Professional Documents
Culture Documents
การเขียนอ้างอิง การเขียนความเรียงวิชาการ PDF
การเขียนอ้างอิง การเขียนความเรียงวิชาการ PDF
• ความหมาย
• ความสาคัญ
• รูปแบบการอ้างอิง
• การอ้างอิงในเนื้อหา
• การอ้างอิงแยกจากเนื้อหา
• การเขียนอัญประภาษหรืออัญพจน์
• การเขียนรายการอ้างอิง
ความหมายของการอ้างอิง (Citation)
หมายถึง การแสดงแหล่งที่มาของข้อมูลหรือหลักฐานที่นามาใช้
ประกอบการเขียน (พูลสุข เอกไทยเจริญ, 2550: 169)
• ให้ทราบว่าได้ข้อมูลจากที่ใด
ระบุที่มาของข้อความในเนื้อเรื่อง
• เพิ่มความน่าเชื่อถือให้รายงาน ตรวจสอบหลักฐานเดิมได้
• แสดงความเคารพในความรู้ความสามารถของเจ้าของข้อมูล
ให้เกียรติแก่เจ้าของข้อมูล
• เพื่อไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
• ให้ผู้อ่านที่สนใจศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่นามากล่าวใน
แนะนาแหล่งสารสนเทศ
รายงานนั้น
• ให้ผู้อ่านเห็นว่าผู้เขียนมีการศึกษาค้นคว้า รวบรวมและเรียบเรียงอย่าง
แสดงถึงการศึกษาค้นคว้าของผู้เขียน
เป็นระบบและมีหลักฐาน
การอ้างอิงในเนื้อหา การอ้างอิงแยกจากเนื้อหา
• แบบนาม-ปี • เชิงอรรถอ้างอิง
• เชิงอรรถเสริมความ
• เชิงอรรถโยง
* อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมใน http://www.grad.chula.ac.th/download/thesis.pdf
ผศ. ดร.วิภาวรรณ วงษ์สุวรรณ์ คงเผ่า 4
การอ้างอิงในเนื้อหา
• นาม-ปี
เขียนเชิงอรรถเยื้องเข้าไปให้ตรงกับย่อหน้าในเนื้อความ
ใช้ในการอ้างอิงได้ทั้งแบบนาม-ปี และแบบเชิงอรรถ
อย่างไรก็ตามการหล่อโลหะเป็นสาริดคงทาสืบต่อกันเรื่อยมาในดินแดนของ
ภาคอีสานจนถึงสมัยประวัติศาสตร์ เพราะในสมัยลพบุรีประมาณพุทธศตวรรษที่
12-18 ได้พบประติมากรรมสาริดจานวนมากตามแบบอย่างของศิลปะลพบุรี หรือ
*
ศิลปะขอม กระจัดกระจายอยู่ในถิ่นต่าง ๆ ของภาคอีสาน
* ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่หน้า 6
กล่าวนาในเนื้อความก่อนแทรกคาพูด/ข้อเขียน
หากใช้วิธีการอ้างอิงแบบเชิงอรรถอ้างอิง
• ให้ใช้เลขกากับท้ายข้อความที่คัดมา
• ให้ตัวเลขในเนื้อความตรงกับเชิงอรรถซึ่งอยู่ท้ายหน้า
ถ้าเป็นการประมวลความคิด สรุปและเรียบเรียงความโดยไม่ได้คัดลอกมาทุกตัวอักษร
(โดยอ้อม) ให้เขียนอ้างอิง (แบบนาม-ปี หรือเชิงอรรถอ้างอิง) กากับไว้ด้วย
ผศ. ดร.วิภาวรรณ วงษ์สุวรรณ์ คงเผ่า 23
วิธีการเขียนอัญประภาษ
ถ้าข้อความไม่เกิน 3 บรรทัดให้เขียนต่อเนื่องจากเนื้อความโดยใส่อยู่ระหว่าง
เครื่องหมายอัญประกาศ “……………..”
