Download as docx, pdf, or txt
Download as docx, pdf, or txt
You are on page 1of 41

ตารางสรุปบุคคลสาคัญสมัยสงครามมหาเอเชียบูรพา

โดย นายวันใหม่ นิยม


ชือ
่ บุคคล สัญชาติ บทบาทระหว่างสงคราม
จ อ ม พ ล ไทย น า ย ก รั ฐ ม น ต รี ผู้ น า ช า ติ นิ ย ม ข อ ง ไ ท ย
ป.พิบลู สงคราม เมื่อ ญี่ปุ่นบุกเข้าประเทศไทยในปี ค.ศ.1941 (พ.ศ.2484)
ได้ ต ัด สิ น ใจยิ น ยอมให้ ญี่ ปุ่ น เดิ น ทัพ ผ่ า น ป ระเทศ ไท ย
แ ล ะ ต ก ล ง เ ป็ น พั น ธ มิ ต ร กั บ ญี่ ปุ่ น
แต่เมือ่ ญีป ่ นเพลี
ุ่ ย่ งพลา้ จึงหันมาต่อต้านญีป ่ น ุ่
นายปรีดี พนมยงค์ ไทย ผู้ ส า เ ร็ จ ร า ช ก า ร แ ท น พ ร ะ อ ง ค์ ใ น รั ช ก า ล ที่ 8
หัวหน้าขบวนการเสรีไทยในการต่อต้านญีป ่ นร่ ุ่ วมกับสัมพันธ
มิต ร ทั้งด้านการเจรจากับ สัม พัน ธมิต ร และด้า นการทหาร
เป็ นผูว้ างรากฐานระบอบรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยในการปฏิ
วัติ 2475
นายจากัด พลางกูร ไทย เ ส รี ไ ท ย
นักประชาธิปไตยคนแรกทีไ่ ด้ออกไปเจรจากับสัมพันธมิตรที่
ป ร ะ เ ท ศ จี น
จนทาให้ชาติสมั พันธมิตรและเสรีไทยต่างประเทศเริม ่ รับรูต
้ วั
ตนขบวนการใต้ดน ิ ในประเทศไทย
นายทวี บุณยเกตุ ไทย รั ฐ ม น ต รี ก ร ะ ท ร ว ง ศึ ก ษ า ธิ ก า ร
และรัฐ มนตรี ส่ งั ราชการนายกสมัย นายกควง อภัย วงศ์
ผูน
้ ากาลังพลพรรคเสรีไทยสายครูและข้าราชการพลเรือน
พ ล ต า ร ว จ เ อ ก ไทย อ ธิ บ ดี ก ร ม ต า ร ว จ ส มั ย ส ง ค ร า ม ผู้ ต ง ฉิ น
หลวงอดุ ล เดชจรัส ก า ร ป ร า บ โ จ ร ผู้ ร้ า ย อ ย่ า ง เ ด็ ด ข า ด
( อ ดุ ล โ ด ย ไ ม่ เ ห็ น แ ก่ อิ ท ธิ พ ล แ ล ะ พ ร ร ค พ ว ก ใ ด ๆ
อดุลเดชจรัส) แ ล ะ เ ป็ น ร อ ง หั ว ห น้ า ข บ ว น ก า ร เ ส รี ไ ท ย
ทาหน้ าที่ป กปิ ดปฏิบต ั ิก ารและงานข่าวในการต่อ ต้านญี่ปุ่ น
แ ล ะ ป ร ะ ส าน เจ้ า ห น้ าที่ ค ว าม มั่ น ค ง ทั้ ง ต าร ว จ ท ห าร
และฝ่ ายปกครอง ในงานใต้ดน ิ ต่อต้านญีป ่ นุ่
พ ล ต า ร ว จ ต รี ไทย ผู้ บั ง คั บ ก า ร สั น ติ บ า ล
ขุ น ศ รี ศ ร า ก ร เจ้าของแผนการลอบสังหารนายพลญีป ่ น
ุ่
(ชลอ ศรีศรากร)
พ ล ต า ร ว จ ต รี ไทย ข้ า หลวง ผู้ ก ากับ ต ารวจ และหัว หน้ า เสรี ไ ทยกาญจนบุ รี
ขุ น พิ ชั ย ม น ต รี ใ น ตั ว ค น เ ดี ย ว มี ก อ ง ก า ลั ง ห ลั ก พั น
(ชืน
่ มนตริวตั ) ท่ามกลางดงทหารญีป ่ นหลั
ุ่ กหมืน

หลวงวิจิต รวาทกา ไทย นั ก เ ขี ย น นั ก ป ร า ช ญ์ นั ก ก า ร ทู ต
ร ( วิ จิ ต ร แ ล ะ นั ก ช า ติ นิ ย ม ชั้ น น า ข อ ง สั ง ค ม ไ ท ย
วิจติ รวาทการ) ใ น ส ถ า น ก า ร ณ์ ส ง ค ร า ม ม ห า เ อ เ ชี ย บู ร พ า
มีบทบาทสาคัญในการผูกพันธะประเทศไทยให้ใกล้ชด ิ กับชาติ
อักษะโดยเฉพาะญีป ่ นุ่
นายดิเรก ชัยนาม ไทย ทู ต ไ ท ย ป ร ะ จ า ญี่ ปุ่ น แ ล ะ รั ฐ ม น ต รี ต่ า ง ป ร ะ เ ท ศ
ผู้ ส ร้ า ง สั ม พั น ธ์ อั น ดี ร ะ ห ว่ า ง ไ ท ย – ญี่ ปุ่ น
พร้อมกับรักษาผลประโยชน์ ของชาติไม่ให้เสียเปรียบและผูก
พัน กับ ญี่ ปุ่ นเกิ น ไป ผู้ น าเสรี ไ ทยคู่ คิ ด นายปรี ดี พนมยงค์
ด้านงานบริหารและด้านต่างประเทศ

พ ล เ อ ก ไทย แ ม่ ทั พ ไ ท ย ภ า ค ใ ต้
หลวงเสนาณ รงค์ ผู้ น าก าร สู้ ร บ กั บ ก อ ง ทั พ ญี่ ปุ่ น ผู้ รั ก ร าน อ ย่ าง ดุ เดื อ ด
(ศักดิ ์ เสนาณรงค์) เมื่อ เปิ ดฉากสงคราม และไม่ย อมแพ้ แ ม้ จ ะเป็ นรองข้ า ศึ ก
จนมีคาสั่งหยุดยิงจากรัฐบาลกลาง
พั น เ อ ก ไทย นายทหารไทยผูส ้ ละชีพในศึกรบญีป ่ นปั ุ่ ตตานี
ขุนอิงคยุทธบริหาร
น าย ล าย อ ง ไทย ครูผูอ
้ าสารบศึกญีป
่ นสุ
ุ่ ราษฎร์ธานีจนตัวตาย
วิศุภกาญจน์
ร้ อ ย เ อ ก ถ วิ ล ไทย ผูก
้ องยุวชนทหารผูส
้ ละชีพแห่งศึกญีป
่ นชุ ุ่ มพร
นิยมเสน
น า ว า อ า ก า ศ ต รี ไทย ผูบ ้ งั คับกองบิน 5 ผูน
้ าศึกรบญีป
่ นอ่
ุ่ าวมะนาว จังหวัดประจวบ
ม .ล .ป ร ะ ว า ศ ผูร้ บอย่างสาหัส เด็ดเดีย่ ว และโดดเดีย่ ว
ชุมสาย
ร . อ . ไ ช ย ไทย ทหารอากาศเจ้าของวีรกรรมของในการรบเหนื อวัฒนานคร
สุนทรสิงห์ ที่ไ ด้ ป กป้ องน่ านฟ้ าไทยในสมัย สงครามมหาเอเชี ย บู ร พา
ร . อ . ชิ น เมือ่ วันที่ 8 ธันวาคม 1941 (2484)
จิระมณี นยั
ร . ต . ส นิ ท
โพธิเวชกุล
พ ล เ อ ก ไทย ขุนพลผูผ
้ ่านศึกอย่างโชกโชน ทัง้ ในแนวหน้ายุทธภูมิรฐั ฉาน
หลวงหาญสงคราม และขุนพลงานใต้ดน ิ ต่อต้านญีป
่ นด้
ุ่ านภาคพายัพตามนโยบาย
( พิ ชั ย จ อ ม พ ล ป . พิ บู ล ส ง ค ร า ม
หาญสงคราม) และด้านภาคอีสานตามนโยบายเสรีไทย
จ อ ม พ ล ผิ น ไทย ขุนพลข้าหลวงผูเ้ มตตาแห่งเชียงตุง
ชุณหะวัน
จอมพลอากาศ ฟื้ น ไทย ขุ น พ ล อ า ก า ศ ผู้ บิ น ร บ เ คี ย ง ข้ า ง ท ห า ร
รณ น ภ ากาศ ผูน้ ากองบินพายัพไปทิง้ ระเบิดรัฐฉานผูน้ าศึกทางอากาศน่ าน
ฤทธาคนี ฟ้ ากรุงเทพฯ และผูน ้ างานใต้ดน
ิ ทหารอากาศภาคกลาง
จอม พ ลอากาศ ไทย อดีตผูบ้ งั คับฝูงบินเหรียญกล้าหาญในศึกเวหาลาปาง
เ ฉ ลิ ม เ กี ย ร ติ
วัฒนางกูร
พ ล ต รี ไทย ขุ น ศึ ก ผู้ พิ ชิ ต เ ชี ย ง ตุ ง
หลวงวีรวัฒนโยธิน ผูบ
้ ญ
ั ชาการกองพลเสรีไทยแห่งกรุงเทพฯ
จ อ ม พ ล ส ฤ ษ ดิ ์ ไทย ขุน ศึกผู้พิชิตเชี ยงแมนอย่างคาดไม่ถึง ผู้พน
ั มือฝังศพทหาร
ธนะรัชต์ ผูก
้ ารงานใต้ดน ิ ต้านญีป
่ ุ่ นทีล่ าปาง
พ ล เ รื อ เ อ ก ไทย แ ม่ ท ัพ เรื อ ไ ท ย แ ล ะรัฐ ม น ต รี ก ลาโห ม ส มัย น าย ก ค ว ง
หลวงสินธุสงคราม ผูค้ านอานาจกับจอมพลพิบลู
ชั ย ร น . ( สิ น ธุ์
กมลนาวิน)
พ ล โ ท ไทย ผูบ ้ กุ เบิกงาน ปตอ.ไทย รองแม่ทพ ั ใหญ่ และ ผบ.ทบ.เสรีไทย
หลวงสิน าดโยธารั ในนามรหัส “จัมปา” ผู้หาญกล้ารับงานทหารแทนจอมพล ป.
กษ์ นาทหารไทยทัง้ กองทัพเตรียมสูศ ้ ก
ึ ญีป
่ น
ุ่
พ ล เ รื อ ต รี ไทย ส า ร วั ต ร ใ ห ญ่ ท ห า ร แ ห่ ง ข บ ว น ก า ร เ ส รี ไ ท ย
หลวงสังวรยุท ธกิจ อ ดี ต นั ก เ รี ย น ท ห า ร เ รื อ ญี่ ปุ่ น
ร น . ( สั ง ว ร ผู้ มี บ ท บ า ท คุ้ ม ค ร อ ง ง า น เส รี ไ ท ย จ า ก ส า ย ต า ญี่ ปุ่ น
สุวรรณชีพ) และผูน ้ ากองโจรนักเรียนสารวัตรทหาร
พ ล เ อ ก ไทย น า ย พ ล ผู้ ไ ต่ เ ต้ า ม า จ า ก น า ย ด า บ
ห ล ว งช าติ น ั ก ร บ เสน าธิ ก ารกองทัพ พ ายัพ ใน การบุ ก รัฐ ฉ าน แม่ ท ัพ ที่ 2
(ศุข ชาตินกั รบ) รั บ ผิ ด ช อ บ ก า ลั ง ท ห า ร บ ก ทั้ ง ภ า ค ก ล า ง
ค ว บ ต า แ ห น่ ง เ ส น า ธิ ก า ร ท ห า ร บ ก
ร่วมคณะกับฝ่ ายเสรีไทยไปเจรจายุทธศาสตร์รว่ มระหว่างไทย
กับสัมพันธมิตรทีล่ งั กา
พ ลอากาศ โท ไทย แม่ ท พ ั อากาศไทย และหัว หน้ า เสรี ไ ทยฝ่ ายทหารอากาศ
์ น
หลวงเทวฤทธิพ ั ลึ ผูร้ กั ษากองทัพอากาศไทยในทุกสถานการณ์ สงครามและการเ
ก ( ก า พ ย์ มือง
ทัตตานนท์)
พ ล เอ ก เน ต ร ไทย น า ย ท ห า ร ฝ่ า ย เ ส น า ธิ ก า ร ผู้ ดี เ ด่ น
เขมะโยธิน อดีตคณะทางานใต้ดินด้านเชี ยงตุงตามนโยบายของจอมพล
ป . แ ล ะ อ ดี ต ฝ่ า ย เ ส น า ธิ ก า ร ใ ต้ ดิ น
ประจากองเสนาธิการสัมพันธมิตรทีล่ งั กาและอินเดีย
พลอากาศเอก ทวี ไทย นั ก บิ น ผู้ ม ากความสามารถในศึ ก อิ น โดจี น และเชี ย งตุ ง
จุลละทรัพย์ น า ย ท ห า ร อ า ก า ศ ฝ่ า ย เ ส น า ธิ ก า ร
ผูป้ ระสานงานกับสัมพันธมิตรในด้านการทิง้ ระเบิดต่อเป้ าหม
ายญีป ่ น ุ่ และการสร้างสนามบินลับเสรีไทย
พ ร ะ ว ร ว ง ศ์ เธ อ ไทย ผู้ ว่ า ก า ร ธ น า ค า ร แ ห่ ง ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย อ ง ค์ แ ร ก
พระองค์เจ้าวิวฒ ั น ผูป ้ ระคับประคองการเงินของชาติให้ไม่ลม ้ ละลายจากสถานกา
ไ ช ย รณ์ สงคราม และผูน ้ าเจรจาสันติภาพกับสัมพันธมิตร
(หม่อมเจ้าวิวฒ ั นไ
ชย ไชยันต์)
หม่อมราชวงศ์เสนี ไทย อัค รราชทู ต ไทยประจ าสหรัฐ ผู้ น าเสรี ไ ทยสายอเมริ ก า
ย์ ปราโมช ผู้ ส ร้ า งความเข้ า ใจแก่ ช าติ ส ม
ั พัน ธมิ ต รตลอดสงคราม
แ ล ะ น า ย ก รั ฐ ม น ต รี เ ส รี ไ ท ย ห ลั ง ส ง ค ร า ม
ดาเนินนโยบายการเจรจาสันติภาพกับสัมพันธมิตร
พ ล โ ท ไทย ทู ต ท ห า ร ไ ท ย ป ร ะ จ า ส ห รั ฐ
ห ม่ อ ม ห ลวงข าบ ผูบ
้ งั คับกองทหารเสรีไทยสายสหรัฐ
กุญชร
พั น โ ท ไทย อ ดี ต ผ บ . ท ห า ร รั ก ษ า วั ง ใ น รั ช ก า ล ที่ ๗
ม.จ.ศุภสวัสดิว์ งศ์ส เป็ น ผู้ น า ก อ ง ก า ลั ง เส รี ไ ท ย ส า ย อั ง ก ฤ ษ Force 136
นิ ท ส วั ส ดิ วั ต น์ ทีป
่ ฏิบตั ก
ิ ารทั่วประเทศไทย
(พันโทอรุณ)
พั น ต รี ด ร .ป๋ ว ย ไทย หั ว ห น้ านั ก เรี ย น ไ ท ย ใน อัง ก ฤ ษ เส รี ไ ท ย นั ก โด ด ร่ ม
อึง๊ ภากรณ์ ผูบ ้ ก ุ เบิกการประสานงานกับเสรีไทยในประเทศ
นายเตียง ศิรข ิ น
ั ธ์ ไทย แกนน ากลุ่ม ส.ส. อี ส าน มี ที่ม าจากครู ผู้ ใ กล้ชิ ด คนยากจน
ท า ห น้ า ที่ ส . ส . อ ย่ า ง เ ข้ ม แ ข็ ง
ทั้ ง ด้ า น ก า ร พั ฒ น า แ ล ะ ก า ร ต ร ว จ ส อ บ รั ฐ บ า ล
เมือ ่ เข้าสูส
่ งครามได้เป็ นแกนนาเสรีไทยสายอีสานครอบคลุม
7 จังหวัด
น า ย ท อ ง อิ น ท ร์ ไทย แ ก น น า อ า วุ โ ส ส .ส .อี ส า น ก ลุ่ ม เดี ย ว กั บ น า ย เตี ย ง
ภูรพ
ิ ฒ
ั น์ ผูเ้ ติบโตจากอาชีพครู และเป็ นผูน ้ าเสรีไทยอุบลราชธานี
น าย จ าล อ ง ไทย ส . ส . อี ส า น ก ลุ่ ม เ ดี ย ว กั บ น า ย เ ตี ย ง ศิ ริ ขั น ธ์
ดาวเรือง ผ่ าน ชี วิ ต ห ล าก ห ล าย จ าก ก าร เป็ น นั ก ม ว ย ค น ขั บ ร ถ
ลู ก จ้ า งนายท้ า ยเรื อ พ่ อ ค้ า พเนจร นัก ศึ ก ษาธรรมศาสตร์
ค รู ป ร ะ ช า บ า ง จ น ไ ด้ ม า เป็ น ส . ส . ม ห า ส า ร ค า ม
และได้เป็ นหัวหน้าเสรีไทยมหาสารคาม
นายถวิล อุดล ไทย ส . ส . อี ส า น ก ลุ่ ม เ ดี ย ว กั บ น า ย เ ตี ย ง ศิ ริ ขั น ธ์
เติ บ โ ต จ า ก ก า ร เป็ น พ่ อ ค้ า เชื้ อ ส า ย จี น เมื อ ง ร้ อ ย เอ็ ด
ไ ด้ เ ป็ น หั ว ห น้ า เ ส รี ไ ท ย ค่ า ย ร้ อ ย เ อ็ ด
แ ล ะ ไ ด้ ป ร ะ ส า น ง า น กั บ จ อ ม พ ล เ จี ย ง ไ ค เ ช็ ค
ผูน ้ าจีนก๊กมินตั๋งช่วงปลายสงคราม
พลเอก ฮิเดกิ โตโจ ญีป
่ น
ุ่ น า ย ก รั ฐ ม น ต รี แ ล ะ รั ฐ ม น ต รี ก ล า โ ห ม ญี่ ปุ่ น
(Hideki Tojo) ผู้ เปิ ด ฉ าก ส ง ค ร า ม ด้ าน เอ เชี ย อ า ค เน ย์ แ ล ะ แ ป ซิ ฟิ ก
เ พื่ อ ข ย า ย จั ก ร ว ร ร ดิ
แ ล ะ ส ร ร ห า ท รั พ ย าก ร เพื่ อ บ า รุ ง ก า ร ส ง ค ร า ม ใ น จี น
เมื่ อ สิ้น สุ ด สงครามได้ ต กเป็ นผู้ ต้ อ งหาอาชญากรสงคราม
จนถูกกตัดสินประหารชีวต ิ
จ อ ม พ ล เค า น ท์ ญีป
่ น
ุ่ ผู้ บั ญ ช า ก า ร ก ลุ่ ม ก อ ง ทั พ ญี่ ปุ่ น ด้ า น เอ เชี ย อ า ค เน ย์
ฮิ ไ ซ ชิ เท ร า อู จิ ใน ก าร ยึ ด ค รอ งอิ น โด จี น ไท ย พ ม่ า ม ลาย า สิ ง ค โป ร์
( Hisaichi อิ น โ ด นี เ ซี ย แ ล ะ ฟิ ลิ ป ปิ น ส์
Terauchi) จนกระทั่งญีป ่ นถู ุ่ กขับไล่จากพม่าและต้องยอมแพ้เมือ่ สงคราม
ยุติ
พ ล เอ ก โต โม ยู กิ ญีป
่ น
ุ่ แม่ท พ ั ญี่ ปุ่ นผู้ พิ ชิ ต มลายาและสิง คโปร์ ใ นเวลาอัน รวดเร็ ว
ย า ม า ชิ ต ะ จ น ไ ด้ ส ม ญ า น า ม “ เ สื อ ร้ า ย แ ห่ ง ม ล า ย า ”
( Tomoyuki และเป็ นแม่ทพ ั ผูย้ ืนหยัดรักษาฟิ ลิปปิ นส์จากการรุก โต้กลับขอ
Yamashita) งสหรัฐไว้ได้ยาวนานทีส่ ด ุ
พ ล โท อ าเค โต ะ ญีป
่ น
ุ่ เ ป็ น ผู้ บั ญ ช า ก า ร ก อ ง ทั พ ญี่ ปุ่ น ใ น ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย
นากามูระ (Aketo มี ห น้ าที่ ก ากับ ดู แ ลก าลัง ทหารญี่ ปุ่ น ไม่ ใ ห้ ร งั แกคนไทย
Nakamura) นอกจากนี้ นายพลนากามูระได้สร้างความสัมพันธ์ ทด ี ่ ีกบ ั บุคค
ลส าคัญ ของไทย เพื่ อ เป็ นพื้ น ฐานการผู ก มิ ต รไทย – ญี่ ปุ่ น
แม้จะต้องชิงไหวพริบในการเตรียมต่อสูป ้ ้ องกันการลุกฮือจาก
ฝ่ ายไทย
จ อ ม พ ล เ รื อ บริตช
ิ น า ย ท ห า ร เ รื อ เ ชื้ อ พ ร ะ ว ง ศ์
เอิร์ลเมานท์แบตเต ผู้ บ ญั ชาการทหารสู ง สุ ด สัม พัน ธมิ ต รภาคเอเชี ย อาคเนย์
นแห่งพม่า (Louis ผู้ น าชัย ชนะทั้ง ทางบก เรื อ อากาศมาสู่ ช าติ ส ม ั พัน ธมิ ต ร
Mountbatten, และเป็ นผูป ้ ระสานความร่วมมือระหว่างสัมพันธมิตรชาติต่าง
1 st Earl ๆ เ ช่ น จี น แ ล ะ ส ห รั ฐ
Mountbatten of ตลอดจนผูน ้ าใต้ดน ิ ในเขตยึดครองของญีป ่ น ุ่ เช่นพม่า มลายา
Burma) ไทย
จอม พ ล วิ ล เลี ย ม บริตช
ิ แ ม่ ทั พ บ ก บ ริ ติ ช ภ า ค เ อ เ ชี ย อ า ค เ น ย์
ส ลิ ม ( William ผูร้ บั ผิดชอบต่อสถานการณ์ รบในพม่าตัง้ แต่ช่วงแรกทีญ ่ ปี่ นบุ
ุ่
Slim) กพม่า จนบริติชได้ขบ ั ไล่กองทัพญีป ่ ุ่ นออกจากพม่ าได้สาเร็จ
ต่อมาจึงได้ขยายความรับผิดชอบในการปลดอาวุธกองทัพญีป ่ ุ่
นในมลายา ไทย และอินโดนีเซีย
พ ล ต รี ค อ ลิ น บริตช
ิ ผู้ บั ญ ช า ก า ร ก อ ง ก า ลั ง 1 3 6 ( Force 1 3 6 )
แมคเคนซี (Colin มีพื้นหน้ารับผิดชอบปฏิบตั ก ิ ารสงครามพิเศษ เช่นการสืบข่าว
Mackenzie) ก า ร ร บ ก อ ง โ จ ร ก า ร ก่ อ วิ น า ศ ก ร ร ม ฯ ล ฯ
ในแนวหลังญี่ปุ่นด้านเอเชี ย อาคเนย์ อัน ครอบคลุ ม มลายา
ไทย ฮ่องกง จีน และพม่า
พ ล ต รี อ อ ร์ ด บริตช
ิ นายพลบริตช ิ ผูบ
้ ญ
ั ชาการรบสงครามพิเศษในแนวหลังของญี่
วิ น เ ก ต (Orde ปุ่ นที่พ ม่า ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ.๑๙๔๓ – ๑๙๔๔ (พ.ศ.๒๔๘๖ –
Wingate) ๒ ๔ ๘ ๗ )
โดยกองโจรหลังแนวญีป ่ นจะมี
ุ่ หน้าทีท ่ าลายเส้นทางคมนาคม
และซุม ่ โจมตี มีผลให้แนวรบญีป ่ นต้ ุ่ องอ่อนแอจนแพ้สงคราม
จ อ ม พ ล จีน ป ร ะ ธ า น รั ฐ บ า ล จี น ผู้ น า พ ร ร ค ก๊ ก มิ น ตั๋ ง
เ จี ย ง ไ ค เ ช็ ค ผู้ ร ว ม ก ลุ่ ม ก า ร เ มื อ ง ขุ น ศึ ก จี น ฝ่ า ย ต่ า ง ๆ
( Chang Kai – ใ ห้ ยื น ห ยั ด ต่ อ สู้ กั บ ญี่ ปุ่ น ผู้ รุ ก ร า น จี น เป็ น เว ล า 8 ปี
shek) ด้ ว ย ค ว า ม ช่ ว ย เ ห ลื อ จ า ก ฝ่ า ย สั ม พั น ธ มิ ต ร
จนญี่ปุ่ นยอมแพ้ส งคราม ได้ก่อ ตั้งสาธารณรัฐ จีน ที่ไ ต้ห วัน
ห ลัง แ พ้ ส งค ร าม ก ล างเมื อ งกั บ พ ร ร ค ค อ ม มิ ว นิ ส ต์ จี น
ทีน ่ าโดยเหมาเจ๋อตุง
พลเอก เหอ ยิงชิน จีน เ ส น า ธิ ก า ร ใ ห ญ่ แ ห่ ง ส ภ า ป้ อ ง กั น ป ร ะ เ ท ศ
(He Yingqin) แ ล ะ ผู้ บั ญ ช า ก า ร ก อ ง ทั พ บ ก จี น
มี บ ท บ า ท ใ น ก า ร ว า ง แ ผ น ยุ ท ธ ก า ร ต่ อ ต้ า น ญี่ ปุ่ น
และเป็ นประธานในการรับการยอมจานนของฝ่ ายญีป ่ น ุ่
พ ล เอ ก เช น เช ง จีน แม่ทพ ั จีนก๊กมินตั๋ง ผูผ ้ า่ นศึกฉางซา หูเป่ ย และถนนสายพม่า
(Chen Cheng)
เ ห ม า เ จ๋ อ ตุ ง จีน ผู้ น า จี น ค อ ม มิ ว นิ ส ต์
(Mao Tse เมือ่ ญีป่ นรุ ุ่ กรานจีนจึงได้ประกาศแนวร่วมกับเจียงไคเช็คอดีต
Tung) ศัต รู ได้ ท าสงค ราม ก องโจรต่ อ ต้ า น ญี่ ปุ่ น ใน แ น วห ลัง
จ น ส ร้ า ง เ ข ต ป ล ด ป ล่ อ ย ช า ว จี น
ภ า ย ใ น เ ข ต ยึ ด ค ร อ ง ข อ ง ญี่ ปุ่ น ห ล า ย แ ห่ ง
จ น ส ร้ า ง ค ว า ม แ ข็ ง แ ก ร่ ง แ ก่ พ ร ร ค ค อ ม มิ ว นิ ส ต์
เมือ่ สงครามยุตจิ งึ เอาชนะเจียงไคเช็คได้ในทีส่ ด ุ
จ อ ม พ ล จู เ ต๋ อ จีน น า ย พ ล ค อ ม มิ ว นิ ส ต์ จี น
(Zhu De) เคยเอาชนะกองทัพญีป ่ นในหลายศึ
ุ่ กด้านเหนือของจีน
จ อ ม พ ล เป ง จีน นายพลคอมมิวนิสต์จีน เคยเอาชนะกองทัพญี่ปนในหลายศึ ุ่ ก
เต๋ อ ฮ ว ย (Peng และเป็ นผู้ น าในการศึ ก ร้อ ยกรม (Hundred Regiments
Dehuai) Offensive)
พ ล เอ ก โ จ เซ ฟ อเมริก ั เส น า ธิ ก า ร ช า ว อ เม ริ กั น แ ห่ ง ก อ ง ทั พ จี น ค ณ ะ ช า ติ
ส ติ ล เ ว ล ล์ น/จีน เ พื่ อ ช่ ว ย ป รั บ ป รุ ง ทั พ จี น ใ ห้ ทั น ส มั ย ขึ้ น ม า
(Joseph และเป็ นแม่ ท พ ั จี น ในพม่ า ต่ อ สู้ เ พื่ อ เปิ ดถนนสายพม่ า –
Stilwell) ยู น น า น
ซึง่ เป็ นเส้นทางลาเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์ จากสัมพันธมิตรเข้าจี
น แ ต่ ไ ด้ ก ล า ย เป็ น คู่ ป รั บ ส า คั ญ ข อ ง เจี ย ง ไ ค เช็ ค
จึงออกจากกองทัพจีนเมือ่ ค.ศ.๑๙๔๔ (พ.ศ.๒๔๘๗)
พลเอก แอลเบิ ร์ ต อเมริก ั เส น า ธิ ก า ร ช า ว อ เม ริ กั น แ ห่ ง ก อ ง ทั พ จี น ก๊ ก มิ น ตั๋ ง
เ ว ด เ ม เ ย อ ร์ น/จีน ต่ อ จากน ายพ ลสติ ล เวลล์ ใน ช่ วงปี สุ ด ท้ า ยข องสงค ราม
(Albert เ พื่ อ ช่ ว ย ป รั บ ป รุ ง ทั พ จี น ใ ห้ ทั น ส มั ย ขึ้ น ม า
Wedemeyer) และช่วยให้กองทัพจีนตีชิงดินแดนทีญ ่ ป ี่ นเคยยึ
ุ่ ดครองในหูเป่
ย หูห นาน และกวางสีได้ในช่วงสี่เดือนสุดท้ายของสงคราม
ต่อมาหลังสงครามได้สนับสนุ นให้เจียงไคเช็คต่อสูก ้ บ
ั คอมมิว
นิสต์
พ ล โ ท แ ค ล ร์ อเมริก ั นายพลเสืออากาศแห่งกองบิน อาสาอเมริกน ั Flying Tiger
เชน โน ลท์ (Clair น/จีน ผู้ ป ก ป้ อ ง น่ า น ฟ้ า จี น จ า ก ก า ร รุ ก ร า น ข อ ง ญี่ ปุ่ น
Chennault) แ ล ะ ไ ด้ ฝึ ก นั ก บิ น จี น ไ ว้ จ า น ว น ม า ก
เป็ นรากฐานให้แก่กองทัพอากาศจีน
พลโท ซุ น ลี เจน จีน น า ย พ ล ห นุ่ ม แ ม่ ทั พ น้ อ ย ทั พ จี น ใ น พ ม่ า
(Sun Li – yen) ใ ต้ ก า ร บั ญ ช า ก า ร ข อ ง น า ย พ ล ส ติ ล เ ว ล ล์
ต่อสูเ้ พื่อเปิ ดทางถนนสายพม่ายูนนานและถนนเลโด (Ledo
Road)
เพือ ่ เปิ ดทางสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์ จากสัมพันธมิตร
น าย พ ล อ อ งซ าน พม่า ผู้ น า ก า ร ต่ อ สู้ เ พื่ อ เ อ ก ร า ช ข อ ง พ ม่ า
(Aung San) โ ด ย อ า ศั ย ส ถ า น ก า ร ณ์ ส ง ค ร า ม ม ห า เอ เชี ย บู ร พ า
ด้ ว ย ก าร ร่ ว ม มื อ กั บ ญี่ ปุ่ น ตั้ ง รัฐ บ าล แ ล ะ ก อ ง ทั พ พ ม่ า
แล้วได้เป็ นผูน ้ าเจรจาเรียกร้องเอกราชจากจักรวรรดิบริตช ิ เมื่
อสงครามสงบแล้ว
ซู ก า ร์ โ น อินโดนี ผู้ น า ก า ร ต่ อ สู้ เ พื่ อ เ อ ก ร า ช ข อ ง อิ น โ ด นี เ ซี ย
(Sukarno) เซีย ด้วยการร่วมมือกับญี่ปุ่นตัง้ องค์กรชาตินิยมและกองทัพพม่า
เมือ่ สงครามยุตจิ งึ สูร้ บเรียกร้องเอกราชกับเจ้าอาณานิคมเนเธ
อ ร์ แ ล น ด์ จ น ส า เ ร็ จ
หลังจากนัน้ ได้เป็ นผูน ้ าอินโดนีเซียเป็ นเวลากว่า 20 ปี
20 บุคคลสาคัญสงครามมหาเอเชียบูรพา

