง พระราชาเสด็จขึนทรงรถเทียมม้าสิ นธพ
ขาว ประดับด้วยเครื องประดับทังปวง เสด็จไปยังพระอุทยาน
ทรงเล่นในพระอุทยานนัน ตลอดส่วนภาคกลางวัน เมือพระ
อาทิตย์อสั ดง จึงเสด็จเข้าพระนคร. ราชบุรุษทังหลายวางสาย
เชือกหนังรถนันตามทีผูกไว้นนแหละทีั พระลานหลวง เมือฝน
หน้า 90 จาก 90
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
หน้า 92 จาก 92
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
หน้า 94 จาก 94
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
แต่สุนขั ทังหลายทีทุรพล.
บรรดาบทเหล่านัน บทว่า เย กุกฺกุรา ได้แก่ สุนขั เหล่า
ใด.
เหมือนอย่างว่า ปัสสาวะ แม้ยงั มีนาํ อุ่น ก็เรี ยกว่ามูตร
เน่า. สุ นขั จิ งจอก แม้เกิดในวันนัน ก็เรี ยกว่า สุนขั จิ งจอกแก่.
เถาหัวด้วน แม้ยงั อ่อน ก็เรี ยกว่า เถาหัวเน่า. กายแม้จะมีสี
เหมือนทอง ก็เรี ยกว่า กายเปื อยเน่า ฉันใด. สุนขั แม้มีอายุ ๑๐๐
ปี ก็เรี ยกว่า กุกกุระ ลูกสุนขั ฉันนันเหมือนกัน. เพราะฉะนัน
สุนขั เหล่านันแก่ แต่สมบูรณ์ดว้ ยกําลังกาย ก็เรี ยกว่า กุกกุระ
เหมือนกัน.
บทว่า วฑฺฒา แปลว่า เจริ ญเติบโต. บทว่า โกเลยฺยกา
ได้แก่ เกิดแล้ว มีแล้ว เจริ ญแล้วในราชสกุล. บทว่า วณฺ ณ
พลูปปนฺ นา ได้แก่ สมบูรณ์ดว้ ยสี ร่างกายและกําลังกาย. บทว่า
เตเม น วชฺ ฌา ความว่า สุ นขั เหล่านีนันมีเจ้าของ มีการอารักขา
จึงไม่ถูกฆ่า. บทว่า มยมสฺ ส วชฺ ฌา ความว่า เราทังหลายไม่มี
เจ้าของ ไม่มีการอารักขา เป็ นสุนขั ทีถูกฆ่า. บทว่า นายํ สฆจฺ จา
ความว่า เมือเป็ นอย่างนัน อันนีย่อมไม่ชือว่า มีการฆ่าโดยไม่
แปลกกัน.
หน้า 95 จาก 95
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
บทว่า ทุพฺพลฆาติกายํ ความว่า ส่วนอันนี ย่อมชือว่า
เป็ นการฆ่าอันทุรพล เพราะฆ่าเฉพาะสุนขั ทุรพลทังหลาย.
อธิบายว่า ธรรมดา พระราชาทังหลายควรข่มพวกโจร พวกที
ไม่เป็ นโจรไม่ควรข่ม แต่ในเหตุการณ์นี โทษอะไรๆ ไม่มีแก่
พวกโจร พวกทีไม่ใช่โจรกลับได้ความตาย โอ! ในโลกนี สิ งที
ไม่ควรย่อมเป็ นไป โอ! อธรรมย่อมเป็ นไป.
พระราชาได้ทรงสดับคําของพระโพธิสตั ว์ แล้วจึง
ตรัสว่า ดูก่อนบัณฑิต ก็ท่านรู้หรื อว่า สุนขั ชือโน้นกินหนังหุ้ม
รถ.
พระโพธิสตั ว์กล่าวว่า รู้ พระเจ้าข้า.
พระราชาตรัสว่า สุนขั พวกไหนกิน.
พระโพธิสตั ว์ทลู ว่า พวกสุนขั เลียงทีอยูใ่ นตําหนักของ
พระองค์กิน พระเจ้าข้า.
พระราชาตรัสว่า ท่านต้อง (พิสูจน์) รู้ว่า สุ นขั เหล่านัน
กินอย่างไร.
พระโพธิสตั ว์ทลู ว่า ข้าพระบาทจักแสดงความทีสุนขั
เหล่านันกิน.
