Professional Documents
Culture Documents
สัตว์ป่าในสวนสัตว์ ถิ่นที่อยู่และการปรับตัว - Fianle Draft,61-10-11
สัตว์ป่าในสวนสัตว์ ถิ่นที่อยู่และการปรับตัว - Fianle Draft,61-10-11
คํานํา
สัตว์ป่าเป็ นตัวละครทีมีความน่าสนใจเป็ นพืนฐาน และความน่าสนใจไม่ได้มีเพียงหน้าตา
และลักษณะร่ างกายทีได้เห็นเมือมาเทียวสวนสัตว์ หรื อเห็นจากสื ออืนๆ ยังมีรายละเอียดปลีกย่อย
อืนๆ เช่น ชี ววิทยาของตัวสัตว์ พฤติกรรมสังคม ชี ววิทยาของชนิ ดพืชและป่ า ลักษณะพืนที
อากาศ นําและพืนดินทีสัตว์ชนิดนันดํารงชีวิตอยู่ ถ้าเราเริ มต้นที จะสนใจสัตว์สักชนิ ดหนึ ง และ
เริ มศึกษารายละเอียด เราจะสามารถเชื อมโยงไปยังเนือหาทีน่าสนใจได้อีกหลายวิชา เช่น ชีววิทยา
ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และผูเ้ ขียนหนังสื อเล่มนี ก็ใช้หลักการดังกล่าวในสร้างเนือหาทีมีในเล่ม
โดยการใช้สตั ว์ทีประชาชนพบเห็นได้บ่อยเมือมาเทียวสวนสัตว์ เชือมโยงกับลักษณะถินทีอยูแ่ บบ
ต่างๆ เช่น ป่ าดิบชืน ทะเลทราย ภูเขาจากนันจึงเพิมรายละเอียดทีน่าสนใจเป็ นจิ กซอว์ชิน
พอประมาณ เพราะถ้าลงรายละเอียดมากไปก็จะเกินคําว่า Guide Book ทีหมายถึงหนังสื อคู่มือทีให้
ข้อมูลสัน ๆ ทีน่าสนใจในขณะเทียวชมสัตว์ในสวนสัตว์
สําหรับหนังสื อเล่มนีคงเหมาะสมกับผูส้ นใจทัวไปในสัตว์ป่าทีพบเห็นได้บ่อยในสวนสัตว์
และต้องการรายละเอียดเกร็ ดเล็กเกร็ดน้อยทีน่าสนใจ ทีจะทําให้การศึกษาสัตว์ป่ามีความน่าสนใจ
มากยิงขึน
วิชิต กองคํา
1 ตุลาคม 2561
โทร : 0813212562
Facebook : วิชิต กองคํา
e – mail : kongkham35@hotmail.com
3
สารบัญ
บทที 4 สัตว์ป่าในทะเลทราย 96
กอลิลาร์และแพนด้าทําให้ประชาชนทัวไปรับทราบถึงสถานการณ์ทีสัตว์เลียงลูกด้วยนมขนาดใหญ่
ถูกคุกคาม และจํานวนประชากรในป่ าลดลง ตัวอย่างของรายการทีแพร่ ภาพทางโทรทัศน์ใน
ประเทศสหรัฐอเมริ กาและอีกหลายประเทศทัวโลกในช่วงปี พ.ศ. 2506 ชือรายการ Wild Animal
ซึงแพร่ ภาพจํานวน 329 ตอน หรื อในยุคปัจจุบนั รายการโทรทัศน์มีการนํารายการสารคดี
ธรรมชาติสัตว์และพืชนําเสนออย่างมากมาย หรื อเป็ นช่องเฉพาะทีเราคุน้ เคยกันในชือของ Animal
Planet Chanel, Discovery Chanel ได้ให้ความรู ้แก่ประชาชนจํานวนมากในวงกว้าง ผูช้ มรายการ
ดังกล่าวเคยเห็นภาพของนกกระจอกเทศและวิลเดอร์บีททีวิงในทุ่งกว้าง และผูช้ มส่ วนหนึงก็มี
ความต้องการทีจะเห็นสัตว์เหล่านี แสดงพฤติกรรมแบบนันในส่ วนแสดงสัตว์ในสวนสัตว์บา้ ง
2. ในยุคปัจจุบนั ทีพืนทีของเมืองขยายตัว มนุษย์ไกลห่างจากพืนทีป่ า พืนทีธรรมชาติมากขึน
ั ่
ความรู ้สึกทีมนุษย์มีความต้องการทีจะสัมผัสกับธรรมชาติจึงมีมากขึน สวนสัตว์ซึงส่ วนใหญ่ตงอยู
ในเมืองจึงต้องเป็ นส่ วนหนึ งในการตอบสนองความต้องการของมนุษย์ในเรื องนี
เรทคือ แพรี ดอค ( Prairie Dog ) ลดจํานวนลงตามไปด้วย ความจริ งทีน่าเศร้าก็คือ มีสตั ว์อีกหลาย
ชนิดทีต้องสูญพันธุ์ไปก่อนทีนักวิทยาศาสตร์ จะได้ทาํ การศึกษา ถึงการมีอยูข่ องสัตว์ชนิดนันใน
โลกใบนี
สวนสัตว์ทีใหญ่ ๆ เป็ นผูร้ ่ วมในงานนีมีชนิ ดสัตว์จาํ นวน 172 ชนิดทีอยูใ่ นแผนงานนี และโครงการ
จํานวน 116 โครงการ
แต่สวนสัตว์ในอนาคตต้องนําเสนอความหลากหลายทังในแง่ชนิดสัตว์และรู ปแบบของ
ส่วนแสดง หรื อสวนสัตว์ทอ้ งถินควรจะพัฒนาไปในรู ปแบบการนําสัตว์ในพืนถินของตนเอง
พร้อมกับจําลองลักษณะของถินที อยู่ของสัตว์ชนิดนันๆ ในส่ วนแสดงสัตว์ ตัวอย่างทีได้รับความ
นิยมที มากเป็ นตัวอย่างในรู ปแบบของ wildlife park คือที Northwest Trek Wildlife Park ทีอยูใ่ กล้
ในเมืองทาโคมา ( Tacoma ) รัฐวอชิ งตัน ( Washington ) ซึงเป็ นพืนทีกว้างใหญ่ประมาณ 1,000
ไร่ ทีปล่อยให้สัตว์พืนเมืองของตะวันตกเฉี ยงเหนือของประเทศสหรัฐอเมริ กา เช่น วัวป่ าไบซัน
( Bison ) กวางมูส ( Moose ) แพะภูเขา ( Mountain goats ) รวมทังสัตว์ชนิดอืน ๆ ดํารงชีวิตแบบ
อิสระ โดยมีสิงแวดล้อมในเป็ นทุ่งหญ้า ป่ าไม้ พืนทีชุ่มนําและบึง ( bog )
สวนสัตว์ขนาดใหญ่บางแห่ งจะมีการจัดแสดงสัตว์ในรู ปแบบของสถานแสดงสัตว์นาํ (
aquarium ) พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา ( natural history museum ) ทีจะผสมผสานเนื อหาทังหมด
เพือทีจะสะท้อนให้เห็นถึงการพึงพาอาศัย และความหลากหลายของสิ งมีชีวิต บทบาทของสวน
สัตว์โดยทัวไปจะยังคงแสดงบทบาทสําคัญในการเป็ นศูนย์กลางของด้านการอนุรักษ์ซึงหมายถึง
การศึกษาและเพาะขยายพันธุ์สัตว์ประจําถินทีใกล้สูญพันธุ์ การประชาสัมพันธ์และให้การศึกษาที
จะสร้างจิตสํานึ กแก่ประชาชนให้เห็นความสําคัญของธรรมชาติและสัตว์ป่า
สวนสัตว์จะขยายบทบาทและภาพพจน์ โดยใช้แนวคิดทีจะปรับตัวเลขสัดส่ วนของชนิด
สัตว์ทีเป็ นทีนิยมของผูเ้ ทียวชมคือ ให้มีสตั ว์เลียงลูกด้วยนมขนาดใหญ่จะเป็ นสัดส่ วนร้อยละ 42
ของชนิดสัตว์ทีอยู่ในส่ วนแสดงทังหมดและเป็ นสัตว์ทีผูเ้ ทียวชมต้องการเข้ามาชม นอกจากนัน
สัตว์ขนาดเล็กก็เป็ นกลุ่มสัตว์ทีน่าสนใจ เช่น ค้างคาวทีมีจาํ นวนชนิดมากถึงร้อยละ 20 ของชนิด
ของสัตว์เลียงลูกด้วยนมทังหมด ตัวอย่างอืนๆ ทีสามารถสร้างความตืนเต้นให้กบั ผูเ้ ทียวชมได้
เช่น ส่ วนแสดงของสัตว์กลุ่มแมลงถูกนํามาจัดแสดงครังแรกในช่วงปี พ.ศ. 2521 ( ค.ศ. 1978 ) ที
17
ลิงฮาวเลอร์ ( Howler Monkey ) เป็ นลิงทีส่ งเสี ยงร้องมากทีสุดในป่ าของทวีปอเมริ กาใต้ เป็ นเสี ยง
ร้องเพือประกาศอาณาเขตของลิงตัวผูโ้ ดยเฉพาะในช่วงรุ่ งเช้า เสี ยงจะดังได้ยินไปไกลเกือบ 3.2
กิโลเมตร เสี ยงทีพิเศษนีเกิดจากลมทีผ่านไปเหนื อกระดูกทีอยูใ่ นกล่องเสี ยง เสี ยงจะฟังแล้วคล้าย
เสี ยงลมทีผ่านรู ปากขวดขนาดแคบ ๆ ลิงชนิดนีอยู่กนั เป็ นกลุ่มที เรี ยกว่า ทรู พ (Troops) บางกลุ่ม
อาจมีสมาชิกมากถึง 45 ตัว แบ่งเป็ นชนิ ดย่อยได้อีก 6 ชนิด ซึ งทังหมดเป็ นสัตว์กินพืชโดยเฉพาะ
ส่วนใบไม้
ชะนี ( Gibbon ) ชะนีเป็ นลิงไม่มีหางขนาดเล็ก ( lesser ape ) มีการกระจายพันธุ์ในป่ าเขตร้อน
ของประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีเสี ยงร้องทีดังเช่นเดียวกับลิงฮาวเลอร์ ชะนีจะร้องใน
โทนเสี ยงสูง เป็ นการร้องประสานโต้ตอบระหว่างตัวผูก้ บั ตัวเมีย หรื อร้องโต้ตอบระหว่างตัวเมีย
ด้วยกัน ทีเรี ยกว่า “Great Call”
ชะนีเป็ นลิงไม่มีหางทีมีเคลือนทีใช้มือและแขนเหวียงร่ างกายให้เคลือนทีไปตามกิงก้าน
ของต้นไม้ได้อย่างคล่องแคล่ว และว่องไวทีสุ ดในบรรดาลิงไม่มีหางด้วยกัน พบว่าชะนี สามารถ
เหวียงตัวได้ไกลถึง 9.1 เมตรในการเหวียงตัวเพียงครังเดียว พืนทีหาอาหารและทีนอนบนต้นไม้สูง
28
ภาพที 2.6 (ซ้ าย ) เซียมังเป็ นชะนีทีมีขนาดใหญ่ทีสุด มีทกั ษะในการปี นป่ ายได้ ดี ภาพที 2.7
( ขวา ) ชะนีสามารถใช้ มอื ข้ างหนึงเกาะกิงไม้ ไว้ และใช้ มืออีกข้ างหนึงเอือมไปเด็ดผลไม้ มากิน
ลิงอุรังอุตงั ( Orangutan )
29
ภาพที 2.10 ลิงอุลงั อุตงั สามารถใช้เครื องมือได้ เช่น กิงไม้แหย่เข้าไปในรู จอมปลวก ใช้กอ้ นหิ นทุบ
ผลไม้เปลือกแข็ง ใช้ใบไม้จุ่มนําเพือดูดกินนํา มีการลงอาบนําเพือชําระล้างร่ างกาย ในภาพลิงอุลงั อุ
ตังใช้กิงไม้แหย่เข้าไปในจอมปลวกเทียมทีมีถว้ ยใส่ นาหวานอยู
ํ ่ขา้ งใน
30
ทาร์ เซีย ( Tarsiers ) เป็ นลิงอีกกลุ่มหนึ งซึ งมีรูปร่ างหน้าตาทีเราไม่คุน้ เคย มีการกระจายพันธุ์
ในเกาะบอร์เนียว เกาะสุ มาตราและสุ ลาเวสี ของประเทศอินโดนี เซี ย ซึงอยูใ่ นบริ เวณเอเชีย
ตะวันตกเฉียงใต้ ทาร์เซี ยเป็ นสัตว์เลียงลูกด้วยนํานมขนาดเล็กซึ งมีความยาวลําตัวเพียง 9 – 15
เซนติเมตร ส่ วนหางยาวไม่มีขน พบในป่ าทีมีตน้ ไม้เจริ ญแน่นทึบ เป็ นสัตว์ทีหากินในเวลา
กลางคืน นอนหลับในเวลากลางวันโดยการเกาะกับกิงไม้ในแนวดิง ลักษณะร่ างกายทีเหมือนกับ
ลิงชนิดอืนคือ ดวงตาทีอยู่ดา้ นหน้าของกะโหลกศีรษะ แต่การทีมีนยั น์ตาขนาดใหญ่ทาํ ให้มีพืนที
สําหรับการขยับลูกตาเหลืออยู่นอ้ ย แต่ทาร์เซี ยสามารถหมุนศีรษะได้เกือบรอบตัว
