Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 138

๘๗๙

ตามที่ทา นผูอานไดศึกษาในเรือ
่ งราวเกี่ยวกับพุทธศาสนา
การเจริญวิปสสนากรรมฐานในขัน ้ ตน รวมถึงความศักดิสิทธิ์ของ
พระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ ปาฏิหาริยตางๆ ของ
พระพุทธานุภาพของพระพุทธองค นอกจากนั้นยังมีสงศั ิ่ งศักดิส
์ ิทธิ์
อีกหลายอยางที่ขาพเจาไดสัมผัสพบกับตัวของขาพเจาเอง

จึงเปนทีม
่ าในการศึกษาเรื่องธาตุกายสิทธิ์ จากการที่ขาพเจา
ไดรับธาตุกายสิทธิ์จากญาติธรรมผูหนึง่ ที่ใหมาเพื่อสักการะบูชา
และบังเกิดเรื่องราวปฏิหาริยกับขาพเจาและครอบครัว ทําใหขาพเจา
เกิดความสงสัยและคนหาความรูจากเรือ ่ งธาตุกายสิทธิเพิ่มเติมดังที่
จะกลาวในบทนี้ เพื่อเปนสาระความรูแกทานผูอา นทั้งหลายในเรื่อง
ของธาตุกายสิทธิ์

จากที่ผูเขียนไดอานความรูเรือ
่ งธาตุ
กายสิทธิ์ตางๆพอจะสรุปไดวาเปนธาตุที่
เกิดขึน
้ เองตามธรรมชาติมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์
คุมครองรักษาทั้งเทพเทวดา พระฤาษี
ดาบส หรือ องคพญานาค ขึ้นอยูก  ับธาตุ
กายสิทธิ์ของแตละชนิด

รวมถึงคุณประโยชนในดานตางๆ
สําหรับผูบูชาเชน เมตตามหานิยม
มหาอุต คงกระพันชาตรี
แคลวคลาดกันภัย ลองหนหายตัว
โชคลาภวาสนา ถอนพิษสัตวตางๆ
ปองกันอาถรรพณจากพลังงาน
ธรรมชาติที่ไมดี ทําน้ํามนต
ใชในการทําสมาธิ เพิ่มพลังสมาธิ
ในการโทรจิต เปนตน.
๘๘๐

โดยขาพเจาจะขอกลาวเรื่องธาตุกายสิทธิ์ จากตํานานความ
เชื่อในจักรวาล และการเกิดของเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์

ตํานานเหล็กไหลธาตุกายสิทธิธ์ ิ
จิตในแตละดวงตางก็พยายามที่จะหาทางออกจากกองทุกขถูกทางบาง
ผิดทางบาง สุดแลวแตบารมีของแตละรูปแตละนามแตก็ยังมีจิตอยูกลุม  หนึ่ง
ที่กําลังฝกฝน ปฏิบัติตอจิต แตเมื่อไดปฏิบัติไปแลวกลับไปหลงติดใจ
เพลิดเพลินอยูใ นฤทธิ์ในอํานาจ ในอภิญญาสมาบัติตางๆ กลับไปติดสุขอยู
ในฌาน บางก็พยายามที่จะศึกษาคนควาแสวงหาแนวทางที่ตนจะเขาไป
ทดลองในฤทธิ์อํานาจตางๆ ที่ตนเองยังไมเคยรู ไมเคยพบเห็นมากอน ผู
ประพฤติปฏิบัติอยูใ นกลุมนีเ้ ราเรียกวา “ ฤาษีชีไพร ” ซึ่งพยายามที่จะปฏิบัติ
ไปตามแนวทางที่ตนเขาใจอยางเครงครัด ดวยความยึดมั่นถือมัน ่ อยาง
ยิ่งยวด เพื่อตองการที่จะทําใหตนเองนั้นมีฤทธิ์อํานาจที่แกกลาเพิ่มมาก
ยิ่งขึ้นทั้งในกลุมของฤาษีดวยกันเอง เพื่อตองการใหตนเองมีอํานาจฤทธิ์
ใหมากทีส ่ ุดเพื่อตนเองนั้นจะไดมีความยิ่งใหญกวาผูอื่นและใหผคู นไดรับรู
และเขาใจวาตนเองในขณะนั้นมีฤทธิ์มีอํานาจมากนอยเพียงไร

บางพวกจึงพยายามที่จะแสวงหาใหไดมา ซึ่งวัตถุธาตุที่มีฤทธิ์มีอํานาจ
อยูในตัวเอง เปนพวกแรธาตุตางๆ เพื่อนํามาแสวงหาประโยชนในฤทธิ์
อํานาจของธาตุตางนั้นๆ เชน ปรอท สามารถที่จะนําไปใชในการยอสวน
ใหมีขนาดเล็กลงได กอนหินบางชนิดก็สามารถที่จะดําดินไดหรือสมุนไพร
บางชนิดเนื่องจากดูดกินซากพืชซากสัตว จึงทําใหพลังงานตางๆของ
อาหารนั้น ถูกสะสมเอาไวในตัวเอง จําพวกไพรดํา สรรพยา นางพญางิ้วดํา
๘๘๑

ตนหิงหาย ตนไมบางชนิดออกลูกออกผลมาเปนคนที่เรียกวา มักกะลีผล


(นารีผล ) ซึ่งสามารถที่จะใชในการลองหนหายตัวตางๆ ในสมุนไพรแตละ
ชนิดก็จะสะสมพลังอํานาจเอาไวในลักษณะทีแ ่ ตกตางกันออกไป เพื่อใชใน
การปองกันภัยที่จะเกิดขึ้นกับตนเอง ไมวาจะอยูในสถานะใดๆ แมแตพวก
สิงสาราสัตวตางๆ ก็ยังพัฒนาฤทธิ์อํานาจของมันเอามาใชคุมครองปองกัน
ตัวเอง เชน งาชางดํา คดผึ้ง เขี้ยวหมูตัน พญานาค พวกงูที่สะสมพิษเอาไว
ตางๆ อยางมากมาย ฯลฯ

สวนพวกแรธาตุตางๆ
ซึ่งมีฤทธิ์อํานาจในตัวมันเอง
แตจะออกไปในรูปของความคงทน
ความสวยงาม ความถาวรมีแสงมีสี
ที่สวยสดงดงามยิ่ง จนสามารถที่จะ
ปองกันตนเองใหพนไปจากภัย
อันตรายตางๆ เชน เพชรนิลจินดา
อัญมณี แกวเจียระไนที่สามารถจะ
อธิษฐานได รวมไปถึงแรเหล็ก
ปรอท และหินสีตางๆ นอกจาก
จะมีความแข็งแกรงทนทานแลว
บางชนิดก็มีฤทธิในการทําลาย
เชน พวกกินเหล็ก หินสม ฯลฯ
ดังนั้นพวกฤาษีชีไพรตางๆ
จึงชอบที่จะออกไปแสวงหาธาตุ
ที่มีความเปนกายสิทธิ์ในตัว นํามา
รวบรวมเก็บเอาไวแกตนใหมากที่สุด

เพื่อจะไดนําออกมาใชงาน ในการทดลองฤทธิ์ในการแสดงฤทธิ์ตางๆ
เพื่อที่จะสรางอํานาจใหกับตนเอง บางครั้งก็นําไปทดสอบวิชาอาคมและ
ความรูตางๆที่มีอยูใ นตน วาสามารถที่จะเขาไปบีบบังคับควบคุมจิตวิญญาณ
ที่มีอยูในธาตุเหลานี้ไดหรือไม ถาบังคับไมไดผล ก็จะหาอุบายตางๆ เขาไป
หลอกลอใหธาตุกายสิทธิ์เหลานั้นเพลิดเพลินหลงใหล และตายใจเพื่อทีจ ่ ะ
นําไปใชประโยชนใหจงได และเปนโอกาสอันดีที่จะไดเขาไปศึกษาเรียนรูใน
ธาตุตางๆ จนทําใหเกิดฌานสมาบัติเพิ่มมากขึ้นตามไปดวย
๘๘๒

ในเมื่อตางคนตางก็พยายามที่จะแสวงหาธาตุกายสิทธิน ์ ํามาไวใน
ครอบครองของตน เมื่อมีจํานวนเพิ่มมากขึ้นๆ จึงเกิดความกลัวตางๆนานา
กลัววาจะเกิดการสูญหาย กลัววาฤาษีองคอื่นที่มีฤทธิ์มากกวาจะมา
แยงชิงไป กลัววาจะปกครองไมอยู เพราะในแตละธาตุนั้นมีฤทธิ์อํานาจกัน
ไปคนละอยางไมเหมือนกัน จึงพยายามที่จะศึกษาการคนหาวิธีเพื่อจะทําให
ธาตุทั้งหมดที่ตนเองมีอยู ใหรวมตัวเปนอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อความสะดวก
แกตนเองในการปกครองดูแลในการที่จะนําออกไปใชงาน

ี าตุอยูในการครอบครองดูแลของตน
ดังนั้นฤาษีเกือบทุกองคที่มธ
จํานวนมากๆ จึงพยายามจะหาวิธีและอุบายตางๆ นานารวมไปถึงการขมขู
การบีบบังคับจิตวิญญาณทีอ ่ าศัยอยูใ นธาตุยินยอมตามที่ตนเองตองการ
จะใหเปนไป แตไมเปนผลเพราะธาตุในแตละชนิดมีจิตวิญญาณที่มีความ
เข็มแข็ง และไดผา นการเรียนรูในสภาวะตางๆ มาเปนระยะเวลาอันยาวนาน
จนทําใหบรรดาฤาษีเกิดความออนใจเพราะตนเองไมมฤ ี ทธิ์อํานาจเพียงพอ
ที่จะบีบบังคับดวยฤทธิ์อภิญญาหรือฌานสมาบัติใดๆไดเลย จึงพยายามคนคิด
หาวิธีใหมๆและอุบายใหมทีจะทําใหธาตุเหลานี้ยอมจํานนแตโดยดีใหจงได

ในขณะทีพ
่ ระฤาษีชีไพรตางๆ กําลังศึกษาคนควาแสวงหาวิธีและ
ปญหาตางๆ เพื่อจะนําไปหลอกลอ เพื่อจะใหเจตสิกตางๆ เขาไปยึดครอง
อาศัยธาตุกายสิทธิ์ เพื่อใหยินยอมสละธาตุขันธของตนเองอยูน  ั้น ไดมีพระ
ฤาษีพระองคหนึ่งที่เปนฤาษีในยุคตน ซึ่งเปนผูชํานาญในการฝกฝนปฏิบัติ
ตอจิตจนกลายเปนบรมครูของฤาษีทั้งมวล พระฤาษีในจํานวน ๕ พระองคคือ
ฤาษีตาไฟ ฤาษีกไลโกษฐ ฤาษีหนาวัว ฤาษีนารอด ฤาษีนายณ
๘๘๓

ซึ่งแตละพระองคตางก็มีความชํานาญในการฝกฝนปฏิบัติมาจากครูบาอาจารย
สวนฤาษีกไลโกษฐ เปนผูเกงกลาสามารถในทางฤทธิ์และชอบศึกษาคนควา
ที่จะนําเอาธาตุกายสิทธิ์ตางๆที่ตนเองมีอยูมารวมกันใหเปนหนึ่งเดียวใหได

แตอีก ๔ องค บําเพ็ญเพียรพยายามที่จะนําจิตของตนเองใหพน  ไป


จากกองทุกข ตางคนตางก็อาศัยธรรมจากธรรมชาตินาํ มาเปนกระแสแหง
ธรรม ในสมัยกอนที่จะมีพระพุทธเจามาอุบัติตรัสรู เพื่อที่จะไดอาศัยพิจารณา
ในความไมเที่ยงของโลกภพในการเกิดขึ้นในการตั้งอยู และการแตกดับ
ลงไป เมื่อพระฤาษีบรมครูทั้ง ๕ พระองค ตางก็แยกกันออกไปบําเพ็ญ
โดยอาศัยแนวทางที่ครูบาอาจารยไดแนะนําวางแผนทางในการฝกฝนปฏิบัติ
ตอจิตเอาไวใหเปนอยางดี เมื่อไดผานการฝกฝนไปนานๆเขาบุญบารมีทไี่ ด
สะสมมาไดกลายเปนกระแสแหงธรรมไหลเขาสูสภาจิตของตนเองพรอมๆกัน
นั่นเอง ในขณะที่ฤาษีกไลโกษฐกําลังฝกฝนปฏิบัติตอจิตไดมีอีกกระแสหนึ่ง
ผานเขามาในวาระจิตของตนเอง ซึ่งตนเองไมเคยรู ไมเคยพบ ไมเห็นมา
กอนเพราะเปนกระแสจิตที่ฌานสมาบัติเหนือกวาตน จึงสามารถที่จะสื่อเขา
มาในวาระจิตของตนเองไดในรูปของเสียง เพือ ่ ที่จะเขามาสั่งสอนชี้แนะให
พระฤาษีกไลโกษฐไดรูแจงเห็นจริงในสิ่งที่ยังไมรู และไมเขาใจ

เมื่อไดกระแสบารมี ผูรูจากจิตที่ผานการบําเพ็ญบารมีมาชานาน
ที่เหนือกวาผุดเขามาในวาระจิตของตนเอง พระฤาษีกไลโกษฐจึงพยายาม
ที่จะรวบรวมสมาบัติท่ตี นเองมีอยู ติดตามคนหาตนตอที่มาของเสียงขึ้นวา
เปนใครกันแน จนไดพบกับผูมีอํานาจที่สามารถฟนฝาเอาชนะสงคราม
กิเลสใหสงบลงไปไดโดยสิ้นเชิง เจตสิกพระองคนี้มพ ี ระนามวา
“ พระเวทยสภูอหังกรณ ” เมื่อพระฤาษีกไลโกษฐไดสดับรับฟงอริยธรรม
ชั้นสูงจากพระเวทยสภูอหังกรณแลว จึงยอมรับนับถือและยกพระเวทย
สภูอหังกรณ ใหเปนครูของตนและรับฟงคําสั่งสอนนั้นตอๆ ไปจนบรรลุธรรม
๘๘๔

และรูแจงเห็นจริงในสรรพสิง่ ทั้งหลายทั้งปวงยอมเปนไปตามกฎของพระเวท
และพระธรรม เสมอที่จะตองเกิดขึ้น ตั้งอยูและดับลงไปเปนธรรมดา
ธรรมชาติของโลกภพ และเอกภพ ในหวงจักรวาลทีม ่ ีแตอนิจจัง ทุกขัง
อนัตตา ไมใชตัวมิใชตนที่แทจริง

เมื่อถึง ณ จุดนี้จึงทําใหพระฤาษีกไลโกษฐ ซึ่งกําลังแสวงหาแนว


ทางการรวบรวมธาตุอยูนั้น จึงรีบพิจารณาตามไปดวยเรื่อยๆ จนเริ่มเขาใจ
ในกฎของการเกิดขึ้น จึงมองเห็นแนวทางความสําเร็จในการที่จะรวบรวมธาตุ
ใหจงได จึงเกิดความปติยินดี ความอิ่มเอมอิ่มใจขึ้นภายในจิตของตน
ความพอใจตางๆติดตามมาในผลสําเร็จที่จะเกิดขึ้น แตแลวจูๆจิตของพระฤาษี
กไลโกษฐก็พิจารณายอนกลับไป

ถาหากไมสําเร็จในสิ่งที่คาดหวัง สิ่งที่มุงหวังเอาไวก็ไมสมหวังกลายเปน
ความไมสบายกายไมสบายใจ และจะตองเปนความทุกขใจเกิดขึ้นอีกแนแท
พระฤาษีกไลโกษฐจึงรีบพิจาณาลงไปในจิตอยางยิ่งยวด จนมองเห็นวาใน
ขณะนี้จิตของตนกําลังสับสนและวุนวายพรอมๆ กับไดยินเสียงกระแสแหง
อริยธรรมของพระเวทยสภูอหังกรณทรงเล็งเห็นแลว แตอินทรียบ  ารมีของ
พระฤาษีกไลโกษฐไดสะสมมานั้น ถึงเวลาแลวที่จะเขาไปรูแจงเห็นจริง
ในสัจธรรมทั้งปวง จึงตรัสชี้แนะออกไป

จงอยาไปยึดมั่นถือมั่นสิ่งนั้น จงละวางสิ่งนั้นเถิด เพราะทุกๆสิ่งทุกๆ


อยางมันไมจีรังยั่งยืนเลย เมื่อมันเกิดขึ้นมาแลว ยอมตั้งอยูไดไมนาน
มันจักดับลงไปในที่สุด เมื่อกาลนั้นมาถึง เพราะมันไมใชตัวไมใชตนที่แทจริง

เมื่อพระฤาษีกไลโกษฐไดฟงดังนั้น จึงหยุดคิดและเลิกกระวนกระวาย
ใจทั้งหลายลงไป ตามคําสั่งของพระเวทยสภูอหังกรณ จนจิตนั้นคอยๆ
สงบนิ่งลงอีกครั้ง ความสุขแหงจิตจึงเกิดขึ้น หมดสิ้นไปจากสภาวะทั้งปวง
แตก็ยังไมแนใจในสภาวะที่กําลังเปนอยูจึงใชฌานสมาบัติของตนเอง เขาไป
ตรวจสอบความสงบนิ่งแหงจิตที่กําลังเกิดขึน ้ วาคงทนถาวรหรือไม

จนรูและเขาใจวาความสงบสุขแหงจิตนั้น คงทนถาวรแนแลวจึงสํารวจ
ตัวเองตอไปอีกวา ยังมีจิตดวงใดของตนที่ยังคงยึดมั่นอยูในสิ่งใดๆอีกบาง
แลวจะรีบพิจารณาในจิตดวงนั้นเพียงอยางเดียวจนกวาจิตนั้นคอยๆ หลุด
ออกไปจากการยึดมั่นถือมั่น จนกวาจิตในทุกๆดวงสามารถที่จะละวาง หยุด
หลุดออกไปจากกฏของวัฏสงสารโดยสิ้นเชิง
๘๘๕

ดวยปญญาฌานบารมีแหงจิตที่เกิดขึ้น ในขณะที่จิตกําลังสงบนิ่งนี้เอง
พรอมกับคําชี้แนะของผูร ูไดพิจารณาตามไป จนมั่นใจและมองเห็นแลววา
สามารถที่จะนําเจตสิกของตนเอง ใหหลุดออกไปจากกฎของความไม
เที่ยงแท การถอยจิตยอนกระแสของความหลุดพน กลับเขาสูกฎของความ
ไมเที่ยง เพื่อที่จะนําอริยธรรมอันวิจิตรที่ตนเองพุงจะเขาไปสัมผัสมาแกไข
ปญหาตางๆที่เกิดขึ้น เพื่อที่จะนํามาเปนอุบายในการเทศนสอนเจตสิกดวง
อื่นๆที่กําลังมาหลงติดอยูในการยึดมั่นถือมั่น อยูในธาตุกายสิทธิ์เพื่อให
ละวางธาตุขันธเดิมไปสูธาตุขันธใหมๆ ที่ดีกวา

อุบายตางๆ ที่นํามาชี้แนะสั่งสอนใหเจตสิกเหลานั้นละวางธาตุขันธ
“ ถาทานทั้งหลาย ยังคงพอใจที่จะอาศัยอยูใ นธาตุขันธเดิมๆ ทานก็ไม
สามารถที่จะสรางฤทธิ์ เพื่อความยิ่งใหญใหเพิ่มขึ้นได ทานไมสามารถที่จะ
รอบรูใ นสรรพสิ่งตางๆ ที่มีอยูในจักรวาลได เพราะจักรวาลนั้นเปลี่ยนแปลง
อยูเสมอไมคงทนถาวร ไมจีรังยั่งยืนเลยเหมือนกับธาตุขันธที่ทานกําลัง
อาศัยอยูน  ี้ ทานทั้งหลายจงหันมาพิจารณาดูเถิด วาทานนั้นไดเปลี่ยนแปลง
ธาตุขันธของทานมาแลวกีค ่ รั้งกี่หนแลว และทานยังตองทนทุกขทรมาน
ในการที่จะตองหาทางที่หลบหลีกใหพนไปจากภัยตางๆ ที่สามารถจะบังเกิด
ขึ้นกับทานได ทุกๆขณะที่ตอ  งการจะครอบครองธาตุขันธของทาน ”

เมื่อทานทั้งหลายไดฟงธรรมชั้นสูงที่ไมเคยไดยินไดฟงมากอน เมื่อได
ยินไดฟงจากฤาษีกไลโกษฐตางก็ยอมรับในสัจจะของความจริงแหงธรรมนั้น
เจตสิกทั้งหลายซึง่ พรอมใจกันยกยองพระฤาษีกไลโกษฐขึ้นเปนครูของพวก
ตนและยินดีที่จะใหพระฤาษีกไลโกษฐชวยชี้แนะแนวทางตางๆ ที่จะสามารถ
ทําใหพวกตนพนไปจากกองทุกขใหไดรูและเขาใจตามไปดวย

พระฤาษีกไลโกษฐจึงไดแจงใหธาตุกายสิทธิท ์ ั้งหลายไดทราบวา
“ ฉันมิไดรูเองเห็นเองหรอก แตมีผูที่เขาเห็นกอนฉัน เขาจึงนํามาชี้แนะ
ใหฉันรูและเขาใจตามไปดวย ” จิตวิญญาณในธาตุกายสิทธิ์ทั้งหลาย
จึงขอรองใหพระฤาษีกไลโกษฐชวยนําคําสั่งสอนนั้นมาชี้แนะแกพวก
ตนเองบาง พรอมทั้งยอมรับนับถือพระฤาษีกไลโกษฐ ซึ่งหมายความวา
ผูมีความรูอันกวางใหญไพศาลนับตั้งแตบัดนั้นเปนตนมา

ฤาษีกไลโกษฐจึงชวยชี้แนะใหธาตุกายสิทธิ์ทั้งหลาย จนละวางจาก
การกระทําทั้งหลายทั้งปวงที่เปนการเบียดเบียนซึ่งกันและกัน เพราะมันจะ
ทําใหเกิดกรรมขึน้ มาไดอีก และไดแนะใหจิตวิญญาณที่อาศัยอยูใ นธาตุ
กายสิทธิท์ ั้งหลาย ใหตั้งใจกระทําแตในสิ่งที่เปนบุญเปนกุศลและสิ่งที่เปน
๘๘๖

ประโยชนตอผูอื่นในทางที่ดี และทําจิตของตนใหบริสท ุ ธิ์เลิกยึดมั่นถือมัน


่ ใน
สิ่งทั้งปวง เมื่อเจตสิกทั้งหลายไดรบ
ั ธรรมจากพระฤาษีกไลโกษฐก็เกิดปติสุข
ขึ้นในวาระจิตของตนเอง กลายเปนผูที่ตั้งมั่นอยูในคุณงามความดี จิตใจเกิด
ความสงบสุขขึ้นตามลําดับคอยๆคลายไปจากการยึดมั่นถือมั่นในธาตุขันธเดิม
เพราะมีความมั่นใจในสัจธรรมที่ชวยเหลือชี้แนะในอริยธรรมและสามารถที่จะ
ปองกันภัยพิบัติตางๆ ใหแกพวกตนจนกระทัง่ พนภัยในวัฏฏะแหงนี้ได

ฤาษีกไลโกษฐเมือ ่ เห็นธาตุกายสิทธิ์ทั้งหลายเกิดบุญบารมีขึ้น ภายใน


จิตใจและปรารถนามีขึ้นภายในจิตและปรารถนาที่จะพนไปจากกองทุกข
จึงแจงความประสงคใหจิตวิญญาณในธาตุศักดิ์สิทธิ์เหลานั้นทราบวา
“ ฉันตองการที่จะรวบรวมธาตุกายสิทธิ์ทั้งหมดที่มีอยูในสถานที่แหงนี้
เพื่อปองกันมิใหผอู ื่นนําธาตุของพวกทานไปใชในทางที่ไมถูกไมควรอีก
ตอไปเพราะกระแสแหงอริยธรรม ที่พวกทานทั้งหลายไดรับฟงจากฉัน
ไปนั้นมันทําใหพวกทานคลายไปจากความยึดมั่นและถือธาตุขน ั ธ จึงทําให
ทานเกิดอทิสสมาน ( กายทิพย ) ซึง่ เปนกายของธาตุนั้นไดสะสมบารมี
มีจิตมั่นอยูในบุญกุศล ไมตองมาทนทุกขทรมานในธาตุ ๔ ขันธ ๕ อีกตอไป
เพราะกายทิพยของพวกทานไดบังเกิดขึ้นแลว ทานทั้งหลายจงพอใจ
และยินดีในบุญบารมีที่ไดบงั เกิดภายในจิตของทานเถิด และขอใหทาน
ทั้งหลาย จงรีบเรงความเพียรตอจิตดวยเถิด เพราะจะใหกายทิพยของทาน
เปนกายที่เพิ่มความละเอียดมากๆขึน ้ ตามลําดับของบุญบารมีที่เกิดขึ้น
ภายในจิตของทาน และนับตั้งแตบัดนี้เปนตนไป ทานทั้งหลายก็ไมมีความ
จําเปนอีกตอไปที่จะตองอาศัยกายธาตุเดิม ”
เมื่อทุกอยางเปนไปตามความประสงคของพระฤาษีกไลโกษฐแลว
เจตสิกอันละเอียดออนในจิตวิญญาณของธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ จึงพรอมใจกัน
สละธาตุขันธของตนเอง ตั้งใจรับฟงคําอธิบายในการรวบรวมธาตุวาพวกตน
จะตองทําอยางไรบาง ฤาษีไดใหเจตสิกของธาตุกายสิทธิ์ นําธาตุขันธของ
ตนเองมาจัดลําดับตางๆเสียใหม จากธาตุที่มีความแข็งแกรงทีส ่ ุด ไปสูธาตุ
ที่มีความออนที่สุด เพื่อจะไดวางแนวทางในการหลอมละลายธาตุใหเขากัน
ใหจงได โดยจัดลําดับดังตอไปนี้

ธาตุเหล็ก : ซึ่งเปนธาตุที่มีอยูมากทีส
่ ุดและมีความแข็งแกรงมากใน
จักรวาล เพราะสภาวะความรอนภายในหวงจักรวาลไดทําใหธาตุดิน น้ํา ลม
ไฟ และอากาศธาตุเกิดปฏิกริยาและรวมตัวกันแตกตัวออกไปสูธาตุตางๆ
และเผาไหม หลอมละลายธาตุไปเรื่อยๆจนทําใหธาตุเกิดการกลั่นกรองธาตุ
และจากการเปลี่ยนแปลงของพื้นผิวของเปลือกโลกอยูบอยๆ จนทําใหธาตุ
เหล็กเกิดการรวมตัวกันอยางหนาแนน และเหนียวแนนที่สุด
๘๘๗

พวกเพชรนิลจินดา : แกวมณีสีสน ั ตางๆ


ธาตุดิน : ที่ถูกการควบแนนของชั้นบรรยากาศภายในโลกจนทําใหดิน
เกิดการควบแนนและอัดแนน ทําใหดินนั้นกลายเปนหินสีชนิดตางๆที่รวมตัว
กันอยูบนพื้นผิวของเปลือกโลก
พวกพืชตางๆ : ที่มีฤทธิ์มอ
ี ํานาจอยูในตัวมันเอง เชน ไพรดํา
ตนหิงหาย วานสรรพยา และดินกากยายักษ ที่ไดดูดซับเอาบารมี
และพลังงานตางๆ จากพื้นผิวของเปลือกโลกมาไวในตัวมันเอง
จนทําใหเกิดฤทธิ์อํานาจขึ้นภายในธาตุนั้นๆ

สวนธาตุที่มีความออนที่สุดก็จัดอยูในอันดับสูญหาย เชน ปรอท หรือ


ธาตุที่สามารถเคลือ ่ นไหวไมไดโดยการออนตัวของธาตุแลว สามารถที่จะไหล
ไปกลับไปสูที่ตางๆได มีฤทธิ์อํานาจในตัวเองสูงจนสามารถที่จะยืดหยุน 
ตัวเองโดยการหดตัวหลบหลีกและหนีภัยไดอยางรวดเร็ว สามารถที่จะ
เปลีย่ นแปลงสภาพไปในลักษณะตางๆไดดี ฯลฯ
เมื่อเจตสิกจิตวิญญาณครองในธาตุกายสิทธิ์ทุกสิ่งทุกอยางไดตกลงกัน
จนเปนที่เขาอกเขาใจกันแลว ฤาษีกไลโกษฐจึงกําหนดจิตเขาสูฌานสมาบัติ
เพื่อเนรมิตภูเขาหินขนาดมหึมาทั้งลูกมาทําเปนบอยาขนาดใหญแลวใหภาย
ทิพยทั้งหมด นําธาตุกายสิทธิ์ของตนเองลงไปบรรจุรวมกันอยูภ  ายในบอยา
ธาตุพรอมๆกับใหเหลากายทิพยทั้งหลายตั้งจิตอธิษฐาน เพื่อเนรมิตธาตุ
ทั้งหมดทีย ่ ังไมมีเจาของ หรือไมมีผูใดนําไปครอบครองเปนของตนเองอยู
ของจงมารวมกันในบอยาธาตุแหงนี้ เพื่อที่จะทําใหธาตุกายสิทธิ์ทั้งหมด
รวมตัวกันเปนหนึ่งเดียว
๘๘๘

เมื่อธาตุทั้งหลายไดลงไปรวมตัวกันอยูในบอยาธาตุขนาดมหึมาแลว
พระฤาษีกไลโกษฐจึงทําใหเหลากายทิพยทงั้ หลายทีเ่ ปนเจาของธาตุ
กายสิทธิเ์ หลานั้น ลองลอยอยูในอากาศธาตุรอบๆ บริเวณบอยาธาตุ
ณ มณฑลพิธีอันยิง่ ใหญ ฤาษีจึงนําเหลากายทิพยทั้งหลายเจริญภาวนา
เพื่อนําจิตใหอยูในความสงบ และระลึกถึงครูบาอาจารยผูมพ ี ระคุณทังหลาย
นึกถึงคุณงามความดีทั้งปวงที่ไดสรางสมอบรมมาเพื่อทําใหเจตสิกของกาย
ทิพยเกิดความบริสุทธิ์ภายในจิต เพื่อที่จะไดนําเอาธาตุเหลานัน ้ มีฤทธิ์อํานาจ
และจะไดรวมตัวกันเปนหนึ่งเดียว ณ บอยาธาตุ
เมื่อพระฤาษีกไลโกษฐนําจิตของตนเขาสูฌานสมาบัติเรียบรอยแลว
จึงตั้งจิตอธิษฐานพรอมกันวา “ วัตถุธาตุใดๆ ที่มีอยูบนโลกธาตุแหงนี้
ที่เปนสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีฤทธิ์อํานาจ หาประมาณมิไดในจักรวาลนี้ ที่ยังไมมี
เจตสิกอืน ่ เขาไปอาศัยครอบครองในธาตุขันธ ขอใหมารวมตัวกัน ณ บอยา
ธาตุอันศักดิ์สิทธิ์แหงนี้ ”
พรอมๆกับใหเหลากายทิพยทั้งหลายตั้งจิตอธิษฐษน ขออํานาจบารมี
ของพระเวทยสภูอหังกรณทเี่ ปนบรมครูของตนจงบังเกิดขึ้น ณ มณฑลพิธีอัน
ศักดิสิทธิ์แหงนี้ดวยเทอญ. เมื่อธาตุกายสิทธิ์มารวมตัวกันอยู ณ บอยาธาตุ
แหงนี้แลวบวกกับบุญบารมีแหงการอธิษฐาน เพื่อใหเหลาธาตุรวมตัวกัน
ใหจงได จึงทําใหโลกธาตุทั่วทั้งจักรวาลเกิดการสั่นสะเทือนเลือนลั่น
จนกลายเปนแสงสีและเกิดเสียงตางๆขึ้น จนกลายเปนสารพัดแสงสารพัดสี
รวมตัวกันใหจงไดเพื่อใหเปนเนื้อเดียวกัน

แตยังไมสามารถที่จะรวมตัวกันได
พระฤาษีจึงรีบเขาฌานสมาบัติ
เพื่อจะตรวจสอบดูจึงรูวาธาตุ
ในแตละชนิดนั้นตางก็มีฤทธิ์อํานาจ
ไมเหมือนกันเพราะโครงสรางตางๆ
ของธาตุนั้นไมเหมือนกัน บางชนิด
เปนธาตุไฟ บางชนิดเปนธาตุน้ํา
ยอมจะเขากันไมได ( แตจะตอง
อาศัยซึ่งกันและกันอยู ) หากตนเอง
จะใชฤทธิ์อํานาจจากฌานสมาบัติ

เขาไปบีบบังคับหรือเคี่ยวเข็ญเพื่อใหธาตุรวมตัวกันคงจะไมได เพราะวาจะ
ไมมีฤทธิอํานาจใดๆหลงเหลืออยูไดเลย เพราะธาตุเหลานี้มีบารมีแหงอริย
ธรรมยอมเปนไปตามกฎของวัฏสงสารที่จะตองเกิดขึ้นตั้งอยูและแตกดับลงไป
๘๘๙

เหมือนกันและไมมีสิ่งใดๆ ที่จะหลุดพนจากวัฏสงสารไดแมกระทั่งฤทธิ์อํานาจ
ทั้งมวล เพื่อพระฤาษีกไลโกษฐไดพิจารณาและเห็นควรแลวที่จะไดบีบบังคับ
ทําใหตองเสียของไป จึงตั้งจิตอธิษฐานเสียใหมวา
“ธาตุชนิดใดที่สามารถรวมตัวเขากันได ก็ขอใหรวมกันเทาทีจ ่ ะรวมกันได
สวนธาตุที่ไมสามารถรวมตัวกันไดก็ขอใหแปรกลับสูสภาพเดิม ”
พรอมๆกันนั้นเอง พระฤาษีกไลโกษฐจึงขออาราธนาอัญเชิญพระ
เวทยสภูอหังกรณ ชวยพิจารณาสิ่งที่ทําใหหมุนวนสารพัดแสงสารพัดสีอยูใน
บอยาขณะนี้ พระเวทยสภูอหังกรณเมื่อไดพิจารณาเหลาธาตุกายสิทธิ์ที่บอ 
ยาธาตุแลวจึงเห็นสมควรวา
“ บารมีธรรมทั้งหลายที่ไดมารวมตัวกันอยูในบอยาธาตุแหงนี้นั้น
จงแผกระจายบารมีแหงธรรมสัจจะออกไปทั่วทั้งจักรวาล เพื่อจะไดเปน
ประโยชนแกมวลมนุษยสัตวสืบไป ใหการปฏิบัติเพื่อความหลุดพนออกไป
จากกองทุกขในภายภาคหนานี้ดวยเทอญ ” ( เพื่อใหธาตุกายสิทธิ์นี้จะมาเปน
อุบายแหงธรรม เพื่อใหผูทปี่ รารถนาการหยุดของจิตไดมองสัจธรรมของ
ความเปนจริงนทุกขัง อนิจจัง อนัตตาไดงายเขา )
สวนกายทิพยทั้งหลายทีก ่ าํ ลังสํารวมอยูในสมาธิจิตจนเกิดบารมีธรรม
เพิ่มมากขึ้น ทําใหอทิสมานกายเพิม ่ ความบริสุทธิ์มากขึ้น กลายเปนเทพ
กลายเปนพรหม มหาเทพ มหาพรหมไปลว ตามลําดับความบริสุทธิ์
แหงจิตนั้นๆ พระฤาษีกไลโกษฐจึงมอบใหเทพพรหมทัง้ หลายทีก ่ ําลังอยู
ณ บอยาแหงนี้ จงเปนผูดแ
ู ลรักษาธาตุแหงธรรมเหลานี้

เมื่อทุกเจตสิกตั้งจิตอธิษฐานเรียบรอย
วัตถุธาตุในบอยาแหงนี้จึงระเบิดตัวออก
และแตกกระจายออกไปตามสวนตางๆ
ของโลกธาตุและจักรวาลธาตุ

เพื่อเปนบารมีแหงธรรมสัจจะตาม
คําอธิษฐานของ พระเวทยสภูอหังกรณ
และเหลาเทพเทวา นับแตนั้นเปนตนมา
พลังอํานาจไดแตกตัวพุงกระจายออก
ไปสูทองฟาเหมือนพลุที่พงุ ออกไป
๘๙๐

จนทําใหโลกธาตุนั้นเกิดการสนั่นหวั่นไหวและแสงสวางขึ้นตามแรงระเบิด
ซึ่งพุงตัวผานไปจนสุดขอบจักรวาลในคราวเดียวกันทําใหโลกธาตุทั้งโลกธาตุ
เกิดการปน  ปวนสะเทือนเลือ
่ นลั่น ทั้งมนุษยสัตวและเทพเทวา ฤาษีชีไพร
ที่มิไดรูเห็นในพิธีรวบรวมธาตุอันยิ่งใหญในคราวนี้เกิดความตกใจ จําตอง
เลิกราไปเสียจากการปฏิบัตแ ิ ละออกติดตามคนหาที่มาของตนเหตุแหง
การระเบิด

เมื่อธาตุกายสิทธิ์ไดแตกกระจายออกไปแลว พระฤาษีจึงไดรวบรวม
ฌานสมาบัติของตนเอง เพื่อเจตสิกของเหลาเทพเทวาที่ยอมสละธาตุขันธ
และรวมแรงรวมใจในการอธิษฐานติดตามธาตุกายสิทธิไ์ ปเพื่อดูแลรักษาธาตุ
กายสิทธิต ์ างๆ ที่เกิดขึ้นใหมตามแตจริตของเทพเทวาแตละองค สุดแลวแต
องคไหนๆจะชอบแสงสีของทองคําดํา (เหล็กไหล) ทีเ่ กิดขึ้นใหมตามกระแส
ฌานบารมีของเทพเทวาแตละองคเพื่อติดตามทองคําดํา ที่พุงตัวแตก
กระจายออกไปกลายเปนกระแสแหงอริยธรรม เพื่อที่จะเปนแนวทาง
เพื่อที่จะไดเปนประโยชนแกผูที่มีบญ
ุ บารมี ที่จะไดอาศัยทองคําดําในการ
ประพฤติปฏิบัติธรรมสืบตอไปในภายภาคหนา และยังจะไดอาศัยฤทธิ์อํานาจ
ของทองคําดําในการปองกันตัวเอง หรือในการศึกษาและแลกเปลี่ยนอริย
ธรรมซึ่งกันและกันทําใหธาตุกายสิทธิ์เหลานี้ มีคายิ่งจนเปนที่ตองการของ
เหลาเทพเทวาทั้งมิจฉาทิฐิและสัมมาทิฐิ รวมไปถึงมนุษย และผูที่มีฤทธิ์
อํานาจทั้งหลาย
๘๙๑

ธาตุเหลานี้จึงมีคามากสําหรับเจตสิก ทั้งสัมมาทิฐิและมิจฉาทิฐิ
แตลักษณะสีของธาตุจะออกไปในทางสีดําเปนสวนใหญ เนื่องจากสวนผสม
ของดินกากยายักษ แตเหล็กที่โดนเผาไหมหลายๆครัง พวกไพรดําตางๆ
ที่ไดดึงดูดเอาพลังอํานาจมาสะสมเอาไวภายในตัวของมันเอง มวลสารสวน
ใหญที่มผ ี สมรวมตัวกันกลายเปนเหล็กไหลทีเ่ หลาเทพเทวาถือวาเปนของ
ที่มีคามากจึงเรียกธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้วา “ ทองคําดํา ”
สวนธาตุที่ยังไมสามารถที่จะเขากันได ยังคงหลงเหลืออยูภายในบอ
ยาธาตุอีกเปนจํานวนมาก เมื่อโลกธาตุเกิดแรงระเบิดและสั่นสะเทือนไปทั่ว
โลกภพ เมื่อเสย ี งเงียบหายไปแลว เหลาบรรดาฤาษีชีไพร มนุษย สัตว
และเทวดา รวมไปถึงผูมีฤทธิ์อํานาจทั้งหลายตางก็มุงเหาะหินเดินอากาศ
ดําดินหายตัว หรือยนระยะทาง ฯลฯ สดแล ุ วแตใครจะมีฤทธิ์อํานาจในทางใด
ตางก็มุงหนากันมาจากคนละทิศคนละทาง ก็มารวมตัวอยู ณ บอยาธาตุอัน
ศักดิสิทธิ์ โดยมิไดนัดหมายกันมากอน เพราะตางก็รูกน ั ดีดวยฌานสมาบัติ
ของตนเองเปนอยางดีวาของวิเศษทีส ่ ุดไดอุบัติเกิดขึ้นบนโลกภพแหงนี้แลว

จึงทําใหทุกๆคนทุกๆเจตสิกอยากไดเปนเจาของ แมแตธาตุที่ยัง
หลงเหลืออยูในบอยาธาตุก็ยังเปนทองคําดํา ถึงแมจะยังไมสมบูรณเต็มที่ก็
ตามที แตก็ยังมีฤทธิ์อํานาจเหมือนกัน เราจึงเรียกธาตุทองคําดําที่ยังไม
สมบูรณนวี้ า “ ไหลเพชรดํา ”
เมื่อทุกคนตางก็มารวมตัวกันอยู ณ บอยาธาตุแหงนี้เมื่อเห็นธาตุ
กายสิทธิย ์ ังหลงเหลืออยูในบอยา จึงเกิดการแยงชิงกันเพื่อจะใหไดมา
ซึ่งความเปนเจาของ เพื่อความมีอํานาจที่จะพึงเกิดขึน้ แกตนเอง
จนกลายเปนสงครามเลือดเกิดขึ้นภายในบอยาธาตุแหงนั้น
๘๙๒

เพื่อแกงแยงใหไดมาเปนเจาของใหจงได ตางฝายตางก็ไมยอมที่จะ
ลดราวาศอกใหกัน เพราะตางฝายตางก็ถือวาตัวเองเกงมีฤทธิอํานาจมาก
จึงไมมีใครยอมใคร เพราะตางก็ไดผานการฝกฝนปฏิบัตต ิ อจิตมาเปนอยางดี
จึงฆากันตายเพียงทิฐิมานะ อยากทีจ ่ ะเอาชนะกันเพียงอยางเดียว
เพราะมัวไปหลงอยูในฤทธิอ ์ ํานาจของตนเอง จนกลายเปนการปฏิบัติ
ผิดทางไป จึงตองมาฆาฝนกันเอง ตายแลวตายอีก จนเลือดเจิ่งนอง
และไหลทวมทนไหลเพชรดําเอาไวภายในบอยาธาตุ

แมเวลาจะผานไปหลายวันหลายคืนก็ยังไมยอมเลิกรา สวนพวกที่ตาย
ไปก็ตองเปนอาหารอันโอชะของไหลเพชรดําไปโดยปริยาย แมฝนจะตกลง
มาอยางหนัก ฟาจะผาลงมา ก็ยังไมยอมเลิกราไป เพราะไฟแหงตัณหา
และความทะเยอทะยานอยากทั้งหลายก็ยังลุกโชนอยูในบอยาธาตุจนฝนตก
อยางหนักเพื่อความเรารอนของผูทม
ี่ ฤ
ี ทธิ์อํานาจมาก เพื่อเตือนสติของ
ทุกๆคน ใหมีสติกลับคืนมาจนทําใหน้ําฝนและน้ําเลือดทวมเต็มอยูในบอยา
อาถรรพณจนบอหินขนาดมหึมา ที่เพิ่งจะผานแรงระเบิดและการสั่นสะเทือน
ไปหมาดๆ ไมสามารถที่จะทนรองรับน้ําหนักตอไปไดไหว จึงเกิดพังทะลาย
ลงมา จนทําใหทุกๆสิ่งทุกๆอยางที่อยูภายในบอยา ธาตุไหลเพชรดํา
กลายเปนทองคําดําไหลออกไปสูสถานที่ตางๆ ไหลไปตามพื้นผิวของ
เปลือกโลก ไหลเพชรดําและทองคําดํา (แตกตางกันที่บารมี) ไดแตก
กระจายไปอยูตามสวนตางๆของโลก และลองลอยอยูใ นจักรวาลในรูป
ของสะเก็ดดาวขนาดเล็กหรือขยะอวกาศ โดยมีกายทิพยซึ่งเปนกาย
ละเอียดของเทพเทวาติดตามออกไปดูแลรักษาไมวาเหล็กไหลนั้นจะไปตก
อยูในระบบของดวงดาวใดๆ เพื่อออกไปเรียนรูและศึกษาเผยแพรบารมีแหง
๘๙๓

ธรรมสืบตอไป เหล็กไหลชนิดนี้เมื่อกาลอันสมควรก็สามารถเดินทางกลับมา
ยังโลกมนุษยไดเราจึงเรียกเหล็กทีเ่ พิง่ จะเดินทางกลับมาจากตางดาววา
เหล็กไหลตางดาวอุลกมณี อุกกาบาตหรือสะเก็ดดาวตางๆ
สวนเหล็กไหลเมือ ่ ระเบิดตัวเองออกไป ที่มีแรงอัดนอยก็จะแตกกระจาย
ไปตกอยูต  ามสวนตางๆของโลก โดยเฉพาะในมหาสมุทรจะมีอยูมากที่สด ุ
เมื่อตกสูพ  ื้นผิวของเปลือกโลกแลว หรือพวกที่เพิ่งจะไหลตัวออกมาจากบอ
ยาธาตุก็พยายามหาทางหลบหนีความรอนจากดวงอาทิตย กลัวแสงแดดที่
จะมาแผดเผาทําลายไป โดนไฟรอนจากดวงอาทิตย กลัวแสงแดดที่จะมา
แผดเผาทําลายไป โดนไฟ ปาเผาทําลายบาง จึงรีบหลบหนีแทรกซึมลง
สูพื้นดินหรือหนีไปอยูตามถ้าํ ตามปา ตามเขา ในที่มีอากาศเย็นกวา
เพื่อปรับตัวสรางรังของมันขึ้นมา เปนอาณาจักรของตน
เนื่องดวยจิตวิญญาณที่ตองมาตายไปดวยความโลภของสรรพสัตว
มนุษย เทวดา และผูมีฤทธิ์มีอํานาจทั้งหลายตองมาตายไปจากธาตุขันธ
ของตนเอง แตจิตวิญญาณก็มิไดตายตามธาตุขันธ ๕ ไปดวย เมื่อตายไป
แลวแตความอยากก็ยังมีอยูจ  ึงถือโอกาสเขาไปสิงสถิตยยึดครองธาตุกายสิทธิ์
มาเปนตัวเปนตนของตนเอง เพราะความตองการของจิตและความฝงใจตางๆ
บวกกับความเคยชินของจิตที่ตองการพลังอํานาจหรืออาหารมาหลอเลีย ้ ง
ธาตุขันธของตนเอง

เมื่อเหล็กไหลไดแตกกระจายและไหลออกมาจากบอยาธาตุแลว
เหล็กไหลสวนใหญชอบอยูในที่มืดๆ เพราะกลัวความรอนจากดวงอาทิตยจึง
ไหลตัวออกไปกับน้ําบาง มุดลงสูพื้นผิวของเปลือกโลกบาง เพื่อจะไปอยูในที่มี
อากาศเย็นกวา โดยเฉพาะในมหาสมุทรที่แสงอาทิตยไมสามารถจะสองลงไปถึง
บางชนิดก็เขาไปอาศัยอยูตามถ้ํา ตามปา ตามเขา ในที่มีอากาศเย็นและมีความ
ชุมชื้น แทบจะทุกสวนของของโลก เมื่อกาลเวลาไดแปรเปลี่ยนไปเหล็กไหลก็
จะปรับตัวเองตามไปดวย เพื่อใหเขากันไดดีกับภูมิประเทศที่ตนเองไปอาศัยอยู
จนทําใหสีสันของเหล็กไหลคอยๆ เปลี่ยนแปลงตามไปดวย
๘๙๔

การเปลี่ยนแปลงมี ๒ ลักษณะ คือ

๑. สีสันเปลี่ยนแปลงไปตามจริตของเทพเทวาที่เขาไปดูแลรักษา
๒. สีสันจะเปลี่ยนแปลงไปตามภูมิอากาศ ภูมิประเทศ

ทําใหสีสันและรูปพรรณสัณฐานของเหล็กไหลเกิดการเปลี่ยนแปลง
แตสวนที่สําคัญที่สุด คือ จิตวิญญาณที่เขาไปครอบครองดูแลรักษาเหล็กไหล
มีทั้งเทพเทวาที่เปนสัมมาทิฐิและมิจฉาทิฐิที่ดีและชั่วปะปนระคนกันไป ตามแต
บารมีของธาตุนั้น แลวเหล็กไหลก็ยังแบงออกเปน ๒ เพศ คอ ื เพศผูและเพศเมีย
เพื่อที่จะสะดวกในการขยายเผาพันธุ ขยายอาณาจักรของตนเองขึ้นมารูปพรรณ
สัณฐานตางๆของเหล็กไหลไมแนนอนหรือตายตัวไป เพราะตราบใดทีเพศผู ่ และ
เพศเมียยังรวมตัวกันอยูเปนเนื้อเดียวกันภายในโครตของมัน ซึ่งมีทั้งพอ แม
พี่ นอง ลูก หลาน รวมไปถึงขี้ รัง และอาณาจักรของมัน แตเมื่อมันสามารถที่
จะหลุดออกมาเปนอิสระได มันก็คอยๆแข็งตัวและคงรูปถาวรสืบตอไป

สวนสีสันตางๆ คือ ตัวบงบอกถึงบารมีของเทพเทวาที่เขาไปดูแลรักษา


เขาไปอาศัยอยูในธาตุนั้นตามลักษณะของฤทธิ์อํานาจที่ไดสะสมกันมา รวมไปถึง
ผูที่เขาไปยึดครองเหล็กไหลมาในธาตุขันธ แลวยังเปลี่ยนแปลงไปตามภูมิ
ประเทศที่เหล็กไหลเขาไปอาศัยสรางอาณาจักรอยู จนเกิดการแตกตัวขยาย
พันธุขึ้นมาใหม สีสันตางๆ จึงคอยๆ เปลี่ยนแปลงไปเพื่อการอําพรางตัวบาง
เพื่อการปรับอุณหภูมิ เพื่อปองกันตนเองใหพนไปจากภัยตางๆ และการถูก
รบกวนจากผูอื่นแลว และยังขึ้นอยูกับผูที่เปนเจาของ ผูที่ครอบครองเหล็กไหล
นั้นดวย เพราะเหล็กไหลเปนบารมีแหงธรรม ถาผูที่เปนเจาของตั้งมั่นอยู
ศีลธรรม หมั่นฝกฝนปฏิบัติในคุณงามความดี และเมอมี ื่ พระพุทธเจามาอุบัติได
หมั่นบูชาตอคุณพระพุทธเจา คุณพระธรรมเจา คุณพระอริยสงฆ หมั่นสวด
มนตไหวพระ และแผเมตตาบุญบารมีของการปฏิบัตินั้นใหกับเหล็กไหล
แลวบุญบารมีของเหล็กไหลจะเพิ่มมากขึ้นตามลําดับ สีสันตางๆ ก็สามารถจะ
เกิดการเปลี่ยนแปลงไปไดเชนกัน

เหล็กไหล คือ กอนแรเหล็กบริสุทธิ์ที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ไดรับการ


อธิษฐานบรรจุฤทธิ โดยเฉพาะพระฤาษีทรงฌาณชั้นสูง เพื่อธํารงคคุณงาม
ความดี โดยมีธาตุกายสิทธิ์เปนผูคอยชวยเหลือผูที่มีความทุกขยากใหพนภัย
จัดเปนธาตุกายสิทธิ์ชนิดหนึ่งที่มีรังสีหรือพลังปราณที่ทรงอํานาจในการปองกัน
ตัวและสิ่งที่อยูใกลตัวใหพนจากภัยอันตรายอันเกิดจากอาวุธที่ทรงอํานาจในการ
ปองกันตัวและสิ่งที่อยูใกลตัว ใหพนจากภัยอันตรายอันเกิดจากอาวุธปนหรือ
ของมีคม เปนสสารที่มีชีวิตเปนอมตะและหายากยิ่ง ตองมีพิธีกรรมมากมายกวา
จะไดมา ฉะนั้นเหล็กไหลจึงเปนวัตถุอาถรรพณที่มีราคาแพง เพราะเปนที่รูจัก
กันอยางแพรหลายและเปนที่เขาใจกันทั่วไปวา เหล็กไหลมีอานุภาพยอดเยี่ยม
สามารถคุมครองใหปลอดภัยจากอุบัติภัยรายแรงรวมถึงอาวุธรายแรงนานาชนิด
ไดอยางอัศจรรยนั่นเอง
๘๙๕

ตามที่ไดกลาวมาแลวขางตน
จากตํานานการเกิดเหล็กไหล
ในสมัยอสงไขยแสนกัลปกาลกอน
พระฤาษีกไลโกษฐผูสําเร็จญาณสมาบัติ
เปนผูเพงฌาณเรียกแรธาตุชนิดหนึ่ง
ซึ่งมีลักษณะแข็งตัวไดหลอมเหลวได
สลายตัวไดและรวมตัวกันได มีลักษณะ
เหมือนเหล็กไมใชเหล็ก ทานเรียกใหมา
รวมตัวกันอยูตามถ้ํา ตั้งแตสมัยแอตแลนติส

ซึ่งเคยมีความเจริญรุงเรืองสูงสุดในยุคนั้น แตไดลมสลายหายไปจากแผน
ที่โลกเชื่อกันวาทวีปนี้ไดจมหายไปในมหาสมุทรเมื่อคราวน้ําทวมโลกครั้งใหญ
และโนอาไดเปนผูสรางเรือใหญหนีน้ําทวม ตามเรื่องราวที่ไดถูกบันทึกอยูใน
คัมภีรโบราณ

นอกจากนี้ยังมีทานมหาฤาษีกัสสปและเหลามหาฤาษีผูทรงฌาณสมาบัติ
บรรลุอภิญญาสูงสุด ทานก็เปนผูที่ไดเพงฌาณเรียกแรดังกลาวมารวมกันที่
ผนังถ้ํา เพื่อเปนที่พํานักของวิญญาณ ไดเล็งเห็นดวยอํานาจทิพยจักษุญาณวา
ภายใตแผนดินนี้ลึกลงไปประมาณ ๓ กม. มีแหลงรวมของธาตุกายสิทธิ์มากมาย
หลายชนิด หลอหลอมปะปนรวมกันอยูในใจกลางโลก ซึ่งเปนที่รูจักกันดีในโลก
วิทยาศาสตรวา “ ลาวา ” นั่นเอง แตภายใตหินลาวาเหลานั้นมี “ แรเหล็ก ”
ชนิดหนึ่งที่สมบูรณดวยคุณภาพ และเยี่ยมยอดเหนือกวาเหล็กชนิดอื่น

มหาฤาษีผูทรงฤทธิอภิญญา จึงใชพลังจิตดวยฤทธิ์อภิญญษของทานดึง
เอาแรเหล็กดังกลาวขึ้นมาจากใตลาวา อธิษฐานจิตใหเปนของศักดิ์สิทธิ์สุดวิเศษ
มีอํานาจกายสิทธิ์ มีฤทธิ์คุมครองปกปองสรรพภัยไดอยางอัศจรรย ดวยพลัง
อํานาจจิตชั้นสูงปลุกเสกบรรจุไวดวยอํานาจแหงฤทธิ์ของมหาฤาษีนั้น จากนั้น
ไดใชอํานาจอิทธิฤทธิตัดเหล็กวิเศษออกทําเปนรูปเคารพของตน เชน
รูปพระอิศวร รูปพระนารณ รูปพระพรหม แลวอัดพลังเจโตสมาธิหรือพลังฌาน
เขาไปพรอมกับอธิษฐานใหเกิดความศักดิสิทธิ์

แตก็มีมหาฤาษีบางทานมีศรัทธาแกกลา
เขาฌาณเต็มอัตราแลวถอดจิต หรืออาตมัน
ของตนเองดวยมโนมัยฤทธิ์ เขาไปอยูใน
เทวรูปเหล็กไหลวิเศษนั้นเลยทีเดียว ถือวา
เปนการสละชีวิตบูชาองคพระผูเปนเจา
ตามลัทธิ์ความเชื่อถือ ฤาษีทานอื่นเห็นเขา
ก็เอาแบบอยาง เพราะถือวาเปนกุศลสูงสุดที่
ไดเอาดวงจิตเขารวมปรมาตมันของพระผู
เปนเจาโดยทางลัด
๘๙๖

ตอมาฤาษีทานอื่นๆ เห็นวาการถอดจิตเขาไปในเทวรูปนั้นมีมากแลว นาจะ


เขาสิงสูในรูปบบอื่นๆ ที่จะยังคงความขลังและศักดิ์สิทธิ์เหมือนเดิม เพื่อใหสาธุ
ชนทั้งหลายไดไวสักการะบูชา เพื่อเปนความศิริมงคล คุมครองปองกันภัยและ
ทรัพยสมบัติ ดังนั้นฤาษีผูบําเพ็ญญาณอื่นๆ ที่บําเพ็ญบารมีถึงชั้นพรหมในถ้ํา
ตางๆ จึงไดถือเปนแบบอยางสืบทอดกันมา ก็จะทําการเพงฌาณเรียกเอาแร
ธาตุกายสิทธิ์ดังกลาวใหไหลมารวมตัวกันเปนสังขารอมตะ เมื่อกายเนื้อได
แตกดับทําลายลงไปตามกาลเวลา ดวยเหตุนี้ตามถ้ําตางๆ จึงมีเหล็กไหลซอน
แฝงเรนกายสืบทอดมาจนถึงปจจุบัน

นับไดวาเปนตนแบบของเหล็กไหลที่เกิดขึ้นเปนครั้งแรกในโลก จนในกาล
ตอมาไดเปนคตินิยมสืบทอดกันมาในทางพระพุทธศาสนา ที่ผูสําเร็จฌาณ
อภิญญาชั้นสูง นิยมถอดจิตตนเองดวยวิธี มโนยิทธิ เขาไปอยูในรูปปนพระพุทธ
ปฏิมากร แลวอธิษฐานใหพระพุทธรูปนั้นลอยไปตามน้ํา เปนสถานที่ใดเหมาะสม
ที่จะใหประชาชนไดกราบไหวบูชา ชาวบานก็จะทําพิธีบวงสรวงชักลากขึ้นไป
สักการะบูชาไดสําเร็จ เชน หลวงพอโสธร หลวงพอวัดไรขิง หลวงพอบานแหลม
หลวงพอทอง เปนตน

เหล็กไหลจึงเปรียบไดกับรางกายของทานมหาฤาษีทั้งหลาย ที่มีวิญญาณ
อันเปนอมตะของทานมหาฤาษีครองอยู จึงไดเกิดอภินิหารเหนือสิ่งมีชีวิตทั้งปวง
จนบางครั้งมีผูเรียกขานกันวา “ ธาตุกายสิทธิ์ ”

การตัดเหล็กไหล เปนพิธีกรรมที่สืบทอดกันมานานหลายรอยป อุปกรณที่ใชประกอบ


พิธีแตกตางกันไปตามแตละอาจารย เพราะสวนสําคัญในการตัดเหล็กไหลบางอาจารยก็ใช
หวายผูกลูกนิมิต ใบตาลเสนผมสาวบริสุทธิ์ หรือขวานที่ทําจากเทียนพรรษา เปนตน
ผูที่จะทําพิธีตัดเหล็กไหล ตองเปนผูรักษาศีลมาอยางเที่ยงตรงสม่ําเสมอ มีการขอ
อนุญาตจากเทพยดาผูดูแลกอน อุปกรณสําคัญที่ใชในการตัดเหล็กไหลประกอบดวย อาทิ
๑. สายสิญจนปากหลุมลูกนิมิต
๒. ตามขอเล็ก ๙ อัน – ใหญ ๑ อัน
๓. มีดหมอ
๔. น้ําผึ้งปา
๘๙๗

นอกจากนัน้ แลว ผูตัดตองมีความรูและเชี่ยวชาญทางดานคาถาอาคมอยางแมนยํา


เชน คาถาเรียกเหล็กไหล คาถาผูกเหล็กไหล คาถาตัดเหล็กไหล คาถาอัญเชิญเหล็กไหล
เครื่องบวงสรวงในพิธีสําหรับพิธีการตัดเหล็กไหลจากตําราโบราณกาลกําหนดไวเปนสําคัญ
ซึ่งประกอบไปดวย
๑. บายศรีเทพ บายศรีพรหม อยางละ ๑ คู สําหรับตั้งศาลเอก
๒. ฉัตรเงิน ฉัตรทอง ๙ ชั้น ๔ ทิศ
๓. ตั้งศาลเอก ๑ ศาล ศาลเพียงตา ๔ ทิศ
๔. ผลไม ๗ อยางทั้ง ๔ ศาล
๕. อาหารเจ พรอมผลไมชุดใหญหนาศาลเอกพรอมบายศรี
๖. บายศรีตอง ๔ คู
๗. เครื่องกระยาบวช ขาวตรอกดอกไม
๘. อาหารคาวหวาน เชน หัวหมู เปด ไก ปลา เนือ้ มะพราวออน ๑ คู กลวยน้ําวา ๑ คู
ขนมตมแดง – ตมขาว ถั่วชนิดตางๆ งาขาว ขนมผลไม เหลาขาว เหลาแดง
หมากพลู บุหรี่

เมื่อถึงเวลาฤกษพิธีใหจุดธูป ๙ ดอก เทียนขี้ผึ้งแทสีขาว ๙ เลม ตั้งนะโม ๓ จบ


กลาวสัคเคฯ ชุมนุมเทวดา...จบแลวตอดวยบทสวดดังนี้
๘๙๘

“ สัพเพธัมมานานัง อภินิเวสายะ ๓ จบ... แลวกลาวา เอกายะ โน อะยัง ภิกขเว มัคโค


สัตตานัง วิสุทธิยา... ขาแตเทพยดาทั้งหลาย ตลอดจนพระภูมิเจาที่ เจาปา เจาเขา
รุกขเทวดาผูเปนหัวหนาพรอมบริวาร ขาพเจาขอเชิญทุกทานมารับเครื่องเซนสังเวย
อาหารคาวหวาน ขอเทพยดาทั้งหลายที่ขาพเจาออกนามขางตน และมิไดออกนาม
ไดเมตตาแกขาพเจา อวยพรชัยใหพรแกขาพเจา ขอใหขาพเจามีแตความสุขความเจริญ
ทํากิจการงานใดขอใหสําเร็จตามที่ใจมุงหมาย พรอมกันนี้ขาพเจาและคณะขอชมบารมี
เหล็กไหลและขออนุญาตอัญเชิญเหล็กไหลไปสักการะบูชา เพื่อเปนศิริมงคลแกตัวขาพเจา
และครอบครัวในอนาคต ถาเหล็กไหลกอนนี้จะทําประโยชนใหแกประเทศชาติ
ทําคุณประโยชนใหแกพระพุทธศาสนา ทําประโยชนใหแกมวลมนุษยดวยกัน ขาพเจาจะ
นําไปใหเขาบูชา หากขาพเจาทรยศคดโกงไมทําตามสัจจะสาบานไว ขอเทวดาและดวง
วิญญาณรวมทั้งบริวารของทานผูมีฤทธิ์ทั้งหลาย จงลงโทษขาพเจาใหพบกับความวินาศ
ดับสูญลมจมถึงแกชีวติ ”
ดวยเหตุนี้ผูมีวิชาอาคมที่มีพลังจิตแกกลา บางครั้งก็จะถือโอกาสเขาแยงชิง
ดวยความโลภ เพียงวาใครจะเกงกวากันระหวางเทพหรือวิญญาณผูรักษาเหล็กไหลหรือ
เจาเหล็กไหลนั้นจะอนุญาตหรือไม เมื่อตั้งใจเรียก “ เหล็กไหล” ออกมาผูรูตองปองกัน
ตนเองจากอันตรายตางๆ เพราะภัยจากเจาของผูดูแลเหล็กไหล บริวารหรือวิญญาณมา
แกลงทําลายพิธีกรรม ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได การลอมวงสายสิญจน เมื่อพบแหลง
ที่คิดวามีเหล็กไหลอยู ก็ตองวงสายสิญจนลอมรอบกอนหินนั้น ใหหางจากตัวประมาณ ๑ วา

๑. สายสิญจนจากปากหลุมลูกนิมิต ใชสําหรับผูกเหล็กไหล
๒. ไมตะขอ ๙ อัน มีความหมายรวมถึง ขอนะ ขอเถอะ ขอแลว ขอครับ ขอคะ
ขอเล็ก ขอนอย ขอมาก ขอหมด รวม ๙ ขอ สําหรับขอที่ ๑๐ เปนไมขอพิเศษที่มี
ขนาดใหญกวาทุกอันและใหเลือกเนื้อไมที่แข็งกวาทุกอันนํามาเขียนอักษรขอมหรือ
พระคาถาลงไปเปนคําวา( เหลือ ) เขียนเสร็จแลวปลุกเสกดวยคาถาชูชกคือนะโม ๓ จบ
๘๙๙

“ ปะกาเสนโต ตาชูชกคนโซ ขอใครไมได ตองให ขอ ขอ ขอ... ” ตาขอพิเศษอันนี้


ใหพกติดตัวตอนทําพิธีเปนเคล็ดวา “ เหลือขอ” เสร็จแลวนําตาขอทั้ง ๙ อันมาปกในดิน
ตอนปกทองคาถากํากับไปดวย แลวจึงนําดายสายสิญจนมาลอม ผูกบนไมตาขอเพื่อ
ปองกันไมใหสายสิญจนตกดิน เพราะสายสิญจนเปรียบเหมือนกําแพงบานกําแพงเมือง
ตองอยูสูงกวาพื้นดิน ขณะที่ปกไมหลักตามขอใหสวดบริกรรมดังนี้
“ พุทโธ พุทธะ โอม เมอะมะอุ ปกดวงจิตดวงใจไวกับแมพระธรณี ลูกฝากหลักชัย
คุมภัยใหลูก หมูมารมาเปนแสนแมยังชวยใหพนภัย ทา สี เน ปะ วิ ขะ สะ อะ เม อุ
อัญเชิญแมธรณีมารักษาลูก ”
“ พุทผูก ธะมัด สังรัด มิตรึง พุทธัง ประสิทธิเม ธัมมังประสิทธิเม
สังฆังประสิทธิเม พุทโธ พุทธัง นะกันตัง อะระหัง พุทโธ ธัมโม ธัมมัง นะกันตัง
อะระหัง ธัมโมสังโฆ สังฆัง นะกันตัง อะระหัง สังโฆนะโมพุทธายะ นะมะพะทะ
จะภะกะสะ พามานาอุ กะสะนะทุ พุทธะกันนะ ธัมมะ กันนะ สังฆะกันนะ
อิมัสมิงมงคลจักรวาฬทั้ง ๘ ทิศ ประสิทธิเปนกําแพงแกว ๗ ชั้น ปองกันลอมรอบ
ขอมณฑล อิระชาคะตะระสา กายาดูแลรักษาดวย ธัมมังประสิทธิ สังฆังประสิทธิ
นะโม นะมัด กําจัดออกไปดวย ธัมมังประสิทธิ สังฆังประสิทธิ นะโม นะมัด
กําจัดออกไปศัตรูทั้งหลายอยาใกลเสมามณฑล”

ผูทําพิธีตองนั่งกรรมฐาน เมื่อจิตสงบดี
แลวก็กาํ หนดใหเห็นภาพเหล็กไหลหรือ
ของขลังที่อยูนั้นเคลื่อนตัวออกมา
ถาเปนเหล็กไหลใหใชเทียนหนัก ๙ บาท
จากนั้นใหทําการเรียกเหล็กไหลดวย.
๙๐๐

โอม สวาโหม มามามะมะ นะรักจะ จิตตังพันธะนัง นะมาหาขาเจา


มาเร็วๆพอคุณแมคุณ มาดวย ปยะ ปยังนะรองไห โมคร่ําครวญ ภะอยูไมได
คะรีบออกมา วาเปนของขาพเจา นะโมพุทธายะ ติดสะ อะระหัง
มะเชิญออกมาใหเห็นเปนบุญตา อะใหอึดอัดอยูไมได อุอุรารอนใจดังไฟสุม
ออกมาทันใด อยัมภะ ทันตา ทันใจ

( ถาพลังจิตของอาจารยที่ทําพิธีมีพลังสูงกวาเทพผูรักษาเหล็กไหล เหล็กไหลนั้นจะเริ่ม
ยืดยอยออกมา เอาน้าํ ผึ้งไปลอใหเหล็กไหลกิน แลวคอยๆ ลดน้ําผึง ้ ใหอยูต่ําลง
เพื่อลอเหล็กไหลใหยอนตัวตามน้ําผึ้ง ซึ่งทําใหไดเนือ
้ เหล็กไหลมากขึ้น )

ขณะที่เหล็กไหลพอเพียงที่จะทําพิธีตัดไดแลว ก็ใหเอาสายสิญจนที่จัดเตรียมไว
โดยปลุกเสกไวอยางดี มาผูกโคนเหล็กไหลติดกับหิน เพื่อปองกันไมใหเหล็กไหลหด
หนึกลับเขาไปในหิน แลวทองนะโม ๓ จบ แลวกลาว

“ อิผูก ติมัด ปรัด โสตรึง ภะดึง คะอยู วายอม นะโม นะมัด


ใหมัดเอาไป พุทธะ พุทธัง สังมิ ”
ขณะผูกสายสิญจนกับเหล็กไหลตองภาวนาพระคาถานี้ไปดวย จนกวาจะมัดเสร็จ
เมื่อผูกเสร็จเรียบรอยแลว นําเอามีดหมอซึ่งลงอาคมขอมจากเกจิอาจารย พรอมทั้ง
ปลุกเสกมาแลวอยางดีตัดเหล็กไหล
๙๐๑

คาถากํากับบางอาจารยใชหวายผูกลูกนิมิต มีดหมอ กริชเงิน ๙ ขอ ใบตาล


เสนผม ขวานเล็กๆ ทีท
่ ําขึ้นมาจากเทียนเขาพรรษาอยางใดอยางหนึ่ง อยางใดอยางหนึ่ง
มาประกอบพิธีกรรมตัดเหล็กไหล โดยบริกรรมคาถากํากับดังนี้

“ นะออน โมนิ่ม พุทธเจา ธาขาด ยะฤทธิ์เดชพิมาศ ขาดดวยมะอะอุ


นะมะพะทะ นะโมตัสสะ ตัดนะ ตัสสะ ขาด ”

เหล็กไหลนัน ้ โดยธรรมชาติยอมมีพลังอํานาจอยูในตัว หากไดรับการประจุพลังจาก


การปลุกเสกที่ถูกตองก็จะมีพลังเพิ่มขึ้นเปน ๒ เทา และจะมีพลังอํานาจในการบูชาลดหลัน
่ กัน
๑. จะมีพลังอํานาจสูงสุดเมื่อฝงอยูในตัวตน
๒. หอยไวใหสม
ั ผัสเนื้อตลอดเวลา
๓. เก็บไวในกระเปาถือ จะมีอานุภาพเทากับพลังการปลุกเสกอยางเดียว

นี่คือเรื่องราวมหัศจรรยของเหล็กไหลที่ลอ
ื เลือ
่ งไปทั่วโลก เปนธาตุอมตะที่ทุกคนมุงแสวง
ใครอยากไดเปนเจาของ ก็ยังเปนที่ตอ
 งการของผูคนอยูอยางไมเสื่อมคลาย
๙๐๒

เหล็กไหลตัด คือ เหล็กไหลประเภท “ ธาตุสําเร็จ ” ที่กระจัดกระจายอยู


ในสวนตางๆ ตามปาเขาลําเนาไพร ที่สามารถไหลไปตามสวนตางๆ ของซอกถ้ําซอกเขา
เกิดจากเทพพรหมในระดับ “ รูปพรหม ” อาศัยเปนกอนธาตุในรูปทรงแบบตางๆ
ลักษณะแกรงพอสมควร อาศัยธาตุเหล็กเปนธาตุหลัก สีออกคอนขางเขียวจนถึงสีปกแมงทับ
ขาวเงินยวงหรือหลายสีในกอนเดียวกัน รูปทรงเปนไปตามที่เทพปรารถนา สีสันแตกตางกันไป
เนื้อคอนขางมันวาว สามารถยืดไดหดได และลื่นไหลแทรกไปในวัตถุแข็งทึบได
แตไมสามารถลองหนไปในอากาศไดดวยตนเอง ตองอาศัยผูที่มีวิชาอาคมเรียกเอา
หรือติดตอกับผูที่เฝารักษาอยู คือ เทพ นาคราช คนธรรพ อสูร ยักษ ฤาษี เปนตน
เมื่อผูเฝารักษายินยอมใหแลว ผูม  ีวิชาอาคม จึงใชวิชาตัดเอาเรียกเอา

การตัดเหล็กไหล เปนพิธีกรรมที่สืบทอดกันมาแตโบราณกาล อุปกรณที่จะใชประกอบ


พิธีกรรมจึงอาจจะมีสิ่งแตกตางกันไปตามบูรพาจารยผูกําหนด เพราะสวนสําคัญในการตัด
เหล็กไหลบางอาจารยก็ใช หวายผูกลูกนิมิต ใบตาล เสนผมสาวพรหมจารีย ขวานเทียน
เขาพรรษา ประจําเดือนของทากรแรกเกิด เปนตน

ผูจะทําพิธีตัดเหล็กไหล ตองเปนผูที่มีคณ
ุ ธรรมประพฤติปฏิบัติรักษาศีลไดมั่นคง
ไมมีจิต ละโมบ คือ ตองขออนุญาตจากเทพผูดูแลรักษาเสียกอน เมือ ่ ไดรับอนุญาต
จึงคอยทําพิธีตัดเอา มิฉะนั้นหากเราขืนกําลัง หมายแยงชิงเอาโดยพละการ ถือดีใน
พระเวทยก็อาจมีเพทภัยถึงแกชีวิต หรือเกิดความขัดแยงในหมูคณะจนถึงขั้นวิบัติเอาได
ดวยอิทธิฤทธิ์ของเทพผูรักษาเหล็กไหลนั่นเอง

ยอมมอบใหกับคณะผูคนหา เพราะอาจจะเห็นวา จะดูแลไวก็ไมไดประโยชนอะไร


ถาใหคนเหลานี้ไดไปและขายได ก็จะไดบุญจากคณะคนหาที่สาบานไวจะทําบุญ ๘๐ %
จึงทําใหเทพผูรักษานั้น ไมหวงสมบัติหรือเสียดายอยางไร เพราะอยากไดบุญ

แตถาเทพผูรักษาตรวจดูดวยฌาณและมองเห็นวาในอนาคต คณะคนหาจะเกิดความโลภ
ไมทําตามสัจจะที่ใหไว เพื่อไมใหเปนบาปกรรมที่ตองฆาคน ทานก็อาจจะไมมอบเหล็กไหล
ใหก็ได เพราะทานเหลานี้ยอมมีอํานาจที่จะพาของเหลานี้ลองหนหรือซุกซอนหาที่ใหมได
หรืออาจะกําบังตาได

ดวยเหตุนี้ผูมีวิชาอาคมที่มีพลังจิตแกกลา บางครั้งก็จะถือโอกาสเขาแยงชิงดวยความโลภ
เพียงวาใครจะเกงกวากันระหวางเทพหรือวิญญาณผูรักษาเหล็กไหลหรือเจาของเหล็กไหลนัน ้
จะอนุญาตหรือไม ก็ตองทําการเสียงทายกันดัวยไหวพริบปฏิญาณอีกครัง ้ โดยอธิษฐาน
กลาวออกมาดังๆ วา

“ ขาพเจา นาย...นามสกุล...ขอเหล็กไหลทีอ ่ าศัยอยูในกอนหินนี้ ถาทานผูเปนเจาของ


เหล็กไหลกอนนี้หรือทานผูดูแลเหล็กไหลกอนนี้ อนุญาตใหแกขาพเจา ขอใหไดยินเสียงวาให
( เวนระยะนิดหนึ่ง แลวพูดวา “ให” ) เปนการพูดเอง เออเอง วิธีนี้ตามตําราไสยศาสตร
โบราณนิยมใชกันมาก เพราะถือเคล็ดที่วา ถาหูเราไดยินบอกวา “ ให ” ก็ถือวาใชได
แสดงวาเจาของอนุญาตแลว
๙๐๓

เมื่อตั้งใจจะเรียก “ เหล็กไหล ” ออกมาจากกอนหิน ก็ตอ


 งปองกันตนเองจากอันตราย
ตางๆ เสียกอนเพราะภัยจากเจาของดูแลเหล็กไหล บริวาร หรือวิญญาณที่เปนมิจฉาทิฏฐิ
มาแกลงทําลายพิธีกรรม ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได เพราะฉะนั้นเครือ
่ งลางของขลัง
ที่มีอยูก็ตอ งพกติดตัวไวเสมอ

การวงสายสิญจนนั้น เมื่อพบเห็นจุดที่สงสัยวามีเหล็กไหลอยู ก็ตองวงสายสิญจน


ลอมรอบกอนหินนั้น ใหหางจากตัวเราหรือตัวเราหรือหมูค ณะประมาณ ๑ วา วงลอมจะเล็ก
หรือใหญก็ขึ้นอยูกับจํานวนคนหรือคณะที่มา ถามาเพียงคนเดียวไมหลักที่จะปกผูก
สายสิญจนก็นอยวงก็เล็ก ถาคณะใหญมากก็ตองวงสายสิญจนใหกวางพอกับคณะที่มา

๑. ตรวจดูผนังถ้ําที่เหล็กไหลไหลผาน กาเครื่องหมายวงกลมตําแหนงผนังถ้ํา
ที่เหล็กไหลจะแทงทะลุออกมา เหล็กไหลชิ้นนี้สเี ขียวเขมปกแมลงทับ

๒. สมาจิตอัญเชิญ เหล็กไหลแทงทะลุผนังถ้ําเหมือนงูไหลเลือ
้ ยออกมา
เหล็กไหลชิ้นนี้มีสด
ี าํ

เหล็กไหลสองชิ้นนี้อยูบนเหลือบถ้ํา
ตองเอื้อมมือไปตัดใชคีมตัดเหมือนตัดเหล็ก
เปนเหล็กไหลสีน้ําเงินและเหล็กไหลสีน้ํานม
หรือที่เขาเรียกวา น้ํานมแผนดิน
๙๐๔

๓. เหล็กไหลมาลัยสองชาย ออกมาเปนคูทพ
ี่ ื้นถ้ํา คือเหล็กไหลตัวผูและเหล็กไหลตัวเมีย
เหล็กไหลตัวผูจะใหญกวา ทั้งสองตองไหลออกมาพรอมกัน

๔. เหล็กไหลหลากสีตัดเปนชิ้นใสหอผาขาว เพื่อทําพิธีผูกเหล็กไหล ดวยอํานาจรัตนะจิต


เพื่อนํามาศึกษาเรื่องกายสิทธิ์ภาคผูเลี้ยง เมื่อศึกษาเสร็จเรียบรอย อัญเชิญกลับ
มาจากไหน จงกลับไปที่นั่น เหลือเพียงผาขาว และความทรงจํา

พิธีกรรมทดสอบเหล็กไหล
ในการทดสอบบารมีของเหล็กไหลนั้น จะทําเปนเลนๆ หรือเพือ ่ ความรูอยางเดียวหาไดไม
เพราะเหล็กไหลในที่นี้มีจิตวิญญาณครอบครอง มีความรูสึก รัก โกรธ เกลียดชอบ หรือดีเฉกเชน
ความรูสึกของสัตวโลกทั่วไปที่ยังไมพนความเปนปุถุชน เพียงแตอาศัยธาตุขันธ ประกอบเขากันใช
เปนที่อยูอาศัย โดยใชบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์ ความเปนเทพในระดับภพภูมิตางๆ แฝงเขาอาศัยอยู
ดังนั้นมีใครหากคิดไมซื่อหรือไมดีที่จะมาทําลายหรือมุงราย ดวยเจตนาที่ไมบริสุทธิ์ จะมีการตอตาน
หรือตอสูเกิดขึ้นไดเชนกัน เชนทําใหอานุภาพของดินปนชื้นจนยิงไมออก บางครั้งผูที่ทดสอบดวยปน
จะถูกเหล็กไหลตอสูยุดฉุดรั้งปนหรือแขนไวจนไมสามารถจะยิงได จนสุดทายถูก สิ่งที่มองไมเห็น
ถีบหนาอกหรือจุกแนนหนาอก จนไมสามารถทําการยิงได บางครั้งลมลงทั้งยืนเลยก็มี
ผูอานหลายคนอาจจะไมเชื่อวาสิ่งเหลานี้เปนจริงหรือไม หรือเกินความจริงไปหรือเปลา
แตสิ่งเหลานี้รอการพิสูจนจากผูที่สนใจและตองการสิ่งที่มีอานุภาพในการปกปอง คุมครอง
ไมใชจากนายหนาหรือผูที่หากินทางอาชีพยิงเหล็กไหล โดยหลอกวามีนายทุนใชใหมาทดสอบบาง
มีการวางเงินเดิมพันบาง มิฉะนั้นถาพบของจริงอยางที่วาแลวทานอาจจะพบกับเหตุการณที่นากลัว
จากสิ่งที่มองไมเห็นเหลานี้ไดโดยงายก็ได แตสงิ่ เหลานี้ตองยอมรับอยางหนึ่งวาเปนสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
สดๆรอนๆตอหนาสายตาของคนนับรอยนับพัน
๙๐๕

