Professional Documents
Culture Documents
1 ธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหล pdf.1420870 PDF
1 ธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหล pdf.1420870 PDF
ตามที่ทา นผูอานไดศึกษาในเรือ
่ งราวเกี่ยวกับพุทธศาสนา
การเจริญวิปสสนากรรมฐานในขัน ้ ตน รวมถึงความศักดิสิทธิ์ของ
พระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ ปาฏิหาริยตางๆ ของ
พระพุทธานุภาพของพระพุทธองค นอกจากนั้นยังมีสงศั ิ่ งศักดิส
์ ิทธิ์
อีกหลายอยางที่ขาพเจาไดสัมผัสพบกับตัวของขาพเจาเอง
จึงเปนทีม
่ าในการศึกษาเรื่องธาตุกายสิทธิ์ จากการที่ขาพเจา
ไดรับธาตุกายสิทธิ์จากญาติธรรมผูหนึง่ ที่ใหมาเพื่อสักการะบูชา
และบังเกิดเรื่องราวปฏิหาริยกับขาพเจาและครอบครัว ทําใหขาพเจา
เกิดความสงสัยและคนหาความรูจากเรือ ่ งธาตุกายสิทธิเพิ่มเติมดังที่
จะกลาวในบทนี้ เพื่อเปนสาระความรูแกทานผูอา นทั้งหลายในเรื่อง
ของธาตุกายสิทธิ์
จากที่ผูเขียนไดอานความรูเรือ
่ งธาตุ
กายสิทธิ์ตางๆพอจะสรุปไดวาเปนธาตุที่
เกิดขึน
้ เองตามธรรมชาติมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์
คุมครองรักษาทั้งเทพเทวดา พระฤาษี
ดาบส หรือ องคพญานาค ขึ้นอยูก ับธาตุ
กายสิทธิ์ของแตละชนิด
รวมถึงคุณประโยชนในดานตางๆ
สําหรับผูบูชาเชน เมตตามหานิยม
มหาอุต คงกระพันชาตรี
แคลวคลาดกันภัย ลองหนหายตัว
โชคลาภวาสนา ถอนพิษสัตวตางๆ
ปองกันอาถรรพณจากพลังงาน
ธรรมชาติที่ไมดี ทําน้ํามนต
ใชในการทําสมาธิ เพิ่มพลังสมาธิ
ในการโทรจิต เปนตน.
๘๘๐
โดยขาพเจาจะขอกลาวเรื่องธาตุกายสิทธิ์ จากตํานานความ
เชื่อในจักรวาล และการเกิดของเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์
ตํานานเหล็กไหลธาตุกายสิทธิธ์ ิ
จิตในแตละดวงตางก็พยายามที่จะหาทางออกจากกองทุกขถูกทางบาง
ผิดทางบาง สุดแลวแตบารมีของแตละรูปแตละนามแตก็ยังมีจิตอยูกลุม หนึ่ง
ที่กําลังฝกฝน ปฏิบัติตอจิต แตเมื่อไดปฏิบัติไปแลวกลับไปหลงติดใจ
เพลิดเพลินอยูใ นฤทธิ์ในอํานาจ ในอภิญญาสมาบัติตางๆ กลับไปติดสุขอยู
ในฌาน บางก็พยายามที่จะศึกษาคนควาแสวงหาแนวทางที่ตนจะเขาไป
ทดลองในฤทธิ์อํานาจตางๆ ที่ตนเองยังไมเคยรู ไมเคยพบเห็นมากอน ผู
ประพฤติปฏิบัติอยูใ นกลุมนีเ้ ราเรียกวา “ ฤาษีชีไพร ” ซึ่งพยายามที่จะปฏิบัติ
ไปตามแนวทางที่ตนเขาใจอยางเครงครัด ดวยความยึดมั่นถือมัน ่ อยาง
ยิ่งยวด เพื่อตองการที่จะทําใหตนเองนั้นมีฤทธิ์อํานาจที่แกกลาเพิ่มมาก
ยิ่งขึ้นทั้งในกลุมของฤาษีดวยกันเอง เพื่อตองการใหตนเองมีอํานาจฤทธิ์
ใหมากทีส ่ ุดเพื่อตนเองนั้นจะไดมีความยิ่งใหญกวาผูอื่นและใหผคู นไดรับรู
และเขาใจวาตนเองในขณะนั้นมีฤทธิ์มีอํานาจมากนอยเพียงไร
บางพวกจึงพยายามที่จะแสวงหาใหไดมา ซึ่งวัตถุธาตุที่มีฤทธิ์มีอํานาจ
อยูในตัวเอง เปนพวกแรธาตุตางๆ เพื่อนํามาแสวงหาประโยชนในฤทธิ์
อํานาจของธาตุตางนั้นๆ เชน ปรอท สามารถที่จะนําไปใชในการยอสวน
ใหมีขนาดเล็กลงได กอนหินบางชนิดก็สามารถที่จะดําดินไดหรือสมุนไพร
บางชนิดเนื่องจากดูดกินซากพืชซากสัตว จึงทําใหพลังงานตางๆของ
อาหารนั้น ถูกสะสมเอาไวในตัวเอง จําพวกไพรดํา สรรพยา นางพญางิ้วดํา
๘๘๑
สวนพวกแรธาตุตางๆ
ซึ่งมีฤทธิ์อํานาจในตัวมันเอง
แตจะออกไปในรูปของความคงทน
ความสวยงาม ความถาวรมีแสงมีสี
ที่สวยสดงดงามยิ่ง จนสามารถที่จะ
ปองกันตนเองใหพนไปจากภัย
อันตรายตางๆ เชน เพชรนิลจินดา
อัญมณี แกวเจียระไนที่สามารถจะ
อธิษฐานได รวมไปถึงแรเหล็ก
ปรอท และหินสีตางๆ นอกจาก
จะมีความแข็งแกรงทนทานแลว
บางชนิดก็มีฤทธิในการทําลาย
เชน พวกกินเหล็ก หินสม ฯลฯ
ดังนั้นพวกฤาษีชีไพรตางๆ
จึงชอบที่จะออกไปแสวงหาธาตุ
ที่มีความเปนกายสิทธิ์ในตัว นํามา
รวบรวมเก็บเอาไวแกตนใหมากที่สุด
เพื่อจะไดนําออกมาใชงาน ในการทดลองฤทธิ์ในการแสดงฤทธิ์ตางๆ
เพื่อที่จะสรางอํานาจใหกับตนเอง บางครั้งก็นําไปทดสอบวิชาอาคมและ
ความรูตางๆที่มีอยูใ นตน วาสามารถที่จะเขาไปบีบบังคับควบคุมจิตวิญญาณ
ที่มีอยูในธาตุเหลานี้ไดหรือไม ถาบังคับไมไดผล ก็จะหาอุบายตางๆ เขาไป
หลอกลอใหธาตุกายสิทธิ์เหลานั้นเพลิดเพลินหลงใหล และตายใจเพื่อทีจ ่ ะ
นําไปใชประโยชนใหจงได และเปนโอกาสอันดีที่จะไดเขาไปศึกษาเรียนรูใน
ธาตุตางๆ จนทําใหเกิดฌานสมาบัติเพิ่มมากขึ้นตามไปดวย
๘๘๒
ในเมื่อตางคนตางก็พยายามที่จะแสวงหาธาตุกายสิทธิน ์ ํามาไวใน
ครอบครองของตน เมื่อมีจํานวนเพิ่มมากขึ้นๆ จึงเกิดความกลัวตางๆนานา
กลัววาจะเกิดการสูญหาย กลัววาฤาษีองคอื่นที่มีฤทธิ์มากกวาจะมา
แยงชิงไป กลัววาจะปกครองไมอยู เพราะในแตละธาตุนั้นมีฤทธิ์อํานาจกัน
ไปคนละอยางไมเหมือนกัน จึงพยายามที่จะศึกษาการคนหาวิธีเพื่อจะทําให
ธาตุทั้งหมดที่ตนเองมีอยู ใหรวมตัวเปนอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อความสะดวก
แกตนเองในการปกครองดูแลในการที่จะนําออกไปใชงาน
ี าตุอยูในการครอบครองดูแลของตน
ดังนั้นฤาษีเกือบทุกองคที่มธ
จํานวนมากๆ จึงพยายามจะหาวิธีและอุบายตางๆ นานารวมไปถึงการขมขู
การบีบบังคับจิตวิญญาณทีอ ่ าศัยอยูใ นธาตุยินยอมตามที่ตนเองตองการ
จะใหเปนไป แตไมเปนผลเพราะธาตุในแตละชนิดมีจิตวิญญาณที่มีความ
เข็มแข็ง และไดผา นการเรียนรูในสภาวะตางๆ มาเปนระยะเวลาอันยาวนาน
จนทําใหบรรดาฤาษีเกิดความออนใจเพราะตนเองไมมฤ ี ทธิ์อํานาจเพียงพอ
ที่จะบีบบังคับดวยฤทธิ์อภิญญาหรือฌานสมาบัติใดๆไดเลย จึงพยายามคนคิด
หาวิธีใหมๆและอุบายใหมทีจะทําใหธาตุเหลานี้ยอมจํานนแตโดยดีใหจงได
ในขณะทีพ
่ ระฤาษีชีไพรตางๆ กําลังศึกษาคนควาแสวงหาวิธีและ
ปญหาตางๆ เพื่อจะนําไปหลอกลอ เพื่อจะใหเจตสิกตางๆ เขาไปยึดครอง
อาศัยธาตุกายสิทธิ์ เพื่อใหยินยอมสละธาตุขันธของตนเองอยูน ั้น ไดมีพระ
ฤาษีพระองคหนึ่งที่เปนฤาษีในยุคตน ซึ่งเปนผูชํานาญในการฝกฝนปฏิบัติ
ตอจิตจนกลายเปนบรมครูของฤาษีทั้งมวล พระฤาษีในจํานวน ๕ พระองคคือ
ฤาษีตาไฟ ฤาษีกไลโกษฐ ฤาษีหนาวัว ฤาษีนารอด ฤาษีนายณ
๘๘๓
ซึ่งแตละพระองคตางก็มีความชํานาญในการฝกฝนปฏิบัติมาจากครูบาอาจารย
สวนฤาษีกไลโกษฐ เปนผูเกงกลาสามารถในทางฤทธิ์และชอบศึกษาคนควา
ที่จะนําเอาธาตุกายสิทธิ์ตางๆที่ตนเองมีอยูมารวมกันใหเปนหนึ่งเดียวใหได
เมื่อไดกระแสบารมี ผูรูจากจิตที่ผานการบําเพ็ญบารมีมาชานาน
ที่เหนือกวาผุดเขามาในวาระจิตของตนเอง พระฤาษีกไลโกษฐจึงพยายาม
ที่จะรวบรวมสมาบัติท่ตี นเองมีอยู ติดตามคนหาตนตอที่มาของเสียงขึ้นวา
เปนใครกันแน จนไดพบกับผูมีอํานาจที่สามารถฟนฝาเอาชนะสงคราม
กิเลสใหสงบลงไปไดโดยสิ้นเชิง เจตสิกพระองคนี้มพ ี ระนามวา
“ พระเวทยสภูอหังกรณ ” เมื่อพระฤาษีกไลโกษฐไดสดับรับฟงอริยธรรม
ชั้นสูงจากพระเวทยสภูอหังกรณแลว จึงยอมรับนับถือและยกพระเวทย
สภูอหังกรณ ใหเปนครูของตนและรับฟงคําสั่งสอนนั้นตอๆ ไปจนบรรลุธรรม
๘๘๔
และรูแจงเห็นจริงในสรรพสิง่ ทั้งหลายทั้งปวงยอมเปนไปตามกฎของพระเวท
และพระธรรม เสมอที่จะตองเกิดขึ้น ตั้งอยูและดับลงไปเปนธรรมดา
ธรรมชาติของโลกภพ และเอกภพ ในหวงจักรวาลทีม ่ ีแตอนิจจัง ทุกขัง
อนัตตา ไมใชตัวมิใชตนที่แทจริง
ถาหากไมสําเร็จในสิ่งที่คาดหวัง สิ่งที่มุงหวังเอาไวก็ไมสมหวังกลายเปน
ความไมสบายกายไมสบายใจ และจะตองเปนความทุกขใจเกิดขึ้นอีกแนแท
พระฤาษีกไลโกษฐจึงรีบพิจาณาลงไปในจิตอยางยิ่งยวด จนมองเห็นวาใน
ขณะนี้จิตของตนกําลังสับสนและวุนวายพรอมๆ กับไดยินเสียงกระแสแหง
อริยธรรมของพระเวทยสภูอหังกรณทรงเล็งเห็นแลว แตอินทรียบ ารมีของ
พระฤาษีกไลโกษฐไดสะสมมานั้น ถึงเวลาแลวที่จะเขาไปรูแจงเห็นจริง
ในสัจธรรมทั้งปวง จึงตรัสชี้แนะออกไป
เมื่อพระฤาษีกไลโกษฐไดฟงดังนั้น จึงหยุดคิดและเลิกกระวนกระวาย
ใจทั้งหลายลงไป ตามคําสั่งของพระเวทยสภูอหังกรณ จนจิตนั้นคอยๆ
สงบนิ่งลงอีกครั้ง ความสุขแหงจิตจึงเกิดขึ้น หมดสิ้นไปจากสภาวะทั้งปวง
แตก็ยังไมแนใจในสภาวะที่กําลังเปนอยูจึงใชฌานสมาบัติของตนเอง เขาไป
ตรวจสอบความสงบนิ่งแหงจิตที่กําลังเกิดขึน ้ วาคงทนถาวรหรือไม
จนรูและเขาใจวาความสงบสุขแหงจิตนั้น คงทนถาวรแนแลวจึงสํารวจ
ตัวเองตอไปอีกวา ยังมีจิตดวงใดของตนที่ยังคงยึดมั่นอยูในสิ่งใดๆอีกบาง
แลวจะรีบพิจารณาในจิตดวงนั้นเพียงอยางเดียวจนกวาจิตนั้นคอยๆ หลุด
ออกไปจากการยึดมั่นถือมั่น จนกวาจิตในทุกๆดวงสามารถที่จะละวาง หยุด
หลุดออกไปจากกฏของวัฏสงสารโดยสิ้นเชิง
๘๘๕
ดวยปญญาฌานบารมีแหงจิตที่เกิดขึ้น ในขณะที่จิตกําลังสงบนิ่งนี้เอง
พรอมกับคําชี้แนะของผูร ูไดพิจารณาตามไป จนมั่นใจและมองเห็นแลววา
สามารถที่จะนําเจตสิกของตนเอง ใหหลุดออกไปจากกฎของความไม
เที่ยงแท การถอยจิตยอนกระแสของความหลุดพน กลับเขาสูกฎของความ
ไมเที่ยง เพื่อที่จะนําอริยธรรมอันวิจิตรที่ตนเองพุงจะเขาไปสัมผัสมาแกไข
ปญหาตางๆที่เกิดขึ้น เพื่อที่จะนํามาเปนอุบายในการเทศนสอนเจตสิกดวง
อื่นๆที่กําลังมาหลงติดอยูในการยึดมั่นถือมั่น อยูในธาตุกายสิทธิ์เพื่อให
ละวางธาตุขันธเดิมไปสูธาตุขันธใหมๆ ที่ดีกวา
อุบายตางๆ ที่นํามาชี้แนะสั่งสอนใหเจตสิกเหลานั้นละวางธาตุขันธ
“ ถาทานทั้งหลาย ยังคงพอใจที่จะอาศัยอยูใ นธาตุขันธเดิมๆ ทานก็ไม
สามารถที่จะสรางฤทธิ์ เพื่อความยิ่งใหญใหเพิ่มขึ้นได ทานไมสามารถที่จะ
รอบรูใ นสรรพสิ่งตางๆ ที่มีอยูในจักรวาลได เพราะจักรวาลนั้นเปลี่ยนแปลง
อยูเสมอไมคงทนถาวร ไมจีรังยั่งยืนเลยเหมือนกับธาตุขันธที่ทานกําลัง
อาศัยอยูน ี้ ทานทั้งหลายจงหันมาพิจารณาดูเถิด วาทานนั้นไดเปลี่ยนแปลง
ธาตุขันธของทานมาแลวกีค ่ รั้งกี่หนแลว และทานยังตองทนทุกขทรมาน
ในการที่จะตองหาทางที่หลบหลีกใหพนไปจากภัยตางๆ ที่สามารถจะบังเกิด
ขึ้นกับทานได ทุกๆขณะที่ตอ งการจะครอบครองธาตุขันธของทาน ”
เมื่อทานทั้งหลายไดฟงธรรมชั้นสูงที่ไมเคยไดยินไดฟงมากอน เมื่อได
ยินไดฟงจากฤาษีกไลโกษฐตางก็ยอมรับในสัจจะของความจริงแหงธรรมนั้น
เจตสิกทั้งหลายซึง่ พรอมใจกันยกยองพระฤาษีกไลโกษฐขึ้นเปนครูของพวก
ตนและยินดีที่จะใหพระฤาษีกไลโกษฐชวยชี้แนะแนวทางตางๆ ที่จะสามารถ
ทําใหพวกตนพนไปจากกองทุกขใหไดรูและเขาใจตามไปดวย
พระฤาษีกไลโกษฐจึงไดแจงใหธาตุกายสิทธิท ์ ั้งหลายไดทราบวา
“ ฉันมิไดรูเองเห็นเองหรอก แตมีผูที่เขาเห็นกอนฉัน เขาจึงนํามาชี้แนะ
ใหฉันรูและเขาใจตามไปดวย ” จิตวิญญาณในธาตุกายสิทธิ์ทั้งหลาย
จึงขอรองใหพระฤาษีกไลโกษฐชวยนําคําสั่งสอนนั้นมาชี้แนะแกพวก
ตนเองบาง พรอมทั้งยอมรับนับถือพระฤาษีกไลโกษฐ ซึ่งหมายความวา
ผูมีความรูอันกวางใหญไพศาลนับตั้งแตบัดนั้นเปนตนมา
ฤาษีกไลโกษฐจึงชวยชี้แนะใหธาตุกายสิทธิ์ทั้งหลาย จนละวางจาก
การกระทําทั้งหลายทั้งปวงที่เปนการเบียดเบียนซึ่งกันและกัน เพราะมันจะ
ทําใหเกิดกรรมขึน้ มาไดอีก และไดแนะใหจิตวิญญาณที่อาศัยอยูใ นธาตุ
กายสิทธิท์ ั้งหลาย ใหตั้งใจกระทําแตในสิ่งที่เปนบุญเปนกุศลและสิ่งที่เปน
๘๘๖
ธาตุเหล็ก : ซึ่งเปนธาตุที่มีอยูมากทีส
่ ุดและมีความแข็งแกรงมากใน
จักรวาล เพราะสภาวะความรอนภายในหวงจักรวาลไดทําใหธาตุดิน น้ํา ลม
ไฟ และอากาศธาตุเกิดปฏิกริยาและรวมตัวกันแตกตัวออกไปสูธาตุตางๆ
และเผาไหม หลอมละลายธาตุไปเรื่อยๆจนทําใหธาตุเกิดการกลั่นกรองธาตุ
และจากการเปลี่ยนแปลงของพื้นผิวของเปลือกโลกอยูบอยๆ จนทําใหธาตุ
เหล็กเกิดการรวมตัวกันอยางหนาแนน และเหนียวแนนที่สุด
๘๘๗
เมื่อธาตุทั้งหลายไดลงไปรวมตัวกันอยูในบอยาธาตุขนาดมหึมาแลว
พระฤาษีกไลโกษฐจึงทําใหเหลากายทิพยทงั้ หลายทีเ่ ปนเจาของธาตุ
กายสิทธิเ์ หลานั้น ลองลอยอยูในอากาศธาตุรอบๆ บริเวณบอยาธาตุ
ณ มณฑลพิธีอันยิง่ ใหญ ฤาษีจึงนําเหลากายทิพยทั้งหลายเจริญภาวนา
เพื่อนําจิตใหอยูในความสงบ และระลึกถึงครูบาอาจารยผูมพ ี ระคุณทังหลาย
นึกถึงคุณงามความดีทั้งปวงที่ไดสรางสมอบรมมาเพื่อทําใหเจตสิกของกาย
ทิพยเกิดความบริสุทธิ์ภายในจิต เพื่อที่จะไดนําเอาธาตุเหลานัน ้ มีฤทธิ์อํานาจ
และจะไดรวมตัวกันเปนหนึ่งเดียว ณ บอยาธาตุ
เมื่อพระฤาษีกไลโกษฐนําจิตของตนเขาสูฌานสมาบัติเรียบรอยแลว
จึงตั้งจิตอธิษฐานพรอมกันวา “ วัตถุธาตุใดๆ ที่มีอยูบนโลกธาตุแหงนี้
ที่เปนสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีฤทธิ์อํานาจ หาประมาณมิไดในจักรวาลนี้ ที่ยังไมมี
เจตสิกอืน ่ เขาไปอาศัยครอบครองในธาตุขันธ ขอใหมารวมตัวกัน ณ บอยา
ธาตุอันศักดิ์สิทธิ์แหงนี้ ”
พรอมๆกับใหเหลากายทิพยทั้งหลายตั้งจิตอธิษฐษน ขออํานาจบารมี
ของพระเวทยสภูอหังกรณทเี่ ปนบรมครูของตนจงบังเกิดขึ้น ณ มณฑลพิธีอัน
ศักดิสิทธิ์แหงนี้ดวยเทอญ. เมื่อธาตุกายสิทธิ์มารวมตัวกันอยู ณ บอยาธาตุ
แหงนี้แลวบวกกับบุญบารมีแหงการอธิษฐาน เพื่อใหเหลาธาตุรวมตัวกัน
ใหจงได จึงทําใหโลกธาตุทั่วทั้งจักรวาลเกิดการสั่นสะเทือนเลือนลั่น
จนกลายเปนแสงสีและเกิดเสียงตางๆขึ้น จนกลายเปนสารพัดแสงสารพัดสี
รวมตัวกันใหจงไดเพื่อใหเปนเนื้อเดียวกัน
แตยังไมสามารถที่จะรวมตัวกันได
พระฤาษีจึงรีบเขาฌานสมาบัติ
เพื่อจะตรวจสอบดูจึงรูวาธาตุ
ในแตละชนิดนั้นตางก็มีฤทธิ์อํานาจ
ไมเหมือนกันเพราะโครงสรางตางๆ
ของธาตุนั้นไมเหมือนกัน บางชนิด
เปนธาตุไฟ บางชนิดเปนธาตุน้ํา
ยอมจะเขากันไมได ( แตจะตอง
อาศัยซึ่งกันและกันอยู ) หากตนเอง
จะใชฤทธิ์อํานาจจากฌานสมาบัติ
เขาไปบีบบังคับหรือเคี่ยวเข็ญเพื่อใหธาตุรวมตัวกันคงจะไมได เพราะวาจะ
ไมมีฤทธิอํานาจใดๆหลงเหลืออยูไดเลย เพราะธาตุเหลานี้มีบารมีแหงอริย
ธรรมยอมเปนไปตามกฎของวัฏสงสารที่จะตองเกิดขึ้นตั้งอยูและแตกดับลงไป
๘๘๙
เหมือนกันและไมมีสิ่งใดๆ ที่จะหลุดพนจากวัฏสงสารไดแมกระทั่งฤทธิ์อํานาจ
ทั้งมวล เพื่อพระฤาษีกไลโกษฐไดพิจารณาและเห็นควรแลวที่จะไดบีบบังคับ
ทําใหตองเสียของไป จึงตั้งจิตอธิษฐานเสียใหมวา
“ธาตุชนิดใดที่สามารถรวมตัวเขากันได ก็ขอใหรวมกันเทาทีจ ่ ะรวมกันได
สวนธาตุที่ไมสามารถรวมตัวกันไดก็ขอใหแปรกลับสูสภาพเดิม ”
พรอมๆกันนั้นเอง พระฤาษีกไลโกษฐจึงขออาราธนาอัญเชิญพระ
เวทยสภูอหังกรณ ชวยพิจารณาสิ่งที่ทําใหหมุนวนสารพัดแสงสารพัดสีอยูใน
บอยาขณะนี้ พระเวทยสภูอหังกรณเมื่อไดพิจารณาเหลาธาตุกายสิทธิ์ที่บอ
ยาธาตุแลวจึงเห็นสมควรวา
“ บารมีธรรมทั้งหลายที่ไดมารวมตัวกันอยูในบอยาธาตุแหงนี้นั้น
จงแผกระจายบารมีแหงธรรมสัจจะออกไปทั่วทั้งจักรวาล เพื่อจะไดเปน
ประโยชนแกมวลมนุษยสัตวสืบไป ใหการปฏิบัติเพื่อความหลุดพนออกไป
จากกองทุกขในภายภาคหนานี้ดวยเทอญ ” ( เพื่อใหธาตุกายสิทธิ์นี้จะมาเปน
อุบายแหงธรรม เพื่อใหผูทปี่ รารถนาการหยุดของจิตไดมองสัจธรรมของ
ความเปนจริงนทุกขัง อนิจจัง อนัตตาไดงายเขา )
สวนกายทิพยทั้งหลายทีก ่ าํ ลังสํารวมอยูในสมาธิจิตจนเกิดบารมีธรรม
เพิ่มมากขึ้น ทําใหอทิสมานกายเพิม ่ ความบริสุทธิ์มากขึ้น กลายเปนเทพ
กลายเปนพรหม มหาเทพ มหาพรหมไปลว ตามลําดับความบริสุทธิ์
แหงจิตนั้นๆ พระฤาษีกไลโกษฐจึงมอบใหเทพพรหมทัง้ หลายทีก ่ ําลังอยู
ณ บอยาแหงนี้ จงเปนผูดแ
ู ลรักษาธาตุแหงธรรมเหลานี้
เมื่อทุกเจตสิกตั้งจิตอธิษฐานเรียบรอย
วัตถุธาตุในบอยาแหงนี้จึงระเบิดตัวออก
และแตกกระจายออกไปตามสวนตางๆ
ของโลกธาตุและจักรวาลธาตุ
เพื่อเปนบารมีแหงธรรมสัจจะตาม
คําอธิษฐานของ พระเวทยสภูอหังกรณ
และเหลาเทพเทวา นับแตนั้นเปนตนมา
พลังอํานาจไดแตกตัวพุงกระจายออก
ไปสูทองฟาเหมือนพลุที่พงุ ออกไป
๘๙๐
จนทําใหโลกธาตุนั้นเกิดการสนั่นหวั่นไหวและแสงสวางขึ้นตามแรงระเบิด
ซึ่งพุงตัวผานไปจนสุดขอบจักรวาลในคราวเดียวกันทําใหโลกธาตุทั้งโลกธาตุ
เกิดการปน ปวนสะเทือนเลือ
่ นลั่น ทั้งมนุษยสัตวและเทพเทวา ฤาษีชีไพร
ที่มิไดรูเห็นในพิธีรวบรวมธาตุอันยิ่งใหญในคราวนี้เกิดความตกใจ จําตอง
เลิกราไปเสียจากการปฏิบัตแ ิ ละออกติดตามคนหาที่มาของตนเหตุแหง
การระเบิด
เมื่อธาตุกายสิทธิ์ไดแตกกระจายออกไปแลว พระฤาษีจึงไดรวบรวม
ฌานสมาบัติของตนเอง เพื่อเจตสิกของเหลาเทพเทวาที่ยอมสละธาตุขันธ
และรวมแรงรวมใจในการอธิษฐานติดตามธาตุกายสิทธิไ์ ปเพื่อดูแลรักษาธาตุ
กายสิทธิต ์ างๆ ที่เกิดขึ้นใหมตามแตจริตของเทพเทวาแตละองค สุดแลวแต
องคไหนๆจะชอบแสงสีของทองคําดํา (เหล็กไหล) ทีเ่ กิดขึ้นใหมตามกระแส
ฌานบารมีของเทพเทวาแตละองคเพื่อติดตามทองคําดํา ที่พุงตัวแตก
กระจายออกไปกลายเปนกระแสแหงอริยธรรม เพื่อที่จะเปนแนวทาง
เพื่อที่จะไดเปนประโยชนแกผูที่มีบญ
ุ บารมี ที่จะไดอาศัยทองคําดําในการ
ประพฤติปฏิบัติธรรมสืบตอไปในภายภาคหนา และยังจะไดอาศัยฤทธิ์อํานาจ
ของทองคําดําในการปองกันตัวเอง หรือในการศึกษาและแลกเปลี่ยนอริย
ธรรมซึ่งกันและกันทําใหธาตุกายสิทธิ์เหลานี้ มีคายิ่งจนเปนที่ตองการของ
เหลาเทพเทวาทั้งมิจฉาทิฐิและสัมมาทิฐิ รวมไปถึงมนุษย และผูที่มีฤทธิ์
อํานาจทั้งหลาย
๘๙๑
ธาตุเหลานี้จึงมีคามากสําหรับเจตสิก ทั้งสัมมาทิฐิและมิจฉาทิฐิ
แตลักษณะสีของธาตุจะออกไปในทางสีดําเปนสวนใหญ เนื่องจากสวนผสม
ของดินกากยายักษ แตเหล็กที่โดนเผาไหมหลายๆครัง พวกไพรดําตางๆ
ที่ไดดึงดูดเอาพลังอํานาจมาสะสมเอาไวภายในตัวของมันเอง มวลสารสวน
ใหญที่มผ ี สมรวมตัวกันกลายเปนเหล็กไหลทีเ่ หลาเทพเทวาถือวาเปนของ
ที่มีคามากจึงเรียกธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้วา “ ทองคําดํา ”
สวนธาตุที่ยังไมสามารถที่จะเขากันได ยังคงหลงเหลืออยูภายในบอ
ยาธาตุอีกเปนจํานวนมาก เมื่อโลกธาตุเกิดแรงระเบิดและสั่นสะเทือนไปทั่ว
โลกภพ เมื่อเสย ี งเงียบหายไปแลว เหลาบรรดาฤาษีชีไพร มนุษย สัตว
และเทวดา รวมไปถึงผูมีฤทธิ์อํานาจทั้งหลายตางก็มุงเหาะหินเดินอากาศ
ดําดินหายตัว หรือยนระยะทาง ฯลฯ สดแล ุ วแตใครจะมีฤทธิ์อํานาจในทางใด
ตางก็มุงหนากันมาจากคนละทิศคนละทาง ก็มารวมตัวอยู ณ บอยาธาตุอัน
ศักดิสิทธิ์ โดยมิไดนัดหมายกันมากอน เพราะตางก็รูกน ั ดีดวยฌานสมาบัติ
ของตนเองเปนอยางดีวาของวิเศษทีส ่ ุดไดอุบัติเกิดขึ้นบนโลกภพแหงนี้แลว
จึงทําใหทุกๆคนทุกๆเจตสิกอยากไดเปนเจาของ แมแตธาตุที่ยัง
หลงเหลืออยูในบอยาธาตุก็ยังเปนทองคําดํา ถึงแมจะยังไมสมบูรณเต็มที่ก็
ตามที แตก็ยังมีฤทธิ์อํานาจเหมือนกัน เราจึงเรียกธาตุทองคําดําที่ยังไม
สมบูรณนวี้ า “ ไหลเพชรดํา ”
เมื่อทุกคนตางก็มารวมตัวกันอยู ณ บอยาธาตุแหงนี้เมื่อเห็นธาตุ
กายสิทธิย ์ ังหลงเหลืออยูในบอยา จึงเกิดการแยงชิงกันเพื่อจะใหไดมา
ซึ่งความเปนเจาของ เพื่อความมีอํานาจที่จะพึงเกิดขึน้ แกตนเอง
จนกลายเปนสงครามเลือดเกิดขึ้นภายในบอยาธาตุแหงนั้น
๘๙๒
เพื่อแกงแยงใหไดมาเปนเจาของใหจงได ตางฝายตางก็ไมยอมที่จะ
ลดราวาศอกใหกัน เพราะตางฝายตางก็ถือวาตัวเองเกงมีฤทธิอํานาจมาก
จึงไมมีใครยอมใคร เพราะตางก็ไดผานการฝกฝนปฏิบัตต ิ อจิตมาเปนอยางดี
จึงฆากันตายเพียงทิฐิมานะ อยากทีจ ่ ะเอาชนะกันเพียงอยางเดียว
เพราะมัวไปหลงอยูในฤทธิอ ์ ํานาจของตนเอง จนกลายเปนการปฏิบัติ
ผิดทางไป จึงตองมาฆาฝนกันเอง ตายแลวตายอีก จนเลือดเจิ่งนอง
และไหลทวมทนไหลเพชรดําเอาไวภายในบอยาธาตุ
แมเวลาจะผานไปหลายวันหลายคืนก็ยังไมยอมเลิกรา สวนพวกที่ตาย
ไปก็ตองเปนอาหารอันโอชะของไหลเพชรดําไปโดยปริยาย แมฝนจะตกลง
มาอยางหนัก ฟาจะผาลงมา ก็ยังไมยอมเลิกราไป เพราะไฟแหงตัณหา
และความทะเยอทะยานอยากทั้งหลายก็ยังลุกโชนอยูในบอยาธาตุจนฝนตก
อยางหนักเพื่อความเรารอนของผูทม
ี่ ฤ
ี ทธิ์อํานาจมาก เพื่อเตือนสติของ
ทุกๆคน ใหมีสติกลับคืนมาจนทําใหน้ําฝนและน้ําเลือดทวมเต็มอยูในบอยา
อาถรรพณจนบอหินขนาดมหึมา ที่เพิ่งจะผานแรงระเบิดและการสั่นสะเทือน
ไปหมาดๆ ไมสามารถที่จะทนรองรับน้ําหนักตอไปไดไหว จึงเกิดพังทะลาย
ลงมา จนทําใหทุกๆสิ่งทุกๆอยางที่อยูภายในบอยา ธาตุไหลเพชรดํา
กลายเปนทองคําดําไหลออกไปสูสถานที่ตางๆ ไหลไปตามพื้นผิวของ
เปลือกโลก ไหลเพชรดําและทองคําดํา (แตกตางกันที่บารมี) ไดแตก
กระจายไปอยูตามสวนตางๆของโลก และลองลอยอยูใ นจักรวาลในรูป
ของสะเก็ดดาวขนาดเล็กหรือขยะอวกาศ โดยมีกายทิพยซึ่งเปนกาย
ละเอียดของเทพเทวาติดตามออกไปดูแลรักษาไมวาเหล็กไหลนั้นจะไปตก
อยูในระบบของดวงดาวใดๆ เพื่อออกไปเรียนรูและศึกษาเผยแพรบารมีแหง
๘๙๓
ธรรมสืบตอไป เหล็กไหลชนิดนี้เมื่อกาลอันสมควรก็สามารถเดินทางกลับมา
ยังโลกมนุษยไดเราจึงเรียกเหล็กทีเ่ พิง่ จะเดินทางกลับมาจากตางดาววา
เหล็กไหลตางดาวอุลกมณี อุกกาบาตหรือสะเก็ดดาวตางๆ
สวนเหล็กไหลเมือ ่ ระเบิดตัวเองออกไป ที่มีแรงอัดนอยก็จะแตกกระจาย
ไปตกอยูต ามสวนตางๆของโลก โดยเฉพาะในมหาสมุทรจะมีอยูมากที่สด ุ
เมื่อตกสูพ ื้นผิวของเปลือกโลกแลว หรือพวกที่เพิ่งจะไหลตัวออกมาจากบอ
ยาธาตุก็พยายามหาทางหลบหนีความรอนจากดวงอาทิตย กลัวแสงแดดที่
จะมาแผดเผาทําลายไป โดนไฟรอนจากดวงอาทิตย กลัวแสงแดดที่จะมา
แผดเผาทําลายไป โดนไฟ ปาเผาทําลายบาง จึงรีบหลบหนีแทรกซึมลง
สูพื้นดินหรือหนีไปอยูตามถ้าํ ตามปา ตามเขา ในที่มีอากาศเย็นกวา
เพื่อปรับตัวสรางรังของมันขึ้นมา เปนอาณาจักรของตน
เนื่องดวยจิตวิญญาณที่ตองมาตายไปดวยความโลภของสรรพสัตว
มนุษย เทวดา และผูมีฤทธิ์มีอํานาจทั้งหลายตองมาตายไปจากธาตุขันธ
ของตนเอง แตจิตวิญญาณก็มิไดตายตามธาตุขันธ ๕ ไปดวย เมื่อตายไป
แลวแตความอยากก็ยังมีอยูจ ึงถือโอกาสเขาไปสิงสถิตยยึดครองธาตุกายสิทธิ์
มาเปนตัวเปนตนของตนเอง เพราะความตองการของจิตและความฝงใจตางๆ
บวกกับความเคยชินของจิตที่ตองการพลังอํานาจหรืออาหารมาหลอเลีย ้ ง
ธาตุขันธของตนเอง
เมื่อเหล็กไหลไดแตกกระจายและไหลออกมาจากบอยาธาตุแลว
เหล็กไหลสวนใหญชอบอยูในที่มืดๆ เพราะกลัวความรอนจากดวงอาทิตยจึง
ไหลตัวออกไปกับน้ําบาง มุดลงสูพื้นผิวของเปลือกโลกบาง เพื่อจะไปอยูในที่มี
อากาศเย็นกวา โดยเฉพาะในมหาสมุทรที่แสงอาทิตยไมสามารถจะสองลงไปถึง
บางชนิดก็เขาไปอาศัยอยูตามถ้ํา ตามปา ตามเขา ในที่มีอากาศเย็นและมีความ
ชุมชื้น แทบจะทุกสวนของของโลก เมื่อกาลเวลาไดแปรเปลี่ยนไปเหล็กไหลก็
จะปรับตัวเองตามไปดวย เพื่อใหเขากันไดดีกับภูมิประเทศที่ตนเองไปอาศัยอยู
จนทําใหสีสันของเหล็กไหลคอยๆ เปลี่ยนแปลงตามไปดวย
๘๙๔
๑. สีสันเปลี่ยนแปลงไปตามจริตของเทพเทวาที่เขาไปดูแลรักษา
๒. สีสันจะเปลี่ยนแปลงไปตามภูมิอากาศ ภูมิประเทศ
ทําใหสีสันและรูปพรรณสัณฐานของเหล็กไหลเกิดการเปลี่ยนแปลง
แตสวนที่สําคัญที่สุด คือ จิตวิญญาณที่เขาไปครอบครองดูแลรักษาเหล็กไหล
มีทั้งเทพเทวาที่เปนสัมมาทิฐิและมิจฉาทิฐิที่ดีและชั่วปะปนระคนกันไป ตามแต
บารมีของธาตุนั้น แลวเหล็กไหลก็ยังแบงออกเปน ๒ เพศ คอ ื เพศผูและเพศเมีย
เพื่อที่จะสะดวกในการขยายเผาพันธุ ขยายอาณาจักรของตนเองขึ้นมารูปพรรณ
สัณฐานตางๆของเหล็กไหลไมแนนอนหรือตายตัวไป เพราะตราบใดทีเพศผู ่ และ
เพศเมียยังรวมตัวกันอยูเปนเนื้อเดียวกันภายในโครตของมัน ซึ่งมีทั้งพอ แม
พี่ นอง ลูก หลาน รวมไปถึงขี้ รัง และอาณาจักรของมัน แตเมื่อมันสามารถที่
จะหลุดออกมาเปนอิสระได มันก็คอยๆแข็งตัวและคงรูปถาวรสืบตอไป
ตามที่ไดกลาวมาแลวขางตน
จากตํานานการเกิดเหล็กไหล
ในสมัยอสงไขยแสนกัลปกาลกอน
พระฤาษีกไลโกษฐผูสําเร็จญาณสมาบัติ
เปนผูเพงฌาณเรียกแรธาตุชนิดหนึ่ง
ซึ่งมีลักษณะแข็งตัวไดหลอมเหลวได
สลายตัวไดและรวมตัวกันได มีลักษณะ
เหมือนเหล็กไมใชเหล็ก ทานเรียกใหมา
รวมตัวกันอยูตามถ้ํา ตั้งแตสมัยแอตแลนติส
ซึ่งเคยมีความเจริญรุงเรืองสูงสุดในยุคนั้น แตไดลมสลายหายไปจากแผน
ที่โลกเชื่อกันวาทวีปนี้ไดจมหายไปในมหาสมุทรเมื่อคราวน้ําทวมโลกครั้งใหญ
และโนอาไดเปนผูสรางเรือใหญหนีน้ําทวม ตามเรื่องราวที่ไดถูกบันทึกอยูใน
คัมภีรโบราณ
นอกจากนี้ยังมีทานมหาฤาษีกัสสปและเหลามหาฤาษีผูทรงฌาณสมาบัติ
บรรลุอภิญญาสูงสุด ทานก็เปนผูที่ไดเพงฌาณเรียกแรดังกลาวมารวมกันที่
ผนังถ้ํา เพื่อเปนที่พํานักของวิญญาณ ไดเล็งเห็นดวยอํานาจทิพยจักษุญาณวา
ภายใตแผนดินนี้ลึกลงไปประมาณ ๓ กม. มีแหลงรวมของธาตุกายสิทธิ์มากมาย
หลายชนิด หลอหลอมปะปนรวมกันอยูในใจกลางโลก ซึ่งเปนที่รูจักกันดีในโลก
วิทยาศาสตรวา “ ลาวา ” นั่นเอง แตภายใตหินลาวาเหลานั้นมี “ แรเหล็ก ”
ชนิดหนึ่งที่สมบูรณดวยคุณภาพ และเยี่ยมยอดเหนือกวาเหล็กชนิดอื่น
มหาฤาษีผูทรงฤทธิอภิญญา จึงใชพลังจิตดวยฤทธิ์อภิญญษของทานดึง
เอาแรเหล็กดังกลาวขึ้นมาจากใตลาวา อธิษฐานจิตใหเปนของศักดิ์สิทธิ์สุดวิเศษ
มีอํานาจกายสิทธิ์ มีฤทธิ์คุมครองปกปองสรรพภัยไดอยางอัศจรรย ดวยพลัง
อํานาจจิตชั้นสูงปลุกเสกบรรจุไวดวยอํานาจแหงฤทธิ์ของมหาฤาษีนั้น จากนั้น
ไดใชอํานาจอิทธิฤทธิตัดเหล็กวิเศษออกทําเปนรูปเคารพของตน เชน
รูปพระอิศวร รูปพระนารณ รูปพระพรหม แลวอัดพลังเจโตสมาธิหรือพลังฌาน
เขาไปพรอมกับอธิษฐานใหเกิดความศักดิสิทธิ์
แตก็มีมหาฤาษีบางทานมีศรัทธาแกกลา
เขาฌาณเต็มอัตราแลวถอดจิต หรืออาตมัน
ของตนเองดวยมโนมัยฤทธิ์ เขาไปอยูใน
เทวรูปเหล็กไหลวิเศษนั้นเลยทีเดียว ถือวา
เปนการสละชีวิตบูชาองคพระผูเปนเจา
ตามลัทธิ์ความเชื่อถือ ฤาษีทานอื่นเห็นเขา
ก็เอาแบบอยาง เพราะถือวาเปนกุศลสูงสุดที่
ไดเอาดวงจิตเขารวมปรมาตมันของพระผู
เปนเจาโดยทางลัด
๘๙๖
นับไดวาเปนตนแบบของเหล็กไหลที่เกิดขึ้นเปนครั้งแรกในโลก จนในกาล
ตอมาไดเปนคตินิยมสืบทอดกันมาในทางพระพุทธศาสนา ที่ผูสําเร็จฌาณ
อภิญญาชั้นสูง นิยมถอดจิตตนเองดวยวิธี มโนยิทธิ เขาไปอยูในรูปปนพระพุทธ
ปฏิมากร แลวอธิษฐานใหพระพุทธรูปนั้นลอยไปตามน้ํา เปนสถานที่ใดเหมาะสม
ที่จะใหประชาชนไดกราบไหวบูชา ชาวบานก็จะทําพิธีบวงสรวงชักลากขึ้นไป
สักการะบูชาไดสําเร็จ เชน หลวงพอโสธร หลวงพอวัดไรขิง หลวงพอบานแหลม
หลวงพอทอง เปนตน
เหล็กไหลจึงเปรียบไดกับรางกายของทานมหาฤาษีทั้งหลาย ที่มีวิญญาณ
อันเปนอมตะของทานมหาฤาษีครองอยู จึงไดเกิดอภินิหารเหนือสิ่งมีชีวิตทั้งปวง
จนบางครั้งมีผูเรียกขานกันวา “ ธาตุกายสิทธิ์ ”
๑. สายสิญจนจากปากหลุมลูกนิมิต ใชสําหรับผูกเหล็กไหล
๒. ไมตะขอ ๙ อัน มีความหมายรวมถึง ขอนะ ขอเถอะ ขอแลว ขอครับ ขอคะ
ขอเล็ก ขอนอย ขอมาก ขอหมด รวม ๙ ขอ สําหรับขอที่ ๑๐ เปนไมขอพิเศษที่มี
ขนาดใหญกวาทุกอันและใหเลือกเนื้อไมที่แข็งกวาทุกอันนํามาเขียนอักษรขอมหรือ
พระคาถาลงไปเปนคําวา( เหลือ ) เขียนเสร็จแลวปลุกเสกดวยคาถาชูชกคือนะโม ๓ จบ
๘๙๙
ผูทําพิธีตองนั่งกรรมฐาน เมื่อจิตสงบดี
แลวก็กาํ หนดใหเห็นภาพเหล็กไหลหรือ
ของขลังที่อยูนั้นเคลื่อนตัวออกมา
ถาเปนเหล็กไหลใหใชเทียนหนัก ๙ บาท
จากนั้นใหทําการเรียกเหล็กไหลดวย.