พระราชาตรัสว่า จงแสดงเถิด บัณฑิต.
หน้า 96 จาก 96
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
จบอรรถกถากุกกุรชาดก
หน้า 98 จาก 98
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
23. โภชาชานียชาดก
ว่ าด้ วย ม้ าสิ นธพอาชาไนย
พระศาสดา เมือประทับอยูใ่ นพระวิหารเชตวัน ทรง
ปรารภภิกษุผลู้ ะความเพียรรู ปหนึง จึงตรัสพระธรรมเทศนานี
มีคาํ เริ มต้นว่า อปิ ปสฺ เสน เสมาโน ดังนี.
ความพิศดารว่า สมัยนัน พระศาสดาตรัสเรี ยกภิกษุนนั
มา แล้วตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ บัณฑิตทังหลาย แม้ในกาลก่อน
ได้กระทําความเพียร แม้ในทีอันมิใช่ทีอยู่ แม้ได้รับบาดเจ็บ ก็
ไม่ละความเพียร ดังนีแล้ว ทรงนําอดีตนิทานมา ว่า
ในอดีตกาล เมือพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติ อยู่
ในนครพาราณสี พระโพธิสตั ว์บงั เกิดในตระกูลม้าสิ นธพ
ชือ โภชาชานียะ สมบูรณ์ดว้ ยอาการทังปวง ได้เป็ นม้ามงคล
ของพระเจ้าพาราณสี .
พระโพธิสตั ว์นนบริ
ั โภคโภชนะ ข้าวสาลีมีกลิ นหอม
อันเก็บไว้ ๓ ปี ถึงพร้อมด้วยรสเลิศต่างๆ ในถาดทองอันมี
ราคาแสนหนึง ยืนอยูใ่ นภาคพืน อันไล้ทาด้วยของหอมมี
กําเนิด ๔ ประการเท่านัน สถานทียืนนัน วงด้วยม่านผ้ากัมพล
หน้า 99 จาก 99
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
แดง เบืองบนดาดเพดานผ้าอันวิจิตรด้วยดาวทอง ห้อยพวง
ของหอมและพวงดอกไม้ ตามประทีปนําหอม.
ก็ขึนชือว่า พระราชาทังหลายผูไ้ ม่ปรารถนาราชสมบัติ
ในนครพาราณสี ย่อมไม่มี คราวหนึง พระราชา ๗ พระองค์พา
กันล้อมนครพาราณสี ทรงส่งหนังสื อแก่พระเจ้าพาราณสี ว่า
จะให้ราชสมบัติแก่เราทังหลายหรื อจะรบ. พระเจ้าพาราณสี
ให้ประชุมอํามาตย์ทงหลาย
ั แล้วตรัสบอกข่าวนัน แล้วตรัส
ถามว่า ดูก่อนพ่อทังหลาย บัดนี พวกเราจะกระทําอย่างไร?
อํามาตย์ทงหลายกราบทู
ั ลว่า ข้าแต่สมมติเทพ เบืองต้น
พระองค์ยงั ไม่ตอ้ งออกรบก่อน พระองค์จงส่งทหารม้าชือ
โน้นให้กระทําการรบ เมือทหารม้านันไม่สามารถ ข้าพระบาท
ทังหลายจักรู้ในภายหลัง.
พระราชารับสังให้เรี ยกทหารม้านันมา แล้วตรัสว่า
ดูก่อนพ่อ เธอจักอาจกระทํา การรบกับพระราชา ๗ องค์
หรื อไม่.
นายทหารม้ากราบทูลว่า ข้าแต่สมมติเทพ ถ้าข้าพระ
บาทได้มา้ สิ นธพ ชือโภชาชานียะไซร้ พระราชา ๗ พระองค์
จงยกไว้ ข้าพระบาทจักอาจรบกับพระราชาทัวทังชมพูทวีป.
พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทงหลาย
ั บัณฑิต
ทังหลายในปางก่อนได้กระทําความเพียร แม้ในทีอันมิใช่บ่อ
เกิดอย่างนี แม้ได้รับบาดเจ็บเห็นปานนีก็ไม่ละความเพียร
ส่วนเธอบวชในศาสนาอันเป็ นเครื องนําออกจากทุกข์เห็นปาน
นี เพราะเหตุไรจึงละความเพียรเสีย แล้วทรงประกาศสัจจะ
ทัง ๔
ในเวลาจบสัจจะ ภิกษุผลู้ ะความเพียรตังอยูใ่ นพระ
อรหัตผล.