1.บุคคลสาคัญฝ่ ายไทย 10 ท่าน

1.1 จอมพล ป.พิบลู สงคราม

บุ ค ค ล ผู้ นี้ เป็ น น า ย ก รั ฐ ม น ต รี แ ล ะ ผู้ บั ญ ช า ก า ร ท ห า ร สู ง สุ ด ข อ ง ไ ท ย


เมื่ อ ญี่ ปุ่ นบุ ก เข้ า ประเทศไทยในปี ค.ศ.1941 (พ.ศ.2484) รัฐ บาลของจอมพล ป.
พิ บู ล ส ง ค ร า ม ไ ด้ ตั ด สิ น ใ จ ยิ น ย อ ม ใ ห้ ญี่ ปุ่ น เ ดิ น ทั พ ผ่ า น ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย
เ พื่ อ ใ ห้ ไ ท ย ไ ม่ ต้ อ ง ถู ก ท า ล า ย เ พ ร า ะ ค ว า ม แ พ้ เ ป รี ย บ ญี่ ปุ่ น
แ ล ะ ต ก ล ง เป็ น พั น ธ มิ ต ร กั บ ญี่ ปุ่ น ใ น ท า ง ก า ร เมื อ ง ก า ร ท ห า ร แ ล ะ เศ ร ษ ฐ กิ จ
โ ด ย ใ น ท า ง ท ห า ร ไ ท ย ไ ด้ ส่ ง ก อ ง ทั พ พ า ยั พ บุ ก รั ฐ ฉ า น ข อ ง บ ริ ติ ช
เ พื่ อ ป้ อ ง กั น ปี ก ข ว า ก อ ง ทั พ ญี่ ปุ่ น ที่ ก า ลั ง บุ ก พ ม่ า
โดยกองทัพ พายัพ ของไทยได้ บุ ก ยึ ด เมื อ งส าคัญ ของรัฐ ฉาน เช่ น เชี ย งตุ ง ยอง พยาค
จนในทีส่ ด ุ กองทัพพายัพรุกประชิดชายแดนจีนด้านยูนนานเพือ ่ กดดันจีนทางทิศใต้

ในด้านเศรษฐกิจไทยต้องยิน ยอมให้ญี่ปุ่นลดค่าเงิน บาทของไทยให้เท่ากับเงิน เยน


แ ล ะ ยิ น ย อ ม ใ ห้ ก อ ง ทั พ ญี่ ปุ่ น กู้ เ งิ น ข อ ง รั ฐ บ า ล ไ ท ย ป ร ะ เ ท ศ
โ ด ย ก า ร ส่ ง ม อ บ ดิ น แ ด น ที่ ญี่ ปุ่ น บุ ก ยึ ด เ อ า ไ ว้ ใ ห้ แ ก่ ไ ท ย
จนรัฐบาลไทยได้ประกาศสงครามกับ บริติชและอเมริกาเมื่อวันที่ 25 มกราคม ค.ศ.1942
(พ.ศ.2485)
ภู มิ ห ลั ง ข อ ง จ อ ม พ ล ป . พิ บู ล ส ง ค ร า ม ผู้ นี้
เป็ น น า ย ท ห า ร ปื น ใ ห ญ่ ที่ ส า เร็ จ ก า ร ศึ ก ษ า จ า ก โ ร ง เรี ย น น า ย ร้ อ ย ท ห า ร บ ก
ร่วมรุ่นกับ พลตารวจเอก หลวงอดุลเดชจรัส จอมพล ผิน ชุ ณ หวัน พลเอก หลวงพรหมโยธี
พ ล เ อ ก จิ ร วิ ชิ ต ส ง ค ร า ม พ ล เ อ ก ห ล ว ง ห า ญ ส ง ค ร า ม ฯ ล ฯ
เมื่อเกิดเหตุ การณ์ ปฏิวต ั ิเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี ค.ศ.1932 (พ.ศ.2475) จอมพล
ป . เ มื่ อ มี ย ศ พั น ต รี ไ ด้ เ ข้ า ร่ ว ม ค ณ ะ ร า ษ ฎ ร ก่ อ ก า ร ป ฏิ วั ติ ด้ ว ย
ต่ อ ม าห ลัง ก าร ป ร าบ ก บ ฏ บ ว ร เด ช เมื่ อ ค .ศ . 1 9 3 3 (พ .ศ .2 4 7 6 ) ส าเร็ จ ล งแ ล้ ว
รั ฐ บ า ล ค ณ ะ ร า ษ ฎ ร ข อ ง พ ล เอ ก พ ร ะ ย า พ ล พ ล พ ยุ ห เส น า (พ จ น์ พ ห ล โ ย ธิ น )
ไ ด้ ตั้ ง ใ ห้ เป็ น ผู้ บั ญ ช า ก า ร ท ห า ร บ ก แ ล ะ รั ฐ ม น ต รี ว่ า ก า ร ก ร ะ ท ร ว ง ก ล า โ ห ม
จนได้กา้ วขึน ้ มาเป็ นนายกรัฐมนตรีเมือ่ ค.ศ.1938 (พ.ศ.2481)
ด้ ว ย พื้ น ฐ าน แ น ว คิ ด ช าติ นิ ย ม ที่ เ ฟื่ อ งฟู ม าตั้ ง แ ต่ ห ลัง ส งค ร าม โล ก ค รั้ง ที่ 1
ดั ง นั้ น เ มื่ อ จ อ ม พ ล ป . พิ บู ล ส ง ค ร า ม ขึ้ น ม า เ ป็ น น า ย ก รั ฐ ม น ต รี
จึ ง ด าเนิ น นโยบายชาติ นิ ย มที่ มุ่ ง ประโยชน์ ไปที่ ค นไทย อัน เป็ นคนส่ ว นใหญ่ ข องชาติ
เริ่มจากการเปลี่ยนชื่อประเทศจาก “สยาม” มาเป็ น “ไทย” การก่อตัง้ กิจการธุรกิจของชาติ
(รัฐ วิ ส าห กิ จ บ ริ ษ ั ท ไ ท ย นิ ย ม บ ริ ษ ั ท จัง ห วัด เป็ น ต้ น ) ก าร ส งว น อ าชี พ ค น ไ ท ย
สองข้อแรกนี้ เป็ นไปเพื่อให้คนไทยได้ครองประโยชน์ เศรษฐกิจจากที่เคยอยู่ในมือต่างชาติ
จน เกิ ด การกี ด กัน ชาวจี น และขับ ไล่ กิ จ การน้ ามัน เชื้ อเพ ลิ ง ของ บริ ติ ช และอเมริ ก า
นอกจากนี้ จ อมพล ป.ยังได้ส ร้างบรรยากาศขาตินิ ยมในประเทศด้ว ยการเปิ ดเพลงปลุก ใจ
ก า ร อ อ ก แ ส ด ง ล ะ ค ร อิ ง ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ เ พื่ อ ค ว า ม รั ก ช า ติ แ ล ะ รั ฐ นิ ย ม
จุ ด สู ง สุ ด ข อ ง น โ ย บ า ย ช า ติ นิ ย ม ข อ ง จ อ ม พ ล ป .
คือการทาสงครามชิงดินแดนอินโดจีนบางส่วนคืนจากฝรั่งเศสระหว่าง ค.ศ.1940 – 1941
( พ . ศ . 2 4 8 3 – 2 4 8 4 ) จ า ก พ ฤ ติ ก ร ร ม ข อ ง จ อ ม พ ล
ป .พิ บู ลส งค ร าม ตั้ ง แ ต่ ก่ อ น แ ล ะร ะห ว่ า งส งค ราม จึ ง ท าให้ ห ลาย ฝ่ าย เช่ น เสรี ไ ท ย
ร ว ม ทั้ ง สั ม พั น ธ มิ ต ร ไ ด้ แ ก่ จี น บ ริ ติ ช แ ล ะ ส ห รั ฐ เ ชื่ อ ว่ า จ อ ม พ ล
ป.มีความโน้มเอียงไปทางฝ่ ายอักษะ

อย่ า งไรก็ ต ามเมื่ อ ญี่ ปุ่ นเริ่ ม เป็ นฝ่ ายเพลี่ ย งพล้ า ตั้ง แต่ ค รึ่ ง หลัง ของปี ค.ศ.1943
( พ . ศ . 2 4 8 6 ) จ อ ม พ ล ป . พิ บู ล ส ง ค ร า ม จึ ง ไ ด้ เ ริ่ ม ก า ร ต่ อ ต้ า น ญี่ ปุ่ น
โ ด ย ไ ด้ ส่ ง น า ย ท ห า ร แ ห่ ง ก อ ง ทั พ พ า ยั พ ไ ป เ จ ร จ า ลั บ กั บ ก อ ง ท ห า ร จี น
เพิ่ ม ก า ลั ง ท ห า ร เข้ า ม า ใ น ป ร ะ เท ศ เพื่ อ เต รี ย ม ก า ร ยุ ท ธ์ ขั บ ไ ล่ ก อ ง ทั พ ญี่ ปุ่ น
และจัดสร้างเมืองหลวงใหม่ “นครบาลเพชรบูรณ์ ” เพือ ่ เป็ นศูนย์บญ ั ชาการขับไล่กองทัพญีป ่ น
ุ่
จ น ฝ่ า ย ญี่ ปุ่ น จั บ สั ง เ ก ต ค ว า ม เ ค ลื่ อ น ไ ห ว ไ ด้
จึง เริ่ ม หวาดระแวงและพร้อ มที่ จ ะยึ ด ครองท าลายประเทศไทยที่มี จ อมพล ป. เป็ นผู้ น า
ใน ข ณ ะเดี ยวกัน ฝ่ ายสัม พั น ธมิ ต รเองก็ คลางแ ค ลงใน เจต น าที่ แ ท้ จ ริ ง ข องจอมพ ล
จนไม่ อ าจร่ ว มมื อ กับ จอมพล ป.ต่ อ ต้ า นญี่ ปุ่ น และไม่ อ าจรับ รองชาติ ไ ทยที่ มี จ อมพล
ป . เ ป็ น ผู้ น า ไ ด้
ทีส่ าคัญการสร้างนครหลวงเพชรบูรณ์ และเส้นทางคมนาคมได้ทาให้คนไทยต้องเสียชีวต ิ นับพั
น ร า ย จ น ค ว า ม นิ ย ม ใ น ตั ว จ อ ม พ ล ป .พิ บู ล ส ง ค ร า ม ต้ อ ง เสื่ อ ม ถ อ ย ล ง ไ ป
นับเป็ นวิกฤตช่วงวิกฤตทีส่ ด ุ ช่วงหนึ่งในสงครามมหาเอเชียบูรพาของไทย

ในทีส่ ด
ุ เมือ่ จอมพล ป.พิบลู สงครามได้นาเสนอร่างพระราชกาหนดนครบาลเพชรบูรณ์
แ ล ะ ร่ า ง พ ร ะ ร า ช ก า ห น ด พุ ท ธ บุ รี ม ณ ฑ ล
เพื่ อ ให้ ส ภาผู้ แ ทนราษฎรอนุ ม ต ั ิ พ ระราชก าหนดสองฉบับ นี้ ใ ห้ เป็ นพระราชบัญ ญัติ น้ ัน
ปรากฏว่า สภาผู้ แ ทนมี ม ติ ไ ม่เห็ น ชอบ นัก การเมื อ งฝ่ ายเสรี ไ ทยจึง ได้ ล้ม รัฐ บาลจอมพล
ป.พิบลู สงคราม พ้นจากอานาจทางการเมืองและการทหารเมือ ่ วันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ.1944
( พ .ศ . 2 4 8 7 ) แ ล ะ เมื่ อ ส ง ค ร า ม ยุ ติ ใ น ค . ศ . 1 9 4 5 ( พ .ศ . 2 4 8 8 ) จ อ ม พ ล
ป .พิ บู ล ส ง ค ร า ม ต ก เป็ น ผู้ ต้ อ ง ห า อ า ช ญ า ก ร ร ม ส ง ค ร า ม โ ด ย ขึ้ น ศ า ล ไ ท ย
แ ต่ แ ล้ ว ศ า ล ฎี ก า ตั ด สิ น ใ ห้ จ อ ม พ ล ป . พ้ น ผิ ด
เพราะตามกฎหมายไทยไม่อาจเอาผิดการทาหน้าทีผ ่ ูน
้ าประเทศย้อนหลังได้

ต่ อ ม า ห ลั ง รั ฐ ป ร ะ ห า ร ค . ศ . 1 9 4 7 ( พ . ศ . 2 4 9 0 ) จ อ ม พ ล ป .
พิ บู ล สงครามได้ ก ลับ มาเป็ นนายกรัฐ มนตรี อี ก ครั้ง จนถึ ง ค.ศ.1957 (พ.ศ.2500)
ไ ด้ ถู ก จ อ ม พ ล ส ฤ ษ ดิ ์ ธ น ะ รั ช ต์ ก่ อ ก า ร รั ฐ ป ร ะ ห า ร จ อ ม พ ล
ป.จึ ง ลี้ ภ ยั ทางการเมื อ งไปประเทศญี่ ปุ่ น จนถึ ง แก่ อ สัญ กรรมที่ ญี่ ปุ่ นเมื่ อ ค.ศ.1964
(พ.ศ.2507)

1.2 นายปรีดี พนมยงค์


บุ ค ค ล ผู้ นี้ มี ภู มิ ห ลั ง เ ป็ น ดุ ษ ฎี บั ณ ฑิ ต ท า ง นิ ติ ศ า ส ต ร์ จ า ก ฝ รั่ ง เ ศ ส
โดยได้ เป็ นหัว หน้ า ฝ่ ายพลเรื อ นในคณะราษฎรผู้ ก่ อ การเปลี่ย นแปลงการปกครองเมื่ อ
พ . ศ . 2 4 7 5 เ ป็ น ผู้ ร่ ว ม ย ก ร่ า ง รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ ฉ บั บ ถ า ว ร 2 4 7 5
ซึ่ ง เป็ น ก ารวางรากฐาน ก ารปก ค รองระบ อบ พ ระมห าก ษั ต ริ ย์ ภ ายใต้ ร ัฐ ธรรมนู ญ
เป็ นกาลังสาคัญในการวางรากฐานประชาธิปไตยไทยในด้านการปกครอง การต่างประเทศ
แ ล ะ เ ศ ร ษ ฐ กิ จ ใ น ท า ง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ
น ายปรี ดี ใ น ต าแห น่ งรัฐ มน ตรี ว่ า การก ระทรวงการคลัง ได้ ว างเค้ า โค รงเศ รษ ฐกิ จ
ว า ง ร ะ บ บ ทุ น ส า ร อ ง ท อ ง ค า ก่ อ ตั้ ง ธ น า ค า ร ช า ติ
( ซึ่ ง จ ะ เ ป็ น ธ น า ค า ร แ ห่ ง ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย ใ น ปั จ จุ บั น )
ปฏิ รู ป ก ารเก็ บ ภาษี จาก สิ น ค้ า ฟุ่ มเฟื อยเพื่ อเพิ่ ม รายได้ ใ ห้ ร ัฐ ใน ทางการปกครอง
นายปรีดีในตาแหน่ งรัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทยได้วางระบบเทศบาลอันเป็ นพื้นฐานใ
น ก าร ป ก ค รอ งต น เองข อ งชุ ม ช น ร ะดั บ อ าเภ อ แ ล ะต าบ ล ไ ด้ ต ้ ัง นิ ค ม ส ร้ า งต น เอ ง
รวมทัง้ ได้ก่อ ตั้งมหาวิท ยาลัย วิช าธรรมศาสตร์ แ ละการเมือ ง เพื่อ เป็ นตลาดวิช ารัฐ ศาสตร์
เศ ร ษ ฐ ศ า ส ต ร์ นิ ติ ศ า ส ต ร์ ส า ห รั บ ส ร้ า ง พ ล เมื อ ง ใ น ร ะ บ อ บ ป ร ะ ช า ธิ ป ไ ต ย
ใ น ด้ า น ก า ร ต่ า ง ป ร ะ เ ท ศ
นายปรีดีในฐานะรัฐมนตรีวา่ การกระทรวงการต่างประเทศได้เป็ นผูน ้ าในการจัดทาสนธิสญ
ั ญ
าใหม่ ท างการทู ต และการค้ า เพื่ อ ยกเลิ ก สัญ ญ าไม่ เ สมอภาคกับ ชาติ ม หาอ านาจ 13
ชาติ ที่ มี ม าตั้ง แต่ ส มัย รัช กาลที่ 4 โดยที่ ส าคัญ ได้ ย กเลิ ก “สิ ท ธิ ส ภาพนอกอาณ าเขต ”
อย่างเด็ ด ขาด ดังนั้น นายปรีดี พนมยงค์จึงเป็ นผู้น าประเทศฝ่ ายพลเรือนแห่งคณะราษฎร
่ นานกับจอมพล ป.พิบลู สงคราม ซึง่ เป็ นผูน
คูข ้ าฝ่ ายทหาร

เมื่ อ ป ร ะ เท ศ ไ ท ย เข้ า สู่ ส ง ค ร า ม ม ห า เอ เชี ย บู ร พ า ( 2 4 8 4 – 2 4 8 8 )


นายปรีดีได้เป็ นผูส
้ าเร็จราชการแทนพระองค์พร้อมกับเป็ นหัวหน้าขบวนการเสรีไทยเพือ ่ ต่อ
ต้ า น ญี่ ปุ่ น นั บ ตั้ ง แ ต่ วั น แ ร ก ที่ ญี่ ปุ่ น บุ ก ไ ท ย โ ด ย มี ภ า ร กิ จ ส า คั ญ ไ ด้ แ ก่ 1 )
การเตรียมการต่อสูญ ้ ป
ี่ นทางทหารด้
ุ่ วยการรวมพลังคนไทยทัง้ ปวงในรูปของพลพรรคเสรีไท
ย โดยร่ ว มมื อ กับ สัม พัน ธมิ ต รในการวางแผนยุ ท ธศาสตร์ แ ละการข่ า ว การฝึ กร่ ว ม 2)
ก าร ส ร้ า ง ค ว า ม เข้ า อั น ดี กั บ ฝ่ า ย สั ม พั น ธ มิ ต ร เพื่ อ ไ ม่ ให้ เข้ าใจ ว่ าไ ท ย เป็ น ศั ต รู
เช่ น ด้ ว ย ก ารรับ เช ลย สัม พั น ธมิ ต รบ างส่ ว น ม าดู แ ล ไม่ ใ ห้ ถู ก ญี่ ปุ่ น ท ารุ ณ แ ละ 3 )
ก า ร รั ก ษ า ป ร ะ เ ท ศ ไ ม่ ใ ห้ ต ก เ ป็ น ฝ่ า ย แ พ้ ส ง ค ร า ม
ด้ ว ย ก า ร ที่ ไ ท ย เจ ร จ า กั บ ช า ติ สั ม พั น ธ มิ ต ร ส า คั ญ ต่ า ง ๆ เช่ น จี น ส ห รั ฐ บ ริ ติ ช
ใ ห้ ย อ ม รั บ ค ว า ม พ ย า ย า ม ข อ ง ไ ท ย ใ น ก า ร ต่ อ ต้ า น ญี่ ปุ่ น
แ ส ด ง ถึ ง ค ว า ม ร่ ว ม มื อ ที่ ไ ท ย มี ใ ห้ สั ม พั น ธ มิ ต ร ร ะ ห ว่ า ง ส ง ค ร า ม
จนนาไปสูก ่ ารยอมรับว่าไทยไม่เป็ นผูแ ้ พ้สงครามในทีส่ ด ุ
ใน วัน แ รก ที่ ญี่ ปุ่ น บุ ก ไท ย 8 ธัน วาค ม ค .ศ .1 9 4 1 (พ .ศ .2 4 8 4 ) น าย ป รี ดี
พ น ม ย ง ค์ ไ ด้ ร ว ม ส มั ค ร พ ร ร ค พ ว ก เช่ น น า ย ดิ เร ก ชั ย น า ม น า ย ท วี บุ ณ ย เก ตุ
หลวงบรรณกรโกวิ ท นายเตี ย ง ศิ ริ ข น ั ธ์ นายจ ากัด พลางกู ร นายสงวน ตุ ล ารัก ษ์ ฯลฯ
เ พื่ อ ร่ ว ม ว า ง แ น ว ท า ง ใ น ก า ร ต่ อ ต้ า น ญี่ ปุ่ น พ ร้ อ ม ๆ
กั บ ที่ ก ลุ่ ม ค น ไ ท ย ใ น บ ริ ติ ช แ ล ะ อ เม ริ ก า จั ด ตั้ ง ก ลุ่ ม เส รี ไ ท ย น อ ก ป ร ะ เท ศ
ใ น ชั้ น แ ร ก ไ ด้ ต ก ล ง ใ ช้ พื้ น ที่ ม ห า วิ ท ย า ลั ย วิ ช า ธ ร ร ม ศ า ส ต ร์ แ ล ะ ก า ร เมื อ ง
เ ป็ น ที่ ตั้ ง ค่ า ย กั ก กั น บุ ค ค ล พ ล เ รื อ น สั ญ ช า ติ สั ม พั น ธ มิ ต ร
เพื่อไม่ให้บุคคลเหล่านี้ ตกไปอยู่ในมือของญี่ปุ่น เมือ ่ มีโอกาสในปี ค.ศ.1943 (พ.ศ.2486)
น ายป รี ดี ได้ ส่ ง น ายจ ากัด พ ลางกู ร เป็ น ผู้ แ ท น เสรี ไ ท ยใน ป ระเท ศ ไป ป ระเท ศ จี น
เ พื่ อ ห า ห น ท า ง ติ ด ต่ อ กั บ ช า ติ สั ม พั น ธ มิ ต ร แ ล ะ เ ส รี ไ ท ย น อ ก ป ร ะ เ ท ศ
ในทีส่ ุดแม้จะต้องผ่านอุปสรรคนานัปการ นายจากัดสามารถติดต่อผูแ ้ ทนชาติตา่ งๆ ได้สาเร็จ
แ ล ะ ท า ใ ห้ ผู้ แ ท น ช า ติ ต่ า ง ๆ ร ว ม ทั้ ง เส รี ไ ท ย จ า ก บ ริ ติ ช แ ล ะ อ เม ริ ก า เชื่ อ ว่ า
ขบ วน ก ารต่ อ ต้ า น ญี่ ปุ่ น ใน ประเทศ มี จ ริ ง โด ยมี ผู้ น าส าคัญ คื อ น ายปรี ดี พ น มยงค์
พ ล ต าร ว จ เอ ก ห ล ว งอ ดุ ล เด ช จ รัส ฯ ล ฯ น อ ก จ าก นี้ ก าร ที่ จ ากั ด ไ ด้ พ บ ผู้ น าส าคั ญ
ยั ง มี ส่ ว น ช่ ว ย ใ ห้ ช า ติ สั ม พั น ธ มิ ต ร ส า คั ญ เ ช่ น จี น แ ล ะ ส ห รั ฐ
ได้ประกาศรับรองเอกราชอธิปไตยของไทยหลังสงครามอีกด้วย

ห ลั ง จ า ก นั้ น นั บ ตั้ ง แ ต่ ปี ค . ศ . 1 9 4 4 ( พ . ศ . 2 4 8 7 )
ฝ่ ายสัม พัน ธมิ ต รจึ ง ได้ ส่ ง นายทหารของตนและเสรี ไ ทยต่ า งประเทศเข้ า ประเทศไทย
พอดี ก บ
ั ที่ในประเทศไทยเสรี ไทยในประเทศได้เปลี่ย นรัฐ บาลมาเป็ นรัฐบาลของนายควง
อ ภั ย ว ง ศ์ เ ท่ า กั บ ว่ า เ ส รี ไ ท ย ไ ด้ อ า น า จ รั ฐ
งานะเสรีไทยจึงขยายตัวได้ท่ วั ประเทศจนเมื่อสงครามยุติจึงมีพ ลพรรคราว 50,000 นาย
โดยมี เจ้าหน้ าที่สม
ั พัน ธมิต รและเสรี ไ ทยจากต่างประเทศสนับ สนุ น การฝึ กและด้านอาวุ ธ
ร ว ม ทั้ ง ไ ด้ ร่ ว ม ว า ง แ ผ น ยุ ท ธ ก า ร ร่ ว ม กั น
แต่สงครามยุตลิ งเสียก่อนการปะทะกับญีป ่ นจึ ้
ุ่ งไม่เกิดขึน
ที่ ส าคัญ ที่ สุ ด คื อ ก ารท าให้ ส ม
ั พั น ธมิ ต รรับ รองว่ า ไทยไม่ ใ ช่ ฝ่ ายแพ้ สงค ราม
ในชั้น ต้ น แม้ จี น และสหรัฐ จะรับ รองเอกราชของไทยตั้ง แต่ ค.ศ.1943 (พ.ศ.2486)
แ ต่ บ ริ ติ ช ถื อ ว่ า ไ ท ย มี ส ถ า น ะ ส ง ค ร า ม กั บ บ ริ ติ ช จึ ง ไ ม่ รั บ ร อ ง เอ ก ร า ช ไ ท ย
จ น ก ว่ า ไ ท ย จ ะ พิ สู จ น์ ตั ว เอ ง ต่ อ สั ม พั น ธ มิ ต ร ว่ า จ ริ ง ใ จ ที่ จ ะ ต่ อ ต้ า น ญี่ ปุ่ น
น อ ก จ า ก นี้ ฝ่ า ย ส ห รั ฐ เ อ ง ก็ ยั ง มี ผู้ ไ ม่ เ ข้ า ใ จ ส ถ า น ก า ร ณ์ ข อ ง ไ ท ย
ดังนัน้ ฝ่ ายเสรีไทยในประเทศจึงได้สง่ ผูแ ้ ทนเจรจาและประสานงานใต้ดน ิ กับฝ่ ายสัมพันธมิตร
อ ย่ า ง ใ ก ล้ ชิ ด อี ก ห ล า ย ค รั้ ง ทั้ ง ก า ร ส่ ง น า ย ดิ เ ร ก
ชั ย น า ม แ ล ะ ค ณ ะ ไ ป ต ก ล ง ยุ ท ธ ศ า ส ต ร์ ร่ ว ม ร ะ ห ว่ า ง ไ ท ย กั บ บ ริ ติ ช
การส่งพระพิศาลสุขุมวิทและหลวงสุขุมนัยประดิษฐ์ ไปเจรจาโน้มน้าวบุคคลสาคัญของสหรัฐ
ทั้ ง ส ม า ชิ ก รั ฐ ส ภ า ห อ ก า ร ค้ า ส ม า ค ม นั ก ธุ ร กิ จ แ ล ะ สื่ อ ม ว ล ช น
ใ ห้ เ ห็ น ถึ ง ค ว า ม จ ริ ง ใ จ ที่ ไ ท ย จ ะ ขั บ ไ ล่ ญี่ ปุ่ น
รวมทัง้ เห็นความสาคัญทีส่ หรัฐจะติดต่อลงทุนกับประเทศไทยทีม ่ เี อกราชสมบูรณ์ หลังสงคราม

เมื่อสิน้ สุดสงครามไทยได้ประกาศสันติภาพเพื่อที่จะปฏิเสธการร่วมมือกับญี่ปุ่นนั้น
ป ร า ก ฏ ว่ า ส ห รั ฐ ไ ด้ รั บ ร อ ง เ อ ก ร า ช ข อ ง ไ ท ย ใ น ทั น ที
ใ น ข ณ ะ ที่ บ ริ ติ ช ย อ ม ย ก เ ลิ ก ส ถ า น ะ ส ง ค ร า ม กั บ ไ ท ย
โ ด ย ตั้ ง เ งื่ อ น ไ ข ใ น ก า ร ค ว บ คุ ม กิ จ ก า ร ส า คั ญ ข อ ง ไ ท ย
ไ ท ย จึ ง ต้ อ ง เ จ ร จ า อี ก ห ล า ย ค รั้ ง เ มื่ อ บ ว ก กั บ แ ร ง ก ด ดั น ข อ ง ส ห รั ฐ
บริติ ช จึ ง ตกลงยอมลดข้ อ ตกลงเหลื อ เพี ย งการคื น ดิ น แดนเดิ ม และทรัพ ย์ สิน ของ บริ ติ ช
ร ว ม ทั้ ง ก า ร ใ ห้ ข้ า ว ฟ รี จ า น ว น ห นึ่ ง บ ริ ติ ช จึ ง ย อ ม เลิ ก ส ถ า น ะ ส ง ค ร า ม กั บ ไ ท ย
และสนับสนุนให้ไทยเป็ นสมาชิกสหประชาชาติในปี ค.ศ.1946 (พ.ศ.2489)
หลัง สงครามนายปรี ดี พนมยงค์ พ้ น จากต าแหน่ งผู้ ส าเร็ จ ราชการแทนพระองค์
เมือ่ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 เสด็จกลับประเทศไทยเมือ่ ปี
ค . ศ . 1 9 4 5 ( พ . ศ . 2 4 8 8 ) จึ ง ไ ด้ รั บ โ ป ร ด เ ก ล้ า ฯ เ ป็ น รั ฐ บุ รุ ษ อ า วุ โ ส
ต่อมาได้รบั เลือกเป็ นนายกรัฐมนตรี แต่ตอ ้ งพ้นจากตาแหน่ งเมือ่ เกิดกรณี สวรรคตรัชกาลที่ 8
ต่ อ ม า เ มื่ อ เ กิ ด รั ฐ ป ร ะ ห า ร ค . ศ . 1 9 4 7 ( พ . ศ . 2 4 9 0 ) น า ย ป รี ดี
พ น ม ย ง ค์ จึ ง ต้ อ ง ลี้ ภั ย ก า ร เ มื อ ง ไ ป ป ร ะ เ ท ศ จี น แ ล ะ ฝ รั่ ง เ ศ ส
จนกระทั่งถึงแก่อสัญกรรมทีก ่ รุงปารีส เมือ่ ค.ศ.1983 (พ.ศ.2526)