ทาร์เซี ยเป็ นสัตว์ทีกระโดดได้เก่ง กระโดดได้ไกลถึง 2 เมตร เกาะกิงไม้ได้แน่นเนืองจาก
ทีนิ วมือและนิวเท้าจะมีตุ่มกลม อาหารหลักของสัตว์ชนิดนีคือแมลง การหาแมลงกินจะหันหน้าไป
ยังทิศทีได้ยินเสี ยงแมลงเข้ามา และใช้การกระโดดจับแมลงโดยใช้มือทังสองข้าง ลูกทาร์เซี ยทีเกิด
ใหม่ลกู ตาจะเปิ ดและเริ มกระโดดได้เมืออายุประมาณ 1 เดือน
อาหารหลักของสล็อทคือใบไม้ซึงจะยากต่อการย่อย สล็อทมีกระบวนการย่อยทีใช้
เวลานาน รวมทังแบคทีเรี ยในกระเพาะอาหารจะต้องมีอุณหภูมิทีอุน่ พอเหมาะเพือที จะย่อยสลาย
ใบไม้ ทุกเช้าสล็อทจะเพิมอุณหภูมิในร่ างกายโดยการเกาะตัวในบริ เวณกิงไม้ทีแดดสามารถส่ อง
ผ่านลงมาได้ สล็อทอาจต้องใช้เวลามากถึง 100 ชัวโมงในการย่อยอาหารทีมีปริ มาตรประมาณ 1
กระเพาะอาหาร สภาวะทุโภชนาจะเกิดขึนถ้าเกิดสภาวะอากาศหนาวยาวนาน หรื อมีเมฆปกคลุม
นานๆ จะมีผลให้แบคทีเรี ยในกระเพาะอาหารทํางานไม่เป็ นปกติ สล็อทจะลงมาขับถ่ายมูลสัปดาห์
ละ 1 ครัง มูลเป็ นก้อนขนาดเล็กแข็ง โดยจะเคลือนที อย่างช้า ๆ ลงถ่ายมูลทีโคนต้นที ตัวสล็อท
อาศัยอยู่ ต่างจากลิงทีจะถ่ายบนต้นไม้
สล็อททีเกิ ดใหม่จะเกาะท้องแม่อยู่
จนกระทังอายุได้ 20-25 วันลูกสล็อท
จึงจะเริ มเกาะกิ งไม้เหมือนสล็อท
ในช่วงอายุสมบูรณ์ พนั ธุ์
ค้ างคาว
ค้างคาวเป็ นสัตว์เลียงลูกด้วยนํานมทีพบการกระจายพันธุ์เกือบทุกพืนทีของโลก โดยไม่พบใน
พืนทีขัวโลกเหนือและขัวโลกใต้ จํานวนชนิดของค้างคาวคิดเป็ น 1 ใน 4 ของจํานวนชนิดของ
สัตว์เลียงลูกด้วยนมทังหมด ป่ าเขตร้อนจะเป็ นพืนที ทีสัตว์กลุ่มนีอยูก่ นั มากกว่าพืนทีในลักษณะ
อืนๆ โดยจะพบบนต้นไม้ทีระดับความสู งเหนือและใต้เรื อนยอด ( upper and lower canopy ) โดย
ในป่ าเขตร้อนมีการประมาณกันว่าจํานวนชนิดของสัตว์เลียงลูกด้วยนํานมจะเป็ นค้างคาวครึ งหนึง
ค้างคาวในป่ าเขตร้อนจะเหมือนกับค้างคาวชนิดอืนๆทัวไป คือ จะห้อยหัวลง นิวเกาะที
ต้นไม้หรื อผนังถําใต้กอ้ นหิ นขนาดใหญ่ ค้างคาวส่ วนใหญ่จะกินแมลง ส่ วนกลุ่มอืนๆ จะกิน
นําหวานจากดอกไม้ มีบางส่ วนทีกินผลไม้หรื อบางชนิดจับนก จิงจก กบ แม้กระทังปลาเป็ น
อาหาร
ค้างคาวกินแมลง ( insect – eater bat ) เป็ นอาหารจะมีการพัฒนาระบบเสี ยงสะท้อน (
echolocation ) เพือหาตําแหน่งเหยือ โดยการปล่อยกระจายชุดเสี ยงแบบอุลตร้าโซนิ ค เพือช่วยใน
การหาแมลงทีกําลังเคลือนไหวอย่างรวดเร็ ว ส่ วนค้างคาวกินผลไม้และนําหวานจะมีการพัฒนา
ระบบเสี ยงสะท้อนเพือหาตําแหน่งทีน้อยกว่าค้างคาวกินแมลง โดยค้างคาวกลุ่มนี จะมีดวงตาขนาด
ใหญ่และองค์ประกอบของลูกตาทีช่วยในการมองในทีมืดได้ดี
ค้างคาว False vampire ทีมีการกระจายพันธ์ในทวีปแอฟริ กา เอเชีย และออสเตรเลียจะมี
ขนาดใหญ่ และเป็ นค้างคาวทีกินสัตว์ชนิดอืนเป็ นอาหาร โดยมีความยาวโดยรวมเมือกางปี กเต็มที
ที 3 ฟุต ( 1 เมตร ) จุดแขวนตัวของค้างคาวชนิดนี จะเป็ นเพดานของโพรงไม้ ส่ วนพืนของโพรง
34
ค้างคาวแวมไพรน์มีความยาวปี กรวมเมือกางปี ก
ออกประมาณ 30 เซนติเมตร เป็ นค้างคาวที มีขนาดเล็ก
กว่าค้างคาว Falh vampire โดยค้างคาวแวมไพรน์
สามารถปรับตัวให้สามารถอยูไ่ ด้ทงในพื
ั นทีแห้งแล้ง
และพืนทีทีมีความชืนสู ง แต่เมือถูกจํากัดด้วยแหล่ง
อาหาร ตัวเลือกของแหล่งอาหารจะเป็ นเลือดจากสัตว์
เลียงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ ซึ งส่ วนใหญ่จะเป็ นสัตว์ปศุ
สัตว์ เช่น วัวและม้า ซึ งค้างคาวจะเข้าไปใกล้ตวั สัตว์
ได้ในช่วงทีสัตว์หลับ โดยการบินในระดับตําใกล้
พืนดินแล้วใช้เขียวกัดเหยือและดูดเลือดจนกระทังตัว
เกือบจะหนักเกินไปจนเกือบบินไม่ได้
สารกันเลือดแข็งตัวในนําลายจะเป็ นตัวช่วยไม่ให้เลือดแข็งตัวจนกว่าค้างคาวจะกินอิมในมือนัน
การกัดของค้างคาวไม่ได้ทาํ ให้สตั ว์ตาย แต่คา้ งคาวจะเป็ นพาหนะนําเชื อโรค “พิษสุ นขั บ้า” ซึ งจะ
มีผลทําให้เหยือตายได้
ลูกสมเสร็ จเอเชีย
ลูกมังกรโคโมโดทีกําลังออกจากไข่
สัตว์ทอาศั
ี ยบนต้นไม้ ในระดับใต้ เรือนยอด ( Animals of the Lower Canopy )
ชนิดสัตว์ทีอาศัยอยู่บนต้นไม้ในระดับใต้เรื อนยอด เช่น ลิงไม่มีหาง ( ape ) และลิงมีหาง
สล็อท กิงก่า ค้างคาว และนกนานาชนิด เนืองจากเป็ นบริ เวณทีมีแหล่งอาหารอุดมสมบูรณ์ เช่น
สัตว์ขนาดเล็ก ไข่นก ยอดไม้ เมล็ดพืช ผลไม้ และลูกปาล์ม มีชนิ ดของพืชเป็ นจํานวนมากที
ระดับความสูงของลําต้นและเรื อนยอดอยู่ในชันใต้เรื อนยอดของต้นไม้ของพืนป่ าแห่งนัน และพืช
36
ลิงชิมแพนซี ( Chimpanzee )
นักอนุกรมวิธานได้จดั ให้ลิงชนิดนีอยู่ในวงศ์ homonidae เป็ นกลุ่มลิงไม่มีหางขนาดใหญ่
( great apes ) ซึงสมาชิกทีอยูใ่ นวงศ์นีคือ กอลิลาร์ ( gorillas ) และอุรังอุตงั ( orangutans ) ลิงชิ ม
แพนซี มีการกระจายพันธุ์ในบริ เวณทวีปแอฟริ กาตอนกลาง มีถินที อยู่ทงแบบทุ ั ่งหญ้าและป่ าดิบชืน
การพัฒนาการของลักษณะร่ างกายและพฤติกรรมเพือการดํารงชีวิตอยูบ่ นต้นไม้นอ้ ยกว่ากลุ่มลิงที
อยูใ่ นระดับความสู งเหนื อเรื อนยอด
ข้อมูลที น่ าสนใจ
- ลิ งชิ มแพนซี เพศผู้จะเรียกร้องความสนใจของลิ งชิ มแพนซีเพศเมียด้วยการเขย่ากิ งไม้
- การเพิ มกิ จกรรมในส่วนแสดงเจ้าหน้ าที เลียงสัตว์จะนําอาหารไปซ่อนตามต้นไม้และ
ก้อนหิ น ทําให้ลิงชิ มแพนซีใช้เวลาช่วงแรกหลังออกจากคอกกักในการเดิ นหาอาหาร
- ลิ งชิ มแพนซีและลิ งไม่มีหางชนิ ดอืนๆจะมีใบหูขนาดใหญ่และไม่มีขน
37
งู ( Snake )
งูจะเหมือนกับค้างคาวทีมีการกระจายพันธุ์เกือบทุกพืนทีของโลก ยกเว้นบริ เวณขัวโลกเหนื อ
และใต้ พบว่าชนิ ดงูทีมีถินทีอยูใ่ นป่ าเขตร้อนจะมีความสัมพันธ์กนั ระหว่างงูชนิ ดที อยูใ่ นทุ่งหญ้า
กับชนิดที อยู่ในป่ า คือทังสองกลุ่มส่ วนใหญ่จะมีเกล็ดลําตัวสี เขียวเพือจุดประสงค์สร้างความ
กลมกลืนกับพืนทีป่ า จะออกหากินในช่วงเช้าและช่วงเย็น งูในป่ าเขตร้อนส่ วนใหญ่จะไม่จาํ กัด
38
ภาพที 2.23 งูเอมเมอราลทรี บวั ( emerald tree boa )ขดตัวพักบนต้นไม้ ภาพที 2.24 แสดงการขด
เกาะบนต้นไม้ทีจับลําต้นด้วยหางและขดตัวไปมาโอบล้อมต้นไม้เพือให้เกิดสมดุล
งูบัว คอนสตริกเตอร์ ( Boa constrictor ) ดํารงชีวิตอยูใ่ นพืนทีทีเป็ นป่ าและทุ่งหญ้า งูบวั
ขนาดเล็ก เช่น emerald tree boa ทีการกระจายพันธุ์บริ เวณทีราบลุ่มของแม่นาอะเมซอน ํ จะหากิน
ตามต้นไม้ ชนิ ดทีมีขนาดใหญ่กว่าจะอาศัยอยู่ตามพืนดิน งูบวั จะเหมือนกับงูชนิ ดอืนๆ ทีล่าสัตว์
ชนิดอืนๆ เป็ นอาหาร เช่น นก สัตว์เลียงลูกด้วยนํานมขนาดเล็ก การกัดของงูชนิดนีจะสร้างความ
เจ็บปวดให้กบั เหยือแต่ไม่มีพิษ และงูบวั ( boa )จะรัดเหยือจะกระทังตายก่อนจะกลืนเหยือลงไป
งูแมมบ้ าเขียว ( Green mambas ) งูแมมบาสี เขียวเป็ นงูทีมีพิษ เมือโตเต็มทีจะมีความยาว
ลําตัวประมาณ 2.7 เมตร พบในป่ าของแอฟริ กากลางและแอฟริ กาใต้ ในช่วงอากาศร้อนของเวลา
กลางวันงูชนิ ดนีจะนอนผึงแดด โดยจะอยูร่ วมกันหลายตัวตังแต่ 3 ตัวขึนไป สี ของลําตัวจะคล้าย
กับสี ของใบไม้ทีระดับความสู งเหนือเรื อนยอด
งูแมมบาสี ดาํ ( Black mamba ) เป็ นงูมีพิษทีมีขนาดใหญ่ทีสุ ดในทวีปแอฟริ กา มักพบใน
พืนทีโล่ง เมือโตเต็มความยาวลําตัวประมาณ 4.3 เมตร และเมือกัดเหยือก็จะตาย
งูไวเปอร์ ( Viper ) กลุ่มงูเขียวหางไหม้ งู Lance - head vipers มีการกระจายพันธุ์ในป่ า
เขตร้อนของทวีปอเมริ กาใต้ ลักษณะเกล็ดมีสีผิวเป็ นมันเงาและลวดลายสวยงาม The eyelash
viper มีความยาวของลําตัวที 0.6 เมตร สัตว์ทีงูชนิดนีล่าเป็ นอาหาร เช่น กบ กิงก่า เป็ นอาหาร
เป็ นงูทีมีพิษเหมือนกับงูบวั แต่ความรุ นแรงของพิษไม่ถึงระดับทีจะทําให้เสี ยชีวิต นอกจากนันงู
ชนิดนียังสามารถเลือยไปมาตามต้นไม้ได้ดี
39
กิงก่า ( Lizard )
จัดได้วา่ เป็ นสัตว์เลือยคลานทีมนุษย์รู้จกั คุน้ เคย เป็ นสัตว์เลือดเย็น ( cold blooded animals
หรื อ ectotherms ) โดยในอุณหภูมิในร่ างกายจะมีการผันแปรตามสิ งแวดล้อม เป็ นสัตว์ทีมี