• ให้ย่อหน้าข้อความเข้ามา
• ให้ข้อความห่างจากขอบหลังเข้ามาเล็กน้อย
• ไม่ต้องใส่เครื่องหมายอัญประกาศ
• เขียนอ้างอิงข้อความโดยเขียนตัวเลขกากับไว้ท้ายข้อความ (เชิงอรรถอ้างอิง)
หรือเขียนนาม-ปี กากับไว้
หากต้องการละข้อความบางตอนของข้อความที่คัดลอกมา ควรใช้จุดไข่ปลา
3 จุด แทนไว้ (…) แต่ต้องระวังไม่ให้เสียความ
แบบ APA
เรียงตามลาดับตัวอักษร
เขียนรายการอ้างอิงที่เป็นภาษาไทยให้จบ แล้วต่อด้วยรายการอ้างอิงภาษาต่างประเทศ
ไม่ต้องแยกประเภทของเอกสารที่นามาใช้อ้างอิง
บรรทัดแรกของรายการให้เขียน/พิมพ์ชิดด้านซ้ายของกระดาษ หากยังไม่หมดรายการใน
บรรทัดต่อไปให้เว้นเข้าไปประมาณ 8 ตัวอักษร แล้วเริ่มเขียน/พิมพ์ตัวที่ 9
ผศ. ดร.วิภาวรรณ วงษ์สุวรรณ์ คงเผ่า 39
ชื่อหนังสือให้ทาเป็นตัวหนา หรือขีดเส้นใต้ (เลือกเพียงแบบใดแบบหนึ่งเท่านั้น)
* อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมใน http://www.grad.chula.ac.th/download/thesis.pdf
ผศ. ดร.วิภาวรรณ วงษ์สุวรรณ์ คงเผ่า 42
การเขียนความเรียงวิชาการ
• ความหมาย
• ประเภท
• ขั้นตอนการเขียน
• การใช้ภาษา
• ลักษณะของงานเขียนทีด่ ี
ความหมายของการเขียนงานวิชาการ (Academic writing)
แบ่งตามวิธีการ/วัตถุประสงค์ของ แบ่งตามรูปแบบของ
การเขียน งานเขียน
• ความเรียงแบบอธิบาย • ตารา
(expository/informative essay) • หนังสือวิชาการ
• ความเรียงแบบเปรียบเทียบ/เปรียบต่าง • หนังสืออ้างอิง
(compare/contrast essay) • บทความวิชาการ
• ความเรียงแบบโน้มน้าวชักจูง • รายงานวิชาการ
(persuasive/argumentative essay)
• รายงานวิจัย
• เปรียบเทียบสองสิ่งหรือมากกว่าในส่วนที่เหมือน
แบบเปรียบเทียบ/เปรียบต่าง
และ/หรือต่างกัน
• โน้มน้าวให้ผู้อ่านเห็นด้วยกับประเด็นของผู้เขียน
• มีเหตุผลที่พิสูจน์ได้ มีการอ้างอิงหลักฐานที่ถูกต้อง
แบบโน้มน้าวชักจูง • มีการหาข้อมูลมาสนับสนุนการโต้แย้งในบางสิ่งหรือสนับสนุนด้วย
ความจริงที่เกิดขึ้น
• รวบรวมความรู้หรือข้อมูลต่าง ๆ
• หนังสืออ้างอิง • ใช้เพื่อหาความรู้
• เช่น พจนานุกรม สารานุกรม บรรณานุกรม อักขรานุกรม นามานุกรม
• เสนอผลการศึกษา การหาคาตอบหรือข้อสรุปเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
รายงานวิจัย • มีวิธีการศึกษาทีเ่ ป็นระบบ การวิเคราะห์และสรุปผลใช้หลักการและเหตุผลทางวิชาการ
• มีขั้นตอนและรูปแบบการนาเสนอที่เป็นหลักสากล
7. เรียบเรียงเนื้อหา 8. เขียนรายการ
5. วางโครงเรื่อง 6. อ่านเพื่อจดบันทึก
และเขียนอ้างอิง อ้างอิง/บรรณานุกรม