เปนแรธาตุกายสิทธิ์ชนิดหนึ่งที่เกิดมา
พรอมกับโลก ซึ่งมีจติ วิญญาณครอง
มีหลากหลายชนิด หลายสีหลายคุณสมบัติ
ตามแตละชนิดนั้นๆ มีอภินิหารมหัศจรรย
หลายอยางหลายประการของเหล็กไหล
แตละประเภท กินไมขีด ลองหนหายตัว
ไปในอากาศ เสด็จหนีไปหลายคืน
หลายวันก็ได และมีคุณวิเศษอยางทึ่ง
มหัศจรรยไมนาเปนไปได

คือ ถาหากนําเหล็กไหลที่เปนประเภทน้ําหนึ่งจริงนี้ไป ในที่ถ้ําเขาในปาเขาหางไกล


จากชุมชนที่เงียบสงัด หรือแหลงที่ไดขาววาสถานที่แหงนั้นมีเหล็กไหล ใหนําเหล็กไหล
ของจริงไปวางไวคางคืน ก็จะเรียกเหล็กไหลธรรมชาตินั้นออกมาหากันไดอยางมหัศจรรย
อภินิหารในคุณวิเศษของเหล็กไหลมีหลายอยางหลายประการ
จึงถือวาเหล็กไหลเปนยอดวัตถุมงคลชนิดหนึ่ง ไมหยอนไปกวาเครื่องลางของขลัง
ที่วายอดหรือสุดยอด และมีคุณวิเศษอื่นๆ อีกตามแตผูครอบครองจะฉลาดใชไปในทางใด
โดยมากมักจะใชอธิษฐานเพื่อ
๑. แคลวคลาดคุมครองปกปกรักษา ทั้งกายและใจ ชักจูงจิตวิญญาณไปทางสูทางที่ดี
สัมมาทิฐิเพือ่ เขาสูโลกุตรธรรมทางพนทุกข
๒. ขอทํามาคาขึ้นมหาลาภ ประกอบสัมมาอาชีพขอใหเจริญขึ้น ตลอดทั้งโชคลาภ
ลอยตางๆ ตามแตจะดลบันดาลใหเปนนเมตตามหานิยม
๓. อธิษฐานทําน้ํามนตรักษาโรคภัยไขเจ็บตางๆ ตามบารมีค้ําชู ขอใหทําลาย
อาถรรพณอาเพศสิ่งชั่วราย ภูตผีปศาจ วิญญาณอันธพาล ขออยาไดมีมารบกวน
๔. ขอใหไดพบแตคนดีมีศีลธรรม อยาไดพบพานสิ่งที่ไมดีคนผูขาดศีลขาดธรรม
ขอใหหางไกล ขอสิ่งดีๆดวยประการทั้งปวง มนุษยสมบัติ สวรรคสมบัติ
และนิพพานสมบัติ จงไดพบในปจจุบันชาตินี้ ฯลฯ
๙๐๖

เหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์นี้พอจะแบงเปนประเภทใหญๆได ๒ ประเภทดวยกันคือ
๑. ประเภทที่มีจิตวิญญาณครอง
๒. ประเภทที่มีจิตครอง แตไมมีวิญญาณครอง ฯลฯ
ผูที่มีธาตุกายสิทธิ์เหลานี้อยูแลว จะไดรับทราบยอๆ ความเปนมาและอื่นๆ เล็กนอย
เชน การบูชา การเก็บรักษา ขอใหทานไดไตรตรองและพิจารณาดวยจิตที่เปนกลางจะเชื่อ
หรือไมสุดแลวแตเพราะเปนเรื่องปจจัตตัง ที่จะรูไดเฉพาะตนและผูตองการ ที่จะรูเทานั้นจึง
จะได ดวยการศึกษาคนควาหลายอยางหลายดานและหลากหลายมุมมอง ทั้งดานการศึกษา
อานและคนหาประสบการณจากของจริงที่มีอยูโดยไมปฏิเสธเรื่องใดๆ เพราะทุกอยางจะรูได
ดวยการเรียนรูไดทั้งนั้น ศึกษาดวยจิตสัมผัสจะหมดปญหา วาของจริงหรือปลอมแปลง
เลียนแบบกัน ซึ่งมีการปลอมแปลงเลียนแบบกัน ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงเลียนแบบตมตุนกัน
ทุกอาชีพแมวงการพระเครื่องก็เชนกัน พยุงความโลภหลงใหนอยลง บางก็จะพบกับความ
จริงของธาตุกายสิทธิ์แนนอน
ธาตุกายสิทธิ์เหลานี้ที่เปนของจริงนั้น ผูมีวาสนาจะไดครองตองเคยสั่งสมบารมี
รวมกันมาแตในครั้งอดีตชาติ หรือเปนผูมีคุณธรรมประจําใจ มีทาน ศีล และพรหมวิหาร
ธรรมหรือเจตนาเปนกุศล ทั้งกายใจ ตอหนาและลับหลัง ยอมมีโอกาสไดครองธาตุกายสิทธิ์
( เหล็กไหล ) นี้ไดเชนกัน
ดังนั้นหากผูแสวงหาเหล็กไหล หรือผูครอบครองเหล็กไหลที่มีจติ เปนอกุศล
พฤติกรรมทราม มีจิตวิญญาณระดับต่ําไรศีลธรรมประพฤติผิดศีล ขาดหิริโอตตัปปะ
ไรคุณธรรม มากดวยอภิชฌา ( โลภ ) ดวยตัณหาราคะจัดมักมากสําสอนในกาม
มากดวยความโกรธพยาบาท ขาดความเมตตาปรานี และเปนมิจฉาทิฐิ หลงมัวเมาไมรูจัก
บุญไมรูจักบาปไมรูบุญคุณรูโทษ วัตถุกายสิทธิ์ประเภทนี้จะอยูดวยไมไดนาน เพราะจิต
วิญญาณของพรหมหรือฤาษีที่สถิตยอยูหรือเทพยดาทรงธรรมที่ปกปกรักษาสถิตอยู
ยอมไมประสงคจะอยูรวมกันกับผูทุศีล หรือไรคุณธรรม ไมเจริญและจะกลับใหโทษ
หนักตามสภาวะของผูนั้น สะสมไมดีดังกลาวมารุนแรงหรือไมเพียงใด
๙๐๗

ถาหากธาตุกายสิทธิ์นี้ตกไปอยูกับคนดีศีลธรรม ผูดีมีศีลธรรมประจําใจ
อิทธิปาฏิหาริยสามารถครอบครองงําชักนําไปสูกระแสธรรม ไดดวยคุณธรรมดี ยิ่งๆขึ้นไป
ของผูมีไวครอบครองนั้นก็จะพัฒนาทั้งจิตวิญญาณธาตุ ทั้งกายใจไปสูความเจริญยิ่งๆ
ขึ้นไปเรื่อยๆ แมปรารถนาจะบรรลุธรรมชั้นสูระดับสูง ดับทุกขสัมผัสกระแสเย็นแหง
ดวงจิต จิตอเสขะไดตามความอธิษฐานมรรคผลในปจจุบันชาติ เพราะจิตวิญญาณของ
ฤาษีก็ดี พรหมก็ดี มักจะมีอายุเปนหมื่นปของโลกมนุษย และไดผานการฟงธรรมจาก
พระโอษฐของพระพุทธเจาที่ตรัสรูผานไปแลวหลายพระองค ทานยอมรูและเขาใจ
ขออรรถขอธรรมได หมดทุกอยางระดับสูงสุด แตทานไมประสงคจะเขาสูน ิพพาน
จึงอธิษฐาน จิตชวยเหลือมนุษยที่เคยเปนบริวารญาติพี่นองเคยเกิดรวมกัน
ทั้งญาติผูใหญใกลญาติไกล หลายภพหลายชนิดมาแลวที่จิตผูกพันกันมา
ดังนั้นของดีเทานั้นจะอยูกับคนดี ซึ่งเปนเรื่องธรรมดาอยางไมตองสงสัยและนําไปใช
ไมผิดศีลธรรมดวย แตไมวาของจะศักดิ์สิทธิ์สักปานใด ถาหากใจไมยอมเชื่อถือ
ไมเคารพกราบไหวไมปฏิบัติใดๆ สิ่งนั้นก็ไรผล
เหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์

คําวา ” ธาตุกายสิทธิ์ " นั้นหมายถึงวัตถุธาตุบางชนิดที่ ปรากฏอยูในจักรวาลอันกวางใหญนี้ประกอบ


ไปดวยพลังงานอันมหาศาลอันเกิดจากเจตสิกผูครอบครองธาตุนั้นแฝงเรนอยูใชสําหรับปองกันภัย
ใหกับตนเองโดยธรรมชาติแตบางครั้งไมไดปรากฏใหเห็นชัดเจนกลับซืมลึกลงไปอยูใตพื้นผิว

โลกตามปาตามเขาตามถํ้าแมแตหวยหนองคลองบึงรอจนกวาผูที่มีภูมิจิต ภูมิธรรมสูงไปพบเขาแลว
หยิบยกเอาธาตุกายสิทธิ์เหลานี้มาใชประโยชนเพื่อ มวลมนุษยชาติและปกปองคุมครองคนหมูมาก
ดังนั้นจึงเชื่อกันวา“เหล็กไหล”จัด เปนธาตุกายสิทธิ์ชนิดหนึ่งที่ประกอบดวยธาตุที่สําคัญดังนี้

๑. ธาตุเหล็กคือธาตุหลักเนื่องจากมีความแข็งแกรงมากที่สุดในยุคนั้น
๒. ธาตุดินที่ถูกความอัดแนนของโลกจนเกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพเปนหินสีตางๆ
เชน เพชรนิลจินดาอัญมณีหลากสี
๓. วานมหามงคลที่มีฤทธิ์อํานาจในตัวเชนวานตางๆไพรดํา ซึ่งเปนพืชที่ดูดซับเอาพลังตางๆ
จากผืนดินเก็บสะสมเอาไวในตนเองจนเกิดฤทธิ์เดช
๔. ปรอทหรือธาตุอื่นๆที่สามารถเคลื่อนไหวหรือเคลื่อนที่ไดดวยตนเองโดยการ ออนตัวแลว
กลิ้งไหลไปมีฤทธิ์อํานาจทางความยืดหยุนหรือหดตัวเองไดหลีกภัย ไดเร็วปรับสภาพตนเอง
ใหเปนไปในลักษณะตางๆได

ดังนั้นแรเหล็กที่อยูภายใตลาวานั้นยอมไดรวบรวมเอาสรรพสิ่งจากธาตุ กายสิทธิ์ทั้งหลายเหลานั้น
รวมกันไวในตัวเองคือมีฤทธิ์ในการปกปองตนเองให พนจากภัยในทุกรูปแบบเพราะฉะนั้นเมื่อมหาฤาษี
ไดใชอิทธิฤทธิ์ดึงธาตุเหลา นี้ขึ้นมาแลวถอดจิตดวยฌาณสมาบัติเขาแฝงตนอยูในธาตุกายสิทธิ์เหลานี้
๙๐๘

เพื่อฝกฝนปฏิบัติทางจิตใหยิ่งๆขึ้นไปจึงทําใหเจตสิกของผูทรงฌาณนั้นเกิด พลังอันมหาศาลแมแตจะ
งอเหล็กก็ยังไดจนมนุษยไดคนพบสิ่งเหลานี้เขาโดย ไมไดตั้งใจและไมทราบวามันคืออะไรก็เลยเรียก
กันวา “เหล็กไหล” ตามสภาวะการแสดงอิทธิ์ฤทธิ์ที่ปรากฏตอสายตาในขณะนั้นนั่นเองคือลักษณะ
เหมือนกอนเหล็กที่ยืดตัวไดมีสีสรรตางๆกันหลายรูปแบบเหล็กไหลจึงเปนธาตุ กายสิทธิท ์ ี่ทรง
อิทธิฤทธิ์จนกลายเปนสิ่งลํ้าคาที่ผูคนแสวงหาไมรูจักจบ มาทุกยุคทุกสมัยตราบจนเทาทุกวันนี้

เหล็กไหลมีหลากหลายชนิดลักษณะเปนเนื้อโลหะสีมันวาวสะทอนแสงไดดีแข็งมีนํ้าหนัก
เหมือนโลหะทั่วไปสนิมไมกินเนื้อมีพลังอํานาจในตัวทางธรณีวิทยาเรา จัดเปนแรประเภทหนึ่ง
แตคนโบราณไดคนพบธาตุกายสิทธิ์เหลานี้ขึ้นมาโดยการ อนุมานจากอนุภาคธรรมชาติที่แสดงตน
ออกมาตามสภาพที่พบเห็นแลวเรียกมันวา “เหล็กไหล” เชนยืดไดหดไดดวยตนเองไหลยืดออกมา
เปนทางยาวดับความรอนไดชอบกินนํ้า ผึ้งมีฤทธิ์ทําลายฟอสฟอรัสหรือหัวไมขีดใหหมดสภาพไปได
คือจุดไมติดเมื่อมี การทดลองใหประจักษแกสายตาในอิทธิ์ฤทธิ์ปาฎิหาริยจึงทําใหเกิดมีความปรารถนา
และมีความตองการสูงมีการติดตอซื้อขายกันในราคาที่คอนขางสูงคิด ตามนํ้าหนักเปนบาทหรือเปนชิ้น
เปนองคในราคาหลักรอยลานกันขึ้นไป

ดังนั้น “เหล็กไหล” จึงเปนที่ปรารถนาและใฝฝนของคนทั่วไปแมบางที่จะตองเสี่ยงภัยถึงขั้นเอาชีวิต


แลกก็ยอมเรื่องราวของเหล็กไหลจึงดูเหมือนเปนเรื่องลี้ลับซับซอนและ หลายคนคงอยากจะรูเหมือนกัน
วาเหล็กไหลคืออะไรกันแน?เกิดขึ้นมาไดอยางไร ?เหล็กไหลที่ทรงอิทธิฤทธิ์นี้มีจริงหรือไม?จึงเปน
ปรัศนีที่ทาทายความ กระหายใครอยากรูตามลักษณะวิสัยของมนุษยจึงทําใหตองเที่ยวหาคําตอบจาก
ผู รูทั้งหลายหรือผูมีประสพการณที่มีความรูที่พึงเชื่อถือไดจนกลายเปน ตํานาน“เหล็กไหล”ที่เลาขานที่
สืบทอดกันมาแตสมัยโบราณตราบถึงปจจุบันบาง ครั้งก็มีผูขนานนามวา “ธาตุนานมพระแมธรณี”

ธาตุน้ํานมพระแมธรณี

พระแมนางธรณีเปนผูรักษาแผนดินโลกและสิ่งที่เปนของแข็งอยูในโลกเรา นี้จึงไดถูกเรียกวา“ธาตุดิน”
ดังนั้น“เหล็กไหล”จึงจัดเปนธาตุกายสิทธิ์ที่ เกิดขึ้นมาจากธาตุของ “พระแมนางธรณี” นั่นเอง
ปรากฏการณทางธรรมชาติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของผิวโลกในหลาย ศตวรรษที่ผานมาโดย
เฉพาะแผนดินไหวภูเขาไฟระเบิดยอมกอใหเกิดการเคลื่อน ที่ของแรธาตุตางๆตามกฎของธรรมชาติ

เหล็กไหลประเภทตางๆที่อยูตามปาเขาตามถํ้าจึงไดเริ่มปรากฏตัวสูโลก ภายนอกในรูปแบบตางๆสวน
เหล็กไหลที่เกิดจากปลองภูเขาไฟระเบิดตัวแรเหล็ก ไหลจะอยูใจกลางกนบอของภูเขาและจากความ
รอนแรงที่หลอมละลายอยูภายใจกลาง โลกจึงทําใหแรธาตุตางๆรวมตัวเขาดวยกันทําใหเกิดการไหล
รวมตัวกับแรธาตุ อื่นๆอีกหลายชนิด

ธาตุเหล็กไหลนี้จัดไดวามีชีวิตจิตวิญญาณและเปนธาตุกายสิทธิ์ดวยวา มันมีพลังงานอยูในตนเองสูง
มากพลังงานนี้จะเทียบเทากับนํ้าหนักหรือแรงกด เหมือนกับสิ่งของที่มีนํ้าหนักมากๆจนบางครั้งยก
ไมขึ้นหรือยกขึ้นไมไหวนี่ แหละคือคุณคาพิเศษของธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้จึงจัดเปนธาตุที่หาไดยากมาก
จะ อยูตามถํ้าตามหนาผาหุบเขา หรือภูเขาบางครั้งเราเรียกกันวา“ธาตุนํ้านมของพระแมนางธรณี”ดวย
เกิดจาก สิ่งหลอมเหลวภายในโลกนั่นเองจึงเปรียบเสมือนเลือดนํ้านมในอกของพระแมนาง ธรณี

ปจจุบันนักวิทยาศาสตรไดใชพลังงานจากธาตุกายสิทธิ์หลายชนิดอันเกิดจาก แรธาตุธรรมชาติมาเปน
สวนประกอบสําคัญในเครื่องมือทางการแพทยอุปกรณ คอมพิวเตอรและอีเล็คโทรนิค

ธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหลก็เชนกันเมื่อคนเราไดคนพบพลังงานอันมหาศาลที่ ซอนเรนอยูจึงกลายเปนของ
ที่ทุกคนสนใจใครแสวงหากันและจะหาธาตุเหล็กใดใน โลกนี้บางที่มีพลังลึกลับอันมหัศจรรยซอนเรน
อยูในตัวเพราะเปนพลังที่ พิสดารจากธรรมชาติเนื่องจากธาตุเหล็กธรรมดาถาสัมผัสพลังดูแลวจะรูสึกวา
ธรรมดาแตถาเปนเหล็กไหลจะรูสึกถึงพลังอันหนักหนวงมีนํ้าหนักมากจนรูสึกได
๙๐๙

การสัมผัสพลังของเหล็กไหลนั้นจะตองอาศัยการฝกฝนศึกษาจากกรรมฐานจนเกิด ญาณทัศนะสัมผัส
ไดลึกละเอียดมองเห็นและถายทอดออกมาทางอารมณความคิดเพราะ พลังธรรมชาติกับพลังจาก
พุทธคุณหรือการสวดยัดวัตถุธาตุมงคลนั้นยอมจะแตกตาง กันเหล็กไหลจึงจัดเปนเหมือนแกวกายสิทธิ์
สําหรับผูครอบครองที่มีบุญบารมี เทานั้น

การสัมผัสดวย “ญาณ” จากผูมีบารมีธรรมแตละคนนั้นยอมจะตองไดคําตอบถึงคุณลักษณะของ


เหล็กไหลที่ ตรงกันพลังของเหล็กไหลนั้นรุนแรงมากจนผูทดสอบพลังตองคลายมือออกจากเหล็กไหล
นั้นเพราะจะรูสึกจุกแนนหนาอกเหมือนถูกพลังอันหนักหนวงโถมใสจนรับไว ไมไหวจําเปนตองคลาย
สมาธิโดยฉับพลันก็พลังนี้แหละจะสามารถรับรูถึงความ รูสึกของคนเราไดมองเห็นตางหูตางตาแทนเรา
ไดจึงทําใหวัตถุมงคลเหล็กไหล เหมือนมีชีวิตจิตวิญญาณ

๑. อยูนิ่งได
๒. กลิ้งตัวเองเลื่อนไหลไปได
๓. หายตัวได
๔. ปรากฏตัวได
๕. เผาละลายตัวเองได
๖. อาวุธปนยิงไมออก
๗. ถอดวิญญาณได
๘. ยืดไดหดได
๙. กินดินปนฟอสฟอรัสได
๑๐.แชทําน้ํามนตรักษาโรคบางชนิด
๑๑.สงกลิ่นหอมได
๑๒.เพิ่มน้ําหนักและลดน้าํ หนักของตนได
๑๓.ลองหนหายตัวหนีไปกลับมายังที่อยูปกติได
๑๔.บางองคมีคุณสมบัติดูดคลายแมเหล็ก
ดังนั้น ความเขมขลังพลังฤทธิ จึงไมมีอาคมใดๆ มาสกัดหรือบีบบังคับได
เพราะเปนที่รวมพลังฌาณของพระฤาษีหรือถอดวิญญาณพรหมเขาพรหมเขาไปสถิตอยู ในแรธาตุ
กายสิทธินั้น จึงไดมีอิทธิอานุภาพปาฏิหาริยไดเกินความคิดของมนุษยปุถุชนธรรมดาทั่วไปอยาง
คาดไมถึง จึงไมควรประมาท หรือไมเชื่อก็อยาลบหลู
๙๑๐

คุณสมบัติผูที่จะครอบครองธาตุกายสิทธิ์ ( เหล็กไหล )
ไดจะตองประกอบดวยคุณสมบัติ ๓ ประการ คือ
๑. ตองเปนผูมีบุญวาสนาบารมีจึงจะได
๒.ตองมีความเชื่อมั่นศรัทธาตอธาตุกายสิทธิ์
๓.มีความปรารถนาในธาตุกายสิทธิ์นี้ไดอยางแรงกลา ซึ่งเกิดขึ้นมาในจิตวิญญาณของตนเองไม
ถูกชักจูงจากผูใดใหเชื่อทั้งสิ้น
คุณสมบัติ ๓ ประการนี้ ตองเกี่ยวของเกี่ยวเนื่องกัน.

๑.ควรจัดสถานที่ คือ ควรมีหิ้งพระหรือโตะหมูบูชาที่บานและตั้งใจไวในตําแหนง


ที่เหมาะสม ใหจัดวางโตะหมูบูชาต่ํากวาพระพุทธรูปพอเหมาะ จัดสถานที่ใหสะอาด
สวยงามนาศรัทธา มีแจกันดอกไม กระถางรูปพรอม
๒.จัดดอกไมสีขาว เทียนธูปสีขาว บูชาปฏิบัติบูชาตอพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ
พระธรรม พระสงฆ ทําวัตรเชา-เย็น โดยแตงชุดสีขาวยิ่งดี ทําวัตรสวดมนตไหวพระ
ทําสมาธิภาวนา เพื่อใหเกิดบุญบารมีและแผเมตตาใหกับพญาสมิงเหล็กเทพเทวาผูดูแล
รักษาอยูเปนประจําใหไดรับบุญบารมีธรรมใหไดรับบารมีธรรมมากๆ เขาก็จะทําใหธาตุ
กายสิทธิ์มีฤทธิ์อํานาจบริสุทธิ์กลายเปนดวงแกวแหงรัตนโดยปริยาย กลายเปนแกว
สารพัดนึกที่ผูเปนเจาของสามารถนําไปใชในการอธิษฐานจิตตางๆ ไดตามใจปรารถนา
ในสิ่งดีๆ ในดานบารมีธรรมตามบุญบารมีของผูเปนเจาของไดสําเร็จ ดวยมนุษยสมบัติ
สวรรคสมบัติ และนิพพานสมบัติ ตามแตเจาของปรารถนา
๓. สําหรับอามิสบูชาอยางอื่นๆ ก็ไมจํากัดในการจัดบูชา วันพระละครั้ง หรือทุกวัน
ก็อนุโลมตามศรัทธาของแตละรายที่เคยปฏิบัติมาไมมีขอหามใดๆ ทําแลวเกิดสุขสบายใจ
ถือวาใชได
๔.ถาหากปลีกตัวออกไปปฏิบัติธรรม รักษาศีลภาวนานั่งสมาธิและเดินจงกรมที่บานหรือ
ตามวัดปาสายปฏิบัติธรรม ซึ่งมีอยูทั่วไปตามโอกาส ซึ่งเปนการปฏิบัติบูชาที่ถูกตอง
อานิสงสอันสูงสุดที่พระพุทธเจาทรงสรรเสริญกวาอามิสบูชาเปนไหนๆ ที่ควรปฏิบัติ
อยางไร
๙๑๑

การคนหาเหล็กไหล
การคนหาเหล็กไหลไมใชของงายเนื่องจากไมมีเครื่องมือจะตรวจคนโดยวิธี ทางวิทยาศาสตรไดแถม
บางทียังไมเคยเห็นหนาตาของเหล็กไหลมากอนวาเปน อยางไรดังนั้นในที่นี้จึงขอกลาวสรุปพอเปน
สังเขปเพื่อเปนแนวทางใหทานพิจารณาดังนี้

๑.ตามตําราบูรพาจารยผูรูในอดีตไดบอกกันตอๆ มาวาถาจะหาเหล็กไหลแลวใหสังเกตุถํ้าที่จะเขาไปหา
นั้นวามีลักษณะเชนนี้หรือไม ?

 ถํ้านั้นตองสะอาดไมมีมูลคางคาวหรือมูลสัตวปาใดๆ
 ถํ้านั้นตองมีอากาศเย็นชุมชื้น
 ถํ้านั้นตองสงบเงียบวังเวงมีความรูสึกนาเกรงขาม

๒.คําบอกเลาอาจจะไดยินไดฟงจากพรานปาที่มีประสพการณแปลกๆหรือจากพระธุดงคที่พบเห็น

๓.การเขาทรงจากการประทับทรงขององคเทพเทวาที่บอกผานมา

๔.การเกิดนิมิตจากการนั่งกรรมฐานจนจิตรสงบแลวเกิดภาพนิมิตรสถานที่หรือมีผูพาไปชม

๕.จิตสงบจากสภาวะจิตที่สงบจนเกิดญาณหยั่งรูขึ้นมาเอง
๙๑๒

การทดสอบเหล็กไหลในถ้ํา
เมื่อพบถํ้าที่มีลักษณะดังกลาวขางตนหรือพบแหลงที่พอเชื่อไดวาจะมี เหล็กไหลอยูแลว
ก็ควรจะมีวิธีการทดสอบเพื่อใหเกิดความมั่นใจวาจะไมผิด หวังหรือเสียเวลาคนหามักจะใชปนลอง
ยิงดูในบริเวณที่คิดวานาจะมีเหล็กไหล ซอนอยูถาเล็งไปแลวยิงไมออกก็มั่นใจไดวามีเหล็กไหล
อยูในบริเวณนี้แนนอน

เมื่อมั่นใจวาพบแหลงที่อยูของเหล็กไหลแนนอนแลวก็เปนเรื่องพิธีกรรมที่จะทําพิธี
“อัญเชิญเหล็กไหล” ออกมาโดยการบวงสรวงหรืออธิษฐานจิตขอเอาจากเจาปาเจาเขาเจาถํ้า
หรือเทพผูรักษาองคเหล็กไหลแลวแตกรณี

การอัญเชิญเหล็กไหล
เมื่อเราพอทราบลักษณะสีสันรูปทรงและเรื่องราวที่เกี่ยวของกับเหล็กไหล แลวตอนนี้เราก็จะมา
ศึกษาถึงวิธีการอัญเชิญเหล็กไหลกันเพื่อเปนแนวทางในการ ศึกษาเรื่องธาตุกายสิทธิ์ที่เรนลับนี้ตอไป
การที่เราจะไดเหล็กไหลมานั้นจะ ตองประกอบไปดวยบารมีพอสมควรดวยวิธีการเฉพาะและเมื่อไดพบ
สถานที่ที่คาด วานาจะมีเหล็กไหลอยูควรจะดําเนินการอยางไรถึงจะไดเหล็กไหลมาครอบครองโดย
ถูกวิธีและไมมีอันตรายซึ่งในที่นี้จะขอใชคําวา“อัญเชิญเหล็กไหล”เพราะ เหล็กไหลที่จะไดมานั้น
ยอมมีวิธีการและที่มาแตกตางกันไปดังนี้

๑.เหล็กไหลบารมี
๒.เหล็กไหลตัด
๓.เทพเทวาเปนผูมอบให
๔.แผบารมีทิ้งไวในเหล็กไหลเมื่อถึงเวลาตองจุติ

เหล็กไหลบารมี
เหล็กไหลบารมี คือ เหล็กไหลที่เกิดขึ้นจากการทําพิธีอัญเชิญของผูมีบารมี เพื่อขอความชวยเหลือ
จากเทพพรหมผูมีบุญฤทธิ์ที่สั่งสมฤทธิ์อํานาจอยูใน สภาวะที่เปน “ธรรมธาตุ” ไดมาชวยเหลือมวล
มนุษยและสืบพระศาสนาของสมณโคดมใหอยูสถาพรตอไปในภายภาคหนา

พิธีกรรมในการอัญเชิญเหล็กไหลนี้ประเภทนี้จะประกอบไปดวยเครื่องบวงสรวง สังเวยที่เปนมังสวิรัติ
หรือผลไมแตบางครั้งวิญญาณที่เฝารักษาเหล็กไหลใน สถานที่นั้นมีทั้งเทพยักษนาคคนธรรพหรือภูติ
ตางๆปะปนกันก็ตองทําพิธี พลีกรรมขอเอาเหมือนกันจะตองจัดอาหารคาวหวานหลายอยาง

การอัญเชิญเหล็กไหลจะตองใชคาถาอัญเชิญเหล็กไหลโดยเฉพาะเทานั้นและจะ ตองมีคุณธรรมที่ได
สะสมมานานเปนบารมีเฉพาะตัวจึงมีแตคําพูดที่ไพเราะเทา นั้นจึงจะอัญเชิญเหล็กไหลใหออกมาได
เพราะ“เหล็กไหล”มีอานุภาพเหนืออาคมทั้ง ปวงไมมีอาคมของผูใดจะบีบบังคับใหเหล็กไหลยอม
จํานนไดมีแตคําเชิญที่ไพเราะ ถูกตองเทานั้นจึงจะไดเหล็กไหลดังนั้นคาถาอัญเชิญกับคาถาอาคม
ดวยพระเวทย จึงมีความแตกตางกันในเจตนา

เวลาที่เหล็กไหลจะเสด็จออกมานั้นเอาแนนอนไมไดขึ้นอยูกับบารมีบาง ครั้งไมกี่นาทีเหล็กไหล
ก็ปรากฏตนใหเห็นบางครั้งครึ่งวันหรือคอนคืนจึง เสด็จออกมาก็มีเมื่อพบเห็นแลวก็ตองใชคาถา
เอามือจับเหล็กไหลมาไวเคารพบูชา
๙๑๓

อภินิหารของเหล็กไหล
การแสดงอํานาจอิทธิฤทธิ์ของเหล็กไหลนั้น ยอมมีอภินิหาริยล้ําลึกในรูปแบบตางๆ ไมซ้ํากัน
สุดแทแตองคเหล็กไหลปรารถนาจะแสดงใหชม ซึ่งพอจะประมวลอภินิหาริยไวเปนแนวทางศึกษาดังนี้

๑.อยูนิ่งได ๒.กลิ้งตัวเองใหเคลื่อนไหวได ๓.หายตัวได ๔. ปรากฏตัวได

๕.เผาทําลายได ๖. อาวุธปนยิงไมออก ๗. ถอดวิญญาณออกได ๘. ยืดหดได

๙. ทําใหน้ํารอนกลายเปนน้ําเย็นในชั่วพริบตา ๑๐. กินดินปน ฟอสฟอรัสและไฟได

๑๑. แชทําน้ํามนตเพื่อรักษา ๑๒. สงกลิ่นหอมได ๑๓. เพิ่มหรือลดน้ําหนักตัวได

๑๔. เหล็กไหลบางองคมีคุณสมบัติเปนแมเหล็กได

เหล็กไหลของแทที่สามารถขายไดกอนละหลายสิบลานไมวาในสมัยกอนหรือสมัยนี้ก็คงจะตองมี
คุณสมบัติดังนี้ คือ ปนยิงไมออก ชนวนระเบิดไมทํางาน ลนแลวยืดหดได ของมีคนทําอันตรายไมได
มีคุณสมบัติในการดับพิษรอนไดทุกชนิด เหล็กไหลของแทที่มีคุณสมบัตค
ิ รบถวนดังกลาวขางตน
สมัยกอนมีไมกี่กอน แมสมัยนี้ก็เหมือนกัน

ขอหาม
๑.หามผูค
 รอบครอง หรือเจาของเหล็กไหล ทดลองหรือขอชมบารมีดวย
ตนเอง
๒.ชักชวนคนอื่นมาชมบารมีหรือมาทดลอง ขอหามเหลานี้ถามีผูใดฝาฝน
จะพบกับความวิบัติมากนอยแลวแตกรณี ถาผูอื่นมาชมดวยความศรัทธา
ก็จะไดพบกับความพิสดารในอิทธิฤทธิปาฏิหาริยความศักดิ์สิทธิ์ทุกราย

ประเภทของเหล็กไหล
ธาตุศักดิ์สิทธิที่เราเรียกกันวา“เหล็กไหล”นี้พอจะแบงแยกไดเปนสองประเภทใหญๆดวยกัน

๑.ธรรมธาตุกําเนิดของเหล็กไหลประเภทนี้เกิดจากจิตของเทพพรหมในอดีตอันไกล โพนซึ่งเปน
“อรูปพรหม”ที่ปรารถนาจะมาชวยรักษาพระพุทธศาสนาจึงไดลงมา บําเพ็ญฌาณในมนุษยโลกไดเขามา
สัมผัสเขากับกลิ่นอันโอชะของงวนดินที่เปน ธาตุบริสุทธิ์มาแตเดิมแลวเกิดติดใจในความโอชาของงวน
ดินเขาเมื่อเสพแลว ก็เลยหาที่พักพิงอาศัยอยูตามเงื้อมเขาตามถํ้าอันสงบเปนอยูอยางนั้นตามสภาพ
ของจิตลานปบางแสนปบางหมื่นปบางรอยปบางหนึ่งปบาง

เมื่ออัธยาศรัยของจิตเริ่มเกาะรูปธรรมจึงไดเนรมิตรธาตุบริสุทธิอัน ประกอบดวยธาตุทั้ง ๔ อัน


ไดแกดินนํ้าลมไฟดวยการเนรมิตรเอาดวยกําลังแหง ฤทธิ์ขึ้นมาประกอบเปนเรือนกายฝงตัวอยูในกอน
ธาตุเหลานั้นอาศัยอยูในโลก มนุษยเปนเพศผูก็มีเพศเมียก็มีอยูโดดเดี่ยวก็มีเปนคูก็มีเปนกลุมก็มี
มีรังอาศัยอยูก็มีที่ไมมีรังอาศัยอยูก็มีโดยปกติแลวปหนึ่งๆประมาณเดือน ๕ ธาตุกายสิทธิ์เหลานี้
จะออกหาเสพงวนดิน
๙๑๔

แตในสมัยปจจุบันโลกมนุษยของเราผิวพื้นโลกไมมีความสะอาดเพียงพอจึงไมมีงวนดินอยูธาตุ
กายสิทธิ์เหลานี้จึงตองอาศัยเสพนํ้าผึ้งแทนเฉพาะในเวลากลางคืนโดยอาศัยปาเขาตางๆ ซึ่งบางคน
อาจจะเคยพบเห็นลักษณะการเคลื่อนที่ของธาตุกายสิทธิ์เหลานี้ จะปรากฏเปนดวงกลมใหญเล็ก
ลอยออกจากหนาผาหรือถํ้าออกไปจับรังผึ้งตามตนไมบางดวงก็ลอยหายไปในโพรงไม เพื่อกินนํ้าผึ้ง
โพรงบางดวงก็ลอยหายไปใตพื้นดินเพื่อกินนํ้าหวานของแมงขี้สูตร

ถาผูพบเห็นมีความสามารถพิเศษก็สามารถเชิญเขามาสนทนาไดเชนกันแตถา ตองการที่
จะครอบครองของสิ่งนี้ตองมีวาสนาบารมีสั่งสมรวมกันมาตั้งแตอดีต หรือมิเชนนั้น ก็ตองเปนผูมีศีลธรรม
จิตใจเปนบุญเปนกุศลถึงพรอมพรหมวิหารธรรมเจตนา เปนกุศลจิตก็อาจทําพิธีอัญเชิญทานใหปรากฏ
ตนออกมาเพื่อสงเคราะหชวยเหลือ ผูทรงคุณธรรมทั้งฝายฆราวาสและบรรพชิตที่ประสงคจะชวยกัน
สืบสานพระศาสนาขององคพระศรีศากยมุณีซึ่งสวนใหญจะเปนผูที่เคยเกี่ยวของกันมาแตอดีตชาติ
แลวไดจุติลงมาเปนมนุษย

เทพพรหมเหลานี้มุงการบําเพ็ญบารมีทําความเพียรจนเขาถึงอริยสัจจธรรม เพื่อที่จะไดนอมนํา
ชีวิตอุทิศตนเองถวายเปนพุทธบูชาเสริมสรางบารมีของตนจน เขาสูมรรคผลนิพพานในอนาคตกาล
ภายภาคเบื้องหนาและจรรโลงกอบกูอุปถัมภคํ้า ชูพระพุทธศาสนาที่เปนฝายสัมมาทิฐิที่ปฏิบัติถูกตอง
ตามความเปนจริงแหงธรรม ดังนั้นฤทธิ์อํานาจของเหล็กไหลชนิดนี้จะสูงกวาธาตุกายสิทธิ์ทุกประเภท
สามารถทําปฏิกิริยาตอเชื้อปะทุทุกชนิดและศาสตราวุธตางๆใหหมดอานุภาพได เมื่อเทพนั้นมีความ
ประสงคจะแสดงอิทธิฤทธิ์ใหดูหรือเพื่อคุมครองรักษาเจาของเหล็กไหลนั้น คือจะแสดงฤทธิ์ก็ตอเมื่อ
มีเหตุจําเปนเทานั้น

นอกจากนี้ยังลองหนหายตัวไดเมื่อตองการโดยการสลายรูปธาตุทั้งสี่ให เปนอรูปธาตุ
(วิญญาณธาตุ)แลวประกอบขึ้นใหมไดและเมื่อยังไมประกอบรูปธาตุ ก็จะยังไมกินนํ้าผึ้งตอ
เมื่อประกอบธาตุแลวจึงจะกินนํ้าผึ้งและตองเปน นํ้าผึ้งที่บริสุทธิ์อีกดวย

ลักษณะพรรณสัณฐานของเหล็กไหลประเภทนี้มีหลายรูปแบบเชนรูปไขกลมรีครึ่ง ซีกทรงกลม
หนําเลี๊ยบรักบี้เปนตน เพราะมองดูเผินจะมองไมออกเลยวาเปนเหล็กไหลเพราะเหมือนกอนหิน
กอนกรวดธรรมดาธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหลที่เปนธรรมธาตุ นี้แตละองคจะมีนามของตนเอง
โดยเฉพาะจะตองสอบถามนามของทานเอาเอง

ยุคสมัยปจจุบันมีผูตั้งคานิยมของธาตุกายสิทธิ์ไวสูงมากจนเกิดการทุมเทติดตามหาวัตถุธาตุ
กายสิทธิ์นี้อยางจริงจังจนหลายคนหมดเงินหมดทองไป เปนจํานวนมากแตมีนอยรายที่จะพบกับ
ความสําเร็จเพราะขาดความรูความเขาใจ ความเปนมาของธาตุวิเศษเหลานี้รวมทั้งขาดบุญวาสนา
อีกดวยพึงตระหนักอยู เสมอวาสิ่งใดมีคุณอนันตก็ยอมเกิดโทษอันมหันตได เชนกัน

๒. ธาตุสําเร็จเหล็กไหลชนิดนี้เปน “รูปธาตุ” มีแตเพียงจิตครองไมมีวิญญาณครองเกิดจากฤทธิ์อํานาจ


ของเทพระดับตํ่าลงมาในระดับ “ รูปพรหม ” โดยเมื่อครั้งในอดีตไดเคยบําเพ็ญตบะเปนฤาษีชีไพร
จนสําเร็จรูปฌาณแตดวย บุพกรรมและความปรารถนาบางอยางจึงไดลงมาสูโลกมนุษยในลักษณะ
เปนกอนธาตุ สําเร็จรูปทรงตางๆกันที่เปนเหมือนโลหะธาตุก็มีเหมือนแกวใสก็มีสถานทีอ
่ ยู
ของเหล็กไหลประเภทนี้มักจะอยูภายในถํ้าที่มีความสะอาดเย็นหรือชื้นแฉะธาตุ เหล็กไหลประเภทนี้
ไมสามารถลองลอยไปหานํ้าผึ้งกินเองไดจะตองอาศัยวัตถุ ธาตุที่เปนสื่อเปนสะพานนําไปโดยการ
ไหลไปตามพื้นดินผนังถํ้าหรือหนาผา

หากสถานที่นั้นไมมีผึ้งทํารังอยูนานวันเขาเหล็กไหลก็จะเคลื่อนยาย เปลี่ยนที่อยูใหมตอไป
เรื่อยๆบางครั้งก็จะมีการขับถายของเสียออกมาซึ่ง เรียกกันวา “ขี้เหล็กไหล” เมื่อถายมูลเสร็จ
จะกลับเขารังตอไป สําหรับเหล็กไหลประเภทนี้มีฤทธิ์อํานาจใกลเคียงกับธาตุกายสิทธิ์ประเภทแรก
เพราะเปนการประกอบธาตุใหถูกสวนของผูมีวิชาแกกลาทางโลกียฌาณคือฤาษีชีไพรคนธรรพวิทยาธร
เปนตนแตไมสามารถคุมครองตัวเองได เพราะถาเจอะผูมี วิชาอาคมที่แกกลาจะถูกทําลายหรือแยงชิง
๙๑๕

ไดงายเนื่องจากมีเพียงวิญญาณธาตุ คือพลังงานอยางเดียว ดังนั้นผูมีเหล็กไหลประเภทนี้อยูมัก


จะไมเปดเผยเพราะเกรงผูมีวิชา เรียกเอาไดลักษณะของเหล็กไหลประเภทนี้มักจะพบเห็นบอยครั้ง
มีชื่อเรียกหา แตกตางกันไปตามความคิดความเขาใจและคุณสมบัติที่พบเห็นบางครั้งตองทาพิธี
พลีกรรมตัดเอาแตสาหรับผูทรงฌาณระดับสูงแลวเพียงแตทาการอัญเชิญทานก็จะ เสด็จมาอยูดวย
โดยไมตองมีพิธีกรรมที่ยุงยากแตอยางใด

สีของเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์
เหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์ สามารถปรับเปลี่ยน
สถานภาพของตัวเองใหเขากับภูมิประเทศ
ตนเองอาศัยอยูได เพราะเหล็กไหลเกิดจาก
แรธาตุหลายชนิดรวมกันและมีเทพเทวา
รักษาอยู ซึง่ ผิดกับเหล็กธรรมดาที่นํามา
หลอหลอมทําเครื่องใชในงานอุตสาหกรรม
งานกอสราง เครื่องใชตางๆ และอาวุธ
ยุทโธปกรณตางๆ เหล็กไหลจึงมีหลายสี
หลายรูปทรง...อาทิ

ชนิดสีดํา คือ เหล็กไหลชนิดแรกดั้งเดิม เมื่อเกิดมีเหล็กไหลขึ้นมาในโลก มีฤทธิ์อํานาจ


ในทางโลกียมากที่สุด เพราะเทวดาเขามาครอบครองดูแลเปนพวกเทวดามิจฉาทิฐิ จะมีบุญ
บารมีในทางธรรมนอยกวาเหล็กไหลทุกๆ สี
ชนิดสีน้ําตาลแดง คือ ที่เทวดาจําพวกพญานาคเขาไปดูแลรักษา จึงมีฤทธิ์อํานาจมาก
ชอบใชฤทธิ์อํานาจในรูปของฌาณสมาบัติที่เรียกกันวา กสิณไฟ เพื่อปรับอุณหภูมิใหแกตนเอง
มีฤทธิ์อํานาจในการทําลายลางพวกอวิชชา และมนตดํากับพวกภูตผีปศาจได
ชนิดสีทองปลาไหล คือ สีน้ําตาลออน มีเทวดาพวกคนธรรพและพญาธรเปนผูดูแลรักษา
มีฤทธิอํานาจใกลเคียงกับพญานาค ที่พิเศษกวาคือ สามารถลื่นไหลไป – มาได กําบังกายได
สวนใหญจะพบในปาดงดิบ ซึ่งเปนที่อยูของพวกเหลาพญาธรและคนธรรพ มีฤทธิ์ไปในทาง
เมตตามหานิยม เรื่องของความรักและครอบครัว
ชนิดสีเมฆพัตร สีฟาอมดํา คือ เปนเงามัน มีเทวดาชั้นเทพที่มีหิริโอตตัปปะเปนผูดูแล
รักษา มีฤทธิ์อํานาจในทางคงกระพันชาตรี และมหาอุตมีมากในทองมหาสมุทร สามารถ
เคลื่อนไหวไปตามกระแสน้ําขึ้นลงได ถาพบในถ้ําหรือตามปาเขาก็มักจะอยูใ นที่มีน้ําไหล
ผานดวยเสมอ เพราะเหล็กไหลชนิดนี้ ชอบวิ่งเลนไปตามกระแสน้ํา หากมีเหตุผลเภทภัย
มาถึงก็สามารถลื่นไหลหลบหลีกอันตรายไดอยางคลองแคลววองไว เพราะชอบกินปรอท
ในน้ําเปนอาหาร
ชนิดสีฟาออนอมขาว คือ มีเทวดาชั้นเทพ พรหมเปนผูดูแลรักษา มีฤทธิ์อํานาจ
ในการปรับอุณหภูมิในถานที่อยูใหเปนไปตามตองการ สามารถเรียกละอองน้ําจากภายนอก
เขามาในบริเวณที่เหล็กไหลชนิดนี้อยู จึงมีฤทธิ์ชวยใหพรางกายไดเหมือนลองหนหายตัว
พบในปาดงดิบไมชอบความสวาง ความรอนจากเปลวไฟ และแสงอาทิตยกันฟาผาได
ชนิดสีเขียวปกแมลงทับ คือ มีพระอริยเทพพระอริยพรหมชั้นสูงเปนผูดูแลรักษา
ชอบอยูในที่ที่มีอากาศเย็นจัดพบมากในถ้ําลึกๆ และอยูสูงกวาพื้นดินมาก ผูที่จะเขาไปคนหา
จนพบมักจะเปนพระภิกษุสงฆผูทรงคุณ ซึ่งไมไดตั้งใจจะเขาไปคนหาเหล็กไหล แตเขาไป
เพื่ออาศัยหาความวิเวกสงบ เพื่อบําเพ็ญเพียรภาวนาและอาจไดพบเห็นโดยบังเอิญ.
ชนิดสีเขียวอมขาว คือ เหล็กไหลชนิดนี้มีบารมีธรรมอยูใ นตัวของมัน ชอบอยูในถ้ํา
ตามปาเขา หรือในทองทะเลลึกหรือในสถานที่ที่เคยเปนทะเลมากอนในอดีต
๙๑๖

ชนิดสีเงินยวงหรือขาวหมุน คิอ มีฤทธิ์ทางแคลวคลาดคงกระพันชาตรีลองหนหาย


ตัวได ดลจิตใจผูเปนเจาของใหตั้งมั่นอยูในศีลธรรม ใหสรางกุศลผลบุญ สะสมบารมี
ไปสูทางพนทุกข จะพบในที่มีอากาศเย็นหรือเย็นจัด ยิ่งมีหิมะปกคลุมอยางภูเขาหิมาลัย
ในอินเดียจะหาพบงาย เพราะชอบอยูในอากาศเชนนั้น
ชนิดสีขาวนวล คือ เหมือนพระจันทรในคืนวันเพ็ญ ซึ่งถือเปนยอดของเหล็กไหล
มักจะอยูบนภูเขาสูง อยูไ ดทั้งที่อากาศรอนและหนาว สวนใหญผูรูมักจะนําเหล็กไหลชนิดนี้
ไปไวในที่เปนปูชนียสถานทางพุทธศาสนา เชน เก็บไวบนยอดของเจดียหรือพระสถูปเจดีย
เพื่อปองกันฟาผาภัยภิบัตินานัปการ อันจะเกิดขึ้นกับคนหมูมากหรือสาธารณะสถานตางๆ
ทางศาสนา

เปนอีกเรื่องหนึ่งที่นาสนใจ เพราะสีของเหล็กไหลจะบอกถึงบุญบารมีของกายทิพย
ผูรักษาเหล็กไหล ซึ่งเปนผูมีบารมีจากภพภูมิที่แตกตางกันไป ซึ่งอาจจะเปนพรหม ฤาษี เทวดา
คนธรรพ เพชร พญาธร ยักษ ที่เขาไปจับจองเปนเจาของ ทําใหเกิดอิทธิฤทธิ์ในขั้นลองหนหายตัว
ยืดหดเองได สีสันตางๆ ที่พบเห็นบอยนั้น ไดแก

สีเขียวปกปแมลงทับ ( เขียวมรกต ) คือ ดีเดนในทุกๆ ทางไมวาจะเปนทางเมตตา


มหานิยม โชคลาภ แคลวคลาด กันภัย ลองหนหายตัว มหาอุด คงกะพัน ยืดไดหดได
เลนกับไฟ กินน้ําผึ้ง
สีเขียวตองออน คือ มีฤทธิ์อํานาจในทางทําลายลางพวกมนตดํา อวิชชา ปองกันภูตผี
ปศาจได
สีน้ําตาลออน ( ทองปลาไหล ) คือ ดีทางดานเมตตามหานิยม โชคลาภ
สีเปลือกมังคุด ( สีน้ําตาลไหม ) คือ ดีทางดานเมตตามหานิยม โชคลาภ
แคลวคลาดกันภัย
สีเงินยวง ( สีขาวเงินในเบาหลอม ) คือ ดีทางดานเมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี
แคลวคลาดและลองหนหายตัวได
สีทองลูกบวม ดีเดนทางดานเมตตามหานิยม โชคลาภและความรักเดนเปนพิเศษ
สีนิลดําสนิทแวววาว คิอ มีฤทธิ์อํานาจทางการคุมครองแคลวคลาด กันภัย เปนมหาอุต
คงกระพัน
สีลูกหวา ( มวงเขม ) คือ ดีทางดานเมตตามหานิยม โชคลาภ
สีเขียวอมดํา คือ เดนทางดานอิทธิฤทธิ์ เนรมิตภาพมายา สงเสริมผูใฝในการปฏิบัติธรรม
ในรูปแบบการชี้แนะผานทางนิมิตสมาธิหรือความฝน
สีชมพู คือ ดีทางดานเมตตามหานิยม โชคลาภ กันภัย
สีฟาออน คือ มีฤทธิ์อํานาจในการขจัดปดเปาโรคภัยไขเจ็บดับพิษรอน ปองกันภูตผีปศาจ
สีสันของเหล็กไหล

ดังที่ไดเคยกลาวไวในตอนตนแลววาสีสันของเหล็กไหลนั้นจะบงบอกถึงบุญ บารมีของกายทิพยเดิม
หรือผูรักษาเหล็กไหลซึ่งเปนผูที่มีบารมีจากภพภูมิ ที่แตกตางกันไปซึ่งอาจจะเปนพรหมฤาษีเทวดา
คนธรรพเพชรพญาธรยักษที่เขาไป จับจองเปนเจาของทําใหเกิดอิทธิฤทธิ์ในขั้นลองหนหายตัว
ยืดหดเองไดสีสัน ดังนั้นสีสันของเหล็กไหลอาจแปรเปลี่ยนไดตามกาลเวลาเพราะเหล็กไหล
เมื่อไดกระจัดกระจายไปอยูในสวนตางๆของโลกซึ่งมักจะเปนสถานที่สงบอากาศเย็น ชุมชื้นทั้งใต
พื้นนํ้าตามถํ้าปาเขาลําเนาไพรเพื่อแสวงหาอริยะสัจจธรรมมา นานนับโกฏฐปก็มีการเปลี่ยนแปลงทาง
ธรรมชาติยอมมีผลกระทบตออาณาจักรของ เหล็กไหลจึงจําเปนตองมีการเคลื่อนยายที่อยูอาศัยเสาะ
แสวงหาสถานที่หรือ สรางอาณาจักรขึ้นมาใหมฉะนั้นสีสันของเหล็กไหลอาจเปลี่ยนแปลงไดดวยเหตุ
ดังกลาวคือ
๙๑๗

สีสันขึ้นอยูกบ
ั สภาพสิ่งแวดลอมภูมิประเทศดินฟาอากาศเชนแรธาตใน บริเวณนั้นอากาศหนาว
จัดอากาศรอนจัดทําใหเกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและ สีสันที่แตกตางกันออกไปเพื่อการ
อําพรางตัวปรับตัวตามอุณหภูมิ สีสันเปลี่ยนแปลงไปตามจริตของเทพเทวาในระดับตางๆอาจจะ
เนื่องดวยอํานาจ ลี้ลับของวิญญาณแหงธรรมชาติบันดาลใหเปนไปในสีตางๆหรือผูที่ครอบครอง
เหล็กไหลหมั่นฝกฝนปฏิบัติ เจริญสมาธิภาวนาอยูเนืองนิตยแลวแผเมตตาบุญบารมีของการปฏิบัตินั้น
ใหกับเหล็กไหลจะทําให บารมีของธาตุกายสิทธิ์นั้น เพิ่มมากขึน้ ตามลําดับสีสันตางๆก็สามารถที่จะ
เปลี่ยนแปลงไดเหมือนกันสีสันเกิดจากสวนผสมของสีหลักๆ ผสมกันซึ่งเปนความลึกลับอยางหนึ่ง
ของธรรมชาติเหล็กไหล

สีสันและคุณประโยชน ดังไดกลาวมาแลววาสีสันของเหล็กไหลนั้นจะบงบอกถึงบุญบารมีของ
กายทิพยเดิมหรือผูรักษาเหล็กไหลบุญฤทธิ์ของเทพพรหมฤาษีหรือคนธรรพบังบดครุฑ นาคยักษ
หรือผูที่เกี่ยวของกับเหล็กไหลผูเปนสัมมาปฏิบัตจ
ิ นมีฤทธิ์อํานาจ จากการปฏิบัตินั้นยอมสามารถ
เปลงสีแสงตางๆ เขาไปในวัตถุธาตุที่ตนตองการ ทั้งนี้ยอมเปนไปตามลําดับชั้นของภูมิจิตภูมิธรรม
ที่ไดฝกฝนมา

๑.สีเงินยวงเหล็กไหล

ชนิดนี้มีอริยเทพอริยพรหมในระดับอรูปฌาณรักษาอยู เปนเหล็กไหลที่มีบารมีธรรมในชั้นสูง
พบมากในแถบที่มีอากาศเย็นจัดพวกลามะ ทิเบตมักใชพกติดตัวจึงพบมาก ในเขตเทือกเขาสูงที่มีหิมะ
ปกคลุมเชนประเทศ ทิเบตจีนแถบภาคเหนือของไทยลาว ดีเดนทางเมตตามหานิยมคงกระพันชาตรี
แคลวคลาดและลองหนหายตัวไดชอบชวย เหลือผูปฏิบัติธรรมหรือดลใจใหผูครอบครองมีจิตใจฝกใฝ
อยูในการสรางบุญ สรางกุศล เหล็กไหลชนิดนี้จัดไดวาเปนเหล็กไหลที่มีบารมีธรรมสูงสุดในบรรดา
ผู ครอบครองเหล็กไหลทุกชนิดสมัยโบราณมักจะนําไปจัดสรางพระพุทธรูป หรือเครื่องรางของขลัง
ในสมัยโบราณดังนั้นเหล็กไหลชนิดนี้จึงมักจะอยูในความครอบครองของ นักบวชตางๆเชนฤาษีชีไพร
ภิกษุสงฆผูทองเที่ยวหาความวิเวกตามปาเขา

๒.สีเขียวปกแมลงทับเหล็กไหล

ชนิดนี้มีอริยเทพอริยพรหมในระดับรูปฌาณเปน ผูดูแลรักษาเพื่อมอบใหกับผูที่มีบุญบารมี
และผูที่กําลังประพฤติปฏิบัติ อยูในบุญกุศลเพื่อแสวงหาความหลุดพนนั้นสวนใหญจะมีบริวารเปน
จํานวนมากคอย อารักขาหลายชั้น ผูพบเห็นสวนใหญจะเปนผูประพฤติธรรมที่บังเอิญผานเขาไป
พบเขาโดย บังเอิญหรือเกิดจากการลองใจของเทพผูรักษาเหล็กไหลก็แลวแตบุคคลธรรมดาทั่วไป
อยาหมายวาจะครอบครองเปนเจาของไดโดยงาย ดีเดนในทุกๆ ทางไมวาเปนเมตตามหานิยม
โชคลาภแคลวคลาดกันภัยลองหนหายตัวมหาอุดคงกระพันยืดไดหดไดเลนกับไฟกินนํ้าผึ้ง

๓.สีทองหรือสีนํ้าตาลออนเหล็กไหล

ชนิดนี้จะมีเทวดาจําพวกคนธรรพและเหลาเพชรพญาธรเปนผูดูแลรักษามีฤทธิ์อํานาจใกลเคียง
กับเหลาพญานาคแตมีฤทธือํานาจพิเศษกวา คือ สามารถที่จะลื่นไหลไปมาไดสามารถที่จะกําบังกายได
มีอยูตามปาเขาทั่วไป ดีเดนทางดานเมตตามหานิยมโชคลาภ และความรักเดนเปนพิเศษ

๔.สีเขียวอมดําเหล็กไหล

ชนิดนี้มีอริยะเทพอริยะพรหมในระดับรูปพรหมเปน อริยะธรรมในระดับสูงที่มุงบําเพ็ญบารมี
รักษาพระพุทธศาสนาจะอยูเฝารักษาพระ บรมสารีริกธาตุหรืออรหันตธาตุที่สําคัญไวจึงมักจะปรากฏ
เปนลูกไฟดวงใหญ เปนสีแสงคุมครองรักษาธาตุศักดิ์สิทธิ์ไมใหผูคนเขาไปรบกวน เดนทางดาน
อิทธิ์ฤทธิ์เนรมิตภาพมายาสงเสริมผูใฝในการปฏิบัติธรรม ในรูปแบบการชี้แนะผานทางนิมิตรสมาธิ
หรือความฝนจัดเปนเหล็กไหลที่หาไดยาก มากชนิดหนึ่ง
๙๑๘

๕.สีชมพูเหล็กไหล

ชนิดนี้มีอริยเทพอริยพรหมในระดับรูปฌาณรักษาอยูเปนเหล็กไหล ที่มีบารมีธรรมในระดับสูง
รองลงมาจากอรูปฌาณพบมากในเขตปาเขาที่มีความชุมชื้น มักอยูตามถํ้าภูผาที่ลึกลับพบเห็นไดยาก
นอกจากผูมีบารมีธรรมเขาถึง สัจจธรรมเทานั้น ดีเดนทางดานเมตตามหานิยมโชคลาภแคลวคลาด
กันภัยชวยเหลือผูเปนสัมมาทิฏฐิใหสําเร็จในสิ่งที่อธิษฐานไวโดยไมขัดกับกฏแหงกรรม

๖.สีเหลืองเหล็กไหล

ชนิดนี้เกิดจากอํานาจบารมีของภูมิจิตภูมิธรรมของเหลาอริยเทพอริยพรหมในระดับรูปฌาณ
ที่ปรารถนาพุทธภูมิในระดับพระปจเจกพุทธเจาสีสันเหมือนกับแสงนวลของพระจันทรในคืนวันเพ็ญ
มักแฝงเรนในที่สงบดวยปาเขาลําเนาไพร ถํ้าคูหาที่สงบเยือกเย็นบนภูเขาสูงๆ เรียกลมเรียกฝนได
มีอิทธิ์ฤทธิ์ทําให เกิดปาฏิหาริยไดมากมาย เชน ดวงรัศมีกลมใหญสองสวางทั่วภูเขาจะพบเห็นได
ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เทานั้น เหล็กไหลประเภทนี้สามารถอธิษฐานขออาราธนาบารมีจากพระพุทธเจา
พระปจเจกพุทธเจาและพระอรหันตไดแตจะไมมีเทพเขาไปสิงสถิตยอยูแตเทพพรหมในระดับตางๆ
จะเขาไปอธิษฐานของบารมีและเฝารักษาอยูภายนอกเทานั้นไมมีใครจะบังคับ หรืออัญเชิญทาน
ดวยอิทธิ์ฤทธิ์หรือวิชาคาถาอาคมใดๆ เวนแตขอชมบารมีขอคําแนะ นําในการปฏิบัติธรรม
ใหยิ่งๆขึ้นไปโดยมาปรากฏในลักษณะนิมิตรตางๆในขณะนั่ง สมาธิ

๗.สีฟาออนเหล็กไหล

ชนิดนี้เกิดจากอํานาจบารมีของอริยะเทพในระดับมหาเทพ ชั้นสูงผูครอบครองเหล็กไหลชนิดนี้
จะเปนผูมีบารมีเดิมที่เคยเกี่ยวของกัน มากอนเพื่อชวยสงเสริมดานบารมีธรรมทั้งนักบวชและฆราวาส
ใหเปนผูสอนธรรม ในระดับปานกลางจนถึงระดับสูงขึ้นไป มีฤทธิ์อํานาจในการขจัดปดเปาโรคภัยไขเจ็บ
ดับพิษรอนปองกันภูติผีปศาจ แตมีขอบเขตและรัศมีที่จํากัดสามารถลองหนหายตัวไดกันฟาผามีความ
เย็นจน สามารถกําจัดไฟไดในรัศมีของมัน

๘.สีนํ้าตาลอมแดงเหล็กไหล

ชนิดนี้มีพวกนาคนาคาผูบําเพ็ญศีลเฝารักษาอยู จึงมีฤทธิ์อํานาจในทางความรอนแรง
ดวยพิษแหงนาคทั้งหลายจึงทําใหเหล็กไหล ประเภทนี้มีสีออกทางนํ้าตาลเขมและนํ้าตาลอมแดง
มีฤทธิ์อํานาจในทําลายลางพวกมนตดําอวิชชาปองกันภูติผีปศาจได

๙.สีดําเหมือนนิลเหล็กไหล

ชนิดนี้เกิดจากอํานาจบารมีของเหลาเทพคนธรรพบังบดเพชรพญาธรยักษผูปรารถนาจะสราง
บารมีใหยิ่งๆขึ้นไปแตยังติดอยูในระดับโลกียฌาณคือยังมีความโลภโกรธหลงติดอยูจึงทําใหมีบารมี
ทางธรรมนอยกวาเหล็ก ไหลชนิดอื่นๆ มีฤทธิ์อํานาจทางการคุมครองแคลวคลาดกันภัยเปนมหาอุต
คงกระพัน

๑๐.เจ็ดสีประกายรุงเหล็กไหล

ชนิดนี้เกิดจากอํานาจบารมีของอริยะเทพอริยะพรหมผูรักษาเหล็กไหลที่ปฏิบัติจนสภาวะจิต
เปนสีประกายรุงรัศมีสวยสดงดงาม เปนธาตุที่หาไดยากที่สุดและมีอํานาจครอบจักรวาลประหนึ่ง
แกวสารพัดนึกแต สิ่งที่จะอธิษฐานนั้นจะสําเร็จไดโดยไมเกินอํานาจของกฏแหงกรรมตามวาสนา
เทานั้น
๙๑๙

ลักษณะรูปพรรณสัณฐานของเหล็กไหล
เกจิอาจารยผูรูไดสัมผัสและแบงรูปลักษณะของเหล็กไหลไวหลายรูปแบบดวยกัน คือ

๑. รูปกลมแบนๆ
๒. รูปกลมรีคลายไม
๓. รูปลูกฟกเขียว
๔. รูปกลมแบบลูกฟุตบอล
๕. รูปกลมเหมือนดอกบัวหลวงตูม
๖. รูปกลมงาชาง
๗. รูปกลมแบบลูกรักบี้
๘. รูปคลายหยดน้ํา
๙. รูปกลมเรียวคลายแคปซูล
๑๐. รูปคลายจาวตาล

การคนหาเหล็กไหลในถ้ําไมใชของงาย เนื่องจากไมมีเครื่องมือจะตรวจคน โดยวิธีทาง


วิทยาศาสตรได แตเทาที่เลาสืบทอดตอกันมา ถ้ําซึ่งเปนที่อยูอาศัยของเหล็กไหลจะตองเปนถ้ํา
ที่สะอาด ไมมีขี้หนู ขี้นก ขี้คางคาว หรือสัตวใดอาศัยอยู และตองมีอากาศเย็นชุมชื้นเงียบสงบ
หากมีลักษณะองครวมเชนที่วานี้ ก็เชื่อไดวาอาจจะพบเหล็กไหลในถ้ําเหลานั้น

เหล็กไหลมีทั้งตัวผูและตัวเมีย สามารถเคลื่อนไหวกินน้ําผึ้งเปนอาหาร มีการขับถายออกมาได


ซึ่งเรียกกันวา “ ขึ้เหล็กไหล ” นอกจากนี้ยังสามารถเสพกามได แตเปนการเสพกามกันทางจิตอยาง
เดียวเทานั้น

บางคนเชื่อวาเหล็กไหล คือ “ เทพ ” ที่มาชดใชวิบากกรรมในโลกมนุษย ดังนั้นจึงทําใหมี


พวกยักษ คนธรรพ ครุฑ นาค คอยใหมีความอารักขาอีกทีหนึ่ง เหล็กไหลจึงมีถิ่นกําเนิดและบารมี
ที่แตกตางกันไปตามเผาพันธุ

เผาพันธุของเหล็กไหล

เหล็กไหลเปนโลหะธาตุที่มีความลี้ลับพิสดารแปลกประหลาดมหัศจรรยแตกตางไปจากโลหะธาตุ
ทั้งปวงจึงไดถูกจัดอยูในฐานะ “ธาตุกายสิทธิ์” ที่มีชีวิตจิตวิญญาณซึ่งเปนไปตามวิบากของกฏ
แหงกรรมที่บันดาลใหวิญญาณใน สังสารวัฏมาปฏิสนธิในสภาวะที่เปนโลหะธาตุที่ศักดิ์สิทธิ์
มีอิทธิฤทธิ์เหนือ ธรรมชาติทั่วไป

ดังนั้น “เหล็กไหล” จึงถือเสมือนหนึ่งเปน “สัตวโลกที่มีชีวิต” เผาพันธุหนึ่งในโลกเพราะเหล็กไหล


มีทั้งตัวผูและตัวเมียสามารถเคลื่อนไหว ไดเสพบริโภคนํ้าผึ้งเปนอาหารมีการขับถายออกมาได
ซึ่งเรียกกันวา“ขี้เหล็กไหล”นอกจากนี้ยังสามารถเสพกามไดแตเปนการเสพกามกันทางกระแสจิต
วิญญาณ เพราะเพียงแตมีความรูสึกใครในกามารมณก็สามารถบรรลุจุดสุดยอดไดในทันที โดยไมตอง
มีการถูกตองสัมผัสกันและชอบพักผอนหลับนอนในสถานที่สงบตามถํ้า

เหล็กไหลจึงจัดเปนสัตวที่ประเสริฐเผาพันธหนึ่งของโลกจัดอยูในจําพวก เทพแตเปนเทพที่มาชดใช
วิบากกรรมในโลกมนุษยดังนั้นจึงทําใหมีพวกยักษคน ธรรพครุฑนาคคอยใหความอารักขาอีกทีหนึ่ง
เหล็กไหลจึงมีถิ่นกําเนิดและบารมี ที่แตกตางกันไปตามเผาพันธและวรรณะซึ่งเปนลักษณะเฉพาะ
และสมมุติเรียกหา เพื่อใหเห็นความแตกตางชัดเจนขึ้นเทานั้น
๙๒๐

คุณสมบัติอานุภาพของเหล็กไหล
ชนิดของเหล็กไหลก็เปนอีกเรื่องหนึ่งที่นาสนใจ เพราะมีชื่อเรียกแตกตางกันออกไป
ตามฐานกําเนิดหรือลักษณะ

เหล็กไหลโกฎฐป เปนเหล็กไหล
ที่หาไดยากมากสีปกแมลงทับจะออกเขียว
เขมหรือฟาสดใสหรือเปลี่ยนเปนสีทอง
ปลาไหลเปนเงามันวาวเนียนละเอียด
เพราะถาเคยเห็นปกแมลงทับคงจะสังเกตุ
เห็นสีสันดังกลาวที่ประกอบไปดวยสีสอง
สีสวยงามชอบอยูในถํ้าที่ลี้ลับลึกลับและ
สงบวิเวกเพื่อบําเพ็ญฌาณเหมือนฤาษี
ที่มีอายุยืนหมื่นๆป มีความเย็นเหมือน
นํ้าในฤดูหนาวกลาวกันวาเปนเหล็กไหล
ที่เกิดจากมหาฤาษี

ในยุคตนๆเปนผูสรางไวมีอํานาจทําลายอาถรรพณเวทยทุกชนิด ใหสูญสิ้นเปนสุญญตาใครฝง
ติดตัวไวรับรองไมมีตายโหงซํ้ายังเรียกเงิน เรียกทองใหไหลมาเนืองนองเปนเศรษฐีมหาเศรษฐีมีเสนห
เมตตามหานิยมเขาไปใน สถานที่ใดมีแตคนชอบรักใครนอกจากนี้ยังปองกันคุณไสยที่เขาทํามาใหตี
กลับไป หาผูทําถึงชักดิ้นชักงอตายเอางายๆชอบดูดกินนํ้าผึ้งและเลนกับไฟลองหนหาย ตัวไดใครได
ครอบครองจะมีอายุไมตํ่ากวารอยปถาบําเพ็ญฌาณเชนฤาษีมุณีที่ ชอบบําเพ็ญธรรมอยูในปาจะทําให
อายุยืนถึงหมื่นปโกฏฐป

เหล็กไหลไพร เปนเหล็กไหลที่พอหาได
โดยไมยากลําบากสีดําสนิทหรือเทาดําเนื้อ
คอนขางหยาบ ไมมันวาวยืดไดหดไดชอบเลน
กับไฟแตถาทําหลุดมือตกลงสูพื้นดินจะหายวับ
ไปทันทีคลายกับปรอทสําเร็จที่ถูกพวกยักษหรือ
คนธรรพผูรักษาชวงชิงกลับไป ดีเดนทางเมตตา
โชคลาภแคลวคลาดกันภัยเกิดจากเทพในระดับตํ่า
ลงมาใชกรรมมี ทั้งที่แมเหล็กดูดติด และแมเหล็ก
ดูดไมติดขึ้นอยูกับถิ่นกําเนิดและแรธาตุในบริเวณ
ดังกลาวถามี ธาตุเหล็กมากก็จะติดแมเหล็ก
๙๒๑

เหล็กไหลเงินยวง เปนเหล็กไหล
ที่หาไดคอนขางยากสีขาวขุนเปนมันเลื่อมสี
เหมือนเงินยวงพบ ไดตามถํ้าที่มีอากาศ
คอนขางหนาวเย็นมีคุณธรรมทางดานเมตตา
มหานิยมคงกระพัน ชาตรีแคลวคลาดและ
ลองหนหายตัวไดชอบชวยเหลือผูปฏิบัติธรรม
หรือดลจิตดลใจ ของผูครอบครองเหล็กไหลนี้
ตั้งมั่นอยูในการสรางบุญกุศลเกิดจากเทพใน
ระดับ “อรูปฌาณ” ที่มีบารมีธรรมสูงเปนผู
ครอบครองเหล็กไหลประเภทนี้มักจะอยูใน
ครอบครองของพวกนักบวชตางๆ

โคตร เหล็กไหล (เหล็กไหลงอก


หรือเหล็กทรหด) เปนเหล็กไหลที่มีปรากฏอยู
คอนขางมากสีดําสนิทเปนมันเลื่อมเมื่อกระทบ
แสงสวางผิวคอนขางละเอียดแมเหล็กดูด
ไมติดพบเห็นไดตามถํ้าที่ลึกลับเกิดจากเทพ
ที่มาใชวิบากกรรมในโลกนี้จึงมีพวกเทพที่เปน
ยักษหรือคนธรรพคอยใหความอารักขาไมยืด
หรือหดไดอีกแมเหล็กดูดไมติดแตชอบกิน
นํ้าผึ้งสามารถงอกโต ขึ้นเองบางทีหาก
เจาของบูชาใหดีจะเปลี่ยนเปนสีดําอมเขียว ไป
จนถึงเปนสี รุง๗สีดีทั้งเมตตาโชคลาภแคลว
คลาดกันภัยมหาอุดคงกระพันถอนพิษสัตว
เขี้ยวงา ตางๆงอกขึ้นอยูตามพื้นถํ้าและผนังถํ้า
ที่มีความชื้นและเย็นพอสมควรสามารถ นํามา
แกะหรือเจียรนัยเปนเครื่องรางหรือรูปวัตถุ
มงคลตามตองการ เหล็กไหลยอย เปนเหล็กไหล
ที่ปรากฏอยูคอนขางมากสีออกดําหรือเทาดําดาน
ไมมีแววเปราะและกรอบเหมือนเหล็กผุเปน
เหล็กไหลที่ตายซากแลวไหลยอยอยูในซอกถํ้า
ที่ลี้ลับลักษณะแข็งกรอบยาวเปนศอกเปนคืบ
เปนวาไมยืดหรือหดไดอีกไมกินนํ้าผึ้งแมเหล็ก
ไมดูดเกิดจากไดมีการเคลื่อนยายแหลงหานํ้าผึ้ง
ไปในสถานที่ใหมซึ่ง อยูหางไกลออกไปมากธาตุ
ขันธเดิมจึงถูกทิ้งไวเหมือนไมมีชีวิตจิตวิญญาณ
คือเหลือแตซากนั่นเองบาง ทีมีอสูรกายชอบถือ
โอกาสเขาแอบแฝงอาศัยอยูเกจิ อาจารยที่มี
กฤตยาคมสูงสําเร็จอัปปนาสมาธิพลังจิตแกกลา
มักจะนํามาปลุกเสกให เกิดอานุภาพเมตตา
มหานิยมแคลวคลาดคงกระพันจนถึงมหาอุดเลย
ทีเดียวแตถานํามา หลอมละลายดวยไฟอาคม
จะกลายเปนของเหลวสีดํามันวาว เหมือนนิล
หลอหลอมเปนพระพุทธรูปเครื่องรางตางๆไดดี
มีอานุภาพทางโชคลาภแคลวคลาดคงกระพันชาตรี
ทําลาย อาถรรพณทุกชนิดหากบูชาใหดี
จะเปลี่ยนเปนสีตางๆไดหลายสีตามบารมี
ของผูบูชา
๙๒๒

เหล็กไหลเพลิง เปนเหล็กไหล
ที่พอหาไดไมยากพบอยูใ นถํ้าตางๆ
หลายแหงฝงตัวเองอยูตาม เพดานและผนังถํ้า
ที่มีลักษณะเหมือนผงฝุนละเอียดออกสีแดง
หรือนํ้าตาลองค ขนาดเมล็ดถั่วเขียวหรือใหญ
กวาหากลองอธิษฐานจิตจับดูจะรูสึกวารอน
เหมือน ไฟเชื่อวาสามารถแสดงภาพมายา
หลอกหลอนทําใหศัตรูตกใจกลัวได

เหล็กไหลตานํ้า เปนเหล็กไหลที่หาไดยาก
มีพรรณสัณฐานสีเขียวปนดําเปนมันดานลักษณะ
ทรงกลม หรือรูปหยดนํ้าขนาดเล็กกวาถั่วเขียว
เล็กนอยชอบเกาะอยูตามตานํ้าใน
ซอกหิน ภายในถํ้าที่ลึกลับอาถรรพการคนหา
นอกจากวิชาอาคมแลวยังตองสังเกตุตามตา
นํ้าที่ไหลผานบริเวณหินผาที่มีตะไครนํ้าเกาะ
อยูมากๆตองคอยๆเอามือแหวก หาดูจึงจะพบ

เหล็กไหลเศรษฐี เปนเหล็กไหล
ที่หาไดยากมากอาศัยอยูภายในถํ้าใตนํ้ามี
ลักษณะเปนผงเกล็ดสี ดําเงามันระยิบระยับ
เหมือนกับเพชรตองแสงไฟไหลออกมาตาม
ธารนํ้าในฤดูนํ้าหลาก เชื่อกันวาเปนของชาว
บาดาลบันดาลโชคลาภใหแกผูบูชา
๙๒๓

เหล็กเปยก เปนเหล็กไหลที่หาไดยากมาก
พรรณสัณฐานสีขาวขุนเหมือนตะกั่วนับ
เปนโลหะธาตุที่มีเนื้อเปยก ชุมชื้นอยู
ตลอดเวลาคลายๆกับนํ้าคางจับเกาะเขาไป
อยูในสถานที่ใดก็จะเกิดบรรยากาศเย็นสบาย
ถาอยูใกลลูกปนอาจทําใหกระสุนดาน
เพราะการแผรังสีความเย็นของเหล็กเปยก
สมัยโบราณนิยมใชเหล็กเปยกประดับไว
ที่ยอดพระเจดียปองกันฟาผามีอานุภาพ
ทางหนังเหนียวคงกระพันอาวุธทุกชนิด

ขี้เหล็กไหล มักจะปรากฏอยูในถํ้า
หรือบริเวณที่มีเหล็กไหลเหมือนกับมูล
หรือการขับถายของ เสียจากเหล็กไหล
ลักษณะเปนกอนกลมๆ สีออกดําบางนํ้าตาลบาง
ไมสามารถยืดไดหด ไดแมเหล็กดูดไมติดหาก
ครูบาอาจารยผูทรงฌาณทําพิธีกรรมใหถูกตอง
เฉกเชน วัตถุมงคลที่ถูกปลุกเสกก็จะมีอานุภาพ
ตามที่ประสงค

เหล็กไหลนาคราช หรือเหล็กไหล
บาดาล มักปรากฏอยูในลําแมนํ้าใหญ
ที่มีภูเขาสลับซับซอนเชนแมนํ้าโขงแมนํ้า
แยงซีเกียงแมนํ้าคงคาเปนตนเพราะตนนํ้า
เหลานี้มาจากภูเขาสูงที่ศักดิ์สิทธิ์ลักษณะ
คลายกอนหินมันเงาเปนเลื่อมสีดําเหมือน
นิลแมเหล็กดูด ติดเชื่อวาปองกันพิษสัตว
เขี้ยวงาแคลวคลาดคงกระพัน
๙๒๔

เหล็กไหลสีเงินเหล็ก เปนเหล็กไหล
ที่หาไดยาก ผิวเปนมันเลื่อม สีออกสีเงินเหล็ก
พบไดตามถ้ําที่มีอากาศคอนขางหนาเย็น
ลักษณะการไหลตัวเหมือนเหล็กไหลยอย
จะยอยมาหลายสี เชน สีเงิน สีฟา สีดาํ สีน้ําตาล
แดง สีทอง สีปกแมลงทับ ในถ้ํานึงจะมีหลายสี
ดวยกันอยูที่วาจะไดมาสีอะไรเทานั้น มีคุณธรรม
ทางดานเมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี
แคลวคลาด โชคภาพการเงินมีชีวิตในตัวเอง
ชอบน้ําผึ้ง และดลจิตดลใจของผูครอบครองเหล็ก
ไหลนี้ตั้งมั่นอยูในการสรางบุญกุศล

เกิดจากเทพในระดับ “อรูปฌาณ” ที่มีบารมีธรรมสูงเปนผูครอบครองเหล็กไหลประเภทนี้ มักจะอยูใน


ครอบครองของผูที่เคยรวมบุญกันมากอนนี่ คืออีกหนึ่งชนิดที่สีออกสีเงินเหล็กที่ดูสีเงินไมออกสีเงินยวง
เพราะอาจเปนวาผิวธรรมชาติที่ไหลออกมาทําใหดูสีไมออกเงินยวงเทาที่ควร แตพอโดนแสงแดดสีจะ
ออกเงินยวง เหล็กไหลชนิดนี้ถือไดวายอดเยี่ยมมากๆ พูดไดอยางเต็มปากได เมื่อผูที่สมารถสัมผัสได
ลองใสจะรูไดทันทีวาเหมือนมีพลังจิตวิญญาณ มาครอบคุมปกปกรักษาตัวเราอยางใกลชิด ถือไดวา
เปนเหล็กไหลชั้นยอดเลยก็วาได