1.3 พลตารวจเอก หลวงอดุลเดชจรัส (อดุล อดุลเดชจรัส)

ใ น ส ถ า น ก า ร ณ์ ส ง ค ร า ม ม ห า เ อ เ ชี ย บู ร พ า พ ล ต า ร ว จ เ อ ก
ห ล ว ง อ ดุ ล เ ด ช จ รั ส ไ ด้ เ ป็ น ก า ลั ง ส า คั ญ ข อ ง รั ฐ บ า ล
ใ น ก า ร ค ว บ คุ ม ส ถ า น ก า ร ณ์ ภ า ย ใ น ป ร ะ เ ท ศ ไ ว้ ไ ด้ อ ย่ า ง ดี เ ยี่ ย ม
แ ล ะ ใ น ข ณ ะ เ ดี ย ว กั น ท่ า น ก็ ไ ด้ พ ย า ย า ม ด า เ นิ น ก า ร ทุ ก วิ ถี ท า ง
ที่ จ ะ ด า ร ง รั ก ษ า เ อ ก ร า ช แ ล ะ อ ธิ ป ไ ต ย ข อ ง ช า ติ ไ ท ย ไ ว้
ท่ า น ไ ด้ เป็ น ร อ ง หั ว ห น้ า ข บ ว น ก า ร เ ส รี ไ ท ย ต่ อ จ า ก น า ย ป รี ดี พ น ม ย ง ค์
จัดตัง้ หน่ วยเสรีไทยฝ่ ายตารวจขึน ้ ภายในประเทศสายหนึ่ง โดยท่านดารงตาแหน่ งหัวหน้าสาย
และด าเนิ น การแบบใต้ ดิ น ใต้ จ มู ก ทหารญี่ ปุ่ นมาตลอดเวลาโดยใช้ ก องก าลัง ต ารวจ
ทั้ ง ก าร สื บ ข่ า ว ท ห าร ญี่ ปุ่ น ก าร คุ้ ม กั น เส รี ไ ท ย แ ล ะ เจ้ า ห น้ าที่ จ า ก ต่ าง ป ร ะ เท ศ
แ ล ะ เ ป็ น ก า ลั ง ส า คั ญ ใ น ก า ร ร บ ก อ ง โ จ ร กั บ ญี่ ปุ่ น
ทัง้ ทีเ่ ป็ นอธิบดีกรมตารวจภายใต้รฐั บาลทีเ่ ป็ นพันธมิตรกับจักรวรรดิญป ี่ น
ุ่

นายตารวจท่านนี้ เกิดเมือ ่ ค.ศ.1894 (พ.ศ.2437) มีภูมห ิ ลังเป็ นลูกครึง่ ไทย – ซีลอน


( ใ น บั ง คั บ บ ริ ติ ช ) เ ค ย ไ ด้ ถ ว า ย ตั ว เ ป็ น ม ห า ด เ ล็ ก วั ง ป า รุ ส ก วั น
ต่อ มาเป็ นนายทหารส าเร็ จ การศึ ก ษาจากโรงเรี ย นนายร้อ ยทหารบก ร่ว มรุ่น กับ จอมพล
ป.พิบูลสงคราม จอมพล ผิน ชุณหวัน พลเอก หลวงพรหมโยธี พลโท หลวงเกรียงศักดิพ ์ ิชิต
พ ล เ อ ก จิ ร วิ ชิ ต ส ง ค ร า ม พ ล เ อ ก ห ล ว ง ห า ญ ส ง ค ร า ม ฯ ล ฯ
ต่อ มาเมื่อ เกิด เหตุ ก ารณ์ ปฏิว ต
ั ิเปลี่ย นแปลงการปกครองเมื่อ ปี ค.ศ.1932 (พ.ศ.2475)
หลวงอดุลเดชจรัสได้เข้าร่วมคณะราษฎรก่อการปฏิวตั ด ิ ว้ ย
ต่ อ มาหลัง การปราบกบฏบวรเดชเมื่ อ ค.ศ.1933 (พ.ศ.2476) ส าเร็ จ ลงแล้ ว
รั ฐ บ า ล ค ณ ะ ร า ษ ฎ ร ข อ ง พ ล เอ ก พ ร ะ ย า พ ล พ ล พ ยุ ห เส น า (พ จ น์ พ ห ล โ ย ธิ น )
ไ ด้ ย้ า ย ท่ า น จ า ก ท ห า ร ไ ป เ ป็ น อ ธิ บ ดี ก ร ม ต า ร ว จ
เพื่ อ ที่จ ะได้ สื บ สวนและจับ กุ ม ผู้ ที่ ต่ อ ต้ า นระบอบใหม่ จ นส าเร็ จ ราบคาบเมื่ อ ค.ศ.1939
( พ . ศ . 2 4 8 2 ) มี ก า ร จ า คุ ก แ ล ะ ป ร ะ ห า ร ชี วิ ต เ ป็ น จ า น ว น ม า ก
นอกจากนี้ ห ลวงอดุ ล เดชจรัส ยัง มี ชื่ อ เสี ย งว่า เป็ นนายต ารวจที่ซื่ อ สัต ย์ เข้ ม แข็ ง เด็ ด ขาด
แ ม้ รั ฐ ม น ต รี ใ น ค ณ ะ รั ฐ บ า ล ก ร ะ ท า ทุ จ ริ ต ก็ ถู ก จั บ จ า คุ ก
การปราบอัง้ ยีท ่ ก
ี่ อ
่ ปัญหาในสังคมไทยมาตัง้ แต่สมัยรัชกาลที่ 5 สาเร็จลงอย่างเด็ดขาดในยุคนี้
ใ น ต่ า ง จั ง ห วั ด มี ก า ร ป ร า บ ป ร า ม ผู้ ร้ า ย ชั้ น เ สื อ ไ ด้ ไ ม่ น้ อ ย
ร ว ม ทั้ ง มี ก า ร จั บ กุ ม ส า ย ลั บ ใ น ก ร ณี พิ พ า ท อิ น โ ด จี น ไ ด้ ห ล า ย ร า ย
ดังนั้นหลวงอดุลเดชจรัสจึงเป็ นที่เคารพยาเกรงและเป็ นที่น่าเชื่อ ถือในหมู่รฐั มนตรี ตารวจ
ทหาร ข้าราชการพลเรือน ทีม ่ ห
ี น้าทีร่ กั ษาความมั่นคงภายใน

เมื่ อ วั น ที่ 8 ธั น ว า ค ม ค .ศ .1 9 4 1 ( พ . ศ .2 4 8 4 ) วั น ที่ ญี่ ปุ่ น บุ ก ไ ท ย


หลวงอดุ ล เดชจรัส ในต าแหน่ งรองนายกรัฐ มนตรี ไ ด้ ด าเนิ น การประชุ ม คณะรัฐ มนตรี
ระหว่างรอนายกรัฐมนตรี จอมพล ป.พิบูลสงคราม ซึง่ กาลังตรวจราชการชายแดนตะวันออก
เดิ น ท า ง ก ลั บ ก รุ ง เ ท พ ฯ คุ ณ ห ล ว ง อ ดุ ล เด ช จ รั ส ไ ด้ เ ส น อ ใ น ที่ ป ร ะ ชุ ม ว่ า
ด้ ว ย ส ถ า น ก า ร ณ์ ที่ ญี่ ปุ่ น น่ า จ ะ เ ป็ น ต่ อ ฝ่ า ย สั ม พั น ธ มิ ต ร
จึ ง เห็ น ว่ า ไม่ เ ป็ นประโยชน์ นัก ถ้ า จะต่ อ สู้ ก น
ั จนประเทศไทยต้ อ งเสี ย หายทั้ง ประเทศ
ป ร ะ ช า ช น ไ ท ย จ ะ ก ล า ย เ ป็ น ท า ส ญี่ ปุ่ น โ ด ย ส ม บู ร ณ์
จึ ง ค ว ร ที่ จ ะ ใ ห้ ยุ ติ ก า ร ต่ อ สู้ ใ ห้ ญี่ ปุ่ น เ ดิ น ทั พ ผ่ า น ไ ท ย ไ ด้
แ ต่ ก็ ไ ม่ ค ว ร ผู ก มั ด ช า ติ ไ ว้ กั บ ญี่ ปุ่ น อ ย่ า ง ใ ก ล้ ชิ ด
ร ว ม ทั้ ง ไ ม่ ค ว ร ป ร ะ ก า ศ ต น เป็ น ศั ต รู ต่ อ สั ม พั น ธ มิ ต ร ใ น ชั้ น แ ร ก เมื่ อ จ อ ม พ ล
ป.กลับมาถึงทาเนียบรัฐบาลแล้วทีป ่ ระชุมคณะรัฐมนตรีสว่ นใหญ่มม ี ติตามทีห ่ ลวงอดุลเดชจรัส
เส น อ แ ต่ แ ล้ ว ต่ อ ม ารัฐ บ าล ไ ด้ ท าก ติ ก าสัญ ญ าพั น ธ ไ ม ต รี ร ะ ห ว่ า ง ไ ท ย กั บ ญี่ ปุ่ น
เ พื่ อ ก ร ะ ชั บ ค ว า ม ร่ ว ม มื อ ท า ง ท ห า ร ก า ร เ มื อ ง แ ล ะ เ ศ ร ษ ฐ กิ จ
จนในทีส่ ด ุ รัฐบาลได้ประกาศสงครามต่อบริตช ิ และอเมริกาเมือ่ ปี ค.ศ.1942 (พ.ศ.2485)

แ ม้ ห ล ว ง อ ดุ ล เ ด ช จ รั ส จ ะ เ ส น อ ใ ห้ ไ ท ย ย อ ม ใ ห้ ทั พ ญี่ ปุ่ น ผ่ า น
แต่ท่า นได้ ต่อ ต้า นญี่ปุ่ นอยู่ต ลอดเวลา ในช่ว งที่ไ ทยยัง ติด ต่อ กับ ฝ่ ายสัมพัน ธมิต รไม่ไ ด้ นี้
นายปรีดี พนมยงค์ ผู้สาเร็จราชการแทนพระองค์ จอมพล ป.พิบูล สงคราม นายกรัฐมนตรี
และพลต ารวจเอก หลวงอดุ ล เดชจรัส ต่ า งก็ ไ ด้ ด าเนิ น การต่ อ ต้ า น ญี่ ปุ่ น ของตนไป
ในส่วนของหลวงอดุลเดชจรัสในช่วงเริม ่ ต้นสงครามนัน ้ ท่านได้สบ ื ข่าวการต่อต้านญีป ่ นจากฝ่
ุ่
า ย ต่ า ง ๆ เ ช่ น เ ส รี ไ ท ย ก ลุ่ ม จี น ก๊ ก มิ น ตั๋ ง แ ล ะ จี น ค อ ม มิ ว นิ ส ต์
รวมทัง้ การเคลือ ่ นไหวของฝ่ ายญีป ่ น ุ่ หากเมือ่ ใดทีต่ รวจพบว่าญีป ่ นก ุ่ าลังสงสัยกลุม
่ ต่อต้านใด
ต า ร ว จ ไ ท ย จ ะ รี บ จั บ กุ ม คุ ม ขั ง ก่ อ น เ ส ม อ
โ ด ย อ้ า ง ว่ า เ มื่ อ ค น ไ ท ย ท า ผิ ด ก็ จ ะ ต้ อ ง ใ ห้ อ า น า จ เ จ้ า ห น้ า ที่ ไ ท ย จั บ กุ ม
ก า ร ด า เนิ น ก า ร ทั้ ง ห ม ด นี้ เพื่ อ คุ้ ม กั น ไ ม่ ใ ห้ ญี่ ปุ่ น ก ร ะ ท า ท า รุ ณ ต่ อ ค น ไ ท ย ไ ด้
นอกจากนี้ตารวจไทยจะต้องคุม ้ ครองคนไทยหากเกิดการพิพาทกับญีป ่ นตามกรณี
ุ่ ผด
ิ ถูกทีต
่ า่ ง
กัน

น อ ก จ า ก นี้ ใ น ช่ ว ง ส ง ค ร า ม เ ริ่ ม มี โ จ ร แ ล ะ เ สื อ อี ก จ า น ว น ม า ก
เ พ ร า ะ ค ว า ม ย า ก จ น แ ล ะ ค ว า ม วุ่ น ว า ย ร ะ ห ว่ า ง ส ง ค ร า ม
หลวงอดุลเดชจรัสจึงรับผิดชอบในการปราบปรามโจรทีช ้
่ ุกชุมยิง่ ขึน
ต่ อ ม า เ มื่ อ ถึ ง ช่ ว ง ปี 1 9 4 4 ( พ . ศ . 2 4 8 7 )
เมื่ อ มี น ัก เรี ย นเสรี ไ ทยจากอเมริ ก าและบริ ติ ช ลัก ลอบเข้ า มาในประเทศไทย จอมพล
ป . พิ บู ล ส ง ค ร า ม ไ ด้ ม อ บ ใ ห้ ห ล ว ง อ ดุ ล เ ด ช จ รั ส เ ป็ น ผู้ ค ว บ คุ ม ดู แ ล
โ ด ย ใ ห้ คุ ม ขั ง ใ น ก อ ง ต า ร ว จ สั น ติ บ า ล
ในระหว่างนี้หลวงอดุลเดชจรัสจะคอยพานักเรียนเหล่านี้เดินทางกลางคืนแล้วคอยสอบถามถึง
เจ ต น าค ว าม คิ ด อ่ า น ใน ก า ร ด าเนิ น ง าน ใต้ ดิ น ข อ ง บ ร ร ด าค น ไ ท ย ใ น ต่ า ง แ ด น
ในขณะทีบ ่ รรดานักเรียนนอกเสรีไทยเหล่านี้ได้พยายามทีจ่ ะโน้มน้าวให้หลวงอดุลเดชจรัสร่ว
ม มื อ กั บ เ ส รี ไ ท ย ฝ่ า ย น า ย ป รี ดี พ น ม ย ง ค์
จนในที่สุ ด หลวงอดุ ล เดชจรัส จึง ได้ ยิน ยอมร่ว มมื อ กับ เสรี ไ ทยในประเทศ ซึ่ ง มี น ายปรี ดี
พนมยงค์ นายทวี บุณยเกตุ และนายดิเรก ชัยนาม ฯลฯ เป็ นผูน ้ าสาคัญ

ใ น ช่ ว ง เ ดื อ น ก ร ก ฎ า ค ม ปี 1 9 4 4 ( พ . ศ . 2 4 8 7 )
ฝ่ า ย เ ส รี ไ ท ย ใ น ป ร ะ เ ท ศ ร ว ม ทั้ ง ห ล ว ง อ ดุ ล เ ด ช จ รั ส
เห็ น ถึ ง ความจ าเป็ นที่ จ ะต้ อ งโค่ น ล้ ม รัฐ บาลจอมพล ป.พิ บู ล สงครามด้ ว ยวิ ถี ท างรัฐ สภา
เพราะจอมพล ป. ได้กลายเป็ นเป้ าโจมตีของฝ่ ายสัมพันธมิตรและญี่ปุ่นเองก็ ต้องการกาจัด
ซึ่ ง จ ะ เ ป็ น ผ ล ร้ า ย ที่ ทั้ ง ญี่ ปุ่ น จ ะ ท า ล า ย บ้ า น เ มื อ ง
แ ล ะ สั ม พั น ธ มิ ต ร จ ะ ยึ ด ถื อ เ อ า ไ ท ย เ ป็ น ผู้ แ พ้ ส ง ค ร า ม
แ ม้ ห ล ว ง อ ดุ ล เ ด ช จ รั ส จ ะ เ ป็ น เ พื่ อ น ส นิ ท ข อ ง จ อ ม พ ล ป . ก็ ต า ม
แ ต่ ก็ เ ห็ น ถึ ง ภั ย อั น ต ร า ย ต่ อ บ้ า น เ มื อ ง
จึ ง ยอมร่ ว มมื อ โดยท าความเข้ า ใจกับ น ายทห ารบกแ ละน ายทห ารอากาศ ชั้น ต่ า งๆ
ให้ยอมเชือ ่ ฟังรัฐบาลใหม่ ในทีส่ ด
ุ เหตุการณ์ เปลีย่ นรัฐบาลจึงเป็ นไปอย่างเรียบร้อย

ห ลั ง จ า ก นั้ น ง าน เส รี ไ ท ย จึ ง ด าเนิ น ไ ด้ อ ย่ าง ก ว้ าง ข ว า ง แ ล ะ เป็ น ปึ ก แ ผ่ น


ด้ ว ย ก า ร ส นั บ ส นุ น ข อ ง ต า ร ว จ ไ ท ย
โ ด ย เจ้ า ห น้ า ที่ ต า ร ว จ ไ ท ย ไ ด้ คุ้ ม กั น ก า ร ด า เนิ น ง า น เส รี ไ ท ย ไ ม่ ใ ห้ ญี่ ปุ่ น รั บ รู ้
กองกาลังเสรีไทยในต่างจังหวัดมีตารวจท้องทีแ ่ ละตารวจสันติบาลร่วมงานด้วย ในกรุงเทพฯ
ไ ด้ มี ก อ ง ก า ลั ง จู่ โ จ ม ข อ ง สั น ติ บ า ล ต า ม ที่ ตั้ ง ส า คั ญ ข อ ง ญี่ ปุ่ น
ที่ ส าคัญ เจ้ า ห น้ าที่ ต ารวจยัง สื บ ข่ า วการเคลื่ อ น ไห วข องทห ารญี่ ปุ่ น ได้ อ ย่ า งดี เยี่ ย ม
จ น เป็ น ที่ เชื่ อ ถื อ ข อ งฝ่ าย สัม พั น ธ มิ ต ร น อ ก จ าก นี้ ด้ ว ย บ าร มี ข อ งพ ล ต าร ว จ เอ ก
ห ล ว ง อ ดุ ล เด ช จ รั ส จึ ง ชั ก น า แ ม่ ทั พ น า ย ก อ ง ทั้ ง 3 เห ล่ า ทั พ เช่ น พ ล เรื อ โ ท
หลวงสิ น ธุ ส งครามชัย รน. รัฐ มนตรี ว่ า การกระทรวงกลาโหมและแม่ ท พ ั เรื อ พลโท
หลวงสิน าดโยธารัก ษ์ รองแม่ท พ ั ใหญ่ แ ละแม่ท พ ั บก พลอากาศโท หลวงเทวฤทธิพ ์ น
ั ลึก
แม่ทพ ั อากาศ ฯลฯ ให้มาร่วมงานกับขบวนการเสรีไทยได้จนสงครามยุติ

ห ลั ง ส ง ค ร า ม ยุ ติ แ ล้ ว เ มื่ อ ปี ค . ศ . 1 9 4 6 ( พ . ศ . 2 4 8 9 ) พ ล เ อ ก
หลวงอดุลเดชจรัสได้เป็ นผูบ ้ ญ ั ชาการทหารบก ต่อมาปี ค.ศ.1947 – ค.ศ.1951 (พ.ศ.2490
– 2494) ด ารงต าแหน่ ง อภิรฐั มนตรี ทาหน้ าที่ผู้สาเร็ จราชการแทนพระองค์ ในรัชกาลที่ 9
แ ล ะ เ ป็ น อ ง ค ม น ต รี ใ น รั ช ก า ล ที่ 9
โ ด ย ท า ง ร า ช ก า ร ไ ด้ ส ร้ า ง เรื อ น ห ลั ง เล็ ก ใ น บ ริ เว ณ วั ง ป า รุ ส ก วั น ใ ห้ เป็ น ที่ พั ก
จนถึงแก่อสัญกรรมเมือ่ ค.ศ.1969 (พ.ศ.2512) ทีโ่ รงพยาบาลรามาธิบดี ด้วยโรคชรา

1.4 หลวงวิจต
ิ รวาทการ (วิจต
ิ ร วิจต
ิ รวาทการ)
บุ ค ค ล ท่ า น นี้ เ ป็ น ทั้ ง นั ก เ ขี ย น นั ก ป ร า ช ญ์ นั ก ก า ร ทู ต
แ ล ะ นั ก ช า ติ นิ ย ม ชั้ น น า ข อ ง สั ง ค ม ไ ท ย นั บ ตั้ ง แ ต่ ท ศ ว ร ร ษ 2 4 7 0 – 2 5 0 0
มีบทบาทสาคัญ ในการเผยแพร่ค วามคิด ชาตินิ ย มผ่านงานวิช าการ วรรณกรรม บทเพลง
แ ล ะ ล ะ ค ร อิ ง ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์
ใน ส ถ าน ก าร ณ์ สงค ร าม ม ห าเอ เชี ย บู ร พ าห ล ว งวิ จิ ต ร ว าท ก ารยัง มี บ ท บ าท ส าคัญ
ใ น ก า ร ผู ก พั น ธ ะ ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย ใ ห้ ใ ก ล้ ชิ ด กั บ ช า ติ อั ก ษ ะ
โ ด ย เ ฉ พ า ะ ญี่ ปุ่ น ซึ่ ง มี บ ท บ า ท อ ย่ า ง สู ง ใ น ส มั ย ส ง ค ร า ม ดั ง ก ล่ า ว
จึงเป็ นตัวตัง้ ในการประกาศสงครามต่อบริตช ิ และอเมริกา การทากติกาสัญญาพันธไมตรีไทย
– ญี่ ปุ่ น การเจรจาลับ ให้ ญี่ ปุ่ น ยอมยกสี่ ร ฐั มลายู แ ละรัฐ ฉ าน ฟ ากเชี ยงตุ ง ให้ แ ก่ ไ ทย
ร ว ม ทั้ ง ไ ด้ เ ป็ น เ อ ก อั ค ร ร า ช ทู ต ไ ท ย ป ร ะ จ า ญี่ ปุ่ น
จ น เ มื่ อ ส ง ค ร า ม ยุ ติ ห ล ว ง วิ จิ ต ร ก ลั บ ต้ อ ง โ ท ษ เ ป็ น อ า ช ญ า ก ร ส ง ค ร า ม
เพราะเป็ นผูห ้ นึ่งทีน
่ าประเทศไทยผูกพันธมิตรกับญีป ่ นในยามสงคราม
ุ่
พลตรี หลวงวิจิตรวาทการ มีนามเดิมว่ากิมเหลียง วัฒ นปฤดา (ภายหลังเปลี่ยนเป็ น
วิ จิ ต ร ว า ท ก า ร ) มี ก า เนิ ด เป็ น ช า ว อุ ทั ย ธ า นี เมื่ อ ปี ค .ศ .1 8 9 8 (พ .ศ .2 4 4 1 )
เ มื่ อ เ ติ บ โ ต ไ ด้ มี โ อ ก า ส บ ร ร พ ช า เ ป็ น ส า ม เ ณ ร แ ล ะ ส อ บ ไ ด้ เ ป รี ย ญ 5
ประโยคจากสานักวัดมหาธาตุ จากนั้นจึงได้มีโอกาสไปศึกษาทางด้านกฎหมายทีฝ ่ รั่งเศส ณ
จ า ก ม ห า วิ ท ย า ลั ย ป า รี ส
แต่ ไ ม่ ท น ั ได้ ร บ
ั ปริ ญ ญาก็ ต้ อ งย้ า ยไปประจ าที่ ส ถานทู ต ไทยที่ ก รุ ง ลอนดอนเสี ย ก่ อ น
ต่ อ ม า ก็ เข้ า ศึ ก ษ า ด้ า น รั ฐ ศ า ส ต ร์ พ ร้ อ ม กั บ ก า ร ศึ ก ษ า ก ฎ ห ม า ย ที่ ก รุ ง ป า รี ส
จึงได้มีโอกาสคบหากับนักเรียนไทยทีจ่ ะได้มาเป็ นบุคคลสาคัญในเวลาต่อมา เช่นนายปรีดี
พนมยงค์ นายร้อยโท แปลก ขิตตะสังคะ นายร้อยโท ประยูร ภมรมนตรี
หลวงวิจต ิ รวาทการเริ่มต้นรับราชการในกระทรวงการต่างประเทศตัง้ แต่ ค.ศ.1920
(พ .ศ .2 4 6 3 ) ไ ด้ มี โ อ ก า ส เลื่ อ น ต า แ ห น่ ง ต า ม ล า ดั บ ต่ อ ม า ใ น ปี พ .ศ . 2 4 7 5
ซึ่ ง เ ป็ น ปี แ ห่ ง ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ก า ร ป ก ค ร อ ง โ ด ย ค ณ ะ ร า ษ ฎ ร
หลวงวิจิตรวาทการดารงตาแหน่ งเป็ นผู้ช่วยอธิบดีกรมการเมือง กระทรวงการต่างประเทศ
แ ล ะ ยั ง เ ป็ น ผู้ ส อ น วิ ช า ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ใ น ส ถ า บั น อุ ด ม ศึ ก ษ า ต่ า ง ๆ
ระหว่า งที่ร บ ั ราชการนั้น หลวงวิจิ ต รวาทการก็ ไ ด้ เขี ย นหนัง สื อ คู่ ไ ปมี เล่ม ที่ส าคัญ ได้ แ ก่
ป ร ะวัติ ศ าส ต ร์ สาก ล ม ห าบุ รุ ษ ป ร ะวัติ ศ าส ต ร์ เศ ร ษ ฐ กิ จ ไ ท ย ศ าส น าสาก ล ฯ ล ฯ
โด ย ที่ จ ะ เน้ น บ ท บ าท ไ ท ย ใน สัง ค ม โล ก ก าร ต่ อ สู้ ข อ งบ ร ร พ บุ รุ ษ ไ ท ย ตั้ ง แ ต่ อ ดี ต
แ ล ะ ก า ร ส ร้ า ง พ ลั ง จิ ต ใ จ ใ ห้ เ ข้ ม แ ข็ ง เ พื่ อ ฝ่ า ฟั น อุ ป ส ร ร ค
รวมทัง้ ได้เขียนนิ ยายหลายเล่มทัง้ นิยายปลุกใจรักชาติ เช่นใครฆ่าพระเจ้ากรุงธน กรุงแตก
ครุ ฑ ด า ฯลฯ นั บ เป็ นจุ ด เริ่ ม ต้ น ในการสร้ า งความคิ ด “รัก ชาติ ” ในใจของคนไทย
จากทีร่ ชั กาลที่ 6 เคยทรงริเริม
่ ในราชสานัก ให้ออกไปสูส่ ามัญชนอย่างกว้างขวาง
ต่ อ ม า ใ น ปี ค .ศ .1 9 3 4 ( พ .ศ . 2 4 7 7 )
จึ ง ม า ด า ร ง ต า แ ห น่ ง ส า คั ญ ใ น ชี วิ ต ข อ ง ท่ า น คื อ ก า ร เป็ น อ ธิ บ ดี ก ร ม ศิ ล ป า ก ร
ใน ช่ ว ง นี้ ห ล ว ง วิ จิ ต ร ว าท ก าร ไ ด้ รั บ ม อ บ ห ม าย ให้ ม าท าง าน "ป ลู ก ต้ น รั ก ช า ติ "
ขึ้น ในหัวใจประชาชน อัน กลายเป็ น ตราประทับ ที่โ ดดเด่น ที่สุ ด ในชี วิต ของหลวงวิจิตรฯ
โดยการแต่งละครประวัติศาสตร์ เช่น เรื่อง น่ านเจ้า เลือดสุพ รรณ ราชมนู พระเจ้ากรุงธน
อ า นุ ภ า พ แ ห่ ง ค ว า ม รั ก ศึ ก ถ ล า ง เ จ้ า ห ญิ ง แ ส น ห วี ฯ ล ฯ
และสิ่งที่ต ามมากับ ละครประวัติศ าสตร์ ก็ คือ บทเพลงปลุ ก ใจให้รกั ชาติ เช่น เลือ ดสุพ รรณ
ร ว ม ไ ท ย เ ดิ น รั ก ช า ติ ท ห า ร ข อ ง ช า ติ ฯ ล ฯ
การทางานชาตินิยมของหลวงวิจต ิ รวาทการนี้นบ ั ว่าตรงกับช่วงทีป ่ ระเทศไทยกาลังเข้าสูส่ งคร
า ม ม ห า เ อ เ ชี ย บู ร พ า
จึง มี ส่ว นอย่ า งยิ่ ง ที่ ท าให้ ค นไทยในยามสงครามมี จิต ใจรัก ชาติ จ นยอมเสี ย สละเพื่ อ ชาติ
ประเทศไทยจึงผ่านพ้นสงครามโดยยังรักษาเอกราชอธิปไตยไว้ได้

พ ร้ อ ม ๆ กั บ ที่ เป็ น อ ธิ บ ดี ก ร ม ศิ ล ป า ก ร เมื่ อ จ อ ม พ ล ป . พิ บู ล ส ง ค ร า ม


ขึ้นมาดารงตาแหน่ งเป็ นนายกรัฐมนตรีในสมัยแรกช่วง ค.ศ.1938 – 1944 (พ.ศ.2481 –
2487) หลวงวิจิต วาทการก็ ไ ด้ร บ ั ความไว้ว างใจให้ด ารงต าแหน่ ง ที่สาคัญ ในรัฐ บาลของ
จ อ ม พ ล ป . ม า ต ล อ ด แ ล ะ เ ป็ น รั ฐ ม น ต รี ล อ ย อ ยู่ ห ล า ย ปี
ท่า นก็ ไ ด้ เลื่อ นขั้น เป็ นรัฐ มนตรี ช่ ว ยว่า การกระทรวงศึ ก ษาธิก าร เมื่อ ค.ศ.1940 (พ.ศ.
2483) ในระหว่างนี้ หลวงวิจิตรฯ ได้เสนอยุทธศาสตร์ของชาติในภาวะคับขันไปยังจอมพล
ป.พิบูลสงคราม โดยมีสาระสาคัญได้แก่ ภัยญีป ่ ุ่ นต่อชาติเอเชียซึง่ มีทา่ ทีวา่ ญีป
่ ุ่ นจะเป็ นผูช
้ นะ
ห ล ว งวิ จิ ต ร เส น อ ต่ อ จ อ ม พ ล ป . ว่ า ไ ท ย ค ว ร เข้ าร่ ว ม ฝ่ าย อัก ษ ะเพ ร าะ ก าลัง มี ชั ย
ไทยจึงจะรอดพ้น จากการถูกทาลายและได้รบ ั ผลประโยชน์ จากการที่ให้ญี่ปุ่นเดิน ทัพผ่าน
เช่นการรับมอบดินแดน การจัดหาอาวุธ การควบคุมทรัพย์สน ิ ชาติสมั พันธมิตร เป็ นต้น
เมือ
่ กองทัพญีป ่ ุ่ นรุกรานประเทศไทยในช่วงเดือนธันวาคม ค.ศ.1941 (พ.ศ.2484)
หลวงวิจต ิ รวาทการเป็ นหนึ่งในฝ่ ายทีส่ นับสนุนให้ไทยเป็ นพันธมิตรกับญีป ่ นอย่
ุ่ างแข็งขันในที่
ป ร ะ ชุ ม ค ณ ะ รั ฐ ม น ต รี จ น น าไ ป สู่ ก าร ตั้ ง ก ติ ก าสั ญ ญ าพั น ธ ไ ม ต รี ไ ท ย – ญี่ ปุ่ น
ที่ ก ร ะ ชั บ ค ว า ม ร่ ว ม มื อ ท า ง ท ห า ร ก า ร เ มื อ ง แ ล ะ เ ศ ร ษ ฐ กิ จ
ใน เดื อ น เดี ย วกัน ก็ ไ ด้ เ ลื่ อ น ขึ้ น เป็ น รัฐ มน ตรี ช่ ว ยว่ า การก ระทรวงการต่ า งประเทศ
ต่อมาหลวงวิจิต รได้สนับสนุ น ให้ ไทยประกาศสงครามต่อ บริเตนใหญ่แ ละสหรัฐ อเมริก า
เ มื่ อ เ ดื อ น ม ก ร า ค ม ค . ศ . 1 9 4 2 ( พ . ศ . 2 4 8 5 )
แ ม้ ฝ่ า ย ญี่ ปุ่ น จ ะ ไ ม่ ไ ด้ เ ห็ น ช อ บ กั บ ท่ า ที นี้ เ ต็ ม ที่ ก็ ต า ม
เพราะบริติชและอเมริกาได้สง่ เครื่องบินมาทิง้ ระเบิดรุกรานประเทศไทยอย่างไม่ เป็ นธรรม
การประกาศ สงค รามนี้ นั บ ว่ า ส าคัญ มาก เพ ราะเป็ น การแ สดงท่ า ที ต่ อ สากลโลกว่ า
ไ ท ย มี เ จ ต น า เ ป็ น ศั ต รู กั บ สั ม พั น ธ มิ ต ร อ ย่ า ง เ ต็ ม ที่
อันเป็ นเงือ
่ นไขทีท
่ าให้สมั พันธมิตรผูช
้ นะบางชาติเช่นบริตช
ิ จะหาเหตุลงโทษไทยเมือ่ สงคราม
ยุติ