๙๐๐
( ถาพลังจิตของอาจารยที่ทําพิธีมีพลังสูงกวาเทพผูรักษาเหล็กไหล เหล็กไหลนั้นจะเริ่ม
ยืดยอยออกมา เอาน้าํ ผึ้งไปลอใหเหล็กไหลกิน แลวคอยๆ ลดน้ําผึง ้ ใหอยูต่ําลง
เพื่อลอเหล็กไหลใหยอนตัวตามน้ําผึ้ง ซึ่งทําใหไดเนือ
้ เหล็กไหลมากขึ้น )
ขณะที่เหล็กไหลพอเพียงที่จะทําพิธีตัดไดแลว ก็ใหเอาสายสิญจนที่จัดเตรียมไว
โดยปลุกเสกไวอยางดี มาผูกโคนเหล็กไหลติดกับหิน เพื่อปองกันไมใหเหล็กไหลหด
หนึกลับเขาไปในหิน แลวทองนะโม ๓ จบ แลวกลาว
นี่คือเรื่องราวมหัศจรรยของเหล็กไหลที่ลอ
ื เลือ
่ งไปทั่วโลก เปนธาตุอมตะที่ทุกคนมุงแสวง
ใครอยากไดเปนเจาของ ก็ยังเปนที่ตอ
งการของผูคนอยูอยางไมเสื่อมคลาย
๙๐๒
ผูจะทําพิธีตัดเหล็กไหล ตองเปนผูที่มีคณ
ุ ธรรมประพฤติปฏิบัติรักษาศีลไดมั่นคง
ไมมีจิต ละโมบ คือ ตองขออนุญาตจากเทพผูดูแลรักษาเสียกอน เมือ ่ ไดรับอนุญาต
จึงคอยทําพิธีตัดเอา มิฉะนั้นหากเราขืนกําลัง หมายแยงชิงเอาโดยพละการ ถือดีใน
พระเวทยก็อาจมีเพทภัยถึงแกชีวิต หรือเกิดความขัดแยงในหมูคณะจนถึงขั้นวิบัติเอาได
ดวยอิทธิฤทธิ์ของเทพผูรักษาเหล็กไหลนั่นเอง
แตถาเทพผูรักษาตรวจดูดวยฌาณและมองเห็นวาในอนาคต คณะคนหาจะเกิดความโลภ
ไมทําตามสัจจะที่ใหไว เพื่อไมใหเปนบาปกรรมที่ตองฆาคน ทานก็อาจจะไมมอบเหล็กไหล
ใหก็ได เพราะทานเหลานี้ยอมมีอํานาจที่จะพาของเหลานี้ลองหนหรือซุกซอนหาที่ใหมได
หรืออาจะกําบังตาได
ดวยเหตุนี้ผูมีวิชาอาคมที่มีพลังจิตแกกลา บางครั้งก็จะถือโอกาสเขาแยงชิงดวยความโลภ
เพียงวาใครจะเกงกวากันระหวางเทพหรือวิญญาณผูรักษาเหล็กไหลหรือเจาของเหล็กไหลนัน ้
จะอนุญาตหรือไม ก็ตองทําการเสียงทายกันดัวยไหวพริบปฏิญาณอีกครัง ้ โดยอธิษฐาน
กลาวออกมาดังๆ วา
๑. ตรวจดูผนังถ้ําที่เหล็กไหลไหลผาน กาเครื่องหมายวงกลมตําแหนงผนังถ้ํา
ที่เหล็กไหลจะแทงทะลุออกมา เหล็กไหลชิ้นนี้สเี ขียวเขมปกแมลงทับ
๒. สมาจิตอัญเชิญ เหล็กไหลแทงทะลุผนังถ้ําเหมือนงูไหลเลือ
้ ยออกมา
เหล็กไหลชิ้นนี้มีสด
ี าํ
เหล็กไหลสองชิ้นนี้อยูบนเหลือบถ้ํา
ตองเอื้อมมือไปตัดใชคีมตัดเหมือนตัดเหล็ก
เปนเหล็กไหลสีน้ําเงินและเหล็กไหลสีน้ํานม
หรือที่เขาเรียกวา น้ํานมแผนดิน
๙๐๔
๓. เหล็กไหลมาลัยสองชาย ออกมาเปนคูทพ
ี่ ื้นถ้ํา คือเหล็กไหลตัวผูและเหล็กไหลตัวเมีย
เหล็กไหลตัวผูจะใหญกวา ทั้งสองตองไหลออกมาพรอมกัน
พิธีกรรมทดสอบเหล็กไหล
ในการทดสอบบารมีของเหล็กไหลนั้น จะทําเปนเลนๆ หรือเพือ ่ ความรูอยางเดียวหาไดไม
เพราะเหล็กไหลในที่นี้มีจิตวิญญาณครอบครอง มีความรูสึก รัก โกรธ เกลียดชอบ หรือดีเฉกเชน
ความรูสึกของสัตวโลกทั่วไปที่ยังไมพนความเปนปุถุชน เพียงแตอาศัยธาตุขันธ ประกอบเขากันใช
เปนที่อยูอาศัย โดยใชบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์ ความเปนเทพในระดับภพภูมิตางๆ แฝงเขาอาศัยอยู
ดังนั้นมีใครหากคิดไมซื่อหรือไมดีที่จะมาทําลายหรือมุงราย ดวยเจตนาที่ไมบริสุทธิ์ จะมีการตอตาน
หรือตอสูเกิดขึ้นไดเชนกัน เชนทําใหอานุภาพของดินปนชื้นจนยิงไมออก บางครั้งผูที่ทดสอบดวยปน
จะถูกเหล็กไหลตอสูยุดฉุดรั้งปนหรือแขนไวจนไมสามารถจะยิงได จนสุดทายถูก สิ่งที่มองไมเห็น
ถีบหนาอกหรือจุกแนนหนาอก จนไมสามารถทําการยิงได บางครั้งลมลงทั้งยืนเลยก็มี
ผูอานหลายคนอาจจะไมเชื่อวาสิ่งเหลานี้เปนจริงหรือไม หรือเกินความจริงไปหรือเปลา
แตสิ่งเหลานี้รอการพิสูจนจากผูที่สนใจและตองการสิ่งที่มีอานุภาพในการปกปอง คุมครอง
ไมใชจากนายหนาหรือผูที่หากินทางอาชีพยิงเหล็กไหล โดยหลอกวามีนายทุนใชใหมาทดสอบบาง
มีการวางเงินเดิมพันบาง มิฉะนั้นถาพบของจริงอยางที่วาแลวทานอาจจะพบกับเหตุการณที่นากลัว
จากสิ่งที่มองไมเห็นเหลานี้ไดโดยงายก็ได แตสงิ่ เหลานี้ตองยอมรับอยางหนึ่งวาเปนสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
สดๆรอนๆตอหนาสายตาของคนนับรอยนับพัน
๙๐๕
เปนแรธาตุกายสิทธิ์ชนิดหนึ่งที่เกิดมา
พรอมกับโลก ซึ่งมีจติ วิญญาณครอง
มีหลากหลายชนิด หลายสีหลายคุณสมบัติ
ตามแตละชนิดนั้นๆ มีอภินิหารมหัศจรรย
หลายอยางหลายประการของเหล็กไหล
แตละประเภท กินไมขีด ลองหนหายตัว
ไปในอากาศ เสด็จหนีไปหลายคืน
หลายวันก็ได และมีคุณวิเศษอยางทึ่ง
มหัศจรรยไมนาเปนไปได
เหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์นี้พอจะแบงเปนประเภทใหญๆได ๒ ประเภทดวยกันคือ
๑. ประเภทที่มีจิตวิญญาณครอง
๒. ประเภทที่มีจิตครอง แตไมมีวิญญาณครอง ฯลฯ
ผูที่มีธาตุกายสิทธิ์เหลานี้อยูแลว จะไดรับทราบยอๆ ความเปนมาและอื่นๆ เล็กนอย
เชน การบูชา การเก็บรักษา ขอใหทานไดไตรตรองและพิจารณาดวยจิตที่เปนกลางจะเชื่อ
หรือไมสุดแลวแตเพราะเปนเรื่องปจจัตตัง ที่จะรูไดเฉพาะตนและผูตองการ ที่จะรูเทานั้นจึง
จะได ดวยการศึกษาคนควาหลายอยางหลายดานและหลากหลายมุมมอง ทั้งดานการศึกษา
อานและคนหาประสบการณจากของจริงที่มีอยูโดยไมปฏิเสธเรื่องใดๆ เพราะทุกอยางจะรูได
ดวยการเรียนรูไดทั้งนั้น ศึกษาดวยจิตสัมผัสจะหมดปญหา วาของจริงหรือปลอมแปลง
เลียนแบบกัน ซึ่งมีการปลอมแปลงเลียนแบบกัน ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงเลียนแบบตมตุนกัน
ทุกอาชีพแมวงการพระเครื่องก็เชนกัน พยุงความโลภหลงใหนอยลง บางก็จะพบกับความ
จริงของธาตุกายสิทธิ์แนนอน
ธาตุกายสิทธิ์เหลานี้ที่เปนของจริงนั้น ผูมีวาสนาจะไดครองตองเคยสั่งสมบารมี
รวมกันมาแตในครั้งอดีตชาติ หรือเปนผูมีคุณธรรมประจําใจ มีทาน ศีล และพรหมวิหาร
ธรรมหรือเจตนาเปนกุศล ทั้งกายใจ ตอหนาและลับหลัง ยอมมีโอกาสไดครองธาตุกายสิทธิ์
( เหล็กไหล ) นี้ไดเชนกัน
ดังนั้นหากผูแสวงหาเหล็กไหล หรือผูครอบครองเหล็กไหลที่มีจติ เปนอกุศล
พฤติกรรมทราม มีจิตวิญญาณระดับต่ําไรศีลธรรมประพฤติผิดศีล ขาดหิริโอตตัปปะ
ไรคุณธรรม มากดวยอภิชฌา ( โลภ ) ดวยตัณหาราคะจัดมักมากสําสอนในกาม
มากดวยความโกรธพยาบาท ขาดความเมตตาปรานี และเปนมิจฉาทิฐิ หลงมัวเมาไมรูจัก
บุญไมรูจักบาปไมรูบุญคุณรูโทษ วัตถุกายสิทธิ์ประเภทนี้จะอยูดวยไมไดนาน เพราะจิต
วิญญาณของพรหมหรือฤาษีที่สถิตยอยูหรือเทพยดาทรงธรรมที่ปกปกรักษาสถิตอยู
ยอมไมประสงคจะอยูรวมกันกับผูทุศีล หรือไรคุณธรรม ไมเจริญและจะกลับใหโทษ
หนักตามสภาวะของผูนั้น สะสมไมดีดังกลาวมารุนแรงหรือไมเพียงใด
๙๐๗
ถาหากธาตุกายสิทธิ์นี้ตกไปอยูกับคนดีศีลธรรม ผูดีมีศีลธรรมประจําใจ
อิทธิปาฏิหาริยสามารถครอบครองงําชักนําไปสูกระแสธรรม ไดดวยคุณธรรมดี ยิ่งๆขึ้นไป
ของผูมีไวครอบครองนั้นก็จะพัฒนาทั้งจิตวิญญาณธาตุ ทั้งกายใจไปสูความเจริญยิ่งๆ
ขึ้นไปเรื่อยๆ แมปรารถนาจะบรรลุธรรมชั้นสูระดับสูง ดับทุกขสัมผัสกระแสเย็นแหง
ดวงจิต จิตอเสขะไดตามความอธิษฐานมรรคผลในปจจุบันชาติ เพราะจิตวิญญาณของ
ฤาษีก็ดี พรหมก็ดี มักจะมีอายุเปนหมื่นปของโลกมนุษย และไดผานการฟงธรรมจาก
พระโอษฐของพระพุทธเจาที่ตรัสรูผานไปแลวหลายพระองค ทานยอมรูและเขาใจ
ขออรรถขอธรรมได หมดทุกอยางระดับสูงสุด แตทานไมประสงคจะเขาสูน ิพพาน
จึงอธิษฐาน จิตชวยเหลือมนุษยที่เคยเปนบริวารญาติพี่นองเคยเกิดรวมกัน
ทั้งญาติผูใหญใกลญาติไกล หลายภพหลายชนิดมาแลวที่จิตผูกพันกันมา
ดังนั้นของดีเทานั้นจะอยูกับคนดี ซึ่งเปนเรื่องธรรมดาอยางไมตองสงสัยและนําไปใช
ไมผิดศีลธรรมดวย แตไมวาของจะศักดิ์สิทธิ์สักปานใด ถาหากใจไมยอมเชื่อถือ
ไมเคารพกราบไหวไมปฏิบัติใดๆ สิ่งนั้นก็ไรผล
เหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์
โลกตามปาตามเขาตามถํ้าแมแตหวยหนองคลองบึงรอจนกวาผูที่มีภูมิจิต ภูมิธรรมสูงไปพบเขาแลว
หยิบยกเอาธาตุกายสิทธิ์เหลานี้มาใชประโยชนเพื่อ มวลมนุษยชาติและปกปองคุมครองคนหมูมาก
ดังนั้นจึงเชื่อกันวา“เหล็กไหล”จัด เปนธาตุกายสิทธิ์ชนิดหนึ่งที่ประกอบดวยธาตุที่สําคัญดังนี้
๑. ธาตุเหล็กคือธาตุหลักเนื่องจากมีความแข็งแกรงมากที่สุดในยุคนั้น
๒. ธาตุดินที่ถูกความอัดแนนของโลกจนเกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพเปนหินสีตางๆ
เชน เพชรนิลจินดาอัญมณีหลากสี
๓. วานมหามงคลที่มีฤทธิ์อํานาจในตัวเชนวานตางๆไพรดํา ซึ่งเปนพืชที่ดูดซับเอาพลังตางๆ
จากผืนดินเก็บสะสมเอาไวในตนเองจนเกิดฤทธิ์เดช
๔. ปรอทหรือธาตุอื่นๆที่สามารถเคลื่อนไหวหรือเคลื่อนที่ไดดวยตนเองโดยการ ออนตัวแลว
กลิ้งไหลไปมีฤทธิ์อํานาจทางความยืดหยุนหรือหดตัวเองไดหลีกภัย ไดเร็วปรับสภาพตนเอง
ใหเปนไปในลักษณะตางๆได
ดังนั้นแรเหล็กที่อยูภายใตลาวานั้นยอมไดรวบรวมเอาสรรพสิ่งจากธาตุ กายสิทธิ์ทั้งหลายเหลานั้น
รวมกันไวในตัวเองคือมีฤทธิ์ในการปกปองตนเองให พนจากภัยในทุกรูปแบบเพราะฉะนั้นเมื่อมหาฤาษี
ไดใชอิทธิฤทธิ์ดึงธาตุเหลา นี้ขึ้นมาแลวถอดจิตดวยฌาณสมาบัติเขาแฝงตนอยูในธาตุกายสิทธิ์เหลานี้
๙๐๘
เพื่อฝกฝนปฏิบัติทางจิตใหยิ่งๆขึ้นไปจึงทําใหเจตสิกของผูทรงฌาณนั้นเกิด พลังอันมหาศาลแมแตจะ
งอเหล็กก็ยังไดจนมนุษยไดคนพบสิ่งเหลานี้เขาโดย ไมไดตั้งใจและไมทราบวามันคืออะไรก็เลยเรียก
กันวา “เหล็กไหล” ตามสภาวะการแสดงอิทธิ์ฤทธิ์ที่ปรากฏตอสายตาในขณะนั้นนั่นเองคือลักษณะ
เหมือนกอนเหล็กที่ยืดตัวไดมีสีสรรตางๆกันหลายรูปแบบเหล็กไหลจึงเปนธาตุ กายสิทธิท ์ ี่ทรง
อิทธิฤทธิ์จนกลายเปนสิ่งลํ้าคาที่ผูคนแสวงหาไมรูจักจบ มาทุกยุคทุกสมัยตราบจนเทาทุกวันนี้
เหล็กไหลมีหลากหลายชนิดลักษณะเปนเนื้อโลหะสีมันวาวสะทอนแสงไดดีแข็งมีนํ้าหนัก
เหมือนโลหะทั่วไปสนิมไมกินเนื้อมีพลังอํานาจในตัวทางธรณีวิทยาเรา จัดเปนแรประเภทหนึ่ง
แตคนโบราณไดคนพบธาตุกายสิทธิ์เหลานี้ขึ้นมาโดยการ อนุมานจากอนุภาคธรรมชาติที่แสดงตน
ออกมาตามสภาพที่พบเห็นแลวเรียกมันวา “เหล็กไหล” เชนยืดไดหดไดดวยตนเองไหลยืดออกมา
เปนทางยาวดับความรอนไดชอบกินนํ้า ผึ้งมีฤทธิ์ทําลายฟอสฟอรัสหรือหัวไมขีดใหหมดสภาพไปได
คือจุดไมติดเมื่อมี การทดลองใหประจักษแกสายตาในอิทธิ์ฤทธิ์ปาฎิหาริยจึงทําใหเกิดมีความปรารถนา
และมีความตองการสูงมีการติดตอซื้อขายกันในราคาที่คอนขางสูงคิด ตามนํ้าหนักเปนบาทหรือเปนชิ้น
เปนองคในราคาหลักรอยลานกันขึ้นไป
ธาตุน้ํานมพระแมธรณี
พระแมนางธรณีเปนผูรักษาแผนดินโลกและสิ่งที่เปนของแข็งอยูในโลกเรา นี้จึงไดถูกเรียกวา“ธาตุดิน”
ดังนั้น“เหล็กไหล”จึงจัดเปนธาตุกายสิทธิ์ที่ เกิดขึ้นมาจากธาตุของ “พระแมนางธรณี” นั่นเอง
ปรากฏการณทางธรรมชาติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของผิวโลกในหลาย ศตวรรษที่ผานมาโดย
เฉพาะแผนดินไหวภูเขาไฟระเบิดยอมกอใหเกิดการเคลื่อน ที่ของแรธาตุตางๆตามกฎของธรรมชาติ
เหล็กไหลประเภทตางๆที่อยูตามปาเขาตามถํ้าจึงไดเริ่มปรากฏตัวสูโลก ภายนอกในรูปแบบตางๆสวน
เหล็กไหลที่เกิดจากปลองภูเขาไฟระเบิดตัวแรเหล็ก ไหลจะอยูใจกลางกนบอของภูเขาและจากความ
รอนแรงที่หลอมละลายอยูภายใจกลาง โลกจึงทําใหแรธาตุตางๆรวมตัวเขาดวยกันทําใหเกิดการไหล
รวมตัวกับแรธาตุ อื่นๆอีกหลายชนิด
ธาตุเหล็กไหลนี้จัดไดวามีชีวิตจิตวิญญาณและเปนธาตุกายสิทธิ์ดวยวา มันมีพลังงานอยูในตนเองสูง
มากพลังงานนี้จะเทียบเทากับนํ้าหนักหรือแรงกด เหมือนกับสิ่งของที่มีนํ้าหนักมากๆจนบางครั้งยก
ไมขึ้นหรือยกขึ้นไมไหวนี่ แหละคือคุณคาพิเศษของธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้จึงจัดเปนธาตุที่หาไดยากมาก
จะ อยูตามถํ้าตามหนาผาหุบเขา หรือภูเขาบางครั้งเราเรียกกันวา“ธาตุนํ้านมของพระแมนางธรณี”ดวย
เกิดจาก สิ่งหลอมเหลวภายในโลกนั่นเองจึงเปรียบเสมือนเลือดนํ้านมในอกของพระแมนาง ธรณี
ปจจุบันนักวิทยาศาสตรไดใชพลังงานจากธาตุกายสิทธิ์หลายชนิดอันเกิดจาก แรธาตุธรรมชาติมาเปน
สวนประกอบสําคัญในเครื่องมือทางการแพทยอุปกรณ คอมพิวเตอรและอีเล็คโทรนิค
ธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหลก็เชนกันเมื่อคนเราไดคนพบพลังงานอันมหาศาลที่ ซอนเรนอยูจึงกลายเปนของ
ที่ทุกคนสนใจใครแสวงหากันและจะหาธาตุเหล็กใดใน โลกนี้บางที่มีพลังลึกลับอันมหัศจรรยซอนเรน
อยูในตัวเพราะเปนพลังที่ พิสดารจากธรรมชาติเนื่องจากธาตุเหล็กธรรมดาถาสัมผัสพลังดูแลวจะรูสึกวา
ธรรมดาแตถาเปนเหล็กไหลจะรูสึกถึงพลังอันหนักหนวงมีนํ้าหนักมากจนรูสึกได
๙๐๙
การสัมผัสพลังของเหล็กไหลนั้นจะตองอาศัยการฝกฝนศึกษาจากกรรมฐานจนเกิด ญาณทัศนะสัมผัส
ไดลึกละเอียดมองเห็นและถายทอดออกมาทางอารมณความคิดเพราะ พลังธรรมชาติกับพลังจาก
พุทธคุณหรือการสวดยัดวัตถุธาตุมงคลนั้นยอมจะแตกตาง กันเหล็กไหลจึงจัดเปนเหมือนแกวกายสิทธิ์
สําหรับผูครอบครองที่มีบุญบารมี เทานั้น
๑. อยูนิ่งได
๒. กลิ้งตัวเองเลื่อนไหลไปได
๓. หายตัวได
๔. ปรากฏตัวได
๕. เผาละลายตัวเองได
๖. อาวุธปนยิงไมออก
๗. ถอดวิญญาณได
๘. ยืดไดหดได
๙. กินดินปนฟอสฟอรัสได
๑๐.แชทําน้ํามนตรักษาโรคบางชนิด
๑๑.สงกลิ่นหอมได
๑๒.เพิ่มน้ําหนักและลดน้าํ หนักของตนได
๑๓.ลองหนหายตัวหนีไปกลับมายังที่อยูปกติได
๑๔.บางองคมีคุณสมบัติดูดคลายแมเหล็ก
ดังนั้น ความเขมขลังพลังฤทธิ จึงไมมีอาคมใดๆ มาสกัดหรือบีบบังคับได
เพราะเปนที่รวมพลังฌาณของพระฤาษีหรือถอดวิญญาณพรหมเขาพรหมเขาไปสถิตอยู ในแรธาตุ
กายสิทธินั้น จึงไดมีอิทธิอานุภาพปาฏิหาริยไดเกินความคิดของมนุษยปุถุชนธรรมดาทั่วไปอยาง
คาดไมถึง จึงไมควรประมาท หรือไมเชื่อก็อยาลบหลู
๙๑๐
คุณสมบัติผูที่จะครอบครองธาตุกายสิทธิ์ ( เหล็กไหล )
ไดจะตองประกอบดวยคุณสมบัติ ๓ ประการ คือ
๑. ตองเปนผูมีบุญวาสนาบารมีจึงจะได
๒.ตองมีความเชื่อมั่นศรัทธาตอธาตุกายสิทธิ์
๓.มีความปรารถนาในธาตุกายสิทธิ์นี้ไดอยางแรงกลา ซึ่งเกิดขึ้นมาในจิตวิญญาณของตนเองไม
ถูกชักจูงจากผูใดใหเชื่อทั้งสิ้น
คุณสมบัติ ๓ ประการนี้ ตองเกี่ยวของเกี่ยวเนื่องกัน.
การคนหาเหล็กไหล
การคนหาเหล็กไหลไมใชของงายเนื่องจากไมมีเครื่องมือจะตรวจคนโดยวิธี ทางวิทยาศาสตรไดแถม
บางทียังไมเคยเห็นหนาตาของเหล็กไหลมากอนวาเปน อยางไรดังนั้นในที่นี้จึงขอกลาวสรุปพอเปน
สังเขปเพื่อเปนแนวทางใหทานพิจารณาดังนี้
๑.ตามตําราบูรพาจารยผูรูในอดีตไดบอกกันตอๆ มาวาถาจะหาเหล็กไหลแลวใหสังเกตุถํ้าที่จะเขาไปหา
นั้นวามีลักษณะเชนนี้หรือไม ?