2. กาหนดจุดมุ่งหมายและขอบเขตของเรื่อง
• กาหนดจุดมุ่งหมายเฉพาะว่า จะเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร เพื่ออะไร
(อธิบาย เปรียบเทียบ โน้มน้าว)
• กาหนดขอบเขตว่ามีอะไรบ้าง
• ขอบเขตเนื้อหาไม่กว้างเกินไป
ผศ. ดร.วิภาวรรณ วงษ์สุวรรณ์ คงเผ่า 52
3. รวบรวมข้อมูล
• รวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุด
• ข้อมูลทันสมัยจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ
4. อ่านเบื้องต้น
• อ่านข้อมูลที่รวบรวมมาคร่าวๆ เพื่อสารวจว่า มีหัวข้อที่ต้องการหรือไม่
• ดูเฉพาะหัวข้อใหญ่ หัวข้อย่อยของแต่ละบท
2. เลือกสรรและจัด • เลือกสรรแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะเขียน
หมวดหมู่แนวคิด • แยกแยะจัดหมวดหมู่แนวคิด โดยตั้งเป็นหัวข้อหรือประเด็นให้ชัดเจน
• พิจารณาแนวคิดและจัดลาดับตามเนื้อความ
3. จัดลาดับแนวคิด • วิธกี ารจัดลาดับความคิด เช่น ตามเหตุผล ตามเหตุการณ์หรือตามเวลา ตามความสาคัญ
ตามทิศทางหรือสถานที่ จากส่วนรวมไปหาส่วนย่อย จากส่วนย่อยไปหาส่วนรวม
• พิจารณาว่า โครงเรื่องมีประเด็นครบถ้วนแล้วหรือไม่
4. ขยายแนวคิด • หากพบว่า ยังไม่เพียงพอ ให้เพิ่มเติมหรือเสริมความคิดให้ครบถ้วน
• ให้รายละเอียดหรือขยายความแนวคิดที่ยังเห็นว่ามีข้อมูลไม่เพียงพอโดยสังเขป
ผศ. ดร.วิภาวรรณ วงษ์สุวรรณ์ คงเผ่า 56
ตัวอย่างการระดมความคิด ในงานเขียนความเรียงแบบอธิบาย
หุ่นกระบอกไทย
1. วิธีทาหุ่นกระบอกไทย
2. ประวัติการแสดงหุ่นกระบอกไทย
3. วิธีการเชิดหุ่นกระบอกไทย
4. คุณสมบัติของผู้เชิดหุ่นกระบอกไทย
5. คุณค่าของหุ่นกระบอกไทย
6. ความแพร่หลายของการแสดงหุ่นกระบอกไทยในปัจจุบัน
7. เรื่องที่นามาแสดง
8. เพลงที่ใช้ร้อง
9. เครื่องดนตรีที่ใช้บรรเลง
10. ลักษณะของโรงหุ่น
11. ความสัมพันธ์ของหุ่นกระบอกไทยกับศิลปะแขนงอื่น
1. แบบหัวข้อ 2. แบบประโยค
• ประกอบด้วยหัวข้อหรือประเด็น • ประกอบด้วยหัวข้อหรือประเด็น
สาคัญ สาคัญในรูปแบบประโยคที่สมบูรณ์
• ใช้ถ้อยคาหรือวลีสั้น ๆ เพื่อเสนอ • เสนอแนวคิดหรือระบุประเด็นอย่าง
แนวคิดอย่างกว้าง ๆ ชัดเจน
• อาจใช้ตัวเลขหรือตัวอักษรช่วยใน • โดยมากประโยคเหล่านี้จะเป็น
การลาดับหัวข้อต่าง ๆ ให้เป็นระเบียบ ประโยคใจความสาคัญในแต่ละ
ย่อหน้า
ปัญหาการจราจร
1. คานา: ปัญหาจราจรเป็นปัญหาที่มีมานาน
2. ปัญหาเรื่องถนน
2.1 ด้านปริมาณ
2.1.1 มีถนนน้อยเกินไป
2.2 ด้านคุณภาพ
2.2.1 ถนนแคบ
2.2.2 ถนนขรุขระ
2.2.3 ถนนขาดป้ายสัญญาณ
3. ปัญหาเรื่องรถ
3.1 ด้านปริมาณ
3.1.1 …...