ฝ่ ายพระศาสดา ครันทรงนําพระธรรมเทศนานี มาสื บ
ต่ออนุสนธิแล้ว จึงทรงประชุมชาดกว่า
พระราชาในครังนัน ได้เป็ น พระอานนท์
นายทหารม้าในครังนัน ได้เป็ น พระสารี บุตร
ส่วนโภชาชานียสิ นธพในครังนัน ได้เป็ น เรา แล.
จบอรรถกถาโภชาชานียชาดก
จบอรรถกถาอาชัญญชาดก
25. ติตถชาดก
ว่ าด้ วย การเบือเพราะซําซาก
พระศาสดา เมือประทับอยูใ่ นพระเชตวันวิหาร ทรง
ปรารภภิกษุผเู้ คยเป็ นช่างทองรู ปหนึง ซึ งเป็ นสัทธิวิหาริ กของ
พระธรรมเสนาบดี จึงตรัสพระธรรมเทศนานี มีคาํ เริ มต้นว่า
อ ฺ ญม ฺ เญหิ ติฏฺ เฐหิ ดังนี.
ก็อาสยานุสยญาณย่อมมีแก่พระพุทธเจ้าทังหลาย
เท่านัน ย่อมไม่มีแก่คนอืน เพราะฉะนัน พระธรรมเสนาบดีจึง
ไม่รู้อาสยะคืออัธยาศัย และอนุสยั คือกิเลสอันเนืองอยูใ่ น
สันดานของสัทธิวิหาริ ก เพราะความทีตนไม่มีอาสยานุสย
ญาณ จึงบอกเฉพาะอสุภกรรมฐานเท่านัน อสุภกรรมฐานนัน
ไม่เป็ นสัปปายะแก่สทั ธิวิหาริ กนัน.
เพราะเหตุไร ?
เพราะได้ยินว่า สัทธิวิหาริ กของพระธรรมเสนาบดีนนั
ถือปฏิสนธิในเรื อนของช่างทองเท่านัน ถึง ๕๐๐ ชาติ เมือเป็ น
เช่นนัน อสุภกรรมฐานจึงไม่เป็ นสัปปายะแก่สทั ธิวิหาริ กนัน
เพราะเป็ นผูเ้ คยชินต่อการเห็นทองคําบริ สุทธิเท่านัน เป็ น
เราบรรเทามลทินทังปวงอันกระทําความมืด ซึ งมืดมน
อนธการ เพราะโมหะได้เด็ดขาด เหมือนพระอาทิตย์มีรัศมีตงั
พัน ผูส้ ร้างแสงสว่าง ทําความโชติช่วง ด้วยแสงสว่างใน
ท้องฟ้ า ฉะนัน.
ก็แหละครันเปล่งอุทานแล้ว จึงมาถวายบังคมพระผูม้ ี
พระภาคเจ้า ฝ่ ายพระเถระก็มาถวายบังคมพระศาสดา แล้วได้
พาสัทธิวิหาริ กของตนไป.
ข่าวนีเกิดปรากฏในระหว่างภิกษุทงหลาย
ั ภิกษุ
ทังหลายนังพรรณนาพระคุณของพระทศพลอยูใ่ นโรง
ธรรมสภาว่า อาวุโสทังหลาย พระสารี บุตรเถระไม่รู้อธั ยาศัย
ของสัทธิวิหาริ กของตน เพราะไม่มีอาสยานุสยญาณ แต่พระ
ศาสดาทรงทราบ ได้ประทานพระอรหัต พร้อมด้วย
ปฏิสมั ภิทาแก่ภิกษุนนั โดยวันเดียวเท่านัน โอ! ชือว่า
พระพุทธเจ้าทังหลายทรงมีอานุภาพมาก.
พระศาสดาเสด็จมาแล้ว ประทับนังบนอาสนะทีปูลาด
แล้วตรัสถามว่า ภิกษุทงหลาย
ั บัดนี พวกเธอนังสนทนากัน
ด้วยเรื องอะไร?
