Professional Documents
Culture Documents
กลุ่มอุตสาหกรรมติดตั้งเครื่องจักรสายการผลิตในจังหวัดสงขลา
The Factors Affecting Performance Efficiency among Employees
in Machine Installed Production Line, Songkhla Province
อัครเดช ไม้จันทร์
Arkkaradate Maichan
วิทยานิพนธ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญา
บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
A Thesis Submitted in Partial Fulfillment of the Requirements
for the Degree of Master of Business Administration
Prince of Songkla University
2560
ลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
(1)
ปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงาน
กลุ่มอุตสาหกรรมติดตั้งเครื่องจักรสายการผลิตในจังหวัดสงขลา
The Factors Affecting Performance Efficiency among Employees
in Machine Installed Production Line, Songkhla Province
อัครเดช ไม้จันทร์
Arkkaradate Maichan
วิทยานิพนธ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญา
บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
A Thesis Submitted in Partial Fulfillment of the Requirements
for the Degree of Master of Business Administration
Prince of Songkla University
2560
ลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
(2)
ชื่อวิทยานิพนธ์ ปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงานกลุ่มอุตสาหกรรมติดตั้ง
เครื่องจักรสายการผลิตในจังหวัดสงขลา
ผู้เขียน นายอัครเดช ไม้จันทร์
สาขาวิชา บริหารธุรกิจ
อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์หลัก คณะกรรมการสอบ
……………………………………………….… …………………………….…….ประธานกรรมการ
(ดร.นุจรีย์ แซ่จิว) (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุปรีชา แก้วสวัสดิ์)
……………………………………………..กรรมการ
(ดร.นุจรีย์ แซ่จิว)
……………………………………………..กรรมการ
(ดร.ปัทมา เสนทอง)
………………………………….………..……..………
(รองศาสตราจารย์ ดร.ธีระพล ศรีชนะ)
คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย
(3)
ลงชื่อ……………………………………………...………
(ดร.นุจรีย์ แซ่จิว)
อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์
ลงชื่อ……………………………………………..………
(นายอัครเดช ไม้จันทร์)
นักศึกษา
(4)
ลงชื่อ………………………………………………………
(นายอัครเดช ไม้จันทร์)
นักศึกษา
(5)
ชื่อวิทยานิพนธ์ ปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงานกลุ่มอุตสาหกรรมติดตั้ง
เครื่องจักรสายการผลิตในจังหวัดสงขลา
ผู้เขียน นายอัครเดช ไม้จันทร์
สาขาวิชา บริหารธุรกิจ
ปีการศึกษา 2559
บทคัดย่อ
งานวิจั ย ครั้ งนี้ มีวั ตถุประสงค์เพื่ อศึ กษาระดั บปัจจั ยในการทางาน ศึกษาระดั บ
ประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน เปรียบเทียบความแตกต่างประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน จาแนกตาม
ปัจจัยส่วนบุคคล และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยในการทางานกับประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน
ของพนักงานกลุ่มอุตสาหกรรมติดตั้งเครื่องจักรสายการผลิตในจังหวัดสงขลา มีกลุ่มตัวอย่าง 110 คน
เครื่องมือที่ใช้คือแบบสอบถามชนิดเลือกตอบ ใช้เทคนิคการสุ่มแบบชั้นภูมิ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ
ความถี่ ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบ T-Test การทดสอบความแปรปรวนแบบทาง
เดียว และทดสอบรายคู่ด้วยวิธีของเชฟเฟ่ (Scheffe’s) และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคุณ (Multiple
Regression)
ABSTRACT
The purposes of present research were to study 1) the working factors
that affect performance 2) level of performance efficiency 3) the difference in
performance efficiency by personal factors and 4) the relationship between working
factors and performance efficiency. The study was conducted in machine installation
industrial workers at Songkhla province. Samples of 110 workers were recruited by
stratified simple random sampling. Data were analyzed by frequency, percentage,
standard deviation, t- test, the one-way ANOVA, Scheffe test and multiple regression
analysis.
The research findings indicated that 1) The demographic data of the
samples show most workers were male, aged 31-35 years, married, with a bachelor's
degree, operations level position, the average income per month 10,000-15,000 baht
and number of working year was less than five years old. 2) Working factors that
affect performance were at high level from all five aspects. The work environment
aspect was at highest level. In four aspects were at high levels: knowledge and
understanding of the work; stability and progress in work; morale at work and
personal relationships in the workplace. 3) Performance efficiency was found that all
aspects were at high level. When considering each aspect, it was found that the pace
of work, workers quality and production volumes were at high level. 4) The personal
factor in term of work position was found to be significantly related to performance
efficiency at the 0.05 level. In contrast, gender, age, status, educational level, the
average income per month and age had no significant relationship with performance
efficiency. 5) The relationship between the working factors and performance
efficiency were examined by multiple regressions. The coefficient of determination
(R2) was 0.054. The model was significant and explained 5.4 % for performance
efficiency. The working factor in term of stability and progress in work was associated
with the performance efficiency significantly (0.048). Therefore, the employers should
focus on improving the working factors in order to increase the performance
efficiency.
(7)
กิตติกรรมประกาศ
วิทยานิพนธ์นี้สามารถสาเร็จไปได้ด้วยดีจากการให้คาปรึกษาและตรวจสอบพร้อมทั้ง
แนะน าเสนอแนะ จากอาจารย์ ที่ปรึกษา ดร.นุจรีย์ แซ่จิว ในการทาวิทยานิพนธ์นี้จนส าเร็จ และ
ขอขอบพระคุณผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุปรีชา แก้วสวัสดิ์ และ ดร.ปัทมา เสนทอง กรรมการสอบ
วิทยานิพนธ์ที่ได้กรุณาให้คาแนะนาในการปรับปรุงแก้ไขวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ขอขอบคุณอาจารย์ทุกท่าน ที่ให้คาแนะนาและอบรมประสิทธิ์ประสาท
วิชาความรู้ต่าง ๆ ให้ข้าพเจ้าจนจบหลักสูตร และขอบคุณเพื่อน ๆ และบุคลากรทุกท่านที่ให้กาลังใจ
และช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ และทาให้วิทยานิพนธ์ฉบับนี้สาเร็จได้
ขอขอบคุณผู้ให้ความร่วมมือในการวิจัยทุกท่านที่ช่วยเหลือและกรุณาตอบคาถาม
ของข้าพเจ้าด้วยความเต็มใจพร้อมทั้งให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์แก่การวิจัยนี้เพื่อนามาวิเคราะห์ได้
อย่างสมบูรณ์ตามแผนการทางาน
อัครเดช ไม้จันทร์
(8)
สารบัญ
หน้า
บทคัดย่อ (5)
ABSTRACT (6)
กิตติก รรมประกาศ (7)
สารบัญ (8)
สารบัญตาราง (10)
สารบัญภาพ (12)
บทที่
1 บทนา 1
1.1 ความเป็นมาและความสาคัญของปัญหา 1
1.2 วัตถุประสงค์การวิจัย 4
1.3 ความสาคัญและประโยชน์ของการวิจัย 4
1.4 คาถามเพื่อการวิจัย 4
1.5 สมมติฐานการวิจัย 5
1.6 กรอบแนวคิดการวิจัย 5
1.7 ขอบเขตงานวิจัย 6
1.8 นิยามศัพท์เฉพาะ 6
2 เอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 9
2.1 บริษัทกลุ่มอุตสาหกรรมติดตั้งเครื่องจักรสายการผลิตในจังหวั ดสงขลา 9
2.2 หน้าที่และการบริหารงานของกลุ่มอุตสาหกรรมติดตั้งเครื่องจักรสายการผลิต 10
ในจังหวัดสงขลา
2.3 แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง 15
3 วิธีดาเนินการวิจัย 37
3.1 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 37
3.2 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 38
3.3 ขั้นตอนการสร้างเครื่องมือ 40
3.4 การเก็บรวบรวมข้อมูล 40
3.5 การวิเคราะห์ข้อมูล 41
(9)
สารบัญ (ต่อ )
บทที่ หน้า
4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล 42
4.1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลปัจจัยส่วนบุคคล 44
4.2 ผลการวิเคราะห์ปัจจัยในการทางาน 45
4.3 ผลการวิเคราะห์ระดับประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน 51
4.4 ผลการเปรียบเทียบประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงานกลุ่มอุตสาหกรรม 55
ติดตั้งเครื่องจักรสายการผลิตในจังหวัดสงขลา จาแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล
4.5 ผลวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติ 64
งานกับประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ด้วยการวิเคราะห์การถดถอยพหุคุณ
5 สรุปผล อภิปลายผลและข้อเสนอแนะ 66
5.1 สรุปผลการศึกษา 66
5.2 อภิปรายผล 67
5.3 ข้อเสนอแนะ 72
บรรณานุกรม 74
ภาคผนวก 79
ภาคผนวก ก แบบสอบถามเพื่อการวิจัย 79
ภาคผนวก ข รายนามผู้เชี่ยวชาญตรวจเครื่องมือวิจัย 86
ภาคผนวก ค ค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถาม 88
ภาคผนวก ง ค่าความตรงตามเนื้อหาของเครื่องมือ 92
ภาคผนวก จ หนังสือขอความอนุเคราะห์ข้อมูล 96
ประวัติผู้วิจัย 102
(10)
สารบัญตาราง
ตาราง หน้า
3.1 จานวนประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 38
4.1 จานวนและร้อยละข้อมูลปัจจัยส่วนบุคคล 44
4.2 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ปัจจัยในการทางาน 45
จาแนกตามรายด้านและโดยรวม
4.3 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความรู้และความเข้าใจในงานที่ทา 46
จาแนกตามรายด้านและโดยรวม
4.4 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สภาพแวดล้อมในการทางาน 47
จาแนกตามรายด้านและโดยรวม
4.5 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความสัมพันธ์กับบุคคลในที่ทางาน 48
จาแนกตามรายด้านและโดยรวม
4.6 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความมั่นคงก้าวหน้าในงาน 49
จาแนกตามรายด้านและโดยรวม
4.7 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ขวัญและกาลังใจในการทางาน 50
จาแนกตามรายด้านและโดยรวม
4.8 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน 51
จาแนกตามรายด้านและโดยรวม
4.9 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ปริมาณการผลิต 52
จาแนกตามรายด้านและโดยรวม
4.10 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน คุณภาพงานจาแนกตามรายด้านและโดยรวม 53
4.11 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความรวดเร็วในการทางาน 54
จาแนกตามรายด้านและโดยรวม
4.12 เปรียบเทียบประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานจาแนกตามเพศ 55