อ ย่ า ง ไ ร ก็ ต า ม เ มื่ อ ส ง ค ร า ม ยุ ติ แ ล้ ว
ห ล ว ง วิ จิ ต ร ว า ท ก า ร ไ ด้ เ ขี ย น ชี้ แ จ ง เ ห ตุ ผ ล ใ น ก า ร ป ร ะ ก า ศ ส ง ค ร า ม ว่ า
เพราะการประกาศสงครามนั้นจะช่วยให้ไทยมีสท ิ ธิเ์ ข้าไปควบคุมทรัพย์สนิ และบุคคลชาติสมั
พัน ธมิ ต รได้ เ ต็ ม ที่ จนคนเหล่ า นี้ ปลอดภัย จากการละเมิ ด อย่ า งทารุ ณ ของฝ่ ายญี่ ปุ่ น
ประการต่อมาการประกาศสงครามนี้ได้ชว่ ยให้ไทยมีศกั ดิศ ์ รีในฐานะพันธมิตรทีเ่ ท่าเทียมญีป
่ ุ่
น เพราะมีศตั รูรว่ มกัน
แ ล ะ เ มื่ อ เ ดื อ น มิ ถุ น า ย น ค . ศ . 1 9 4 2 ( พ . ศ . 2 4 8 5 )
ได้ย้ายมาดารงตาแหน่ งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อเข้าสู่ปี ค.ศ.1943
( พ . ศ . 2 4 8 6 ) ต ร ง กั บ ช่ ว ง ที่ ญี่ ปุ่ น ก า ลั ง จ ะ ม อ บ เ อ ก ร า ช ใ ห้ พ ม่ า นั้ น
รั ฐ ม น ต รี ต่ า ง ป ร ะ เ ท ศ ห ล ว ง วิ จิ ต ร ฯ ไ ด้ ท า บ ท า ม น า ย เ ท อิ จิ ท สุ โ บ ก า มิ
เ อ ก อั ค ร ร า ช ทู ต ญี่ ปุ่ น ป ร ะ จ า ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย แ ล ะ น า ย อ า โ อ กิ ค า ซู โ อ ะ
รัฐ ม น ต รี ว่ า ก าร ก ร ะท ร ว งกิ จ ก าร ม ห าเอ เชี ย บู ร พ า เมื่ อ เดิ น ท างม าป ร ะ เท ศ ไ ท ย
ว่ า ไทย ค วรจะได้ เ ป็ น เจ้ า ข องดิ น แ ด น รัฐ ฉ าน ด้ า น ตะวัน ออก ของแ ม่ น้ าสาละวิ น
และสีร่ ฐั มลายูตอนบน ต่อมาเรือ่ งนี้ได้เข้าสูท ่ ป ี่ ระชุมคณะรัฐมนตรีญป ี่ น ุ่ รัฐบาลพลเอก ฮิเดกิ
โ ต โ จ ไ ด้ อ นุ มั ติ ม อ บ ดิ น แ ด น แ ก่ ไ ท ย ป ร ะ ม า ณ 7 4 ,6 0 0 ต า ร า ง กิ โ ล เม ต ร
เพื่อหวังที่จะเอาใจไทยให้เป็ นพัน ธมิตรที่แน่ น แฟ้ น อย่างไรก็ ตามก่อนที่จะได้รบ ั ดินแดน
หลวงวิจิต รวาทการได้ เสนอเรื่อ งไปยัง จอมพล ป.พิ บู ล สงคราม นายกรัฐ มนตรี จอมพล
ป .ก ลับ แ ท งเรื่ อ งล งม าว่ า ไ ม่ เห็ น ด้ ว ย ที่ ไ ท ย จ ะ ไ ป เรี ย ก ร้ อ งข อ ดิ น แ ด น จ าก ญี่ ปุ่ น
เ พ ร า ะ อ า จ ท า ใ ห้ ญี่ ปุ่ น มี บุ ญ คุ ณ แ ล้ ว ข อ อ ะ ไ ร ๆ จ า ก เ ร า ไ ด้
นอกจากนี้อาจกลายเป็ นภาระทัง้ การจัดการ และภาระทางการเมืองระหว่างประเทศ

หลัง จากนั้น ในช่ ว งเดื อ นตุ ล าคม ค.ศ.1943 (พ.ศ.2486) หลัง จากที่ น ายดิ เรก
ชัยนามพ้น จากต าแหน่ งเอกอัครราชทูต ไทยประจาประเทศญี่ปุ่น ด้วยเหตุ ผ ลด้านสุขภาพ
ป ร า ก ฏ ว่ า ไ ม่ มี ผู้ ใ ด ใ น แ ว ด ว ง ก า ร ทู ต ไ ท ย ที่ จ ะ ย อ ม ไ ป ท า ห น้ า ที่ นี้ เ ล ย
เ พ ร า ะ ญี่ ปุ่ น ก า ลั ง ถู ก โ จ ม ตี ท า ง อ า ก า ศ แ ล ะ ท ะ เ ล อ ย่ า ง รุ น แ ร ง
แ ล ะ ญี่ ปุ่ น อ า จ ถู ก ตั ด ข า ด จ า ก ไ ท ย ไ ด้
เพราะญีป ่ ุ่ นต้องพ่ายแพ้ในสมรภูมท ิ างทะเลหลายแห่งจนต้องสูญเสียน่ านน้าสาคัญให้แก่สหรั
ฐ ไ ป มี เ พี ย ง ห ล ว ง วิ จิ ต ร ว า ท ก า ร ที่ ก ล้ า อ า ส า ไ ป รั บ ต า แ ห น่ ง นี้
จึ ง ไ ด้ รั บ แ ต่ ง ตั้ ง ใ ห้ ด า ร ง ต า แ ห น่ ง เอ ก อั ค ร ร า ช ทู ต ไ ท ย ป ร ะ จ า ป ร ะ เท ศ ญี่ ปุ่ น
ห น้ า ที่ ข อ ง เ อ ก อั ค ร ร า ช ทู ต ไ ท ย ป ร ะ จ า ญี่ ปุ่ น ใ น ย า ม นี้ คื อ 1 )
การลดความหวาดระแวงของญี่ ปุ่ นที่มี ต่อ ไทย เพื่ อ ไม่ใ ห้ญี่ ปุ่ นยึด ครองประเทศไทย 2)
ยื น ยัน ในเอกราชของประเทศไทย ที่ ญี่ ปุ่ นต้ อ งเคารพและปฏิ บ ต ั ิ ต่ อ ไทยอย่ า งเท่ า เที ย ม
รวมทัง้ ควรช่วยเหลือ ไทย 3) ดูแ ลสวัส ดิภาพคนไทยในญี่ปุ่นเช่น ข้าราชการและนัก เรีย น
โดยเฉพาะในยามทีญ ่ ปี่ นประสบภั
ุ่ ยทางอากาศอย่างรุนแรง

ด้ ว ย ก า ร ก ร ะ ท า ข อ ง ห ล ว ง วิ จิ ต ร ว า ท ก า ร ต ล อ ด ส ง ค ร า ม
จึ ง ท า ใ ห้ ภ า พ ลั ก ษ ณ์ ข อ ง ห ล ว ง วิ จิ ต ร ฯ เ ป็ น ผู้ นิ ย ม อั ก ษ ะ อ ย่ า ง ชั ด เ จ น
มีสว่ นทีท
่ าให้โลกเห็นว่าไทยเป็ นศัตรูของฝ่ ายสัมพันธมิตร

หลังสงครามมหาเอเชียบูรพายุตลิ ง หลวงวิจต ิ รวาทการต้องหาฐานอาชญากรสงคราม


และถูกเจ้าหน้ าที่ในกองทัพ บกอเมริกน ั ที่กรุงโตเกีย วจับตัวไปคุมขัง ตัง้ แต่เดือนกันยายน
ค .ศ .1 9 4 5 (พ .ศ .2 4 8 8 ) ภายห ลัง ได้ ถู ก ส่ ง ตัว เข้ า ก รุ ง เท พ ฯ ถู ก ขัง อยู่ ที่ ส ัน ติ บ าล
และที่เรื อ นลหุ โทษ ถู ก ด าเนิ น คดี อ าชญากรรมสงครามร่ว มกับ บุ ค คลสาคัญ เช่ น จอมพล
ป.พิบูลสงคราม พลเอก หลวงพรหมโยธี พลเอก หลวงเสรีเริงฤทธิ ์ ฯลฯ จนถึงเดือนมีนาคม
ค . ศ . 1 9 4 6 ( พ . ศ . 2 4 8 9 )
ศ า ล ฎี ก า ไ ท ย จึ ง ไ ด้ พิ พ า ก ษ า ว่ า พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ อ า ช ญ า ก ร ส ง ค ร า ม โ ม ฆ ะ
และได้ปล่อยตัวผูต ้ อ้ งหาทัง้ หมด
หลัง จากนั้ น ห ลวงวิ จิ ต รวาทการได้ ย ัง ชี พด้ ว ยการประพัน ธ์ น วนิ ยายแน วรัก
และเมือ
่ จอมพล ป.พิบูลสงครามได้กลับมาเป็ นนายกรัฐมนตรี เมือ ่ ค.ศ.1948 (พ.ศ.2491)
หลวงวิจิ ต รวาทการจึง ได้ ร บ
ั ต าแหน่ ง ส าคัญ เช่ น เอกอัค รราชทู ต ประจ าประเทศอิน เดี ย
สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรีย และยูโกสลาเวีย จนเมือ ่ จอมพล สฤษดิ ์ ธนะรัชต์กอ่ การปฏิวตั เิ มือ

ค.ศ.1958 (พ.ศ.2501) หลวงวิจิตรวาทการได้เป็ นที่ปรึกษาคู่ คด ิ สาคัญของจอมพลสฤษดิ ์
ใ น ต า แ ห น่ ง ที่ ป รึ ก ษ า ค ณ ะ ป ฏิ วั ติ ป ลั ด ส า นั ก น า ย ก รั ฐ ม น ต รี
และเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ จนถึงแก่อนิจกรรมเมือ่ ค.ศ.1962 (พ.ศ.2505)

1.5 นายดิเรก ชัยนาม

น า ย ดิ เ ร ก เ กิ ด เ มื่ อ ค . ศ . 1 9 0 4 ( พ . ศ . 2 4 4 7 )
มีภูมห
ิ ลังเป็ นนักเรียนกฎหมายของกระทรวงยุตธิ รรม สาเร็จการศึกษาได้เป็ นเนติบณ ั ฑิตใน
ค.ศ .1 9 2 8 (พ .ศ .2 4 7 1) เริ่ ม รับ ราช การเป็ น ล่ า ม กฎ ห มายใน กระท รวงยุ ติ ธ รรม
และได้เข้ามามีส่ว นร่ว มในคณะผู้ก่อ การเปลี่ยนแปลงการปกครองในวัน ที่ 24 มิถุ น ายน
ค . ศ . 1 9 3 2 ( พ . ศ . 2 4 7 5 )
และต่อมาได้ดารงตาแหน่ งเลขานุการรัฐมนตรีวา่ การกระทรวงการต่างประเทศ
ใ น ค . ศ . 1 9 3 8 ( พ . ศ . 2 4 8 1 ) ข ณ ะ อ า ยุ ไ ด้ 3 4 ปี น า ย ดิ เ ร ก
ชัยนามได้รบ ั แต่งตัง้ เป็ นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศในรัฐบาล จอมพล
ป .พิ บู ล ส งค ร าม ทั้ ง ยั ง ด าร งต าแ ห น่ งเล ข าธิ ก าร ค ณ ะ รัฐ ม น ต รี ใน ข ณ ะ นั้ น ด้ ว ย
นายดิ เ รกได้ ร บ ั แต่ ง ตั้ง ให้ ด ารงต าแหน่ งรัฐ มนตรี ว่ า การกระ ทรวงการต่ า งประเทศ
แทนจอมพล ป. ทีพ ่ น
้ จากตาแหน่ งในเดือนตุลาคม ค.ศ.1941 (พ.ศ.2484)
ในวัน ที่ 8 ธัน วาคม ค.ศ.1941 (พ.ศ.2484) วัน ที่ก องทัพ ญี่ ปุ่ นบุ ก ประเทศไทย
น า ย ดิ เร ก ชั ย น า ม ใ น ฐ า น ะ รั ฐ ม น ต รี ว่ า ก า ร ก ร ะ ท ร ว ง ก า ร ต่ า ง ป ร ะ เท ศ
ไ ด้ เป็ น ผู้ เจ ร จ าให้ ฝ่ าย ญี่ ปุ่ น ยิ น ย อ ม ร อ ก าร ก ลับ ม าข อ งจ อ ม พ ล ป .พิ บู ล ส งค ร าม
น า ย ก รั ฐ ม น ต รี แ ล ะ ผู้ บั ญ ช า ก า ร ท ห า ร สู ง สุ ด ที่ ก า ลั ง ต ร ว จ ร า ช ก า ร ช า ย แ ด น
จนเมื่ อ คณ ะรัฐ มน ตรี มี ม ติ น ายดิ เ รกก็ เ ป็ นผู้ ที่ เ จรจายิ น ยอมให้ ใ ห้ ญี่ ปุ่ นเดิ น ทัพ ผ่ า น
โ ด ย ไ ท ย จ ะ ยั ง ค ง รั ก ษ า ค ว า ม เ ป็ น ก ล า ง ไ ม่ เ ข้ า ร่ ว ม พั น ธ มิ ต ร กั บ ญี่ ปุ่ น
แ ล ะ ไ ม่ ป ร ะ ก า ศ ตั ว เป็ น ศั ต รู กั บ ทั้ ง ญี่ ปุ่ น แ ล ะ สั ม พั น ธ มิ ต ร แ ต่ แ ล้ ว ใ น 3
วันต่อมาเมือ ่ ญีป
่ นได้
ุ่ ทาข้อตกลงใหม่ โดยจะให้ไทยร่วมมือเป็ นพันธมิตรกับญีป ่ น ุ่ นายปรีดี
พ น ม ย ง ค์ พ ล ต า ร ว จ เอ ก ห ล ว ง อ ดุ ล เด ช จ รั ส แ ล ะ น า ย ดิ เร ก ชั ย น า ม ฯ ล ฯ
ไ ด้ คั ด ค้ า น ก า ร เป็ น พั น ธ มิ ต ร กั บ ญี่ ปุ่ น อ ย่ า ง แ ข็ ง ขั น แ ต่ คั ด ค้ า น ไ ด้ ไ ม่ ส า เร็ จ
จนเกิดการลงนามในกติกาสัญญาพันธไมตรีระหว่างไทยและญีป ่ น
ุ่

ใ น ช่ ว ง เ ดื อ น ธั น ว า ค ม ค . ศ . 1 9 4 1 ( พ . ศ . 2 4 8 4 )
น า ย ดิ เร ก ไ ด้ ร่ ว ม ก่ อ ตั้ ง ข บ ว น ก า ร เส รี ไ ท ย ร่ ว ม กั บ น า ย ป รี ดี พ น ม ย ง ค์
ผู้ ส า เ ร็ จ ร า ช ก า ร แ ท น พ ร ะ อ ง ค์ แ ล ะ บุ ค ค ล ส า คั ญ ท่ า น อื่ น ๆ
โดยในชั้น แรกตกลงที่ จ ะหาหนทางติ ด ต่ อ กับ ชาติ ส ม ั พัน ธมิ ต รเช่ น จี น บริ ติ ช สหรัฐ
เพือ่ สร้างความเข้าใจกับไทยและเพือ ่ ขอความสนับสนุนแก่กองกาลังใต้ดน ิ

ต่ อ ม า ช่ ว ง ค . ศ . 1 9 4 2 – 1 9 4 3 ( พ . ศ . 2 4 8 5 – 2 4 8 6 )
น า ย ดิ เร ก พ้ น จ า ก ต า แ ห น่ ง รั ฐ ม น ต รี ว่ า ก า ร ก ร ะ ท ร ว ง ก า ร ต่ า ง ป ร ะ เ ท ศ
แ ล ะ ไ ด้ ไ ป ด า ร ง ต า แ ห น่ ง เอ ก อั ค ร ร า ช ทู ต ไ ท ย ณ ก รุ ง โ ต เกี ย ว ป ร ะ เท ศ ญี่ ปุ่ น
ท่ า น ส า ม า ร ถ ป ฏิ บั ติ ห น้ า ที่ ไ ด้ เ ป็ น อ ย่ า ง ดี โ ด ย 1 )
ส ร้ า ง ค ว า ม น่ า เ ชื่ อ ถื อ แ ล ะ ค ว า ม เ ก ร ง ใ จ ใ ห้ กั บ ฝ่ า ย ญี่ ปุ่ น เ ป็ น อ ย่ า ง ม า ก
เ พื่ อ รั ก ษ า ศั ก ดิ ์ ศ รี ข อ ง ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย ไ ม่ ใ ห้ ต ก เ ป็ น เ บี้ ย ล่ า ง ข อ ง ญี่ ปุ่ น
เช่ น ก า ร เส น อ ค ว า ม เห็ น คั ด ค้ า น ก า ร ตั้ ง ก ร ะ ท ร ว ง กิ จ ก า ร ม ห า เอ เชี ย บู ร พ า
(ที่ มี แ นวโน้ มใน การควบคุ ม ชาติ เ อเชี ยใน ด้ า นการทู ต เศรษฐกิ จ และวัฒ นธรรม)
และการให้ ค าแนะน าแก่ พ ลโท อาเคโตะ นากามู ร ะ แม่ ท พ ั ญี่ ปุ่ นประจ าประเทศไทย
ใ ห้ ดู แ ล ท ห า ร ญี่ ปุ่ น ใ น ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย ไ ม่ ใ ห้ รั ง แ ก ค น ไ ท ย
อั น จ ะ ช่ ว ย ใ ห้ ค น ไ ท ย ย อ ม รั บ ท ห า ร ญี่ ปุ่ น ม า ก ขึ้ น
ซึ่ ง นายพลนากามู ร ะถื อ เป็ นวิ น ัย พื้ น ฐานของกองทัพ อย่ า งเคร่ ง ครัด จนสิ้ น สงคราม 2)
รวมทัง้ ยับยัง้ ไม่ให้ประเทศไทยและญีป ่ นต้ ุ่ องผูกพันกันมากเกินความจาเป็ นเช่นการคัดค้านก
ารเข้าเป็ นสมาชิกภาคีอกั ษะของรัฐบาลไทย
ในด้านกิจการสถานทูตนายดิเรกได้หาซื้อบ้านเก่ามาเป็ นทีต ่ ง้ ั สถานเอกอัครราชทูตไท
ย ป ร ะ จ า ก รุ ง โ ต เ กี ย ว ใ น ย่ า น ที่ เ ห ม า ะ ส ม แ ก่ ก า ร ติ ด ต่ อ รั ฐ บ า ล ญี่ ปุ่ น
ใ น ร า ค า ที่ ไ ม่ เ บี ย ด บั ง ง บ ป ร ะ ม า ณ รั ฐ บ า ล ไ ท ย จ น เ กิ น จ า เ ป็ น
ซึง่ อาคารแห่งนี้ยงั คงเป็ นทีต
่ ง้ ั สถานทูตไทยมาจนปัจจุบน ั
นอกจากนี้ ใ นด้ า นงานเสรี ไ ทยนายดิเรกได้ ร บั มอบหมายจากนายปรี ดี พนมยงค์
หัว ห น้ าขบวน การเสรี ไ ทยให้ หาช่ อ งทางติ ด ต่ อ กับ รัฐ บาลจี น เจี ย งไคเชคจากญี่ ปุ่ น
แ ต่ น า ย ดิ เ ร ก ไ ม่ ป ร ะ ส บ ค ว า ม ส า เ ร็ จ
เพราะรัฐบาลญีป่ นควบคุ
ุ่ มการเคลือ
่ นไหวของทูตชาติตา่ งๆ อย่างเคร่งครัด

เ ดื อ น พ ฤ ศ จิ ก า ย น ค . ศ . 1 9 4 3 ( พ . ศ . 2 4 8 6 ) น า ย ดิ เ ร ก
ชัย นามได้ ร บ
ั ต าแหน่ งรัฐ มนตรี ว่ า การกระทรวงการต่ า งประเทศ ในรัฐ บาลจอ มพล
ป . พิ บู ล ส ง ค ร า ม
ในตาแหน่ งนี้นายดิเรกจะต้องเจรจาไม่ให้กองทัพญีป ่ นในประเทศไทยกู
ุ่ เ้ งินจากรัฐบาลไทยเกิ
น ก า ลั ง ที่ ไ ท ย จ ะ ใ ห้ กู้ ไ ด้
รวมทัง้ ได้ขอให้ญี่ปุ่นเพิ่มความช่วยเหลือไทยในด้านสินค้าจาเป็ นเช่นเสื้อผ้า ยารักษาโรค
จนเมือ
่ รัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงครามลาออกเมือ ่ เดื อนกรกฎาคม ค.ศ.1944 (พ.ศ.2487)
นายดิเรกจึงพ้นจากตาแหน่ งรัฐมนตรีไปด้วย

หลัง จากที่ น ายดิ เรก ชัย นามพ้ น จากต าแหน่ งรัฐ มนตรี แ ล้ ว ตั้ง แต่ ค.ศ.1944
(พ .ศ .2 4 8 7 ) จ น ส ง ค ร า ม ยุ ติ เมื่ อ เดื อ น สิ ง ห า ค ม ค .ศ .1 9 4 5 ( พ .ศ .2 4 8 8 )
นายดิเรกจึงได้ดาเนิ นงานเสรีไทยอย่างเต็ มตัว โดยเป็ นหัวหน้ า กองกลาง ดูแ ลด้านธุรการ
ก า ร ป ร ะ ส า น ค ว า ม เ ข้ า ใ จ ร ะ ห ว่ า ง ส ม า ชิ ก ง า น ใ ต้ ดิ น ก า ร เ งิ น
ที่ ส า คั ญ น า ย ดิ เร ก ยั ง เป็ น คู่ คิ ด ใ น ก า ร ด า เนิ น ง า น ใ ต้ ดิ น ใ ห้ แ ก่ น า ย ป รี ดี
โดยเฉพาะด้านการต่างประเทศ
เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.1945 (พ.ศ.2488) ก่อนที่สงครามมหาเอเชี ยบูรพาจะสิน ้ สุด
นายดิ เรก ชัย นามได้ ร บ ั มอบหมายจากนายปรี ดี พนมยงค์ หัว หน้ า ขบวนการเสรี ไ ทย
ใ ห้ เป็ น หั ว ห น้ า ค ณ ะ ตั ว แ ท น จ า ก ป ร ะ เท ศ ไ ท ย ซึ่ ง มี พ ล โ ท ห ล ว ง ช า ติ นั ก ร บ
เส น าธิ ก าร ก อ งทั พ บ ก แ ล ะ น าย ถ นั ด ค อ มั น ต ร์ ป ร ะ จ าก ร ม ก าร เมื อ ง ต ะ วัน ต ก
เป็ นเลขานุ การคณะ ไปเจรจาท าข้ อ ตกลงทางยุ ท ธศาสตร์ ท างทหารกับ ทางฝ่ ายบริ ติ ช
ที่ ก องบัญ ชาการสัม พัน ธมิ ต รภาคเอเชี ยอาคเนย์ (South – East Asia Command)
เ มื อ ง แ ค น ดี เ ก า ะ ซี ล อ น ( ศ รี ลั ง ก า )
นอกจากนี้ นายดิ เ รกยัง ได้ พ บปะสน ทน าอย่ า งไม่ เ ป็ น ทางการกับ น าย เอ็ ม ดี เดนิ่ ง
ที่ ป รึ ก ษ า ด้ า น ก า ร เ มื อ ง ข อ ง จ อ ม พ ล เ รื อ เ อิ ร์ ล เ ม า น ท์ แ บ ต เ ต น
เพื่อ ปรับ ความสัม พัน ธ์ ก บ ั สหราชอาณาจัก รฯ ที่เคยมี ปัญ หากัน จากการที่ร ฐั บาลจอมพล
ป.พิบลู สงตรามประกาศสงครามเมือ่ สามปี ก่อน
เ มื่ อ ส ง ค ร า ม ม ห า เ อ เ ชี ย บู ร พ า สิ้ น สุ ด ล ง น า ย ดิ เ ร ก ชั ย น า ม
ได้ เข้ า รับ ต าแหน่ งส าคัญ เช่ น รัฐ มนตรี ว่ า การกระทรวงการคลัง รองนายกรัฐ มนตรี
เอกอัครราชทูตไทยไปประจาทีร่ าชสานักเซนต์เจมส์ ณ กรุงลอนดอน ต่อมาหลังรัฐประหาร
ค . ศ . 1 9 4 7 ( พ . ศ . 2 4 9 0 ) น า ย ดิ เ ร ก พ้ น จ า ก ง า น ก า ร เ มื อ ง แ ล ะ ก า ร ทู ต
จึ ง ไ ด้ ก่ อ ตั้ ง ค ณ ะ รั ฐ ศ า ส ต ร์ ม ห า วิ ท ย า ลั ย วิ ช า ธ ร ร ม ศ า ส ต ร์ แ ล ะ ก า ร เมื อ ง
แ ล ะ เ ป็ น ค ณ บ ดี ท่ า น แ ร ก
โด ย ไ ด้ รับ แ ต่ งตั้ ง เป็ น ศ าส ต ร าจ าร ย์ ด้ าน รัฐ ศ าส ต ร์ ข อ งม ห าวิ ท ย าลัย แ ห่ งนี้ ด้ ว ย
สุ ด ท้ า ยได้ เป็ นเอกอัค รราชทู ต ชั้น 1 เป็ นกรณี พิ เศษ ณ กรุ ง บอนน์ ประเทศเยอรมนี
จนเกษี ยณอายุราชการใน ค.ศ.1965 (พ.ศ. 2508)

น า ย ดิ เ ร ก ชั ย น า ม
มีผลงานวิชาการสาคัญเป็ นจานวนมากในด้านการต่างประเทศและรัฐศาสตร์ ชิ้นสุดท้ายคือ
“ไ ท ย กั บ ส ง ค ร า ม โ ล ก ค รั้ ง ที่ 2 ” ที่ น า ย ดิ เร ก ไ ด้ อ ธิ บ า ย ส ถ า น ก า ร ณ์ ส ง ค ร า ม
ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ร ะ ห ว่ า ง ไ ท ย กั บ ป ร ะ เ ท ศ ต่ า ง ๆ ร ะ ห ว่ า ง ส ง ค ร า ม
แ ล ะ ก า ร ด า เนิ น ง า น ข อ ง น า ย ดิ เร ก ใ น ด้ า น ก า ร ต่ า ง ป ร ะ เท ศ ร ะ ห ว่ า ง ส ง ค ร า ม
นับ เป็ นหลัก ฐานต้ น ฉบับ ที่ ส าคัญ แก่ ก ารศึ ก ษาประวัติ ศ าสตร์ ส งครามมหาเอเชี ย บู ร พา
โดยพิมพ์หนังสือได้สาเร็จเรียบร้อยก่อนทีจ่ ะถึงแก่อนิจกรรมเมือ่ เดือนพฤษภาคม ค.ศ.1967
(พ.ศ. 2509)

1.6 พลเอก หลวงเสนาณรงค์ (ศักดิ ์ เสนาณรงค์)