ผลการทดสอบการใสติดตัว
๑.ผูใสบารมีไมเพียงพออยาเอาไปใสรวมกับเหล็กไหลชนิดอื่น
๒.เด็กอายุต่ํากวา ๑๐ ปไมควรเอาเหล็กไหลชนิดนี้ไปใส (หามเด็กต่ํากวา ๑๐ ปใส)
๓.ถาจะใสชนิดนี้ตองใสชนิดนี้เทานั้น
๔.ใคร เอาเหล็กไหลชนิดนี้ไป ตองจุดธูป ๕ ดอก บอกกลาวผูดูแล ใหเราเปนผูเก็บรักษา
เพื่อใหเกิดเปนศิริมงคลแกตัวเอง และครอบครัว.......แลวแตจะนึกขอ

การบูชาที่ทําใหเกิดเปนสิริมงคลแกผูครอบครอง
หนึ่งสัปดาห ควรบูชา ผลไม น้ํา น้ําผึ้ง ดอกไม หรือขนมที่เราชอบกิน จุดธูป ๕ ดอก หมากพูล
กอน ๑๑ โมงเชา และก็ขอพรใหกับตัวเองและครอบครัว ปลอยเครื่องเซนทิ้งไวประมาณ ๓-๔ ชม.
ก็ลาแลวก็นําเหล็กไหลนั้นขึ้นหอยคอตามเดิม ถาจะรักษาโรคก็อธิฐาณใหผลไมที่นํามาถวายนี้
เปนผลไมทิพทเพื่อที่จะนําไป รักษาโรค......อะไรก็วาไปตามใจนึก

การถวายบุญรวมกัน

เมื่อผูครอบครองไปทําบุญ หรือใหทาน ทุกครั้ง ควรกลาวคําถวายบุญกุศลที่ขาพเจาไดทําในครั้งนี้


จงถึงแดองคเหล็กไหล และผูดูแลกธาตุเหล็กไหลนี้ จงไดรับผลบุญไปพรอมกับขาพเจาดวยเทอญ
นี่คือหนึ่งวิธีการสรางบุญรวมกัน เกิดแตชาติไหนก็จะไดชวยเหลือกันและกันตลอดไปทุกภพทุกชาติ
ตลอดกาล.
๙๒๕

เหล็กไหลสีน้ําตาลอมแดง ทั้งเนื้อในและนอก
เหล็กไหล สีน้ําตาลอมแดง ชนิดนี้ เนื้อภายใน
และภายนอกจะสีเดียวกันหมดจากที่มีการใหครูบาอาจารย
ตรวจสอบ หลายทานบอกวาเปนเหล็กไหลชั้นยอด
และดีกวาเหล็กไหล ๗ สีเสียอีกดวย ชอบน้ําผึ้ง มีชีวิต
ในตัวเอง ถือไดวาหายากมากๆ การคนพบ พบในถ้ําเกาะ
ตัวกันเปนรัง สวนมากจะเม็ดไมใหญ เกาะตัวกันกินแรธาตุ
ถือไดวาเปนเหล็กไหลน้ําหนึ่งเลยก็วาได

มีดัวยกัน ๒ แบบ

๑. แบบเอาแมเหล็กมาดูดติดได

๒. แบบเอาแมเหล็กมาดูดไมติด

ชนิดเอาแมเหล็กมาดูดติด องคละ ๑,๐๐๐,๐๐๐

ชนิดเอาแมเหล็กมาดูด ไมติด องคละ ๑๐,๐๐๐

มีจํานวนจํากัด เพราะหาไมไดอีกแลว

เหล็กไหลไพรดํา หรือที่เรียกวา ( ไหลเพชรดํา


เหล็กไหลทองคําดํา ) เปนเหล็กไหล ที่มีชีวิติ
ในธรรมชาติ จะมีลักษณะดํา เนื้อละเอียด
และหยาบ จัดเปนเครื่องรางของขลัง
ที่มีอนุภาพสูงมาก จัดเปนเหล็กไหลวิเศษ
เปนที่ตองการของผูรู เพื่อนํามาปองกันภัยตางๆ
นาๆไดดี ชาวบานที่คนพบมักจะเรียกวา
เหล็กไหลไพรดํา

สีของเหล็กไหลไพรดํา (เหล็กไหลเพชรดํา , เหล็กไหลทองคําดํา)

๑.สีดําขึ้นเงาไมมาก ดูดา นๆ

เหล็กไหลไพรดํา-ไหลเพชรดํา หรือ ทองคําดํา มีอนุภาพมาก ผูที่ไดครอบครองจะดูมีตบะเดชะ


นาเกรงขาม อยูยงตอของมีคมทุกชนิด กันปน เปนแคลวคาดทําใหไมตายโหง และรอดพนจากภัยตางๆ
ปองกันภูตผีและคุณไสยไดดีมากอีกดวย

เหล็กไหลชนิดนี้ รูปรางหนาตาคลายเหล็กไหลยอย แตเหล็กไหลไพรดํา สวนมากจะพบเจอ


ตามภูเขาตางๆ การเกิดเหล็กไหลชนิดนี้ เกิดจากผูทรงฤทธิ์ ไดเรียกธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้ขึ้นจากใตโลก
และดวยพลังญาณสมาบัติ ทําใหธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้รวมตัวกันบนอากาศ และเกิดการแตกกระจาย
ออกเปนชิ้นๆ หลนลงมาบนพื้นโลก ลักษณะโดยทั่วไป จะเปนชิ้นๆตามธรรมชาติ ไมมีการไปตัด
หรือหักออกจากกัน จึงทําใหเหล็กไหลชนิดนี้ จะเปนชิ้นๆ เปนพลังงานชีวิตที่นาทึ่งที่สุด
๙๒๖

การคนพบสวนมากจะอยุชายปาเขา หรือรอบๆภูเขา หาไดจากการขุดหา บางทีก็พบเจอตาม


ทองนา บางคนบอกวา เหล็กไหลชนิดนี้ จะออกหาน้ําผึ้ง พอกินอิ่มก็หลนอยูแถวที่กินอิ่ม จึงเปนที่มา
ของเหล็กไหลชั้นยอดชนิดนี้ บางคนก็บอกวา เหล็กไหลชนิดนี้จะคอยเฝาธาตุกายสิทธิ์ที่อยูในถ้ํานั้นๆ
จนกวาผูมีบุญจะ ไดพบเจอ จะไหลไปไหลมา ทั้งในถ้ํา และนอกถ้ํา จึงเปนที่มาวา ใครใสเหล็กไหล
๗ สี ก็ตองมีเหล็กไหลไพรดําดวย ถึงจะครอบคลุมโดยแท

เหล็กไหลไพรดํา

๑.คนสวนมากที่ไมรูเรื่องอะไรเลย จะเรียกวาขี้เหล็กไหล เปนการทําลาย.......อีกทางหนึ่ง


๒.เหล็กไหลยอยอีกชนิด ที่คนที่ไมรูเรื่องอะไรเลยมักจะบอกวา โคตรเหล็กไหล หรือขี้เหล็กไหล

การตรวจสอบจากญาณผูรู
๑.มีพลังชีวิตในตัวเอง
๒.ชอบน้ําผึ้ง
๓.สามารถปองกันคุณผีที่มาทํารายในรางกายได
๔.แกไขคุณผีที่กระทําตอรางกายเราไดบางสวน เชนเจากรรมนายเวรทําเรา ก็สามารถรักษาไดบางสวน
๕.ปองกันภูตผีปศาจไดดีมาก ถือไดวาเปนเหล็กไหลชันยอดเลยทีเดียว

ราคาขึ้นอยูกับรูปรางและความสวยงามเทานั้น จากการที่ไดคนหานํามาตรวจสอบเรื่อง
สีของเหล็กไหล สีของเหล็กไหลแตละชนิด เชน สีน้ําตาลแดง สีภายนอกกับภายในเนื้อแท
ตองสีเดียวกัน สีปกแมลงทับ เหล็กไหลที่แทจริง ถาฝาออกมาสีจะตองเปนสีนั้นๆดวย
ไมใชแคสีภายนอกเทานั้น เปนอันวาแตละสี ถาฝาออกมาจริงๆ สีจะตองเปนสีนั้นๆในเนื้อในดวย
ไมใชแคเปลือกนอกเทานั้น

แกวนาคราช (ปฐวีธาตุ ) จากลําน้ําโขง


ธาตุกายสิทธิ์อีก ชนิดหนึ่งที่พบไดในบานเรา กายสิทธิ์
ชนิดนี้เปนหินแกวที่เกิดอยูภายใตลําน้ําโขง กายสิทธิ์ชนิด
นี้จัดวาเปนเพชรพญานาคโดยแทเพราะมี อิทธิฤทธิ์สูง
สงมาก ครูบาอาจารยที่มีญาณสื่อกับพญานาคได
ทานจะนําเอาหินชนิดนี้มาทําการเสกอธิฐานใหเปนของ
ที่มีฤทธิ์เพิ่มขึ้นตามใจปรารถนา ฝากใหพญานาคทานชวย
ดูแลคุมครองผูที่ไดรับ ธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้ไป ผูที่ไดฌาน
ไดญาณหลายทานเมื่อนั่งตรวจดูดวยทางในก็มักพบวา
มีเทพยดาที่ เปนนาคราช หรือพญานาครักษาดูแลอยู

แมวาเปนหินที่อาจหาพอไดตามแมน้ําลําธารแตก็ประมาทไมได ในธรรมชาตินั้นมีสิ่งที่เราไมรู
ไมเห็นเสมอดั่ง เชนหินแกวใตน้ํา หรือที่เรียกกันวา ปฐวีธาตุ สักษณะของ ปฐวีธาตุ นั้นมีรูปราง
กลมบาง แบนบาง บางชิ้นเรียวยาวเปนรูปลักบี้ และมักมีลักษณะมน เนื่องจากถูกกระแสน้ําพัดกลิ้งไป
มาอยูโดยตลอด อํานาจจากกระแสน้ําไดทําการเจีย หิน กลึงหิน ดวยอํานาจจากธรรมชาติจึงทําใหหิน
แกวเหลานี้มีลักษณะกลมมน ดูแลวสวยงามอยางนาอัศจรรย บางชิ้นอาจมีรูปทรงที่ไมแนนอน สีขาวใส
คลายสาคู โปรงแสน บางชิ้นก็ขาวขุน ใครเห็นแลวก็จะรูสึกชอบในรูปรางของ ธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้ทันที
๙๒๗

บางทานอาจเรียกวาเพชรพญานาค ซึง่ ก็ไมผิด เพราะสิ่งนี้มีญาณพญานาครักษาดูแลอยู ในความเปน


จริงเราอาจพบปฐวีธาตุหรือหินปกวใตน้ําไดจากหลายๆ สถานที่ แตสําหรับสถานที่ที่ขึ้นชื่อวาเปนแกว
ใตน้ําที่มีคุณภาพดีที่สุด ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดตองเปนหินแกวใตน้ําที่มาจากแมน้ําโขงเทานั้นทั้งนี้เพราะแมน้ํา
โขงเปนเวียงวังของเหลาบรรดา นาคราชทั้งปวง เปนสายน้ําแหงความศักดิ์สิทธิ์ หินปฐวีธาตุนี้ ถือวา
เปนกายสิทธิ์จากเมืองบาดาล เปนบริวารของดวงแกวบรมจักรพรรดิ บางชิ้นนี้มีกายทิพยชั้นจุลจักร
รักษา บางชิ้นมีกายในเปนพระมหาจักรพรรดิ บางชิ้นมีกายในเปนพระบรมจักรพรรดิ์ก็มี ตองใหผูที่
ไดตาใน หรือไดธรรมกายตรวจสอบดูจึงทราบไดแนชัด นอกจากนี้กายสิทธิ์จากลําน้ําโขงปฐวีธาตุ
ยังถือวาเปนกายสิทธิ์ที่มีพลานุภาพ จากธาตุน้ํา หรือเดนในอาโปธาตุ ผูที่บูชาจะพบกับความรมเย็น
เปนสุข และเกิดความอุดมสมบูรณแกบุคคลผูนั้นเพราะตามธรรมชาติธาตุน้ําเปนธาตุแหง ความอุดม
สมบูรณ และยังมีอํานาจทางเสนหเมตตามหานิยมอยางยอดเยี่ยมดวย

แกวกายสิทธิ์จากลําน้ําโขงที่เรียกวา ปฐวีธาตุนี้นับวาเปนแกวจักรพรรดิชนิดหนึ่ง ที่ใหคุณ


ทางดานบันดาลลางสังหรณ บันดาลความสําเร็จ ความรมเย็นเปนสุขแกผูที่มีไวในครอบครอง
เปนวัตถุธาตุที่เปนตัวกลางในการสื่อสารกับพญานาคได ผูที่ไดสมาธิจิตมีศล ี สมาธิ ปญญาอัน
อบรมดีแลวเทานั้นจึงสามารถครอบครองกายสิทธิ์ชนิดนี้ได และสามารถนํากายสิทธิ์ชนิดนี้
มาอธิฐานจิตเพื่อประกอบการกุศลไดดวย

แกวปฐวีธาตุหรือแกวนาคราชนี้ถือวา เปนดวงแกวที่มีตัว คําวามีตัว ในภาษาชาวบานนั้น


หมายถึงมีชีวิต มีจิตใจจิตวิญญาณอยูภายในนั้นเอง สามารถแสดงฤทธิ์ดวยตัวเองได ดูเปนของตาย
แตที่จริงเปนของมีชีวิต หากดวงแกวนาคราชเห็นวาผูใดไมควรอยูดวยทานก็จะเสด็จหนีหายไป
แตหากปฏิบัติดีปฏิบัติชอบทานยอมบันดาลสิ่งดีๆ ใหเกิดขึ้น รวมทั้งอาจทําใหองคอื่นๆ เสด็จมา
เพิ่มอีกอยางนาอัสจรรยยงิ่

คาถาบูชา แกวนาคราช

ตั้งนะโม ๓ จบ

อะ มุ หะ กะ สุ ภุ นะ ยะ คะ
พญาเกล็ดแกวนาคราชปูเชมิ

อะ = พญาอนันตนาคราช มุ = พญามุจรินทรนาคราช
หะ = นาคาหลวงพระบางศรีสุทโธ
กะ = พญาเกล็ดแกวนาคราช
สุ = พญาสุวรรณนาคราช
ภุ = พญาภุชงคนาคราช
นะ = พญานาคดําศิริจันทรานาคราช
ยะ = พญายัสมันนาคราช
คะ = พญาครัตระศรีเทวานาคราช
๙๒๘

การตรวจสอบ
๑.ดูแลวมีญาณพญานาคจริง
๒.ผูครอบครองดูแลเปนพญานาคราช
๓.มีความเย็นยะเยือกมาก
๔.การสัมผัสแลวเปนของดีจริงตามตํานานวาไว (ของแท )
๕..เวลาโดนน้ําจะใสมาก
๖.การใสใหใสแบบอัดพลาสติดใสใหมีชองวางเพื่อที่เราจะตองเจาะรูใสน้ํา ถึงพกพาติดตัวไปได
๗.หามพกพาโดยไมมีน้ําหลอเลี้ยง
๘.ของชนิดนี้แตกตางจากมณีใตน้ําที่ เปนแบบสีๆหลายสีที่มีขายทั่วไปในทองตลาด
๙.สามารอธิฐานจิต ขอความตองการใหมีการชวยเหลือใหสมปรารถนาไดอีกดวย
๑๐.จัดไดวาเปนธาตุกายสิทธิ์ ที่ของความสําเร็จ มีการชวยเหลือผูเปนเจาของไดดีมาก
๑๑.มีการปองกันภูตผีปศาจไดดีอีกดวยใครมีไวก็เหมือนมีพลังพญานาคราชอยูดวย เปนของที่ดีมาก
๑๒.หามนํา มาตกแตเจียไน หรือเอามาขัด ถานํามาเจียไนหรือขัดแตง เทพที่ดูแลของชิ้นนั้น
จะทิ้งธาตุนั้นไป เหลือแตพลังธรรมชาติเทานั้น และพลังที่นํามาปลุกเสกเทานั้น
๑๓.ผูที่มีญาณสัมผัสได ลองทดสอบงายๆ เชน แกลงนํามีดทําทาจะขูดหรือ ผาซิ รับรอง
ถาคุณมีญาณสัมผัสไดคณ ุ จะรูทันทีวาเปนอยางไร
๑๔.จะวาไปบนโลกเราแตกอนก็คือเปนน้ํา ธรรมธาตุหลายชนิดแบบนี้มีอยูจํานวนมาก มีทั้งพลัง
และอํานาจในตัวเอง ถาไดนํามาปลุกเสกแลวนั้น พลังจะมากมายมหาศาลทีเดียว
๑๕.วิธีการทําใหธาตุชนิดนี้มีอํานาจมากขึ้น คือ เรานํามานั่งสมาธิดวย และสวดมนตเปนประจํา
โดยที่การสวดนั้นใหถือไวที่มือ พลังแหงพุทธคุณที่สวดมนตนั้นจะไปรวมและเพิ่มพลังอํานาจ
ทําใหของชิ้นนั้นสามารถดลบันดาลไดดุจแกวสารพัดนึกเลยทีเดียว
๑๖.ไมตองไปหาของที่พระเกจิปลุกเสกหรอก จากธรรมชาตินี้ก็สุดยอดพอตัวแลว รับรองได
๑๗.การทําบุญทุกครั้งใหถึงถึงธาตุกายสิทธิ์ที่เรานับถือนี้จงไดบุญไปกับเราทุกครั้ง
(ทุกอยางจะสมปราถนาอยางที่ตั้งใจได)

แกวมุขดาเหล็กไหลขาว
ธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้มีหลายชื่ออยูที่ผูคนพบและสถานที่
เชน พระธาตุเหล็กไหล ไขมุขกวนอิม ไขมุขถ้ํา
พระธาตุองคปฐม เหล็กไหลขาว พญางูเผือก
ธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้มีพลังซอนเรนอยูภายในตรวจสอบ
ยากถาดูผิวเผินพลังก็เหมือน หินทั่วๆไป ถาดูลึงลงไป
ไมใชของธรรมดาเลย การปกปดพลังนั้น คลายกับ
เพชรหนาทั่ง ถือวาเปนธาตุกายสิทธิ์ที่สุดยอดมากๆ
ชนิดนึงเลยทีเดียว ปองกันภัยพิบัติรายแรงกับคนหมูมาก
ไดดียิ่ง มี....เทพพรหม...เปนผูดูแลรักษาแทน

๑.ปองกันภัยที่จะมากระทําตอเจาของไดดียิ่ง
๒.ปองกันภูตผีปศาจได ๑๐% แตตองใสแนบเนื้อ ใหธาตุนี้ติดเนื้อเราดวย
( เพราะไมทํารายวิญญาณตางๆ )
๓.ควรมีการถวายผลไม น้ํา ยิ่งบอยยิ่งดี
๔.พอถวายก็อธิฐาณอยางที่เราอยากใหสําเร็จที่ตั้งใจไวโอกาสได ๗๐%
นอกนั้นอยูที่บุญและการกระทําของเรา
๙๒๙

๕.พลังเนนทางรอนแรง หรือบางชิ้นเย็น (แตจะดูแครอนหรือเย็นไมได)ตองดูใหออกวามีจิตวิญญาณ


ทานใดครอบครองอยู
๖.บารมีสามารถปองกันภัยพิบัติรายแรง กับคนหมูมากไดดียิ่ง สวนมากจะนําไปฝงไวที่องคพระ
พลังในจุดนี้แมนแตเหล็กไหลชั้นยอดก็ยังอาจไมมี
๗.ลักษะนะขึ้นมันวาวเหมือนกระเบื้องเคลือบขาวนวล พอโดนน้ําจะสวยมากขึ้นมันเงางาม
(ถาพระธาตุเหล็กไหลขาว จะไมขึ้นมันเงาจะออกเกลี้ยงๆบางๆขาวใส)
๘.ชวงนี้ยังพอหากันไดอยู แตอีกหนอยเมื่อคนตองการเยอะรับรองหาไมไดแน
(อีกหนอยตองทําปลอมออกมา อยางแนแท เพราะในยุคนี้ปลอมกันไดแทบทุกอยาง)
๑๐.พกติดตัวปองกัน แคลวคลาดจากภัยตางๆได หรือไวในรถก็ได
๑๑.เปนธาตุกายสิทธิ์ที่มีจิตวิญญาณครอบครองอยูจริง ๑๐๐%
๑๒.ทุกคน ทุกบานควรมีไวบูชาอยางนอย ๑ องค (ยุคแหงภัยพิบัตินี้)
๑๓.คนที่ชอบฝกสมาธิ อยามัวไปหาหินสีตางๆไวทําสมาธิเลย
(เอาธาตุกายสิทธิ์ชนิดไปทําสมาธิ จะถึง....กวามั้ยธาตุนี้สุดยอดกวา ๑๐๐เทา ลองสัมผัสดู
ถาไมลองจะรูไดอยางไรวาดี)
๑๔.ลักษณะขาวนวลนึก เหมือนจะนุมมือ ขึ้นมันวาว เนื้อมันไมกระดางเหมือน
(พระธาตุเหล็กไหลขาว)
๑๕.ลักษณะโดยทั่วไปคลายกับที่คนเคาเรียกวา ไขมุขกวนอิม เหล็กไหลขาว สวนมากรูปรางคลายกัน
คนจึงเหมารวมกันไปเลยวาเปนชนิดเดียวกัน แตซึ่งอันที่จริง คนละพระองคสรางตองตรวจสอบดวย
ญาณรูถึงจะแยกได ถาจะแยกโดยดูดวยตาปาวก็แยกกันที่ผิว ถาผิวขึ้นมันเงางาม ก็แยกเปน แกวมุขดา
เหล็กไหลขาว ธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้ มีพระพุทธเจาเปนผูดลบันดาลสรางเปนธาตุทิพย เพื่อที่จะกระจาย
ไปใหผูมีบุญวาสนาสูง เพื่อในการเขาถึงธรรมมรรคผลไดงายขึ้น ก็คือการนํามาทําสมาธิเพิ่มบารมี
ในการปฎิบัติธรรมตอไป ซึ่งธาตุชนิดนี้หลุดกระจายออกมานานพอสมควร แตคนอาจนึกไปวาเปน
หินธรรมดาไป แตเมื่อมีคนรูวาเปนของดีดุจเหล็กไหลชั้นยอดเลยก็วาได อีกหนอยจะหากันไมไดแลว
ซึ่งในยุคนี้ตอนนี้ยังพอหากันไดไมยากนัก ( บางตําราจะเขียนเอาโดยรวมมาลักษณะที่เหมือนๆกัน
เพื่อที่จะไมตองมานั่งแบงแยกกันอีกวาผูใดสรางขึ้น เหล็กไหลขาว แลวบอกวาเปนพระธาตุบาง
พระธาตุองคปฐมบาง ซึ้งดูแลวก็แปลกซื้อดูรวมๆก็เหมือนๆกันทําไมเรียกกันหลายแบบ จุดนี้เอง
ที่ทําใหการแยกแยะธาตุตางๆออกมาเพื่อที่จะไดไวศึกษากันตอไป

การสัมผัสพลัง เปนของที่มีจิตวิญญาณครอบครองจริง
บางตํารากลาวถึงเหล็กไหลขาวดังนี้

อีกตําราวาไวเหล็กไหลขาว หรือ ไขมก ุ ถ้ํา มีความแข็งระดับ ๑๐ โมลฮ เชื่อกันวาไขมุกกวนอิม


หรือไขมุกถ้ํานี้จัดเปนธาตุกายสิทธิ์ชนิดหนึ่ง หายากตามธรรมชาติ มักจะอยูใ นถ้ําลึกกลางปาเขา
มีไวกับตัวกับบานถือวาเปนศิริมงคลยิ่งนัก ในทางธรณีวิทยานั้นจัดไดวาเปนธาตุที่มีความแข็ง ๑๐ โมลฮ
เทียบเทากับเพชรเลยทีเดียว เราเรียกอีกอยางวา เหล็กไหลชีปะขาว แบงอยกออกตามสถานที่ซึ่งสิ่งที่
เกิดแตละสถานที่ จิตวิญญาณครอบครองจะไม เหมือนกัน

เหล็กไหลประเภทนี้ มีสีขาวเปนมันเลื่อมคลายเกล็ดงูเกจิ อาจารยบางทานเรียกวา “พญางูเผือก”


พวกพระลามะทิเบตชอบมีไวประจําตัว เพราะมีมากในถ้ําในภูเขาประเทศทิเบต สวนในประเทศเราจะพบ
เห็นตามถ้ําทางภาคเหนือ และลึกเขาไปในแควนเชียงตุงของพมา และทางลาวเหนือ เพราะเหล็กไหล
ชีปะขาวชอบอากาศหนาวจัด มีอานุภาพทางแคลวคลาดลองหนหายตัวไดชั่วคราว ถูกไฟไมยืด
แตถาใชคาถาอาคมยืดได มีมายาในตัว งอกขึ้นไดเล็กลงได ถาจะนําไปสรางพระเครื่องจะตองใชวิชา
เลนแรแปรธาตุบังคับ หากพลังจิตไมแกกลาพอก็ทําไมได เหล็กไหลชีปะขาวใชแทนเพชรได
ในกรณีตองการตัดกระจก สามารถตัดกระจกใหขาดได เพราะมีความแข็งพอๆ กับเพชร เหล็กไหล
ชีปะขาวทุบไมแตก ตัดไมขาด
๙๓๐

เหล็กไหลยอย
เหล็กไหลยอยหรือ พญาเหล็กไหล มีลักษณะไหลยอยลงมาตามผนัง และหลืบถ้ําลี้ลับสีออก
ฟาอมดําเมฆพัด เนื้อในสวนมากจะสีเงินเนื้อแนน จะไหลยอยคลายน้ําตาเทียน มีทั้งไหลยอยขึ้นขางบน
และไหลลงใตดิน และสวนมากจะพบเปนสายแร ไหลผานทั้งซอกหินถ้ํา และพื้นถ้ํา ดูแลวเหมือน
สิ่งมีชีวิตที่ผุดงอกเปนหัวๆหนอๆออกมาตามผนังถ้ํา แตถาดูใหดีจะเปนสายแร ที่ถูกดันขึ้นมาจาก
ใตพื้นดิน จะเรียกไดวาถูกพลังงานลึกลับเรียกแรชนิดนี้ใหไหลขึ้นมา เพื่อเปนประโยชนตอมนุษย
ในดานตางๆ ลักษณะทั่วไป พญาเหล็กไหลสวนมากก็สามารถดูดติดแมเหล็กไดออนๆ ผิวก็ขึ้นอยูกับ
อากาศและการแหงตัวของพญาเหล็กไหลยอย ถาเย็นตัวเร็วอากาศเขาไปนอยผิวจะขอนขางละเอียด
แตถาเย็นตัวชาจะมีอากาศเขาไปมาก ผิวจะขอนขางหยาบและมีรูพรุน เนื้อมีทั้งเนื้อแนน และเปราะบาง
ถึงมีรูจะพรุน ก็มีชีวิตเชนกัน ไมใชตายซากหรือเปนขี้เหล็กไหล อยางที่เขาใจกัน บางคนเขาใจผิดคิด
วามีรูพรุนๆแลวถือวาเปนเหล็กไหลที่ตายแลว อันนี้ขอยืนยันวาไมจริง

เหล็กไหลยอย มีอนุภาพในแตและดาน เปนเหล็กไหลยุคแรกที่พระพุทธเจาสราง ผูที่ไดครอบครอง


จะดูมีตบะเดชะนา เกรงขาม อยูยงตอของมีคมทุกชนิด กันปน เปนแคลวคลาดทําใหไมตาย และรอด
พนจากภัยตางๆปองกันภูตผีและคุณไสยไดอีกดวย

เหล็กไหลยอยเปนของที่มีรูปรางจาก ธรรมชาติ รูปทรงแปลกตา ครูบาอาจารยสวนใหญพิจารณาแลววา


มีธาตุไฟสูงกวาโคตรเหล็กไหล หรือเหล็กไหลน้ํารองโดยทั่วไป สวนมากจะมีเจาปาเจาเขาติดตามดูแล
บางสถานที่จะเรียกเหล็กไหลชนิดนี้วา เหล็กไหลบารมี

เหล็กไหลชนิดนี้นับไดวาเปนของขลังชั้นเยี่ยม ซึง่ เปนเหล็กไหลชนิดแรกเริ่มก็เปนไปได

การไดมาซึ่งเหล็กไหลชนิดนี้

ผูที่ไดมาครอบครอง ควรบอกกลาวตอเจาปาเจาเขา หรือดวงวิญญาณปูโสมที่ดูแลรักษาธาตุกายสิทธิ์


ชนิดนี้ .....................ตามใจนึก

การตรวจสอบจากญาณผูรู

๑.มีชีวิตในตัวเอง
๒.ชอบน้ําผึ้ง
๓.สามารถปองกันคุณผีที่มาทํารายในรางกายได
๔.แกไขคุณผีที่กระทําตอรางกายเราไดบางสวน เชนเจากรรมนายเวรทําเรา
ก็สามารถรักษาไดบางสวน
๕.ปองกันภูตผีปศาจไดดีมาก ถือไดวาเปนเหล็กไหลชันยอดเลยทีเดียว

บทสวดภาวนารักษาโรครายตางๆดวยการนําธาตุกายสิทธิ์มาภาวนาดวย
พระพุทธคาถาแกรักษาโรครายตางๆเชน โรคมะเร็ง

พระพุทธคาถาแกรักษาโรคมะเร็ง หลวงพอฤาษีลิงดํา

พระพุทธคาถาแกรักษาโรคมะเร็ง หรือโรครายตางๆ
๙๓๑

วันพระ ๑๕ ค่ํา ทรงศีล ๘ บวงสรวงโดยใชคําบวงสรวงของหลวงพอพระราชพรหมยานเถระ


แตงชุดขาว อธิษฐานภาวนาดวยพระคาถารักษาโรค

พุทธังทลาย ธัมมังหาย สังฆังสูญ

พุทโธรักษา ธัมโมรักษา สังโฆรักษา

แลวสูดลมกลั้นหายใจ ๑ อึด
และภาวนาตามลมหายใจเขาออกนึกในใจวา

สัม พุทโธมะอะอิ ระโชหะระนัง ระชังหะระติ


แลวก็สัมผัสธาตุกายสิทธิ์ไวที่มือ แลวก็นึกไปวา
มีพลังงานอันศักสิทธิ์มาชวยรักษา
แลวก็กําหนดไปสวนที่เจ็บปวด หรือใหทั่วรางกายของเรา
แลวเราจะรูสึกกผอนคลาย หายเจ็บปวดได

เหล็กไหลเงินยวง (รูปแบบงอกธรรมชาติ )
เหล็กไหลเงินยวงชนิดนี้ เนื้อเปนเหล็ก
เอาแมเหล็กมาดูดติดแรงมาก เปนธาตุกายสิทธิ์
ชนิดหนึ่งที่ถือไดวาบารมีสูงทีเดียว หรือที่เรียก
กันวาเหล็กไหลเงินยวง

ธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้ จากการตรวจสอบ ดีทางดานเมตตามหานิยม เกิดจากดวงจิตวิญญาณผูที่บําเพ็ญ


ถึงความดีงาม ทําใหจิตวิญญาณนี้เขาไปยึดซากสัตวชนิดนี้ จิตอันดีงามทําใหเกิดกายทิพยเปนแกวตก
ผลึกในเปลือกหอย จะวาไปก็อยูในจําพวกเทวดาที่ตองการบําเพ็ญเพียร ถือวาเปนของดีอีกชนิดก็วาได
ถือไดวาเปนของที่มีจิตวิญญาณ บางคนเลาวา กอนที่จะไดมานั้นเคยมีชาวบานไดไปเห็นในถ้ําหนึ่ง
มีแสงออกมาเปนจุดๆตามพื้นถ้ํา ดวยความอยากรูก  ็เลยเขาไปดู ก็เจอหอยชนิดนี้อยูเรียงรายเต็มไปหมด
จึงเปนที่มาของสิ่งมีชีวิตที่เปนกายทิพยอันศักดิ์สิทธิ์ชนิดนี้
๙๓๒

เหล็กไหล ๗ สี
เหล็กไหลเจ็ดสี อิทธิ์ฤทธิ์ครอบฟาคลุมดิน
โคตรเหล็กไหลเจ็ดสี เปนเหล็กไหลชั้นยอดใน
ชุดเหล็กไหลและเปนเหล็กไหลที่หาพบไดยาก
มากๆมี อิทธฤทธิ์ในดานกินดินปนดูดกระแสไฟฟา
คงกระพันชาตรี กันภูตผีปศาจไดดีที่สุด และสราง
ภาพลวงตาทําใหคูอริมองเราเปนคนอื่นหรือมอง
ไมเห็นได เหล็กไหลเจ็ดสีนี้สามารถเจิญเติบโตได
โดยการเลี้ยงน้ําผึ้ง โดยปกติจะใหเสพน้ําผึ้งในคืน
พระจันทรเต็มดวง และเวลาเชาก็นําไปลางดวยน้ํา
บริสุทธิ์อีกครั้ง หนึ่งประมาณ ๒ - ๓ เดือน จะเห็น
ไดชัดถึงการเจริญเติบโตของเหล็กไหลชนิดนี้
ในบรรดาเหล็กไหลน้ําหนึ่ง

จะกําหนดสีออกได ๗ สี ในธรรมชาติจริงๆของธาตุ
กายสิทธิ์ประเภทนี้ พบวามีดวยกัน ๗ สี คือ มวง คราม น้ําเงิน เขียว เหลือง แสด แดง ทั้งยังมีที่ออก
สีทอง และเงินยวงขาวบริสุทธิ์ เหล็กไหลตางๆเหลานี้อยูแยกกันเปนอิสระ จะพบเจอรวมกันก็เฉพราะรัง
เหล็กไหลที่เปน ๗ สีเทานั้น รังเหล็กไหลลักษะดังกลาวนี้นับเปนเหล็กไหลชั้นยอด ถือไดวายอดเยี่ยม
เหนือกวาเหล็กไหลทั้งปวง

เพราะเหล็กไหล ๗ สีไดรวมอํานาจบารมีของเหล็กไหลแตสีแตละชนิดไวรวมกัน จึงเปนที่


มาแหงสุดยอดเหล็กไหลบารมี เลยก็วาได เหล็กไหล ๗ สีมีคุณทุกดาน ทั้งเสนห เมตตามหานิยม
คุมครองชีวิต ปองกันภุตผีปศาจราย ใหโชคลาภ แคลวคลาดจากภัยทั้งปวง อยางที่หาอยางอื่นมา
เทียบได เปนตบะเดชะ เหมาะสําหรับผูบําเพ็ญญาณบารมี มีอนุภาพ ๑๐๘ ประการ มีเหล็กไหล ๗ สี
ชิ้นเดียวเทากับมีเหล็กไหลชั้นยอดทุกประเภทรวมกัน ผูที่ครอบครองจะประสพความสําเร็จในการงาน
สามารถฝาพันอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวง อํานาจบารมีของเหล็กไหล ๗ สีนั้นมีทั้งเทพพรหม ฤาษี
คอยรักษาดูแลอยู ดวยอานิสงสจากการบูชาเหล็กไหล ๗ สี มีคุณคาอเนกอนันต จึงทําใหผูรูหลาย
ทานพยายาม ตามหาเหล็กไหลชนิดนี้ไวครอบครอง แตก็หาไดยากเพราะในธรรมชาตินั้นมีนอยมาก
รังเหล็กไหลกอนหนักเปนตันๆ อาจพบเจอสวนที่มีสี ๗ สีไดนิดเดียวเทานั้น ผูที่ไดเหล็กไหลชนิดนี้ไว
ครอบครองจะรอดพนจากภัยตางๆ พนจากวิญญาณชั่วรายไมสามารถมาทําอันตรายกับผูครอบครอง
ไดพลังบารมีของเหล็กไหล ๗ สีทําใหจิตใจ ความคิด สุขภาพรางกายแข็งแรง ตามไปดวย เหล็กไหล
๗ สี นับวาเปนสิ่งที่มีคุณคาอยางยิ่งสําหรับผูบําเพ็ญเพียร เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ใสกันผีปศาจกัน
ดวงชงดวง ชะตาขาด กันการชงตามงานศพ งานแตง หรือใครจะเอามาชีวิต ธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้
มีพุทธคุณในตัว ซึ่งมนุษยยังไมสามารถปลุกเสกทับได อาจารยหรือผูรูนิยมนําแรกายสิทธิ์ชนิดนี้
มาทําน้ํามนตรักษาโรคภัยตางๆ กรรมที่ยังไมมาถึงเราปองกันได แตถาโดนแลวโอกาสที่คิดวา
ใสแลวหายก็ยากขึ้นดวย

การดูแลรักษาเหล็กไหล ๗ สี

เหล็กไหล ๗ สี ชิ้นไหนสีสวยอยากใหคงสภาพสีเดิมไวใหนานๆราคาไมตก ดูมีคุณคาแกการรักษา


ใหนําไปเลี่ยมพลาสติกใส แลวเจาะรู ใหมีอากาศเขาไดเปนใชได แคนี้เหล็กไหล ๗ สีก็คงสภาพ
สวยงามตลอดกาลแลว เหล็กไหล ๗ สีถามีการใสแนบเนื้อ เปดหนาหลังโดนรางกายเราจนสีหาย
อยากไดสีกลับคืน ใหนําไปแชน้ําผึ้ง ๑ - ๓ เดือน แลวก็มาลองสังเกตดูวาขึ้นสีอะไร สวนมากจะออก
สีทองกอน เพราะธาตุชนิดนี้จะอมน้ําผึ้งไว สีเลยออกทองๆ เวลาไปทําบุญ หรือสวดมนต ควรเอยคํา
ถวายบุญที่เราสรางหรือการสวดมนตนั้นใหองคเหล็กไหลที่เราครอบครองดวย การบูชาเหล็กไหล
๙๓๓

อยาถวายน้ําผึ้งบอยจนเกินไป ถาจะถวายน้ําผึ้ง ก็ควรใสแกวบูชาแกวน้ํา แจกันใสดอกบัว หรือมีขันน้ํา


แลวก็โรยดอกมะลิลงไป จะทําใหสิ่งที่ปราถนาไดมากขึ้นตามไปดวย

การบูชาแบบแชน้ําผึ้ง การแชน้ําผึ้งจะเปนการทําใหธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหลนั้นมีพลังอํานาจมากขึ้น
สามารถเปลี่ยนสีได และอํานาจอาจมากจนเกินไป
๑. หามใสอาบน้ํา หรือโดนน้ําบอยจนเกินไป
๒. อยาใสแตกแดด มากจนเกินไป ( แดดสําคัญมากๆ อยาเอาไปตากแดด สีจะจืดจางลงไป )
๓. ถาเอาไปใสกรอบแบบอัดพลาสติกใส แบบไมมีอากาศเขา ก็ทําได จะรักษาสีใหสวยสดอยูตลอดไป
( แตพลังการคุมครอง นาจะตกไป ๒๐ ) เพราะไมมีโมเลกุลของอากาศเขาไปได แตถาใสกรอบแบบ
มีอากาศเขาได เชนกรอบเหล็ก กรอบทองตางๆ นาจะตกไปแค ๕% ควรเอาไปใสกรอบทองดีที่สุด
๔. เมื่อถวายน้ําผึ้ง ใหหยดน้ําผึ้งลงไปในเหล็กไหลหรือแชเลยก็ยิ่งดี
๕. อยาเอามือไปลูบ หรือ ถู บอยจนเกินไป จะทําใหสีเปลี่ยนเปนสีเงินได
๖. ทั้งหมดนี้ผานการทดลองใสมาแลว ถาทําตามนี้ สีจะสดสวยอยูตลอดไป
๗.ถาสีซีดจางลงไปใหนําไปแชน้ําผึ้งไว ๑๕ - ๓๐ วันสีจะกลับมาสวยเหมือนเดิมได

การทดลองตรวจสอบ

๑.ผูใสสามารถปองกันกรรมที่กอเวรกันมาแตชาติกอน ไดแค ๕๐%


๒.ปองกันภูตผีปศาจไดดีมาก
๓.ถาใสเหล็กไหล ๗ สี ควรใสคูกับเหล็กไหลไพรดํา จะดีที่สดุ
๔.เหล็กไหล ๗ สี หนักไปทางบารมี แตเหล็กไหลไพรดํามีอํานาจในการปองกันและฤทธิ์เดช
๕.ผู ใสเหล็กไหล ๗ สี เหล็กไหลชนิดนี้จะคอยๆ รักษาโรค เสริมธาตุที่เสียหายในรางกายไดดีที่สุด
หรือบรรเทาอาการเจ็บปวยลงไดบาง สวนหรือถาโชคดีก็หายขาดได ถาใหการรักษาเปนผลดีขึ้น
ควรใชควบคูกับกสิณไฟ หรือใหผูที่สําเร็จกสิณไฟ นําเหลกไหล ๗ สีกําไวที่ฝามือ แลวกําหนดกสิณ
เพื่อใหษาโรคใหคนทั่วไปได
๖.ทางที่ดีควรใสกอนที่เราจะเปนโรครายตางๆ

การทดลองใหคนที่มีกรรม หรือโดนกรรมเกากระทําตอรางกาย

ใส เหล็กไหล ๗ สี ไมสามารถทําใหเจากรรมนายเวรกลัวเทาไร แตจะไปตอตานพลังกันเทานั้น


ไมเหมือนกับเอาเหล็กไหลไพรดําไปลอง เพราะเมื่อเอาเหล็กไหลไพรดําไปลองใส เจากรรมนั้น
จะหนีทันที หรือใครโดนหนักๆกรรมนั้นก็หนีไป แตยังไงก็กลับมาใหม จึงควรใสติดตัว
ตลอดเวลาหรือควรใสกอนที่จะโดนกรรมเกานั้นกระทํา

การคนหาตรวจสอบธาตุกายสิทธิท
์ ี่สามารถปองกันกรรมเกา

๑.ใสกอนที่จะโดนกรรมนั้นๆ กระทํา
๒.ถาโดนกรรมเกานั้นกระทําแลว .................. นําเหล็กไหลมาใสยังก็ไมสามารถชวยเหลือได ๑๐๐%
๓.ธาตุ กายสิทธิ์ที่สามารถนํามาแกไขกรรมเกาที่เคยกอเวรกันมาได ๑๐๐% กับผูที่โดน
กรรมเกากระทําแลวนั้น..............................................ยังหา ไมพบ...หรือไมมีในโลก
๔.วิญญาณเรรอน ภูตผีปศาจ ที่ไมเคยกอกรรมกันมาเลย ผูที่ใสเหลกไหล ๗ สี หรือเหล็กไหลไพรดํา
พวกวิญญาณนั้นจะไมสามารถกระทําอันตรายตางๆ กับผูที่ใสไดเลย ถือเปนขอดีของเหล็กไหล
๙๓๔

เหล็กไหลเพลิง

เหล็กไหลเพลิง เปนเหล็กไหลที่พอหาไดไมยาก พบอยูในถ้ําตาง ๆ หลายแหงฝงตัวเอง


อยูตามเพดานและผนังถ้ําหินที่มีลักษณะเหมือนผงฝุนละเอียด ออกสีแดงหรือน้ําตาล องคขนาด
เมล็ดถั่วเขียวหรือใหญกวา หากลอง อธิษฐานจิตจับดูจะรูสึกวารอนเหมือนไฟ เชื่อวาสามารถ
แสดงภาพมายาหลอกหลอน ทําใหศัตรูตกใจกลัวได นี่คือตํานานที่กลาวขึ้นมา

จากในรูป เปนเหล็กไหลเพลิง สีแดงน้ําตาล ผิวขึ้นมัน เนื้อในก็ตองสีแดงดวย บางชิ้นดูด


แมเหล็ก บางชิ้นไมดูด เปนลักษณะเฉพาะของเหล็กไหลเพลิงชนิดนี้ ขนาดเทาเม็ดถัวเขียว บางชิ้น
ก็เล็กกวา ตางจากเหล็กไหลตาน้ําอยูมาก เหล็กไหลตาน้ําเนื้อเหมือนหินที่มีเปลือกสีน้ําตาลอมดํา
ภายในจะไมใชสีเดียวกันกับภายนอก สวนมากเหล็กไหลตาน้ําภายในจะสีดําเปลือกสีน้ําตาล
อมดํา สวนเหล็กไหลเพลิงจะมีสีแดงอิฐทั้งเปลือกนอกและเนื้อใน สังเกตดูในรูปเม็ดที่มีการ
แตกหักวา พอแตกครึ่งเนื้อในก็ยังคงสีเดียวกับเนื้อภายนอก ขึ้นมันสวยงาม

พระธาตุเหล็กไหลขาว

การแบงแยก โดยดูดวยสายตา

ผิวจะบางไมขึ้นเงามาก ดูจากรูปเปรียบเทียบ
กับแกวมุขดาเหล็กไหลขาว ผูสรางธาตุชนิดนี้
คือ พระอริยะเจา

ดลบันดาลสรางขึ้นเพื่อ การบําเบ็ญเพียรในธรรม จุดประสงคเพื่อชวยเหลือผูปฎิบัติธรรมใหกาวหนา


ยิ่งขึ้น ในการดลบันดาลชวยเหลือชี้ทาง ในดานที่ติดขัดในสมาธิธรรมไดอยางดีเยี่ยม บางอาจารย
จะเรียกวา พระธาตุบาง พระธาตุองคปฐมบาง พระธาตุเหล็กไหล ไขมุขกวนอิบบาง พญางูเผือกบาง
ซึ่งความจริงแลว ธาตุชนิดนี้รูปรางคลายกัน ที่เรียกตางกันอาจเปนเพราะแตละอาจารยสัมผัสคนละธาตุ
เพราะรูปรางที่เหมือนกัน เลยคิดไปวาชนิดเดียวกัน ซึ้งความจริงควรแบงแยกใหถูกกวานี้ ธาตุชนิดนี้
๙๓๕

บารมีพระอริยเจาสราง จึงสามารถปองกันภัยตางๆที่จะมากระทําแกผูครอบครองไดดีสามารถขอบารมี
พระ อริยะเจาไดโดยการสัมผัสทานไวในมือแลวอธิษฐานขอพรจากทาน

ผลจากการตรวจสอบพบวา

๑.ไมสามารถรูวาทานเปนใครไดเพราะมี พระอริยะเจามากมาย
๒.การตรวจใหรูวาพระองคเปนใคร คงตองไปตรวจสอบกับพระอาจารยที่เกงๆเทานั้น
๓.สามารถปองกันอันตรายตางๆที่จะมากระทําตอผูเปนเจาของได
๔.สามารถเก็บไวที่บานเพื่อคุมครองคนในบานได
๕.สามารถปองกันภัยพิบัติตางๆ นาๆ อันจะเกิดแกคนหมูมากได
๖.สามารถปองกันผีปศาจได ๗๐% ตองสัมผัสเนื้อเทานั้น (ไมใชธาตุที่ไวทําลาย)
๗.สามารถนํามาฝงเขาไปในพระพุทธรูปไดเพื่อใหทุกคนกราบไหวบูชาขอพรได
๘.สมารถเก็บไวในเจดีย เพื่อปองกันภัยพิบัติอันเกิดแกคนหมูมากได

บางตํารากลาวถึงเหล็กไหลขาวดังนี้

ไขมุกกวนอิม หรือไขมุกถ้ํา มีความแข็งระดับ ๑๐ โมลฮ เชื่อกันวาไขมุกกวนอิมหรือไขมุกถ้ํานี้


จัดเปนธาตุกายสิทธิ์ชนิดหนึ่ง หายากตามธรรมชาติ มักจะอยูในถ้ําลึกกลางปาเขา มีไวกับตัวกับบาน
ถือวาเปนศิริมงคลยิ่งนัก ในทางธรณีวิทยานั้นจัดไดวาเปนธาตุที่มีความแข็ง ๑๐ โมลฮ เทียบเทากับ
เพชรเลยทีเดียว เราเรียกอีกอยางวา เหล็กไหลชีปะขาว

เหล็กไหลประเภทนี้ มีสีขาวเปนมันเลื่อมคลายเกล็ดงูเกจิ อาจารยบางทานเรียกวา“พญางูเผือก”


พวกพระลามะทิเบตชอบมีไวประจําตัว เพราะมีมากในถ้ําในภูเขาประเทศทิเบต สวนในประเทศเราจะพบ
เห็นตามถ้ําทางภาคเหนือ และลึกเขาไปในแควนเชียงตุงของพมา และทางลาวเหนือ เพราะเหล็กไหล
ชีปะขาวชอบอากาศหนาวจัด มีอานุภาพทางแคลวคลาดลองหนหายตัวไดชั่วคราว ถูกไฟไมยืด
แตถาใชคาถาอาคมยืดได มีมายาในตัว งอกขึ้นไดเล็กลงได ถาจะนําไปสรางพระเครื่องจะตองใชวิชา
เลนแรแปรธาตุบังคับ หากพลังจิตไมแกกลาพอก็ทําไมได เหล็กไหลชีปะขาวใชแทนเพชรไดในกรณี
ตองการตัดกระจก สามารถตัดกระจกใหขาดได เพราะมีความแข็งพอๆ กับเพชร เหล็กไหลชีปะขาว
ทุบไมแตก ตัดไมขาดเหล็กไหลชีปะขาวสามารถรูลวงหนาไดวา ผูครอบครองจะหมดสิ้นอายุขัย
มีเคราะหรายถึงตาย เมื่อใดเหล็กไหลชีปะขาวจะถือโอกาสลองหนอันตรธานหายไป ผูครอบครองคนใด
เมื่อรูวาเหล็กไหลชีปะขาวของตนหายก็อยาไดตกใจจนขวัญเสีย มีสติปลงใหตก ทําบุญกุศล แผเมตตา
ทําสมาธิใหจิตสงบไมฟุงซาน เมื่อจะตองตายไปจริงๆจิตจะไดสูสุคติในสัมปรายภพ(สวนการตรวจสอบดู
ไขมุขกวนอิมจะไมหายเมื่อผูครอบครองมีเคราะหรายแคไหนก็สามารถทําใหพน เคราะหรายนั้นๆ
ไดอยางนาอัศจรรยยิ่ง)

การแบงแยกเกรดตามความสวยงามกลมมน

๑.ถากลมมนสวยงาม คือ เกรดA ตามขนาด

๒.ถาคอนคลางกลมมน คือ เกรดB ตามขนาด

๓.ถารูปรางเบี้ยบบูด คือ เกรดC ตามขนาด

๔.ถารูปรางมีรอยแตก คือ เกรดD ตามขนาด


๙๓๖

ขอควรระวัง
อยาพยายามหารูปแบบชนิดนี้ เพราะถายิ่งหากลัวจะเสียเงิน หรือโดนหลอกเอางายๆ
ควรศึกษาจากความเปนธรรมชาติดวยตัวเอง พอไดมาถาตรวจสอบเองไมไดก็เอาไปใหครูบาอาจารย
ตรวจสอบอีกครั้ง อีกอยางถาไดรูปแบบผิวเรียบ กลม หรือรูปแบบตางๆแตผิวเรียบ ใหเราดูที่ผิว
ธรรมชาติ จะมีรอยตางๆ เชน ลายเสนธรรมชาติ ไมใชเรียบเหมือนขัดแตง หรือหลอขึ้นรูปใหม
ที่ทุกวันนี้เอามาหลอกขายกันทั่วๆ ไป รูปแบบธรรมชาติยอมดีกวา เอาไปหลอมขัดแตง ขึ้นรูปใหม
ของที่ขัดแตขึ้นรูปใหม ไมวาจะเปนรูปอะไรก็แลวแต ถือวาเหล็กไหลนั้น ตายแลว

เหล็กไหลชั้นยอด หมายถึงรูปแบบชั้นยอดที่มีอํานาจบางอยางสรางขึ้น หรือดลบันดาลใหหลุด


ออกมาตามรูปแบบนั้นๆ ไมไดหมายความวา ดีกวาหรือดอยกวาเหล็กไหล ๗ สี หรือเหล็กไหลไพรดํา
เหล็กไหลจาวปา เหล็กไหลยอย หรือสีตางๆเลย สวนมากจะดีไปคนละแบบอยาง แตกตางกันออกไป
เทานั้น

แรเกาะลาน

แรเกาะลาน ( เหล็กไหลงอก )
นอกจากความงดงามตามธรรมชาติของเกาะลานแลว
ยังมีของขึ้นชื่อ ชนิดขึ้นหิ้ง บูชาในฐานะสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ประจําเกาะที่มีอยูเพียงแหงเดียวในประเทศไทย
โดยแรเกาะลานสามารถพบไดบริเวณดานบนของ
แหลมยักษ ติดกับหาดนวล แรเกาะลานตามความเชื่อ
ของบรรดาเซียนพระ อยูต  รงที่แรสามารถงอกไดหรือ
ขยายตัวให โตขึ้นได หากเปนแรที่อยูตามธรรมชาติ
แลวมีการงอก ที่เหมือนกับหินงอกหินยอยทั่วไป

ก็ดูไมนาแปลก แตถานําแรเกาะลานมาเลี่ยมใสกรอบพลาสติกอยางมิดชิดแลว ปรากฎวายังสามารถ


ขยายขนาดหรืองอกเพิ่มจนดันกรอบใหแตกออกมาได ถือวาเปนเรื่องที่มหัศจรรยแตก็เปนเรื่องจริง
การที่องคแรเกาะลานจะงอกจะขยายมากเทาไรขึ้นอยูกับคนใชวาหมั่นบูชาสวด มนตปฏิบัติกรรมฐาน
แผเมตตาจิตอุทิศสวนกุศลใหแกโคตรแรเกาะลานก็จะงอกขึ้น

ดวยคําบอกเลาของ คุณบรรเจิด จินดาศักดิ์ชัย เจาของรานคาริมหาดแสม ที่ฝากตัวเปนชาวเกาะลาน


มากวา ๔๐ ป แรเกาะลานถือเปนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเกาะลานทุกคนใหความนับถือ กอเกิดเปนตํานาน
เรื่องเลาสืบตอกันมาตั้งแตรุนคุณปูรุนคุณยา

ถาเปนชาวเกาะลานแทๆ ตองมีไวบูชา ชาวบานกวา ๙๐ % เรียก วาแทบจะทุกบานจะตอง


มีเก็บไว มีการเคยพิสูจนทางวิทยาศาสตรแลวพบวา จริงๆ แลวแรเกาะลาน ก็คือ แรแมงกานิส
แตมีความพิเศษอยูตรงที่เมื่อเราขุดขึ้นมาแลว โดยทั่วไปปริมาณของแรจะไมเพิ่มขึ้นเราเรียกวา
แรตาย แตแรที่เกาะลานนี้จะเปนแรเปน คือ คนที่แขวนบูชาแรก็จะงอกออกมาเรื่อย ๆ สวนพุทธ
ปาฏิหาริยที่พบเจอนั้น ก็จะมีแตกตางกันไปตามความเชื่อของแตละคน บางคนก็แคลวคลาด
ปลอดภัยจากอันตราย บางคนก็ทํามาคาขึ้น ร่ํารวยเปนเศรษฐี่ก็มี
๙๓๗

เรื่องอิทธิปาฏิหาริยที่เขาจําไดดีที่สุดเรื่องหนึ่ง เกิดขึ้นในสมัยหลวงจบกระบวนยุทธ (พอตา


ของจอมพลถนอม) ในสมัยนั้น ทางรัฐบาลไทยไดทําสัญญาจะขุดแรเกาะลานสงไปยังประเทศญี่ปุน
ผลปรากฏวาเมื่อเรือบรรทุกแรเดินทางถึงทาเทียบเรือของญี่ปุน แรที่ขนมานั้นไดกลายเปนหินไป
ทั้งหมด สรางความประหลาดใจใหกับลูกเรือและผูรับผิดชอบโครงการเปนอยางมาก จนในที่สุดญี่ปุน
จึงยกเลิกสัญญาการขนสงแรเกาะลานไป

แรเกาะลานยังกลายเปนสมบัติประจําเกาะที่ชาวบานหวงแหน เนื่องจากครั้งหนึ่งเคยมีการขุดแร
ออกไปจากเกาะเปนจํานวนมากทําใหปริมาณแร ลดลงอยางรวดเร็ว ทางเทศบาลนครพัทยาจึงประกาศ
หามขุดแรเกาะลาน

เหล็กหลบ

จัดอยูในประเภทธาตุกายสิทธิ์คลายเหล็กไหล
พบไดตามแมน้ําสายสําคัญของประเทศ และตามปา
เขาที่เคยเปนแหลงน้ํามากอน สวนมากจะตองขุดหา
ตอนเวลาหนาฝน เพราะน้ําจะชะลางหินทรายลงมา
ลักษณะ เหล็กหลบสวนมากจะไมมีสน ั เหลี่ยม
จะขอนขางกลม บางชิ้นจะมีลายเสนคลายการ
แบงตัวเองตามวิถีชีวิต ของธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้
เนื้อภายนอกสวนมากจะมีหลายสี แตทุกสีเมื่อนํามา
ขัดเจียรไนเปลือกนอกออก เนื้อในจะออกสีทอง
หรือออกทองเขียวๆ ลักษณะทั่วไปสีดําเปนมัน
สีเขียวอมดํา สีเปลือกมังคุดหรือน้ําตาลไหม
สีทองดอกบวบ ไมชอบเลนไฟ พุทธคุณ เมตตา
มหาอุตม ปองกันภูตผีปศาจ ถือวาเปนธาตุกายสิทธิ์
ชั้นยอดอีกชนิด

วิธีปฏิบัตบิ ูชาเหล็กไหลทุกประเภท

๑. เมื่อนําเหล็กไหลไปถึงบานแลว ใหจัดหา
ดอกไมธูปเทียนขันธ ๕ เทียน ๕ คู
ธูป ดอกไม ทุกอยางเปนสีขาว เพื่ออัญเชิญ
ขึ้นไหวที่สมควรบนหิ้งพระหรือโตะหมูบ  ูชา
ที่ควรตอการสักการะตอไป
๒. จัดแกวน้ําธรรมดาและแกวน้ําผึ้ง ๑ ถวยชา
เล็กก็ได เปลี่ยนทุกวันพระหรือทุกวันตาม
กําลังศรัทธา
๓. สวดมนตทําวัตร เชา – เย็น เสร็จแลว
จุดธูป ๕ ดอกแลวกลาวคาถาบูชา
เหล็กไหลดังนี้
๙๓๘

การบูชาธาตุกายสิทธิ์
๑. เมื่อนําเหล็กไหลเขาบาน ควรจุดธูป ๕ ดอก แลวกลาววา ขาพเจา ชื่อ......นามสกุล..........
ขาพเจาขอนําเหล็กไหลที่ขาพเจาไดมานี้ นํามาบูชาเพื่อเปนศิริมงคลแกตัวขาพเจาและครอบครัว
ขอใหองคพญาเหล็กไหลผูทรงอํานาจไดโปรดดลบันดาล ความเปนอยูที่ดีขึ้น ขอใหมีแตสิ่งดีๆ
มีโชคมีลาภ เจริญรุงเรื่องดวยหนาที่การงานทั้งหลายที่ขาพเจาไดทํา และความอยูเย็นเปนสุข
ปราศจากโรกภัยไขเจ็บทั้งหลาย ขออํานาจแหงคุณรพระศรีรัตนไตร เมื่อขาพเจาไดทําบุญกุศลครั้งใด
ขอใหบุญกุศลที่ขาพเจาไดทํา จงไปถึงองคพญาเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์ที่ขาพเจาไดเปนเจาของนี้
จงไดรับผลบุญของขาพเจาทุกครั้งไปดวยเทอญ
๒. เมื่อนําเหล็กไหลเขาบาน แลว ก็นําน้ําผึ้ง เทใสแกวแลวนําเหล็กไหลชิ้นนั้นแชลงไปซัก ๑ - ๓ วัน
จึงนําขึ้นมาลางน้ําใหสะอาดแลวจึงนําขึ้นหอยคอ
๓.ใน ๗ วันควรถอดออกมาแชน้ําผึ้ง ๑ ครั้ง

เคล็ดลับการบูชา
การบูชาทั่วๆไป การขอความสําเร็จนั้นอาจจะยากไป แตก็สามารถทําใหมีการขอไดงาย
ขึ้นถาสามารถทําได
๑. การถวายขาวปลาอาหารทุกวัน
๒. กอนถวายขาวปลาอาหาร ควรถวายพระพุทธที่บานเสียกอน
๓. สวดมนตคาถาชินบันชรถวายแดองคเหล็กไหล (ใหเรานึกถึงวาองคเหล็กไหลรูปรางเหมือนคน
ใหนึกวาเปนองคเทพเนื้อตัวสีดํา แตเครื่องทรงสีสดสวยงดงาม ดวยการอิ่มบุญจากการที่เรา
สวดมนตถวาย)
๔.ขอพร................อยางที่ตองการอยากจะได การขอพรถามันดูมากเกินไป ก็อาจจะได
บางสวนที่ลดหลั่งลงมา
๕..การทําแบบนี้ ไมใชแค เดือน ๒ เดือนจะสนิทสนมกับองคเหล็กไหล อันนี้ตองอยูที่ความอดทน
ของบุคคลนั้นดวย เพราะจะตองโดนทดสอบความอดทน

พระคาถาบูชาเหล็กไหลมหาลาภ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ ( ๓ จบ )
พุทโธเมนาโถ ธัมโมเมนาโถ สังโฆเมนาโถ
นะโมวิมุตตานัง นะโมวิมุตติยา สะกะพะจะบูชา
บูชาทานผูดูแลธาตุศักดิ์สิทธิ์อานุภาพ
อิสะวาสุ สุสะวาอิ อิตปิ โส ภะคะวา
เหล็กไหลเจริญมา เหล็กไหลมหาลาภเจริญยิ่ง
เหล็กไหลมหาลาภเจริญดี
สิ่งดีๆทั้งหลายขอจงไดหลั่งไหลมาหาขาพเจา
สมดั่งชื่อเหล็กไหลมหาลาภ
สัมมะ สัมมา สัมมะ มะอะอุ
๙๓๙

การบูชาเหล็กไหลฤาษี
· จัดตั้งขันธ ๕ บูชาครู ประกอบไปดวย ผาขาวหรือแพรขาว ๑ ผืน ยาว ๑ วา
· กรวยใบตอง ๕ คู สําหรับใสเทียนขาวและดอกไมขาว จัดเรียงในถาดหรือพานขันธ ๕
· บายศรีพรหม ๑ คู
· น้ําผึ้งแท บรรจุภาชนะมีฝาปด หรือ ใสถวยแกวเล็ก ๆ พอประมาณ
· กลาวอัญเชิญเทพพรหมเทวา แลวสวดตอดวยบท อาทิตตะปริยายะสุตตัง ถวายแดปูฤาษีเหล็กไหล

กลาวอัญเชิญเทวดา

สะมันตา จักกะวาเฬสุ อัตราคัจฉันตุ เทวะตา


สัทธัมมัง มุนริ าชัชสะ สุณนั ตุ สัคคะโมกขะทังฯ
สะรัชชัง สะเสนัง สะพันธุง นะรินทัง
ปะริตตานุภาโว สะทา รักขะตูติ
ผะริตวานะ เมตตัง สะเมตตา ภะทันตา
อะวิกขิตตะจิตตา ปะริตตัง ภะณันตุ
สัคเค กาเม จะ รูเป คิริสขิ ะระตะเฏ จันตะลิกเข วิมาเน
ทีเป รัฏเฐ จะ คาเม ตะรุวะนะคะหะเน เคหะวัตถุมหิ เขตเต
ภุมมา จายันตุ เทวา ชะละถะละวิสะเม ยักขะคันธัพพะนาคา
ติฏฐันตา สันติเกยัง มุนิวะระวะจะนัง สาธะโว เม สุณันตุฯ
ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา
ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา
ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตาฯ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

อาทิตตะปะริยายะสุตตัง

เวเนยยะทะมะโนปาเย สัพพะโส ปาระมิง คะโต


อะโมฆะวะจะโน พุทโธ อะภิญญายานุสาสะโก
จิณณานุณูปะโต จาป ธัมเมนะ วินะยัง ปะชัง
จิณณาคคิปาริจะริยานัง สัมโพชฌาระหะโยคินัง
ยะมาติตะปะริยายัง เทสะยันโต มะโนหะรัง
เต โสตาโร วิโมเจสิ อะเสกขายะ วิมต ุ ติยา
ตะเถโวปะปะริกขายะ วิญูนัง โสตุมิจฉะตัง
ทุกขะตาลักขะโณปายัง ตัง สุตตันตัง ภะณามะ เสฯ
เอวัมเม สุตังฯ เอกัง สะมะยัง ภะคะวา
คะยายัง วิหะระติ คะยาสีเส สัทธิง ภิกขุสะหัสเสนะฯ
สัพพัง ภิกขะเว อาทิตตังฯ กิญจะ ภิกขะเว สัพพัง อาทิตตังฯ จักขุง ภิกขะเว อาทิตตัง
รูปา อาทิตตา จักขุวิญญาณัง อาทิตตัง จุกขุสัมผัสโส อาทิตโต ยัมปทัง จักขุสัมผัสสะปจจะยา
อุปปชชะติ เวทะยิตัง สุขงั วา ทุกขัง วา อะทุกขะมะสุขัง วา ตัมป อาทิตตังฯ เกนะ อาทิตตังฯ
อาทิตตัง ราคัคคินา โทสัคคินา โมหัคคินา อาทิตตัง ชาติยา ชะรามะระเณนะ
โสเกหิ ปะริเทเวหิ ทุกเขหิ โทมะนัสเสหิ อุปายาเสหิ อาทิตตันติ วะทามิฯ
โสตัง อาทิตตัง สัททา อาทิตตา โสตะวิญญาณัง อาทิตตัง โสตะสัมผัสโส อาทิตโต ยัมปทัง
โสตะสัมผัสสะปจจะยา อุปปชชะติ เวทะยิตัง สุขงั วา ทุกขัง วา อทุกขะมะสุขัง วา ตัมป
อาทิตตังฯ เกนะ อาทิตตังฯ อาทิตตัง ราคัคคินา โทสัคคินา โมหัคคินา อาทิตตัง ชาติยา
ชะรามะระเณนะ โสเกหิ ปะริเทเวหิ ทุกเขหิ โทมะนัสเสหิ อุปายาเสหิ อาทิตตันติ วะทามิฯ
๙๔๐

คาถาตางๆ ที่ใชภาวนากับ เหล็กไหล


ทองพระคาถาบทนี้แลว พึงทําการอธิษฐานขอใหเหล็กไหลแสดงปาฏิหาริยเปนอนุสติใหดูอยางใด
อยางหนึ่ง เชนวาใหยืดใหหด ใหเลนไฟ ยังเปนคาถาคุมครองตัวดวย ทองไวรางกายแข็งแรง
อายุยืนยาว ปราศจากโรคภัย เปนคาถาที่เหมาะสมดีนัก พระคาถามีดังนี้

จิ เจ รุ นิ เตชะ สะ ติ

วายุละภะ ภะเวสัจเจเอชิมะ

อะปานุติ ปะถะวิยัง

(ตํารับวัดถ้ําแฝก)

คาถาถวายน้ําผึ้ง

นะอึดโมอึด โธอัดนะอัด (๓ จบ )
คําอธิษฐานน้ํามนตเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์

ลูกขอบารมีสมเด็จพุฒจารยโต พรหมรังสี ทานพญาสมิงเหล็ก ทานปูฤาษีเวชยันต เทพยดา


อารักษ ผูสิงสถิตอยูในเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์นี้ และครูบาอาจารยทุกทาน ขาพเจา ( ชื่อ นามสกุล )
ปวยเปนโรค......อาการ......ลูกขออนุญาตดื่มน้ํามนตอันศักดิ์สิทธิ์นี้ เพื่อชวยรักษาโรคภัยไขเจ็บ
ในรางกายของลูกใหหายขาด ณ บัดนี้ดวยเถิด

( น้ํามนตใชดื่ม ทา หรืออาบ วันละหลายครั้งก็ได )

เรื่องราวเกี่ยวกับเหล็กไหล
ตํานานเหล็กไหลในยุคปจจุบัน
เรื่องราวความเปนไปของเหล็กไหลคอนขางสลับซับซอนและยากตอการเสาะแสวงหา
นอกจากการชี้แนะของครูบาอาจารยรุนกอนๆที่ทานไดศึกษาและมีประสพการณ โดยเฉพาะตํานาน
เหล็กไหลเหลานี้ไดรับการบอกเลาสืบทอดกันมาดวยวาจา จนเมื่อหลวงพอสัมฤทธิ์อดีตเจาอาวาส
วัดถาแฝด อ.ทามวงจ.กาญจนบุรี ไดเปดเผย เรื่องราวอันมหัศจรรยนี้ จากการบอกเลาสืบทอดกันมา
แตโบราณถายทอดจากประสพการณออกเผยแพรเปนตํานานเรื่องเลาขาน

จนพระอาจารยสิทธาเชตวันนักเขียนนวนิยาย
และเรื่องราวที่ลี้ลับทางจิตอภิญญาผูมีบารมีธรรม
และญาณหยั่งรูชั้นสูงซึ่งปจจุบันอยูในเพศบรรพชิตที่
กําลังแสวงหามรรคผลในปจจุบันไดเคยกลาว
ถึงหลวงพอสัมฤทธิ์ไววา “ พระธุดงคสวนใหญทาน
จะแสวงหามรรคผลนิพพาน แตหลวงพอสัมฤทธิ์
ไมเอาอยางนั้ จะเอาเหล็กไหลลูกเดียวชางกลาหาญ
ชาญชัยถึงปานนั้น "
๙๔๑

เพราะผูที่จะรูเรื่องราว“เหล็กไหล”สวนใหญจะเปนพระเกจิอาจารยผู ผานการวิเวกตามปาเขา
ลําเนาไพรเปนผูทรงญาณเกงกลาในพุทธาคมจึงจะมีโอกาส ไดสัมผัสหรือรับรูเรื่องราวเหลานี้
ตลอดจนมีเหล็กไหลบางประเภทอยูในครอบครอง
หลวงพอสัมฤทธิ์ทานศึกษาเรื่องเหล็กไหลมา
จากหลวงพอดีวัดพระไตนครเวียงจันทร
ประเทศลาว อายุ ๙๐ ปเศษ แตยังแข็งแรง
เหมือนคนอายุ ๖๐ แตทานเชี่ยวชาญใน
เรื่องเหล็กไหลไพรดําเลนแรแปรธาตุ
ไดชวนหลวงพอสัมฤทธิ์ ศึกษาเรื่องเหล็กไหล
โดยออกธุดงคไปทางภูเขาควายเขาไป
ถึงเขมรและญวนจนไดรับ ความรูเปนอยางดี
จึงยอนกลับประเทศไทยออกธุดงคไปตาม
ปาเขาจากเหนือจรดใตของประเทศ
ทําใหทานไดประสพการณเรื่องของธาตุกายสิทธิ์และเหล็กไหลมากมาย ดังนั้นเรื่องราวตางๆ
เหลานี้หาใชจะยึดเปนตําราไดไมเพียงแตเปน เสี้ยวหนึ่งของประสพการณจากครูบุรพาจารยในอดีต
ที่ถูกถายทอดออกมาเปนลาย ลักษณอักษรเพื่อใชประกอบการศึกษาและหาทางพิสูจนกันตอไป

“เหล็กไหลไพลดาพูดพลามเปนบาเลนแรแปรธาตุผาขาด
เปนวาคิดสะระตะโสฬส นอนอดเหมือนหมา” ดังคําพังเพย
ของคนโบราณที่ไดใหขอคิดสะกิดเตือนลูกหลานเอาไว
ไมใหสนใจใน เรื่องเหลานี้ เพราะเปนชองทางหากินของเหลา
มิจฉาชีพใชเลหเหลี่ยมกลโกงแบบ ๑๘มงกุฎ ใชไสยศาสตร
และมายากลหลอกลวงหากินตมประชาชนผูรูไมทันก็จะเสียเงิน
เสียทองเปนจํานวนมากได
ฤาเปนเรื่องที่เบื้องบนตองการเปดเผยความเรนลับของเหล็กไหลนี้กันแน เพราะเมื่อ ๓๐ปกอน
ทันตแพทยวิชิตตริชอบไดเปดเผยเรื่องราวของเหล็กไหลใน แงการผจญภัยและพิธีกรรมตัดเหล็กไหล
ผานทางนักเขียนนามอุโฆษ “พนมเทียน” ในหนาหนังสือพิมพ“เดลินิวส”ทําใหคนอานทั่วประเทศ
ติดกันงอมแงมทีเดียว เคยมีคนถามคุณหมอวิชิตวา

“ เหล็กไหลมีจริงหรือเปลา ” คําตอบก็คือ “ ผมไดเห็น


เหล็กไหลจริงๆ ดังที่ไดเลาไวในหนังสือเรื่อง
เหล็กไหลทัง ้ ๔ เลมนั่น แหละแตไมกลายืนยันวา
เหล็กไหลทีแ ่ ทจริงมีอยูในโลกนี้จริงๆ หรือไมมัน
ยังอึมครึมลึกลับอยู ” เพราะอาจจะเปนมายาศาสตร
ชั้นสูงที่ผูสําเร็จญาณสมาบัติชั้นสูงหรือ สําเร็จอภิญญา
ใชฤทธิ์อํานาจสะกดจิตใหเห็นตามที่ตองการหรือใชมายา
กลระดับเซียนเหยียบเมฆ เพราะเหล็กไหลที่ตัดมาทั้งหมด
นั้นในที่สุดก็ไดลองหนหายไป อยางลึกลับเชนกัน

แมในปจจุบันเรื่องราวของการใชมายากลในผูที่แอบอางเปนพระสงฆก็ยัง มีอยูใหเห็นเปนขาว
เมื่อเร็วๆนี้เชนกันการที่อวดแอบอางเปนผูมีฤทธิ์อภิญญาใชทีมงานรวมมือกันหลายคนแสดงการปรากฏ
ตัวของ“เปรต”การเคลื่อนยาย วัตถุขามมิติการยนระยะทางเสกเรียกของกลางอากาศแลวทําไมจะใช
ขบวนการสราง เรื่องราวของเหล็กไหลใหดูพิสดารสมจริงไมไดเรื่องราวของตํานานเหล็กไหลในที่นี้
เปนขอมูลที่หลวงพอสัมฤทธิ์ไดรับมา จากครูบาอาจารยหลายทานดวยกันที่เหมือนกันก็มีที่ขัดแยงกัน
ก็มีตามภูมิความรูภูมิธรรมของแตละทานตลอดจนประสพการณจากการปฎิบัติและศึกษาจากของจริง
ตามปาตามเขามานานนับสิบป
๙๔๒

หลวงพอสัมฤทธิ์กับการคนหาเหล็กไหล
เมื่อทานไดรูจักเหล็กไหลดีแลว ก็จะไดดําเนินเรื่องราวเกี่ยวกับหลวงพอสัมฤทธิ์และเหล็กไหล
วัดถ้ําแฝดสืบไป ภายหลังจากหลวงพอเดินทางกลับจากประเทศลาวแลว ก็ออกธุดงคไปทั่ว เพือ ่
ฝกฝนจิตใจใหมีความเขมแข็ง เชน ฉกรรจ จังหวัดปราจีนบุรี เขาใหญ นครราชสีมา เขาเขียว ชัยภูมิ
เขาคอ เพชรบูรณ เลยไปถึง ลําปาง เชียงใหม แมฮองสอน ณ ที่จังหวัดลําปางนี้เอง หลวงพอ
สัมฤทธิ์ไดพบกับ พอเลี้ยงรัศมี คหบดีผูกวางขวางในจังหวัดลําปางและเชียงใหม เปนผูที่มีความสนใจ
ในเรื่องราวของเหล็กไหล และกายสิทธิ์อื่นๆ เมื่อรูวาหลวงพอสัมฤทธิ์มีความเชี่ยวชาญในเรื่องราว
เกี่ยวกับเหล็กไหล ก็ไดชวนใหทานชวยหาเหล็กไหลให โดยเปนผูปวารณาในเรื่องคาใชจายทั้งหมด
โดยไดพาไปในสถานที่หลายแหงที่เลาลือวามีเหล็กไหล แตก็เปนเพียงขาวลือ ไมไดพบเหล็กไหล
ตามที่ตั้งใจไว

ปรากฏการณประหลาด
เรื่องนี้เกิดจากการแสวงหาเหล็กไหลกับพอเลี้ยงรัศมี เดินรอนแรมในปามาถึงเขตดอย
อินทนนท จังหวัดเชียงใหม ไดพบสถานที่แหงหนึ่ง ซึ่งคิดวานาจะมีเหล็กไหลอยู จึงไดจัดเครื่อง
บวงสรวงเจาปาเจาเขา เทพผูรักษาองคเหล็กไหล ขณะที่กาํ ลังทําพิธีอยูนั้น ทองฟาไดเปลี่ยนเปน
มืดครึ้มโดยฉับพลัน มีเสียงฟาผาเปรี้ยงมายังสถานที่แหงหนึ่ง ซึ่งอยูหางจากบริเวณที่ทําพิธีเล็กนอย
เสียงดังสนั่นแสบแกวหู ทําใหทุกคนตกตะลึงในเหตุการณเฉพาะหนาเปนอยางยิ่ง ดวยไมรูเหตุเภทภัย
อันใดที่ปรากฏตอหนาในขณะนั้น

หลวงพอไดพิจารณาแลวเห็นวา ชะรอยคงเปนสิ่งบอกเหตุบางอยางที่เกี่ยวของกับการ
เสาะแสวงหาของกายสิทธิ์เปนแนแท จึงไดชวนญาติโยมไปพิสูจนอะไรบางอยางที่ทานแคลงใจ
โดยเดินไปยังจุดที้ฟาผาลงมา ณ ที่นั้นทุกคนไดเห็นวัตถุสีดํากอนประมาณ ๒ – ๓ นิ้วเศษ สีดําสนิท
เนื้อในดูเงางาม ขณะที่กาํ ลังหาเหตุผลอยูนั้น ฉับพลันไดยินเสียงชางรอง พรอมกับปรากฏกายอัน
สูงใหญรี่ตรงมายังที่หมูคณะ

เทานั้นแหละตัวใครตัวมัน ตางคนก็ตางตกใจคิดหนีเอาตัวรอด หลวงพอเองก็คาดไมถึง


จะมีเหตุการณเชนนี้เกิดขึ้น อาศัยทีเ่ ปนพระกรรมฐาน มีสติไมตกใจอะไรงายนัก ไดกําหนดจิต
แผเมตตาและชูเจาหินประหลาดสีดํานั้นไปทางชางที่กําลังวิ่งเขามา เหลือเชื่อทีเดียว ทําใหชาง
รายตัวนั้นหยุดชะงักอยูกับที พรอมกับจองมองมาทางทานถมึงทึงสักครูเดียวชางนั้น ก็เดินเลี่ยง
หลบออกไปทางอื่นทันทั เสียงถอนหายใจอยางโลงอกจากคณะคนหาที่เห็นเหตุการณโดยตลอด
แตไมกลาแสดงตนออกมาชวย

พอเลี้ยงรัศมีเปนคนแรกที่วิ่งมาถึงตัวทาน พรอมกับขอขมาเจาสิ่งประหลาดที่ทําใหชาง
เปลี่ยนใจหนีไปทางอื่น หลวงพอบอกวาเจาสิ่งที่ทานไดพบตอนฟาผานั้นกลับเปน “ สะเก็ดดาว”
หรืออุกกามณี ที่เราถือวาดีเดนทางโชคลาภ แคลวคลาดกันภัย ปลุกเสกดีๆ ก็เปนมหาอุต
นองๆ เหล็กไหลเหมือนกัน ดังนั้นพอเลี้ยงรัศมี จึงไดเอยปากขอสิ่งที่เห็นนี้จากหลวงพอทันที
ซึ่งทานก็หยิบยกให ดวยไมไดติดในเรื่องราวเหลานี้อยูแลว อีกประการหนึ่งพอเลี้ยงรัศมี
ก็เปนเจาภาพในการเสาะแสวงหากายสิทธิ์ประเภทนี้อยูแลว ก็เลยไมไดคนหาเหล็กไหลตอไป
ดวยปรากฏปาฏิหาริยขึ้นมากอน จึงเห็นวาไมสมควรทําพิธีตอไป
๙๔๓

อัญเชิญเหล็กไหลกอนแรก
หลังจากแยกทางกับพอเลี้ยงรัศมีแลว ทานก็ธุดงคลงทางใต จากกาญจนบุรีลองลงไปดวยเทา
จนถึงบางสะพาน ปะทิว ชุมพร ซึ่งเต็มไปดวยเทือกเขายาวเหยียดไปจนติดพมา และที่บางสะพาน
นี้เองทานเลาวา ไดมาถึงสถานที่แหงหนึ่ง เรียกกันวา “ เกาะยายฉิม ” ณ สถานที่นี้เปนฐานของ ตชด.
อยูลึกจากถนนใหญ ๒ – ๓ กม. ไดพบน้ําตกแหงหนึ่งปลาชุกชุมมาก ทานไดสังเกตเห็นหนาผาแหง
หนึ่งดูแปลกในความรูสึก จึงแหวกหญาเขาไปใกลบริเวณหนาผาดังกลาว พบวามีงูชุกชุม

