มุมมองทางกฎหมายต่อปัญหาเด็กแว้น

You might also like

Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 8

มุมมองทางกฎหมายต่ อปั ญหาเด็กแว้ น.

ธรรมอาญา
คำว่ำ “ เด็กแว้ น ” ไม่ได้ มีนิยำมตำมกฎหมำยหรืออย่ำงเป็ นทำงกำร แต่อย่ำงไรก็ตำม
เว็บไซต์ Wikipedia ได้ ให้ ควำมหมำยไว้ ว่ำ
“ เด็กแว้ น หรือ เด็กแซ้ บ หมำยถึงผู้ที่ออกขับมอเตอร์ ไซค์ไปเป็ นกลุ่มในเวลำกลำงคืน มี
ลักษณะกำรแต่งกำย และทรงผม รวมถึงรสนิยมกำรฟั งเพลง ที่คล้ ำยกัน”
รำชบัณฑิตยสถำน ได้ ให้ ควำมหมำยของคำไว้ ว่ำ "วัยรุ่ นผู้ชำยที่ชอบเร่งเครื่อง
มอเตอร์ ไซค์ให้ มีเสียงดังแว้ น ๆ"
( https://th.wikipedia.org/wiki/เด็กแว้ น )
ซึ่งตำมหมำยควำมแรกที่หมำยควำมถึง ผู้ที่ออกขับมอเตอร์ ไซค์ไปเป็ นกลุ่มในเวลำ
กลำงคืน มีลกั ษณะกำรแต่งกำย และทรงผม รวมถึงรสนิยมกำรฟั งเพลง ที่คล้ ำยกัน นัน้ ตรงกับ
ควำมหมำยโดยทัว่ ไปที่สงั คมเข้ ำใจมำกกว่ำกำรเร่งเครื่องรถจักรยำนยนต์
สำหรับสำเหตุและพฤติกรรมของเด็กแว้ น สำมำรถดูได้ ที่
https://www.rsu.ac.th/cja/IS/16-YANISCHA_SONGYOO-2559.pdf
http://www.csbc-law.com/thai-law-insights/scholar-
journal/5_Subculture_of_Street_Racing_-_Some_Evaluations.pdf
ปัญหำของเด็กแว้ นนันที
้ ่อำจสร้ ำงปั ญหำมำกที่สุดก็คือ กำรก่อควำมเดือดร้ อนรำคำญ
เพรำะเวลำที่เด็กแว้ นก่อเหตุนัน้ มักเป็ นเวลำกลำงคืน ซึ่งทำให้ คนที่ต้องกำรพักผ่อนไม่สำมำรถ
พักผ่อนได้ จนกระทัง่ มีกำรตอบโต้ กันด้ วยวิธีกำรต่ำง ๆ ยกตัวอย่ำงเช่น กำรวำงตะปู ไป
จนถึงกระทัง่ ใช้ อำวุธปื นยิง
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_2806412
https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/1594586
โดยสำนักงำนตำรวจแห่งชำติได้ พยำยำมวำงมำตรกำรต่ำง ๆ ในกำรแก้ ไขปั ญหำเด็ก
แว้ นเพื่อแก้ ไขปัญหำดังกล่ำว ดังนี ้
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/842488
ในบทควำมเรื่องนีต้้ องกำรเสนอมุมมองทังทำงด้
้ ำนกฎหมำยและปัญหำกำรบังคับใช้
กฎหมำยเกี่ยวกับเด็กแว้ นคือ .-
แม้ ว่ำในรำยละเอียดเกี่ยวกับข้ อหำและกำรกระทำควำมผิดของเด็กแว้ นอำจจะแตกต่ำง
กันไปแต่ข้อหำหลัก ๆ อำจแบ่งได้ เป็ น 2 ประเภท ดังนีคื้ อ .-
1. ข้ อหาขับรถไม่คานึงถึงความปลอดภัย
ตำม พ.ร.บ.จรำจรทำงบก มำตรำ 43 ห้ ำมมิให้ ผ้ ขู ับขี่ขับรถ
(8 ) โดยไม่คำนึงถึงควำมปลอดภัยหรือควำมเดือดร้ อนของผู้อื่น ซึ่งมีอตั รำโทษ ตำม
มำตรำ 160
“ ....... ผู้ใดฝ่ ำฝื นมำตรำ 43 (1) (5) หรือ (8) ต้ องระวำงโทษจำคุกไม่เกินสำมเดือน
หรือปรับตังแต่้ สองพันบำทถึงหนึ่งหมื่นบำท หรือทังจ ้ ำทังปรั
้ บ