ประสาทสัมผัสไว ใช้ลินที สามารถยืดหดกลับได้เพือตรวจหาอาหาร ใช้การรับรู ้การสันสะเทือน
ของร่ างกายเพือรับรู ้การมาของศัตรู ใช้การรับรู ้กลินเพือแยกแยะว่าใช่หรื อไม่ใช่คู่ผสมพันธุ์ที
เหมาะสม สิ งทีเหมือนกับงูคือมีการวางไข่ หรื อออกลูกเป็ นตัว
อีกวั นา ( Iguana ) มีอยูด่ ว้ ยกันหลายชนิ ดทังชนิ ดทีดํารงชีวิตบนพืนดินและอยู่บนต้นไม้ มี
การกระจายพันธุ์ในทวีปอเมริ กาใต้และกลาง อีกวั นาเขียว ( Green iguna ) หรื ออีกชือหนึงคือ อีกวั
นาอเมริ กาใต้ ( South American Iguna ) เป็ นอีกวั นาทีใหญ่ทีสุดทีอาจยาวถึง 2 เมตร ทีฝ่ าเท้าจะมี
ลักษณะที เรี ยกว่า ridged feet ทีช่วยในการปี นต้นไม้ การป้ องกันตัวโดยการกัดอย่างแรงและใช้
หางฟาด การขยายพันธุ์โดยการวางไข่ โดยวางไข่ประมาณ 40 ฟองต่อหนึ งหลุม
40
สั ตว์ กนิ ใบไม้ ทีอาศัยบนพืนดินของป่ าเขตร้ อน ( Browser on the Tropical Forest Floor )
โอกาปิ ( Okapi ) เป็ นสัตว์ทีมีจาํ นวนน้อยทีสุ ดทีอยู่ในป่ าเขตร้อนของทวีปแอฟริ กา เป็ น
สัตว์เท้ากีบทีมีสายสัมพันธ์เกียวเนืองกับยีราฟ เป็ นสัตว์เฉพาะถินทีพบในป่ าดิบชืนอิตูริ ซึงตังอยู่
ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของสาธารณรับประชาธิ ปไตยคองโกในแอฟริ กากลาง มีความสูงช่วง
ไหล่ 1.5 ม. มีคอจะยาวกว่าม้าเล็กน้อย สี ขนตามลําตัวจะเป็ นสี ม่วง-ดํา ทีสะโพกและขาทัง 4
ข้างจะมีแถบขาวดํา เป็ นสัตว์ทีมีลินยาวช่วยให้เก็บกินใบไม้ ยอดไม้อ่อน กิงไม้และสามารถใช้ลิน
ตวัดทําความสะอาดที เปลือกตาได้ เป็ นสัตว์ทีอยู่ตามลําพัง อยูเ่ ป็ นคู่หรื อเป็ นครอบครัวขนาดเล็ก
ซึงนักธรรมชาติวิทยาตะวันตกเริ มรู ้จกั โอกาปิ ครังแรกเมือปี พ.ศ. 2444 โดยมีการนําซากโอกาปิ ก
มาทียุโรปโดยผูส้ าํ เร็ จราชการแห่งจักรวรรดิองั กฤษเซอร์เฮนรี จอนห์สตัน โอกาปิ อยู่ในแผนการ
อนุรักษ์สตั ว์ซึงดําเนิ นการโดยสวนสัตว์อิรินอยด์ บรู คฟิ ลด์ ซึ งได้รับการสนับสนุนจาก Chicago
Zoological Society
สมเสร็จ ( Tapir )
เป็ นสัตว์ทีมีการกระจายพันธุ์ในป่ าเขตร้อนของทวีปเอเชียและอเมริ กา เป็ นสัตว์ทีรู ปร่ าง
ค่อนข้างอ้วน ความสูงช่วงไหล่ 0.8 – 1.2 เมตร ขนตามลําตัวสันแข็งและมีจมูกทียืนยาว เป็ นสัตว์
ทีดํารงชีวิตตัวเดียว อาหารคือ ใบไม้ ยอดไม้อ่อนและกิงไม้ ตอนกลางวันจะหลบนอนในป่ า หา
กินในเวลากลางคืนในบริ เวณทุ่งหญ้าหรื อบริ เวณทีเป็ นพุ่มไม้ อาศัยอยูใ่ กล้แหล่งนํา ว่ายนําเก่ง ลูก
ของสมเสร็ จจะมีลายตามลําตัวคล้ายแตงไทซึ งสี สนั จะแตกต่างจากสี ของพืนป่ า
47
ภาพที 2.38 สมเสร็ จมลายู ( Malayan Tapir ) มีขนสีดําทีบริ เวณหัว ขาหน้ าและขาหลัง
ส่วนกลางลําตัวเป็ นสีขาว ถ้ าสมเสร็จยืนนิงในเวลากลางคืนจะดูคล้ ายก้ อนหิน จะสร้ างความ
สงสัยให้ กบั สัตว์ผ้ ลู า่ ลักษณะลําตัวของผสมเสร็จทีเรี ยวยาวจะช่วยให้ การหลบหนีศตั รูในป่ าทึบ
ทําได้ ดีขึน
Baird’s Tapir
เป็ นสัตว์กินพืชทีใหญ่ทีสุ ดในป่ าเขตร้อนของทวีปอเมริ กา สิ งทีน่าสนใจคือ กลไกของ
ร่ างกายสัตว์ชนิดนีสามารถทนทานต่อสารพิษทีมีในพืชได้หลายชนิดทีขึนในป่ าดิบชื น ซึ งสัตว์
ชนิดนีจะกินพืชหลากชนิ ดแต่ในปริ มาณเล็กน้อย โดยจะไม่กินพืชชนิ ดหนึ งชนิดใดมากเกินไป ทํา
ให้ร่างกายสามารถทนทานกับสารพิษชนิดนันได้เนื องจากรับสารเข้าไปในปริ มาณน้อย
หมูเพ็คคารี ( Peccaries )
เป็ นสัตว์เลียงลูกด้วยนํานมขนาดใหญ่ ทีมีถินทีอยู่ในป่ าเขตร้อนของทวีปอเมริ กากลางและ
อเมริ กาใต้ เป็ นหมูป่าทีมีลกั ษณะคอใหญ่ ขาเล็ก กีบเท้าเล็ก ผิวหนังหยาบขนเส้นใหญ่ ออกหา
กินในช่วงเวลากลางคืน ซึ งมีอากาศเย็นสบาย อาหารทีสัตว์ชนิ ดนี กิน เช่นผลไม้ รากไม้ พืชกิน
หัวและแมลง มีกล้ามเนื อกรามทีแข็งแรง มีจมูกทีรับกลินได้ดีเพือหาพืชกินหัวที อยู่ใต้ดิน
เป็ นสัตว์ทีวิงได้เร็ ว สัตว์ทีชอบล่าหมูป่าชนิดนีเป็ นอาหาร เช่น เสื อจากัวร์ ลูกของหมูป่า
ชนิดนีจะวิงได้ภายในเวลา 1 วันหลังเกิด จะแตกต่างกันไปตามชนิดย่อย บางชนิดอยูร่ ่ วมกัน
ประมาณ 10 ตัว บางชนิดอยูร่ มกันเป็ น 100 ตัว
48
นกแก้ ว ( Parrot )
ในพืนทีเหนื อเรื อนยอดที มีความ
หนาแน่นของใบไม้ไม่มากนัก นกหลายชนิ ดที
สามารถซ่อนและพรางตัวอยู่ตามใบไม้ได้
เนืองจากนกแก้วหลายชนิ ดในป่ าเขตร้อน ส่ วน
ใหญ่จะมีสีขนลําตัวเป็ นสี เขียว เมือเกาะอยูต่ าม
พุ่มไม้ทาํ ให้เห็นตัวได้ยาก แต่ก็มีนกแก้วบาง
ชนิด เช่น South American Macaw ทีจะมี
สี สันสดใส
นกแก้วส่ วนใหญ่จะมีลกั ษณะเสี ยงทีมี
ความหลากหลาย เพือใช้ในการสร้าง
ความสัมพันธ์กบั นกตัวอืนๆในฝูง โดยจะมี
นกแก้วบางชนิดทีสามารถเลียนเสี ยงมนุษย์ได้
แต่นกแก้วที อยู่ในป่ าธรรมชาติจะไม่สามารถ
เลียนเสี ยงนกชนิ ดอืนๆได้ ในป่ านกแก้วอาจมี
อายุขยั ไม่เกิน 30 ปี แต่ในสวนสัตว์นกแก้ว
อาจมีอายุถึง 80 ปี
ข้ อมูลทีน่ าสนใจ
นกแก้วแต่ละตัวจะมีความถนัดเท้ าซ้ ายหรื อขวา ซึงจะใช้ เท้ าข้ างทีถนัดสํ าหรับจับอาหาร
เพือใช้ จะงอยปากกัดกิน นกแก้ วทีโตเต็มทีแล้วสี ขนทีลําตัวจะสดใสชัดเจนกว่ านกแก้ วทีอายุน้อย
ใช้จะงอยปากหันกลับมาพักวางทีส่ วนหลังและรําแพนขนหางให้ตงวางสู
ั งกว่าส่วนหัว
นกแร้ ง ( Vulture )
เป็ นสัตว์ในกลุ่มกินซากสัตว์ทีใหญ่ทีสุ ดในป่ าเขตร้อนของทวีปอเมริ กาใต้ เป็ นนกที
ดํารงชีวิตอยูต่ ามลําพังและจํานวนในป่ าธรรมชาติอยูใ่ นสภาวะใกล้สูญพันธุ์ นกแร้งราชา( King
vulture ) เป็ นนกทีมนุษย์เชือว่าเป็ นนกทีมีจะงอยปากแข็งแรงมากทีสุ ดในบรรดานกแร้งที มีถินทีอยู่
ในทวีปอเมริ กา แตกต่างจากนกแร้งทัวไปทีประสาทสัมผัสในการรับกลินจะไม่ดี แต่มีสายตาทีดี
มากเพือช่วยในการหาซากสัตว์ นกแร้งราชาทังเพศผูเ้ พศเมียจะมีสีสนั สวยงาม
นกอินทรี ( Eagles )
ในทีนี จะกล่าวถึงนกอินทรี 3 ชนิด คือ นกอินทรี ฮาร์ ปี ( harpy eagle ) มีการกระจายพันธุ์
ในป่ าของทวีปอเมริ กากลางและใต้ นกอินทรี มงกุฎ ( crowned eagle ) มีการกระจายพันธุ์ในป่ า
ของทวีปแอฟริ กา และอินทรี กินลิง ( monkey – eating eagle ) มีการกระจายพันธุ์ในฟิ ลิปปิ นส์
โดยทัง 3 ชนิดเป็ นนกทีในสถานะใกล้สูญพันธุ์ ล่าลิงและนกเป็ นอาหาร ทํารังบนต้นไม้ทีมีเรื อน
ยอดสูงทีสุ ดในพืนป่ า และลักษณะทีคล้ายกันคือ มีหงอนบนหัวขนาดใหญ่ หางยาว แต่มี
ปากกว้างและสัน
การสร้างรังของนกอินทรี หลายชนิดทีอยูใ่ นเขตร้อนมีลกั ษณะคล้ายกัน เช่น จะสร้างรัง
ขนาดใหญ่เพือรองรับลูกอ่อน เมือพ่อแม่นกนําเหยือมาเลียงลูกอ่อน เศษกระดูกของเหยือเหล่านัน
จะยังอยู่ในรังและกลายเป็ นโครงสร้างส่ วนหนึ งของรังนก นกอินทรี ส่วนใหญ่จะวางไข่ครังละ 2
ฟอง แต่จะมีลกู นกเพียงตัวเดียวทีจะเติบใหญ่ขึนได้โดยถ้ามีลูกนกตัวแรกออกจากไข่ ไข่ฟองที 2
ทียังไม่ฟักออกมาเป็ นตัวพ่อแม่จะไม่สนใจฟั กไข่ ถ้าลูกนกตัวที 2 สามารถฟั กออกเป็ นตัวได้มกั จะ
ตายเนื องจากถูกลูกนกตัวพีจิกตาย
55
ปลาปิ รันยาแบ่งเป็ นชนิดย่อยได้ 20 ชนิด มีเพียง 4 ชนิ ดเท่านันที เป็ นอันตราย มีอยูช่ นิ ด
หนึ งทีขนาดลําตัวยาว 0.6 เมตร ปลาปิ รันยาชนิดทีเป็ นทีรู ้จกั มากกว่าชนิดอืน คือ ปลาปิ รันยาแดง
( Red Piranha ) ทีขนาดลําตัวความยาว 28 เซนติเมตร ปลาปิ รันยาแดงจะอยู่กนั เป็ นฝูงมีจาํ นวน
เป็ นหลายร้อยตัวจนถึงหลายพันตัว มีการกระจายพันธุ์ในทะเลสาบและแม่นาบริ ํ เวณทางตอนเหนื อ
ของทวีปอเมริ กาใต้ รวมทังในแม่นาอเมซอน
ํ ปลาปิ รันยาแดงจะกินปลาชนิดอืนๆ เป็ นอาหาร
การโจมตีเหยือจะเริ มขึนเมือได้กลินคาวเลือดและอาจโจมตีสัตว์เลียงลูกด้วยนํานมทีมีขนาดใหญ่
เช่น สมเสร็ จ ปลาปิ รันยาแดงมีขากรรไกรทีแข็งแรง และมีฟันทีแหลมคม ( ชาวอินเดียนในป่ าอเม
ซอนจะใช้ฟันของปลาปิ รันยาเป็ นกรรไกร ) ถ้ามีเลือดของเหยือไหลปนในนํา ปลาปิ รันยาจะยิง
โจมตีเหยืออย่างบ้าคลัง ฝูงของปลาปิ รันยาจะสามารถกัดกินสัตว์ขนาดใหญ่ให้เหลือแต่กระดูกได้
ในเวลาไม่กีนาที
58
บทที 3
สัตว์ป่าในทุ่งหญ้า Animals of the Grassland