เมื่อพิจารณาหาสถานที่จะปกกลดได จึงไดปกกลดในบริเวณนั้น ๓ วัน ในวันสุดทายขณะที่


ทานนั่งกรรมฐานอยูประมาณ ๒ ชั่วโมงเศษ รูสึกไดยินเสียงวัตถุบางอยางตกอยูใกลๆ กลด ทานจึงได
คลายสมาธิออกดู ฉับพลันสายตาก็กระทบเขากับวัตถุมันดําวาวขนาดนิ้วกอย จํานวน ๒ เม็ด ตกอยู
ใกลๆ กลด จึงไดหยิบมาพิจารณาก็ทราบวาเปน “ เหล็กไหล ” ที่เทพผูรักษาไดมอบให

ดังนั้นพอรุงเชาหลังรับบิณฑบาตรจาก ตชด.แลว ก็ไดนําเอากลับมาฉันที่กลดขณะเดียวกัน


ตชด.ก็ไดนําเอากับขาวมาเสริมใหหลวงพอ โดยสนทนาเรื่องราวตางๆ วาหลวงพอมาปกกลดที่นี่
ไดเห็นนิมิตอะไรที่ดีๆ บางไหม จําไดวา ร.ท.อําไพกับลูกนอง ๒ – ๓ คน เปนเพื่อนรวมสนทนาดวย

ทานจึงไดนําเอาสิ่งที่ทานพบมาใหดู คณะ ตชด. เห็นแลวขนลุกทันที จึงขออนุญาตทดลง


ตอหนาทาน โดยใชอาวุธปนคารบินส เล็งยิงระยะหางเพียง ๓ เมตรเทานั้น ปรากฏวายิ่งไมออก
แตพอหันปากกระบอกขึ้นฟาเสียงก็ดังเปรี้ยงทันทีเหมือนกัน พอเห็นผลดังนั้น ร.ท.อําไพและเหลา
ตชด.ก็ไดขอเอาไว โดยไมฟงเสียงวาจะใหหรือไม ถือสิทธิ์เปนกรรมสิทธิ์ของตนเองทันที

ทานก็ไมไดวาอะไร เมื่ออยากไดทานก็ใหดวยความเมตตา เพราะสิ่งเหลานี้ถือเปนทางผาน


เปนประสพการณที่เหลือเชื่อเรื่องหนึ่งเชนกัน เพราะทานบอกวา สมัยนั้นยังไมมี ใครรูจัก
“ เหล็กไหล ” ที่วากันนัก ราคาซื้อขายก็ไมกี่หมื่นบาท

เหล็กไหลจากถาเขาหลวง
พระอาจารยสิทธาเชตวันไดเคยเลาถึงพิธีกรรม“อัญเชิญเหล็กไหล”ที่แตกตาง จากพิธีกรรม
ที่เคยพบมาวาอาจารยเสือเพชรสังฆาตเปนลูกศิษยของหลวงพอเดิม วัดหนองโพจังหวัดนครสวรรค
อดีตเคยเปนนักเลงใหญและเสือปลนมากอนแตได เลิกอาชีพโจรมาเปนอาจารยไสยศาสตรผูมีชื่อเสียง
ที่รูจักกันดีในวงการ เหล็กไหลประพฤติตนอยูในศีลในธรรมสงเคราะหชวยเหลือผูคนดวยเมตตาธรรม
จนเปนที่เคารพรักใครนับถือของคนในหลายวงการรวมทั้งอดีตรัฐมนตรีบางคนก็เคย ไดรับ
“เหล็กไหล” จากมือของอาจารยเสือมาแลว

เมื่อไมกี่ปที่ผานมาอาจารยเสือเพชรสังฆาตไดทําพิธีกรรมอัญเชิญเหล็กไหลครั้งสําคัญที่ถํ้าเขาหลวง
จังหวัดเพชรบุรีมีลูกศิษยลูกหาที่เปนทั้งทหาร ตํารวจและรัฐมนตรีเขารวมพิธีหลายคนจนเปนขาว
เกรียวกราวในวงการเหล็กไหล เพราะไดพบเห็นความมหัศจรรยประจักษแกสายตาตนเองพรอมกัน
ในวันนั้น วัตถุธาตุกายสิทธิ์ที่ไดทําพิธี “อัญเชิญ” ในครั้งนั้นอาจารยเสือไมไดเรียกวา “เหล็กไหล”
แตไดเรียกวา “พญาเหล็ก” หรือ “นางพญาเหล็ก ”หรือ “เจาแมทองธรรมชาติ” เนื่องจากสิ่งที่ทํา
พิธีอัญเชิญในครั้งนี้เกิดจากวัตถุธาตุกายสิทธิ์ที่ลองลอยอยูในอากาศอาจารยเสือไดใชพระเวทยเรียก
ใหธาตุเหลานั้นมารวมตัวกัน เขาเปนวัตถุธาตุกายสิทธิ์สีดําดั่งนิลมีอานุภาพทางคงกระพันชาตรีเปน
มหาอุด รวมทั้งเมตตามหานิยมเรียกโชคลาภมาสูเจาของผูครอบครอง

แตเปนที่นาเสียดายวาหนังสือพิมพ “มติชน” รายวันฉบับวันพุธที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๓๖ หนา ๒๙


ไดลงพาดหัวขาววา “ ลอมจับมือปนเฒาควานาเหลว ” บรรยายเนื้อขาววา
๙๔๔

"เมื่อเวลา ๑๖.๓๐น.วันที่ ๒๒ มีนาคม มร.ต.อ.ปฐมพงษเพชรพิรุณรองสว.ผ.๔ กก.๒ป.พรอมกาลัง


เจาหนาที่กองปราบไดเขาลอมบานเลขที่ ๙๑/ ๓ม.๖ บานไรลาปาง ต.โกสัมพี อ.เมืองจ.กาแพงเพชร
โดยสืบทราบวานายเสือเพชรสังฆาตอายุ ๕๖ ป มือปน รุนลายครามไดตั้งตนเปนผูวิเศษหลอกลวง
ชาวบานอยูในละแวกดังกลาว

เมื่อเจาหนาที่ตํารวจไดปดลอมไวทุกดานแลวไดตะโกนใหนายเสือมอบตัว ก็เลยเกิดการ
ยิงตอสูกันปรากฏวาตํารวจบาดเจ็บ ๒ นายก็เลยมีการขอกําลังเสริม จากสภ.ต.ทรงธรรมเจาของ
ทองที่เพื่อติดตามลาตัวนายเสือแตปรากฏวาไมพบ เหลือเพียงปลอกกระสุนปนเปนจํานวนมาก
ตกอยู ทําใหขาดขอมูลเรื่องราวที่นาสนใจไปเพราะไมทราบขาวของอาจารยเสือและ สาเหตุที่
แทจริงในเรื่องราวที่เกิดขึ้นรวมทั้งขอมูลดีๆ ที่เกี่ยวกับเรื่อง เหล็กไหลอีกหลายแงหลายมุม
แตสิ่งหนึ่งที่อาจารยเสือทําไดสําเร็จในครั้งนี้ ยอมแสดงถึงคุณธรรมและเจตนาที่บริสุทธิ์ใน
การอัญเชิญเหล็กไหล เพราะไดทราบขาววาลูกศิษยลูกหาหลายคน ไดมบ ี ารมีพอที่จะไดรับ
มอบเหล็กไหลชุดนี้ไปครอบครอง จึงไมนาจะเปนผูประพฤติมิชอบตามขอกลาวหาดังที่เปนขาว

เหล็กไหลจากเขากะอางค
พิธีการอัญเชิญเหล็กไหลนี้หลวงพอวัชระไดเคยไปสัมผัสอยูแ
 หงหนึ่งเมื่อป ๒๕๔๐ในบริเวณ
ถํ้าบนเขากะอางค อ.ทามะกา จ.กาญจนบุรี ไดมีคณะคนหาเหล็กไหล มาชักชวนใหไปทําพิธีอัญเชิญ
เหล็กไหลบารมีก็เลยสนใจ เพราะเคยไดยินแตวาตัดเหล็กไหล สวนการอัญเชิญอยางที่เขาใจก็คง
หมายถึงการทําพิธีใหเหล็กไหลโผล ปรากฏออกมาเองเหมือนการเสด็จของพระธาตุกระมัง

ในวันนั้นไดเดินทางไปถึงบริเวณเขาก็มืดคํ่าพอดีคณะคนหาไดรอตอนรับ อยูที่เชิงเขามีผูคนทั้งชาวบาน
ที่ทราบขาวเกือบ ๓๐คน เดินขึ้นไปบนเขาเกือบหนึ่งชั่วโมง จึงไดพบจุดที่จะทําพิธีในขณะที่ทําพิธน ี ั้น
ไมมีโอกาสสอบถามชื่อเสียงทราบแตวา เปนชาวเขมรทางสุรินทรเกงในเรื่องคนหาเหล็กไหลไดรออยู
จนดึกปรากฏวาเหล็กไหล ไมยอมออกมาเพราะคนจํานวนมากขาดความสํารวมสงเสียงดัง ลั่นคูหา
ไปหมด ไดมีการนัดหมายเวลาใหมในวันรุงขึ้น เฉพาะในหมูคณะที่เกี่ยวของเทานั้น

ตกเย็นจึงไดเปลี่ยนจุดนัดพบขึ้นเขาอีกทางดานหนึ่งเพื่อหลีกเลี่ยง บุคคลภายนอกที่จะติดตาม
ปรากฏวามีคนรวมคณะไปรวม ๗ คนจนถึงบริเวณถํ้าแหงหนึ่งพบวา ไดมีการจัดเครืองบวงสรวงจําพวก
ไกปลา บายสีผลไม สุรา นํ้า พานทองสี เหลืองอรามขนาดเล็ก ปูรองดวยผาสีแดงสดรังสําหรับ
ใสเหล็กไหลขนาดฟองไขไก ผาซีกภายในบุดวยสําลีสีขาวสะอาดตั้งอยูกลางพานรายลอมดวย
พวงมาลัยดอกมะลิ สดระยาสีแดง
หลังจากไดสนทนากันพอสมควร ก็ถึงเวลาเริ่ม
ประกอบพิธอ ี าจารยเขมร ก็เริ่มจุดธูปเทียนทําพิธี
อัญเชิญเหล็กไหลภาษาที่ใชเปนภาษาเขมรปน
ไทยบางคําคณะ ติดตามนั่งอยูเบืองหลังในทวงทา
ที่สํารวมจิตใจจดจออยูในเหตุเฉพาะหนา แนวนิ่ง
เสียงมนตรากระหึ่มดวยทวงทีลีลาไพเราะเหมือน
คํารองชวนเชิญนานเกือบครึ่งชั่วโมง ฉับพลัน
ทุกคนก็ไดพบเห็นเหมือนลูกไฟสีเขียวเรืองรอง
สองสวางลอยมาจาก หนาถํ้าพุงเขามาสูภายในถํ้า
อยางรวดเร็วสวางวาบเดียวแลววูบดับลงในพาน
รองรับเหล็กไหลนั้นทันทีเสียงมนตรานั้นคอย
แผวลงทวงทํานองก็เปลี่ยนไป เหมือนแสดงความ
ยินดีอึดใจใหญๆทุกสิ่งก็เงียบสงบลงไมมีใครกลา
จะขยับหรือเหมือนไมอยากหายใจเพราะเกรง
เสียงลมหายใจจะทําใหอาจารยเขมรเสียสมาธิ
หรือกลัววาสิ่งมหัศจรรยที่เกิดเฉพาะหนานี้
จะอันตธานหายไป
๙๔๕

อีกอึดใจตอมาอาจารยเขมรเริ่มขยับตัวไปที่หนาพานรองรับเหล็กไหลนั้นทุก คนเริ่มขยับตามเห็น
วัตถุธาตุสีเขียวคลายหยกออนนอนนิ่งอยูในรังขี้ผึ้งนั้นเอง ดูแลวเหมือนขี้ผึ้งที่ออนนุมอาจารยเขมร
เอามือจับที่พานแลวพึมพําอะไรบางอยางออกไปชั่วครู จึงไดอนุญาตใหศิษยบางคนสัมผัสดูหลวงพอ
วัชระไดลองจับดูปรากฏวามีความออนนุมแตเย็นเหมือนนํ้าแข็งตลอดเวลา ที่จับสัมผัสนั้นขนลุกซูชูชัน
ไปทั้งรางหลายคนก็ไดลองสัมผัสดูก็มีความรูสึกเชนนั้น

หลวงพอวัชระทานกลาววาเหมือนกับเหล็กไหลที่หลวงพอสัมฤทธิ์ไดกลาวถึงคือ“ธรรมธาตุ”
เหล็กไหลชนิดนี้เปน “อรูปธาตุ” มีแตเพียงจิตวิญญาณที่ไมมีรูปรางแตมีลักษณะเปนแสงสีอาศัยอยู
ตามถํ้าที่สําคัญในอดีตกาลโดยอาศัยแฝงองคอยูภายในหินงอกหินยอยโดยมีเทพเทวารักษาอยู
อีกตอหนึ่งตอเมื่อถึงเวลาที่ผูมีบารมีธรรมไดมาพบเหลาเทพเทวาที่รักษาอยูก็จะนอมนําถวายมอบให
แกผูที่มีบุญวาสนาเหลานี้ตอไป มีลักษณะเหมือนแกวใสๆ หรือสีขุนเมื่อไดมาใหมๆ มองดูจะคลาย
กับสีผึ้ง ที่มีความออนนุมแตเมื่อสัมผัสดูจะรูสึกวาแข็งแตไมใชโลหะสีจะเงาดาน ไมเงาวาวมีหลายสี
เชน เขียวนํ้าผึ้งสีหยกลูกหวา เปนตน สีสันหลากสีเหลานี้ เกิดตามบารมีและจริตของเทพผูรักษา
ที่เขามาประทับอยูในกอนธาตุเหลานี้

ในที่สุด “เหล็กไหลสีหยกออน” ก็คอยๆแข็งตัวเปนรูปทรงเหมือนลูกฟกแตที่ปลายมีรัง


เหมือนหินปูนเกาะหุมติดตัวเหล็กไหลอยู จึงไดเวลาลงกลับมายังเบื้องลางเกือบสี่ทุมเศษทุกคนได
พรอมใจกันวาจะมอบเหล็กไหลไว กับผูที่เชื่อถือไดรักษาไวกอนก็เลยตกลง มอบใหหลวงพอวัชระ
ดูแลรักษาไวกอน เชาวันตอมาทุกคนก็ไดมาพบกันที่วัดถํ้าแฝดคุณกินรีซึ่งเปนตัวแทนของคณะได
กลาวปรึกษากับหลวงพอวัชระวาอาจารยเขมรทาน จะตองกลับบานกอน เพราะทิ้งบานมาหลายวัน
ไมมีใครชวยดูแลพืชไร ทางคณะทุกคนก็ไมมีใครที่มี เงินพอที่จะมอบสมนาคุณแกทานอาจารยเขมร
ที่มาทําพิธีใหหากหลวงพอพอจะมอบ ปจจัยเทาที่จําเปนแทนกอนก็จะขอมอบเหล็กไหลกอนนี้ไว
กับหลวงพอรักษาไว กอนหากหาคนซื้อหรือขายไดเมื่อไหรสวนหนึ่งก็จะถวายไวสรางวัดถํ้าแฝด
สวนหนึ่งขอใหหลวงพอพิจารณาสมนาคุณแกคณะบุคคลรวม ๓ คน ดวยกัน สวนที่จะ เหมาะสม
เทาไหรสุดแทจะให

ตอมาไดมีผูมาติดตอขอชมเหล็กไหลชิ้นนี้และไดมีการติดตอหาผูซื้อใน ราคา ๔๙๙ ลานบาท


โดยทดสอบกันบนลานวัดบนเขาซึ่งมีคนงานและคณะติดตามรวมทั้งพระในวัดเกือบ ๑๐ องครวมแลว
เกือบ ๕๐ คนเปนสักขีพยานแตการทดสอบไมผาน เพราะนัดแรกยิงไมออกเสียงดังแชะ นัดที่สอง
ปลายกระบอกกดลงดินหนาตรงหนาพานตั้งเหล็กไหล นัดที่สามกระดกขึ้นสูงแตพอ เอาปนนัดที่ยิง
ไมออกยิงขึ้นฟาก็เกิดเสียงดังเปรี้ยงใหญ กอนจะเริ่มยิงในครั้งนั้นผูยิงไดพบการตอตานคือยกปนเล็ง
ยิงเปาหมาย ก็เหมือนมีใครมากดปลายปนลงยื้อยึดกันอยูครูใหญจนทุกคนแปลกใจนึกอยูวา ทําไมเล็ง
นานเห็นยกปนขึ้นปนลงอยูนานแถมไมลุกขึ้นมายิงนั่งยิงอยูที่มานั่งหางไปตั้ง ๑๐ เมตรเศษ

วิธีการสัมผัสกับธาตุกายสิทธิ์ (ดวยสัมผัสที่๖)

๑.เมื่อเรามีธาตุกายสิทธิ์ ชนิดใดก็ได ตองเปนของจริงเทานั้น นํามาไวที่กลางฝามือ หรือถือไวที่นิ้วมือ


ก็ไดกอนที่เราจะฝก ใหสวดนะโม ๓ จบ แผเมตา

๒.ใหเรานั่งสมาธิ หรือทําจิตใหสงบ ใหเราพูดวา... ดวยอํานาจ และบารมีแหงธาตุกายสิทธิ์ที่ขาพเจา


ไดสัมผัสอยูน
 ี้ ถาเปนธาตุกายสิทธิ์จริง ขอไดโปรดบอกขาพเจาในการสัมผัส ผานทางกายเนื้อของ
ขาพเจาสวนไหนก็ไดใหขาพเจาไดสัมผัสและรับรูวา เปนของวิเศษ ธาตุกายสิทธิ์จริงดวยเทอญ
๙๔๖

๓.พอทําขอ ๒. เสร็จ ใหเรานั่งสํารวจรางกายตัวเรา ตั้งแตเสนผม จนถึงปลายเทา ประมาณ ๑ นาที


ตอจากนั้นใหเริ่มถามใหมวา ดวยอํานาจและบารมีแหงธาตุกายสิทธิ์ที่ขาพเจาไดสัมผัสอยูนี้ ถาเปนธาตุ
กายสิทธิ์จริง ขอไดโปรดบอกแกขาพเจาดวยดวยเทอญ แลวก็ทําจิตใหสงบ แลวก็ พูดวาใชเปนธาตุ
กายสิทธิ์จริง แลวก็ทําจิตใหสงบ สํารวจรางกายวามีการตอบสนองหรือไม ประมาณ ๓ นาที
ถายังไมมีสวนไหนของรางกายตอบสนอง ใหถามคําถามใหมหลังจาก ๓ นาที

๔.ถามีการตอบสนองกลับมาแลว ใหจดจําการตอบสนองนั้นไววา เปนคําวาใช ตามคําถาม

๕.พอเราเริ่มถามคําถามแบบที่ ๑ ไปแลว ใหเรามาถามแบบที่ ๒ ตอ

๖.ถามแบที่ ๒ ทําจิตใหสงบถามในใจวา ธาตุกายสิทธิ์ที่ขาพเจาไดสัมผัสอยูนี้ ไมมีความวิเศษเลย


ไมใชธาตุกายสิทธิ์เลย ถาไมใชเลยใหบอกขาพเจาดวยเทอญ ตอนถามก็ทําจิตสํารวจรางกายเราไป
ดวยวามีการตอบสนองออกมาแบบไหนแลวเราก็จํา เอาไว

๗.ทําไปเรื่อยๆ จนกวาจะชํานาน พอชํานานในการถามสัมผัส ทีนี้เราก็สามารถสัมผัสของแตละชนิดได


รวมทั้งพระเครื่อง ทุกอยางอยูที่ปาก และคําถาม

๘.ทั้งหมดนี้เปนแคจุดเริ่มตนของการสัมผัส พอเราเริ่มชํานานการสัมผัสจะแตกตางออกไป
เชน มีทั้ง รอน หรือ เย็น

๙. การสัมผัสแตละครั้ง จิตตัวเราเองสําคัญ อาจหลอกจิตตัวเราเองก็ได เพราะเราเกิดชอบในของ


สิ่งนั้นขึ้นมาเลยคิดไปเองวาใช หรือสัมผัสไดวาใช อันนี้คงตองอาศัยความชํานานของแตละคน

ขอสําคัญ

๑.หามฆาสัตวทุกชนิด เชน หามตกปลา หามเอาสัตว เปนๆมาทําอาหาร


๒.หามคิดไมดีตอผูอื่น
๓.หามคดโกงผูอื่น

เหรียญหลวงพอเงิน วัดบางคลาน
วัตถุมงคลพลังงานควอนตั่มสเคลาร
ดังนั้นผูรูจึงพยายามแสวงหาวัตถุธาตุที่มีสนามพลังงาน
แมเหล็กไฟฟาที่ดี และมีกําลังสูงพอเหมาะมาพกไว
กับตัวเพื่อใหวัตถุธาตุดังกลาวสงผานพลังงาน
เพื่อถายเทพลังงานแมเหล็กไฟฟาเขาสูรางกาย
เพื่อใหเกิดความแข็งแรง มีภูมิคุมกันโรคภัยไขเจ็บ
และเพื่อผลทางอายุวัฒนะ รวมทั้งผลทางดานอื่นๆ
ในการดํารงชีวิตดวย ทีส ่ ําคัญคือเมื่อวัตถุธาตุที่มี
พลังงานตามธรรมชาติจากใตโลกดังเชนหินลาวา
พลังสเคลาไดผานการอธิฐานจิต เชิญญาณบารมีของ
หลวงพอเงินวัดบางคลานพระอภิญญาแหงรัตนโกสินทร
พลังงานแหงบารมีธรรมของหลวงพอเงินยอมเปนแรง
สงผลักดันใหเกิดคุณวิเศษ ประการตางๆสูงยิ่งขึ้นไป
อีก ทําใหเกิดคุณทั้งทางดานโชคลาภ เมตตามหานิยม
และคงกระพันชาตรี แคลวคลาด พรอมสรรพมีคุณอุปมา
ดั่งฝอยทวมหลังชาง ครอบจักรวาลแกผูครอบครอง
๙๔๗

เหรียญหลวงพอเงินวัดบางคลาน พลังสเคลาอันสรางขึ้นจากหินลาวาออบซิเดียม ซึ่งเปนหิน


ลาวาใตโลก หรือจะกลาววาเปนลาวาที่เย็นตัวลงกลายเปนหิน ซึ่งมีคุณสมบัติทางพลังงานที่นา
มหัศจรรยอยางยิ่ง เมื่อผานการพุทธาภิเษก ประจุพลังบารมีแหงหลวงพอเงินวัดบางคลานเขา
แลวยอมถือเสมือนวาเหรียญ หลวงพอเงินจากหินลาวาพลังสเคลานี้มีคุณประดุจ “เหล็กไหล”
ในตํานานเลยทีเดียว หินลาวาพลังสเคลาคือวัตถุธาตุกายสิทธิ์อยางหนึ่งที่เปนรูปธรรมที่สุด
ในยุคปจจุบัน ผานการทดสอบจากนักวิทยาศาสตรจนพบวาเปนวัตถุธาตุที่ทรงพลังงานจริง ผูที่มีฌาน
มีญาณตางกลาววาพลังงานจากหินลาวาสเคลานี้มีอานุภาพไมดอยไป กวาเหล็กไหลเลย และยังได
ขอบารมีจากหลวงปูกาหลง เขี้ยวแกว ประจุพลังเขี้ยวแกวลงในหินลาวาออบซิเดียม

เหล็กไหลในตํานานที่กลาวถึงกันทุกวันนี้ สวนหนึ่งก็
มีความเชื่อมาจากเรื่องของแรกายสิทธิ์ที่อยูใตโลก
และมีความวิเศษพิสดารยิง่ ขึ้นเมื่อแรกายสิทธิ์นี้ผานการ
ประจุพลังฌานจาก ฤาษีในยุคดึกดําบรรพณ พระฤาษี
บางตนถึงกับถอดจิตวิญญาณลงไปสูธาตุเหล็ก
มหัศจรรยจนกลายเปนของวิเศษกายสิทธิ์ที่เรียกวา
เหล็กไหล มีอานุภาพนาๆนัปประการ เชนดับพิษรอน
คงกระพันชาตรี ลองหนหายตัว ฯลฯ แตนอยคนนัก
ที่จะมีสิทธิครอบครองเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์
ดังกลาวได จะไดก็เฉพาะผูที่มีวาสนาสูงสงเทานั้น
ในปจจุบันนี้ การคนพบหินลาวาออบซิเดียม
พลังสเคลา ถือวาเปนการคนพบแรมหัศจรรยตระกูล
เหล็กไหลอยางหนึ่ง

และการไดนําแรมหัศจรรยชนิดนี้มาทําเปนวัตถุมงคลชั้นสูงโดยการประทับรูปของ หลวงพอเงิน
แหงวัดบางคลานพระเถราจารยผูทรงอภิญญาลงไปและเชิญญาณบารมีแหง ทานมาประจุพลัง
อยางเต็มอัตรา ก็คงเปรียบไดวา เหรียญหลวงพอเงิน หินลาวาพลังสเคลาก็เปนมิติหนึ่งของ
พลังธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหลไดเชนกัน

สําหรับพลังพระพุทธคุณของเหรียญหลวงพอเงิน จากหินลาวาใตพิภพพลังสเคลารุนนี้
มุงเนนอยางยิ่งที่ใหมีอํานาจดานอุดมลาภเปนพิเศษ เพราะไดอาราธณาบารมีใหมีอํานาจในการ
ดึงดูดทรัพยทั้งหลายในปฐพีมาสูผูสวม ใสบูชา นอกจากนี้ยังมีพลังเดนในดานเมตตามหานิยม
โชคลาภ เมตตาคาขาย ที่ขาดไมไดคือคงกระพันชาตรีแคลวคลาด ผูที่สวมใสเปนประจําจะยัง
ใหทานผูนั้นหางไกลจากโรคภัยไขเจ็บ แมวาเจ็บปวยประการใดใหอาราธณาบารมีแหงหลวงพอเงิน
บารมีแหงธาตุกายสิทธิ์ทั้งปวง ขอใหมารักษาธาตุขันธปรับธาตุทั้ง๔ในรางกายไมนานก็จะมีสุขภาพดี
ขึ้นตามลําดับ จะอาราธณาทําน้ํามนตรักษาไขก็ได ผูที่สวมใสเหรียญนี้เปนประจํายอมเปนผูที่มี
อายุวัฒนะ มีพลังจิตเขมแข็ง ปญญาผองใส มีโชคลาภมิไดขาก ศัตรูหมูมารทําอันตรายมิได
ไปไหนมาไหนยอมไดรับความคุมครอง

หินลาวาออบซิเดียม พลังสเคลานี้ คือมิติหนึ่งของเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์ ในตํานานที่


ถูกนํามาประยุกตสรางเปนเครื่องรางทรงพลังชั้นสูง ภายในยอมมีบารมีของกายสิทธิ์ตามธรรมชาติ
บารมีแหงพระแมธรณี และเทพยดาที่รักษาทรัพยแผนดินคอยติดตามดูแลรักษา ดังนั้นผูที่ได
ครอบครองวัตถุธาตุชนิดนี้ในลักษณะของเครื่องรางหลวงพอเงิน วัดบางคลานยอมเสมือนวา
บุคคลผูนั้นมีเหล็กไหลเผาพันธุหนึ่งในครอบครอง และยังมีบารมีแหงคุณพระรัตนตรัย
บารมีหลวงพอเงิน บารมีของเทพยดาที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย มีพระแมธรณีเปนที่สุดคอยติดตาม
คุมครองชวยเหลือบุคคลผูนั้นตลอดเวลา
๙๔๘

พิธีกรรมทดสอบบารมีเหล็กไหล

ในการทดสอบบารมีของเหล็กไหลนั้น จะทําเปนเลนๆ
หรือเพื่อความรูอยางเดียวหาไดไม เพราะเหล็กไหลในที่นี้มีจิต
วิญญาณครอบครอง มีความรูสึก รัก โกรธ เกลียด ชอบ หรือดีเฉก
เชน ความรูสึกของสัตวโลกทั่วไป ที่ยงั ไมพนความเปนปุถุชน
เพียงแตอาศัยธาตุขันธประกอบเขากันใชเปนที่อยูอาศัย
โดยใชบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์ความเปนเทพในระดับภพภูมิตางๆ
แฝงเขาอาศัยอยู ดังนั้นมีใครคิดไมซื่อหรือไมดีที่จะมาทําลาย
หรือมุงรายดวยเจตนาที่ไม บริสุทธิ์ จะมีการตอตานหรือตอสู
เกิดขึ้นไดเชนกัน

เชน ทําใหอานุภาพของดินปนชื้น จนยิงไมออก บางครั้งผูที่ทดสอบดวยปน จะถูกเหล็กไหลตอสูยื้ดยุด


ฉุดรั้งปนหรือแขนไวจนไมสามารถจะยิงไดจนสุด ทายถูกสิ่งที่มองไมเห็นถีบหนาอกหรือจุกแนนหนาอก
จนไมสามารถทําการยิงได บางครั้งลมลงทั้งยืนเลยก็มี

ผูอานหลายคนอาจจะไมเชื่อวาสิ่งเหลานี้เปนจริงหรือไม หรือเกินความจริงไปหรือเปลา
แตสิ่งเหลานี้รอการพิสูจนจากผูที่สนใจและตองการสิ่งที่มีอานุภาพในการ ปกปองคุมครอง ไมใชจาก
นายหนาหรือผูที่หากินทางอาชีพยิงเหล็กไหล โดยหลอกวามีนายทุนใชใหมาทดสอบบาง มีการวางเงิน
เดิมพันบาง มิฉะนั้นถาพบของจริงอยางที่วาแลวทานอาจจะพบกับเหตุการณที่นาสพึงกลัว จากสิ่งที่
มองไมเห็นเหลานี้ไดโดยงายก็ได แตสิ่งเหลานี้ตองยอมรับอยางหนึ่งวาเปนสิ่งที่เกิดขึ้นจริงสดๆ รอนๆ
ตอหนาสายตาคนนับรอย ดังที่จะกลาวถึงในโอกาสตอไป

เครื่องบูชา

๑. บายศรีเทพ บายศรีพรหม บายศรีตอง

๒. ฉัตรเงิน ฉัตรทอง ๙ ชั้น ๔ ทิศ

๔. ตั้งศาลเอก ๑ ศาล ศาลเพียงตา ๔ ทิศ

๕. ผลไม ๗ อยางทั้ง ๔ ศาล

๕. อาหารเจพรอมผลไมชุดใหญ

ตั้งศาลเอกพรอมบายศรีเทพ ๑ คู บายศรีพรหม๑ คู

๖. บายศรีตองตั้งศาลเพียงตาอยางละ ๑ คู

๗. เครื่องกระยาบวช ขาวตอกดอกไม

๘. คนอานโองการอัญเชิญ
๙๔๙

สําหรับพิธีกรรมตางๆ นั้นสุดแทแตความประสงคของเทพที่รักษา ที่กลาวมานี้เปนเพียง


ตัวอยางในการจัดทําพิธีในสถานที่แหงหนึ่งเทานั้น

หลังจากทําพิธีอันเชิญบอกกลาวขออนุญาตจากเทพผูปกปกรักษาเหล็กไหลก็เปนหนาที่ของ
ผูทําการทดสอบสวนใหญจะเปนไมขีด หรือปนยิง ๓ นัด สุดแทแตเงื่อนไขปลีกยอยที่จะตกลงกันเอง
ซึ่งจะตองใชวิจารณญาณของตนเอง อยาใหตกเปนเครื่องมือหากินของกลุมผูไมสุจริตเทานั้น
ผูซื้อจริงๆ นั้นมีนอย อยาหลงเชื่อคนแปลกหนางายๆ หรือฟงคนบอกวาเปนนายทุนมีเงินเปนรอยลาน
พันลาน ซึ่งก็ยากแกการตรวจสอบ พอผานการทดสอบสอบจริงๆ แลว นายทุนที่วาไมมีเงินจายก็อาจ
เดือดรอนไดในภายหลังเหมือนกันซึ่งสวนใหญ จะมีหลักเกณฑดังนี้

๑. นายหนาจะตองมีเงินคาบูชาครูในการจัดตั้งพิธีหรือของใชในพิธี ซึ่งสุดแทแตพิธีเล็ก
หรือใหญ ประมาณ ๓๐,๐๐๐ บาทขึ้นไป

๒. คาใชจายของฝายนายทุนผูทดสอบการยิง ๓๐,๐๐๐ บาท

๓. เงินมัดจําหรือเงื่อนไขการจายเงินเมื่อการทดสอบผานเรียบรอย

เหลานี้เปนเรื่องที่ตองระมัดระวังทุกขั้นตอนเหมือนกัน เพราะมีเลหเหลี่ยมของผูที่
แสวงหาผลประโยชนจากความโลภของคนเราไดงายเหมือนกัน ดังขาวที่ปรากฏตามหนาหนังสือพิมพ
เปนประจํา

ขั้นตอนการทดสอบ

๑. จุดธูปบอกกลาวขอชมบารมีและขอขมาโทษหากไดลวงเกินตอสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหลานี้

๒.ทดสอบอาวุธปน โดยทดสอบยิงขึ้นฟา ๑ นัด เล็งเปาหมายระยะไมเกิน ๒ เมตร


แลวเหนี่ยวไกปน

๓.กรณีเปนไมขีด เมื่อเปดรังเหล็กไหลแลวประมาณอึดใจ ก็ทดสอบขีดดูก็จะรูผล


หากชึ้นชุมขีดไมติดทุกกาน ก็ผานตามขอตกลง ๒ กลองหรือมากกวานั้น

ผลจากการทดสอบการยิง

ทั่วไปแลวจะกําหนด ๓ นัดยิงไมออกจึงจะผาน และระหวางทําการทดสอบหากปนจะขัดของดวย


ประการใดๆ จนไมสามารถทําการยิงได หรือผูยิงมีอาการจุกแนน หรือมีอาการอยางใดอยางหนึ่ง
จนไมสามารถทําการยิงได ก็ถือวาผาน ดังนั้นเมื่อถึงเวลาทดสอบแลวจะเปลี่ยนอาวุธหรือคนยิงใหม
ไมไดจะตองถือวาผานเชนกัน

จากการชมบารมีของเหล็กไหล ๒ องค สีเขียวคลายหยกออน และเขียวอมฟาปรากฎผล


มหัศจรรยดังนี้

๑. ถายรูปไมไดหากไมไดรับอนุญาตจากเจาของเหล็กไหลโดยถูกวิธี เพราะมีผพ ู ยายาม


จะถายรูปกดชัตเตอรถึง ๓ ครั้ง กลองไมทํางาน ทั้งตรวจสอบกลองมาอยางดีและไมไดนําไปใช
ที่ใดเลยในระหวางการเดินทาง

๒. แมจะอนุญาตใหถายได บางครั้งเหล็กไหลไมใหถายบางภาพ หนากลองจะถูกปด


โดยอัตโนมัติทันที
๙๕๐

๓. ไฟหรี่ลงเอง แอรจะดับ เครื่องยนตดับเอง

๔. ผูที่ทดสอบเหล็กไหลประเภทนี้ จะมีอาการจุกแนนหนาอก หายใจไมคอยออก เมื่อจะเล็ง


เปาไปที่เหล็กไหลจะรูสึกมือไมหนักจนยกปนไมขึ้น เมื่อขืนทําเหมือนจะถูกเหนี่ยวรั้งไว จนคนที่อยู
ในบริเวณจะเห็นไดชัดเจนถึงความผิดปกติในตรงนี้

๕. เมื่อเหนี่ยวไกปนจะไมดัง คือยิงไมออกมีเสียงสับนกดัง แชะ เทานั้น

๖. ถาเหล็กไหลสู หากฝนครบจน ๓ นัด จะถูกลงโทษอยางรุนแรงจนรองออกมา


ดวยความตกใจ และหงายหลังลมลงทันที มือไมสั่นกระตุกจนเห็นไดชัด บางคนงามมือฉีก บางที
ก็ปนแตก บางคนชักดิ้นชักงอตอหนาเดี๋ยวนั้นทันที

๗. หากเหล็กไหลหนีจะพุงแรงเห็นเปนลําแสงวิ่งขึ้นฟาพรอมเสียงหวีดแหลมชั่วพริบตา
เทานั้น

๘.บางครั้งเมื่อครบ ๓ นัด คนยิงถูกเหล็กไหลกระแทกกลับจนหงายหลังแลว จะพบวา


องคเหล็กไหล ไมไดอยูที่เดิมเสียแลว บางครั้งกระโดดลงไปในถาดผลไมเครื่องบูชา ถาถายวีดีโอ
จะมองเห็นเปนลําแสงสีแดงวิ่งพุงลงไป บางครั้งเอาใสเซฟที่ผูทดสอบจัดหามา วางเปดใหเห็น
ในเซฟแลวทดสอบ เหล็กไหลกระโดดมาอยูบนจานเชิงเทียนขนาดใหญที่วางตั้งอยูใกล ๆ กัน
ทั้งที่มีสายตาหลายสิบคูมองกันแทบไมกระพริบ แตไมมีใครสังเกตุวากระโดดออกมาจากเซฟ
หรือพานรองรับเมื่อไร

ดังนั้นผูทดสอบชมบารมีเหล็กไหลจริงๆ แลวจะตอง
ระมัดระวังอันตรายจากจุดนี้ดวย จนผูที่รูดีจะเสี่ยงใช
เทียบลูกปน หรือกานไมขีดแทน ดูจะปลอดภัยกวา
ดวยประการทั้งปวง เหตุผลทั้งนี้ทั้งนั้นในเมื่อเปนธาตุ
กายสิทธิ์ที่มีชีวิตจิตวิญญาณ มีความรูส ึกเหมือนกับเรา
หากเปนมนุษยธรรมดา ตอใหสนิทกันขนาดไหน
ลองเอาปนไมมีกระสุนแลวเล็งมาพรอมโกงไกไว
ทานจะพอใจ หรือไม ?

ดังนั้นอาถรรพณของเหล็กไหลทางปองกันและรักษา จึงคอนขางมีอานุภาพและอิทธิฤทธิ์
นานาประการสุดแทแตความประสงคที่จะอธิษฐานเอา และเพื่อเผยแพรเรื่องราวอันแสนมหัศจรรย
ใหแกผูสนใจไดรับทราบและศึกษากันตอไป

ตํานานเขาแรดอันลี้ลับ
หลวงพอสัมฤทธิ์ หรือ พระครูกาญจนกิจจาทร ไดเลาเรื่องราวของทานใหฟงตอไปวา
หลังจากที่ทานไดสํารวจหาเหล็กไหลทางภาคเหนือจรดใต แตไมไดผลเทาที่ควร จึงไดเดินทาง
เขาสูจังหวัดกาญจนบุรี

เมื่อ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๐๐ทานไดธุดงคมาถึงบริเวณถ้ําแหงหนึ่ง อยูหางจากแมน้ํา


แมกลองเพียงเล็กนอย เห็นเปนสถานที่สัปปายะ เหมาะแกการปฏิบัติธรรม สภาพทั่วไปเปนปาไผรวก
ขนาดใหญ พื้นที่อุดมสมบูรณ ชุกชุมดวยสัตวปานานาชนิด เชน เสือ เกง กวาง เลียงผา ชะมด
เสือปลา งู ซึ่งตางก็ไดอาศัยน้ําจากแมน้ําแมกลอง ดื่มกินในยามหนาแลง ซึ่งถ้ํานี้ตอมาทานได
เรียกวา “ถ้ําแฝด” ดวยวาเปนถ้ําคูกันสองชั้น
๙๕๑

เทือกเขาลูกยอมหลายลูกที่สลับซับซอนอยูเบื้องหนาและหลังถ้ําแฝด ที่พักอยูนั้น
เรียกกันวา “ภูเขาแรด” โดยเฉพาะมีเทือกเขาลูกหนึ่งอยูทางทิศตะวันตกของเทือกเขาหรือของ
วัดถ้ําแฝด ปจจุบัน เรียกกันวา “หัวเขาแรด” เนื่องจากเขาลูกนี้มีลักษณะเหมือนศรีษะแรด
ประกอบดวยนอ ๒ นอ พรอมดวงตาและจมูก รวมทั้งเปนรูปศรีษะแรดอยางชัดเจน สามารถมอง
เห็นไดชัดเจนในระยะไกล

ดินแดนอาถรรพณ

ในสถานที่ “หัวเขาแรด” นี้ มีอาถรรพณรายแรง


หลายอยาง โดยเฉพาะถาผูที่ไมมีศีลธรรม ไมมีความ
เคารพยําเกรงในคุณพระรัตนตรัย เหลาเทพเทวา
เจาที่เจาทางผูรักษาสถานที่แหงนี้แลว มักจะมีเหตุ
อาเภท เชน ถาไปปลูกบานหรือไปทํามาหากิน
อยูหนาเขาแรดนี้แลว บางทีก็เกิดไฟไหมบาน
ปนลั่นใสตนเองบาง พิการเปนงอยบาง

บางครั้งมีโยมไปปลูกพริกอยูที่บริเวณที่ราบเชิงเขาแรด คุยกันไปคุยกันไป เกิดคึกคะนองกลาวลบหลู


จาบจวงวา “ ถามีแรดอยูในที่นี้จริงและมีความศักดิ์สท
ิ ธิ์อยางที่ลือกันแลวละก็ ขอใหมาชวยเฝา
ไรพริกใหดวย ถาไมมาเฝาใหละก็จะเอานอมาทํายาเสียใหรูแลวรูรอดไป ”

หลังจากปลูกพริกไดระยะหนึ่ง จนออกดอกออกผล ใกลจะเก็บผลไดแลว จู ๆ ก็ปรากฏวา


มีแรดมากินพริก ในไรเสียจนราบเรียบเปนหนากลอง หลายคนในยานนั้นไดยินเสียงประหลาด
และเห็นแรดกําลังกินพริกอยางเพลิดเพลิน แตไมมีใครกลาออกมาดู หรือทําสิ่งใดเพื่อขัดขวาง
ไมเพราะทราบอาถรรพของภูเขาแรดกันดี

รายหนึ่งคิดปลูกบานที่เชิงเขาแรด แตไดถูกเพื่อนพองและผูเฒาผูแกที่อยูที่นี่มานาน
ทักทวงวาอยาไปปลูกบานบริเวณนั้นเลย เพราะปลูกแลวจะอยูไมได แตเขาก็ไม เชื่อดื้อรั้นปลูก
สรางบานไปตามความคิดของตนแถมยังคุยโวอีกวา หากแรดมารังควาน ก็จะเอาปนไลยิงเสียใหเข็ด

จนเมื่อปลูกบานเสร็จเรียบรอย นิมนตพระมาทําบุญขึ้นบานใหมเสร็จ จึงไดนําสิ่งของ


เครื่องใชไปสงคืน ก็ไดเกิดอัคคีภัยไฟลุกไหมบานหลังใหมจนหมดทั้งหลัง โดยไมทราบสาเหตุ
บานที่สรางเสร็จ จึงไมมโี อกาสเขาไปอยูจริงๆ สมดังคําที่ผูเฒาผูแกทักทวงไว

อาถรรพณความศักดิ์สิทธิ์นี้เปนที่ประจักษของคนในพนที่มานานหลายชั่วคน จนหลายๆ คน
ไดพบเห็นเรื่องราวอภินิหารตาง ๆ ของเขาแรดนี้มากมาย แตในทางกลับกัน ผูใดมีความเคารพ
มีสัมมาคาราวะ มีศีลธรรมไมลบหลูตอสถานที่ ก็มักจะประสพโชคลาภไดทรัพยมาอยางไมคาดฝน

ในอดีตมีผูพบสมบัติโบราณหลายอยางในบริเวณเทือกเขานี้ โดยมีแหลงใหญอยูที่ถ้ําบนเขา
เชน ทองคํา พานทองเหลือง ขนาดคนโอบ กระทะทองเหลืองใบใหญ เปนตน

นอกจากนี้ผูที่มีความเคารพนับถือ ไปจุดธูปไปขอความชวยเหลือในเรื่องการทํามาหากิน
ไมเกินแกฐานะแลว มักจะไดรับการอนุเคราะหดวยวิธีการที่แปลก ๆ เชน บางครั้งในฤดูน้ําหลาก
ก็จะเกิดปลาประหลาดมีหลากสี สีสันสวยงามเกิดขึ้นในหนองน้ําขางภูเขา ทําใหจับไปขายได
เงินยังชีพไดอยางสบาย แตพอสมควรแกเวลาปลานั้นก็เกิดอันตรธานสูญหายไป
๙๕๒

สมัยที่หลวงพอสัมฤทธิ์สรางวัดใหม ๆ นั้น ทานไดทองคํามาจากเขาแรด มาจํานวนหนึ่ง


ที่มากพอสมควร มีอยูครัง้ หนึ่งหลวงพอติดคางคาแรงงานชางมานาน ก็ไมรูจะหาเงินที่ไหนมาจายดี
พอดีไดมีโอกาสไปพักที่ วัดชนะสงคราม บางลําพู มีโยมรานทองที่ เปนลูกศิษยมานิมนตใหฉันเพล
ที่ราน และไดถวายปจจัยรวมสรางวัดหลายรอยบาท ทานก็เลยตัดสินใจเสี่ยงโชคตามที่ทานไดนิมิต
มากอนออกจากวัด รอจนประกาศผลรางวัล ปรากฏวาถูกตรงตามที่ทานแทงไดเงินมาจํานวนหนึ่ง
เกือบ ๘ แสนบาท

เรื่องราวความลี้ลับเหลานี้ คงจะไดยินไดฟงจากครูบาอาจารยผูปฎิบัติดีทั้งหลาย
ที่มักไดของมีคาจากชาวลับแล หรือบังบด สุดแทแตจะนํามามอบใหโดยวิธีใด บางครั้งนิมิตรบอก
บางครั้งนํามาวางให บางครั้งนํามาถวายใหเองเลยก็มี สิ่งเหลานี้เปนเรื่องพิสดารสําหรับเรา ๆ ทาน ๆ
แตกับครูบาอาจารยผูปฏิบัตินั้นถือวาเปนเรื่องราวแสนจะธรรมดา โดยเฉพาะการสรางวัดเพื่อเปนการ
สืบพระพุทธศาสนาใหสถาพรตอไป ยอมเปนแรงบันดาลใจเปนพิเศษ ที่ทานทั้งหลายเหลานี้อยาก
มีสวนรวมในมหากุศลครั้งนี้เหมือนกัน

แมในปจจุบันนี้ พระเณรในวัดถ้ําแฝด ก็ยังพบปรากฏการณที่ประหลาดมหัศจรรยอยู


เปนประจํา โดยเฉพาะวันพระ จะปรากฏแสงสวางนวลลอยอยูเหนือเขา เคลื่อนตัวอยางชา ๆ จนลับ
สายตาไป บางทีไดยินเสียงทําวัตรสวดมนตของผูคนจํานวนมาก บางครั้งไดยินเสียงมโหรีไทย
โบราณพรอมเสียงรองเพลงแววมาตามลม ลอยลงมาจากถ้ําศักดิ์สิทธิ์ตาง ๆ อยางหาที่มาไมได

ผูเฒาผูแกของที่นี่นับถือสืบตอกันมาวา ทั้งหมดนี้เกิดจากอํานาจของ ธาตุกายสิทธิ์ที่เหลา


ฤาษี พญานาค และชาวลับแลผูดูแลรักษาเทือกเขาลูกนี้ทั้งสิ้น จนทําใหอดสงสัยไมไดวา เหตุใด
เทือกเขาแรดนี้จึงเปนแดนที่สถิตของอาถรรพตาง ๆ มากมาย

สําหรับผูที่มาปฏิบัติธรรมที่วัดถ้ําแฝด ก็มักจะพบปรากฏการณที่ประทับใจ จิตใจสวางสงบ


บางครั้งจะเห็นพวกชาวลับแลแตงชุดขาว ลงมาทําวัตรสวดมนตที่ “ศาลาปฏิบัติธรรม เฉลิมพระเกียรติ
๗๒ พรรษา” เปนประจํา

เขาแรดนี้จึงคงเปนถิ่นของเหลาเทพเทวา ฤาษี มุณี ดาบส นาคนาคา คนธรรพ ยักษ


ที่คอยตอนรับผูที่เปนสัมมาทิฐิทุกทาน ที่ปรารถนาจะสรางบุญบารมีใหยิ่ง ๆ ขึ้นไป

กําเนิดวัดถ้าํ แฝด กําเนิดวัดถ้ําแฝด

เหตุผลอันแทจริงของความศักดิ์สิทธิ์ของเทือกเขาแรดนี้ ยังไมมีผูใดสามารถคนหาคําตอบ
ที่แทจริง หรือสามรถสยบอํานาจลึกลับตาง ๆ ลงได จนกระทั่งมีพระภิกษูผูทรงศีลและกําลังสมาธิ
แกกลารูปหนึ่งนามวา “สัมฤทธิ์ คัมภีโร” ไดธุดงคมาปกกลดหาความวิเวกภายในถ้ําแหงหนึ่งบน
เทือกเขาแรดนี้ (คือถ้ําแฝดในปจจุบัน)

ในคืนแรกหลังจากสงบจิตลงไดไมนาน ปรากฏนิมิตงูยักษมีหงอนมากมายมารบกวนในขณะ
นั่งเจริญสมาธิภาวนาอยู ทําใหลวงรูดวยกําลังญาณและสมาธิวา ถ้ําแหงนี้จะตองเปนดินแดนศักดิ์สิทธิ์
แหลงสถิตยสิ่งของวิเศษของเหลาพญานาคแนนอน เมื่อไดทราบดังนั้นแลว หลวงพอสัมฤทธิ์ ก็คงนิ่ง
เฉยหาไดสนใจในของกายสิทธิ์เหลานั้นแตอยางใดไม ยังคงกําหนดจิตละกิเลสบําเพ็ญสมณะกิจตอไป

ในชวงขณะจิตหนึ่งนั้น มีความรูสึกเหมือนของหนัก ๆ เคลื่อนไหวชา ๆ อยูข


 าง ๆ มีเสียงลม
ประหลาดคลายใครเปาเบา ๆ พอไดยิน และไดปรากฏนิมิตรเสียงขึ้นวา “หลวงพอกลัวงูไหม” จิตของ
ทานในขณะนั้นมีความมั่นคงมาก ไดตอบกลับไปวาไมกลัว ดวยความสงสัยทําใหทานคอย ๆ คลาย
สมาธิลืมตาขึ้นมา
๙๕๓

งูยักษขนาดลําตัวเทาเสาศาลา ดวงตาสีแดงกล่ําแวววาวขนาดเทาไขหาน ลําตัวยาว


เต็มถ้ํา กําลังแลบลิ้นแปลบปลาบอยูเบื้องหนา ชั่วขณะหนึ่งนั้นทานรูสึกกลัวขึ้นมาจับใจ จนรูสึกวา
จีวรนั้นเปยกชุมไปดวยเหงื่อกาฬ ความที่เปนพุทธบุตรเมื่อตั้งสติพิจารณาถึงสิ่งที่ปรากฏตอหนา
ในขณะนี้แลว ก็ทราบทันทีวางูนี้ไมใชงูธรรมดา จิตของทานจึงมิไดหวั่นไหวกับภัยอันตรายที่ปรากฏ
ตอหนาไม คงกําหนดสติพริ้มเปลือกตาลงนิ่งสงบสมกับเปนสมณะ พรอมกับกําหนดจิตแผเมตตา
ไปทั่วทุกทิศทุกทาง

ดวยอากัปกริยาอันสงบนาเลื่อมใสของ หลวงพอสัมฤทธิ์ ไดสรางความยําเกรงและประทับใจ


ใหแกพญางูเปนอันมาก กอนที่พญางูจะเลื้อยลับหายไปนั้น ก็ไดกลายรางเปนผูถือศีลนุงขาวหมขาว
และกลาวตอหลวงพอวา

“ขาพเจาคือพญานาคผูเฝารักษาถ้ํากายสิทธิ์นี้มาเปนเวลานาน ไดพบแลวผูซึ่งทรงความ
บริสุทธิ์แหงศีลสมควรแกการเคารพนับถือ ขอมอบเหล็กไหลและของกายสิทธิ์ทั้งหมดในที่นี้แกทาน
และขอมอบเสื้อคลุมของขาพเจาไวเปนที่ระลึกแกทาน เราหมดวาระแลว” ซึ่งตอมาหลวงพอ
ไดสํารวจภายในถ้ําสวนลึกก็ไดพบ “คราบงู” ขนาดใหญปรากฏอยู

หลังจากนั้นก็ไดมีศรัทธาญาติโยมในหมูบานมานิมนตใหทานอยูจําพรรษาทีน
่ ี่ เพราะเคย
มีพระมาธุดงคพักอาศัยถ้ํานี้หลายองค แตพอเชาจะมาถวายอาหารบิณฑาตร ก็ไมทราบวาทานถอนกลด
หายไปแตเมื่อใด คาดวาคงจะพบเหตุการณที่นาสพึงกลัวจากอาถรรพแหงขุนเขาจนเกิดความกลัว

นับแตนั้นมา หลวงพอสัมฤทธิ์ จึงไดเริ่มกอกําเนิดวัดถ้ําแฝด เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๐๐


ดวยบาตรและกลด จากสํานักสงฆจนสําเร็จเปนวัดที่สมบูรณ ประกอบไปดวย กุฎิ ศาลาการเปรียญ
และพระอุโบสถ

ตนตํานานเหล็กไหลตาแรด สุดยอดของดีของวัดถ้ําแฝด ที่หลวงพอสัมฤทธิ์ไดทิ้งไว


เปนมรดกธรรมใหแกศิษย รุนหลังก็คือ “เหล็กไหลตาแรด” สรรพคุณ ๑๐๘ ที่ทานนํามาฝงใหัญาติโยม
เปนเครื่องรางของขลังที่ทรงอิทธิคุณเหนือคําบรรยาย เดนทั้งทางดาน เมตตามหานิยม แคลวคลาด
มหาอุด คงกระพัน มีผูฝงแลวนับหมื่นราย ประสพการณที่ผานมามากมาย โดยทานนํามาฝงไวที่
ทองแขนของผูศรัทธา กอใหเกิดเปน “ตํานานเหล็กไหลตาแรด” ที่โดงดัง จนเปนที่ ฉงนของผูที่
ไดยินวา เหล็กไหลตาแรดคืออะไร ? เพราะถาพูดถึงเหล็กไหลเฉย ๆ ก็คงพอเขาใจ ทั้งนี้ทั้งนั้น
ก็ตองติดตามเรื่องราวอันแสนพิสดารในเรื่องนี้ตอไป

กําเนิดเหล็กไหลตาแรด สืบเนื่องมาจากการที่หลวงพอสัมฤทธิ์ไดกอสรางพระอุโบสถ
สําเร็จเรียบรอยแลว จึงไดจัดเตรียมงานฝงลูกนิมิตขึ้น
ในป พ.ศ. ๒๕๑๗ โดยคณะสงฆอําเภอทามวง ไดรวมประชุม
เตรียมงานดานสถานที่ ตลอดจนถึงคณะกรรมการชุดตาง ๆ
เพื่อชวยเหลือแบงเบาภาระหลวงพอ เพราะสมัยกอนการ
คมนาคมไมสะดวก เชนนี้ ถนนก็ยังเปนทางลูกรัง หมูบาน
ชุมชนก็ยังไมใหญโตเหมือนปจจุบัน ภาระตาง ๆ สวนใหญ
จึงตกอยูกับหลวงพอ จนกระทั่งใกลวันกําหนดงาน ซึ่งเหลือ
เวลาเพียงไมกี่เดือน ทานก็มานึกไดวายังไมไดจัดเตรียม
สิ่งของที่จะมอบไวใหเปนที่ระลึกแก ผูที่มารวมงานทําบุญ
ฝงลูกนิมิต

เพื่อเปนขวัญและกําลังใจที่จะเกิดความผูกพันกับบรรดาศรัทธาทั้งหลายเปน พิเศษ เพราะเปนงานบุญ


ที่ยิ่งใหญและสําคัญยิ่ง วัดหนึ่งจะจัดงานไดก็เพียงครั้งเดียวเทานั้น ก็ไมแน ใจวาเวลาที่เหลือจะ
พอเพียงตอการสั่งทําวัตถุมงคลหรือไม งานก็รัดตัวจะเขาติดตองานที่ กรุงเทพฯก็ลําบาก
ไมมีโทรศัพทและรถราสะดวกเหมือนปจจุบัน
๙๕๔

ใกลวันเขามาทุกขณะ ทานคิดพิจารณาตริตรองวา จะหาสิ่งใดที่เหมาะสมมาจัด


สรางวัตถุมงคลดี สิ่งหนึ่งที่นึกถึงก็คือ จัดทําเหรียญ ๒ รุนดวยกันคือ

๑. เหรียญพระประธาน

๒. เหรียญรูปเหมือนหลวงพอ รุนแรก

แตหลวงพอทานมีความคิดที่แยบคายไปจากนั้นอีกวา นาจะมีอะไรเปนพิเศษที่ จะดึงศรัทธา


คนเขาวัดใหมากที่สุด เพราะสมัยนั้นมีวัดดัง ๆ ๒ - ๓ วัดก็เตรียมจัดงาน ฝงลูกนิมิตเชนกัน ประกอบกับ
วัดถ้ําแฝดอยูในทําเลที่ทุรกันดารมากกวา เกรงวาศรัทธาจะหลั่งไหลมานอย เพราะการจัดงานแตละครั้ง
ตองใชทุนทรัพยไมใชนอย จะหยิบยืมใครก็คงไม สะดวก และทานไดเจรจาขอกูเงินจาก ธนาคารไทย
พัฒนา สาขาทามวง จํานวน ๕ แสนบาท มาสํารองเปนคาใชจายในการจัดงาน หากคนมาทําบุญนอย
ทางวัดคงจะตองเปนหนี้ธนาคาร และไมรูวาภายหลังจะหาปจจัยจากที่ไหนมาใชหนี้เขา

ดังนั้นทุกครั้งที่ทําวัตรสวดมนตเสร็จทานจะนั่งกรรมฐาน และอธิษฐานขอบารมีจาก
คุณพระรัตนตรัย ตลอดถึงครูบุรพาจารย สิ่งศักดิ์สท ิ ธิ์ทั้งหลายที่อยูในเขตบริเวณเขาแรดนี้ ไดชวย
ชี้แนะปรากฏเปนนิมิตหมาย ใหทานสามารถหาสิ่งที่จะสมนาคุณแกศรัทธามหาชนไดเปนพิเศษดวย

บุพพนิมิต

ดวยจิตที่ตั้งมั่นอยูในองคฌาณของคืนวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๑๖ ทานเลาวาขณะที่ทา นเจริญกรรมฐาน


ตามปกติ เมื่อจิตเขาสูสภาวะธรรมไดนิมิตเห็น “เจาคุณวิสุทธิรงั สี” หรือ “หลวงพอเปลี่ยน วัดใต”
อดีตเจาคณะจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเปนพระเกจิอาจารยชื่อดังของเมืองกาญจน เปนที่ทรงโปรด
ของรัชกาลที่ ๕ และพระบรมวงศานุวงศ ในขณะนั้นทานเจาคุณไดปรากฏรางขึ้นมาพรอม
กับอาจารยบาง หรือ เสือบางซึ่งเปนศิษยเอกของทาน ไดบอกกับหลวงพอวา ถายังหาสิ่งใดไมได
ก็ใหไปเอา “เหล็กไหลตาแรดเขี้ยวแรดซิ” ของสิ่งนี้เปนของดีหาไดยาก พรอมทั้งบอกตําแหนง
ที่อยูของเหล็กไหลนี้วา อยูขางตนสลัดไดบนภูเขาแรดตรงบริเวณดวงตาของแรด เมื่อไปถึงสังเกต
เห็นรูไดเอง พอคลายจากสมาธิ ทานก็มาพิจารณาถึงบริเวณสถานที่ตามนิมิต ซึ่งความจริงทาน
ก็เคยสํารวจผานไปจนทั่วบริเวณนี้แลวเชนกัน แตไมเคยเห็นมีสิ่งใดที่ผิดสังเกตุ ที่พอจะบอกไดวา
สถานที่ตรงนี้มีของกายสิทธิ์ทรงอิทธิฤทธิ์และมีอานุภาพเชนวานั้น

อุบัติการณแหงเหล็กไหลตาแรด
เมื่อถึงรุงเชาหลังจากทําภัตตากิจเรียบรอยแลว ก็ยังมานั่งนึกถึงนิมิตเมื่อคืนนี้ดวยความกังขา
นึกยอนไปถึงตํานานภูเขาแรด ที่เคยไดยินไดฟงมา และจากการสัมผัสดวยตัวทานเองหลายครั้ง
ทําใหทานชักลังเลใจ อยากออกเดินทางไปพิสูจนถึงสถานที่ ตามนิมิตนั้นทันที

ดังนั้นหลังจากฉันภัตตาหารเพลแลว ทานก็ชวนโยมนวลซึ่งเปนพรานในหมู บานที่รูจัก


ทุกซอกทุกมุมของ เทือกเขาแรดลูกนี้ พรอมกับหลายชายของทาน คือคุณอนุชิต เคนพันครอ
ซึ่งขณะนั้นอายุราว ๑๕ ปและบวชเปนสามเณรอยู ติดตามไปดวย ทานใชเวลาคนหาตนสลัดได
อยูนานเกือบชั่วโมง

ในที่สุดหลวงพอก็พบตนสลัดไดอยูตนหนึ่งที่โดดเดนสะดุดตา อยูในกลุมตนไผ รวก


ใกลปากถ้ําเล็ก ๆ แหงหนึ่งที่พอเขาออกไดสะดวก พอเดินไปไดระยะหนึ่งทาง คอยขยายใหญขึ้น
ทอดลึกต่ําลงไปประมาณ ๒๐ เมตร ลึกเขาไปประมาณ ๕๐ เมตร
๙๕๕

ทานไดใชไฟฉายและนําเอาตนเทียนใหญที่พอใหหลานชายทานแบกขึ้นไปได จุดสวางขึ้น
ภายในถ้ํา พบวามีความเย็นสงบเงียบ พื้นถ้ําสะอาด เหมือนมีคนดูแลรักษา สอดสายสายตาชวยกัน
ดูวามีอะไรที่นาจะผิดสังเกตบาง ดูตามพื้นถ้ําและผนังถ้ําไปเรื่อย ๆ จนเขาไปไดประมาณ ๔๐ เมตร
เศษฉับพลัน หลวงพอทานไดสังเกตุ เห็นวัตถุบางอยางสะทอนแสงไฟขึ้นมาวูบหนึ่งจากโพรงพื้น
ถ้ําที่ทอดต่ําลงไปเรื่อย ๆ

ทานไดจดจําจุดที่แสงไฟสะทอนกระทบเขาตาทาน เดินปนปายต่ําลงไปตามกอนหินนอย
ใหญจนถึงบริเวณดังกลาว ไดพยายามอาศัยแสงเทียนสาดสองเพื่อใหเกิดแสงสะทอนขึ้นอีกซักวูบเถอะ
แตก็ไมเห็นมีอะไรผิดปกติ จึงนั่งพักเหนื่อยฉันน้ําแกคอแหง เพราะจากตีนเขาถึงยอดเขาก็ ไมใชใกล ๆ
เหมือนกัน

หลังจากหายเหนื่อยทานก็เริ่มสํารวจตอไป จากจุดนี้ทานเดินไปไมไกล พลันไดพบเห็น


ตนไมประหลาดไมทราบวาเปนตนอะไรอยูเหนือศรีษะทานขึ้นไป ตนไมใหญแต แปลกที่มาขึ้นอยู
ภายในถ้ําที่ลึกเชนนี้ ทานก็เลยเอะใจ พยายามหาทางขึ้นไปสํารวจ โดยใหลูกศิษยชวยหาตนไมไผ
ใหญตัดมา ๒ - ๓ ลํา มาตอทําบันไดพาดขึ้นไป

พอปนขึ้นมาถึงจุดที่ตนไมอยู พบวาตรงนี้เหมือนมีน้ําซึมอยูตลอดเวลา ขางบนเปนที่โลงลึก


ไปประมาณ ๓ เมตร มีตนไมอื่นอีก ๓ - ๔ ตนเกาะอยูตามผนังถ้ําสวนบน ก็รูสึกสนใจ จึงไดพยายาม
พิจารณาตามพื้นและผนังถ้ําสวนนี้ ทันใดนั้นหลวงพอไดเห็นวัตถุ สีดํามันวาว สะทอนแสงไฟ คลายเปน
ปุมเหมือนเปลือกไมเกาะที่ผนังถ้ําในระดับสายตา สวนเปลวไฟก็ลูเขาไปหาวัตถุสิ่งนั้น หลวงพอยืน
ตกตะลึงตอเหตุการณเฉพาะหนาในขณะนั้น ดวยไมเคยคิดมากอนวาจะพบอะไรบางอยางที่ไมคาดคิด
มากอน จากประสพการณ ทานทราบทันทีวาสิ่งนี้คือ “เหล็กไหล” ที่ผูคนและทานไดแสวงหามานาน
แตเนื่องจากทานไมไดเตรียมเครื่องมือตัดเหล็กไหลมา จึงไดแตมองหาง ๆ ไมกลาไปรบกวนของ
ศักดิ์สิทธิ์นี้

เพียงชั่วครูที่มองดู สิ่งที่เห็นนั้นก็คอย ๆ หดถอยไปตามรอยแตกของผนังถ้ําจนหดหายไป


หมดเพียงเวลาแคอึดใจเทานั้น หลวงพอจึงสั่งใหโยมนวลและหลานชายเดินทางกลับ เพราะเปนเวลา
บาย ๓ โมงเศษ กําชับมิใหแพรงพรายใหกับบุคคลภายนอกทราบเด็ดขาด กอนกลับทานไดสํารวจ
บริเวณถ้ําโดยรอบอีกครั้งหนึ่ง

คราวนี้ทานพบเห็นที่พื้นถ้ํา มีกอนแรสด
ี ําทั้งเล็กบางใหญบางอยูเกลื่อนกลาดไปทั่ว
ทานไดเก็บมาพิจารณาดูพบวา มีลักษณะเปนสีดาํ มันวาว สะทอนแสงไดดี และทราบภายหลังวา
แมเหล็กดูดติดได ทานจึงทําพิธีจุดธูปเทียนบอกกลาวขออนุญาต เก็บรวบรวมใสยามประมาณคอนยาม
ของทานเพราะมีความมั่นใจวาสิ่งนี้มีคุณ คาตามทีท ่ านตั้งใจปรารถนาแนนอน สวนเหล็กไหลกอน
ที่พบนั้นทานตั้งใจวา คืนเพ็ญเดือน ๑๒ ทานจะมาทําพิธีพลีกรรมเอาอีกทีหนึ่ง เพราะชวงที่ทาน
ไปพบนั้นยังอยูในระหวางพรรษา จึงไมกลาไปรบกวนเขา

เหล็กไหลตาแรดคืออะไร ? เหล็กไหลตาแรดคืออะไร ?

หลังจากหลวงพอสัมฤทธิ์ไดนําเอา กอนแรที่พบในถ้ํากลับมาถึงวัดแลว ทานไดจุดเทียนธูป


บอกกลาว และจัดเครื่องบวงสรวง อาหารคาวหวานและผลไมของหวาน เพื่อขอนํามาใชประโยชน
เพื่อพระพุทธศาสนา มอบเปนวัตถุมงคล หรือทําเปนเครื่องรางของขลัง เพื่อสมนาคุณผูมีจิตศรัทธา
ที่จะมารวมกันสรางวัดในครั้งนี้

ภายหลังที่หลวงพอไดนําเหล็กไหลนี้มาไวที่วัด ทานก็ไดเจริญสมาธิภาวนาอธิษฐานจิต
ขอใหสิ่งนี้มีอานุภาพดังประสงค พอดีถึงวันพระขึน
้ ๑๕ ค่ํา ขณะที่หลวงพอเจริญสมาธิตอนเชามืด
จิตทานก็ไดนิมิตเห็น ชีปะขาว ผมยาวขาวโพลนทั้งศรีษะ มากับแรดตัวหนึ่ง ใหญบึกบึนสีดําสนิท
มันวาว ไดเขามากราบหลวงพอทั้งแนะนําตนเองวาคือ ปูสิงขร ผูรักษาเทือกเขาแรดแหงนี้
๙๕๖

สวนแรดที่มานี้ก็คือพาหนะของทาน ทานเปนผูรักษาดูแลขุนเขาแหงนี้มานานแสนนาน สถานที่แหงนี้


เปนสถานที่องคสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจาในอดีต ไดเคยเสด็จผานมา และเคยเปนบานเมืองเกามากอน
แตลมสลายเพราะภัยธรรมชาติ เมืองทั้งเมืองจมหายสูแมน้ําไป สวนหนึ่งที่ รอดตายก็คือผูที่รูจักรักษา
ศีลปฏิบัติธรรม ไดพักอาศัยอยู ตามถ้าํ และซอนฝงสมบัติไวใตพื้นถ้ํา

อีกทั้งยินดีมอบของกายสิทธิ์ที่มีอยูในเขานี้ให ถาหลวงพอตองการ เพราะถิ่นนี้เคยเปน


เขตปกครองของหลวงพอเมื่อในอดีตอันไกลโพน ของเหลานี้ชีปะขาวไดเฝาดูแลรักษามานาน
หมื่นป จนสภาพบานเมืองในอดีตไดเสื่อมสลายไปตามกฏแหงอนิจจัง และในปจจุบัน หลวงพอ
ก็ไดกลับมาปกครองเขตนี้อีกครั้งหนึ่ง ลูกหลานเหลาบริวารจะเขามาชวยสรางวัดแหงนี้ใหเจริญ
ใหญโตตอไปในภายภาค หนา ขอใหทานหมั่นเจริญภาวนา เหลาเทพเทวา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ทั้งหลายในเขตเทือกเขานี้จะขอรวมอนุโมทนาบุญดวยเชนกัน

สําหรับสิ่งที่หลวงพอไดพบนั้น ถึงเวลาที่ตั้งใจไวก็ขอใหขึ้นไปเอา เทพที่รักษาของนี้จะ


มอบถวายให สวนกอนแรที่เก็บมานั้น เปนของกายสิทธิ์ที่เกิดจากเหล็กไหลที่พบเห็นนั่นเอง จะมี
ปรากฏอยู ในที่อื่น ๆ ของเทือกเขานี้อีก เมื่อถึงเวลาทานจะไดพบเห็นเอง สิ่งเหลานี้บางทีก็เรียกกัน
วา “โคตรเหล็กไหล” เหลาเทพเทวาทั้งหลายจะชวยทําใหสิ่งเหลานี้เกิดอํานาจมีฤทธิ์มีเดชในตนเอง
เพื่อใหมี คุณคาควรแกการเคารพบูชา สมกับผูที่จะมาชวยทํานุบํารุงพระพุทธศาสนาใหสถาพรสืบไป

ตอมาภายหลังหลวงพอไดพบกับแรเหล็กไหลเหลานี้ในชวงฤดูน้ําหลากระหวางเขาพรรษา
บริเวณหลังพระอุโบสถ ซึ่งจะมีทางน้ําจากบนไหลเขาพัดพาเอาสิ่งของจากภายในถ้ําคูหาตาง ๆ
บนเขาลงมาสูพื้นดานลาง บางทีเคยมีเปลือกมะพราวและแกลบใหม ๆ ไหลมากับกระแสน้ําดวย
เชื่อวาเปนสิ่งที่มาจากเมืองลับแลนั่นเอง สวนแร เหล็กไหลที่มากับน้ํานี้กอนจะไมคอยใหญมากนัก
ทานไดลองใชแมเหล็กดูดหา ซึ่งไดมาจํานวนพอสมควรเชนกัน บางครั้งทานก็ไดขึ้นไปเอาลง
มาจากถ้ําบนภูเขาเหมือนกัน

นิมิตรจากปูสิงขร

หลังจากหลวงพอไดรับอนุญาตจากปูสิงขรใหนําเอาแรเหล็กไหลเหลานี้มาทําประโยชนเพื่อสืบสาน
พระพุทธศาสนาแลว ทานก็ยังคิดไมตกเหมือนกันวาจะเอามาจัดทําอยางไรดี หลังจากออกพรรษาได
อาทิตยเดียว ขณะที่หลวงพอปฏิบัติกรรมฐานของทานตามปกติในชวงตี ๔ เมื่อจิตทานเริ่มนิ่งสงบ
ฉับพลันไดพบเห็นแสงสวางนวลขาวพุงลงมาจากบนเทือกเขาแรด

ปูสิงขรไดมาปรากฏตอหนาหลวงพออีกครั้ง หลังจากกราบหลวงพอแลว ทานไดเอยกับ


หลวงพอวา “พระคุณเจาอยาวิตกไปเลย แรเหล็กไหลนี้มีคุณสมบัติใชได ๑๐๘8 ใหหลวงพอนําไป
ตกแตงใหไดประมาณเม็ดถั่วเขียว นําไปฝงไวที่ทองแขน โดยอาศัยเครื่องมือที่ปลายยาวคมชวย
ในการฝง” อานุภาพและแรงอธิษฐานของญาติโยมที่มีความเชื่อมั่นจะไดรับการตอบสนองจากเหลา
ทวยเทพแหงเทือกเขาแรดนี้ ใหไดสําเร็จกิจสมดังความประสงคตอไป ฉับพลันที่ปูสิงขรกลาวจบลง
หลวงพอก็ไดบังเกิดความคิดตอเนื่องเกี่ยวกับแรเหล็กไหลนี้ทันทีวาจะนําไปใชประโยชนทางใด
ไดบาง เชน

๑. นํามาเจียรนัยขนาดเทาเม็ดถั่วเขียวฝงใหญาติโยม

๒. นําเอาเศษที่แตกบิ่นหรือเศษที่เหลือมาฝงไวหลังพระผงรุนแรก

๓. เศษผงที่เจียรนัยแลวมาทําเปนมวลสารผสมสรางพระรุนใหม

๔. กําหนดเรียกชื่อของสิ่งนี้วา “เหล็กไหลตาแรด” ตามภูมิประเทศและนิมิตจาก


ปูสิงขร เพื่อใหเปนที่เขาใจและรูจักวาของสิ่งนี้มีกําเนิดมาจากเขาแรด วัดถ้าํ แฝด
๙๕๗

ตํานานเหล็กไหลตาแรด

จากนั้นหลวงพอสัมฤทธิ์ ก็เลยติดตามศึกษาตนตํานานเกี่ยวกับ แรเหล็กไหลประเภทนี้ทันที


โดยการสอบถามจากคนเฒาคนแกที่พอทราบเรื่องราวเหลานี้ โดยเฉพาะพระรุนเกา ๆ ที่เกิดทันสมัย
“หลวงพอเปลี่ยน และ เสือบาง” เพื่อแกะรอยยอนอดีตติดตามเรื่องราวที่ทานไดสัมผัสมา จึงพออนุมาน
ไดวา ในอดีตมีผูคนพบแรเหล็กไหลเหลานี้มากอนแลว เพียงแตไมไดเรียกชื่อเจาะจงตามที่ หลวงพอ
เรียก คงหมายถึงเหล็กไหลทั่ว ๆ ไปเทานั้น

๑. ขุนแผน ปรากฏอยูในวรรณกรรมเรือ ่ ง ขุนชาง-ขุนแผน อันเปนนิยายพื้นบานที่อิงประวัติศาสตร


และภูมิเรื่องจากสถานที่จริง เกิดขึ้นในระหวางแผนดินของสมเด็จพระพันวษา หรือสมเด็จพระรามาธิบดี
ที่ ๒ ราว พ.ศ. ๒๔๐๓ - ๒๐๗๒ ซึ่งอยูในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง เดิมชื่อ “พลายแกว” เปนบุตร
ของขุนไกรพลพาย เคยบวชเรียนวิชาการรบกับ สมภารบุญ วัดสมใหญ เรียนวิชารบและรักจาก สมภารมี
วัดปาเลไลยก ไดสู ขอ นางพิมพิลาไลย มาเปนภริยา แตถูกขุนชางหาเรื่องกลั่นแกลงและพยายามแยง
ชิงนางพิมมาเปนของตน

มาปรากฏชื่อของ “ขุนแผน” เมื่อพลายงามไดเขารับราชการทหารเปนแมทัพเอกของสมเด็จพระพันวษา


ชนะศึกเมืองเชียงใหม จึงไดรับการปูนบําเหน็จเปนอันมาก และไดรับแตงตั้งใหเปน “ขุนแผนแสน
สะทาน” นายดานกาญจนบุรี ภายหลังมีรับสั่งใหขุนแผนและขุนชางเขามาอบรมรับราชการ ณ
กรุงศรีอยุธยา จึงถูกขุนชางกลั่นแกลงกลาวโทษ จนสมเด็จพระพันวษาทรงพิโรธ มีรับสัง่ หามขุนแผน
เขาเฝา ตอเมื่อมีศึกจึงจะเรียกตัวเขากรุง เมื่อกลับมาถึงเมืองกาญจนบุรี ก็มีแตความกลัดกลุมใจ
จึงไดเสาะแสวงหาของดี ๓ อยางดวยกัน คือ มาสีหมอก ดาบฟาฟน และกุมารทอง จึงไดออกตระเวณ
ตรวจตราดานไปจนถึง “แดนบานถ้ํา” นายบานชื่อ “หมื่นหาญ” ตั้งซองสุมผูคนเปนชุมโจรใหญ
ดังคํากลอนเสภาที่วา

จะกลาวถึงนายเดชกระดูกดํา อยูบ  านถ้ํา ตั้งกองเปนซองใหญ ไดเปนที่หมื่นหาญชาญชัย


เปนหัวไมมีฝมือเลื่องลือชา สูงเกือบสี่ศอกตากลอกโพลง หนวดโงงงอนปลายทั้งสองขาง ขอบตา
แดงฉาดดังชาดทา เนื้อแนนหนังหนาดูนากลัว ผมหยิกหยักศกอกเปนขน ทรหดอดทนมิใชชั่ว
ปลุกเศกเครื่องฝงไวทั้งตัว เปนปมปุมไปทั่วทั้งกายตน อยูปนยืนยงคงอาวุธ เหยียบสะดุดขวาก
ปกก็หักปน มีทหารตัวดียี่สิบคน ลวนอยูยง คงทน ทุกคนไป ฯลฯ

หมื่นหาญนั้นก็ชอบฝงเครื่องรางไวตามตัว เปนปมปุมทั่วตัวแถมยังอยูยงคงกระพัน ก็นาเชื่อไดวา


นาจะมีของดีที่ไดจากบริเวณตามถ้ําและเทือกเขาแหงนี้ เพราะเปนผูมีวิชาดีและอยูในดินแดนถิ่นนี้
มานาน กลาวกันวาในชวงที่หมื่นหาญยังดีตอขุนแผนนั้น ไดนําเอาแรหรือหินเหล็กไหลจากบริเวณ
เทือกเขาแหงนี้มาผสมทําดาบฟาฟนใหกับขุนแผนอีกดวย เทือกเขาแหงนี้ในปจจุบันชาวบาน
เรียกกันวา ภูเขาแรด นั่นเอง

ตนกําเนิดกุมารทอง หมื่นหาญนั้นมีธิดางามชื่อ “บัวคลี่” ขุนแผนไดพบเขาก็เกิดความพึงพอใจ


จึงปลอมตัวเปนชื่อ “แกว” เขาไปเปนสมุนของหมื่นหาญ วันหนึ่งนายแกวไดชวยชีวิตหมื่นหาญไวจาก
วัวปาชน หมื่นหาญจึงไดยกนางบัวคลี่ใหเปนภรรยา ขุนแผนอยูกินกับนางบัวคลี่จนกระทั่งนางตั้งครรภ
คราวหนึ่งหมื่นหาญเกิดขัดใจกับขุนแผนที่ขัดขืนไมยอมไปรวมปลนชาวบาน จึงเกิดการลองวิชากันขึ้น
ปรากฏวาหมื่นหาญสู ขุนแผนไมได จึงคุมแคนหาทางกําจัดเสีย โดยถือวาเสือสองตัวอยูในถ้ําเดียวกัน
ไมได โดยใชใหนางบัวคลี่นําอาหารที่ลอบใสยาพิษไปใหขุนแผนกิน โดยที่นางบัวคลี่ก็ไมทราบวา
อาหารนั้นมี ยาพิษ แตขุนแผนรูตัวเพราะมีนางโหงพรายกระซิบบอก ทีแรกขุนแผนไมยอมเชื่อ
จึงเอาอาหารนั้นโยน ใหกาไกกิน ปรากฏวากาไกตายจึงเชื่อทันที ทําใหเขาใจผิดจึงคิดจะฆาเสีย
ทั้งพอและลูก
๙๕๘