ถํ้านั้นตองสะอาดไมมีมูลคางคาวหรือมูลสัตวปาใดๆ
ถํ้านั้นตองมีอากาศเย็นชุมชื้น
ถํ้านั้นตองสงบเงียบวังเวงมีความรูสึกนาเกรงขาม
๒.คําบอกเลาอาจจะไดยินไดฟงจากพรานปาที่มีประสพการณแปลกๆหรือจากพระธุดงคที่พบเห็น
๓.การเขาทรงจากการประทับทรงขององคเทพเทวาที่บอกผานมา
๔.การเกิดนิมิตจากการนั่งกรรมฐานจนจิตรสงบแลวเกิดภาพนิมิตรสถานที่หรือมีผูพาไปชม
๕.จิตสงบจากสภาวะจิตที่สงบจนเกิดญาณหยั่งรูขึ้นมาเอง
๙๑๒
การทดสอบเหล็กไหลในถ้ํา
เมื่อพบถํ้าที่มีลักษณะดังกลาวขางตนหรือพบแหลงที่พอเชื่อไดวาจะมี เหล็กไหลอยูแลว
ก็ควรจะมีวิธีการทดสอบเพื่อใหเกิดความมั่นใจวาจะไมผิด หวังหรือเสียเวลาคนหามักจะใชปนลอง
ยิงดูในบริเวณที่คิดวานาจะมีเหล็กไหล ซอนอยูถาเล็งไปแลวยิงไมออกก็มั่นใจไดวามีเหล็กไหล
อยูในบริเวณนี้แนนอน
เมื่อมั่นใจวาพบแหลงที่อยูของเหล็กไหลแนนอนแลวก็เปนเรื่องพิธีกรรมที่จะทําพิธี
“อัญเชิญเหล็กไหล” ออกมาโดยการบวงสรวงหรืออธิษฐานจิตขอเอาจากเจาปาเจาเขาเจาถํ้า
หรือเทพผูรักษาองคเหล็กไหลแลวแตกรณี
การอัญเชิญเหล็กไหล
เมื่อเราพอทราบลักษณะสีสันรูปทรงและเรื่องราวที่เกี่ยวของกับเหล็กไหล แลวตอนนี้เราก็จะมา
ศึกษาถึงวิธีการอัญเชิญเหล็กไหลกันเพื่อเปนแนวทางในการ ศึกษาเรื่องธาตุกายสิทธิ์ที่เรนลับนี้ตอไป
การที่เราจะไดเหล็กไหลมานั้นจะ ตองประกอบไปดวยบารมีพอสมควรดวยวิธีการเฉพาะและเมื่อไดพบ
สถานที่ที่คาด วานาจะมีเหล็กไหลอยูควรจะดําเนินการอยางไรถึงจะไดเหล็กไหลมาครอบครองโดย
ถูกวิธีและไมมีอันตรายซึ่งในที่นี้จะขอใชคําวา“อัญเชิญเหล็กไหล”เพราะ เหล็กไหลที่จะไดมานั้น
ยอมมีวิธีการและที่มาแตกตางกันไปดังนี้
๑.เหล็กไหลบารมี
๒.เหล็กไหลตัด
๓.เทพเทวาเปนผูมอบให
๔.แผบารมีทิ้งไวในเหล็กไหลเมื่อถึงเวลาตองจุติ
เหล็กไหลบารมี
เหล็กไหลบารมี คือ เหล็กไหลที่เกิดขึ้นจากการทําพิธีอัญเชิญของผูมีบารมี เพื่อขอความชวยเหลือ
จากเทพพรหมผูมีบุญฤทธิ์ที่สั่งสมฤทธิ์อํานาจอยูใน สภาวะที่เปน “ธรรมธาตุ” ไดมาชวยเหลือมวล
มนุษยและสืบพระศาสนาของสมณโคดมใหอยูสถาพรตอไปในภายภาคหนา
พิธีกรรมในการอัญเชิญเหล็กไหลนี้ประเภทนี้จะประกอบไปดวยเครื่องบวงสรวง สังเวยที่เปนมังสวิรัติ
หรือผลไมแตบางครั้งวิญญาณที่เฝารักษาเหล็กไหลใน สถานที่นั้นมีทั้งเทพยักษนาคคนธรรพหรือภูติ
ตางๆปะปนกันก็ตองทําพิธี พลีกรรมขอเอาเหมือนกันจะตองจัดอาหารคาวหวานหลายอยาง
การอัญเชิญเหล็กไหลจะตองใชคาถาอัญเชิญเหล็กไหลโดยเฉพาะเทานั้นและจะ ตองมีคุณธรรมที่ได
สะสมมานานเปนบารมีเฉพาะตัวจึงมีแตคําพูดที่ไพเราะเทา นั้นจึงจะอัญเชิญเหล็กไหลใหออกมาได
เพราะ“เหล็กไหล”มีอานุภาพเหนืออาคมทั้ง ปวงไมมีอาคมของผูใดจะบีบบังคับใหเหล็กไหลยอม
จํานนไดมีแตคําเชิญที่ไพเราะ ถูกตองเทานั้นจึงจะไดเหล็กไหลดังนั้นคาถาอัญเชิญกับคาถาอาคม
ดวยพระเวทย จึงมีความแตกตางกันในเจตนา
เวลาที่เหล็กไหลจะเสด็จออกมานั้นเอาแนนอนไมไดขึ้นอยูกับบารมีบาง ครั้งไมกี่นาทีเหล็กไหล
ก็ปรากฏตนใหเห็นบางครั้งครึ่งวันหรือคอนคืนจึง เสด็จออกมาก็มีเมื่อพบเห็นแลวก็ตองใชคาถา
เอามือจับเหล็กไหลมาไวเคารพบูชา
๙๑๓
อภินิหารของเหล็กไหล
การแสดงอํานาจอิทธิฤทธิ์ของเหล็กไหลนั้น ยอมมีอภินิหาริยล้ําลึกในรูปแบบตางๆ ไมซ้ํากัน
สุดแทแตองคเหล็กไหลปรารถนาจะแสดงใหชม ซึ่งพอจะประมวลอภินิหาริยไวเปนแนวทางศึกษาดังนี้
๑๔. เหล็กไหลบางองคมีคุณสมบัติเปนแมเหล็กได
เหล็กไหลของแทที่สามารถขายไดกอนละหลายสิบลานไมวาในสมัยกอนหรือสมัยนี้ก็คงจะตองมี
คุณสมบัติดังนี้ คือ ปนยิงไมออก ชนวนระเบิดไมทํางาน ลนแลวยืดหดได ของมีคนทําอันตรายไมได
มีคุณสมบัติในการดับพิษรอนไดทุกชนิด เหล็กไหลของแทที่มีคุณสมบัตค
ิ รบถวนดังกลาวขางตน
สมัยกอนมีไมกี่กอน แมสมัยนี้ก็เหมือนกัน
ขอหาม
๑.หามผูค
รอบครอง หรือเจาของเหล็กไหล ทดลองหรือขอชมบารมีดวย
ตนเอง
๒.ชักชวนคนอื่นมาชมบารมีหรือมาทดลอง ขอหามเหลานี้ถามีผูใดฝาฝน
จะพบกับความวิบัติมากนอยแลวแตกรณี ถาผูอื่นมาชมดวยความศรัทธา
ก็จะไดพบกับความพิสดารในอิทธิฤทธิปาฏิหาริยความศักดิ์สิทธิ์ทุกราย
ประเภทของเหล็กไหล
ธาตุศักดิ์สิทธิที่เราเรียกกันวา“เหล็กไหล”นี้พอจะแบงแยกไดเปนสองประเภทใหญๆดวยกัน
๑.ธรรมธาตุกําเนิดของเหล็กไหลประเภทนี้เกิดจากจิตของเทพพรหมในอดีตอันไกล โพนซึ่งเปน
“อรูปพรหม”ที่ปรารถนาจะมาชวยรักษาพระพุทธศาสนาจึงไดลงมา บําเพ็ญฌาณในมนุษยโลกไดเขามา
สัมผัสเขากับกลิ่นอันโอชะของงวนดินที่เปน ธาตุบริสุทธิ์มาแตเดิมแลวเกิดติดใจในความโอชาของงวน
ดินเขาเมื่อเสพแลว ก็เลยหาที่พักพิงอาศัยอยูตามเงื้อมเขาตามถํ้าอันสงบเปนอยูอยางนั้นตามสภาพ
ของจิตลานปบางแสนปบางหมื่นปบางรอยปบางหนึ่งปบาง
แตในสมัยปจจุบันโลกมนุษยของเราผิวพื้นโลกไมมีความสะอาดเพียงพอจึงไมมีงวนดินอยูธาตุ
กายสิทธิ์เหลานี้จึงตองอาศัยเสพนํ้าผึ้งแทนเฉพาะในเวลากลางคืนโดยอาศัยปาเขาตางๆ ซึ่งบางคน
อาจจะเคยพบเห็นลักษณะการเคลื่อนที่ของธาตุกายสิทธิ์เหลานี้ จะปรากฏเปนดวงกลมใหญเล็ก
ลอยออกจากหนาผาหรือถํ้าออกไปจับรังผึ้งตามตนไมบางดวงก็ลอยหายไปในโพรงไม เพื่อกินนํ้าผึ้ง
โพรงบางดวงก็ลอยหายไปใตพื้นดินเพื่อกินนํ้าหวานของแมงขี้สูตร
ถาผูพบเห็นมีความสามารถพิเศษก็สามารถเชิญเขามาสนทนาไดเชนกันแตถา ตองการที่
จะครอบครองของสิ่งนี้ตองมีวาสนาบารมีสั่งสมรวมกันมาตั้งแตอดีต หรือมิเชนนั้น ก็ตองเปนผูมีศีลธรรม
จิตใจเปนบุญเปนกุศลถึงพรอมพรหมวิหารธรรมเจตนา เปนกุศลจิตก็อาจทําพิธีอัญเชิญทานใหปรากฏ
ตนออกมาเพื่อสงเคราะหชวยเหลือ ผูทรงคุณธรรมทั้งฝายฆราวาสและบรรพชิตที่ประสงคจะชวยกัน
สืบสานพระศาสนาขององคพระศรีศากยมุณีซึ่งสวนใหญจะเปนผูที่เคยเกี่ยวของกันมาแตอดีตชาติ
แลวไดจุติลงมาเปนมนุษย
เทพพรหมเหลานี้มุงการบําเพ็ญบารมีทําความเพียรจนเขาถึงอริยสัจจธรรม เพื่อที่จะไดนอมนํา
ชีวิตอุทิศตนเองถวายเปนพุทธบูชาเสริมสรางบารมีของตนจน เขาสูมรรคผลนิพพานในอนาคตกาล
ภายภาคเบื้องหนาและจรรโลงกอบกูอุปถัมภคํ้า ชูพระพุทธศาสนาที่เปนฝายสัมมาทิฐิที่ปฏิบัติถูกตอง
ตามความเปนจริงแหงธรรม ดังนั้นฤทธิ์อํานาจของเหล็กไหลชนิดนี้จะสูงกวาธาตุกายสิทธิ์ทุกประเภท
สามารถทําปฏิกิริยาตอเชื้อปะทุทุกชนิดและศาสตราวุธตางๆใหหมดอานุภาพได เมื่อเทพนั้นมีความ
ประสงคจะแสดงอิทธิฤทธิ์ใหดูหรือเพื่อคุมครองรักษาเจาของเหล็กไหลนั้น คือจะแสดงฤทธิ์ก็ตอเมื่อ
มีเหตุจําเปนเทานั้น
นอกจากนี้ยังลองหนหายตัวไดเมื่อตองการโดยการสลายรูปธาตุทั้งสี่ให เปนอรูปธาตุ
(วิญญาณธาตุ)แลวประกอบขึ้นใหมไดและเมื่อยังไมประกอบรูปธาตุ ก็จะยังไมกินนํ้าผึ้งตอ
เมื่อประกอบธาตุแลวจึงจะกินนํ้าผึ้งและตองเปน นํ้าผึ้งที่บริสุทธิ์อีกดวย
ลักษณะพรรณสัณฐานของเหล็กไหลประเภทนี้มีหลายรูปแบบเชนรูปไขกลมรีครึ่ง ซีกทรงกลม
หนําเลี๊ยบรักบี้เปนตน เพราะมองดูเผินจะมองไมออกเลยวาเปนเหล็กไหลเพราะเหมือนกอนหิน
กอนกรวดธรรมดาธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหลที่เปนธรรมธาตุ นี้แตละองคจะมีนามของตนเอง
โดยเฉพาะจะตองสอบถามนามของทานเอาเอง
ยุคสมัยปจจุบันมีผูตั้งคานิยมของธาตุกายสิทธิ์ไวสูงมากจนเกิดการทุมเทติดตามหาวัตถุธาตุ
กายสิทธิ์นี้อยางจริงจังจนหลายคนหมดเงินหมดทองไป เปนจํานวนมากแตมีนอยรายที่จะพบกับ
ความสําเร็จเพราะขาดความรูความเขาใจ ความเปนมาของธาตุวิเศษเหลานี้รวมทั้งขาดบุญวาสนา
อีกดวยพึงตระหนักอยู เสมอวาสิ่งใดมีคุณอนันตก็ยอมเกิดโทษอันมหันตได เชนกัน
หากสถานที่นั้นไมมีผึ้งทํารังอยูนานวันเขาเหล็กไหลก็จะเคลื่อนยาย เปลี่ยนที่อยูใหมตอไป
เรื่อยๆบางครั้งก็จะมีการขับถายของเสียออกมาซึ่ง เรียกกันวา “ขี้เหล็กไหล” เมื่อถายมูลเสร็จ
จะกลับเขารังตอไป สําหรับเหล็กไหลประเภทนี้มีฤทธิ์อํานาจใกลเคียงกับธาตุกายสิทธิ์ประเภทแรก
เพราะเปนการประกอบธาตุใหถูกสวนของผูมีวิชาแกกลาทางโลกียฌาณคือฤาษีชีไพรคนธรรพวิทยาธร
เปนตนแตไมสามารถคุมครองตัวเองได เพราะถาเจอะผูมี วิชาอาคมที่แกกลาจะถูกทําลายหรือแยงชิง
๙๑๕
สีของเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์
เหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์ สามารถปรับเปลี่ยน
สถานภาพของตัวเองใหเขากับภูมิประเทศ
ตนเองอาศัยอยูได เพราะเหล็กไหลเกิดจาก
แรธาตุหลายชนิดรวมกันและมีเทพเทวา
รักษาอยู ซึง่ ผิดกับเหล็กธรรมดาที่นํามา
หลอหลอมทําเครื่องใชในงานอุตสาหกรรม
งานกอสราง เครื่องใชตางๆ และอาวุธ
ยุทโธปกรณตางๆ เหล็กไหลจึงมีหลายสี
หลายรูปทรง...อาทิ
เปนอีกเรื่องหนึ่งที่นาสนใจ เพราะสีของเหล็กไหลจะบอกถึงบุญบารมีของกายทิพย
ผูรักษาเหล็กไหล ซึ่งเปนผูมีบารมีจากภพภูมิที่แตกตางกันไป ซึ่งอาจจะเปนพรหม ฤาษี เทวดา
คนธรรพ เพชร พญาธร ยักษ ที่เขาไปจับจองเปนเจาของ ทําใหเกิดอิทธิฤทธิ์ในขั้นลองหนหายตัว
ยืดหดเองได สีสันตางๆ ที่พบเห็นบอยนั้น ไดแก
ดังที่ไดเคยกลาวไวในตอนตนแลววาสีสันของเหล็กไหลนั้นจะบงบอกถึงบุญ บารมีของกายทิพยเดิม
หรือผูรักษาเหล็กไหลซึ่งเปนผูที่มีบารมีจากภพภูมิ ที่แตกตางกันไปซึ่งอาจจะเปนพรหมฤาษีเทวดา
คนธรรพเพชรพญาธรยักษที่เขาไป จับจองเปนเจาของทําใหเกิดอิทธิฤทธิ์ในขั้นลองหนหายตัว
ยืดหดเองไดสีสัน ดังนั้นสีสันของเหล็กไหลอาจแปรเปลี่ยนไดตามกาลเวลาเพราะเหล็กไหล
เมื่อไดกระจัดกระจายไปอยูในสวนตางๆของโลกซึ่งมักจะเปนสถานที่สงบอากาศเย็น ชุมชื้นทั้งใต
พื้นนํ้าตามถํ้าปาเขาลําเนาไพรเพื่อแสวงหาอริยะสัจจธรรมมา นานนับโกฏฐปก็มีการเปลี่ยนแปลงทาง
ธรรมชาติยอมมีผลกระทบตออาณาจักรของ เหล็กไหลจึงจําเปนตองมีการเคลื่อนยายที่อยูอาศัยเสาะ
แสวงหาสถานที่หรือ สรางอาณาจักรขึ้นมาใหมฉะนั้นสีสันของเหล็กไหลอาจเปลี่ยนแปลงไดดวยเหตุ
ดังกลาวคือ
๙๑๗
สีสันขึ้นอยูกบ
ั สภาพสิ่งแวดลอมภูมิประเทศดินฟาอากาศเชนแรธาตใน บริเวณนั้นอากาศหนาว
จัดอากาศรอนจัดทําใหเกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและ สีสันที่แตกตางกันออกไปเพื่อการ
อําพรางตัวปรับตัวตามอุณหภูมิ สีสันเปลี่ยนแปลงไปตามจริตของเทพเทวาในระดับตางๆอาจจะ
เนื่องดวยอํานาจ ลี้ลับของวิญญาณแหงธรรมชาติบันดาลใหเปนไปในสีตางๆหรือผูที่ครอบครอง
เหล็กไหลหมั่นฝกฝนปฏิบัติ เจริญสมาธิภาวนาอยูเนืองนิตยแลวแผเมตตาบุญบารมีของการปฏิบัตินั้น
ใหกับเหล็กไหลจะทําให บารมีของธาตุกายสิทธิ์นั้น เพิ่มมากขึน้ ตามลําดับสีสันตางๆก็สามารถที่จะ
เปลี่ยนแปลงไดเหมือนกันสีสันเกิดจากสวนผสมของสีหลักๆ ผสมกันซึ่งเปนความลึกลับอยางหนึ่ง
ของธรรมชาติเหล็กไหล
สีสันและคุณประโยชน ดังไดกลาวมาแลววาสีสันของเหล็กไหลนั้นจะบงบอกถึงบุญบารมีของ
กายทิพยเดิมหรือผูรักษาเหล็กไหลบุญฤทธิ์ของเทพพรหมฤาษีหรือคนธรรพบังบดครุฑ นาคยักษ
หรือผูที่เกี่ยวของกับเหล็กไหลผูเปนสัมมาปฏิบัตจ
ิ นมีฤทธิ์อํานาจ จากการปฏิบัตินั้นยอมสามารถ
เปลงสีแสงตางๆ เขาไปในวัตถุธาตุที่ตนตองการ ทั้งนี้ยอมเปนไปตามลําดับชั้นของภูมิจิตภูมิธรรม
ที่ไดฝกฝนมา
๑.สีเงินยวงเหล็กไหล
ชนิดนี้มีอริยเทพอริยพรหมในระดับอรูปฌาณรักษาอยู เปนเหล็กไหลที่มีบารมีธรรมในชั้นสูง
พบมากในแถบที่มีอากาศเย็นจัดพวกลามะ ทิเบตมักใชพกติดตัวจึงพบมาก ในเขตเทือกเขาสูงที่มีหิมะ
ปกคลุมเชนประเทศ ทิเบตจีนแถบภาคเหนือของไทยลาว ดีเดนทางเมตตามหานิยมคงกระพันชาตรี
แคลวคลาดและลองหนหายตัวไดชอบชวย เหลือผูปฏิบัติธรรมหรือดลใจใหผูครอบครองมีจิตใจฝกใฝ
อยูในการสรางบุญ สรางกุศล เหล็กไหลชนิดนี้จัดไดวาเปนเหล็กไหลที่มีบารมีธรรมสูงสุดในบรรดา
ผู ครอบครองเหล็กไหลทุกชนิดสมัยโบราณมักจะนําไปจัดสรางพระพุทธรูป หรือเครื่องรางของขลัง
ในสมัยโบราณดังนั้นเหล็กไหลชนิดนี้จึงมักจะอยูในความครอบครองของ นักบวชตางๆเชนฤาษีชีไพร
ภิกษุสงฆผูทองเที่ยวหาความวิเวกตามปาเขา
๒.สีเขียวปกแมลงทับเหล็กไหล
ชนิดนี้มีอริยเทพอริยพรหมในระดับรูปฌาณเปน ผูดูแลรักษาเพื่อมอบใหกับผูที่มีบุญบารมี
และผูที่กําลังประพฤติปฏิบัติ อยูในบุญกุศลเพื่อแสวงหาความหลุดพนนั้นสวนใหญจะมีบริวารเปน
จํานวนมากคอย อารักขาหลายชั้น ผูพบเห็นสวนใหญจะเปนผูประพฤติธรรมที่บังเอิญผานเขาไป
พบเขาโดย บังเอิญหรือเกิดจากการลองใจของเทพผูรักษาเหล็กไหลก็แลวแตบุคคลธรรมดาทั่วไป
อยาหมายวาจะครอบครองเปนเจาของไดโดยงาย ดีเดนในทุกๆ ทางไมวาเปนเมตตามหานิยม
โชคลาภแคลวคลาดกันภัยลองหนหายตัวมหาอุดคงกระพันยืดไดหดไดเลนกับไฟกินนํ้าผึ้ง
๓.สีทองหรือสีนํ้าตาลออนเหล็กไหล
ชนิดนี้จะมีเทวดาจําพวกคนธรรพและเหลาเพชรพญาธรเปนผูดูแลรักษามีฤทธิ์อํานาจใกลเคียง
กับเหลาพญานาคแตมีฤทธือํานาจพิเศษกวา คือ สามารถที่จะลื่นไหลไปมาไดสามารถที่จะกําบังกายได
มีอยูตามปาเขาทั่วไป ดีเดนทางดานเมตตามหานิยมโชคลาภ และความรักเดนเปนพิเศษ
๔.สีเขียวอมดําเหล็กไหล
ชนิดนี้มีอริยะเทพอริยะพรหมในระดับรูปพรหมเปน อริยะธรรมในระดับสูงที่มุงบําเพ็ญบารมี
รักษาพระพุทธศาสนาจะอยูเฝารักษาพระ บรมสารีริกธาตุหรืออรหันตธาตุที่สําคัญไวจึงมักจะปรากฏ
เปนลูกไฟดวงใหญ เปนสีแสงคุมครองรักษาธาตุศักดิ์สิทธิ์ไมใหผูคนเขาไปรบกวน เดนทางดาน
อิทธิ์ฤทธิ์เนรมิตภาพมายาสงเสริมผูใฝในการปฏิบัติธรรม ในรูปแบบการชี้แนะผานทางนิมิตรสมาธิ
หรือความฝนจัดเปนเหล็กไหลที่หาไดยาก มากชนิดหนึ่ง
๙๑๘
๕.สีชมพูเหล็กไหล
ชนิดนี้มีอริยเทพอริยพรหมในระดับรูปฌาณรักษาอยูเปนเหล็กไหล ที่มีบารมีธรรมในระดับสูง
รองลงมาจากอรูปฌาณพบมากในเขตปาเขาที่มีความชุมชื้น มักอยูตามถํ้าภูผาที่ลึกลับพบเห็นไดยาก
นอกจากผูมีบารมีธรรมเขาถึง สัจจธรรมเทานั้น ดีเดนทางดานเมตตามหานิยมโชคลาภแคลวคลาด
กันภัยชวยเหลือผูเปนสัมมาทิฏฐิใหสําเร็จในสิ่งที่อธิษฐานไวโดยไมขัดกับกฏแหงกรรม
๖.สีเหลืองเหล็กไหล
ชนิดนี้เกิดจากอํานาจบารมีของภูมิจิตภูมิธรรมของเหลาอริยเทพอริยพรหมในระดับรูปฌาณ
ที่ปรารถนาพุทธภูมิในระดับพระปจเจกพุทธเจาสีสันเหมือนกับแสงนวลของพระจันทรในคืนวันเพ็ญ
มักแฝงเรนในที่สงบดวยปาเขาลําเนาไพร ถํ้าคูหาที่สงบเยือกเย็นบนภูเขาสูงๆ เรียกลมเรียกฝนได
มีอิทธิ์ฤทธิ์ทําให เกิดปาฏิหาริยไดมากมาย เชน ดวงรัศมีกลมใหญสองสวางทั่วภูเขาจะพบเห็นได
ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เทานั้น เหล็กไหลประเภทนี้สามารถอธิษฐานขออาราธนาบารมีจากพระพุทธเจา
พระปจเจกพุทธเจาและพระอรหันตไดแตจะไมมีเทพเขาไปสิงสถิตยอยูแตเทพพรหมในระดับตางๆ
จะเขาไปอธิษฐานของบารมีและเฝารักษาอยูภายนอกเทานั้นไมมีใครจะบังคับ หรืออัญเชิญทาน
ดวยอิทธิ์ฤทธิ์หรือวิชาคาถาอาคมใดๆ เวนแตขอชมบารมีขอคําแนะ นําในการปฏิบัติธรรม
ใหยิ่งๆขึ้นไปโดยมาปรากฏในลักษณะนิมิตรตางๆในขณะนั่ง สมาธิ
๗.สีฟาออนเหล็กไหล
ชนิดนี้เกิดจากอํานาจบารมีของอริยะเทพในระดับมหาเทพ ชั้นสูงผูครอบครองเหล็กไหลชนิดนี้
จะเปนผูมีบารมีเดิมที่เคยเกี่ยวของกัน มากอนเพื่อชวยสงเสริมดานบารมีธรรมทั้งนักบวชและฆราวาส
ใหเปนผูสอนธรรม ในระดับปานกลางจนถึงระดับสูงขึ้นไป มีฤทธิ์อํานาจในการขจัดปดเปาโรคภัยไขเจ็บ
ดับพิษรอนปองกันภูติผีปศาจ แตมีขอบเขตและรัศมีที่จํากัดสามารถลองหนหายตัวไดกันฟาผามีความ
เย็นจน สามารถกําจัดไฟไดในรัศมีของมัน
๘.สีนํ้าตาลอมแดงเหล็กไหล
ชนิดนี้มีพวกนาคนาคาผูบําเพ็ญศีลเฝารักษาอยู จึงมีฤทธิ์อํานาจในทางความรอนแรง
ดวยพิษแหงนาคทั้งหลายจึงทําใหเหล็กไหล ประเภทนี้มีสีออกทางนํ้าตาลเขมและนํ้าตาลอมแดง
มีฤทธิ์อํานาจในทําลายลางพวกมนตดําอวิชชาปองกันภูติผีปศาจได
๙.สีดําเหมือนนิลเหล็กไหล
ชนิดนี้เกิดจากอํานาจบารมีของเหลาเทพคนธรรพบังบดเพชรพญาธรยักษผูปรารถนาจะสราง
บารมีใหยิ่งๆขึ้นไปแตยังติดอยูในระดับโลกียฌาณคือยังมีความโลภโกรธหลงติดอยูจึงทําใหมีบารมี
ทางธรรมนอยกวาเหล็ก ไหลชนิดอื่นๆ มีฤทธิ์อํานาจทางการคุมครองแคลวคลาดกันภัยเปนมหาอุต
คงกระพัน
๑๐.เจ็ดสีประกายรุงเหล็กไหล
ชนิดนี้เกิดจากอํานาจบารมีของอริยะเทพอริยะพรหมผูรักษาเหล็กไหลที่ปฏิบัติจนสภาวะจิต
เปนสีประกายรุงรัศมีสวยสดงดงาม เปนธาตุที่หาไดยากที่สุดและมีอํานาจครอบจักรวาลประหนึ่ง
แกวสารพัดนึกแต สิ่งที่จะอธิษฐานนั้นจะสําเร็จไดโดยไมเกินอํานาจของกฏแหงกรรมตามวาสนา
เทานั้น
๙๑๙
ลักษณะรูปพรรณสัณฐานของเหล็กไหล
เกจิอาจารยผูรูไดสัมผัสและแบงรูปลักษณะของเหล็กไหลไวหลายรูปแบบดวยกัน คือ
๑. รูปกลมแบนๆ
๒. รูปกลมรีคลายไม
๓. รูปลูกฟกเขียว
๔. รูปกลมแบบลูกฟุตบอล
๕. รูปกลมเหมือนดอกบัวหลวงตูม
๖. รูปกลมงาชาง
๗. รูปกลมแบบลูกรักบี้
๘. รูปคลายหยดน้ํา
๙. รูปกลมเรียวคลายแคปซูล
๑๐. รูปคลายจาวตาล
เผาพันธุของเหล็กไหล
เหล็กไหลเปนโลหะธาตุที่มีความลี้ลับพิสดารแปลกประหลาดมหัศจรรยแตกตางไปจากโลหะธาตุ
ทั้งปวงจึงไดถูกจัดอยูในฐานะ “ธาตุกายสิทธิ์” ที่มีชีวิตจิตวิญญาณซึ่งเปนไปตามวิบากของกฏ
แหงกรรมที่บันดาลใหวิญญาณใน สังสารวัฏมาปฏิสนธิในสภาวะที่เปนโลหะธาตุที่ศักดิ์สิทธิ์
มีอิทธิฤทธิ์เหนือ ธรรมชาติทั่วไป
เหล็กไหลจึงจัดเปนสัตวที่ประเสริฐเผาพันธหนึ่งของโลกจัดอยูในจําพวก เทพแตเปนเทพที่มาชดใช
วิบากกรรมในโลกมนุษยดังนั้นจึงทําใหมีพวกยักษคน ธรรพครุฑนาคคอยใหความอารักขาอีกทีหนึ่ง
เหล็กไหลจึงมีถิ่นกําเนิดและบารมี ที่แตกตางกันไปตามเผาพันธและวรรณะซึ่งเปนลักษณะเฉพาะ
และสมมุติเรียกหา เพื่อใหเห็นความแตกตางชัดเจนขึ้นเทานั้น
๙๒๐
คุณสมบัติอานุภาพของเหล็กไหล
ชนิดของเหล็กไหลก็เปนอีกเรื่องหนึ่งที่นาสนใจ เพราะมีชื่อเรียกแตกตางกันออกไป
ตามฐานกําเนิดหรือลักษณะ
เหล็กไหลโกฎฐป เปนเหล็กไหล
ที่หาไดยากมากสีปกแมลงทับจะออกเขียว
เขมหรือฟาสดใสหรือเปลี่ยนเปนสีทอง
ปลาไหลเปนเงามันวาวเนียนละเอียด
เพราะถาเคยเห็นปกแมลงทับคงจะสังเกตุ
เห็นสีสันดังกลาวที่ประกอบไปดวยสีสอง
สีสวยงามชอบอยูในถํ้าที่ลี้ลับลึกลับและ
สงบวิเวกเพื่อบําเพ็ญฌาณเหมือนฤาษี
ที่มีอายุยืนหมื่นๆป มีความเย็นเหมือน
นํ้าในฤดูหนาวกลาวกันวาเปนเหล็กไหล
ที่เกิดจากมหาฤาษี
ในยุคตนๆเปนผูสรางไวมีอํานาจทําลายอาถรรพณเวทยทุกชนิด ใหสูญสิ้นเปนสุญญตาใครฝง
ติดตัวไวรับรองไมมีตายโหงซํ้ายังเรียกเงิน เรียกทองใหไหลมาเนืองนองเปนเศรษฐีมหาเศรษฐีมีเสนห
เมตตามหานิยมเขาไปใน สถานที่ใดมีแตคนชอบรักใครนอกจากนี้ยังปองกันคุณไสยที่เขาทํามาใหตี
กลับไป หาผูทําถึงชักดิ้นชักงอตายเอางายๆชอบดูดกินนํ้าผึ้งและเลนกับไฟลองหนหาย ตัวไดใครได
ครอบครองจะมีอายุไมตํ่ากวารอยปถาบําเพ็ญฌาณเชนฤาษีมุณีที่ ชอบบําเพ็ญธรรมอยูในปาจะทําให
อายุยืนถึงหมื่นปโกฏฐป
เหล็กไหลไพร เปนเหล็กไหลที่พอหาได
โดยไมยากลําบากสีดําสนิทหรือเทาดําเนื้อ
คอนขางหยาบ ไมมันวาวยืดไดหดไดชอบเลน
กับไฟแตถาทําหลุดมือตกลงสูพื้นดินจะหายวับ
ไปทันทีคลายกับปรอทสําเร็จที่ถูกพวกยักษหรือ
คนธรรพผูรักษาชวงชิงกลับไป ดีเดนทางเมตตา
โชคลาภแคลวคลาดกันภัยเกิดจากเทพในระดับตํ่า
ลงมาใชกรรมมี ทั้งที่แมเหล็กดูดติด และแมเหล็ก
ดูดไมติดขึ้นอยูกับถิ่นกําเนิดและแรธาตุในบริเวณ
ดังกลาวถามี ธาตุเหล็กมากก็จะติดแมเหล็ก
๙๒๑
เหล็กไหลเงินยวง เปนเหล็กไหล
ที่หาไดคอนขางยากสีขาวขุนเปนมันเลื่อมสี
เหมือนเงินยวงพบ ไดตามถํ้าที่มีอากาศ
คอนขางหนาวเย็นมีคุณธรรมทางดานเมตตา
มหานิยมคงกระพัน ชาตรีแคลวคลาดและ
ลองหนหายตัวไดชอบชวยเหลือผูปฏิบัติธรรม
หรือดลจิตดลใจ ของผูครอบครองเหล็กไหลนี้
ตั้งมั่นอยูในการสรางบุญกุศลเกิดจากเทพใน
ระดับ “อรูปฌาณ” ที่มีบารมีธรรมสูงเปนผู
ครอบครองเหล็กไหลประเภทนี้มักจะอยูใน
ครอบครองของพวกนักบวชตางๆ
เหล็กไหลเพลิง เปนเหล็กไหล
ที่พอหาไดไมยากพบอยูใ นถํ้าตางๆ
หลายแหงฝงตัวเองอยูตาม เพดานและผนังถํ้า
ที่มีลักษณะเหมือนผงฝุนละเอียดออกสีแดง
หรือนํ้าตาลองค ขนาดเมล็ดถั่วเขียวหรือใหญ
กวาหากลองอธิษฐานจิตจับดูจะรูสึกวารอน
เหมือน ไฟเชื่อวาสามารถแสดงภาพมายา
หลอกหลอนทําใหศัตรูตกใจกลัวได
เหล็กไหลตานํ้า เปนเหล็กไหลที่หาไดยาก
มีพรรณสัณฐานสีเขียวปนดําเปนมันดานลักษณะ
ทรงกลม หรือรูปหยดนํ้าขนาดเล็กกวาถั่วเขียว
เล็กนอยชอบเกาะอยูตามตานํ้าใน
ซอกหิน ภายในถํ้าที่ลึกลับอาถรรพการคนหา
นอกจากวิชาอาคมแลวยังตองสังเกตุตามตา
นํ้าที่ไหลผานบริเวณหินผาที่มีตะไครนํ้าเกาะ
อยูมากๆตองคอยๆเอามือแหวก หาดูจึงจะพบ
เหล็กไหลเศรษฐี เปนเหล็กไหล
ที่หาไดยากมากอาศัยอยูภายในถํ้าใตนํ้ามี
ลักษณะเปนผงเกล็ดสี ดําเงามันระยิบระยับ
เหมือนกับเพชรตองแสงไฟไหลออกมาตาม
ธารนํ้าในฤดูนํ้าหลาก เชื่อกันวาเปนของชาว
บาดาลบันดาลโชคลาภใหแกผูบูชา
๙๒๓
เหล็กเปยก เปนเหล็กไหลที่หาไดยากมาก
พรรณสัณฐานสีขาวขุนเหมือนตะกั่วนับ
เปนโลหะธาตุที่มีเนื้อเปยก ชุมชื้นอยู
ตลอดเวลาคลายๆกับนํ้าคางจับเกาะเขาไป
อยูในสถานที่ใดก็จะเกิดบรรยากาศเย็นสบาย
ถาอยูใกลลูกปนอาจทําใหกระสุนดาน
เพราะการแผรังสีความเย็นของเหล็กเปยก
สมัยโบราณนิยมใชเหล็กเปยกประดับไว
ที่ยอดพระเจดียปองกันฟาผามีอานุภาพ
ทางหนังเหนียวคงกระพันอาวุธทุกชนิด
ขี้เหล็กไหล มักจะปรากฏอยูในถํ้า
หรือบริเวณที่มีเหล็กไหลเหมือนกับมูล
หรือการขับถายของ เสียจากเหล็กไหล
ลักษณะเปนกอนกลมๆ สีออกดําบางนํ้าตาลบาง
ไมสามารถยืดไดหด ไดแมเหล็กดูดไมติดหาก
ครูบาอาจารยผูทรงฌาณทําพิธีกรรมใหถูกตอง
เฉกเชน วัตถุมงคลที่ถูกปลุกเสกก็จะมีอานุภาพ
ตามที่ประสงค
เหล็กไหลนาคราช หรือเหล็กไหล
บาดาล มักปรากฏอยูในลําแมนํ้าใหญ
ที่มีภูเขาสลับซับซอนเชนแมนํ้าโขงแมนํ้า
แยงซีเกียงแมนํ้าคงคาเปนตนเพราะตนนํ้า
เหลานี้มาจากภูเขาสูงที่ศักดิ์สิทธิ์ลักษณะ
คลายกอนหินมันเงาเปนเลื่อมสีดําเหมือน
นิลแมเหล็กดูด ติดเชื่อวาปองกันพิษสัตว
เขี้ยวงาแคลวคลาดคงกระพัน
๙๒๔
เหล็กไหลสีเงินเหล็ก เปนเหล็กไหล
ที่หาไดยาก ผิวเปนมันเลื่อม สีออกสีเงินเหล็ก
พบไดตามถ้ําที่มีอากาศคอนขางหนาเย็น
ลักษณะการไหลตัวเหมือนเหล็กไหลยอย
จะยอยมาหลายสี เชน สีเงิน สีฟา สีดาํ สีน้ําตาล
แดง สีทอง สีปกแมลงทับ ในถ้ํานึงจะมีหลายสี
ดวยกันอยูที่วาจะไดมาสีอะไรเทานั้น มีคุณธรรม
ทางดานเมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี
แคลวคลาด โชคภาพการเงินมีชีวิตในตัวเอง
ชอบน้ําผึ้ง และดลจิตดลใจของผูครอบครองเหล็ก
ไหลนี้ตั้งมั่นอยูในการสรางบุญกุศล
ผลการทดสอบการใสติดตัว
๑.ผูใสบารมีไมเพียงพออยาเอาไปใสรวมกับเหล็กไหลชนิดอื่น
๒.เด็กอายุต่ํากวา ๑๐ ปไมควรเอาเหล็กไหลชนิดนี้ไปใส (หามเด็กต่ํากวา ๑๐ ปใส)
๓.ถาจะใสชนิดนี้ตองใสชนิดนี้เทานั้น
๔.ใคร เอาเหล็กไหลชนิดนี้ไป ตองจุดธูป ๕ ดอก บอกกลาวผูดูแล ใหเราเปนผูเก็บรักษา
เพื่อใหเกิดเปนศิริมงคลแกตัวเอง และครอบครัว.......แลวแตจะนึกขอ
การบูชาที่ทําใหเกิดเปนสิริมงคลแกผูครอบครอง
หนึ่งสัปดาห ควรบูชา ผลไม น้ํา น้ําผึ้ง ดอกไม หรือขนมที่เราชอบกิน จุดธูป ๕ ดอก หมากพูล
กอน ๑๑ โมงเชา และก็ขอพรใหกับตัวเองและครอบครัว ปลอยเครื่องเซนทิ้งไวประมาณ ๓-๔ ชม.