4.13 เปรียบเทียบประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานจาแนกตามอายุ 56
4.14 เปรียบเทียบประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานจาแนกตามสถานภาพ 57
4.15 เปรียบเทียบประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน จาแนกตามระดับการศึกษา 58
4.16 เปรียบเทียบประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ด้านปริมาณการผลิต 59
จาแนกตามระดับ การศึกษา โดยเปรียบเทียบรายคู่
4.17 เปรียบเทียบประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน จาแนกตามตาแหน่งงาน 60
4.18 เปรียบเทียบประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ด้านปริมาณการผลิต 61
จาแนกตามตาแหน่งงาน โดยเปรียบเทียบรายคู่
4.19 เปรียบเทียบประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน จาแนกตามรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 62
4.20 เปรียบเทียบประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน จาแนกตามอายุงาน 63
(11)
สารบัญตาราง (ต่อ)
ตาราง หน้า
4.21 ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยในการทางานกับประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน 64
(12)
สารบัญภาพ
ภาพ หน้า
1 กรอบแนวคิดการวิจัย 5
บทที่ 1
บทนา
1.2 วัตถุประสงค์การวิจัย
1) เพื่ อ ศึ ก ษาระดั บ ปั จ จั ย ในการท า งานของพนั ก งานกลุ่ มอุ ต สาหกรรมติ ด ตั้ ง
เครื่องจักรสายการผลิตในจังหวัดสงขลา
2) เพื่อศึกษาระดับประสิทธิภาพในการปฏิ บั ติ ง านของพนั ก งาน กลุ่ มอุ ต สาหกรรม
ติดตั้งเครื่องจักรสายการผลิตในจังหวัดสงขลา
3) เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างประสิทธิภาพในการปฏิ บั ติ ง านของพนั ก งาน กลุ่ ม
อุตสาหกรรมติดตั้งเครื่องจักรสายการผลิตในจังหวัดสงขลา จาแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล
4) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิภาพในการปฏิ บั ติ ง านของพนั ก งานกลุ่ ม
อุตสาหกรรมติดตั้งเครื่องจักรสายการผลิตในจังหวัดสงขลา
1.4 คาถามเพื่อการวิจัย
1) พนักงานของกลุ่มอุตสาหกรรมติ ด ตั้ ง เครื่ อ งจั ก รสายการผลิ ต ในจั ง หวั ด สงขลา
มีความคิดเห็นต่อปัจจัยในการทางานอยู่ในระดับใด
2) พนักงานของกลุ่มอุตสาหกรรมติ ด ตั้ ง เครื่ อ งจั ก รสายการผลิ ต ในจั ง หวั ด สงขลา
มีความคิดเห็นต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานอยู่ ในระดั บใด
3) พนักงานของกลุ่มอุตสาหกรรมติ ด ตั้ ง เครื่ อ งจั ก รสายการผลิ ต ในจั ง หวั ด สงขลา
มีความคิดเห็นด้านประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานแตกต่างกันหรือไม่อย่างไร
4) ปัจจัยในการทางานมีผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานหรือไม่
5
1.5 สมมุติฐานการวิจัย
1) ปัจจัยส่วนบุคคลของพนักงานกลุ่มอุตสาหกรรมติดตั้ง เครื่ อ งจั ก รสายการผลิ ต ใน
จังหวัดสงขลาต่างกัน มีความคิดเห็นต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติ งานแตกต่างกัน
2) ปัจจัยในการทางานมีความสัมพันธ์กับประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน
1.6 กรอบแนวคิดในการวิจัย
การศึกษาครั้งนี้ ได้ศึกษา ความหมายของประสิทธิภาพ แนวคิดเกี่ยวกับปัจจั ย ในการ
ทางาน แนวคิดประสิทธิภาพ ผู้วิจัยได้ ก าหนดแนวคิ ด ของการวิ จั ย ที่ มีผ ลต่ อ ประสิ ท ธิ ภ าพในการ
ปฏิบัติงาน ของพนักงานกลุ่มอุตสาหกรรมติดตั้งเครื่องจักรสายการผลิตในจังหวัดสงขลา ซึ่ ง ได้ ก าหนด
เป็นกรอบการศึกษาไว้ดังนี้
ตัวแปรต้น ตัวแปรตาม
ปัจจัยส่วนบุคคล
1. เพศ
2. อายุ
3. สถานภาพสมรส
4. ระดับการศึกษา
5. ตาแหน่งงาน ประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงาน
6. รายได้เฉลี่ยต่อเดือน กลุ่มอุตสาหกรรมติดตั้งเครื่องจั กร
7. อายุงาน สายการผลิตในจังหวัดสงขลา
1. ปริมาณการผลิต
2. คุณภาพงาน
3. ความรวดเร็วในการทางาน
ปัจจัยในการทางาน
1.ความรู้และความเข้าใจในงานที่ทา
2.สภาพแวดล้อมในการทางาน
3.ความสัมพันธ์กับบุคคลในที่ทางาน
4.ความมั่นคงก้าวหน้าในงาน
5.ขวัญและกาลังใจในการทางาน
ภาพที่ 1 กรอบแนวคิดในการวิจัย
6
1.7 ขอบเขตการวิจัย
1.7.1) ขอบเขตเนื้อหา
การศึกษาครั้งนี้ ได้ศึกษาปัจจัยในปัจจัยในการทางาน ได้แก่ ความรู้และความเข้ า ใจ
ในงานที่ทา สภาพแวดล้อมในการทางาน ความสัมพันธ์กับบุคคลในที่ ท างาน ความมั่ น คงก้ า วหน้ า ใน
งาน และขวัญและกาลังใจในการทางาน และประสิทธิภาพในการปฏิบัติ ง าน ได้ แ ก่ ปริ มาณการผลิ ต
คุณภาพงาน และความรวดเร็วในการทางาน
1.7.2) ขอบเขตด้านประชากรและกลุ่มตัว อย่าง
ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ พนักงานของกลุ่มอุต สาหกรรมติ ด ตั้ ง เครื่ อ งจั ก ร
สายการผลิตในจังหวัดสงขลา จานวน 150 คน ผู้วิจัยจึงได้กาหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างที่เหมาะสม
โดยใช้ สู ต รของยามาเน่ (Yamane,1973 p. 125 อ้ า งถึ ง ใน ยุ ท ธ ไกยวรรณ์ 2552 , น. 79)
ความคลาดเคลื่อนที่ 0.05 จานวนกลุ่มตัวอย่าง 109 คน
1.7.3) ตัวแปรที่ศึกษา
1.7.3.1) ตัวแปรอิสระ (Independent Variables) ปัจจัยส่วนบุคคล เป็นส่ ว นส าคั ญ
ที่มีผลต่อ ประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงานกลุ่มอุตสาหกรรมติดตั้ง เครื่ อ งจั ก รสายการผลิ ต
ในจังหวัดสงขลาได้แก่ เพศ อายุ สถานภาพสมรส ระดับการศึกษา ตาแหน่งงาน รายได้ เ ฉลี่ ย ต่ อ เดื อ น
และอายุงาน และปัจจัยในการทางาน ได้แก่ ความรู้และความเข้าใจในงานที่ทา สภาพแวดล้ อ มในการ
ทางาน ความสัมพันธ์กับบุคคลในที่ทางาน ความมั่นคงก้าวหน้ า ในงาน และขวั ญ และก าลั ง ใจในการ
ทางาน
1.3.2) ตัวแปรตาม (Dependent Variables) ประสิ ท ธิ ภ าพในการปฏิ บั ติ ง านของ
พนักงานกลุ่มอุตสาหกรรมติดตั้งเครื่อ งจั ก รสายการผลิ ต ในจั ง หวั ด สงขลา ได้ แ ก่ ปริ มาณการผลิ ต
คุณภาพงาน และความรวดเร็วในการทางาน
1.7.4) ขอบเขตระยะเวลา
เริ่มตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2558 ถึงวันที่ 20 พฤษภาคม 2558
1.8 นิยามศัพท์เฉพาะ
กลุ่มอุตสาหกรรมติดตั้งเครื่องจักรสายการผลิตในจังหวัดสงขลา หมายถึ ง บริ ษั ท สิ ริ น เอ็ น
จิเนียริ่ง จากัด บริษัท เบสท์เพาเวอร์ เอ็นจิเนียริ่ง จากัด ห้างหุ้นส่วนจากัด เจริ ญ เมคเกอร์ และห้ า ง
หุ้นส่วนจากัดชาติชาย ที่ทาหน้าที่ติดตั้งเครื่องจักรสายการผลิตในจังหวัดสงขลา
พนักงาน หมายถึง ผู้ปฏิบัติงานของกลุ่มอุตสาหกรรมติดตั้งเครื่องจักรสายการผลิ ต ในจั ง หวั ด
สงขลาซึ่งทางานในตาแหน่งพนักงานระดับปฏิบัติการ ระดับหัวหน้าหน่วย/แผนก ผู้ จั ด การฝ่ า ย และ
สูงกว่าผู้จัดการฝ่าย ในห้างหุ้นส่วนและบริษัทที่ทาหน้าที่ติดตั้งเครื่องจักรสายการผลิตในจังหวั ดสงขลา
ปัจจัยในการทางาน หมายถึง ความรู้สึกนึกคิดหรือทัศนคติ ของบุคคลหรื อ กลุ่ มคนในองค์ ก ร
ในที่นี้ ได้แก่ พนักงานกลุ่มอุตสาหกรรมติดตั้งเครื่องจักรสายการผลิตในจังหวัด สงขลา ที่ แ สดงออกใน
รูปพฤติกรรมต่าง ๆ ต่อปัจจัยที่มีผลต่อการปฏิบัติงาน ส่งผลให้ ก ารท างานส าเร็ จ ได้ แ ก่ ความรู้ แ ละ
7
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
ตาบลบ้านพรุ อาเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ประเภทธุรกิจรั บ เหมาผลิ ต และติ ด ตั้ ง ผลิ ต และติ ด ตั้ ง
แผ่นฉนวนกันความร้อน ผลิตชิ้นงานตามที่ลูกค้าต้องการและจาหน่ า ยฉนวนกั น ความร้ อ น มี จ านวน
พนักงาน 30 คน
วิสัยทัศน์ VISION
มุ่ ง เน้ น พั ฒ นาร ะบบการท างานและการวางแผน งาน ให้ มีป ร ะสิ ท ธิ ภ าพและ
ประสิทธิผล เพื่อประโยชน์สูงสุดของทุกฝ่าย และเพื่อก้ า วขึ้ น สู่ ค วามเป็ น มื อ อาชี พอั น ดั บ ต้ น ในธุ ร กิ จ
รับเหมา
พันธกิจ MISSION
มุ่งมั่นทาธุรกิจรับเหมาทั้งระบบของโรงงานอุตสาหกรรม โดยเป็นอันดับหนึ่ ง ในงานที่
ถนัด และความเรียบร้อยสวยงามของงาน สามารถตอบสนองความต้ อ งการของลู ก ค้ า ด้ ว ยราคา
ยุติธรรม ปฏิบัติงานตามเวลาที่ลูก ค้ า ก าหนดได้ ดี โดยพั ฒ นาทรั พยากรบุ ค คลให้ ทั น สมั ย และน า
เทคโนโลยีมาปรับใช้ในการปฏิบัติงาน มุ่ง เน้ น ให้ พนั ก งาน มี ค วามรั บ ผิ ด ชอบ ซึ่ ง สามารถยกระดั บ
คุณภาพชีวิตของพนักงานในองค์กรได้อีก ด้วย
วัฒนธรรมองค์กร
วัฒนธรรมองค์กร คือ ค่ า นิ ย มและความเชื่ อ ที่ มีร่ ว มกั น อย่ า งเป็ น ระบบมาอย่ า ง
ต่อเนื่อง แนวทางของพฤติกรรมของพนักงาน บุคลิ ก ภาพ รวมไปถึ ง การสร้ างความผู ก พั น ระหว่ า ง
พนักงานกับกรรมการบริษัทและหัวหน้างาน มีหลักปฏิบัติดังนี้
1) คุณค่าในองค์กร ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยี ซึ่ ง น ามาประยุ ก ต์ ใ ช้ กั บ งาน เช่ น
ส่งงานทางไลน์ ส่งงานทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งสร้างภาพพจน์ที่ดี และร่วมสมัย ควบคู่ไปกับการดาเนินงาน
2) ความผูกพันระหว่างพนักงานทุกฝ่ า ย ซึ่ ง บริ ษั ท จั ด กิ จ กรรมต่ า ง ๆ ให้ พนั ก งาน
มาร่วมงานโดยให้พนักงานพาครอบครัวมาได้ทุกครั้ง เพื่อให้ครอบครัวของพนักงานทุ ก ฝ่ า ย มี มิต รภาพ
สัมพันธ์กันเป็นอย่างดี เช่น จัดงานปีใหม่ทุก ๆ ปี นอกสถานที่ ซึ่งพนักงานได้รับ ความพึ ง พอใจมากใน
ทุก ๆ ครั้งที่มีการจัดงาน พนักงานทุกคนคิดเสมอว่า พนักงานในบริษัทเปรียบเสมือนพี่ น้ อ ง และเพื่ อ น
ที่ดีต่อกันจากใจจริง
3) คาชื่นชมให้กับผู้ที่ทาดี กรรมการบริษัทและหัวหน้างาน จะชื่นชมพนักงานที่ ท าดี
โดยจัดการประชุมขึ้นในบริษัท และชื่นชมพนักงานที่ทาดีให้เพื่อน ๆ พนักงานรั บ ทราบ เพื่ อ เป็ น ขวั ญ
กาลังใจการปฏิบัติหน้าที่ และรุ่นน้องที่เข้ามาใหม่จะได้นามาเป็นแบบอย่างที่ดี
4) สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้ชุมชน ซึ่งบริ ษั ท ได้ มีก ารบริ จ าคของต่ า ง ๆ ในงาน เช่ น
งานวันเด็ก งานกีฬา งานจัดสังสรรค์ของลูกค้า บริษัทจะดาเนิ น การน าของรางวั ล ของขวั ญ ไปมอบ
ให้กับลูกค้าตลอดทุกปี
5) ส่งเสริมการเรียนรู้ พนักงานทุ ก คนมี ก ารอบรมทุ ก ๆ เดื อ น และจั ด ประชุ มใน
บริษัททุกเดือน เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ต่าง ๆ จากการทางานนอกสถานที่
6) เอาใจใส่พนักงานทุกคน ให้ประหนึ่งดังเป็น พี่ เ ป็ น น้ อ งซึ่ ง กั น และกั น สร้ า งความ
ประทับใจให้กับพนักงานเป็นอย่างมาก (บริษัท เบสท์เพาเวอร์ เอ็นจิเนียริ่ง จากัด, 2558)
13
ห้างหุ้นส่วนจากัด เจริญเมคเกอร์
วิสัยทัศน์ VISION
เป็นผู้ให้บริการด้านติดตั้งและซ่อมแซมเครื่องจักรของโรงงานอุ ตสาหกรรมอย่า งครบวงจร
พันธกิจ MISSION
1) เป็นผู้ติดตั้งและซ่อมแซมเครื่องจักรอุตสาหกรรมที่มีประสิ ท ธิ ภ าพ และให้ บ ริ ก าร
อย่างครบวงจร
2) เป็นผู้จัดหาเครื่องจักรที่มีคุณภาพเพื่อนามาติดตั้ง พร้อมทั้งสรรหาวั ส ดุ อุ ป กรณ์ ที่
ดี เพื่อใช้ในการซ่อมแซมเครื่องจักร
3) ให้บริการลูกค้าอย่างรวดเร็ว และงานต้องมีคุณภาพ
4) รับประกันงานให้ลูกค้าทุกงาน
วัฒนธรรมในองค์กร
1) ทางานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้เป็นที่ พอใจของลู ก ค้ า และงานต้ อ งออกมามี
คุณภาพที่สุด
2) จัดประชุมและแลกเปลี่ยนความคิด เห็นระหว่างพนักงานทุ กคน