หน้า 113 จาก 113
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
ภิกษุทงหลายกราบทู
ั ลว่า ข้าแต่พระผูม้ ีพระภาคเจ้า
พวกข้าพระองค์นงสนทนากั
ั น ด้วยเรื องอืนหามิได้ แต่นงั
สนทนากัน ด้วยเรื องพระญาณ เครื องรู้อธั ยาศัย และอนุสยั
แห่งสัทธิวิหาริ กของพระธรรมเสนาบดี เฉพาะของพระองค์
เท่านัน.
พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทงหลาย
ั ข้อนีไม่น่า
อัศจรรย์ บัดนี เรานันเป็ นพระพุทธเจ้าแล้ว ย่อมรู้อธั ยาศัยของ
ภิกษุนนั แม้ในกาลก่อน เราก็รู้อธั ยาศัยของภิกษุนนั
เหมือนกัน.
แล้วทรงนําอดีตนิทานมา ดังต่อไปนี
ในอดีตกาล เมือพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติใน
นครพาราณสี ในกาลนัน พระโพธิสตั ว์อนุศาสน์อรรถและ
ธรรมกะพระราชาพระองค์นน. ั ในกาลนัน พวกคนเลียงม้าให้
ม้ากระจอกขาเขยก อาบก่อนกว่าม้าอืน ณ ท่าทีม้ามงคลของ
พระราชาอาบ. ม้ามงคลถูกให้ลงท่าทีม้ากระจอกอาบ จึง
เกลียดไม่ปรารถนาจะลง. คนเลียงม้ามากราบทูลแด่พระราชา
ว่า ข้าแต่สมมติเทพ ม้ามงคลไม่ปรารถนาจะลงท่านํา พระเจ้า
ข้า.
ปรารถนา?
พระโพธิสตั ว์กราบทูลว่า ข้าแต่สมมติเทพ เพราะเหตุ
ชือแม้นี แล้วกราบทูลเหตุทงปวงั พระราชาตรัสว่า โอ! ท่าน
บัณฑิตย่อมรู้อธั ยาศัยชือแม้ของสัตว์เดียรัจฉาน เห็นปานนี
แล้วประทานยศใหญ่แก่พระโพธิสตั ว์ ในเวลาสิ นอายุ ได้เสด็จ
ไปตามยถากรรมแล้ว
ฝ่ ายพระโพธิสตั ว์ก็ไปตามยถากรรมเหมือนกัน.
พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทงหลายเรารู
ั ้อธั ยาศัย
ของภิกษุนีในบัดนีเท่านันก็หามิได้ แม้ในกาลก่อนก็รู้
เหมือนกัน ครันทรงนําพระธรรมเทศนานี มาสื บต่ออนุสนธิ
แล้ว.
จึงทรงประชุมชาดกว่า
ม้ามงคลในกาลนัน ได้เป็ น ภิกษุรูปนี
พระราชาในกาลนัน ได้เป็ น พระอานนท์
ส่วนอํามาตย์ผเู้ ป็ นบัณฑิตในกาลนัน ได้
เป็ น เราผูต้ ถาคต แล.
จบอรรถกถาติฏฐชาดก
หน้า 117 จาก 117
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
26. มหิฬามุขชาดก
ว่ าด้ วย การเสี ยมสอน
พระศาสดา เมือประทับอยูใ่ นพระวิหารเวฬุวนั ทรง
ปรารภพระเทวทัต จึงตรัสพระธรรมเทศนานี มีคาํ เริ มต้นว่า
โปราณโจราน วโจ นิสมฺ ม ดังนี
ความพิศดารว่า พระเทวทัตทําให้อชาตศัตรู กุมาร
เลือมใสแล้ว ยังลาภสักการะให้เกิดขึน อชาตศัตรู กุมารให้
สร้างวิหาร ทีตําบลคยาสี สะเพือพระเทวทัต แล้วนําไปเฉพาะ
โภชนะข้าวสาลีมีกลิ นหอม ซึ งเก็บไว้ ๓ ปี วันละ ๕๐๐ สํารับ
โดยรสเลิศต่างๆ เพราะอาศัยลาภสักการะ บริ วารของพระ
เทวทัต จึงใหญ่ขึน พระเทวทัตพร้อมทังบริ วารอยูใ่ นวิหาร นัน
แหละ.