ยกตัวอย่ำงกรณีที่ศำลเคยตัดสินในคดีที่เกี่ยวข้ อง เช่น

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 595/2551

โจทก์ฟ้องว่ำ จำเลยขับรถยนต์ด้วยควำมประมำทเป็ นเหตุให้ ผ้ อู ื่นได้ รับบำดเจ็บและไม่


คำนึงถึงควำมปลอดภัยหรือควำมเดือดร้ อนของผู้อื่น อันเป็ นควำมผิดตำม พ.ร.บ.
จรำจรทำงบก พ.ศ.2522 มำตรำ 43, 160 และ ป.อ. มำตรำ 390 เจ้ ำพนักงำนยึด
รถยนต์ซึ่งจำเลยได้ ใช้ ในกำรกระทำควำมผิดเป็ นของกลำง โจทก์ได้ อ้ำง ป.อ. มำตรำ 33
และขอให้ ริบรถยนต์ของกลำงด้ วย เมื่อจำเลยให้ กำรรับสำรภำพ จึงฟั งเป็ นยุติว่ำรถยนต์
ของกลำงเป็ นทรัพย์ที่ได้ ใช้ ในกำรกระทำควำมผิด จำเลยจะฎีกำโต้ แย้ งว่ำรถยนต์ของ
กลำงมิใช่ทรัพย์ที่ใช้ ในกำรกระทำควำมผิดอีกไม่ได้ และแม้ พ.ร.บ.จรำจรทำงบก พ.ศ.
2522 ซึ่งเป็ นกฎหมำยบทที่มีโทษหนักที่สุดที่ใช้ ลงโทษแก่จำเลยจะไม่มีบทบัญญัติให้ ริบ
ทรัพย์ดงั กล่ำว แต่จะถือว่ำพระรำชบัญญัติดงั กล่ำวบัญญัติไว้ โดยเฉพำะแล้ วจึงไม่อำจ
นำหลักทัว่ ไปในประมวลกฎหมำยอำญำมำใช้ บงั คับหำได้ ไม่ เนื่องจำก ป.อ. มำตรำ 33
กำหนดให้ ศำลริบทรัพย์ได้ นอกเหนือไปจำกกรณีที่กฎหมำยอื่นได้ บญั ญัติไว้ ด้วย ศำลจึง
มีอำนำจพิพำกษำริ บรถยนต์ของกลำงได้ ตำม ป.อ. มำตรำ 17, 33 (1)

2.ข้ อหาแข่งรถในทางโดยไม่ ได้ รับอนุญาต


ตาม พ.ร.บ.จรำจรทำงบก พ.ศ.2522 มำตรำ 134 “ ห้ ามมิให้ ผ้ ใู ดแข่ งรถ
ในทาง เว้ นแต่ จะได้ รับอนุญาตเป็ นหนังสือจากหัวหน้ าเจ้าพนักงานจราจร
ห้ ามมิให้ ผ้ ใู ดจัด สนับสนุน หรือส่ งเสริมให้ มีการแข่ งรถในทาง เว้ นแต่จะ
ได้ รับอนุญาตเป็ นหนังสือจากหัวหน้ าเจ้ าพนักงานจราจร”
ซึ่งมีอตั รำโทษตำมมำตรำ 160 ทวิ ที่บญ ั ญัติว่ำ “ผู้ใดฝ่ ำฝื นมำตรำ ๑๓๔ ต้ อง
ระวำงโทษจำคุกไม่เกินสำมเดือน หรือปรับตังแต่
้ สองพันบำทถึงหนึ่งหมื่นบำท หรือทัง้
จำทังปรั
้ บ และให้ ศำลสัง่ พักใช้ ใบอนุญำตขับขี่ของผู้นนมี
ั ้ กำหนดไม่น้อยกว่ำหนึ่งเดือน
หรือเพิกถอนใบอนุญำตขับขี่”
ยกตัวอย่ำงที่ศำลเคยตัดสินเกี่ยวกับกำรแข่งรถในทำง เช่น