3) ทุก ๆ ปีจะให้รางวัลสาหรับพนักงานที่พัฒนาตัวเองอย่างต่ อ เนื่ อ ง พั ฒ นาทั้ ง ด้ า น
การทางาน การอยู่ร่วมกับเพื่อนร่วมงาน
4) รับผิดชอบต่อชุมชนในการลดมลพิ ษ ทางอากาศ ทางเสี ย ง รวมทั้ ง การให้ การ
อนุเคราะห์กับหน่วยงานราชการ ที่ส่งหนังสือขอมา
5) พนักงานสามารถแจ้งความประสงค์ต่าง ๆ ผ่านหัวหน้างานและฝ่ายธุรการ เพื่ อ ให้
บริษัทพิจารณาถึงความช่วยเหลือเท่าที่จะทาได้
6) ส่งเสริมให้พนักงานพัฒนาความรู้สม่าเสมอ ด้วยการส่งไปอบรม ทั้ ง ความรู้ เ ฉพาะ
ทางด้านอาชีพช่าง ความรู้ทางด้านความปลอดภัย ความรู้ด้านความเป็นผู้นา
7) แจ้งผลการท างานของแต่ ล ะฝ่ า ย เพื่ อ ให้ ทุ ก ฝ่ า ยรั บ ทราบผลการปฏิ บั ติ ง าน
เพื่อการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นไป (ห้างหุ้นส่วนจากัด เจริญเมคเกอร์, 2558)
ห้างหุ้นส่วนจากัดชาติชาย
นโยบาย
ดาเนินงานทางด้านการรับเหมาผลิตและติดตั้งแผ่นฉนวนกันความร้ อ น ผลิ ต ชิ้ น งาน
ตามที่ลูกค้าต้องการจาหน่ายฉนวนกันความร้อน ซึ่งพนักงานของเรามีความชานาญงานเป็ น อย่ า งมาก
เพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของลูก ค้า จึงมีนโยบายขององค์กรดังนี้
1) ลูกค้า องค์กรปฏิบัติตามพันธกรณี ที่มีต่ อ ลู ก ค้ า ทุ ก ราย โดยปฏิ บั ติ ต ามเงื่ อ นไข
ลูกค้าอย่างเคร่งครัด ให้บริ ก ารที่ มีคุ ณภาพและเชื่ อ ถื อ ได้ การให้ บ ริ ก ารที่ เ ป็ น ไปตามมาตรฐานที่
กาหนด อย่างมีประสิทธิภาพและด้วยความสุภาพอ่อนน้อม ให้คาแนะนาลูกค้าเกี่ยวกั บ ฉนวนกั น ความ
ที่เหมาะสมกับงาน
2) พนักงาน องค์กรตระหนักในคุณค่าทรัพยากรมนุษย์ และประสงค์ที่จะให้ พนั ก งาน
มีความภาคภูมิใจในองค์กร พนักงานจะได้รับการพัฒนา ส่งเสริมให้มีความรู้ ค วามสามารถอย่ า งทั่ ว ถึ ง
และต่อเนื่อง เพื่อให้ทางานอย่างมีประสิทธิภาพ องค์ ก รจะสนั บ สนุ น ให้ พนั ก งานได้ รั บ การฝึ ก อบรม
14
2.3 แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
นักวิชาการให้คาอธิบายความหมายแนวคิดและทฤษฎี ที่ เ กี่ ย วข้ อ งกั บ ประสิ ท ธิ ภ าพ
ความพึงพอใจในการปฏิบัติงาน และการจูงใจ ดังนี้
2.3.1 ความหมาย แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกั บประสิท ธิภาพ
ความหมายของประสิทธิภาพ
ประสิทธิภาพ (Efficiency) หมายถึงความสามารถในการบรรลุ จุ ด มุ่ ง หมายโดยใช้
ทรัพยากรต่าสุด การใช้ วิ ธี ก าร (Mean) ให้ เ กิ ด การจั ด สรรทรั พยากรที่ สิ้ น เปลื อ งน้ อ ยที่ สุ ด โดยมี
เป้าหมาย (Goal) คือ ประสิทธิผล (Effectiveness) แนวคิ ด และทฤษฏี เ กี่ ย วกั บ ประสิ ท ธิ ภ าพ การ
ปฏิบัติงาน (Efficiency) โดยทั่วไปมักหมายถึงความสามารถในการปฏิ บั ติ ง าน (Performance) เมื่ อ มี
ผลการปฏิบัติงานที่ดี ก็ถือว่ามีประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานสูง แต่ถ้ามีผลการปฏิบัติงานไม่ ดี ก็ ถื อ ว่ า
ประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานต่า มีนักวิชาการชาวต่างประเทศและนักวิ ชาการไทย ได้ ใ ห้ ค วามหมาย
ของประสิทธิภาพไว้หลายท่ า น ชาคริ ต ศรี ข าว (2551, น. 22) ได้ ส รุ ป ไว้ ว่ า ประสิ ท ธิ ภ าพในการ
ปฏิบัติงานคือ การผลิตสินค้าหรือบริการให้ได้มากที่สุด พิจารณาถึ ง ต้ น ทุ น หรื อ ปั จ จั ย น าเข้ า ให้ น้ อ ย
ที่สุด และประหยัดเวลาที่สุด ในขณะเดียวกันปัจจัยนาเข้า จะต้องพิจารณาความพยายาม ความพร้ อ ม
ความสามารถ ความคล่ อ งแคล่ ว ในการปฏิ บั ติ ง านของผู้ ป ฏิ บั ติ โดยเปรี ย บเที ย บกั บ ผลที่ ไ ด้ รั บ
คือ การบรรลุวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ประกอบด้วย ต้นทุน คุณภาพ ปริมาณ วิ ธี ก ารในการ
ผลิ ต จตุ พล พั ฒ นกิ จ เจริ ญ การ (2552, น. 32) ได้ ส รุ ป ไว้ ว่ า ประสิ ท ธิ ภ าพในการปฏิ บั ติ ง าน
คือการปฏิบัติงานหรือการทากิจกรรมใด ๆ ที่ไ ด้ มีก ารตั้ ง เป้ า หมายไว้ โดยสามารถปฏิ บั ติ ไ ด้ เ ป็ น ไป
ตามที่วางแผน การใช้ทรัพยากรที่กาหนดไว้ ทันเวลา ได้ คุ ณภาพ ได้ ผ ลงานเท่ า กั บ หรื อ เพิ่ มขึ้ น กว่ า
ปัจจัยนาเข้า เสนาะ ติเยาว์ (2545, น. 2) ได้ให้ความหมายของประสิทธิภาพว่า เป็นการทางานโดยใช้
ทรัพยากรอย่างประหยัดหรือ เสี ย ค่ า ใช้ จ่ า ยต่ าสุ ด การท างานให้ เ สร็ จ อย่ า งเดี ย วไม่ พอ แต่ จ ะต้ อ ง
คานึงถึงค่าใช้ จ่ า ยที่ ป ระหยั ด ด้ ว ย การท าได้ ทั้ ง สองอย่ า งคื อ งานบรรลุ ผ ลตามที่ ต้ อ งการ และใช้
ทรัพยากรต่าสุด สมยศ นาวีการ (2545, น. 14) ได้ให้ความหมายของประสิ ท ธิ ภ าพว่ า เกี่ ย วข้ อ งกั บ
ค่าใช้จ่ายของความสาเร็จของเป้าหมาย ความมีประสิทธิภาพ ตอบค าถามที่ ว่ า เราต้ อ งเสี ย ค่ า ใช้ จ่ า ย
เท่าไร ต่อการบรรลุถึงเป้าหมาย ดังนั้นความมีประสิทธิภาพ คืออัตราส่ ว นระหว่ า งผลผลิ ต และปั จ จั ย
การผลิต ศิริ ว รรณ เสรี รั ต น์ (2545, น. 513) กล่ า วว่ า ผลการปฏิ บั ติ ก ารของบุ ค คลและองค์ ก ร
ประกอบด้วย ประสิทธิภาพ (การทาให้งานถูก) และประสิทธิผล (การท าให้ ถู ก งาน) ถ้ า ผู้ บ ริ ห ารขาด
ประสิทธิภาพ (Efficiency) มุ่งประสิทธิผล (Effectiveness) เมื่อนั้ น ผู้ บ ริ ห ารก าลั ง สู ญ เสี ย ทรั พยากร
แต่ ส ามารถบรรลุ เ ป้ า หมายขององค์ ก ร ในอี ก ด้ า นถ้ า ผู้ บ ริ ห ารยอมเสี ย สละประสิ ท ธิ ผ ล แต่ มุ่ง
ประสิทธิภาพ ผู้บริหารกาลังใช้ทรัพยากรน้อยที่ สุ ด เท่ า ที่ จ ะเป็ น ไปได้ แต่ อ าจล้ มเหลวในการบรรลุ
เป้าหมายขององค์กร อย่างไรก็ตามผู้บริหารต้องหาวิธีการ ในการใช้ ท รั พยากรอย่ า งมี ป ระสิ ท ธิ ภ าพ
16
มากกว่ า เพื่ อ ปรั บ ปรุ ง สิ น ค้ า และการบริ ก า รให้ ป ระสบความส า เร็ จ สู ง กว่ า เป้ า หมายที่ ตั้ ง ไว้
วิทยา ด่านธารงกุล (2546, น. 27) ได้ให้ความหมายของประสิทธิภาพว่า เป็นความสามารถในการใช้
ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า เพื่ อ บรรลุ เ ป้ า หมาย ประสิ ท ธิ ภ าพจึ ง มั ก ถู ก วั ด ในรู ป ของต้ น ทุ น หรื อ
จ านวนทรั พยากรที่ ใ ช้ ไ ปเมื่ อ เที ย บกั บ ผลงานหรื อ ผลผลิ ต ที่ ไ ด้ เช่ น ต้ น ทุ น แรงงาน เวลาที่ ใ ช้
อั ต ราผลตอบแทนจากการลงทุ น สุ กั ญ ญา เอมอิ่ มธรรม (2546, น. 6) ได้ ใ ห้ ค วามหมายของ
ประสิทธิภาพว่า เป็ น ความสั มพั น ธ์ ร ะหว่ า งปั จ จั ย ที่ ใ ส่ เ ข้ า ไป (Inputs) กั บ ผลที่ อ อกมา (Outputs)
ถ้าผลที่ได้ออกมามากกว่าปัจจัยที่ใส่เข้าไป หรือผลที่ได้ออกมาเท่ า เดิ มแต่ ใ ช้ ปั จ จั ย น้ อ ยกว่ า เรี ย กว่ า
มีประสิทธิภาพ ปัจจัยที่ผู้บริหารจะต้องเกี่ยวข้องโดยทั่วไปได้แก่ คน เงิน การบริ ห ารจั ด การและวั ส ดุ
อุปกรณ์ จึงต้องใช้ปัจจัยเหล่านี้ให้คุ้มค่าที่สุด และธงชั ย สั น ติ ว งษ์ (2549, น. 18) ได้ ใ ห้ ค วามหมาย
ของประสิทธิภาพว่า เป็นการสร้ า งผลงานหรื อ ผลส าเร็ จ ออกมา โดยผลงานที่ ไ ด้ มีคุ ณค่ า มากกว่ า
ทรัพยากรที่ใช้ไป กล่าวคือ สามารถผลิตของได้เพิ่มสู ง ขึ้ น กว่ า เดิ ม โดยที่ ต้ น ทุ น ไม่ เ พิ่ ม หรื อ สามารถ
ผลิตของทุกอย่างได้มากเหมือนเดิม แต่ มีก ารใช้ ต้ น ทุ น น้ อ ยลงกว่ า เดิ ม และ เนตร์ พัณณา ยาวิ ร าช
(2552, น. 3) ได้ให้ความหมายของประสิทธิภาพว่า เป็นการที่ผู้บริหารใช้ความสามารถในการกระท า
สิ่งต่างๆ ในองค์กรให้บังเกิดผลตามเป้าหมายที่กาหนด โดยใช้ทรัพยากรทางการบริหารในจ านวนน้ อ ย
แต่ผลลัพธ์ที่ได้มีมากกว่าทรัพยากรที่ใช้ไป
สรุปได้ว่า ประสิทธิภาพ หมายถึง การกระทากิจกรรมใด ๆ ที่บรรลุผลตามที่ ต้ อ งการ
และตั้งเป้าหมายไว้ โดยสามารถประหยั ด และลดการสู ญ เสี ย ของทรั พยากรต่ า ง ๆ ในการด าเนิ น
กิจกรรม ที่มุ่งผลิตผลลัพธ์ โดยมีสัดส่วนของต้ น ทุ น หรื อ ปั จ จั ย น าเข้ า ในการลงทุ น น้ อ ยที่ สุ ด เพื่ อ ให้
บรรลุวัตถุประสงค์ที่กาหนดไว้ อย่างทันต่อสถานการณ์ และเป็นประโยชน์ ต่ อ องค์ ก รอย่ า งคุ้ มค่ า โดย
อาศัยปัจจัยจากประสิทธิภาพที่เ กี่ ย วกั บ ด้ า นบุ ค คล ด้ า นงบประมาณ ด้ า นวั ส ดุ อุ ป กรณ์ เ ครื่ อ งมื อ
รวมถึงด้านการจัดการ จนได้ผลลัพธ์ที่กาหนดไว้ตามเงื่อนไขของเป้าหมาย ถู ก ต้ อ งรวดเร็ ว และเป็ น ที่
พึงพอใจขององค์กร
แนวคิดประสิทธิภาพการทางาน
ส านั ก งานคณะกรรมการข้ า ราชการพลเรื อ น (ก.พ.) (2548, น. 56) กล่ า วถึ ง
ประสิทธิภาพการทางานโดยทั่วไปว่า หมายถึงการทางานที่ ป ระหยั ด ได้ ผ ลงานที่ ร วดเร็ ว มี คุ ณภาพ
คุ้มค่ากับการใช้ทรัพยากรในด้ า นการเงิ น คน อุ ป กรณ์ แ ละเวลา ดั ง นั้ น ประสิ ท ธิ ภ าพจึ ง เป็ น สิ่ ง ซึ่ ง
สามารถสร้างให้เกิดขึ้นได้ และสามารถวัดได้โดยในทางปฏิ บั ติ จ ะวั ด ประสิ ท ธิ ภ าพจากปั จ จั ย น าเข้ า
กระบวนการ หรือผลผลิตที่ออกมา โดยวั ด อย่ า งใดอย่ า งหนึ่ ง หรื อ หลายอย่ า งประกอบกั น ดั ง นั้ น
ประสิทธิภาพจึงสามารถมองได้ในแง่มุมต่างๆ ดังนี้ 1) ประสิทธิภาพในแง่มุมของค่ า ใช้ จ่ า ยหรื อ ต้ น ทุ น
การผลิต (Input) เช่น การใช้ทรัพยากรทั้งเงิน คน วัสดุ เทคโนโลยีที่มีอยู่อย่างประหยัด คุ้ มค่ า และเกิ ด
การสูญเสียน้อยที่สุด 2) ประสิทธิภาพในแง่มุมของกระบวนการบริหาร (Process) เช่ น การท างานที่
ถูกต้องได้มาตรฐาน รวดเร็วและใช้เทคนิคที่สะดวกสบายกว่าเดิม 3) ประสิทธิภาพในแง่ มุมของผลลั พธ์
เช่น การทางานที่มีคุณภาพเกิดประโยชน์ต่อสังคม เกิดผลกาไร ทันเวลา ผู้ปฏิบัติง านมี จิ ต ส านึ ก ที่ ดี ต่ อ
การท างาน และบริ ก ารเป็ น ที่ พอใจของลู ก ค้ า ดั ง เช่ น Harrington Emerson (1931, p : 223)
ได้ ก ล่ า วถึ ง หลั ก การท างานให้ มีป ระสิ ท ธิ ภ าพในหนั ง สื อ The Twelve Principles of Efficiency
ซึ่ ง ได้ รั บ การยกย่ อ ง กล่ า วถึ ง กั น มากในหลั ก 12 ประการ ของประสิ ท ธิ ภ าพในการปฏิ บั ติ ง าน
17
ทุกด้า น เรี ย งล าดั บ จากมากไปหาน้ อ ยดั ง นี้ ด้ า นประสิ ท ธิ ภ าพส่ ว นบุ ค คล ด้ า นต้ น ทุ น การผลิ ต
ด้านผลผลิต และด้านกระบวนการทางาน เปรียบเทียบประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของแรงงานต่ า ง
ด้าวสาขาก่ อ สร้ า งในอ าเภอเมื อ ง จั ง หวั ด สุ ร าษฎร์ ธ านี จ าแนกตามลั ก ษณะของผู้ ป ระกอบการ
พบว่า ความคิดเห็นต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานแตกต่างอย่างมีนั ย ส าคั ญ ทางสถิ ติ ที่ ร ะดั บ 0.05
ตามลักษณะของผู้ประกอบการทุกด้าน ยกเว้น เพศ อายุ และสถานภาพของกิจการ
2.3.3 ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยในการทางาน
เนตรพัณณา ยาวิราช (2552, น. 166) กล่าวถึง เฮอร์ชเบอร์ก ว่าเป็ น นั ก จิ ต วิ ท ยา
อีกผู้หนึ่ง ที่ มุ่ง มั่ น ศึ ก ษาเรื่ อ งแรงจู ง ใจในการท างาน ผลงานของเขาเรื่ อ งนี้ แพร่ ห ลายมาตั้ ง แต่
ปี ค.ศ.1966 และ ค.ศ. 1968 ปัญหาที่เขาเฝ้าถามตนเองอยู่ เ สมอ คื อ ท าอย่ า งไรจะจู ง ใจคนในการ
ทางานได้เป็นอย่างดี เขาเห็นว่าการให้ค่าแรงต่า ทาให้คนงานไม่พอใจ แต่การให้ ค่ า แรงสู ง ก็ มิไ ด้ ท าให้
คนงานอยากทางานหนักขึ้น เงินมิใช่สิ่งจูงใจสู ง สุ ด ที่ จ ะท าให้ ค นท างานได้ มากกว่ า เดิ ม แม้ เ งิ น จะมี
ความสาคัญก็ตาม ขณะเดี ย วกั น ความมั่ น คง และบรรยากาศที่ ดี ใ นองค์ ก รก็ มิใ ช่ สิ่ ง จู ง ใจสู ง สุ ด อี ก