ทุกๆ ทวีปยกเว้นพืนทีขัวโลกใต้จะมีป่าในลักษณะทีเรียกว่าทุ่งหญ้า
โดยบางแห่งมีอาณาเขตกว้างใหญ่กินพืนที หลายร้อยตารางกิ โลเมตร มีท่งุ
หญ้าหลายๆ แห่งจะเข้ามาอยู่ภายในบริ เวณส่วนกลางของทวีป ห่างไกลจาก
อิ ทธิ พลของทะเล อุณหภูมิสามารถเปลียนแปลงอย่างรวดเร็วจากช่วงเวลา
กลางวันไปเป็ นกลางคืน รวมทังความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างฤดูกาล
บางช่วงเวลาลมจะพัดอย่างสมําเสมอหรือเป็ นลมอ่อนๆ พอให้ใบหญ้าไหว แต่
บางครังก็จะเป็ นพายุทีรุนแรง ในทุ่งหญ้าจะมีต้นไม้บางส่วนทีจะเป็ นทีหลบ
ซ่อนตัวและเป็ นร่มเงาแก่ฝงู สัตว์ได้
หญ้า
หญ้าเป็ นพืชอีกกลุ่มหนึ งที มีจาํ นวนชนิ ดมากถึง
10,000 ชนิ ด ที กระจายอยู่ตามพืนทีต่างๆ ทัวโลก ทนทาน
ต่อความแห้งแล้งและความร้อนแรงของแสงอาทิ ตย์ได้เป็ น
อย่างดี
ภาพที 3.3 ครังหนึงวัวป่ าอเมริ กนั ไบซันถูกล่าจนใกล้ ถงึ สภาวะสูญพันธุ์ แต่ในปั จจุบนั อเมริ กนั ไบ
ซันอาศัยอยู่เขตพืนทีอนุรักษ์ ของอุทยานแห่งชาติ โดยมีอาหารหลักคือหญ้ า อาหารอืนๆ ทีกินเช่น
ยอดไม้ และกิงไม้
61
ภาพที 3.5 ควายป่ าแอฟริ กาจะเป็ นสัตว์อนั ตรายเมือรู้ สกึ ว่าตัวเองถูกคุกคามหรื อทําให้ ตกใจ เป็ น
สัตว์ทีมีเขาขนาดใหญ่และกีบเท้ าทีแข็งแรง ซึงการเตะทําให้ สตั ว์ผ้ ลู ่า เช่น สิงโตถึงกับตายได้
ถึงแม้ว่าช้างเอเชียและช้างแอฟริกาจะดูคล้ายกันแต่กย็ งั มีความแตกต่างในหลายๆจุด
เช่น เมือโตเต็มทีช้างเอเชียจะมีขนาดเล็กกว่าช้างแอฟริกา
- ใบหูของช้างเอเชียจะมีขนาดเล็กกว่าช้างแอฟริกา
- หัวด้านหน้าในช้างเอเชียจะนูนออกมา ( bulbous ) ส่วนช้างแอฟริกาจะแบน
- งาในช้างเอเชีย ช้างเพศเมียและช้างเพศผูบ้ างตัวจะไม่มงี า ขนาดงาของช้างเอเชียจะ
เล็กกว่าช้างแอฟริกา
- งวง ช้างเอเชียจะมีตงยื ิ น ( finger like projection ) ปุ่มอยูท่ ปลายสุ
ี ดของงวงเพียงอัน
เดียว แต่ชา้ งแอฟริกาจะมีตงยื
ิ นอยูท่ ส่ี วนปลายสุดของงวง 2 อัน
- เท้า ช้างเอเชียจะมีเล็บทีเท้าทีเท้าหน้าจํานวน 5 เล็บ เท้าหลัง 4 เล็บ ส่วนช้าง
แอฟริกาจะมีเล็บทีเท้าทีเท้าหน้าจํานวน 4 เล็บ เท้าหลัง 3 เล็บ
65
ข้อมูลทีน่ าสนใจ
ช้างจะทักทายช้างตัวอืนๆด้วยการสัมผัสโดยใช้ปลายงวง
ช้างจะโบกหูตวั เองไปมาเพือช่วยให้ร่างกายเย็นขึน
ภาพที 3.7 ( ซ้ าย ) ช้ างเอเชีย ภาพที 3.8 ( ขวา ) เป็ นช้ างแอฟริ กา โดยลูกช้ างจะได้ รับการ
ดูแลจากสมาชิกตัวอืนๆในฝูง จนกระทังอายุ 3-4 ปี โดยถึงช่วงอายุสมบูรณ์พนั ธุ์ทีอายุ 10 ปี
66
แรด ( Rhinoceros )
แรดเป็ นสัตว์ทีมีการกระจายพันธุ์ในทวีปแอฟริ กาและเอเชีย เป็ นสัตว์ทีมีขนาดร่ างกาย
ใหญ่ โดยมีนาหนั
ํ ก 820 - 1050 กิโลกรัม สายตาไม่ค่อยดีนกั โดยจะเห็นชัดเจนในระยะใกล้ๆ แต่
ประสาทสัมผัสการฟังและการดมกลินจะดี ปริ มาตรของทีสมองในส่ วนทีเกียวข้องกับการดมกลิน
จะมีมากกว่าสมองหน้าทีอืนๆ
แรดไม่มีต่อมเหงือ ใช้การลงแช่ปลักโคลนเพือลดอุณหภูมิร่างกายลง แรดจะพักหลบ
ร้อนโดยการแช่ปลักในบริ เวณทีอยูใ่ กล้แหล่งนําในช่วงเวลาทีร้อนทีสุ ด เป็ นสัตว์ทีดํารงชีวิตอยู่ตวั
เดียวใกล้แหล่งนํา ซึ งมักมีแรดตัวอืนๆ ใช้พืนทีอยูด่ ว้ ย
67
ฮิปโปโปเตมัส ( Hippopotamus )
ฮิปโปโปเตมัสแม่นาแอฟริ
ํ กนั ( African river hippopotamus ) หรื อชือสามัญอีกชือหนึ งคือ
ฮิปโปธรรมดา ( Common Hippopotamus ) เป็ นสัตว์ทีมีช่องปากกว้างเพือเหมาะกับการกินหญ้าที
เจริ ญใกล้กบั พืนดิน ฮิปโปจะดํารงชีวิตในทะเลสาบและแม่นาํ เป็ นสัตว์ทีว่ายนําได้เก่ง ในช่วงการ
ดํานําฮิปโปจะปิ ดจมูกและหูก่อนทีจะดํานําลงไป การดํานําเป็ นการปกป้ องตัวเองจากแสงแดดและ
ช่วยซ่ อนตัวให้พน้ สายตาสัตว์ผลู ้ ่า ในช่วงทีฮิ ปโปลอยตัวบนผิวนําลําตัวและหัวบางส่ วนจะจมลง
ในนํา ส่ วนจมูก ตาและหูซึงอยูด่ า้ นบนของหัวจะพ้นนําขึนมา มองแล้วคล้ายกับกล้องเพอลิสโคบ
ทีใช้ในเรื อดํานํา
69
ฮิปโปโปเตมัสจะขึนจากนําขึนบกในช่วงเวลากลางคืนเพือกินหญ้า ซึ งพบว่าทางเดินขึนจาก
นําไปยังบริ เวณทีกินหญ้าของฮิปโป ทีฮิปโปเดินใช้เส้นทางเดิมทุกวันจะเห็นเส้นทางบนตลิงเป็ น
โคลนทีโดนเหยียบยําจนเละ นําหนักของฮิปโปประมาณ 1,130 กิโลกรัม โดยจะกินหญ้าใน
ปริ มาณ 45 กิโลกรัม ต่อ 1 ตัว
ํ กโดยเฉลีย 227 กิโลกรัมตาทัง 2 ข้าง จะอยู่
ปิ กมีฮิปโป ( Pygmy Hippo ) จะมีนาหนั
ด้านข้างของหัว ปิ กมีฮิปโปมีพฤติกรรมทีอาศัยอยู่บนบกมากกว่าฮิปโปโปเตมัสแม่นาแอฟริ
ํ กนั ซึ ง
ทําให้ตกเป็ นเหยือของนายพรานล่าสัตว์ได้ง่าย และจํานวนของปิ กมีฮิปโปก็ลดจํานวนลงมากจน
อยูใ่ นสภาพที ใกล้จะสู ญพันธุ์
ภาพที 3.12 ( ซ้ าย ) ฮิปโปโปเตมัสสามารถอ้ าปากได้ เป็ นมุม 150 องศา ฮิปโปเพศผู้จะอ้ าปาก
ในช่วงการต่อสู้กนั ฮิปโปทัง 2 ชนิดมีผิวหนังเรี ยบเพือให้ เหมาะกับการใช้ เวลาส่วนใหญ่อยู่ในนํา
ภาพที 3.14 ( ขวา ) ต่อมทีผิวหนังจะหลังของเหลวทีจะช่วยปกป้องตัวเองจากแสงแดดและเชือ
โรค
ข้อมูลทีน่ าสนใจ
- ยีราฟเพศผู้จะเห็นสันของกระดูกทีส่วนเหนื อดวงตาอย่างชัดเจน
- ยีราฟทังเพศผู้และเพศเมีย จะมีผิวหนังมาปกคลุมเขาไว้ โดยเขาของตัวผู้จะดูหนา
ใหญ่กว่า ส่วนเขาของตัวเมียจะมีขนสีดาํ ยาวขึนแซมด้วย
- ยีราฟจะใช้การดม เลียตามลําตัวและเอาลําตัวเสียดสีกบั ยีราฟตัวอืนๆ เพือเป็ นการ
สร้างความสัมพันธ์กนั ในฝูง
71
ม้ าลาย
ม้าลายเป็ นสัตว์ทีมีลกั ษณะคล้ายม้าบ้านทีมีลวดลายเป็ นแถบขาว-ดํา โดยทีสัตว์ทงั 2 ชนิด
จะเป็ นสมาชิกของสัตว์ในวงศ์มา้ ( family equine ) และมีลกั ษณะร่ างกายทีเหมือนกันหลายอย่าง
โดยสัตว์ในวงศ์นีจะมีลกั ษณะของหัวยาว ขาเรี ยวยาวและมีกีบทีเท้า ม้าลายจะมีดว้ ยกัน 3 ชนิด
คือ 1. ม้าลายพืนราบ ( Plains Zebra ) จะมีจาํ นวนมากทีสุ ด โดยมีการกระจายพันธุ์ในทวีป
แอฟริ กาทางใต้และทางตะวันออก ชนิดที 2 ม้าลายภูเขา ( Mountain Zebra ) ทีถินทีอยูท่ ีเป็ น
ภูเขาในพืนทีตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปแอฟริ กา ชนิดที 3 ม้าลายเกร์วี ( Grevy’s Zebra ) มีถินที
อยูใ่ นทุ่งหญ้าทีแห้งแล้งของประเทศเอธิ โอเปี ยและโซมาเลีย โดยทัง 2 ชนิดหลังจะมีอยูจ่ าํ นวน
น้อย
ภาพที 3.17 ฝูงของม้ าลายจะเดินทางไม่ได้ เร็ วนัก เพือให้ ลกู ม้ าลายสามารถติดตามฝูงได้ ถ้ าลูก
ม้ าลายแยกตัวออกจากฝูงจะตกเป็ นเหยือของสัตว์ผ้ ลู า่ ได้ โดยง่าย
สัตว์กินพืชในทุ่งหญ้าแต่ละชนิดจะมีระยะระวังภัย
จากผูบ้ ุกรุ ก ซึ งถ้าเข้าใกล้เกินกว่าระยะนันสัตว์จะ
วิงหนี ม้าลายจะมีระยะระวังภัยที 30 เมตร ม้าลาย
แต่ละตัวสามารถวิงออกตัวได้อย่างรวดเร็ วถ้ารู ้สึกว่า
กําลังมีอนั ตรายเข้ามา เมือฝูงม้าลายเริ มวิงหนีสตั ว์ผู ้
ล่าม้าลายตัวจ่าฝูงจะปกป้ องส่ วนหลังของตัวเอง
โดยการเตะขาหลังออกไปเนืองจากมีรู้สึกว่าตัวเอง
กําลังถูกติดตามไล่หลังมา
สั ตว์ เท้ ากีบคู่ในทุ่งหญ้ า ( Even – Toed Grassland Animals)
ม้าลายและม้าอีกหลายสายพันธุ์นนเป็ ั นสัตว์กีบเท้าเดียว ซึ งมีลกั ษณะแบนจะเหมาะกับการ
เดินและวิงในพืนทีแข็งหยาบ ตัวของกีบและข้อต่อจะช่วยให้วิงได้เร็วขึนและลดแรงสะท้อนกลับ
ทีมาจากพืนดิน ในพืนทีเปี ยกและลืนสัตว์ทีมีกีบเท้า 2 อัน จะสามารถวิงได้เร็ วกว่าเนืองจากเกาะ
กับพืนผิวได้ดี
แอนติโลป ( Antelope )
เป็ นสัตว์ทีมีกีบเท้าคู่ ที ดํารงชีวิตในถินทีอยูห่ ลายลักษณะเช่น ภูเขา ใกล้แหล่งนํา
ทะเลทราย ถึงแม้วา่ ลักษณะร่ างกายเป็ นทีคุน้ ตาว่าเป็ นสัตว์ทีพบเฉพาะในเขตทุ่งหญ้าเท่านัน แอน
ติโลปเป็ นสัตว์ทีวิงได้เร็ วและกระโดดได้ไกลอย่างต่อเนืองเมือตกใจ อิมพาลา ( Impala )และสปริ ง
บอค ( Springbok ) สามารถกระโดดสูงขึนด้านบนได้สูงถึง 3 – 4 เมตร ซึ งจะลอยตัวสูงขึนเหนือ
ส่วนหลังของเพือนร่ วมฝูง การกระโดดทีต้องใช้พลังงานมากนีจะมีการปล่อยกลินจากต่อมทีขา
ก่อนทีสัตว์จะหลบหายไป
มีแอนติโลปบางชนิ ดจะใช้เขาเพือป้ องกันตัวเองจากสัตว์ผลู ้ ่า เช่น เขาทีโค้งยาวประมาณ