สมัยนัน มีสหาย ๒ คนผูเ้ ป็ นชาวเมืองราชคฤห์ ใน
สองสหายนัน คนหนึงบวชในสํานักของพระศาสดา คนหนึง
บวชในสํานักของพระเทวทัต สหายทังสองนันย่อมเห็นกัน
และกัน แม้ในทีนันๆ แม้ไปวิหารก็ยงั เห็นกัน
อยูม่ าวันหนึง ภิกษุผเู้ ป็ นนิสิตของพระเทวทัตกล่าวกะ
ภิกษุนอกนีว่า ผูม้ ีอายุ ท่านจะเทียวบิณฑบาตมีเหงือไหลอยู่
หน้า 118 จาก 118
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
จบอรรถกถามหิ ลามุขชาดก
27. อภิณหชาดก
ว่ าด้ วย การเห็นกันบ่ อยๆ
พระศาสดา เมือประทับอยูใ่ นพระเชตวันวิหาร ทรง
ปรารภอุบาสกคนหนึงกับพระเถระแก่ จึงตรัสพระธรรม
เทศนานี มีคาํ เริ มต้นว่า นาลํ กพลํ ปทาตเว ดังนี.
ได้ยินว่า ในนครสาวัตถี มีสหาย ๒ คน บรรดาสหาย
ทังสองนันคนหนึงบวชแล้วได้ ไปยังเรื อนของสหายนอกนี
ทุกวัน สหายนันได้ถวายภิกษาแก่ภิกษุผสู้ หายนัน แม้ตนเองก็
บริ โภคแล้ว ได้ไปวิหารพร้อมกับภิกษุผสู้ หายนัน นันแหละ.
นังสนทนาปราศัยอยูจ่ นพระอาทิตย์อสั ดง จึงกลับเข้าเมือง.
ฝ่ ายภิกษุผสู้ หายนอกนี ก็ตามสหายนันไปจนถึงประตูเมือง
แล้วก็กลับ. ความคุน้ เคยของสหายทังสองนัน เกิดปรากฏใน
ระหว่างภิกษุทงหลาย.
ั
อยูม่ าวันหนึง ภิกษุทงหลายนั
ั งกล่าวถึง ความคุน้ เคย
ของสหายทังสองนัน ในโรงธรรมสภา.
พระศาสดาเสด็จมา แล้วตรัสถามว่า ภิกษุทงหลาย
ั
บัดนี พวกเธอนังสนทนากันด้วยกถาเรื องอะไรหนอ? ภิกษุ
จบอรรถกถาอภิณหชาดก
28. นันทิวิสาลชาดก
ว่ าด้ วย การพูดดี
พระศาสดา เมือประทับอยูใ่ นพระวิหารเชตวัน ทรง
ปรารภการพูดเสียดแทงให้เจ็บใจของพวกภิกษุฉพั พัคคีย ์ จึง
ตรัสพระธรรมเทศนานี มีคาํ เริ มต้นว่า มนุ ฺ ญเมว ภา
เสยฺย ดังนี.
ความพิศดารว่า สมัยนัน พวกภิกษุฉพั พัคคีย ์ เมือ
กระทําการทะเลาะ ย่อมขู่ ย่อมตะเพิด ย่อมทิ มแทง ย่อมด่า
ด้วย เรื องสําหรับด่า ๑๐ ประการ.
ภิกษุทงหลายจึ
ั งกราบทูลแด่พระผูม้ ีพระภาคเจ้า
พระผูม้ ีพระภาคเจ้ารับสังให้เรี ยกภิกษุฉพั พัคคียม์ า
แล้วตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทงหลาย
ั ได้ยินว่า พวกเธอกระทํา
การทะเลาะ จริ งหรื อ? เมือพวกภิกษุฉพั พัคคียก์ ราบทูลว่า จริ ง
พระเจ้าข้า. จึงทรงติเตียน แล้วตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทงหลาย
ั ชือ
ว่าวาจาหยาบ กระทําแต่ความฉิ บหายให้ ไม่เป็ นทีพอใจแม้
แห่งสัตว์เดียรัจฉาน แม้ในกาลก่อน สัตว์เดียรัจฉานตัวหนึง
ย่อมยังคนผูร้ ้องเรี ยกตนด้วยคําหยาบ ให้พ่ายแพ้ดว้ ยทรัพย์พนั
จบอรรถกถากัณหชาดก
30. มุณิกชาดก
ว่ าด้ วย ลักษณะของผู้มีอายุยืน
พระศาสดา เมือประทับอยูใ่ นพระวิหารเชตวัน ทรง
ปรารภการประเล้าประโลมของเด็กหญิงอ้วน จึงตรัสพระ
ธรรมเทศนานี มีคาํ เริ มต้นว่า มา มุณิกสฺ ส ดังนี.