ท่านนี้ เติบโตในชีวต ิ ราชการตามแบบฉบับทหารอาชีพทีไ่ ม่มีเส้นสายในทางการเมือง


จนได้เป็ น ผูบ ้ ญั ชาการกองพลที่ 6 และมณฑลทหารบกที่ 6 ซึง่ รับผิดชอบพื้นทีภ ่ าคใต้ทง้ ั หมด
เมื่อ ถึงวัน ที่ 8 ธัน วาคม ค.ศ. 1941 (2484) เมื่อ ญี่ปุ่นเปิ ดฉากสงครามมหาเอเชี ย บูร พา
โดยได้สง่ กาลังทหารกองทัพที่ 25 บุกภาคใต้ของไทย พลตรี หลวงเสนาณรงค์ (ยศขณะนั้น)
จึงได้บญ ั ชาการทหารกองพลที่ 6 ตลอดจนตารวจ ข้าราชการพลเรือน ยุวชนทหาร ประชาชน
ทั้ ง ที่ ชุ ม พ ร น ค ร ศ รี ธ ร ร ม ร า ช ส ง ข ล า ปั ต ต า นี
และแม้จ งั หวัด ที่ไ ม่มี ก องทหารเช่ น สุ ร าษฎร์ ธ านี ท าการรบต่อ สู้ก บ ั ญี่ ปุ่ นอย่า งกล้า หาญ
การรบในบางแห่ ง ไทยสามารถหยุ ด ทัพ ญี่ ปุ่ นได้ เช่ น ที่ ส งขลาและนครศรี ธ รรมราช
บ า ง จั ง ห วั ด เ ช่ น ที่ สุ ร า ษ ฎ ร์ ธ า นี แ ม้ ไ ม่ มี ก อ ง ท ห า ร ไ ท ย
แ ต่ ข้ า ร า ช ก า ร แ ล ะ ป ร ะ ช า ช น ก็ ร่ ว ม กั น ต่ อ สู้ ผู้ รุ ก ร า น
จน ถึ ง กับ เผ าอาค ารส าคั ญ ไม่ ใ ห้ ญี่ ปุ่ น ยึ ด ค รองเมื่ อ เห็ น ว่ า จะต้ า น ทาน ญี่ ปุ่ น ไม่ ไ ด้
ที่ จั ง ห วั ด ปั ต ต า นี ร บ กั น จ น ถึ ง กั บ ผู้ บั ง คั บ ก อ ง พั น ข อ ง ไ ท ย เสี ย ชี วิ ต ใ น ก า ร ร บ
ทีช่ ุ มพรได้เกิดวีรกรรมยุวชนทหารอันโดดเด่น เคียงข้างทหาร ตารวจ และประชาชนไทย
แม้จะต้องเสียเปรียบญีป ่ นก็ ุ่ ตาม จนกระทั่งรัฐบาลไทยมีคาสั่งให้หยุดยิงในวันเดียวกัน
ภ า ย ห ลั ง วั น ที่ 8 ธั น ว า ค ม ค . ศ . 1 9 4 1 ( พ . ศ . 2 4 8 4 ) พ ล ต รี
หลวงเสนาณรงค์ ย งั คงอยู่ใ นต าแหน่ ง เดิม แต่ต้อ งมี ภ าระรับผิด ชอบที่ห นัก ไม่แ พ้ ก ารรบ
เช่ น ก า ร ติ ด ต า ม ก า ร เค ลื่ อ น ไ ห ว ข อ ง ก อ ง ท ห า ร ญี่ ปุ่ น ไ ม่ ใ ห้ คุ ก ค า ม ไ ท ย
ก า ร เจ ร จ า ต่ อ ร อ ง ค ดี พิ พ า ท ค น ไ ท ย กั บ ท ห า ร ญี่ ปุ่ น ญี่ ปุ่ น ใ น เข ต ภ า ค ใ ต้
ก า ร ป ก ค ร อ ง ดิ น แ ด น สี่ รั ฐ ม ล า ยู ต อ น บ น ที่ ไ ท ย รั บ ม อ บ จ า ก ญี่ ปุ่ น
ก า ร ค ว บ คุ ม สิ น ค้ า จ า เป็ น ใ น เข ต ภ า ค ใ ต้ ไ ม่ ใ ห้ ญี่ ปุ่ น แ ย่ ง ซื้ อ จ น ข า ด ต ล า ด
ที่ รุ น แ ร ง ที่ สุ ด คื อ ก ร ณี ร ะ น อ ง เ มื่ อ เ ดื อ น ก ร ก ฎ า ค ม 2 4 8 7
(เมื่ อ ญี่ ปุ่ นโจมตี ท หารไทยยึ ด เมื อ งระนอง เพราะเข้ า ใจผิ ด ว่ า มี ต าสั่ง ปลดอา วุ ธ ไทย)
ซึ่ ง ท่ า น มี ส่ ว น ใ น ก า ร เจ ร จ า ใ ห้ ญี่ ปุ่ น ย อ ม ข อ ข ม า ไ ท ย แ ล ะ ช ด ใ ช้ ค ว า ม เสี ย ห า ย
ใน ปี สุ ด ท้ า ยข องสงค ราม ท่ า น เลื่ อ น ยศ เป็ น พ ลโท แ ละย้ า ยไป เป็ น ผู้ ช่ ว ยแ ม่ ท ัพ บ ก
(ขณะนั้น แม่ ท พ ั บกคื อ พระยาพหล มี พ ลโท หลวงสิ น าดโยธารัก ษ์ เป็ นรองแม่ ท พ ั บก)
ดูแลการบริหารปกครอง และการส่งกาลังบารุงกองทัพ
เ มื่ อ ส ง ค ร า ม ส ง บ ใ น ปี 2 4 8 8 ( 1 9 4 5 )
ท่า นได้ เป็ นประธานฝ่ ายไทยในการเจรจายุ ติ ส งครามกับ สัม พัน ธมิต ร ซึ่ ง มี จ อมพลเรื อ
เอิร์ ล เมานท์ แ บตเตนแห่ ง พม่ า ผู้ บ ญ
ั ชาการทหารสู ง สุ ด สัม พัน ธมิต รภาคเอเชี ย อาคเนย์
เป็ นประธาน ที่ก องบัญ ชาการในนครแคนดี้ เกาะซีลอน (ศรีลงั กาในปัจจุบน ั ) เมื่อวัน ที่ 2
กั น ย า ย น ก า ร ที่ ท่ า น ไ ป เ ป็ น ป ร ะ ธ า น ฝ่ า ย ไ ท ย นี้
เป็ นเสมื อ นตัว แทนคนไทยที่ ห าญกล้ า สู้ญี่ ปุ่ นตั้ง แต่ เริ่ ม สงคราม โดยมี วี ร กรรมวัน ที่ 8
ธ.ค.2484 เป็ นประจักษ์ พยาน

หลังสงครามท่านได้เลื่อ นขึ้น เป็ นรองผู้บญ


ั ชาการทหารบก ปลัด กระทรวงกลาโหม
รับเลื่อนยศเป็ นพลเอก และสุดท้ายเป็ นองคมนตรีในรัชกาลที่ 9 จนถึงแก่อสัญ กรรมเมื่อปี
ค.ศ.1955 (พ.ศ.2498)

1.7 พลเอก หลวงหาญสงคราม (พิชยั หาญสงคราม)


เป็ น น า ย ท ห า ร ที่ มี ชื่ อ เสี ย ง ใ น ด้ า น ค ว า ม ก ล้ า ห า ญ ค ว า ม เฉี ย บ ข า ด
ความเคร่ ง ครัด ใน ระเบี ย บวิ น ั ย และความซื่ อ สัต ย์ ไม่ เ คยที่ จ ะประพ ฤติ ทุ จ ริ ต ใด ๆ
มี ค ว า ม ยุ ติ ธ ร ร ม ยิ่ ง ใ น ก า ร ล ง โ ท ษ ห รื อ ปู น บ า เห น็ จ เป็ น ผู้ ที่ ป ฏิ บั ติ ห น้ า ที่ ๆ
ไ ด้ รั บ ม อ บ ห ม า ย อ ย่ า ง เ ข้ ม แ ข็ ง
ไ ม่ มี นิ สั ย ที่ จ ะ เข้ าห าผู้ ให ญ่ เพื่ อ ค ว าม ช อ บ ใน ท าง ก า ร พู ด ห รื อ ใน เรื่ อ ง ส่ ว น ตั ว
ทั้ ง ไ ม่ ช อ บ ใ ห้ ก ร ะ ท า ก า ร ฟุ่ ม เ ฟื อ ย อ ย่ า ง เ ป ล่ า ป ร ะ โ ย ช น์
ท่ า น ไ ม่ ย อ ม ใ ห้ ผู้ ใ ต้ บั ง คั บ บั ญ ช า จั ด ง า น ฉ ล อ ง วั น เ กิ ด ข อ ง ต น เ ล ย
แม้จะเป็ นนายทหารชัน ้ นายพลก็ตาม

ดั ง นั้ น ใ น ย า ม ส ง ค ร า ม พ ล เ อ ก
หลวงหาญสงครามจึ ง ได้ มี บ ทบาทส าคัญ ในแนวหน้ า มาโดยตลอด ตั้ง แต่ มี ย ศพัน โท
ตาแหน่ งผูบ ้ ญ
ั ชาการกองพลพายัพในกรณี พพ ิ าทอินโดจีน ในปี ค.ศ.1940 – 1941 (2483-
2484) ได้รุกเข้าดินแดนฝั่งขวาแม่น้าโขง (ส่วนทีเ่ ป็ นแขวงไซยะบุรี ประเทศลาวในปัจจุบน
ั )
สามารถยึด ได้บ้านห้วยทราย ปากลาย หงษา สมาบุรี รวมพื้ น ที่ดิน แดนที่ยึด ได้ ป ระมาณ
3 0 ,0 0 0 ต า ร า ง กิ โ ล เ ม ต ร
ซึง่ ไม่มก
ี องพลใดในกรณี พพิ าทอินโดจีนทีส่ ามารถยึดดินแดนได้มากขนาดนี้

เมื่ อ เข้ า สงครามมหาเอเชี ย บู ร พา เมื่ อ ปลาย ค.ศ. 1941 (พ.ศ.2484) ต่ อ ต้ น ปี


ค.ศ.1942 (พ.ศ.2485) กองทัพ ไทยได้ส่ง กองทัพ พายัพ รุ ก เข้ า ภู มิภ าคฉานตะวัน ออก
เ พื่ อ ร ะ วั ง ป้ อ ง กั น ปี ก ข ว า ข อ ง ก อ ง ทั พ ญี่ ปุ่ น ที่ บุ ก พ ม่ า
คุ ณ หลวงหาญสงครามในเวลานั้น เป็ นผู้ บ ญ ั ชาการกองพลที่ 4 ขณะมี ย ศนายพัน เอก
ในขั้น แรกของการยุ ท ธกองพลที่ 4 เป็ นกองหน้ า ของกองทัพ พายัพ ในการรุ ก รัฐ ฉาน
โดยได้ ยึ ด เมื อ งท่ า ขี้ เ หล็ ก เมื อ งเลน และเมื อ งพยาค เพื่ อ กรุ ย ทางให้ ก ับ กองพลที่ 3
ใ น บั ง คั บ บั ญ ช า ข อ ง น า ย พ ล ต รี ผิ น ชุ ณ ห วั ณ เ ข้ า ยึ ด น ค ร เ ชี ย ง ตุ ง
จากนั้น จึ ง รุ ก ต่ อ ไปทางเมื อ งยองเพื่ อ ป้ องกัน ปี กด้ า นขวาของกองทัพ พายัพ ในป ลายปี
ค . ศ . 1 9 4 2 ( พ . ศ . 2 4 8 5 ) ถึ ง ต้ น ปี ค . ศ . 1 9 4 3 ( พ . ศ . 2 4 8 6 ) พ ล ต รี
ห ล ว ง ห า ญ ส ง ค ร า ม ไ ด้ ย้ า ย ไ ป เ ป็ น ผู้ บั ญ ช า ก า ร ก อ ง พ ล ที่ 3
ช่วงนั้นกองทัพพายัพได้การรุก เคลื่อนทัพยึดบริเวณชายแดนรัฐฉาน – จีน โดยกองพลที่ 3
ขยายผลการรุกไปยังเมืองมะ เมืองลา เมืองปัน ซึ่งเป็ นเมืองต่อแดนจีนด้านมณฑลยูนนาน
นับว่าสิน
้ สุดการยุทธของกองทัพพายัพ

ใ น ปี ค .ศ .1 9 4 3 ( พ .ศ .2 4 8 6 ) นี้ เอ ง เป็ น ช่ ว ง จุ ด เป ลี่ ย น ข อ ง ส ง ค ร า ม


เพ ร า ะ สั ม พั น ธ มิ ต ร เ ริ่ ม ไ ด้ ชั ย ช น ะ ทั้ ง ใ น ยุ โ ร ป แ อ ฟ ริ ก า แ ล ะ แ ป ซิ ฟิ ก
คุ ณ หลวงหาญ สงครามได้ ป ฏิ บ ต ั ิ ง านใต้ ดิ น ชั้น ลับ สุ ด ยอด เพื่ อ ต่ อ ต้ า นกองทัพ ญี่ ปุ่ น
โดยในช่วงปี ค.ศ. 1943 – 1944 (พ.ศ.2486 – 2487) ระหว่างทีเ่ ป็ นผูบ ้ ญ
ั ชาการกองพลที่
3 และเสนาธิก ารกองทัพ พายัพ ได้เป็ นนายทหารคนแรกๆ ที่ไ ด้ ร บ ั นโยบายจากจอมพล
ป.พิบูลสงครามให้เสีย่ งอันตราย ติดต่อกับกองทัพจีนทีป ่ ระจันหน้าอยูท ่ ีช
่ ายแดนจีน -รัฐฉาน
เพื่ อ เต รี ย ม ก าร ต่ อ ต้ าน ญี่ ปุ่ น แ ล ะ ยุ ติ ก าร ต่ อ สู้ ร ะ ห ว่ า ง ท ห าร ไ ท ย แ ล ะ ท ห าร จี น
โดยภายในประเทศนั้น จอมพล ป.ได้สร้างฐานทัพ เพชรบูรณ์ เป็ นศูน ย์ กลางการต่อ สู้ญี่ปุ่น
แ ต่ เ มื่ อ จ อ ม พ ล ป . พิ บู ล ส ง ค ร า ม
ได้พน ้ จากตาแหน่ งนายกรัฐมนตรีและผูบ ้ ญ
ั ชาการทหารสูงสุดในปี ค.ศ.1944 (พ.ศ.2487)
นโยบายติด ต่อ กับ จี น จึง ได้ย กเลิก ไป เพราะรัฐ บาลใหม่ซึ่ง เป็ นรัฐ บาลเสรี ไ ทย (นายปรี ดี
พ น ม ย งค์ เป็ น ผู้ ส าเร็ จ ร าช ก าร แ ผ่ น ดิ น น าย ค ว ง อ ภั ย ว ง ศ์ เป็ น น าย ก รัฐ ม น ต รี )
ได้ตด ิ ต่อกับจีนก่อนหน้านี้แล้ว และไม่ไว้ใจให้จีนมีบทบาทหลักต่อขบวนการใต้ดน ิ
ใ น ปี ค . ศ . 1 9 4 5 ( พ . ศ . 2 4 8 8 )
หลวงหาญสงครามได้ ร บ ั ค าสั่ง ย้ า ยจากกองทัพ พายัพ ไปเป็ นผู้ บ ญ ั ชาการกองพลที่ 37
แ ล ะ ผู้ บั ญ ช า ก า ร ม ณ ฑ ล ท ห า ร บ ก ที่ 3 ซึ่ ง จั ด ตั้ ง ขึ้ น ใ ห ม่ ใ น ภ า ค อี ส า น
มี ห น้ า ที่ ร่ ว ม มื อ กั บ ข บ ว น ก า ร เ ส รี ไ ท ย ส า ย อี ส า น
สกัด กั้น กองทัพ ญี่ ปุ่ นทั้ง ที่ ต ้ งั ในพื้ น ที่ ภ าคอี ส านและอิ น โดจี น ฝรั่ง เศส (กั ม พู ช า ลาว
และเวี ย ดนามในปั จ จุ บ น ั ) ไม่ ใ ห้ เข้ า มาช่ ว ยทหารญี่ ปุ่ นใน แนวรบหลัก ภาคกลางได้
กั บ ทั้ ง มี ห น้ า ที่ ช่ ว ย ฝึ ก ห น่ ว ย พ ล พ ร ร ค เ ส รี ไ ท ย
ทัง้ นี้ทางขบวนการเสรีไทยภาคอีสานได้จดั อาวุธสมัยใหม่จากสัมพันธมิตรจานวนหนึ่งให้แก่ก
อ ง พ ล ที่ 3 7 เ ป็ น ก า ร ต อ บ แ ท น
แต่ ไ ม่ ท น
ั ที่ ไ ทยจะได้ ร บกับ ญี่ ปุ่ นสงครามก็ ไ ด้ ยุ ติ ล ง เมื่ อ เดื อ นสิ ง หาคม ค.ศ.1945
(พ.ศ.2488)

ภายหลังสงครามพลตรี หลวงหาญสงคราม เติบโตในราชการจนได้รบั ยศพลเอกเมือ่ ปี


2 4 9 3 เป็ น เส น า ธิ ก า ร ท ห า ร เมื่ อ ปี 2 4 8 9 แ ล ะ เป็ น ร อ ง จ เร ท ห า ร ทั่ ว ไ ป
โ ด ย ต า แ ห น่ ง นี้ มี อั ต ร า ย ศ ท ห า ร ร ะ ดั บ จ อ ม พ ล
แ ต่ ท่ า น ไ ด้ ป ฏิ เ ส ธ ที่ จ ะ ข อ รั บ พ ร ะ ร า ช ท า น ย ศ ชั้ น จ อ ม พ ล ใ ห้ แ ก่ ตั ว ท่ า น
นั บ เ ป็ น เ กี ย ร ติ ป ร ะ วั ติ น า ย ท ห า ร ไ ท ย ผู้ ไ ม่ มั ก ใ ห ญ่ ใ ฝ่ สู ง
เมือ่ เกษี ยณอายุราชการแล้วจึงได้ใช้ชีวต ิ กับการตัง้ โรงเรียนและการปฏิบตั ธิ รรมอย่างเคร่งครั
ด จนถึงแก่อนิจกรรมในปี ค.ศ.1969 (พ.ศ.2512)

1.8 พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิวฒ


ั นไชย (หม่อมเจ้าวิวฒ
ั นไชย ไชยันต์)

ราชนิ กู ล ท่ า นนี้ มิ ไ ด้ เ ป็ นเจ้ า หน้ าที่ ฝ่ ายความมั่น คงใดๆ เลย ทั้ง ทหาร ต ารวจ
ห รื อ ฝ่ า ย ป ก ค ร อ ง แ ต่
ม .จ .วิ วั ฒ น ไ ช ย อ ง ค์ นี้ ท่ า น มี ค ว า ม ส า คั ญ ต่ อ ค ว า ม อ ยู่ ร อ ด ข อ ง ป ร ะ เท ศ ช า ติ
เพ ร า ะ ท่ า น เป็ น บุ ค ค ล เบื้ อ ง ห ลั ง ก า ร เงิ น ข อ ง ป ร ะ เท ศ ต ล อ ด ย า ม ส ง ค ร า ม
ในฐานะผูก ้ อ
่ ตัง้ และผูว้ า่ การธนาคารแห่งประเทศไทยท่านแรก

ห ลั ง จ า ก ญี่ ปุ่ น ตั้ ง ฐ า น ทั พ ใ น ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย


ไ ด้ เส น อ ใ ห้ รั ฐ บ า ล ไ ท ย ป รั บ ป รุ ง ค่ า แ ล ก เป ลี่ ย น ข อ ง เงิ น ทั้ ง ส อ ง ป ร ะ เท ศ ใ ห ม่
โ ด ย ก า ห น ด อั ต ร า แ ล ก เ ป ลี่ ย น 1 0 0 บ า ท ต่ อ 1 0 0 เ ย น
ซึ่ ง เ ป็ น ก า ร ก า ห น ด ค่ า เ งิ น บ า ท ใ ห้ ต่ า ก ว่ า ค ว า ม เ ป็ น จ ริ ง
ส่ ว น ก า ร ช า ร ะ เ งิ น ร ะ ห ว่ า ง ส อ ง ป ร ะ เ ท ศ ใ ห้ ช า ร ะ ด้ ว ย เ งิ น เ ย น
ซึ่ ง รั ฐ บ า ล จ า ต้ อ ง ย อ ม รั บ โ ด ย ป ริ ย า ย
เพราะภาวะสงครามขณะนั้นบังคับมิให้มีการค้าขายติดต่อกับประเทศอืน ่ ใดอีกเว้นแต่ประเท
ศ ญี่ ปุ่ น เ ท่ า นั้ น น อ ก จ า ก นี้ ยั ง เ ส น อ ใ ห้ จั ด ตั้ ง ธ น า ค า ร ก ล า ง ขึ้ น
โ ด ย ใ ห้ มี ที่ ป รึ ก ษ า แ ล ะ หั ว ห น้ า ห น่ ว ย ต่ า ง ๆ เ ป็ น ช น ช า ติ ญี่ ปุ่ น
ซึ่ ง ใ น ข ณ ะ นั้ น ส า นั ก ง า น ธ น า ค า ร ช า ติ ไ ท ย เพิ่ ง ด า เนิ น ก า ร ไ ด้ เพี ย ง ปี เศ ษ
ใ น ข้ อ นี้ รั ฐ บ า ล มิ ไ ด้ ย อ ม รั บ ใ น ทั น ที
เพราะจะเท่ า กับ ว่ า ยอมให้ ญี่ ปุ่ นเข้ า มาควบคุ ม การเงิ น และเครดิ ต ของไทยโดยตรง
อันเป็ นความประสงค์ของญีป ่ นในขณะนั
ุ่ น

บุ ค คลที่ท างรัฐ บาลไทยมอบหมายความไว้ว างใจให้ ร บ ั ภารกิจ ฉุ กเฉิ น เช่ น นี้ ก็ คื อ
หม่ อ มเจ้ า วิ ว ฒ
ั นไชย ไชยัน ต์ (พระอิ ส ริ ย ยศขณ ะนั้ น ) ที่ ป รึ ก ษากระทรวงการคลัง
ท่ า น ไ ด้ ร่ ว ม กั บ รั ฐ บ า ล จั ด ตั้ ง “ธ น า ค า ร แ ห่ ง ป ร ะ เท ศ ไ ท ย ” ขึ้ น อ ย่ า ง รี บ เร่ ง
โดยเปลีย่ นฐานะของสานักงานธนาคารชาติไทยขึน ้ เป็ น “ธนาคารแห่งประเทศไทย” เมือ่ วันที่
10 ธัน วาคม พ.ศ. 2485 พร้อ มบรรจุ เฉพาะพนัก งานที่ เป็ นคนไทยได้ค รบทุก ต าแหน่ ง
มิ ใ ห้ มี ค น ต่ า ง ช า ติ เ ข้ า ม า คุ ม ง า น ใ น ด้ า น ใ ด เ ล ย
เป็ นการแสดงให้เห็นว่าคนไทยสามารถดาเนินงานธนาคารกลางได้ดว้ ยตนเอง

ภารกิ จ ส าคัญ ข องธน าค ารแ ห่ ง ประเทศ ไทยใน ยามสงค รามนี้ มี 3 ประก าร


ป ร ะ ก า ร แ ร ก คื อ ก า ร อ อ ก ธ น บั ต ร เพื่ อ ใ ห้ มี เงิ น ใ ช้ ห มุ น เวี ย น ใ น ป ร ะ เท ศ
เพราะเมื่ อ ญี่ ปุ่ นรบกับ บริ ติ ช ยัง ส่ง ผลให้ ก ารสั่ง พิ ม พ์ ธ นบัต รจากบริ ติ ช เป็ นอัน ต้ อ งยุ ติ
รัฐบาลจึงขอให้ทางการญีป ่ นชุ่่ วยติดต่อกับโรงพิมพ์ธนบัตรของรัฐบาลญีป ่ นให้
ุ่ เป็ นผูจ้ ดั พิมพ์
ต่ อ มาเมื่ อ เข้ า ปี ค.ศ.1943 – 1945 (2486 – 2488) สงครามทวี ค วามรุ น แรงยิ่ ง ขึ้ น
ป ร ะ เท ศ ญี่ ปุ่ น จึ ง ไ ม่ ส า ม า ร ถ ข น ส่ ง ธ น บั ต ร เข้ า ม า ภ า ย ใ น ป ร ะ เท ศ ไ ท ย ไ ด้
ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงต้องจัด พิมพ์ธนบัตรขึน ้ เอง โดยใช้วตั ถุดบ ิ ทีพ
่ งึ หาได้ในประเทศ
แ ล ะ ถึ ง แ ม้ ก า ร พิ ม พ์ จ ะ มี คุ ณ ภ า พ ต่ า แ ล ะ มี ก า ร ป ล อ ม แ ป ล ง ม า ก
แต่ก็ได้ใช้แก้ขดั กันไปตลอดช่วงสงคราม

ป ร ะ ก า ร ต่ อ ม า
ทางธนาคารแห่งประเทศไทยต้องหาเงินมาให้รฐั บาลใช้จ่ายเมือ ่ งบประมาณแผ่นดินขาดดุล
และราคาสิ น ค้ า สู ง ขึ้ น โดยออกพระราชบัญ ญัติ เ งิ น ตราในภาวะฉุ กเฉิ น พ.ศ. 2484
ให้อ านาจธนาคารแห่ง ประเทศไทยจ าหน่ า ยธนบัต รออกใช้ แ ลกเปลี่ย นกับ พัน ธบัต รคลัง
พั น ธ บั ต ร เ งิ น กู้ ข อ ง รั ฐ บ า ล แ ล ะ เ งิ น เ ย น ญี่ ปุ่ น
ซึ่ ง ท า ใ ห้ รั ฐ บ า ล มี เ งิ น ใ ช้ จ่ า ย ม า ไ ด้ ต ล อ ด โ ด ย ไ ม่ ติ ด ขั ด
ร ว ม ทั้ ง ต้ อ ง ห า เงิ น บ า ท จ่ า ย เป็ น ค่ า ใ ช้ จ่ า ย ข อ ง ก อ ง ทั พ ญี่ ปุ่ น แ ล ะ ก า ร ค้ า ญี่ ปุ่ น
ซึ่ ง จ า เป็ น ต้ อ ง จ่ า ย ต า ม สั ญ ญ า แ ล ะ ต า ม น โ ย บ า ย ท า ง ก า ร เมื อ ง ใ น ข ณ ะ นั้ น
และท าข้ อ ตกลงในการที่ ญี่ ปุ่ นจะต้ อ งใช้ ห นี้ ท ดแทนเงิน บาทที่ เบิ ก จ่ า ยในประเทศไทย
ด้ ว ยวิ ธี เครดิ ต บัญ ชี เงิ น ฝากของธนาคารแห่ ง ประเทศไทยที่ ธ นาคารแห่ง ประเทศญี่ ปุ่ น
ซึ่ ง เ รี ย ก ว่ า “บั ญ ชี เ งิ น เ ย น พิ เ ศ ษ ”
ทั้ ง นี้ เพื่ อ ท า ใ ห้ ห นี้ สิ น ข อ ง ญี่ ปุ่ น ที่ มี อ ยู่ ต่ อ ป ร ะ เท ศ ไ ท ย นั้ น มี ห ลั ก ฐ า น แ น่ ชั ด
น อ ก จ า ก นั้ น ยั ง ไ ด้ ท า ก า ร ต ก ล ง ห รื อ ต่ อ ร อ ง กั บ ฝ่ า ย ญี่ ปุ่ น ห ล า ย ค รั้ ง
เพื่ อ ค ว บ คุ ม ก า ร ใ ช้ จ่ า ย ข อ ง ญี่ ปุ่ น มิ ใ ห้ เป็ น ผ ล เสี ย ห า ย แ ก่ ก า ร เงิ น ข อ ง ไ ท ย
และพยายามเจรจากับฝ่ ายญีป ่ นจนยอมตกลงให้
ุ่ ฝ่ายไทยใช้เงินเยนซึง่ ญีป ่ ุ่ นเครดิตบัญชีธนาค
ารแห่งประเทศไทยไว้นน ้ ั ซื้อทองคาเก็บไว้ได้เป็ นครัง้ คราว
ป ร ะ ก า ร สุ ด ท้ า ย ต้ อ ง ป้ อ ง กั น ภ า ว ะ เ งิ น เ ฟ้ อ ใ น ช่ ว ง ส ง ค ร า ม
หรื อ อย่ า งน้ อ ยจ ากัด ภาวะนั้น ไว้ ให้ อ ยู่ ใ นขอบเขต โดยมี วิ ธี ก ารต่ า งๆ หลายวิ ธี เช่ น
ก า ร เ พิ่ ม ภ า ษี อ า ก ร ทั้ ง ท า ง ต ร ง แ ล ะ ท า ง อ้ อ ม
เพิ่ ม รายได้ เ ข้ า คลัง จากองค์ ก ารรัฐ พาณิ ชย์ แ ละกึ่ ง พาณิ ชย์ ประหยัด รายจ่ า ยแผ่ น ดิ น
แ ล ะ อ อ ก พั น ธ บั ต ร เ งิ น กู้ ทั้ ง ห ม ด นี้ เ พื่ อ ล ด ป ริ ม า ณ ข อ ง เ งิ น
นอกจากนั้น ก็ ย งั มี ก ารถอนและกี ด กัน การใช้ เงิน ของประชาชน และการควบคุ ม เครดิ ต
เ ป็ น ต้ น
โดยปกติการรักษาระดับค่าของเงินตราไว้ให้สงู คงทีใ่ นยามสงครามนัน ้ ไม่เคยปรากฏว่ามีประ
เ ท ศ ใ ด ท า ไ ด้ แ ต่ ด้ ว ย วิ ธี ก า ร ต่ า ง ๆ นี้ พ อ จ ะ ก ล่ า ว ไ ด้ ว่ า
รัฐบาลในระยะนั้นสามารถระงับเงินเฟ้ อในประเทศไทยไว้มใิ ห้ลุกลามใหญ่โตเหมือนทีป ่ ราก
ฏมาแล้วในประเทศอืน ่ ๆ
เ มื่ อ ส ง ค ร า ม สิ้ น สุ ด ล ง
ม.จ.วิว ฒั นไชยทรงรับ มอบหมายจากผู้ส าเร็ จ ราชการแทนพระองค์ นายปรี ดี พนมยงค์
แ ล ะ น า ย ก รั ฐ ม น ต รี ห ม่ อ ม ร า ช ว ง ศ์ เ ส นี ย์ ป ร า โ ม ช
ให้ ท ร ง เป็ น หั ว ห น้ าค ณ ะ เจ ร จ า เลิ ก ส ถ า น ะ ส ง ค ร า ม กั บ บ ริ ติ ช (รั ฐ บ า ล จ อ ม พ ล
ป.พิบูลสงครามได้ประกาศสงครามกับบริติชและอเมริกาเมื่ อ ค.ศ.1942 หรือ พ.ศ.2485)
ทีก
่ องบัญ ชาการสัมพันธมิตรภาคพื้นเอเชี ยอาคเนย์ นครแคนดี้ เกาะซีลอน และที่สิงคโปร์
การเจรจานี้ กิน เวลาตัง้ แต่เดือนกัน ยายน ค.ศ.1945 (พ.ศ.2488) จนถึงวัน ที่ 1 มกราคม
ค . ศ . 1 9 4 6 ( พ . ศ . 2 4 8 9 ) ก า ร เ จ ร จ า เ ป็ น ไ ป ด้ ว ย ค ว า ม ย า ก ล า บ า ก
เพราะบริตช ิ ต้องการลงโทษประเทศไทยในฐานะผูแ ้ พ้สงคราม ด้วยการควบคุมการคมนาคม
สิ น ค้ า ส่ ง อ อ ก ก อ ง ทั พ ห น่ ว ย ง า น ร า ช ก า ร ฯ ล ฯ อ ย่ า ง ไ ร ก็ ต า ม
ด้ ว ย ก า ร ย อ ม รั บ ที่ บ ริ ติ ช มี ต่ อ ข บ ว น ก า ร ต่ อ ต้ า น ก อ ง ทั พ ญี่ ปุ่ น
และได้ถูก สหรัฐกดดัน ให้ยอมรับไทย ในที่สุด ฝ่ ายบริติช จึงยอมลดข้อเรียกร้อ งเหลือเพี ย ง
ไทยต้ อ งไม่ ขุ ด คลองคอคอดกระโดย บริ ติ ช มิ ไ ด้ เ ห็ น ชอบ และไทยต้ อ งส่ ง ข้ า ว 1.5
ล้ า น ตั น ใ ห้ แ ก่ ฝ่ า ย สั ม พั น ธ มิ ต ร
รวมต้องชดใช้ ทรัพ ย์ สินและสิทธิในการสัมปทานหรือธุรกิจ ที่บริติชเคยดาเนิ น การในไทย
แ ล ก เ ป ลี่ ย น กั บ ก า ร ที่ บ ริ ติ ช เ ลิ ก ส ถ า น ะ ส ง ค ร า ม กั บ ไ ท ย
แ ล ะ จ ะ ส นั บ ส นุ น ใ ห้ ไ ท ย ไ ด้ เ ข้ า เ ป็ น ส ม า ชิ ก อ ง ค์ ก า ร ส ห ป ร ะ ช า ช า ติ
โดยประเทศไทยยังคงมีเอกราชและอธิปไตยสมบูรณ์ และไม่เป็ นผูแ ้ พ้สงคราม