1 เมตรของวอเตอร์ บคั เพศผูจ้ ะใช้ข่สู ิ งโตได้ แต่โดยส่ วนใหญ่จะใช้เขาเพือใช้ต่อสู ้ขบั ไล่แอนติโลป
ชนิดเดียวกันทีลําอาณาเขตเข้ามา
อีแลนด์เป็ นแอนติโลปทีเขามีลกั ษณะบิดเป็ นเกลียวทีมีเขาขนาดใหญ่โดยจะมีเขาทัง 2
เพศ
74
มีรูจมูกทีกว้างเพือให้ การหายใจเข้านําออกซิเจนเข้าไปยังปอดและหัวใจได้ ดี
ขึน
กระดูกสันหลังทียืดหยุ่นเพือช่ วยในการเร่ งความเร็ว
ฟันขนาดเล็ก รากฟันตืนเพือให้
เกิดช่ องว่างของโพรงจมูกกว้ างขึน
ปอดและหัวใจขนาดใหญ่ และหลอดเลือดแดงทีมีการ
หางยาวช่ วยในการทรงตัว กระจายตัวไปตามกล้ ามเนือเพือช่ วยให้ การวิงมี
ประสิทธิภาพ
เสือชีต้า ( Cheetah )
เสื อชีตาร์ จะพบการกระจายพันธุ์ในหลายพืนทีของทวีปแอฟริ กา มีเพียงชนิดเดียว ไม่มี
ชนิดย่อย ดํารงชีวิตและออกล่าเหยือเพียงตัวเดียว มีนาหนั
ํ กประมาณ 55 กิโลกรัม เป็ นเสื อทีวิงได้
เร็ ว โดยมีลกั ษณะทางร่ างกายทีช่วยให้วิงได้เร็ว เช่น ขายาว ส่ วนท้ายลําตัวทีสูงขึน เล็บเท้าทีไม่
งุม้ หดเข้าไปในอุง้ เท้าทีช่วยในการจิกดินแห้ง ทีจะทําหน้าทีคล้ายกับตะปูทีพืนของรองเท้านักวิงที
ช่วยให้การวิงเกาะพืนมากขึน
สิ งโต ( Lion )
สัตว์ในตระกูลเสื อและแมวเกือบทุกชนิ ดจะดํารงชีวิตอยู่ตวั เดียวไม่ใช่สตั ว์สังคม แต่ยกเว้น
สิ งโตแห่งทุ่งหญ้าและทะเลทรายของทวีปแอฟริ กา สิ งโตจะอยู่กนั เป็ นฝูงทีเรี ยกว่าไพรด์ (pride)
โดยพบว่าสมาชิกในฝูงจะประกอบด้วย เพศผู ้ 2 ตัว ตัวเมียหลายตัวและลูกๆ โดยแต่ละไพรด์จะ
มีสมาชิกตังแต่ 5 - 37 ตัว ฝูงของสิ งโตมีการปกป้ องอาณาเขตของตนเอง การประกาศอาณาเขต
จะมีการแสดงออกมาเช่น การร้องคํารามในช่วงประมาณ 1 ชัวโมงหลังพระอาทิตย์ตกดิน ถ้ามี
สิ งโตเพศผูบ้ ุกรุ กต่างฝูงเข้ามาในอาณาเขตสิ งโตเพศผูจ้ ะเป็ นผูข้ บั ไล่ให้ออกจากพืนทีไป การถ่าย
ปัสสาวะและปล่อยสารทีมีกลินจากต่อมทีอยูบ่ ริ เวณอุง้ เท้า ถ้าจํานวนเหยือลดจํานวนลงบางครัง
อาณาเขตของสิ งโตจะกว้างถึง 260 ตารางกิโลเมตร
ข้อมูลทีน่ าสนใจ
สิ งโตเพศผู้เป็ นสัตว์ในตระกูลเสือและแมวที มีแผงคอ
สิ งโตเพศเมียมีขนาดเล็กกว่าเพศผู้
ลูกสิ งโตจะมีจดุ ตามตัว
เพือเป็ นการระบายความร้อนของร่างกาย บางครังจะ
เห็นสิ งโตนอนในท่าเอาหลังแนบพืนและเอาขาชี ฟ้ าขึน
ชอบล่า แต่สตั ว์ชนิ ดอืนที สิ งโตล่าเป็ นอาหาร เช่น ลูกฮิปโปโปเตมัส ลูกช้างแอฟริ กาหรื อลูก
ควายป่ าแอฟริ กา เหยือทีล่าได้จะแบ่งกันกินภายในฝูง สิ งโตแต่ละตัวสามารถกินอาหารได้มากถึง
34 กก.ในการกิน 1 มือ มีบางช่วงเวลาที มีเหตุการณ์ลูกสิ งโตตายในช่วงอายุตงแต่ ั แรกเกิดจนถึง
อายุ 1 ปี เนื องจากลูกสิ งโตไม่สามารถเข้าไปมีส่วนแบ่งในอาหารทีล่าได้ ถ้าปริ มาณอาหารทีล่าได้
ไม่เพียงพอกับการแบ่งปันให้กบั สมาชิกทุกตัว
สิ งโตทักทายสมาชิกภายในฝูงโดยการใช้หวั ถูไปทีหน้าและหัวของสิ งโตตัวอืน และปล่อย
กลินจากต่อมกลิน สิ งโตเพศเมียจะสร้างความสัมพันธ์กบั สิ งโตตัวอืนด้วยการเลียเพือทําความ
สะอาดขนให้ สิ งโตจะมีการใช้เล็บขูดกับต้นไม้ เพือเป็ นการฝนเล็บทียาวเกินไปทีจะมีผลให้เดิน
ไม่สะดวก
นกฟลามิงโกและลูกทีเกิดใหม่ นกกระยางสโนวี
นกกระทุงสี นาตาล
ํ นกกระเรี ยนกระหม่อมแดง นกกระยยางควาย
อัลลิเกเตอร์ นกกระยางโกไลแอท
อาหารทีถูกเคียวอีกครังนี จะถูกกลืนลงไปอีก
ครังและการย่อยก็จะเกิดในกระเพาะส่ วน 2 – 4
ต่อไป และอาหารทังหมดจะถูกส่ งไปย่อยและดูดซึ ม
ต่อทีลําไส้เล็กและลําไส้ใหญ่ต่อไป การกินอาหาร
อย่างรวดเร็ วในครังแรกนัน เพือเป็ นการใช้เวลาใน
แหล่งอาหารให้น้อยลง เพือลดการตกเป็ นเหยือของ
สัตว์ผลู ้ ่า และขบวนการนีเป็ นขบวนการทีช่วยให้สตั ว์
สามารถใช้พืชซึ งมีโครงสร้างทีแข็งย่อยยากมาเป็ น
แหล่งพลังงานได้
เขาแบบฮอร์ น (horn)
พรองฮอร์ น ( Pronghorn )-
เป็ นสัตว์ทีนักอนุ กรมวิธานได้จดั แยกให้พรองฮอร์นอยู่ในวงศ์ ( family ) ของตนเองแยก
จากแอนติโลป ( Antelope ) ทีอยู่ในวงศ์โบวิดี ( family bovidae ) เป็ นสัตว์เคียวเอืองทีมีการ
กระจายพันธุเ์ ฉพาะในทวีปอเมริ กาเหนื อ ฟันจะมีการเจริ ญเติบโตตลอดเวลาเพือเหมาะกับการใช้
กัดเคียวหญ้าทีหยาบแข็งและใบของพืชไม้พุ่ม ลูกตาจะนูนสูงขึนทีช่วยให้พรองฮอร์นสามารถ
มองเห็นได้รอบตัว 360 องศาเมือหันหัวไปมาด้านซ้ายขวา การรวมกลุ่มเป็ นฝูงขนาดใหญ่จะเกิดขึน
ในลักษณะรวมกันตามเพศ ในช่วงต้นของฤดูใบไม้ผลิฝงู จะแบ่งเป็ นฝูงของเพศผูว้ ยั หนุ่ ม ฝูงของ
เพศเมีย ส่วนเพศผูท้ ีโตเต็มวัยจะอยูต่ วั เดียว ส่ วนช่วงฤดูหนาวจะร่ วมตัวกันทังสองเพศเป็ นฝูง
ขนาดเล็ก
พรองฮอร์นเป็ นสัตว์ทีวิงได้เร็ วทีสุดในทวีปอเมริ กาที 100 กิโลเมตร / ชัวโมง ลูกทีเกิด
ใหม่ทีอายุ 4 วันสามารถจะวิงหนีมนุษย์ได้ เมือพบสิ งผิดปกติกลุ่มขนสี ขาวทีบนหัวด้านบนจะตัง
ชันขึน ซึงจะเป็ นการเตือนภัยไปยังพรองฮอร์นตัวอืนๆ ซึงพรองฮอร์นตัวอืนๆ สามารถเห็น
สัญญาณเตือนภัยได้ไกลถึง 3 กิโลเมตร รวมทังใช้การปล่อยกลินจากจากต่อมขน ( musky scent )
เพือเป็ นการบอกเตือนอันตรายไปยังพรองฮอร์นตัวอืนๆ
89
ข้อมูลที น่ าสนใจ
- จิงโจ้เป็ นสัตว์ทีมีขาหน้ าสันเมือ
เปรียบเทียบกับขาหลังที ยาวเพือใช้
ในการกระโดด
- การลดอุณหภูมิของร่างกายจิงโจ้
จะทําได้โดยการเลียทีขาหน้ าด้าน
ใน ( inside of their fore arm ) ซึง
เป็ นบริ เวณที เส้นเลือดเข้าใกล้กบั
ผิ วหนัง
บทที 4
สัตว์ป่าในทะเลทราย
( Animals of the Desert )
สัตว์บางชนิดจะหลบช่วงเวลากลางวันของทะเลทรายโดยการขุดรู ขุดโพรงลงใต้ดินหรื อ
หลบอยู่ใต้กอ้ นหิน สัตว์บางชนิ ดอาศัยอยู่ในลําต้นหรื อกิงก้านของต้นตะบองเพชร กระรอก
ทะเลทราย เช่น กระรอกแอนติโลป ( antelope squirrel ) จะหลบอยู่ใต้พวงหางของของตัวเอง
สัตว์เลือยคลานซึงต้องพึงพาแสงอาทิตย์เพือคงระดับการเผาผลาญพลังงานในร่ างกายให้คงที แต่ก็
ต้องหาร่ มเงาหลบจากแสงอาทิตย์เนื องจากความร้อนทีมากเกินไป สัตว์เลียงลูกด้วยนมทีอาศัยอยู่
ทะเลทรายมีขนทีช่วยในการป้ องกันร่ างกายจากอากาศร้อน ขนบนลําตัวสี เทาจางหรื อเหลืองจะ
ช่วยในการสะท้อนความร้อนและช่วยในการพรางตัวให้กลมกลืนไปกับทะเลทราย มีเพียงสัตว์ไม่กี
ชนิดเท่านันทีสามารถทนต่อแสงอาทิตย์ตอนเทียงวันได้
99
บ๊ อบแคท ( Bobcat ) หรื ออีกชือหนึ งคือ Red Lynx หรื อแมวป่ าทะเลทราย ( Desert Wild
cat ) มีการกระจายพันธุ์ในพืนกึงทะเลทรายและเนินเขาในประเทศเม็กซิ โก ทวีปอเมริ กาเหนือ
พืนทีตะวันออกของประเทศสหรัฐอเมริ กา แมวชนิ ดนี มีลกั ษณะลําตัวสัน หนาและมีหางสัน โดย
หางมีความยาว 15 เซนติเมตร ซึ งลักษณะของหางก็กลายเป็ นชือของแมวชนิดด้วย ความสู งช่วง
ไหล่ประมาณ 60 เซนติเมตร พืนทีทีบ๊อบแคทเลือกอยูเ่ ป็ นพืนทีที มีแหล่งนําเพือใช้กินตลอดเวลา
บ๊อบแคทเป็ นสัตว์ทีดํารงชีวิตอยูต่ วั เดียว และมีอาณาเขตครอบครองในบริ เวณเดิม สัตว์ทีล่า
เป็ นอาหารเช่น หนู กระต่าย และนก ในบางโอกาสก็จะล่าเหยือที มีขนาดใหญ่ เช่น ลูกแกะบิก
ฮอร์นหรื อกวางขนาดเล็ก ในช่วงฤดูผสมพันธุ์บางเวลาบ๊อบแคทจะร้องในเวลากลางคืนเสี ยงจะ
คล้ายๆ กับแมวบ้าน
- ไขมันสะสมทีโหนกบริเวณหลังทีเป็ นทีสะสมไขมันซึงจะ
มีขนตาทีงอนยาวเพือช่ วยกันเม็ดทราย เปลียนเป็ นพลังงานใน เวลาขาดแคนอากาศ
ข้อมูลทีน่ าสนใจ
- ทังเฟนเนทฟอคและคิ ทฟอคมีขนที ยาวจนคลุมฝ่ า
เท้าซึงช่วยในการเดิ นบนทราย โดยฝ่ าเท้าและขาไม่
จมลงไป
- ขนาดใบหูของเฟนเนทฟอคมีความยาว 15
เซนติ เมตรซึงจะมีขนาดของใบหูทีใหญ่กว่าคิ ทฟอค
กลไกสํ าหรับการเคลือนที
( Strategies for Movement )
อุณหภูมิทีร้อนมากจะเป็ นอันตรายต่อชีวิตกับ
สิ งมีชีวิตที อาศัยอยู่ทะเลทราย รวมทังพืนทีเปิ ด
โล่งของทะเลทรายยังเป็ นพืนทีทีง่ายต่อการถูกล่า
อีกด้วย เช่น หนูจิงโจ้ ( kangaroo rat ) หนูเจอร์
บัวร์ ( jerboa ) หนูเจอร์บิวส์ ( gerbils ) และ
กระต่ายแฮร์แจคแรบบิท ( jack rabbit ) สัตว์กลุ่มนี
จะเดินทางเป็ นระยะทางไกลในทะเลทรายเพือหา
อาหารและนํา และต้องใช้การเคลือนทีอย่าง
รวดเร็ วเพือหนี จากศัตรู .