เช่นเดียวกัน ทฤษฎีของเฮอร์ชเบอร์ก เน้ น อธิ บ าย และให้ ค วามส าคั ญ กั บ ปั จ จั ย 2 ประการ ได้ แ ก่
ปั จ จั ย จู ง ใจ หรื อ ตั ว กระตุ้ น (Motivators) และปั จ จั ย แวดล้ อ มหรื อ การบ ารุ ง รั ก ษา (Hygiene)
สองปัจจัยดังกล่าวนี้ มีอิทธิพลต่อความสาเร็จของงานเป็ น อย่ า งดี ซึ่ ง ผู้ บ ริ ห ารองค์ ก ร ควรพิ จ ารณา
เพื่อนาไปใช้ประโยชน์ในการบริหารคน และบริหารงาน เฮอร์ชเบอร์ก ได้ทาการสั มภาษณ์ วิ ศ วกรและ
นักบัญชีจานวนประมาณ 200 คน จากโรงงานอุตสาหกรรมและธุรกิจ 11 แห่ ง ของเมื อ งพิ ต ต์ ส เบิ ร์ ก
ผลการศึกษาของเขาสรุปได้ว่า ความพอใจในการทางานกับแรงจูงใจในการท างานของบุ ค คล มี ค วาม
แตกต่างกัน คือ การที่บุคคลพอใจในการทางานมิได้หมายความว่าบุคคลนั้นมีแ รงจู ง ใจ ในการท างาน
เสมอไป ความพอใจในการทางานส่ง ผลให้ บุ ค คลไม่ คิ ด จะลาออกจากงานหรื อ ไม่ มีค วามคิ ด จะนั ด
หยุดงาน แต่อาจไม่มีส่วนต่อการมุ่งมั่นทาให้งานเจริญก้าวหน้ า แต่ ถ้ า คนงานผู้ ใ ด มี แ รงจู ง ใจในการ
ท างาน คนงานนั้ น จะตั้ ง ใจท างานให้ เ กิ ด ผลดี ทฤษฎี แ ละการศึ ก ษาของ เฮอร์ ช เบอร์ ก จึ ง ให้
ความสาคัญแก่ปัจจัยจูงใจหรือตัวกระตุ้น และปัจจัยแวดล้อมหรือการบารุงรักษาที่ มีต่ อ เจตคติ ในงาน
ของผู้ปฏิบัติงาน
ปัจจัยจูงใจ (Motivators Factors) เป็ น สิ่ ง ที่ ส ร้ า งความพึ ง พอใจในงานให้ เ กิ ด ขึ้ น
ซึ่งจะช่วยให้บุคคลรักและชอบงานที่ปฏิบัติอยู่ ทาให้บุคคลในองค์กรปฏิบัติงานได้อ ย่ า งมี ป ระสิ ท ธิ ภ าพ
ประกอบด้วย
1) ความสาเร็จในการทางาน (Achievement) หมายถึ ง ความส าเร็ จ สมบู ร ณ์ ข อง
งานความสามารถในการแก้ปัญหา การมองเห็นผลงาน ความชัดเจนของงาน เป็ น ความส าเร็ จ ที่ วั ด ได้
จากการปฏิบัติงานได้ตามเป้าหมาย ตามกาหนดเวลา ความสามารถในการแก้ปัญหาในการปฏิ บั ติ ง าน
และความพอใจในผลการปฏิบัติงาน
2) การยอมรั บ นั บ ถื อ (Recognition) หมายถึ ง การยอมรั บ หรื อ เห็ น ด้ ว ยกั บ
ความสาเร็จการได้รับยกย่อง ชื่นชม เชื่อถือไว้วางใจในผลงาน หรือการดาเนิ น งานจากผู้ บั ง คั บ บั ญ ชา
ผู้ร่วมงานผู้ใต้บังคับบัญชา และบุคคลอื่น ๆ ซึ่งถ้าหากไม่ได้รับการยอมรับนับถือ ก็ จ ะท าให้ เ กิ ด การไม่
ยอมรับการได้รับคาตาหนิติเตียน หรือกล่าวโทษ
21
3) ลักษณะงาน (Work itself) หมายถึง การลงมื อ กระท าหรื อ การท างานเป็ น ชิ้ น
เป็นอัน ซึ่งมีกาหนดเวลาหรือเป็นกิจวัตรหรือยืดหยุ่นได้ อาจมี ก ารสร้ า งสรรค์ ง านไม่ ว่ า เป็ น งานง่ า ย
หรืองานยาก เป็นงานที่ชวนให้ปฏิบัติไม่น่าเบื่อ เป็นงานที่ส่งเสริมต่อความคิดริเริ่มสร้า งสรรค์ เป็ น งาน
ที่มีคุณค่ารวมทั้งสามารถปฏิบัติงานได้สมบูรณ์ หรือทางานให้เสร็จในเวลาอันสั้น
4) ความรับผิดชอบ (Responsibility) หมายถึง การจัดลาดั บ ของการท างานได้ เ อง
ความตั้งใจ ความสานึกในอานาจหน้าที่ และความรับผิดชอบ ตลอดจนอิสระในการปฏิบัติงาน
5) ความก้าวหน้าในตาแหน่ง (Advancement) หมายถึ ง ผลหรื อ การมองเห็ น การ
เปลี่ยนแปลงในสถานภาพของบุคคล หรือ ต าแหน่ ง ในสถานที่ ท างาน โอกาสในการเลื่ อ นต าแหน่ ง
ในระดับที่สูงขึ้น
6) โอกาสเจริญในงาน (Growth) หมายถึ ง การที่ บุ ค คลมี โ อกาสได้ รั บ การพั ฒ นา
ความรู้ความสามารถ และทักษะที่เพิ่มขึ้นในวิชาชีพจากการปฏิบัติงาน
ปัจจัยค้าจุนหรือปัจจัยแวดล้อม (Hygiene Factors) เป็ น ปั จ จั ย ที่ ก าจั ด ความไม่ พึง
พอใจในการทางานและเป็นปัจจัยที่ช่วยให้บุคคลยังคงปฏิบัติงานได้ตลอดเวลา ประกอบด้วย
1) นโยบายและการบริ ห ารงาน (Company policies and Administration)
หมายถึง ความสามารถในการจัดลาดับเหตุการณ์ ต่ า ง ๆ ของการท างานท าให้ เ ห็ น ถึ ง นโยบายของ
หน่วยงานการบริหารงาน การจัดระบบงานของผู้ บั ง คั บ บั ญ ชา การเปิ ด โอกาสให้ มีส่ ว นร่ ว มในการ
กาหนดนโยบาย
2) การปกครองบั ง คั บ บั ญ ชา (Supervisors) หมายถึ ง สภาพการปกครองบั ง คั บ
บัญชางานของผู้บริหารระดับสูง ในเรื่องการวิเคราะห์ความสามารถของผู้ปฏิบัติงาน การกระจายงาน
การมอบหมายอานาจ ความยุติธรรม
3) สภาพการปฏิบัติงาน (Working Conditions) หมายถึ ง สภาพเหมาะสมในการ
ทางาน สภาพการทางานที่เป็นด้านกายภาพ ได้แก่ สภาพแวดล้อม สถานที่ทางาน เครื่ อ งมื อ เครื่ อ งใช้
วัสดุอุปกรณ์ ความสะดวกสบายในการท างาน สิ่ ง อ านวยความสะดวกในการปฏิ บั ติ ง านต่ า ง ๆ
ตลอดจนครอบคลุมไปถึงความสมดุล ของปริมาณงานกับจานวนบุคลากร
4) สั มพั น ธภา พในการ ท างาน (Interpersonal Relations) หมายถึ ง สภา พ
ความสั มพั น ธ์ ก ารมี ป ฏิ สั มพั น ธ์ ข องบุ ค คลกั บ คนอื่ น ๆ ได้ แ ก่ ผู้ บั ง คั บ บั ญ ชา เพื่ อ นร่ ว มงานและ
ผู้ใต้บังคับบัญชาในสถานการณ์ต่าง ๆ การร่วมมือปฏิบัติงาน การช่ ว ยเหลื อ การสนั บ สนุ น และการ
ปรึกษาหารือ
5) เงินเดือนและความมั่นคง (Pay and Security) หมายถึง ผลตอบแทนที่ ไ ด้ รั บ จาก
การปฏิบัติงาน ตลอดทั้งความมั่นคงปลอดภัยในการปฏิบัติ งาน
จากการศึกษา พบว่าสิ่งที่จะช่วยให้บุคคลรัก และชอบงานที่ ป ฏิ บั ติ คื อ ปั จ จั ย จู ง ใจ
และปั จ จั ย ค้ าจุ น ได้ แ ก่ ความส าเร็ จ ของงาน การยอมรั บ นั บ ถื อ ลั ก ษณะงานความรั บ ผิ ด ชอบ
ความก้าวหน้าในต าแหน่ ง ส่ ว นปั จ จั ย ค้ าจุ น หรื อ ปั จ จั ย แวดล้ อ ม ได้ แ ก่ นโยบายการบริ ห ารงาน
การปกครองบังคับบัญชา สภาพการปฏิบัติงาน สัมพันธภาพในการทางาน เงิ น เดื อ นและความมั่ น คง
ดังนั้นในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจั ย ได้ สั ง เคราะห์ มาเป็ น กรอบแนวคิ ด ในการวิ จั ย ประสิ ท ธิ ภ าพในการ
22
พอใจไว้ดังนี้ คือ ความมั่ น คงในอาชี พ เงิ น เดื อ นค่ า จ้ า งที่ เ ป็ น ธรรม หรื อ เป็ น ไปตามหลั ก งานมาก
เงินมาก การควบคุมบังคับบัญชาที่ดี หมายถึงผู้บริหารที่มีใจเป็นธรรมยึดหลักมนุษย์สั มพั น ธ์ การได้ รั บ
สวั ส ดิ ก ารและประโยชน์ เ กื้ อ กุ ล ที่ ดี และมี โ อกาสก้ า วหน้ า ในงาน คื อ มี โ อกาสได้ เ ลื่ อ นต าแหน่ ง
ได้ขึ้นค่าจ้างเงินเดือน และเพิ่มพูนคุณวุฒิ
จากแนวความคิดดังกล่าวข้ า งต้ น สรุ ป ได้ ว่ า ความพึ ง พอใจในการปฏิ บั ติ ง านเป็ น
ความรู้สึกหรือทัศนคติในทางที่ดีของบุคคลที่มีต่องาน และมี ต่ อ ปั จ จั ย ต่ า ง ๆ ในการปฏิ บั ติ ง าน เช่ น
สภาพการทางาน ลักษณะงาน นโยบายและการบริ ห าร เป็ น ต้ น ความรู้ สึ ก นี้ เ กิ ด ขึ้ น จากหน่ ว ยงาน
หรือองค์กรมีการตอบสนองความต้ อ งการบุ ค คล ทั้ ง ทางด้ า นร่ า งกายและจิ ต ใจ ท าให้ บุ ค คลนั้ น
ปฏิบัติงานอย่างเต็มกาลังความสามารถ เพื่อให้บรรลุ วั ต ถุ ป ระสงค์ ข ององค์ ก รหรื อ หน่ ว ยงาน แต่ ถ้ า
เมื่อใดที่ไม่ได้รับความพึงพอใจ บุคคลนั้นจะแสดงพฤติกรรมออกมาในรูป ความก้ า วร้ า ว ความเฉื่ อ ยชา
ความไม่สนใจในการปฏิบัติงาน การหลบเลี่ยงงาน และการลาออกจากงาน เป็ น ต้ น ท าให้ ห น่ ว ยงาน
นั้นเกิดปัญหา และอุปสรรคในการดาเนินงาน
ทฤษฎีที่เกี่ยวกับความพึงพอใจในการปฏิบั ติงาน
ปัจจุบันผู้จัดการหรือผู้บริหารมีความเห็นตรงกันว่า พนักงานเป็นผู้ที่มีชีวิต จิ ต ใจ ต้ อ ง
ให้ความสาคัญกับสวัสดิการ เพิ่มค่าจ้างให้สูงขึ้น ปรับปรุงสภาพการทางาน และเสริมกิจกรรมหลาย ๆ
อย่าง เพื่อสร้างความพึงพอใจในการทางาน เนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ เหล่ า นี้ มีผ ลกระตุ้ น ให้ ก ารท างาน
ของพนักงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นการสร้างความผูกพันให้กับองค์กร
สมคิ ด บางโม (2545, น. 180-181) กล่ า วว่ า ทฤษฎี ก ารจู ง ใจตามแนวคิ ด ของ
เฟรดเดอริ ก เทย์ เ ลอร์ นี้ เ กิ ด ขึ้ น ในสมั ย การบริ ห ารเชิ ง วิ ท ยาศาสตร์ เทย์ เ ลอร์ มี ค วามเชื่ อ ว่ า
การให้ผลตอบแทนเป็นการจูง ใจในการท างานอย่ า งหนึ่ ง ในการให้ ผ ลตอบแทนนั้ น จะต้ อ งไม่ ใ ช่
ผลตอบแทนที่ให้เฉพาะกั บ คนที่ มีผ ลผลิ ต สู ง หรื อ กั บ คนที่ ผ ลผลิ ต ต่ าเท่ า นั้ น ควรจะมี ก ารก าหนด
มาตรฐานของผลผลิตขึ้นสาหรับเป็นเครื่องวัด เทย์ เ ลอร์ ก าหนดระบบการจ่ า ยผลตอบแทนเป็ น 3
ระดับ คือ ต่ากว่ามาตรฐาน เท่ากับมาตรฐาน และสูงกว่ามาตรฐาน ผลตอบแทนที่ จ่ า ยให้ นี้ เ ขาเชื่ อ ว่ า
น่าจะเป็นเงิน ผลตอบแทนด้านการเงินจะมีความสัมพันธ์กั บ ผลการปฏิ บั ติ ง าน ถ้ า ตอบแทนด้ ว ยเงิ น
จานวนสูงที่เหมาะสมกับระดั บ ของผลผลิ ต แล้ ว คนงานจะเพิ่ มผลผลิ ต มากขึ้ น ในทางตรงกั น ข้ า ม
ถ้าคนงานที่มีผลผลิตสูง เห็นว่าผลตอบแทนที่ได้รับเท่ากับคนงานที่มีผลผลิตต่า แล้ว คนงานที่ มีผ ลผลิ ต
สูงจะลดผลผลิตของตนลงทันที
ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์ (2548, น. 132-139) ความพึงพอใจในการท างานมี ส่ ว น
เกี่ยวข้องกับปัจจัย และปัจจัยเหล่านี้ใช้เป็นเครื่องมือ ชี้บ่งถึงปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ ย วกั บ ความพึ ง พอใจใน
การทางาน ซึ่งปัจจัยมีอยู่ 3 ประการ คือ
1) ปัจจัยด้านบุคคล
1.1) ประสบการณ์ จากการศึกษาในงานวิจั ย พบว่ า ประสบการณ์ ใ นการท างานมี
ส่วนเกี่ยวข้องกับความพึงพอใจในการทางาน บุคคลที่ทางานนานจนมีความรู้ความชานาญในงานที่ ท า
จะเกิดความพึงพอใจกับงานนั้น
1.2) เพศ แม้ว่างานวิจัยหลายชิ้นจะแสดงว่าเพศ ไม่มีความสัมพันธ์ กั บ ความพึ ง พอใจ
ในการทางานก็ตาม แต่ขึ้นอยู่กับลักษณะงานที่ทาด้วยว่าลักษณะใด รวมทั้ ง เกี่ ย วข้ อ งกั บ ระดั บ ความ
24
อินเดโลร์ เลนส์ (ไทยแลนด์) จากัด ผลการศึกษา พบว่า พนักงานมีความคิด เห็ น เกี่ ย วกั บ ปั จ จั ย ที่ มีผ ล
ต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ด้านความก้าวหน้าในการปฏิบัติงาน โดยรวมอยู่ ใ นระดั บ มาก และ
ผลการศึกษาของ มลฑา พิทักษ์ (2554 ) ได้ทาการวิ จั ย เรื่ อ ง ความคิ ด เห็ น เกี่ ย วกั บ ปั จ จั ย ที่ มีผ ลต่ อ
ประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงาน สังกัดสานักงานมหาวิทยาลั ย จุ ฬ าลงกรณ์ มหาวิ ท ยาลั ย
ผลการศึกษาพบว่า พนักงานมีระดับความคิดเห็นต่อปั จ จั ย ที่ มีผ ลต่ อ ประสิ ท ธิ ภ าพในการปฏิ บั ติ ง าน
ด้ า น ควา มมั่ น คงก้ า วหน้ า ในการปฏิ บั ติ ง าน โดยรวมอยู่ ใ นระดั บ มาก และผลการ วิ จั ย ของ
คมกริช เสาวิจิตร (2556) ได้ทาการวิจัยเรื่อง ปั จ จั ย ที่ มีผ ลต่ อ ประสิ ท ธิ ภ าพในการปฏิ บั ติ ง านของ
พนักงานสานักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 1 (ภาคกลาง) จังหวั ด พระนครศรี อ ยุ ธ ยา ผลการวิ จั ย
พบว่า ปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิ บั ติ ง าน ด้ า นความมั่ น คงและโอกาสก้ า วหน้ า ในงาน
พนักงานเห็นด้วยอยู่ในระดับมาก แต่จะแตกต่างจากผลการวิจัยของ วิโรจน์ ทรงนิรันดร์ (2552) ได้ ท า
การวิจัยเรื่อง ความคิดเห็นต่ อ ปั จ จั ย ที่ มีผ ลต่ อ ประสิ ท ธิ ภ าพในการปฏิ บั ติ ง านของพนั ก งานบริ ษั ท
พานาโซนิค อิเล็คทริคเวิร์ค อยุธยา จากัด ผลการศึ ก ษาพบว่ า ปั จ จั ย ด้ า นความมั่ น คงและโอกาส
ก้าวหน้าในงาน มีผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิ บั ติ ง านอยู่ ใ นระดั บ ปานกลาง และผลการวิ จั ย ของ
สมชาย เรืองวงษ์ (2552) ได้ทาการวิ จั ย เรื่ อ ง ปั จ จั ย ที่ มีผ ลต่ อ ประสิ ท ธิ ภ าพในการปฏิ บั ติ ง านของ