4. สรุป: ………………………
ผศ. ดร.วิภาวรรณ วงษ์สุวรรณ์ คงเผ่า 61
ตัวอย่างการวางโครงเรื่องแบบหัวข้อ (เฉพาะส่วนเนื้อหา)
หุ่นกระบอกไทย
1. ประวัติการแสดงหุ่นกระบอกไทย
2. วิธีการทาหุ่นกระบอกไทย
3. วิธีการแสดงหุ่นกระบอกไทย
3.1 ลักษณะของโรงหุ่น
3.2 การไหว้ครู
3.3 วิธีการเชิดหุ่น
3.4 คุณสมบัติของผู้เชิด
3.5 เครื่องดนตรีที่ใช้บรรเลง
3.6 เพลงที่ใช้ร้อง
3.7 เรื่องที่นามาแสดง
4. ความสัมพันธ์ของหุ่นกระบอกไทยกับศิลปะแขนงอืน่
5. คุณค่าของหุ่นกระบอกไทย
6. ความแพร่หลายของการแสดงหุ่นกระบอกไทย
ที่มา https://www.sbcc.edu/clrc/files/wl/
downloads/WritingaCompareContrastEssay.pdf
ผศ. ดร.วิภาวรรณ วงษ์สุวรรณ์ คงเผ่า 65
6. อ่านเพื่อจดบันทึก
• อ่านอย่างละเอียดในหัวข้อที่ได้คัดเลือกไว้ในโครงเรื่อง
• ใช้หลักการอ่านเพื่อจับใจความสาคัญ
7. เรียบเรียงเนื้อหา และเขียนอ้างอิง
• เขียนเรียบเรียงเนื้อหาตามหัวข้อในโครงเรื่องเป็นฉบับร่าง
• เขียนด้วยภาษาที่เป็นทางการ
• หากมีการอ้างคาพูดผู้อื่นมาต้องเขียนอัญประภาษ และเขียนอ้างอิง
8. เขียนรายการอ้างอิง/บรรณานุกรม
• เขียนให้ถูกต้องตามรูปแบบการเขียน และประเภทของข้อมูล
ผศ. ดร.วิภาวรรณ วงษ์สุวรรณ์ คงเผ่า 66
9. ทบทวนและตรวจทานเนื้อหา
• ตรวจสอบงานเขียนในด้านเนื้อหา การเรียบเรียง การใช้ภาษา ไวยากรณ์ และกลไกการเขียน
(การสะกดคา การเรียงลาดับหัวข้อ การย่อหน้า การตัดคา)
• ปรับปรุงแก้ไขฉบับร่าง
10. จัดทาเป็นฉบับสมบูรณ์
• รวมทุกส่วนประกอบเข้าด้วยกัน และตรวจสอบว่า
• ส่วนประกอบครบถ้วนหรือไม่
• แต่ละส่วนประกอบเรียงลาดับถูกต้องหรือไม่
• ปรับปรุงแก้ไขฉบับร่างให้เป็นฉบับสมบูรณ์
ผศ. ดร.วิภาวรรณ วงษ์สุวรรณ์ คงเผ่า 67
การใช้ภาษาในการเขียนงานเชิงวิชาการ
1. การใช้คา
2. การใช้ประโยค
3. การเขียนย่อหน้า
4. การลาดับย่อหน้าและการเชื่อมโยงย่อหน้า
การตัดคาข้ามบรรทัด
• ไม่เขียนฉีกคาหรือตัดคาข้ามบรรทัด
• ควรขึน้ ต้นคานั้นในบรรทัดใหม่ทั้งคา
ผศ. ดร.วิภาวรรณ วงษ์สุวรรณ์ คงเผ่า 81
การเว้นวรรคตอน
• ควรเว้นวรรคให้ถกู ต้อง และชัดเจน
การใช้เครื่องหมายต่างๆ
• จุลภาค ( , )
• ใช้เขียนคั่นตัวเลขต่างๆ เช่น 1,000
• ไม่ใช้คั่นระหว่างคา แต่ให้ใช้การเว้นวรรคแทน
ผศ. ดร.วิภาวรรณ วงษ์สุวรรณ์ คงเผ่า 82
4. การลาดับย่อหน้าและการเชื่อมโยงย่อหน้า
1) จานวนย่อหน้า
• มีกี่ย่อหน้าก็ได้ แต่ส่วนใหญ่มีไม่น้อยกว่า 3 ย่อหน้า (ส่วนนา เนื้อหา ส่วนสรุป)
2) การลาดับย่อหน้า
ตามเวลา
ตามความสาคัญหรือตามขั้นตอน
ตามเหตุผล
3) การเชื่อมโยงย่อหน้า
• ใช้คาหรือกลุ่มคาเชื่อม
• การเท้าความหรือการขยายความจากย่อหน้าที่ผ่านมา
1. ใช้ภาษาดี
2. มีเนื้อหาสาระถูกต้องและเหมาะสม
3. เรียงลาดับเนื้อหาอย่างเป็นระบบ
4. อ้างอิงแหล่งที่มาอย่างชัดเจน
5. รูปแบบการเขียนและการพิมพ์เหมาะสม