ข้อมูลทีน่ าสนใจ
- หนูเจอร์บวั ส์ จะมีขาหน้ าขนาดเล็กและขาหลังยาวซึงทําให้หนูเจอร์บวั ร์กระโดดได้ไกล
ถึง 3 เมตร
107
ภาพที 4.14 ( ซ้ าย ) หนูจิงโจ้ เมอร์ เรี ยม ( Merriam ‘ s kangaroo rat ) เป็ นหนูจิงโจ้ ทีเล็กทีสุดใน
ประเทศสหรัฐอเมริ กา หนูจิงโจ้ เป็ นสัตว์ทีมีประสาทการได้ ยินดีมากเพือใช้ ประโยชน์ในการหลบ
หลีกสัตว์ผ้ ลู า่
ภาพที 4.15 ( ขวา )หนูเจอร์ บวั ในช่วงทีฤดูหนาวในบางพืนทีของทะเลทรายในทวีปเอเชีย การจํา
ศีลจนนานถึง 7 เดือน ในโพรงดินโดยจะดึงเอาขนอูฐหรื อเส้ นใยอืนๆ เข้ าไปในโพรงดิน
กระรอกจะมากินน้ําจากเนื้อกระบองเพชร มีสัตวทะเลทรายหลายชนิดที่สรางที่อยูในลําตน
ของตะบองเพชรซากัวโร ตะบองเพชรชนิดนีส้ ามารถเติบโตจนมีความสูงไดถึง 15 เมตร
ตะบองเพชรซากัวโรทีออก นกหัวขวานจิลาจะทํารังใน
ดอกในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ตะบองเพชรซากัวโร
ภายในโพรงของตะบองเพชรซากัวโร จะมีสภาพคล้ายภายในโพรงดินโดยในเวลา
กลางวันอุณหภูมิจะเย็นกว่าภายนอก ในช่วงกลางคืนอุณหภูมิจะอบอุ่นกว่าอากาศภายนอกและ
ความชืนก็จะสูงกว่าอากาศภายนอกด้วย รวมทังระดับความสู งจากระดับพืนดิน ก็จะช่วยให้สตั ว์
ปลอดภัยจากสัตว์ผลู ้ ่ามากยิงขึน
นกหัวขวานจิลา ( Gila Woodpecker ) ทํารังภายในต้นตะบองเพชรซากัวโรโดยการใช้ปาก
เจาะทีลําต้นจนเป็ นโพรง เยือลําต้นของตะบองเพชรทีเหลืออยูร่ อบๆ โพรงจะมีลกั ษณะเป็ นเยือใย
ทีช่วยรักษาความชื นของลําต้นไว้ได้
นกหัวขวานจิลาจะอาศัยอยู่ในโพรงในลําต้นตะบองเพชรเป็ นเวลา 1 ปี จากนันจะเจาะ
โพรงแห่ งใหม่ในต่างต้นตะบองเพชร ในช่วงฤดูใบไม้ผลิโพรงแห่ งเดิมนันจะมีสตั ว์ชนิดอืนๆ เข้า
มาใช้ประโยชน์ เช่น นกฮูก เหยียวขนาดเล็ก นกเคคตัสเรพ์ท ในบางช่วงเวลาจะมีคา้ งคาวสี
นําตาล ผึงและหนูแพค (pack rat) ในกรณี ของหนูเคคตัสทีย้ายเข้ามาพักอาศัยในโพรงเก่า หนูจะมี
การสร้างเส้นทางจากโพรงใต้ดินเข้ามาภายในลําต้นตะบองเพชร และกัดกินเนือของต้น
ตะบองเพชรไปด้วย
ลําต้นทีโดนเจาะทําลายจะสามารถกลับมาเชื อมกันได้ เพือให้ตะบองเพชรเก็บรักษานําไว้
ได้ ตะบองเพชรจะคงความสามารถในการผลิตดอกออกผลในช่วงเวลาทีแห้งแล้งได้เป็ นปกติ
เนืองจากความสามารถในการเก็บรักษานําไว้ในลําต้นได้
109
ภาพที 4.18 (ซ้ าย) แจคแรบบิทหางดํา ( black – tail jack rabbit ) ภาพที 4.19 (ขวา) แอนติโลป
แรบบิท ( antelope rabbit )
สิ งทีแจคแรบบิทเหมือนกับกระต่ายชนิด Hare อืนๆ คือการสื อสารด้วยการกระทืบเท้า
หลังทีพืน แจคแรบบิทเพศผูจ้ ะต่อสู ้กนั ในช่วงฤดูผสมพันธ์ ใช้ขาหน้าต่อยกันและถีบด้วยขาหลัง
เป็ นสัตว์ทีมีการเพิมประชากรได้อย่างรวดเร็ วตังท้องปี ละ 3-4 ครัง และแต่ละครอกอาจมีลกู ถึง 6
ตัว เมือคลอดออกมาลูกจะลืมตา มีขนเต็มตัวและเดินได้เกือบทันที
110
ขอมูลที่นาสนใจ
แจคแรบบิทมีหขู นาดใหญ่ทีช่วยในการลดอุณหภูมิของร่างกาย โดยในช่วงเวลา
ั นเพือช่วยในการลดอุณหภูมิ ส่วนในช่วงเวลากลางคืน แจคแรบบิท
กลางวันจะทําหูตงชั
จะทําหูแนบไปกับตัว
มินดาเนาว์ ทารเซีย
นกกี
มินดาเนาว์ วทารเซี
ี ย
เสื อลายเมฆ เสื อลายเมฆ
แอทแดค ( Addax )
แอทแดคเป็ นแอนติโลปขนาดกลาง มีเขายาว เป็ นสัตว์ทีดํารงชีวิตแบบสัตว์ฝงู ขนาดเล็ก
มีการกระจายพันธุใ์ นพืนทีบางส่ วนของทะเลทรายซาฮาร่ าในทวีปแอฟริ กา เป็ นสัตว์ทีทนต่อความ
ร้อน แต่ตอ้ งพักหาร่ มเงาหลบจากแสงแดดแรงในช่วงร้อนจัด กีบเท้าจะมีลกั ษณะกว้างบานออก
เพือช่วยในการเดินในทะเลทราย เป็ นสัตว์ทีมีประสาทดมกลินดีเพือช่วยหาแหล่งหญ้า ใบไม้ที
ํ างเกาะและแหล่งนํา พบว่าเมือนําแอทแดคมาเลียงในสวนสัตว์สัตว์ชนิ ดนี จะไม่กินนํา
มักจะมีนาค้
ออริกซ์ ( Oryx )
แอนติโลปทีจัดอยู่ในตระกูลออริ กซ์ ( genus ) มีดว้ ยกัน 3 ชนิ ด โดยออริ กซ์เป็ นแอนติโลป
ทีมีลกั ษณะรู ปร่ างสวยงาม แข็งแรงสง่างาม เขาจะมีความยาว 1-2 เมตร มีทงชนิ ั ดเขาตรงและเขา
113
ภาพที 4.29 ( ซ้ าย ) งูหางกระดิงปิ กมี ( Pygmy rattle snake ) ภาพที 4.30 ( ขวา ) งูหาง
กระดิงหางดํา ( The blacktail rattlesnake )ไม่มีอนั ตรายต่อคน จะล่าเหยือคือหนูขนาดเล็ก
ข้อมูลที น่ าสนใจ
กิ งก่าคอลลาร์ด ( Collard lizard ) เป็ นสิ งที มีลกั ษณะของร่างกายไม่สมดุลส่วนหัวใหญ่
และยาว แต่หางขนาดเล็ก ขาหลังใหญ่กว่าขาหน้ า
เราจะทราบได้ว่ากิ งก่าคอลลาร์ดเพศผู้ทีโตเต็มทีได้โดยการดูจดุ ทีอยู่บนหน้ าอก
บทที 5
สัตว์ป่าในป่ าผลัดใบของเขตอบอุ่น
( Animals of the Deciduous Forest )
ช่องทางนําทีจะลําเลียงท่อนไม้ไปยังสระนํา จาการสํารวจพบว่าในรัฐโคโรลาโดมีช่องทางนําทีบี
เวอร์สร้างขึน ( beaver canal ) ทีมีความยาวถึง 230 เมตร
บีเวอร์จะอยู่ในกระท่อมไม้ทีสร้างจากกิงไม้และโคลน โดยกระท่อมบ้านจะสร้างห่างจาก
ฝังและก่อตัวขึนเป็ นเกาะ จะมีทางเข้าจากใต้นาํ โดยขนาดของกระท่อมจะมีความสูง 0.5 เมตร
กว้าง 1 เมตร
ภาพที 5.3 ( ซ้ าย ) บีเวอร์ เดินอย่างช้ าๆ บนพืนดิน ภาพที 5.4 ( ขวา ) เขือนทีบีเวอร์ สร้ างขึน
ซึงจะสมาชิกทีอาศัยเป็ นเพศผู้ เมียทีจับคูก่ นั และลูกๆ
128
อาณาเขต ( the home range ) สัตว์ทีมีขนาดของลําตัวใหญ่ เช่น หมี เสื อคูการ์ จะมีพืนที
เป็ นของตัวเอง เพือใช้เป็ นแหล่งอาหารและเพือการดํารงชีวิต อาณาเขตจะประกอบด้วยแหล่งนํา
บริ เวณทีพัก สัตว์จะมีการปกป้ องอาณาเขตหากมีสัตว์ชนิดเดียวกันและเพศเดียวกันล่วงลําเข้ามา
เสื อคูการ์ ( cougars ) และวูฟเวอร์ลีน ( wolverine ) จะทําเครื องหมายอาณาเขตของตัวเองโดยการ
ถ่ายปัสสาวะ ส่ วนหมีจะใช้การทําเครื องหมายไว้บนต้นไม้
ขนาดของอาณาเขตจะขึนอยู่กบั ลักษณะภูมิประเทศ ปริ มาณอาหาร จํานวนความ
หนาแน่ นของประชากรของสัตว์ชนิดนัน ๆ ในพืนที ตัวอย่าง เช่น อาณาเขตของหมีดาํ เพศผูใ้ นรัฐ
เทนเนสซี ในเขตเทือกเขาสโมคกี ( smoky mountain ) จะมีอาณาเขต 41 ตารางกิโลเมตร แต่
อาณาเขตของหมีดาํ เพศผูใ้ นรัฐไอดาโฮซึ งมีความอุดมสมบูรณ์นอ้ ยกว่าและมีอากาศหนาวเย็นจะมี
พืนทีอาณาเขต 111 ตารางกิโลเมตร
ขนาดของพืนทีอาณาเขตยังขึนอยูก่ บั เพศและฤดูกาล เช่น เสื อคูการ์ เพศเมียจะมีพืนทีอาณา
เขต 40 - 80 ตารางกิโลเมตร ซึ งจะมีการทับซ้อนกับเสื อคูการ์เพศผูซ้ ึ งมีอาณาเขต 65 - 90 ตาราง
กิโลเมตร สัตว์ส่วนใหญ่จะต้องออกเดินทางไกลมากขึนในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เพือหาอาหารกิน
สําหรับการสะสมไขมันไว้ใช้ในฤดูหนาว เมือเติบโตถึงช่วงวัยเจริ ญพันธ์จะเป็ นช่วงอายุทีจะต้อง
หาพืนทีอาณาเขตของตัวเอง
129
หมีดาํ อเมริ กนั เป็ นสัตว์ทีดํารงชีวิตอยูต่ วั เดียว มีกิจกรรมส่ วนใหญ่ในเวลากลางคืน เป็ นสัตว์
ทีพยายามหลีกเลียงการพบกับมนุษย์ เมือหมีเดินทางในพืนทีบ้านเรื อนของมนุษย์ จะเดินในลําธาร
เนืองจากด้านข้างลําธารจะมีตน้ ไม้หนาแน่นช่วยในการบังตัว การเดินในนําจะช่วยในการอําพราง
กลินและรอยเท้า หมีเพศผูจ้ ะไล่ตวั ผูต้ วั อืนๆ ออกจากอาณาเขตของตัวเองแต่จะปล่อยให้เพศเมีย 1-
2 ตัวใชัพืนทีทับซ้อนในพืนทีของตัวเอง บางช่วงเวลาหมีดาํ อเมริ กาจะยืนบน 2 ขาหลังเพือทีจะ
มองเห็นในระยะไกล มีการใช้กรงเล็บหรื อปากกัดทีต้นไม้เพือทําเครื องหมายบอกอาณาเขต
130
ยกธงขาวส่งสัญญาณ
เปนทั้งอาวุธและเครื่องหมายบอกสถานะ
เม่ น ( Porcupine )
เม่นเป็ นสัตว์ในอันดับเดียวกับหนูคืออันดับโรดอนเทีย ( order rodentia ) โดยมีขนาดร่ างกาย
ใหญ่เป็ นอันดับสองรองจากบีเวอร์ ( beaver ) ถินทีอยูข่ องเม่นอเมริ กนั ( American Porcupine )
เป็ นป่ าสนเขาและป่ าผลัดใบในเขตอบอุ่น การกระจายพันธุ์ของเม่นพบตังแต่ทวีปอเมริ กาเหนือ
และต่อเนื องลงไปทางใต้จนถึงภาคเหนื อของประเทศเม็กซิโก
136
ข้อมูลทีน่ าสนใจ
- แรคคูนมีแถบสีดาํ รอบตา ทีบางครังเรียกว่าหน้ ากาก
- หางของแรคคูนจะมีความยาวประมาณ 15 เซนติ เมตร มีวงแถบและมีลกั ษณะเป็ นพู่