ก็ลาแลวก็นําเหล็กไหลนั้นขึ้นหอยคอตามเดิม ถาจะรักษาโรคก็อธิฐาณใหผลไมที่นํามาถวายนี้
เปนผลไมทิพทเพื่อที่จะนําไป รักษาโรค......อะไรก็วาไปตามใจนึก
การถวายบุญรวมกัน
เหล็กไหลสีน้ําตาลอมแดง ทั้งเนื้อในและนอก
เหล็กไหล สีน้ําตาลอมแดง ชนิดนี้ เนื้อภายใน
และภายนอกจะสีเดียวกันหมดจากที่มีการใหครูบาอาจารย
ตรวจสอบ หลายทานบอกวาเปนเหล็กไหลชั้นยอด
และดีกวาเหล็กไหล ๗ สีเสียอีกดวย ชอบน้ําผึ้ง มีชีวิต
ในตัวเอง ถือไดวาหายากมากๆ การคนพบ พบในถ้ําเกาะ
ตัวกันเปนรัง สวนมากจะเม็ดไมใหญ เกาะตัวกันกินแรธาตุ
ถือไดวาเปนเหล็กไหลน้ําหนึ่งเลยก็วาได
มีดัวยกัน ๒ แบบ
๑. แบบเอาแมเหล็กมาดูดติดได
๒. แบบเอาแมเหล็กมาดูดไมติด
มีจํานวนจํากัด เพราะหาไมไดอีกแลว
๑.สีดําขึ้นเงาไมมาก ดูดา นๆ
เหล็กไหลไพรดํา
การตรวจสอบจากญาณผูรู
๑.มีพลังชีวิตในตัวเอง
๒.ชอบน้ําผึ้ง
๓.สามารถปองกันคุณผีที่มาทํารายในรางกายได
๔.แกไขคุณผีที่กระทําตอรางกายเราไดบางสวน เชนเจากรรมนายเวรทําเรา ก็สามารถรักษาไดบางสวน
๕.ปองกันภูตผีปศาจไดดีมาก ถือไดวาเปนเหล็กไหลชันยอดเลยทีเดียว
ราคาขึ้นอยูกับรูปรางและความสวยงามเทานั้น จากการที่ไดคนหานํามาตรวจสอบเรื่อง
สีของเหล็กไหล สีของเหล็กไหลแตละชนิด เชน สีน้ําตาลแดง สีภายนอกกับภายในเนื้อแท
ตองสีเดียวกัน สีปกแมลงทับ เหล็กไหลที่แทจริง ถาฝาออกมาสีจะตองเปนสีนั้นๆดวย
ไมใชแคสีภายนอกเทานั้น เปนอันวาแตละสี ถาฝาออกมาจริงๆ สีจะตองเปนสีนั้นๆในเนื้อในดวย
ไมใชแคเปลือกนอกเทานั้น
แมวาเปนหินที่อาจหาพอไดตามแมน้ําลําธารแตก็ประมาทไมได ในธรรมชาตินั้นมีสิ่งที่เราไมรู
ไมเห็นเสมอดั่ง เชนหินแกวใตน้ํา หรือที่เรียกกันวา ปฐวีธาตุ สักษณะของ ปฐวีธาตุ นั้นมีรูปราง
กลมบาง แบนบาง บางชิ้นเรียวยาวเปนรูปลักบี้ และมักมีลักษณะมน เนื่องจากถูกกระแสน้ําพัดกลิ้งไป
มาอยูโดยตลอด อํานาจจากกระแสน้ําไดทําการเจีย หิน กลึงหิน ดวยอํานาจจากธรรมชาติจึงทําใหหิน
แกวเหลานี้มีลักษณะกลมมน ดูแลวสวยงามอยางนาอัศจรรย บางชิ้นอาจมีรูปทรงที่ไมแนนอน สีขาวใส
คลายสาคู โปรงแสน บางชิ้นก็ขาวขุน ใครเห็นแลวก็จะรูสึกชอบในรูปรางของ ธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้ทันที
๙๒๗
คาถาบูชา แกวนาคราช
ตั้งนะโม ๓ จบ
อะ มุ หะ กะ สุ ภุ นะ ยะ คะ
พญาเกล็ดแกวนาคราชปูเชมิ
อะ = พญาอนันตนาคราช มุ = พญามุจรินทรนาคราช
หะ = นาคาหลวงพระบางศรีสุทโธ
กะ = พญาเกล็ดแกวนาคราช
สุ = พญาสุวรรณนาคราช
ภุ = พญาภุชงคนาคราช
นะ = พญานาคดําศิริจันทรานาคราช
ยะ = พญายัสมันนาคราช
คะ = พญาครัตระศรีเทวานาคราช
๙๒๘
การตรวจสอบ
๑.ดูแลวมีญาณพญานาคจริง
๒.ผูครอบครองดูแลเปนพญานาคราช
๓.มีความเย็นยะเยือกมาก
๔.การสัมผัสแลวเปนของดีจริงตามตํานานวาไว (ของแท )
๕..เวลาโดนน้ําจะใสมาก
๖.การใสใหใสแบบอัดพลาสติดใสใหมีชองวางเพื่อที่เราจะตองเจาะรูใสน้ํา ถึงพกพาติดตัวไปได
๗.หามพกพาโดยไมมีน้ําหลอเลี้ยง
๘.ของชนิดนี้แตกตางจากมณีใตน้ําที่ เปนแบบสีๆหลายสีที่มีขายทั่วไปในทองตลาด
๙.สามารอธิฐานจิต ขอความตองการใหมีการชวยเหลือใหสมปรารถนาไดอีกดวย
๑๐.จัดไดวาเปนธาตุกายสิทธิ์ ที่ของความสําเร็จ มีการชวยเหลือผูเปนเจาของไดดีมาก
๑๑.มีการปองกันภูตผีปศาจไดดีอีกดวยใครมีไวก็เหมือนมีพลังพญานาคราชอยูดวย เปนของที่ดีมาก
๑๒.หามนํา มาตกแตเจียไน หรือเอามาขัด ถานํามาเจียไนหรือขัดแตง เทพที่ดูแลของชิ้นนั้น
จะทิ้งธาตุนั้นไป เหลือแตพลังธรรมชาติเทานั้น และพลังที่นํามาปลุกเสกเทานั้น
๑๓.ผูที่มีญาณสัมผัสได ลองทดสอบงายๆ เชน แกลงนํามีดทําทาจะขูดหรือ ผาซิ รับรอง
ถาคุณมีญาณสัมผัสไดคณ ุ จะรูทันทีวาเปนอยางไร
๑๔.จะวาไปบนโลกเราแตกอนก็คือเปนน้ํา ธรรมธาตุหลายชนิดแบบนี้มีอยูจํานวนมาก มีทั้งพลัง
และอํานาจในตัวเอง ถาไดนํามาปลุกเสกแลวนั้น พลังจะมากมายมหาศาลทีเดียว
๑๕.วิธีการทําใหธาตุชนิดนี้มีอํานาจมากขึ้น คือ เรานํามานั่งสมาธิดวย และสวดมนตเปนประจํา
โดยที่การสวดนั้นใหถือไวที่มือ พลังแหงพุทธคุณที่สวดมนตนั้นจะไปรวมและเพิ่มพลังอํานาจ
ทําใหของชิ้นนั้นสามารถดลบันดาลไดดุจแกวสารพัดนึกเลยทีเดียว
๑๖.ไมตองไปหาของที่พระเกจิปลุกเสกหรอก จากธรรมชาตินี้ก็สุดยอดพอตัวแลว รับรองได
๑๗.การทําบุญทุกครั้งใหถึงถึงธาตุกายสิทธิ์ที่เรานับถือนี้จงไดบุญไปกับเราทุกครั้ง
(ทุกอยางจะสมปราถนาอยางที่ตั้งใจได)
แกวมุขดาเหล็กไหลขาว
ธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้มีหลายชื่ออยูที่ผูคนพบและสถานที่
เชน พระธาตุเหล็กไหล ไขมุขกวนอิม ไขมุขถ้ํา
พระธาตุองคปฐม เหล็กไหลขาว พญางูเผือก
ธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้มีพลังซอนเรนอยูภายในตรวจสอบ
ยากถาดูผิวเผินพลังก็เหมือน หินทั่วๆไป ถาดูลึงลงไป
ไมใชของธรรมดาเลย การปกปดพลังนั้น คลายกับ
เพชรหนาทั่ง ถือวาเปนธาตุกายสิทธิ์ที่สุดยอดมากๆ
ชนิดนึงเลยทีเดียว ปองกันภัยพิบัติรายแรงกับคนหมูมาก
ไดดียิ่ง มี....เทพพรหม...เปนผูดูแลรักษาแทน
๑.ปองกันภัยที่จะมากระทําตอเจาของไดดียิ่ง
๒.ปองกันภูตผีปศาจได ๑๐% แตตองใสแนบเนื้อ ใหธาตุนี้ติดเนื้อเราดวย
( เพราะไมทํารายวิญญาณตางๆ )
๓.ควรมีการถวายผลไม น้ํา ยิ่งบอยยิ่งดี
๔.พอถวายก็อธิฐาณอยางที่เราอยากใหสําเร็จที่ตั้งใจไวโอกาสได ๗๐%
นอกนั้นอยูที่บุญและการกระทําของเรา
๙๒๙
การสัมผัสพลัง เปนของที่มีจิตวิญญาณครอบครองจริง
บางตํารากลาวถึงเหล็กไหลขาวดังนี้
เหล็กไหลยอย
เหล็กไหลยอยหรือ พญาเหล็กไหล มีลักษณะไหลยอยลงมาตามผนัง และหลืบถ้ําลี้ลับสีออก
ฟาอมดําเมฆพัด เนื้อในสวนมากจะสีเงินเนื้อแนน จะไหลยอยคลายน้ําตาเทียน มีทั้งไหลยอยขึ้นขางบน
และไหลลงใตดิน และสวนมากจะพบเปนสายแร ไหลผานทั้งซอกหินถ้ํา และพื้นถ้ํา ดูแลวเหมือน
สิ่งมีชีวิตที่ผุดงอกเปนหัวๆหนอๆออกมาตามผนังถ้ํา แตถาดูใหดีจะเปนสายแร ที่ถูกดันขึ้นมาจาก
ใตพื้นดิน จะเรียกไดวาถูกพลังงานลึกลับเรียกแรชนิดนี้ใหไหลขึ้นมา เพื่อเปนประโยชนตอมนุษย
ในดานตางๆ ลักษณะทั่วไป พญาเหล็กไหลสวนมากก็สามารถดูดติดแมเหล็กไดออนๆ ผิวก็ขึ้นอยูกับ
อากาศและการแหงตัวของพญาเหล็กไหลยอย ถาเย็นตัวเร็วอากาศเขาไปนอยผิวจะขอนขางละเอียด
แตถาเย็นตัวชาจะมีอากาศเขาไปมาก ผิวจะขอนขางหยาบและมีรูพรุน เนื้อมีทั้งเนื้อแนน และเปราะบาง
ถึงมีรูจะพรุน ก็มีชีวิตเชนกัน ไมใชตายซากหรือเปนขี้เหล็กไหล อยางที่เขาใจกัน บางคนเขาใจผิดคิด
วามีรูพรุนๆแลวถือวาเปนเหล็กไหลที่ตายแลว อันนี้ขอยืนยันวาไมจริง
การไดมาซึ่งเหล็กไหลชนิดนี้
การตรวจสอบจากญาณผูรู
๑.มีชีวิตในตัวเอง
๒.ชอบน้ําผึ้ง
๓.สามารถปองกันคุณผีที่มาทํารายในรางกายได
๔.แกไขคุณผีที่กระทําตอรางกายเราไดบางสวน เชนเจากรรมนายเวรทําเรา
ก็สามารถรักษาไดบางสวน
๕.ปองกันภูตผีปศาจไดดีมาก ถือไดวาเปนเหล็กไหลชันยอดเลยทีเดียว
บทสวดภาวนารักษาโรครายตางๆดวยการนําธาตุกายสิทธิ์มาภาวนาดวย
พระพุทธคาถาแกรักษาโรครายตางๆเชน โรคมะเร็ง
พระพุทธคาถาแกรักษาโรคมะเร็ง หลวงพอฤาษีลิงดํา
พระพุทธคาถาแกรักษาโรคมะเร็ง หรือโรครายตางๆ
๙๓๑
แลวสูดลมกลั้นหายใจ ๑ อึด
และภาวนาตามลมหายใจเขาออกนึกในใจวา
เหล็กไหลเงินยวง (รูปแบบงอกธรรมชาติ )
เหล็กไหลเงินยวงชนิดนี้ เนื้อเปนเหล็ก
เอาแมเหล็กมาดูดติดแรงมาก เปนธาตุกายสิทธิ์
ชนิดหนึ่งที่ถือไดวาบารมีสูงทีเดียว หรือที่เรียก
กันวาเหล็กไหลเงินยวง
เหล็กไหล ๗ สี
เหล็กไหลเจ็ดสี อิทธิ์ฤทธิ์ครอบฟาคลุมดิน
โคตรเหล็กไหลเจ็ดสี เปนเหล็กไหลชั้นยอดใน
ชุดเหล็กไหลและเปนเหล็กไหลที่หาพบไดยาก
มากๆมี อิทธฤทธิ์ในดานกินดินปนดูดกระแสไฟฟา
คงกระพันชาตรี กันภูตผีปศาจไดดีที่สุด และสราง
ภาพลวงตาทําใหคูอริมองเราเปนคนอื่นหรือมอง
ไมเห็นได เหล็กไหลเจ็ดสีนี้สามารถเจิญเติบโตได
โดยการเลี้ยงน้ําผึ้ง โดยปกติจะใหเสพน้ําผึ้งในคืน
พระจันทรเต็มดวง และเวลาเชาก็นําไปลางดวยน้ํา
บริสุทธิ์อีกครั้ง หนึ่งประมาณ ๒ - ๓ เดือน จะเห็น
ไดชัดถึงการเจริญเติบโตของเหล็กไหลชนิดนี้
ในบรรดาเหล็กไหลน้ําหนึ่ง
จะกําหนดสีออกได ๗ สี ในธรรมชาติจริงๆของธาตุ
กายสิทธิ์ประเภทนี้ พบวามีดวยกัน ๗ สี คือ มวง คราม น้ําเงิน เขียว เหลือง แสด แดง ทั้งยังมีที่ออก
สีทอง และเงินยวงขาวบริสุทธิ์ เหล็กไหลตางๆเหลานี้อยูแยกกันเปนอิสระ จะพบเจอรวมกันก็เฉพราะรัง
เหล็กไหลที่เปน ๗ สีเทานั้น รังเหล็กไหลลักษะดังกลาวนี้นับเปนเหล็กไหลชั้นยอด ถือไดวายอดเยี่ยม
เหนือกวาเหล็กไหลทั้งปวง
การดูแลรักษาเหล็กไหล ๗ สี
การบูชาแบบแชน้ําผึ้ง การแชน้ําผึ้งจะเปนการทําใหธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหลนั้นมีพลังอํานาจมากขึ้น
สามารถเปลี่ยนสีได และอํานาจอาจมากจนเกินไป
๑. หามใสอาบน้ํา หรือโดนน้ําบอยจนเกินไป
๒. อยาใสแตกแดด มากจนเกินไป ( แดดสําคัญมากๆ อยาเอาไปตากแดด สีจะจืดจางลงไป )
๓. ถาเอาไปใสกรอบแบบอัดพลาสติกใส แบบไมมีอากาศเขา ก็ทําได จะรักษาสีใหสวยสดอยูตลอดไป
( แตพลังการคุมครอง นาจะตกไป ๒๐ ) เพราะไมมีโมเลกุลของอากาศเขาไปได แตถาใสกรอบแบบ
มีอากาศเขาได เชนกรอบเหล็ก กรอบทองตางๆ นาจะตกไปแค ๕% ควรเอาไปใสกรอบทองดีที่สุด
๔. เมื่อถวายน้ําผึ้ง ใหหยดน้ําผึ้งลงไปในเหล็กไหลหรือแชเลยก็ยิ่งดี
๕. อยาเอามือไปลูบ หรือ ถู บอยจนเกินไป จะทําใหสีเปลี่ยนเปนสีเงินได
๖. ทั้งหมดนี้ผานการทดลองใสมาแลว ถาทําตามนี้ สีจะสดสวยอยูตลอดไป
๗.ถาสีซีดจางลงไปใหนําไปแชน้ําผึ้งไว ๑๕ - ๓๐ วันสีจะกลับมาสวยเหมือนเดิมได
การทดลองตรวจสอบ
การทดลองใหคนที่มีกรรม หรือโดนกรรมเกากระทําตอรางกาย
การคนหาตรวจสอบธาตุกายสิทธิท
์ ี่สามารถปองกันกรรมเกา
๑.ใสกอนที่จะโดนกรรมนั้นๆ กระทํา
๒.ถาโดนกรรมเกานั้นกระทําแลว .................. นําเหล็กไหลมาใสยังก็ไมสามารถชวยเหลือได ๑๐๐%
๓.ธาตุ กายสิทธิ์ที่สามารถนํามาแกไขกรรมเกาที่เคยกอเวรกันมาได ๑๐๐% กับผูที่โดน
กรรมเกากระทําแลวนั้น..............................................ยังหา ไมพบ...หรือไมมีในโลก
๔.วิญญาณเรรอน ภูตผีปศาจ ที่ไมเคยกอกรรมกันมาเลย ผูที่ใสเหลกไหล ๗ สี หรือเหล็กไหลไพรดํา
พวกวิญญาณนั้นจะไมสามารถกระทําอันตรายตางๆ กับผูที่ใสไดเลย ถือเปนขอดีของเหล็กไหล
๙๓๔
เหล็กไหลเพลิง
พระธาตุเหล็กไหลขาว
การแบงแยก โดยดูดวยสายตา
ผิวจะบางไมขึ้นเงามาก ดูจากรูปเปรียบเทียบ
กับแกวมุขดาเหล็กไหลขาว ผูสรางธาตุชนิดนี้
คือ พระอริยะเจา
บารมีพระอริยเจาสราง จึงสามารถปองกันภัยตางๆที่จะมากระทําแกผูครอบครองไดดีสามารถขอบารมี
พระ อริยะเจาไดโดยการสัมผัสทานไวในมือแลวอธิษฐานขอพรจากทาน
ผลจากการตรวจสอบพบวา
๑.ไมสามารถรูวาทานเปนใครไดเพราะมี พระอริยะเจามากมาย
๒.การตรวจใหรูวาพระองคเปนใคร คงตองไปตรวจสอบกับพระอาจารยที่เกงๆเทานั้น
๓.สามารถปองกันอันตรายตางๆที่จะมากระทําตอผูเปนเจาของได
๔.สามารถเก็บไวที่บานเพื่อคุมครองคนในบานได
๕.สามารถปองกันภัยพิบัติตางๆ นาๆ อันจะเกิดแกคนหมูมากได
๖.สามารถปองกันผีปศาจได ๗๐% ตองสัมผัสเนื้อเทานั้น (ไมใชธาตุที่ไวทําลาย)
๗.สามารถนํามาฝงเขาไปในพระพุทธรูปไดเพื่อใหทุกคนกราบไหวบูชาขอพรได
๘.สมารถเก็บไวในเจดีย เพื่อปองกันภัยพิบัติอันเกิดแกคนหมูมากได
บางตํารากลาวถึงเหล็กไหลขาวดังนี้
การแบงแยกเกรดตามความสวยงามกลมมน
ขอควรระวัง
อยาพยายามหารูปแบบชนิดนี้ เพราะถายิ่งหากลัวจะเสียเงิน หรือโดนหลอกเอางายๆ
ควรศึกษาจากความเปนธรรมชาติดวยตัวเอง พอไดมาถาตรวจสอบเองไมไดก็เอาไปใหครูบาอาจารย
ตรวจสอบอีกครั้ง อีกอยางถาไดรูปแบบผิวเรียบ กลม หรือรูปแบบตางๆแตผิวเรียบ ใหเราดูที่ผิว
ธรรมชาติ จะมีรอยตางๆ เชน ลายเสนธรรมชาติ ไมใชเรียบเหมือนขัดแตง หรือหลอขึ้นรูปใหม
ที่ทุกวันนี้เอามาหลอกขายกันทั่วๆ ไป รูปแบบธรรมชาติยอมดีกวา เอาไปหลอมขัดแตง ขึ้นรูปใหม
ของที่ขัดแตขึ้นรูปใหม ไมวาจะเปนรูปอะไรก็แลวแต ถือวาเหล็กไหลนั้น ตายแลว
แรเกาะลาน
แรเกาะลาน ( เหล็กไหลงอก )
นอกจากความงดงามตามธรรมชาติของเกาะลานแลว
ยังมีของขึ้นชื่อ ชนิดขึ้นหิ้ง บูชาในฐานะสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ประจําเกาะที่มีอยูเพียงแหงเดียวในประเทศไทย
โดยแรเกาะลานสามารถพบไดบริเวณดานบนของ
แหลมยักษ ติดกับหาดนวล แรเกาะลานตามความเชื่อ
ของบรรดาเซียนพระ อยูต รงที่แรสามารถงอกไดหรือ
ขยายตัวให โตขึ้นได หากเปนแรที่อยูตามธรรมชาติ
แลวมีการงอก ที่เหมือนกับหินงอกหินยอยทั่วไป
แรเกาะลานยังกลายเปนสมบัติประจําเกาะที่ชาวบานหวงแหน เนื่องจากครั้งหนึ่งเคยมีการขุดแร
ออกไปจากเกาะเปนจํานวนมากทําใหปริมาณแร ลดลงอยางรวดเร็ว ทางเทศบาลนครพัทยาจึงประกาศ
หามขุดแรเกาะลาน
เหล็กหลบ
จัดอยูในประเภทธาตุกายสิทธิ์คลายเหล็กไหล
พบไดตามแมน้ําสายสําคัญของประเทศ และตามปา
เขาที่เคยเปนแหลงน้ํามากอน สวนมากจะตองขุดหา
ตอนเวลาหนาฝน เพราะน้ําจะชะลางหินทรายลงมา
ลักษณะ เหล็กหลบสวนมากจะไมมีสน ั เหลี่ยม
จะขอนขางกลม บางชิ้นจะมีลายเสนคลายการ
แบงตัวเองตามวิถีชีวิต ของธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้
เนื้อภายนอกสวนมากจะมีหลายสี แตทุกสีเมื่อนํามา
ขัดเจียรไนเปลือกนอกออก เนื้อในจะออกสีทอง
หรือออกทองเขียวๆ ลักษณะทั่วไปสีดําเปนมัน
สีเขียวอมดํา สีเปลือกมังคุดหรือน้ําตาลไหม
สีทองดอกบวบ ไมชอบเลนไฟ พุทธคุณ เมตตา
มหาอุตม ปองกันภูตผีปศาจ ถือวาเปนธาตุกายสิทธิ์
ชั้นยอดอีกชนิด
วิธีปฏิบัตบิ ูชาเหล็กไหลทุกประเภท
๑. เมื่อนําเหล็กไหลไปถึงบานแลว ใหจัดหา
ดอกไมธูปเทียนขันธ ๕ เทียน ๕ คู
ธูป ดอกไม ทุกอยางเปนสีขาว เพื่ออัญเชิญ
ขึ้นไหวที่สมควรบนหิ้งพระหรือโตะหมูบ ูชา
ที่ควรตอการสักการะตอไป
๒. จัดแกวน้ําธรรมดาและแกวน้ําผึ้ง ๑ ถวยชา
เล็กก็ได เปลี่ยนทุกวันพระหรือทุกวันตาม
กําลังศรัทธา
๓. สวดมนตทําวัตร เชา – เย็น เสร็จแลว
จุดธูป ๕ ดอกแลวกลาวคาถาบูชา
เหล็กไหลดังนี้
๙๓๘
การบูชาธาตุกายสิทธิ์
๑. เมื่อนําเหล็กไหลเขาบาน ควรจุดธูป ๕ ดอก แลวกลาววา ขาพเจา ชื่อ......นามสกุล..........
ขาพเจาขอนําเหล็กไหลที่ขาพเจาไดมานี้ นํามาบูชาเพื่อเปนศิริมงคลแกตัวขาพเจาและครอบครัว
ขอใหองคพญาเหล็กไหลผูทรงอํานาจไดโปรดดลบันดาล ความเปนอยูที่ดีขึ้น ขอใหมีแตสิ่งดีๆ
มีโชคมีลาภ เจริญรุงเรื่องดวยหนาที่การงานทั้งหลายที่ขาพเจาไดทํา และความอยูเย็นเปนสุข
ปราศจากโรกภัยไขเจ็บทั้งหลาย ขออํานาจแหงคุณรพระศรีรัตนไตร เมื่อขาพเจาไดทําบุญกุศลครั้งใด
ขอใหบุญกุศลที่ขาพเจาไดทํา จงไปถึงองคพญาเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์ที่ขาพเจาไดเปนเจาของนี้
จงไดรับผลบุญของขาพเจาทุกครั้งไปดวยเทอญ
๒. เมื่อนําเหล็กไหลเขาบาน แลว ก็นําน้ําผึ้ง เทใสแกวแลวนําเหล็กไหลชิ้นนั้นแชลงไปซัก ๑ - ๓ วัน
จึงนําขึ้นมาลางน้ําใหสะอาดแลวจึงนําขึ้นหอยคอ
๓.ใน ๗ วันควรถอดออกมาแชน้ําผึ้ง ๑ ครั้ง
เคล็ดลับการบูชา
การบูชาทั่วๆไป การขอความสําเร็จนั้นอาจจะยากไป แตก็สามารถทําใหมีการขอไดงาย
ขึ้นถาสามารถทําได
๑. การถวายขาวปลาอาหารทุกวัน
๒. กอนถวายขาวปลาอาหาร ควรถวายพระพุทธที่บานเสียกอน
๓. สวดมนตคาถาชินบันชรถวายแดองคเหล็กไหล (ใหเรานึกถึงวาองคเหล็กไหลรูปรางเหมือนคน
ใหนึกวาเปนองคเทพเนื้อตัวสีดํา แตเครื่องทรงสีสดสวยงดงาม ดวยการอิ่มบุญจากการที่เรา
สวดมนตถวาย)
๔.ขอพร................อยางที่ตองการอยากจะได การขอพรถามันดูมากเกินไป ก็อาจจะได
บางสวนที่ลดหลั่งลงมา
๕..การทําแบบนี้ ไมใชแค เดือน ๒ เดือนจะสนิทสนมกับองคเหล็กไหล อันนี้ตองอยูที่ความอดทน
ของบุคคลนั้นดวย เพราะจะตองโดนทดสอบความอดทน
พระคาถาบูชาเหล็กไหลมหาลาภ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ ( ๓ จบ )
พุทโธเมนาโถ ธัมโมเมนาโถ สังโฆเมนาโถ
นะโมวิมุตตานัง นะโมวิมุตติยา สะกะพะจะบูชา
บูชาทานผูดูแลธาตุศักดิ์สิทธิ์อานุภาพ
อิสะวาสุ สุสะวาอิ อิตปิ โส ภะคะวา
เหล็กไหลเจริญมา เหล็กไหลมหาลาภเจริญยิ่ง
เหล็กไหลมหาลาภเจริญดี
สิ่งดีๆทั้งหลายขอจงไดหลั่งไหลมาหาขาพเจา
สมดั่งชื่อเหล็กไหลมหาลาภ
สัมมะ สัมมา สัมมะ มะอะอุ
๙๓๙
การบูชาเหล็กไหลฤาษี
· จัดตั้งขันธ ๕ บูชาครู ประกอบไปดวย ผาขาวหรือแพรขาว ๑ ผืน ยาว ๑ วา
· กรวยใบตอง ๕ คู สําหรับใสเทียนขาวและดอกไมขาว จัดเรียงในถาดหรือพานขันธ ๕
· บายศรีพรหม ๑ คู
· น้ําผึ้งแท บรรจุภาชนะมีฝาปด หรือ ใสถวยแกวเล็ก ๆ พอประมาณ
· กลาวอัญเชิญเทพพรหมเทวา แลวสวดตอดวยบท อาทิตตะปริยายะสุตตัง ถวายแดปูฤาษีเหล็กไหล
กลาวอัญเชิญเทวดา
อาทิตตะปะริยายะสุตตัง
จิ เจ รุ นิ เตชะ สะ ติ
วายุละภะ ภะเวสัจเจเอชิมะ
อะปานุติ ปะถะวิยัง
(ตํารับวัดถ้ําแฝก)
คาถาถวายน้ําผึ้ง
นะอึดโมอึด โธอัดนะอัด (๓ จบ )
คําอธิษฐานน้ํามนตเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์
เรื่องราวเกี่ยวกับเหล็กไหล
ตํานานเหล็กไหลในยุคปจจุบัน
เรื่องราวความเปนไปของเหล็กไหลคอนขางสลับซับซอนและยากตอการเสาะแสวงหา
นอกจากการชี้แนะของครูบาอาจารยรุนกอนๆที่ทานไดศึกษาและมีประสพการณ โดยเฉพาะตํานาน
เหล็กไหลเหลานี้ไดรับการบอกเลาสืบทอดกันมาดวยวาจา จนเมื่อหลวงพอสัมฤทธิ์อดีตเจาอาวาส
วัดถาแฝด อ.ทามวงจ.กาญจนบุรี ไดเปดเผย เรื่องราวอันมหัศจรรยนี้ จากการบอกเลาสืบทอดกันมา
แตโบราณถายทอดจากประสพการณออกเผยแพรเปนตํานานเรื่องเลาขาน
จนพระอาจารยสิทธาเชตวันนักเขียนนวนิยาย
และเรื่องราวที่ลี้ลับทางจิตอภิญญาผูมีบารมีธรรม
และญาณหยั่งรูชั้นสูงซึ่งปจจุบันอยูในเพศบรรพชิตที่
กําลังแสวงหามรรคผลในปจจุบันไดเคยกลาว
ถึงหลวงพอสัมฤทธิ์ไววา “ พระธุดงคสวนใหญทาน
จะแสวงหามรรคผลนิพพาน แตหลวงพอสัมฤทธิ์
ไมเอาอยางนั้ จะเอาเหล็กไหลลูกเดียวชางกลาหาญ
ชาญชัยถึงปานนั้น "
๙๔๑
เพราะผูที่จะรูเรื่องราว“เหล็กไหล”สวนใหญจะเปนพระเกจิอาจารยผู ผานการวิเวกตามปาเขา
ลําเนาไพรเปนผูทรงญาณเกงกลาในพุทธาคมจึงจะมีโอกาส ไดสัมผัสหรือรับรูเรื่องราวเหลานี้
ตลอดจนมีเหล็กไหลบางประเภทอยูในครอบครอง
หลวงพอสัมฤทธิ์ทานศึกษาเรื่องเหล็กไหลมา
จากหลวงพอดีวัดพระไตนครเวียงจันทร
ประเทศลาว อายุ ๙๐ ปเศษ แตยังแข็งแรง
เหมือนคนอายุ ๖๐ แตทานเชี่ยวชาญใน
เรื่องเหล็กไหลไพรดําเลนแรแปรธาตุ
ไดชวนหลวงพอสัมฤทธิ์ ศึกษาเรื่องเหล็กไหล
โดยออกธุดงคไปทางภูเขาควายเขาไป
ถึงเขมรและญวนจนไดรับ ความรูเปนอยางดี
จึงยอนกลับประเทศไทยออกธุดงคไปตาม
ปาเขาจากเหนือจรดใตของประเทศ
ทําใหทานไดประสพการณเรื่องของธาตุกายสิทธิ์และเหล็กไหลมากมาย ดังนั้นเรื่องราวตางๆ
เหลานี้หาใชจะยึดเปนตําราไดไมเพียงแตเปน เสี้ยวหนึ่งของประสพการณจากครูบุรพาจารยในอดีต
ที่ถูกถายทอดออกมาเปนลาย ลักษณอักษรเพื่อใชประกอบการศึกษาและหาทางพิสูจนกันตอไป
“เหล็กไหลไพลดาพูดพลามเปนบาเลนแรแปรธาตุผาขาด
เปนวาคิดสะระตะโสฬส นอนอดเหมือนหมา” ดังคําพังเพย
ของคนโบราณที่ไดใหขอคิดสะกิดเตือนลูกหลานเอาไว
ไมใหสนใจใน เรื่องเหลานี้ เพราะเปนชองทางหากินของเหลา
มิจฉาชีพใชเลหเหลี่ยมกลโกงแบบ ๑๘มงกุฎ ใชไสยศาสตร
และมายากลหลอกลวงหากินตมประชาชนผูรูไมทันก็จะเสียเงิน
เสียทองเปนจํานวนมากได
ฤาเปนเรื่องที่เบื้องบนตองการเปดเผยความเรนลับของเหล็กไหลนี้กันแน เพราะเมื่อ ๓๐ปกอน
ทันตแพทยวิชิตตริชอบไดเปดเผยเรื่องราวของเหล็กไหลใน แงการผจญภัยและพิธีกรรมตัดเหล็กไหล
ผานทางนักเขียนนามอุโฆษ “พนมเทียน” ในหนาหนังสือพิมพ“เดลินิวส”ทําใหคนอานทั่วประเทศ
ติดกันงอมแงมทีเดียว เคยมีคนถามคุณหมอวิชิตวา
แมในปจจุบันเรื่องราวของการใชมายากลในผูที่แอบอางเปนพระสงฆก็ยัง มีอยูใหเห็นเปนขาว
เมื่อเร็วๆนี้เชนกันการที่อวดแอบอางเปนผูมีฤทธิ์อภิญญาใชทีมงานรวมมือกันหลายคนแสดงการปรากฏ
ตัวของ“เปรต”การเคลื่อนยาย วัตถุขามมิติการยนระยะทางเสกเรียกของกลางอากาศแลวทําไมจะใช
ขบวนการสราง เรื่องราวของเหล็กไหลใหดูพิสดารสมจริงไมไดเรื่องราวของตํานานเหล็กไหลในที่นี้
เปนขอมูลที่หลวงพอสัมฤทธิ์ไดรับมา จากครูบาอาจารยหลายทานดวยกันที่เหมือนกันก็มีที่ขัดแยงกัน
ก็มีตามภูมิความรูภูมิธรรมของแตละทานตลอดจนประสพการณจากการปฎิบัติและศึกษาจากของจริง
ตามปาตามเขามานานนับสิบป
๙๔๒
หลวงพอสัมฤทธิ์กับการคนหาเหล็กไหล
เมื่อทานไดรูจักเหล็กไหลดีแลว ก็จะไดดําเนินเรื่องราวเกี่ยวกับหลวงพอสัมฤทธิ์และเหล็กไหล
วัดถ้ําแฝดสืบไป ภายหลังจากหลวงพอเดินทางกลับจากประเทศลาวแลว ก็ออกธุดงคไปทั่ว เพือ ่
ฝกฝนจิตใจใหมีความเขมแข็ง เชน ฉกรรจ จังหวัดปราจีนบุรี เขาใหญ นครราชสีมา เขาเขียว ชัยภูมิ
เขาคอ เพชรบูรณ เลยไปถึง ลําปาง เชียงใหม แมฮองสอน ณ ที่จังหวัดลําปางนี้เอง หลวงพอ
สัมฤทธิ์ไดพบกับ พอเลี้ยงรัศมี คหบดีผูกวางขวางในจังหวัดลําปางและเชียงใหม เปนผูที่มีความสนใจ
ในเรื่องราวของเหล็กไหล และกายสิทธิ์อื่นๆ เมื่อรูวาหลวงพอสัมฤทธิ์มีความเชี่ยวชาญในเรื่องราว
เกี่ยวกับเหล็กไหล ก็ไดชวนใหทานชวยหาเหล็กไหลให โดยเปนผูปวารณาในเรื่องคาใชจายทั้งหมด
โดยไดพาไปในสถานที่หลายแหงที่เลาลือวามีเหล็กไหล แตก็เปนเพียงขาวลือ ไมไดพบเหล็กไหล
ตามที่ตั้งใจไว
ปรากฏการณประหลาด
เรื่องนี้เกิดจากการแสวงหาเหล็กไหลกับพอเลี้ยงรัศมี เดินรอนแรมในปามาถึงเขตดอย
อินทนนท จังหวัดเชียงใหม ไดพบสถานที่แหงหนึ่ง ซึ่งคิดวานาจะมีเหล็กไหลอยู จึงไดจัดเครื่อง
บวงสรวงเจาปาเจาเขา เทพผูรักษาองคเหล็กไหล ขณะที่กาํ ลังทําพิธีอยูนั้น ทองฟาไดเปลี่ยนเปน
มืดครึ้มโดยฉับพลัน มีเสียงฟาผาเปรี้ยงมายังสถานที่แหงหนึ่ง ซึ่งอยูหางจากบริเวณที่ทําพิธีเล็กนอย
เสียงดังสนั่นแสบแกวหู ทําใหทุกคนตกตะลึงในเหตุการณเฉพาะหนาเปนอยางยิ่ง ดวยไมรูเหตุเภทภัย
อันใดที่ปรากฏตอหนาในขณะนั้น
หลวงพอไดพิจารณาแลวเห็นวา ชะรอยคงเปนสิ่งบอกเหตุบางอยางที่เกี่ยวของกับการ
เสาะแสวงหาของกายสิทธิ์เปนแนแท จึงไดชวนญาติโยมไปพิสูจนอะไรบางอยางที่ทานแคลงใจ
โดยเดินไปยังจุดที้ฟาผาลงมา ณ ที่นั้นทุกคนไดเห็นวัตถุสีดํากอนประมาณ ๒ – ๓ นิ้วเศษ สีดําสนิท
เนื้อในดูเงางาม ขณะที่กาํ ลังหาเหตุผลอยูนั้น ฉับพลันไดยินเสียงชางรอง พรอมกับปรากฏกายอัน
สูงใหญรี่ตรงมายังที่หมูคณะ
พอเลี้ยงรัศมีเปนคนแรกที่วิ่งมาถึงตัวทาน พรอมกับขอขมาเจาสิ่งประหลาดที่ทําใหชาง
เปลี่ยนใจหนีไปทางอื่น หลวงพอบอกวาเจาสิ่งที่ทานไดพบตอนฟาผานั้นกลับเปน “ สะเก็ดดาว”
หรืออุกกามณี ที่เราถือวาดีเดนทางโชคลาภ แคลวคลาดกันภัย ปลุกเสกดีๆ ก็เปนมหาอุต
นองๆ เหล็กไหลเหมือนกัน ดังนั้นพอเลี้ยงรัศมี จึงไดเอยปากขอสิ่งที่เห็นนี้จากหลวงพอทันที
ซึ่งทานก็หยิบยกให ดวยไมไดติดในเรื่องราวเหลานี้อยูแลว อีกประการหนึ่งพอเลี้ยงรัศมี
ก็เปนเจาภาพในการเสาะแสวงหากายสิทธิ์ประเภทนี้อยูแลว ก็เลยไมไดคนหาเหล็กไหลตอไป
ดวยปรากฏปาฏิหาริยขึ้นมากอน จึงเห็นวาไมสมควรทําพิธีตอไป
๙๔๓
อัญเชิญเหล็กไหลกอนแรก
หลังจากแยกทางกับพอเลี้ยงรัศมีแลว ทานก็ธุดงคลงทางใต จากกาญจนบุรีลองลงไปดวยเทา
จนถึงบางสะพาน ปะทิว ชุมพร ซึ่งเต็มไปดวยเทือกเขายาวเหยียดไปจนติดพมา และที่บางสะพาน
นี้เองทานเลาวา ไดมาถึงสถานที่แหงหนึ่ง เรียกกันวา “ เกาะยายฉิม ” ณ สถานที่นี้เปนฐานของ ตชด.