ค่ําวันนั้นจึงพูดทีเลนทีจริงกับภรรยาวา ขอลูกในทองเถอะ บัวคลี่พูดประชดวา อยากไดก็ผาเอา


ไปเถิด พอตกดึกจึงทําพิธีผาทองนางบัวคลี่ ไปปลุกเสกทําเปน “กุมารทอง” หมื่นหาญคุมสมุนออก
ติดตาม นายแกวหรือขุนแผนจึงไดแสดงฤทธิ์ใหรู แตนึกถึงบุญคุณจึงไมไดฆาเสีย คงกลับเขาเมือง
กาญจนบุรีกับกุมารทอง ระหวางทางนั้นไดประกอบพิธีตีดาบ “ฟาฟน” และไดนํา “มาสีหมอก”
กลับไปดวย ซึ่งในการทําดาบฟาฟนนั้นไดกลาวไวเปนตํานานที่นาสนใจดังนี้

ครานั้นขุนแผนแสนสนิท เรืองฤทธิ์รังสีไมมีสอง ไดลูกชายเชี่ยวชาญกุมารทอง ก็สมปองคิดไว


แตไรมา จะจัดแจงตีดาบไวปราบศึก ตรองตรึกหาเหล็กหนักหนา ไดเสร็จสมอารมณตามตํารา ทานวาง
ไวในมหาศาตราคม เอาเหล็กยอดพระเจดียมหาธาตุ ยอดปราสาทถวารามาประสม เหล็กขนันผีพราย
ตายทั้งกลม เหล็กตรึงโลงตรึงตนสลักเพชร หอกสัมฤทธิ์ทองแดงพระแสงหัก เหล็กปฏักสลักประตู
ตะปูเห็ด พรอมเหล็กเบญจพรรณกัลเม็ด เหล็กบานพรอมเสร็จทุกสิ่งแท เอาเหล็กไหลเหล็กหลอม
หลอพระแสง เหล็กกําแพงน้ําพี้ทั้งเหล็กแร ทองคําสัมฤทธิ์นากอแจ เงินที่แทชาติเหล็กทองแดงดง
เอามาสุมคุมควบเขาเปนแทน เผาใหแดงตีแผแชยาผง ไวสามวันซัดเหล็กนั้นเล็กลง ยังคงแตพองาม
ตามตํารา ฯ

เมื่อไดเหล็กไหลรวมทั้งโลหะอื่นแลวนํามาหลอรวมเก็บไว พอฤกษงามยามดีก็ตั้งศาลเพียงตา
พรอมเครื่องบัดพลีทําพิธี แลวใหชางตีเหล็กบรรจงแตงรูปทรงที่ตองการ เมื่อเสร็จแลวมี สีเขียวปก
แมลงทับ จากนั้นก็เจาะไมชัยพฤกษ เอาผมผีพรายราย ๆ ใสเขาไป แลวเอาชันกรอกทับเปนดาม
เมื่อขุนแผนลองแกวงดูก็เกิดเมฆลมพัดตลบอบอวล ฟาผาเปรี้ยงปราง แลวเอาไมสรรพยามาทํา
สัก แตงเติมเสริมความงามจนพอใจ จึงตั้งชื่อวา “ดาบฟาฟน”

ถ้ําที่ขุนแผนทําพิธียางกุมารทองนั้น ปจจุบันคือถ้ํานางบัวคลี่ ตั้งอยูในบริเวณวัดบานถ้ํา


ซึ่งมีประวัติเกาแกมาแตครั้งสุโขทัย ปรากฏหลักฐานตามทะเบียนตั้งวัดของ กรมการศาสนาวา
ขอตั้งเมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๕ ตั้งอยูในเขตตําบลเขานอย อ.ทามวง จ.กาญจนบุรีในปจจุบัน เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๓
เริ่มปรากฏหลักฐานหินงอกที่ผนังถ้ํา มีรูปรางเหมือนผูหญิงผมยาว ดวยอํานาจการกัดเซาะของน้ําตก
ตามซอกผาที่กัดเซาะ ซึง่ เชื่อวาเปนที่สิงสถิตของนางบัวคลี่ ไดเสริมแตงเขียนหนาตารูปราง
แตงกายดวยชุดไทยดูแปลกและสวยงาม ทําใหนักทองเที่ยวเขามาเยี่ยมชมกันเปนจํานวนมาก
เจาขุณเณร

๒. เจาขุนเณร กอนหนานั้นไดบวชเปนสามเณร ชอบธุดงคทองเที่ยวไปในเขตบริเวณชายแดน


ไทย-พมา มีวิชาดี สามารถลองหนหายตัว และวิชาคงกระพันเยี่ยม ในยุคสมัยของ พระเจากรุงธนบุรี
แผนดินพระเจาตากสินมหาราช ไดถูกทางการชักชวนใหเขามารับราชการ ทําหนาที่สอดสองพวก กระ
เหรี่ยงและมอญ ตามแนวชายแดน ไทย-พมา ทีม ่ ก
ั สงกองสอดแนมมาสืบความเคลื่อนไหวของฝายไทย
ขณะเดียวกันก็สอดแนมความเคลื่อนไหวของฝายตรงขามใหกองทัพไทยไดรับรู บางครั้งหากมี โอกาส
ก็จะเขาโจมตีพวกมอญและกะเหรียงเพื่อตัดเสนทางลําเลียงและเสบียงอาหาร

เจาเณรนี้มีวิชาดานคงกระพันยอดเยี่ยม วิชาอาบน้ําแรและน้ําวานเพื่อใหผิวหนังคงกระพัน
ฟนแทงไมเขา ซึ่งไดมีผูเลาขานสืบทอดกันมาวา เจาเณรไดนําเอาแร บางชนิดจากภูเขาแรดนี้
ไปแชอาบดวย ซึ่งหลวงพอก็สันนิษฐานวา คงจะเปนแรเหล็กไหลชนิดหนึ่งนี่เอง

๓. หลวงพอเปลี่ยน หรือ ทานเจาคุณพระวิสุทธิรังษี อดีตเจาคณะจังหวัดกาญจนบุรี ประวัติของทาน


เมื่อหนุม ๆ เปนนักเลงคงกระพันชาตรี มีวิชาอาคมและฝมือการตอสูในเชิงนักเลงอยางฉกาจฉกรรจ
แตเมื่อทานตัดสินใจเขาสูรมกาสาวพัสตรแลวก็ตัดชีวิตทางโลกจนหมดสิ้น ถวายชีวิตในรมกาสาวพัสตร
จนมรณภาพ
๙๕๙

หลวงพอเปลี่ยนมีวิชาอาคมแกกลาและเชี่ยวชาญวิปสสนา
มาแตหนุม ๆ ศิษยเอกของทานในยุคนั้นไดแก พระยาพหล
พยุหเสนา ทหารเสือหนุมผูกอการรัฐประหาร เปลี่ยนแปลงการ
ปกครองจาก ระบอบสมบูรณายาสิทธิราชมาเปนประชาธิปไตย
เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๔ ลูกศิษยของทานสวนใหญ
เปนนักเลงใหญและเปนคนจริงไมรังแกใคร แตถาใครมาราวี
รับรองวาจะตองไดรับบทเรียนมีคาติดหัวกลับไปคนละแผล
สองแผล จนกลายเปนคําล่ําลือของชาวเมืองกาญจนบุรี
สมัยนั้นวา หากตองการเปนเจาชูตองไปวัดเหนือ หากตอง
การเปนเสือ ตองไปวัดใต

กลาวกันวา สมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เสด็จทรงตรวจการณคณะสงฆ


และประสงคจะเฟนหา เจาคณะจังหวัดกาญจนบุรี ไดทรงทอดพระเนตร พระครูเปลี่ยนวัดใต เสกน้ํามนต
ในบาตรใหแข็งตัวยึดติดกับบาตร เทอยางไรก็ไมหกใหทอดพระเนตร ทรงยกเทดวยพระองคเองก็ไมหก
ใหผูอื่นยกเทก็ไมหก แตเมื่อคืนใหถอดอาคมแลว เอียงนิดหนอยน้ํามนตรก็หก ดวยคุณสมบัติอื่น ๆ
ประกอบกัน จึงไดรับพระราชทานเปน เจาคณะจังหวัดกาญจนบุรี “พระวิสท ุ ธิรังษี” และไดมรณภาพ
ลงในป พ.ศ. ๒๔๙๐ วัตถุมงคลหลายรุนของทานมีราคาบูชากันตั้งแตหลักหมื่นถึงแสนตน ๆ
จากคําบอกเลาของชาวบานรุนเกา ๆ ไดเลาวา หลวงพอเปลี่ยนทานมักพายเรือมาขึ้นที่ ชายฝง
“บานถ้ํา” แลวเดินขึ้นไปบนภูเขาแรดเที่ยวสํารวจตามถ้ําตาง ๆ เพื่อเสาะแสวงหาของดีมาเสกให
เปนเครื่องรางของขลังสําหรับลูกศิษยลูกหาพกพาติดตัวหนึ่งในของดีนั้นก็คือ แรเหล็กไหลจาก
เขาแรดแหงนี้ บางรายกลายเปนโจรเปนเสือ สรางความลําบากหนักใจแกเจาหนาที่บานเมืองไมนอย
เพราะสามารถรอดพนจากการลอมจับของเจาหนาที่ตํารวจนับครั้งไมถวน เพราะเมื่อยิงไปก็ไมถูก
บางทีก็ยิงไมออก จนตํารวจหมดปญญาที่จะปราบปราม

อาจารยบาง หรือ เสือบาง ในอดีตเคยบวชและติดตามหลวงพอเปลี่ยน จนไดของดีคือ


แรเหล็กไหลจากเขาแรด ตอมาไดลาสิกขาบทมารับราชการที่จวนเจาเมืองในสมัยนั้น ทําหนาที่จาย
เงินเดือนตํารวจในจังหวัด ทําไปทํามาก็ถูกกลาวหาวายักยอกเงินหลวง เพราะเงินเดือนที่จายใหตํารวจ
ไปนั้นเกิดไมครบจํานวน ถูกชักออกเปนประจํา ก็เลยโกรธตํารวจที่มาเบิกเงินวากลั่นแกลงใสราย
ทานจนถูกเพงโทษรับใชเงินที่สูญหายไป จึงเกิดการตอวาตอขานจนบันดาลโทสะดวยวาตนเองไมผิด
จึงเกิดยิงตํารวจนั้นตายไป

ดังนั้นก็เลยตองหนีราชการ เปนฆาตรกรที่กฎหมายตองการตัว เหมือนตกกระไดพลอยโจน


ทําใหตองหลบหนีการจับกุมของตํารวจ แตเสือบางก็ไมเคยทํารายคนดี มีศีลธรรม บางครั้งปะทะกัน
ซึ่ง ๆ หนา ถูกยิงก็หลายครั้ง แตก็สามารถแหวกวงลอมออกมาไดทุกครั้ง จนเจาหนาที่ตํารวจหมด
ปญญาที่จะเขาจับกุม แถมยังตองถูกเสือบางยิงตายและบาดเจ็บไปหลายคน ซึ่งเปนเรื่องธรรมดา
ของการตอสู

พล.ต.ต.ขุนพันธฯ ในสมัยนั้นจึงหาวิธีการจับเสือบางไมวาเปนหรือตาย โดยไดติดตอกับ


หลวงพอเปลี่ยนวัดใต วาอยากเห็นเสือบางที่มีฤทธิ์เกงกาจ แถมอยูยงคงกระพัน ตํารวจลอมจับ
ไมไดเสียที หนาตาเสือบางเปนอยางไรอยากขอดูตัวหนอย หลวงพอเปลี่ยนทานก็ไมไดขัดของ
จึงไดนัดหมายวันเวลาใหมาที่วัดใต แลวทานจะใหไดพบกับเสือบางผูเปนศิษยเอง

หลวงพอเปลี่ยนไดเรียกอาจารยบาง หรือ เสือบาง เขาพบและนัดหมายวันเวลาตามกําหนด


พรอมทั้งกําชับใหผลัดเปลี่ยนชุดแตงกายอยางดี นุงผามวงสวมเสือราชประแตนพรอมดวยลูกศิษย
วัดบางคนคอยใหการตอนรับ พอถึงเวลานัดหมาย ขุนพันธฯก็ไดเขามาพบหลวงพอเปลี่ยน
สนทนากันไปเรื่อย ๆ
๙๖๐

สวนอาจารยบางก็ไดนําเอา บุหรี่ น้ําดื่ม มาตอนรับ คอยหยิบคอยสงใหหลวงพอบาง


รวมสนทนาบางในบางครั้ง จนไดเวลาพอสมควรก็กราบลาหลวงพอเปลี่ยนไปทันที ฝายขุนพันธรอแลว
รออีกก็สงสัยวาทําไมไมเห็นเสือบางมาซักที ก็เลยถามหลวงพอเปลี่ยนวา เสือบางไมมาหรือ ?
หลวงพอทานหัวเราะแลวตอบวา ก็คนที่นําของมาตอนรับ นุงผามวงอยางดี คนแรกนั่นแหละคือ
เสือบางที่ถามหา ขุนพันธถึงกับตบเขาฉาดใหญ ดวยคิดไมถึงวาผูที่แตงตัวหนาตาดี พูดเพราะเสนาะหู
ดูสุภาพเรียบรอยเชนนี้จะเปนเสือบางได เพราะตั้งใจจะมาจับตายดวยซ้ํา

สิ่งเหลานี้ก็เปนเรื่องราวหรือเกร็ดความรูเกี่ยวกับตํานานเหล็กไหลตาแรดนั้นวามีมาอยางไร
จนหลวงพอเปลี่ยน หรือ ทานเจาคุณวิสุทธิรังษี พรอมกับอาจารยบางไดมาปรากฏในนิมิตบอกให
พระครูกาญจนกิจจาทร หรือ หลวงพอสัมฤทธิ์ แหงวัดถ้ําแฝด เปนผูเขาไปเอาเหล็กไหลที่มี
ประวัติสืบเนื่องยาวนานกวา ๒๐๐ ปมาแลวมาใชประโยชน พรอมทั้งขนานนามเพื่อใหเปนที่รูจัก
และเขาใจในการเรียกหาวา “เหล็กไหลตาแรด”

หลวงพอสัมฤทธิ์ จึงเปนผูสืบสานตํานานเหล็กไหลอันเกาแก จนเปนที่แพรหลายรูจักกันดี


ถือไดวาเปนผูเปดตํานานโลกธาตุ ธาตุกายสิทธิ์ และสรางชื่อเสียงวัดถ้ําแฝดจนโดงดังไปถึง
ตางประเทศ กระทั่งกลายเปนเอกลักษณเฉพาะตัวเกี่ยวกับการฝง “เหล็กไหลตาแรดสรรพคุณ ๑๐๘”
ซึ่งเปนตํานานกลาวขานกันมาจนทุกวันนี้

เหล็กไหลฤาษี
ภายหลังจากที่ไดพบ “เหล็กไหลตาแรด” ในครั้งนั้นแลว หลวงพอสัมฤทธิ์ทานก็ คงวุนวาย
อยูกับการจัดเตรียมงาน “ฝงลูกนิมิตร” ซึ่งในปนั้นปรากฏวา วัดถ้าํ แฝดมี รายไดจากการจัดงานสูงกวา
ทุกวัด รถจอดติดเปนแถวยาวเหยียดจากตัวเขื่อนวชิราลงกรณเรื่อยมาจนถึงบริเวณวัดระยะทางประมาณ
๕ กม. ผูคนหลั่งไหลมาบูชาวัตถุมงคลชุดพิเศษ พระผงรุนแรกฝงเหล็กไหลอยางเนืองแนน บางคนก็มา
ฝงเหล็กไหลตาแรด บางคนก็อยากเห็นเหล็กไหล แตสวนหนึ่งที่ตั้งใจเหมือนกันก็คือ มารวมงาน
บําเพ็ญกุศลปดทองลูกนิมิตดวย
๙๖๑

ยอนรอยหาเหล็กไหล
หลังงานฝงลูกนิมิตผานพนไปแลว ภาระกิจตาง ๆ คอยผอนปรนลงไป ทําใหหลวงพอสัมฤทธิ์
ทานมานึกทบทวนถึงสิ่งหนึ่งที่ทานตั้งใจจะขึ้นไปเอา เมื่อคราวไดติดตามหาเหล็กไหลตาแรดนั้น
ก็คือ เหล็กไหล ที่เหมือนปุมไมที่หดหายไปในผนังถ้ําคราวนั้นหากแมนมีบารมีพอก็จะขึ้นไปทําพิธี
พลีกรรมขอเอามาไวที่วัด จนวันเสารขึ้น ๕ ค่ําเดือน ๕ ปจอ พ.ศ. ๒๕๑๗ ทานจึงถือเปนฤกษมงคลชัย
ทําพิธีเปดปาเปดถ้ํา ขึ้นไปหาเหล็กไหล โดยชวนผูใหญเภา พรานนวล และเณรหลานชายของทาน
ออกเดินทางพรอมดวยเสบียงอาหาร เครื่องบวงสรวงเทาที่จําเปน เทียนชัย ดายมงคล ยอนรอยไป
ตามทางจนถึงจุดที่พบเหล็กไหลโผลออกมาเหมือนปุมไม ลอเลนกับแสงไฟแลวหดหายไปในผนังถ้ํา

มาคราวนี้เงียบสงบดีจัง ดูเหมือนกับวาไมมีอะไรที่เปนที่นาสนใจ เหมือนเมื่อมากันในครั้งแรก


อาจจะความคุนเคยกับสถานที่ ประกอบกับเคยอยูกับความวิเวกจนเคยชินก็เลยรูสึกเปนธรรมดา
อาศัยแสงไฟและแสงเทียน ที่สองแสงสวางสลัวไปทั่วบริเวณ ก็ยังไมพบอะไรเปนที่ผิดสังเกต
แมแตนอย พอนั่งพักผอนหายเหนื่อยดีแลว ก็คอยสํารวจพิจารณาไปตามซอกถ้ําซอกเขาที่คาดวา
นาจะมีของดีหลบซอนอยู ตามองดู เทาก็ ย่ําไปตามพื้นถ้ํา เสียงฝเทาที่เหยียบย่ําไปตามกอนหิน
ทําใหเกิดเสียงดังเปนระยะ หลวงพอไดเดินไปตามทางที่ทอดคดเคี้ยว บางแหงไดพบหินงอกสวยงาม
บางแหงเปนหินเขี้ยวหนุมาน รูปทรงเปนแทงเหมือนปรามิด หินแปลก ๆ สวยงามแทบไมนาเชื่อวา

ภายใตภูเขาแรดนี้ จะมีถา ที่สวยงามซอนเรนอยู บางแหงไดพบหินสีแปลกๆ ถ้ํานั้นลึก


และดูลี้ลับพอสมควร หลวงพอทานเดินสํารวจไปเรื่อยทางก็คดเคี้ยวทอดยาวลึกไปเรื่อย
เดินอยูภายในถ้ําเกือบชั่วโมงก็พบทางออกอีกทางหนึ่ง เหน็ดเหนื่อยพอสมควร เพราะเสนทาง
ในถ้ําบางชวงตองเกาะหินปนปายไปเรื่อยๆ ตามลักษณะของถ้าํ ตอมาภายหลังไดมีการระเบิดหิน
จนพบถ้ําที่สวยงามเปนขาวไปทั่วประเทศ คือ”ถ้ําแกวกาญจนาภิเษก”

บริเวณนั้นอยูใกลกับสวนของภูเขาที่เปนสวนดวงตาของแรดนั่นเอง ตอนพบถ้ําใหม ๆ
หลวงพอไดไปสํารวจดู และคาดคะเนจากจุดถ้ําที่สํารวจ นาจะเปนถ้ําเดียวกันกับที่หลวงพอไดสํารวจ
ในครั้งนั้น เพียงแตยังไมมีใครพบทางเขาเทานั้น ก็เลยกลาวกันวาเปนถ้ําปด คนงานที่ระเบิดหิน
บนเขาลูกนี้ ยืนยันวามีอยู จุดหนึ่งที่วางชนวนระเบิดแลว ระเบิดดานไมทํางาน จนไมมีใครกลาไปวาง
ระเบิดในแถบนั้น

จากการสํารวจถ้ําในครั้งนั้น ยังไมสามารถพบ “เหล็กไหล” กอนที่เหมือนปุมไมดังกลาว


พอโพลออกมาทางปลายถ้ําอีกดานหนึ่ง จึงพบวาอยูในเขตคนละฝากเขากับวัดถ้ําแฝด มองเห็นแนว
แมน้ําแควนอยอยางชัดเจน ก็เลยเดินสํารวจไปเรื่อย ๆ เพื่อเสาะแสวงหาถ้ํา ตามหารองรอยของ
เหล็กไหลชิ้นนั้นตอไป เดินมาจนเหนื่อย จึงไดเลือกมุมสถานที่พอนอนพักผอนไดแหงหนึ่ง
ฉันน้ําพอแกกระหาย สังเกตตะวันเริ่มคลอยไปแลว นาจะเปนประมาณบาย ๒ – ๓ โมง
จึงไดเอนพักผอน ชมธรรมชาติ สวนใจนั้นก็ครุนคิด หาวิธีติดตามรองรอยเหล็กไหล
อยูตลอดเวลา คิดไปก็อธิษฐานไป หวังวาการติดตามรองรอยเหล็กไหลครั้งนี้จะสําเร็จผล

ยอนตํานานบุรพาจารย
พอพักผอนหายเหนื่อย หลวงพอทานก็นั่งในทาเตรียมทําสมาธิ กําหนดจิตลงสูองคฌาณ
เพื่อนอมจิตแผเมตตา ถึงครูบุรพาจารยในอดีตตลอดถึงทวยเทพเทวาทั้งหลาย ไดชี้แนะหนทางการ
ติดตามหาเหล็กไหลในครั้งนี้ใหไดประสพผลสําเร็จสมดังเจตนาที่ตั้งใจไว หลวงพอไดทบทวนเสนทาง
การเดินทางการบุกเบิกถ้ํา พบวาไดเดินจากทางตะวันออกมาทะลุทางตะวันตกเฉียงเหนือ สุดเขตเขา
ที่บริเวณเขาแหลมหรือเขาตก โดยสังเกตุจากแนวแมน้ํา ทําใหทานนึกถึงเรื่องราวที่เลาขานกันมานาน
ถึง “หลวงพอทอง” ปฐมเจาอาวาส วัดบานถ้ําในอดีต
๙๖๒

ตามตํานานกลาววา ในยุคสุโขทัย มีเศรษฐีคนหนึ่งร่ํารวยมาก


ไดมาพบถ้ําแหงหนึ่งที่ บานถ้ํานี้ใหญโตสวยงามนาอาศัยมีปลองแสง
สวางไมอับชื้น อากาศเย็นสบาย มีการถายเทอากาศที่ดี จึงเกิดความ
ศรัทธาดวยเปนที่สับปายะ จึงไดนิมนต “หลวงพอทอง” ผูมีความ
เกงกลาดานพุทธเวทย มหามนตมาอยูจําพรรษา ตนเองก็เปนผูคอย
อุปฐาก ฟงหลวงพอสั่งสอนธรรมะ จนเกิดความเลื่อมใสศรัทธา
อยางแรงกลา ก็เลยคิดสรางพระพุทธรูปองคใหญประดิษยฐานไว
ภายในถ้ําแหงนี้ เปนปางแบบพระพุทธชินราช สูง ๑๑ ศอก
หนาตักกวาง ๘ ศอก พอกดวยปูนลงรักปดทอง

หลวงพอทองทานมีญาณเกงกลา สามารถเดินทางไปตามซอกหินตลอดภูเขาไปทะลุถึงอีกฝากหนึ่ง
ของภูเขาได การเดินทางของทานนั้นอาศัยไต ๑ มัด ๒๐ ใบ จุดไปกลับพอดีหมด เมื่อถึงแลวก็ลงสรง
น้ําที่สระบัว พอเสร็จแลวก็จะเก็บดอกบัวมาบูชาพระหลวงพอใหญในถ้ํา ภายในภูเขานี้ เชื่อวามีเสนทาง
เดินของชาวบังบดและชาวบาดาล ประกอบดวยหมูบานชาวลับแล ซึ่งมีพี้นดินและหาดทรายอันสวยงาม
ดังนั้นผูที่จะผานเขาออกดินแดนแหงนี้ จะตองประกอบไปดวยสมาธิจิตและศีลที่มั่นคง มิฉะนั้นจะถูก
นางผีเสื้อยักษที่เฝาดานประตูทําอันตรายเอา จําเนียรกาลผานไป บุตรชายของเศรษฐีนั้นเติบใหญขึ้น
สมควรแกการบรรพชา ประกอบกับตัวเศรษฐีนั้นก็ชรามาก จึงนํามาถวายเปนลูกศิษยรับใชหลวงพอทอง
ก็เลยไดบวชเปนสามเณร ไดคอยปรนนิบัติรับใชหลวงพออยางใกลชิดเสมอมา ตอมาสามเณรเห็น
หลวงพอทองเขาไปทางภูเขาไดทุกวัน ก็เลยอยากขอติดตามไปบาง แมหลวงพอจะหามปรามอยางไร
ก็ไมยอมฟง รบเราออนวอนจนหลวงพอใจออน ก็เลยใหสามเณรสัญญากันกอนวา ในระหวางเดินทาง
หากแมนพบเห็นอะไรก็ตามใหนิ่งไว เดินสํารวมอินทริยตามรอยเทาหลวงพอไป อยาไปหลงไหล
ในสิ่งที่พบเห็นตามทางเปนอันขาด สามเณรก็รับปากกับหลวงพอเปนอยางดี จึงไดมีโอกาสติดตาม
หลวงพอไปดวยกัน จนกระทั่งถึงประตูดานทางเขาเมืองลับแล สามเณรที่เดินตามหลังมีจิตที่ยังไม
มั่นคงพอ เพราะนางยักษที่ เฝาดานเห็นสามเณรแปลกหนาติดตามหลวงพอมาดวย ก็เลยใครทอดสอบ
ดูจึงแปลงกายเปนสาวนอยรูปรางโสภาเขามาทักทายดวยวาจาออนหวาน สามเณรซึ่งยังอยูในวัย
คะนองก็เลยขาดสติเสียสมาธิ จิตคิดเสนหาจึงเอยวาจาเกี้ยวพาราสีพอไดชองทีก็คิดจะทําการลวงเกิน
นางยักษก็รูทันทีวาสามเณรนี้เปนผูที่ไมสํารวมในอินทรีย ไรศีลไรสัตย ไมสมควรผานเขาสูดินแดน
แหงลับแลนคร จึงไดเอยวาจาหามปราม ฝายสามเณรก็ไมยอมฟงเสียง เรงจะติดตามหลวงพอใหทัน
สาวนอยจึงกลับรางเปนนางยักษตรงเขาบิดคอสามเณรจนตาย

หลวงพอเมื่อเดินทางเขามาถึงหมูบานเมืองลับแล ยืนรออยูครูใหญก็ไมเห็นสามเณรมาสักที
ก็เฉลียวใจวาเณรคงไดรับเภทภัยจากนางยักษเปนแน จึงรีบกลับไปดู ก็พบสามเณรถูกบิดคอตาย
เสียแลว ถามนางยักษไดความจริงวา สามเณรทําผิดศีลผิดสัตยจึงถูกลงโทษถึงตาย หลวงพอจึงได
ขอรองใหนางยักษชวยแกไขใหสามเณรฟนขึ้นมากอน เมื่อสามเณรฟนขึ้นมาแลวหลวงพอก็รีบนํา
กลับไปยังถ้ําเบื้องบนทันที

ตั้งแตวันนั้นมาสามเณรก็ลมปวยโดยไมมีใครทราบสาเหตุ อยูจนครบ ๗ วัน สามเณรก็ถึง


แกมรณภาพ มีแตหลวงพอองคเดียวเทานั้นที่รูสาเหตุการตายของสามเณร แตเพราะกลัวจะเกิดความ
ยุงยากจึงไมบอกเรื่องนี้ใหใครทราบ ตั้งแตวันนั้นมาหลวงพอจึงเอาหินอุดชองถ้ําที่เคยชําแรกภูเขาไป
อยางมิดชิดเสีย เพื่อปองกันมิใหใครหลงเขาไปอีก ทั้งตัวหลวงพอเองก็เลิกชําแรกเขาชองภูเขา
ตั้งแตนั้นมา ชองเขานั้นถูกอุดมานานแสนนานตราบจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ ปรากฏวาไดมีหินงอก
หินยอยมาปดทางจนหมดสิ้น เหลือไวเพียงรองรอยเทานั้น
๙๖๓

ฝายเศรษฐีนั้นเมื่อบุตรชายตายไปแลว จึงคิดวาตอไปในภายภาคหนา หากมีลูกหลาน


มาบวชอยูในถ้ําอีก อาจจะเกิดเหตุเภทภัยถึงแกความตายได จึงไดจัดหาคนงานมาทําการสราง
วัดที่บริเวณเชิงเขาขางลางตรงปากถ้ํา แลวขนานนามวา “วัดบานถ้ํา” มาตราบเทาทุกวันนี้

ฤาเทพนําทาง
เมนตัวหนึ่งกําลังมุงมาใกล ๆ ที่ทานพักอยู เสียงเคลื่อนไหวของมันไดดึงดูดความสนใจ
ของหลวงพออยางฉับพลัน วิ่งอยูในระยะหางจากทานเพียง ๑๐ กวาเมตร พอเห็นตัวไดชัดเจน
เพราะเปนปาไผที่โปรงโลง เมนตัวนั้นก็คงไมไดสนใจกับคณะหลวงพอมากนัก หันมามองลูกศิษย
ก็เห็นหลับตาทั้งสองคน คงจะเหน็ดเหนื่อยจากการสํารวจพอสมควร

สวนเมนก็คงวิ่งหาอาหารไปเรื่อย ๆ หลวงพอทานก็เกิดคิดอยากไดขนเมนขึ้นมา เพราะใช


ทํายาและทําอยางอื่นไดอีก ก็เลยพยายามติดตามหาขนเมนที่หลุดรวงในแถบนั้น เมนนั้นพอเห็น
หลวงพอเคลื่อนไหวก็พลันวิ่งพลุบหายลงไปจากจุดบนเขาที่ คณะหลวงพอพักอยู ทานจึงเกิด
ความคิดติดตามไปเผื่อรังมันอยูใกล ๆ คงจะไดขนเมนมาทําประโยชนบาง ปรากฏวามันวิ่งเลย
จากจุดที่พักไปเกือบ ๓๐ เมตร หลวงพอก็ติดตามไวไมใหคลาดสายตา สังเกตเห็นเมนวิ่งหายไป
ใตเนินเขาขางหนา ใกลกับตนไทรตนใหญ

หลวงพอทานเลาวา ทานก็เลยติดตามมาจนถึงบริเวณตนไทรตนนั้น แตไมพบเมนอีก


ก็เลยคิดวารังมันอาจจะอยูในซอกหินแถบนี้ก็ได จึงไดหาเศษกิ่งไมหักที่ ตกอยูแถบนั้น เคาะแหวกตาม
ดงไมที่อยูใกลบริเวณนั้น ซึ่งสวนใหญเปนไมลมลุกสลับกับหญาเปนหยอม กอสูงถึงหนาอก หลวงพอ
ทานก็แหวกไปเรื่อย ๆ เหมือนไมตั้งใจ แตทันใดนั้นทานก็รูสึกแปลกใจทําใหหูตาสวางขึ้นมาทันที
เพราะจุดที่ทานแหวกผานหญาออกไปนั้น เปนเหมือนโพรงใหญ สูงพอที่คนจะกมเดินเขาไปได
เพียงแตหญาปกคลุมหนาแนนจนไมเห็นปากโพรง ลองเอาไมแหยเขาไปก็รูสึกวามีความลึกพอ

ทานจึงตะโกนเรียกลูกศิษยที่ติดตามใหเอาเทียนใหญและไฟฉายมาใหในทันที ประสพการณ
จากการเดินปาทําใหทานเกิดความสนใจขึ้นมาอยางประหลาด ก็เลยตั้งใจจะเขาไปสํารวจดูวาสภาพ
ภายในจะเปนอยางไร

พบถ้ําฤาษี
พอไดไฟฉายและเทียนใหญที่สวางพอ ทานก็เริ่มกมตัวเขาไปตามโพรงไดเกือบ ๕ เมตร
ทางนั้นก็เริ่มกวางขึ้นเปนทางลาดลงไป พบวาเบื้องลางนั้นเปนถ้ําใหญอีกแหงหนึ่งที่มืดสนิท
ตองคอยปนปายลงไปตามกอนหินนอยใหญ แสงสวางสองเขาไปไมมากนัก แตอากาศเย็นสบาย
ทานเพลินชมกับหินงอกหินยอยแปลกๆ จนเพลิน จนถึงพื้นถ้ําที่ทอดยาวไปเรื่อย ๆ พอคนเดินไดสบาย

ทันใดนั้นก็พบหินงอกกอนหนึ่งรูปทรงแปลก เหมือนฤาษียืนหลังโกงถือไมเทา สูงประมาณ


เทาคนจริง ทานจึงไดเรียกชื่อถ้ํานี้วา “ถ้ําฤาษี” และไดเขาไปสํารวจครั้งสุดทายเมื่อป ๒๕๓๐
ปรากฏวาหินงอกรูปฤาษีไดถูกเคลื่อนยายออกไปเสียแลว เพราะในระยะหลังพวกพรานปา
ไดทราบขาวเกี่ยวกับถ้ําอันศักดิ์สิทธิ์นี้ จึงมักมีคนจางวานนําทางเพื่อเขาไปสํารวจถ้ําดังกลาว

พบมวลสารศักดิ์สท
ิ ธิ์

สิ่งหนึ่งที่หลวงพอสังเกตเห็นก็คือ ผงฤาษี ที่ทับถมกองสูงจนทําใหพื้นทางเดินสูงชันจน


ผิดปกติ และทราบไดทันทีวาเปนของศักดิ์สิทธิ์โดยธรรมชาติ เปนเหมือนผงอิทธิเจ ที่เปนผงละเอียด
มีอยู ๓ สี ดวยกัน คือ ผงสีนวลเหลือง ผงสีขาวอมชมพู ผงสีขาวเหมือนแปง เหมาะสําหรับใชทําวัตถุ
มงคล นับเปนมวลสารที่ดีเปนหนึ่งโดยธรรมชาติ ที่เกิดจากฤทธิ์อํานาจของเจาของถ้ําไดทิ้งไวนาน
นับพันปมาแลว อานุภาพยอมดีเดนทั้งดาน เมตตามหานิยม โชคลาภ ซึ่งตอมาทานไดใชมวลสารนี้
๙๖๔

สรางวัตถุมงคลชุดตาง ๆ ของวัดถ้ําแฝดสืบทอดมาจนถึงยุคปจจุบันนี้ นอกจากนี้ยังไดนํามวลสารนี้


มอบใหกับ พลตํารวจเอกเผา ศรียานนท ผานทางลูกศิษยของทาน ซึ่งไดมาติดตอขอผงวิเศษ
จากหลวงพอสัมฤทธิ์ เพือ ่ จัดสรางวัตถุมงคลชุดพิเศษที่รูจักกันดี ในวงการพระเครื่อง คือ
“พระสมเด็จเผา” เรื่องนี้สอบถามไดจากผูเฒาผูแกที่ยังคงมีชีวิตอยูในปจจุบัน คือ พรานนวล
และ สามเณรหลานชาย ซึ่งปจจุบันนี้คือคุณอนุชิต เคนพันครอ รับราชการอยูที่กรมชลประทาน
ดูแลรักษาระบบน้ํา ทามะกา และคงยังพํานักเปนศิษยวัดถ้ําแฝดมาจนถึงปจจุบันนี้

ผูดูแลรักษาถ้ําตัวจริง

หลวงพอสัมฤทธิ์รูสึกตื่นตาตื่นใจกับการคนพบสิ่งใหม ๆ ในครั้งนี้ ทานพิจารณาดูรูป


เหมือนปูฤาษีและผงฤาษีที่กองสูงชัน ซึ่งเปนไปตามลักษณะธรรมชาติที่กอตัวสะสมมานานนับรอยป
ทอดสายตาไปทามกลางความมืดของถ้ําเบื้องหนา เหมือนกําลังตัดสินใจกับเหตุการณเฉพาะหนา
เพราะเวลาก็คลอยบายมากแลว ไมอาจคาดเดาไดวาจะพบอุปสรรคอะไรบางสําหรับการสํารวจในครั้งนี้

หลวงพอเลาวา ทานไดยืนหลับตากําหนดจิตอธิษฐานตอ รูปเหมือนปูฤาษี เพื่อชวยชี้ทางให


พอทานลืมตาขึ้นมาชา ๆ จะวาตาดฝาดหรืออะไรก็แลวแต แวบหนึ่งทานเห็นเปนเหมือนจุดแสงสวาง
วาบจากหัวไมเทาปูฤาษีพุงเขาสู ภายในของถ้ําแลวหายไปอยางรวดเร็ว ดังนั้นหลวงพอสัมฤทธิ์
จึงตัดสินใจ มุงเดินเขาสูสวนลึกของถ้ําโดยมีคณะศิษยตามไปติด ๆ เสนทางเดินนั้นทอดลงสูต่ําลงไป
ในถ้ําเปนระยะ ระยะเดินไมต่ํากวา ๕๐ เมตร เงียบเสียจนรูสึกอึดอัด เสียงฝเทาที่เหยียบย่ําลงบนกอน
หินพอใหไดยินเปนชวง ๆ ขณะที่หลวงพอกําลังเดินไปเรื่อย ๆ นั้น หูแววเสียงคลายน้ําไหลอยูไมไกล
จึงรีบสาวเทาไปยังตนเสียงในทันทีเหมือนกัน

ทามกลางความสลัวของแสงเทียนที่สองนําทาง ไดปรากฏธารน้ําเล็ก ๆ โผลออกมาจาก


สวนลึกของถ้ํา เปนรองน้ําไมใหญสามารถกาวขามๆไดสบาย ๆ คงเปนตาน้ําภายในถ้ําที่ผุดขึ้นมา
จนกลายเปนธารน้ําเล็ก ๆ ที่ไหลออยอิ่ง สําหรับสัตวเล็ก ๆ ที่พอจะอาศัยดื่มกินได หลวงพอจึงอาศัย
แนวธารน้ําเปนเสนทางสํารวจไปเรื่อย ๆ จนสุดธารน้ําที่หายไปในโพรงหินที่ทึบตันหลวงพอจึงยกเทียน
สองทางเพื่อหาแนว ทางสํารวจตอไป ขณะที่ยกตนเทียนสองสูงขึ้นเพื่อใหเห็นสภาพภายในถ้ํานั้นเอง
หลวงพอไดพบกับดวงตาของสัตวชนิดหนึ่งแดงวาบเหมือนจองมองดวยสายตาที่เฝาระวัง

อะไรอยางหนึ่งกําลังขวางพาดปดกั้นทางเดินภายในถ้ํา เหมือนไมประสงคใหเดินทางตอไป
ขางหนาแสงเทียนกระทบกับลําตัวสีขาววาวมัน เปนเลื่อม ดวงตาจองเขม็งมาที่หลวงพอและคณะ
ลําตัวยาวเกือบ ๒ วา ใหญโตพอสะกดใหหลวงพอและคณะแทบจะกาวขาไมออก ทั้ง ๆ ที่ยืนหาง
จากกันเกือบ ๑๐ เมตร หลวงพอเลาวาแทบจะไมกลาหายใจดวยเกรงเสียงของมันจะไปกระตุนให
สิ่งนั้นเคลื่อนไหวจูโจมเอาได

งูจงอางขนาดใหญ นอนทอดขวางทางผานอยูเบื้องหนานั่นเอง คณะติดตามเห็นทาไมดีเบียด


เกาะจีวรหลวงพอ เพื่อขอบารมีความคุม  ครองจากผาเหลืองดีกวา หลวงพอเองก็คาดไมถึงวาจะพบอะไร
ที่นาหวาดหวั่นเชนนี้ เมื่อนึกถึงนิมิตและสิ่งที่ปรากฏตอสายตาในขณะนี้ จึงคาดวานาจะเกี่ยวของกัน
เพราะพญางูใหญในคืนแรกที่ทานมาจําวัดในถ้ําแฝด ไดกลาวอนุญาตมอบของกายสิทธิ์ที่อยูใน
เทือกเขานี้ใหแกทานเมื่อถึงเวลาอันสมควร ชะลอยคงเปนสิ่งบอกเหตุหรือนําทางใหไปพบของ
ศักดิ์สิทธิ์ที่ทานตามหาอยูก็ได

อธิษฐานบารมี ไดถูกนํามาใชอีกครั้งหนึ่ง หลวงพอไดกลาวตอสิ่งศักดิ์สิทธิ์และพญางูที่ทาน


เคยพบนานมาแลววา “บัดนี้อาตมาภาพกําลังติดตามหาของกายสิทธิ์บางอยางอยู หากแมนจะมีวาสนา
ตอกันแลว ขอใหพญางูเปดทางใหดวย หากแมนจะไรวาสนาก็จะขอเดินทางกลับ โดยไมฝนติดตามหา
อีกตอไป จนกวาจะไดนิมิตอยางใดอยางหนึ่ง ที่เปนการเปดทางให”
๙๖๕

เมื่อหลวงพอสัมฤทธิ์อธิษฐานดังนั้นแลว เรื่องแปลกประหลาดก็บังเกิดตามขึ้นมาทันที
ทานเลาวาเหมือนพญางูนั้นจะเขาใจในสื่อที่ทานอธิษฐานบอก มันยกหัวสูงขึ้นมานิดหนึ่ง ผงกหัวขึ้น
ลงอยู ๓ ครัง้ แลวหมุนตัว เลื้อยนําไปทางลาดชันอีกทางหนึ่งทันที หลวงพอเห็นดังนั้นก็เลยสาวเทา
ติดตามไปทันที ทางเดินนั้นเดี๋ยวสูงเดี๋ยวต่ํา ทอดยาวไปเรื่อย ๆ คิดวาไมตา่ํ กวา ๓๐ เมตร ไดพบ
เหมือนปากถ้ําขนาด ๔ คนเดินเรียงแถวหนากระดานเขาไปได

พบธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหล
พอคณะของหลวงพอขึ้นมาถึงปากถ้ํา ก็ไมเห็นพญางูตัวนั้นเสียแลว ไมรูหายไปทางไหน
จึงไดเดินไปตามทางลึกเขาไปในถ้ํา พบวาโปรงโลงอากาศถายเทไดดี มีลมพัดสวนเขามาเดินไป
ไมไกล ไดพบโคนไมใหญที่มีเถาวัลยพัน ยอดไมโผลสูงขึ้นไปบนอากาศ เปนเหมือนปากปลองถ้ํา
ที่สูงมากเกินกวาจะปนขึ้นไปถึง แสงสวางขางนอกเริ่มออนลง แตพอเห็นภายในถ้ําไดชัดเจน

จึงไดหาสถานที่บนเนินหินภายในถ้ํานั่งพักผอนเอาแรงกอน สวนสายตาของหลวงพอ
ก็สอดสายพิจารณาสภาพในถ้ําไปเรื่อย ๆ เห็นปากถ้ําอยูสูงขึน ้ ไป ภายในถ้ําระเกะระกะไปดวย
กอนหินใหญนอยทอดต่ําลงไปเรื่อย ๆ แสงสวางภายนอกสาดสองไปกระทบผนังถ้ําดานหนึ่ง
ชวนใหพิศวง เพราะเหมือนหินสวนหนึ่งภายในผนังถ้ําเปนสีดํามันวาว เมื่อกระทบแสงสวาง
จากภายนอก รูสึกสะดุดตาชอบกล หลวงพอทานนั่งมองจุดนั้นอยูนาน ในใจก็ครุนคิดอะไร
บางอยางอยูเงียบ พอหายเหนื่อยแลว ทานจึงไดเดินตรงไปสํารวจในจุดที่ทานหมายตาทันที
อาศัยการปนปายนิดหนอย ทานก็มายืนอยูใตผนังที่ทานเฝาสังเกตอยู ทามกลางผนังหินตรงนั้น
มีกอนแรประหลาดสีดําแทรกตัวอยู ทานลองเอามือลูบคลําดู รูสึกวาเย็นอยางประหลาด
ผิวของมันเปนปุม ๆ เล็กบางใหญบาง หลวงพอจึงเอามีดหมอที่ติดตัวมาขูดผิวหินสีดําดู

ทันใดนั้นหลวงพอถึงกับอุทานขึ้นมาดวยเสียงอันดังแกมตกใจวา “เฮย” เพราะมีดที่ทาน


ตั้งใจจะมาขูดผิวนั้น ไดถูกพลังจากกอนหินนั้นดูดติดอยางแรง มันเปนเหมือนพลังแมเหล็ก
แตแรงกวามาก จนทานตองออกแรงดึงมีดเลมนั้นเก็บเขายามทันที แลวลองเอาโลหะอื่น เชน
พวงกุญแจเขาไปใกลกอนแรเหลานั้น ปรากฏวาถูกกอนแรเหลานั้นดูดติดแนนทันที

ตนตํานานเหล็กไหลฤาษี

หลวงพอจึงไดจัดเตรียมสิ่งของที่ไดจัดเตรียมไวลวงหนา ทําพิธีพลีกรรมขอจากเจาถ้ําทันที
อาศัยธูปเทียนและจิตที่มั่นคงในสมาธิ ทําการสื่อกับเทพผูรักษาแรกายสิทธิ์เหลานี้ เพื่อขออนุญาต
นําไปทําประโยชนตอพระพุทธศาสนาสืบไป หลังจากนั้นทานไดเจริญพุทธมนตและเจริญภาวนา
แผเมตตาและขอนําเอาสิ่งเหลานี้กลับไปที่วัด

เมื่อคลายจากสมาธิแลว หลวงพอจึงไดสํารวจโดยละเอียดอีกที พบวาสวนที่เปนเหมือนแร


โลหะที่มีพลังแมเหล็กนี้ มีอยูไมมาก แตฝงตัวอยูในซอกหินจนดูเหมือนเปนสวนหนึ่งของผนังถ้ํา
สวนที่เปนแรสีดํานี้มีบริเวณไมกวางแตยาวเพียงประมาณ ๒ เมตรเศษ อีกสวนหนึ่งเปนสีขาวขุน
คลายแรสังฆวานรแทรกปนอยูไมมาก ทานจึงไดใหลูกศิษยนําสกัดและฆอนมาตอกสกัดแยก
เอาสวนที่เปนแรสีดําออกมาได ประมาณ ๑ กระสอบปุย เปนกอนเล็กบางใหญบาง เหมือนกอนแร
ทั่วไป นํากลับไปวัดก็ค่ํามืดพอดีเหมือนกัน
๙๖๖

หลังจากสรงน้ําแลว จึงไดนําเอากอนแรเหลานี้เขาไปไวในกุฎิ พักผอนพอหายเหนื่อย


ก็เลยสวดมนตทําวัตรค่ํา แลวนั่งสมาธิแผเมตตาอีกครั้งหนึ่ง ไดเวลาสมควรจึงไดจําวัด และในคืน
นั้นเองไดพบเห็นมาณพหนุมที่กลายรางจากพญางู ไดเขามากราบทานและพูดขึ้นวา “บัดนี้ขาพเจา
ขอมอบถวาย แรธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหล ที่ขาพเจาและบริวารไดเฝารักษาอยูภายในเทือกเขาแหงนี้
แดหลวงพอ เมื่อถึงเวลาปูฤาษีผูเปนเจาของที่แทจริงจะมาบอกวิธีใชให ขาพเจาเปนเพียงผูเฝารักษา
ของกายสิทธิ์เหลานี้ไว เพื่อมอบใหแกผูที่มีบารมีเกี่ยวของกันมากอน”

จากการคนพบ เหล็กไหล ชนิดใหมนี้ หลวงพอสัมฤทธิ์ ทานกลาววา “เหล็กไหลนี้เปนธาตุ


ขันธ ของเหล็กไหลที่เคยไหลไปไหลมา” แตเทพพรหมผูปกปกรักษาเหล็กไหล อันไดแกมหาฤาษี
ผูบําเพ็ญฌาณไดสําเร็จสมาบัติจนไปเกิดเปนพรหมฤาษีแลว จึงไดทิ้งธาตุขันธเหลานี้ไวตามซอกถ้ํา
บางแหง เปนเหล็กไหลที่เราเสาะแสวงหากัน เพียงแตอยูในสภาวะที่ไมยืดไมหดไดอีกแลวเทานั้น
เหมือนมีจิตแตไมมีวิญญาณของเทพผูรักษาอยูประจํา จนกวาเราจะจัดบูชาใหถูกตอง ทานก็จะมา
ปกปกรักษาอยู เปนประจํา

เพราะเหตุวา ผูรักษาเหล็กไหลชุดนี้เปนมหาฤาษีผูมีฤทธิ์ จึงไดขนานนามวา “เหล็กไหลฤาษี”


เมื่อหลวงพอสัมฤทธิ์ไดมีวาสนาไปพบเขา จึงไดทําพิธีพลีกรรมบวงสรวงขอจากเทพผูปกปกรักษาธาตุ
กายสิทธิ์เหลานั้น มาจัดสรางเปนวัตถุมงคล หรือ เครื่องรางของขลัง เพื่อสมนาคุณตอบแทนผูมีจิต
ศรัทธาในการบริจาคทรัพยทํานุบํารุงพระพุทธศาสนา ดังนั้นผูที่มีจิตละเอียดยอมสัมผัสกับความเรนลับ
เหลานี้ไดดี หลายครั้งที่ทานไดแสดงอานุภาพและปาฏิหาริยใหปรากฏแกผูที่ลังเลสงสัยไดสัมผัสแกตา
และกายใจ ดังเรื่องราวและประสพการณจากบุคคลหลาย ๆ ทานที่ไดนํามาถายทอดเปนเรื่องราวใหเรา
ไดศึกษากัน

โคตรเหล็กไหล

โคตรเหล็กไหลนี้ หลวงพอสัมฤทธิ์ ไดมีโอกาสพบภายในถ้ํา


แหงหนึ่งในเขตกาญจนบุรี ดวยความที่เปนผูมีชื่อเสียงในดานเกี่ยวกับ
“เหล็กไหล” จึงมักมีชาวบานหรือพรานปามาเลาเรื่องเกี่ยวกับสิ่งที่เชื่อ
วานาจะเปน “เหล็กไหล” ใหฟงอยูเสมอ บางครั้งก็ไดมีโอกาสพบเห็น
แตไมมีวาสนาไดมา บางครั้งก็ไมมีโอกาสไดพบเลย นอกจากเลาขาน
กันมาเปนตํานาน พอมีใครเอาอะไรมาใหดูแลวบอกวาเปน เหล็กไหล
ก็คิดวาเปนจริงเปนจังก็มี เพราะความที่ไมเคยพบเห็นมากอนนั่นเอง

เมื่อป พ.ศ. ๒๕๑๐ กอนเขาพรรษาประมาณ ๒ เดือน ไดมีพรานปาจากเขตศรีสวัสดิ์ ใกลกับทาง


ทากระดาน ซึ่งสวนใหญเปนคนอิสานมาจับจองทําไรอยู มาเลาใหหลวงพอสัมฤทธิ์ฟงถึงเรื่องราว
พิสดารบนถ้าํ แหงหนึ่ง ใกลเขตแดนพมาวา เคยพบถ้ําแหงหนึ่งอยูบนเขาสูง อากาศคอนขางเย็น
มีเมฆปกคลุมเกือบตลอดป ไดเคยพยามจะเขาไปสํารวจที่ถ้ําแหงหนึ่ง ปรากฏวาจะมีงู ตัวยาวสีดํา
และขาวคูหนึ่งเลื้อยขวางลําอยู หนาถ้ําเปนประจํา จนไมกลาผานเขาไป นาจะมีความลับที่สําคัญ
บางอยางอยูภายในถ้ํา อาจเปนสมบัติหรือของศักดิ์สิทธิ์อยางใดอยางหนึ่ง จึงอยากนิมนตหลวงพอ
ไปพิจารณาใหหนอย
๙๖๗

หลวงพอทานก็เลยตัดสินใจที่จะไปสํารวจกัน พอไปถึงที่ถ้ําแหงนั้นก็พบความจริง
ตามที่พรานปามาเลาใหฟง คือมีงูตัวยาวประมาณ ๒ เมตรเศษคูหนึ่งคลายเฝาปากถ้ําอยู
ทานจึงไดจัดเตรียมพานดอกไมธูปเทียน เครื่องบวงสรวงพลีกรรม ที่ไดจัดเตรียมไวแลวบอกกลาว
เจาที่เจาทาง เจาปาเจาเขา เจาถ้ําเจาหนอง ที่ปกปกรักษาสถานที่ เพื่อทําพิธี เปดถ้ํา

หลังจากทําพิธีกรรมบวงสรวงเสร็จแลว รอจนธูปที่ปกไวมอดเกือบหมด จึงไดเริ่มเคลื่อนที่


เขาสูปากถ้ํา สายตาก็สอดสายดวยความระแวงภัย แตก็ไมปรากฏงูดังกลาวแสดงตนออกมาใหพบเห็น
ทานจึงเชื่อวาคงจะเปนงูลมเสียมากกวาที่ทําภาพมายาหลอนผูที่จิตไมบริสุทธิ์ไมใหกล้ํากรายเขาไป
ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แหงนี้

ภายในถ้ําเปนทางเดินทอดยาวลึกและมืดพอสมควร ตองอาศัยเทียนใหญและไฟฉายสอง
นําทางพอเดินเขามาได ๕๐ เมตรเศษ พบเปนทางสามแพรง ก็เลยตัดสินใจเสี่ยงทายอธิษฐานจิต
เขาไปทางขวามือกอน พอเดินไปได ๕ นาทีพบทางตีบลง แตมีโพรงใหญพอมุดเขาไปไดไมไกล
พบเปนหองโถงใหญบรรจุคนไดเปนรอย เพดานถ้ําสูงแตทึบ เหมือนเปนถ้ําใหญภายในภูเขา
แตอากาศเย็นสบาย แสดงวามีชองถายเทอากาศติดตอภายนอก

จึงไดใชเทียนชูสูงขึ้นเพื่ออาศัยแสงสวางมองทัศนียภาพโดยรอบถ้ํา ก็เหมือนกับถ้ําทั่วไป
แตฉับพลันหลวงพอสัมฤทธิ์ไดสัมผัสเห็นแสงสวางแวววาวยามสะทอนกับแสงไฟก็นึกสงสัยจนตอง
ขอไฟสองใกล ๆ กอนหินเหลานั้น กลับพบวาตามผนังถ้ํา พื้นถ้ํา เพดานถ้ํา บางแหงมีหินสีดําสนิท
มันวาวโดยธรรมชาติขึ้นแทรกปนอยูกับหินธรรมดามีลักษณะ การงอกที่ แปลกพิสดาร ไมเคยพบเห็น
ที่ไหนมากอน รูสึกสวยงามดื่มด่ํา จนอดตื่นเตนไมได แตเปนที่นาเสียดายวา ระยะเวลาที่ผานไป
นานมาก หลวงพอจํารายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่นี้ไมไดแลว เพราะตอนไปนั้นมีผูนําทางไป
แตปจจุบันบุคคลเหลานี้เสียชีวิตไปนานแลว

โคตรเหล็กไหลแหลงใหม

หลวงพอไดคนพบโคตรเหล็กไหลชนิดเดียวกันนี้ ที่บริเวณ
"เขาอึมครึม" อ.หนองปรือ จ.กาญจนบุรี บริเวณเขาอึมครึมแหงนี้มี
ลักษณะภูมิประเทศเปนเทือกเขายาว อากาศเย็นและมีหมอกปกคลุม
อยูโดยตลอดทั้งป จึงเปนที่มาของชื่อ "เขาอึมครึม" กลาวกันวาสมัย
สงครามโลกครั้งที่ ๒ ทหารญี่ปุนไดคนพบถ้ําแหงนี้
และไดนําเอาแรเหลานี้มาถลุงเปนโลหะเพื่อใชประโยชนในกองทัพ
ชาวบานแถบนี้เชื่อวา ผูใดไดบูชาโคตรเหล็กไหลเขาอึมครึมไว
กับบานแลว จะประสพแตความรมเย็นเปนสุข เหมือนเขตขุนเขาแหงนี้
ที่มีความเย็นตลอดทั้งป นอกจากนี้ยังเชื่อวามีความศักดิ์สิทธิ์สามารถ
ปองกันภัยพิบัติตาง ๆ ได มีอํานาจทางคงพระพันหนังเหนียว
ปลอดภัยจากอาวุธของมีคม และยังมีคุณสมบัติพิเศษพกติดตัว
ในทางปองกันสัตวเขี้ยวงาตาง ๆ รวมทั้งอสรพิษดวย หรือหากใคร
ถูกสัตวเขี้ยวงากัดเอา เชนตะขาบ แมงปองขบกัดเอา ทานใหใชแร
โคตรเหล็กไหลทําการดูดพิษได โดยเอาตัวแรมาแนบปดไวที่แผล
เพียงไมนานอากรปวดก็จะบรรเทา
๙๖๘

ลักษณะของโคตรเหล็กไหล
เหตุที่เรียกวา “โคตรเหล็กไหล” เพราะมีลักษณะการเกิดที่พิสดาร เนื้อเดิม ๆ ก็ เหมือนกับกอนหิน
ทั่วไป แตพื้นผิวกับงอกขึ้นมาเองเปนผิวมันสีดําสนิท เม็ดเล็กตั้งแต ขนาดเทาปลายเข็ม ไข ปลาดุก
เม็ดถั่วลิสง เม็ดพุดทรา เกาะกันเปนกลุมกอน หนาบางบางบาง บางแหงเหมือนการหยดหรือไหลยอย
ทําใหนึกถึงเหล็กไหลที่เราเคยไดยินกันวา สามารถเคลื่อนที่ไปตามพื้นถ้ํา ผนังถ้ํา ตามรอยแยกรอย
แตกของสวนตาง ๆ ภายในถ้ํา

แตที่มันแปลกมากก็คือ พืน ้ เดิมของมันเปนหินแนนอน แตพองอกออกมากลับกลายเปนเนื้อแกรง


คลายเหล็ก ถาไมเคยรูจักมากอนก็ทึกทักเอาวาเปนเนื้อโลหะ ธรรมชาติสรางไดพิสดาร จึงนาจะมี
ความพิสดารอื่นที่ซอนเรนอยูอยางแนนอน ควรที่จะไดทําการศึกษาใหละเอียดตอไป

หลวงพอจึงไดใหผูที่ติดตาม หาคอนขนาด ๘ ปอนดมาทุบที่ผนังหิน ปรากฏวาแข็งมากไมยอมหลุด


ออกมา ตองใชวิธีสกัดกอนหิน ที่เปนโคตรเหล็กไหลนี้ออกมาทั้งกอน แลวจึงนํามาสกัดเนื้อหินออก
คัดเฉพาะตัวโคตรเหล็กไหลออกมา ซึ่งมีหลายรูปทรงตามธรรมชาติ แตพอหลุดออกจากผนังหิน
ออกมากับไมแข็งมากเทาที่คิด เอากระดาษทรายขัดออก

เหล็กไหลโคตรทรหด

หลวงพอไดกลาวตอไปวา ธรรมชาติของโคตรเหล็กไหลนั้นมีอยู
หลายชนิดดวยกัน ชั้นสุดยอดนั้นสามารถทําการลนเอาตัวยอดเหล็ก
ออกมาไดและยอดเหล็กที่ยอยออกมา นั้นก็คือ เหล็กไหลน้ําหนึ่ง
ตามธรรมชาติที่เคยเลาขานกันมานาน บางทีก็เรียกขานกันวา "
ยอดทรหด" หรือ "โคตรทรหด" ก็มีเพราะยอมหมายถึงสุดยอด
ของเหล็กไหลน้ําดีชั้นยอดที่เกิดจากโคตรเหล็กไหลนั่นเอง

โคตรเหล็กไหลหรือโคตรทรหดนี้มีลักษณะที่คอนขางพิเศษที่สังเกตไดงายคือ มีลักษณะ
รวมตัวกันเปนมัด ๆ คลายกลามเนื้อคน ผิวลื่นมันระยับ มีหลายสีดวยกัน บางชนิดสีดําสนิทดุจนิล
เขียวอมดําก็มี บางทีจะพบเห็นเปนเหลือบลายสีรุง เหลือบสีเขียวปกแมลงทับ ยิ่งโดนแสงแดดจัดๆ
กระทบเขาดวยแลว จะยิ่งทอแสงเขมขึ้นอยางเห็นไดชัด มองแลวชวนใหลุมหลงไมนอยทีเดียว

เหล็กไหลงอก
นอกจากเหล็กไหลโคตรทรหดแลว ยังมีโคตรเหล็กไหลชั้นยอด
อีกประเภทหนึ่งที่เปนที่นิยมมากเชนกัน เรียกกันวา "เหล็กไหลงอก"
โคตรเหล็กไหล"ประเภทนี้จะมีลักษณะเปนเม็ด ๆ คลายไขปลาดุก
หรือเกล็ดปลากระดี่ บางครั้งหากงอกเพิ่มขึ้นมามาก ๆ ก็จะรวมตัวกัน
คลายรวงผึ้งหรือไขปลาดุกเกาะติดกันเปนแพ จึงเปนเผาพันธของ
เหล็กไหลที่มีความแปลกไปอีกอยางหนึ่ง
๙๖๙

โคตรเหล็กไหลงอก
โคตรเหล็กไหลทุกประเภท สามารถทีจ ่ ะ “งอก" ขึน
้ มาเองไดโดยธรรมชาติ ไมวาจะเปน
กอนใหญ หรือกอนเล็กก็ตาม แมแตกอนขนาดเล็กที่นํามาเลี่ยมแขวนติดตัว ก็งอกขึ้นมาเองจนกรอบ
พลาสติกแตก หรือตองคอยเปลี่ยนกรอบอยูเสมอ เพราะจากตุมเพียงปลายเข็มก็อาจจะโตใหญขึ้นมา
เทากับเม็ดถั่วลิสงไดโดยใช เวลาไมนาน เพียงแตการงอกนั้นจะชาหรือเร็วก็ยอมขึ้นอยูกบ
ั บุคคล
และสถานที่ดวย

สําหรับผูหมัน
่ บําเพ็ญเพียรทางจิตที่แผพลังเมตตาถึงโคตรเหล็กไหลอยูเสมอหรือเปนประจํา
จะพบวาการงอกหรือโตนั้นจะเร็วมาก แตถึงจะทิ้งไวบนหิ้งหรือเก็บไวเฉย ๆ มันก็คงจะงอกเอง
โดยธรรมชาติอยูดี เพียงแตชาหนอยเทานั้น ซึ่งยอมแสดงวาเหมือนเปนสิ่งมีชิวิตเผาพันธหนึ่ง
ที่สามารถเจริญเติบโตได

เรื่องของเหล็กไหลจึงเปนเรื่องของ อจินไตยที่คนธรรมดาจะเขาใจได จึงไมควรนําไปขบคิด


จนมากเกินไป เพราะสิ่งเหลานี้เกิดขึ้นมาพรอมกับโลกใบนี้มานานแสนนาน ขณะที่ชีวต ิ มนุษยสั้นเพียง
ไมเกิน ๑๐๐ ป ไหนเลยจะสามารถศึกษาคนควาดวยตนเองได แมจะไมสามารถพิสูจนใหเปนรูปธรรมได
แตก็ไมควรถึงกับปฏิเสธเสียทีเดียว ตองเขาใจวาของจริงก็ยอมมี ของเทียมก็ยอมเกิดขึ้นไดเชนกัน
สิ่งไรแทสิ่งใดเทียม มีซักกี่คนที่เคยพบเห็นหรือมีความรูความเขาใจ เพียงแตฟงเขาเลาวาหรือกลาว
ขานกันมาตามตํานานเทานั้น เวนแตผูมีอภิญญาจิต จึงจะเขาใจ เพราะพลังสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นไมอาจ
วัดไดดวเครื่องมือทางเทคโนโลยี่ไดนั่นเอง

สีสันของโคตรเหล็กไหล

๑. สีดําเหมือนนิล

๒. สีเทาดํา

๓. สีเขียวอมดํา

๔. สีเขียวปกแมลงทับ

๕. สีรุง ๗ สี

โคตรเหล็กไหลเหลานี้ หากนํามาขัดดวยกระดาษทรายจะปรากฏสีที่แปลกดังนี้

๑. สีแดงอยางอิฐมอญ

๒. สีเหลือง หาไดยากกวาสีแดง

๓. สีดํา ลางออกยากกวาสีแดงและสีเหลือง

โคตรเหล็กไหลนี้มิใชจะเปนที่รูจักกันดีในหมูคนไทยเทานั้น พระเกจิอาจารยทางฝงพมา
ก็มีความรอบรูเกี่ยวกับโคตรเหล็กไหลนี้ไดดี เหมือนกัน เลากันวาทางชายแดนพมานั้นนิยมเอา
โคตรเหล็กไหลนี้แชไวในขวดน้ําผึ้ง ผสมกับตัวยาสมุนไพรบางอยาง ฝานมะนาวเปนแวนลงไป
สามารถนําไปใชรักษาโรคไดหลายชนิด ครูบาอาจารยบางทานก็นําไปแชทําน้ํามนต ดวยการกําหนด
จิตเพงกสิณอภิญญา เพื่อใหอานุภาพของโคตรเหล็กไหลแผพลังออกมาอยางเต็มที่ เพื่อทําน้ําเปลาๆ
นี้เปนน้ําทิพยมนตเหล็กไหลที่เต็มไปดวยประจุพลังเหล็กไหล ใชไดสารพัดประโยชนรวมทั้งโรคภัย
ไขเจ็บดวยเชนกัน
๙๗๐

โคตรเหล็กไหลกับพระเกจิ

หลวงพอจําเนียร สีลเสฏโฐ วัดถ้ําเสือ จ.กระบี่ พระเกจิอาจารยแหงแดนทักษิณ ไดเคยพบกับหลวง


พอสัมฤทธิ์ และนําเอาโคตรเหล็กไหลที่ทานไดมา ใหหลวงพอสัมฤทธิ์ทําพิธีฝงใหที่ ทองแขน นัยวา
เพื่อใชปองกันพิษ เพราะสมัยกอนที่หลวงพอจําเนียรไดไปบุกเบิกพัฒนา วัดถ้ําเสือ จ.กระบี่ นั้น ทาน
ถูกชาวบานบางกลุมพยายามกลั่นแกลงและทํารายทาน จึงจําเปนตองมีของดีคุมกันภัยและใหขอสังเกตุ
เกี่ยวกับเรื่องโคตรเหล็ก ไหลไวดังนี้

๑.บริเวณที่มีโคตรเหล็กไหลโพลออกมานั้น
สีสันจะสะดุดตาแตกตางจากหินบริเวณนั้น
๒.บริเวณนั้นจะมีงูพิษชุกชุม ผูใดมีโคตรเหล็กไหล
พกติดตัวไว งูจะไมกลากัด
๓.ขุนพันธรักษราชเดช เคยเลาใหหลวงพอจําเนียร
ฟงวา ทานเคยใชสายสืบใสยาพิษลงในเหลาใหโจรราย
ที่มีคาหัวสูงไมวาจับเปนหรือตาย แตโจรกับไมเปนไร
ยิงก็ไมเขา จึงใชวิธีใหม มอมเหลาใหเมาจนหลับ แลวจับ
เปน เอามีดเชือดคอก็ไมเขา จึงจับกดน้ําตาย ผาศพดูมัน
ฝงโคตรเหล็กไหลไวที่ แขน
๔.หลวงพอไดเคยพบผูที่มีโคตรเหล็กไหล ถูกสุนัขดุ ๆ
งับเอา แตไมเขาหลวงพอสมชาย ฐิตวิริโย วัดเขาสุกิม
จ.จันทบุรี ทานไดนําเอาสิ่งที่เหมือนกับโคตรเหล็กไหลที่
ทานไดมาจาก “เกาะลาน” บางทีก็เรียกวา “แรเกาะลาน”
แจกใหศิษยานุศิษยผูที่เลื่อมใสไวปองกันตัว

อานุภาพของโคตรเหล็กไหล

๑. มหาอุด

๒. คงกระพัน

๓. เมตตามหานิยม

๔. โชคลาภ

๕ กันพิษสัตวเขี้ยวงา

พระเกจิอาจารยที่มีความรูในเรื่องเหล็กไหล ตางก็ทราบกันดีวา เหล็กไหลทุกชนิด


จะเดนทางดาน มหาอุด แคลวคลาด คงกระพัน ดังนั้นโคตรเหล็กไหลก็เฉกเชนกัน จัดเปนธาตุกายสิทธิ์
ธรรมชาติ ที่ใหผลปรากฏแกผูพบเห็นมากมาย เพียงแตยังไมมีใครไดไดถายทอดออกมาเปนตัวอักษร
ใหเราไดศึกษากันเทานั้น
๙๗๑

ฟนไมเขา

เมื่อเดือน พฤษภาคม ๔๓ ขณะกลุมหนุมสาวคณะวงดนตรี รับงานแสดงในงานอุปสมบท


ณ วัดหนองเฒา อ.เมือง จ.กาญจนบุรี กลางคืนก็มีงานฉลอง ทําขวัญนาค เลี้ยงแขก บนเวทีก็มี
วงดนตรี หางเครื่องสาว ๆ แสดงอยู ตกดึกแขกในงานบางคนเริ่มเมามายไดที่ ก็เริ่มแทะโลมหาง
เครื่องสาว ขึน้ ไปบนเวทีพยามจะลวนลามและเตนรํา พอนักดนตรีเห็นเขา ก็พยายามพูดจาขอรอง
ใหลงไปนั่งชมการแสดงอยางเดียว ก็มีการกระทบกระทั่งพอหอมปากหอมคอ สมัครพรรคพวกก็มา
รั้งเอาตัวกลับไป

พอตอนสายถึงเวลาแหนาค นักดนตรีและหางเครื่องก็แปรสภาพเปนแตรวง นํานาคแห


รอบโบสถ ฉบับพลันคูอริในงานเมื่อคืน มาจากไหนก็ไมรู ถือดาบปลายปนคมวับวิ่งไลฟนแตรวง
จนกระเจิดกระเจิง รวมทั้งสาวนอยหางเครื่องตนเหตุ นักดนตรีที่เขาหามบนเวทีอีก ๓ คน น.ส.ปนัดดา
อยูคง(กุง) อ.บอพลอย จ.กาญจนบุรี หางเครื่องสาวถูกฟนยาวที่คอ และหลัง นักดนตรีก็ถูกฟน
คนละ ๒ - ๓ แหงทั่วกัน ผลก็คือนักดนตรีหนุมคนหนึ่งถูกฟนสองแผล แผลลึกนากลัว หมอตองเย็บ
แผลถึง ๒ ชั้น สวนหางเครื่องสาวกับอีก ๒ นักดนตรี เสื้อที่ใสถูกฟนใสขาดเปนแผลยาว แตไมปรากฏ
บาดแผล เปนรอยช้ําแดงเฉย ๆ

หลายคนเมื่อหายตกตลึง ไดเขาจับกุมคนราย และยํากันพอสมควร เขามาสอบถามขอดูแผล


ที่ถูกฟนแตไมเขา ปรากฏวา ทั้ง ๓ คน ใสสรอยคอที่ทํามาจาก “โคตรเหล็กไหล” สวนผูบาดเจ็บสาหัส
ไมมีสรอยเหล็กไหลใส เนื่องจากชาวบานเหลานี้รูจักสรรพคุณของ โคตรเหล็กไหลนี้ดี บางคน
ขี่รถจักรยานยนตไปปะทะกับรถอื่น รถเสียหายยับเยิน ตัวกระเด็นลอยไป กลับบาดเจ็บแคนิดหนอย
บางคนก็ใชในการถอนพิษสัตวเขี้ยวงา

โคตรเหล็กไหลที่พิพิธภัณฑสถานแหงชาติ

หลวงพอสัมฤทธิ์ ไดเคยใหลูกศิษยนําเอา “โคตรเหล็กไหล”


กอนใหญสีสวยงาม เงาวับเปนชั้น ๆ คลายเห็ดที่งอกเปนกอ
มอบใหแก พิพิธภัณฑสถานแหงชาติ กรุงเทพฯ เพื่อตั้งแสดง
ใหแก อนุชนรุนหลังไดศึกษาคนควากัน ดังนั้นผูสนใจอาจเขาชม
ไดตามวันเวลาที่กําหนด หรือ ชมโคตรเหล็กไหลชนิดเดียวกันนี้ได
ที่พิพิธภัณฑเหล็กไหลวัดถ้ําแฝด ซึ่งเปนศูนยรวมของธาตุกายสิทธิ์
ชนิดตาง ๆ ที่หาไดยาก บางอยางจะมีชมไดที่วัดถ้ําแฝดเพียงแหง
เดียวเทานั้น
๙๗๒

ปริศนาของเหล็กไหล
เมื่อเราไดมีโอกาสศึกษา “ตํานานเหล็กไหล” ของวัดถ้ําแฝด ซึ่งถายทอดมาจากความทรงจํา
ของพระเดชพระคุณ “หลวงพอสัมฤทธิ์” ผูเปนปรมาจารยผูลือเลื่องในเรื่องราวของธาตุกายสิทธิ์ที่
พิสดารแลว ก็คงสรุปไดวา เหล็กไหลที่แทจริงถึงขั้นยืดไดหดไดนั้นมีนอยมาก และหาไดดวยความ
ยากลําบาก เพราะไม ใชเกิดจากธรรมชาติ แตเกิดจากเกจิอาจารยผูสําเร็จไตรเพท หรือฤาษีดาบส
ผูสําเร็จฌาณสมาบัติ โดยทานเหลานั้นตองการทดสอบความรูที่ไดเลาเรียนมา

หลวงปูสุภา กันตสีโล อายุ ๑๐๑ ป วัดเขารัง อ.เมือง จ.ภูเก็ต


ลูกศิษยของหลวงปูศุข วัดมะขามเฒา จ.ชัยนาท ผูทรงภูมิความรู
และเชียวชาญในเรื่องธาตุ ไดเคยสนทนากับหลวงพอสัมฤทธิ์
ในคราวที่ไปรวมงานพุทธาภิเษก ณ วัดฉลอง จ.ภูเก็ต ถึงเรื่องราว
ของเหล็กไหล และที่วัดของทาน ก็มี เหล็กไหลสีเขียวปกแมลงทับ
ใหผูศรัทธาไดบูชาอยูเหมือนกัน นอกจากนี้ยังไดเปดเผยถึง ตําราการ
สรางเหล็กไหลจากอํานาจของฌาณ โดยการจัดหาวัสดุตาง ๆ
มาผสมกัน เมื่อผสมครบถวนแลวก็ใช ธาตุไฟชารจจนวัสดุนั้น
เริ่มแข็งเปนหิน แลวทําการชารจไปทุกวันจนกวาวัตถุธาตุนั้น
เปลี่ยนเปนสีปกแมลงทับที่เรียกกันวา เหล็กไหล

วัสดุที่จะนํามาทําพิธีจัดสรางเหล็กไหลนั้น ประกอบไปดวย ไพลดํา ขมิ้นขาว แมผึ้ง ๔๙ ตัว


เมื่อสรางสําเร็จแลว เพียงเทน้ําผึ้งใสจานแลวจับทอนเหล็กไหลใหมั่นคง เหล็กไหลนั้นก็จะยอยลง
มากินน้ําผึ้ง เมื่ออิ่มแลวก็จะหดตัวกลับมาเอง หลวงปูสุภาไดกลาวกับหลวงพอสัมฤทธิ์วาเหล็กไหล
ของวัดถ้ําแฝดสามารถนํามาดัดแปลงใหเปนเหล็กไหลแท ๆ ได

ตําราการสรางเหล็กไหล

ตามตํารากลาววาเมื่อไดวัสดุมาครบแลว ใหนํามาบดใหละเอียดแลวผสมน้ําผึ้ง นําไปแช


เหล็กไหลวัดถ้ําแฝด เพื่อดัดแปลงใหเปนเหล็กไหลตัวผูหรือตัวเมียตามตําราลับ แลวทําพิธีสวด
บรรจุไปจนกวาเหล็กไหลจะเปลี่ยนสีจากสีดํากลายเปนสีดําอมเขียว บังเกิดเปนเหล็กไหลแท ๆ
ที่ทุกคนปรารถนาอยากจะได และไมมีผูไดสามารถมาทําลายเหล็กไหลนี้ได แมแตผูจัดสราง
เองก็ตาม การจะทําใหเหล็กไหลกลับสภาพเดิมตองรูวิธีแยกตัวผูตัวเมียออกจากกันดวยพลังจิตชั้นสูง
ถาพลังจิตสูงไมพอก็ไมสามารถจะแยกได ถึงแมจะมีพลังจิตมากแยกไดก็ มีผลไมเกิน ๑ เดือน
เหล็กไหลก็จะกลับสภาพเดิม การชารจเหล็กไหลโดยอาศัยธาตุไฟนั้น ไมใชการเอาไปเผาไฟ
หรือผานการเผาใหรอนเหมือนอยางที่บางคนเขาใจ แตเปนการใชพลังจิตอยางหนึ่งตามตําราวิชา
เรื่องธาตุ โบราณาจารยกลาววา ธาตุนี้เปนใหญ เทวดาอินพรหมทั้งหลายในไตรภพนี้ มีชีวิตอยูได
ก็เพราะธาตุ ถาหาธาตุมิไดแลว โลกทั้งสามนี้ก็จะสิ้นสูญไป พระพุทธเจาและพระมหาฤาษี
จึงสรรเสริญใหธาตุเปนใหญ บุคคลใดรูจักธาตุประเสริฐนักแล

นะ คือ พระกุกกุสันโธ คือ ธาตุนา้ํ หลอเลี้ยงรางกาย


และดวงจิต กําลังธาตุ ๑๒
โม คือ พระโกนาคม คือ ธาตุดิน ใหกําลังวังชา
กําลังธาตุ ๒๑
พุท คือ พระกัสสป คือ ธาตุไฟ ใหความอบอุนแกรางกาย
กําลัง ธาตุ ๖
ธา คือ พระสมณโคดม คือ ธาตุลม หลอเลี้ยงชีวิต ดูดพลัง
ปราณมาหลอเลี้ยงดวงจิต กําลังธาตุ ๗
ยะ คือ พระศรีอริยเมตตรัย คือ อากาศธาตุ เปนที่ตั้งของ
วิญญาณ กําลังธาตุ ๑๐
๙๗๓

เมื่อรวมกําลังธาตุ นะโมพุทธายะ จะได ๕๖ คือ กําลังพุทธคุณ สงผลใหเกิดกําลังธรรม


คุณ ๓๘ และกําลังสังฆคุณ ๑๔ รวมกําลัง พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณได ๑๐๘ เชื่อวาหากกระทํา
การใดเกี่ยวกับอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย เชน ปลุกเสกลงเลขยันตใหครบ ๑๐๘ ครั้งจะมีความศักดิ์สิทธิ์มาก
ไดผลตามใจปรารถนา

เมื่อถอดจากพระเจา ๕ พระองค นะโมพุทธายะ จึงบังเกิดเปนธาตุทั้ง ๔ คือ นะ (ธาตุน้ํา)


มะ (ธาตุดิน) พะ(ธาตุไฟ) ธะ (ธาตุลม) ถอดลงไปอีกบังเกิด ธาตุพระกรณี(ธาตุพี่เลี้ยง) คือ จะ(ธาตุน้ํา)
ภะ(ธาตุดิน) กะ(ธาตุไฟ) สะ(ธาตุลม) และดวงแกวทั้ง ๔ คือ แกวมณีโชติ(ธาตุน้ํา) แกวไพฑูรย
(ธาตุดิน) แกววิเชียร(ธาตุไฟ) แกวปทมราช(ธาตุลม) เมื่อรวมพระเจา ๕ พระองค ธาตุทั้ง ๔ ธาตุ
พระกรณีและดวงแกวทั้ง ๔ เขาดวยกันจึงจะสมบูรณครบถวน ทําใหเกิดเปนอิทธิฤทธิ์ตาง ๆ ตามหลัก
วิชาแปรโลกธาตุ คือการปลุกเสกของกายสิทธิ์ใหมีอิทธิฤทธิ์เทียบเทากับเหล็กไหลชั้น ๑ คือมีสี
เปลี่ยนไปจากเดิมจนกลายเปนสีเขียวปกแมลงทับ หรือยืดหดกินน้ําผึ้งไดเองเมื่อใชคาถากํากับ
หรือใชอํานาจกําลังของตบะฌาน ประจุลงไป ณ ธาตุนั้น ๆ