- กรงเล็บของแรคคูนทัง 5 เล็บจะมีลกั ษณะโค้ง ไม่สามารถเก็บกรงเล็บได้ในแบบทีสัตว์
กลุ่มแมวและเสือทําได้
นกหัวขวานทังเพศเมียและเพศผูจ้ ะใช้จงอยปากเคาะทีต้นไม้เพือประกาศอาณาเขตและดึงดูด
คู่ผสมพันธุ์ ซึ งเสี ยงการเคาะต้นไม้จะมีความแตกต่างกันไปตามชนิดของนกหัวขวาน นกหัวขวาน
จะเคาะทีลําต้นและกิงของต้นไม้แห้งตายมากกว่าจะเคาะทีต้นไม้ทียังมีชีวิต เนืองจากเสี ยงทีเกิดขึน
จะแหลมและดังกังวานมากกว่า ตัวอย่างลักษณะเสี ยงการเคาะเช่น ในนกหัวขวานสี ดาํ ( Black
woodpecker ) ในช่วงฤดูผสมพันธุ์มีจาํ นวนการเคาะ 500 – 600 ครังต่อวัน ( times a day ) เคาะใน
ความถี 6 -10 ครังต่อนาที ( strokes a second ) และจะกลับมาเคาะอีกใน 10 นาทีต่อมา ในนก
หัวขวานไพด์ ( Pied woodpecker ) ทีมีขนาดเล็กกว่านกหัวขวานสี ดาํ จะมีเคาะในความถีทีมากกว่า
ที 12 -14 ครังในช่วงเวลาไม่ถึง 1 นาที
ข้อมูลทีน่ าสนใจ
นกหัวขวานเป็ นนกที มีลกั ษณะนิ วเท้าที มีสองนิ วยืนมาทางด้านหน้ าและสองนิ วยืนไป
ทางด้านหลังเพือประโยชน์ในการเกาะกับลําต้นของต้นไม้
พบว่านกหัวขวานส่วนใหญ่ในเพศผู้จะมีพืนที ขนสีแดงมากกว่าเพศเมีย
142
วอมแบท จิงโจ้แดง
ต้นสนทีอยู่ในป่ าสนเขานีเป็ น
ต้นไม้ทีมีลกั ษณะของใบเขียวสดตลอด
ทังปี เมล็ดทีประกอบกันเป็ นรู ปทรง
กรวย ส่ วนในพืนทีเขตอบอุ่นทางตอน
ใต้ก็มีป่าสนเขาในพืนที โดยส่ วนใหญ่
จะเจริ ญในพืนทีทีมีความสูง กลุ่มของ
เมล็ดของต้นสนแต่ละโคน ( cone ) จะ
มีเพศของตัวเอง โดยในโคนของเพศ
เมียจะเป็ นส่ วนทีผลิตเมล็ด
146
ในช่วงฤดูร้อนหมาป่ าจะออกล่าเหยือในช่วงกลางคืน
แต่ในช่วงฤดูหนาวบางครังจะออกล่าเหยือในเวลากลางวัน
โดยเส้นทางทีหมาป่ าใช้เดินเช่น ถนน ทางเดินในป่ า ลําธาร
ทีนําแข็งตัวเป็ นนําแข็ง โดยบางวันอาจต้องเดินไกลถึง 200
กิโลเมตร หมาป่ าจะหอนเมือแยกตัวออกจากกลุ่มหรื อ
ต้องการประกาศอาณาเขตของฝูง ซึ งสามารถได้ยินไปไกล
ถึง 7 กิโลเมตร หมาป่ าจะรวมกันเป็ นฝูงเพือล่าสัตว์ขนาด
ใหญ่เช่น กวางมูส กวางคาริ บู บางครังก็ออกล่าเหยือเพียง
ลําพังแต่เลือกล่าในสัตว์ทีมีขนาดเล็กลง หมาป่ าสามารถกิน
อาหารได้มากถึงมือละ 9 กิโลกรัม
ภาพที 6.5 หมาป่ าแต่ละตัวจะมีระดับเสียงทีแตกต่างกัน หมาป่ าทิมเบอร์ ( Timber wolf ) เป็ น
ชือสามัญอีกชือหนึงทีใช้ เรี ยกหมาป่ าสีเทา
ขาทียาวเพือช่ วยในการ
เดินทางผ่ านหิมะทีหนา
ข้อมูลทีน่ าสนใจ
- สีขนส่วนของลิ งค์เป็ นสีเหลืองขาว หางค่อนข้างสันและส่วนปลายจะเป็ นสีดาํ ฝ่ าเท้า
ของลิ งค์มีขนาดใหญ่และเล็บเท้าสามารถบังคับกางออกและดึงกลับได้
ภาพที ลิงค์ เหมือนกับแมวและเสือชนิดอืนๆ ทีแม่ ลิงค์ จะเป็ นแม่ ทีปกป้องลูกเป็ นอย่ างดี
หมีสีนาตาลเหมื
ํ อนกับหมีชนิดอืนๆ กินทังพืชและสัตว์ ( Omnivores ) โดยอาหารจะมีความ
ผันแปรไปตามสิ งแวดล้อม เช่น หมีสีนาตาลญี
ํ ปุ่ น( Japanese brown bear ) จะเป็ นสัตว์ทีกินพืช
เป็ นอาหาร ( Herbivores ) เช่น รากไม้ หัวมัน หญ้า เห็ด ผลไม้เปลือกแข้ง ส่ วนหมีสีนาตาลที
ํ มี
การกระจายพันธุ์ในเทื อกเขาแคเนเดียน ร๊ อคกี ( Canadian r0ckies ) จะกินเนื อสัตว์เป็ นอาหารหลัก
สัตว์เหยือของหมีสีนาตาล
ํ เช่นกวางมูส กวางเอลป์ แพะภูเขา หรื อแม้กระทังหมีสีดาํ ( Black
Bear ) แต่พบว่าหมีสีดาํ จะหนีการไล่ล่าของหมีสีนาตาลได้ํ เนืองจาก เนืองจากลักษณะเล็บเท้าหน้า
ของหมีสีนาตาลที
ํ ยาวไม่เหมาะกับการปี นป่ ายต้นไม้
ในฤดูทีปลาแซลมอนอพยพกลับไปทีต้นนําทีเป็ นแหล่งกําเนิ ดของปลาแซลมอน พบว่าหมีสี
นําตาลจะใช้เวลาในเวลากลางวันทังวันในการจับปลาโดยการใช้ปากและเท้าหน้าช่วยในการจับปลา
ในช่วงปลายของฤดูร้อนและต้นฤดูใบไม้ร่วงหมีสีนาตาลกิ ํ นปลาถึงวันละ 35 – 40 กิโลกรัม ส่ วน
ในช่วงฤดูหนาวหมีสีนาตาลจะจํ
ํ าศีล โดยสถานทีหมีชนิ ดเลือกนอนจําศีลเช่น ถําตืนๆ โพรงของ
ต้นไม้ โพรงดินทีขุด สถานทีหมีเลือกอยู่เหล่าจะใช้วสั ดุรองรังเป็ นใบหญ้าแห้ง ใบไม้แห้ง หมีสี
นําตาลสามารถตืนจากการหลับได้โดยง่าย แต่ถา้ ไม่มีอะไรรบกวนหมีจะนอนหลับยาวเป็ นเดือน
โดยไม่มีการเปลียนท่า
หมีสีนาตาลจะออกลู
ํ กในช่วงทีมีการจําศีล การผสมพันธุ์จะเกิดขึนในช่วงปลายของฤดูใบไม้
ผลิหรื อช่วงต้นของฤดูร้อน แต่ไข่ทีได้รับการผสมจะไม่ฝังตัวทีผนังมดลูกทันที โดยส่ วนใหญ่จะ
ฝังตัวในช่วงใบไม้ร่วงและจะต้องเป็ นแม่หมีทีมีสุขภาพดีเท่านัน โดยจะมีการออกลูกครอกละ 2
ตัว ลูกหมีทีเกิดใหม่จะมีนาหนั
ํ กประมาณ 280 กรัม เมือครอบครัวของหมีจะออกจากโพรง
ในช่วงเดือนฤดูใบไม้ผลิ ซึ งในช่วงเวลาดังกล่าวแม่หมีตอ้ งปกป้ องลูกหมีจากหมีเพศผูแ้ ละหมาป่ า
การจําศีลเป็ นการปรับตัวให้เหมาะสมกับสภาพอากาศทีหนาวเย็นและหาอาหารยาก
แต่สาํ หรับหมีหลายชนิ ดที อยู่ในสวนสัตว์จะไม่มีการจําศีล เนื องจากมีอาหารกิ นอย่าง
สมําเสมอ
ข้อมูลทีน่ าสนใจ
กวางมูสมีหวั ทียาวใหญ่และกว้าง มีจมูกกว้างแบน กวางมูสเพศผู้จะมีแผ่นหนังแบน
รูประฆังที บริ เวณหน้ าอก รูปร่างของกวางมูสดูคล้ายมีตะโหนกที ส่วนต้นของลําตัว
เนื องจากหลังส่วนท้ายเอียงลาดลง
กวางคาริบู ( Caribou ) ยังเรี ยกอีกชือหนึ งว่า กวางเรนเดียร์ ( rein deer ) กวางชนิดนี มีการกระจาย
พันธุ์ในพืนทีหนาวเย็นอาร์คติกในทวีปอเมริ กาเหนือและพืนทีต่อเนื องของยุโรปเอเชีย ( Eurasia )
เป็ นกวางทีถูกนํามาเลียงเป็ นสัตว์ปศุสตั ว์เพือใช้เนื อเป็ นอาหาร มีชนพืนเมืองคือชาวแลบป์
( Lapps ) ซึ งเป็ นชาวพืนเมืองในพืนทีทางตอนเหนือของประเทศในกลุ่มประเทสสแกนดิเนเวียร์
นํากวางชนิดนี มาใช้ในลากเลือน และเป็ นอาหาร
กวางคาริ บูเป็ นกวางขนาดกลางทีมีนาหนั ํ กประมาณ 100 – 300 กิโลกรัม ลักษณะของกีบ
เท้าแบนกว้างและเว้าเข้าด้านใน ซึ งช่วยในการเดินบนหิ มะและพืนทีเป็ นดินโคลน ประสาทในการ
ดมกลินดีโดยสามารถได้กลินหญ้าทีอยูใ่ ต้หิมะตําลงไป 15 เซนติเมตร ส่ วนปลายจมูกจะมีขนทีทาํ
หน้าทีช่วยป้ องกันความหนาวเย็นในช่วงทีกวางใช้ปลายจมูกดุนหิ มะออกเพือหาหญ้ากิน
ในฤดูร้อนขนของกวางคาริ บูเป็ นสี นาตาล ํ ส่ วนในฤดูหนาวจะเป็ นสี เทาเพือช่วยในการรักษา
ความร้อนของร่ างกายทีจะช่วยป้ องกันความหนาวเย็น สัตว์ในพืนทีเขตหนาวขัวโลกเหนื ออาร์คติก
ขนจะเป็ นส่วนสําคัญในการช่วยปกป้ องความหนาวเย็นของอากาศแก่ร่างกาย โดยขนทียาวจะช่วย
ปกป้ องความหนาวเย็น และมีขนสันทีอยูต่ ิดกับผิวหนังลําตัวทีจะช่วยให้ตวั แห้งแม้ในช่วงทีมีพายุ
หิมะ ( sleet storm) ซึ งจากลักษณะดังกล่าวเปรี ยบเสมือนกวางคาริ บูสวมเสื อคลุมยาวทีกันนําได้ทบั
155
ภาพที 6.10 ( ซ้ าย ) กวางคาริบูเพศผู้ ภาพที 6.11 กวางคาริ บเู พศเมีย ซึงกวางคาริ บเู พศเมีย
จะมีเขาขนาดเล็กกว่าเพศผู้ เมือกวางคาริ บูเดินเส้ นเอ็นทีส่วนเท้ าเกิดการเคลือนไหวและมีเสียงดัง
คลิกๆ เกิดขึน
บทที 7
เหล่าสรรพสัตว์แห่งขุนเขา ( Animals of the Mountain )
จากเทือกเขาแอนดิ สที สูงชันในประเทศเอกวาดอร์ เทือกเขาหิ มาลัยใน
ประเทศทิ เบต เทือกเขาสูงที ระดับความสูงทีแตกต่างกันจะมีความแตกต่าง
ของภูมิอากาศ ภูมิประเทศ สัตว์และพืชพรรณตามระดับความสูง ในระดับ
ความสูงมากของพืนทีภูเขามีสตั ว์บางชนิ ดที มีลกั ษณะร่างกายทีเหมาะสมกับ
การดํารงชีวิต เช่น ลามา แยคและแพะภูเขา ในพืนทีทีระดับความสูงตําลง
มาสัตว์ชนิ ดอืนๆ ก็สามารถดํารงชีวิตได้ตามปกติ
อเมริกนั บิกฮอร์ น
164
ข้อมูลทีน่ าสนใจ
- ความสามารถในการมองเห็นของ
แพนด้าจะเห็นชัดเจนได้ในระยะใกล้ๆ
- การสือสารของแพนด้าจะใช้การส่งเสียง
ร้อง และใช้การแสดงออกของร่างกาย การ
แสดงท่าเอาหัวซุกที ขาหน้ าแสดงถึงการ
ยอมรับ การก้มหัวตําลงพร้อมแสดงนัยตา
ทีเบิกกว้างและจ้องตาเขม็งแสดงความถึง
ความรู้สึกโกรธกร้าวร้าว
- แพนด้ายักษ์ทาํ ความสะอาดที หัวและ
หน้ าด้วยการใช้ฝ่าเท้าคู่หน้ า