อยูลึกจากถนนใหญ ๒ – ๓ กม. ไดพบน้ําตกแหงหนึ่งปลาชุกชุมมาก ทานไดสังเกตเห็นหนาผาแหง
หนึ่งดูแปลกในความรูสึก จึงแหวกหญาเขาไปใกลบริเวณหนาผาดังกลาว พบวามีงูชุกชุม
เหล็กไหลจากถาเขาหลวง
พระอาจารยสิทธาเชตวันไดเคยเลาถึงพิธีกรรม“อัญเชิญเหล็กไหล”ที่แตกตาง จากพิธีกรรม
ที่เคยพบมาวาอาจารยเสือเพชรสังฆาตเปนลูกศิษยของหลวงพอเดิม วัดหนองโพจังหวัดนครสวรรค
อดีตเคยเปนนักเลงใหญและเสือปลนมากอนแตได เลิกอาชีพโจรมาเปนอาจารยไสยศาสตรผูมีชื่อเสียง
ที่รูจักกันดีในวงการ เหล็กไหลประพฤติตนอยูในศีลในธรรมสงเคราะหชวยเหลือผูคนดวยเมตตาธรรม
จนเปนที่เคารพรักใครนับถือของคนในหลายวงการรวมทั้งอดีตรัฐมนตรีบางคนก็เคย ไดรับ
“เหล็กไหล” จากมือของอาจารยเสือมาแลว
เมื่อไมกี่ปที่ผานมาอาจารยเสือเพชรสังฆาตไดทําพิธีกรรมอัญเชิญเหล็กไหลครั้งสําคัญที่ถํ้าเขาหลวง
จังหวัดเพชรบุรีมีลูกศิษยลูกหาที่เปนทั้งทหาร ตํารวจและรัฐมนตรีเขารวมพิธีหลายคนจนเปนขาว
เกรียวกราวในวงการเหล็กไหล เพราะไดพบเห็นความมหัศจรรยประจักษแกสายตาตนเองพรอมกัน
ในวันนั้น วัตถุธาตุกายสิทธิ์ที่ไดทําพิธี “อัญเชิญ” ในครั้งนั้นอาจารยเสือไมไดเรียกวา “เหล็กไหล”
แตไดเรียกวา “พญาเหล็ก” หรือ “นางพญาเหล็ก ”หรือ “เจาแมทองธรรมชาติ” เนื่องจากสิ่งที่ทํา
พิธีอัญเชิญในครั้งนี้เกิดจากวัตถุธาตุกายสิทธิ์ที่ลองลอยอยูในอากาศอาจารยเสือไดใชพระเวทยเรียก
ใหธาตุเหลานั้นมารวมตัวกัน เขาเปนวัตถุธาตุกายสิทธิ์สีดําดั่งนิลมีอานุภาพทางคงกระพันชาตรีเปน
มหาอุด รวมทั้งเมตตามหานิยมเรียกโชคลาภมาสูเจาของผูครอบครอง
เมื่อเจาหนาที่ตํารวจไดปดลอมไวทุกดานแลวไดตะโกนใหนายเสือมอบตัว ก็เลยเกิดการ
ยิงตอสูกันปรากฏวาตํารวจบาดเจ็บ ๒ นายก็เลยมีการขอกําลังเสริม จากสภ.ต.ทรงธรรมเจาของ
ทองที่เพื่อติดตามลาตัวนายเสือแตปรากฏวาไมพบ เหลือเพียงปลอกกระสุนปนเปนจํานวนมาก
ตกอยู ทําใหขาดขอมูลเรื่องราวที่นาสนใจไปเพราะไมทราบขาวของอาจารยเสือและ สาเหตุที่
แทจริงในเรื่องราวที่เกิดขึ้นรวมทั้งขอมูลดีๆ ที่เกี่ยวกับเรื่อง เหล็กไหลอีกหลายแงหลายมุม
แตสิ่งหนึ่งที่อาจารยเสือทําไดสําเร็จในครั้งนี้ ยอมแสดงถึงคุณธรรมและเจตนาที่บริสุทธิ์ใน
การอัญเชิญเหล็กไหล เพราะไดทราบขาววาลูกศิษยลูกหาหลายคน ไดมบ ี ารมีพอที่จะไดรับ
มอบเหล็กไหลชุดนี้ไปครอบครอง จึงไมนาจะเปนผูประพฤติมิชอบตามขอกลาวหาดังที่เปนขาว
เหล็กไหลจากเขากะอางค
พิธีการอัญเชิญเหล็กไหลนี้หลวงพอวัชระไดเคยไปสัมผัสอยูแ
หงหนึ่งเมื่อป ๒๕๔๐ในบริเวณ
ถํ้าบนเขากะอางค อ.ทามะกา จ.กาญจนบุรี ไดมีคณะคนหาเหล็กไหล มาชักชวนใหไปทําพิธีอัญเชิญ
เหล็กไหลบารมีก็เลยสนใจ เพราะเคยไดยินแตวาตัดเหล็กไหล สวนการอัญเชิญอยางที่เขาใจก็คง
หมายถึงการทําพิธีใหเหล็กไหลโผล ปรากฏออกมาเองเหมือนการเสด็จของพระธาตุกระมัง
ในวันนั้นไดเดินทางไปถึงบริเวณเขาก็มืดคํ่าพอดีคณะคนหาไดรอตอนรับ อยูที่เชิงเขามีผูคนทั้งชาวบาน
ที่ทราบขาวเกือบ ๓๐คน เดินขึ้นไปบนเขาเกือบหนึ่งชั่วโมง จึงไดพบจุดที่จะทําพิธีในขณะที่ทําพิธน ี ั้น
ไมมีโอกาสสอบถามชื่อเสียงทราบแตวา เปนชาวเขมรทางสุรินทรเกงในเรื่องคนหาเหล็กไหลไดรออยู
จนดึกปรากฏวาเหล็กไหล ไมยอมออกมาเพราะคนจํานวนมากขาดความสํารวมสงเสียงดัง ลั่นคูหา
ไปหมด ไดมีการนัดหมายเวลาใหมในวันรุงขึ้น เฉพาะในหมูคณะที่เกี่ยวของเทานั้น
ตกเย็นจึงไดเปลี่ยนจุดนัดพบขึ้นเขาอีกทางดานหนึ่งเพื่อหลีกเลี่ยง บุคคลภายนอกที่จะติดตาม
ปรากฏวามีคนรวมคณะไปรวม ๗ คนจนถึงบริเวณถํ้าแหงหนึ่งพบวา ไดมีการจัดเครืองบวงสรวงจําพวก
ไกปลา บายสีผลไม สุรา นํ้า พานทองสี เหลืองอรามขนาดเล็ก ปูรองดวยผาสีแดงสดรังสําหรับ
ใสเหล็กไหลขนาดฟองไขไก ผาซีกภายในบุดวยสําลีสีขาวสะอาดตั้งอยูกลางพานรายลอมดวย
พวงมาลัยดอกมะลิ สดระยาสีแดง
หลังจากไดสนทนากันพอสมควร ก็ถึงเวลาเริ่ม
ประกอบพิธอ ี าจารยเขมร ก็เริ่มจุดธูปเทียนทําพิธี
อัญเชิญเหล็กไหลภาษาที่ใชเปนภาษาเขมรปน
ไทยบางคําคณะ ติดตามนั่งอยูเบืองหลังในทวงทา
ที่สํารวมจิตใจจดจออยูในเหตุเฉพาะหนา แนวนิ่ง
เสียงมนตรากระหึ่มดวยทวงทีลีลาไพเราะเหมือน
คํารองชวนเชิญนานเกือบครึ่งชั่วโมง ฉับพลัน
ทุกคนก็ไดพบเห็นเหมือนลูกไฟสีเขียวเรืองรอง
สองสวางลอยมาจาก หนาถํ้าพุงเขามาสูภายในถํ้า
อยางรวดเร็วสวางวาบเดียวแลววูบดับลงในพาน
รองรับเหล็กไหลนั้นทันทีเสียงมนตรานั้นคอย
แผวลงทวงทํานองก็เปลี่ยนไป เหมือนแสดงความ
ยินดีอึดใจใหญๆทุกสิ่งก็เงียบสงบลงไมมีใครกลา
จะขยับหรือเหมือนไมอยากหายใจเพราะเกรง
เสียงลมหายใจจะทําใหอาจารยเขมรเสียสมาธิ
หรือกลัววาสิ่งมหัศจรรยที่เกิดเฉพาะหนานี้
จะอันตธานหายไป
๙๔๕
อีกอึดใจตอมาอาจารยเขมรเริ่มขยับตัวไปที่หนาพานรองรับเหล็กไหลนั้นทุก คนเริ่มขยับตามเห็น
วัตถุธาตุสีเขียวคลายหยกออนนอนนิ่งอยูในรังขี้ผึ้งนั้นเอง ดูแลวเหมือนขี้ผึ้งที่ออนนุมอาจารยเขมร
เอามือจับที่พานแลวพึมพําอะไรบางอยางออกไปชั่วครู จึงไดอนุญาตใหศิษยบางคนสัมผัสดูหลวงพอ
วัชระไดลองจับดูปรากฏวามีความออนนุมแตเย็นเหมือนนํ้าแข็งตลอดเวลา ที่จับสัมผัสนั้นขนลุกซูชูชัน
ไปทั้งรางหลายคนก็ไดลองสัมผัสดูก็มีความรูสึกเชนนั้น
หลวงพอวัชระทานกลาววาเหมือนกับเหล็กไหลที่หลวงพอสัมฤทธิ์ไดกลาวถึงคือ“ธรรมธาตุ”
เหล็กไหลชนิดนี้เปน “อรูปธาตุ” มีแตเพียงจิตวิญญาณที่ไมมีรูปรางแตมีลักษณะเปนแสงสีอาศัยอยู
ตามถํ้าที่สําคัญในอดีตกาลโดยอาศัยแฝงองคอยูภายในหินงอกหินยอยโดยมีเทพเทวารักษาอยู
อีกตอหนึ่งตอเมื่อถึงเวลาที่ผูมีบารมีธรรมไดมาพบเหลาเทพเทวาที่รักษาอยูก็จะนอมนําถวายมอบให
แกผูที่มีบุญวาสนาเหลานี้ตอไป มีลักษณะเหมือนแกวใสๆ หรือสีขุนเมื่อไดมาใหมๆ มองดูจะคลาย
กับสีผึ้ง ที่มีความออนนุมแตเมื่อสัมผัสดูจะรูสึกวาแข็งแตไมใชโลหะสีจะเงาดาน ไมเงาวาวมีหลายสี
เชน เขียวนํ้าผึ้งสีหยกลูกหวา เปนตน สีสันหลากสีเหลานี้ เกิดตามบารมีและจริตของเทพผูรักษา
ที่เขามาประทับอยูในกอนธาตุเหลานี้
วิธีการสัมผัสกับธาตุกายสิทธิ์ (ดวยสัมผัสที่๖)
๘.ทั้งหมดนี้เปนแคจุดเริ่มตนของการสัมผัส พอเราเริ่มชํานานการสัมผัสจะแตกตางออกไป
เชน มีทั้ง รอน หรือ เย็น
ขอสําคัญ
เหรียญหลวงพอเงิน วัดบางคลาน
วัตถุมงคลพลังงานควอนตั่มสเคลาร
ดังนั้นผูรูจึงพยายามแสวงหาวัตถุธาตุที่มีสนามพลังงาน
แมเหล็กไฟฟาที่ดี และมีกําลังสูงพอเหมาะมาพกไว
กับตัวเพื่อใหวัตถุธาตุดังกลาวสงผานพลังงาน
เพื่อถายเทพลังงานแมเหล็กไฟฟาเขาสูรางกาย
เพื่อใหเกิดความแข็งแรง มีภูมิคุมกันโรคภัยไขเจ็บ
และเพื่อผลทางอายุวัฒนะ รวมทั้งผลทางดานอื่นๆ
ในการดํารงชีวิตดวย ทีส ่ ําคัญคือเมื่อวัตถุธาตุที่มี
พลังงานตามธรรมชาติจากใตโลกดังเชนหินลาวา
พลังสเคลาไดผานการอธิฐานจิต เชิญญาณบารมีของ
หลวงพอเงินวัดบางคลานพระอภิญญาแหงรัตนโกสินทร
พลังงานแหงบารมีธรรมของหลวงพอเงินยอมเปนแรง
สงผลักดันใหเกิดคุณวิเศษ ประการตางๆสูงยิ่งขึ้นไป
อีก ทําใหเกิดคุณทั้งทางดานโชคลาภ เมตตามหานิยม
และคงกระพันชาตรี แคลวคลาด พรอมสรรพมีคุณอุปมา
ดั่งฝอยทวมหลังชาง ครอบจักรวาลแกผูครอบครอง
๙๔๗
เหล็กไหลในตํานานที่กลาวถึงกันทุกวันนี้ สวนหนึ่งก็
มีความเชื่อมาจากเรื่องของแรกายสิทธิ์ที่อยูใตโลก
และมีความวิเศษพิสดารยิง่ ขึ้นเมื่อแรกายสิทธิ์นี้ผานการ
ประจุพลังฌานจาก ฤาษีในยุคดึกดําบรรพณ พระฤาษี
บางตนถึงกับถอดจิตวิญญาณลงไปสูธาตุเหล็ก
มหัศจรรยจนกลายเปนของวิเศษกายสิทธิ์ที่เรียกวา
เหล็กไหล มีอานุภาพนาๆนัปประการ เชนดับพิษรอน
คงกระพันชาตรี ลองหนหายตัว ฯลฯ แตนอยคนนัก
ที่จะมีสิทธิครอบครองเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์
ดังกลาวได จะไดก็เฉพาะผูที่มีวาสนาสูงสงเทานั้น
ในปจจุบันนี้ การคนพบหินลาวาออบซิเดียม
พลังสเคลา ถือวาเปนการคนพบแรมหัศจรรยตระกูล
เหล็กไหลอยางหนึ่ง
และการไดนําแรมหัศจรรยชนิดนี้มาทําเปนวัตถุมงคลชั้นสูงโดยการประทับรูปของ หลวงพอเงิน
แหงวัดบางคลานพระเถราจารยผูทรงอภิญญาลงไปและเชิญญาณบารมีแหง ทานมาประจุพลัง
อยางเต็มอัตรา ก็คงเปรียบไดวา เหรียญหลวงพอเงิน หินลาวาพลังสเคลาก็เปนมิติหนึ่งของ
พลังธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหลไดเชนกัน
สําหรับพลังพระพุทธคุณของเหรียญหลวงพอเงิน จากหินลาวาใตพิภพพลังสเคลารุนนี้
มุงเนนอยางยิ่งที่ใหมีอํานาจดานอุดมลาภเปนพิเศษ เพราะไดอาราธณาบารมีใหมีอํานาจในการ
ดึงดูดทรัพยทั้งหลายในปฐพีมาสูผูสวม ใสบูชา นอกจากนี้ยังมีพลังเดนในดานเมตตามหานิยม
โชคลาภ เมตตาคาขาย ที่ขาดไมไดคือคงกระพันชาตรีแคลวคลาด ผูที่สวมใสเปนประจําจะยัง
ใหทานผูนั้นหางไกลจากโรคภัยไขเจ็บ แมวาเจ็บปวยประการใดใหอาราธณาบารมีแหงหลวงพอเงิน
บารมีแหงธาตุกายสิทธิ์ทั้งปวง ขอใหมารักษาธาตุขันธปรับธาตุทั้ง๔ในรางกายไมนานก็จะมีสุขภาพดี
ขึ้นตามลําดับ จะอาราธณาทําน้ํามนตรักษาไขก็ได ผูที่สวมใสเหรียญนี้เปนประจํายอมเปนผูที่มี
อายุวัฒนะ มีพลังจิตเขมแข็ง ปญญาผองใส มีโชคลาภมิไดขาก ศัตรูหมูมารทําอันตรายมิได
ไปไหนมาไหนยอมไดรับความคุมครอง
พิธีกรรมทดสอบบารมีเหล็กไหล
ในการทดสอบบารมีของเหล็กไหลนั้น จะทําเปนเลนๆ
หรือเพื่อความรูอยางเดียวหาไดไม เพราะเหล็กไหลในที่นี้มีจิต
วิญญาณครอบครอง มีความรูสึก รัก โกรธ เกลียด ชอบ หรือดีเฉก
เชน ความรูสึกของสัตวโลกทั่วไป ที่ยงั ไมพนความเปนปุถุชน
เพียงแตอาศัยธาตุขันธประกอบเขากันใชเปนที่อยูอาศัย
โดยใชบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์ความเปนเทพในระดับภพภูมิตางๆ
แฝงเขาอาศัยอยู ดังนั้นมีใครคิดไมซื่อหรือไมดีที่จะมาทําลาย
หรือมุงรายดวยเจตนาที่ไม บริสุทธิ์ จะมีการตอตานหรือตอสู
เกิดขึ้นไดเชนกัน
ผูอานหลายคนอาจจะไมเชื่อวาสิ่งเหลานี้เปนจริงหรือไม หรือเกินความจริงไปหรือเปลา
แตสิ่งเหลานี้รอการพิสูจนจากผูที่สนใจและตองการสิ่งที่มีอานุภาพในการ ปกปองคุมครอง ไมใชจาก
นายหนาหรือผูที่หากินทางอาชีพยิงเหล็กไหล โดยหลอกวามีนายทุนใชใหมาทดสอบบาง มีการวางเงิน
เดิมพันบาง มิฉะนั้นถาพบของจริงอยางที่วาแลวทานอาจจะพบกับเหตุการณที่นาสพึงกลัว จากสิ่งที่
มองไมเห็นเหลานี้ไดโดยงายก็ได แตสิ่งเหลานี้ตองยอมรับอยางหนึ่งวาเปนสิ่งที่เกิดขึ้นจริงสดๆ รอนๆ
ตอหนาสายตาคนนับรอย ดังที่จะกลาวถึงในโอกาสตอไป
เครื่องบูชา
๕. อาหารเจพรอมผลไมชุดใหญ
๖. บายศรีตองตั้งศาลเพียงตาอยางละ ๑ คู
๗. เครื่องกระยาบวช ขาวตอกดอกไม
๘. คนอานโองการอัญเชิญ
๙๔๙
หลังจากทําพิธีอันเชิญบอกกลาวขออนุญาตจากเทพผูปกปกรักษาเหล็กไหลก็เปนหนาที่ของ
ผูทําการทดสอบสวนใหญจะเปนไมขีด หรือปนยิง ๓ นัด สุดแทแตเงื่อนไขปลีกยอยที่จะตกลงกันเอง
ซึ่งจะตองใชวิจารณญาณของตนเอง อยาใหตกเปนเครื่องมือหากินของกลุมผูไมสุจริตเทานั้น
ผูซื้อจริงๆ นั้นมีนอย อยาหลงเชื่อคนแปลกหนางายๆ หรือฟงคนบอกวาเปนนายทุนมีเงินเปนรอยลาน
พันลาน ซึ่งก็ยากแกการตรวจสอบ พอผานการทดสอบสอบจริงๆ แลว นายทุนที่วาไมมีเงินจายก็อาจ
เดือดรอนไดในภายหลังเหมือนกันซึ่งสวนใหญ จะมีหลักเกณฑดังนี้
๑. นายหนาจะตองมีเงินคาบูชาครูในการจัดตั้งพิธีหรือของใชในพิธี ซึ่งสุดแทแตพิธีเล็ก
หรือใหญ ประมาณ ๓๐,๐๐๐ บาทขึ้นไป
๓. เงินมัดจําหรือเงื่อนไขการจายเงินเมื่อการทดสอบผานเรียบรอย
เหลานี้เปนเรื่องที่ตองระมัดระวังทุกขั้นตอนเหมือนกัน เพราะมีเลหเหลี่ยมของผูที่
แสวงหาผลประโยชนจากความโลภของคนเราไดงายเหมือนกัน ดังขาวที่ปรากฏตามหนาหนังสือพิมพ
เปนประจํา
ขั้นตอนการทดสอบ
๑. จุดธูปบอกกลาวขอชมบารมีและขอขมาโทษหากไดลวงเกินตอสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหลานี้
ผลจากการทดสอบการยิง
๗. หากเหล็กไหลหนีจะพุงแรงเห็นเปนลําแสงวิ่งขึ้นฟาพรอมเสียงหวีดแหลมชั่วพริบตา
เทานั้น
ดังนั้นผูทดสอบชมบารมีเหล็กไหลจริงๆ แลวจะตอง
ระมัดระวังอันตรายจากจุดนี้ดวย จนผูที่รูดีจะเสี่ยงใช
เทียบลูกปน หรือกานไมขีดแทน ดูจะปลอดภัยกวา
ดวยประการทั้งปวง เหตุผลทั้งนี้ทั้งนั้นในเมื่อเปนธาตุ
กายสิทธิ์ที่มีชีวิตจิตวิญญาณ มีความรูส ึกเหมือนกับเรา
หากเปนมนุษยธรรมดา ตอใหสนิทกันขนาดไหน
ลองเอาปนไมมีกระสุนแลวเล็งมาพรอมโกงไกไว
ทานจะพอใจ หรือไม ?
ดังนั้นอาถรรพณของเหล็กไหลทางปองกันและรักษา จึงคอนขางมีอานุภาพและอิทธิฤทธิ์
นานาประการสุดแทแตความประสงคที่จะอธิษฐานเอา และเพื่อเผยแพรเรื่องราวอันแสนมหัศจรรย
ใหแกผูสนใจไดรับทราบและศึกษากันตอไป
ตํานานเขาแรดอันลี้ลับ
หลวงพอสัมฤทธิ์ หรือ พระครูกาญจนกิจจาทร ไดเลาเรื่องราวของทานใหฟงตอไปวา
หลังจากที่ทานไดสํารวจหาเหล็กไหลทางภาคเหนือจรดใต แตไมไดผลเทาที่ควร จึงไดเดินทาง
เขาสูจังหวัดกาญจนบุรี
เทือกเขาลูกยอมหลายลูกที่สลับซับซอนอยูเบื้องหนาและหลังถ้ําแฝด ที่พักอยูนั้น
เรียกกันวา “ภูเขาแรด” โดยเฉพาะมีเทือกเขาลูกหนึ่งอยูทางทิศตะวันตกของเทือกเขาหรือของ
วัดถ้ําแฝด ปจจุบัน เรียกกันวา “หัวเขาแรด” เนื่องจากเขาลูกนี้มีลักษณะเหมือนศรีษะแรด
ประกอบดวยนอ ๒ นอ พรอมดวงตาและจมูก รวมทั้งเปนรูปศรีษะแรดอยางชัดเจน สามารถมอง
เห็นไดชัดเจนในระยะไกล
ดินแดนอาถรรพณ
รายหนึ่งคิดปลูกบานที่เชิงเขาแรด แตไดถูกเพื่อนพองและผูเฒาผูแกที่อยูที่นี่มานาน
ทักทวงวาอยาไปปลูกบานบริเวณนั้นเลย เพราะปลูกแลวจะอยูไมได แตเขาก็ไม เชื่อดื้อรั้นปลูก
สรางบานไปตามความคิดของตนแถมยังคุยโวอีกวา หากแรดมารังควาน ก็จะเอาปนไลยิงเสียใหเข็ด
อาถรรพณความศักดิ์สิทธิ์นี้เปนที่ประจักษของคนในพนที่มานานหลายชั่วคน จนหลายๆ คน
ไดพบเห็นเรื่องราวอภินิหารตาง ๆ ของเขาแรดนี้มากมาย แตในทางกลับกัน ผูใดมีความเคารพ
มีสัมมาคาราวะ มีศีลธรรมไมลบหลูตอสถานที่ ก็มักจะประสพโชคลาภไดทรัพยมาอยางไมคาดฝน
ในอดีตมีผูพบสมบัติโบราณหลายอยางในบริเวณเทือกเขานี้ โดยมีแหลงใหญอยูที่ถ้ําบนเขา
เชน ทองคํา พานทองเหลือง ขนาดคนโอบ กระทะทองเหลืองใบใหญ เปนตน
นอกจากนี้ผูที่มีความเคารพนับถือ ไปจุดธูปไปขอความชวยเหลือในเรื่องการทํามาหากิน
ไมเกินแกฐานะแลว มักจะไดรับการอนุเคราะหดวยวิธีการที่แปลก ๆ เชน บางครั้งในฤดูน้ําหลาก
ก็จะเกิดปลาประหลาดมีหลากสี สีสันสวยงามเกิดขึ้นในหนองน้ําขางภูเขา ทําใหจับไปขายได
เงินยังชีพไดอยางสบาย แตพอสมควรแกเวลาปลานั้นก็เกิดอันตรธานสูญหายไป
๙๕๒
เรื่องราวความลี้ลับเหลานี้ คงจะไดยินไดฟงจากครูบาอาจารยผูปฎิบัติดีทั้งหลาย
ที่มักไดของมีคาจากชาวลับแล หรือบังบด สุดแทแตจะนํามามอบใหโดยวิธีใด บางครั้งนิมิตรบอก
บางครั้งนํามาวางให บางครั้งนํามาถวายใหเองเลยก็มี สิ่งเหลานี้เปนเรื่องพิสดารสําหรับเรา ๆ ทาน ๆ
แตกับครูบาอาจารยผูปฏิบัตินั้นถือวาเปนเรื่องราวแสนจะธรรมดา โดยเฉพาะการสรางวัดเพื่อเปนการ
สืบพระพุทธศาสนาใหสถาพรตอไป ยอมเปนแรงบันดาลใจเปนพิเศษ ที่ทานทั้งหลายเหลานี้อยาก
มีสวนรวมในมหากุศลครั้งนี้เหมือนกัน
เหตุผลอันแทจริงของความศักดิ์สิทธิ์ของเทือกเขาแรดนี้ ยังไมมีผูใดสามารถคนหาคําตอบ
ที่แทจริง หรือสามรถสยบอํานาจลึกลับตาง ๆ ลงได จนกระทั่งมีพระภิกษูผูทรงศีลและกําลังสมาธิ
แกกลารูปหนึ่งนามวา “สัมฤทธิ์ คัมภีโร” ไดธุดงคมาปกกลดหาความวิเวกภายในถ้ําแหงหนึ่งบน
เทือกเขาแรดนี้ (คือถ้ําแฝดในปจจุบัน)
ในคืนแรกหลังจากสงบจิตลงไดไมนาน ปรากฏนิมิตงูยักษมีหงอนมากมายมารบกวนในขณะ
นั่งเจริญสมาธิภาวนาอยู ทําใหลวงรูดวยกําลังญาณและสมาธิวา ถ้ําแหงนี้จะตองเปนดินแดนศักดิ์สิทธิ์
แหลงสถิตยสิ่งของวิเศษของเหลาพญานาคแนนอน เมื่อไดทราบดังนั้นแลว หลวงพอสัมฤทธิ์ ก็คงนิ่ง
เฉยหาไดสนใจในของกายสิทธิ์เหลานั้นแตอยางใดไม ยังคงกําหนดจิตละกิเลสบําเพ็ญสมณะกิจตอไป
“ขาพเจาคือพญานาคผูเฝารักษาถ้ํากายสิทธิ์นี้มาเปนเวลานาน ไดพบแลวผูซึ่งทรงความ
บริสุทธิ์แหงศีลสมควรแกการเคารพนับถือ ขอมอบเหล็กไหลและของกายสิทธิ์ทั้งหมดในที่นี้แกทาน
และขอมอบเสื้อคลุมของขาพเจาไวเปนที่ระลึกแกทาน เราหมดวาระแลว” ซึ่งตอมาหลวงพอ
ไดสํารวจภายในถ้ําสวนลึกก็ไดพบ “คราบงู” ขนาดใหญปรากฏอยู
หลังจากนั้นก็ไดมีศรัทธาญาติโยมในหมูบานมานิมนตใหทานอยูจําพรรษาทีน
่ ี่ เพราะเคย
มีพระมาธุดงคพักอาศัยถ้ํานี้หลายองค แตพอเชาจะมาถวายอาหารบิณฑาตร ก็ไมทราบวาทานถอนกลด
หายไปแตเมื่อใด คาดวาคงจะพบเหตุการณที่นาสพึงกลัวจากอาถรรพแหงขุนเขาจนเกิดความกลัว
กําเนิดเหล็กไหลตาแรด สืบเนื่องมาจากการที่หลวงพอสัมฤทธิ์ไดกอสรางพระอุโบสถ
สําเร็จเรียบรอยแลว จึงไดจัดเตรียมงานฝงลูกนิมิตขึ้น
ในป พ.ศ. ๒๕๑๗ โดยคณะสงฆอําเภอทามวง ไดรวมประชุม
เตรียมงานดานสถานที่ ตลอดจนถึงคณะกรรมการชุดตาง ๆ
เพื่อชวยเหลือแบงเบาภาระหลวงพอ เพราะสมัยกอนการ
คมนาคมไมสะดวก เชนนี้ ถนนก็ยังเปนทางลูกรัง หมูบาน
ชุมชนก็ยังไมใหญโตเหมือนปจจุบัน ภาระตาง ๆ สวนใหญ
จึงตกอยูกับหลวงพอ จนกระทั่งใกลวันกําหนดงาน ซึ่งเหลือ
เวลาเพียงไมกี่เดือน ทานก็มานึกไดวายังไมไดจัดเตรียม
สิ่งของที่จะมอบไวใหเปนที่ระลึกแก ผูที่มารวมงานทําบุญ
ฝงลูกนิมิต
๑. เหรียญพระประธาน
๒. เหรียญรูปเหมือนหลวงพอ รุนแรก
ดังนั้นทุกครั้งที่ทําวัตรสวดมนตเสร็จทานจะนั่งกรรมฐาน และอธิษฐานขอบารมีจาก
คุณพระรัตนตรัย ตลอดถึงครูบุรพาจารย สิ่งศักดิ์สท ิ ธิ์ทั้งหลายที่อยูในเขตบริเวณเขาแรดนี้ ไดชวย
ชี้แนะปรากฏเปนนิมิตหมาย ใหทานสามารถหาสิ่งที่จะสมนาคุณแกศรัทธามหาชนไดเปนพิเศษดวย
บุพพนิมิต
อุบัติการณแหงเหล็กไหลตาแรด
เมื่อถึงรุงเชาหลังจากทําภัตตากิจเรียบรอยแลว ก็ยังมานั่งนึกถึงนิมิตเมื่อคืนนี้ดวยความกังขา
นึกยอนไปถึงตํานานภูเขาแรด ที่เคยไดยินไดฟงมา และจากการสัมผัสดวยตัวทานเองหลายครั้ง
ทําใหทานชักลังเลใจ อยากออกเดินทางไปพิสูจนถึงสถานที่ ตามนิมิตนั้นทันที
ทานไดใชไฟฉายและนําเอาตนเทียนใหญที่พอใหหลานชายทานแบกขึ้นไปได จุดสวางขึ้น
ภายในถ้ํา พบวามีความเย็นสงบเงียบ พื้นถ้ําสะอาด เหมือนมีคนดูแลรักษา สอดสายสายตาชวยกัน
ดูวามีอะไรที่นาจะผิดสังเกตบาง ดูตามพื้นถ้ําและผนังถ้ําไปเรื่อย ๆ จนเขาไปไดประมาณ ๔๐ เมตร
เศษฉับพลัน หลวงพอทานไดสังเกตุ เห็นวัตถุบางอยางสะทอนแสงไฟขึ้นมาวูบหนึ่งจากโพรงพื้น
ถ้ําที่ทอดต่ําลงไปเรื่อย ๆ
ทานไดจดจําจุดที่แสงไฟสะทอนกระทบเขาตาทาน เดินปนปายต่ําลงไปตามกอนหินนอย
ใหญจนถึงบริเวณดังกลาว ไดพยายามอาศัยแสงเทียนสาดสองเพื่อใหเกิดแสงสะทอนขึ้นอีกซักวูบเถอะ
แตก็ไมเห็นมีอะไรผิดปกติ จึงนั่งพักเหนื่อยฉันน้ําแกคอแหง เพราะจากตีนเขาถึงยอดเขาก็ ไมใชใกล ๆ
เหมือนกัน
คราวนี้ทานพบเห็นที่พื้นถ้ํา มีกอนแรสด
ี ําทั้งเล็กบางใหญบางอยูเกลื่อนกลาดไปทั่ว
ทานไดเก็บมาพิจารณาดูพบวา มีลักษณะเปนสีดาํ มันวาว สะทอนแสงไดดี และทราบภายหลังวา
แมเหล็กดูดติดได ทานจึงทําพิธีจุดธูปเทียนบอกกลาวขออนุญาต เก็บรวบรวมใสยามประมาณคอนยาม
ของทานเพราะมีความมั่นใจวาสิ่งนี้มีคุณ คาตามทีท ่ านตั้งใจปรารถนาแนนอน สวนเหล็กไหลกอน
ที่พบนั้นทานตั้งใจวา คืนเพ็ญเดือน ๑๒ ทานจะมาทําพิธีพลีกรรมเอาอีกทีหนึ่ง เพราะชวงที่ทาน
ไปพบนั้นยังอยูในระหวางพรรษา จึงไมกลาไปรบกวนเขา
เหล็กไหลตาแรดคืออะไร ? เหล็กไหลตาแรดคืออะไร ?
ภายหลังที่หลวงพอไดนําเหล็กไหลนี้มาไวที่วัด ทานก็ไดเจริญสมาธิภาวนาอธิษฐานจิต
ขอใหสิ่งนี้มีอานุภาพดังประสงค พอดีถึงวันพระขึน
้ ๑๕ ค่ํา ขณะที่หลวงพอเจริญสมาธิตอนเชามืด
จิตทานก็ไดนิมิตเห็น ชีปะขาว ผมยาวขาวโพลนทั้งศรีษะ มากับแรดตัวหนึ่ง ใหญบึกบึนสีดําสนิท
มันวาว ไดเขามากราบหลวงพอทั้งแนะนําตนเองวาคือ ปูสิงขร ผูรักษาเทือกเขาแรดแหงนี้
๙๕๖
ตอมาภายหลังหลวงพอไดพบกับแรเหล็กไหลเหลานี้ในชวงฤดูน้ําหลากระหวางเขาพรรษา
บริเวณหลังพระอุโบสถ ซึ่งจะมีทางน้ําจากบนไหลเขาพัดพาเอาสิ่งของจากภายในถ้ําคูหาตาง ๆ
บนเขาลงมาสูพื้นดานลาง บางทีเคยมีเปลือกมะพราวและแกลบใหม ๆ ไหลมากับกระแสน้ําดวย
เชื่อวาเปนสิ่งที่มาจากเมืองลับแลนั่นเอง สวนแร เหล็กไหลที่มากับน้ํานี้กอนจะไมคอยใหญมากนัก
ทานไดลองใชแมเหล็กดูดหา ซึ่งไดมาจํานวนพอสมควรเชนกัน บางครั้งทานก็ไดขึ้นไปเอาลง
มาจากถ้ําบนภูเขาเหมือนกัน
นิมิตรจากปูสิงขร
หลังจากหลวงพอไดรับอนุญาตจากปูสิงขรใหนําเอาแรเหล็กไหลเหลานี้มาทําประโยชนเพื่อสืบสาน
พระพุทธศาสนาแลว ทานก็ยังคิดไมตกเหมือนกันวาจะเอามาจัดทําอยางไรดี หลังจากออกพรรษาได
อาทิตยเดียว ขณะที่หลวงพอปฏิบัติกรรมฐานของทานตามปกติในชวงตี ๔ เมื่อจิตทานเริ่มนิ่งสงบ
ฉับพลันไดพบเห็นแสงสวางนวลขาวพุงลงมาจากบนเทือกเขาแรด
๑. นํามาเจียรนัยขนาดเทาเม็ดถั่วเขียวฝงใหญาติโยม
๒. นําเอาเศษที่แตกบิ่นหรือเศษที่เหลือมาฝงไวหลังพระผงรุนแรก
๓. เศษผงที่เจียรนัยแลวมาทําเปนมวลสารผสมสรางพระรุนใหม
ตํานานเหล็กไหลตาแรด
เมื่อไดเหล็กไหลรวมทั้งโลหะอื่นแลวนํามาหลอรวมเก็บไว พอฤกษงามยามดีก็ตั้งศาลเพียงตา
พรอมเครื่องบัดพลีทําพิธี แลวใหชางตีเหล็กบรรจงแตงรูปทรงที่ตองการ เมื่อเสร็จแลวมี สีเขียวปก
แมลงทับ จากนั้นก็เจาะไมชัยพฤกษ เอาผมผีพรายราย ๆ ใสเขาไป แลวเอาชันกรอกทับเปนดาม
เมื่อขุนแผนลองแกวงดูก็เกิดเมฆลมพัดตลบอบอวล ฟาผาเปรี้ยงปราง แลวเอาไมสรรพยามาทํา
สัก แตงเติมเสริมความงามจนพอใจ จึงตั้งชื่อวา “ดาบฟาฟน”
เจาเณรนี้มีวิชาดานคงกระพันยอดเยี่ยม วิชาอาบน้ําแรและน้ําวานเพื่อใหผิวหนังคงกระพัน
ฟนแทงไมเขา ซึ่งไดมีผูเลาขานสืบทอดกันมาวา เจาเณรไดนําเอาแร บางชนิดจากภูเขาแรดนี้
ไปแชอาบดวย ซึ่งหลวงพอก็สันนิษฐานวา คงจะเปนแรเหล็กไหลชนิดหนึ่งนี่เอง
หลวงพอเปลี่ยนมีวิชาอาคมแกกลาและเชี่ยวชาญวิปสสนา
มาแตหนุม ๆ ศิษยเอกของทานในยุคนั้นไดแก พระยาพหล
พยุหเสนา ทหารเสือหนุมผูกอการรัฐประหาร เปลี่ยนแปลงการ
ปกครองจาก ระบอบสมบูรณายาสิทธิราชมาเปนประชาธิปไตย
เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๔ ลูกศิษยของทานสวนใหญ
เปนนักเลงใหญและเปนคนจริงไมรังแกใคร แตถาใครมาราวี
รับรองวาจะตองไดรับบทเรียนมีคาติดหัวกลับไปคนละแผล
สองแผล จนกลายเปนคําล่ําลือของชาวเมืองกาญจนบุรี
สมัยนั้นวา หากตองการเปนเจาชูตองไปวัดเหนือ หากตอง
การเปนเสือ ตองไปวัดใต
สิ่งเหลานี้ก็เปนเรื่องราวหรือเกร็ดความรูเกี่ยวกับตํานานเหล็กไหลตาแรดนั้นวามีมาอยางไร
จนหลวงพอเปลี่ยน หรือ ทานเจาคุณวิสุทธิรังษี พรอมกับอาจารยบางไดมาปรากฏในนิมิตบอกให
พระครูกาญจนกิจจาทร หรือ หลวงพอสัมฤทธิ์ แหงวัดถ้ําแฝด เปนผูเขาไปเอาเหล็กไหลที่มี
ประวัติสืบเนื่องยาวนานกวา ๒๐๐ ปมาแลวมาใชประโยชน พรอมทั้งขนานนามเพื่อใหเปนที่รูจัก
และเขาใจในการเรียกหาวา “เหล็กไหลตาแรด”
เหล็กไหลฤาษี
ภายหลังจากที่ไดพบ “เหล็กไหลตาแรด” ในครั้งนั้นแลว หลวงพอสัมฤทธิ์ทานก็ คงวุนวาย
อยูกับการจัดเตรียมงาน “ฝงลูกนิมิตร” ซึ่งในปนั้นปรากฏวา วัดถ้าํ แฝดมี รายไดจากการจัดงานสูงกวา
ทุกวัด รถจอดติดเปนแถวยาวเหยียดจากตัวเขื่อนวชิราลงกรณเรื่อยมาจนถึงบริเวณวัดระยะทางประมาณ
๕ กม. ผูคนหลั่งไหลมาบูชาวัตถุมงคลชุดพิเศษ พระผงรุนแรกฝงเหล็กไหลอยางเนืองแนน บางคนก็มา
ฝงเหล็กไหลตาแรด บางคนก็อยากเห็นเหล็กไหล แตสวนหนึ่งที่ตั้งใจเหมือนกันก็คือ มารวมงาน
บําเพ็ญกุศลปดทองลูกนิมิตดวย
๙๖๑
ยอนรอยหาเหล็กไหล
หลังงานฝงลูกนิมิตผานพนไปแลว ภาระกิจตาง ๆ คอยผอนปรนลงไป ทําใหหลวงพอสัมฤทธิ์
ทานมานึกทบทวนถึงสิ่งหนึ่งที่ทานตั้งใจจะขึ้นไปเอา เมื่อคราวไดติดตามหาเหล็กไหลตาแรดนั้น
ก็คือ เหล็กไหล ที่เหมือนปุมไมที่หดหายไปในผนังถ้ําคราวนั้นหากแมนมีบารมีพอก็จะขึ้นไปทําพิธี
พลีกรรมขอเอามาไวที่วัด จนวันเสารขึ้น ๕ ค่ําเดือน ๕ ปจอ พ.ศ. ๒๕๑๗ ทานจึงถือเปนฤกษมงคลชัย
ทําพิธีเปดปาเปดถ้ํา ขึ้นไปหาเหล็กไหล โดยชวนผูใหญเภา พรานนวล และเณรหลานชายของทาน
ออกเดินทางพรอมดวยเสบียงอาหาร เครื่องบวงสรวงเทาที่จําเปน เทียนชัย ดายมงคล ยอนรอยไป
ตามทางจนถึงจุดที่พบเหล็กไหลโผลออกมาเหมือนปุมไม ลอเลนกับแสงไฟแลวหดหายไปในผนังถ้ํา
บริเวณนั้นอยูใกลกับสวนของภูเขาที่เปนสวนดวงตาของแรดนั่นเอง ตอนพบถ้ําใหม ๆ
หลวงพอไดไปสํารวจดู และคาดคะเนจากจุดถ้ําที่สํารวจ นาจะเปนถ้ําเดียวกันกับที่หลวงพอไดสํารวจ
ในครั้งนั้น เพียงแตยังไมมีใครพบทางเขาเทานั้น ก็เลยกลาวกันวาเปนถ้ําปด คนงานที่ระเบิดหิน
บนเขาลูกนี้ ยืนยันวามีอยู จุดหนึ่งที่วางชนวนระเบิดแลว ระเบิดดานไมทํางาน จนไมมีใครกลาไปวาง
ระเบิดในแถบนั้น
ยอนตํานานบุรพาจารย
พอพักผอนหายเหนื่อย หลวงพอทานก็นั่งในทาเตรียมทําสมาธิ กําหนดจิตลงสูองคฌาณ
เพื่อนอมจิตแผเมตตา ถึงครูบุรพาจารยในอดีตตลอดถึงทวยเทพเทวาทั้งหลาย ไดชี้แนะหนทางการ
ติดตามหาเหล็กไหลในครั้งนี้ใหไดประสพผลสําเร็จสมดังเจตนาที่ตั้งใจไว หลวงพอไดทบทวนเสนทาง
การเดินทางการบุกเบิกถ้ํา พบวาไดเดินจากทางตะวันออกมาทะลุทางตะวันตกเฉียงเหนือ สุดเขตเขา
ที่บริเวณเขาแหลมหรือเขาตก โดยสังเกตุจากแนวแมน้ํา ทําใหทานนึกถึงเรื่องราวที่เลาขานกันมานาน
ถึง “หลวงพอทอง” ปฐมเจาอาวาส วัดบานถ้ําในอดีต
๙๖๒
หลวงพอทองทานมีญาณเกงกลา สามารถเดินทางไปตามซอกหินตลอดภูเขาไปทะลุถึงอีกฝากหนึ่ง
ของภูเขาได การเดินทางของทานนั้นอาศัยไต ๑ มัด ๒๐ ใบ จุดไปกลับพอดีหมด เมื่อถึงแลวก็ลงสรง
น้ําที่สระบัว พอเสร็จแลวก็จะเก็บดอกบัวมาบูชาพระหลวงพอใหญในถ้ํา ภายในภูเขานี้ เชื่อวามีเสนทาง
เดินของชาวบังบดและชาวบาดาล ประกอบดวยหมูบานชาวลับแล ซึ่งมีพี้นดินและหาดทรายอันสวยงาม
ดังนั้นผูที่จะผานเขาออกดินแดนแหงนี้ จะตองประกอบไปดวยสมาธิจิตและศีลที่มั่นคง มิฉะนั้นจะถูก
นางผีเสื้อยักษที่เฝาดานประตูทําอันตรายเอา จําเนียรกาลผานไป บุตรชายของเศรษฐีนั้นเติบใหญขึ้น