หลักการใชธาตุอยางกวาง ๆ คือ ธาตุน้ําเดนทางเสนหและเมตตา ธาตุดินเดนทางอิทธิฤทธิ์


ปาฎิหาริย คงกระพันชาตรี ธาตุไฟใชทําลายสิ่งชั่วรายและหลอมรวมวัตถุ ธาตุลมใชทางลองหนหายตัว
สะกด เมื่อไดในพื้นฐานแลวยังตองรูจัก การเดินธาตุ หนุนธาตุ อัดธาตุ ซอนธาตุ แยกธาตุ สลับธาตุ
ยอนธาตุและพลิกแพลงธาตุตาง ๆ ซึ่งยังแบงแยกออกตามระดับความยากงายอีกดวย คลายกับการ
เรียนหนังสือ เริ่มจากชั้นประถม มัธยม ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก เพราะถาขั้นประถม
ก็อาจใชพระคาถาวา นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ นะมะมะนะ นะอะอะนะ นะอุอุนะ
รวมเปนธาตุน้ํา ดังนั้นเรื่องของธาตุจึงมีความสลับซับซอนพิศดารมีความศักดิ์สิทธิ์และใหผล
ที่รวดเร็วแกผูนําไปใชอยางยิ่ง

่ งทายกับโคตรเหล็กไหล
อธิษฐานเสีย

การอธิษฐานเสี่ยงทายกับพระพุทธรูปหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ
หมายถึงการอธิษฐานถามในสิ่งที่อยากรูแลวกําหนดใหสามารถ
ยกพระพุทธรูปหรือของกายสิทธิ์เหลานั้นใหเบาหรือหนักจนยก
ไมขึ้นนั่นเอง ของดีของวัดถ้ําแฝดอีกอยางหนึ่งก็คือ การเสี่ยงทาย
อธิษฐานกับ “โคตรเหล็กไหล” ขนาดพอประมาณที่ผูหญิงทั่วไป
สามารถยกขึน ้ ไดโดยงาย คาดคะเนวาประมาณ ๕ กก.
มีอยู ๒ กอนดวยกัน คือ โคตรเหล็กไหลและเหล็กไหลนาคราช
หลวงพอวัชระทานกลาววา การอธิษฐานขอพรขอบารมีจาก
เทพพรหมผูรักษาเหล็กไหลนั้น ควรมีหลักเกณฑดังนี้คือ

๑. อธิษฐานใหหนักติดพื้น หากสิ่งที่เราตั้งใจอยากทํานั้นสําเร็จ ก็ขอใหหนักติดพื้นยกไมขึ้นแลว


ลองยกขึ้นดวยสองมือ หากหนักจนติดพื้นแสดงวาคําอธิษฐานนั้นจะสําเร็จ บางคนพยายามจะฝนยกขึ้น
ใหได โดยการเกร็งกําลังที่ขอมือทั้งสอง พยายามจะยกกอนโคตรเหล็กไหลใหขึ้น แตปรากฏวามันหนัก
มากจนมือสองขางสั่นระริก
๙๗๔

๒. อธิษฐานใหเบาลอยขึ้นมา คราวนี้ลองกลับคําอธิษฐานวา “หากสิ่งที่อธิษฐานไวนั้น


จะสําเร็จจริง ก็ขอใหเบา” แลวลองยกใหม ถาสําเร็จก็จะรูสึกวา ยกขึ้น โดยสะดวกมีน้ําหนักเบากวา
ครั้งแรก ดังนั้นอยูที่ครั้งแรก ทานอธิษฐานจิตใหเบา หรือ หนัก ครั้งตอไปก็กลับใหเปนตรงขามเสีย
การอธิษฐานนั้นตองตั้งใจทําดวยความเคารพและดวยความตั้งใจจริง ทานก็จะประสพสิ่งมหัศจรรยใน
โคตรเหล็กไหลดวยตนเอง วามีพลังมีอํานาจและอิทธิ์ฤทธิ์มากนอยแคไหน

น้ํามนตเหล็กไหลรักษาโรค

โคตรเหล็กไหลกอนใหญหนักกวา ๑๐๐ กก. ไดถูกใสไวในอางน้ํามนตขนาดพอประมาณ


น้ําทวมถึงไดกลายเปน “น้ํามนตเหล็กไหล" ที่ศักดิ์สิทธิ์ ดวยอิทธิฤทธิ์ของพลังเหล็กไหลที่ถูกถาย
ทอดเปนรูปพลังงานผานเขาสูกระแสน้ํา น้ําธรรมดาก็กลับกลายเปนน้ําทิพยมนตที่สามารถ ขับไล
คุณไสย แกโรคภัยไขเจ็บ เพื่อสะเดาะเคราะหเสริมสิริมงคลฯลฯ เพราะบางคนที่มีของไมดีเหลานี้
อยูในตัว เมื่อไดดื่มลงไปก็เกิดอาการอาเจียร ขับของไมดีออกมาทันที บางคนนําไปพรมรานคาขาย
สุดแทตามแตปรารถนา

สุภาพสตรีคนหนึ่ง เจ็บปวยกลืนอาหารไมลง ไดมาหาหลวงพอวัชระแลวไมพบ ก็เลยเอา


น้ํามนตเหล็กไหลมาดื่ม ปรากฏวาไดอาเจียรสิ่งที่ไมดีออกมามากมาย บังเอิญเธอผูนี้เปนนักปฏิบัติ
ธรรมผูที่สัมผัสและรูเห็นบางอยางได ไดกลาวกับหลวงพอวัชระ ในวันตอมาวาภายหลังการอาเจียรแลว
รูสึกวาตามผิวหนังเหมือนมีตัวอะไรไมทราบ เหมือนตัวไรแดงรวงเกลื่อนพื้นไปหมด เห็นแลวรูสึก
ขยักแขยง ไมทราบวาตนเองไปถูกอะไรมา

บางคนถูกเสนหยาแฝด พอไดดื่มหรืออาบน้ํามนตเหล็กไหลเขา อาการก็ดีขึ้นอยางเห็นไดชัด


เพราะกอนหนานั้น เพียรจะพยายามหนีตามผูชายไป พอญาตินํามาอาบน้ํามนตเหล็กไหลเพียงครั้งเดียว
เดี๋ยวนี้มีอาการเปนปกติ ไมหลงโงงมเหมือนที่ผานมา เปลี่ยนนิสัยเปนคนละคน น้ํามนตเหล็กไหล
วัดถ้ําแฝด จึงเปนน้ํามนตที่พิเศษแตกตางจากน้ํามนตแหลงอื่น ๆ ดวยไดรับอิทธิฤทธิ์จากธาตุกายสิทธิ์
ที่มีอํานาจและพลังลึกลับชวยบําบัดรักษา จึงทําใหอาการที่ผิดปกติตาง ๆ บรรเทาไดอยางรวดเร็ว
หรือหายไปไดเร็วกวาปกติ

เหล็กไหลมีจริงหรือ

คุณภาณุพัฒน เจริญสุข อยูบานเลขที่ ๙/๑๑๑ หมู ๖ ม.นภาวัลย ซอย ๖ ถนนพหลโยธิน


สายไหม กรุงเทพฯ เปนบุตรของ พลอากาศเอกพิณ เจริญสุข ซึ่งเปนเพื่อนกับหลวงพอสัมฤทธิ์สมัย
ที่รับราชการเปนทหารอากาศอยูดวยกัน เมื่อทราบวาหลวงพอไดมาสรางวัดอยูที่ จ.กาญจนบุรี ก็ไดพา
ครอบครัวมาเยี่ยมเยียนกนอยูเสมอ

ดังนั้นคุณภาณุพัฒน จึงคุนเคยกับวัดถ้ําแฝดมานาน ไดพบเห็นเรื่องของเหล็กไหลมาตลอด


แตไมไดสนใจอะไรเปนพิเศษ จนกระทั่งมีครอบครัวก็ยังมาทําบุญที่วัดอยูเปนประจํา พอดีมีเพื่อนอยูที่
จ.ประจวบฯ สนใจที่จะฝงเหล็กไหล ก็เลยพามาหาหลวงพอวัชระ ใหฝงเหล็กไหลฤาษีให

ประมาณ ๒ เดือนตอมาเพื่อนคนนั้นไดเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต ขี่รถมอเตอรไซมาตามถนน


ไดถูกรถปคอัพชนทายอยางแรง ปรากฏวาศรีษะนอกพื้นสลบไป พลเมืองดีไดนําสงโรงพยาบาลแพทย
ไดตรวจแลวพบวามีเลือดคั่งในสมอง จําเปนตองผาตัดดวน ปรากฏวาในระหวางรอการผาตัดเพื่อน
คนนั้น ไดทองบนเหมือนสวดมนตดวยภาษาที่ฟงไมเขาใจทั้ง ๆ ที่ยังสลบอยู แมระหวางที่พยาบาล
เข็นเขาหองผาตัดก็ตาม แพทยไดบอกกับญาติผูปวยวา หลังการผาตัดอาจจะมีปญหาเรื่องความจํา
หรืออัมพฤกษได
๙๗๕

หลังการผาตัดพยาบาลไดมาถามวา เวลาคุณนอนอยูบนเตียงคุณสวดมนตอะไรนะ คนปวยเอง


ก็งงเพราะไมทราบมากอนวา ระยะนั้นมีอาการอยางไรบาง แตผลการผาตัดเปนที่นาทึ่ง เพราะความ
จําเปนปกติดีทุกอยาง พักฟนไมกี่วันก็ออกจากโรงพยาบาลได แพทยเองก็ประหลาดใจ เพราะคนปวย
ลักษณะนี้คอนขางใชเวลาในการรักษา เพราะสวนสมองถูกกระทบกระเทือนอยางแรง ภายหลังแข็งแรง
แลวไดมาหาคุณภาณุพัฒน เลาเรื่องนี้ใหฟง ชวนมาทําสังฆทานที่วัดถ้ําแฝด ปจจุบันสุขภาพสมบูรณ
แข็งแรงเปนปกติดีทุกอยาง คุณภาณุพัฒนเองก็เลยสนใจเรื่องของเหล็กไหลขึ้นมาทันที เที่ยวเดินชม
วัตถุมงคลที่สรางมาจากเหล็กไหล เห็นประคําเหล็กไหลก็ชอบใจอยากได แตเกิดสงสัยขึ้นมาวา
ทําไมเหล็กไหลวัดถ้ําแฝดจึงมีหลากหลายบางครั้งเห็นของเลียนแบบที่วางขายตาม รานคาภายนอก
มีลักษณะคลายหรือเหมือนกับวัดถ้ําแฝด ก็ไมมั่นใจในสิ่งที่รูเห็น ใจหนึ่งก็อยากฝงเหล็กไหลบาง
ใจหนึ่งก็คลางแคลงใจ

กอนนอนคืนนั้น หลังจากสวดมนตไหวพระแลว ก็นอนครุนคิดถึงเรื่อง เหล็กไหลวัดถ้ําแฝด


วาเปนของจริงไหมหนอ กําลังครุนคิดไปเพลิน ๆ ฉับพลันไดยินเสียง ๆ หนึ่งปรากฏในฆานทวารอยาง
ชัดเจนวา “ของจริงลูก” จึงรูสึกตกใจ วันรุงขึ้นจึงตัดสินใจมาขอรับการฝงเหล็กไหลจาก หลวงพอ
วัชระทันที แลวบูชาประคําเหล็กไหลไป ๑ เสนแลวไดเลาเรื่องนี้ใหหลวงพอวัชระฟง และกลาวเสริมวา
ไมรูวาเปนเสียงของอาจารยหรือหลวงพอสัมฤทธิ์ แตไดยินชัดเจนมาก เพราะปกติเปนคนสมัยใหม
ไมคอยเชื่อในสิ่งที่พิสูจนไมได แตเหตุการณที่ไดพบกับตัวเองก็เลยเกิดความเลื่อมใสศรัทธา
และ มีความมั่นใจ ตอมาก็ไดมาเชามีดหมอที่ทําจากเหล็กไหลฤาษีลวน ๆ ไปบูชาเปนพิเศษอีกตางหาก
ทุกวันนี้ก็ไดนั่งสมาธิและไดสัมผัสกับหลายสิ่งหลายอยางที่ตนเองเคยแตไดยิน บัดนี้ไดคนพบดวย
ตัวเองแลว จึงรูสึกปลื้มปติจนอดที่จะเลาถวายใหหลวงพอไดรับทราบไวไมได หลวงพอจึงไดถายทอด
เรื่องราวเหลานี้เพื่อใหพวกเราไดศึกษากันดู เพราะเปนเรื่องปจจัตตัง คือรูเฉพาะตน

เหล็กไหลฤาษีขับอมนุษย
เมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม ๔๔ ร.ต.อ.จักรกฤษณ แสนทวีสุข อายุ ๕๖ ป ตํารวจรถไฟ
ปฏิบัติ-ภาระกิจในขบวนรถไฟสายใต ปจจุบันพักอยูบานเลขที่ ๑๓/๒๔ หมู ๖ เพชรเกษม ๕๓
แขวงบางแค เขตบางแค กรุงเทพฯ โทร.๐๒ - ๘๐๑๓๒๖๔ ไดเดินทางมาที่วัดถ้ําแฝดเพื่อเสริม
ดวงเสริมบารมีสะเดาะเคราะหตอชะตา ดวยการครอบมงกุฎพระเจา และไดขอทําพิธีฝงเหล็กไหลฤาษี
จากหลวงพอวัชระ

เนื่องจากเปนเจาหนาที่ตํารวจที่ผานการฝกฝนและมีประสพการณมามาก รูปรางทานจึงใหญ
และแข็งแรงบึกบีน แขนทั้งสองขางไดรับการฝงตะกรุดมาจาก หลวงพอคูณ จํานวนหลายดอกดวยกัน
เพราะฝงมาหลายครั้งดวยกัน ทําใหตองหาจุดที่จะทําการฝงเหล็กไหลไดลําบาก เพราะกลามเนื้อแข็ง
ทําใหตอกยาก ปรากฏวาตองตอกถึง ๒ ครั้ง ถึงจะไดรอยแผลสําหรับฝงเหล็กไหลไดพอเหมาะที่
แขนขวา หลังจากฝงเหล็กไหลแลวก็ไดสนทนาสอบถามเรื่องราวของเหล็กไหลประเภทตาง ๆ วา
อยางไหนจะดีกวากัน หลวงพอวัชระทานกลาววา ขึ้นชื่อวาเหล็กไหลแลว ถาเปนของจริงก็เดนทาง
แคลวคลาด คงกระพัน มหาอุด และขับไลปองกันคุณไสย นอกจากนี้ก็ยังมีดานโชคลาภ และเมตตา
มหานิยม ขึ้นอยูกับผูใชไดปฏิบัติตนตามสัจจะที่ใหไวกับครูบาอาจารยไดครบถวน และสวดพระคาถา
ปลุกตัวไวเปนประจํา เพื่อกันลืมหรือผิดครู

เพียงอึดใจแหงการสนทนาผูกองจักรกฤษณ ก็เริ่มมีอาการผิดปกติในแขนดานซายที่ฝงตะกรุด
อยูหลายดอก รองถามหลวงพอดวยความสงสัยวา “ทําไมหลวงพอตอกฝงเหล็กไหลขางขวา
แตกลับมาปวดที่ฝงตะกรุดขางซาย เจ็บเหมือนกับถูกตอกอีกขางหนึ่ง” ขณะเดียวกันก็เอามือบีบนอง
แขนชวงบนที่กําลังปวดอยู แสดงสีหนาถึงอาการเจ็บใหเห็นในขณะนั้น หลวงพอจึงสั่งใหเหยียดเทา
ทั้งสองขางออกไป สวนมือทั้งสองขางปลอยวางขางลําตัว เริ่มการบําบัดรักษาอาการที่ผิดปกติทันที
โดยที่ยังไมไดตอบคําถามนั้น หลวงพอเริ่มนิมนตครูบาอาจารย พรอมกับกําหนดจิตไปยังรางที่นั่งอยู
เบื้องหนา เรียกเอาสิ่งที่ไมดีอันเกิดจากคุนไสยบางอยางที่ทํามาออกจากแขนและขาทั้งสองขางทันที
๙๗๖

เริ่มแรกรูสึกแขนขาตึงและชาที่ปลายนิ้วปลายเทา อึดใจใหญก็รูสึกวาสิ่งที่ปวดบริเวณแขนนั้น
วิ่งเปนกอนลงมาที่ขอศอกและคอย ๆ เคลื่อนหรือไหลออกไปทางปลายนิ้วมือ ทําใหรูสก ึ หนัก
และชาอยูนาน จึงคอยคลายออกไป แขนจึงโปรงและโลง ขณะเดียวกันแขนขวาก็เริ่มตึงและชาเหมือน
มีตัวอะไรวิ่งเคลื่อนไหวไปมาอยูใตผิวหนัง ปวดแสบปวดรอนและเบาไปในที่สุด รูสึกโลงและเบาอยาง
ไมเคยเปนมากอน หลังจากนั้นหลวงพอเริ่มทําพิธีขับไลสิ่งที่ไมดีออกจากสวนศรีษะ รูสึกมีพลังความ
รอนวิ่งจากศรีษะลงสูเบื้องต่ํา ปวดตามแผนหลังเรื่อยไป จนรูสึกปวดบริเวณหลังมาก เจ็บและตึงอยาง
ไมเคยเปนมากอน สักครูส  ิ่งเหลานั้นก็คอย ๆ เคลื่อนวิ่งออกมาทางโคนขาทั้งสองขาง รูสึกเจ็บและปวด
จนตองแสดงอาการออกมาทางสีหนาจากทานั่งเหยียดขาเอนหลังอยู มันชักจะไมไหวเพราะตึงมากจน
รูสึกนั่งไมได รางกายชวงบนที่นั่งอยูจึงคอย ๆ เอนต่ําลงไป ไดพยายามเกร็งฝน เหมือนมีอะไร
บางอยางกําลังดึงอะไรอยางหนึ่งที่อยูภายในตัวออกไป จนรูสึกตึงฝนนั่งไมได ในที่สุดตองทิ้งตัวนอน
ราบกับพื้นลงไป

สักครูใหญเหมือนของบางอยางในรางกายถูกดึงผานออกทางกลางฝาเทา จึงรูสึกโปรงโลง
ตลอดตัวยอมรับวาตลึงตอเหตุการณที่เกิดขึ้นโดยแทบจะฉับ พลันหลังจากฝงเหล็กไหลฤาษีเขาไป
เพราะปกติจะปวยเมื่อยและตึงตามรางกายทั่วไป อาศัยการบีบนวดบางก็พอคลาย คิดวาเกิดจากการ
ตรากตรําการงานมากเกินไป จึงทําใหปวดเมื่อย เพียงชั่วอึดใจที่กําลังสนทนาถามรายละเอียด
สรรพคุณของเหล็กไหลประเภทตาง ๆ ยังไมทันจบดี ก็เกิดสิ่งอัศจรรยที่ไมเคยคิดวาจะไดเห็นอานุภาพ
ของเหล็กไหลทันตาเห็น จึงมีความเชื่อมั่นศรัทธาในเหล็กไหลของวัดถ้ําแฝดโดยไมสงสัยอีกตอไป
และหากมีโอกาสก็จะมาขอฝงเหล็กไหลประเภทอื่น ๆ จากทางวัดถ้ําแฝดอีกแนนอน

และจะไดเลาประสพการณสด ๆ รอน ๆ ที่เกิดขึ้นนี้ใหกับเพื่อนตํารวจรถไฟฟง เพราะวันนี้


มีลูกนองตํารวจติดตามมาเปนเพื่อนดวย ยอมเปนพยานยืนยันในเหตุการณอันเหลือเชื่อนี้ได หลวงพอ
บอกวา สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากอํานาจพลังของเหล็กไหลขับไลสิ่งที่เปนอัปมงคล อันเกิดจากคุณไสย
หรือลมเพลมพัดที่แฝงหลบซอนอยูในกาย ที่ทําใหปวดศรีษะ ปวดเมื่อยตามรางกาย เพราะสิ่งเหลานี้
เปนวิญญาณแฝงที่เรนหลบอยูในรางกาย คอยรบกวนขัดขวางการทํางาน ขัดโชคขัดลาภ ทําใหเกิด
การทะเลาะวิวาท เพื่อพบกับพลังเหล็กไหลเขาจึงรอนรุม วิ่งหนีหาทางออกใหวุนไปหมดนั่นเอง
โชคดีที่ไดมาฝงเหล็กไหลและพบหลวงพอที่สามารถแกไขใหได

ศรัทธาในเหล็กไหลฤาษี

เมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๔๔ คุณรจิตร ตองวัฒนา อายุ ๖๙ ป


แมจะสูงวัยแตไดติดตามอานเรื่องราวของเหล็กไหลจากวัดถ้ําแฝด ใน
หนังสือ “พุทโธ” มีความรูสึกศรัทธาในเรื่องราวเหลานี้ จึงได
ตัดสินใจเดินทางมาฝงเหล็กไหลกับ หลวงพอวัชระ พรอมทั้งแนะนํา
ตนเองวาเปนพี่สาวของ คุณไมตรี บุญสูง ที่เคยมาฝงเหล็กไหลกับ
หลวงพอสัมฤทธิ์ และหลวงพอวัชระ ที่จังหวัดภูเก็ต

หลังจากไดอานเรื่องราวในตํานานเหล็กไหลของวัดถ้ําแฝดมานาน ก็เพิ่งจะทราบวานองชาย
คือคุณไมตรี บุญสูง ก็เปนผูหนึ่งที่ไดมาฝงเหล็กไหลของวัดถ้ําแฝดไวหลายชนิด ไมวาจะเปน
เหล็กไหลตาแรด เหล็กไหลฤาษี โคตรเหล็กไหล ซึ่งไดฝงใหกับบุคคลในครอบครัวดวยอันไดแก
ภริยาและบุตรชายดวย จึงไดโทรสอบถามขอมูลจากคุณไมตรีถึงอานุภาพของเหล็กไหลดังกลาว
๙๗๗

ทําใหเกิดความศรัทธาเดินทางไปฝงเหล็กไหลกับหลวงพอวัชระที่วัดถ้ําแฝดทันที นอกจากนี้คุณรจิตร
ตองวัฒนาและคณะไดเกิดความศรัทธา ถวายกลองขนาดใหญใหไวกับวัดถ้ําแฝด แทนกลองใบเดิมที่
แตกเสียหายไปอีกดวย จึงขอประกาศอนุโมทนามา ณ โอกาสนี้ดวย

ตํารวจคลั่งเหล็กไหลหลวงพอสัมฤทธิ์
หนังสือพิมพ “ขาวสด” ฉบับที่ ๓๖๘๐ วันพุธที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๔๓ ไดพาดหัวขาวตัวใหญ
ในหนา ๑ วา “ตร.คลั่งทั้งเมือง เหล็กไหล เลี่ยมทอง-ฝงแขน” ฮีอกันทั้งโรงพัก ตั้งแต สว.ยันจา
ปลุกเสก-หอยคอ ทําแบบตะกรุดก็มี เนื้อขาวนั้นปรากฏวา

ตํารวจเชียงใหมคลั่ง “เหล็กไหล” พกเปนเครื่องรางของขลังทั้งโรงพักเมืองเชียงใหม


ตั้งแต สว.ยันชั้นประทวน จนชาวบานวิพากษวิจารณกันทั้งเมือง “พ.ต.ต.” เปดใจพกเหล็กไหล
ติดตัวทุกวัน ไดมาจากคนรูจักเปนเหล็กไหลเมืองกาญจน บางคนไดมาจากพระธุดงคพมา ระบุเปนแร
ชนิดหนึ่งที่มีพลัง สามารถดูดโลหะอื่นได หรือชาวบานเรียกกันวา “ขี้เหล็กไหล” เชื่อวาเปนแรที่มีพลัง
ชวยใหเลือดในรางกายไหลเวียนไดสะดวก ทําใหสมองปลอดโปรง บางรายไดเอาไปเลี่ยมทอง
คลองคอ หรือปลุกเสกฝงเขาทองแขนแบบฝงตะกรุดหลวงพอคูณ

ผูสื่อขาวรายงานวา เมื่อวันที่ ๒๕ ธ.ค. ที่ สภ.เมือง เชียงใหม ไดมีการพูดกันในหมู


เจาหนาที่ตํารวจประจํา สภ.อ.เมือง เชียงใหม วา ขณะนี้นายตํารวจระดับสารวัตรแทบทุกนาย
พกเหล็กไหล เปนเครื่องรางของขลังติดตัว พรอมทั้งมีการนํามาพิสูจนโดยการใชเหล็กไหลดูดโลหะ
เพื่อโชวคุณสมบัติของเหล็กไหล

โดย พ.ต.ต.จําเนียร จอมสวาง สว.ส.อ.เมือง เชียงใหม นายตํารวจที่พกเหล็กไหลติดตัว


เปนประจํา เปดเผยวา เหล็กไหลที่ตนพกอยูนั้น ไดมาจากคนรูจักกัน เขาบอกวาไดมาจาก จ.กาญจนบุรี
ซึ่งเปนแหลงที่พบเหล็กไหลมากที่สุดแหลงหนึ่ง เหล็กไหลนั้นเปนแรชนิดหนึ่งที่มีพลังสามารถดูดโลหะ
อื่นได เมื่อกอนเปนของหายาก ราคาสูง แตปจจุบันหาไดไมยาก ตํารวจนิยมพกติดตัว เพราะเชื่อวา
เปนแรที่มีพลังดูด สามารถชวยใหเลือดในรางกายไหลเวียนไดสะดวก ทําใหสมองปลอดโปรง
หากใครชอบนั่งสมาธิและมีเหล็กไหลในตัว ก็จะสามารถนั่งไดนาน

พ.ต.ต.จําเนียร กลาววา ตํารวจบางนายก็นําไปปลุกเสกทําเปนเครื่องรางของขลัง


บางคนนําไปฝงเขาทองแขนแบบตะกรุดหลวงพอคูณ บางคนนําไปใสกรอบทองหอยคูกับพระเครื่อง
หรือนําไปทําเปนพระเครื่องใหผูอื่นบูชา สําหรับตนจะพกไวในกระเปาเสื้อ เมื่อพกแลวจะรูสึกสบายใจ
ทํางานไดดี จิตใจไมวอกแวก เหล็กไหลที่เจาหนาที่ตํารวจพกติดตัวนั้น จะเรียกกันวา “เหล็กไหล
หลวงพอสัมฤทธิ์” เปนแรชนิดหนึ่งที่พบมากใน จ.กาญจนบุรี สวนเหล็กไหลที่ยืดไดหดไดนั้น
หายากมาก เพราะไมอยูก  ับคน และคิดวาไมมีในประเทศไทย

ดาน พ.ต.ต.จิตต บุญเสาร สว.ส.ภ.เมือง เชียงใหม เปดเผยวา มีเหล็กไหลที่ผานพิธี


ปลุกเสก ๑ ชิ้นและไดนํามาใสกรอบทองขึ้นหอยคอ ทุกครั้งที่ออกทํางานหรือออกจากบาน
ก็จะนําขึ้นมาหอยคอตลอด เหล็กไหลชิ้นนี้ไดมาจากพระธุดงค ซึ่งเปนพระธุดงคองคหนึ่ง ตั้งแตตน
มีเหล็กไหล สามารถนั่งสมาธิไดนานขึ้น จิตใจมั่นคง สวนใครจะเชื่อหรือไมนั้นก็แลวแต ตนเชื่อของตน
อยางนี้ ขณะนี้ไดรวบรวมประวัติประวัติของเหล็กไหลไวอยางละเอียด วาแตละรุนเปนอยางไรแรชนิดใด
เปนเหล็กไหล หรืออะไรที่มีสายพันธเดียวกัน โดยตนรวบรวมไวในแผนซีดี ผูใดตองการศึกษาตนยินดี
จะมอบให

จ.ส.ต.ทองอยู บุญยืน เจาหนาที่ตํารวจชุดเฉพาะกิจ กก.สส.ภ.๕ หนึ่งในจํานวนเจาหนาที่


ตํารวจที่พกเหล็กไหล เปดเผยวา เหล็กไหลที่หอยคออยูนั้นมาจากพอ ซึ่งพอไดมาจากประเทศลาว
สวนเหล็กไหลที่ยืดไดหดได หรือที่เรียกวา เหล็กไหลแทนั้น คิดวาไมมีในโลก เปนเรื่องที่พูดกัน
ตอมาเทานั้น ไมมีใครสามารถพิสูจนได และเหล็กไหลที่ตนและนายตํารวจอื่น ๆ นํามาหอยคอนั้น
๙๗๘

เปนเพียงแรชนิดหนึ่งที่นํามาปลุกเสก เพราะแรดังกลาวมีคุณสมบัติเหมือนแรเหล็ก ที่สามารถ


ดูดโลหะได ชาวบานบางคนเรียกแรชนิดนี้วา “ขี้เหล็กไหล” บางคนนํามาเพื่อหอยคอ เพื่อใหมี
กําลังใจไมฟุงซาน

“เทาที่ผมเคยไดฟงมาจากคนแก เขาเลาวาเหล็กไหลนั้นตองอยูกับคนมีบุญญาธิการ
หากเปนคนไมดีเหล็กไหลจะหายไปเอง ซึ่งเปนเพียงคําบอกเลา และผมยืนยันไดวาไมมีในโลก
ไมมีใครเคยเห็นแนนอน หรือใครพิสูจนไดวา เหล็กไหลที่แทจริงรูปรางหนาตาเปนอยางไร”
จ.ส.ต.ทองอยู กลาวในตอนทาย

แมเฒาดักรอมอบเหล็กไหลใหนายก

ขาวยอยจากหนังสือพิมพ “ไทยรัฐ” กลาววา เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๔๓ ผูสื่อขาว


รายงานวา เมื่อ เวลา ๘.๐๐ น. น.ส.ประเทียนทอง บุตรโคตร อายุ ๔๕ ป ภูมิลําเนาที่ ต.พระธาตุ
เชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร พรอมดวยนางสิงห บุตรโคตร มารดา อายุ ๗๓ ป มารอพบนายชวน
หลีกภัย นายกรัฐมนตรี โดยแจงกับเจาหนาที่วาจะนําเหล็กไหลมามอบใหกับนายชวน

น.ส.ประเทียนทองเผยวา ตนนําเหล็กไหลมามอบใหนกยกชวน ตามคําสั่งของคุณยาย


ชื่อแมชีเทียนสุดา อายุ ๙๐ ปกวา อยูที่ อ.กุสม
ุ า จ.สกลนคร คุณยายบอกวาทานสวดมนตและเห็นนิมิต
วา นายชวนอดีตชาติทานเปนลูกหลานของหลวงปูมั่น ภูริทัตโต จึงกําชับวาตองนํามาใหนายกฯ
กอนปใหมใหได เพราะเปนวัตถุมงคลที่สมควรจะอยูกับคนที่มีบุญบารมีที่เหมาะสม นอกจากนี้
คุณยายยังบอกดวยวายังมีเหล็กไหลอีก ๒ กอน ที่จะขอใหนายชวนชวยนําขึ้นทูลเกลาฯ
ถวายสมเด็จพระนางเจาฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีดวย

น.ส.ประเทียนทองกลาววา คุณยายย้ําวาตองนํามามอบใหนายกฯ ในวันพฤหัสบดี


หรือวันศุกร ซึ่งจะถือเปนวันมงคล เพราะรูสึกหวงนายกฯ โดยเฉพาะตอนนี้บานเมืองกําลังอยูใน
ชวงวิกฤต จึงเปนหวงวาจะมีคนคิดไมดีตอนายชวน ถามีเหล็กไหลชวยคุมครองก็จะปกปองอันตราย
ตาง ๆ ได

ผูสื่อขาวรายงานวา วัตถุที่ น.ส.ประเทียนทอง อางวาเปนเหล็กไหลนั้น เปนหินแกวใสรูปวงรี


บรรจุอยูในผอบเงิน แชในน้ําผึ้ง มีสีมวงเขม ๑ กอน ใหญเทาหัวนิ้วมือ สวนอีกกอนเล็กกวาเปนสีมวง
ออน จัดวางบนพานมีพวงมาลัยดอกบานไมรูโรยสอดคลองสวยงาม สวนอีก ๒ กอน ที่อางวาจะฝากให
นายชวน นําขึ้นทูลเกลาฯถวาย มีขนาดใหญกวาและมีสีเขียวแวววาว กระทัง่ เวลา ๑๐.๔๕ น.
นายชวนนั่งรถยนตออกมาเตรียมจะเขาไปที่ทําเนียบฯ จึงแวะลงมารับของเอาไว

เมื่อ น.ส.ประเทียนทอง แจงวา ยังมีอีก ๒ กอน ก็จะขอใหนายชวนนําไปทูลเกลาฯถวาย


นายชวนจึงกลาววา เอาไวใหเสร็จการเลือกตั้งและเปนวันราชการ ใหไปที่ทําเนียบรัฐบาลจะให
เจาหนาที่ดูแลและประสานให “เอาไวที่นี่เดี๋ยวเหล็กไหลจะออกอาละวาด” นายชวนกลาว
พรอมกับหัวเราะอยางอารมณดี

ซึ่งในทายสุดนั้นก็ไมทราบวาไดมีการดําเนินการตามขั้นตอนไปอยางไร สวนเหล็กไหล
ที่เปนขาวนั้นก็ไมทราบวามีประวัติเปนมาอยางไร หากมีโอกาสก็จะไดติดตามเรื่องราวมาเสนอ
กันตอไป เพราะในอดีตนั้นมีผูนําสิ่งที่เปนเหล็กไหลที่เรียกกันวา “แกวพญานาค” มาฝากมอบให
นายกชวนเหมือนกัน แตเมื่อตรวจสอบแลวกลายเปนแกวหลอ บรรจุในภาชนะคลายดินเผา
ที่หมักดูจนเกา หากนายกรับมอบไวจริง ๆ ก็จะเปนชองทางทํามาหากินไดอีกนาน เพราะจะนําไป
เปนขออางในเรื่องเหล็กไหล นําออกจําหนายใหแกคนทั่วไป
๙๗๙

พิธีกรรมฝงเหล็กไหล
เรื่องราวของชายชาตรี สวนใหญมักนิยมในเรื่องเครื่องรางของขลัง แคลวคลาด
อยูยงคงกระพัน และมหาอุด เพราะชีวต ิ ในสังคมทุกวันนี้คอนขางเสี่ยงภัยนานาประการ นอกจาก
วัตถุมงคลที่เปนพระเครื่องหลากหลายแลว การแสวงหาของขลังอื่น ๆ ก็ไมนอยหนากัน หลังจากที่
หลวงพอสัมฤทธิ์ไดคนพบเหล็กไหลตาแรดแลว ทานก็เริ่มตนทําในสิ่งที่ทานตั้งใจทันที สิ่งหนึ่งนั้น
ก็คือนําเอาเหล็กไหลตาแรดที่พบนั้นมาเจียระไนใหไดขนาดพอเหมาะ ประมาณเมล็ดถั่วเขียว
ซึ่งโตพอที่จะทําการฝงลงไวบริเวณใตทองแขนไดโดยสะดวก กอนที่จะนํามาฝงใหกับผูศรัทธานั้น
ก็ตองทําพิธีบวงสรวงบอกกลาวตอ ปู สิงขร ผูรักษาเหล็กไหลนี้กอน สําหรับผูที่จะทําพิธีฝง
เหล็กไหลนั้น จะตองมีพานดอกไมสักการะ บูชาครู เสียกอน หากทานไมไดเตรียมมาทางวัด
ก็จะจัดเตรียมไวให ประกอบดวย

๑. ดอกบัว ๑๐ ดอก

๒. ธูปเทียน ๑ ชุด

๓. เงินคาบูชาครู

เมื่อจัดเตรียมเครื่องบูชาพรอมแลว ก็จะนํากลาวบูชาพระรัตนตรัย อาราธนาพระเขาตัว


ทําพิธีเสริมดวง เสริมบารมี สะเดาะเคราะห ตอชะตา ดวยการ “ครอบมงกุฎพระเจา” เมื่อเสร็จพิธี
เสริมดวงแลว ก็จะประสิทธิบูชาครูดวยพระคาถาเฉพาะการนี้โดยตรง เรียกวา “คาถาปลุกตัว”
มอบถวายเครื่องบูชาทั้งหมดกับหลวงพอ หลังจากนั้นก็ จะเริ่ม

พิธีกรรมฝงเหล็กไหล
อุปกรณการฝงเหล็กไหล ประกอบดวย

๑.เขียงไมแกนมะขาม ลงอาคม
๒.สิ่วแสตนเลสแหลมบาง
๓.ฆอนไมลงอาคม
๔.แอลกอฮอลสําหรับฆาเชื้อ
๕.พลาสเตอรยาปดแผล
๖.ยาใสแผลสด

วิธีการฝงเหล็กไหล

ในเบื้องตนจะใหผูฝงเหล็กไหลวางทองแขนพาด
วางไวตรงเขียงไมที่เตรียมไว นําสิ่วแสตนเลสที่ผานการฆาเชื้อ
ดวยความรอนสูง แชทิ้งไวในแอลกอฮอลกอน เมื่อกําหนดจุด
ที่จะฝงแลว จึงคอยจรดปลายสิ่วพรอมกับใชฆอนไมนั้น
ตอกลงไป ผูเขาพิธีจะรูสก
ึ เจ็บเพราะคมสิ่วเล็กนอยคลาย
ถูกมดกัดเทานั้น บางทีอาจจะไมทันเจ็บไปดวยซ้ํา
เพราะการตอกฆอนไมนั้นรวดเร็วจนไมทันรูสึกเจ็บก็ได
๙๘๐

หลังจากนั้นก็จะนําเม็ดเหล็กไหลที่จัดเตรียมไวเปนพิเศษ กลมเกลี้ยงเม็ดเล็กขนาดเทาถั่วเขียว
ใสเขาไปทางปากแผลที่เปดไวนั้น ใหอยูในตําแหนงกึ่งกลางรอยแผล โอมอานพระถาคากํากับ
ตามเคล็ดวิชา แลวนํายาใสแผลสดทาที่ปากแผล ปดดวยแผนพลาสเตอรยาใหสนิท และระวังอยา
เพิ่งใหถูกน้ําซัก ๓ วัน ปากแผลก็จะติดสนิท จะเปนรอยแผลเปนนิดหนอยเทานั้น ซึ่งถือวาเสร็จสิ้น
พิธี กรรมในขั้นที่ ๑

อีกประการหนึ่งที่ใครจะเรียนไวใหพิจารณากอนที่ผูเขาพิธีจะทําการฝงเหล็กไหล หากเคยไดรับ
การฝงเหล็กไหลหรือตะกรุดของขลังจากครูบาอาจารยอื่นมากอน ควรที่จะกราบเรียนใหทานผูเปน
เจาพิธีทราบกอนลวงหนา เพื่อทานจะไดโอมอานคาถาขอขมากรรมใหเปนกรณีพิเศษ เพราะไมเชนนั้น
การตอกสิ่วใหเกิดปากแผลอาจตองทําหลายครั้ง เนื่องเพราะความเหนียวและความอยูคงดวยอานุภาพ
เหล็กไหลหรือตะกรุดของขลังที่ฝงไวกอนหนานั้นแลว เรื่องนี้มีปรากฏใหเห็นมาแลวหลายราย

เผยปมปริศนา “เหล็กไหลตาแรด”

เหนียวเหมือนแรดจริงหรือ?

เมื่อทานไดทําพิธีฝงเหล็กไหลเรียบรอยแลว ก็จะใหรับสัจจะไปถือปฏิบัติ ๓ ขอ

๑. รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย

๒. อยาลักของเขา

๓. อยาดาพอแมครูบาอาจารย

ขอหาม ๓ ประการนี้จะตองถือไวอยางเครงครัด หามฝาฝน ไมเชนนั้นของดีที่ทานประสิทธิ์


ใหจะมีอานุภาพไมเต็มพลัง ในกรณีที่พลาดพลั้ง เผลอดาพอ ดาแม ซึ่งอาจจะเกิดจากความเคยชิน
มิไดมีเจตนาในทางราย ก็จุดธูปเทียนขอขมาครูบาอาจารย และพึงรักษาอยาใหพลั้งเผลออีก
หมั่นปลุกดวยพระคาถาทีท่ านมอบใหเปนการเฉพาะดังนี้

สัมปนโนปะวะสิเสวะ สมาธิงปะวะโรชิโน

สยัมภูญาณะสัมปนโน สันหาวาจังนะมามิหัง

ฤทธิ์ปุราคาริภูตังวะ ฤทธิ์วิชาปฎิหันยาติ

ฤทธิ์ตะกัมมังนะกาเรตะวา ริยะวังสังนะมามิหัง

ทดสอบความเหนียวคง

พอทําการฝงเหล็กไหลเขาตัวเปนที่เรียบรอย นับไดวาไดผานพิธีขั้นแรกในสวนของการฝง
ก็มาถึงขั้นที่ ๒ ซึ่งถือเปนขั้นตอนของการทดสอบอานุภาพเหล็กไหลที่ฝงไปนั้นวาจะมีอานุภาพสูง
ปองกันภัยใหแกผูเปนเจาของไดจริงหรือไม ซึ่งผูฝงเหล็กไหลกับครูบาอาจารยของทางวัดถ้ําแฝด
จะตองผานขั้นตอนนี้ทุกราย ยกเวนผูเขาพิธีฝงเหล็กไหลนั้นจะเปนสุภาพสตรี จะมีขอยกเวนให
เปนกรณีพิเศษ
๙๘๑

ตอไปก็จะเปนขั้นตอนที่สําคัญที่ทุกคนจะตองผานการทดลอง
เสียกอน หลวงพอทานจะใหผูฝงเหล็กไหลนั่งพับเพียบตอหนาทาน
สวนมือก็ลวงลงไปในยาม หยิบเอามีดหมอดามหัวแรดเนื้อ
เหล็กไหลหลอ ดามเล็กแตคมกริบตัดเสนผมขาด ขั้นตอนของการ
ทดสอบอานุภาพก็มีเพียงวา ทานพระอาจารยซึ่งเปนเจาพิธีจะนํา
มีดหมอที่คมกริบ ปลายมีดแหลมเปยบ ผูที่สงสัยในความแหลมคม
สามารถขอพิสูจนดูได ทานจะเอามีดมาทําการฆาเชื้อดวย
แอลกอฮอล ใชมือขางหนึ่งจับผมของผูเขาพิธีทดสอบ แลววางมีด
ของทานลงบนกระจุกผมที่รวบไว ลากคมมีดเบา ๆ ทําใหเสนผม
กระจุกนั้นขาดสะบั้นออกจากกันอยางงายดาย

จากนั้นก็นําเอามาปาดคอผูผานพิธีการฝงเหล็กไหลมาแลว ปาดซายที ขวาที แลวเสือกปลายมีด


ที่มีความแหลมคมเขาไปตรง ๆ ที่คออีก ๑ ที เปนการเสือกแทงที่แรงเอาการ แรงพอที่จะทําให
ผูถูกทดสอบเสียหลักหงายผึ่งลงไปกับพื้นไดเลยทีเดียว พอลุกขึ้นมาทานก็จะใหสํารวจดูลําคอ
ของตนเองวาเปนอยางไร มีบาดแผลบางหรือเปลา ซึ่งสวนใหญจะไมมีรองรอยบาดแผลแตอยางใด
นอกจากรอยแดง ๆ นิดหนอย หรือบางรายก็เปนยางบอนก็มี แตก็แคผิวถลอกนิดหนอยไมมีอันตราย
แตอยางใดทั้งสิ้น หลังจากนั้นทานก็จะใหดื่มน้ํามนต ๓ อึก แกเคล็ดหลังจากถูกลองดวยของมีคม

ฝงทําไม-ทําไมถึงตองฝง

เรื่องราวของวัตถุมงคลหรือเครื่องรางของขลังนั้น มักจะมีเคล็ดลับ
และวิธีใชแตกตางกันบางเหมือนกันบางตามบุรพาจารยผูเปนตนตํานานบอกกลาวไว
โดยเฉพาะ ดังเรื่อง “เหล็กไหล” หลวงพอจําเนียร จากวัดถ้ําเสือ จ.กระบี่ ไดเลาให
ลูกศิษยผูสนใจในธาตุกายสิทธิ์เหลานี้ฟงวา

เหล็กไหลนั้นโดยธรรมชาติยอมมีพลังอํานาจอยูในตัว หากไดรับการประจุพลังจากการปลุกเสก
ที่ถูกตองก็จะมีพลังเพิ่มขึน
้ เปน ๒ เทา และจะมีพลังอํานาจในการบูชาลดหลั่นกันดังนี้

๑. จะมีพลังอํานาจสูงสุดเมื่อฝงอยูในตัวคน

๒. หอยไวใหถูกเนื้อคน กลาวคืออยาเลี่ยมปดทึบทั้งหมด

๓. หอเก็บไวในกระเปาถือ จะมีอานุภาพเทากับพลังการปลุกเสกอยางเดียว

หลวงพอจําเนียรทานเปรียบเทียบวา ของเหลานี้มีพลังจากธรรมชาติเดิม เหมือนตนวาน


จะมีฤทธิ์เต็มที่ตอเมื่อ นํามาอมใสในปากพอถูกน้ําลายคน ถูกเนื้อคน ก็จะเกิดปฏิกริยาทางเคมี ดูดซึม
ทําใหเกิดมีอานุภาพทางคงกระพันหรือเมตตา หรือยอมเปนไปตามลักษณะของวานชนิดนั้น ๆ

หลวงพอจําเนียร ทานเคยใหหลวงพอสัมฤทธิ์ฝง “โคตรเหล็กไหล” เปนครั้งแรกในสมัย


ที่ทานมาบุกเบิกวัดถ้ําเสือใหม ๆ ไมใชทานกลัวตายแตเพื่อ ปองกันพิษจากยาสั่ง เพราะทานเคยมี
ประสพการณเรื่องตรงนี้มากอน และหลังจากนั้นทานก็ไดฝง “เหล็กไหลตาแรด” “เหล็กไหลฤาษี”
และ “เหล็กไหลเงินยวง” จากวัดถ้ําแฝด ดวยเหตุผลของอานุภาพเหล็กไหลที่แตกตางกันไป

ดั้งนั้นการฝงจึงเหมาะดวยประการทั้งปวง พลังอํานาจของเหล็กไหลจึงเพิ่มพูน
และเปลงอานุภาพไดเต็มที่ยามเกิดภาวะคับขัน หรือประสงคจะชวยสงเสริมผูศรัทธาใหแคลวคลาด
จากภยันตรายทั้งปวง หรือเปนประโยชนตามที่ พระอาจารยสิทธา เชตวัน ไดบอกไวเบื้องตน
๙๘๒

ปญหาสวนใหญที่อยากทราบกันเกี่ยวกับการฝงนั้นมีดังนี้

๑. เจ็บไหม? นิดหนอยแคมดกัด บางทีไมทันรูสึกเจ็บ เพราะตอกเร็วมาก

๒. ฝงแลวมันเคลื่อนที่ไดหรือเปลา?

๓. กลัววาฉีดยาไมเขา

๔. กลัววาจะมีขอหามทําใหรักษายาก

๕. จะเกิดอันตรายในภายหลังหรือเปลา ?

ความเจ็บปวด

ในที่นี้จึงใครขอกลาวโดยภาพรวม ๆ วา การตอกฝงนั้นเพียงเปดผิวหนังในใตทองแขน


ในสวนที่เปนหนังกําพราหรือใตผิวหนังนิดเดียว โดยอาศัยคอนไมตอกลงบนสิ่วแสตนเลสที่ผานการ
ฆาเชื้อแลว จึงไมคอยเจ็บอยางที่คิด ผูหญิงหรือเด็กก็เคยฝงกันมามาก เพราะความเร็วในการตอก
ฝงนั่นเอง ระวังอยาใหแผลถูกน้ําหรือระวังน้ําซึมเขาประมาณ ๓ วัน ปากแผลก็จะหายสนิทเหลือเพียง
รอยแผลเปนเล็กนอย ไมถึงกับนาเกลียดอะไร

ฝงแลววิ่งในกาย

พวกเราหลายคนคงคิดถึงเรื่องการฝงเข็มทอง ที่วามันจะวิ่งรอบตัว โดยเฉพาะจะวิ่ง


ไปรับอาวุธที่ศัตรูมุงทํารายมา เกิดวิ่งมาที่ตาจะทําใหตาบอด หรือผิดครูก็จะทําใหเข็มนั้น
ทิ่มแทงออกมา ใตผิวหนังตุงเลยทีเดียว สําหรับผูฝงแลวเคยมาเลาประสพการณอยู ๒ ราย
รายแรกเปนทหารอยูกองพลที่ ๙ เมื่อกลางป ๒๕๓๔ เคยเกิดอุบัติเหตุรถปคอัพไปอัดกับรถเกง
ผลคือขาหัก ๒ ขาง ไดเอกซเรยดูผลกระดูก ปรากฏวามีเม็ดอะไรบางอยาง เหมือนเม็ดเหล็กไหล
อยูใกลสวนบริเวณที่หัก เอะใจขึ้นมาก็ลองลูบดูที่ตนแขนที่เคยฝง”เหล็กไหลตาแรด” ปรากฏวาไมมี
ก็เลยเชื่อวาเหล็กไหลคงวิ่งไปรับแรงกระแทกจากอุบัติเหตุในครั้งนั้น ทําใหไมตายโหง รักษาอยู
เดือนเศษ ก็เลยลาราชการมาบวชอยูที่วัดถ้ําแฝด ๑ พรรษา ไดเลาถวายใหหลวงพอสัมฤทธิ์
และพระในขณะนั้นฟง พรอมทั้งเอามือลูบที่หนาขา ก็ยังปรากฏเหมือนเม็ดเหล็กไหลปรากฏอยู

สุภาพสตรีรายนีไ้ มอยากใหเอยชื่อ อยูแถวจังหวัดสมุทรสงคราม ไดมาฝงเหล็กไหล


เมื่อตนป ๒๕๔๓ นี้เอง เพราะถูกรบกวนดวยมนตดํา ไดใหหลวงพอวัชระรักษาจนหายดี ก็เลยขอฝง
เหล็กไหลฤาษี หลังจากนั้นอีกประมาณ ๑ เดือน พบวาเม็ดเหล็กไหลเลื่อนจากใตทองแขนชวงไหล
มาอยูใกลขอศอก ก็รูสึกตกใจ แตเพียง ๒ วันก็กลับไปอยูที่เดิมก็ ไมทราบเหตุผลเหมือนกัน ก็เลยพา
พี่นองและเพื่อนมาฝงเหล็กไหลอีก ๓ คน เพราะมี ความเชื่อมั่นวาเหล็กไหลวิ่งมาชวยกันสิ่งที่ไมดี
ไมใหเขามาที่แขน เพราะปกติตนเองจะเจ็บที่ขอศอกเสมอ ปกติแลวไมคอยพบเห็นวาเหล็กไหล
วิ่งไปไหนในรางกายแตอยางไร คงเปนกรณีพิเศษ ดวยเหตุผลบางอยาง

ฉีดยาไมเขา

มีเรื่องอยางนี้ดวยหรือ? ก็คงจะมี เพราะสมัยหลวงพอ แมในปจจุบันผูที่ฝงเหล็กไหลบางคน


เมื่อเจ็บปวยถึงขั้นตองฉีดยา ปรากฏวาเข็มแกะออกมาใหม ๆ ฉีดไมเขา ไมใชครั้งเดียว บางที ๓ เข็ม
ก็ยังแทงไมเขา จนเจาตัวนึกขึ้นได จึงกลาวขออนุญาตจากครูบาอาจารย นั่นแหละเข็มจึงแทงเขา
แตก็ไมใชจะประสพกับทุก ๆ คน แตกม ็ ีหลายคนเหมือนกัน
๙๘๓

การระวังรักษา

การรับสัจจะ ๓ ขอนั้นก็ระวังรักษาไมยาก จะมีบางก็คงการดาจนติดปากหรือเรียกลอเลนกัน


ระหวางเพื่อนสนิท ก็ไมมีปญหาอะไร เนื่องจากไมมีเจตนาจะปรามาสใครเพียงแตหมั่นสวดพระคาถา
ปลูกตัวที่ใหไวจนคลอง หมั่นสวดเปนประจํา ก็จะสําฤทธิ์ผล ไมมีขอหามเรือ
่ งการกินอาหาร
เหมือนวิชาบางอยางที่เปนไสยศาสตรโดยตรง เพราะเหล็กไหลนี้จัดเปนธาตุกายสิทธิ์มีฤทธิ์อํานาจ
ในตนเองอยูแลว

ดังนั้นไมวาทานจะมุดหรือลอดราวผา ใตถุนเรือน ตนไมบางชนิดของเหลานี้ ก็คงอานุภาพ


ความศักดิ์สทิ ธิ์ตลอดกาล หลวงพอสัมฤทธิ์เคยเปรียบเทียบไววา งูเหาถึงจะมุดน้ําครําผานของโสโครก
มาอยางไร ก็คงยังมีพิษเหมือนเดิม ไมใชวามุดลอดในสิ่งที่เราถือแลว มันจะหมดพิษไป อยาใหมัน
กัดไดก็แลวกัน โอกาสตายก็ยอมมี

การฝงไวนาน ๆ จะมีผลกระทบอะไรไหม

หลายคนคงจะมีคําถาม เพราะเกรงวาเม็ดเหล็กไหลที่ฝงไปอาจจะทําใหเกิดปฏิกิริยาตอตาน
จากรางกาย หรือ ทําใหธาตุขันธผิดปกติ บางคนคิดไกลไปวา เหล็กไหลจะดูดกินเลือดมนุษย
ทําใหเกิดโรคโลหิตจางได ก็เลิกวิตกไดเลย กวา ๓๐ ปที่ ไดทําพิธีฝงมานับหมื่นคน ยังไมเคยปรากฏ
ปญหาผลกระทบจากการฝงสิ่งที่เรียกกันวา เหล็กไหล นี้เลย

ประโยชนจากการ

ทางดาน เมตตา มหานิยม โชคลาภ แคลวคลาดกันภัย มหาอุด กันคุนไสย


ถานั่งสมาธิบอย ๆ จะสัมผัสพลังบางอยางไหลผานลงมาจากกลางกระหมอมจนถึงแขนขาชาไปทั่วตัว

หากจิตดีก็สัมผัสกับปูเหล็กไหลได

บางครั้งจะเกิดเหตุการณอะไร ไมวาจะดีหรือรายแลวแต ใหสังเกตุเม็ดเหล็กไหลที่ฝง จะมีแรงกระตุก


เตือนหรือลางบอกเหตุลวงหนา บางครั้งกระตุกแรงจนทานอาจตกใจ เชนขับรถดวยความเร็วก็ควร
ลดความเร็วลงอยูในระดับที่ควบคุมเหตุกระทันหันได เพราะอาจจะมีอุบัติเหตุขวางหนา เปนตน
ใหรูจักสังเกตการกระตุกวาเปนลักษณะอยางไร หรือหากจะมีโชคลาภจากการคาขาย หรือลาภลอย
เปนอยางไร การฝงจะอยูติดตัวเราตลอดชีวิตไมวายามหลับหรือตื่น ถาเปนวัตถุมงคลบางครั้ง
เราอาจจะถอดลืมไวได ยามมีภัยก็ขาดสิ่งคุมครองปองกันอันตรายได

ชนสยอง……เศษวินาทีกลายเปนเศษเหล็กพังยับเยิน รอดตายราวปาฏิหารย ! !

จากทุกๆ เหตุการณที่ไดประสบพบมาในอุบัติเหตุ เหล็กไหลที่ฝงเอาไวจะกระตุกเตือน


ทุกครั้งเสมอ และทุกครั้งที่เปนเชนนี้ มักจะพบกับอุบัติเหตุเภทภัยตางๆตามมาจนมั่นอกมั่นใจ
เพราะอุบัติเหตุในแตละครั้งเจาตัวรอดตายไดทุกครั้งอยางปาฏิหารย จนเชื่อแนอํานาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ในธาตุกายสิทธิ์" เหล็กไหล "จากวัดถ้ําแฝด ของดีที่หลายๆ คนตองการ

ร.อ. ธํารงศักดิ์ หิรัญโรจน ผูมีประสบการณจากการฝงแรเหล็กไหลจากหลวงพอวัชระ


เอกวัณโณ แหงวัดถ้ําแฝด จังหวัด กาญจนบุรี หนึ่งในจํานวนผูโชคดีที่ทานหลวงพอไดเมตตา
ฝงธาตุกายสิทธิ์ จากการสัมภาษณสดผูของดีติดตัว
๙๘๔

จากทุกๆ เหตุการณที่ไดประสบพบมาในอุบัติเหตุ เหล็กไหลที่ฝงเอาไวจะกระตุกเตือน


ทุกครั้งเสมอ และทุกครั้งที่เปนเชนนี้ มักจะพบกับอุบัติเหตุเภทภัยตางๆตามมาจนมั่นอกมั่นใจ
เพราะอุบัติเหตุในแตละครั้งเจาตัวรอดตายไดทุกครั้งอยางปาฏิหารย จนเชื่อแนอํานาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ในธาตุกายสิทธิ์" เหล็กไหล "จากวัดถ้ําแฝด ของดีที่หลายๆ คนตองการ

ร.อ. ธํารงศักดิ์ หิรัญโรจน ผูมีประสบการณจากการฝงแรเหล็กไหลจากหลวงพอวัชระ


เอกวัณโณ แหงวัดถ้ําแฝด จังหวัด กาญจนบุรี หนึ่งในจํานวนผูโชคดีที่ทานหลวงพอไดเมตตา
ฝงธาตุกายสิทธิ์ จากการสัมภาษณสดผูของดีติดตัว

ร.อ. ธํารงศักดิ์ ไดเลาประสบการณที่เกิดขึ้นใหฟงวา กราบนมัสการหลวงพอดว


ยความศรัทธา และเคารพยิ่ง กระผมรอยเอก ธํารง หิรัญโรจน อดีตทหารประจํากองรักษาพระองค
เหตุที่กระผมตองอัดเทปมาในครั้งนี้ก็เพราะวามือขวาดานถนัดยังใชการไมได เนื่องจากประสบอุบัติเหตุ
นอนพักรักษาตัวอยูในขณะนี้

จึงไดอัดเทปมานมัสการหลวงพอ ที่ไดเมตตา
ฝงเหล็กไหลใตทองแขนซายในคราวนี้คือ ปที่แลว
ที่ผานมา และเนื่องจากอุบัติเหตุครั้งนี้ กระผมผูรอดตาย
ราวปาฏิหารยเชื่อแนวาเหล็กไหลมีอํานาจพุทธคุณจริง
จากหลักฐาน และพยานผมจึงเก็บบันทึกเอาไว
หากหายดีแลวจะมานมัสการหลวงพอดวยตัวเอง

ร.อ. ธํารง ศักดิ์ เลาตอไปวาในโอกาสครั้งหนึ่งไดเดินทางมาทางจังหวัดกาญจนบุรี โดยการแนะนํา


จากบรรณาธิการหนังสือพระเกจิคุณสงวน สมกาย และหัวหนาบรรณาธิการหนังสือพระเครื่อง
สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุณจักรกฤษ คลังศัตราแนะนําใหฝงเหล็กไหลในการแวะกราบนมัสการหลวงพอ
ที่ผานมา กระผมเห็นวาเหล็กไหลมีราคาแพง และจากกรุงเทพฯ มาถึงถ้ําแฝดแหงนี้ก็ไกลพอสมควร
จึงไดตัดสินใจใหหลวงพอทําพิธีฝงเหล็กไหล ใหเพื่อความเปนศิริมงคล เพราะอํานาจพุทธคุณของ
เหล็กไหลนั้นเปนที่ตองการของทุกๆคน
๙๘๕

หลังจากไดทําพิธีฝงเหล็กไหลของ ดีจากหลวงพอแลว ก็มักจะพบกับเหตุการณประหลาดๆ


เกิดขึ้นเสมอ และบัดนี้ไดทราบซึ้งถึงอํานาจพุทธคุณจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ธาตุกายสิทธิ์ที่ ทุกๆคนตองการ
วามันมีอํานาจศักดิ์สิทธิ์จริงแกผูไดครอบครอง ดังที่ผมจะเลาเหตุการณที่เกิดขึ้นจริงตอไปนี้

เมื่อตนป พ.ศ. ๒๔๔๕ ไดเดินทางไปจังหวัดเพชรบุรี และไปซื้อแบบในอําเภอหนึ่ง


ของจังหวัดประจวบคีรีขน ั ธในราคาหลายสิบลานบาทในงานของพระราชดําริฯจนเสร็จงาน
และจะออกเดินทางกลับบาน ขณะทีข ่ ับรถมุงหนาไปจังหวัดสมุทรสาคร เหล็กไหลก็กระตุก
จนปวดทองแขนซาย ( ผมกลับมาทางสมุทรสาครเพราะกลัวรถติดไฟแดงมากจะไมทันเวลา )
พอมาถึงแยกวังมะนาว จังหวัดเพชรบุรี ก็ไดมีรถบรรทุกสิบลอขับตามหลังมาดวยความเร็วพุงชน
ทายดังสนั่น ทําใหรถผมนี้หมุนเหวี่ยงตัว

ดวยสติที่พอควบคุม และประสบการณจากที่เคยขับรถแรลลี่มากอนจึงทําใหรถหมุนอยูกลาง
ถนนหลายรอบ และไมพลิกคว่ําแตถลาลงขางทางไปนิดหนอยแตตัวรถยังอยูขอบถนน หากวารถตกลง
ขางทางในวันนั้นกระผมคิดวาคงไมมีวันนี้ที่ผมจะมานั่งเลาใน เหตุการณนั้นเลย แคบาดเจ็บนิดหนอย
และคูกรณีก็ชดใชคาเสียหายให

ตอมาในครั้งนี้แขนที่ฝงเหล็กไหลกระตุกขึ้นอีก คือวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ ตรงกับ


วันพฤหัสบดี ในวันนี้ตอนเชาไดไปกับหุนสวนบริษัทหลายที่อําเภอ เขายอย ไดพูดคุยกับ คุณสมชาย
ผูจัดการประปา สาขา เพชรบุรี จนเสร็จในการแกไขปญหาจึงพากันเดินทางกลับกรุงเทพฯ

ขณะที่ขับรถเดินทางกลับบานนั้นก็ไดพูดคุยกับเพื่อนรวมงานหลายคน จูจูก็เกิดการกระตุกที่
ทองแขนดานซายอยางแรงตรงเหล็กไหลมันปวดหลาย ครั้งที่คิดวาสิ่งแปลกปลอมจากการฝงมันทําให
เจ็บปวด และคิดหลายครั้งวาสักวันหนึ่งจะตองเอาออกจนมาถึงกรุงเทพฯ โดยจอดรถไวที่บริษัทขึ้นไป
เตรียมงานในวันรุงขึ้นเสร็จงานก็เปนเวลาทุม เศษๆ

จากนั้นก็ขับรถสวนตัวมุงกลับบานจนถึงถนนนวลจันทร แต
ดวยอาการปวดแขนมากในตอนนั้นเปนเวลาเกือบ
๔ ทุมจึงแวะทานขาว ทันทีที่กลับบานตรงสี่แยก
เลียบทางดวนตรงไปก็เปนถนนรามอินทรา ถาเลี้ยวขวา
ก็เปนถนนนวมินทร คือ ถนนสุขาภิบาลหนึ่ง นั้นเอง
เหตุการณไมคาดคิดก็เกิดขึ้นขณะที่ผมกําลังเลี้ยวรถมา
ทางสุขาภิบาล ๑ไดมีรถวิ่งลงมาจากทางเกษตรดวย
ความเร็วสูงพุงชนกลางลํา เสียงดังสนั่นเบาะดานหลัง
บีบเขามา และดานหนาคนขับบีบขับมาเหลือเพียง
ที่นั่งผมเทานั้นที่ยังมีสภาพใชงานได
๙๘๖

ในชวงจังหวะที่รถคันนั้นพุงชนผมไมรูสึกตัวใดๆ เลยมีเพียงลําแสงสีเหลืองจนผมรูสึกตัวอีกครั้ง
เมื่อเหล็กไหลมากระตุกอีก ผมเหมือนคนตายแลวเกิดใหมทํานองนี้ เพราะรูสึกตัวอีกคลายๆ
กับวารถตัวเองมาฟาดกับของแข็งสักอยางมีคนเขามาชวยเหลือนําสงโรงพยาบาลแลว
สติผมก็วูบไปอีก จนมารูสึกตัวอีกครัง้ ที่โรงพยาบาลศรีสยาม ตั้งอยูบริเวณขางถนนสุขาภิบาล ๑
พอมารูสึกตัวขึ้นมา ขา มันปวดชาไปหมด จนรูสก ึ ตัวเองวา แขน ขา คงขาด หรือใชการไมไดอีกแลว
แตแพทยไดชวยทําการรักษาจนสติกลับคืนมา และอยูในขั้นปลอดภัยมาทราบภายหลังวาผูที่ขับรถ
มาชนเปนวัยรุนมาดวยกัน สองคน ตายคาที่คนหนึ่ง คนขับนั้นก็ถูกกระดูกทิ่มปอดอยู ในหอง ไอ ซี ยู
อาการปางตายเทากันอุบัติเหตุครั้งนี้ผมนอนนึกอยูตลอดเวลาวามันเกิดขึ้น ไดอยางไร มันเร็วเหลือเกิน
และผมดูจากสภาพรถตัวเองแลว ยังนึกวาตัวผมเองรอดตายมาไดอยางไร จากการพูดคุยกับญาติ
จํานวนมากมีบางคนพูดคุยวาคนที่ตายคือ คนที่อยูในรถ แตความจริงแลวทุกคนก็ตองบอกวา มันคือ
ปาฏิหาริยเมื่อคนที่อยูในรถมีสภาพเปนเศษเหล็กนั้นคือ ตัวผมเองถาไมใชเพราะบุญบารมีเหล็กไหลนี้
ผมคิดวาวันนี้คงไมมีผมอีกตอไปผมยอมรับวา เหล็กไหล ของดีชวยปกปองคุมครองภัยใหผมอยูมีชีวิต
ตอไปในทุกวันนี้

นั่นคือความเชื่อศรัทธาที่ยึดมั่นตอธาตุกายสิทธิ์ เหล็กไหลที่ตัว ร.อ. ธํารงศักดิ์ หิรัญโรจน


ฝงเอาไวใตทองแขนขางซายในปจจุบัน เปนเหล็กไหลที่มากดวยอํานาจพุทธคุณที่เจาตัวยอมรับอยาง
มั่นใจจากประสบการณในอิทธิปาฏิหาริยของแตละคนที่มีของดีติดตัว เปนของดีจากศิษยเอก หลวงพอ
สัมฤทธิ์ คัมภีโร อดีตเจาอาวาสผูคนพบเหล็กไหลชนิดตางๆ โดยหลวงพอ วัชระ เอกวัณโณ ผูดูแล
สืบสานอยูในทุกวันนี้เปนสุดยอดของดีแหงคนเมืองกาญจนบุรี และจังหวัดใกลเคียง

เหล็กไหลธาตุอมตฤทธิ์

เรื่องราวของ “เหล็กไหล” มีผูที่ “ผาน และ “พัง” มามากตอมากหลายยุคหลายสมัย


เปนเรื่องราวที่ กลาวขานกันมานานจนเหมือนนิยายปรัมปรา แตก็มีผูเสาะแสวงหา แมจะตองใชเวลา
หรือเงินทองมากมายแลกเปลี่ยนก็ตาม แตดูเหมือนเรื่องราวเหลานี้ก็ยังคงลี้ลับเปนที่อยากรูของคน
ทั่วไปวา “เหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์มี จริงหรือ”

จนกระทั่ง หลวงพอสัมฤทธิ์ คัมภีโร อดีตเจาอาวาส วัดถ้ําแฝด ต.เขานอย อ.ทามวง


จ.กาญจนบุรี ไดเปนผูขยายความรูเรื่องราวเหลานี้ใหปรากฏเปนแนวทางใหพวกเราไดศึกษาเรื่องราว
ความลี้ลับเหลานี้ไดถูกตีแผออกมาเปนวิทยาทาน จนมีผูเขียนเพิ่มเติมขึ้นมาในภายหลังอีกหลายทาน
ทําใหเกิดปรากฏการณใหมในตระกูลและเผาพันธของเหล็กไหล จนหลายทานเกิดความสงสัยวา
เรื่องราวพิสดารเหลานั้นถูกหรือผิดกันแน ทําไมเหล็กไหลจึงเกิดขึ้นงายดาย จากการหุงหรือถลุงกันแน
หรือเหล็กไหลที่ยืดไดหดได ทําไมมีราคาถูกเหมือนโลหะหลอ แถมมีวางจําหนายกันตามริมถนนทั่วไป

บางคนก็ถามวา เหล็กไหลสีเขียวที่วา ชุบจากปรอทหรือเปนของธรรมชาติ เพราะเทาที่


ทราบราคาซือ ้ กันกันเปนรอยลานพันลาน แตเห็นวางขายกันตามแผงริมถนน เหมือนชุบดวยปรอท
เพราะเปนสีฟาจาง ๆ เหมือนบาตรสแตนเลสที่นํามาเผาแลวเคลือบปรอทจัง สิ่งเหลานี้ลวนเปนปญหา
คาใจผูที่สนใจในเรื่องราวความเปนมาของเหล็กไหล เพราะเกิดจากความรู ความเขาใจที่เลาขาน
สืบทอดกันมา จึงควรอยูในดุลยพินิจของทานผูศึกษาที่จะวิเคราะหถึงความเปนจริงและความเปนไปได
ของสิ่งเหลานี้วาควรมีมากนอยเพียงไร

เพราะในสมัยโบราณการเสาะแสวงหาเหล็กไหลของครูบาอาจารย กวาจะไดแตละชิ้นแสน
ยากเย็น และมีเพียงไมกี่ชิ้น แตก็มีฤทธานุภาพอันล้ําลึกปรากฏใหเห็นอยางชัดเจน จากการสัมผัส
ภายในจากครูบาอาจารยสายพระกรรมฐานผูมากดวยกาลพรรษา และพระอาจารยสิทธา เชตะวัน
ประสพการณจากผูที่มีโอกาสมาเกี่ยวของกับ “เหล็กไหลฤาษี” นี้อีกหลาย ๆ ทาน คงเปนขอยืนยัน
ถึงความเปนของดีของขลังของเหล็กไหลวัดถ้ําแฝดไดโดยปริยาย แมในทุกวันนี้เหล็กไหลฤาษี
ก็ยังคงอานุภาพเปน มหาอมตฤทธิ์ชั่วนิรันดกาล รอเพียงผูมีบุญวาสนามารองรับเทานั้น และเรียกกัน
จนติดปากไปทั่วประเทศวา “เหล็กไหลหลวงพอสัมฤทธิ”์ กาญจนบุรี
๙๘๗

ระวังของแอบอาง

ปจจุบันมีทั้งนักบวชและฆราวาสมากราย แอบอางนําเอาของเทียมและเลียนแบบ เหล็กไหล


วัดถ้ําแฝด วางจําหนายตามรานคาและแผงพระบางแหง พรอมทั้งนําหนังสือ เหล็กไหล ซึ่งมีภาพ
ของหลวงพอสัมฤทธื หรือ หลวงพอวัชระ วางประกอบวา สิ่งที่วางขายนี้เปนของวัดถ้ําแฝด สรางความ
เขาใจผิดและสับสนแก คนทั่วไป

จึงขอประชาสัมพันธใหทานทั้งหลายไดรับทราบในที่นี้วา “เหล็กไหลหลวงพอสัมฤทธิ์
วัดถ้ําแฝด มีใหบูชาเฉพาะที่ วัดถ้ําแฝด เพียงแหงเดียวเทานั้น” โปรดอยาไดหลงเชื่อการแอบอาง
นอกจากนี้ยังมีอดีตพระลูกวัดหรือพระสงฆบางองค ชอบเที่ยวแอบอางวาไดรับเหล็กไหลมาจาก
หลวงพอสัมฤทธิ์ มากมาย ก็โปรดพิจารณาใหถวนถี่เพราะสิ่งเหลานี้ไมไดมีมากมาย จนหลวงพอ
สัมฤทธิ์จะเที่ยวไปแจกจายใหกับลูกศิษยผูทุศีลเหลานั้น นอกจากมอบใหเปนที่ระลึกเพียงชิ้นเล็ก ๆ
หรือฝงไวที่ทองแขนเทานั้น

ของเทียมมาจากไหน

ปจจุบันของทําเทียมและเลียนแบบปรากฏออกมามาก ทราบมาวาผลิตมาจากไตหวันหรือจีน
ทําใหมีการวางจําหนายอยูเกลื่อนตลาด ไมวาที่แมสาย จ.เชียงราย หรือไปใตที่หาดใหญ ซึ่งแอบอาง
วาเปนเหล็กไหลมาจากวัดถ้ําแฝด หลอกลวงญาติโยมผูรูเทาไมถึงการณ ตองสูญเสียเงินทองไปอยาง
นาเสียดาย เพราะเงินปจจัยเหลานั้น พระผูทุศีลเหลานั้นนําไปใชประโยชนสวนตัว มุงการสะสมทรัพย
ไมสมควรแกสมณะวิสัย เชน นําไปปลอยกู เปนตน ทําใหทางวัดไดรับความเสียหาย เพราะผูศรัทธา
บูชาไปนั้น สวนหนึ่งคิดวาไดรวมทําบุญ กอสรางพุทธสถาน เพื่อปรารถนาสวนบุญกุศลดวย แตปจจัย
เหลานั้นกลับถูกนําไปใชในทางมิชอบ และของนั้นก็เปนของเทียมและเลียนแบบเทานั้น

ดังนั้นจึงขอฝากเตือนถึงทานผูศรัทธาใน เหล็กไหลของวัดถ้ําแฝด กรุณาบูชาจาก


แผนกวัตถุมงคล ของทางวัดเทานั้น เพราะบางครัง้ มีผูแอบแฝงนําของเทียม นําเสนอผูศรัทธา
ในราคาถูก ๆ แอบอางวาไดมาจากทางวัดดวยวิธีการที่ไมแตกตางกับพวก ๑๘ มงกุฎ ผูแอบอาง
มีทั้งฆราวาสและนักบวชที่ถือโอกาสแฝงตัวเขามาในรูปแบบตาง ๆ หากทานพบพฤติกรรมเชนนั้น
กรุณาใชวิจารณญาณพิจารณาดวยความรอบคอบ

สําหรับเหล็กไหลจากที่อื่น ๆ ที่มีลักษณะคลาย ๆ กับเหล็กไหลวัดถ้ําแฝดบางชนิด


และมีที่มาคอนขางพิสดาร รวงหลนมาจากถ้ําบาง หรือ อยูในกอนหินหรือกอนดินประหลาด
พอตอยแตกออกมาก็จะพบธาตุกายสิทธิ์อยูภายในนั้น เคยมีผูมาถามวาเปนเหล็กไหลจริงหรือไม
ก็ขอตอบในที่นี้วาไมทราบ เพราะของที่อื่นยอมมีประวัติความเปนมาที่แตกตางกันออกไป สวนจะเปน
ชนิดเดียวกันหรือไมอยางไร คงตอบไมไดเพราะไมเคยเห็น สวนจะเปนอยางไรนั้นยอมขึ้นอยูกับการ
ตัดสินใจของทานเอง

เพราะปจจุบันใครมีเงินก็ซื้อหนาสื่อในหนังสือนิตยสารเขียนเองเชียตัวเอง โฆษณาจน
เกินความจริงได โดยไมมีหนวยงานไหนมาเซ็นเซอรขาวหรือบทความในนิตยสารดังกลาววาเปนเท็จ
หรือจริงเพียงใด อีกทั้งบรรณาธิการก็ไมเห็นเดือดรอนอะไร ขอใหจายเงินมาก็พอใจ โดยไมคิดที่
จะรับผิดชอบในเนื้อหาสาระวา เกินความจริงเกินไปหรือไม เปนการมอมเมาบิดเบือนหลักของ
พุทธศาสนาจนเกินความเปนจริงไปหรือเปลา ซึ่งในตอนทายจะไดกลาวถึงหลักเกณฑประกอบการ
พิจารณาบูชาเหล็กไหลจากครูบาอาจารยผูทรงคุณวุฒิวาพึงมีแนวทางพิจารณาอยางไร ?
๙๘๘

การรักษาและพัฒนาธาตุกายสิทธิ์

พระอาจารยมหาเสริมชัย สิริมังคโล หรือ พระภาวนาวิสุทธิคุณ เจาอาวาส วัดหลวงพอสดธรรมกายาราม


อ.ดําเนินสะดวก จ.ราชบุรี ผูไดศึกษาเรื่องราวของ “เหล็กไหล” มามากพอสมควร ไดใหขอคิดเห็น
ตอความสงสัยในเรื่องราวของธาตุกายสิทธิ์เหลานี้ไววา

การกําเนิดของเหล็กไหล เกิดจากมหาฤาษีหรือเทพพรหม
คนธรรพ นาค ยักษ ที่มีความปรารถนาที่ จะสรางบารมีใหยิ่ง ๆ ขึ้น
ไป มุงสูการบําเพ็ญเพียรสรางบารมีธรรมเพื่อเลื่อนภูมิจิต
ของตนเองเขาสูอริยมรรค ถึงพระนิพพานอันเปนอมตธรรม
เปนสําคัญ เหล็กไหลจึงมักจะอยูกับคนดีมีศีลธรรม
ใหคุณประโยชนแกผูที่มีไวครอบครองดวย ความสมบูรณพูนสุข
ในมนุษยสมบัติ สวรรคสมบัติ และพระนิพพานสมบัติ
ถึงซึ่งอริยมรรค คือ มรรค ผล นิพพาน ตามกระแสพระสัทธรรม
ของสมเด็จพระผูมีพระภาคเจาไดงายขึ้น

เพราะฉะนั้นผูครอบครองเหล็กไหล ควรจะปฏิบัติตนใหเหมาะสม สมควรแกการรองรับเอา


ธาตุกายสิทธิ์เหลานี้ไวเปนบารมีของตน ในเบื้องตนควรจะเปนผูถึงพรอมดวย ทาน ศีล ภาวนา
สัมมาปฏิบัตใิ หยิ่ง ๆ ขึ้นไป ควรใหโอกาสธาตุกายสิทธิ์เหลานี้ชําระลางมลทิน ดวยการใหถือศีล ๕
เปนอยางต่ํา วันพระถือศีล ๘ ให เขามีโอกาสไดรวมพิธีบวชเณรหรือพระภิกษุในทางพระพุทธศาสนา
ดวยยิ่งดี

ในกรณีที่เราไมสามารถยึดมัน
่ อยูในหลักธรรมขององคสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจาไดอยาง
มั่นคงแลว ก็ไมสมควรจะเปนผูครอบครอง “เหล็กไหล” ธาตุกายสิทธิ์ เพราะบารมีเราออนกวา
แลวจะทําใหเกิดโทษไดในภายหลัง ควรครอบครองธาตุกายสิทธิ์ที่ ผูรูหรือผูทรงคุณวุฒิทาน
ไดนํามาสรางเปนพระเครื่องหรือวัตถุมงคล ซึ่งไดผานการเจริญภาวนาชําระธาตุธรรม นําธาตุกายสิทธิ์
เหลานี้เขาสูกระแสธรรมเรียบรอยแลว จึงจะดีและปลอดภัยดวยประการทั้งปวง
๙๘๙

หลักการพิจารณาของจริง

ปจจุบันนี้พวกเราคงไดยินไดฟงเรื่องราวของ “ธาตุกายสิทธิ์” เหล็กไหล คอนขางมาก


แมกระทั่งเห็นวางจําหนายอยูตามแผงพระก็มี ริมฟุตบาทขางถนนก็มี ก็เลยยิ่งสับสนกันไปใหญ
วาเปนของจริงหรือเปลา หากทานไมสนใจไมศรัทธาในสิ่งเหลานี้ก็คงไมเปนปญหาอะไร แตถาสนใจ
ขึ้นมาละก็ ควรจะตองศึกษาถามไถจากผูรูจริง ๆ จึงจะสมควร อยาไปฮือฮาตามกระแส ถาจะใหตอบ
ก็ขอบอกวา จริงก็มี ไมจริงก็มี ดังนั้นอยาไปเดาสุม เพราะของดีจริงนั้นมีอยู จึงมีของทําเทียม
และเลียนแบบปลอมปนสรางความเขาใจผิดใหผู สนใจไดหลงผิด ดวยคนโลภและทุศีล ขาดคุณธรรม
ไมมีหิริโอตตัปปะ เอามาหลอกขายหาเงินจากผูที่รูไมเทาทัน