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 6874/2560
โจทก์ฟ้องว่ำจำเลยแข่งรถในทำงโดยไม่ได้ รับอนุญำต จำเลยให้ กำรรับสำรภำพ
ข้ อเท็จจริงจึงต้ องรับฟั งเป็ นยุติตำมคำพิพำกษำศำลชันต้
้ นว่ำ จำเลยร่ วมแข่งรถตำม
ฟ้อง ที่จำเลยฎีกำว่ำ จำเลยไปร่วมดูกำรแข่งรถ ไม่ได้ เป็ นผู้ร่วมแข่งรถหรือดำเนินกำรจัด
ให้ มีกำรแข่งรถในทำงหลวง จึงเป็ นกำรยกข้ อเท็จจริงขึนใหม่
้ ในชันฎี ้ กำ เป็ นข้ อที่ไม่ได้
ยกขึนว่
้ ำกันมำแล้ วโดยชอบในศำลชันต้ ้ นและศำลอุทธรณ์ภำค 2 เมื่อประเด็นที่จำเลย
ฎีกำยังไม่เคยหยิบยกโต้ แย้ งมำก่อน จึงไม่มีคำพิพำกษำศำลอุทธรณ์ภำค 2 ในส่วนที่
จำเลยประสงค์จะโต้ แย้ ง มีผลเท่ำกับว่ำฎีกำของจำเลยในข้ อนี ้ มิได้ คดั ค้ ำนคำพิพำกษำ
ศำลอุทธรณ์ภำค 2 เป็ นฎีกำที่ไม่ชอบ ต้ องห้ ำมมิให้ ฎีกำตำม ป.วิ.อ. มำตรำ 216 วรรค
หนึ่ง