สมควรแกการบรรพชา ประกอบกับตัวเศรษฐีนั้นก็ชรามาก จึงนํามาถวายเปนลูกศิษยรับใชหลวงพอทอง
ก็เลยไดบวชเปนสามเณร ไดคอยปรนนิบัติรับใชหลวงพออยางใกลชิดเสมอมา ตอมาสามเณรเห็น
หลวงพอทองเขาไปทางภูเขาไดทุกวัน ก็เลยอยากขอติดตามไปบาง แมหลวงพอจะหามปรามอยางไร
ก็ไมยอมฟง รบเราออนวอนจนหลวงพอใจออน ก็เลยใหสามเณรสัญญากันกอนวา ในระหวางเดินทาง
หากแมนพบเห็นอะไรก็ตามใหนิ่งไว เดินสํารวมอินทริยตามรอยเทาหลวงพอไป อยาไปหลงไหล
ในสิ่งที่พบเห็นตามทางเปนอันขาด สามเณรก็รับปากกับหลวงพอเปนอยางดี จึงไดมีโอกาสติดตาม
หลวงพอไปดวยกัน จนกระทั่งถึงประตูดานทางเขาเมืองลับแล สามเณรที่เดินตามหลังมีจิตที่ยังไม
มั่นคงพอ เพราะนางยักษที่ เฝาดานเห็นสามเณรแปลกหนาติดตามหลวงพอมาดวย ก็เลยใครทอดสอบ
ดูจึงแปลงกายเปนสาวนอยรูปรางโสภาเขามาทักทายดวยวาจาออนหวาน สามเณรซึ่งยังอยูในวัย
คะนองก็เลยขาดสติเสียสมาธิ จิตคิดเสนหาจึงเอยวาจาเกี้ยวพาราสีพอไดชองทีก็คิดจะทําการลวงเกิน
นางยักษก็รูทันทีวาสามเณรนี้เปนผูที่ไมสํารวมในอินทรีย ไรศีลไรสัตย ไมสมควรผานเขาสูดินแดน
แหงลับแลนคร จึงไดเอยวาจาหามปราม ฝายสามเณรก็ไมยอมฟงเสียง เรงจะติดตามหลวงพอใหทัน
สาวนอยจึงกลับรางเปนนางยักษตรงเขาบิดคอสามเณรจนตาย
หลวงพอเมื่อเดินทางเขามาถึงหมูบานเมืองลับแล ยืนรออยูครูใหญก็ไมเห็นสามเณรมาสักที
ก็เฉลียวใจวาเณรคงไดรับเภทภัยจากนางยักษเปนแน จึงรีบกลับไปดู ก็พบสามเณรถูกบิดคอตาย
เสียแลว ถามนางยักษไดความจริงวา สามเณรทําผิดศีลผิดสัตยจึงถูกลงโทษถึงตาย หลวงพอจึงได
ขอรองใหนางยักษชวยแกไขใหสามเณรฟนขึ้นมากอน เมื่อสามเณรฟนขึ้นมาแลวหลวงพอก็รีบนํา
กลับไปยังถ้ําเบื้องบนทันที
ฤาเทพนําทาง
เมนตัวหนึ่งกําลังมุงมาใกล ๆ ที่ทานพักอยู เสียงเคลื่อนไหวของมันไดดึงดูดความสนใจ
ของหลวงพออยางฉับพลัน วิ่งอยูในระยะหางจากทานเพียง ๑๐ กวาเมตร พอเห็นตัวไดชัดเจน
เพราะเปนปาไผที่โปรงโลง เมนตัวนั้นก็คงไมไดสนใจกับคณะหลวงพอมากนัก หันมามองลูกศิษย
ก็เห็นหลับตาทั้งสองคน คงจะเหน็ดเหนื่อยจากการสํารวจพอสมควร
ทานจึงตะโกนเรียกลูกศิษยที่ติดตามใหเอาเทียนใหญและไฟฉายมาใหในทันที ประสพการณ
จากการเดินปาทําใหทานเกิดความสนใจขึ้นมาอยางประหลาด ก็เลยตั้งใจจะเขาไปสํารวจดูวาสภาพ
ภายในจะเปนอยางไร
พบถ้ําฤาษี
พอไดไฟฉายและเทียนใหญที่สวางพอ ทานก็เริ่มกมตัวเขาไปตามโพรงไดเกือบ ๕ เมตร
ทางนั้นก็เริ่มกวางขึ้นเปนทางลาดลงไป พบวาเบื้องลางนั้นเปนถ้ําใหญอีกแหงหนึ่งที่มืดสนิท
ตองคอยปนปายลงไปตามกอนหินนอยใหญ แสงสวางสองเขาไปไมมากนัก แตอากาศเย็นสบาย
ทานเพลินชมกับหินงอกหินยอยแปลกๆ จนเพลิน จนถึงพื้นถ้ําที่ทอดยาวไปเรื่อย ๆ พอคนเดินไดสบาย
พบมวลสารศักดิ์สท
ิ ธิ์
ผูดูแลรักษาถ้ําตัวจริง
อะไรอยางหนึ่งกําลังขวางพาดปดกั้นทางเดินภายในถ้ํา เหมือนไมประสงคใหเดินทางตอไป
ขางหนาแสงเทียนกระทบกับลําตัวสีขาววาวมัน เปนเลื่อม ดวงตาจองเขม็งมาที่หลวงพอและคณะ
ลําตัวยาวเกือบ ๒ วา ใหญโตพอสะกดใหหลวงพอและคณะแทบจะกาวขาไมออก ทั้ง ๆ ที่ยืนหาง
จากกันเกือบ ๑๐ เมตร หลวงพอเลาวาแทบจะไมกลาหายใจดวยเกรงเสียงของมันจะไปกระตุนให
สิ่งนั้นเคลื่อนไหวจูโจมเอาได
เมื่อหลวงพอสัมฤทธิ์อธิษฐานดังนั้นแลว เรื่องแปลกประหลาดก็บังเกิดตามขึ้นมาทันที
ทานเลาวาเหมือนพญางูนั้นจะเขาใจในสื่อที่ทานอธิษฐานบอก มันยกหัวสูงขึ้นมานิดหนึ่ง ผงกหัวขึ้น
ลงอยู ๓ ครัง้ แลวหมุนตัว เลื้อยนําไปทางลาดชันอีกทางหนึ่งทันที หลวงพอเห็นดังนั้นก็เลยสาวเทา
ติดตามไปทันที ทางเดินนั้นเดี๋ยวสูงเดี๋ยวต่ํา ทอดยาวไปเรื่อย ๆ คิดวาไมตา่ํ กวา ๓๐ เมตร ไดพบ
เหมือนปากถ้ําขนาด ๔ คนเดินเรียงแถวหนากระดานเขาไปได
พบธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหล
พอคณะของหลวงพอขึ้นมาถึงปากถ้ํา ก็ไมเห็นพญางูตัวนั้นเสียแลว ไมรูหายไปทางไหน
จึงไดเดินไปตามทางลึกเขาไปในถ้ํา พบวาโปรงโลงอากาศถายเทไดดี มีลมพัดสวนเขามาเดินไป
ไมไกล ไดพบโคนไมใหญที่มีเถาวัลยพัน ยอดไมโผลสูงขึ้นไปบนอากาศ เปนเหมือนปากปลองถ้ํา
ที่สูงมากเกินกวาจะปนขึ้นไปถึง แสงสวางขางนอกเริ่มออนลง แตพอเห็นภายในถ้ําไดชัดเจน
จึงไดหาสถานที่บนเนินหินภายในถ้ํานั่งพักผอนเอาแรงกอน สวนสายตาของหลวงพอ
ก็สอดสายพิจารณาสภาพในถ้ําไปเรื่อย ๆ เห็นปากถ้ําอยูสูงขึน ้ ไป ภายในถ้ําระเกะระกะไปดวย
กอนหินใหญนอยทอดต่ําลงไปเรื่อย ๆ แสงสวางภายนอกสาดสองไปกระทบผนังถ้ําดานหนึ่ง
ชวนใหพิศวง เพราะเหมือนหินสวนหนึ่งภายในผนังถ้ําเปนสีดํามันวาว เมื่อกระทบแสงสวาง
จากภายนอก รูสึกสะดุดตาชอบกล หลวงพอทานนั่งมองจุดนั้นอยูนาน ในใจก็ครุนคิดอะไร
บางอยางอยูเงียบ พอหายเหนื่อยแลว ทานจึงไดเดินตรงไปสํารวจในจุดที่ทานหมายตาทันที
อาศัยการปนปายนิดหนอย ทานก็มายืนอยูใตผนังที่ทานเฝาสังเกตอยู ทามกลางผนังหินตรงนั้น
มีกอนแรประหลาดสีดําแทรกตัวอยู ทานลองเอามือลูบคลําดู รูสึกวาเย็นอยางประหลาด
ผิวของมันเปนปุม ๆ เล็กบางใหญบาง หลวงพอจึงเอามีดหมอที่ติดตัวมาขูดผิวหินสีดําดู
ตนตํานานเหล็กไหลฤาษี
หลวงพอจึงไดจัดเตรียมสิ่งของที่ไดจัดเตรียมไวลวงหนา ทําพิธีพลีกรรมขอจากเจาถ้ําทันที
อาศัยธูปเทียนและจิตที่มั่นคงในสมาธิ ทําการสื่อกับเทพผูรักษาแรกายสิทธิ์เหลานี้ เพื่อขออนุญาต
นําไปทําประโยชนตอพระพุทธศาสนาสืบไป หลังจากนั้นทานไดเจริญพุทธมนตและเจริญภาวนา
แผเมตตาและขอนําเอาสิ่งเหลานี้กลับไปที่วัด
โคตรเหล็กไหล
หลวงพอทานก็เลยตัดสินใจที่จะไปสํารวจกัน พอไปถึงที่ถ้ําแหงนั้นก็พบความจริง
ตามที่พรานปามาเลาใหฟง คือมีงูตัวยาวประมาณ ๒ เมตรเศษคูหนึ่งคลายเฝาปากถ้ําอยู
ทานจึงไดจัดเตรียมพานดอกไมธูปเทียน เครื่องบวงสรวงพลีกรรม ที่ไดจัดเตรียมไวแลวบอกกลาว
เจาที่เจาทาง เจาปาเจาเขา เจาถ้ําเจาหนอง ที่ปกปกรักษาสถานที่ เพื่อทําพิธี เปดถ้ํา
ภายในถ้ําเปนทางเดินทอดยาวลึกและมืดพอสมควร ตองอาศัยเทียนใหญและไฟฉายสอง
นําทางพอเดินเขามาได ๕๐ เมตรเศษ พบเปนทางสามแพรง ก็เลยตัดสินใจเสี่ยงทายอธิษฐานจิต
เขาไปทางขวามือกอน พอเดินไปได ๕ นาทีพบทางตีบลง แตมีโพรงใหญพอมุดเขาไปไดไมไกล
พบเปนหองโถงใหญบรรจุคนไดเปนรอย เพดานถ้ําสูงแตทึบ เหมือนเปนถ้ําใหญภายในภูเขา
แตอากาศเย็นสบาย แสดงวามีชองถายเทอากาศติดตอภายนอก
จึงไดใชเทียนชูสูงขึ้นเพื่ออาศัยแสงสวางมองทัศนียภาพโดยรอบถ้ํา ก็เหมือนกับถ้ําทั่วไป
แตฉับพลันหลวงพอสัมฤทธิ์ไดสัมผัสเห็นแสงสวางแวววาวยามสะทอนกับแสงไฟก็นึกสงสัยจนตอง
ขอไฟสองใกล ๆ กอนหินเหลานั้น กลับพบวาตามผนังถ้ํา พื้นถ้ํา เพดานถ้ํา บางแหงมีหินสีดําสนิท
มันวาวโดยธรรมชาติขึ้นแทรกปนอยูกับหินธรรมดามีลักษณะ การงอกที่ แปลกพิสดาร ไมเคยพบเห็น
ที่ไหนมากอน รูสึกสวยงามดื่มด่ํา จนอดตื่นเตนไมได แตเปนที่นาเสียดายวา ระยะเวลาที่ผานไป
นานมาก หลวงพอจํารายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่นี้ไมไดแลว เพราะตอนไปนั้นมีผูนําทางไป
แตปจจุบันบุคคลเหลานี้เสียชีวิตไปนานแลว
โคตรเหล็กไหลแหลงใหม
หลวงพอไดคนพบโคตรเหล็กไหลชนิดเดียวกันนี้ ที่บริเวณ
"เขาอึมครึม" อ.หนองปรือ จ.กาญจนบุรี บริเวณเขาอึมครึมแหงนี้มี
ลักษณะภูมิประเทศเปนเทือกเขายาว อากาศเย็นและมีหมอกปกคลุม
อยูโดยตลอดทั้งป จึงเปนที่มาของชื่อ "เขาอึมครึม" กลาวกันวาสมัย
สงครามโลกครั้งที่ ๒ ทหารญี่ปุนไดคนพบถ้ําแหงนี้
และไดนําเอาแรเหลานี้มาถลุงเปนโลหะเพื่อใชประโยชนในกองทัพ
ชาวบานแถบนี้เชื่อวา ผูใดไดบูชาโคตรเหล็กไหลเขาอึมครึมไว
กับบานแลว จะประสพแตความรมเย็นเปนสุข เหมือนเขตขุนเขาแหงนี้
ที่มีความเย็นตลอดทั้งป นอกจากนี้ยังเชื่อวามีความศักดิ์สิทธิ์สามารถ
ปองกันภัยพิบัติตาง ๆ ได มีอํานาจทางคงพระพันหนังเหนียว
ปลอดภัยจากอาวุธของมีคม และยังมีคุณสมบัติพิเศษพกติดตัว
ในทางปองกันสัตวเขี้ยวงาตาง ๆ รวมทั้งอสรพิษดวย หรือหากใคร
ถูกสัตวเขี้ยวงากัดเอา เชนตะขาบ แมงปองขบกัดเอา ทานใหใชแร
โคตรเหล็กไหลทําการดูดพิษได โดยเอาตัวแรมาแนบปดไวที่แผล
เพียงไมนานอากรปวดก็จะบรรเทา
๙๖๘
ลักษณะของโคตรเหล็กไหล
เหตุที่เรียกวา “โคตรเหล็กไหล” เพราะมีลักษณะการเกิดที่พิสดาร เนื้อเดิม ๆ ก็ เหมือนกับกอนหิน
ทั่วไป แตพื้นผิวกับงอกขึ้นมาเองเปนผิวมันสีดําสนิท เม็ดเล็กตั้งแต ขนาดเทาปลายเข็ม ไข ปลาดุก
เม็ดถั่วลิสง เม็ดพุดทรา เกาะกันเปนกลุมกอน หนาบางบางบาง บางแหงเหมือนการหยดหรือไหลยอย
ทําใหนึกถึงเหล็กไหลที่เราเคยไดยินกันวา สามารถเคลื่อนที่ไปตามพื้นถ้ํา ผนังถ้ํา ตามรอยแยกรอย
แตกของสวนตาง ๆ ภายในถ้ํา
เหล็กไหลโคตรทรหด
หลวงพอไดกลาวตอไปวา ธรรมชาติของโคตรเหล็กไหลนั้นมีอยู
หลายชนิดดวยกัน ชั้นสุดยอดนั้นสามารถทําการลนเอาตัวยอดเหล็ก
ออกมาไดและยอดเหล็กที่ยอยออกมา นั้นก็คือ เหล็กไหลน้ําหนึ่ง
ตามธรรมชาติที่เคยเลาขานกันมานาน บางทีก็เรียกขานกันวา "
ยอดทรหด" หรือ "โคตรทรหด" ก็มีเพราะยอมหมายถึงสุดยอด
ของเหล็กไหลน้ําดีชั้นยอดที่เกิดจากโคตรเหล็กไหลนั่นเอง
โคตรเหล็กไหลหรือโคตรทรหดนี้มีลักษณะที่คอนขางพิเศษที่สังเกตไดงายคือ มีลักษณะ
รวมตัวกันเปนมัด ๆ คลายกลามเนื้อคน ผิวลื่นมันระยับ มีหลายสีดวยกัน บางชนิดสีดําสนิทดุจนิล
เขียวอมดําก็มี บางทีจะพบเห็นเปนเหลือบลายสีรุง เหลือบสีเขียวปกแมลงทับ ยิ่งโดนแสงแดดจัดๆ
กระทบเขาดวยแลว จะยิ่งทอแสงเขมขึ้นอยางเห็นไดชัด มองแลวชวนใหลุมหลงไมนอยทีเดียว
เหล็กไหลงอก
นอกจากเหล็กไหลโคตรทรหดแลว ยังมีโคตรเหล็กไหลชั้นยอด
อีกประเภทหนึ่งที่เปนที่นิยมมากเชนกัน เรียกกันวา "เหล็กไหลงอก"
โคตรเหล็กไหล"ประเภทนี้จะมีลักษณะเปนเม็ด ๆ คลายไขปลาดุก
หรือเกล็ดปลากระดี่ บางครั้งหากงอกเพิ่มขึ้นมามาก ๆ ก็จะรวมตัวกัน
คลายรวงผึ้งหรือไขปลาดุกเกาะติดกันเปนแพ จึงเปนเผาพันธของ
เหล็กไหลที่มีความแปลกไปอีกอยางหนึ่ง
๙๖๙
โคตรเหล็กไหลงอก
โคตรเหล็กไหลทุกประเภท สามารถทีจ ่ ะ “งอก" ขึน
้ มาเองไดโดยธรรมชาติ ไมวาจะเปน
กอนใหญ หรือกอนเล็กก็ตาม แมแตกอนขนาดเล็กที่นํามาเลี่ยมแขวนติดตัว ก็งอกขึ้นมาเองจนกรอบ
พลาสติกแตก หรือตองคอยเปลี่ยนกรอบอยูเสมอ เพราะจากตุมเพียงปลายเข็มก็อาจจะโตใหญขึ้นมา
เทากับเม็ดถั่วลิสงไดโดยใช เวลาไมนาน เพียงแตการงอกนั้นจะชาหรือเร็วก็ยอมขึ้นอยูกบ
ั บุคคล
และสถานที่ดวย
สําหรับผูหมัน
่ บําเพ็ญเพียรทางจิตที่แผพลังเมตตาถึงโคตรเหล็กไหลอยูเสมอหรือเปนประจํา
จะพบวาการงอกหรือโตนั้นจะเร็วมาก แตถึงจะทิ้งไวบนหิ้งหรือเก็บไวเฉย ๆ มันก็คงจะงอกเอง
โดยธรรมชาติอยูดี เพียงแตชาหนอยเทานั้น ซึ่งยอมแสดงวาเหมือนเปนสิ่งมีชิวิตเผาพันธหนึ่ง
ที่สามารถเจริญเติบโตได
สีสันของโคตรเหล็กไหล
๑. สีดําเหมือนนิล
๒. สีเทาดํา
๓. สีเขียวอมดํา
๔. สีเขียวปกแมลงทับ
๕. สีรุง ๗ สี
โคตรเหล็กไหลเหลานี้ หากนํามาขัดดวยกระดาษทรายจะปรากฏสีที่แปลกดังนี้
๑. สีแดงอยางอิฐมอญ
๒. สีเหลือง หาไดยากกวาสีแดง
๓. สีดํา ลางออกยากกวาสีแดงและสีเหลือง
โคตรเหล็กไหลนี้มิใชจะเปนที่รูจักกันดีในหมูคนไทยเทานั้น พระเกจิอาจารยทางฝงพมา
ก็มีความรอบรูเกี่ยวกับโคตรเหล็กไหลนี้ไดดี เหมือนกัน เลากันวาทางชายแดนพมานั้นนิยมเอา
โคตรเหล็กไหลนี้แชไวในขวดน้ําผึ้ง ผสมกับตัวยาสมุนไพรบางอยาง ฝานมะนาวเปนแวนลงไป
สามารถนําไปใชรักษาโรคไดหลายชนิด ครูบาอาจารยบางทานก็นําไปแชทําน้ํามนต ดวยการกําหนด
จิตเพงกสิณอภิญญา เพื่อใหอานุภาพของโคตรเหล็กไหลแผพลังออกมาอยางเต็มที่ เพื่อทําน้ําเปลาๆ
นี้เปนน้ําทิพยมนตเหล็กไหลที่เต็มไปดวยประจุพลังเหล็กไหล ใชไดสารพัดประโยชนรวมทั้งโรคภัย
ไขเจ็บดวยเชนกัน
๙๗๐
โคตรเหล็กไหลกับพระเกจิ
๑.บริเวณที่มีโคตรเหล็กไหลโพลออกมานั้น
สีสันจะสะดุดตาแตกตางจากหินบริเวณนั้น
๒.บริเวณนั้นจะมีงูพิษชุกชุม ผูใดมีโคตรเหล็กไหล
พกติดตัวไว งูจะไมกลากัด
๓.ขุนพันธรักษราชเดช เคยเลาใหหลวงพอจําเนียร
ฟงวา ทานเคยใชสายสืบใสยาพิษลงในเหลาใหโจรราย
ที่มีคาหัวสูงไมวาจับเปนหรือตาย แตโจรกับไมเปนไร
ยิงก็ไมเขา จึงใชวิธีใหม มอมเหลาใหเมาจนหลับ แลวจับ
เปน เอามีดเชือดคอก็ไมเขา จึงจับกดน้ําตาย ผาศพดูมัน
ฝงโคตรเหล็กไหลไวที่ แขน
๔.หลวงพอไดเคยพบผูที่มีโคตรเหล็กไหล ถูกสุนัขดุ ๆ
งับเอา แตไมเขาหลวงพอสมชาย ฐิตวิริโย วัดเขาสุกิม
จ.จันทบุรี ทานไดนําเอาสิ่งที่เหมือนกับโคตรเหล็กไหลที่
ทานไดมาจาก “เกาะลาน” บางทีก็เรียกวา “แรเกาะลาน”
แจกใหศิษยานุศิษยผูที่เลื่อมใสไวปองกันตัว
อานุภาพของโคตรเหล็กไหล
๑. มหาอุด
๒. คงกระพัน
๓. เมตตามหานิยม
๔. โชคลาภ
๕ กันพิษสัตวเขี้ยวงา
ฟนไมเขา
โคตรเหล็กไหลที่พิพิธภัณฑสถานแหงชาติ
ปริศนาของเหล็กไหล
เมื่อเราไดมีโอกาสศึกษา “ตํานานเหล็กไหล” ของวัดถ้ําแฝด ซึ่งถายทอดมาจากความทรงจํา
ของพระเดชพระคุณ “หลวงพอสัมฤทธิ์” ผูเปนปรมาจารยผูลือเลื่องในเรื่องราวของธาตุกายสิทธิ์ที่
พิสดารแลว ก็คงสรุปไดวา เหล็กไหลที่แทจริงถึงขั้นยืดไดหดไดนั้นมีนอยมาก และหาไดดวยความ
ยากลําบาก เพราะไม ใชเกิดจากธรรมชาติ แตเกิดจากเกจิอาจารยผูสําเร็จไตรเพท หรือฤาษีดาบส
ผูสําเร็จฌาณสมาบัติ โดยทานเหลานั้นตองการทดสอบความรูที่ไดเลาเรียนมา
ตําราการสรางเหล็กไหล
่ งทายกับโคตรเหล็กไหล
อธิษฐานเสีย
การอธิษฐานเสี่ยงทายกับพระพุทธรูปหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ
หมายถึงการอธิษฐานถามในสิ่งที่อยากรูแลวกําหนดใหสามารถ
ยกพระพุทธรูปหรือของกายสิทธิ์เหลานั้นใหเบาหรือหนักจนยก
ไมขึ้นนั่นเอง ของดีของวัดถ้ําแฝดอีกอยางหนึ่งก็คือ การเสี่ยงทาย
อธิษฐานกับ “โคตรเหล็กไหล” ขนาดพอประมาณที่ผูหญิงทั่วไป
สามารถยกขึน ้ ไดโดยงาย คาดคะเนวาประมาณ ๕ กก.
มีอยู ๒ กอนดวยกัน คือ โคตรเหล็กไหลและเหล็กไหลนาคราช
หลวงพอวัชระทานกลาววา การอธิษฐานขอพรขอบารมีจาก
เทพพรหมผูรักษาเหล็กไหลนั้น ควรมีหลักเกณฑดังนี้คือ
น้ํามนตเหล็กไหลรักษาโรค
เหล็กไหลมีจริงหรือ
เหล็กไหลฤาษีขับอมนุษย
เมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม ๔๔ ร.ต.อ.จักรกฤษณ แสนทวีสุข อายุ ๕๖ ป ตํารวจรถไฟ
ปฏิบัติ-ภาระกิจในขบวนรถไฟสายใต ปจจุบันพักอยูบานเลขที่ ๑๓/๒๔ หมู ๖ เพชรเกษม ๕๓
แขวงบางแค เขตบางแค กรุงเทพฯ โทร.๐๒ - ๘๐๑๓๒๖๔ ไดเดินทางมาที่วัดถ้ําแฝดเพื่อเสริม
ดวงเสริมบารมีสะเดาะเคราะหตอชะตา ดวยการครอบมงกุฎพระเจา และไดขอทําพิธีฝงเหล็กไหลฤาษี
จากหลวงพอวัชระ
เนื่องจากเปนเจาหนาที่ตํารวจที่ผานการฝกฝนและมีประสพการณมามาก รูปรางทานจึงใหญ
และแข็งแรงบึกบีน แขนทั้งสองขางไดรับการฝงตะกรุดมาจาก หลวงพอคูณ จํานวนหลายดอกดวยกัน
เพราะฝงมาหลายครั้งดวยกัน ทําใหตองหาจุดที่จะทําการฝงเหล็กไหลไดลําบาก เพราะกลามเนื้อแข็ง
ทําใหตอกยาก ปรากฏวาตองตอกถึง ๒ ครั้ง ถึงจะไดรอยแผลสําหรับฝงเหล็กไหลไดพอเหมาะที่
แขนขวา หลังจากฝงเหล็กไหลแลวก็ไดสนทนาสอบถามเรื่องราวของเหล็กไหลประเภทตาง ๆ วา
อยางไหนจะดีกวากัน หลวงพอวัชระทานกลาววา ขึ้นชื่อวาเหล็กไหลแลว ถาเปนของจริงก็เดนทาง
แคลวคลาด คงกระพัน มหาอุด และขับไลปองกันคุณไสย นอกจากนี้ก็ยังมีดานโชคลาภ และเมตตา
มหานิยม ขึ้นอยูกับผูใชไดปฏิบัติตนตามสัจจะที่ใหไวกับครูบาอาจารยไดครบถวน และสวดพระคาถา
ปลุกตัวไวเปนประจํา เพื่อกันลืมหรือผิดครู
เพียงอึดใจแหงการสนทนาผูกองจักรกฤษณ ก็เริ่มมีอาการผิดปกติในแขนดานซายที่ฝงตะกรุด
อยูหลายดอก รองถามหลวงพอดวยความสงสัยวา “ทําไมหลวงพอตอกฝงเหล็กไหลขางขวา
แตกลับมาปวดที่ฝงตะกรุดขางซาย เจ็บเหมือนกับถูกตอกอีกขางหนึ่ง” ขณะเดียวกันก็เอามือบีบนอง
แขนชวงบนที่กําลังปวดอยู แสดงสีหนาถึงอาการเจ็บใหเห็นในขณะนั้น หลวงพอจึงสั่งใหเหยียดเทา
ทั้งสองขางออกไป สวนมือทั้งสองขางปลอยวางขางลําตัว เริ่มการบําบัดรักษาอาการที่ผิดปกติทันที
โดยที่ยังไมไดตอบคําถามนั้น หลวงพอเริ่มนิมนตครูบาอาจารย พรอมกับกําหนดจิตไปยังรางที่นั่งอยู
เบื้องหนา เรียกเอาสิ่งที่ไมดีอันเกิดจากคุนไสยบางอยางที่ทํามาออกจากแขนและขาทั้งสองขางทันที
๙๗๖
เริ่มแรกรูสึกแขนขาตึงและชาที่ปลายนิ้วปลายเทา อึดใจใหญก็รูสึกวาสิ่งที่ปวดบริเวณแขนนั้น
วิ่งเปนกอนลงมาที่ขอศอกและคอย ๆ เคลื่อนหรือไหลออกไปทางปลายนิ้วมือ ทําใหรูสก ึ หนัก
และชาอยูนาน จึงคอยคลายออกไป แขนจึงโปรงและโลง ขณะเดียวกันแขนขวาก็เริ่มตึงและชาเหมือน
มีตัวอะไรวิ่งเคลื่อนไหวไปมาอยูใตผิวหนัง ปวดแสบปวดรอนและเบาไปในที่สุด รูสึกโลงและเบาอยาง
ไมเคยเปนมากอน หลังจากนั้นหลวงพอเริ่มทําพิธีขับไลสิ่งที่ไมดีออกจากสวนศรีษะ รูสึกมีพลังความ
รอนวิ่งจากศรีษะลงสูเบื้องต่ํา ปวดตามแผนหลังเรื่อยไป จนรูสึกปวดบริเวณหลังมาก เจ็บและตึงอยาง
ไมเคยเปนมากอน สักครูส ิ่งเหลานั้นก็คอย ๆ เคลื่อนวิ่งออกมาทางโคนขาทั้งสองขาง รูสึกเจ็บและปวด
จนตองแสดงอาการออกมาทางสีหนาจากทานั่งเหยียดขาเอนหลังอยู มันชักจะไมไหวเพราะตึงมากจน
รูสึกนั่งไมได รางกายชวงบนที่นั่งอยูจึงคอย ๆ เอนต่ําลงไป ไดพยายามเกร็งฝน เหมือนมีอะไร
บางอยางกําลังดึงอะไรอยางหนึ่งที่อยูภายในตัวออกไป จนรูสึกตึงฝนนั่งไมได ในที่สุดตองทิ้งตัวนอน
ราบกับพื้นลงไป
สักครูใหญเหมือนของบางอยางในรางกายถูกดึงผานออกทางกลางฝาเทา จึงรูสึกโปรงโลง
ตลอดตัวยอมรับวาตลึงตอเหตุการณที่เกิดขึ้นโดยแทบจะฉับ พลันหลังจากฝงเหล็กไหลฤาษีเขาไป
เพราะปกติจะปวยเมื่อยและตึงตามรางกายทั่วไป อาศัยการบีบนวดบางก็พอคลาย คิดวาเกิดจากการ
ตรากตรําการงานมากเกินไป จึงทําใหปวดเมื่อย เพียงชั่วอึดใจที่กําลังสนทนาถามรายละเอียด
สรรพคุณของเหล็กไหลประเภทตาง ๆ ยังไมทันจบดี ก็เกิดสิ่งอัศจรรยที่ไมเคยคิดวาจะไดเห็นอานุภาพ
ของเหล็กไหลทันตาเห็น จึงมีความเชื่อมั่นศรัทธาในเหล็กไหลของวัดถ้ําแฝดโดยไมสงสัยอีกตอไป
และหากมีโอกาสก็จะมาขอฝงเหล็กไหลประเภทอื่น ๆ จากทางวัดถ้ําแฝดอีกแนนอน
ศรัทธาในเหล็กไหลฤาษี
หลังจากไดอานเรื่องราวในตํานานเหล็กไหลของวัดถ้ําแฝดมานาน ก็เพิ่งจะทราบวานองชาย
คือคุณไมตรี บุญสูง ก็เปนผูหนึ่งที่ไดมาฝงเหล็กไหลของวัดถ้ําแฝดไวหลายชนิด ไมวาจะเปน
เหล็กไหลตาแรด เหล็กไหลฤาษี โคตรเหล็กไหล ซึ่งไดฝงใหกับบุคคลในครอบครัวดวยอันไดแก
ภริยาและบุตรชายดวย จึงไดโทรสอบถามขอมูลจากคุณไมตรีถึงอานุภาพของเหล็กไหลดังกลาว
๙๗๗
ทําใหเกิดความศรัทธาเดินทางไปฝงเหล็กไหลกับหลวงพอวัชระที่วัดถ้ําแฝดทันที นอกจากนี้คุณรจิตร
ตองวัฒนาและคณะไดเกิดความศรัทธา ถวายกลองขนาดใหญใหไวกับวัดถ้ําแฝด แทนกลองใบเดิมที่
แตกเสียหายไปอีกดวย จึงขอประกาศอนุโมทนามา ณ โอกาสนี้ดวย
ตํารวจคลั่งเหล็กไหลหลวงพอสัมฤทธิ์
หนังสือพิมพ “ขาวสด” ฉบับที่ ๓๖๘๐ วันพุธที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๔๓ ไดพาดหัวขาวตัวใหญ
ในหนา ๑ วา “ตร.คลั่งทั้งเมือง เหล็กไหล เลี่ยมทอง-ฝงแขน” ฮีอกันทั้งโรงพัก ตั้งแต สว.ยันจา
ปลุกเสก-หอยคอ ทําแบบตะกรุดก็มี เนื้อขาวนั้นปรากฏวา
“เทาที่ผมเคยไดฟงมาจากคนแก เขาเลาวาเหล็กไหลนั้นตองอยูกับคนมีบุญญาธิการ
หากเปนคนไมดีเหล็กไหลจะหายไปเอง ซึ่งเปนเพียงคําบอกเลา และผมยืนยันไดวาไมมีในโลก
ไมมีใครเคยเห็นแนนอน หรือใครพิสูจนไดวา เหล็กไหลที่แทจริงรูปรางหนาตาเปนอยางไร”
จ.ส.ต.ทองอยู กลาวในตอนทาย
แมเฒาดักรอมอบเหล็กไหลใหนายก
ซึ่งในทายสุดนั้นก็ไมทราบวาไดมีการดําเนินการตามขั้นตอนไปอยางไร สวนเหล็กไหล
ที่เปนขาวนั้นก็ไมทราบวามีประวัติเปนมาอยางไร หากมีโอกาสก็จะไดติดตามเรื่องราวมาเสนอ
กันตอไป เพราะในอดีตนั้นมีผูนําสิ่งที่เปนเหล็กไหลที่เรียกกันวา “แกวพญานาค” มาฝากมอบให
นายกชวนเหมือนกัน แตเมื่อตรวจสอบแลวกลายเปนแกวหลอ บรรจุในภาชนะคลายดินเผา
ที่หมักดูจนเกา หากนายกรับมอบไวจริง ๆ ก็จะเปนชองทางทํามาหากินไดอีกนาน เพราะจะนําไป
เปนขออางในเรื่องเหล็กไหล นําออกจําหนายใหแกคนทั่วไป
๙๗๙
พิธีกรรมฝงเหล็กไหล
เรื่องราวของชายชาตรี สวนใหญมักนิยมในเรื่องเครื่องรางของขลัง แคลวคลาด
อยูยงคงกระพัน และมหาอุด เพราะชีวต ิ ในสังคมทุกวันนี้คอนขางเสี่ยงภัยนานาประการ นอกจาก
วัตถุมงคลที่เปนพระเครื่องหลากหลายแลว การแสวงหาของขลังอื่น ๆ ก็ไมนอยหนากัน หลังจากที่
หลวงพอสัมฤทธิ์ไดคนพบเหล็กไหลตาแรดแลว ทานก็เริ่มตนทําในสิ่งที่ทานตั้งใจทันที สิ่งหนึ่งนั้น
ก็คือนําเอาเหล็กไหลตาแรดที่พบนั้นมาเจียระไนใหไดขนาดพอเหมาะ ประมาณเมล็ดถั่วเขียว
ซึ่งโตพอที่จะทําการฝงลงไวบริเวณใตทองแขนไดโดยสะดวก กอนที่จะนํามาฝงใหกับผูศรัทธานั้น
ก็ตองทําพิธีบวงสรวงบอกกลาวตอ ปู สิงขร ผูรักษาเหล็กไหลนี้กอน สําหรับผูที่จะทําพิธีฝง
เหล็กไหลนั้น จะตองมีพานดอกไมสักการะ บูชาครู เสียกอน หากทานไมไดเตรียมมาทางวัด
ก็จะจัดเตรียมไวให ประกอบดวย
๑. ดอกบัว ๑๐ ดอก
๒. ธูปเทียน ๑ ชุด
๓. เงินคาบูชาครู
พิธีกรรมฝงเหล็กไหล
อุปกรณการฝงเหล็กไหล ประกอบดวย
๑.เขียงไมแกนมะขาม ลงอาคม
๒.สิ่วแสตนเลสแหลมบาง
๓.ฆอนไมลงอาคม
๔.แอลกอฮอลสําหรับฆาเชื้อ
๕.พลาสเตอรยาปดแผล
๖.ยาใสแผลสด
วิธีการฝงเหล็กไหล
ในเบื้องตนจะใหผูฝงเหล็กไหลวางทองแขนพาด
วางไวตรงเขียงไมที่เตรียมไว นําสิ่วแสตนเลสที่ผานการฆาเชื้อ
ดวยความรอนสูง แชทิ้งไวในแอลกอฮอลกอน เมื่อกําหนดจุด
ที่จะฝงแลว จึงคอยจรดปลายสิ่วพรอมกับใชฆอนไมนั้น
ตอกลงไป ผูเขาพิธีจะรูสก
ึ เจ็บเพราะคมสิ่วเล็กนอยคลาย
ถูกมดกัดเทานั้น บางทีอาจจะไมทันเจ็บไปดวยซ้ํา
เพราะการตอกฆอนไมนั้นรวดเร็วจนไมทันรูสึกเจ็บก็ได
๙๘๐
หลังจากนั้นก็จะนําเม็ดเหล็กไหลที่จัดเตรียมไวเปนพิเศษ กลมเกลี้ยงเม็ดเล็กขนาดเทาถั่วเขียว
ใสเขาไปทางปากแผลที่เปดไวนั้น ใหอยูในตําแหนงกึ่งกลางรอยแผล โอมอานพระถาคากํากับ
ตามเคล็ดวิชา แลวนํายาใสแผลสดทาที่ปากแผล ปดดวยแผนพลาสเตอรยาใหสนิท และระวังอยา
เพิ่งใหถูกน้ําซัก ๓ วัน ปากแผลก็จะติดสนิท จะเปนรอยแผลเปนนิดหนอยเทานั้น ซึ่งถือวาเสร็จสิ้น
พิธี กรรมในขั้นที่ ๑
อีกประการหนึ่งที่ใครจะเรียนไวใหพิจารณากอนที่ผูเขาพิธีจะทําการฝงเหล็กไหล หากเคยไดรับ
การฝงเหล็กไหลหรือตะกรุดของขลังจากครูบาอาจารยอื่นมากอน ควรที่จะกราบเรียนใหทานผูเปน
เจาพิธีทราบกอนลวงหนา เพื่อทานจะไดโอมอานคาถาขอขมากรรมใหเปนกรณีพิเศษ เพราะไมเชนนั้น
การตอกสิ่วใหเกิดปากแผลอาจตองทําหลายครั้ง เนื่องเพราะความเหนียวและความอยูคงดวยอานุภาพ
เหล็กไหลหรือตะกรุดของขลังที่ฝงไวกอนหนานั้นแลว เรื่องนี้มีปรากฏใหเห็นมาแลวหลายราย
เผยปมปริศนา “เหล็กไหลตาแรด”
เหนียวเหมือนแรดจริงหรือ?
๒. อยาลักของเขา
๓. อยาดาพอแมครูบาอาจารย
สัมปนโนปะวะสิเสวะ สมาธิงปะวะโรชิโน
สยัมภูญาณะสัมปนโน สันหาวาจังนะมามิหัง
ฤทธิ์ปุราคาริภูตังวะ ฤทธิ์วิชาปฎิหันยาติ
ฤทธิ์ตะกัมมังนะกาเรตะวา ริยะวังสังนะมามิหัง
ทดสอบความเหนียวคง
พอทําการฝงเหล็กไหลเขาตัวเปนที่เรียบรอย นับไดวาไดผานพิธีขั้นแรกในสวนของการฝง
ก็มาถึงขั้นที่ ๒ ซึ่งถือเปนขั้นตอนของการทดสอบอานุภาพเหล็กไหลที่ฝงไปนั้นวาจะมีอานุภาพสูง
ปองกันภัยใหแกผูเปนเจาของไดจริงหรือไม ซึ่งผูฝงเหล็กไหลกับครูบาอาจารยของทางวัดถ้ําแฝด
จะตองผานขั้นตอนนี้ทุกราย ยกเวนผูเขาพิธีฝงเหล็กไหลนั้นจะเปนสุภาพสตรี จะมีขอยกเวนให
เปนกรณีพิเศษ
๙๘๑
ตอไปก็จะเปนขั้นตอนที่สําคัญที่ทุกคนจะตองผานการทดลอง
เสียกอน หลวงพอทานจะใหผูฝงเหล็กไหลนั่งพับเพียบตอหนาทาน
สวนมือก็ลวงลงไปในยาม หยิบเอามีดหมอดามหัวแรดเนื้อ
เหล็กไหลหลอ ดามเล็กแตคมกริบตัดเสนผมขาด ขั้นตอนของการ
ทดสอบอานุภาพก็มีเพียงวา ทานพระอาจารยซึ่งเปนเจาพิธีจะนํา
มีดหมอที่คมกริบ ปลายมีดแหลมเปยบ ผูที่สงสัยในความแหลมคม
สามารถขอพิสูจนดูได ทานจะเอามีดมาทําการฆาเชื้อดวย
แอลกอฮอล ใชมือขางหนึ่งจับผมของผูเขาพิธีทดสอบ แลววางมีด
ของทานลงบนกระจุกผมที่รวบไว ลากคมมีดเบา ๆ ทําใหเสนผม
กระจุกนั้นขาดสะบั้นออกจากกันอยางงายดาย
ฝงทําไม-ทําไมถึงตองฝง
เรื่องราวของวัตถุมงคลหรือเครื่องรางของขลังนั้น มักจะมีเคล็ดลับ
และวิธีใชแตกตางกันบางเหมือนกันบางตามบุรพาจารยผูเปนตนตํานานบอกกลาวไว
โดยเฉพาะ ดังเรื่อง “เหล็กไหล” หลวงพอจําเนียร จากวัดถ้ําเสือ จ.กระบี่ ไดเลาให
ลูกศิษยผูสนใจในธาตุกายสิทธิ์เหลานี้ฟงวา
เหล็กไหลนั้นโดยธรรมชาติยอมมีพลังอํานาจอยูในตัว หากไดรับการประจุพลังจากการปลุกเสก
ที่ถูกตองก็จะมีพลังเพิ่มขึน
้ เปน ๒ เทา และจะมีพลังอํานาจในการบูชาลดหลั่นกันดังนี้
๑. จะมีพลังอํานาจสูงสุดเมื่อฝงอยูในตัวคน
๒. หอยไวใหถูกเนื้อคน กลาวคืออยาเลี่ยมปดทึบทั้งหมด
๓. หอเก็บไวในกระเปาถือ จะมีอานุภาพเทากับพลังการปลุกเสกอยางเดียว
ดั้งนั้นการฝงจึงเหมาะดวยประการทั้งปวง พลังอํานาจของเหล็กไหลจึงเพิ่มพูน
และเปลงอานุภาพไดเต็มที่ยามเกิดภาวะคับขัน หรือประสงคจะชวยสงเสริมผูศรัทธาใหแคลวคลาด
จากภยันตรายทั้งปวง หรือเปนประโยชนตามที่ พระอาจารยสิทธา เชตวัน ไดบอกไวเบื้องตน
๙๘๒
ปญหาสวนใหญที่อยากทราบกันเกี่ยวกับการฝงนั้นมีดังนี้
๒. ฝงแลวมันเคลื่อนที่ไดหรือเปลา?
๓. กลัววาฉีดยาไมเขา
๔. กลัววาจะมีขอหามทําใหรักษายาก
๕. จะเกิดอันตรายในภายหลังหรือเปลา ?
ความเจ็บปวด
ฝงแลววิ่งในกาย
ฉีดยาไมเขา
การระวังรักษา
การฝงไวนาน ๆ จะมีผลกระทบอะไรไหม
หลายคนคงจะมีคําถาม เพราะเกรงวาเม็ดเหล็กไหลที่ฝงไปอาจจะทําใหเกิดปฏิกิริยาตอตาน
จากรางกาย หรือ ทําใหธาตุขันธผิดปกติ บางคนคิดไกลไปวา เหล็กไหลจะดูดกินเลือดมนุษย
ทําใหเกิดโรคโลหิตจางได ก็เลิกวิตกไดเลย กวา ๓๐ ปที่ ไดทําพิธีฝงมานับหมื่นคน ยังไมเคยปรากฏ
ปญหาผลกระทบจากการฝงสิ่งที่เรียกกันวา เหล็กไหล นี้เลย
ประโยชนจากการ
หากจิตดีก็สัมผัสกับปูเหล็กไหลได
ชนสยอง……เศษวินาทีกลายเปนเศษเหล็กพังยับเยิน รอดตายราวปาฏิหารย ! !