พนักงาน บริษัทฮิตาชิคอมเพรสเซอร์ (ประเทศไทย) จ ากั ด ผลการศึ ก ษาพบว่ า พนั ก งานมี ค วาม
คิดเห็นด้วยว่า ปัจจัยด้านความมั่นคงความก้าวหน้า มีผลต่อประสิ ท ธิ ภ าพในการปฏิ บั ติ ง านในระดั บ
ปานกลาง แสดงให้เห็นว่าความมั่นคงและความก้าวหน้าในงาน เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่ อ ประสิ ท ธิ ภ าพใน
การปฏิบัติงาน หากงานที่ทามีโอกาสก้าวหน้าในตาแหน่งหน้าที่ ได้เลือนชั้ น เลื่ อ นต าแหน่ ง ส่ ง ผลให้
เงินเดือนและสวัสดิการสูงขึ้นตามลาดับ ทาให้พนักงานมีขวัญและกาลังในการทางานมากขึ้น
2.3.4.5 ขวัญและกาลังใจในการทางาน มีนักวิชาการได้ให้ความหมายไว้ดังนี้
ศิ ริ พร วงศ์ ศ รี โ รจน์ (2548, น.241) ได้ ก ล่ า วถึ ง ความส าคั ญ ของขวั ญ ในการ
ปฏิบัติงานไว้ดังนี้ 1) ก่อให้เกิดความร่วมมื อ ร่ ว มใจเพื่ อ บรรลุ วั ต ถุ ป ระสงค์ ข ององค์ ก ร 2) เกิ ด ความ
จงรักภักดี ซื่อสัตย์ต่อหมู่คณะและองค์กร 3) ปฏิบัติอยู่ใ นกรอบแห่ ง ระเบี ย บวิ นั ย และศี ล ธรรมอั น ดี
งาม 4) เกิ ด ความสามั ค คี ใ นหมู่ ค ณะและก่ อ ให้ เ กิ ด พลั ง ร่ ว ม (Group Effort) และฝ่ า ฟั น อุ ป สรรค
ทั้งหลายขององค์กรได้ 5) เกิดความคิดสร้างสรรค์ ใ นกิ จ การต่ า ง ๆ ขององค์ ก ร 6) เกิ ด ความเชื่ อ มั่ น
และศรัทธาในองค์กรที่ตนปฏิบัติอยู่ เช่นเดียวกันกับ ระวัง เนตรโพธิ์แก้ว (2549, น. 184) ได้ ก ล่ า วถึ ง
ความสาคัญของขวัญในการปฏิบัติงานไว้ดังนี้ 1) เกิดความร่ ว มมื อ ร่ ว มใจในการท างานเป็ น อย่ า งดี
2) ท าให้ เ กิ ด ความรั ก ความสามั ค คี ใ นหมู่ เ พื่ อ น ร่ ว มงาน 3) เกิ ด ความเชื่ อ มั่ น และศรั ท ธาองค์ ก ร
4) สร้างความเข้าใจระหว่ า งบุ ค คลในองค์ ก ร 5) ท าให้ เ กิ ด ความจงรั ก ภั ก ดี ใ นหมู่ ค ณะขององค์ ก ร
6) สร้างแรงจูงใจให้บุคลากร ทาให้เกิดความคิดสร้ า งสรรค์ ใ นกิ จ กรรมต่ า ง ๆ เพิ่ มขึ้ น อี ก ด้ ว ย และ
ปรียาพร วงศ์อนุตราโรจน์ (2548 , น. 134-135) ได้กล่าวถึงความสาคัญของขวัญในการปฏิบั ติ ง าน
ว่า ผู้ที่มีขวัญดีมักเป็นผู้ที่มีความสามารถในการทางาน ให้ เ ป็ น ไปตามความมุ่ ง หมายของการจั ด การ
จะช่วยสร้ า งผลงานที่ คุ ณภาพให้ กั บ หน่ ว ยงาน บุ ค คลที่ มีข วั ญ จะมี พฤติ ก รรมต่ อ ไปนี้ 1) มี ค วาม
กระตือรือร้นที่จะทางานร่วมกัน เพื่อให้จุดมุ่งหมายขององค์ ก รบรรลุ ผ ล 2) มี ค วามผู ก พั น ต่ อ องค์ ก ร
3) อยู่ในระเบียบวินัยและเต็มใจที่จะทาตามกฎข้อบังคับต่าง ๆ 4) แม้องค์กรจะมี ปั ญ หาอย่ า งไร ก็ จ ะ
ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อแก้ไขปัญหานั้น ๆ ให้ ลุ ล่ ว งไป 5) มี แ รงจู ง ใจและความสนใจในงาน
36
วิธีดาเนินการวิจัย
3.1 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
3.1.1 ประชากร
ประชากรที่ใช้ในการศึ ก ษาครั้ ง นี้ ได้ แ ก่ พนั ก งานกลุ่ มอุ ต สาหกรรมติ ด ตั้ ง เครื่ อ งจั ก ร
สายการผลิตในจังหวัดสงขลา บริษัท สิริน เอ็ น จิ เ นี ย ริ่ ง จ ากั ด จ านวน 45 คน บริ ษั ท เบสท์ เ พาเวอร์
เอ็นจิเนียริ่ง จากัด จานวน 45 คน ห้างหุ้นส่วนจากัด เจริญเมคเกอร์ จานวน 30 คน ห้างหุ้นส่ว นจ ากั ด
ชาติชาย จานวน 30 คน รวมจานวนประชากรทั้งหมด 150 คน
3.1.2 กลุ่มตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ พนักงานกลุ่ มอุ ต สาหกรรมติ ด ตั้ ง เครื่ อ งจั ก ร
สายการผลิ ต ในจั ง หวั ด สงขลา จ านวน 110 คน ได้ ก าหนดขนาดตั ว อย่ า ง โดยใช้ สู ต รของยามาเน่
(Yamane. 1973, p. 125 อ้างถึงในยุทธ ไกยวรรณ์ . 2552, น. 79) ความคลาดเคลื่ อ นที่ 0.05 ดั ง สู ต ร
ต่อไปนี้
N
n = 1 +N(e)2
โดย n = จานวนของขนาดตัวอย่าง
N = จานวนรวมของประชากรทั้งหมดที่ใช้ในการศึกษา
e = ความผิดพลาดที่ยอมรับได้ ในการศึกษานี้กาหนดเท่ากับ 0.05
แทนค่า n = 150
1+150(0.05)2
= 109.09 ≈ 110
ดังนั้น จานวนตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ จึงเท่ากับ 110 คน ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่าง
แบบชั้นภูมิ (Stratified Sampling) โดยการจับสลากให้ครบตามสัดส่วนที่กาหนด ดังตารางที่ 3.1
38
3.2 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ เป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างและพัฒนาขึ้ น เพื่ อ ศึ ก ษา
ปั จ จั ย ที่ มี ผ ลต่ อ ประสิ ท ธิ ภ าพ ใน การปฏิ บั ติ ง าน ของพนั ก งานกลุ่ มอุ ต สา หกรรมติ ด ตั้ ง เครื่ อ งจั ก ร
สายการผลิตในจังหวัดสงขลา ซึ่งผู้ตอบแบบสอบถามได้แก่ พนักงานของกลุ่มอุตสาหกรรมติดตั้ ง เครื่ อ งจั ก ร
สายการผลิตในจังหวัดสงขลา โดยแบบสอบถามแบ่งเป็น 3 ตอน ดังนี้
ตอนที่ 1 เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับปัจจัยส่วนบุคคลของผู้ต อบแบบสอบถาม เป็ น แบบ
ตรวจสอบรายการ มีวัตถุประสงค์เพื่อสารวจข้อมูลพื้นฐานของผู้ ตอบแบบสอบถาม จานวน 7 ข้อ
ตอนที่ 2 เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับปัจจัยในการทางานของพนั ก งานกลุ่ มอุ ต สาหกรรม
ติดตั้งเครื่องจักรสายการผลิตในจังหวัดสงขลา รูปแบบของคาถามเป็นแบบมาตรส่วนประมาณค่ า 5 ระดั บ
(Rating Scale) จานวน 30 ข้อ ประยุกต์ตามแนวทางของลิเคิร์ท และได้ ก าหนดค่ า ของคะแนนของช่ ว ง
น้าหนักเป็น 5 ระดับ (ธานินทร์ ศิลป์จารุ 2552, น. 75) ซึ่งมีความหมายดังนี้
5 คะแนน หมายถึง เห็นด้วยมากที่สุด
4 คะแนน หมายถึง เห็นด้วยมาก
3 คะแนน หมายถึง เห็นด้วยปานกลาง
2 คะแนน หมายถึง เห็นด้วยน้อย
1 คะแนน หมายถึง เห็นด้วยน้อยที่สุด
39
การแปลความหมาย
ผู้วิจัยมีเกณฑ์ในการแปลความหมายของคะแนนเฉลี่ยที่ กาหนดดังนี้
การแปลความหมายระดับ ความคิ ด เห็ น เกี่ ย วกั บ ปั จ จั ย ที่ มีผ ลต่ อ ประสิ ท ธิ ภ าพในการ
ปฏิบัติงานพิจารณาจากค่าเฉลี่ยของระดับความคิดเห็น ตามเกณฑ์ของเบสท์ (ธานินทร์ ศิ ล ป์ จ ารุ 2552,
น. 75)
คะแนน ความหมาย
ค่าเฉลี่ย 4.50 - 5.00 ระดับความคิดเห็นมากที่สุด
ค่าเฉลี่ย 3.50 - 4.49 ระดับความคิดเห็นมาก
ค่าเฉลี่ย 2.50 - 3.49 ระดับความคิดเห็นปานกลาง
ค่าเฉลี่ย 1.50 - 2.49 ระดับความคิดเห็นน้อย
ค่าเฉลี่ย 1.00 - 1.49 ระดับความคิดเห็นน้อยที่สุด
ตอนที่ 3 เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับประสิ ท ธิ ภ าพในการปฏิ บั ติ ง านของพนั ก งาน กลุ่ ม
อุตสาหกรรมติดตั้งเครื่ อ งจั ก รสายการผลิ ต ในจั ง หวั ด สงขลา รู ป แบบของค าถามเป็ น แบบมาตรส่ ว น
ประมาณค่า 5 ระดับ (Rating Scale) จานวน 15 ข้อ ประยุกต์ตามแนวทางของลิเคิร์ท และได้ ก าหนดค่ า
ของคะแนนของช่วงน้าหนักเป็น 5 ระดับ(ธานินทร์ ศิลป์จารุ 2552, น. 75) ซึ่งมีความหมายดังนี้
5 คะแนน หมายถึง มีการปฏิบัติมากที่สุด
4 คะแนน หมายถึง มีการปฏิบัติมาก
3 คะแนน หมายถึง มีการปฏิบัติปานกลาง
2 คะแนน หมายถึง มีการปฏิบัติน้อย
1 คะแนน หมายถึง มีการปฏิบัติน้อยที่สุด
การแปลความหมาย
ผู้วิจัยมีเกณฑ์ในการแปลความหมายของคะแนนเฉลี่ยที่ กาหนดดังนี้
การแปลความหมายระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการปฏิ บั ติ ง านพิ จ ารณา
จากค่าเฉลี่ยของระดับความคิดเห็น ตามเกณฑ์ ข องเบสท์ (Best W. John. 1997, p 190) มี ร ายละเอี ย ด
ดังนี้
คะแนน ความหมาย
ค่าเฉลี่ย 4.50 - 5.00 ระดับการปฏิบัติมากที่สุด
ค่าเฉลี่ย 3.50 - 4.49 ระดับการปฏิบัติมาก
ค่าเฉลี่ย 2.50 - 3.49 ระดับการปฏิบัติปานกลาง
ค่าเฉลี่ย 1.50 - 2.49 ระดับการปฏิบัติน้อย
ค่าเฉลี่ย 1.00 - 1.49 ระดับการปฏิบัติน้อยที่สุด
40
3.3 ขั้นตอนการสร้างเครื่องมือ
1) ศึกษาค้นคว้าแนวคิดทฤษฎี และเอกสารการวิจัยต่าง ๆ ที่ เ กี่ ย วข้ อ งโดยพิ จ ารณาถึ ง
รายละเอียดต่าง ๆ เพื่อให้ครอบคลุมถึงวัตถุประสงค์ข องการวิจัยที่กาหนดไว้
2) ดาเนินการสร้างเครื่องมือตามกรอบแนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้อ ง
3) สร้างแบบสอบถามฉบับร่าง เสนอต่ อ กรรมการควบคุ มวิ ท ยา นิ พนธ์ เพื่ อ พิ จ ารณา
ตรวจสอบแก้ไขและปรับปรุงให้เหมาะสมตรงตามจุด มุ่งหมายของการวิจัย
4) นาแบบสอบถามเสนอผู้เชี่ยวชาญจานวน 3 ท่าน ตรวจสอบความถู ก ต้ อ งของภาษา
และความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา ได้ดัชนีความสอดคล้องเท่ากับ 0.93 ซึ่งยอมรับได้ที่มากกว่า 0.50
5) หาค่าสัมประสิทธิ์ความเชื่อมั่น (Reliability) ของแบบสอบถามโดยน าแบบสอบถาม
ไปทาการทดลอง (Try Out) กับกลุ่มตัวอย่างที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน จานวน 30 ชุ ด ก่ อ นเก็ บ ข้ อ มู ล จริ ง
เพื่อนากลับมาหาค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามและนาผลของข้อ มู ล ที่ ไ ด้ เ ฉพาะที่ มีก ารวั ด มาตราส่ ว น
ประมาณค่ามาคานวณหาค่าความเชื่ อ มั่ น โดยใช้ สู ต รสั มประสิ ท ธิ์ แ อลฟา (Coefficient) ตามแนวคิ ด
ของครอนบาค (Chronbach, 1970 p. 161 อ้างถึงใน พิสณุ ฟองศรี 2552, น. 175-177) ได้ ค่ า ความ
เชื่อมั่นแบบสอบถามทั้งฉบับเท่ากับ 0.824 ซึ่งสามารถยอมรับได้ที่มากกว่า 0.70
6) ปรั บ ปรุ ง แก้ ไ ขแบบสอบถา มให้ ถู ก ต้ อ งสมบู ร ณ์ ก่ อ นน าไปเก็ บ รวบรวมข้ อ มู ล
3.4 การเก็บรวบรวมข้อมูล
ผู้วิจัยเก็บรวบรวมข้อมูล มีขั้นตอนดังนี้
1) ทาหนังสือขอความร่วมมือในการศึกษาจากมหาวิทยาลั ย สงขลานคริ น ทร์ วิ ท ยาเขต
สุราษฎร์ธานี เสนอไปยั ง ผู้ จั ด การกลุ่ มอุ ต สาหกรรมติ ด ตั้ ง เครื่ อ งจั ก รสายการผลิ ต ในจั ง หวั ด สงขลา
ประกอบด้วย บริษัท สิริน เอ็นจิเนียริ่ง จากัด บริษัท เบสท์เพาเวอร์ เอ็นจิเนียริ่ง จากัด ห้างหุ้นส่ว นจ ากั ด
เจริญเมคเกอร์ และห้างหุ้นส่วนจากัดชาติชาย เพื่อขอความอนุเคราะห์ ในการเก็บรวบรวมข้ อ มู ล จากกลุ่ ม
ตัวอย่าง
2) ประสานงานกับเจ้าของบริษัท และชี้แจงการทาแบบสอบถามอย่ า งละเอี ย ด โดยส่ ง
แบบสอบถามไปเก็บข้อมูลกับเจ้าของบริษัทในช่วงเดือนเมษายน 2558 ก าหนดให้ ร ะยะเวลาในการตอบ
แบบสอบถามภายในระยะเวลา 1 ชั่วโมง เสร็จแล้วรับกลับทันที
6) น าแบบสอบถามที่ ไ ด้ รั บ กลั บ คื น มาตรวจความสมบู ร ณ์ และด าเนิ น การลงรหั ส
(Coding) เพื่อเตรียมสาหรับการวิเคราะห์ข้อมูลต่อ ไป
41
3.5 การวิเคราะห์ข้อมูล
การวิ เ คราะห์ ข้ อ มู ล ส าหรั บ การวิ จั ย ครั้ ง นี้ แบ่ ง การวิ เ คราะห์ อ อกเป็ น 2 ส่ ว น คื อ
การวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นและการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตอบค าถามวิ จั ย ซึ่ ง มี วิ ธี ก ารวิ เ คราะห์ ข้ อ มู ล และ
วิธีการทางสถิติดังนี้
1) การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณนา ส าหรั บ การวิ เ คราะห์ ใ นส่ ว นนี้ เป็ น การวิ เ คราะห์
ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistics) ใช้สถิติการหาค่าความถี่ (Frequency) ค่ า ร้ อ ยละ
(Percentages) ค่าเฉลี่ย ( ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
1.1) วิ เ ครา ะห์ ข้ อ มู ล ส่ ว นบุ ค คล โดยใช้ ค่ า ความถี่ (Frequency) ค่ า ร้ อ ยละ
(Percentages)
1.2) วิเคราะห์ระดับปัจจัยในการทางาน โดยใช้ค่าเฉลี่ย ( ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
(S.D.)