โดยความแตกต่ างระหว่างข้อหาทัง้ สองนัน้ ในเบื ้องต้ นกำรแข่งรถโดยทัว่ ไป


ย่อมไม่เกิดขึนกั
้ บรถจักรยำนยนต์คนั เดียว แต่กรณีที่ขับรถโดยไม่คำนึงถึงควำม
ปลอดภัยของบุคคลอื่นนัน้ อำจจะเกิดขึนโดยขั
้ บรถจักรยำนยนต์คนั เดียวได้ หรือขับขี่
กันหลำยคนในลักษณะที่ไม่คำนึงถึงควำมปลอดภัยของผู้ใช้ รถใช้ ถนนอื่น
แต่ อย่ างไรก็ตามความผิดทัง้ สองเรื่องอาจเกิดขึน้ ในขณะเดียวกันได้
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 7084/2547
กำรที่จำเลยร่วมกับพวกขับรถจักรยำนยนต์แข่งกันประมำณ 400 คัน ด้ วยควำม
คึกคะนองและด้ วยควำมเร็วสูง แซงซ้ ำยแซงขวำ โดยไม่คำนึงถึงควำมปลอดภัยในชีวิต
และทรัพย์สินของผู้อื่นนัน้ นอกจำกจะก่อควำมเดือดร้ อนรำคำญแก่ประชำชนผู้อยู่ใน
ละแวกใกล้ เคียงกับถนนที่จำเลยกับพวกขับรถแข่งกันแล้ ว ยังอำจก่อให้ เกิดอันตรำยแก่
ผู้ใช้ รถใช้ ถนนรำยอื่นอีกด้ วย ตำมพฤติกำรณ์เป็ นเรื่องร้ ำยแรง ขณะกระทำควำมผิด
จำเลยอำยุ 20 ปี สมควรมีควำมรู้สึกผิดชอบชั่วดีแล้ ว ไม่มีเหตุรอกำรลงโทษจำคุกให้
จำเลย
ควำมผิดฐำนขับรถโดยไม่คำนึงถึงควำมปลอดภัยหรือควำมเดือนร้ อนของผู้อื่น
และแข่งรถในทำงโดยไม่ได้ รับอนุญำต เป็ นกำรกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมำยหลำย
บทต้ องใช้ กฎหมำยบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษจำเลยตำม ป.อ. ตำม 90
คำพิพำกษำศำลฎีกำที่ 77/2549
จำเลยขับรถจักรยำนยนต์แข่งกันไปตำมถนนโดยไม่ได้ รับอนุญำตเป็ นหนังสือ
จำกเจ้ ำพนักงำนจรำจรและขับรถโดยไม่คำนึงถึงควำมปลอดภัยหรือควำมเดือดร้ อน
ของบุคคลอื่นกับกำรที่จำเลยขับรถในขณะเมำสุรำเป็ นกำรกระทำที่เกี่ยวเนื่องกันโดย
จำเลยมีเจตนำเดียวคือขับรถจักรยำนยนต์แข่งขันกันตำมถนน กำรกระทำของจำเลยจึง
เป็ นกรรมเดียวเป็ นควำมผิดต่อกฎหมำยหลำยบท แม้ โจทก์จะบรรยำยฟ้องต่ำงกรรมกัน
และควำมผิดฐำนขับรถในขณะเมำสุรำเกิดขึนเป็
้ นควำมผิดทันทีก็ตำม ก็ไม่ทำให้ กำร
กระทำของจำเลยเป็ นควำมผิดหลำยกรรมต่ำงกัน
ปัญหำในทำงปฏิบตั ิคือเมื่อจับกุมผู้กระทำควำมผิดในลักษณะดังกล่ำว
ผู้กระทำควำมผิดอำจมีจำนวนมำก ทำให้ ฟ้องคดีต่อศำลไม่ทนั ซึ่งเคยเป็ นเป็ นปัญหำ
ที่เกิดขึนมำแล้
้ วในทำงปฏิบตั ิและถือว่ำเป็ นสภำพของปัญหำของกำรบังคับใช้ กฎหมำย
https://www.dailynews.co.th/crime/325495
https://www.thairath.co.th/content/506799
สภำพปัญหำที่ผ่ำนมำคือ กรณีที่เป็ นเด็กและเยำวชนมีกระบวนกำรดำเนินคดี