1.9 หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช


ห ม่ อ ม ร า ช ว ง ศ์ เ ส นี ย์ ป ร า โ ม ช
เป็ น บุ ค ค ล ที่ มี บ ท บ าท ส าคั ญ เกี่ ย ว กั บ ก าร เมื อ ง ก าร ป ก ค ร อ ง ไ ท ย เป็ น อ ย่ าง ม าก
เ ค ย ด า ร ง ต า แ ห น่ ง น า ย ก รั ฐ ม น ต รี ถึ ง 2 ส มั ย
แ ล ะ ยั ง มี บ ท บ า ท ส า คั ญ ใ น ช่ ว ง ส มั ย ส ง ค ร า ม โ ล ก ค รั้ ง ที่ 2
ใ น ฐ า น ะ ผู้ น า ข อ ง ข บ ว น ก า ร เ ส รี ไ ท ย ใ น ป ร ะ เ ท ศ ส ห รั ฐ อ เ ม ริ ก า
ซึง่ มีสว่ นทาให้ประเทศไทยรอดพ้นจากสถานะของประเทศผูแ ้ พ้สงครามในสมัยนัน ้ ด้วย

ห ม่ อ ม ร า ช ว ง ศ์ เ ส นี ย์ ป ร า โ ม ช มี ช า ติ ก า เ นิ ด เ ป็ น เ ชื้ อ พ ร ะ ว ง ศ์
มี น้ อ ง ช า ย เป็ น อ ดี ต น า ย ก รั ฐ ม น ต รี คื อ ห ม่ อ ม ร า ช ว ง ศ์ คึ ก ฤ ท ธิ ์ ป ร า โ ม ช
สาเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีดา้ นกฎหมาย และสอบไล่เนติบณ ั ฑิตจากสหราชอาณาจักรฯ
ได้คะแนนยอดเยีย่ ม

ภายหลัง จากที่ หม่อ มราชวงศ์ เสนี ย์ ปราโมช ได้ ส าเร็ จ เป็ นเนติ บ ณ ั ฑิ ต ไทยแล้ ว
ได้ ร บ
ั ราชการเป็ น ผู้ พิ พ ากษาและเลขานุ การศาลอาญ า ศาลอุ ท ธรณ์ และศาลฎี ก า
ร ว ม ทั้ ง เป็ น อ าจ าร ย์ ส อ น ก ฎ ห ม าย ใน โร งเรี ย น ก ฎ ห ม าย ข อ งก ร ะ ท ร ว งยุ ติ ธ ร ร ม
มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์ และการเมือง จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย และเนติบณ ั ฑิตยสภา
ช่ ว งเวลาที่ ก าลัง มี ก ารร่ า งก ฎ ห ม าย เพื่ อให้ ป ระเท ศ ไ ท ยได้ ม าซึ่ ง เอก ราช ท างศ าล
ห ม่ อ ม ร า ช ว ง ศ์ เ ส นี ย์ ป ร า โ ม ช
ได้ ร บ
ั การแต่ ง ตั้ง เป็ นกรรมการและเลขานุ ก ารร่า งประมวลกฎหมายแพ่ ง และพาณิ ชย์
เพื่อให้กฎหมายไทยมีมาตรฐานเป็ นที่ยอมรับของนานาชาติ ต่อมาในปี ค.ศ.1940 (พ.ศ.
2483) ได้รบั แต่งตัง้ เป็ นอัครราชทูตไทยผูม ้ อี านาจเต็มประจากรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา

ใ น ข ณ ะ ที่ ห ม่ อ ม ร า ช ว ง ศ์ เ ส นี ย์ ป ร า โ ม ช
ด าร งต าแ ห น่ ง อัค ร ร าช ทู ต ไ ท ย ป ร ะ จ าก รุ ง ว อ ชิ งตั น ป ร ะ เท ศ ส ห รัฐ อ เม ริ ก านั้ น
ไ ด้ เกิ ด ส ง ค ร า ม ม ห า เอ เชี ย บู ร พ า ขึ้ น จึ ง ไ ด้ มี ก า ร ก่ อ ตั้ ง “ข บ ว น ก า ร เส รี ไ ท ย ”
ขึ้ น ทั้ ง ใ น ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย แ ล ะ ต่ า ง ป ร ะ เ ท ศ
โดยมีภารกิจเพือ ่ ต่อสูญ
้ ปี่ นผู ุ่ ร้ ุกรานโดยพลังของคนไทยผู้รกั ชาติและร่วมกับฝ่ ายสัมพันธมิตร
ปฏิบตั ก ิ ารเพือ ่ ให้สมั พันธมิตรรับรองว่าเจตนารมณ์ อน ั แท้จริงของคนไทยไม่เป็ นศัตรูตอ ่ ฝ่ าย
สั ม พั น ธ มิ ต ร
และปฏิ บ ต ั ิ เ พื่ อ ให้ ส ม
ั พัน ธมิ ต รรับ รองว่ า ประเทศไทยจะไม่ ต กเป็ นฝ่ ายแพ้ ส งคราม
ในประเทศสหรัฐอเมริกานั้น ขบวนการเสรีไทยอยู่ภายใต้การนาของหม่อมราชวงศ์ เสนี ย์
ป ร า โ ม ช
สมาชิ ก ประกอบด้ ว ยข้ า ราชการสถานทู ต และนัก เรี ย นไทยที่ศึ ก ษาอยู่ ใ นสหรัฐ อเมริก า
ซึง่ ขบวนการเสรีไทยในสหรัฐอเมริกานี้ ถือได้วา่ เป็ นขบวนการเสรีไทยทีเ่ ปิ ดเผยและเป็ นทาง
การเป็ นขบวนการแรก และได้ ร บ ั การสนับ สนุ นจาก Office of Strategic Services
(OSS)
ซึ่งเป็ นหน่ ว ยงานพิเศษที่ต ้งั ขึ้น ในสถานการณ์ ส งครามขึ้น ตรงต่อประธานาธิบดี อเมริก น ั
ขบวน การเสรี ไ ทย สายอเมริ ก าภายใต้ ก ารน าข อง ห ม่ อ มราช วงศ์ เสนี ย์ ป ราโม ช
นี้ได้ดาเนินการติดต่อประสานงานกับฝ่ ายสัมพันธมิตรเพือ ่ ต่อต้านการรุกรานของญีป ่ นด้ ุ่ วยดี
เรือ่ ยมา
จนกระทั่ง ญี่ ปุ่ นประกาศยอมจ านนต่ อ ฝ่ ายสัม พัน ธมิ ต รโดยปราศจากเงื่ อ นไข
ประเทศไทยได้ประกาศสันติภาพโดยประกาศให้การประกาศสงครามกับฝ่ ายสัมพันธมิตรเป็
นโมฆะเนื่องจากการประกาศสงครามไม่เป็ นไปตามเจตจานงของประชาชนชาวไทยและฝ่ าฝื
น ขั ด ต่ อ บ ท บั ญ ญั ติ แ ห่ ง รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ แ ล ะ ก ฎ ห ม า ย บ้ า น เ มื อ ง
ประเทศไทยจึงไม่อยู่ในฐานะประเทศผู้แพ้สงคราม แต่ทางฝ่ ายบริติช ไม่ยอมรับ นายควง
อภัย วงศ์ นายกรัฐ มนตรี พ ร้อ มด้ ว ยคณ ะรัฐ มนตรี ใ นขณะนั้น จึ ง ลาออกจากต าแหน่ ง
เ พ ร า ะ เ ป็ น รั ฐ บ า ล ที่ เ ป็ น พั น ธ มิ ต ร กั บ ญี่ ปุ่ น ( แ ม้ ใ น ท า ง นิ ติ นั ย )
เพือ ่ เปิ ดโอกาสให้ผูท้ ม
ี่ คี วามเหมาะสมเข้ามาดารงตาแหน่ งนายกรัฐมนตรีเพือ ่ ดาเนินการเจรจ
า กั บ ฝ่ า ย สั ม พั น ธ มิ ต ร จึ ง ไ ด้ มี ก า ร เชิ ญ ใ ห้ ห ม่ อ ม ร า ช ว ง ศ์ เส นี ย์ ป ร า โ ม ช
ก ลั บ ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย เ พื่ อ ด า ร ง ต า แ ห น่ ง น า ย ก รั ฐ ม น ต รี
ซึง่ จากบทบาทของขบวนการเสรีไทยในสหรัฐอเมริกาโดยการนาของ หม่อมราชวงศ์ เสนี ย์
ป ร า โ ม ช
ส่งผลให้ประเทศไทยได้รบั ความช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกาในการเจรจากับบริตช
ิ จนประสบ
ผลสาเร็จ

ต่ อ ม า ห ม่ อ ม ร า ช ว ง ศ์ เ ส นี ย์ ป ร า โ ม ช
ได้เข้าสู่วงการเมืองโดยร่วมก่อตั้งพรรคประชาธิปัต ย์ ร่วมกับนายควง อภัย วงศ์ และคณะ
โ ด ย ไ ด้ รั บ ต า แ ห น่ ง ร อ ง หั ว ห น้ า พ ร ร ค ป ร ะ ช า ธิ ปั ต ย์ ด้ ว ย ใ น ปี พ .ศ . 2 5 1 1
ไ ด้ รั บ เ ลื อ ก ใ ห้ เ ป็ น หั ว ห น้ า พ ร ร ร ค ป ร ะ ช า ธิ ปั ต ย์
แ ล ะ ไ ด้ รั บ เลื อ ก ตั้ ง เป็ น ส ม า ชิ ก ส ภ า ผู้ แ ท น ร า ษ ฎ ร ก รุ ง เท พ ม ห า น ค ร ทุ ก ส มั ย
ยกเว้ น ในการเลื อ กตั้ง ทั่ว ไป พ.ศ. 2500 และ 2522 ซึ่ ง ไม่ ไ ด้ ล งสมัค รรับ เลื อ กตั้ง
หม่ อ มราชวงศ์ เสนี ย์ ปราโมช ได้ ด ารงต าแหน่ งส าคัญ ทางการเมื อ งหลายต าแหน่ ง
โ ด ย ไ ด้ ด า ร ง ต า แ ห น่ ง น า ย ก รั ฐ ม น ต รี 4 ส มั ย
น อก จาก นั้ น แ ล้ ว ยัง ได้ ด ารงต าแ ห น่ งรัฐ ม น ต รี ว่ า ก าร ก ร ะท รวงก ารต่ า งป ระเท ศ
กระทรวงยุ ติธ รรม กระทรวงศึก ษาธิก าร กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม จนถึง
ค . ศ . 1979 ( พ . ศ . 2 5 2 2 ) ห ม่ อ ม ร า ช ว ง ศ์ เ ส นี ย์ ป ร า โ ม ช
ไ ด้ ล าอ อ ก จ าก ต าแ ห น่ ง หั ว ห น้ าพ ร ร ค ป ร ะ ช า ธิ ปั ต ย์ แ ล ะ ว า ง มื อ ท าง ก าร เมื อ ง
ถึงแก่อสัญกรรมเมือ่ ปี ค.ศ.1997 (พ.ศ.2540)

1.10 นายเตียง ศิรข


ิ น
ั ธ์

เตียง ศิรข ิ น
ั ธ์ ถือกาเนิดเมือ่ ปี ค.ศ.1909 (พ.ศ.2452) ในตระกูลคหบดีพอ ่ ค้าเกวียน
แล้ว จึง มาเรี ย นที่โ รงเรี ย นวัด บวรนิ เวศจนจบประกาศนี ย บัต รประโยคครู ป ระถม (ป.ป. -
เที ย บ มั ธ ย ม ป ล า ย ) ห ลั ง จ า ก นั้ น เตี ย ง ไ ด้ ทุ น ศึ ก ษ า ต่ อ ใ น ค ณ ะ อั ก ษ ร ศ า ส ต ร์
จุ ฬ า ล ง ก ร ณ์ ม ห า วิ ท ย า ลั ย แ ล ะ ไ ด้ รั บ ป ร ะ ก า ศ นี ย บั ต ร ป ร ะ โ ย ค ค รู มั ธ ย ม
เ ตี ย ง เ ริ่ ม รั บ ร า ช ก า ร เ ป็ น ค รู ที่ โ ร ง เ รี ย น มั ธ ย ม ห อ วั ง ใ น ปี 2 4 7 2
ต่ อ ม า ไ ป เ ป็ น ค รู ที่ โ ร ง เ รี ย น ฝึ ก หั ด ค รู วั ด บ ว ร นิ เ ว ศ
แล้วย้ายกลับไปเป็ นผูช ้ ่วยอาจารย์ใหญ่ทโี่ รงเรียนอุดรพิทยานุ กูล สาหรับวิชาทีเ่ ขาสอนได้แก่
ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และประวัตศ ิ าสตร์
ต่อมานายเตียงได้รบ ั เลือกตัง้ เป็ นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสกลนครทุกสมัย
ตัง้ แต่ปี 2480 จนถึงปี 2495 อันเป็ นปี สุดท้ายในชีวต ิ ของเขา สมัยนัน ้ ยังไม่มพ ี รรคการเมือง
คงมีแต่กลุม ่ การเมืองทีร่ วมตัวกันของ ส.ส. ทีม ่ ีอุดมการณ์ ในทางเดียวกัน กลุม ่ ของเตียงเป็ น
ส.ส. อีสาน ทีส ่ นิทกันมาก คือ ทองอินทร์ ภูรพ ิ ฒั น์ จากอุบลราชธานี ถวิล อุดล จากร้อยเอ็ด
และจาลอง ดาวเรื อ ง จากมหาสารคาม ซึ่ง วางแผนเคลื่อนไหวทางการเมื อ งด้ว ยกัน เสมอ
เขาและคณะมี ผ ลงานโดดเด่ น เป็ นดาวสภา ท าหน้ า ที่ เป็ นฝ่ ายค้า นรัฐ บาลอย่ า งแข็ ง ขัน
ผ่านการตัง้ กระทูถ ้ ามเรือ่ งต่างๆ รวมถึงการเสนอความคิดผ่านการเสนอร่างพระราชบัญญัติ
เช่ น ก า ร เส น อ ใ ห้ มี พ ร ร ค ก าร เมื อ ง เป็ น ต้ น ส าห รั บ จั ง ห วั ด ส ก ล น ค ร ข อ ง เข า
เตียงพัฒนาจังหวัดนี้ในหลายทาง จนมีคาเรียกติดปากชาวบ้านยุคนัน ้ ว่า ถนนนายเตียง คลอง
( ส่ ง น้ า ) น า ย เ ตี ย ง เ ห มื อ ง ฝ า ย น า ย เ ตี ย ง บ่ อ น้ า น า ย เ ตี ย ง เ ป็ น ต้ น
ทั้ ง นี้ ก็ เพ ร า ะ ค ว า ม เอ า ใ จ ใ ส่ ส า ร ทุ ก ข์ สุ ก ดิ บ ข อ ง ป ร ะ ช า ช น อ ย่ า ง ส ม่ า เส ม อ
นายเตียงจึงมีขอ ้ มูลในการพัฒนาจังหวัดให้ตรงกับความต้องการของประชาชน
เมื่ อ สงครามโลกมหาเอเชี ย บู ร พาแผ่ ม าถึ ง ประเทศไทย ในวัน ที่ ญี่ ปุ่ นบุ ก ไทย 8
ธัน วาคม ค.ศ.1941 (พ.ศ.2484) wfhมี ก ารตั้ง ขบวนการเสรี ไ ทยที่ บ้า นของนายปรี ดี
พนมยงค์ น้น ั นายเตียง ศิริขน ั ธ์ ก็เป็ นหนึ่ งในบุคคลชุ ดแรกที่ร่วมก่อตัง้ ในวันนั้น มาแต่ต้น
เ พ ร า ะ ต้ อ ง ก า ร เ อ ก ร า ช แ ล ะ อ ธิ ป ไ ต ย ก ลั บ คื น ม า
เ ข า รั บ ภ า ร กิ จ ส า คั ญ ใ น ก า ร จั ด ตั้ ง ก อ ง ทั พ เ ส รี ไ ท ย ใ น ภ า ค อี ส า น เ ป็ น
“แ ม่ ทั พ แ ห่ ง ก อ ง ทั พ พ ล เ รื อ น ( ท . พ . ร . ) ”
มี บ ท บ า ท ใ น ก า ร รั บ ส่ ง อ า วุ ธ แ ล ะ สิ่ ง ข อ ง กั บ ฝ่ า ย สั ม พั น ธ มิ ต ร
ก า ร ฝึ ก ป ร ะ ช า ช น ซึ่ ง เข้ า ร่ ว ม เป็ น ก อ ง ก า ลั ง ข อ ง เส รี ไ ท ย ก า ร ส ร้ า ง ค่ า ย ลั บ
สนามบินลับในทีต ่ า่ งๆ มีหน่ วยของเสรีไทยอยูท ่ ง้ ั ทีส่ กลนคร นครพนม อุดรธานี อุบลราชธานี
ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ผ่านเพือ ่ นสมาชิกสภาผูแ ้ ทนราษฎร ข้าราชการ และครูในท้องทีต ่ า่ งๆ
เพื่ องาน เสรี ไ ทย เขาได้ ใ ช้ เ งิ น ส่ ว น ตัว ไป ไม่ น้ อย ดัง ที่ ดิ น ซึ่ ง ปลู ก บ้ า น ข องเข านั้ น
ก็ตอ ้ งเอาไปจานองเพือ ่ นาเงินมาใช้ในงานของส่วนรวม

การฝึ กซ้อมของขบวนการเสรีไทยดาเนินไปจนทีข ่ ีดสุดคือเตรียมรบกับญีป ่ นภายในป


ุ่
ระเทศ แต่รอสัญ ญาณจากฝ่ ายสัม พัน ธมิต รอยู่ อย่างไรก็ ดี เมื่อ ญี่ปุ่นแพ้ส งครามเสีย ก่อ น
ก า ร สู้ ร บ จึ ง มิ ไ ด้ เ กิ ด ขึ้ น
แต่เสรีไทยสายอีสานก็มบ ี ทบาทในการปลดอาวุธทหารญีป ่ นในจั
ุ่ งหวัดมุกดาหารและอุบลราช
ธานี เป็ นต้น
ห ลั ง ส ง ค ร า ม ยุ ติ เมื่ อ มี พ ร ร ค ก า ร เมื อ ง เกิ ด ขึ้ น ใ น ป ร ะ เท ศ ไ ท ย ไ ด้ แ ล้ ว
ก ลุ่ ม ข อ ง เ ตี ย ง ไ ด้ ตั้ ง พ ร ร ค ส ห ชี พ ขึ้ น
โดยมี น โยบายสนับ สนุ นอาชี พ ทางเกษตรกรรมในรู ป สหกรณ์ ที่ ม าร่ ว มมื อ กัน ท างาน
และสนับ สนุ น แนวทางของปรี ดี พนมยงค์ บุ รุ ษ ผู้เขาชื่ น ชมในความสามารถมาแต่แ รก
พรรคนี้ มี เดื อ น บุ น นาค เป็ นหัว ห น้ าพรรค ส่ ว น เตี ย งเป็ นกรรมการบริ ห ารพรรค
เตี ย งได้ เป็ นรัฐ มนตรี 3 สมัย ในรัฐ บาลของทวี บุ ณ ยเกตุ ม.ร.ว.เสนี ย์ ปราโมช และ
พ ล เ รื อ ต รี ถ วั ล ย์ ธ า ร ง น า ว า ส วั ส ดิ ์ ร . น .
ซึง่ ในสมัยหลังสุดนี้เขาเป็ นรัฐมนตรีส่งั ราชการแทนรัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย

ห ลัง ก าร รัฐ ป ร ะห าร 2 4 9 0 เตี ย งแ ล ะค ณ ะข องเข าถู ก คุ ก ค าม จ าก ท างก าร


เ ตี ย ง ห นี ไ ป ห ล บ ซ่ อ น ที่ ภู พ า น ถิ่ น ป ฏิ บั ติ ง า น เ ส รี ไ ท ย ข อ ง เ ข า
โดยได้ร บ ั ความช่วยเหลื อเป็ นอย่างดี จากชาวบ้านในพื้ น ที่ ในปี ค.ศ.1949 (พ.ศ.2492)
น าย เตี ย ง ไ ด้ รั บ เลื อ ก เป็ น ส ม าชิ ก ส ภ าผู้ แ ท น ร าษ ฎ ร อี ก ค รั้ ง ต่ อ ม าใน ปี 2 4 9 5
เตียงและคณะถูกสังหารอย่างโหดเหีย้ มโดยเจ้าหน้าทีข
่ องรัฐทีก
่ ล่าวหาว่าเขาเป็ นคอมมิวนิ สต์
ปิ ดฉากชีวต
ิ 43 ปี ของเขาลงอย่างมีเงือ
่ นงา

2.บุคคลสาคัญต่างประเทศ

2.1 พลเอก ฮิเดกิ โตโจ (Hideki Tojo)

ฮิ เ ด กิ โต โจ คื อ นั ก การทห ารแ ละนั ก บริ ห ารที่ มี ค วามสามารถเป็ น ที่ ย อมรับ


เขามี ส่ ว น ส าคัญ ใน การปราบกลุ่ ม กบฏ “ยัง เติ ร์ ก ” ใน ปี ค .ศ .19 36 (พ .ศ. 2479 )
ก่ อ น ไ ด้ รั บ ก า ร แ ต่ ง ตั้ ง ใ ห้ เป็ น ผู้ บั ง คั บ บั ญ ช า ใ ห ญ่ ก อ ง ทั พ ญี่ ปุ่ น ใ น แ ม น จู เรี ย
ต าแหน่ งหน้ าที่ข อง โตโจ ก้าวหน้ าอย่างรวดเร็ ว นับแต่น้ น ั มา ในปี 1938 (พ.ศ. 2481)
เ ข า ไ ด้ รั บ ก า ร แ ต่ ง ตั้ ง ใ ห้ เ ป็ น รั ฐ ม น ต รี ช่ ว ย ว่ า ก า ร ก ร ะ ท ร ว ง ส ง ค ร า ม
และเขาก็ได้เป็ นหัวแรงสาคัญทีผ ่ ลักดันให้ญป ี่ นเข้
ุ่ าเป็ นภาคีของกลุม ่ อักษะสาเร็จในปี 1940
(พ.ศ. 2483) ปี เดียวกันกับทีเ่ ข้าได้ขน ึ้ มาเป็ นรัฐมนตรีสงครามเต็มตัว จากนัน ้ อีกเพียงหนึ่งปี
เ ข า ก็ ไ ด้ ค ร อ ง ต า แ ห น่ ง น า ย ก รั ฐ ม น ต รี ต่ อ จ า ก ฟู มิ ม า โ ร ะ โ ค โ น เ อ ะ
โดยยังยึดเก้าอีร้ ฐั มนตรีกระทรวงสงครามต่อไป

พ ล เ อ ก ฮิ เ ด กิ โ ต โ จ
น อ ก จ า ก จ ะ เป็ น ข้ า ร า ช ก า ร ที่ ไ ด้ ชื่ อ เรื่ อ ง ก า ร ท า ง า น อ ย่ า ง มี ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ
เข า ยั ง เ ป็ น นั ก ก า ร ท ห า ร ที่ มี น โ ย บ า ย ก้ า ว ร้ า ว ที่ สุ ด ใ น บ ร ร ด า ผู้ น า ญี่ ปุ่ น
เ ข า คื อ ผู้ น า ป ร ะ เ ท ศ เ ข้ า สู่ ส ง ค ร า ม กั บ ส ห รั ฐ ฯ แ ล ะ บ ริ เ ต น ใ ห ญ่
ด้วยการเริ่มต้น บุกโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ และดินแดนเอเชี ยต่างๆ ในวันที่ 7 ธันวาคม 1941
(พ.ศ. 2484) ซึ่ ง เบื้ อ งต้ น ได้ ท าให้ ญี่ ปุ่ นขยายอิท ธิพ ลไปทั่ว เอเชี ย อาคเนย์ แ ละแปซิ ฟิ ก
แ ต่ เ มื่ อ ญี่ ปุ่ น พ่ า ย แ พ้ ใ ห้ กั บ ฝ่ า ย สั ม พั น ธ มิ ต ร ใ น ส ม ร ภู มิ เ ก า ะ ไ ซ ปั น
เ ข า ก็ ถู ก ป ล ด จ า ก ต า แ ห น่ ง ใ น ปี ค . ศ . 1 9 4 4 ( พ . ศ . 2487)
และถูกกันไม่ให้เข้ามามีอานาจบริหารประเทศอีก
หลัง จากที่ ญี่ ปุ่ นยอมแพ้ ส งครามอย่ า งเป็ นทางการ เมื่ อ ค.ศ.1945 (พ.ศ.2488)
โตโจถูกดาเนินคดีในความผิดฐานก่ออาชญากรรมสงครามโดยศาลทหารระหว่างประเทศภา
ค พื้ น ต ะ วั น อ อ ก ไ ก ล ( International Military Tribunal for the Far East)
ห รื อ ศ า ล อ า ช ญ า ก ร ส ง ค ร า ม ก รุ ง โ ต เ กี ย ว
ซึง่ ศาลได้ตดั สินว่าเขามีความผิดให้ตอ้ งโทษประหารชีวต ิ โดยเมือ่ ปี ค.ศ.1948 (พ.ศ.2491)
พลเอก ฮิเดกิ โตโจ จึงถูกประหารชีวต ิ ด้วยการแขวนคอ

2.2 จอมพล เคานท์ ฮิไซชิ เทราอูจิ (Hisaichi Terauchi)

ก่ อ นที่ จ ะเกิ ด สงครามใน จี น บุ ค คลท่ า นนี้ เป็ นสมาชิ ก อาวุ โ สของสภาสงคราม


มี ส่ ว น ใน ก าร ยั บ ยั้ ง เห ตุ ก าร ณ์ ก บ ฏ 2 6 กุ ม ภ าพั น ธ์ ค .ศ .1 9 3 6 (พ .ศ .2 4 7 9 )
โดยกลุ่มนายทหารหนุ่ มหัวรุ น แรง ก่อ นที่จ ะได้ไปเป็ นรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงกลาโหม
(ทหารบก) ในปี เดี ยวกัน ในปี ต่อมาได้เป็ นแม่ทพ ั ภาคเหนื อในสงครามจีน – ญี่ปุ่นครัง้ ที่ 2
โดยในช่ ว งปี ค.ศ.1937 – 1938 เป็ นช่ ว งที่ ก องทัพ ญี่ ปุ่ นก าชัย ชนะได้ อ ย่ า งรวดเร็ ว
ยึดเมืองสาคัญใกล้ชายฝั่งได้ ก่อนทีจ่ ะต้องหยุดชะงักการรบในปี ต่อๆ มา
เมื่ อ ญี่ ปุ่ น เปิ ด ฉ ากสงครามใน เอเชี ยอาค เน ย์ ด้ วยการรุ ก ใน ใน ปี ค.ศ.194 1
(พ.ศ.2484) จอมพลเทราอูจิเป็ นผู้บญ ั ชาการกลุ่มกองทัพบกภาคใต้ของญี่ปุ่น (Southern
Expedition Army Group) สามารถนาชัยชนะมาสูก ่ องทัพญีป่ ุ่ นอย่างรวดเร็ว เมือ
่ รุก ไทย
มลายา สิงคโปร์ พม่า อินโดนีเซีย ฟิ ลิปปิ นส์ ในช่วงเดือนธันวาคม ค.ศ.1941 (พ.ศ.2484) –
พ ฤ ษ ภ าค ม ค .ศ .1 9 4 2 (พ .ศ .2 4 8 5 ) อ ย่ า งที่ ฝ่ าย สัม พั น ธ มิ ต รเอ งค าด คิ ด ไม่ ถึ ง
แ ต่ แ ล้ ว เมื่ อ ถึ ง ช่ ว ง ที่ ญี่ ปุ่ น ต้ อ ง ป ร า ชั ย ตั้ ง แ ต่ ค . ศ . 1 9 4 4 ( พ . ศ . 2 4 8 7 )
ญีป่ นได้
ุ่ รบอย่างสุดความสามารถแต่ตอ ้ งถอยทัพและเสียพื้นทีย่ ด ึ ครองในพม่าและฟิ ลิปปิ นส์
ร ว ม ทั้ ง เ สี ย ท ห า ร ไ ป ก ว่ า ร้ อ ย ล ะ 4 0
กลุม ่ กองทัพในบังคับบัญชาของจอมพลเทราอูจจิ งึ ต้องรักษาแนวรบภายในดินแดนเอเชียอาค
เ น ย์ ที่ เ ห ลื อ เ ช่ น ไ ท ย อิ น โ ด จี น ฝ รั่ ง เ ศ ส อิ น โ ด นี เ ซี ย แ ล ะ ม ล า ย า
เตรียมรับมือการรุกของสัมพันธมิตรและการโจมตีจากขบวนการต่อต้านภายในดินแดนดังกล่
าว จนสิน ้ สุดสงครามในปี ค.ศ.1945 (พ.ศ.2488)

นอกเหนื อจากเหตุการณ์ รบแล้วยังเกิดเหตุโศกนาฏกรรมโดยทหารในกลุม ่ กองทัพบก


ภาคใต้ เช่ น การสร้า งทางรถไฟไทย – พม่ า สายมรณะ การเดิ น มรณะที่ แ หลมบาตาน
และการสังหารหมู่ Sook Ching ทีส่ งิ คโปร์ ฯลฯ
เ มื่ อ ญี่ ปุ่ น ย อ ม แ พ้ ส ง ค ร า ม ใ น ปี ค . ศ . 1945 ( พ . ศ . 2488)
จ อ ม พ ล เท ร าอู จิ มี อ าก าร ป่ ว ย แ ล ะ ต้ อ ง รั ก ษ าตั ว ภ าย ใต้ ก าร ดู แ ล ข อ ง ฝ่ าย บ ริ ติ ช
จนถึงแก่อนิจกรรมทีส่ งิ คโปร์เมือ่ ค.ศ.1946 (พ.ศ.2489)

2.3 พลเอก โตโมยูกิ ยามาชิตะ (Tomoyuki Yamashita)