1.3) วิเคราะห์ระดับประสิทธิภาพในการปฏิบั ติ ง าน โดยใช้ ค่ า ค่ า เฉลี่ ย ( ) ค่ า ส่ ว น
เบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
2) การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงอนุมานเพื่ อ ตอบปั ญ หาวิ จั ย ตามวั ต ถุ ป ระสงค์ โดยใช้
โปรแกรมสาเร็จรูป
2.1) วิเคราะห์เปรียบเทียบประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานจาแนกตามปัจจัยส่วนบุ ค คล
โดยการทดสอบค่ า ที (t-test) การทดสอบความแปรปรวนแบบทางเดี ย ว ( One-Way ANOVA) และ
ทดสอบรายคู่ด้วยวิธีของเชฟเฟ่ (Scheffe’s)
2.2) วิเคราะห์ ค วามสั มพั น ธ์ ร ะหว่ า งปั จ จั ย ในการท างานกั บ ประสิ ท ธิ ภ าพในการ
ปฏิบัติงานด้วยการวิเคราะห์การถดถอยพหุคุณ (Multiple Regression)
บทที่ 4
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
การวิจั ย เรื่ อง ปั จ จั ยที่ มีผ ลต่อประสิ ทธิ ภ าพในการปฏิบั ติง านของพนัก งานกลุ่ ม
อุตสาหกรรมติดตั้งเครื่องจักรสายการผลิตในจังหวัดสงขลา นาเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลดังนี้
4.1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ อายุ สถานภาพ ระดั บ
การศึกษา ตาแหน่งงาน รายได้เฉลี่ยต่อเดือน และอายุงาน
4.2 ผลการวิเคราะห์ ปัจจัยในการทางานของพนักงาน กลุ่มอุตสาหกรรมติดตั้ง
เครื่องจักรสายการผลิตในจังหวัดสงขลา ได้แก่ ความรู้และความเข้าใจในงานที่ทา สภาพแวดล้อมใน
การทางาน ความสัมพันธ์กับบุคคลในที่ทางาน ความมัน่ คงก้าวหน้าในงานและขวัญและกาลังใจในการ
ทางาน
4.3 ผลการวิเคราะห์ ระดั บ ประสิ ทธิภ าพในการปฏิบัติ งานของพนักงานกลุ่ ม
อุตสาหกรรมติดตั้งเครื่องจักรสายการผลิตในจังหวัดสงขลา ได้แก่ ปริมาณการผลิต คุณภาพงาน และ
ความรวดเร็วในการทางาน
4.4 ผลการเปรียบเทียบปัจจัยในการทางานของพนักงานกลุ่มอุตสาหกรรมติดตั้ง
เครื่องจักรสายการผลิตในจังหวัดสงขลา จาแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล
4.5 ผลการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัย ที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิภาพในการ
ปฏิบัติงานกับประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานด้วยการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ
สัญลักษณ์ทางสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันในการแปลความหมายของการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยกาหนด
สัญลักษณ์ต่าง ๆ ได้ ในการแปลความหมาย ดังนี้
แทน ค่าเฉลี่ย (Mean)
S.D. แทน ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
n แทน จานวนกลุ่มตัวอย่าง
t แทน ค่าสถิติที่ใช้ทดสอบสมมุติฐาน t-test (t-test : Independent Samples)
F แทน ค่าสถิติที่ใช้พิจารณาความมีนัยสาคัญจากการแจกแจงแบบ F
(F-Distribution)
* แทน ค่านัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05
R แทน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์พหุคูณ
2
R แทน ประสิทธิภาพในการทานาย (R Square)
2
Adj. R แทน ประสิทธิภาพในการทานายที่ปรับแล้ว (Adjusted R Square)
B แทน ค่าสัมประสิทธิ์ความถดถอย (Regression Coefficients)
Beta แทน ค่าสัมประสิทธิ์ความถดถอยมาตรฐาน
(Standardized Regression Coefficients)
43
4.1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลปัจจัยส่วนบุคคล
ในการศึกษาครั้งนี้ ได้ศึกษาปัจจัยส่ว นบุคคลได้แก่ เพศ อายุ สถานภาพ ระดับ
การศึกษา ตาแหน่งงาน รายได้เฉลี่ยต่อเดือน และอายุงาน ซึ่งผลการวิเคราะห์ดังตารางที่ 4.1
4.2 ผลการวิเคราะห์ปัจจัยในการทางาน
ผลการวิเคราะห์ปัจจัยในการทางานของพนักงานกลุ่มอุตสาหกรรมติดตั้งเครื่องจักร
สายการผลิตในจังหวัดสงขลา ได้แก่ ความรู้และความเข้าใจในงานที่ทา สภาพแวดล้อมในการทางาน
ความสัมพันธ์กับบุคคลในที่ทางาน ความมั่นคงก้าวหน้าในงานและขวัญและกาลังใจในการทางานซึ่ง
ผลการวิเคราะห์ ดังตารางที่ 4.2
6. บริษัทมีเจ้าหน้าที่ดูแลด้านความปลอดภัยประจา 79 27
บริษัทโดยตรง เช่น อาหาร น้าดื่ม ห้องสุขา (71.80) (24.50) 4.75 .43 มากที่สุด
รวม 4.61 .21 มากที่สุด
4.3 ผลการวิเคราะห์ระดับประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน
ผลการวิเคราะห์ระดับประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงานกลุ่มอุตสาหกรรม
ติดตั้งเครื่องจักรสายการผลิตในจังหวัดสงขลา ได้แก่ ปริมาณการผลิต คุณภาพงาน และความ
รวดเร็วในการทางาน
4.3.1 ประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงานกลุ่มอุตสาหกรรมติดตั้ง
เครื่องจักรสายการผลิตในจังหวัดสงขลา 3 ด้าน ได้แก่ ปริมาณการผลิต คุณภาพงาน และความ
รวดเร็วในการทางานมีรายละเอียดดังตารางที่ 4.8
4.4 ผลการเปรียบเทียบประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงานกลุ่มอุตสาหกรรมติดตั้ง
เครื่องจักรสายการผลิตในจังหวัดสงขลา จาแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล
4.4.1 เปรียบเทียบประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน จาแนกตามเพศ
เนื่องจากกลุ่มตัวอย่างที่ได้มาจากการสุ่มที่เป็นอิสระจากกัน ประชากรมีการแจกแจง
แบบปกติ จึงสามารถทดสอบโดยการทดสอบค่าที (t-test) และทดสอบความแปรปรวนแบบทางเดียว
(One-Way ANOVA)ได้
จากตารางที่ 4.12 เปรียบเทียบประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานจาแนกตามเพศชาย
เพศหญิง โดยภาพรวมไม่แตกต่างกัน เมื่อพิจารณาเป็น รายด้านพบว่า เพศชายและเพศหญิงมี
ประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานด้านปริมาณการผลิต ด้านคุณภาพงาน และด้านความรวดเร็วในการ
ทางาน ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05
56
1. ปริมาณการผลิต
ไม่เกิน 15,000 46 4.00 .33 .969 .38
15,000-20,000 41 3.98 .39
20,000-25,000 23 4.12 .41
2. คุณภาพงาน
ไม่เกิน 15,000 46 4.31 .29 1.335 .26
15,000-20,000 41 4.42 .36
20,000-25,000 23 4.33 .25
3.ความรวดเร็วในการทางาน
ไม่เกิน 15,000 46 4.30 .35 1.959 .14
15,000-20,000 41 4.44 .32
20,000-25,000 23 4.42 .40
รวม
ไม่เกิน 15,000 46 4.20 .19 1.704 .18
15,000-20,000 41 4.28 .22
20,000-25,000 23 4.29 .26
* มีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4.5.1 ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยในการทางานกับประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน
ซึ่งสามารถพยากรณ์ในรูปแบบคะแนนดิบได้สมการดังนี้
สมการในรูปคะแนนดิบ
Y = 3.975 + .020 (X1) + -.068 (X2)+ -.021 (X3) + .172 (X4) + -.028 (X5)
สมการในรูปคะแนนมาตรฐาน
Z= .024 (Z1)+ -.065 (Z2) + -.079 (Z3) + -.194 (Z4) + -.033 (Z5)
บทที่ 5
สรุปผล อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ
การศึกษาครั้งนี้มุ่งศึกษาเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิ บั ติ ง านของ
พนักงานกลุ่มอุตสาหกรรมติดตั้งเครื่องจักรสายการผลิตในจังหวัดสงขลา ซึ่งผู้วิจัยขอน าเสนอ สรุ ป ผล
การศึกษา การอภิปรายผล และข้อเสนอแนะตามลาดับดังนี้
5.1 สรุปผลการศึกษา
ผลการวิจัย สรุปประเด็นสาคัญตามวัตถุประสงค์และสมมติ ฐานได้ดั งนี้
5.1.1 ผลการวิ เ คราะห์ ปั จ จั ย ส่ ว นบุ ค คลของกลุ่ มตั ว อย่ า งพบว่ า ส่ ว นใหญ่ เ ป็ น
เพศชาย ร้อยละ 61.80 เป็นเพศหญิง ร้อยละ 38.20 มีอายุ 31-35 ปี ร้ อ ยละ 35.50 รองลงมาอายุ
36-40 ปี ร้ อ ยละ 33.60 อายุ 20-30 ปี ร้ อ ยละ 30.90 สถา นภา พสมรส ร้ อ ยละ 59.10
โสด ร้อยละ 23.60 และหม้าย/หย่าร้าง ร้อยละ17.30 มีการศึกษาระดั บ ปริ ญ ญาตรี ร้ อ ยละ 80.90
อนุปริญญา/ปวส.ร้อยละ 11.80 สูงปริญญาตรี ร้อยละ7.30 ต าแหน่ ง งานระดั บ ปฏิ บั ติ ก าร ร้ อ ยละ
62.70 ระดั บ หั ว หน้ า หน่ ว ยหรื อ แผนก ร้ อ ยละ 30.90 และระดั บ ผู้ จั ด การฝ่ า ย ร้ อ ยละ 6.40
รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,000-15,000 บาท ร้อยละ 4.180 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 15,001-20,000 บาท
ร้อยละ 37.30 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-25,000 บาท ร้อยละ 20.90 และอายุงานน้อ ยกว่ า 5 ปี
ร้อยละ 71.80 รองลงมา 5-10 ปี ร้อยละ 28.20 ตามลาดับ
5.1.2 ผลการวิเคราะห์ปัจจัยในการท างานของพนั ก งานกลุ่ มอุ ต สาหกรรมติ ด ตั้ ง
เครื่องจักรสายการผลิตในจังหวัดสงขลา พบว่า ทั้ง 5 ด้านอยู่ในระดับความคิดเห็นมาก ค่ า เฉลี่ ย 4.05
เมื่อพิจารณาแต่ละด้านพบว่าอยู่ในระดับมากที่สุด 1 ด้านได้แก่ สภาพแวดล้อมในการทางาน ค่ า เฉลี่ ย
4.61 อยู่ ใ น ระดั บ มาก 4 ด้ า น ได้ แ ก่ ความรู้ แ ละควา มเข้ า ใจใน งา นที่ ท า ค่ า เฉลี่ ย 4.37
ความมั่ น คงก้ า วหน้ า ในงาน ค่ า เฉลี่ ย 3.99 ขวั ญ และก าลั ง ใจ ในกา รท างา น ค่ า เฉลี่ ย 3.75
และความสัมพันธ์กับบุคคลในที่ทางาน ค่าเฉลี่ย 3.56 ตามลาดับ
5.1.3 ผลการวิเคราะห์ประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานพบว่า ทั้ง 3 ด้า น อยู่ ใ นระดั บ
การปฏิ บั ติ มาก ค่ า เฉลี่ ย 4.25 เมื่ อ พิ จ า รณาแต่ ล ะด้ า นพบ ว่ า อยู่ ใ นระดั บ มากทุ ก ด้ า น ได้ แ ก่
ความรวดเร็วในการทางาน ค่าเฉลี่ย 4.38 คุณภาพงาน ค่าเฉลี่ย 4.35 และปริมาณการผลิ ต ค่ า เฉลี่ ย
4.01 ตามลาดับ
5.1.4 ผลการเปรียบเทียบปัจจัยในการทางานจาแนกตามปัจจัย ส่ ว นบุ ค คล จ าแนก
ตามเพศชาย เพศหญิง โดยภาพรวมไม่แตกต่างกัน เมื่อพิจารณาเป็นรายด้ า นพบว่ า ปริ มาณการผลิ ต
คุณภาพงาน และความรวดเร็วในการทางาน ไม่แตกต่ า งกั น อย่ า งมี นั ย ส าคั ญ ทางสถิ ติ ที่ ร ะดั บ 0.05
โดยเพศหญิงมีระดับประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานมากกว่าเพศชาย จาแนกตามอายุ โดยภาพรวมไม่
แตกต่างกัน เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ไม่แตกต่างกันทุกด้านอย่างมี นั ย ส าคั ญ ทางสถิ ติ ที่ ร ะดั บ
0.05 จ าแนกตามสถา นภาพ โดยภาพรวมไม่ แ ตกต่ า งกั น เมื่ อ พิ จ าร ณาเป็ น รายด้ า น พบว่ า
ไม่ แ ตกต่ า งกั น ทุ ก ด้ า นอย่ า งมี นั ย ส า คั ญ ทา งสถิ ติ ที่ ร ะดั บ 0.05 จ าแนกตามร ะดั บ กา รศึ ก ษา
67
5.2 อภิปรายผล
จากการศึกษาเรื่อง ปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนั ก งานกลุ่ ม
อุตสาหกรรมติดตั้งเครื่องจักรสายการผลิตในจังหวัดสงขลา มีประเด็นน่าสนใจนามาอภิปราย ดังนี้
5.2.1 ผลการวิเคราะห์ปัจจัยในการท างานของพนั ก งานกลุ่ มอุ ต สาหกรรมติ ด ตั้ ง
เครื่องจักรสายการผลิตในจังหวัดสงขลา พบว่า ทั้ง 5 ด้านมีความคิ ด อยู่ ใ นระดั บ มาก ค่ า เฉลี่ ย 4.05
เมื่อพิจารณาแต่ละด้านพบว่าอยู่ในระดับมากที่ สุ ด 1 ด้ า นได้ แ ก่ ด้ า นสภาพแวดล้ อ มในการท างาน
มีค่าเฉลี่ย 4.61 เนื่องจากกลุ่มบริษัทมีการจัดสภาพแวดล้ อ มที่ ดี เช่ น สถานที่ ท างาน เหมาะแก่ ก าร
ทางาน มีแสงสว่างเพียงพอ มีอุณหภูมิในการทางานที่เหมาะสม มี มาตรการป้ อ งกั น อุ บั ติ เ หตุ ใ นการ
ท างาน มี อุ ป กร ณ์ เ ครื่ อ งมื อ ที่ ใ ช้ ใ นการ ท า งา นที่ มีคุ ณภาพ อยู่ ใ นร ะดั บ มาก 4 ด้ า นได้ แ ก่
ด้านความรู้และความเข้าใจในงานที่ทา มีค่าเฉลี่ย 4.37 ด้ า นความมั่ น คงก้ า วหน้ า ในงาน มี ค่ า เฉลี่ ย
3.99 ด้านขวัญและกาลังใจในการทางาน มีค่าเฉลี่ย 3.75 และด้านความสัมพันธ์กับบุค คลในที่ ท างาน
มีค่าเฉลี่ย 3.56 เนื่องจากกลุ่มบริ ษั ท มี ก ารฝึ ก อบรมพนั ก งานก่ อ นการปฏิ บั ติ ง าน ท าให้ พนั ก งาน
มีความรู้ความเข้าใจในงานที่ทา เห็นความสาคัญของงานที่ทาอยู่ ได้ รั บ ค่ า ตอบแทนจากการท างาน
ที่เหมาะสมกับความรู้ความสามารถ ทั้งยังมีโอกาสได้สอบปรับเลื่อนตาแหน่ ง งาน เพื่ อ รั บ ผิ ด ชอบงาน
ที่สูงขึ้น ซึ่งผลจากการศึกษาสอดคล้องกับผลการศึ ก ษาของ มลฑา พิ ทั ก ษ์ (2554 ) ได้ ท าการวิ จั ย
เรื่ อ ง ความคิ ด เห็ น เกี่ ย วกั บ ปั จ จั ย ที่ มีผ ลต่ อ ปร ะสิ ท ธิ ภ า พใน กา รปฏิ บั ติ ง า น ของพนั ก งา น
สังกัดสานักงานมหาวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์ มหาวิ ท ยาลั ย ผลการวิ จั ย พบว่ า พนั ก งานมี ร ะดั บ ความ
คิดเห็นต่อ ปั จ จั ย ที่ มีผ ลต่ อ ประสิ ท ธิ ภ าพในการปฏิ บั ติ ง าน ด้ า นลั ก ษณะงานที่ ป ฏิ บั ติ ด้ า นความ
รั บ ผิ ด ชอบ ด้ า นความรู้ แ ละเข้ า ใจในงานที่ ป ฏิ บั ติ ด้ า นความมั่ น คงก้ า วหน้ า ในการปฏิ บั ติ ง าน
ด้านสภาพแวดล้อมในการปฏิ บั ติ ง าน ด้ า นความสั มพั น ธ์ ร ะหว่ า งบุ ค คลในที่ ท างานด้ า นเงิ น เดื อ น
ผลตอบแทนและสวัสดิการ โดยรวมอยู่ในระดับมาก เนื่องจากส านั ก งานมี ก ารจั ด สภาพแวดล้ อ มที่ ดี
เหมาะแก่การทางาน มีการจัดอบรมให้ความรู้แก่พนักงาน ให้ค่าตอบแทนและสวั ส ดิ ก ารที่ เ หมาะสม
มีการปรับขึ้นงานเดือนตามความสามารถในการปฏิบัติงาน ท าให้ พนั ก งานเห็ น ความส าคั ญ ของงาน
68
เช่ น เดี ย วกั บ ผลการศึ ก ษาของ คมกริ ช เสาวิ จิ ต ร (2556) ได้ ท าการวิ จั ย เรื่ อ ง ปั จ จั ย ที่ มีผ ล
ต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงานสานักงานการไฟฟ้ า ส่ ว นภู มิภ าค เขต 1 (ภาคกลาง)
