ขอเป็นคนของเธอ : เมื่อวานมีคนถามเรื่อง การขึ้น โดยไม่ค่อยมี volume ขออธิบาย ดังนี้

การขึ้นโดยไม่ค่อยมี volume จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ เกิดการสะสมของหุ้นเข้าสู่พอร์ต ของรายใหญ่จนหมดแล้ว แสดงว่า ภาวะ

นี้ จะเกิดหลังระยะสะสม เมื่อเข้าสู่ระยะ mark up หุ้นจะขึ้นไปเรื่อยๆ ด้วยการโยนกันระหว่างพวกเดียวกัน
จะค่อยๆ โยนกันอย่างช้าๆ เช่น หุ้น spa takuni จนถึงเป้าหมาย volume ก็จะเริ่มเข้ามาอย่างมาก ราคาเริ่มไม่ไป และเข้าสู่
distribution phase ในที่สุด
Rujee Duangnapa: อาจานค่ะวิธีนี้สังเกตจากการขึ้นโดยไม่มีโวลุม่ ถ้าแต่ราคาขึ้นเยอะโวลุ่มน้อยมีความหมายเยี่ยงใดค่ะ
ขอเป็นคนของเธอ : เหมือนกันคับ ราคาขึ้นได้เยอะ แต่ volume น้อย หมายความว่า ไม่มีแรงต้าน มักเกิดในตอนหุ้นผ่านจุด
all time high ไปแล้ว มีคนถามอีกว่า selling climax กับ buying climax สาคัญยังไง คาตอบ คือ เป็นสัญญาณของการ
เปลี่ยนเทรนที่สาคัญที่สดุ หรือเป็นสัญญาณการเปลี่ยนระยะที่แม่นยาที่สุดต้องดูให้ออก เมื่อเกิด buying climax การรันเทรน จะ
สิ้นสุดทันที เมื่อเกิดการ selling climax การ short sell จะสิ้นสุด
Rujee Duangnapa: ถ้าราคาขึน้ เยอะโวลุ่มน้อยก็ไม่น่ากลัวใช่ไหมค่ะ เพราะไม่มีแรงต้านหุ้นเบาลอยไกล
ขอเป็นคนของเธอ : เห็นแบบนี้ เราจะเข้าซื้อทันที
AA Saranpas : พยายามน้อย ได้ผลมาก
ขอเป็นคนของเธอ : ใช่คับ กฎของ Wyckoff ข้อ 3
Orratai: อย่างนี้ต่างกับการเกิด divergence ไหมค่ะ
ขอเป็นคนของเธอ : divergence ถ้าใช้ดู จะผิดพลาดอย่างร้ายแรงมาก เพราะจะอ่านว่า เกิด divergence ในขาขึ้น ซึ่งมันตรง
ข้ามเลย มันจะขึ้นไปอีกไกลมาก
Orratai : ใช่ค่ะเมื่อก่อน หนูเห็นราคาขึ้นแต่วอลุ่มลด ขายก่อน มันไปอีกไกลเลย ฟังพวกในตลาดสอน เจ็บใจอดกาไรอีกเยอะ
ขอเป็นคนของเธอ : คนที่ศึกษา indicator มา ให้สงั เกต หุ้น esu นะ หลังจากที่ เกิด esu จะเกิด macd golden
cross เส้นค่าเฉลีย่ ระยะสั้น ตัดระยะยาว ขึ้นมา เรียงตัวในแบบขาขึ้น rsi จะขึ้นไป ตัดเส้น 0 ขึ้นไป หลังจากพักตัวเสร็จ ไป
ต่อ เช่น ตัว lit apcs macd bullish rsi overbought เกิด divergence พวกเล่น อินดิเคเตอร์ ขายทากาไร สานักเรา
ซื้อต่อ หุ้นขึ้นต่อไปอีกเยอะ จบ
พวกที่เล่น อินดิเคเตอร์ จะไม่กล้าเล่น esu เพราะสัญญาณมันขัดแย้งกันอย่างรุนแรง และจะสรุปว่า ระวังติดดอย แต่ผลก็คือ
ติดดอยกาไร ลงไม่ได้