บุคคลนี้ เป็ นแม่ทพ ั หน้ าในการรุกมลายา จนถึงกับได้รบ ั ฉายา “เสือร้ายแห่งมลายา”
โ ด ย เ มื่ อ วั น ที่ 8 ธั น ว า ค ม ค . ศ . 1 9 4 1 ( พ . ศ . 2 4 8 4 ) น า ก อ ง ทั พ ที่ 2 5
บุ ก จ า ก อิ น โ ด จี น ฝ รั่ ง ม า ย ก พ ล ขึ้ น บ ก ที่ ภ า ค ใ ต้ ข อ ง ไ ท ย
แ ล้ ว รุ ก ต่ อ ไ ป ใ น ม ล า ย า แ ล ะ สิ ง ค โ ป ร์ อ ย่ า ง ร ว ด เร็ ว ภ า ย ใ น เว ล า เพี ย ง 2 เดื อ น
จน กระทั่ง ยึ ด สิ ง คโปร์ อ ย่ า งเด็ ดขาดเมื่ อ เดื อ น กุ ม ภาพัน ธ์ ค.ศ.1942 (พ.ศ.2485)
จับเชลยบริติช อินเดีย มลายูได้ถึง 80,000 นาย ทัง้ นี้ เพราะการวางแผนทีข ่ ้าศึกคาดไม่ถึง
ด้ ว ย ก า ร บุ ก ม ล า ย า ผ่ า น พ ร ม แ ด น ท า ง บ ก แ ท น ก า ร ย ก พ ล ขึ้ น บ ก ท า ง เดี ย ว
และใช้ ก ารเคลื่ อ น ที่ เ ร็ ว เป็ น หลัก ด้ ว ยรถถัง ยานเกราะ จัก รยาน ยน ต์ และจัก รยาน
ผ ส ม กั บ ก า ร โ จ ม ตี ท า ง อ า ก า ศ
อย่างไรก็ตามในการรุกและยึดครองมลายานี้ได้เกิดอาชญากรรมโดยทหารในสังกัดกองทัพที่
2 5 เ ช่ น ก า ร สั ง ห า ร ที่ โ ร ง พ ย า บ า ล อ เ ล็ ก ซ า น ด ร้ า
อัน เป็ นการสัง หารทหารบริติ ช ที่บ าดเจ็ บ รวมถึ งเจ้าหน้ า ที่ก ารแพทย์ ด้ว ย การสัง หารหมู่
Sook Ching
เพือ
่ กาจัดผูต
้ อ
้ งสงสัยว่าจะต่อต้านโดยเฉพาะกลุม ่ คนจีนทีเ่ ป็ นคูส่ งครามมาก่อน

ช่ ว ง ป ล า ย ส ง ค ร า ม ปี ค . ศ . 1 9 4 4 ( พ . ศ . 2 4 8 7 ) – ค . ศ . 1 9 4 5 )
พลเอกยามาชิตะได้ถูกย้ายไปเป็ นแม่ทพ ั ภาคที่ 14 ทีฟ ่ ิ ลิปปิ นส์ เพือ
่ เผชิญการรุกของจอมพล
ดัก ลาส แมคอาร์ เธอร์ จนเกิ ด การสู้ร บอย่า งดุ เดื อ ดเพื่ อ ช่ ว งชิ ง เกาะส าคัญ ของฟิ ลิป ปิ นส์
เ ช่ น เ ก า ะ ป า ล า วั น ลู ซ อ น มิ น ด า เ น า
โดยพลเอกยามาชิตะสามารถรักษาพื้นทีส ่ ด
ุ ท้ายของเกาะมินดาเนาไว้ได้จนญีป ่ นยอมแพ้
ุ่ สงค
ร า ม เ มื่ อ เ ดื อ น สิ ง ห า ค ม ค . ศ . 1 9 4 5 ( พ . ศ . 2 4 8 8 )
หลังจากนัน้ พลเอกยามาชิตะได้ถูกไต่สวนในศาลอาชญากรรมสงครามของสหรัฐในฟิ ลิปปิ นส์
โดยได้ ไ ต่ ส วน ย้ อ น ห ลัง ตั้ง แ ต่ ก ารสัง ห ารห มู่ ใ น มลายา สิ ง คโปร์ และใน ฟิ ลิ ป ปิ น ส์
จนในที่สุด ได้ถู ก ตัด สิน ประหารชี วิต ด้ว ยการแขวนคอ เมื่อ เดื อ นกุ ม ภาพัน ธ์ ค.ศ.1946
(พ.ศ.2489)

2.4 พลโท อาเคโต นากามูระ (Aketo Nakamura)

น ายพ ลผู้ นี้ เป็ น ผู้ บ ัญ ช าการก องทัพ ญี่ ปุ่ น ใน ประเทศ ไท ยตั้ง แ ต่ ค .ศ . 1 9 4 3
(พ.ศ.2486) จนกระทั่งถูกส่งกลับไปดาเนินคดีอาชญากรรมสงครามทีญ ่ ป
ี่ ุ่ นเมือ
่ ค.ศ.1946
(พ.ศ.2489) บทบาทส าคัญ ของนายพลนากามู ร ะในช่ ว งแรกของการครองต าแหน่ งคื อ
การเป็ นผู้ ก ากับ ดู แ ลก าลัง ทหารญี่ ปุ่ นที่ เ คลื่ อ นที่ ผ่ า นประเทศไทยไปพม่ า และมลายา
แ ล ะ บ ริ ห า ร ก า ร ส่ ง ก า ลั ง บ า รุ ง จ า ก ไ ท ย ไ ป ยั ง แ น ว ห น้ า
โดยนายพลนากามูระได้สร้างความสัมพันธ์ดว้ ยความเคารพและความเข้าใจบุคคลสาคัญของ
ไ ท ย ร ะ ดั บ ต่ าง ๆ ทั้ ง ฝ่ าย ก าร เมื อ ง ท ห าร แ ล ะ พ ล เรื อ น ร ว ม ทั้ ง สื่ อ ม ว ล ช น ฯ ล ฯ
ไ ม่ ว่ า บุ ค ค ล ส า คั ญ เ ห ล่ า นั้ น จ ะ อ ยู่ ใ น ฝั ก ฝ่ า ย ต ร ง ข้ า ม กั น ก็ ต า ม
และมี ห ลัก การอัน หนัก แน่ น ที่จ ะให้ท หารญี่ปุ่ นปฏิบ ต ั ิต่อ ประชาชนไทยด้ว ยความเคารพ
เ พื่ อ ใ ห้ ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ร ะ ห ว่ า ง ไ ท ย แ ล ะ ญี่ ปุ่ น ร า บ รื่ น ยิ่ ง ขึ้ น
แ ล ะ เ พื่ อ ล ด ค ว า ม รู ้ สึ ก เ ป็ น ศั ต รู ต่ อ กั น ด้ ว ย
อั น จ ะ เป็ น ป ร ะ โย ช น์ ที่ จ ะ ท าให้ ไ ท ย ไ ม่ อ า จ ป ฏิ เส ธ ก า ร ส นั บ ส นุ น แ ก่ ฝ่ าย ญี่ ปุ่ น
ทัง้ ในด้านการเมืองและยุทธปัจจัย (เช่นเสบียง เส้นทางคมนาคม และเงินกู)้

ใ น ช่ ว ง ท้ า ย ส ง ค ร า ม เ มื่ อ ไ ท ย เ ริ่ ม ต่ อ ต้ า น ญี่ ปุ่ น อ ย่ า ง เ ข้ ม ข้ น


นายพลนากามู ร ะกลับ ตัด สิน ใจที่จ ะไม่ผ ลี ผ ลามยึด ครองประเทศไทยอย่า งสมบู ร ณ์ แบบ
เ ช่ น ที่ เ ย อ ร ม นี ยึ ด ค ร อ ง อิ ต า ลี เ มื่ อ ค . ศ . 1 9 4 3 ( พ . ศ . 2 4 8 6 )
แ ล ะ ญี่ ปุ่ น ยึ ด ค ร อ ง อิ น โ ด จี น ฝ รั่ ง เ ศ ส เ มื่ อ ค . ศ . 1 9 4 5 ( พ . ศ . 2 4 8 8 )
แ ต่ น าย พ ลน าก ามู ระเลื อก ที่ จ ะยื ด เวลาค วาม สัม พั น ธ์ ญี่ ปุ่ น – ไท ย ให้ ไ ด้ ม าก ที่ สุ ด
เ พ ร า ะ ญี่ ปุ่ น เ อ ง ไ ม่ ต้ อ ง ก า ร ส ร้ า ง แ น ว ร บ ซ้ อ น ภ า ย ใ น ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย
แ ล ะ ยั ง ไ ด้ อ า ศั ย ยุ ท ธ ปั จ จั ย ส า คั ญ จ า ก ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย อ ย่ า ง ไ ร ก็ ต า ม
นายพลนากามู ร ะได้ ข ยายก าลัง จาก กองทัพ ญี่ ปุ่ นประจ าประเทศไทย ซึ่ ง มี ก าลัง พล 1
หมืน่ นายใน ค.ศ.1943 (พ.ศ.2486) มาเป็ น กองทัพภาคที่ 18 ซึง่ มีกาลังพล 1.1 แสนนาย
ใ น ค . ศ . 1 9 4 5 ( พ . ศ . 2 4 8 8 ) เ พื่ อ ค ว า ม ไ ม่ ป ร ะ ม า ท ต่ อ ส ถ า น ก า ร ณ์
แ ล ะ เ พื่ อ เ ป็ น ก า ร ข่ ม ไ ม่ ใ ห้ ฝ่ า ย ไ ท ย ลุ ก ฮื อ ต่ อ ต้ า น ไ ด้
แ ล้ ว ก ว่ า จ ะ ถึ ง ค ร าว ที่ ญี่ ปุ่ น ต ร ว จ พ บ ห ลัก ฐ าน ส น าม บิ น ลับ เส รี ไ ท ย อ ย่ า งชั ด แ จ้ ง
จนพร้อ มที่จ ะกวาดล้างยึด ครองไทย สงครามก็ ยุ ติเสีย ก่อ นในเดื อ น สิง หาคม ค.ศ.1945
(พ.ศ.2488) การปะทะระหว่างกองทัพญีป ่ นกั ้
ุ่ บฝ่ ายไทยจึงไม่บงั เกิดขึน
แ ม้ ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ไ ท ย – ญี่ ปุ่ น ร ะ ห ว่ า ง ส ง ค ร า ม ม ห า เ อ เ ชี ย บู ร พ า
จ ะ เ ป็ น ใ น ลั ก ษ ณ ะ กึ่ ง มิ ต ร กึ่ ง ศั ต รู
แ ต่ บุ ค ค ล ส า คั ญ ข อ ง ไ ท ย ไ ม่ น้ อ ย ที่ มี ค ว า ม เค า ร พ ใ น ตั ว น า ย พ ล น า ก า มู ร ะ
แ ม้ จ น เ มื่ อ ส ง ค ร า ม ยุ ติ เ ป็ น เ ว ล า ป ร ะ ม า ณ 1 0 – 2 0 ปี ไ ป แ ล้ ว ก็ ต า ม
เช่ น นายพลนากามู ร ะได้ ม าเยี่ย มประเทศไทยประมาณ 2 ครั้ง จอมพล ป.พิ บู ล สงคราม
เ มื่ อ ลี้ ภั ย ไ ป ญี่ ปุ่ น ตั้ ง แ ต่ ค . ศ . 1 9 5 7 ( พ . ศ . 2 5 0 0 )
ก็ยงั ไปมาหาสูก ่ บ ั นายพลนากามูระอย่างสมา่ เสมอ แม้แต่เสรีไทยชัน ้ นาเช่นนายดิเรก ชัยนาม
ใน ข ณ ะ ที่ ก า ลั ง ด าเนิ น ง า น ใ ต้ ดิ น เส รี ไ ท ย ก็ ยั ง ค บ ห า ด้ ว ย ค ว าม เค า ร พ ส่ ว น ตั ว
แ ล ะ ด้ ว ย พั น ธ ะ ห น้ า ที่ ๆ ต้ อ ง เ ป็ น พั น ธ มิ ต ร ห น้ า ฉ า ก
ทั้ ง ที่ ผู้ ให ญ่ ทั้ ง ส อ ง ต่ าง ก็ รู ้ อ ยู่ ใ น ที ว่ าต่ าง ฝ่ าย ก าลั ง จ ะ เปิ ด ฉ า ก ก ว าด ล้ า ง ท าล า ย
แ ต่ ก็ เ ข้ า ใ จ ไ ด้ ว่ า ต่ า ง ฝ่ า ย ท า เ พื่ อ ช า ติ ข อ ง ต น
เมื่ อ น ายพ ลน าก ามู ระลาก ลับ ญี่ ปุ่ น น ายดิ เ รกได้ ม อบ พ ระ พุ ทธรู ป บู ช าเป็ น ที่ ร ะลึ ก
ห ลั ง จ า ก ส ง ค ร า ม ยุ ติ ทั้ ง ส อ ง ฝ่ า ย ไ ด้ แ ล ก เ ป ลี่ ย น ส . ค . ส . ทุ ก ปี ใ ห ม่
เมือ่ นายพลนากามูระมาเยีย่ มประเทศไทยทุกครัง้ ก็ได้เข้าพบนายดิเรกอยูเ่ สมอ

2.5 จอมพลเรื อ เอิร์ ล เมานท์ แ บตเตนแห่ง พม่า (Louis Mountbatten, 1st Earl
Mountbatten of Burma)

ท่านนี้ เป็ นนายทหารแห่งราชนาวีบริติช มีกาเนิ ดเป็ นเชื้ อพระวงศ์ บริติช – เยอรมัน


เมือ่ เริม
่ ต้นสงครามเคยได้ผา่ นสมรภูมด ิ า้ นแอตแลนติกอย่างโชกโชนในตาแหน่ งผูบ ้ งั คับการเ
รื อ ร บ แ ล ะ ผู้ บั ญ ช า ก า ร ห ม ว ด เ รื อ
ต่ อ ม าได้ เ ป็ น น ายทห ารฝ่ ายเสน าธิ ก ารป ระจ าคณ ะเสน าธิ ก ารผ สม บริ ติ ช – สห รัฐ
(Combined Chief of Staffs)
ช่ ว งกลางสงครามได้ย้า ยมาเป็ นผู้บ ญ ั ชาการทหารสู ง สุ ด สัม พัน ธมิต รภาคเอเชี ย อาคเนย์
(Supreme Commander of South – East Asia Command) จนสงครามยุติ
เมื่อเมานท์แบตเตนเข้ารับตาแหน่ งผู้บญ ั ชาการฯ เมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1943
( พ . ศ . 2 4 8 6 ) ส ถ า น ก า ร ณ์ ด้ า น เ อ เ ชี ย อ า ค เ น ย์ ยั ง ค ง อ ยู่ ใ น มื อ ญี่ ปุ่ น
ฝ่ า ย สั ม พั น ธ มิ ต ร อ ยู่ ใ น ช่ ว ง ป รั บ ก า ลั ง
โดยการจัดตัง้ กองบัญชาการสัมพันธมิตรภาคเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้ (South – East Asia
Command) เ ป็ น ก อ ง ก า ลั ง ผ ส ม บ ริ ติ ช – อิ น เ ดี ย จี น แ ล ะ ส ห รั ฐ
ตัง้ กองบัญ ชาการทีเ่ มืองแคนดี้ เกาะซีลอน (ศรีลงั กาในปัจจุบน ั ) มีพื้นที่รบ
ั ผิดชอบในพม่า
ไทย มลายา อินโดนี เซีย และตอนใต้ของอินโดจีนฝรั่งเศส โดยมีกาลังรบได้แก่กลุม ่ กองทัพที่
11 (1 1 Army Group ซึ่ ง มี ห น่ วยใน สัง กัด คื อ ก องทัพ ที่ 1 4 ข องบ ริ ติ ช – อิ น เดี ย
th

และกองทัพภาคเหนือ – Northern Combat Area Command – NCAC ของจีน – สหรัฐ)


กองเรื อ ภาคตะวัน ออก (Eastern Fleet) กองทัพ อากาศภาคตะวัน ออก (Eastern Air
Command) แ ล ะ ก อ ง ก า ลั ง ร บ พิ เศ ษ ก าลั ง พ ล ส่ ว น ใ ห ญ่ เป็ น บ ริ ติ ช แ ล ะ อิ น เดี ย
น อ ก นั้ น มี ส ห รั ฐ แ ล ะ จี น
มีภารกิจในการชิงน่ านน้ามหาสมุทรอินเดียและการชิงเอเชียอาคเนย์คน ื จากญีป ่ น
ุ่

ภายใต้การบังคับบัญชาของเมานท์แบตเตนใน ค.ศ.1944 (พ.ศ.2487) กองทัพที่ 14


ข อ ง บ ริ ติ ช ช น ะ ใ น ก า ร ร บ ที่ อิ ม พั ล (Impul) แ ล ะ โ ค ฮิ ม า (Kohima)
แ ล้ ว บุ ก เข้ า ต อ น ก ล า ง แ ล ะ ต อ น ล่ า ง ข อ ง พ ม่ า ไ ด้ ก อ ง ทั พ ภ า ค เห นื อ ข อ ง จี น –
ส ห รั ฐ ช่ ว ง ชิ ง ถ น น พ ม่ า – จี น คื น จ า ก ญี่ ปุ่ น ไ ด้
ก อ ง เรื อ ต ะ วั น อ อ ก ไ ด้ เข้ า ค ร อ ง ท ะ เล ม ห าส มุ ท ร อิ น เดี ย แ ล ะ ช่ อ ง แ ค บ ม ะ ล ะ ก า
กองทัพอากาศภาคตะวันออกได้ดาเนินการทิง้ ระเบิดยุทธศาสตร์ทาลายการคมนาคมในแนว
หลังของกองทัพ ญี่ปุ่นในพม่า ประเทศไทย และมลายา กองกาลังรบพิเศษได้แก่กองกาลัง
136 ของบริติช (Force 136) ได้ประสานงานตั้ง กองก าลังใต้ดิน ในลายา พม่า และไทย
เพือ
่ รังควานแนวหลังของญีป ่ น ุ่ เป็ นต้น
นอกจากภารกิจทางทหารแล้ว ผู้บญ ั ชาการเมานท์แบตเตนยังมีภารกิจด้านการเมือง
เ ช่ น ก า ร ป ร ะ ส า น กั บ ช า ติ พั น ธ มิ ต ร เ ช่ น ส ห รั ฐ จี น
การเลื อ กรับ รองกองก าลัง ใต้ ดิ น ในสถานะที่แ ตกต่ า งกัน เช่ น มลายา พม่า ไทย เป็ นต้ น
ต่อ มาเมื่อ สงครามยุ ติแ ล้ว เมานท์ แ บตเตนได้มี บ ทบาทส าคัญ ทางการเมื อ งและการทหาร
เช่ น เป็ น อุ ป ร า ช บ ริ ติ ช ท่ า น สุ ด ท้ า ย ใ น อิ น เดี ย เป็ น เส น า ธิ ก า ร ท ห า ร เรื อ
และเสนาธิก ารกลาโหมของบริติ ช รวมทั้ง มี บ ทบาทภายในพระราชวงศ์ บ ริ ติ ช มาตลอด
ยศหลังสุดก่อนถึงแก่อสัญกรรมคือยศ “จอมพลเรือ”

2.6 จอมพล วิลเลียม สลิม (William Slim)

บุ ค ค ล ท่ า น นี้ เ ป็ น แ ม่ ทั พ บ ก บ ริ ติ ช
ผู้รบ
ั ผิดชอบต่อสถานการณ์ รบในพม่าตัง้ แต่ช่วงแรกๆ ทีญ ่ ี่ปุ่นบุกพม่าในช่วงปี ค.ศ.1942
(พ.ศ.2485) จนบริ ติ ช ได้ ข ับ ไล่ ก องทัพ ญี่ ปุ่ นทั้ง หมดออกจากพม่ าเมื่ อ ค.ศ.1945
(พ.ศ.2488) ต่อมาจึงได้ขยายความรับผิดชอบ ในการปลดอาวุธกองทัพญีป
่ นในมลายา
ุ่ ไทย
และอินโดนีเซีย

เมื่ อ แ รก เข้ า บัญ ช าก ารที่ พ ม่ า เมื่ อ เดื อน มี น าค ม ค .ศ .1 9 4 2 (พ .ศ .2 4 8 5 )


น า ย พ ล ส ลิ ม ไ ด้ บั ญ ช า ก า ร ก อ ง ทั พ น้ อ ย พ ม่ า (Burma Corps)
แ ต่ ใ น ข ณ ะ นั้ น ก อ ง ทั พ ญี่ ปุ่ น มี ค ว า ม พ ร้ อ ม ม า ก ก ว่ า บ ริ ติ ช
น าย พ ล ส ลิ ม จึ ง ต้ อ ง ป้ อ ง กั น แ ล ะ บั ญ ช าก าร ถ อ ย ทั พ ให้ เป็ น ร ะ เบี ย บ ให้ ม าก ที่ สุ ด
จ น ถ อ น ทั พ ไ ป ถึ ง อิ น เดี ย ต่ อ ม า ไ ด้ ป รั บ เพิ่ ม ก า ลั ง ข ย า ย ม า เป็ น ก อ ง ทั พ ที่ 1 4
โดยนายพลสลิมได้เข้าบังคับบัญชา

เมื่ อ ถึ ง ค . ศ . 1 9 4 4 ( พ .ศ . 2 4 8 7 ) น า ย พ ล ส ลิ ม ไ ด้ น า ก อ ง ทั พ ที่ 1 4
เข้าต้านทานการโจมตีของญี่ปุ่นที่เมืองอิมพัลและเมืองโคฮิม า ซึ่งเป็ นแนวชายแดนพม่า –
อินเดีย นายพลสลิมได้อาศัยภูมป ิ ระเทศทีเ่ ป็ นภูเขาสูงให้เป็ นชัยภูมท ิ ไี่ ด้เปรียบในการป้ องกัน
ด้ ว ย ก า ร ส่ ง ก า ลั ง บ า รุ ง ที่ เ ห นื อ ก ว่ า ฝ่ า ย ญี่ ปุ่ น ใ น ที่ สุ ด ก อ ง ทั พ ที่ 1 4
จึง ขับ ไล่ ญี่ ปุ่ นจากแนวรบด้ า นนี้ ไ ด้ ส าเร็ จ เมื่ อ เดื อ นมิถุ น ายน – กรกฎาคมในปี เดี ย วกัน
เ มื่ อ เ ข้ า ฤ ดู แ ล้ ง ค . ศ . 1 9 4 5 ( พ . ศ . 2 4 8 8 ) ก อ ง ทั พ ที่ 1 4
จึงรุกเข้าทีร่ าบตอนกลางและตอนล่างของพม่า โดยยึดเมืองสาคัญของพม่าคืนจากญีป ่ ุ่ นได้
เช่ น มยิ ต จิน า มัณ ฑะเลย์ ย่ า งกุ้ ง ผลคื อ ญี่ ปุ่ นถู ก กวาดล้า งไปจนเกื อ บ หมดประเทศพม่ า
หลัง จากพิ ชิ ต พม่ า แล้ ว กองทัพ ที่ 14 จึ ง ได้ ถ อนกลับ อิ น เดี ย เพื่ อ เตรี ย มบุ ก ยึ ด มลายา
แ ต่ ญี่ ปุ่ น ไ ด้ ย อ ม จ า น น เ สี ย ก่ อ น
นายพลสลิมได้เลื่อ นเป็ นผู้บ ญ ั ชาการกองทัพ บกภาคเอเชี ย อาคเนย์ (Allied Land Force
South – East Asia) เพือ ่ ทาหน้าทีป่ ลดอาวุธทหารญีป ่ นในไทย
ุ่ มลายา สิงคโปร์ อินโดนีเซีย
และอินโดจีนฝรั่งเศสใต้เส้นขนานที่ 16 จนเมื่อสิ้นสุดภารกิจจึงกลับบริติชเมื่อ ค.ศ.1946
(พ.ศ.2489) และได้รบั ยศจอมพลในปี เดียวกัน

2.7 พลตรี คอลลิน แมคเคนซี (Colin Mackenzie)


นายทหารบริตช ิ เชื้อสายสก็อตผูน ้ ี้ ในสงครามมหาเอเชียบูรพาได้มี บทบาทเป็ นผูบ ้ ญ
ั ชา
ก าร ก อ งก าลัง 1 3 6 (Force 1 3 6 ) แ ห่ งส านั ก บ ริ ห าร ป ฏิ บั ติ ก าร พิ เศ ษ (Special
Operations Executive - SOE) ข อ ง บ ริ ติ ช ซึ่ ง ก อ ง ก า ลั ง 1 3 6
นี้ มี พื้ น ที่ ร ับ ผิ ด ช อบ ป ฏิ บ ัติ ก าร ส งค ราม พิ เศ ษ เช่ น ก าร สื บ ข่ าว ส งค ราม ก องโจ ร
การก่อวินาศกรรม ฯลฯ ในแนวหลังญีป ่ น ุ่ อันครอบคลุม มลายา ไทย ฮ่องกง จีน และพม่า

พ ล ต รี แ ม ค เค น ซี มี ภู มิ ห ลั ง เป็ น ท ห า ร ผ่ า น ศึ ก ส ง ค ร า ม โ ล ก ค รั้ ง ที่ 1


เคยได้ร บ ั บาดเจ็ บ สาหัส ต่อ มาได้ท าธุ ร กิจ ในสก็ อ ตแลนด์ เมื่อ เข้าสู่ส งครามโลกครั้งที่ 2
ได้ ร บ
ั การชัก ชวนจากเพื่ อ นๆ ให้เข้ า ท างานในส านัก บริห ารปฏิบ ต ั ิก ารพิ เศษ (Special
Operations Executive - SOE) ของบริตช ิ แล้วเมือ่ เข้าปี ค.ศ.1942 (พ.ศ.2485) สานัก
SOE ได้ต ้งั กองก าลัง พิ เศษในเมื อ งเมี ย รุ ท (Meerut) อิน เดี ย โดยให้ร หัส ว่า “กองก าลัง
136” ห รื อ Force 136 ใน ชั้น แ รกมุ่ ง ห มายเพื่ อ ปฏิ บ ัติ ก ารพิ เ ศษ ใน อิ ห ร่ า น อิ ร ัก
และอัฟกานิสถาน เพือ ่ กรณี ทเี่ ยอรมันอาจเอาชนะในแนวรบแอฟริกาและเทือกเขาคอเคซัส
อั น อ า จ จ ะ คุ ก ค า ม ต ะ วั น อ อ ก ก ล า ง แ ล ะ อิ น เ ดี ย ไ ด้
แต่แล้วเมือ ่ กองทัพเยอรมันกลับเป็ นฝ่ ายแพ้ในต้นปี ค.ศ.1943 (พ.ศ.2486) กองกาลัง 136
จึง เปลี่ย นเป้ าหมายเป็ นเอเชี ย ตะวัน ออกไกลแทน จึง ได้ ย้า ยที่ต ้งั หน่ วยมาที่เมื องแคนดี้
เ ก า ะ ซี ล อ น
่ ประสานงานกับกองบัญชาการสัมพันธมิตรภาคเอเชียอาคเนย์ซงึ่ อยูเ่ มืองเดียวกันอย่างใก
เพือ
ล้ชดิ

แ ม ค เค น ซี ไ ด้ รับ ม อ บ ให้ ก่ อ ตั้ งแ ล ะ เป็ น ผู้ บั ญ ช าช าก าร ก อ ง ก าลัง 1 3 6 นี้


จึ ง มี บ ท บ า ท ใ น ก า ร ว า ง แ ผ น แ ล ะ จั ด ก า ลั ง ส า ย ลั บ
เพื่ อ ปฏิ บ ัติ ก ารใน แ น วห ลัง ข้ า ศึ ก ใน เอเชี ยอาคเน ย์ ทั้ง การสื บ ข่ า ว การตั้ง กองโจร
แ ล ะ ก า ร ก่ อ ก ว น แ น ว ห ลั ง ญี่ ปุ่ น ใ น ม ล า ย า ไ ท ย ฮ่ อ ง ก ง จี น แ ล ะ พ ม่ า
รวมทั้ง ส่ ง เจ้ า หน้ า ที่ แ ละอาวุ ธ ของบริ ติ ช ช่ ว ยฝึ ก กองก าลัง ใต้ ดิ น ที่ มี ชื่ อ เสี ย งในเอเชี ย
เช่นกองทัพประชาชนมลายาต่อต้านญีป ่ น ุ่ (Malayan Peoples' Anti-Japanese Army)
ใน ม ล าย า สัน นิ บ าต เส รี ช น ต่ อ ต้ าน ฟ าส ซิ ส ต์ ( Anti-Fascist People's Freedom
League) แ ล ะ V Force ใน พ ม่ า แ ล ะข บ วน ก ารเสรี ไ ท ย ใน ป ระเท ศ ไท ย เป็ น ต้ น
เมื่ อ สงครามยุ ติ ใ น ค.ศ.1945 (พ.ศ.2488) กองก าลัง 136 มี เจ้ า หน้ า ที่ ป ฏิ บ ต ั ิ ก ารอยู่
30,000 นายทั่วเอเชีย

2.8 จอมพล เจียงไคเชค (Chang Kai – Chek)


เจียง ไคเชคเป็ นผู้นาของจีนระหว่าง ค.ศ. 1928 - ค.ศ. 1949 (พ.ศ. 2471 - พ.ศ.
2492) ต่อมาได้ไปตัง้ รัฐบาลจีนคณะชาติทไี่ ต้หวัน เป็ นผูห ้ นึ่งทีร่ ว่ มอยูใ่ นการปฏิวตั ิ ปี ค.ศ.
191 1 (พ .ศ . 24 54 ) ต่ อ ต้ า น รัฐ บาลข องห ยวน ซื่ อ ไข่ และตั้ง แ ต่ ปี ค .ศ. 1 91 8
(พ.ศ.2461) ได้เข้าร่วมรัฐ บาลพรรคก๊ก มิน ตั๋งของ ดร. ซุน ยัต เซน และเมื่อ ซุน ยัต เซน
ถึงแก่อสัญกรรม ในปี พ.ศ. ค.ศ. 1925 (พ.ศ.2468) เจียง ไคเชกได้เป็ นผู้นาพรรคแทน
และพยายามรวบอานาจในพรรคด้วยการก าจัด แกนน าพรรคคนอื่น ๆ ด้ว ยวิธีก ารต่าง ๆ
ทัง้ ด้วยอานาจทหารและอานาจเงิน โดยมีการสานสัมพัน ธ์ อน ั ดีกบ ั สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น
ก ร ะ ทั่ ง ส า ม า ร ถ ย ก ต น เอ ง ก้ า ว ขึ้ น เป็ น ป ร ะ ธ า น า ธิ บ ดี ข อ ง ส า ธ า ร ณ รั ฐ จี น
และได้รบั ยกย่องเป็ นประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐจีน

ในสงครามจีน - ญี่ปุ่น ระหว่างปี ค.ศ. 1937 - ค.ศ. 1945 (พ.ศ. 2480 – 2488)
เ จี ย ง ไ ค เ ช ค ย้ า ย ที่ ตั้ ง รั ฐ บ า ล ไ ป อ ยู่ น ค ร ห น า น จิ ง ( น า น กิ ง )
ซึ่ ง อยู่ ใ กล้ ก ับ ภู มิ ล าเนาเดิ ม บ้ า นที่ ม ณ ฑลเจ้ อ เจี ย ง แต่ จ ากปั ญ หาฉ้ อราษฎร์ บ งั หลวง
และถู ก ซ้ าเติม ด้ว ยการรุ ก รานของกองทัพ ญี่ ปุ่ นจนเกิด ความเดื อ ดร้อ นไปทุ ก หย่อ มหญ้ า
แ ม้ ก ร ะ นั้ น ฝ่ า ย จี น โ ด ย จ อ ม พ ล เจี ย ง ไ ค เช ค ผู้ น า จี น ค ณ ะ ช า ติ ( ก๊ ก มิ น ตั๋ ง )
แ ล ะ เห ม าเจ๋ อ ตุ ง ผู้ น า พ ร ร ค ค อ ม มิ ว นิ ส ต์ จี น ซึ่ ง ไ ด้ หั น ม า ร่ ว ม มื อ ต่ อ ต้ า น ญี่ ปุ่ น
ยัง ค งไม่ ย อมแ พ้ ญี่ ปุ่ น โดยเจี ย งไค เชค ได้ ย้ า ยเมื อ งห ลวงปั ก ห ลัก สู้ ที่ ฉ งชิ่ ง (จุ ง กิ ง )
และเหมาเจ๋อตุงได้ไปตัง้ ฐานบัญชาการทีซ ่ ีอาน
ตั้ ง แ ต่ ช่ ว ง ค รึ่ ง ห ลั ง ข อ ง ปี 1 9 3 8
เป็ นต้ น มาเมื่ อ ญี่ ปุ่ นรุ ก เข้ า ตอนกลางของจี น แถบเหอหนาน หู เบ่ ย หู ห นาน กวางตุ้ ง
แ ล ะ ก ว าง สี ทั้ ง จี น ฝ่ า ย ค ณ ะ ช า ติ แ ล ะ จี น ค อ ม มิ ว นิ ส ต์ ต้ า น ท า น ญี่ ปุ่ น ไ ด้ ส าเร็ จ
โ ด ย ป รั บ แ น ว ยุ ท ธ ศ า ส ต ร์ จ า ก ก า ร ช น ะ เ ด็ ด ข า อ ด ต า ม จุ ด ต่ า ง
ม า เ ป็ น ก า ร ร บ ยื ด เ ยื้ อ เ พื่ อ บั่ น ท อ น ศั ก ย ภ า พ ส ง ค ร า ม ข อ ง ญี่ ปุ่ น
ไ ด้ รับ ก าร ส นั บ ส นุ น ด้ าน อ าวุ ธ แ ล ะ ยุ ท ธ ภั ณ ฑ์ จ าก เย อ ร ม นี โซ เวี ย ต แ ล ะ ส ห รั ฐ
จนญี่ปุ่นรุกคืบหน้ าไม่ได้เท่าทีค ่ วร ทัง้ จีนและญี่ปุ่นสูร้ บผลัดแพ้ผลัดชนะกันจนถึงปี 1945
ทีญ
่ ปี่ นยอมแพ้
ุ่ สงคราม

เมื่อ สงครามจี น – ญี่ ปุ่ นได้ ยุ ติล งไปแล้ว ในช่ ว งหลัง ปี ค.ศ. 1945 (พ.ศ. 2488)
รั ฐ บ า ล ก๊ ก มิ น ตั๋ ง ข อ ง เ จี ย ง ไ ค เ ช ก ท า ส ง ค ร า ม กั บ ฝ่ า ย ค อ ม มิ ว นิ ส ต์
เป็ นฝ่ ายแพ้ต้องอพยพไปตั้งรัฐ บาลจีน คณะชาติที่ไ ต้ห วัน ในปี ค.ศ. 1949 (พ.ศ. 2492)
จ น เ จี ย ง ไ ค เ ช ค ถึ ง แ ก่ อ สั ญ ก ร ร ม เ มื่ อ ปี ค . ศ . 1 9 7 5 ( พ . ศ . 2 5 1 8 )
ในขณะทีก ่ าลังดารงตาแหน่ งเป็ นประธานาธิบดี

2.9 นายพลอองซาน (Aung San)


น า ย พ ล อ อ ง ซ า น ห รื อ อู อ อ ง ซ า น เกิ ด เมื่ อ ค .ศ .1 9 1 5 (พ .ศ . 2 4 5 8 )
เมื่ อ อองซานได้ เ ข้ า เรี ย นที่ ม หาวิ ท ยาลัย แห่ ง ย่ า งกุ้ ง ตั้ง แต่ ค.ศ.1932 (พ.ศ. 2475)
ใ น ช่ ว ง นั้ น นั ก ศึ ก ษ า พ ม่ า ตื่ น ตั ว เ รื่ อ ง ค ว า ม รั ก ช า ติ พ . ศ . 2 4 7 8 -2 4 7 9
กลุ่ ม นัก ศึ ก ษาแนวชาติ นิ ย มได้ ขึ้ น เป็ นแกนน าของสหภาพนัก ศึ ก ษา และอู อ องซาน
ไ ด้ เ ป็ น ผู้ น า นั ก ศึ ก ษ า
และเริม ่ มีตาแหน่ งทางการเมืองในฐานะประธานสหภาพนักศึกษาระดับประเทศ

ช่ ว ง ปี พ .ศ . 2 4 8 2 ก าลัง เกิ ด ส ง ค ร าม ใน ยุ โร ป อ าณ านิ ค ม เริ่ ม สั่น ค ล อ น


อู อ อ ง ซ า น ร่ ว ม กั บ บ า ม อ ( Ba Maw)
อ ดี ต น า ย ก รั ฐ ม น ต รี ค น แ ร ก ข อ ง พ ม่ า ใ น ส มั ย ที่ เป็ น อ า ณ า นิ ค ม ข อ ง บ ริ ติ ช
จัด ตั้ง พรรคกลุ่ ม เสรี ภ าพ โดยบามอเป็ นประธานพรรค อู อ องซานเป็ นเลขาธิก ารพรรค
เมื่อ เกิ ด สงครามโลกครั้ง ที่ 2 ขึ้ น ในยุ โ รป พรรคกลุ่ม เสรี ภ าพประกาศไม่ช่ ว ยบริติ ช รบ
บามอถูกจาคุกใน พ.ศ. 2483 ส่วนอูอองซานหนีรอดไปได้

ในปี ค.ศ.1940 (พ.ศ. 2483) อูอองซานและพรรคพวกเดินทางออกจากพม่าทางเรือ


แ ล ะ ไ ป ขึ้ น ฝั่ ง ที่ เ อ้ ห มึ ง ( Amoy) ข อ ง จี น
ทีน่ ่น
ั อูอองซานได้รบ ั การติดต่อจากตัวแทนของญีป ่ นเพื
ุ่ อ
่ เจอกับ เจ้าหน้าทีก
่ องทัพของญีป
่ ุ่ น
พัน เอกเคจิ ซู ซู กิ ผู้ซึ่งต่อ มาได้ก ลายเป็ นผู้น าของกลุ่ม Minami Kikan (ตัว แทนทางใต้)
ซึ่งเป็ นองค์กรลับที่ได้รบ ั มอบหมายให้ช่วยพม่าเพื่อให้ได้รบ ั เอกราชและปิ ดถนนเข้าสูพ่ ม่า
อู อ องซานกลับ ไปที่ พ ม่ า ใน ปี ต่ อ มา โดยอองซานได้ ร วบรวมพรรคพวกในนามกลุ่ ม
"เพื่ อ นสามสิ บ " (Thirty Comrades) ตัด สิ น ใจออกจากพม่ า เพื่ อ รับ การฝึ กทางทหาร
ก ลุ่ ม นี้ ต่ อ ม า ไ ด้ ก ล า ย เ ป็ น แ ก น น า เ รี ย ก ร้ อ ง เ อ ก ร า ช ใ ห้ กั บ พ ม่ า
แ ล ะ ที่ นี่ ค ว า ม เ ป็ น ผู้ น า ข อ ง อ อ ง ซ า น ชั ด เ จ น ม า ก ขึ้ น
อองซาน พิ สู จ น์ ตน เองว่ า เป็ น ทหารที่ มี ท ัก ษะสู ง มี ค วามกล้ า และสมบุ ก สมบัน มาก
เขาคอยสร้างขวัญและกาลังใจให้กบั "เพือ ่ นสามสิบ" ทีเ่ ข้ารับการฝึ ก

ใ น ที่ สุ ด ก อ ง ทั พ เ อ ก ร า ช พ ม่ า ( Burma Independence Army-BIA)


ซึ่ ง เป็ นกองก าลัง ที่ ป ระกอบด้ ว ยผู้ เ ข้ า รับ การฝึ กจากค่ า ยที่ ไ หหล า คนไทยเชื้ อ สายพม่ า
และสมาชิ ก กลุ่ม Minami Kikan เปิ ดตัว อย่ า งเป็ นทางการที่ก รุ ง เทพเมื่อ ธัน วาคม พ.ศ.
2481 มี พ ัน เอกซู ซู กิ เป็ นผู้ บ งั คับ หน่ วยและประสานงานกับ กองทัพ ญี่ ปุ่ น อู อ องซาน
หรือนายพลอองซาน รับหน้าทีป ่ ระธานเสนาธิการทหาร

การต่อสูข้ องพลเอกอองซานในการเข้าร่วมกับกองทัพญีป ่ นนั ุ่ ้นเต็มไปด้วยความเคลือ


บ แ ค ล ง ส ง สั ย แ ล ะ ชั้ น เชิ ง ใ น ก า ร เจ ร จ า เมื่ อ ก อ ง ทั พ เพื่ อ เอ ก ร า ช พ ม่ า BIA
เค ลื่ อ น พ ลจากก รุ ง เทพ เข้ า สู่ พ ม่ า สมาชิ กก ลุ่ ม ภ ายใต้ ก ารน าข องน ายพ ลอองซาน
เ ริ่ ม รู ้ สึ ก แ ล้ ว ว่ า ก า ร เ ข้ า ร่ ว ม กั บ ญี่ ปุ่ น นั้ น ก ลั บ น า ปั ญ ห า ม า ใ ห้
แ ล ะ ก า ร น า ท ห า ร ญี่ ปุ่ น เข้ า ป ร ะ เท ศ ยิ่ ง เท่ า กั บ ไ ป เปิ ด ท า ง ใ ห้ ญี่ ปุ่ น บุ ก ยึ ด พ ม่ า
แ ล ะ ก ลั บ ก ล า ย เป็ น ว่ า ญี่ ปุ่ น เป็ น ผู้ ยึ ด ค ร อ ง ที่ โ ห ด ร้ า ย ยิ่ ง ก ว่ า บ ริ ติ ช เสี ย อี ก
ช า ว พ ม่ า ต้ อ ง รั บ ช ะ ต า ก ร ร ม ห นั ก ก ว่ า เดิ ม มี ค น พ ม่ า ถู ก ลั ก พ า ตั ว ถู ก ท ร ม า น
แ ล ะ ถู ก บั ง คั บ ใ ห้ ก ล า ย เ ป็ น แ ร ง ง า น
แต่น ายพลอองซานและกลุ่มเพื่อ นสามสิบไม่ยอมให้เหตุ ก ารณ์ เลวร้า ยลงไปกว่าที่เป็ นอยู่
แ ล ะ ไ ม่ ย อ ม เ ป็ น เ พี ย ง หั ว โ ข น ใ ห้ ก อ ง ทั พ ข อ ง ญี่ ปุ่ น ใ ช้ เ ป็ น ป ร ะ โ ย ช น์
จึ ง ตั ด สิ น ใ จ เ ผ ชิ ญ ห น้ า เ จ ร จ า กั บ น า ย พั น ซู ซู กิ ผู้ บั ญ ช า ก า ร BIA
ในทีส่ ด ุ ความพยายามก็สาเร็จและอองซานได้รบั แต่งตัง้ ให้เป็ นผูบ ้ ญ
ั ชาการสูงสุด

ค . ศ . 1 9 4 3 ( พ . ศ . 2486) น า ย ก รั ฐ ม น ต รี ฮิ เ ด กิ โ ต โ จ
ของญี่ปุ่ นประกาศว่าจะให้เอกราชแก่พ ม่า ในราวปลายปี พอถึงเดื อ นสิงหาคมในปี นั้น บา
ม อ ไ ด้ รั บ ก า ร ส ถ า ป น า เ ป็ น ป ร ะ มุ ข ข อ ง ป ร ะ เ ท ศ แ ต่ ง ตั้ ง อ อ ง ซ า น
เป็ นรัฐมนตรีวา่ การกระทรวงกลาโหม และ ผูบ ้ ญั ชาการกองทัพแห่งชาติ (Burma National
Army : BNA) มี ก า ลั ง พ ล ป ร ะ ม า ณ 4 ,0 0 0 น า ย แ ล ะ อู นุ
เป็ น รัฐ ม น ต รี ว่ า ก าร ก ร ะท ร วงก าร ต่ า งป ระเท ศ อย่ า งไร ก็ ต าม รัฐ บ าล ข องบ า ม อ
เ ป็ น เ พี ย ง รั ฐ บ า ล หุ่ น แ ท บ ไ ม่ มี อ า น า จ ก า ร ตั ด สิ น ใ จ
อันทีจ่ ริงญีป
่ นมองพม่
ุ่ าเป็ นแหล่งทรัพยากรเพือ ่ การทาสงคราม
น อ ก จ า ก นี้ ท ห า ร ญี่ ปุ่ น ก ลั บ ก ล า ย เป็ น ผู้ ก ด ขี่ ข่ ม เห ง ช า ว พ ม่ า เสี ย เอ ง
โดยเกณฑ์ชาวพม่าไปเป็ นลูกหาบและกรรมกรในกองทัพญีป ่ ุ่ นนับพันคน นายกรัฐมนตรีบา
ม อ เ ริ่ ม ไ ม่ พ อ ใ จ แ ล ะ ป ฏิ เ ส ธ ที่ จ ะ ร่ ว ม มื อ กั บ น า ย ท ห า ร ญี่ ปุ่ น
ส่ ว น ห น่ ว ย ข่ าว ก ร อ งข อ งท ห าร ญี่ ปุ่ น ใช้ วิ ธี ซ้ อ ม ท ร ม าน ช าว พ ม่ าเพื่ อ “รี ด ข่ าว ”
ขัง ผู้ ต้ อ งสงสัย ได้ โ ดยไม่ ต้ อ งไต่ ส วน ชาวพม่ า เริ่ ม รู ้ ต วั ว่ า ญี่ ปุ่ นร้ า ยกว่ า บริ ติ ช เสี ย อี ก
บรรดาตะขิ่ น ทั้ง หลาย รวมทั้ง ผู้ น าระดับ สู ง ของพม่ า เริ่ ม คิ ด จะไล่ ญี่ ปุ่ นออกจากพม่ า
นายทหารกะเหรี่ยงในกองทัพพม่ารับอาสาติดต่อกับ “กองกาลัง 136” ประสานการปฏิบตั ิ
“เฉ พ าะกลุ่ ม วงใน ” รวมทั้ง น ายพ ล ออง ซาน ได้ ร วบรวมทุ ก กลุ่ ม ใน ขณ ะนั้ น เช่ น
ก ลุ่ ม น า ย ท ห า ร ใ น ก อ ง ทั พ พ ม่ า ก ลุ่ ม สั ง ค ม นิ ย ม ก ลุ่ ม ค อ ม มิ ว นิ ส ต์
และกลุ่ ม กองโจรกะเหรี่ ย งมาจัด ตั้ง “สัน นิ บ าตเสรี ช นต่ อ ต้ า นฟาสซิ ส ต์ ” (Anti-Fascist
People’s Freedom League : AFPFL) ขึ้ น มา โดยมี น ายพล ออง ซาน เป็ นแกนน า
จนสัน นิ บ าตนี้ ส ร้า งความเชื่ อ ถื อ ให้ แ ก่ ก องบัญ ชาการสัม พัน ธมิ ต รภาคเอเชี ย อาคเนย์
ภายใต้การนาของจอมพลเรือ เอิร์ลเมานท์แบตเตน ได้สาเร็จ

2 7 มี น า ค ม ค . ศ . 1945 ( พ . ศ . 2 4 8 8 ) ก อ ง ทั พ แ ห่ ง ช า ติ พ ม่ า
เคลือ่ นย้ายออกจากย่างกุ้งในฐานะส่วนหนึ่งของกองทัพญีป ่ ุ่ น เข้าไปตัง้ กองบัญชาการในป่ า
แล้ ว เริ่ ม ปฏิ บ ต
ั ิ ก ารเข้ า ตี ที่ ต ้ งั หน่ วยทหารญี่ ปุ่ นอย่ า งได้ ผ ล กองทัพ ที่ 14 ของบริ ติ ช
น า โ ด ย พ ล เ อ ก วิ ล เ ลี ย ม ส ลิ ม ( William Joseph "Bill" Slim)
รุ ก ล ง ม า จ า ก ท า ง เห นื อ ข อ ง พ ม่ า ก อ ง ทั พ ญี่ ปุ่ น เริ่ ม เพ ลี่ ย ง พ ล้ า ใ น ทุ ก ส ม ร ภู มิ
ก อ ง ทั พ แ ห่ ง ช า ติ พ ม่ า ยึ ด ย่ า ง กุ้ ง ก ลั บ คื น ม า ไ ด้ แ ล ะ เดื อ น สิ ง ห า ค ม ปี เดี ย ว กั น
ญีป่ นจึุ่ งได้ยอมแพ้สงคราม
หลัง สงครามโลกสิ้ น สุ ด กองทัพ บริ ติ ช เข้ า บริ ห ารประเทศพม่ า ได้ ร าว 4 เดื อ น
กรมกิจการพลเรือนของบริตช ิ จึงเข้ามาบริหารแทนโดยพยายามลดอานาจและกาจัดผูน ้ าตะขิ่
นต่ า งๆโดยเฉพาะนายพลอองซาน เดื อ นกัน ยายน ค.ศ. 1945 (พ.ศ. 2489) นัก เรี ย น
นัก ศึ ก ษา ทหาร ต ารวจ ข้ า ราชการ ผู้ ใ ช้ แ รงงานทั้ง หลาย ก่ อ การสไตร์ ค ทั่ว ประเทศ
เกิ ด ภ าว ะ จ ล าจ ล ข้ าห ล ว ง บ ริ ติ ช จึ ง เชิ ญ น าย พ ล อ อ ง ซ าน ม าพ บ เพื่ อ เข้ าร่ ว ม ใน
“สภาบริหารประเทศ” โดยให้นายพลอองซานเป็ น “รองประธานสภา” เชิญสมาชิก AFPFL 6
คนมาร่วมด้วยจากจานวนทัง้ หมด 11 คน เหตุการณ์ จงึ กลับคืนสูส่ ภาวะปกติ

ใ น ที่ สุ ด เ มื่ อ วั น ที่ 2 7 ม ก ร า ค ม ค . ศ . 1 9 4 7 ( พ . ศ . 2 4 9 0 )


อ อ ง ซ า น ไ ด้ ล ง น า ม ใ น สั ญ ญ า กั บ ค ลี เ ม น ต์ แ อ ต ท์ ลี ( Clement Attlee)
นายกรัฐ มนตรี ข องบริ ติ ช โดยบริ เตนใหญ่ ยิ น ยอมจะมอบเอกราชให้ พ ม่ า ภายใน 1 ปี
แต่แล้วปรากฏว่ามีกองกาลังลึกลับจึงบุกเข้าสังหารนายพลออง ซาน เสียชีวต ิ ในวัยเพียง 32 ปี
ั ได้เห็นเอกราชของพม่า ซึง่ ได้รบั ในวันที่ 4 มกราคม ค.ศ.1948 (พ.ศ.2491)
โดยทีย่ งั ไม่ทน

2.10 ซูร์การ์โน (Sukarno Sosrodihardjo)


ซูการ์โนเป็ นผูน้ าขบวนการกอบกูเ้ อกราชอินโดนีเซีย จากเจ้าอาณานิคมเนเธอร์แลนด์
โดยองค์กรชาตินิยมทีเ่ ขาเป็ นผูน ้ จากการสนับสนุนของกองทัพญีป
้ าได้เติบโตขึน ่ นทีุ่ เ่ ข้ายึดคร
อ ง อิ น โ ด นี เ ซี ย จ า ก เ น เ ธ อ ร์ แ ล น ด์
และเมือ่ สงครามสิน ้ สุดเขาจึงอาศัยองค์กรชาตินิยมในการจัดตัง้ รัฐบาลอินโดนี เซียสืบมมาจน
ถึงปัจจุบนั

ซู ก า ร์ โ น เกิ ด เมื่ อ ปี ค .ศ . 1 9 0 1 ( พ .ศ .2 4 4 4 ) ใ น เก า ะ ช ว า ต ะ วั น อ อ ก
เขาถูกส่งไปเรียนชั้นมัธยมในโรงเรียนของชาวฮอลัน ดา (เนเธอร์ แลนด์ ) ที่เมืองสุราบายา
โ ด ย มี ผู้ ดู แ ล คื อ อุ ม า ร์ ซ า อิ ด โ จ โ ค ร อ า มิ โ น โ ต ( Umar Said Cokroaminoto)
แกนนาและนักกล่าวสุนทรพจน์ ค นสาคัญ ของสหพัน ธ์ การค้าอิส ลาม (Sarekat Dagang
Islam) ซึ่ ง มี บ ท บ า ท เ ค ลื่ อ น ไ ห ว ท า ง ก า ร เ มื อ ง ใ น ด้ า น ช า ติ นิ ย ม
ซู ก าร์ โ นจึ ง มี โ อกาสซึ ม ซับ ประสบการณ์ หลายแบบ เช่ น อ่ า นหนัง สื อ ได้ ห ลายภาษา
ติ ด ต่ อ กั บ ผู้ น า ฝ่ า ย อิ ส ล า ม แ ล ะ สั ง ค ม นิ ย ม จ น รู ้ จั ก “ก า ร เมื อ ง ” ตั้ ง แ ต่ เด็ ก
ต่ อ มาซู ก าร์ โ น ได้ เ ป็ นหนึ่ งในผู้ ก่ อ ตั้ง “พรรคชาติ นิ ย มอิ น โดนี เซี ย ” ที่ มี ส มาชิ ก ถึ ง 1
หมืน ่ คนในปี ค.ศ.1926 (พ.ศ.2469) ซึง่ เป็ นพรรคทีส่ ร้างความหวาดระแวงให้แก่ฮอลันดา
ซึ่ ง เป็ นเจ้ า อาณ านิ ค มเนเธอร์ แ ลนด์ ใ นเวลานั้น พรรคชาติ นิ ย มอิ น โดนี เซี ย จึ ง ถู ก ยุ บ
ซู ก า ร์ โ น ถู ก จั บ เข า ไ ด้ รั บ ก า ร ป ล่ อ ย ตั ว ใ น ปี ค . ศ . 1 9 3 1 ( พ . ศ . 2 4 7 4 )
แต่ก็ ยงั เคลื่อนไหวทางการเมืองจนถู กเนรเทศไปเกาะฟลอเรสและเบิงกูลูในปี ค.ศ.1933
(พ .ศ .2 4 7 6 ) ต้ อ ง ร อ จ น ญี่ ปุ่ น บุ ก อิ น โด นี เซี ย ใน ปี ค .ศ . 1 9 4 1 (พ .ศ .2 4 8 4 )
ซูการ์โนจึงได้รบั การปล่อยตัวพร้อมนักเคลือ ่ นไหวคนอืน ่ ๆ
ช่ ว ง ที่ ญี่ ปุ่ น ยึ ด ค ร อ ง อิ น โ ด นี เ ซี ย นั้ น
ซู ก า ร์ โ น แ ล ะ ข บ ว น ก า ร ช า ติ นิ ย ม ใ ห้ ร่ ว ม มื อ กั บ ญี่ ปุ่ น ใ น ก า ร ต่ อ ต้ า น ดั ต ช์
โดยแลกเปลีย่ นกับการทีญ ่ ปี่ นให้
ุ่ ความช่วยเหลือในการขยายกระแสชาตินิยมทั่วหมูเ่ กาะอินโ
ด นี เ ซี ย จึ ง มี ก า ร ตั้ ง ศู น ย์ “ปู เ ต ร ะ ” (Pusat Tenaga Rakjat – Putera)
องค์กรรวมนักชาตินิยมอินโดนี เซีย ซึ่งมาจากผูค ้ นหลากหลายสมาคมอาชีพ เช่นสหภาพครู
สมาคมผู้สื่อ ข่า วทางหนัง สือ พิ ม พ์ แ ละวิท ยุ สมาคมไปรษณี ย์ และกลุ่ม นัก เรี ย นนัก ศึก ษา
โดยองค์กรปูเรตะได้สนับสนุนกองทัพญีป ่ นในการท
ุ่ าสงครามกับสัมพันธมิตรในด้านการรวบ
ร ว ม เ ส บี ย ง แ ล ะ ท รั พ ย า ก ร ใ น แ ผ่ น ดิ น อิ น โ ด นี เ ซี ย
น อ ก จ า ก นี้ ญี่ ปุ่ น ยั ง ไ ด้ ช่ ว ย นั ก ช า ติ นิ ย ม จั ด ตั้ ง ก อ ง ก า ลั ง “เ ป ต ะ ”
คื อ ก อ ง ก า ลั ง ท ห า ร อ า ส า ช า ติ นิ ย ม อิ น โ ด นี เซี ย ซึ่ ง ไ ด้ รั บ ก า ร ฝึ ก แ บ บ ญี่ ปุ่ น
ใ ช้ อ า วุ ธ แ ล ะ เ ค รื่ อ ง แ บ บ ญี่ ปุ่ น
เพื่ อ เต รี ย ม ก า ร ป้ อ ง กั น ห มู่ เก าะ อิ น โ ด นี เซี ย จ า ก ก า ร รุ ก ก ลั บ ข อ ง สั ม พั น ธ มิ ต ร
ต่อมาองค์กรทัง้ สองนี้จะได้เป็ นพื้นฐานของรัฐบาลและกองทัพอินโดนีเซียตามลาดับ
1 มิ ถุ น า ย น ค . ศ . 1 9 4 5 ( พ . ศ . 2 4 8 8 )
ระหว่ า งที่ ญี่ ปุ่ นพ่ า ยแพ้ ใ นแนวรบทั่ว เอเชี ย แปซิ ฟิ ก ซู ก าร์ โ นร่ า ง “ปั ญ จสี ล า” 5 ข้ อ
อัน เป็ น แน วน โยบายห ลัก ของชาติ ซึ่ ง ทัน ที ที่ ส งครามโลกครั้ง ที่ 2 ยุ ติ ใน วัน ที่ 17
สิ ง ห า ค ม ปี เ ดี ย ว กั น
มันถูกประกาศพร้อมกับพิธป ี ระกาศเอกราชทีจ่ ดั ขึน ้ อย่างเรียบง่ายในสวนหน้าบ้านพักของซูก
าร์ โน ใน ก รุ งจ าก าร์ ต า เข าอ่ า น ค าป ร ะ ก าศ อิ ส ร ภ าพ ต่ อ ห น้ าก อ งท ห าร เป ต ะว่ า
“บั ด นี้ ช า ว อิ น โ ด นี เ ซี ย ข อ ป ร ะ ก า ศ เ อ ก ร า ช ภ า ร กิ จ อื่ น ๆ
แ ล ะ ก า ร ส่ ง ถ่ า ย อ า น า จ จ ะ จั ด ก า ร ต่ อ ไ ป โ ด ย เร็ ว ที่ สุ ด ” จ า ก นั้ น ฟ า ต ม า ว า ตี
ภ ร ร ย าข องซู ก าร์ โน จึ ง ค ลี่ ผื น ธ งช าติ ที่ เ ย็ บ เต รี ย ม ไ ว้ ส่ ง ให้ ท ห ารชั ก ขึ้ น สู่ ย อ ด เส า
พ ร้ อ ม บ ร ร เ ล ง เ พ ล ง “อิ น โ ด นี เ ซี ย ร า ย า ” (อิ น โ ด นี เ ซี ย อั น ยิ่ ง ใ ห ญ่ )
ซึง่ จะเป็ นเพลงชาติอน ิ โดนีเซียในปัจจุบน ั อย่างเปิ ดเผยเป็ นครัง้ แรก

สิง่ ทีต
่ ามมาคือช่วงเวลาอันยากลาบาก ซูการ์โนเผชิญความท้าทายในการรวมประเทศ
ร ะ ห ว่ า ง ปี ค . ศ . 1 9 4 5 – 1 9 4 9 ( พ . ศ . 2 4 8 8 – 2 4 9 2 )
เข า ต้ อ ง เผ ชิ ญ กั บ ก า ร ก บ ฏ ข อ ง ก ลุ่ ม มุ ส ลิ ม หั ว รุ น แ ร ง ก ลุ่ ม ค อ ม มิ ว นิ ส ต์
เ ผ ชิ ญ ห น้ า ท า ง ท ห า ร กั บ บ ริ ติ ช แ ล ะ เ น เ ธ อ ร์ แ ล น ด์
(ในนามกองบัญ ชาการสัมพันธมิตรภาคเอเชียอาคเนย์ South – East Asia Command)
ทีพ
่ ยายามกลับมาปกครองอินโดนีเซียอีก 2 ครัง้ ครัง้ สุดท้ายเขาถูกจับกุมตัวพร้อมผูน ้ าคนอืน ่
ใ น ข ณ ะ ที่ ก อ ง ก า ลั ง เ ป ต ะ ต่ อ สู้ กั บ ช า ติ ต ะ วั น ต ก อ ย่ า ง ก ล้ า ห า ญ
ก่อนทีแ่ รงกดดันจากนานาชาติจะทาให้เนเธอร์แลนด์ยอมให้เอกราชแก่อน ิ โดนี เซียในวันที่
2 7 ธั น ว า ค ม ค . ศ . 1 9 4 9 ( พ . ศ . 2 4 9 2 )
ซูการ์โนจึงได้ขน ึ้ มาเป็ นประธานาธิบดีอน
ิ โดนีเซียมาโดยตลอด
อ านาจของซู ก าร์ โ นลดลงเมื่ อ เกิ ด ความพยายามท ารัฐ ประหารใน ปี ค.ศ.1965
( พ . ศ . 2 5 0 8 ) ที่ เ รี ย ก กั น ติ ด ป า ก ว่ า “เ ก ส ต า ปู ”
แ ต่ ล้ ม เห ลวเพ ราะน ายพ ลซู ฮ าร์ โ ต ผู้ น าก องก าลัง ยุ ท ธการสาม ารถ ปราบป ราม ได้
เห ตุ ก า ร ณ์ นี้ ส่ ง ผ ล ใ ห้ ซู ฮ า ร์ โ ต มี บ ท บ า ท โ ด ด เด่ น ขึ้ น แ ล ะ ค่ อ ย ๆ ขึ้ น สู่ อ า น า จ
ใ น ที่ สุ ด ซู ก า ร์ โ น ก็ ถู ก บี บ ใ ห้ ล า อ อ ก ใ น ปี ค . ศ . 1 9 6 8 ( พ . ศ . 2 5 1 1 )
ท า ใ ห้ อิ น โ ด นี เ ซี ย ก้ า ว เ ข้ า สู่ ยุ ค “ร ะ เ บี ย บ ใ ห ม่ ” (Order Baru)
ทีม
่ น
ี ายพลซูฮาร์โตและกองทัพเป็ นผูน ้ า

ซูการ์โนอาลาโลกนี้ไปในปี ค.ศ.1970 (พ.ศ.2513) เมือ่ อายุได้ 69 ปี

You might also like