จึงไดอัดเทปมานมัสการหลวงพอ ที่ไดเมตตา
ฝงเหล็กไหลใตทองแขนซายในคราวนี้คือ ปที่แลว
ที่ผานมา และเนื่องจากอุบัติเหตุครั้งนี้ กระผมผูรอดตาย
ราวปาฏิหารยเชื่อแนวาเหล็กไหลมีอํานาจพุทธคุณจริง
จากหลักฐาน และพยานผมจึงเก็บบันทึกเอาไว
หากหายดีแลวจะมานมัสการหลวงพอดวยตัวเอง
ดวยสติที่พอควบคุม และประสบการณจากที่เคยขับรถแรลลี่มากอนจึงทําใหรถหมุนอยูกลาง
ถนนหลายรอบ และไมพลิกคว่ําแตถลาลงขางทางไปนิดหนอยแตตัวรถยังอยูขอบถนน หากวารถตกลง
ขางทางในวันนั้นกระผมคิดวาคงไมมีวันนี้ที่ผมจะมานั่งเลาใน เหตุการณนั้นเลย แคบาดเจ็บนิดหนอย
และคูกรณีก็ชดใชคาเสียหายให
ขณะที่ขับรถเดินทางกลับบานนั้นก็ไดพูดคุยกับเพื่อนรวมงานหลายคน จูจูก็เกิดการกระตุกที่
ทองแขนดานซายอยางแรงตรงเหล็กไหลมันปวดหลาย ครั้งที่คิดวาสิ่งแปลกปลอมจากการฝงมันทําให
เจ็บปวด และคิดหลายครั้งวาสักวันหนึ่งจะตองเอาออกจนมาถึงกรุงเทพฯ โดยจอดรถไวที่บริษัทขึ้นไป
เตรียมงานในวันรุงขึ้นเสร็จงานก็เปนเวลาทุม เศษๆ
จากนั้นก็ขับรถสวนตัวมุงกลับบานจนถึงถนนนวลจันทร แต
ดวยอาการปวดแขนมากในตอนนั้นเปนเวลาเกือบ
๔ ทุมจึงแวะทานขาว ทันทีที่กลับบานตรงสี่แยก
เลียบทางดวนตรงไปก็เปนถนนรามอินทรา ถาเลี้ยวขวา
ก็เปนถนนนวมินทร คือ ถนนสุขาภิบาลหนึ่ง นั้นเอง
เหตุการณไมคาดคิดก็เกิดขึ้นขณะที่ผมกําลังเลี้ยวรถมา
ทางสุขาภิบาล ๑ไดมีรถวิ่งลงมาจากทางเกษตรดวย
ความเร็วสูงพุงชนกลางลํา เสียงดังสนั่นเบาะดานหลัง
บีบเขามา และดานหนาคนขับบีบขับมาเหลือเพียง
ที่นั่งผมเทานั้นที่ยังมีสภาพใชงานได
๙๘๖
ในชวงจังหวะที่รถคันนั้นพุงชนผมไมรูสึกตัวใดๆ เลยมีเพียงลําแสงสีเหลืองจนผมรูสึกตัวอีกครั้ง
เมื่อเหล็กไหลมากระตุกอีก ผมเหมือนคนตายแลวเกิดใหมทํานองนี้ เพราะรูสึกตัวอีกคลายๆ
กับวารถตัวเองมาฟาดกับของแข็งสักอยางมีคนเขามาชวยเหลือนําสงโรงพยาบาลแลว
สติผมก็วูบไปอีก จนมารูสึกตัวอีกครัง้ ที่โรงพยาบาลศรีสยาม ตั้งอยูบริเวณขางถนนสุขาภิบาล ๑
พอมารูสึกตัวขึ้นมา ขา มันปวดชาไปหมด จนรูสก ึ ตัวเองวา แขน ขา คงขาด หรือใชการไมไดอีกแลว
แตแพทยไดชวยทําการรักษาจนสติกลับคืนมา และอยูในขั้นปลอดภัยมาทราบภายหลังวาผูที่ขับรถ
มาชนเปนวัยรุนมาดวยกัน สองคน ตายคาที่คนหนึ่ง คนขับนั้นก็ถูกกระดูกทิ่มปอดอยู ในหอง ไอ ซี ยู
อาการปางตายเทากันอุบัติเหตุครั้งนี้ผมนอนนึกอยูตลอดเวลาวามันเกิดขึ้น ไดอยางไร มันเร็วเหลือเกิน
และผมดูจากสภาพรถตัวเองแลว ยังนึกวาตัวผมเองรอดตายมาไดอยางไร จากการพูดคุยกับญาติ
จํานวนมากมีบางคนพูดคุยวาคนที่ตายคือ คนที่อยูในรถ แตความจริงแลวทุกคนก็ตองบอกวา มันคือ
ปาฏิหาริยเมื่อคนที่อยูในรถมีสภาพเปนเศษเหล็กนั้นคือ ตัวผมเองถาไมใชเพราะบุญบารมีเหล็กไหลนี้
ผมคิดวาวันนี้คงไมมีผมอีกตอไปผมยอมรับวา เหล็กไหล ของดีชวยปกปองคุมครองภัยใหผมอยูมีชีวิต
ตอไปในทุกวันนี้
เหล็กไหลธาตุอมตฤทธิ์
เพราะในสมัยโบราณการเสาะแสวงหาเหล็กไหลของครูบาอาจารย กวาจะไดแตละชิ้นแสน
ยากเย็น และมีเพียงไมกี่ชิ้น แตก็มีฤทธานุภาพอันล้ําลึกปรากฏใหเห็นอยางชัดเจน จากการสัมผัส
ภายในจากครูบาอาจารยสายพระกรรมฐานผูมากดวยกาลพรรษา และพระอาจารยสิทธา เชตะวัน
ประสพการณจากผูที่มีโอกาสมาเกี่ยวของกับ “เหล็กไหลฤาษี” นี้อีกหลาย ๆ ทาน คงเปนขอยืนยัน
ถึงความเปนของดีของขลังของเหล็กไหลวัดถ้ําแฝดไดโดยปริยาย แมในทุกวันนี้เหล็กไหลฤาษี
ก็ยังคงอานุภาพเปน มหาอมตฤทธิ์ชั่วนิรันดกาล รอเพียงผูมีบุญวาสนามารองรับเทานั้น และเรียกกัน
จนติดปากไปทั่วประเทศวา “เหล็กไหลหลวงพอสัมฤทธิ”์ กาญจนบุรี
๙๘๗
ระวังของแอบอาง
จึงขอประชาสัมพันธใหทานทั้งหลายไดรับทราบในที่นี้วา “เหล็กไหลหลวงพอสัมฤทธิ์
วัดถ้ําแฝด มีใหบูชาเฉพาะที่ วัดถ้ําแฝด เพียงแหงเดียวเทานั้น” โปรดอยาไดหลงเชื่อการแอบอาง
นอกจากนี้ยังมีอดีตพระลูกวัดหรือพระสงฆบางองค ชอบเที่ยวแอบอางวาไดรับเหล็กไหลมาจาก
หลวงพอสัมฤทธิ์ มากมาย ก็โปรดพิจารณาใหถวนถี่เพราะสิ่งเหลานี้ไมไดมีมากมาย จนหลวงพอ
สัมฤทธิ์จะเที่ยวไปแจกจายใหกับลูกศิษยผูทุศีลเหลานั้น นอกจากมอบใหเปนที่ระลึกเพียงชิ้นเล็ก ๆ
หรือฝงไวที่ทองแขนเทานั้น
ของเทียมมาจากไหน
ปจจุบันของทําเทียมและเลียนแบบปรากฏออกมามาก ทราบมาวาผลิตมาจากไตหวันหรือจีน
ทําใหมีการวางจําหนายอยูเกลื่อนตลาด ไมวาที่แมสาย จ.เชียงราย หรือไปใตที่หาดใหญ ซึ่งแอบอาง
วาเปนเหล็กไหลมาจากวัดถ้ําแฝด หลอกลวงญาติโยมผูรูเทาไมถึงการณ ตองสูญเสียเงินทองไปอยาง
นาเสียดาย เพราะเงินปจจัยเหลานั้น พระผูทุศีลเหลานั้นนําไปใชประโยชนสวนตัว มุงการสะสมทรัพย
ไมสมควรแกสมณะวิสัย เชน นําไปปลอยกู เปนตน ทําใหทางวัดไดรับความเสียหาย เพราะผูศรัทธา
บูชาไปนั้น สวนหนึ่งคิดวาไดรวมทําบุญ กอสรางพุทธสถาน เพื่อปรารถนาสวนบุญกุศลดวย แตปจจัย
เหลานั้นกลับถูกนําไปใชในทางมิชอบ และของนั้นก็เปนของเทียมและเลียนแบบเทานั้น
เพราะปจจุบันใครมีเงินก็ซื้อหนาสื่อในหนังสือนิตยสารเขียนเองเชียตัวเอง โฆษณาจน
เกินความจริงได โดยไมมีหนวยงานไหนมาเซ็นเซอรขาวหรือบทความในนิตยสารดังกลาววาเปนเท็จ
หรือจริงเพียงใด อีกทั้งบรรณาธิการก็ไมเห็นเดือดรอนอะไร ขอใหจายเงินมาก็พอใจ โดยไมคิดที่
จะรับผิดชอบในเนื้อหาสาระวา เกินความจริงเกินไปหรือไม เปนการมอมเมาบิดเบือนหลักของ
พุทธศาสนาจนเกินความเปนจริงไปหรือเปลา ซึ่งในตอนทายจะไดกลาวถึงหลักเกณฑประกอบการ
พิจารณาบูชาเหล็กไหลจากครูบาอาจารยผูทรงคุณวุฒิวาพึงมีแนวทางพิจารณาอยางไร ?
๙๘๘
การรักษาและพัฒนาธาตุกายสิทธิ์
การกําเนิดของเหล็กไหล เกิดจากมหาฤาษีหรือเทพพรหม
คนธรรพ นาค ยักษ ที่มีความปรารถนาที่ จะสรางบารมีใหยิ่ง ๆ ขึ้น
ไป มุงสูการบําเพ็ญเพียรสรางบารมีธรรมเพื่อเลื่อนภูมิจิต
ของตนเองเขาสูอริยมรรค ถึงพระนิพพานอันเปนอมตธรรม
เปนสําคัญ เหล็กไหลจึงมักจะอยูกับคนดีมีศีลธรรม
ใหคุณประโยชนแกผูที่มีไวครอบครองดวย ความสมบูรณพูนสุข
ในมนุษยสมบัติ สวรรคสมบัติ และพระนิพพานสมบัติ
ถึงซึ่งอริยมรรค คือ มรรค ผล นิพพาน ตามกระแสพระสัทธรรม
ของสมเด็จพระผูมีพระภาคเจาไดงายขึ้น
ในกรณีที่เราไมสามารถยึดมัน
่ อยูในหลักธรรมขององคสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจาไดอยาง
มั่นคงแลว ก็ไมสมควรจะเปนผูครอบครอง “เหล็กไหล” ธาตุกายสิทธิ์ เพราะบารมีเราออนกวา
แลวจะทําใหเกิดโทษไดในภายหลัง ควรครอบครองธาตุกายสิทธิ์ที่ ผูรูหรือผูทรงคุณวุฒิทาน
ไดนํามาสรางเปนพระเครื่องหรือวัตถุมงคล ซึ่งไดผานการเจริญภาวนาชําระธาตุธรรม นําธาตุกายสิทธิ์
เหลานี้เขาสูกระแสธรรมเรียบรอยแลว จึงจะดีและปลอดภัยดวยประการทั้งปวง
๙๘๙
หลักการพิจารณาของจริง
สัจจธรรมอยางหนึ่งที่เห็นไดงายมาทุกยุคทุกสมัย อะไรก็แลวแตที่มีคาเปนเงินตรา
และเปนที่สนใจใฝหาของคนทั่วไป ในไมชาก็มีของทําเทียมและเลียนแบบปรากฏออกมาแอบอาง
ใหผูคนหลงผิดอยูเปนประจํา เชน พระเครื่องพิมพตาง ๆ ที่มีราคาสูง อุปกรณเครื่องใชไฟฟา
และอีเล็คโทรนิค เปนตน เพราะปจจุบันเทคโนโลยี่ มีความกาวหนาเทคนิคการทําเทียม
ก็เลยแนบเนียนจนยากแกการแยกแยะ
พิจารณาถึงความชัดเจน ของธาตุกายสิทธิ์เหลานั้นวาไดมาโดยวิธีใด
ในหลักการนี้หมายถึง ใหรูจักวาเปน เหล็กไหลตัด หรือ เหล็กไหลบารมี ไดมาดวยบารมี
ธรรมของตนเอง หรือ เทพเทวาเปดบารมีให
พิจารณาถึงของเทียมและเลียนแบบ ซึ่งอาจจะนําเอาแรบางอยางที่มีคุณสมบัติใกลเคียง
กับธาตุกายสิทธิ์มาแอบอาง หรือแมกระทั่งเอาแมเหล็กธรรมดามาชารทดวยไฟฟาใหมีกระแส
แมเหล็ก มาหลอมหรือขัดหรือเจียรไน เปนวัตถุมงคลในรูปแบบตาง ๆ ทั้งที่ผานการเจริญสมาธิภาวนา
บรรจุพลัง และไมไดผานการเจริญสมาธิภาวนาบรรจุพลัง วางขายเกลื่อนกลาดตามถนนหนทาง
และวางขายตามรานคาทั่วไป โดยแอบอางแหลงที่มา หลอกจําหนายกับผูไมรู โดยเจตนาทุจริต
คิดมิชอบก็มี หากคิดสะกิดใจสักนิดจะพบวา ของดีจริง ๆ ไมมีวางจําหนายงาย ๆ ตามสถานที่
อยางนั้นหรอก จะมีอยูกก
็ ับสํานักที่พึงเชื่อถือไดเทานั้น
๙๙๐
ยุคธาตุกายสิทธิ์
ยุคธาตุกายสิทธิ์
ยุคกึ่งพุทธกาล เนื่องจากประเทศไทยเปนที่ตั้งมั่นอันสําคัญของพระพุทธศาสนา
ซึ่งเปนยุคเทพพรหมเทวาทั้งหลายไดปราวารณาไวกับองคสมเด็จพระผูมีพระภาคเจาวา จะลงมา
ชวยกันสืบพระศาสนาของ พระสมณโคดม ใหสถาพรอยูถึง ๕,๐๐๐ ปตามพุทธทํานาย จึงเปนบอเกิด
และที่สถิตอยูของผูมีบุญบารมีในระดับตาง ๆ เพื่อบําเพ็ญบารมีธรรมใหบรรลุถึงซึ่งมรรคผล นิพพาน
หรือเปนอรหัสตสาวก พระปจเจกพระพุทธเจา หรือ พระโพธิสต ั ว จนถึงพระพุทธเจาในอนาคตกาล
ตามแรงอธิษฐานบารมีที่เคยไดกระทํามาแลวในอดีต
การเลียนแบบยอมสามารถกระทําไดไมยากในปจจุบัน เพราะความกาวหนาทางดาน
เทคโนโลยี่และการสนเทศ แมกระทั่งวิธีการแปลก ๆ สรางสถานะการณใหผูที่รูไมทันหลงเชื่อ เสียเงิน
เสียทอง แกงตมตุน "เหล็กไหล"
ระหวางการทดลองนั้นทางแกงไดพยายามโนมนาวพระอาจารยเกษมสุขใหคลอยตาม
โดยบอกวาทานเสียเงินเพียง ๑๐๐,๐๐๐ บาทเทานั้น แตถานําไปหลอกผูคนก็จะไดเงินเปนลานทีเดียว
โดยทานอาจารยเพียงแตนําเศรษฐีที่มีเงินและอยากไดเหล็กไหลมาเทานั้นทางแกงจะนําเอาเหล็กไหล
เทียมที่ทําขึ้นนี้ไปซอนฝงไวตามจุดที่นัดหมาย แลวใหทานอาจารยเอาเทียนลนเหล็กไหลนั้น ก็จะทํา
ใหคนเชื่อวาเปนเหล็กไหลตัดสดจริง ๆ ก็จะไดเงินหลายลานบาท
๙๙๑
หลังจากไดเห็นการทดสอบพรอมกับจายคาโงไปแลว อาตมาก็ตอบปฏิเสธที่จะซื้อสูตร
ดังกลาว เพราะไมสามารถหาเงินแสนมาจายคาซื้อสูตรการตมตุน ได นอกจากนี้แลว หากเอาไปหลอก
คนอื่นมีหวังอาจจะถูกตามฆาก็ได" พระอาจารเกษมกลาว นอกจากนี้แลว พระอาจารยเกษมยังเปดเผย
ถึงวิธีตมตุนที่คนโลภทั่วไปถูกหลอกอีก ๒ วิธี โดยวิธีแรกคือ ขอเงินคาทดสอบ โดยอางวาจะมีนายหนา
มาซื้อเหล็กไหล ทั้งนี้จะบอกวา "เหล็กไหล" ของเขาตองบูชาครูดวยจํานวนเงิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท
เพราะไมเชนนั้น "เหล็กไหล" จะหายไป เมื่อเขาอางวา "เหล็กไหล" สามารถทดลองกับไมขีดไฟ ดวย
การนําไมขีดไฟมาวางและเอา "เหล็กไหล" มาวางทับทิ้งไว ๑๐ นาที ไมขีดนั้นก็จะจุดไมติด ถาทดลอง
กับไมขีดไฟเห็นผลแลวก็จะนําไปทดลองกับลูกปน ซึ่งถาเอาเหล็กไหลไปทาบกับลูกปน ลูกปนก็จะยิง
ไมออกเชนกัน
วิธีการหลอกลวงนั้นจะมีหนามา ๓ คน ขั้นแรกตองเลือกเอาบานของเหยื่อที่มีฐานะกอน
โดยจะหาเอาไมขีดไฟที่เหยื่อเปนผูซื้อเองมาใหม ๆ มาทดลอง โดยบอกเหยื่อวาจะเอา "เหล็กไหล"
วางทับไว ๑๐ นาที หลังจากนั้นไมขีดไฟจะจุดไมติด ขณะที่รอคอยเวลาอยูนั้น ก็จะชวนเหยื่อคุย
พรอมกับชี้นิ้วมือไปที่ภาพใดภาพหนึ่งในบาน แลวถามวาเปนภาพอะไร ถายที่ไหน ทําทีเปนสนใจมาก
เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ เหยื่อก็จะหันไปมองที่ภาพนั้น ทุกสายตาก็จะเบนตามไปดวย จังหวะนั้นเอง
คนในแกงก็จะรีบสับเปลี่ยนไมขีดไฟทันที อีกวิธีหนึ่ง แกลงทําแกวใหตกแตก พอเหยื่อหันไปดูเขา
ก็จะเปลี่ยนไมขีดไฟทันทีเชนกัน
เมื่อนําไมขีดไฟมาจุดก็จะจุดไมติด เหยื่อเจาของบานก็จะเขาใจวาเปนสิ่งมหัศจรรย
เปนอิทธิฤทธิ์ของเหล็กไหล เนื่องจากไมขีดเปนของตัวเองที่ซื้อมากับมือ ยังจุดไมติดจริง ๆ แตหารู
ไมวา ไมขีดไฟถูกแอบสับเปลี่ยนไปแลว และไมขีดไฟของแกงตมตุนนั้นไดมีการเคลือบน้ํา ซึ่งทําให
หมดสภาพในการจุดประกายไฟ กอนกลับแกงตมตุนจะเอาเงินคาบูชาครูที่เหยื่อเปนคนจายใหใสกลอง
แลวหอดวยผาขาว พรอมกับบอกเหยื่อเจาของบานวา จะขอฝาก "เหล็กไหล" และเงินคาบูชาครูที่ทํา
พิธีไวกับเจาของบานกอน ใหเก็บบูชาเปนระยะเวลา ๑ เดือน หามเปดออกมาโดยเด็ดขาด ไมเชนนั้น
"เหล็กไหล" จะหนีไปหมด
วิธีการหลอกเอากลองที่ใสเงินจะทําเชนเดียวกับการสับเปลี่ยนไมขีดไฟ โดยแกงคนรายไดเตรียม
กลองหอผาขาวมาอีก ๑ หอ ซึ่งกอน ที่จะเปลี่ยนกลองดังกลาวนั้น แกงตมตุนจะใชใหเหยื่อไป
จุดธูปบูชา "เหล็กไหล" กลางแจงกอน พอเหยื่อเผลอเขาก็แอบเปลี่ยนหอ ผาขาวทันที
ขาวการทดลองเหล็กไหล
๘ พฤษภาคม ๒๕๔๐
ซึ่งพวกกระผมก็ไดหาวิธีและไดนิมนตพระมาหลายรูปแลว เพื่อมาตัดเหล็กไหลนี้
แตก็เหมือนเดิม อาจจะคงเปนเพราะทําพิธีไมถูกตองก็เปนได จึงกราบเรียนใหหลวงพอไดทราบ
ในเรื่องนี้ดวย ซึ่งหลวงพอเปนผูที่มากดวยบารมีและรูวิธีการตัดเหล็กไหลไดอยางถูกตอง
จากที่กระผมไดศึกษามานี้ จึงทําใหคิดวา หลวงพอตองทําไดอยางแนนอนในวิธีการตัดเหล็กไหล
ในครั้งนี้
กราบนมัสการ
นายพุทธิพงศ ศรีวิกูล
๙๙๓
ขาวการซื้อขายเหล็กไหล
"แกงตมตุนเหล็กไหล สตท.ระเบิดหัว"
สิบตํารวจโทหนุมเกิดหลงตกเปนเหยื่อแกงหลอกซื้อขายเหล็กไหล ทีแรกนําไป
ทดสอบยิง ๒ นัดไมระเบิด จึงกูหนี้ยืมสินเพื่อนบานกวาครึ่งลานนําไปมัดจํา แลววิ่งเตนติดตอขายให
นายทุนใหญหลายสิบลานบาท เสี่ยใหญตกลงซื้อนําไปยิงทอดสอบกอนจายเงิน ปนเกิดระเบิดเปรี้ยง
เหล็กไหลที่อางวาทรงอิทธิฤทธิ์ถึงกระจุยกระจาย ทําใหตกเปนหนี้หาทางออกไมได ระเบิดสมองตัวเอง
ตายทั้งยังแตงชุดตํารวจอยางอนาถ เขียนจดหมายลาตายฝากฝงแมและลูกสาว รวมทัง้ แบงปนสมบัติ
เทาที่มีอยูใหแกทุกคน
ตํารวจหนุมหลงตกเปนเหยื่อแกงตมตุนซื้อขายเหล็กไหล ลงทุนกูหนี้ยืมสินเพื่อนบาน
กวาครึ่งลานไปทดสอบยิงปนไมระเบิด จึงนําซื้อไวนําไปขายเสี่ยใหญ พอทดสอบยิงอีกทีปนระเบิด
เปรี้ยงเหล็กไหลกระจุย ตองตกเปนหนี้หาทางออกไมไดระเบิดสมองตัวเองตายอนาถรยนี้เกิดขึ้น
เมื่อ เวลา ๐๗.๓๐ น. วันที่ ๑๕ ส.ค. ร.ต.อ.ประเสริฐ พานโท รอยเวร สภ.อ.บานแทน จ.ชัยภูมิ
ไดรับแจงวามีเหตุตํารวจยิงตัวตายที่สถานีอนามัยบานสามสวน ต.สามสวน จึงรีบรายงานผูบังคับ
บัญชา จากนั้นพรอมดวย พ.ต.ท.สมาน พุดซา สวส.รักษาราชการแทนรอง กกก.หน. สภ.อ.บานแทน
พ.ต.ท.สุรชัย สายณสิต สวป. เจาหนาที่และหนวยกูภัยมูลนิธิเต็กกาจีแซเกาะ อ.ชุมแพ รุดไปยังที่
เกิดเหตุ พบวาที่ดานหาสถานีอนามัยมีชาวบานมุงดูกันแนน และพบวาที่มา นั่งใตสถานีอนามัยมีศพ
ส.ต.ท.สมบัติ ปอมสุวรรณ อายุ ๒๙ ป ผบ.หมูงานปองกันปราบปราม สภ.อ.บานแทน นอนหงายจม
กองเลือดในสภาพสวมชุดเครื่องแบบตํารวจ มีแผลถูกยิงดวยกระสุนปน ๙ มม. ที่เหนือกกหูขวาทะลุ
ดานซายเปนรูโบ มันสมองปนเลือดกระจายเกลื่อน ในมือขวายังกําปนพก ๙ มม. ที่ตกมาแนบหนา
อกไวแนน ในแมกกาซีนมีกระสุนที่ยังไมดยิงอีก ๗ นัด ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปน ๙ มม.
ตกอยู ๑ ปลอก และหัวตะกั่วหลนอยูบนพื้น หางไปเล็กนอยบนโตะพบไฟฉายพรอมวิทยุมือถือ
และกระเปาถือสีน้ําเงินวางอยู เมื่อเปดออกตรวจดูพบวาภายในกระเปามีจดหมายใสซองสีฟา
๓ ซองและสีขาว ๑ ซอง จึงเก็บไวเปนหลักฐาน
ขาวนี้ยอมเปนอุทาหรณสําหรับผูทฝ
ี่ กใฝในการเปนนายหนา ซื้อขายเหล็กไหลได
เปนอยางดี เนื้อขาวไมไดระบุชัดเจนถึง ชนิดของเหล็กไหล รูปพรรณสัณฐาน วิธีการทดสอบครั้งแรก
วาปนหรือกระสุนเปนของใคร แตที่แน ๆ วาพอทดสอบครั้งที่ ๒ เหล็กไหลแตกกระจุย ยอมแสดงถึง
ของเทียมหรือเลียนแบบ ผูใดที่พยายามจะเปนนายหนาขายเหล็กไหล ระวังอยาตกเปนเครื่องมือ
ของเหลามิจฉาชีพ ที่อาศัยความโลภของมนุษยเปนเหตุหลอกลอ
แกง ๑๘ มงกุฏ
พอถึงเวลาทั้งสองฝายก็นัดตรวจสอบยอดเงินกัน ปรากฏวาฝายชาวไตหวันซึ่งใชชื่อวา
มิสเตอรอังไดทําทีเปนโทรศัพทติดตอกับทางตางประเทศ พูดไปพูดมาก็สรุปวา กําลังจะโอนเงินใหอยู
นั่งรอกันเกือบชั่วโมงเพื่อรอการเช็คขอมูลจากธนาคาร ก็ไมปรากฏวามีการโอนเงินโชวผานทางธนาคาร
แตอยางใด แตฝายผูขายไดเตรียมเงินสดมาแสดงพรอม ๕ แสนบาท
ฝายเจาของเหล็กไหลจึงนําเอาเหล็กไหลองคที่จะขายแชไวในแกวน้ําแลวอธิษฐานจิต
เพียงครูเดียว แลวนําเอาแกวน้ําไปตั้งกลางแจง ใหฝายนายหนาลองทดสอบดูดวยปน .๓๕๗ จนหมด
โมก็ยิงไมออก เรื่องนี้ปรากฏตอสายตาคนเกือบรอยคนที่ทราบขาวที่มามุงดู ถาจะเปนการแสดงก็คง
ระดับบรมครู โดยไดของไมดีไป
เคยหากินกันมาโบราณอยางไร แกงเหล็กไหลก็ยังหากินไดตอไปเหมือนเดิม
เมื่อเวลา ๑๔.๓๐ น. วันที่ ๕ พ.ค. ร.ต.ท.สมชาย ธรรมสารตระกูล รอยเวรสายตรวจ สน.บางพลัด
พรอมดวย จสต.สมาน จันทรแกว และ ส.ต.ท.เกิดภูมิ โมรา สายตรวจ สน.บางพลัด ไดรับแจง
จากนายประพจน มาประกอบ อายุ ๔๘ ป อยูบานเลขที่ ๕๔๑ แขวงและเขตบางพลัด กทม.