จั ง หวั ด พระนครศรี อ ยุ ธ ยา ผลการวิ จั ย พบว่ า ปั จ จั ย ที่ มีผ ลต่ อ ประสิ ท ธิ ภ าพในการปฏิ บั ติ ง าน
ด้านสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงาน ด้านความมั่นคงและโอกาสก้าวหน้าในงาน ด้านความสั มพั น ธ์ กั บ
เพื่อนร่วมงาน ด้านลักษณะงาน และด้านความสาเร็จและตรงเวลาในการปฏิบัติ พนั ก งานเห็ น ด้ ว ยอยู่
ในระดับมาก ส่วนด้านผลตอบแทนและสวัสดิการ พนักงานเห็ น ด้ ว ยอยู่ ใ นระดั บ มากที่ สุ ด เนื่ อ งจาก
สานักงานมีการจัดสภาพแวดล้อมที่ดี โดยสถานที่ทางานสะอาด มีระบบป้องกันความปลอดภั ย ในการ
ทางาน พนักงานมีการให้คาปรึกษา ลักษณะงานที่ ท ามี ค วามเหมาะสมกั บ ความสามารถ อี ก ทั้ ง ยั ง
ได้รับค่าตอบแทนและสวัสดิการที่ดี
5.2.2.1 ด้ า นความรู้ แ ละความเข้ า ใจในงานที่ ท า บริ ษั ท ได้ มีก ารฝึ ก อบร ม
พนักงานเกี่ยวกับขั้นตอนการทางาน กฎระเบี ย บข้ อ ก าหนดให้ พนั ก งานทราบก่ อ นปฏิ บั ติ ง านจริ ง
ทาให้พนักงานมีความเข้าใจ และเห็นความสาคัญของงานที่กาลังทาอยู่ ซึ่งสอดคล้ อ งกั บ ผลการศึ ก ษา
ของ ศุกลวัฒน์ นิธิกุลธนาโรจน์ (2552) ได้ศึกษา ความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อประสิท ธิ ภ าพใน
การปฏิบัติงานของพนักงานบริษัท อินเดโลร์ เลนส์ (ไทยแลนด์) จากัด ผลการศึ ก ษาพบว่ า พนั ก งาน
มีความคิดเห็น เกี่ ย วกั บ ปั จ จั ย ด้ า นความรู้ แ ละเข้ า ใจในงานที่ ป ฏิ บั ติ อยู่ ใ นระดั บ มาก เนื่ อ งจาก
พนักงานได้รับการฝึกอบรม ก่อนที่จะได้ลงมือปฏิบัติงานจริง ทาให้มีความรู้และความเข้ า ใจเป็ น อย่ า ง
ดีในงานที่ปฏิบัติอยู่ เกิดความเข้าใจและเห็นความสาคัญของงานที่กาลังปฏิบัติอ ยู่ แต่ บ างครั้ ง เมื่ อ เจอ
ปัญหาหรืออุปสรรคในการทางาน พนักจะไม่สามารถรับผิดชอบงานโดยเบ็ดเสร็ จ ตั้ ง แต่ ต้ น จนส าเร็ จ
ด้วยตัวเอง เพราะขาดความรู้ ค วามเข้ า ใจ จึ ง ต้ อ งให้ ผู้ เ ชี่ ย วชาญที่ เ ข้ า ใจวิ ธี ป ฏิ บั ติ ง านเข้ า มาช่ ว ย
แก้ปัญหา สอดคล้องกับผลการศึกษาของ จรรยพร สุ รั ต นชั ย การ (2550) ว่ า หากพนั ก งานมี ค วาม
เข้าใจวิธีปฏิบัติงาน และการใช้ อุ ป กรณ์ เ ครื่ อ งมื อ ในการท างานได้ อ ย่ า งถู ก ต้ อ ง และพนั ก งานจะ
สามารถตอบคาถาม และเสนอความคิดเห็นแก่หัวหน้างานได้เป็นอย่างดี เมื่อ เกิด ปัญหา
5.2.2.2 ด้านสภาพแวดล้อมในการทางาน โดยรวมอยู่ในระดับความคิ ด เห็ น มาก
ที่สุด บริษัทได้มีการจัดอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล และเครื่องมือในการปฐมพยาบาลเบื้ อ งต้ น
อย่างเพียงพอ มีเจ้าหน้าที่ดูแลด้านความปลอดภัยประจาบริษัทโดยตรง ฝ่ายบริหารของบริ ษั ท ได้ เ ข้ า
มามีส่วนร่วมในการสื บ สวนสอบสวน การออกมาตรการเพื่ อ ป้ อ งกั น มิ ใ ห้ เ กิ ด อุ บั ติ เ หตุ เ กิ ด ขึ้ น ซึ่ ง
สอดคล้องกับผลการศึกษาของ มลฑา พิทักษ์ (2554 ) ได้ศึกษา ความคิดเห็นเกี่ย วกั บ ปั จ จั ย ที่ มีผ ลต่ อ
ประสิทธิภาพในการปฏิ บั ติ ง านของพนั ก งาน ส านั ก งานมหาวิ ท ยาลั ย จุ ฬ าลงกรณ์ มหาวิ ท ยาลั ย
ผลการศึกษาพบว่า พนักงานมีระดับ ความคิ ด เห็ น ต่ อ ปั จ จั ย ด้ า นสภาพแวดล้ อ มในการปฏิ บั ติ ง าน
อยู่ในระดับมาก ทั้งนี้เนื่องจากสภาพแวดล้อมมี อิ ท ธิ พลต่ อ ร่ า งกายและจิ ต ใจ ของพนั ก งานเป็ น อั น
มาก มีส่วนเสริมสร้างและทาลายขวัญและกาลังใจเป็นอย่างยิ่ง การจัดสภาพการปฏิบัติงานที่ ดี ถู ก หลั ก
อนามัย จะทาให้พนักงานเกิดความสบายใจ และมีความสุขในการทางาน แต่บางครั้งอุ ป กรณ์ เ ครื่ อ งใช้
ที่จาเป็นในการปฏิบัติงาน ไม่เพียงพอต่อการทางาน จึงทาให้ผลการปฏิ บั ติ ง านไม่ ส าเร็ จ หรื อ อาจมี
ข้อผิดพลาดเกิดขึ้น สอดคล้องกับผลการศึกษาของ สิริอร วิชชาวุธ (2548) ว่าสภาพแวดล้ อ มของการ
ปฏิ บั ติ ง า น จ ะมี อิ ท ธิ พลท าให้ ป ระสบควา มส า เร็ จ อย่ า งมี ป ระสิ ท ธิ ภ าพได้ พอ ๆ กั บ ความรู้
ความสามารถ เช่น ถ้าต้องการที่จ ะปฏิ บั ติ ง าน สภาพแวดล้ อ มเอื้ อ อ านวย แต่ ไ ม่ มีค วามรู้ พอที่ จ ะ
69
ปฏิ บั ติ ง า นได้ จ ะท า ให้ ป ฏิ บั ติ ง า นไม่ ส า เร็ จ ในทา งกลั บ กั น หา กมี ค วา มรู้ ที่ จ ะปฏิ บั ติ ง า นได้
แต่สภาพแวดล้อมไม่ดีพอ แสงสว่างน้อย มีเสียงดังรบกวนอยู่ตลอด สภาพแวดล้อมเช่นนี้ อาจท าให้ ผ ล
ให้การปฏิบัติงานไม่สาเร็จหรืออาจมีข้อผิดพลาดในการปฏิบัติงานได้ สภาพแวดล้อมจึง เป็ น ปั จ จั ย หนึ่ ง
ที่มีอิทธิพลต่อการปฏิบัติงาน
5.2.2.3 ด้านความสั มพั น ธ์ กั บ บุ ค คลในที่ ท างาน โดยรวมอยู่ ใ นระดั บ ความ
คิดเห็นมากที่สุด พนักงานได้รับการยอมรับ และความช่วยเหลือจากเพื่ อ นร่ ว มงาน ผู้ ใ ต้ บั ง คั บ บั ญ ชา
หัวหน้างาน และฝ่ายบริหาร ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึ ก ษาของ สมชาย เรื อ งวงษ์ (2552) ได้ ศึ ก ษา
ปั จ จั ย ที่ มี ผ ลต่ อ ประสิ ท ธิ ภ า พใน กา รปฏิ บั ติ ง าน ของพนั ก งาน บริ ษั ท ฮิ ต าชิ ค อมเพรสเซอร์
(ประเทศไทย) จากัด ผลการศึกษาพบว่า ด้านเพื่อนร่วมงานมี ผ ลต่ อ ประสิ ท ธิ ภ าพในการปฏิ บั ติ ง าน
ของพนักงานในระดับมาก แสดงให้เห็นว่า ความสัมพันธ์กับบุคคลในที่ทางานเป็นการสร้ า งทั ศ นคติ ที่ ดี
ต่อกัน เห็นความสาคัญของความเป็นมนุษย์ แสดงความห่วงใยซึ่งกันและกัน การพู ด จาหรื อ การแสดง
พฤติกรรมต่อผู้อื่น ช่วยเหลือเพื่อนร่วมงาน ทาให้ เ กิ ด มิ ต รภาพที่ ดี ส่ ง ผลให้ เ กิ ด ความส าเร็ จ ใน การ
ปฏิบัติงานร่วมกัน แต่บางครั้งพนักงานก็ไม่ได้รับความยุ ติ ธ รรม ภายใต้ ก ฎระเบี ย บของบริ ษั ท ที่ เ ท่ า
เทียมกัน ทาให้ เ กิ ด การแบ่ ง แยกของกลุ่ มพนั ก งาน จนไม่ ส ามารถท างานร่ ว มกั น ได้ อย่ า งส าเร็ จ
ซึ่ ง สอดคล้ อ งกั บ ผลการศึ ก ษาของ เสนาะ ติ เ ยาว์ (2545) ว่ า ภายในองค์ ก รผู้ บ ริ ห ารย่ อ มมี
ความสัมพันธ์กับผู้ใต้บังคับบัญ ชา เพื่ อ นร่ ว มงาน ผู้ ใ ต้ บั ง คั บ บั ญ ชาโดยตรง ผู้ ใ ต้ บั ง คั บ อื่ น ๆ และ
พนั ก งานระดั บ ล่ า ง ความสั มพั น ธ์ ร ะหว่ า งบุ ค คลนี้ นั บ ว่ า เป็ น ปั จ จั ย อย่ า งหนึ่ ง ส่ ง ผลโดยตรงต่ อ
ความสาเร็จและความล้มเหลว อาจกล่าวได้ว่า ความสั มพั น ธ์ เ ป็ น อ านาจอย่ า งหนึ่ ง ในการเป็ น ผู้ น า
รวมทั้งการใช้การจูงใจในการปฏิบัติงานเป็นทีมและการสื่อสาร
5.2.2.4 ด้านความมั่นคงก้าวหน้าในงานโดยรวมอยู่ ใ นระดั บ ความคิ ด เห็ น มาก
เนื่องจาก งานที่ได้รับมอบหมายมีส่วนส่งเสริมให้ได้รับความก้ า วหน้ า มี โ อกาสได้ เ รี ย นรู้ ร ะบบงานที่
เกี่ยวข้องอย่างสม่าเสมอ และมีโอกาสในการพั ฒ นางานที่ รั บ ผิ ด ชอบอย่ า งเต็ มที่ ท าให้ รู้ สึ ก ว่ า จะมี
อนาคตที่ดีขึ้น มีความรู้สึกชอบและสนุกกับงานที่ทา ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษาของ มลฑา พิ ทั ก ษ์
(2554 ) ได้ทาการวิจัยเรื่อง ความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิ ภ าพในการปฏิ บั ติ ง านของ
พนักงาน สังกัดสานักงานมหาวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยผลการศึกษาพบว่า พนั ก งานมี ร ะดั บ
ความคิดเห็นต่อปัจจัย ด้านความมั่นคงก้าวหน้าในการปฏิบัติงาน อยู่ในระดับมาก เนื่ อ งลั ก ษณะงานที่
ทาอยู่มีความเหมาะสม มีการเปิดโอกาสให้ พนั ก งานศึ ก ษาต่ อ เพื่ อ เพิ่ มพู น ความรู้ แ ละคุ ณวุ ฒิ ใ ห้ กั บ
พนักงาน และผลการศึกษาของ คมกริ ช เสาวิ จิ ต ร (2556) ได้ ท าการวิ จั ย เรื่ อ ง ปั จ จั ย ที่ มีผ ลต่ อ
ประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนั ก งานส านั ก งานการไฟฟ้ า ส่ ว นภู มิภ าค เขต 1 (ภาคกลาง)
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ด้ า นความ
มั่นคงและโอกาสก้าวหน้าในงาน พนักงานเห็นด้วยอยู่ในระดับมาก แสดงให้เห็นว่าลักษณะงานที่ ก าลั ง
ทาอยู่มีความเหมาะสม และทาให้รู้สึกว่าจะมีอนาคตที่ดีขึ้น งานที่ปฏิบัติมีความท้าทาย และกระตุ้ น ให้
เกิดความต้องการอยากจะทางาน
5.2.2.5 ด้านขวัญและกาลังใจในการทางาน โดยรวมอยู่ ใ นระดั บ ความคิ ด เห็ น
มาก เนื่องจาก พนักมีความเชื่อ มั่ น ในความมั่ น คงของบริ ษั ท ได้ ค่ า ตอบแทนหรื อ เงิ น เดื อ นที่ ไ ด้ รั บ
เหมาะสมกับความรู้และความสามารถ ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษาของ คมกริ ช เสาวิ จิ ต ร (2556)
70
ของ ศุกลวัฒน์ นิธิกุลธนาโรจน์ (2552) ได้ ท าการวิ จั ย เรื่ อ ง ความคิ ด เห็ น เกี่ ย วกั บ ปั จ จั ย ที่ มีผ ลต่ อ
ประสิทธิภาพ ในการปฏิบัติงานของพนักงานบริษัท อินเดโลร์ เลนส์ (ไทยแลนด์ ) จ ากั ด ผลการวิ จั ย
พบว่า พนักงานมีความคิดเห็นเกี่ย วกั บ ปั จ จั ย ที่ มีผ ลต่ อ ประสิ ท ธิ ภ าพในการปฏิ บั ติ ง าน ด้ า นความ
รวดเร็วในการปฏิบัติงาน โดยรวมอยู่ในระดับมาก เนื่องจากพนักงานมีความรู้ ค วามเข้ า ใจในงานที่ ท า
และบริษัทมีมาตรฐานกาหนดการทางานที่ชัดเจน ทาให้พนักงานปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
5.3 ผลการเปรียบเทียบประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานจาแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล พบว่ า ต าแหน่ ง
งานแตกต่างกัน มีประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานแตกต่างกัน อย่ า งมี นั ย ส าคั ญ ทางสถิ ติ ที่ ร ะดั บ 0.05
ส่วน เพศ อายุ สถานภาพ ระดับการศึกษา รายได้เฉลี่ ยต่อเดือน และอายุ ง านต่ า งกั น มี ป ระสิ ท ธิ ภ าพ
ในการปฏิบัติงานไม่แตกต่างกัน ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษาของ สมยศ แย้ มเผื่ อ น (2551) ได้ ท า
การวิจัยเรื่อง ปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพการทางานของพนักงานปฏิบัติการ บริ ษั ท เอเชี ย น มารี น
เซอร์วิสส์ จากัด (มหาชน) ผลการวิ จั ย พบว่ า ปั จ จั ย ส่ ว นบุ ค คล ด้ า นต าแหน่ ง ในการปฏิ บั ติ ง าน
แตกต่างกัน มีประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานด้านปริมาณงาน ด้านคุณภาพ และด้ า นผลผลิ ต แตกต่ า ง
กัน เช่นเดียวกันกับผลการศึกษาของ สมชาย เรืองวงษ์ (2552) ได้ ท าการวิ จั ย เรื่ อ ง ปั จ จั ย ที่ มีผ ลต่ อ
ประสิทธิภาพในการปฏิ บั ติ ง านของพนั ก งาน บริ ษั ท ฮิ ต าชิ ค อมเพรสเซอร์ (ประเทศไทย) จ ากั ด
ผลการศึกษาพบว่า พนักงานที่มี เพศ สถานภาพสมรส การศึกษาและอายุ ง านต่ า งกั น มี ร ะดั บ ความ
คิดเห็นต่อปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติ งานไม่แตกต่างกัน
จากการศึกษาสรุปได้ว่า ปัจจัยส่วนบุคคล เนื่องจากพนักงานในแต่ละระดั บ งานจะมี
ความสามารถ อานาจการตัดสินใจ ทักษะ ความรู้ความเชี่ยวชาญที่ต่างกัน ตาแหน่งงานแตกต่ า งกั น จึ ง
มีประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานแตกต่างกัน ซึ่งเป็นไปตามสมมติ ฐ านที่ ตั้ ง ไว้ ส่ ว นปั จ จั ย ส่ ว นบุ ค คล
ด้าน เพศ อายุ สถานภาพ ระดับการศึกษา รายได้เฉลี่ยต่อเดือน และอายุงานต่า งกั น มี ป ระสิ ท ธิ ภ าพ
ในการปฏิบัติงานไม่แตกต่างกัน ซึ่งไม่เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้
5.2.2.4 ผลการหาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยในการทางานกับประสิ ท ธิ ภ าพในการ
ปฏิบัติงานโดยได้ค่าประสิทธิภาพของการทานาย R2 เท่ากับ 0.054 กล่าวได้ว่า ความเป็ น ได้ ข องการ
ตั้ ง สมมติ ฐ านว่ า ปั จ จั ย ที่ มีผ ลต่ อ ประสิ ท ธิ ภ าพในการปฏิ บั ติ ง านทั้ ง 5 ด้ า น มี ค วามสั มพั น ธ์ กั บ
ประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ได้เพียงร้อยละ 5.4 ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 94.6 เกิ ด จากอิ ท ธิ พลของ
ตัวแปรอื่น ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษาของ มลฑา พิทักษ์ (2554 ) ได้ทาการวิจัยเรื่อง ความคิ ด เห็ น
เกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติ ง านของพนั ก งาน สั ง กั ด ส านั ก งานมหาวิ ท ยาลั ย
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผลการศึกษาพบว่า ระดับความคิดเห็นของพนักงานที่ มีต่ อ ปั จ จั ย พื้ น ฐานใน
การปฏิบัติงาน ด้านบุคลากร ด้านการเงิน ด้านวัสดุอุปกรณ์ ด้านการจัดการ มีความสั มพั น ธ์ กั บ ความ
คิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติง าน ด้ า นลั ก ษณะงานที่ ป ฏิ บั ติ ด้ า นความ
รับผิดชอบ ด้านความรู้และเข้าใจในงานที่ ป ฏิ บั ติ ด้ า นความมั่ น คงก้ า วหน้ า ในการปฏิ บั ติ ง าน ด้ า น
สภาพแวดล้ อ มในการปฏิ บั ติ ง าน ด้ า นความสั มพั น ธ์ ร ะหว่ า งบุ ค คลในที่ ท างาน ด้ า นเงิ น เดื อ น
ผลตอบแทนและสวัสดิการ ของพนักงานสั ง กั ด ส านั ก งาน มหาวิ ท ยาลั ย จุ ฬ าลงกรณ์ มหาวิ ท ยาลั ย
แสดงให้ เ ห็ น ว่ า อา จจะมี ปั จ จั ย อื่ น ที่ มีผ ลต่ อ ประสิ ท ธิ ภ า พในการปฏิ บั ติ ง า น ที่ น อกเหนื อ จา ก
ความรู้และความเข้าใจในงานที่ทา สภาพแวดล้อมในการทางาน ความสั มพั น ธ์ กั บ บุ คคลในที่ ท างาน
ความมั่นคงก้าวหน้าในงาน และขวัญและกาลังใจในการทางาน
72
5.3 ข้อเสนอแนะ
5.3.1 ข้อเสนอแนะเพื่อการนาไปใช้
จากการวิจัยเรื่อง ปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิ บั ติ ง านของพนั ก งานกลุ่ ม