สัจจธรรมอยางหนึ่งที่เห็นไดงายมาทุกยุคทุกสมัย อะไรก็แลวแตที่มีคาเปนเงินตรา
และเปนที่สนใจใฝหาของคนทั่วไป ในไมชาก็มีของทําเทียมและเลียนแบบปรากฏออกมาแอบอาง
ใหผูคนหลงผิดอยูเปนประจํา เชน พระเครื่องพิมพตาง ๆ ที่มีราคาสูง อุปกรณเครื่องใชไฟฟา
และอีเล็คโทรนิค เปนตน เพราะปจจุบันเทคโนโลยี่ มีความกาวหนาเทคนิคการทําเทียม
ก็เลยแนบเนียนจนยากแกการแยกแยะ

ดังนั้นผูสนใจพึงสังวร อยาตกเปนเหยื่อของคนโลภ ดังที่ปรากฏเปนขาวในหนาหนังสือพิมพ


เปนประจํา เพราะเหล็กไหลยอมมีคุณประโยชนอันยิ่งใหญแกผูมีคุณธรรม และมีโทษมหันตสําหรับ
คนชั่วหรือคนทุศีลไดเหมือนกัน สําหรับผูสนใจพึงตั้งจิตอธิษฐานที่จะมีธาตุกายสิทธิ์เหลานี้ไวใน
ครอบครอง เพื่อขอบารมีจากวัตถุ ธาตุกายสิทธิ์มาอนุเคราะหอํานวยประโยชนแกการศึกษาและปฏิบัติ
ธรรม เพิ่มพูนบุญบารมีธรรมใหยิ่ง ๆ ขึ้นไป ซึ่งเปนที่ปรารถนาของเหลาเทพ พรหม ผูรก ั ษาเหล็กไหล
ที่จะดําเนินชีวิตตนมุงสูอมตธรรมที่สน
ิ้ สุดแหงทุกขทั้งปวง เทพเทวาผูรักษาธาตุกายสิทธิ์นี้ก็จะเปด
บารมีใหแกทานไดพบสี่งที่ปรารถนาเอง ดังนั้นหลักเบื้องตนในการพิจารณาถึงวัตถุธาตุกายสิทธิ์วา
เปนของจริง หรือ ของเทียมและเลียนแบบนั้น จึงขอตั้งขอสังเกตใหทานไดศึกษาพิจารณาดังนี้

 พิจารณาแหลงทีม ่ า วาเปนวัตถุธาตุที่มาจากสํานักที่พึงเชื่อถือได ความจริงการ


ที่บุคคลภายนอกจะพิจารณาคุณธรรมของคนในสํานักตาง ๆ นั้นคงไมใชสิ่งที่งาย
แตก็พอจะศึกษาไดจาก เจตนา ความคิดอาน การกระทํา วาเปนไปในลักษณะของ
ผูมีศีลมีธรรม สงเสริมการศึกษาและปฏิบัติ ชวยสืบบวรพระพุทธศาสนาใหเจริญรุงเรือง
และมั่นคง เปนไปเพื่อประโยชนสุขแกมหาชนเพียงใด หรือมีพฤติกรรมหรือเจตนา
เพื่อลาภสักการะ เพื่อประโยชนสวนตนและพวกพองหมูคณะแหงตน

 พิจารณาถึงความชัดเจน ของธาตุกายสิทธิ์เหลานั้นวาไดมาโดยวิธีใด
ในหลักการนี้หมายถึง ใหรูจักวาเปน เหล็กไหลตัด หรือ เหล็กไหลบารมี ไดมาดวยบารมี
ธรรมของตนเอง หรือ เทพเทวาเปดบารมีให

พิจารณาถึงของเทียมและเลียนแบบ ซึ่งอาจจะนําเอาแรบางอยางที่มีคุณสมบัติใกลเคียง
กับธาตุกายสิทธิ์มาแอบอาง หรือแมกระทั่งเอาแมเหล็กธรรมดามาชารทดวยไฟฟาใหมีกระแส
แมเหล็ก มาหลอมหรือขัดหรือเจียรไน เปนวัตถุมงคลในรูปแบบตาง ๆ ทั้งที่ผานการเจริญสมาธิภาวนา
บรรจุพลัง และไมไดผานการเจริญสมาธิภาวนาบรรจุพลัง วางขายเกลื่อนกลาดตามถนนหนทาง
และวางขายตามรานคาทั่วไป โดยแอบอางแหลงที่มา หลอกจําหนายกับผูไมรู โดยเจตนาทุจริต
คิดมิชอบก็มี หากคิดสะกิดใจสักนิดจะพบวา ของดีจริง ๆ ไมมีวางจําหนายงาย ๆ ตามสถานที่
อยางนั้นหรอก จะมีอยูกก
็ ับสํานักที่พึงเชื่อถือไดเทานั้น
๙๙๐

ยุคธาตุกายสิทธิ์

ยุคธาตุกายสิทธิ์

เหตุที่ปจจุบันนี้ปรากฏ ธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหล ขึ้นมามากมาย ดวยเหตุสาํ คัญดังนี้

ยุคกึ่งพุทธกาล เนื่องจากประเทศไทยเปนที่ตั้งมั่นอันสําคัญของพระพุทธศาสนา
ซึ่งเปนยุคเทพพรหมเทวาทั้งหลายไดปราวารณาไวกับองคสมเด็จพระผูมีพระภาคเจาวา จะลงมา
ชวยกันสืบพระศาสนาของ พระสมณโคดม ใหสถาพรอยูถึง ๕,๐๐๐ ปตามพุทธทํานาย จึงเปนบอเกิด
และที่สถิตอยูของผูมีบุญบารมีในระดับตาง ๆ เพื่อบําเพ็ญบารมีธรรมใหบรรลุถึงซึ่งมรรคผล นิพพาน
หรือเปนอรหัสตสาวก พระปจเจกพระพุทธเจา หรือ พระโพธิสต ั ว จนถึงพระพุทธเจาในอนาคตกาล
ตามแรงอธิษฐานบารมีที่เคยไดกระทํามาแลวในอดีต

เทพเทวาผูรักษาเหล็กไหล จึงเปดโอกาสแกผูบําเพ็ญบารมีในระดับตาง ๆ ใหไดรับธาตุ


กายสิทธิ์เหลานี้ไปครอบครอง เพื่อมุงอํานวยประโยชนตอการบําเพ็ญบารมีธรรมใหยิ่ง ๆ ขึ้นไป
เพื่อชวยกันสืบบวรพระพุทธศาสนาในประเทศไทยใหเจริญรุงเรืองสถาพรสืบไป ดังนั้นในหมูผูปฏิบัติ
ธรรมบางคน จึงมีสิทธิ์ไดรับ ธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหล โดยวิธีการตาง ๆที่คาดไมถึง เพื่อกอบกู คุมครอง
รักษาประเทศชาติ และศาสนาใหมั่นคง เพียงแตไมคอยมีใครรูเทานั้น

เลียนแบบ เกิดจากการทําเทียมและเลียนแบบ ดวยความปรารถนาชั่วชาลามกและดวย


ความโลภ แอบอางแสวงหาผลประโยชนเพื่อตนเอง มิไดเปนไปตามเจตนาที่แอบแฝงอางอิง ซึ่งมีทั้ง
นักบวชและฆราวาส ปรากฏอยูดาดดื่นเกลื่อนไปตามตลาด แทนที่จะอยูกับวัดหรือสํานักที่พึงเชื่อถือได
เหมือนสินคาผลิต แลวนําออกขายตามหางรานทั่วไป

การเลียนแบบยอมสามารถกระทําไดไมยากในปจจุบัน เพราะความกาวหนาทางดาน
เทคโนโลยี่และการสนเทศ แมกระทั่งวิธีการแปลก ๆ สรางสถานะการณใหผูที่รูไมทันหลงเชื่อ เสียเงิน
เสียทอง แกงตมตุน "เหล็กไหล"

พระอาจารยเกษมสุข เขมสุโข วัดประดูธรรมาธิปตย บางโพ กรุงเทพฯ ไดเคยเลาใหฟง


วา มื่อประมาณป ๒๕๓๕ ทานไดรับการติดตอจาก หัวหนาแกงตมตุนขายเหล็กไหลรายหนึ่ง ไดเสนอ
ขายสูตร และกรรมวิธีใช "เทียนลนเหล็กไหล" ใหสามารถยอยออกมาจากหินในราคาถึง ๑๐๐,๐๐๐บาท
เพื่อนําไปใชประกอบการหลอกลวงเรียกเงินทองจากญาติโยมผูรูเทาไมถึงการณ ซึ่งวิธด
ี ังกลาวไดเคย
ใชไดผลมาแลวหลายราย ทําใหไดเงินไปใชหลายลานบาท

อาจารยเกษมสุข ทานแกลงทําเปนสนใจ แตมีขอแมวา จะตองทดสอบใหทานดูที่


วัดเสียกอน ปรากฏวาทางแกงตมตุนยอมตกลง แตขอคาใชจายในการทดสอบ ๒,๐๐๐ บาท ซึ่งปรากฏ
วาเขาสามารถใชเทียนลนใหหินแข็ง ๆ ไหลเยิ้มออกมาไดจริง ๆ ดังภาพทีป ่ รากฏดานขาง ซึ่งทางแกง
ดังกลาวไดเปดเผยตอไปวา ของเหลวที่ไหลออกมานั้นไมใชหิน แตจะเปนสารผสมทางเคมีหลายชนิด
รวมกันโดยมีปรอทเปนสวนผสมหลัก จากนั้นก็จะนําเอาไปฝงไวในกอนหินที่จัดเตรียมไว กอนที่จะใช
กาวติดที่ผนังถ้ํากอนที่จะทําการทดลองใหเหยื่อชม

ระหวางการทดลองนั้นทางแกงไดพยายามโนมนาวพระอาจารยเกษมสุขใหคลอยตาม
โดยบอกวาทานเสียเงินเพียง ๑๐๐,๐๐๐ บาทเทานั้น แตถานําไปหลอกผูคนก็จะไดเงินเปนลานทีเดียว
โดยทานอาจารยเพียงแตนําเศรษฐีที่มีเงินและอยากไดเหล็กไหลมาเทานั้นทางแกงจะนําเอาเหล็กไหล
เทียมที่ทําขึ้นนี้ไปซอนฝงไวตามจุดที่นัดหมาย แลวใหทานอาจารยเอาเทียนลนเหล็กไหลนั้น ก็จะทํา
ใหคนเชื่อวาเปนเหล็กไหลตัดสดจริง ๆ ก็จะไดเงินหลายลานบาท
๙๙๑

หลังจากไดเห็นการทดสอบพรอมกับจายคาโงไปแลว อาตมาก็ตอบปฏิเสธที่จะซื้อสูตร
ดังกลาว เพราะไมสามารถหาเงินแสนมาจายคาซื้อสูตรการตมตุน  ได นอกจากนี้แลว หากเอาไปหลอก
คนอื่นมีหวังอาจจะถูกตามฆาก็ได" พระอาจารเกษมกลาว นอกจากนี้แลว พระอาจารยเกษมยังเปดเผย
ถึงวิธีตมตุนที่คนโลภทั่วไปถูกหลอกอีก ๒ วิธี โดยวิธีแรกคือ ขอเงินคาทดสอบ โดยอางวาจะมีนายหนา
มาซื้อเหล็กไหล ทั้งนี้จะบอกวา "เหล็กไหล" ของเขาตองบูชาครูดวยจํานวนเงิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท
เพราะไมเชนนั้น "เหล็กไหล" จะหายไป เมื่อเขาอางวา "เหล็กไหล" สามารถทดลองกับไมขีดไฟ ดวย
การนําไมขีดไฟมาวางและเอา "เหล็กไหล" มาวางทับทิ้งไว ๑๐ นาที ไมขีดนั้นก็จะจุดไมติด ถาทดลอง
กับไมขีดไฟเห็นผลแลวก็จะนําไปทดลองกับลูกปน ซึ่งถาเอาเหล็กไหลไปทาบกับลูกปน ลูกปนก็จะยิง
ไมออกเชนกัน

วิธีการหลอกลวงนั้นจะมีหนามา ๓ คน ขั้นแรกตองเลือกเอาบานของเหยื่อที่มีฐานะกอน
โดยจะหาเอาไมขีดไฟที่เหยื่อเปนผูซื้อเองมาใหม ๆ มาทดลอง โดยบอกเหยื่อวาจะเอา "เหล็กไหล"
วางทับไว ๑๐ นาที หลังจากนั้นไมขีดไฟจะจุดไมติด ขณะที่รอคอยเวลาอยูนั้น ก็จะชวนเหยื่อคุย
พรอมกับชี้นิ้วมือไปที่ภาพใดภาพหนึ่งในบาน แลวถามวาเปนภาพอะไร ถายที่ไหน ทําทีเปนสนใจมาก
เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ เหยื่อก็จะหันไปมองที่ภาพนั้น ทุกสายตาก็จะเบนตามไปดวย จังหวะนั้นเอง
คนในแกงก็จะรีบสับเปลี่ยนไมขีดไฟทันที อีกวิธีหนึ่ง แกลงทําแกวใหตกแตก พอเหยื่อหันไปดูเขา
ก็จะเปลี่ยนไมขีดไฟทันทีเชนกัน

เมื่อนําไมขีดไฟมาจุดก็จะจุดไมติด เหยื่อเจาของบานก็จะเขาใจวาเปนสิ่งมหัศจรรย
เปนอิทธิฤทธิ์ของเหล็กไหล เนื่องจากไมขีดเปนของตัวเองที่ซื้อมากับมือ ยังจุดไมติดจริง ๆ แตหารู
ไมวา ไมขีดไฟถูกแอบสับเปลี่ยนไปแลว และไมขีดไฟของแกงตมตุนนั้นไดมีการเคลือบน้ํา ซึ่งทําให
หมดสภาพในการจุดประกายไฟ กอนกลับแกงตมตุนจะเอาเงินคาบูชาครูที่เหยื่อเปนคนจายใหใสกลอง
แลวหอดวยผาขาว พรอมกับบอกเหยื่อเจาของบานวา จะขอฝาก "เหล็กไหล" และเงินคาบูชาครูที่ทํา
พิธีไวกับเจาของบานกอน ใหเก็บบูชาเปนระยะเวลา ๑ เดือน หามเปดออกมาโดยเด็ดขาด ไมเชนนั้น
"เหล็กไหล" จะหนีไปหมด

วิธีการหลอกเอากลองที่ใสเงินจะทําเชนเดียวกับการสับเปลี่ยนไมขีดไฟ โดยแกงคนรายไดเตรียม
กลองหอผาขาวมาอีก ๑ หอ ซึ่งกอน ที่จะเปลี่ยนกลองดังกลาวนั้น แกงตมตุนจะใชใหเหยื่อไป
จุดธูปบูชา "เหล็กไหล" กลางแจงกอน พอเหยื่อเผลอเขาก็แอบเปลี่ยนหอ ผาขาวทันที

เมื่อครบ ๑ เดือน เหยื่อจะแกหอผาขาวออกมาดู ปรากฏวาเงินคาไหวครูไมมีเสียแลว และวัตถุที่


บอกวาเปน "เหล็กไหล" ก็ไมมี สิ่งที่ปรากฏคือกอนหิน หรือกอนเหล็กอะไรสักอยางหนึ่ง ที่ไมมี
ราคาคางวดอะไรเลย

ขาวการทดลองเหล็กไหล

ขาวคราวของการทดลองเหล็กไหลมักจะปรากฏใหไดยินเปนระยะ ๆ จริงบางเท็จบาง จึงควรตอง


ใชวิจารณญาณพิจารณาใหดี แตถาเปนเพียงเพื่อศึกษาคนควาก็ไมนาเปนหวงเทาไหร
ดังนั้นจึงขอนําเสนอขาวเกี่ยวกับเหล็กไหลใหทานไดทราบในอีกแงมุมหนึ่ง

๕๘๘ บานฟอน หมู ๒ ซอย ๒ ต.ชมพู


อ.เมือง จ.ลําปาง ๕๒๑๐๐

๘ พฤษภาคม ๒๕๔๐

นมัสการ พระครูกาญจนกิจจาทร (หลวงพอสัมฤทธิ์ คมภีโร)


๙๙๒

กระผม นายพุทธิพงศ ศรีวิกล


ุ เปนชาวจังหวัดลําปาง ไดอานและทราบประวัตขิ องหลวงพอ
เกี่ยวกับการตัดเหล็กไหล และการฝงเหล็กไหลในตัวคน ซึ่งกระผมมีความสนใจมาก คิดวาจะมาฝง
เหล็กไหลดวยตนเอง และจะนําคณะมาฝงเหล็กไหลดวยในไมชานี้ สวนเรื่องของการตัดเหล็กไหลนั้น
มีอยูวามีคณะของกระผมคนหนึ่ง เขาตองการที่จะขายเหล็กไหลเปนจํานวนเงินมากพอสมควร
และจะตองใชปนลองยิงดูทุกครั้ง เปนการทดสอบวาของดีจริง หรือไม จุด ๓๘ ยิงเปนจํานวน ๓ นัด
ผลออกมาคือ ไมเคยยิงออกเลย เหล็กไหลมีอยู ๒ กอน

กอนที่ ๑ มีน้ําหนัก ๓ บาท

กอนที่ ๒ มีน้ําหนัก ๕ บาท

เปนเหล็กไหลโกฏิป มีลักษณะสีสรรวรรณะ เขียวเหมือนสีของแมลงทับ และในการตัด


เหล็กไหลจะตองมี พระทีม ่ ีบารมีมาก จึงจะตัดได และจะตองทําพิธีการตัดอยูหลายอยาง
จึงกราบเรียนหลวงพอใหทราบวา มีของอยูแลว แตเวลามีนายทุนใหญมาลองของทุกครั้ง ไมเคยมีใคร
ยิงออกเลย แตเวลาจะโอนเงินนั้น เหล็กไหลไดกลับไปอยูกับเจาของเหมือนเดิม ทั้ง ๆ ที่เอาใสไว
ในตูเปนกลองเหล็กอยางดีไมมีรูแมแตนอยเลย พวกกระผมทํากันถึง ๓ ครัง้ แตก็กลับไปอยูกับ
คณะของพวกกระผมเหมือนเดิม

ซึ่งพวกกระผมก็ไดหาวิธีและไดนิมนตพระมาหลายรูปแลว เพื่อมาตัดเหล็กไหลนี้
แตก็เหมือนเดิม อาจจะคงเปนเพราะทําพิธีไมถูกตองก็เปนได จึงกราบเรียนใหหลวงพอไดทราบ
ในเรื่องนี้ดวย ซึ่งหลวงพอเปนผูที่มากดวยบารมีและรูวิธีการตัดเหล็กไหลไดอยางถูกตอง
จากที่กระผมไดศึกษามานี้ จึงทําใหคิดวา หลวงพอตองทําไดอยางแนนอนในวิธีการตัดเหล็กไหล
ในครั้งนี้

ในเรื่องของการเดินทางมาที่ถ้ําแฝดนี้ กระผมจะนําคณะมาเอง โดยที่หลวงพอไมตอง


ออกไปไหน และการจัดเตรียมวัสดุอป ุ กรณมีอะไรบางขอใหหลวงพอเขียนมาบอกดวย หรือจะให
จัดเตรียมที่ จ.กาญจนบุรี เลยก็ได ขอนมัสการกราบเรียนหลวงพอวา เรื่องเปนความสัจจริงทุกประการ
และถาหากวิธีการตัดเหล็กไหลสําเร็จแลว พวกกระผมและคณะจะสรางทุกอยางที่ทางวัดถ้ําแฝด
ตองการ หรือหลวงพอตองการจะสรางอะไร กระผมจะเปนผูจัดการใหทุกอยาง จึงเรียนมา
เพื่อใหหลวงพอไดโปรดเมตตาชวยใหพวกกระผมไดรวมสรางผลบุญกุศลในครั้งนี้ดวย
ถาไดรับจดหมายจากกระผมแลว กระผมขอรบกวนหลวงพอชวยเมตตาตอบจดหมาย
ใหกระผมไดทราบดวย สวนเรื่องของการเดินทาง พวกกระผมและคณะจะเดินทางมา
พบหลวงพอเองครับ

กราบนมัสการ

นายพุทธิพงศ ศรีวิกูล
๙๙๓

ขาวการซื้อขายเหล็กไหล

"แกงตมตุนเหล็กไหล สตท.ระเบิดหัว"

ยิงหนแรกไมออก กูเงินซื้อขายเสี่ย พอยิงรอบ ๒ เหล็กไหลกระจุย ตัดใจตายหนีหนี้

สิบตํารวจโทหนุมเกิดหลงตกเปนเหยื่อแกงหลอกซื้อขายเหล็กไหล ทีแรกนําไป
ทดสอบยิง ๒ นัดไมระเบิด จึงกูหนี้ยืมสินเพื่อนบานกวาครึ่งลานนําไปมัดจํา แลววิ่งเตนติดตอขายให
นายทุนใหญหลายสิบลานบาท เสี่ยใหญตกลงซื้อนําไปยิงทอดสอบกอนจายเงิน ปนเกิดระเบิดเปรี้ยง
เหล็กไหลที่อางวาทรงอิทธิฤทธิ์ถึงกระจุยกระจาย ทําใหตกเปนหนี้หาทางออกไมได ระเบิดสมองตัวเอง
ตายทั้งยังแตงชุดตํารวจอยางอนาถ เขียนจดหมายลาตายฝากฝงแมและลูกสาว รวมทัง้ แบงปนสมบัติ
เทาที่มีอยูใหแกทุกคน

ตํารวจหนุมหลงตกเปนเหยื่อแกงตมตุนซื้อขายเหล็กไหล ลงทุนกูหนี้ยืมสินเพื่อนบาน
กวาครึ่งลานไปทดสอบยิงปนไมระเบิด จึงนําซื้อไวนําไปขายเสี่ยใหญ พอทดสอบยิงอีกทีปนระเบิด
เปรี้ยงเหล็กไหลกระจุย ตองตกเปนหนี้หาทางออกไมไดระเบิดสมองตัวเองตายอนาถรยนี้เกิดขึ้น
เมื่อ เวลา ๐๗.๓๐ น. วันที่ ๑๕ ส.ค. ร.ต.อ.ประเสริฐ พานโท รอยเวร สภ.อ.บานแทน จ.ชัยภูมิ
ไดรับแจงวามีเหตุตํารวจยิงตัวตายที่สถานีอนามัยบานสามสวน ต.สามสวน จึงรีบรายงานผูบังคับ
บัญชา จากนั้นพรอมดวย พ.ต.ท.สมาน พุดซา สวส.รักษาราชการแทนรอง กกก.หน. สภ.อ.บานแทน
พ.ต.ท.สุรชัย สายณสิต สวป. เจาหนาที่และหนวยกูภัยมูลนิธิเต็กกาจีแซเกาะ อ.ชุมแพ รุดไปยังที่
เกิดเหตุ พบวาที่ดานหาสถานีอนามัยมีชาวบานมุงดูกันแนน และพบวาที่มา นั่งใตสถานีอนามัยมีศพ
ส.ต.ท.สมบัติ ปอมสุวรรณ อายุ ๒๙ ป ผบ.หมูงานปองกันปราบปราม สภ.อ.บานแทน นอนหงายจม
กองเลือดในสภาพสวมชุดเครื่องแบบตํารวจ มีแผลถูกยิงดวยกระสุนปน ๙ มม. ที่เหนือกกหูขวาทะลุ
ดานซายเปนรูโบ มันสมองปนเลือดกระจายเกลื่อน ในมือขวายังกําปนพก ๙ มม. ที่ตกมาแนบหนา
อกไวแนน ในแมกกาซีนมีกระสุนที่ยังไมดยิงอีก ๗ นัด ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปน ๙ มม.
ตกอยู ๑ ปลอก และหัวตะกั่วหลนอยูบนพื้น หางไปเล็กนอยบนโตะพบไฟฉายพรอมวิทยุมือถือ
และกระเปาถือสีน้ําเงินวางอยู เมื่อเปดออกตรวจดูพบวาภายในกระเปามีจดหมายใสซองสีฟา
๓ ซองและสีขาว ๑ ซอง จึงเก็บไวเปนหลักฐาน

จดหมายฉบับที่ ๑ เขียนถึง พ.ต.ท.สุรชัย สายณสิต สวป.ผูบังคับบัญชาวา ตนไม


สามารถเปนตํารวจที่ดีของทานได แตภูมิใจที่ครั้งหนึ่งในชีวิตไดมีโอกาสทํางานรวมกัน ขอฝากฝง
ใหชวยจัดการเรื่องเงินที่จะไดรับหลังตนเสียชีวิต โดยขอใหแบงเปน ๒ สวน สวนหนึ่งมอบใหมารดา
อีกสวนหนึ่งแบงใหภรรยาและลูกสาวเพื่อเปนทุนการศึกษาของบุตร ฉบับที่ ๒ เขียนถึงอาจารยปญญา
เจาอาวาสวัดสมอ บานหนองบัว กลาวขอโทษหลวงพอที่ตนคิดสั้น บอกวาหมดปญญาเจอทางตัน
ไมมีทางออกจริง ๆ จึงอยากฝากลูกสาวใหเปนบุตรบุญธรรมอีกคน เพื่อเด็กจะไดมีอนาคตที่ดีตอไป
ฉบับที่ ๓ เขียนเปนพินัยกรรมที่ผูตายเขียนไว ๔ ขอ มีทรัพยสนิ ทั้งหมดขอมอบใหภรรยาและลูกสาว
เงินสวนที่จะไดใหแบงเปน ๒ สวน ใหมารดาและภรรยาพรอมลูก ที่ดินนาสวนของตนขอยกใหลูกสาว
คนเดียว โดยใหพี่สาวครอบครองทํากินและใหชวยเหลือการศึกษาของลูกสาวจนกวาจะโต สุดทาย
ขอใหนายวิโรจน รัตนพงศ พี่เขยเปนผูจัดการมรดกใหเปนไปตามนี้ สวนฉบับที่ ๔ เขียนถึงพี่ทิป
และพี่โรจน พี่สาวและพี่เขย บอกวาไมตองเสียใจใครเกิดมาก็ตองตายทุกคน ตนคงมีกรรม
ไมสามารถอยูดูโลกไดอีกตอไป เกิดชาติใหมขอเกิดเปนลูกแมและเปนนองพี่อีกหน ขอฝาก
ชวยดูแลลูกเมียใหดวย ลงชื่อวา “ส.ต.ท.สมบัติ ปอมสุวรรณ ตํารวจนอยรักดีแตอายุสั้น”

จากการสอบสวนในเบื้องตน พ.ต.ท.สุรชัยไดนําผูใกลชิดของ ส.ต.ท.สมบัติ ซึ่งทราบ


สาเหตุที่ทําใหยิงตัวตายมาสอบปากคําทําใหทราบวา เกิดจากผูตายมีความกลัดกลุมจากภาวะตก
เปนหนี้สินเงินกู เมื่อไมนานมานี้ ผูตายไดรวบรวมเงินทองและกูเงินเพื่อนบานได ๕ แสนบาท นําไป
ซื้อเหล็กไหลจากแกงหลอกตุนขาย ไมทราบแนชัดวาอยูที่ใด และเปนใครมาจากไหน โดยตกลงซื้อกัน
ในราคา ๑ ลานบาท วางมัดจําเงินไว ๕ แสนบาท และผูตายนําไปทดสอบยิงเหล็กไหลกอนดังกลาว
๙๙๔

ถึง ๒ ครั้ง ๒ ครา ปรากฏวา กระสุนยิงไมออก ผูตายหลงเชื่อวาเปนเหล็กไหลจริง ยอมจายเงินให


แกงตุนไป และนัดใหมารับสวนที่เหลือภายหลัง ตอมาผูตายไดวิ่งติดตอขายใหแกนายทุนใหญคนหนึ่ง
ตกลงซื้อขายในราคาหลายสิบลานบาท นายทุนใหญนัดใหนําไปยิงทดสอบหากยิงไมออกก็จะจาย
เงินซื้อทันที แตคราวนี้ปรากฏวา กระสุนระเบิด เหล็กไหลที่คุยวาทรงอิทธิฤทธิ์ถึงกระจุยกระจาย

ขาวนี้ยอมเปนอุทาหรณสําหรับผูทฝ
ี่ กใฝในการเปนนายหนา ซื้อขายเหล็กไหลได
เปนอยางดี เนื้อขาวไมไดระบุชัดเจนถึง ชนิดของเหล็กไหล รูปพรรณสัณฐาน วิธีการทดสอบครั้งแรก
วาปนหรือกระสุนเปนของใคร แตที่แน ๆ วาพอทดสอบครั้งที่ ๒ เหล็กไหลแตกกระจุย ยอมแสดงถึง
ของเทียมหรือเลียนแบบ ผูใดที่พยายามจะเปนนายหนาขายเหล็กไหล ระวังอยาตกเปนเครื่องมือ
ของเหลามิจฉาชีพ ที่อาศัยความโลภของมนุษยเปนเหตุหลอกลอ

แกง ๑๘ มงกุฏ

เมื่อเดือน กันยายน ๒๕๔๐ มีคณะรับซื้อเหล็กไหล อางวาเปนชาวไตหวันกับคนไทย


รวมกัน รับเปนนายทุนดําเนินการในวงเงิน ๑,๐๐๐ ลานบาท กอนการทดสอบของ สามารถตรวจสอบ
วงเงินซื้อขายไดจากทางธนาคารกรุงเทพฯ สาขาทาเรือ กาญจนบุรี หากของไมผานการทดสอบ
ผูเสนอขายจะตองจายให ๕ แสนบาท หากผูซื้อไมสามารถแสดงวงเงินที่ซื้อขายไดก็ยินดีจายให
ฝายผูขาย ๕ แสนบาทเชนกัน

พอถึงเวลาทั้งสองฝายก็นัดตรวจสอบยอดเงินกัน ปรากฏวาฝายชาวไตหวันซึ่งใชชื่อวา
มิสเตอรอังไดทําทีเปนโทรศัพทติดตอกับทางตางประเทศ พูดไปพูดมาก็สรุปวา กําลังจะโอนเงินใหอยู
นั่งรอกันเกือบชั่วโมงเพื่อรอการเช็คขอมูลจากธนาคาร ก็ไมปรากฏวามีการโอนเงินโชวผานทางธนาคาร
แตอยางใด แตฝายผูขายไดเตรียมเงินสดมาแสดงพรอม ๕ แสนบาท

ทางฝายผูขายและเจาของเหล็กไหล ซึ่งมีเจาหนาที่ตํารวจอยูดวย จึงไดเชิญตัว


ผูเกี่ยวของทั้งหมดไปพูดจากัน ผูขายจึงจะขอทําการปรับตามขอตกลง ปรากฏวาไมมีเงินจายคาปรับ
ใหได เพราะคนแลวมีเงินติดตัวกันรวม ๗๐๐ บาทเทานั้น ซึ่งฝายนายทุนยอมรับวาไดแอบอางวิธีการนี้
หากินแบบนี้มานานแลว บางรายก็สําเร็จบางรายก็ไมสําเร็จ เพราะรูวา เหล็กไหลของจริงนั้น ทําอยางไร
ก็ไมสําเร็จ คือ ไมผานการทดสอบหรือมีการหนีไปกอน แตถาเปนของปลอมก็ถูกปนยิงกระจุย

ฝายเจาของเหล็กไหลจึงนําเอาเหล็กไหลองคที่จะขายแชไวในแกวน้ําแลวอธิษฐานจิต
เพียงครูเดียว แลวนําเอาแกวน้ําไปตั้งกลางแจง ใหฝายนายหนาลองทดสอบดูดวยปน .๓๕๗ จนหมด
โมก็ยิงไมออก เรื่องนี้ปรากฏตอสายตาคนเกือบรอยคนที่ทราบขาวที่มามุงดู ถาจะเปนการแสดงก็คง
ระดับบรมครู โดยไดของไมดีไป

ขาวจากหนังสือพิมพ “ขาวสด” วันอาทิตยที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๔๔ ฉบับที่ ๓,๘๑๐ไดพาดหัวขาวตัว


ใหญวา “บุกรวบคาหางดัง ตุนเหล็กไหล ๖๐๐ ลาน” ตร.แฉเลหแอบบิดเข็มแทงฉนวนยิงไม
โปง!

ซุมจับกลางหางดังยานรังสิต แกงตุนเหล็กไหล ๒ คน ลอเหยื่อมาใหจายเงิน ๑.๕ แสน


รวบพรอมของกลางโลหะขัดมันที่เอาไวลอเหยื่อ อางวาเปนเหล็กไหล ผูเสียหายแฉโดนแกงตุนหลอก
ใหไปทดลองยิงเหล็กไหล ปรากฏยิงไป ๒ นัด กระสุนดานเหมือนกัน เลยคลอยตามเปนเหล็กไหล
ของแท แตพอจะมียิงนัดที่ ๓ ผูตองหาก็ลอใหวางเงินกับทองคํามัดจํากอน เพราะไดหายเขากลีบ
เมฆไป จนมาไดขาวกําลังตุนเหยื่อรายใหม นัดมอบเงินกันที่หางเซียร เลยพา ตร.ไปซุม จับได
ตร.แฉเลหแกงเหล็กไหล จะฉวยทีเผลอบิดเข็มแทงชนวน หรือไมก็เปลี่ยนใสกระสุนที่แชแอลกอฮอล
จนดานเขาไปแทน
๙๙๕

เคยหากินกันมาโบราณอยางไร แกงเหล็กไหลก็ยังหากินไดตอไปเหมือนเดิม
เมื่อเวลา ๑๔.๓๐ น. วันที่ ๕ พ.ค. ร.ต.ท.สมชาย ธรรมสารตระกูล รอยเวรสายตรวจ สน.บางพลัด
พรอมดวย จสต.สมาน จันทรแกว และ ส.ต.ท.เกิดภูมิ โมรา สายตรวจ สน.บางพลัด ไดรับแจง
จากนายประพจน มาประกอบ อายุ ๔๘ ป อยูบานเลขที่ ๕๔๑ แขวงและเขตบางพลัด กทม.
ใหชวยจับกุมนายคําสิงห หรือ ทองคํา สิงหราช ผูตองหาคดียักยอกทรัพยสรอยคอทองคําน้ํา
หนัก ๓ บาท และเงินสดอีก ๒๐,๐๐๐ บาท โดยไดแจงความคดีดังกลาวไวกับ ร.ต.ต.สมชาย
ศรพล รองสว.ส.สน.บางพลัด เมื่อวันที่ ๔ พ.ค. ทีผ ่ านมา

ร.ต.ท.สมชาย ธรรมสารตระกูล รอยเวรสายตรวจพรอมกําลัง จึงไดประสานงานกับทาง


สภ.คูคต ปทุมธานี ขออําลังมาชวยจับกุม เมื่อถึงเวลานัดหมาย พบนายคําสิงห หรือทองคํา ซึ่งมีชื่อ
จริงวา นายนพดล จักรกฤษณ อายุ ๔๔ ป อยูบานเลขที่ ๘๗/๒๒๓ ม.๖ ต.บางเมืองใหม อ.เมือง
สมุทรปราการ กับนายจํานงค อัดไชโย อายุ ๓๕ ป อยูบานเลขที่ ๖๒ หมู ๓ ต.ลําชี กิ่งอ.ฆองชัย
จ.กาฬสินธ มาตามนัดหมาย มีนายประพจน ผูเสียหายยืนยันชี้ตัวใหจับกุม จากนั้นไดควบคุมตัว
ผูตองหาทั้ง ๒ คนมาสอบสวนที่ สน.บางพลัด

นายประพจน ผูเสียหาย พรอมดวยผูเสียหายอีก ๒ คน ซึ่งขอสงวนนาม ทราบเพียง


ชื่อเลนวานางเพ็ญ และอาจารยโรงเรียนยานประโขนงอีกคน ชวยกันเปดเผยรายละเอียดของคดียักยอก
ทรัพยครั้งนี้วา สืบเนื่องจากเมื่อตนเดือน มี.ค. ๔๔ ไดรับการติดตอจากนายคําสิงห หรือทองคํา
สิงหราช ซึ่งเปนชื่อปลอม และนายจํานงความีเหล็กไหล ซึ่งเปนเครื่องรางของขลังที่ทราบอานุภาพ
ยิงไมออก แทงไมเขา หากสนใจตองการจะซื้อขาย ยินดีที่จะจําหนายให พรอมจะใหทดลองฤทธานุ
ภาพไดทันที

นายประพจน ผูเสียหายเปดเผยตอวา ตนเองมีความเชื่อในเรื่องของเหล็กไหลเปนทุนอยู


เนื่องจากกอนหนานี้เคยไดสัมผัสอานุภาพอันศักดิ์สิทธิ์ของเหล็กไหลจากพระภิกษุรูปหนึ่ง นําเหล็กไหล
กอนที่ครอบครองอยูมาพิสูจน ซึ่งตนกับพรรคพวกไดทดลองโดยการเอาไมขีดไฟจํานวน ๑๐ กลองเขา
ไปใกล ๆ ปรากฏวาไมขีดไฟทั้ง ๑๐ กลองถูกเหล็กไหลดูดกินจนไมสามารถที่จะขีดหรือจุดไฟได
แมแตกานเดียว ซึ่งในครั้งนั้นตนไดติดตอนายทุนผูหนึ่ง ซื้อเหล็กไหลกอนนั้นจากพระภิกษุไดเปน
จํานวนหลายลานบาท ไมขอเปดเผยตัวเลขที่มีการซื้อขายที่แทจริง

นายประพจนกลาวอีกวา สําหรับเหล็กไหลกอนที่นายนพดล หรือคําสิงห กับนายจํานงค


มาติดตอจะขายใหนี้ ตนไดติดตอนายทุนผานนายหนาอีกทอดหนึ่งคือ คุณสมรส มนูญญา อายุ ๖๗ ป
อยูบานเลขที่ ๑๔/๑๐๔๘ หมูบานบัวทองธานี ถ.ตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ซึ่งมีการ
ทําหนังสือสัญญากันเมื่อวันที่ ๒๖ มี.ค. ๔๔ วาจะซื้อขายวัตถุมงคล (องคพระอัศนีมรกต)หรือเหล็กไหล
กอนนี้ในราคา ๕๙๙ ลานบาท โดยที่ผูขายคือนายนพดลืหรือ คําสิงห จะตองยินยอมใหตน
และนายสมรส ทําการทดลองยิงดวยอาวุธปน เปนการพิสูจนฤทธานุภาพของเหล็กไหลกอนนี้เสียกอน
ซึ่งทางนายนพดลยินดีใหทดลอง จึงไดนัดหมายทดลองยิงกันเมื่อวันที่ ๗ เม.ย. ๒๕๔๔ ที่บริเวณปาก
ซอยสกุลชัย ๑ แขวงและเขตบางพลัด กทม.

ในวันนัดหมายดังกลาว ทางนายสมรส นายหนาตัวแทนจะซื้อขายเหล็กไหล ไดเตรียม


อาวุธปนขนาด .๓๘ มาพรอมกระสุนปน เพื่อใหทดลองยิง ทางนายนพดลหรือคําสิงห และนายจํานงค
ไดเดินทางมาตามนัดหมายพรอมดวยกอนหินเล็กกวาฝามือนิดหนอย โดยระบุวากอนเหล็กไหลนั้นบรรจุ
อยูภายใน จึงไดมีการทําพิธีบวงสรวงเทพยดาฟาดินกอนการทดลองยิง โดยนายนพดลเปนผูทําพิธี
กลาวเปนภาษาบาลีสันสกฤต จับความไมได จากนั้นไดใหนายสมรส เจาของปนหยิบปนและกระสุนปน
ที่เตรียมมาเองทดลองยิงดวยตัวของนายสมรสเอง
๙๙๖

เหยื่อแกงตมตุนกลาววา ปรากฏวาการทดลองยิง จํานวน ๒ นัดแรก กระสุนปนไมลั่น


แมแตนัดเดียว ทุกคนที่อยูพากันเชื่อถือเหล็กไหลกอนนี้ไปกวา ๙๐% จึงขอทดลองยิงนัดที่ ๓ ตอ
แตนายนพดล หรือคําสิงห ไมยอมใหทดลองยิงนัดที่ ๓ อางวาตกลงกันไวเพียงแคนี้ หากตองการ
ทดลองยิง หรือตองการซื้อ จะตองเอาเงินสดมามัดจําจํานวน ๔ แสนบาท พรอมทองคํา น้ําหนัก
๙๙ บาท มาทําพิธีบูชาเทพผูประทานเหล็กไหลเสียกอน ตนและผูเสียหายรายอื่น ๆ ที่อยูในเหตุการณ
ตางตกลงที่จะทําการทดลองยิงนัดที่ ๓ จึงไดมีการเอาสรอยทองของตัวเองออกมาให แตยังไมครบ
จํานวนน้ําหนัก ๙๙ บาท ซึ่งนายนพดล หรือ คําสิงห อางวามีผูอื่นพรอมที่จะมอบทองคําจํานวนที่
เหลืออีกใหครบจํานวน ๙๙ บาทแลว แตขอผัดไปทดลองวันอื่น พรอมกับเอาสรอยคอทองคํา
น้ําหนัก ๓ บาทของตนไป หลังจากนั้นก็หายหนาไป ตนจึงมาแจงความ สน.บางพลัดวาถูกนาย
นพดล หรือคําสิงห ยักยอกเอาทรัพยคือสรอยคอทองคําน้ําหนัก ๓ บาทไปกับเงินสดอีก ๒ หมื่นบาท

นายประพจนกลาววา จากนั้นไดรับทราบจากเพื่อนในวงการวาไดรับการเสนอขาย
เหล็กไหล จากนายนพดล หรือคําสิงหอีก โดยมีการเรียกเงินทองกอนการพิสูจน ซึ่งเปนพฤติกรรม
แบบเดียวกับที่คนเคยเจอมา จึงไดประสานขอกําลังจาก ร.ต.ท.สมชาย ธรรมสารตระกูล นํากําลังไป
ซุมจับกุมนายนพดล หรือคําสิงห ที่หางสรรพสินคาเซียร รังสิต ซึ่งนายนพดลไดนัดเหยื่ออีกรายไป
มอบเงิน ๑.๕ แสนบาท เมื่อถึงเวลาผูตองหาทั้ง ๒ คน ก็มาตามนัด ตํารวจจึงไดเขาจับกุม คนในตัว
ยังพบกอนหินสีดําขัดมันขนาดเทาไขนกกระทา หุมดวยหินคลายเปลือกอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งนายนพดล
อางวาเปนเหล็กไหล จึงยึดเอาไวเปนของกลาง

นายประพจนและผูเสียหายอีก ๒ คนมาที่ สน.บางพลัด ตางตองการที่จะเอาคืน


สรอยคอทองคํา และเงินสดที่ถูกยักยอกเอาไปกอน ซึ่งคดีดังกลาวเปนคดีที่สามารถยอมความกันได
ทางเจาหนาที่ตํารวจ สน.บางพลัดจึงอนุญาตใหนายนพดล ติดตอ น.ส.แหมม แฟนสาวหาเงินสดมา
เคลียรคาเสียหายที่ยักยอกไป ซึ่งน.ส.แหมมหาเงินมาไดเพียง ๑ หมื่นกวาบาท ทางเจาทุกขรายอื่น
ที่ไมไดรับเงินจึงพากันแจงความเพิ่มเติม

ร.ต.ต.สมชาย ศรพล รอยเวรเจาชองคดี กลาววาคดีนี้ยอมความกันได หากมีเจาทุกข


เพิ่มเติมและทองที่อื่นแจงอายัดตัวผูตองหามา เราก็พรอมที่จะอายัดเพื่อดําเนินคดีทันที เบื้องตน
ตํารวจสามารถควบคุมตัวไวแค ๔๘ ชัว่ โมง จากนั้นตองสงตัวไปขออํานาจฝากขังตอศาล ผูตองหา
สามารถ ขอประกันตัวไดในวงะเงินคนละ ๓ หมื่นบาท ถายื่นขอประกันตัวมาเราก็ตองใหความยุติธรรม
ใหเขาประกันตัว เบื้องตนเชื่อวานาจะมีผูเสียหายที่ถูกหลอกลวงขายเหล็กไหลใหในลักษณะเดียวกันนี้
ตก เปนเหยื่ออีกหลายราย จึงขอฝากประกาศผานหนังสือพิมพวา หากใครเคยถูกผูตองหาทั้ง ๒ คนนี้
หลอกลวง ขอใหติดตอขอดูตัวและยืนยันชี้ตัวดําเนินคดีที่ สน.บางพลัดได

ดาน ร.ต.ท.สมชาย ผูจ  ับกุม เปดเผยวา ตัวผูตองหาไดรับสารภาพวา ซือ


้ กอนหิน
ดังกลาวมาในราคากอนละ ๓๐๐ บาท วิธีการจะใหเหยื่อทดลองยิงโดยใหเอาปนมาเอง กระสุนปน
มาเอง เพื่อจะไดเชื่อมั่นวาไมถูกหลอก จากนั้นก็จะหาโอกาส ถาจับไดปนกอนก็จะแอบทําใหเข็มแทง
ชนวนปนคดหรือบิดเบี้ยวเสียกอน เวลายิงจะไดกระสุนปนไมลั่น หรือถาไมมีโอกาสก็จะแอบเปลี่ยน
กระสุนปนที่ตระเตรียมมา โดยกระสุนปนที่เตรียมมาเปนกระสุนปนที่แชแอลกอฮอลไวจนกระสุนดาน

ผูสื่อขาวรายงานวา นายนพดล หรือคําสิงห ผูตองหาจะรับสารภาพตอหนาตํารวจเทานั้น


แตกับผูสื่อขาวกลับอางวาเปนความสามารถของตัวเขา ที่คํานวณทุกอยาง ทั้งกํานดเวลา วิธีการยิง
ตลอดจนการควบคุมจิตใจผูทดลองยิง ซึ่งทุกอยางเมื่อเปนไปตามที่กําหนดแลว การยิงทดลองกระสุน
ปนจะไมลั่นอยางเด็ดขาด หลังจากการคุยโมโออวดเสร็จ แตไมมีเงินมาเคลียรกับผูเสียหายรายอื่น
และไมมีเงินประกันตัว นายนพดลหรือคําสิงห และนายจํานงค ตองคอตกเดินเขาไปนอนหองขัง
รอเจาทุกขรายอื่นที่เตรียมทยอยมาแจงความดําเนินคดีตอไป
๙๙๗

ขอมูลจากหนังสือพิมพขาวสด ฉบับวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๔๔ ปที่ ๑๑


ฉบับที่ ๓,๘๑๑ ไดติดตามขอมูลจากแกงตุน “เหล็กไหล” วา ที่แทศิษย อ.ชํานาญจอมตุน
เหล็กไหลระดับชาติ

ภายหลังจากการสอบปากคําผูตองหาเสร็จสิ้นแลว พ.ต.ท.สมภพ นพคุณ สว.สส.สน.


บางพลัด เปดเผยวา จากการสอบสวนทางผูตองหาไดรับสารภาพวาเฉพาะเรื่องของเหล็กไหลนั้น
เปนความเชื่อของแตละบุคคล เปรียบเหมือนเรื่องของแกงปลอมพันธบัตร หรือขุมทอง ตามที่เปน
ขาวไปกอนหนานี้ ในเรื่องของเหล็กไหลก็จะมีขั้นตอนและขบวนการของการครอบครองเหล็กไหล
เปนตัวเดินเรื่องเพื่อตมตุนเหยื่อที่หลงเชื่อ ซึ่งในเรื่องนี้ทางผูตองหารับสารภาพวา ที่ผานมาไดเรียนรู
จากนายชํานาญหรืออาจารยชํานาญ นักตมตุนเหล็กไหลชื่อดังของเมืองไทย ซึ่ง ท.พ.วิชิต ตริชอบ
เคยนําเรื่องมาเลาให “พนมเทียน” เขียนหนังสือรวมเลมมาแลว

ปจจุบันนายชํานาญเสียชีวิตแลว โดยตัวนายชํานาญ จะเปนผูเชี่ยวชาญในเรื่อง


การตมตุนเหล็กไหลเปนอยางยิ่ง และเปนผูที่มีความรูเกี่ยวกับขั้นตอนการครอบครองเหล็กไหล
รวมทั้งรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับเหล็กไหลจนสามารถสรางความเชื่อถือใหกับเหยื่อ จนตองเสีย
เงินเสียทองไปเปนอันมาก นอกจากนี้ยังมีลูกศิษยอีกมากมาย ซึ่งนายชํานาญไดสั่งสอนกลวิธีตาง ๆ
ในการตมเหยื่อจนตองเสียเงิน ซึ่งผูตองหาก็เปนหนึ่งในกลุมลูกศิษยที่แยกตัวออกไปหากินภาย
หลังจากอาจารยชํานาญเสียชีวิตแลว

พ.ต.ท.สมภพ กลาววา กลวิธีที่ทางผูตองหาสารภาพวา แลวแตวิถีทางของแตละกลุม


ที่โอกาสจะเขามา วามีใครจะหลงเชื่อตกมาเปนเหยื่อ ทางแกงก็เดินทางไปพบทันที เมื่อพบเหยื่อแลว
ก็จะหวานลอมแสดงกลจนหลงเชื่อ จากนั้นก็จะใชวิธีการหาเงิน ในขั้นตอนที่จะขอซื้อเหล็กไหล
เชน ขบวนการตัดกรรม ทําพิธีซื้อ ทีต
่ องมีคาใชจายเปนจํานวนมาก ตั้งแตหลักหมื่น-แสนบาท ที่เหยื่อ
อางเสียใหขบวนการเพื่อนําเงินไปทําพิธี โดยจะหลอกเหยื่อใหรวมลงทุนอีกดวยวา ใหจายเงินไปกอน
และจะจายใหภายหลังเมื่อมีการซื้อขายแลว บางวิธีเหยื่อกเสียเงินไปแลวเปนจํานวนมาก แตไดวัตถุ
อะไรมาก็ไมทราบ

สว.สส.สน.บางพลัด กลาวอีกวา ผูตองหารับสารภาพอีกวาเพิ่ง ไดเงินไปเพียง


๑๕๐,๐๐๐บาท เพื่อนําไปทําพิธีบางอยางและมีผูรวมขบวนการแค ๒ คนเทานั้น ปกติแลวแกงตาง ๆ
เหลานี้จะมีผูรวมขบวนการนอยและมีไมเกิน ๓ คน ตอการตมเหยื่อ ๑ ครั้ง เนื่องจากไมตองใชตัวละคร
ชวยเยอะก็หลอกได สวนการดําเนินคดีเจาหนาที่ยังไมอนุญาตใหประกันตัว ซึ่งเชื่อวาอาจมีเจาทุกข
ที่เคยถูกหลอกไปกอนหนานี้เขาแจงความเพิ่มเติมกับผูตองหาอีกหลายราย และทีผานมาไดมีการ
ติดตอมาแลว ๒ ราย แตเปนเรื่องที่เกิดในพื้นที่อื่นจึงแนะนําใหเดินทางไปแจงความที่สถานีตํารวจ
เจาของพื้นที่ ซึ่ง สน.บางพลัดก็อยูระหวางการติดตอ เพื่ออายัดตัวผูตองหาดําเนินคดีเพิ่มเติม
และจะขยายผลเพื่อหาผูรวมขบวนการนี้

ตอมาวันเดียวกันนี้ เจาทุกขคือ นางโสมนัส ไมเรียว ไดเดินทางเขาพบพนักงาน


สอบสวน สน.บางพลัด พรอมทั้งไดนําสลิปการโอนเงินผานธนาคารไทยพาณิชย สาขาชิดลม
ไปยังบัญชีเงินฝากของ ม.ล.สรรเสิญ สุขสวัสดิ์ เมื่อวันที่ ๒๓ เม.ย. จํานวน ๕ หมื่นบาท
ซึ่งในเรื่องดังกลาวทางนางโสมนัส ใหการวารูจักกับ ม.ล.สรรเสิญ ที่อางตัววาเปนรองเลขาฯ
พรรคธรรมประชาธิปไตย และรูจักกันในวงการซื้อขายเหล็กไหล ซึ่งที่ผานมานั้นตนเคยเห็นการ
ซื้อขายเหล็กไหลมาแลว ๕ ครั้ง ก็เลยมีความเชื่อจนในครั้งนี้ไดดรับการติดตอใหเปนตัวกลางที่
จะมีการซื้อขายกันในวงเงิน ๕๐๐ ลานบาท

นางโสมนัสกลาวา ทางกลุมที่ตมตุนใหตนไปทําพิธีตัดกรรมกอน และพิธีตัดกรรมนี้


ตองใชเงินเปนมูลคาถึงแสนบาท แตตนไมมีเงิน ทาง ม.ล.สรรเสิญบอกวา จะชวยออกใหตนกอน
๕ หมื่นบาท ตนจึงโอนเงินไปใหดังกลาว ตอมากอนจะมีการจับกุมตน ก็ตอ  งเสียเงินไปอีก ๑.๕
แสนบาท ใหกับแกงดังกลาว เพื่อนําไปทําพิธี เซน โดยเงินจํานวนนี้ตนไดสอบถามไปทางผู
๙๙๘

ตองหาแลว ไดแจงกับตนวาหมดไปแลว เนื่องจากตองเสียเงินคาทําพิธีมากมาย เชน ตองนําไปซื้อ


วัว ควาย ปลอยเพื่อทําบุญ ไมเชนนั้นจะไมสามารถครอบครองเหล็กไหลได กอนจะคิดไดก็ตองสูญ
เงินไปแลวถึง ๒ แสนบาท กอนจะคิดไดก็ตองสูญเงินไปแลวถึง ๒ แสนบาท จึงอยากจะนําสลิปมา
มอบใหทางเจาหนาที่ตํารวจไวเปนหลักฐาน เพื่อใหดําเนินคดีเพิ่มเติมกับผูตองหาที่เหลือ

สนิมเหล็กไหล
ขาวจากหนังสือนิตยสาร “พระเกจิ” ปที่ ๒ ฉบับที่ ๒๘ วันที่ ๒๐ ต.ค. ๓๗ โดยสําเริง
มณีวงศ ไดเขียนลงในคอลัมย “ทางกรรม” เมื่อคราวไปเขียนเรื่องประวัติและเรื่องราวของ
“ถ้ําเชียงดาว” ในปลายป ๒๕๓๕ เพื่อลงในนิตยสารฉบับหนึ่ง

คุณเพชร กันทาดี ประชาสัมพันธจังหวัดเชียงใหมในขณะนั้นไดอํานวยความสะดวก


ในการเดินทางใหเปนอยางดี ชวงหนึ่งในขณะที่รับประทานอาหารรวมกัน ไดมีโอกาสสนทนากัน
ถึงเรื่องราวประหลาดเรื่องหนึ่งซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไมนานมา และเกี่ยวของกับตัวคุณเพชรพอสมควร
ในฐานะผูอยูรวมและรับรูดวย

เมื่อคุณเพชร กันทาดี เดินทางไปรับตําแหนงประชาสัมพันธจังหวัดเชียงใหมแรก ๆ


ประมาณ ป พ.ศ. ๒๕๓๕ ก็ไดรับฟงเคามูลของเรื่องนาสนใจอยูเรื่องหนึ่งนั่นคือ “ขาวของเหล็กไหล”
ร่ําลือกันวามีกะเหรียงคนหนึ่งอยูแถบชายแดนไทย-พมาของอําเภอฝาง สามารถพาผูตองการซื้อไป
พบเจาของเหล็กไหลไดและยินดีจะใหพิสูจน เหล็กไหล ทุกอยางเพื่อใหเกิดความแนใจกอนตกลง
ซื้อขายกันในราคาตั้งแตหนึ่งลานบาท ขึ้นไป

ขาวเหล็กไหลสรางความสนใจอยางมากกับคุณเพชร บังเอิญระหวางนั้นอาจารย
พงศเทพ ชูพินิจ (ปจจุบันถึงแกกรรมแลว) เดินทางจากเมืองแพรโดยพาเสี่ยผูร่ํารวยมาจากกรุงเทพฯ
ดั้นดนขึ้นไปถึงเมืองฝาง ทั้งนี้ดวยการสงขาวเรื่องเหล็กไหลจากลูกนองคนหนึ่งของอาจารยนั่นเอง

เมื่อทุกอยางพรอมก็มีการเดินทางจากตัวอําเภอฝางไปตามเสนทางของ กรป.กลาง
ที่สรางไวไปสูหมูบานคนโรคเรื้อนที่ทางการเปลี่ยนชื่อเสียใหม วา..”หมูบานอรุโณทัย” อยูภายใต
การควบคุมดูแลของตํารวจตระเวณชายแดนจนไปสิ้นสุดเอาที่หมูบาน “หนองอุก” สุดเขตแดนสยาม
หมูบานแหงนี้เต็มไปดวยพวกจีนฮอทั้งนั้นแตฟงและพูดภาษไทยพอรูเรื่อง

การติดตอเจรจาซื้อขายเหล็กไหลดังกลาวจะตองผานหนามาซึ่งเปนกะเหรี่ยง โดยกลุม
ที่เดินทางไปซื้อตองลงทุนเดินดวยเทาเปลาอีกทอดหนึ่งในปาลึก แลวพักรออยูบนกระทอมหลังหนึ่ง
ของชาวกะเหรี่ยง ปลอยใหกะเหรียงหนามาเดินลัดปาไปหาเจาของเหล็กไหลกินเวลากวา ๓ ชั่วโมง
ทั้งกะเหรียงหนามาและเจาของเหล็กไหลถึงไดมาถึงกระทอม ผูที่เปนเจาของเหล็กไหลเวลาพูดคุยกัน
มักไมคอยสบหนา ปลอยใหหนามาอธิบายสลับกัน

สรุปแลวก็ตกลงที่จะใหทดลองความศักดิ์สิทธิ์กันดวยการทําพิธีเสียกอน จากนั้นก็จะ
ใหผูซื้อจอยิงเหล็กไหลในระยะใกลตามแตจะเลือก ถากระสุนไมออกก็เปนอันตกลงซื้อขายกันใน
ราคา หนึ่งลานบาท แตมีเงื่อนไขวาสถานที่ทดลองและทําพิธีนั้นจะตองทํากันที่ลานกวางโดย
เจาของเหล็กไหลจะเปนฝายพาไป

ทุกคนเดินทางกันเปนกลุมตามเจาของเหล็กไหลซึ่งอยูไมไกลนัก หางไปทางตะวันตก
อันเปนที่ราบเชิงเขา กอนที่จะมีการทดลองนั้น เจาของไดเปดตลับสีน้ําเงินเขมกํามะหยีอ
่ อกมา
ซึ่งตลับนี้ซุกซอนอยูในกระบอกไมไผมีผาดิบพันปากกระบอกอีกชั้นหนึ่ง เจาของคอยบรรจงหยิบ
วัตถุกอนหนึ่งสีทึบคลายทับทิมขนาดเทาเม็ดลําใยใหทุก คนดูอยางระทึก เมื่อขอจับดูรูสึกหนัก
และเย็นชื้นเหมือนกอนน้ําแข็งสมกับของหายากยิ่งที่ ทุกคนปรารถนาเมื่อไดสัมผัสของจริงกันดวย
๙๙๙

ทั่วพอใจแลวพิธีจึงเริ่มขั้น บริเวณลานกวางนั้น ดานหนาออกไปมีการตั้งแทนบูชาสูงราวหนึ่งเมตร


มีผาขาวคลุมโตะจรดพื้นดิน บนแทนนี้มีพานสีเหลืองวางอยู ผูทดสอบจะตองเดินไปที่แทนนี้แลววาง
ปนไวบนพานเหลือง แลวเดินหันหลังออกมาเจ็ดกาวรอจนกวาการกลาวคาถาพิธีเสร็จจึงคอยหันหลัง
กลับไปหยิบปนได คาถาศักดิ์สิทธิ์นี้เพื่ดอความคมขลังของเหล็กไหลมีความยาวเกือบสิบนาที

ผูที่จะทําหนาที่ทดสอบครั้งนี้คือ คุณเพชร กันทาดี ผูมีความถนัดในเรื่องการใชปนสั้น


เพราะไดรับความเห็นชอบจากทุกคน ปนพกรีวอลเวอรจุด ๓๘ กระบอกหานิ้วนั้นเปนปนพกประจําตัว
ของเสี่ยจากกรุงเทพฯ ผูที่จะซื้อเหล็กไหลนั่นเองมีประสิทธิภาพรอยเปอรเซ็นต เมื่อไดเวลาก็เริ่มทําพิธี
โดยเพชร กันทาดี เดินถือปนกระบอกนั้นไปวางไวบนพานเหลืองแลวหันหลังกลับมาชา ๆ ระหวางนั้น
ตัวเจาของเหล็กไหลก็เริ่มสวดคาถาซึ่งฟงแปลก ๆ ไมรูเรื่องยาวนานเกือบสิบนาทีทีเดียว พอเสร็จสิ้น
ก็ใหสัญญาณ ใหเพชร กันทาดี ไปหยิบปนได ประชาสัมพันธจังหวัดเชียงใหมเดินอาด ๆ เขาไปยัง
แทนพิธีหยิบปนพกกระบอกนั้นขึ้นมาพรอม ๆ กับเจาของเหล็กไหลเริ่มเปดตลับนําเอาไปวางไวบนตอ
ไมขนาดใหญแหงหนึ่งซึ่งมองเห็นวัตถุสําคัญนั้นถนัดชัดเจน ทุกคนกรูกันเขามุงดู เพชร กันทาดี
ยกปนขึ้นจอเหล็กไหลในระยะใกลเพียงกึ่งฟุตแลวสับไกทันที

แชะ แชะ แชะ แชะ แชะ แชะ

ทุกคนระทึกตื่นเพริดเพราะลูกกระสุนไมระเบิดจากลํากลองแมสักนัดเดียว พากันขนลุก
เกรียวไปตาม ๆ กันและเชื่อในอภินิหารความศักดิ์สิทธิ์ของเหล็กไหลอยางทวมทน โดยเฉพาะเสี่ยผูซื้อ
เขาถึงกับกระโดดโลดเตนดวยความยินดีปรีดา เมื่อพิสูจนเหล็กไหลกันแลวก็นัดหมายการจายเงินกัน
ผูขายขอรับเพียงเงินสดอยางเดียว รุงขึ้นทุกอยางก็เรียบรอยโดยจายกันสด ๆ ในเมืองฝางผานหนามา
ชาวกะเหรี่ยงที่ไดรับมอบหมาย

เมื่อเลามาถึงตรงนี้ประชาสัมพันธจังหวัดเชียงใหมหยุดชั่วครูดวยการยกแกวเบียรที่เย็น
เจี๊ยบขึ้นดื่ม สอดดวงตามองมายังผูเขียนอยางหนักหนวงเหมือนจะคาดคั้นคูสนทนาที่กําลังตื่นเตน
กับเรื่องที่เลา “ก็คงจบแคนี้” ผมสรุปเอาดื้อ ๆ เมื่อเห็นวาผูซื้อผูขายตางก็สมปรารถนาของตนแลว
แต “มันเปนของเก”

เพชร กันทาดี เผยเคล็ดลับอยางตอเนื่องอีกวา เสี่ยจากกรุงเทพฯพอไดของดีไปแลวก็บินกลับเขา


เมืองหลวงจัดพิธีเลี้ยงพรรค พวกใหญโต นําเหล็กไหลที่ไดมาหนึ่งลานบาทออกมาโชวดวยแถมทา
ใครตอใครใหพิสูจน คราวนี้เหล็กไหลวิเศษแหลกยอยยับแทบเปนผุยผงเมื่อเจอเขากับลูกตะกั่วจาก
ลํากลอง ๓๕๗ สีเงินยาว เสี่ยใหญหนาแตกจนแทบเสียสติเปนบา รอนถึงอาจารยพงศเทพผูอาสา
พาไปซื้อ ตองหวุดหวิดเขาคุกดวยขอหารวมกันหลอกลวง ทั้ง ๆ ที่ตัวอาจารยก็ถูกหลอกไปดวย

ในที่สุดก็ไดความจริงวาเปนแกงที่หลอกตมคนมาหลายครั้งแลว หาใชเปนกะเหรี่ยง
จีนฮอ แตประการใด คนไทยดวยกันนี่แหละปลอมเปนพวกชาวเขาเพื่อใหดูขลังสมจริง

“ฮาว ทําไมตอนทดลองครั้งแรกปนจึงไมลั่น” เพชร กันทาดี มองหนาผูเขียนอยางละหอย


ละเหี่ย เอยอยางเหน็ดเหนื่อย

“ความจริงสภาพปนในวันนั้นดีทุกอยาง แตถูกคมตะไบเฉือนที่ปลายนกจนทูมันจะเสียบ
ถึงลูกไดยังไง”

“อาว” ผูเขียน งง เหมือนตาบอดคลําหัวเหนา

“เรื่องมันเปนยังงี้ ตอนที่ผมเดินหันหลังกลับจากวางปนบนพานทองเหลืองแลว
คนที่ซอนตัวอยูหลังโตะซึ่งซอนตัวอยูหลังโตะซึ่งซอนตัวอยูในหลุมที่ ขุดเตรียมการณก็โผลมือขึ้นมา
๑๐๐๐

ควาปนลงไปในหลุมและทําการใชตะไบฝนนกปนจน ทูเสร็จแลวรีบเอาขึ้นมาไวอยางเดิม มันทํางาน


รวดเร็วมาก ถึงวามันย้ําวาถาคาทําพิธียาวถึงเกือบสิบนาที เพิ่งรู”

แตผลกรรมตามทันเพราะเสี่ยที่เสียรูไ ปหนึ่งลานนั้น อยูไมนานก็ร่ํารวยจากกิจการไดมากกวาหลายเทา


เก็บความแคนไวเงียบ ๆ ไมประโตกประตากเปนขาวทางสื่อมวลชนเพราะกลัวไก จะตื่นเสียกอน

“เสี่ยทํายังไงครับ” เพชร กันทาดี หัวรอหึ ๆ ในลําคอ ดวงตาลุกเปนประกายวาวขึ้นมาฉับพลัน

“เสี่ยทิ้งระยะเวลาผาน เงียบไปชวงหนึ่ง ก็จางนักฆามืออาชีพปลอมตัวไปเจรจาซื้อ


ถึงที่ผานการทดสอบทําพิธี แลวก็จับมัดกะเหรี่ยงปลอมและผูรวมแกงทั้งหมดเอาเหล็กไหลอันวิเศษ
ของพวก มันซึ่งทําจากแกวธรรมดายัดใสปากใหอมเพื่อทดสอบความขลัง ลากตัวขึ้นรถตูควบตะบึง
ไปทางดอยสะเด็ดที่เปลี่ยว นําตัวเอามานอนเรียงกันแลวจางนักขับแรกเตอรชั้นเซียนบดขยี้ดวยตีนลอ
ยักษจมธรณีไปหลายศอก เปนขาวที่เงียบที่สุดหนังสือพิมพไมเคยรู เรื่องนี้เอาไปเขียนไดแตอยาง
ระบุชื่อจริงของเสี่ย ผมนั้นไมเสียหายเพราะไมมีสว นรวมรูการฆาคนพวกนี้ ไมรูไมเห็นอะไรทั้งสิ้น
เพราะเลาลือกันมาอยางนั้น” นั่นคือเรื่องราวตาง ๆ เกี่ยวกับการ ซื้อ-ขาย เหล็กไหลที่ปรากฏเปน
ขาวก็มีรูกันใน วงแคบ ๆ ไมแพรงพรายตอบุคคลภายนอกก็มาก จึงเปนขอคิดสะกิดเตือนใจทาน
ผูแสวงหาเหล็กไหล ไดโปรดใชวิจารณญาณของทานพิจารณาใหดี เพราะเมื่อมีของจริงของปลอม
ก็ยอมมีไดเหมือนกัน

ขอสังเกตุ จากเรื่องราวเหลานี้ จะเห็นไดวาขบวนการหากินในเรื่องเกี่ยวกับ เหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์


หรือเหล็กไหลพญานาค ไดอาศัยสิ่งที่ทําเทียมและเลียนแบบจาก แกวธรรมดาหรือแกวที่ตกผลึก
ออกเรขายตามวัดวาอารามตาง ๆ หรือบุคคลที่หลงไหลศรัทธาในธาตุกายสิทธิ์เหลานั้น โดยกลวิธี
ในรูปแบบตาง ๆ ที่เราทานคาดไมถึงใหเห็นเปนจริงเปนจัง หากทานเจาอาวาสองคใดหลงไหลไป
ตามกระแสของพวก ๑๘ มงกุฎเขา โดยเขาใจวาสิ่งที่ไดมานั้นเปนของกายสิทธิ์ชนิดหนึ่งจริงดังกลาว
อางแลว นํามาเผยแพรตอ ก็อาจทําใหของเทียมกลายเปนของจริงขึ้นมาโดยรูเทาไมถึงการณก็ได

พระอาจารยสิทธากับเหล็กไหลวัดถ้ําแฝด

เมื่อคราวที่พระอาจารยสทิ ธา เชตะวัน ไดมากราบและขอชม


เหล็กไหลของวัดถ้ําแฝดจาก หลวงพอสัมฤทธิ์นั้น ทานชมทั้ง
เหล็กไหลตาแรด และ เหล็กไหลฤาษี ไปพรอมกัน ดังนั้น
เมื่อไดวิเคราะหเหล็กไหลตาแรดไปแลว คราวนี้ทานจึงไดหันมา
สนใจ เหล็กไหลฤาษีทันที โดยใชหลักการของ ไสยพุทธ
ศาสนา ๗,๐๐๐ป ซึ่งเมื่อทองบนสาธยายมนตแลวก็จะเกิด
ญาณรูเห็น แบบมนตรยาน โดยมีสัมมาสมาธิเปนบาทฐาน
ไมใชมิจฉาสมาธิ

เพราะฤาษีถือศีลพรหมวิหาร ๔ เครงครัดมาก มีศล ี ธรรมสูงจะไปเรียกวา


เปนพวกมิจฉาทิฎฐิไมไดเมื่อตายไปแลวก็ไปเกิดเปนพระพรหมบนพรหมโลก
เพราะประพฤติพรหมจรรยเหมือนพระภิกษุเหมือนกัน เหล็กไหลประเภทนี้
มีสภาพเหมือนกับแรโลหะประเภทหนึ่งที่มีสีมันวาวแกมเทาและสีอื่นๆ
ดูดติดกันเหมือนแมเหล็กแตแรงกวา แตขั้วแมเหล็กชี้ไปทางทิศ
ตะวันออก เพราะไมวาทานจะจับหมุนอยางไร เวลาหยุดก็จะหันไป
ทางทิศตะวันออกตลอด
๑๐๐๑

ดวยเหตุผลวา เหล็กไหลฤาษี มีองคเทพผูรักษาเปนปูฤาษี ที่ทรงฌาณ จึงปรากฏอานุภาพ ทั้งทาง


เมตตามหานิยม โชคลาภ แคลวคลาด คงกระพัน แปลกและนาทึ่งเมื่อเวลานําเอาเหล็กไหล ๒ กอน
มาวางใกลกันจะวิ่งเขาหากันหรือมีแรงดึงดูดติดกันอยางรวดเร็วและรุนแรงมาก อีกอยางหนึ่ง ฤาษีทาน
บูชาไฟ ก็จะบูชาพระอาทิตยดวย ดังนั้นเหล็กไหลชุดนี้จึงแปลกที่หันไปทางทิศตะวันออกเสมอ

เหล็กไหลฤาษีและเหล็กไหลเงินยวงนี้ หลวงพอสัมฤทธิ์ไดเก็บรักษาไวนานแลว โดยที่ ยังไมเคยมอบ


ใหกับใครมากอน แตเนื่องจากทานเริ่มการกอสราง อาคารปฏิบัติธรรม และ รูปเหมือนพระโพธิสัตว
กวนอิม ทําใหตองเรงหาเงินทุนมาดําเนินการกอสราง จึงไดตัดสินใจนําเอาเหล็กไหลชุดพิเศษนี้
ออกมาใหชมบารมีกัน สุดแทแตวาสนาผูมีบุญเทานั้นจึงจะมีสิทธิครอบครอง

คุณสมบัตพ
ิ ิเศษของเหล็กไหล

จากการทดสอบของ พระอาจารยสิทธา เชตะวัน ทานไดใหการวิเคราะหถึงเหล็กไหลฤาษี


และ เงินยวง นี้วา

· พลังดึงดูดเหมือนแมเหล็กแตแรงกวามาก

· ถานําองคเหล็กไหลทรง รักบี้ หรือ ดอกบัวตูม วางไวบนพื้นที่เรียบและสะอาด


จะพบวา เหล็กไหลจะหมุนตัวเองและหยุดนิ่งในแนวทิศตะวันออก ซึ่งแตกตาง
จากแมเหล็กทั่วไป ที่ขั้วแมเหล็กจะชี้ไปทางทิศเหนือเทานั้น

· พลังกระแสคลื่นแมเหล็กที่ปรากฏนั้น พบวาไดมีการประจุพลังปราณหรือ
กระแสปราณ ซึ่งเปนกระแสพลังของคาถาอาคมหรือพลังสมาธิจิตระดับฌาณ

พลังปราณ

พระอาจารยสิทธา เชตะวัน ไดอธิบายขยายเรื่องพลังปราณนี้ตอไปวา ตามปกติพลังปราณหรือกระแส


ปราณจะมีอยูโดยธรรมชาติในผืนดินหรือทองฟา เปนกระแสพลังงานตามธรรมชาติ เปนพลังลึกลับ
มี อํานาจแผกวางไปทั่วสากลจักรวาลอันไมมีขอบเขต พวกโยคีหรือฤาษีเปนผูคนพบปราณและให
ความเชื่อถือในพลังปราณยิ่งนัก ในทางวิทยาศาสตรกลาววา พลังปราณเปนกระแสคลื่นแมเหล็ก

โยคีที่สําเร็จ โยคึภูมิชั้นสูง ซึ่งเทียบเทา จตุตถฌาณ และ อภิญญา ๕ กลาววา


พลังปราณหรือพลังกระแสคลื่นแมเหล็กที่ประจุเขากับวัตถุอิทธิ เชน พระเครื่องและของขลัง พลังปราณ
หรือกระแสคลื่นแม เหล็กธรรมชาติ จะวิ่งโคจรแผรัศมีกวางไปรอบ ๆ พระเครื่องและของขลังนั้น
อยูตลอดเวลา กอใหเกิด แมกเนติคฟลด หรือ พลังสนามแมเหล็กขึ้น และเกิดสูญญากาศดวย เมื่อมีภัย
อันตรายใด ๆ พลังกระแสแมเหล็กหรือพลังปราณนี้จะปองกันอันตรายนั้น ๆ ใหหมดสิ้น เปนไปตามแรง
อธิษฐานจิตของผูประจําพลัง

พลังอิทธิเวทย

พระเครื่องรางของขลังที่ไดรับการปลุกเสก หรือบรรจุพลังจากพระเกจิอาจารยผูทรง
พลังจิตแลวยอมปรากฏอานุภาพออกตามที่ทานไดอธิษฐานจิตไว เกี่ยวกับเรื่องนี้ พระอาจารยสิทธา
เชตะวัน ซึ่งไดมาสัมผัสกับเหล็กไหลวัดถ้ําแฝด ไดใหทัศนะหรือการวิเคราะหในเรื่องพลังของวัตถุ
มงคลที่ทรงอานุภาพไวดวย เหตุดังนี้
๑๐๐๒

พระเครื่องของขลังที่ไดรับการ บรรจุพลังปราณหรือพลังแมเหล็กดวยอํานาจสมาธิจิต
ของพระเกจิอาจารย จะทําใหพระเครื่องของขลังนั้นประจุแนนไปดวยพลังปราณ และจะแผรังสีออกมา
โคจรหมุนวนออกไปรอบ ๆ พระเครื่องของขลังนั้นตลอดไป (ยกเวนจะถูกนักเลงดีคัดถอนเอาดวยวิชา)
เมื่อมีกระสุนปนพุงตรงเขามาก็จะถูกรังสีของพลังปราณทําใหเปนไปคือ

· ลดแรงผลักดันของกระสุนปนอยางเฉียบพลันใหออนตัวลงแฉลบไปทางอื่น เรียกวา
”แคลวคลาด”

· แรงผลักดันของกระสุนปนจะออนกําลังลง แตกระสุนพุงเขากระทบรางกายคลาย
ถูกขวางปาดวยกอนหิน แตไมใชเขาผิวหนังเพียงแตเปนจุด

๑. ถารูสึกเจ็บเปน คงกระพัน

๒. ถาไมเจ็บเลยเปน คงกระพันชาตรี

๓. เหตุที่รูสึกเจ็บหรือไมเจ็บเกิดขึ้นจากพระเครื่องของขลังนั้นแผรังสีไปกระทบ
ตอมแอดเดรนัลในรางกาย ตอมแอดเดรนัลจะขับสารหรือธาตุเหลวชนิดหนึ่ง
ออกมา กอใหเกิดประกายไฟฟาวิ่งไปทั่วทุกเซลล กลามเนื้อเกร็งตัวขึ้นอยาง
ฉับพลัน ขณะเดียวกันก็ไปกระตุนกระแสจิตใหรวมตัวเปน ขณิกสมาธิแกกลา
เฉียด ๆ อุปจารสมาธิ และอํานาจพลังสมาธินั้นจะสัมปยุตเปนเหนึ่งเดียวกับรังสี
พลังปราณตากพระเครื่องชองขลัง

พลังปราณนั้นถาแรงกลา รังสีปราณจะสัมปยุตกับพลังจิตซึ่งเปนธาตุรู เมื่อจิตที่เปนธาตุ


รูสัมปยุตกับพลังปราณนั้นสัมผัสรูวา กําลังมีคนมาลั่นไกปนใสดวยเจตนาประสงคราย รังสีปราณก็จะพุง
สวนทางไป ทําใหเกิดชองวาง หรือ “อวกาศ” ขึ้นระหวางเข็มแทงชนวนกับแกปปน ทําใหนกสับเข็ม
แทงชนวนเบาลง ปนก็ไมลั่น เรียกเปน “มหาอุด”

อนึ่งในกรณีที่ยิงออกแตปากกระบอกปนแตก เปนเพราะจิตอันเปนธาตุรู สัมปยุต


กับรังสี ปราณ บันดาลใหกระสุนระเบิดทําลายปากกระบอกปนเปนการสั่งสอน เปนเรื่องของจิต
ซึ่งเปนธาตุรูคิดรูกระทํานี้ เปนความลึกลับซับซอนมหัศจรรย มันทํางานอยางมีระบบพิสดารยากที่เรา
จะเดาออก แตเมื่อเราคอย ๆ ศึกษาเรียนรูไปเรื่อย ๆ สักวันหนึ่งก็คงจะเขาใจไดเองในเรื่องมหัศจรรยนี้

บารมีเหล็กไหลฤาษี

เรื่องนี้หลวงพอวัชระ ในขณะที่ทําหนาที่เปนพระเลขาของหลวงพอสัมฤทธิ์ไดเลาถึง
ประสพการณที่ เกิดขึ้นกับตนเอง เกี่ยวกับฤทธิ์อํานาจพลังแหงเทพพรหมผูรักษาเหล็กไหลฤาษี
จากการที่ไปเกี่ยวของกับธาตุกายสิทธิ์เหลานี้และไดไปลวงละเมิดเขาโดยไมไดตั้งใจ เพราะมิไดมี
เจตนาจะปรามาส หรือ ลบหลูตอสิ่งศักดืสิทธิ์หรือเทพพรหมผูรก ั ษาเหล็กไหลฤาษีแตประการใดไม

เมื่อกอนเขาพรรษา ในป ๒๕๓๕ นับเปนครั้งแรกที่ หลวงพอสัมฤทธิ์ ไดเริ่มจัดสราง


วัตถุมงคลหลายรูปแบบ เพื่อมอบใหเปนที่ระลึกและสมนาคุณแดผูมีจิตศรัทธา รวมทําบุญกอสราง
อาคารปฏิบัติธรรมและพระโพธิสัตวกวนอิม สิ่งหนึ่งที่ทานไดนําออกมาใหบูชาก็คือ เหล็กไหลตาแรด
เหล็กไหลฤาษี เหล็กไหลเงินยวง โคตรเหล็กไหล สิ่งที่นาทึ่งและเปนที่สนใจของสาธุชนทั่วไป
ก็คือ เหล็กไหลฤาษี ดวยวามีคุณสมบัติพิเศษแตกตางจากเหล็กไหลประเภทอื่น คือมีพลัง
สนามแมเหล็กคอนขางสูง สามารถดูดติดกันเหมือนแมเหล็กแตแรงกวามาก อีกทั้งยังหมุนตัว
และหยุดนิ่ง บนพื้นที่สะอาดและเรียบ แตจะหันขั้วไปในทางทิศตะวันออก แตกตางจากแมเหล็กทั่วไป
ที่จะหันไปทางขั้วทิศเหนือเสมอ
๑๐๐๓