ใหชวยจับกุมนายคําสิงห หรือ ทองคํา สิงหราช ผูตองหาคดียักยอกทรัพยสรอยคอทองคําน้ํา
หนัก ๓ บาท และเงินสดอีก ๒๐,๐๐๐ บาท โดยไดแจงความคดีดังกลาวไวกับ ร.ต.ต.สมชาย
ศรพล รองสว.ส.สน.บางพลัด เมื่อวันที่ ๔ พ.ค. ทีผ ่ านมา
นายประพจนกลาววา จากนั้นไดรับทราบจากเพื่อนในวงการวาไดรับการเสนอขาย
เหล็กไหล จากนายนพดล หรือคําสิงหอีก โดยมีการเรียกเงินทองกอนการพิสูจน ซึ่งเปนพฤติกรรม
แบบเดียวกับที่คนเคยเจอมา จึงไดประสานขอกําลังจาก ร.ต.ท.สมชาย ธรรมสารตระกูล นํากําลังไป
ซุมจับกุมนายนพดล หรือคําสิงห ที่หางสรรพสินคาเซียร รังสิต ซึ่งนายนพดลไดนัดเหยื่ออีกรายไป
มอบเงิน ๑.๕ แสนบาท เมื่อถึงเวลาผูตองหาทั้ง ๒ คน ก็มาตามนัด ตํารวจจึงไดเขาจับกุม คนในตัว
ยังพบกอนหินสีดําขัดมันขนาดเทาไขนกกระทา หุมดวยหินคลายเปลือกอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งนายนพดล
อางวาเปนเหล็กไหล จึงยึดเอาไวเปนของกลาง
สนิมเหล็กไหล
ขาวจากหนังสือนิตยสาร “พระเกจิ” ปที่ ๒ ฉบับที่ ๒๘ วันที่ ๒๐ ต.ค. ๓๗ โดยสําเริง
มณีวงศ ไดเขียนลงในคอลัมย “ทางกรรม” เมื่อคราวไปเขียนเรื่องประวัติและเรื่องราวของ
“ถ้ําเชียงดาว” ในปลายป ๒๕๓๕ เพื่อลงในนิตยสารฉบับหนึ่ง
ขาวเหล็กไหลสรางความสนใจอยางมากกับคุณเพชร บังเอิญระหวางนั้นอาจารย
พงศเทพ ชูพินิจ (ปจจุบันถึงแกกรรมแลว) เดินทางจากเมืองแพรโดยพาเสี่ยผูร่ํารวยมาจากกรุงเทพฯ
ดั้นดนขึ้นไปถึงเมืองฝาง ทั้งนี้ดวยการสงขาวเรื่องเหล็กไหลจากลูกนองคนหนึ่งของอาจารยนั่นเอง
เมื่อทุกอยางพรอมก็มีการเดินทางจากตัวอําเภอฝางไปตามเสนทางของ กรป.กลาง
ที่สรางไวไปสูหมูบานคนโรคเรื้อนที่ทางการเปลี่ยนชื่อเสียใหม วา..”หมูบานอรุโณทัย” อยูภายใต
การควบคุมดูแลของตํารวจตระเวณชายแดนจนไปสิ้นสุดเอาที่หมูบาน “หนองอุก” สุดเขตแดนสยาม
หมูบานแหงนี้เต็มไปดวยพวกจีนฮอทั้งนั้นแตฟงและพูดภาษไทยพอรูเรื่อง
การติดตอเจรจาซื้อขายเหล็กไหลดังกลาวจะตองผานหนามาซึ่งเปนกะเหรี่ยง โดยกลุม
ที่เดินทางไปซื้อตองลงทุนเดินดวยเทาเปลาอีกทอดหนึ่งในปาลึก แลวพักรออยูบนกระทอมหลังหนึ่ง
ของชาวกะเหรี่ยง ปลอยใหกะเหรียงหนามาเดินลัดปาไปหาเจาของเหล็กไหลกินเวลากวา ๓ ชั่วโมง
ทั้งกะเหรียงหนามาและเจาของเหล็กไหลถึงไดมาถึงกระทอม ผูที่เปนเจาของเหล็กไหลเวลาพูดคุยกัน
มักไมคอยสบหนา ปลอยใหหนามาอธิบายสลับกัน
สรุปแลวก็ตกลงที่จะใหทดลองความศักดิ์สิทธิ์กันดวยการทําพิธีเสียกอน จากนั้นก็จะ
ใหผูซื้อจอยิงเหล็กไหลในระยะใกลตามแตจะเลือก ถากระสุนไมออกก็เปนอันตกลงซื้อขายกันใน
ราคา หนึ่งลานบาท แตมีเงื่อนไขวาสถานที่ทดลองและทําพิธีนั้นจะตองทํากันที่ลานกวางโดย
เจาของเหล็กไหลจะเปนฝายพาไป
ทุกคนเดินทางกันเปนกลุมตามเจาของเหล็กไหลซึ่งอยูไมไกลนัก หางไปทางตะวันตก
อันเปนที่ราบเชิงเขา กอนที่จะมีการทดลองนั้น เจาของไดเปดตลับสีน้ําเงินเขมกํามะหยีอ
่ อกมา
ซึ่งตลับนี้ซุกซอนอยูในกระบอกไมไผมีผาดิบพันปากกระบอกอีกชั้นหนึ่ง เจาของคอยบรรจงหยิบ
วัตถุกอนหนึ่งสีทึบคลายทับทิมขนาดเทาเม็ดลําใยใหทุก คนดูอยางระทึก เมื่อขอจับดูรูสึกหนัก
และเย็นชื้นเหมือนกอนน้ําแข็งสมกับของหายากยิ่งที่ ทุกคนปรารถนาเมื่อไดสัมผัสของจริงกันดวย
๙๙๙
ทุกคนระทึกตื่นเพริดเพราะลูกกระสุนไมระเบิดจากลํากลองแมสักนัดเดียว พากันขนลุก
เกรียวไปตาม ๆ กันและเชื่อในอภินิหารความศักดิ์สิทธิ์ของเหล็กไหลอยางทวมทน โดยเฉพาะเสี่ยผูซื้อ
เขาถึงกับกระโดดโลดเตนดวยความยินดีปรีดา เมื่อพิสูจนเหล็กไหลกันแลวก็นัดหมายการจายเงินกัน
ผูขายขอรับเพียงเงินสดอยางเดียว รุงขึ้นทุกอยางก็เรียบรอยโดยจายกันสด ๆ ในเมืองฝางผานหนามา
ชาวกะเหรี่ยงที่ไดรับมอบหมาย
เมื่อเลามาถึงตรงนี้ประชาสัมพันธจังหวัดเชียงใหมหยุดชั่วครูดวยการยกแกวเบียรที่เย็น
เจี๊ยบขึ้นดื่ม สอดดวงตามองมายังผูเขียนอยางหนักหนวงเหมือนจะคาดคั้นคูสนทนาที่กําลังตื่นเตน
กับเรื่องที่เลา “ก็คงจบแคนี้” ผมสรุปเอาดื้อ ๆ เมื่อเห็นวาผูซื้อผูขายตางก็สมปรารถนาของตนแลว
แต “มันเปนของเก”
ในที่สุดก็ไดความจริงวาเปนแกงที่หลอกตมคนมาหลายครั้งแลว หาใชเปนกะเหรี่ยง
จีนฮอ แตประการใด คนไทยดวยกันนี่แหละปลอมเปนพวกชาวเขาเพื่อใหดูขลังสมจริง
“ความจริงสภาพปนในวันนั้นดีทุกอยาง แตถูกคมตะไบเฉือนที่ปลายนกจนทูมันจะเสียบ
ถึงลูกไดยังไง”
“เรื่องมันเปนยังงี้ ตอนที่ผมเดินหันหลังกลับจากวางปนบนพานทองเหลืองแลว
คนที่ซอนตัวอยูหลังโตะซึ่งซอนตัวอยูหลังโตะซึ่งซอนตัวอยูในหลุมที่ ขุดเตรียมการณก็โผลมือขึ้นมา
๑๐๐๐
พระอาจารยสิทธากับเหล็กไหลวัดถ้ําแฝด
คุณสมบัตพ
ิ ิเศษของเหล็กไหล
· พลังดึงดูดเหมือนแมเหล็กแตแรงกวามาก
· พลังกระแสคลื่นแมเหล็กที่ปรากฏนั้น พบวาไดมีการประจุพลังปราณหรือ
กระแสปราณ ซึ่งเปนกระแสพลังของคาถาอาคมหรือพลังสมาธิจิตระดับฌาณ
พลังปราณ
พลังอิทธิเวทย
พระเครื่องรางของขลังที่ไดรับการปลุกเสก หรือบรรจุพลังจากพระเกจิอาจารยผูทรง
พลังจิตแลวยอมปรากฏอานุภาพออกตามที่ทานไดอธิษฐานจิตไว เกี่ยวกับเรื่องนี้ พระอาจารยสิทธา
เชตะวัน ซึ่งไดมาสัมผัสกับเหล็กไหลวัดถ้ําแฝด ไดใหทัศนะหรือการวิเคราะหในเรื่องพลังของวัตถุ
มงคลที่ทรงอานุภาพไวดวย เหตุดังนี้
๑๐๐๒
พระเครื่องของขลังที่ไดรับการ บรรจุพลังปราณหรือพลังแมเหล็กดวยอํานาจสมาธิจิต
ของพระเกจิอาจารย จะทําใหพระเครื่องของขลังนั้นประจุแนนไปดวยพลังปราณ และจะแผรังสีออกมา
โคจรหมุนวนออกไปรอบ ๆ พระเครื่องของขลังนั้นตลอดไป (ยกเวนจะถูกนักเลงดีคัดถอนเอาดวยวิชา)
เมื่อมีกระสุนปนพุงตรงเขามาก็จะถูกรังสีของพลังปราณทําใหเปนไปคือ
· ลดแรงผลักดันของกระสุนปนอยางเฉียบพลันใหออนตัวลงแฉลบไปทางอื่น เรียกวา
”แคลวคลาด”
· แรงผลักดันของกระสุนปนจะออนกําลังลง แตกระสุนพุงเขากระทบรางกายคลาย
ถูกขวางปาดวยกอนหิน แตไมใชเขาผิวหนังเพียงแตเปนจุด
๑. ถารูสึกเจ็บเปน คงกระพัน
๒. ถาไมเจ็บเลยเปน คงกระพันชาตรี
๓. เหตุที่รูสึกเจ็บหรือไมเจ็บเกิดขึ้นจากพระเครื่องของขลังนั้นแผรังสีไปกระทบ
ตอมแอดเดรนัลในรางกาย ตอมแอดเดรนัลจะขับสารหรือธาตุเหลวชนิดหนึ่ง
ออกมา กอใหเกิดประกายไฟฟาวิ่งไปทั่วทุกเซลล กลามเนื้อเกร็งตัวขึ้นอยาง
ฉับพลัน ขณะเดียวกันก็ไปกระตุนกระแสจิตใหรวมตัวเปน ขณิกสมาธิแกกลา
เฉียด ๆ อุปจารสมาธิ และอํานาจพลังสมาธินั้นจะสัมปยุตเปนเหนึ่งเดียวกับรังสี
พลังปราณตากพระเครื่องชองขลัง
บารมีเหล็กไหลฤาษี
เรื่องนี้หลวงพอวัชระ ในขณะที่ทําหนาที่เปนพระเลขาของหลวงพอสัมฤทธิ์ไดเลาถึง
ประสพการณที่ เกิดขึ้นกับตนเอง เกี่ยวกับฤทธิ์อํานาจพลังแหงเทพพรหมผูรักษาเหล็กไหลฤาษี
จากการที่ไปเกี่ยวของกับธาตุกายสิทธิ์เหลานี้และไดไปลวงละเมิดเขาโดยไมไดตั้งใจ เพราะมิไดมี
เจตนาจะปรามาส หรือ ลบหลูตอสิ่งศักดืสิทธิ์หรือเทพพรหมผูรก ั ษาเหล็กไหลฤาษีแตประการใดไม
ในฐานะที่ทานรับผิดชอบดูแลการจัดทําและจัดสรางวัตถุมงคลชุดตาง ๆ ของวัด
ก็เลยมักจะตองคอยตอบคําถามตาง ๆ ของญาติโยมที่มีจิตศรัทธามาทําบุญดวย สิ่งหนึ่งที่เปนที่สนใจ
มากก็คือ “เหล็กไหลฤาษี” หลายทานก็อยากชมวามันจะหมุนตัวและหยุดนิ่งไปทิศตะวันออกได
อยางไร
โดยรูเทาไมถึงการณแลวละก็ ขอไดโปรดงดโทษใหดวยเพราะกระทําลงไปดวยความรูเทา
ไมถึงการณ หลังจากจําวัดคืนนั้นแลว ในรุงเชาการวิงเวียนที่รูสึกผิดปกตินั้นก็หายไปเปนปลิดทิ้ง
โดยทานไม ไดฉันยาแมแตนิดเดียว ทําใหหลวงพอวัชระมีความมั่นใจในอํานาจความศักดิ์สิทธิ์
ของเหล็กไหลมากยิ่งขึ้น
เหล็กไหลกับการนั่งสมาธิ
ดังนั้นเมื่อหลวงพอวัชระทานมีเวลาเจริญสมาธิภาวนา ก็เลยจะเอาองคเหล็กไหลฤาษี
ขนาดตาง ๆ หมุนเวียนกันมาอธิษฐานจิตในขณะนั่งสมาธิ ปรากฏวาไดสัมผัสกับพลังลี้ลับจากเหล็กไหล
อีกครั้งหนึ่ง ทานเลาวาขณะที่นําเอาเหล็กไหลฤาษีมาวางบนมือเวลานั่งสมาธินั้น จะรูสึกมีพลัง
อันศักดิ์สิทธิ์พุงแผผานลงมาจากกลางกระหมอมกระจายไปทั่วรางกาย จนรูสึกชาและเย็นซาบซาน
ไปทั่วสรรพางคกายเลยทีเดียว แตถาไมไดนําเอาเหล็กไหลมานั่งดวยแลว จะไมมี จะมีความรูสึก
เปนปกติไมมีอาการชาหรือสัมผัสกับพลังพิเศษเลย
ครั้งหนึ่งทานไดนําเหล็กไหลฤาษีองคใหญมาก มานั่งสมาธิแลวอธิษฐานจิตขอพรจาก
ปูเหล็กไหลฤาษี ดวยกัน ๓ ขอคือ
๑. ขอใหขาพเจาไดมีปญญาดวงตาเห็นธรรมเหมือนอยางพระอริยะเจาในอดีต
๒. ขอใหขาพเจาไดครองผากาสาวพัสตรไปนาน ๆ
พอไดยินแลวก็ขนลุกซูขึ้นมาทันที เพราะสิ่งทีอ
่ ธิษฐานไวกับปูเหล็กไหลนั้น เปนเรื่อง
เฉพาะตัวที่ไม เคยแพรงพรายใหกับใครมากอน เพราะในขณะนั้นยังถือวาเปนผูบวชใหมอยู การปฏิบัติ
ตาง ๆ ก็ยังไมคืบหนาเทาที่ควร วิชาความรูที่จะเอามาสงเคราะหญาติโยมก็ยังไมมี จึงไดอธิษฐาน
ขอพรจากทาน แลวทําไมชายหนุมคนนี้ถึงไดอางอิงถึงไดถูกตอง ก็มั่นใจวาคงเปนปูเหล็กไหลมาจริงๆ
เพราะเคยมีประสพการณบางอยางมาจาก ปูเหล็กไหลฤาษี ชุดนี้มาแลว
ฤาษีจากเขาบรมโกฐ
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ เดือน พฤษภาคม ๒๕๔๐ ผูพิพากษาหนุมจาก ธัญญบุรี ไดมีโอกาสมาเที่ยว
ที่วัดถ้ําแฝด และไดมีโอกาสสนทนาธรรมกับ หลวงพอวัชระ ปรากฏวาทานผูนี้เปนนักปฏิบัติธรรมที่มภ ี ูมิ
จิตภูมิธรรมสูงพอสมควร จนสามารถเขาออกจากฌาณไดอยางคลองแคลว
บารมีเหล็กไหลฤาษี
เหล็กไหลฤาษีเปลี่ยนสีเองได
เหล็กไหลเงินยวงบินได
คุณนัฐจักษ คําสัณห อายุ ๖๓ ป จบโท ดานเกษตรศาสตร จากมหาวิทยาลัย มิดเดิ้ลเบอรี่
รัฐเวอรมอนด สหรัฐอเมริกาเคยผานงานทั้งในประเทศและตางประเทศหลายแหง มาในป พ.ศ.๒๕๐๗
ไดเขาไปสัมผัสเรื่องราวของสิ่งลี้ลับตางๆ โดยเฉพาะเรื่องราวเกี่ยวกับอิทธิฤทธิ์ และปาฏิหาริยมีพลัง
สมาธิดีมากผูหนึ่ง สามารถสัมผัสเรื่องราวที่ละเอียดได ไดมีโอกาสเขาไปใน เขมร ลาว โดยเฉพาะแถบ
ภูเขาควายไดพบครูบาอาจารยผูชํานาญเรื่องเหล็กไหลทานหนึ่ง จนไดพบเหตุการณที่ระทึกใจ ลึกลับ
มหัศจรรยเปนปรากฏการณที่แปลกประหลาดอยูเหนือธรรมชาติความดีทั้งปวง รูไดเฉพาะตนเทานั้น
ในเอกภพนี้ ผูที่ศึกษาหลักธรรมพรอมทั้งไดปฏิบัติตนตามคําสอนของพระพุทธศาสนา
อยางลึก ซึ้งยอมจะชัดเจนถึงความลึกซึ้งในเรื่องอํานาจจิต อํานาจความศักดิ์สิทธิ์ อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย
ฤทธิ์อํานาจ รวมทั้งความมหัศจรรยทั้งหลาย คือ "คัมภีร พระสุตตันติปฏก" ตอนที่วาดวยอิทธิคาถา
ในพระสูตรเลมที่ ๓๑ บางครั้งทําใหคิดถึงเรื่องราวที่ชาวตางชาติเขาพยายามศึกษาเรื่องของเหล็กไหล
เพื่อที่จะนําไปใชประโยชนที่ลึกล้ําหลายตอหลายครั้งที่ทานไดพบและเผชิญกับบุคคลเหลานั้น
และเขาก็ไดกันหลายชิ้นแตในที่สุด เหล็กไหลที่วานั้นก็กลับคืนมาสูเจาของเดิมในที่สุด และก็ตอง
คืนเงินนั้นกลับไปก็มี แตเขาเหลานั้นก็ยังไมละความพยายามทีจ ่ ะเอาเปนกรรมสิทธิใหได
เหล็กไหลฤาษีลองหนไดจริงหรือ
ทางวัดถ้ําแฝดโดย หลวงพอสัมฤทธิ์ ไดมอบเหล็กไหลฤาษี ทรงหนําเลี๊ยบ ๒ องคให
กับหลวงพอสุรเสียง วัดปาโนนแทน จ.มหาสารคาม เพื่อสมทบทุนหารายไดสราง วัดปาแกงเลิงจาน
ซึ่งเปนวัดในความดูแลของทาน ญาติโยมไดทราบเขาก็สนใจอยากรูวา เหล็กไหลฤาษี ลักษณะเปน
อยางไร บางคนเห็นแลวก็อยากทดลองวาเปนเหล็กไหลจริงหรือไม ก็ไดมีผูใหญบาน ซึ่งมีอดีตเปน
มือเพชรฆาตระดับมีดีกรี แตปจจุบันไดรับใชชาติบานเมือง มีความชํานาญและแมนยําในอาวุธทุกชนิด
ไดแอบนําเอาไปทดลองกันหลายคน คือทดลองยิงดวยปน.๓๕๗ ยิงในระยะหางไมเกิน ๒ เมตร
ซึ่งเปนระยะเผาขนไมพลาดแนๆ พอยิงนัดแรกปรากฏวาไมถูก นัดที่สองเสียงปนดูเหมือนแผวเบาลง
จนผิดสังเกตุ นัดที่สามปรากฏวาอาวุธประจํากาย ซึ่งดูแลรักษาอยางดีเทาชีวิต มีอันเปนไปคือยิง
ไมออกหรือยิงไมได หรือปนจะเสียขึ้นมาอยางกระทันหันแบบไมนาจะเปนไปได จึงไมกลาทดลอง
ตอไปอีกเพราะครบ ๓ นัด เกรงจะเปนการปรามาสเทพรักษา เหล็กไหลเกิน จึงไดทําพิธีขอขมาโทษ
ไมใหเปนเวรกรรมแกตนสืบไป
หลวงพอสุรเสียงไดเดินทางไปพบครูบาอาจารยฝายกรรมฐานหลายทาน เพื่อพิสูจน
กอนเหล็กที่ไดมาวาเปนอยางไร ทุกองคก็บอกวาเปนของดี เก็บรักษาใหดีแลวกัน จนพบสหธรรมมิก
รูปหนึ่ง พักอาศัยอยูแบบพระธุดงคภายในถ้ําแหงหนึ่งแถบ จ. สกลนคร เพื่อลงพลังใหเขมแข็ง
เปนถึงขั้นมหาอุด คือยิงไมออก หลังจากที่ไดฝากของไวจนครบกําหนดแลวก็ยอนกลับไปขอรับ
เหล็กไหลฤาษีคืน แตทวาสหธรรมิกองคนั้นไดกลาววาของนั้นไดเกิดอันตรธานหายไปแตเมื่อไหร
ก็ไมทราบ สงสัยเจาของจะใชคาถาเรียกกลับไปแลว ก็ไมเปนที่ตกลงใจได เพราะหลวงพอสุรเสียง
ทานก็คลางแคลงใจวาจะเปนอยางที่กลาวหรือไม จึงไดตัดสินใจเดินทางไปที่วัดถ้ําแฝดอีกครั้ง
เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เหล็กไหลลองหน กลับมาที่เดิมหรือไม แตเนื่องจากทางวัดก็ไดเก็บใส
รวมกันไว และก็ไมไดนับจํานวน นอกจากนี้ยังมีลักษณะคลายคลึงใกลเคียงกัน จึงยากแกการจดจํา
ทางวัดจึงไดถวายองคใหมใหแกทานเพื่อสมนาคุณผูทําบุญตอไป
นับวาเปนเรื่องแปลกรายที่สองที่ปรากฏขึ้นในลักษณะเดียวกัน ดวยเปนบุคคลที่พึง
เชื่อถือได เพราะทานเปนครูบาอาจารยที่พุทธศาสนิกชนรูจักกันดี เปนพระกรรมฐานและเปนเจา
คณะอําเภอกันทรวิชัย ฝายธรรมยุติ ดังนั้นสิ่งที่ทานไดคุยใหฟง จึงเปนสิ่งที่นาทึ่งและนาสนใจ
ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับเหล็กไหลฤาษีชุดนี้ตอไปเชนกัน
๑๐๐๗
เหล็กไหลนําโชค
ชายคนหนึ่งที่เคยบูชา เหล็กไหลฤาษี เม็ดขนาดหัวแหวนเล็กๆ ซึ่งราคาไมสูงนัก
ไป ๑๐ เม็ด พรอมทั้งขอวิธีการบูชาไปจึงไดนําไปบูชาดวยความศรัทธาตั้งมั่น ดวยประสงคอยากได
โชคลาภเพื่อแกไขปญหาทางการเงินที่ตนประสบอยู ตอมาเพียง ๒ สัปดาห ก็ไดกลับมาขอบูชา
เม็ดใหญกวาเดิมในราคาเม็ดละ ๑๐,๐๐๐ บาท ไปอีก พรอมทั้งเลาเรื่องราวคราวๆ วา หลังจากบูชา
เหล็กไหลฤาษีไปแลว ก็ไดบันดาลใหไดเงินมาประมาณ ๒ แสน บาท ซึ่งในชีวิตตนเองยังไมเคย
มีโชคลาภกับเขามากอนเลย แตพออธิษฐานขอจาก ปูพรหม ฤาษีผูรักษาเหล็กไหลตามที่แนะนําไป
ก็ไดเงินมาแบบไมคาดฝนมากอน จนนําไปแกปญหาเรื่องการเงินได แถมยังมีเงินเหลือทําอยางอื่นอีก
แตเนื่องจากในขณะนั้นมีญาติโยมมาทําพิธีเสริมดวงกันหนาแนนและเขามาแทรก การสนทนา ทําให
เสียดายที่ไมไดขอมูลรายละเอียด วาไดมาอยางไร จึงทําใหไมมีโอกาส สอบถามเรื่องราวใหละเอียด
กวานี้ได แตผูบูชาไปแลวมั่นใจวาเกิดจากอํานาจของเหล็กไหลฤาษี ที่บูชาไปนําโชคลาภมาใหตาม
ที่อธิษฐานแนนอน จึงไดยอนมาบูชาองคใหญไปอีก
เหล็กไหลชวยการคาขาย
คุณสาคร วงคประเสริฐ อยูบา นเลขที่ ๖๗/๓๕๙ หมู ๑ ซ.แจงวัฒนะ ๑๐ ทุงสองหอง
หลักสี่ กรุงเทพฯ โทร. ๐๒ - ๕๗๓๙๔๕๐ ไดมาฝงเหล็กไหลฤาษี เมื่อเดือน กรกฎาคม ๔๓
เพื่อขอบารมีจากปูเหล็กไหล ชวยดานเมตตาคาขาย เพราะตนเองมีอาชีพขายครีมทาสิวฝา
เหล็กไหลฤาษีกับการบําบัดโรค
เรื่องนี้หลวงพอวัชระกลาววา ในระยะหลังนี้มีผูที่ฝงเหล็กไหลแลว หายจากอาการ
โรคภัยไขเจ็บได อยางนาอัศจรรย เชน โรคเบาหวาน ความดัน หอบหืด มาฝงเหล็กไหลกันจากปาก
ตอปาก ซึ่งหลวงพอเองไดรับฟงจากผูมาเลาหลายราย ครูบาสิงหโต จากวัดพระธาตุสน ุ ันทา อ.เมือง
จ.เชียงใหม ทานไมเคยรูจักวัดถ้ําแฝดมากอน แตไดรับเหล็กไหลฤาษีจากลูกศิษยคนหนึ่งมอบถวาย
ใหบอกวาเปนเหล็กไหลฤาษีจากวัดถ้ําแฝด ตัวทานนั้นมักจะเปนโรคปวดเขามานาน วันหนึ่งทาน
นําเหล็กไหลมาพิจารณาอยู ก็รูสึกปวดหัวเขาขึ้นมาอยางแรง ก็เลยลองเอาเหล็กไหลจี้ลงไปบริเวณ
ที่ปวด ปรากฏวาอาการเจ็บปวดที่เปนอยูหายเปนปลิดทิ้ง
อาทิตยตอมาทานจึงรีบเดินทางไปที่วัดถ้ําแฝดทันที ถึงบริเวณวัดแตเชามืด
เมื่อไดแนะนําตัวและสนทนากับหลวงพอวัชระแลว ทานก็ตัดสินใจฝงเหล็กไหลฤาษีทันที ครูบาทาน
เลาวา ทานบวชมาตั้งแตเปนสามเณร และไดมีโอกาสไปจําพรรษาอยูในประเทศพมาหลายป จนทาง
บานคิดวาทานเสียชีวิตไปแลว แตดวยความมุงมั่นที่จะแสวงหาสัจจธรรมอยางเอาชีวิตเปนเดิมพัน
ทําใหทานขาดการติดตอกับญาติโยมทางเมืองไทยไปเลย ระหวางอยูในพมานั้นทานไดมีโอกาส
รวมปฏิบัติธรรมกับ ครูบาเทือง ครูบาลุม ซึ่งอยูในวัยเดียวกัน ในที่สุดก็ไดเดินทางกลับสูเมืองไทย
อีกครั้งหนึ่ง
ทานเองนั้นมีโรคหอบหืดประจําตัวมาตั้งแตเด็ก ปกติแลวอากาศทางภาคเหนือคอนขาง
เย็นและหนาว ทําใหทานมีปญหาในเรื่องระบบทางเดินหายใจ เขาโรงพยาบาลทุกเดือน กอนจะมาที่
วัดถ้ําแฝด ก็เพิ่งออกจากหอง ไอซียู มา เพราะทานมาบูรณะวัดราง ทําใหมีภาระตองเดินทางไป
ตามสถานที่ตาง ๆ ตามปาเขาสูง ๆ แมกระทั่งทําพระธาตุเจดียบนยอดเขาสูงเสร็จแลว เวลาจะประกอบ
พิธีบวงสรวง ทานจะตองใชวิทยุมือถือ อานโองการ ทําพิธีบวงสรวงอยูที่ตีนเขา ไมกลาขึ้นไปขางบน
เพราะรูถึงภาวะของปญหาดานสุขภาพ
๑๐๐๘
แตหลังจากที่ทานฝงเหล็กไหลฤาษีไปแลว ประกอบกับการบําบัดรักษาจากหลวงพอ
วัชระที่ชวยแกไขให ปรากฏวาอาการเจ็บปวยที่เปนมาหลายสิบป ไดหายไปอยางนาอัศจรรย สามารถ
ไปไหนมาไหนโดยไมมีปญหา ไมตองเขาโรงพยาบาลหรือกินยาอีกตอไป ทําใหทานมั่นใจในอานุภาพ
ของเหล็กไหลฤาษีวัดถ้ําแฝดเปนอยางยิ่ง นอกจากนี้ทานยังไดแนะนําลูกศิษยของทานจํานวนมาก
ที่มีปญหาเรื่องสุขภาพ ใหมาฝงเหล็กไหลฤาษี ซึ่งหลาย ๆ คนไดรับประสพการณที่แปลกแตกตางกัน
ออกไป เชน บางคนเปนเบาหวานมานาน แตหลังจากฝงไปไมนาน ผลการตรวจเบาหวานก็ลดลง
ในระดับปกติ กินทุเรียน กินอาหารตาง ๆ ไดโดยไมตองควบคุม ซึ่งปกติทุเรียนเปนอันตรายตอผูเปน
เบาหวานมากก็ตาม ครูบาสิงหโตทานไดนําเรื่องประสพการณของลูกศิษยทานมาถายทอดใหหลวงพอ
วัชระฟงทุกครั้งที่มีโอกาสไดสนทนากัน
ดังนั้นผูบูชาไปแลวจึงมักไดพบกับเรื่องราวที่แปลกๆ และยังหาคําตอบที่ชัดเจนไมได
เชนกันบางทานปูฤาษีผูรักษาเหล็กไหลได มาทวงขอน้ําผึ้ง ผานครูบาอาจารยผูทรงฌาน เพื่อแจงตอ
เจาของเหล็กไหลก็มี บางรายไปใหครูบาอาจารยตรวจสอบพลังจิตหรือพิจารณาวิเคราะหดูวาธาตุ
กายสิทธิ์ที่ไดมานี้คืออะไรกันแน หลายทานก็ยืนยันวาเปนเหล็กไหลแนนอน เพียงแตไมถึงขั้นยืดได
หดได แตก็มีฤทธานุภาพมาก บางองคทานเพียงวางไวบนฝามือกําหนดจิตแผจิตไปยังเหล็กไหลฤาษี
ที่นําไปใหดื ก็ปรากฏวาเกิดการแปรเปลี่ยนสีเทาแกมดําหรืออมสีเขียวนั้น ไดเปลี่ยนเปนสีปกแมลงทับ
อยางชัดเจน จนขนลุกซูชูชันตั้งนาน พอหลวงพอทานคลายมือสงเหล็กไหลกลับคืนก็เปลี่ยนกลับเปน
สีเดิมอีก บางองคพอทานกําหนดจิตองคเหล็กไหลฤาษีก็จะพามือชูสูงขึ้น จนตัวทานแทบจะลอยตาม
เหล็กไหลขึ้นไปดวย ตองคลายสมาธิออก และกลาวกับศิษยที่นําไปไววา อยากไดเหล็กไหลชนิดนี้บาง
เหล็กไหลกลิ้งบนฝามือ
นอกจากนี้คุณโอ ซึ่งอยูบ
านเลขที่ ๑๒๒ หมู ๓ ต. บางแพ อ. บางแพ จ.ราชบุรี
ผูมีประสบการณจาก เหล็กไหลเงินยวง และเหล็กไหลฤาษีที่กลิ้งตัวเองไปมาได ไดมาเลาเพิ่มเติม
เมื่อวันที่ ๒๓ เม.ย. ๓๙ พรอมกับจองเปนเจาภาพสวดพระอภิธรรมถวายแดพระเดชพระคุณ
หลวงพอ ๑ คืน ไดเลาเพิ่มเติมวาเมื่อคราวกอนหลังจากมากราบหลวงพอในงานสวดพระอภิธรรม
เมื่อตนเดือนกุมภาพันธ ๓๙ ขากลับไดถูกรถสิบลอเบียดจนเสียหลักตกไหลทางซึ่งมีระดับสูงจากถนน
พอสมควร รถปคอัพวิ่งมาดวยความเร็ว ๑๒๐ กิโลเมตร ตอชั่วโมง ไดพยายามเหยียบเบรคเต็มที่
เพราะคิดวารถคงจะตองพลิกคว่ําหลายตลบแตดวยเดชะบุญบารมีของหลวงพอ สัมฤทธิ์และเหล็กไหล
ที่นําติดตัวประจํา รถนั้นพลันหยุดสนิทขางทางกอนที่จะพุงชนปายอันใหญที่ปกอยู และคิดวาคงตาย
หมดทั้งคันรถแนนอน รวมทั้งบุตรภรรยา จึงทําใหมีความศรัทธาในเหล็กไหลฤาษีเงินยวงเปนอยางยิ่ง
ความเห็นของพระอริยะ
จากการที่ “รอย อริยะ” ผูเขียนบันทึกเรื่องราวของ พระเกจิอาจารย ในหนังสือนิตยสาร
“โลกทิพย” และ”โลกลีล ้ ับ” ไดนําเสนอประวัติ และปฏิปทาของ หลวงพอสัมฤทธิ์ คมฺภีโร พระผูส ราง
ตํานานและเปนเจาตํารับการฝงเหล็กธาตุกายสิทธิ์ที่ทรงอานุภาพ เอกอุ ทําใหไดรับความเมตตาจาก
ทานและพระอาจารยวัชระ เอกวัณโณ ผูเปนพระเลขาฯในขณะนั้น มอบเหล็กไหลนานาชนิด เชน
เหล็กไหล ตาแรด เหล็กไหลฤาษี โครตเหล็กยวง เหล็กไหลขาว โครตเหล็กไหล ฯลฯ มาใหเพื่อ
เปนเครื่องปกปองอุบัติภัย ภยันตรายนานัปการที่จะกอบังเกิด อีกทั้งเปนแบบตัวอยางใหทานผูที่สนใจ
ศรัทธาไดศึกษากอนเปนปฐมทุกๆ ครั้ง ที่มีการอธิษฐานจิตปลุกเสกและไดรับเชิญไปรวมก็จะนําธาตุ
กายสิทธิ์ชุดเหล็ก ไหลนี้ไปรวมเสมอ เมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๓๙ ก็เชนกัน หลังจากเสร็จพิธี
อธิษฐานจิตโดยพระกรรมฐานจํานวน ๕๐ รูป ผูเขียน (รอย อริยะ) ไดนําวัตถุธาตุกายสิทธิ์ที่เพิ่ง
ไดรับการอธิษฐาน จิตไปสดๆ รอนๆ มอบใหพระคุณเจา หลวงปูหลวง กตปุญโญ พระเถระ
ผูทรงคุณตบะบารมีสูงสง แหงวัดปาสําราญนิวาส อ.เกาะคา จ.ลําปาง ทั้งยังเปนสหายธรรม
กับหลวงปูแวน ธนปาโล วัดถ้ําพระสบาย จ.ลําปาง ได พิจารณาดู
“ดีทุกอยางนัน
่ แหละ เมตตามหานิยม ปองกันภูติผีปศาจ คุณไสย เขี้ยวงาสัตวพิษ
แตจะเดนทางคงกระพันชาตรีและแคลวคลาด"
๑๐๑๐
“ ไปเอามาจากไหนมากมายของดีอยางนี้ไมใชหาไดงายๆ "
หลวงปูจันทรโสมนั่งพิจารณาอยูนาน จึงสงใหผูเขียนพรอมทั้งกลาวสัมทับขึ้นวา
เหล็กไหลกระตุกเตือน
นายอรรถพร กาญจนกุล อยูบานเลขที่ ๓๖/๖๙ หมู ๗ ต.คูคต อ.ลําลูกกา จ.ปทุมธานี
อายุ ๒๘ ป ไดเดินทางมาวัดถ้ําแฝด เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๔๖ เวลาประมาณ ๑๘.๐๐ น.
มีประสพการณหลายครั้งเดนในเรื่องแคลวคลาด จากการสังเกตุของตนเองตั้งแตฝงแรธาตุ
กายสิทธิ์กับหลวงพอวัชระฯ ไป วันไหนที่จะมีอุบัติเหตุ หรือ มีเหตุรายเกิดขึ้นกับตนจะพบวาจะมีอาการ
กระตุกปวดบริเวณที่ฝงแรธาตุกายสิทธิ์ขางใดขางหนึ่ง ซึ่งบางครั้งทํางานไดรับอุบัติเหตุจากใบมีดกรีด
ยางรถยนต ซึ่งคมมาก หลุดกระเด็นโดนคิ้ว แตไมเปนไรเปนเพียงแตเปนยางบอน แตบางครั้งก็ไมโดน
แคลวคลาดไป
หลายครั้งที่มีอาการกระตุกที่แขนขางใดขางหนึ่ง จนอดคิดไมไดวาเปนอุปทานหรือเปลา
แตเทาที่สังเกตุดูแลว ก็เหมือนทานจะบอกเตือนลวงหนากอนทุกครั้งที่จะมีเหตุเกิดขึ้นเสมอ กอนที่
จะขึ้นมาในวันนี้ ไดเกิดฝนไปวา หลวงปูสัมฤทธิ์ คัมภีรโร อดีตเจาอาวาส ไดมาจับแขนทั้งสองขาง
ที่ฝงแรธาตุกายสิทธิ์ เพื่อเพิ่มบารมีให โดยไดฝนมาไดประมาณ ๓ - ๔ วันกอน จึงไดขึ้นมาเสริมดวง
เสริมบารมี และเลาประสพการณใหหลวงพอวัชระ เอกวัณโณ ทราบ
ฝนที่เปนจริง
คุณสินิกาญจน ใหมเอี่ยม ต.บางแกว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โทร. ๐๘๑ - ๗๓๑๖๘๔๗
ไดมีโอกาสมาพบหลวงพอวัชระที่วัดถ้ําแฝด พรอมกับไดเลาเรื่องบางอยางใหหลวงพอไดรับทราบ
เธอกลาววา เมื่อประมาณ ๕ เดือน มาแลวไดฝนวาขับรถจะไปทําบุญ ในขณะที่ขับผานปาแหงหนึ่ง
ก็เห็นพระเดินอยูในปาจึงจอดรถเขาไปกราบทาน แลวบอกกับทานวากําลังจะไปทําบุญ ปรากฏวา
หลวงพอองคนั้นทานไดบอกวาใหไปกราบทานบางซิ จึงนมัสการถามทานวาอยูที่ไหนและหลวงพอ
ชื่ออะไร ทานไดตอบวาทานชื่อ หลวงพอสัมฤทธิ์ วัดถ้ําแฝด ถามีบุญวาสนา แลวคงไดเจอกัน
แมวาสังขารของหลวงพอจะดับไปแลว แตจิตของทานก็ยังไปโปรดญาติโยมที่มีบุพกรรมเคยรวมบุญกัน
มากอน ไดฝนเห็นทั้ง ๆ ที่ไมรูจัก เพียงบอกนามวา หลวงพอสัมฤทธิ์ วัดถ้ําแฝด แตไมบอกวาอยูที่ไหน
จังหวัดอะไร แตเมื่อถึงเวลาก็ยอมไดมาพบเอง ชรอยคงเปนบุญวาสนาของโยมทั้งหลายเหลานั้นนั่นเอง
โดยเฉพาะโยมรายหลังที่มาจากพิษณูโลกนั้น ไดยอนกลับมาอีก ใน ๒ อาทิตยตอมา พรอมกับเลา
เสริมตอวา ไดอธิษฐานขอโชคลาภจากหลวงพอสัมฤทธิ์ และเมื่อกลับไปแลวก็ไดนิมิตรใหมอีกครั้งได
ลองเสี่ยงโชคดู ปรากฏวาถูกหวยรัฐบาลมาหลายตังเหมือนกัน แตเธอไมไดบอกวามากนอยแคไหน
พรอมกับรวมทําบุญกับทางวัดจํานวนหนึ่งดว
เหล็กไหลงอกเพิ่มเอง
ประสพการณการฝงเหล็กไหล
ดังนั้นเมื่อฝงเหล็กไหลไปแลวก็ยังคงนั่งสมาธิเปนปกติ ปรากฏวาในขณะที่นั่งนิ่งอยูนั้นเห็นพระพุทธรูป
ในหองพระกลอกลิ้งดวงตาไปมา หลังจากนั้นไมนานก็ปรากฏเปนฤาษีลอยออกมาจากพระพุทธรูป
องคนั้น ซึ่งตนเองก็แปลกใจมาก ๆ เพราะกอนที่จะฝงเหล็กไหลก็ไมเคยปรากฏเรื่องราวเหลานี้
ใหเห็น เพราะปกติจะสวดยอดพระกัณฑไตรปฎก ๑๕ จบเปนประจํา แลวจึงนั่งสมาธิ ทําใหมั่นใจวา
เหล็กไหลที่ฝงมานั้นศักดิ์สิทธิ์แนนอน จึงอยากฝงเหล็กไหลชนิดอื่นเพิ่มเติมอีก
หลวงพอเองไดฟงแลวก็เชื่อวาเปนความจริง เพราะเรื่องนี้เคยไดยินและพบวาเหล็กไหลบางครั้ง
เก็บล็อคไวอยางดี แตกลับอันตธานหายไป บางคนก็พบวาสามารถงอกเพิ่มขึ้นมาได เฉกเชนพระธาตุ
หรือพระบรมสารีริกธาตุ ที่จะเสด็จมาโปรดผูทีหมั่นปฏิบัติธรรมอยูเสมอ
ดังนั้นในกรณีลาสุดก็เกิดขึ้นคลายคลึงกัน จึงขอใหทานไดศึกษาและใชวิจารณญาณของทานพิจารณา
ดวย สงสัยประการใดคงสอบถามจากคุณแมหรือเจาตัว คุณพัทรธนันท ก็คงจะไดขอมูลที่ละเอียดกวานี้
กราบนมัสการทานหลวงพอวัชระ กระผมไดฝากตัวเปนศิษยทานมานานแตไมคอยมีเวลาที่จะไปเยี่ยม
ทานจน กระทั่งปนี้คงจะเปนวาสนาของผมที่ไดมีโอกาศไปพบทานบอยขึ้นและที่สําคัญผม ไดมีโอกาส
ฝงเหล็กไหลดวยทั่งๆ ที่จะฝงมานานแตไมมีโอกาสไมพรอมบาง สวนตัวผมเองมันก็แปลกมันมี
ความรูสึกผูกพันธกับวัดนี้อยางบอกไมถูก วัดที่อื่นที่เคยไปบอกเลยวาโอกาสที่ผมจะไปซ้ํากันนั้น
แทบไมมีแตที่วัดนี้ ผมมาบอยมากและมีความรูสึกที่อยากจะมาตลอดมันมีความรูสึกอยากจะชวย
หลวง พอสรางวัด ผมจะขอเลาเหตุการณหลังจากที่ผมไดฝงเหล็กฤาษี
๑. สิ่งแรกเลยเงินไมเคยขาดมือพอใกลจะหมดก็มีมาอีกการงานผมนั้นดีขึ้นตามลําดับ
ลูกนองอยูในคําสั่งตลอด(เมื่อกอนคุมยากมาก)
๒. หลังจากที่ผมฝงเหล็กไหลมาไดไมนานผมมีความรูสึกที่แปลกมากคือ อยากนั่งสมาธิ
ทั่งๆที่ความคิดแบบนี้ไมเคยมีมากอน ปนจุบันผมไดทําตามความตองการของความรูสึกนั้น ตอมาผมได
ฝนวาไดเดินตามพระรูปหนึ่งเขาไปเที่ยวถ้ําเหล็กไหล ในฝนหลังจากเดินตามพระเขาไปในถ้ําพระรูปนั้น
ก็นั่งสมาธิหันมาทางกระผม ผมดูผนังถ้ําไดเห็นเหล็กไหลเคลื่อนตัวมาหากระผม ในฝนผมไดถามพระวา
มันคืออะไร พระทานตอบวาเหล็กไหลมันรูวาในตัวผมมีเหล็กไหลมันจึงเคลื่อนเขาหาเหมือนมีแรงดูดจบ
คําพูดนั้นผมก็รูสึกตัว และผมนอนคิดอยูไมนาน ผมก็หลับฝนแตครั้งนี้ไมเหมือนกอน ผมมีความรูสึกครึ่ง
หลับครึ่งตื่น รูสึกวาไดไปเที่ยวถ้ําเหล็กไหลคราวนี้ไปคนเดียว แตพอไปถึงหนาถ้ํานาฬิกามันปลุกเสียนี่
แตเชาวันผมกลับมีความสุขทั้งวัน
๓. ตอมาไมนานผมไดฝนอีกคราวนี้ฝนวาไดพูดคุยกับหลวงพอวัชระโดยในฝนผมไดถามทาน
วาเหล็กไหลที่อยูในวัดคืออะไร หลวงพอทานตอบวาเหล็กไหล ทีอ ่ ยูในวัดนั้นเขารอคอยเจาของ
ที่ไดครอบครอง บางคนที่มีสตางคอยากจะได แตจะมีอะไรมาขวางมีความรูสึก สุดทายก็
ไมไดไป ความฝนหมดนี้ผมกลาพูดไดเลยวาผมไมไดแตงเติมอะไรทั้งสิ้นผมเขียนตามความรู
ที่จําไดมาเลาใหฟง หลวงพอคิดวามันคืออะไร ชวยอธิบายเพื่อเปนรูดวยนะครับ
เหล็กไหลงอกเพิ่มเอง
เหล็กไหลงอกที่หลัง เหล็กไหลเดิมที่ฝง คุณโฉมเฉลาผูถายทอดเหตุมหัศจรรย เมื่อพฤศจิกายน
๒๕๕๑ เธอไดฝงเหล็กไหลฤาษีและเหล็กไหลตาแรดจากทางวัดไมกี่เดือนที่ผานมารูสึกวา ผิดปกติ
ที่บริเวณแผนหลัง ซึ่งก็ยังไมทราบสาเหตุวาเปนอะไร จึงไดใหสามีชวยดูให ก็ตองแปลกใจ
เพราะเหมือนเม็ดเหล็กไหลที่ฝงที่ทองแขนไมผิด มันงอกอยูที่แผนหลังไดอยางไร สามีก็งง
เหมือนกัน เพราะลองเอาแมเหล็กดูดดูก็ไมติด จึงไดเลาใหหลวงพอวัชะฟง พรอมสงภาพถายมา
ใหดูประกอบ เรื่องนี้ก็แปลก เหมือนพลังเหล็กไหลไดเคลื่อนไปตามรางกาย แลวเกิดการปรับธาตุขึ้น
ใหม เปนเหมือนเม็ดเหล็กไหลอีกเม็ดหนึ่ง ที่ชวยปกปกรักษาเธอ
๑๐๑๕
ผูมีประสบการณจากวัตถุธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหล
นับตั้งแตในอดีตจนถึงปจจุบันกลวิธีของการอัญเชิญธาตุกายสิทธิ์ของผูมีความรูความสามารถ
ในการนําวัตถุธาตุกายสิทธิ์ออกจากถ้ํา ออกจากภูเขา กรรมวิธีนี้ของหลายๆทาน อาทิเชน
ของคุณแปะนอย ศิษยของหลวงพอสายทอง เตชะธัมโม วัดปาหวยกุม อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ
มีบทสรุป บทวิเคราะหที่นาสนใจสําคัญที่ปรากฏในขาวหนังสือพิมพเดลินิวส ฉบับวันที่ ๒๖ กันยายน
พ.ศ. ๒๕๔๑ ดังนี้
โดยนายบุญชูเลาความเปนมาวา วัตถุชิ้นเดิมเปนของบิดาซึ่งเปนชาวเขมรและมีการสืบทอด
กันมาหลายชั่วอายุคนแลว หลังบิดาเสียชีวีตไดฝากวัตถุนี้ไวกับมารดาใหดูแลตอ เมื่อชวงเขาพรรษา
ปนี้ตนมาเยื่ยมมารดาที่บาน เห็นจุดธูปกราบไหว มั่นใจตองเปนของเกาล้ําคาแนนอน ตัดสินใจ
ขโมยเอาไปขาย ปรากฏวาหายไปอยางลึกลับ รูสก ึ สํานึกผิดกลับมาเลาใหมารดาฟงและขอโทษ
แตมารดายิ้มไมวาอะไรแถมหยิบวัตถุประหลาดออกจากตลับมาใหดูอีก ทําใหแปลกใจมาก
ไมรูกลับมาเองไดอยางไร นําไปใหผูใหญหลายคนดูตางสงสัยวาเปน “ เหล็กไหล ”
ใหทดลองนําน้ําผึ้งแทมาแชก็เปลี่ยนสีและขนาดโตขึ้น อยางไรก็ตามผูสื่อขาวไดทดลองนํา
ไมขีดไฟไปวางใกลๆ วัตถุประหลาดดังกลาวนานประมาณ ๑๕ นาที เนื่องจากไดรับการบอกเลาจาก
คนเฒาคนแกหากเปน “ เหล็กไหล ” ชั้นหนึ่งหรือน้ําหนึ่งจริงๆ จะมีสรรพคุณทําใหไมขีดไฟใชไม
ไดผล จนครบเวลาตามกําหนดก็นําไมขีดมาทดลอง จุดดูหลายครั้ง หัวไมขีดกลับเปอยยุย
ไมติดแมสักกานเดียว สรางความประหลาดใจใหเปนอยางมากดวย แตจะเปนเหล็กไหลจริงหรือ
ไมคงตองใหผูเชี่ยวชาญตรวจสอบอีกครั้ง
น้ําหนักของเหล็กไหล
๑.น้ําหนักเกินตัวหลาย ๑๐ เทา
๒. น้ําหนักเบากวาตัวเองหลายเทา
๓. น้ําหนักเทาตัว
๔. ไรน้ําหนักดุจปุยฝาย กรณีเปนเหล็กไหลที่มีมายามาก หากเอาใสแกวน้ําแลวจะมองไมเห็น
เพราะจะกลมกลืนไปกับน้ําเลย
เหล็กไหลตาน้ํา
วิธีการใสติดตัว
ใหนําเหล็กไหลตามามาใสกรอบ หรือถักดวยผา ใหเหล็กไหลตาน้ําสัมผัสกับผิวหนังคนใส ถาไมสม
ั ผัส
ผิวหนังจะใหไดผลแค ๒๐% ถาสัมผัสผิวหนังได จะไดผล ๑๐๐%
วิธีการจับพลัง
๑.ใหอธิฐานขอบารมี เหล็กไหลที่อยูในมือขาพเจานี้ แสดงบุญญาฤทธิ์ ใหขาพเจาไดสัมผัส
ไดดวยเทอญ
๒. ทีนี้ก็ตั้งใจจับดูวามีความรอนหรือเย็น
คําอธิษฐานน้ํามนตเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์