ในชัน้ สอบสวนค่อนข้ ำงยุ่งยำก ทำให้ บำงครัง้ มีกำรเลี่ยงกำรดำเนินคดีกับผู้กระทำ
ควำมผิดไปเป็ นกำรว่ำกล่ำวตักเตือนแทน ทำให้ เกิดปัญหำกำรกระทำควำมผิดซ ้ำซำก
ขึน้ มำอีก
และแม้ ว่ำตามคาพิพากษาศาลฎีกาที่ 3432/2557
ควำมผิดฐำนแข่งรถในทำงโดยไม่ได้ รับอนุญำตจำกเจ้ ำพนักงำนอันเป็ น
ควำมผิดต่อ พ.ร.บ.จรำจรทำงบก เป็ นความผิดอื่นซึ่งกฎหมายมิได้ บังคับว่า
พนักงานสอบสวนต้ องจัดให้ มีนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์ และ
พนักงานอัยการเข้ าร่ วมในการสอบปากคาผู้ต้องหาซึ่งเป็ นเด็กตำม ป.วิ.อ. มำตรำ
134/2 ประกอบมำตรำ 133 ทวิ แต่อย่ำงใด ประกอบกับผู้ต้องหำไม่ได้ ต้องกำรให้ บุคคล
ดังกล่ำวเข้ ำร่วมในกำรสอบปำกคำ ในชัน้ สอบสวนจำเลยให้ กำรรับสำรภำพตลอดข้ อ
กล่ำวหำทังยั
้ งให้ ข้อเท็จจริงว่ำคืนเกิดเหตุจำเลยได้ ร่วมแข่งรถด้ วยและหลังกำรแข่งขันมี
เจ้ ำพนักงำนตำรวจเข้ ำจับกุมซึ่งสอดคล้ องกับคำให้ กำรของจำเลยในบันทึกคำให้ กำรชัน้
สอบสวน ข้ อเท็จจริงประกอบคำรับสำรภำพของจำเลยที่ให้ ไว้ ต่อพนักงำนสอบสวนตำม
บันทึกคำให้ กำรชัน้ สอบสวนจึงเป็ นพยำนหลักฐำนที่พิสูจน์ควำมผิดของจำเลยได้ ตำม
ป.วิ.อ. มำตรำ 226
ก็ตามแต่ กระบวนการในการสอบสวนเด็กตัง้ แต่ การตรวจสอบการจับ
จนถึงกระบวนการส่ งสานวนไปยังพนักงานอัยการนัน้ ต้ องใช้ เวลามากกว่ าการ
สอบสวนคดีท่ผี ้ ตู ้ องหาเป็ นผู้ใหญ่ อย่ างมาก
จึงส่งผลให้ เด็กแว้ นซึ่งเป็ นเด็กอยู่มกั ไม่ค่อยถูกดำเนินคดีและผลของกำร
ดำเนินคดีก็ให้ ผลค่อนข้ ำงแปลกอยู่บ้ำงเพรำะว่ำหำกเด็กหรือเยำวชนถูกจับกุมในคดี
ลักษณะดังกล่ำวอำจต้ องใช้ เวลำนำนกว่ำผู้ใหญ่เพรำะต้ องรอรำยงำนข้ อเท็จจริง
เกี่ยวกับเด็กและเยำวชนจึงจะส่งสำนวนกำรสอบสวนไปยังพนักงำนอัยกำรได้ ซึ่ง
โดยทัว่ ไปจะต้ องมีกำรผัดฟ้องตำมมำตรำพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัว
และวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัวพ.ศ. 2553 มำตรำ 78 ที่บัญญัติว่ำ “ เมื่อ
มีกำรจับกุมเด็กหรือเยำวชนซึ่งต้ องหำว่ำกระทำควำมผิดตำมมำตรำ 69 วรรคหนึ่ง หรือ
กรณีเด็กหรือเยำวชนปรำกฏตัวอยู่ต่อหน้ ำพนักงำนสอบสวนตำมมำตรำ 70 วรรคหนึ่ง
ให้ พนักงำนสอบสวนรีบดำเนินกำรสอบสวน และส่งสำนวนกำรสอบสวนพร้ อมทัง้
ควำมเห็นไปยังพนักงำนอัยกำร เพื่อให้ พนักงำนอัยกำรยื่นฟ้องต่อศำลเยำวชนและ
ครอบครัวให้ ทนั ภายในสามสิบวันนับแต่วนั ที่เด็กหรือเยำวชนนันถู
้ กจับกุมหรือปรำกฏ
ตัวอยู่ต่อหน้ ำพนักงำนสอบสวน แล้ วแต่กรณี