อุตสาหกรรมติดตั้งเครื่องจักรสายการผลิ ต ในจั ง หวั ด สงขลา ผู้ วิ จั ย มี ข้ อ เสนอแนะบางประการต่ อ
ผู้บริหารที่ควรพิจารณาปรับปรุงการเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดดั งนี้
5.3.1.1 จากผลการศึกษาพบว่า ความเข้าใจในงานที่ทา พนักงานมีความเข้ า ใจและ
การเห็นความสาคัญของงานที่กาลังทา มีความรู้ตามระเบียบปฏิบัติ หรื อ มาตรฐานของงานในหน้ า ที่
ที่กาลังทาอยู่เป็นสิ่งที่ดี แต่ควรปรับปรุงลักษณะงานที่ปฏิบัติส่วนใหญ่ ให้พนักงานสามารถรั บ ผิ ด ชอบ
โดยเบ็ดเสร็จตั้งแต่ต้นจนสาเร็จด้วยตัวเอง เช่นหากเจอปัญหาหรืออุปสรรคในการทา ควรให้ พนั ก งาน
ศึกษาหาวิธีการแก้ปัญหาด้วยตนเอง โดยผู้บังคับบัญชาเป็นผู้คอยให้คาแนะน า เมื่ อ พนั ก งานสามารถ
แก้ไขปัญหาได้แล้ว พนักงานจะมีความมั่นใจและเป็นการเพิ่มพู น ความรู้ แ ก่ พนั ก งานในการท างานที่
ยากขึ้นอีกระดับ
5.3.1.2 ด้านสภาพแวดล้ อ มในการท างาน บริ ษั ท ได้ มีก ารจั ด อุ ป กรณ์ ป้ อ งกั น
อันตรายส่วนบุคคล และเครื่องมือในการปฐมพยาบาลเบื้องต้นอย่ า งเพี ย งพอ บริ ษั ท มี เ จ้ า หน้ า ที่ ดู แ ล
ด้านความปลอดภัยประจาบริษัทโดยตรง เช่น อาหาร น้าดื่ม ห้องสุขา ฝ่ายบริหารของบริษั ท ได้ เ ข้ า มา
มีส่วนร่วมในการสืบสวนสอบสวน และออกมาตรการเพื่อป้องกัน มิ ใ ห้ เ กิ ด อุ บั ติ เ หตุ เ ป็ น สิ่ ง ที่ ดี แต่ ค วร
ปรับปรุงเรื่องอุปกรณ์เครื่องใช้ที่จาเป็นในการปฏิบัติงาน ส่วนที่รับผิดชอบให้ มีคุ ณภาพ และเพี ย งพอ
ต่อการทางาน ควรจัดหาที่พักผ่อนช่วงพัก กลางวั น เช่ น มี ห้ อ งนั่ ง เล่ น ห้ อ งสมุ ด ห้ อ งฟั ง เพลงดู ที วี
เพื่อเป็นการผ่อนคลายให้กับพนักงาน
5.3.1.3 ด้านความสัมพันธ์กับบุค คลในที่ ท างาน พนั ก งานได้ รั บ ความช่ ว ยเหลื อ
เกื้อกูลจากเพื่อนร่วมงานผู้ใต้บังคับบัญชา หัวหน้างาน และฝ่ายบริหารเสมอในเวลาที่ มีปั ญ หา ได้ รั บ
ความยุ ติ ธ รรมภายใต้ ก ฎระเบี ย บของบริ ษั ท เท่ า เที ย มกั บ พนั ก งานทุ ก คน เป็ น สิ่ ง ที่ ดี ควรรั ก ษา
มาตรฐานนี้ไว้ แต่ควรจัดกิจกรรมให้พนักงานทาร่วมกัน เช่น จัด งานปี ใ หม่ งานกี ฬ าสี ประกวดร้ อ ง
เพลง เป็นการกระชับความสัมพันธ์ของพนักงาน
5.3.1.4 ด้านความมั่นคงก้าวหน้าในงาน เป็นปัจจัยสาคัญที่สร้า งความพึ ง พอใจใน
การทางานให้แก่พนักงาน ทาให้พนักงานปฏิบัติงานอย่างเต็มใจ บรรลุตามเป้าหมายขององค์ ก รอย่ า ง
73
แบบสอบถามเพื่อการวิจัย
เรื่อง ปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงานกลุ่มอุตสาหกรรมติดตั้งเครื่องจักร
สายการผลิตในจังหวัดสงขลา
----------------------------------------------
ค าชี้ แ จงจุ ด ประสงค์ ข องแบบสอบถามนี้ เพื่ อศึ ก ษาตามหลั ก สู ต รบริ ห าร ธุ ร กิ จ
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี
1) แบบสอบถามเรื่อง “ปัจจัยที่มีผลประสิ ทธิภ าพในการปฏิบัติงานของพนักงานกลุ่ ม
อุตสาหกรรมติดตั้งเครื่องจักรสายการผลิตในจังหวัดสงขลา” การตอบแบบสอบถามไม่มีผลกระทบต่อ
ผู้ตอบแบบสอบถามหน่ วยงาน หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องแต่ประการใด ซึ่งข้อมูลที่ได้จากการตอบ
แบบสอบถาม จะถูกเก็บเป็นความลับและจะไปใช้ประโยชน์เพื่อการศึกษาวิจัยต่อไป
2) แบบสอบถามฉบับนี้ มี 3 ตอน ดังนี้
ตอนที่ 1 ข้อมูลปัจจัยส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม
ตอนที่ 2 แบบสอบถามเกี่ยวกับ ปัจจัยในการทางานของพนักงานกลุ่มอุตสาหกรรมติดตั้ง
เครื่องจักรสายการผลิตในจังหวัดสงขลา
ตอนที่ 3 แบบสอบถามเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงานกลุ่ม
อุตสาหกรรมติดตั้งเครื่องจักรสายการผลิตในจังหวัดสงขลา
ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือด้วยดี
นายอัครเดช ไม้จันทร์
นักศึกษาปริญญาโท หลักสูตรบริหารธุรกิจ
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี
81
ตอนที่ 1 ข้อมูลปัจจัยส่วนบุคลของผู้ตอบแบบสอบถาม
คาชี้แจง โปรดทาเครื่องหมาย ลงในช่อง ที่ท่านเห็นว่าตรงกับความจริงหรือ
ความคิดเห็นของท่านมากที่สุด
1. เพศ
1. ชาย 2. หญิง
2. อายุ
1. 20 – 25 ปี 2. 26 – 30 ปี
3. 31 – 35 ปี 4. 36-40 ปี
5. 41-45 ปี 6. มากกว่า 45 ปี
3. สถานภาพ
1. โสด 2. สมรส
3. หม้าย/หย่าร้าง
4. ระดับการศึกษา
1. อนุปริญญา/ปวส. 2. ปริญญาตรี
3. สูงกว่าปริญญาตรี
5. ตาแหน่งงาน
1. ระดับปฏิบัติการ 2. ระดับหัวหน้าหน่วย/แผนก
3. ระดับผู้จัดการฝุาย 4. สูงกว่าผู้จัดการฝุาย
5. อื่น ๆ ระบุ..............................................
6. รายได้เฉลี่ยต่อเดือน
1. ต่ากว่า 10,000 บาท 2. 10,000-15,000 บาท
3. 15,001-20,000 บาท 4. 20,001- 25,000 บาท
5. 25,001- 30,000 บาท 6. มากกว่า 30,000 บาท
7. อายุงาน (เฉพาะกับบริษัทที่ทาอยู่ในปัจจุบัน)
1. น้อยกว่า 5 ปี 2. 5-10 ปี
3. มากกว่า 10 ปี
82
ระดับความคิดเห็น
ปัจจัยในการทางาน มากที่สุด มาก ปาน น้อย น้อยที่สุด
(5) (4) กลาง (2) (1)
(3)
ความรู้ความเข้าใจในงานที่ทา
1. มีการฝึกอบรม ก่อนที่จะได้ลงมือปฏิบัติงานจริง
2. มีความรู้ตามระเบียบปฏิบัติ หรือมาตรฐานของงานในหน้าที่
ที่กาลังทาอยู่
3. ความเข้าใจและการเห็นความสาคัญของงานที่กาลังทาอยู่
4. ลักษณะงานที่ทาอยู่ตรงกับความรู้ความสามารถ
5. เข้าใจขั้นตอนในการปฏิบัติงานและไม่มีความยุ่งยากซับซ้อน
ในแต่ละขั้นตอน
6. ลักษณะงานที่ปฏิบัติส่วนใหญ่สามารถรับผิดชอบโดยเบ็ดเสร็จ
ตั้งแต่ต้นจนสาเร็จด้วยตัวเอง
สภาพแวดล้อมในการทางาน
7. พื้นที่ในการปฏิบัติงาน ได้จัดให้มีแสงสว่างที่เพียงพอต่อการ
ทางาน ไม่มีเสียงรบกวนจนก่อให้เกิดผลเสียต่อการทางาน
8. พื้นที่ในการปฏิบัติงาน มีอุณหภูมิที่เหมาะสม ไม่ร้อนหรือ
หนาวจนเกินไป ไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย หรือสาร
ปนเปื้อนอยู่ในอากาศ
9. อุปกรณ์เครื่องใช้ที่จาเป็นในการปฏิบัติงานส่วนที่รับผิดชอบมี
คุณภาพเพียงพอต่อการทางาน
10. บริษัทได้มีการจัดอุปกรณ์ปูองกันอันตรายส่วนบุคคล และ
เครื่องมือในการปฐมพยาบาลเบื้องต้นอย่างเพียงพอ
11. ฝุายบริหารของบริษัทได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสืบสวน
สอบสวนการออกมาตรการเพื่อปูองกันมิให้เกิดอุบัติเหตุเกิดขึ้น
12.บริษัทมีเจ้าหน้าที่ดูแลด้านความปลอดภัยประจาบริษัท
โดยตรง เช่น อาหาร น้าดื่ม ห้องสุขาฯลฯ
83
ระดับความคิดเห็น
ปัจจัยในการทางาน มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย น้อยที่สุด
(5) (4) (3) (2) (1)
ด้านความสัมพันธ์กับบุคคลในที่ทางาน
13. มีความสัมพันธ์ที่ดี กับเพื่อนร่วมงานผู้ใต้บังคับบัญชา
หัวหน้างาน และฝุายบริหาร
14. ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเพื่อนร่วมงานผู้ใต้บังคับบัญชา หัวหน้า
งาน และฝุายบริหาร เสมอ
15. ได้รับการยอมรับจากเพื่อนร่วมงานผู้ใต้บังคับบัญชา หัวหน้า
งาน และฝุายบริหาร
16. ได้รับความช่วยเหลือเกื้อกูลจากเพื่อนร่วมงาน
ผู้ใต้บังคับบัญชา หัวหน้างาน และฝุายบริหารเสมอในเวลาที่มี
ปัญหา
17.ผู้บังคับบัญชาสามารถเป็นเพื่อนสนิทที่ให้คาปรึกษาด้านการ
ทางานและด้านส่วนตัวได้
18.ได้รับความยุติธรรมภายใต้กฎระเบียบของบริษัทฯเท่าเทียม
กับพนักงานทุกคน
ด้านความมั่นคงก้าวหน้าในงาน
19. งานที่กาลังทาอยู่มีความเหมาะสม และทาให้รู้สึกว่าจะมี
อนาคตที่ดีขึ้น มีความรู้สึกชอบและสนุกกับงานที่ทา
20. งานที่ปฏิบัติมีความท้าทาย และกระตุ้นให้เกิดความต้องการ
อยากจะทางานมีการเปลี่ย นแปลง ปรับปรุงและพัฒนาอยู่
ตลอดเวลา
21. มีคู่มือปฏิบัติงานและมีคาสั่งการปฏิบัติงาน ที่ทาให้สามารถ
ทางานได้อย่างสะดวกและง่ายขึ้น
22. งานที่ได้รับมอบหมายมีส่วนส่งเสริมให้ได้รับความก้าวหน้า
23. มีโอกาสได้เรียนรู้ระบบงานที่เกี่ยวข้องอย่างสม่าเสมอและมี
โอกาสในการพัฒนางานที่รับผิดชอบอย่างเต็มที่
24. บริษัท ให้โอกาสศึกษาต่อ อบรม สัมมนา เพื่อเพิ่มพูนความรู้
และคุณวุฒิให้กับพนักงาน
25. ได้รับความยุติธรรมในการพิจารณาเลื่อนตาแหน่งเลื่อนขั้น
เงินเดือน
84
ระดับความคิดเห็น
ปัจจัยในการทางาน มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย น้อยที่สุด
(5) (4) (3) (2) (1)
ด้านขวัญและกาลังใจในการทางาน
26. มีความเชื่อมั่นในความมั่นคงของบริษัท
27. ค่าตอบแทนหรือเงินเดือนที่ได้รับเหมาะสมกับความรู้และ
ความสามารถ
28. สวัสดิการที่บริษัทจัดให้มีมากกว่าที่กฎหมายแรงงานกาหนด
29. บริษัทได้จัดให้มีสถานที่พักผ่อนและกิจกรรมสันทนาการกับ
พนักงานไว้อย่างเพียงพอ
30. บริษัทได้ให้ค่าตอบแทนแก่พนักงานที่ช่วยปรับปรุงงานของ
บริษัทอย่างเหมาะสม
85
ระดับการปฏิบัติ
ประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย น้อยที่สุด
(5) (4) (3) (2) (1)
ปริมาณการผลิต
1. พนักงานสามารถทางานได้ตามเปูาหมายที่วางไว้
2. ชิ้นงานที่ผลิตออกมามีจานวนตรงตามที่องค์กรต้องการ
3. องค์กรมีการกาหนดเปูาหมายจานวนการผลิตที่พอดีไม่
มากเกินไป
4. ปริมาณที่สามารถปฏิบัติได้สาเร็จเมื่อเทียบกับมาตรฐาน
5. ผลงานปฏิบัติได้ครบจานวนตามที่ลูกค้าต้องการ
คุณภาพงาน
6. องค์กรมีการควบคุมการทางานที่มีมาตรฐาน
7. พนักงานทางานมีคุณภาพตรงตามมาตรฐานที่องค์กรได้
กาหนดไว้
8. พนักงานทางานได้ตรงตามเปูาหมายและงานออกมามี
คุณภาพดี
9. คุณภาพของงานเป็นที่ยอมรับต่อองค์กรภายนอก
10. คุณภาพงานที่ต่ากว่ามาตรฐานอยู่ในเกณฑ์พิกัดที่ยอมรับได้
ความรวดเร็วในการทางาน
11. พนักงานมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนในการ
ปฏิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมาย
12. มีความถูกต้อง ครบถ้วน รวดเร็ว และความเรียบร้อยของ
ผลงานที่สาเร็จ
13. พนักงานทางานได้ตามเปูาหมายตามเวลาที่องค์กรกาหนดไว้
14. ท่านไม่ทาให้องค์กรเสียเวลาในการทางาน เพราะมีนโยบาย
การทางานที่ตรงต่อเวลา
15. ปฏิบัติงานได้ตามระยะเวลาที่กาหนดเมื่อเทียบกับมาตรฐาน
ผู้วิจัยขอขอบพระคุณทุกท่านในความอนุเคราะห์ตอบแบบสอบถาม
ภาคผนวก ข
รายนามผู้เชี่ยวชาญตรวจเครื่องมือวิจัย
87
รายนามผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเครื่องมือในการวิจัย
1 2 3
1 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
2 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
3 1 1 0 2 0.67 ใช้ได้
4 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
5 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
6 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
7 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
8 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
9 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
10 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
11 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
12 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
13 1 1 0 2 0.67 ใช้ได้
14 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
15 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
16 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
17 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
18 1 1 0 2 0.67 ใช้ได้
19 0 1 1 2 0.67 ใช้ได้
20 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
21 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
90
ผลการประเมินของ
รวม IOC ผลการประเมิน
ข้อที่ ผู้เชี่ยวชาญ(คนที่)
1 2 3
22 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
23 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
24 1 1 0 2 0.67 ใช้ได้
25 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
26 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
27 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
28 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
29 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
30 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
31 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
32 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
33 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
34 1 1 0 2 0.67 ใช้ได้
35 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
36 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
37 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
38 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
39 1 1 0 2 0.67 ใช้ได้
40 0 1 1 2 0.67 ใช้ได้
41 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
42 1 1 0 2 0.67 ใช้ได้
43 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
91
ผลการประเมินของ
รวม IOC ผลการประเมิน
ข้อที่ ผู้เชี่ยวชาญ(คนที่)
1 2 3
44 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
45 1 1 1 3 1.00 ใช้ได้
ประวัติผู้วิจัย
ตาแหน่งและสถานที่ทางาน
ปี พ.ศ. 2554-ปัจจุบัน วิศวกรเครื่องกล
บริษัท พรีเมียร์ซิสเต็มเอ็นจิเนียริ่ง จากัด (มหาชน)