เรื องการประเล้าประโลมนันจักมีแจ้งในจุลลนา
รทกัสสปชาดก เตรสนิบาต.
ก็พระศาสดาตรัสถามภิกษุนนว่ ั า ดูก่อนภิกษุ ได้ยินว่า
เธอเป็ นผูก้ ระสันจะสึ กจริ งหรื อ?
ภิกษุนนทู
ั ลว่า พระเจ้าข้า ข้าแต่พระองค์ผเู้ จริ ญ. พระ
ศาสดาตรัสถามว่า เพราะอาศัยอะไร? ภิกษุนนกราบทู ั ลว่า
เพราะอาศัยการประเล้าประโลมของเด็กหญิงอ้วน พระเจ้าข้า.
พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ เด็กหญิงอ้วนนัน
กระทําความพินาศแก่เธอ ในบัดนีเท่านันก็หามิได้ แม้ในกาล
ก่อน ในวันวิวาห์ของเด็กหญิงอ้วนนี เธอก็ถึงความสิ นชีวิต ถึง
ความเป็ นแกงอ่อมของมหาชน แล้วทรงนําอดีตนิทานมา
ดังต่อไปนี
จบอรรถกถามุณิกชาดกที๓๐.
จบ กุรุงควรรคที ๓.
-----------------------------------------------------
รวมชาดกทีมีในวรรคนี คือ
๑. กุรุงคมิคชาดก ว่าด้วย กวางกุรุงคะ
๒. กุกกุรชาดก ว่าด้วย สุนขั ทีถูกฆ่า
๓. โภชาชานียชาดก ว่าด้วย ม้าสิ นธพอาชาไนย
๔. อาชัญญชาดก ว่าด้วย ม้าอาชาไนยกับม้ากระจอก
๕. ติตถชาดก ว่าด้วย การเบือเพราะซําซาก
๖. มหิ ฬามุขชาดก ว่าด้วย การเสียมสอน
๗. อภิณหชาดก ว่าด้วย การเห็นกันบ่อยๆ
๘. นันทิวิสาลชาดก ว่าด้วย การพูดดี
หน้า 151 จาก 151
ชาดก เล่ม 2
เรี ยบเรี ยงโดย คีตะธารา / ฉัตรราชา
๙. กัณหชาดก ว่าด้วย ผูเ้ อาการเอางาน
๑๐. มุณิกชาดก ว่าด้วย ลักษณะของผูม้ ีอายุยืน
-----------------------------------------------------
อ่าน เนือความในพระไตรปิ ฎก
http://www.84000.org/tipitaka/atita100/v.php?B=27&A=197&Z=21
1
ดาวน์โหลด พระไตรปิ ฎกฉบับธรรมทาน
บันทึก ๒๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
หากพบข้อผิดพลาด กรุ ณาแจ้งได้ที DhammaPerfect@yahoo.com
ขอขอบคุณทุกท่านทีติดตามผลงานของพีเจียบ ไม่วา่ กี
เล่มทีวางขายในรู ปแบบ ebook และในรู ปเล่มของหนังสื อ
ขอขอบคุณจากใจ ไม่มีสิ งใดจะมอบให้นอกจากจะ
พยายามนําเสนอแต่สิ งทีดีเพือเป็ นเพือนคลายเหงาให้กบั ทุก
ท่านค่ะ
ขอขอบคุณทุกการดาวโหลดนะคะ สามารถติดต่อ
พูดคุยกับพีได้ เพียงแค่เข้าไปใน google แล้วคียค์ าํ ว่า “คีตะ
ธารา” ก็จะสามารถติดตามผลงานและเข้าไปพูดคุยกันใน เฟส
บุคได้แล้วค่ะ
https://www.facebook.com/keetatara
https://www.facebook.com/fukukorean
https://www.facebook.com/khainiyai