ในกรณีควำมผิดอำญำที่มีอตั รำโทษอย่ำงสูงตำมที่กฎหมำยกำหนดไว้ ให้ จำคุก


เกินหกเดือนแต่ไม่เกินห้ ำปี ไม่ว่ำจะมีโทษปรับด้ วยหรือไม่ก็ตำม หำกเกิดควำมจำเป็ น
ไม่สำมำรถฟ้องเด็กหรือเยำวชนนันต่ ้ อศำลได้ ทันภำยในระยะเวลำดังกล่ำวในวรรคหนึ่ง
ให้ พนักงำนสอบสวนหรือพนักงำนอัยกำร แล้ วแต่กรณี ยื่นคำร้ องต่อศำลเพื่อขอผัดฟ้อง
ต่อไปได้ อีกครัง้ ละไม่เกินสิบห้ ำวัน แต่ทงนี
ั ้ ต้ ้ องไม่เกินสองครัง้ ..”
แต่ในกรณีที่เป็ นผู้ใหญ่หำกรับสำรภำพคดีก็จะเสร็จสิ ้นภำยใน 48 ชั่วโมง
จึงจะเห็นได้ ว่ำระยะเวลำในกำรสอบสวนดำเนินคดีของกำรกระทำควำมผิดใน
ลักษณะเด็กแว้ น ถ้ ำเป็ นเด็กหรือเยำวชนจะต้ องใช้ เวลำในกำรดำเนินคดีกว่ำเป็ นผู้ใหญ่
มำกแม้ ว่ำจะถูกจับกุมในครำวเดียวกันและมีผลต่อประสิทธิภำพในกำรบังคับใช้
กฎหมำย
โดยกลุ่มเด็กแว้ นได้ กระทำควำมผิดโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมำยบ้ ำนเมือง และ
เจ้ ำหน้ ำที่ประสบปั ญหำทังเรื
้ ่องกำลังพลและด้ ำนต่ำง ๆ จนทำให้ เกิดปัญหำยำกแก่กำร
บังคับใช้ กฎหมำยในเรื่องนี ้
จึงมีข้อเสนอว่ำเป็ นไปได้ หรือไม่หำกเป็ นกรณีที่เด็กหรือเยำวชนกระทำควำมผิด
ในลักษณะแข่งรถในทำงหรือขับรถโดยไม่คำนึงถึงควำมปลอดภัยของบุคคลอื่น จะให้
ถือว่ำเป็ นควำมผิดที่สมควรสอบสวนและดำเนินคดีอำญำอย่ำงคดีธรรมดำ
เพื่อให้ กำรสอบสวนระหว่ำงกลุ่มผู้กระทำควำมผิดมีลกั ษณะไปในแนวทำง
เดียวกันจำกนันจึ ้ งใช้ กระบวนกำรคุมประพฤติ ยึดของกลำง และดำเนินกำรที่เกี่ยวข้ อง
กับทำงจรำจรเช่นห้ ำมหรือไม่ต่อใบขับขี่ในชันต่
้ อไปหลังจำกกำรดำเนินคดีแล้ ว
( โปรดดูเทียบเคียงกับ พระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธี
พิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัวพ.ศ. 2553 มำตรำ 96 ถ้ ำเด็กหรือเยำวชน
กระทำควำมผิดอำญำร่วมกับบุคคลซึ่งมิใช่เด็กหรือเยำวชนให้ แยกฟ้องเด็กหรือเยำวชน
ต่อศำลเยำวชนและครอบครัว ถ้ ำโจทก์ยื่นฟ้องเด็กหรือเยำวชนร่วมกับบุคคลซึ่งมิใช่เด็ก
หรือเยำวชนต่อศำลที่มีอำนำจพิจำรณำคดีธรรมดำ แต่ต่อมำควำมปรำกฏแก่ศำลนันว่ ้ ำ
จำเลยเป็ นเด็กหรือเยำวชนและถ้ ำศำลเห็นสมควร ให้ ศำลที่มีอำนำจพิจำรณำคดี
ธรรมดำมีอำนำจโอนคดีเด็กหรือเยำวชนไปพิจำรณำยังศำลเยำวชนและครอบครัวตำม
กรณีที่บัญญัติไว้ ในมำตรำ 95 แต่ถ้ำศำลเห็นว่ำไม่สมควรโอนคดี ให้ ศำลที่มีอำนำจ
พิจำรณำคดีธรรมดำมีอำนำจใช้ วิธีกำรสำหรับเด็กและเยำวชนตำมที่บญ ั ญัติไว้ ใน
พระรำชบัญญัตินแก่
ี ้ จำเลยที่เป็ นเด็กหรือเยำวชนได้ ในกรณีเช่นว่ำนี ้ ไม่ทำให้ กำร
ดำเนินกำรในชันสอบสวนและกำรพิ
้ จำรณำพิพำกษำของศำลที่มีอำนำจพิจำรณำคดี
ธรรมดำดังกล่ำวเสียไป)
ซึ่งอำจจะต้ องใช้ เวลำพิจำรณำกันต่อไปและปัญหำเด็กแว้ นที่ขับทังโดยไม่

คำนึงถึงควำมปลอดภัยของบุคคลอื่นหรือแข่งรถในทำงหรือทังสองอย่
้ ำงก็คงยังมีอยู่
แม้ ว่ำจะได้ พยำยำมใช้ หลำยๆ มำตรกำรแล้ วก็ตำม.

You might also like