ในฐานะที่ทานรับผิดชอบดูแลการจัดทําและจัดสรางวัตถุมงคลชุดตาง ๆ ของวัด
ก็เลยมักจะตองคอยตอบคําถามตาง ๆ ของญาติโยมที่มีจิตศรัทธามาทําบุญดวย สิ่งหนึ่งที่เปนที่สนใจ
มากก็คือ “เหล็กไหลฤาษี” หลายทานก็อยากชมวามันจะหมุนตัวและหยุดนิ่งไปทิศตะวันออกได
อยางไร

หลวงพอวัชระ ทานก็เลยมีหนาที่อัญเชิญเหล็กไหลขึ้นมาเหนือตูกระจก แลวจับองค


ทานหมุนปนอยางแรง จนหมุนติ้วหลายรอบ แลวคอย ๆ คลายความเร็วลงจนคอย ๆ หยุดนิ่งไปเอง
และมันก็จะขยับตนเองหันองคเหล็กไหลไปทางทิศตะวันออกเปนประจํา ทําใหอดตื่นเตนไมได
เพราะนั่นเปนเรื่องแปลกประหลาดมหัศจรรยที่เราทานเพิ่งจะเคยไดยินและไดพบเห็น วัน ๆ ทาน
ก็จับองคเหล็กไหลหมุนอยูเชนนี้เปนประจํา

ตอมาประมาณ ๒ สัปดาห หลวงพอวัชระทานรูสึกเวียนศรีษะอยางแรงจนนั่งไมติด


ฉันยาแกปวดแก ไขก็แลว ก็ยังคงมีอาการวิงเวียนอยู จะวาเปนไขก็ไมเชิง เพราะไมมีอาการตัวรอน
แตอยางใด เปนอยูเชนนั้นถึง ๒ วัน อาการมึนศรีษะก็ไมหาย ก็รูสึกวามันผิดปกติ หลวงพอวัชระทาน
ก็เลยมานั่งนึกพิจารณา ใจก็มีความรูสก ึ วาตนเองนาจะทําอะไรผิดสักอยาง ก็มานึกถึงอาการวิงเวียน
ศรีษะกับการหมุนองคเหล็กไหลฤาษี ทําใหรูสึกเอะใจ ก็เลยจุดธูป ๕ ดอก บอกกลาวขอขมาตอเทพ
ผูรักษาเหล็กไหลวา ทานมิไดมีเจตนา หรือหากจะทําการสิ่งหนึ่งสิ่งใดเปนการไมสมควร

โดยรูเทาไมถึงการณแลวละก็ ขอไดโปรดงดโทษใหดวยเพราะกระทําลงไปดวยความรูเทา
ไมถึงการณ หลังจากจําวัดคืนนั้นแลว ในรุงเชาการวิงเวียนที่รูสึกผิดปกตินั้นก็หายไปเปนปลิดทิ้ง
โดยทานไม ไดฉันยาแมแตนิดเดียว ทําใหหลวงพอวัชระมีความมั่นใจในอํานาจความศักดิ์สิทธิ์
ของเหล็กไหลมากยิ่งขึ้น

เหล็กไหลกับการนั่งสมาธิ
ดังนั้นเมื่อหลวงพอวัชระทานมีเวลาเจริญสมาธิภาวนา ก็เลยจะเอาองคเหล็กไหลฤาษี
ขนาดตาง ๆ หมุนเวียนกันมาอธิษฐานจิตในขณะนั่งสมาธิ ปรากฏวาไดสัมผัสกับพลังลี้ลับจากเหล็กไหล
อีกครั้งหนึ่ง ทานเลาวาขณะที่นําเอาเหล็กไหลฤาษีมาวางบนมือเวลานั่งสมาธินั้น จะรูสึกมีพลัง
อันศักดิ์สิทธิ์พุงแผผานลงมาจากกลางกระหมอมกระจายไปทั่วรางกาย จนรูสึกชาและเย็นซาบซาน
ไปทั่วสรรพางคกายเลยทีเดียว แตถาไมไดนําเอาเหล็กไหลมานั่งดวยแลว จะไมมี จะมีความรูสึก
เปนปกติไมมีอาการชาหรือสัมผัสกับพลังพิเศษเลย

ครั้งหนึ่งทานไดนําเหล็กไหลฤาษีองคใหญมาก มานั่งสมาธิแลวอธิษฐานจิตขอพรจาก
ปูเหล็กไหลฤาษี ดวยกัน ๓ ขอคือ

๑. ขอใหขาพเจาไดมีปญญาดวงตาเห็นธรรมเหมือนอยางพระอริยะเจาในอดีต

๒. ขอใหขาพเจาไดครองผากาสาวพัสตรไปนาน ๆ

๓. ขอใหขาพเจาไดมีโอกาสศึกษา มนตราและวิชาความรู เพื่อจะไดชวยสงเคราะห


เคราะหญาติโยมตอไปในภายภาคหนา

หลังจากนั้นไมถึงเดือน ก็มีลูกศิษยของ หลวงพอฤาษีลิงดํา วัดทาซุง ไดมาเยิ่ยมเยียน


หลวงพอสัมฤทธิ์ และไดมีโอกาสนั่งสนทนากับหลวงพอวัชระในขณะนั้น พอดีมีญาติโยมมาติดตอบูชา
วัตถุมงคล หลวงพอวัชระก็เลยไปดูแลแนะนําวัตถุมงคลใหกับญาติโยม พอเสร็จธุระก็มานั่งสนทนา
กันตอ ก็เลยทราบวาชายผู นั้นทํางานเปนพนักงาน ธนาคารกสิกรไทย สนญ. สําเร็จวิชากสิณ ๑๐
จากหลวงพอฤาษี วัดทาซุง
๑๐๐๔

หลังจากนั้นชายผูนี้ก็เอยขึ้นวา เมื่อกี้ปูฤาษีทานมาบอกวา หลวงพี่จะสําเร็จในสิ่งที่


อธิษฐานบางขอในเร็ว ๆ นี้ ก็เลยถามโยมผูชายไปวา ปูที่ไหน ก็ปูเหล็กไหลนะซี เมื่อกี้มายืนสนทนา
อยูที่ตรงนี้ และฝากบอกผานถึงหลวงพี่ดวย

พอไดยินแลวก็ขนลุกซูขึ้นมาทันที เพราะสิ่งทีอ
่ ธิษฐานไวกับปูเหล็กไหลนั้น เปนเรื่อง
เฉพาะตัวที่ไม เคยแพรงพรายใหกับใครมากอน เพราะในขณะนั้นยังถือวาเปนผูบวชใหมอยู การปฏิบัติ
ตาง ๆ ก็ยังไมคืบหนาเทาที่ควร วิชาความรูที่จะเอามาสงเคราะหญาติโยมก็ยังไมมี จึงไดอธิษฐาน
ขอพรจากทาน แลวทําไมชายหนุมคนนี้ถึงไดอางอิงถึงไดถูกตอง ก็มั่นใจวาคงเปนปูเหล็กไหลมาจริงๆ
เพราะเคยมีประสพการณบางอยางมาจาก ปูเหล็กไหลฤาษี ชุดนี้มาแลว

ฤาษีจากเขาบรมโกฐ
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ เดือน พฤษภาคม ๒๕๔๐ ผูพิพากษาหนุมจาก ธัญญบุรี ไดมีโอกาสมาเที่ยว
ที่วัดถ้ําแฝด และไดมีโอกาสสนทนาธรรมกับ หลวงพอวัชระ ปรากฏวาทานผูนี้เปนนักปฏิบัติธรรมที่มภ ี ูมิ
จิตภูมิธรรมสูงพอสมควร จนสามารถเขาออกจากฌาณไดอยางคลองแคลว

เคยสื่อกับ “หลวงปูเทพโลกอุดร”และไดรับคําสั่งสอนทางธรรมจากทาน จนมีพลังจิต


กลาแกรงพอสมควรสามารถตรวจสอบพุทธคุณและพลังจากธาตุกายสิทธิ์ตาง ๆ ไดดีมาก
ภายหลังไดสนทนาธรรมกันนานพอสมควร หลวงพอวัชระจึงไดมอบ “เหล็กไหลฤาษี” ของวัดถ้ําแฝด
ขนาดเม็ดหนําเลี๊ยบไป ๑ องค เมื่อไดสอบถามถึงเรื่องราวและความเปนไปของเหล็กไหลชุดนี้
ไดพอสมควร จึงไดเริ่มอธิษฐานจิตขอชมบารมีของเหล็กไหลองคที่มอบใหนี้ทันที ชั่วอึดใจใหญ
เทานั้นเอง มือที่กําลังอัญเชิญ “เหล็กไหลฤาษี” ก็คอย ๆ ชูสูงขึ้น แลวสบัดขึ้นสูงลงต่ํา กวัดแกวง
ดวยทาทีที่สวยงาม บางครั้งมาหยุดอยูที่หนาอก แลวก็คอยเลื่อนชูขึ้นเหนือศรีษะ สวนนัยตา
คงหลับพริ้มเหมือนคนนั่งสมาธิ เพียงครูตอมาอาการเหลานี้ก็คอยเบาลง เห็นทานผูพิพากษาคอย ๆ
ผอนลมหายใจคลายมือและสมาธิออก พอลืมตาขึน ้ ทานก็กลาวกับหลวงพอวัชระวา แรงเหลือเกิน
รับพลังของทานไมไหว รูสึกถึงพลังอันหนักหนวง พุงลงสูทรวงอกจนรูสึกอึดอัด แนนหนาอกจนทน
ไมไหว จําเปนตองอาราธนาทานใหคลายกอน และดีเดนทั้งดานเมตตามหานิยม มหาอํานาจ
แคลวคลาด คงกระพัน มหาอุดและโชคลาภ ใครมีบูชาไวจะไมจน สามารถคุมครองผูบูชาติดตัวไว
ใหปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง ทั้งอมนุษย ทั้งหลายไมกลามากล้ํากราย

ตอมาประมาณ ๒ สัปดาห ทานผูพิพากษาผูนี้ไดยอนกลับมา ที่วัดถ้ําแฝดอีกครั้งหนึ่ง


และไดรายงานหลวงพอวัชระใหทราบถึงเรื่องราวประหลาดอันเกิดจากการไดบูชา “เหล็กไหลฤาษี”
องคดังกลาววา เมื่อกลับมาถึงบานก็ไดนําเหล็กไหลไปตั้งบูชาไวที่หนาโตะหมูอยางดี และปกติก็
จะนั่งกรรมฐานที่หนาโตะหมูบูชานี้เปนประจํา

จําไดวาวันนั้นเปนวันพระ ขณะที่กําลังนั่งสมาธิตามปกติ ก็ไดพบปูฤ


 าษี ๒ ตนมาปรากฏ
อยูในนิมิตร องคหนึ่งแตงกายนุงหมดวยชุดคลายลายเสือ อีกองคหนึ่งแตงกายดวยชุดสีขาว
ไดใหคําแนะนําและอบรมสั่งสอนในเรื่องราวตาง ๆ หลายอยาง ในนิมิตขณะนั้นไดกราบเรียน
ถามทานไปวา หลวงปูมีนามวาอะไร และอยูที่ไหน

ปูฤาษีทานไดตอบวา ทานชื่อ “โสกัญจะ” สวนอีกองคหนึ่งทานชื่อ “ยัสสีสะ” เปนมหาฤาษี


ผูบําเพ็ญฌาณอยูเขาบรมโกฐ ทานทั้งสองเปนผูที่รักษาเหล็กไหลชุดนี้อยู ปูฤาษีโสกัญจะ ทาน
นุงหมเปนหนังเสือดาว แตออกเปนสีขาว ซึ่งแสดงถึงญาณบารมีทานสูง จนรังสีกายปรากฏ
สวางขาวจนนึกวาทานนุงหมดวยชุดขาว
ปูฤาษี ยัสสีสะ ทานนุงหมเปนหนังเสือดาว สียอมฝาดเปนสีกลักเหมือนจีวรพระ
ในคืนตอมาไดนิมิตถึง “หลวงปูโลกอุดร” ทานมาแนะนําในเรื่องการปฏิบัติตามปกติ กอนจะไปได
บอกกับ ทานผูพิพากษาวา “แตนี้ไปหลวงปูคงจะไมคอยไดมาสอนอีก ใหเรียนวิชาจากครูใหม
ทั้ง ๒ องค เพราะทานเกงทั้งดานฤทธิ์และอภิญญา”
๑๐๐๕

บารมีเหล็กไหลฤาษี
เหล็กไหลฤาษีเปลี่ยนสีเองได

เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฏาคม ๒๕๔๓ คณะศิษยจากกรุงเทพฯ โดย คุณสมหมาย สามปน และคุณปาริฉัตร


ณ สงชลา ไดพาเพื่อน มาฝงเหล็กไหลฤาษีที่วัดถ้ําแฝด โดยหลวงพอวัชระ เปนผูทําพิธีฝงให
ชวงหนึ่งในการสนทนา คุณสมหมาย ไดเอยถามหลวงพอวัชระขึ้นวา หลวงพอจําเหล็กไหลฤาษี
ที่หลวงพอมอบใหไดไหม ผมมีเรื่องแปลกมหัศจรรยจะเลาถวาย เพราะปกติไมเคยเชื่อถืออะไร
แบบงมงาย แตเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ เปนเรื่องจริงตอหนาเพื่อน ๆ ทุกคนที่พามาฝงเหล็กไหลในวันนี้

เมื่อตอนตนเดือน ที่บานของคุณปาริฉัตร ขณะทีท ่ ุกคนกําลังรวมวงสนทนากันดวยเรื่องทั่ว ๆ


ไปฉับพลันคุณปาริฉัตร ก็เกิดอาการเหมือนมีองคเทพมาผานราง คําถามแรกที่ทานถามก็คือ
ทานมาไกล ไมเห็นมีใครนําอะไรมาตอนรับกันเลย คุณสมหมายเองปกติจะมีสัมผัสพิเศษเกี่ยวกับ
เรื่องแปลก ๆ อยางนี้อยูบาง เกิดความรูสึกเหมือนวาเปนปูเหล็กไหลมา ก็เลยนําน้ําผึ้งแกวใหญ
มาถวาย ปรากฏวารางนั้นไดดื่มน้ําผึ้งลงไปรวดเดียวหมดแกวทันที หลังจากนั้นทานก็ชวนสนทนา
และเลาเรื่องตาง ๆ ใหฟงอยางมากมาย และเปนดังที่คุณสมหมายคาดคิดไวแตแรกจริง
เพราะปูเหล็กไหลทานมาสนทนาดวยจริง ๆ

เหล็กไหลเงินยวงบินได
คุณนัฐจักษ คําสัณห อายุ ๖๓ ป จบโท ดานเกษตรศาสตร จากมหาวิทยาลัย มิดเดิ้ลเบอรี่
รัฐเวอรมอนด สหรัฐอเมริกาเคยผานงานทั้งในประเทศและตางประเทศหลายแหง มาในป พ.ศ.๒๕๐๗
ไดเขาไปสัมผัสเรื่องราวของสิ่งลี้ลับตางๆ โดยเฉพาะเรื่องราวเกี่ยวกับอิทธิฤทธิ์ และปาฏิหาริยมีพลัง
สมาธิดีมากผูหนึ่ง สามารถสัมผัสเรื่องราวที่ละเอียดได ไดมีโอกาสเขาไปใน เขมร ลาว โดยเฉพาะแถบ
ภูเขาควายไดพบครูบาอาจารยผูชํานาญเรื่องเหล็กไหลทานหนึ่ง จนไดพบเหตุการณที่ระทึกใจ ลึกลับ
มหัศจรรยเปนปรากฏการณที่แปลกประหลาดอยูเหนือธรรมชาติความดีทั้งปวง รูไดเฉพาะตนเทานั้น

ในเอกภพนี้ ผูที่ศึกษาหลักธรรมพรอมทั้งไดปฏิบัติตนตามคําสอนของพระพุทธศาสนา
อยางลึก ซึ้งยอมจะชัดเจนถึงความลึกซึ้งในเรื่องอํานาจจิต อํานาจความศักดิ์สิทธิ์ อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย
ฤทธิ์อํานาจ รวมทั้งความมหัศจรรยทั้งหลาย คือ "คัมภีร พระสุตตันติปฏก" ตอนที่วาดวยอิทธิคาถา
ในพระสูตรเลมที่ ๓๑ บางครั้งทําใหคิดถึงเรื่องราวที่ชาวตางชาติเขาพยายามศึกษาเรื่องของเหล็กไหล
เพื่อที่จะนําไปใชประโยชนที่ลึกล้ําหลายตอหลายครั้งที่ทานไดพบและเผชิญกับบุคคลเหลานั้น
และเขาก็ไดกันหลายชิ้นแตในที่สุด เหล็กไหลที่วานั้นก็กลับคืนมาสูเจาของเดิมในที่สุด และก็ตอง
คืนเงินนั้นกลับไปก็มี แตเขาเหลานั้นก็ยังไมละความพยายามทีจ ่ ะเอาเปนกรรมสิทธิใหได

ปญหาเหลานี้ทําใหรูสึกจนดวยเกลาฯ เพราะในวงการธุรกิจปจจุบันนี้ จะมีอะไรที่เปนวัตถุ


และมีราคาสูงทําใหเขาเหลานั้น พยายามพลิกแพลงหรือหาวิธีการตางๆนานา เพื่อที่จะนําเอาธาตุ
กายสิทธิ์เหลานี้ไปใหได โดยการใหราคาที่สูงลิบ แตไมคอยประสบผลสําเร็จแตประการใด
เรื่องราวตางๆ เหลานี้ มิใชเปนเรื่องเหลวไหลไรสาระเลยหากแตวาเราจะเขาไปถึงปรากฏการณ
จริงหรือไมเทานั้น

กรณีเหล็กไหลเงินยวงของ คุณเกื้อกูล บูรณพันธ กอนหนักราว ๓ บาท สีเหมือนเงิน


เงาวับ คุณนัฐจักษ ไดนําไปทดลองยิงกับคุณณรงค จารุสายนต และคุณกฤษ บุญพิเชษฐ
ดวยปน .๓๘ จํานวน ๓ นัด ปรากฏวายิงออกทุกนัด แตเสียงปนที่ไดยินนั้นเบามากเหมือนลูก
กระดาษ ที่เด็กๆเอามาอัดใสกระบอกไมไผแลวยิงเลนดังปุๆๆ ทุกนัดเหมือนแรงขับกระสุนจะนอย
หรือยังไงก็ไมทราบ พอจะเดินหยิบเอาเปาที่ตั้งยิงมาดูผลนั้น ฉับพลันปรากฏเปนลําแสงสีขาวหวีด
ดังหางยาวตอไปตอหนาทุกคนที่อยูในเหตุการณ ทั้งๆ ที่ไดเอาเหล็กไหลนั้นปดทับดวยเทปอยาง
๑๐๐๖

หนาแนนยากที่จะลวงหลนไดบริเวณที่ยิงก็เปนลานกวาง ไดพยายามหากันจนทั่ว ก็ไมพบเปนที่


อัศจรรยใจ คุณนัฐจักษ เชื่อวาเหล็กไหลตระกูลตางๆ นาจะมีเจาของมากมาย ที่เราจะตองใชจิต
พิสูจนจึงจะพบกับความจริงในสิ่งที่ลี้ลับอยางนี้ได ขอความเหลานี้เปนทัศนะของทานผูประสพ
กับความแปลกประหลาดมหัศจรรย อยูเหนือกฏเกณฑธรรมชาติจนไดประสพอภินิหารย
อํานาจอิทธิฤทธิ์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ นับวาเปนธาตุกายสิทธิ์ที่ถูกสรางขึ้นมาจากอํานาจลึกลับที่มี
พลังอํานาจสูงสุดในโลกนี้ การสัมผัสที่แนนอนก็คือการสัมผัสดวยจิตของผูที่ปฏิบัติไดดีแลวเทานั้น
จึงจะทราบวา เหล็กไหลเหลานี้ เปนเพียงเหล็กกอนธรรมดาหรือธาตุกายสิทธิ์ที่มีคาที่สุดในโลก
สําหรับเหล็กไหลเงินยวง ที่คุณณัฐจักษ ไดทดลองนั้นเปนเหล็กไหลเงินยวง ที่คุณเกื้อกูล บูรณพันธ
ไดรับไปจาก พระอาจารยวัชระ เอกวัณโณไปนั่นเอง สอบถามขอมูลเรื่องราวเหลานี้ไดจากคุณเกื้อกูล
บูรณพันธ ธนาคารกรุงไทย ศูนยชัยนาท

เหล็กไหลฤาษีลองหนไดจริงหรือ
ทางวัดถ้ําแฝดโดย หลวงพอสัมฤทธิ์ ไดมอบเหล็กไหลฤาษี ทรงหนําเลี๊ยบ ๒ องคให
กับหลวงพอสุรเสียง วัดปาโนนแทน จ.มหาสารคาม เพื่อสมทบทุนหารายไดสราง วัดปาแกงเลิงจาน
ซึ่งเปนวัดในความดูแลของทาน ญาติโยมไดทราบเขาก็สนใจอยากรูวา เหล็กไหลฤาษี ลักษณะเปน
อยางไร บางคนเห็นแลวก็อยากทดลองวาเปนเหล็กไหลจริงหรือไม ก็ไดมีผูใหญบาน ซึ่งมีอดีตเปน
มือเพชรฆาตระดับมีดีกรี แตปจจุบันไดรับใชชาติบานเมือง มีความชํานาญและแมนยําในอาวุธทุกชนิด
ไดแอบนําเอาไปทดลองกันหลายคน คือทดลองยิงดวยปน.๓๕๗ ยิงในระยะหางไมเกิน ๒ เมตร
ซึ่งเปนระยะเผาขนไมพลาดแนๆ พอยิงนัดแรกปรากฏวาไมถูก นัดที่สองเสียงปนดูเหมือนแผวเบาลง
จนผิดสังเกตุ นัดที่สามปรากฏวาอาวุธประจํากาย ซึ่งดูแลรักษาอยางดีเทาชีวิต มีอันเปนไปคือยิง
ไมออกหรือยิงไมได หรือปนจะเสียขึ้นมาอยางกระทันหันแบบไมนาจะเปนไปได จึงไมกลาทดลอง
ตอไปอีกเพราะครบ ๓ นัด เกรงจะเปนการปรามาสเทพรักษา เหล็กไหลเกิน จึงไดทําพิธีขอขมาโทษ
ไมใหเปนเวรกรรมแกตนสืบไป

หลวงพอสุรเสียงไดเดินทางไปพบครูบาอาจารยฝายกรรมฐานหลายทาน เพื่อพิสูจน
กอนเหล็กที่ไดมาวาเปนอยางไร ทุกองคก็บอกวาเปนของดี เก็บรักษาใหดีแลวกัน จนพบสหธรรมมิก
รูปหนึ่ง พักอาศัยอยูแบบพระธุดงคภายในถ้ําแหงหนึ่งแถบ จ. สกลนคร เพื่อลงพลังใหเขมแข็ง
เปนถึงขั้นมหาอุด คือยิงไมออก หลังจากที่ไดฝากของไวจนครบกําหนดแลวก็ยอนกลับไปขอรับ
เหล็กไหลฤาษีคืน แตทวาสหธรรมิกองคนั้นไดกลาววาของนั้นไดเกิดอันตรธานหายไปแตเมื่อไหร
ก็ไมทราบ สงสัยเจาของจะใชคาถาเรียกกลับไปแลว ก็ไมเปนที่ตกลงใจได เพราะหลวงพอสุรเสียง
ทานก็คลางแคลงใจวาจะเปนอยางที่กลาวหรือไม จึงไดตัดสินใจเดินทางไปที่วัดถ้ําแฝดอีกครั้ง
เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เหล็กไหลลองหน กลับมาที่เดิมหรือไม แตเนื่องจากทางวัดก็ไดเก็บใส
รวมกันไว และก็ไมไดนับจํานวน นอกจากนี้ยังมีลักษณะคลายคลึงใกลเคียงกัน จึงยากแกการจดจํา
ทางวัดจึงไดถวายองคใหมใหแกทานเพื่อสมนาคุณผูทําบุญตอไป

นับวาเปนเรื่องแปลกรายที่สองที่ปรากฏขึ้นในลักษณะเดียวกัน ดวยเปนบุคคลที่พึง
เชื่อถือได เพราะทานเปนครูบาอาจารยที่พุทธศาสนิกชนรูจักกันดี เปนพระกรรมฐานและเปนเจา
คณะอําเภอกันทรวิชัย ฝายธรรมยุติ ดังนั้นสิ่งที่ทานไดคุยใหฟง จึงเปนสิ่งที่นาทึ่งและนาสนใจ
ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับเหล็กไหลฤาษีชุดนี้ตอไปเชนกัน
๑๐๐๗

เหล็กไหลนําโชค
ชายคนหนึ่งที่เคยบูชา เหล็กไหลฤาษี เม็ดขนาดหัวแหวนเล็กๆ ซึ่งราคาไมสูงนัก
ไป ๑๐ เม็ด พรอมทั้งขอวิธีการบูชาไปจึงไดนําไปบูชาดวยความศรัทธาตั้งมั่น ดวยประสงคอยากได
โชคลาภเพื่อแกไขปญหาทางการเงินที่ตนประสบอยู ตอมาเพียง ๒ สัปดาห ก็ไดกลับมาขอบูชา
เม็ดใหญกวาเดิมในราคาเม็ดละ ๑๐,๐๐๐ บาท ไปอีก พรอมทั้งเลาเรื่องราวคราวๆ วา หลังจากบูชา
เหล็กไหลฤาษีไปแลว ก็ไดบันดาลใหไดเงินมาประมาณ ๒ แสน บาท ซึ่งในชีวิตตนเองยังไมเคย
มีโชคลาภกับเขามากอนเลย แตพออธิษฐานขอจาก ปูพรหม ฤาษีผูรักษาเหล็กไหลตามที่แนะนําไป
ก็ไดเงินมาแบบไมคาดฝนมากอน จนนําไปแกปญหาเรื่องการเงินได แถมยังมีเงินเหลือทําอยางอื่นอีก
แตเนื่องจากในขณะนั้นมีญาติโยมมาทําพิธีเสริมดวงกันหนาแนนและเขามาแทรก การสนทนา ทําให
เสียดายที่ไมไดขอมูลรายละเอียด วาไดมาอยางไร จึงทําใหไมมีโอกาส สอบถามเรื่องราวใหละเอียด
กวานี้ได แตผูบูชาไปแลวมั่นใจวาเกิดจากอํานาจของเหล็กไหลฤาษี ที่บูชาไปนําโชคลาภมาใหตาม
ที่อธิษฐานแนนอน จึงไดยอนมาบูชาองคใหญไปอีก

เหล็กไหลชวยการคาขาย
คุณสาคร วงคประเสริฐ อยูบา นเลขที่ ๖๗/๓๕๙ หมู ๑ ซ.แจงวัฒนะ ๑๐ ทุงสองหอง
หลักสี่ กรุงเทพฯ โทร. ๐๒ - ๕๗๓๙๔๕๐ ไดมาฝงเหล็กไหลฤาษี เมื่อเดือน กรกฎาคม ๔๓
เพื่อขอบารมีจากปูเหล็กไหล ชวยดานเมตตาคาขาย เพราะตนเองมีอาชีพขายครีมทาสิวฝา

ปรากฏวาเมื่อไดฝงไปแลวประมาณ ๑ เดือน ไดสังเกตตามที่หลวงพอไดแนะนําไว


วันไหนที่มีอาการคันบริเวณองคเหล็กไหลที่ฝงไว วันนั้นจะขายดีเปนพิเศษ สังเกตวาเปนอยางนี้
หลายครั้ง จนมั่นใจในประสพการณ จึงไดมาฝงเหล็กไหลตาแรดอีกขางหนึ่งดวยความมั่นใจ

เหล็กไหลฤาษีกับการบําบัดโรค
เรื่องนี้หลวงพอวัชระกลาววา ในระยะหลังนี้มีผูที่ฝงเหล็กไหลแลว หายจากอาการ
โรคภัยไขเจ็บได อยางนาอัศจรรย เชน โรคเบาหวาน ความดัน หอบหืด มาฝงเหล็กไหลกันจากปาก
ตอปาก ซึ่งหลวงพอเองไดรับฟงจากผูมาเลาหลายราย ครูบาสิงหโต จากวัดพระธาตุสน ุ ันทา อ.เมือง
จ.เชียงใหม ทานไมเคยรูจักวัดถ้ําแฝดมากอน แตไดรับเหล็กไหลฤาษีจากลูกศิษยคนหนึ่งมอบถวาย
ใหบอกวาเปนเหล็กไหลฤาษีจากวัดถ้ําแฝด ตัวทานนั้นมักจะเปนโรคปวดเขามานาน วันหนึ่งทาน
นําเหล็กไหลมาพิจารณาอยู ก็รูสึกปวดหัวเขาขึ้นมาอยางแรง ก็เลยลองเอาเหล็กไหลจี้ลงไปบริเวณ
ที่ปวด ปรากฏวาอาการเจ็บปวดที่เปนอยูหายเปนปลิดทิ้ง

อาทิตยตอมาทานจึงรีบเดินทางไปที่วัดถ้ําแฝดทันที ถึงบริเวณวัดแตเชามืด
เมื่อไดแนะนําตัวและสนทนากับหลวงพอวัชระแลว ทานก็ตัดสินใจฝงเหล็กไหลฤาษีทันที ครูบาทาน
เลาวา ทานบวชมาตั้งแตเปนสามเณร และไดมีโอกาสไปจําพรรษาอยูในประเทศพมาหลายป จนทาง
บานคิดวาทานเสียชีวิตไปแลว แตดวยความมุงมั่นที่จะแสวงหาสัจจธรรมอยางเอาชีวิตเปนเดิมพัน
ทําใหทานขาดการติดตอกับญาติโยมทางเมืองไทยไปเลย ระหวางอยูในพมานั้นทานไดมีโอกาส
รวมปฏิบัติธรรมกับ ครูบาเทือง ครูบาลุม ซึ่งอยูในวัยเดียวกัน ในที่สุดก็ไดเดินทางกลับสูเมืองไทย
อีกครั้งหนึ่ง

ทานเองนั้นมีโรคหอบหืดประจําตัวมาตั้งแตเด็ก ปกติแลวอากาศทางภาคเหนือคอนขาง
เย็นและหนาว ทําใหทานมีปญหาในเรื่องระบบทางเดินหายใจ เขาโรงพยาบาลทุกเดือน กอนจะมาที่
วัดถ้ําแฝด ก็เพิ่งออกจากหอง ไอซียู มา เพราะทานมาบูรณะวัดราง ทําใหมีภาระตองเดินทางไป
ตามสถานที่ตาง ๆ ตามปาเขาสูง ๆ แมกระทั่งทําพระธาตุเจดียบนยอดเขาสูงเสร็จแลว เวลาจะประกอบ
พิธีบวงสรวง ทานจะตองใชวิทยุมือถือ อานโองการ ทําพิธีบวงสรวงอยูที่ตีนเขา ไมกลาขึ้นไปขางบน
เพราะรูถึงภาวะของปญหาดานสุขภาพ
๑๐๐๘

แตหลังจากที่ทานฝงเหล็กไหลฤาษีไปแลว ประกอบกับการบําบัดรักษาจากหลวงพอ
วัชระที่ชวยแกไขให ปรากฏวาอาการเจ็บปวยที่เปนมาหลายสิบป ไดหายไปอยางนาอัศจรรย สามารถ
ไปไหนมาไหนโดยไมมีปญหา ไมตองเขาโรงพยาบาลหรือกินยาอีกตอไป ทําใหทานมั่นใจในอานุภาพ
ของเหล็กไหลฤาษีวัดถ้ําแฝดเปนอยางยิ่ง นอกจากนี้ทานยังไดแนะนําลูกศิษยของทานจํานวนมาก
ที่มีปญหาเรื่องสุขภาพ ใหมาฝงเหล็กไหลฤาษี ซึ่งหลาย ๆ คนไดรับประสพการณที่แปลกแตกตางกัน
ออกไป เชน บางคนเปนเบาหวานมานาน แตหลังจากฝงไปไมนาน ผลการตรวจเบาหวานก็ลดลง
ในระดับปกติ กินทุเรียน กินอาหารตาง ๆ ไดโดยไมตองควบคุม ซึ่งปกติทุเรียนเปนอันตรายตอผูเปน
เบาหวานมากก็ตาม ครูบาสิงหโตทานไดนําเรื่องประสพการณของลูกศิษยทานมาถายทอดใหหลวงพอ
วัชระฟงทุกครั้งที่มีโอกาสไดสนทนากัน

ดังนั้นผูบูชาไปแลวจึงมักไดพบกับเรื่องราวที่แปลกๆ และยังหาคําตอบที่ชัดเจนไมได
เชนกันบางทานปูฤาษีผูรักษาเหล็กไหลได มาทวงขอน้ําผึ้ง ผานครูบาอาจารยผูทรงฌาน เพื่อแจงตอ
เจาของเหล็กไหลก็มี บางรายไปใหครูบาอาจารยตรวจสอบพลังจิตหรือพิจารณาวิเคราะหดูวาธาตุ
กายสิทธิ์ที่ไดมานี้คืออะไรกันแน หลายทานก็ยืนยันวาเปนเหล็กไหลแนนอน เพียงแตไมถึงขั้นยืดได
หดได แตก็มีฤทธานุภาพมาก บางองคทานเพียงวางไวบนฝามือกําหนดจิตแผจิตไปยังเหล็กไหลฤาษี
ที่นําไปใหดื ก็ปรากฏวาเกิดการแปรเปลี่ยนสีเทาแกมดําหรืออมสีเขียวนั้น ไดเปลี่ยนเปนสีปกแมลงทับ
อยางชัดเจน จนขนลุกซูชูชันตั้งนาน พอหลวงพอทานคลายมือสงเหล็กไหลกลับคืนก็เปลี่ยนกลับเปน
สีเดิมอีก บางองคพอทานกําหนดจิตองคเหล็กไหลฤาษีก็จะพามือชูสูงขึ้น จนตัวทานแทบจะลอยตาม
เหล็กไหลขึ้นไปดวย ตองคลายสมาธิออก และกลาวกับศิษยที่นําไปไววา อยากไดเหล็กไหลชนิดนี้บาง

เหล็กไหลวัดถ้ําแฝด จึงเปนเหล็กไหลชนิดหนึ่งที่มีคุณคาควรแกการหาบูชาเก็บไว เพราะ


ในอนาคตแม วาเราจะมีเงินทองมากมาย และคิดจะแสวงหาเหล็กไหลชนิดนี้อีก ก็คงจะไมมีโอกาสหา
ไดงายๆ ดังเชนทุกวันนี้ ราคาบูชาเมื่อเทียบกับคุณคาแลวนับวาคุมคายิ่ง ผูที่มีวาสนาเทานั้นจึงจะมีสิทธิ
ครอบครอง จะไดรับการดลบันดาลใจใหมีสิทธิเปนเจาของหรือครอบครองเหล็กไหลชุดนี้ สวนผูไร
วาสนาจะเมินเฉยตอสิ่งเหลานี้ไปเอง และของดีเชนนี้มีจํานวนจํากัด หมดแลวก็คงไมอาจสรางขึ้นมา
ใหมหรือหาไดเชนกัน เพราะเหล็กไหลวัดถ้ําแฝดที่มีอยู ในขณะนี้ เปนของที่พระเดชพระคุณหลวงพอ
สัมฤทธิ์ไดจัดสรางและเก็บรักษาไวภายในกุฎิ และมีผูมาขอบูชาไปเรื่อย ๆ โอกาสหมดจึงมี

เทาที่ทราบมา เหล็กไหลชุดนี้มีพรรณสัณฐานตางๆ กันทั้งเล็กและใหญเหล็กไหลองค


ใหญยาวถึง ๕ นิ้ว บางองคใหญขนาดฟองไขไก ทั้งเม็ดหนําเลี๊ยบ ผลองุน ลูกฟุตบอลยอจิ๋ว รักบี้
ยอจิ๋ว แคปซูลยา ฯลฯ ซึ่งลักษณะตางๆ เหลานี้ ไดกลาวไวในตอนตนแลว

เหล็กไหลกลิ้งบนฝามือ
นอกจากนี้คุณโอ ซึ่งอยูบ
 านเลขที่ ๑๒๒ หมู ๓ ต. บางแพ อ. บางแพ จ.ราชบุรี
ผูมีประสบการณจาก เหล็กไหลเงินยวง และเหล็กไหลฤาษีที่กลิ้งตัวเองไปมาได ไดมาเลาเพิ่มเติม
เมื่อวันที่ ๒๓ เม.ย. ๓๙ พรอมกับจองเปนเจาภาพสวดพระอภิธรรมถวายแดพระเดชพระคุณ
หลวงพอ ๑ คืน ไดเลาเพิ่มเติมวาเมื่อคราวกอนหลังจากมากราบหลวงพอในงานสวดพระอภิธรรม
เมื่อตนเดือนกุมภาพันธ ๓๙ ขากลับไดถูกรถสิบลอเบียดจนเสียหลักตกไหลทางซึ่งมีระดับสูงจากถนน
พอสมควร รถปคอัพวิ่งมาดวยความเร็ว ๑๒๐ กิโลเมตร ตอชั่วโมง ไดพยายามเหยียบเบรคเต็มที่
เพราะคิดวารถคงจะตองพลิกคว่ําหลายตลบแตดวยเดชะบุญบารมีของหลวงพอ สัมฤทธิ์และเหล็กไหล
ที่นําติดตัวประจํา รถนั้นพลันหยุดสนิทขางทางกอนที่จะพุงชนปายอันใหญที่ปกอยู และคิดวาคงตาย
หมดทั้งคันรถแนนอน รวมทั้งบุตรภรรยา จึงทําใหมีความศรัทธาในเหล็กไหลฤาษีเงินยวงเปนอยางยิ่ง

ตอมาไดมีโอกาสไปเยี่ยมบานที่จังหวัดชัยภูมิ จึงไดนําเอาเหล็กไหลฤาษี ๒ องค


เหล็กไหลเงินยวง ๑ องค ไปใหหลวงปูบุญมา ถาวโร อายุ ๑๐๒ ป วัดแดนคงคาวนาราม ต. วังศรืทอง
อ.เกษตรสมบูรณ จ.ชัยภูมิ ซึ่งเปนพระเถระผูทรงคุณ มีฌาณพิเศษ ตรวจดูเหล็กไหลชุดดังกลาว
โดยที่ยังไมไดกลาววาถึงของเหลานี้วาเปนอะไร หลวงปูซึ่งคุนเคยกันดี ไดมีเมตตานําเอาของสิ่งนั้น
๑๐๐๙

มานั่งกําหนดจิตพิจารณาอยูประมาณ ๕ นาที ทานไดลืมตาแลวบอกกับคุณโอวา ทานไดยินเสียง


บอกวา “สิ่งเหลานี้เปนของศักดิ์สิทธิ์อยาเอาไปขายนะ ใหไดเฉพาะลูกเมียหรือครอบครัวตนเอง
มิฉะนั้นจะทําใหเกิดความวิบัติแกครอบครัวได" หลวงปูบอกวาทานไมเห็นตัวคนพูด ไดยินเสียงเทานั้น
จึงนับวาเปนเรื่องแปลกแตวาจริง จะสัมผัสหรือรูไดเฉพาะตนเทานั้น ถาผูนั้นมีจิตศรัทธาและเคารพ
นับถือแลว เหล็กไหลของวัดถ้ําแฝด ก็มักจะแสดงอภินิหารใหปรากฏแกผูบูชาอยูเสมอและเปนเรื่องราว
ที่เลามาจากบุคคลเดียวกัน แตตางวาระกันลวนเปนเรื่องจริงที่ควรพิจารณาอยางยิ่ง

ความเห็นของพระอริยะ
จากการที่ “รอย อริยะ” ผูเขียนบันทึกเรื่องราวของ พระเกจิอาจารย ในหนังสือนิตยสาร
“โลกทิพย” และ”โลกลีล ้ ับ” ไดนําเสนอประวัติ และปฏิปทาของ หลวงพอสัมฤทธิ์ คมฺภีโร พระผูส  ราง
ตํานานและเปนเจาตํารับการฝงเหล็กธาตุกายสิทธิ์ที่ทรงอานุภาพ เอกอุ ทําใหไดรับความเมตตาจาก
ทานและพระอาจารยวัชระ เอกวัณโณ ผูเปนพระเลขาฯในขณะนั้น มอบเหล็กไหลนานาชนิด เชน
เหล็กไหล ตาแรด เหล็กไหลฤาษี โครตเหล็กยวง เหล็กไหลขาว โครตเหล็กไหล ฯลฯ มาใหเพื่อ
เปนเครื่องปกปองอุบัติภัย ภยันตรายนานัปการที่จะกอบังเกิด อีกทั้งเปนแบบตัวอยางใหทานผูที่สนใจ
ศรัทธาไดศึกษากอนเปนปฐมทุกๆ ครั้ง ที่มีการอธิษฐานจิตปลุกเสกและไดรับเชิญไปรวมก็จะนําธาตุ
กายสิทธิ์ชุดเหล็ก ไหลนี้ไปรวมเสมอ เมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๓๙ ก็เชนกัน หลังจากเสร็จพิธี
อธิษฐานจิตโดยพระกรรมฐานจํานวน ๕๐ รูป ผูเขียน (รอย อริยะ) ไดนําวัตถุธาตุกายสิทธิ์ที่เพิ่ง
ไดรับการอธิษฐาน จิตไปสดๆ รอนๆ มอบใหพระคุณเจา หลวงปูหลวง กตปุญโญ พระเถระ
ผูทรงคุณตบะบารมีสูงสง แหงวัดปาสําราญนิวาส อ.เกาะคา จ.ลําปาง ทั้งยังเปนสหายธรรม
กับหลวงปูแวน ธนปาโล วัดถ้ําพระสบาย จ.ลําปาง ได พิจารณาดู

เมื่อหลวงปูสัมผัส “โอ ...แรง แรง ของดี ไดมาจากที่ไหนนี่"

“จากหลวงพอสัมฤทธิ์ วัดถ้ําแฝดครับ" ผูเขียนตอบ

“ ของดีมีพลังอยางนี้หายากเก็บไวใหดี " หลวงปูกลาวสัมทับพรอมทั้งบริกรรมภาวนา


ชั่วหนึ่งอึดใจ แลวเปาพรวดลงไปที่กอนเหล็กไหลฤาษีและเหล็กไหลเงินยวงกอนจะหันมากลาวกับ
ผูเขียนวา

“เหล็กไหลชุดนี้เดนในทางคงกระพัน แคลวคลาด ไมเชื่อคอยดู" หลวงปูหลวง


กลาวตอหนาผู เขียนและศิษยานุศิษยที่นั่งหอมลอมอยู ณ ตรงนั้น (ประมาณเกือบ ๑๐ คน) ทานยกมือ
ซายขึ้นเปนแนวตั้งฉากกับลําตัว ตั้งสติอธิษฐานกางนิ้วมือขวาออกจนสุด จรดนิ้วหัวแมมือขวาลงบน
ขอพับของศอก (มือซาย) วัดไปใหสุดปลายนิ้วกลาง (มือขวา) หนึ่งครั้ง (หนึ่งคืบ) ยกขึ้นวัดตอจาก
ปลายนิ้วกลางของมือขวาอีก ๑ คืบ ปรากฏวายังเหลือปลายนิ้วกลางมือซายอีก ๑ องคุลี แสดง
วา ๑ ศอกซายมือยาวกวา ๒ คืบมือขวา

หลวงปูตั้งสัจอธิษฐาน หากเหล็กไหลฤาษีและเหล็กไหลเงินยวงมีคุณสมบัตเิ ดนไปใน


ทางคงกระพันชาตรีและแคลวคลาด ขอให ๒ คืบ มือขวายาวกวา ๑ ศอกมือซาย ปรากฏวาเปน
ดังคําอธิษฐาน สรางความแปลกใจใหกับผูเขียนและสานุศิษยที่นั่งจองมองดวยความสนใจยิ่งนัก

ผูเขียนเอยถามหลวงปูขึ้นวา “เหล็กไหลทั้งสองชนิดดีเดนเพียงแคคงกระพัน แคลว


คลาดเทานัน
้ หรือครับ"

“ดีทุกอยางนัน
่ แหละ เมตตามหานิยม ปองกันภูติผีปศาจ คุณไสย เขี้ยวงาสัตวพิษ
แตจะเดนทางคงกระพันชาตรีและแคลวคลาด"
๑๐๑๐

ผูเขียนลองใหหลวงปูทดสอบอธิษฐานอีกครั้ง ผลปรากฏดังเชนเดิม ชางมหัศจรรยเปน


ประสบการณที่ไดพบเห็นมากับตัวเอง จากหลวงปูหลวง กตปุญโญ ผูเขียนตรงเขากราบนมัสการ
หลวงปูจันทรโสม กิตติกาโม วัดปาจันทรรังสี บานนาสีดา ต.กลางใหญ อ.บานผือ จ.อุดรธานี
หลวงปูทานเปนศิษย หลวงปูเทสก เทสรังสี มีอายุ ๗๔ ป และพรรษาที่ ๕๔ เมื่อผูเขียนถวาย
เหล็กไหลทั้งสองชนิดใหหลวงปูอธิษฐานแผเมตตา ทานหันมามองแบบฉงนพรอมเอยถามขึ้นวา

“ ไปเอามาจากไหนมากมายของดีอยางนี้ไมใชหาไดงายๆ "

ผูเขียนกราบเรียนตามความเปนจริงวา ไดรับมาจากหลวงพอสัมฤทธิ์ แหงวัดถ้ําแฝด

หลวงปูจันทรโสมนั่งพิจารณาอยูนาน จึงสงใหผูเขียนพรอมทั้งกลาวสัมทับขึ้นวา

“เก็บไวใหดีนะ ของดีๆ ไมใชหาไดงายๆ ตองเปนผูมีบารมีจึงจะมีไวครอบครอง


คนมีเงินเปนแสนเปนลาน หากไมรูจักคุณคาไมมีวาสนาก็ไมมีโอกาสเปนเจาของ " ผูเขียนกม
ลงกราบนอมสักการะดวยความศรัทธากอนจะลาจาก ณ ที่แหงนั้น

หลังจากนั้นไมนาน หลวงปูหลวงไดเดินทางมาเยี่ยมหลวงพอสัมฤทธิ์ที่ วัดถ้ําแฝด


เพื่อชมบารมีเหล็กไหลดวยตนเอง ซึ่งหลวงพอสัมฤทธิ์ ไดมอบเหล็กไหลฤาษีใหหลวงปูหลวง
เปนที่ระลึกดวยเชนกัน

เหล็กไหลกระตุกเตือน
นายอรรถพร กาญจนกุล อยูบานเลขที่ ๓๖/๖๙ หมู ๗ ต.คูคต อ.ลําลูกกา จ.ปทุมธานี
อายุ ๒๘ ป ไดเดินทางมาวัดถ้ําแฝด เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๔๖ เวลาประมาณ ๑๘.๐๐ น.

ปจจุบันทํางานอยูที่บริษัทยางบริสสโตน สํานักงานใหญ ที่รังสิต- ปทุมธานี ไดเลา


ประสพการณการฝงธาตุกายสิทธิ์ไวนาสนใจยิ่ง และไดมีโอกาสขึ้นมาฝงแรธาตุกายสิทธิ์(ฤาษี)
เมื่อประมาณ พ.ศ.๒๕๔๓ ( ๓ ปที่ผานมา) โดยไดใหหลวงพอวัชระฝงธาตุกายสิทธิ์ "เหล็กไหลฤาษี"
ทั้งสองขาง

มีประสพการณหลายครั้งเดนในเรื่องแคลวคลาด จากการสังเกตุของตนเองตั้งแตฝงแรธาตุ
กายสิทธิ์กับหลวงพอวัชระฯ ไป วันไหนที่จะมีอุบัติเหตุ หรือ มีเหตุรายเกิดขึ้นกับตนจะพบวาจะมีอาการ
กระตุกปวดบริเวณที่ฝงแรธาตุกายสิทธิ์ขางใดขางหนึ่ง ซึ่งบางครั้งทํางานไดรับอุบัติเหตุจากใบมีดกรีด
ยางรถยนต ซึ่งคมมาก หลุดกระเด็นโดนคิ้ว แตไมเปนไรเปนเพียงแตเปนยางบอน แตบางครั้งก็ไมโดน
แคลวคลาดไป

หลายครั้งที่มีอาการกระตุกที่แขนขางใดขางหนึ่ง จนอดคิดไมไดวาเปนอุปทานหรือเปลา
แตเทาที่สังเกตุดูแลว ก็เหมือนทานจะบอกเตือนลวงหนากอนทุกครั้งที่จะมีเหตุเกิดขึ้นเสมอ กอนที่
จะขึ้นมาในวันนี้ ไดเกิดฝนไปวา หลวงปูสัมฤทธิ์ คัมภีรโร อดีตเจาอาวาส ไดมาจับแขนทั้งสองขาง
ที่ฝงแรธาตุกายสิทธิ์ เพื่อเพิ่มบารมีให โดยไดฝนมาไดประมาณ ๓ - ๔ วันกอน จึงไดขึ้นมาเสริมดวง
เสริมบารมี และเลาประสพการณใหหลวงพอวัชระ เอกวัณโณ ทราบ

สุภาพสตรีทา นหนึ่งฝนวากําลังขับรถอยู ไดพบพระธุดงคระหวางทาง จึงไดนิมนตใหขึ้นรถ ทานบอกวา


จะไป วัดถ้ําแฝด อ.ทามวง พอเปดประตูรถใหทานขึ้นก็เกิดแสงสวางวาบขึ้นมา แลวก็มาถึงที่วัดถ้ําแฝด
ทันที คุณศิริลักษณ ประกิตติคุณ อายุ ๔๐ ป อยูบ  านเลขที่ ๔๙/๓๔ หมู ๕ แขวงทวีวฒ ั นา เขตทวี
วัฒนา กรุงเทพฯ โทร.๐๘๑ - ๓๔๕๑๔๙๑ ไดมาพบหลวงพอวัชระที่วัดถ้ําแฝด เมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน
๔๘ ที่ผานมา เธอกลาววาไมเคยรูจักหลวงพอวัชระหรือวัดถ้ําแฝดมากอน
๑๐๑๑

เรื่องราวเหลานี้เธอไดฝนเมื่อวันที่ ๑๑เม.ย. นี้เอง พอวันที่ ๑๒ เธอขับรถกลับจากตางจังหวัด


มีรถสามลอตัดหนากระทันหัน เธอรูสึกตกใจมาก แตทันใดนั้นก็เกิดแสงสวางวาบคลายมีอะไรพุงถีบ
รถสามลอคันนั้นไปใหพนทาง แตที่แปลกใจก็คือแสงนั้นชางเหมือนกับที่ไดฝนเห็นหลวงพอวัชระ
พอรับทานขึน ้ รถ พอจะขับเทานั้นก็เกิดแสงสวางวาบแบบนี้เหมือนกัน พอเห็นอีกทีก็ถึงบริเวณ
วัดถ้ําแฝดเสียแลว เธอยังถามหลวงพอไปวา วัดใหญจัง อยูนานแลวหรือยัง ที่นั่นเธอไดพบเห็นแรดตัว
ใหญตัวหนึ่ง แลวหลวงพอวัชระ เอามือกดไปที่กอนหินใกล ๆ แรดตัวนั้น แลวหยิบกอนแร อะไรอยาง
หนึ่งคลายเม็ดหนําเลี๊ยบสงมาใหแลวบอกวา “นี่เหล็กไหลนะ " เอาไวเปนที่ระลึก แลวเอากอน
เหล็กไหลนั้นกดลงไปบนตนแขนเธอ ชางอัศจรรยที่เหล็กไหลกอนนั้นฝงจมหายเขาเนื้อไปเลย
ทําใหเธอตองรีบขับรถตามหาวัดถ้ําแฝดทันที เพราะในฝนนั้นบอกวา อยู อ.ทามวง จ.กาญจนบุรี
ซึ่งปกติเธอเคยขับรถผานบอย ๆ แตไมรูจักวัด คาดวานาจะอยูในเสนทางที่เคยผานมา จึงไดสอบถาม
จากตัวอําเภอเรื่อยมา จนบาย ๆ จึงไดพบวัดถ้ําแฝดจริง ๆ พอเห็นหลวงพอ ก็กมกราบดวยความศรัทธา
หลวงพอพบครั้งแรกก็ยังถามวามาทําอะไร เธอตอบวาก็ที่หลวงพอไดมอบของพิเศษใหเธอไงละ
หลวงพอทานก็คงงงกับคําตอบนั้นเหมือนกัน เธอจึงไดเลาเรื่องราวเหลานี้ใหฟงและบอกวาเปนหลวง
พอวัชระที่ฝนเห็นจริง ๆ เพียงแตใบหนาจะอิ่มกวานี้

คุณศิริลักษณ ประกิตติคณุ (ชุดดํา)


หลวงพอวัชระทานกลาววา เรื่องนี้ขอใหอยูในวิจารณญาณของทานผูชมและผูฟง เพราะเรื่องราวแบบนี้
เปนเรื่องปจจัตตัง คือ รูเฉพาะตัว สําหรับศิษยานุศิษยที่เคยมาวัดหลายทานก็มักจะฝนถึงหลวงพอ
อยูเสมอ เวลามีเหตุอะไรที่ไมดี หลวงพอก็จะมาบอกทางนิมิตร หรือสั่งใหไปหาที่วัดเพื่อแกไข
ก็มีหลายทานลูกศิษยบางคนอยูถึงตางประเทศ ก็ฝนถึงทานบอย จนทนไมไดตองโทรมาถวาย
เรื่องราวใหฟง
๑๐๑๒

ฝนที่เปนจริง
คุณสินิกาญจน ใหมเอี่ยม ต.บางแกว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โทร. ๐๘๑ - ๗๓๑๖๘๔๗
ไดมีโอกาสมาพบหลวงพอวัชระที่วัดถ้ําแฝด พรอมกับไดเลาเรื่องบางอยางใหหลวงพอไดรับทราบ
เธอกลาววา เมื่อประมาณ ๕ เดือน มาแลวไดฝนวาขับรถจะไปทําบุญ ในขณะที่ขับผานปาแหงหนึ่ง
ก็เห็นพระเดินอยูในปาจึงจอดรถเขาไปกราบทาน แลวบอกกับทานวากําลังจะไปทําบุญ ปรากฏวา
หลวงพอองคนั้นทานไดบอกวาใหไปกราบทานบางซิ จึงนมัสการถามทานวาอยูที่ไหนและหลวงพอ
ชื่ออะไร ทานไดตอบวาทานชื่อ หลวงพอสัมฤทธิ์ วัดถ้ําแฝด ถามีบุญวาสนา แลวคงไดเจอกัน

เมื่อตื่นจากความฝนก็มานึกทบทวนถึงเรื่องราวที่ฝนไปวาคงจะ ฝนไปเรื่อยเปอยมากกวา แตเมื่อ


มีโอกาสก็ไดสอบถามผูที่รูจักหลายทานวารูจัก หลวงพอสัมฤทธิ์ วัดถ้ําแฝดหรือไม ก็ไมเคยไดรับ
คําตอบ วาทานอยูที่ไหน มีตัวตนหรือไมแตอยางไร แตทุกครั้งที่ไปทําบุญยังสถานที่ตาง ๆ
ทั้งภาคอิสานและภาคเหนือ ก็ไมเคยลืมที่จะเสาะแสวงหา หลวงพอสัมฤทธิ์ แตอยางไรไม

๑๗ กรกฏาคม ๒๕๔๘ ไดไปรับลูกที่โรงเรียนเซ็นคารเบียล แลวยืนอานหนังสือที่แผงจําหนาย


หนังสือใกล ๆ บริเวณนั้น ไดเปดหนังสือเลมหนึ่งขึ้นมา พบประวัติรูปภาพและเรื่องราวตาง ๆ
ของหลวงพอสัมฤทธิ์ วัดถ้ําแฝด จ.กาญจนบุรี โดยบังเอิญ ก็จําไดแมนยําวาหลวงพอองคนี้เอง
ที่เห็นในฝน ชางเหมือนกันจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่ไมเคยรูจักเรื่องราวของตนมากอน วาจะมีตัวตนจริง ๆ
และมรณภาพแลว

รุงเชาจึงไดรีบเดินทางมายัง วัดถ้ําแฝด อ.ทามวง จ.กาญจนบุรี และไดมีโอกาสขึ้นไปกราบสังขาร


ที่โลงแกว พรอมอธิษฐานจิตขอพรจากหลวงพอวา หากลูกมีวาสนาจะไดมาชวยอุปถัมภวัดถ้ําแฝด
แหงนี้บาง จึงไดเลาเรื่องราวตาง ๆ เหลานี้ถวายพระอาจารยวัชระ เจาอาวาสองคปจจุบันฟง
และเชารูปเหมือนหลวงพอสัมฤทธิ์สาวน้ําตาเทียน ๕" จํานวน ๒ องค เพือ ่ แบงใหพี่นองไดบูชา

นับวาเปนเรื่องราวที่แปลกสําหรับญาติโยมทั่วไป ที่ไมเคยรูจักหลวงพอสัมฤทธิ์มากอน แตกับฝน


เห็นทานและเปนเรื่องที่มีตัวตนอยูจริง ๆ รวมทั้งไดมีโอกาสกราบและสนทนากับทาน จนทราบวา
ทานคือ หลวงพอสัมฤทธิ์ วัดถ้ําแฝด แตไมบอกวาอยูสวนใดของประเทศ แตโยมก็เสาะแสวงหา
จนพบไมคาดไมถึง

ครั้งนี้ไมใชเปนครั้งแรกที่เกิดเรื่องราวในทํานองนี้ เมื่อ ๔ ปมาแลวก็มีสุภาพสตรีกลางคนหนึ่ง


อยู อ.เมือง จ.พิษณุโลก ไดมาพบหลวงพอวัชระ และเลาเรื่องราวใหฟงวา เมื่อ ๓ เดือนกอนนั้น
ฝนวาไดพบหลวงพอองคหนึ่ง ทานบอกวาชื่อ หลวงพอสัมฤทธิ์ วัดถ้ําแฝด มีโอกาสใหไปกราบ
ทานนะ และไดพยายามสอบถามคนที่รูจักวาใครเคยไดยินชื่อ หลวงพอสัมฤทธิ์ วัดถ้ําแฝด
บางหรือไม ก็ไมมีใครใหคําตอบแกเธอได จนเธอคิดวากินมากฝนมาก แตก็ไมเคยลืมเรื่องราว
เหลานี้ เพราะจําภาพในฝนไดแมนยํา

วันหนึ่งไดแวะไปที่รานหนังสือ ก็พบนิตยสารเลมหนึ่งลงเรื่องราวของ หลวงพอสัมฤทธิ์ วัดถ้ําแฝด


อ.ทามวง จ.กาญจนบุรี เพียงเห็นภาพหลวงพอเทานั้น เกิดปติอยางรุนแรง กลั้นน้ําตาแทบไมอยู
เปนองคเดียวกับที่ฝนเห็นจริง ๆ ไดพยายามตามหามานานก็ไมคาดฝนวาจะไดพบ

เชาวันรุงขึ้นเธอขับรถมาคนเดียว ถึงวัดถ้ําแฝดตอนบาย ๆ ไดดิ่งขึ้นไปที่มณฑปหลวงพอสัมฤทธิ์ทันที


ยิ่งไดเห็นภาพบานใหญแลว ยิ่งมั่นใจวา ใชเลยหลวงพอสัมฤทธิ์องคเดียวกับที่ฝนเห็นจริง ๆ จึงไดกราบ
ขอพรและรายงานตัวกับทาน พรอมทั้งบูชาวัตถุมงคลไปบูชา พรอมทั้งเลาเรื่องราวเหลานี้ถวายแด
หลวงพอวัชระ เจาอาวาสองคปจจุบันใหรับทราบเชนกัน
๑๐๑๓

แมวาสังขารของหลวงพอจะดับไปแลว แตจิตของทานก็ยังไปโปรดญาติโยมที่มีบุพกรรมเคยรวมบุญกัน
มากอน ไดฝนเห็นทั้ง ๆ ที่ไมรูจัก เพียงบอกนามวา หลวงพอสัมฤทธิ์ วัดถ้ําแฝด แตไมบอกวาอยูที่ไหน
จังหวัดอะไร แตเมื่อถึงเวลาก็ยอมไดมาพบเอง ชรอยคงเปนบุญวาสนาของโยมทั้งหลายเหลานั้นนั่นเอง
โดยเฉพาะโยมรายหลังที่มาจากพิษณูโลกนั้น ไดยอนกลับมาอีก ใน ๒ อาทิตยตอมา พรอมกับเลา
เสริมตอวา ไดอธิษฐานขอโชคลาภจากหลวงพอสัมฤทธิ์ และเมื่อกลับไปแลวก็ไดนิมิตรใหมอีกครั้งได
ลองเสี่ยงโชคดู ปรากฏวาถูกหวยรัฐบาลมาหลายตังเหมือนกัน แตเธอไมไดบอกวามากนอยแคไหน
พรอมกับรวมทําบุญกับทางวัดจํานวนหนึ่งดว

เหล็กไหลงอกเพิ่มเอง
ประสพการณการฝงเหล็กไหล

คุณพัทรธนันท ธัญทิพทศพร พรอมดวยคุณแม ซึง่ อยูที่ ถนนคูเมือง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี


โทร. ๐๖ – ๖๘๘๖๔๗๔ ไดมาฝงเหล็กไหลฤาษีไปครั้งแรกเมื่อกลางเดือน สิงหาคม ๒๕๔๙
ก็มีประสพการณแปลก ๆ เกิดขึ้นกับตนเอง กลาวคือปกติคุณพัทรธนันทมักจะนั่งสมาธิเปนประจํา
และมักจะมีลางสังหรณที่แมนยํา บางครั้งมีความรูสึกลวงหนาเปนป พอถึงเวลาเรื่องราวเหลานั้น
ก็เกิดขึ้นจริง

ดังนั้นเมื่อฝงเหล็กไหลไปแลวก็ยังคงนั่งสมาธิเปนปกติ ปรากฏวาในขณะที่นั่งนิ่งอยูนั้นเห็นพระพุทธรูป
ในหองพระกลอกลิ้งดวงตาไปมา หลังจากนั้นไมนานก็ปรากฏเปนฤาษีลอยออกมาจากพระพุทธรูป
องคนั้น ซึ่งตนเองก็แปลกใจมาก ๆ เพราะกอนที่จะฝงเหล็กไหลก็ไมเคยปรากฏเรื่องราวเหลานี้
ใหเห็น เพราะปกติจะสวดยอดพระกัณฑไตรปฎก ๑๕ จบเปนประจํา แลวจึงนั่งสมาธิ ทําใหมั่นใจวา
เหล็กไหลที่ฝงมานั้นศักดิ์สิทธิ์แนนอน จึงอยากฝงเหล็กไหลชนิดอื่นเพิ่มเติมอีก

ดังนั้นจึงไดเลาเรื่องราวเหลานี้ใหคุณแมฟง และขอฝงเหล็กไหลอีกเม็ดหนึ่ง ซึ่งครั้งแรกคุณแมก็ไม


อนุญาต เพราะคิดวาฝนเพอเจอหรือเปลา แตก็ไดรับการยืนยันวาเปนเชนนั้นจริง ๆ ก็เลยพามาหาหลวง
พอใหฝงเหล็กไหลตาแรดอีกขางหนึ่งเมื่ออาทิตยกอน หลังจากนั้น ๓ - ๔ วันก็ไดแกะพลาสเตอร
ยาออกก็พบวาเหล็กไหลที่ฝงครั้งหลังเพียงเม็ดเดียว กลับปรากฏเปนเม็ดเหล็กไหลขึ้นมา ๒ เม็ด
ซึ่งยังความมหํศจรรยแกผูเปนแมเปนอยางยิ่ง จึงไดมาพบหลวงพอเมื่อวันที่ ๒๗ ส.ค. ๔๙ 49
เพื่อเลาเรื่องเหลานี้ใหรับทราบ ทีแรกลูกบอกวาเหล็กไหลงอกได ก็รูสึกวาลูกโกหก แตพอเห็นที่
แขนแลว ก็ตองประหลาดใจจนพูดไมออก เพราะคุณแมเองก็ฝงครั้งแรกพรอมกับลูกชาย แตก็ยัง
ไมสามารถสัมผัสไดลึกซึ้งขนาดนี้

หลวงพอเองไดฟงแลวก็เชื่อวาเปนความจริง เพราะเรื่องนี้เคยไดยินและพบวาเหล็กไหลบางครั้ง
เก็บล็อคไวอยางดี แตกลับอันตธานหายไป บางคนก็พบวาสามารถงอกเพิ่มขึ้นมาได เฉกเชนพระธาตุ
หรือพระบรมสารีริกธาตุ ที่จะเสด็จมาโปรดผูทีหมั่นปฏิบัติธรรมอยูเสมอ

กอนหนานี้ประมาณ ๑ เดือน มีสุภาพสตรีทานหนึ่งซึ่งฝงเหล็กไหลไปจากทางวัดไมนาน ไดกลับมา


เลาใหหลวงพอฟงวา มีเหลกไหลงอกขึ้นมาที่หลังมือซายขางที่ฝงเหล็กไหล ลักษณะเปนกอนแข็ง
เหมือนเหล็กไหลที่ฝง แตรูปทรงรียาวเหมือนเม็ดขาวสาร ๑ เม็ด และดูเหมือนกําลังจะงอกขึ้นมาใหม
อีก ๑ เม็ด ซึ่งหลวงพอพิจารณาแลวกไมกลาฟนธงวาใชหรือไม เพราะไมเคยพบมากอน เพราะดูแลว
ก็ไมมีรองรอยหรือบาดแผลที่หลังมือ
๑๐๑๔

ดังนั้นในกรณีลาสุดก็เกิดขึ้นคลายคลึงกัน จึงขอใหทานไดศึกษาและใชวิจารณญาณของทานพิจารณา
ดวย สงสัยประการใดคงสอบถามจากคุณแมหรือเจาตัว คุณพัทรธนันท ก็คงจะไดขอมูลที่ละเอียดกวานี้
กราบนมัสการทานหลวงพอวัชระ กระผมไดฝากตัวเปนศิษยทานมานานแตไมคอยมีเวลาที่จะไปเยี่ยม
ทานจน กระทั่งปนี้คงจะเปนวาสนาของผมที่ไดมีโอกาศไปพบทานบอยขึ้นและที่สําคัญผม ไดมีโอกาส
ฝงเหล็กไหลดวยทั่งๆ ที่จะฝงมานานแตไมมีโอกาสไมพรอมบาง สวนตัวผมเองมันก็แปลกมันมี
ความรูสึกผูกพันธกับวัดนี้อยางบอกไมถูก วัดที่อื่นที่เคยไปบอกเลยวาโอกาสที่ผมจะไปซ้ํากันนั้น
แทบไมมีแตที่วัดนี้ ผมมาบอยมากและมีความรูสึกที่อยากจะมาตลอดมันมีความรูสึกอยากจะชวย
หลวง พอสรางวัด ผมจะขอเลาเหตุการณหลังจากที่ผมไดฝงเหล็กฤาษี

๑. สิ่งแรกเลยเงินไมเคยขาดมือพอใกลจะหมดก็มีมาอีกการงานผมนั้นดีขึ้นตามลําดับ
ลูกนองอยูในคําสั่งตลอด(เมื่อกอนคุมยากมาก)
๒. หลังจากที่ผมฝงเหล็กไหลมาไดไมนานผมมีความรูสึกที่แปลกมากคือ อยากนั่งสมาธิ
ทั่งๆที่ความคิดแบบนี้ไมเคยมีมากอน ปนจุบันผมไดทําตามความตองการของความรูสึกนั้น ตอมาผมได
ฝนวาไดเดินตามพระรูปหนึ่งเขาไปเที่ยวถ้ําเหล็กไหล ในฝนหลังจากเดินตามพระเขาไปในถ้ําพระรูปนั้น
ก็นั่งสมาธิหันมาทางกระผม ผมดูผนังถ้ําไดเห็นเหล็กไหลเคลื่อนตัวมาหากระผม ในฝนผมไดถามพระวา
มันคืออะไร พระทานตอบวาเหล็กไหลมันรูวาในตัวผมมีเหล็กไหลมันจึงเคลื่อนเขาหาเหมือนมีแรงดูดจบ
คําพูดนั้นผมก็รูสึกตัว และผมนอนคิดอยูไมนาน ผมก็หลับฝนแตครั้งนี้ไมเหมือนกอน ผมมีความรูสึกครึ่ง
หลับครึ่งตื่น รูสึกวาไดไปเที่ยวถ้ําเหล็กไหลคราวนี้ไปคนเดียว แตพอไปถึงหนาถ้ํานาฬิกามันปลุกเสียนี่
แตเชาวันผมกลับมีความสุขทั้งวัน
๓. ตอมาไมนานผมไดฝนอีกคราวนี้ฝนวาไดพูดคุยกับหลวงพอวัชระโดยในฝนผมไดถามทาน
วาเหล็กไหลที่อยูในวัดคืออะไร หลวงพอทานตอบวาเหล็กไหล ทีอ ่ ยูในวัดนั้นเขารอคอยเจาของ
ที่ไดครอบครอง บางคนที่มีสตางคอยากจะได แตจะมีอะไรมาขวางมีความรูสึก สุดทายก็
ไมไดไป ความฝนหมดนี้ผมกลาพูดไดเลยวาผมไมไดแตงเติมอะไรทั้งสิ้นผมเขียนตามความรู
ที่จําไดมาเลาใหฟง หลวงพอคิดวามันคืออะไร ชวยอธิบายเพื่อเปนรูดวยนะครับ

อนึ่งผมอยากถามหลวงพอวา คือตัวผมนั้นปวดหัวบริเวณทายทอยบอยมาก ยากินนั้นเปนยา


แกวปวดธรรมดา วันหนึ่งผมปวดมากจนแทบทนไมไหวยาก็ไมมีผมเลยยกมือพนมบอกเหล็กไหลที่อยู
ในตัววาชวยรักษาโรคอาการปวดใหผมดวย และหากผมมีวาสนาจะตองฝงโคตรเหล็กไหลเพื่อรักษา
อาการปวดดังกลาวผมจะเดินทางไปฝงที่วัดอีก ไมนาเชื่อวาอาการปวดดังกลาวมันคอยๆหายไปอยาง
นาประหลาด นี่คือเหตุการณ จริงที่เกิดขึ้นไดไมนาน หลวงพอชวยอธิบายดวยครับ ผมจะรออานทาง
อีเมลล ผมบอกเลยวาใครที่ไดครอบมงกุฏพระเจานั้นชีวิตจะดีขึ้นเรื่อยๆยิ่งทําบอยยิ่งดีครับ สุดทายผม
ขอรบหลวงพอแคนี้ครับ กราบนมัสการหลวงพอ

เหล็กไหลงอกเพิ่มเอง
เหล็กไหลงอกที่หลัง เหล็กไหลเดิมที่ฝง คุณโฉมเฉลาผูถายทอดเหตุมหัศจรรย เมื่อพฤศจิกายน
๒๕๕๑ เธอไดฝงเหล็กไหลฤาษีและเหล็กไหลตาแรดจากทางวัดไมกี่เดือนที่ผานมารูสึกวา ผิดปกติ
ที่บริเวณแผนหลัง ซึ่งก็ยังไมทราบสาเหตุวาเปนอะไร จึงไดใหสามีชวยดูให ก็ตองแปลกใจ
เพราะเหมือนเม็ดเหล็กไหลที่ฝงที่ทองแขนไมผิด มันงอกอยูที่แผนหลังไดอยางไร สามีก็งง
เหมือนกัน เพราะลองเอาแมเหล็กดูดดูก็ไมติด จึงไดเลาใหหลวงพอวัชะฟง พรอมสงภาพถายมา
ใหดูประกอบ เรื่องนี้ก็แปลก เหมือนพลังเหล็กไหลไดเคลื่อนไปตามรางกาย แลวเกิดการปรับธาตุขึ้น
ใหม เปนเหมือนเม็ดเหล็กไหลอีกเม็ดหนึ่ง ที่ชวยปกปกรักษาเธอ
๑๐๑๕

ผูมีประสบการณจากวัตถุธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหล
นับตั้งแตในอดีตจนถึงปจจุบันกลวิธีของการอัญเชิญธาตุกายสิทธิ์ของผูมีความรูความสามารถ
ในการนําวัตถุธาตุกายสิทธิ์ออกจากถ้ํา ออกจากภูเขา กรรมวิธีนี้ของหลายๆทาน อาทิเชน
ของคุณแปะนอย ศิษยของหลวงพอสายทอง เตชะธัมโม วัดปาหวยกุม อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ
มีบทสรุป บทวิเคราะหที่นาสนใจสําคัญที่ปรากฏในขาวหนังสือพิมพเดลินิวส ฉบับวันที่ ๒๖ กันยายน
พ.ศ. ๒๕๔๑ ดังนี้

วัตถุธาตุประหลาด “ เหล็กไหล ” จุดไฟไมติด ตืน ่ วัตถุประหลาดเชื่อเปน “ เหล็กไหล ” สิ่งศักดิสิทธิ์


ครั้งนี้เปดเผย เมื่อเวลา ๑๐.๐๐ น. วันที่ ๒๔ กันยายน นายวิบูลย ปรีดี อายุ ๖๘ ป ภูมิลําเนาอยู
บานเลขที่ ๑๐๙ ถนนโสมพะมิตร อ.เมือง และนายถวน ผาโคกขาม อายุ ๗๕ ป ราษฎรบานเดียว
กันเดินทางเขาพบผูสื่อขาว “ เดลินิวส ” อางวาพบวัตถุประหลาดสงสัยเปน “ เหล็กไหล ”
สิ่งศักดิสิทธิ์ อยูในบานเลขที่ ๑๖/๓๘ ถนนประดิษฐ อ.เมือง จึงเดินทางไปพิสูจนขอเท็จจริง
โดยพบกับนายบุญชู เตชะ อายุ ๓๒ ป เจาของบานกําลังนั่งพักผอนอยู พอทราบจุดประสงค
ก็เชิญเขาในบาน นําดอกไมขาวไวบูชาหิ้งพระหยิบตลับขนาดใหญ เกาคร่ําคราลงมาใหดูพรอม
เปดฝาตลับออก มีวัตถุประหลาดวางอยูในขี้ผึ้งคร่ําครา ลงมาใหดูพรอมเปดฝาตลับออก
มีวัตถุประหลาดวางอยูในขี้ผึ้ง ๑ ชิ้น ลักษณะยาวรี สีดําปนสีน้ําตาลเทา มีความยาว ๓ นิ้วเศษ

โดยนายบุญชูเลาความเปนมาวา วัตถุชิ้นเดิมเปนของบิดาซึ่งเปนชาวเขมรและมีการสืบทอด
กันมาหลายชั่วอายุคนแลว หลังบิดาเสียชีวีตไดฝากวัตถุนี้ไวกับมารดาใหดูแลตอ เมื่อชวงเขาพรรษา
ปนี้ตนมาเยื่ยมมารดาที่บาน เห็นจุดธูปกราบไหว มั่นใจตองเปนของเกาล้ําคาแนนอน ตัดสินใจ
ขโมยเอาไปขาย ปรากฏวาหายไปอยางลึกลับ รูสก ึ สํานึกผิดกลับมาเลาใหมารดาฟงและขอโทษ
แตมารดายิ้มไมวาอะไรแถมหยิบวัตถุประหลาดออกจากตลับมาใหดูอีก ทําใหแปลกใจมาก
ไมรูกลับมาเองไดอยางไร นําไปใหผูใหญหลายคนดูตางสงสัยวาเปน “ เหล็กไหล ”

ใหทดลองนําน้ําผึ้งแทมาแชก็เปลี่ยนสีและขนาดโตขึ้น อยางไรก็ตามผูสื่อขาวไดทดลองนํา
ไมขีดไฟไปวางใกลๆ วัตถุประหลาดดังกลาวนานประมาณ ๑๕ นาที เนื่องจากไดรับการบอกเลาจาก
คนเฒาคนแกหากเปน “ เหล็กไหล ” ชั้นหนึ่งหรือน้ําหนึ่งจริงๆ จะมีสรรพคุณทําใหไมขีดไฟใชไม
ไดผล จนครบเวลาตามกําหนดก็นําไมขีดมาทดลอง จุดดูหลายครั้ง หัวไมขีดกลับเปอยยุย
ไมติดแมสักกานเดียว สรางความประหลาดใจใหเปนอยางมากดวย แตจะเปนเหล็กไหลจริงหรือ
ไมคงตองใหผูเชี่ยวชาญตรวจสอบอีกครั้ง

ครั้งหนึ่งหลวงปูสมชาย ฐิตวิริโย พระอริยสงฆวัดเขาสุกิม จ.จันทบุรี ทานไดเดินทางไป


พิพิธภัณฑหลวงปูวัน อุตตโม ผูเขียนจึงไดนําเหล็กไหลมหาลาภไปถวายทาน ทานก็กลาว
“ ดี ๆ ของดี ” และที่สําคัญเหล็กไหลมหาลาภและพลอยพญานาคไดรับเมตตาอธิษฐษนจิตเพิ่มเติม
จากครูบาอาจารยทานตางๆ เพื่อใหมพ ี ลังเขมขลังศักดิสิทธิ์ยิ่งขึ้น
๑๐๑๖

น้ําหนักของเหล็กไหล
๑.น้ําหนักเกินตัวหลาย ๑๐ เทา
๒. น้ําหนักเบากวาตัวเองหลายเทา
๓. น้ําหนักเทาตัว
๔. ไรน้ําหนักดุจปุยฝาย กรณีเปนเหล็กไหลที่มีมายามาก หากเอาใสแกวน้ําแลวจะมองไมเห็น
เพราะจะกลมกลืนไปกับน้ําเลย

การสัมผัสพลังขอเหล็กไหลนั้น จะตองอาศัยการฝกฝนศึกษาจาก กรรมฐานจนเกิดญาณทัศนะ


สัมผัสไดลึกละเอียด มองเห็นและถายทอดออกมาทางอารมณความคิด เพราะพลังธรรมชาติ
กับพลังจากพุทธคุณหรือการสวดยัดวัตถุธาตุมงคลนั้นยอมจะแตกตางกัน เหล็กไหลจึงจัดเปน
เหมือนแกวกายสิทธิ์สําหรับผูครอบครองที่มีบุญบารมีเทานั้น !!

เหล็กไหลตาน้ํา

เปนเหล็กไหลที่หาไดยาก มีพรรณสัณฐานสีเขียวปนดําเปนมันดาน ลักษณะทรงกลมหรือรูปหยดน้ํา


ขนาดเล็กกวาถั่วเขียวเล็กนอย ชอบเกาะอยูตามตาน้ําในซอกหินภายในถ้ําที่ลึกลับอาถรรพ
การคนหานอกจากวิชาอาคมแลวยังตองสังเกตุตามตาน้ําที่ไหลผานบริเวณหินผาที่มีตะไคร
น้ําเกาะอยูมาก ๆ ตองคอย ๆ เอามือแหวกหาดูจึงจะพบ

วิธีการใสติดตัว
ใหนําเหล็กไหลตามามาใสกรอบ หรือถักดวยผา ใหเหล็กไหลตาน้ําสัมผัสกับผิวหนังคนใส ถาไมสม
ั ผัส
ผิวหนังจะใหไดผลแค ๒๐% ถาสัมผัสผิวหนังได จะไดผล ๑๐๐%

เหล็กไหลตาน้ํา มีพลังทางดานรอนแรง ปองกันภูตผี ปศาจไดดี

วิธีการจับพลัง
๑.ใหอธิฐานขอบารมี เหล็กไหลที่อยูในมือขาพเจานี้ แสดงบุญญาฤทธิ์ ใหขาพเจาไดสัมผัส
ไดดวยเทอญ

๒. ทีนี้ก็ตั้งใจจับดูวามีความรอนหรือเย็น

หมายเหตุ หามใชคาถา ถาม หรือ วัดพลังตางๆ เพราะของที่อยูในนั้นจะเขาตัวเราได


และแกยากใหอธิฐานเอาก็พอ

คําอธิษฐานน้ํามนตเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์

ลูกขอบารมีสมเด็จพุฒจารยโต พรหมรังสี ทานพญาสมิงเหล็ก ทานปูฤาษีเวชยันต เทพยดาอารักษ


ผูสิงสถิตอยูในเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์นี้
และครูบาอาจารณทุกทาน ขาพเจา ( ชื่อ นามสกุล )

ปวย เปนโรค......อาการ......ลูกขออนุญาตดื่มน้ํามนตอันศักดิ์สิทธิ์นี้เพื่อ ชวยรักษาโรคภัยไขเจ็บ


ในรางกายของลูกใหหายขาด ณ บัดนี้ดวยเถิด

( น้ํามนตใชดื่ม ทา หรืออาบ วันละหลายครั้งก็ได )

You might also like