ข้อมูลอืนๆทีน่ าสนใจ
หมีสเปคตาเคิ ลตังชือตาม ขนสีขาวที ขึนเป็ นวงรอบดวงตาและยังมีขนสีขาวขึนที หัว
และหน้ าอกของหมีด้วย ขนาดของหัวและปากที ยืนยาวมีขนาดเล็กเมือเที ยบกับขนาด
ลําตัว
ขนทียาวใต้คางคล้ายเคราจะพบในแพะ
เพศผู้
ขาทีสันจะช่ วยในการทรงตัวเมือ
กีบเท้ าทีมีขนาดเล็กสันจะช่ วยในการเคลือนที เคลือนทีในพืนทีลาดชัน
บนภูเขาหิน
172
แกะบิกฮอร์ นภูเขา ( Mountain Bighorn Sheep ) หรื ออีกชื อหนึ งคือแกะบิกฮอร์นอเมริ กนั
( American bighorn sheep ) ซึ งพืนที อาศัยอยู่ในระดับความสู งเดียวกับแพะภูเขา ( mountain goat )
แกะภูเขา ( mountain sheep ) ทีมีขนาดใหญ่ทีสุ ดอยู่ในภูเขาพาร์เมียร์ของเทือกเขาหิ มาลัย แกะบิก
ฮอร์นภูเขาที มีถินทีอยู่ในทวีปอเมริ กาเหนื อจะมีนาหนั
ํ ก 140 กิโลกรัม สิ งทีแตกต่างจากแพะคือจะ
มีเขาทีแหลมคม แต่กระโหลกหัวจะมีความแข็งแกร่ งน้อยกว่า แกะภูเขาจะมีเขาทีกลมและมี
กระโหลกทีมีขนาดใหญ่ แตกต่างจากแกะบิกฮอร์ นทะเลทราย ( Desert bighorn sheep ) ทีแกะภูเขา
จะอยู่รวมกันเป็ นฝูงใหญ่ จากหลายๆฝูงมารวมกัน ตัวผูจ้ ะต่อสู้กนั อย่างต่อเนื องยาวนานเพือชิ ง
ความเป็ นจ่าฝูง
แกะภูเขา ( mountain
sheep ) อาศัยอยู่ในพืนที โล่ง
แจ้งใกล้กบั หน้ าผา ส่วน
แพะภูเขา ( mountain goat )
จะอาศัยอยู่บนหน้ าผาโดย
เป็ นจุดที สัตว์ผ้ลู ่าไม่สามารถ
ไล่ล่าติ ดตามได้โดยง่าย
ประสาทการมองในทีมืด
วีเซลจะมีโครงสร้างของลูกนัยตาเหมือนกับสัตว์กินเนื อชนิ ดอืนๆ ที ด้านหลัง
ของจอประสาทตา ( retina ) จะมีเนื อเยือที เรียกว่า เทปตัมลูซิดมั ( taptum lucidum ) ที
ทําหน้ าที สะท้อนแสงกลับไปที เรติ นาที มีเซลรับแสงอยู่ ปริ มาณแสงที เซลรับแสงได้รบั
มากขึน ทําให้สตั ว์ผ้ลู ่าเมือมีแสงมากระทบที ตาจะเกิ ดแสงประกายที ตาขึนซึงจะเห็น
เป็ นแสงสีเขียว
ภาพที 7.12 ( ซ้ าย ) เออร์ มิน ( ermine ) หรือ สโทท ( stoat ) ภาพที 7.13 (ขวา ) โคลินสกีหรื อ
ไซบีเรี ยนวีเซล ( Kolinsky weasel, Siberian weasel ) ทีสีขนลําตัวเป็ นสีนําตาลดํา สีจะจางลง
ในช่วงฤดูหนาวแต่ไม่ถงึ กับเป็ นสีขาว
175
ข้อมูลทีน่ าสนใจ
- ระหว่างนิ วของฝ่ าเท้าของนากจะมีพงั พืดที มีประโยชน์ ดาํ รงชีวิตในแหล่งนํา
- หางของนากที มีลกั ษณะยาว แบนจะช่วยในการกํากับทิ ศทางของในขณะที ว่ายนํา
- นิ วของนากส่วนใหญ่จะมีเล็บ ขาหลังจะยาวกว่าขาหน้ า
นกอินทรี ( Eagle ) นกอินทรี ทอง( golden eagle ) และนกอินทรี หวั ล้าน ( bald eagle ) เป็ น
กลุ่มนกทีเรี ยกว่า นกล่าเหยือ ( bird of prey ) หรื ออีกชือหนึ งคือ raptors
นกอินทรี หวั ล้านเป็ นนกประจําชาติของประเทศสหรัฐอเมริ กา ลักษณะของนกชนิดนีคือขน
สี ขาวเหมือนหิ มะทีหัว คอ หาง ความยาวจากหัวถึงปลายหาง 75 เซ็นติเมตร ความยาวเมือกาง
179
จากหลักฐานฟอสซิลบอกว่าการกระจายพันธุข์ องแคลิฟอร์เนียคอนดอร์พบตังแต่
ตะวันตกของประเทศแคนาดาไปจนถึงตะวันออกของรัฐฟลอลิดาของประเทสสหรัฐอเมริกา
180
บทที 8
สัตว์แห่งพืนทีนําแข็งและทุนดรา
Animal of the Ice and Tundra
สัตว์ทีดํารงชีวิตในพืนทีหนาวเย็นทีขัวโลกเหนื อและใต้ เช่น นกเพนกวิน หมี
ขัวโลก จะมีขนาดร่างกายทีใหญ่ มีขนปกคลุมร่างกายและชันไขมันใต้ผิวหนัง
ทีหนา สัตว์เหล่านี ทีอยู่ในพืนทีขัวโลก ไม่ได้อยู่ในพืนทีทีเป็ นนําแข็ง
ตลอดเวลา เนื องจากภูมิอากาศและภูมิประเทศจะมีความแตกต่างกันไปตาม
เส้นละติ จตู โดยมีลกั ษณะของพืนทีเป็ นนําแข็งจนกระทังทุ่งของมอส และทุ่ง
หญ้า
ส่วนแสดงในสวนสัตว์ทีจะต้องนําสัตว์จากพืนทีหนาวเย็นแบบขัวโลกไปจัด
แสดงจะต้องมีการจําลองทังภูมิประเทศและภูมิอากาศให้ใกล้เคียงถิ นทีอยู่เดิ ม
182
มีประสาทการรับกลินทีดีเพือ
ช่ วยในการล่าเหยือ
ขนทีปกคลุมเท้ าและ
ระหว่ างนิวเท้ ามี
พังผืดทีช่ วยในการ มีกรงเล็บทีแหลมคมทีช่ วยในการจับเกาะบนพืน
ว่ ายนํา หิมะในช่ วงการล่าแมวนํา
ในช่วงเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน หมีขวโลกเพศเมี
ั ยทีตังท้องจะขุดโพรงหิ มะ โดยจะมี
ลักษณะเป็ นช่องและส่ วนทีเป็ นโพรงรู ปไข่ทีมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 3 เมตร ซึ งโพรงในลักษณะ
ดังกล่าวจะช่วยรักษาความร้อนในร่ างกายของหมีขวโลก ั และเป็ นฉนวนกันความหนาวเย็นได้
ในช่วงอีก 9 เดือนต่อมาแม่หมีจึงจะคลอดลูก เมือลูกหมีอายุได้ประมาณ 3 เดือน ลูกหมีจึงจะ
ออกจากโพรงหิ มะพร้อมแม่ และเดินติดตามแม่ไปทุกที เกาะบนหลังแม่ในช่วงทีแม่วา่ ยนําใน
ทะเล
ข้อมูลทีน่ าสนใจ
- มัสออคเซนทังเพศผู้และเมียจะมีเขา โดยเขามีลักษณะแบน โค้ งลงและโค้ งออก
ด้ านข้ างของหัว
- ขนชันนอก ( guard hair ) จะมีลักษณะยาวหยาบสีนําตาลดํามีความยาวถึง 60
เซนติเมตร
ข้อมูลทีน่ าสนใจ
- ขาค่อนข้างสันและฝ่ าเท้าจะมีขนปกคลุม
ในฤดูหนาวขนลําตัวจะเป็ นสีขาวและขนหาง
จะเปลียนเป็ นสีดาํ ส่วนในฤดูร้อนสีขน
ลําตัวเป็ นสีเทาอ่อนหรือบางตัวมีสีนําเงิ นเทา
แทรกเข้ามา ในช่วงทีนําทะเลลดระดับลง
หมาป่ าอาร์คติ คจะมาหากิ นตามริ มฝังทะเล
เนื องจากมีหอยหรือสัตว์ทะเล
ในพืนทีขัวโลกช่วงเวลาของแสงทีจะผันแปรไปตามฤดูกาล ช่วงเวลาของแสงจะมีผลต่อ
พฤติกรรมการสื บพันธุ์ของนกเพนกวิน ดังนันส่ วนแสดงทีหวังผลในการผสมพันธุ์ตอ้ งมีขอ้ มูล
เพือการวางแผน การเขียนแบบ การลงทุนและจัดสร้างตามช่วงแสงที เกิดขึนในพืนทีตามธรรมชาติ
ของนกเพนกวิน
นกเพนกวินชอบทีจะดํานําในนําเย็น ชอบว่ายนําและพุ่งตัวจากระดับนําลึกขึนมาทีผิวนํา
ดังนันสระนําควรจะมีขนาดใหญ่ ลึกและนําเย็น จะช่วยกระตุน้ ให้นกเพนกวินแสดงพฤติกรรม
ต่างๆ ในนํา แต่สวนสัตว์ส่วนใหญ่จะใช้นาจื
ํ ดแทนนําทะเล เนืองจากทําความสะอาดง่ายกว่า
แมวนําหลายชนิดจะมีการกระจายพันธุ์ทังในขัวโลกเหนือและขัวโลกใต้ อาหารทีแมวนํากิน
เป็ นอาหารเช่นปลาและกุง้ แมวนําแบ่งออกเป็ น 2 วงศ์ ( family ) คือ แมวนํามีหู ( eared seal )
แมวนําไม่มีหู ( earless seal ) ซึ งบางครังจะเรี ยกแมวนํากลุ่มนี ว่าแมวนําแท้ ( ture seal ) แต่แมวนํา
กลุ่มนี ก็มีประสาทการรับฟังทีดี แมวนําทีมีขนาดใหญ่ทีสุ ดคือแมวนําช้าง ( elephant seal ) เป็ น
192
ข้อมูลทีน่ าสนใจ
แมวนําเป็ นสัตว์ทีมีรจู มูกขนาดเล็กและรูจมูกจะปิ ดในช่วงที ดํานําลงใต้นํา มีครีบ
จํานวน 2 คู่ คู่หน้ าและคู่หลังเพือใช้ในการว่ายนํา
ลักษณะทีน่ าสนใจของนกเพนกวิ น
สีขนของนกเพนกวิ นส่วนหลังจะเป็ นสีเทานําเงิ นหรือดํานําเงิ น ส่วนท้ องจะเป็ นสี
ขาวซึงจะช่วยในการพรางตัวจากสตว์ผ้ลู ่า โดยผูล้ ่าที อยู่ด้านบนตัวนกเพนกวิ นเมือมอง
196
จะงอยปากของนกเพนกวินจะมีความคมและแข็งแรงในการจับปลา จะงอยปากทีโค้งงองุม้
ของนกเพนกวินจักรพรรดิจะช่วยในการจับปลาได้เป็ นอย่างดี ส่ วนนกเพนกวินชนิ ดอืนๆ จะกิน
ปลาหมึกหรื อกุง้ ขนาดเล็ก ( krill ) ลักษณะการว่ายนําของนกเพนกวินส่ วนใหญ่จะเป็ นในลักษณะ
ทีเรี ยกว่า porpoises โดยในขณะทีว่ายจะมีการกระโดดขึนเหนือผิวนําและอ้าจะงอยปากเพือหายใจ
เข้า
ลักษณะการมองเห็นไม่ได้เป็ นแบบ binocular ( คือ ดวงตาทัง 2 ข้างอยูด่ า้ นหน้าของหัวที จะ
เป็ นลักษณะทีสามารถกะระยะของวัตถุได้ ) แต่นกเพนกวินทีมีดวงตาอยูด่ า้ นข้างจะใช้การวิธีหนั
หน้าอย่างเร็ วด้านซ้ายขวาแทน เป็ นนกทีมีการเก็บสะสมไขมันใต้ผิวหนัง ในช่วงทีมีอากาศร้อนขึน
นกจะกางครี บคู่หน้าออกเพือเป็ นการระบายความร้อน เนืองจากครี บเป็ นอวัยวะทีมีพืนทีมากเมือ
เปรี ยบเทียบกับพืนทีของลําตัว ซึ งจะช่วยในการระบายความร้อนของร่ างกายได้ดี
นกเพนกวินส่ วนใหญ่จะผสมพันธุ์บนพืนดินหรื อพืนนําแข็ง ซึ งในช่วงเวลาดังกล่าวนก
เพนกวินจะมารวมกันเป็ นฝูงขนาดใหญ่ ทีบางครังจะมีจาํ นวนประชากรรวมกันเป็ นล้านตัว ในช่วง
เวลาดังกล่าวจะมีการทํารังและเลียงลูกนกทีเกิดใหม่ ทําให้พืนทีนกมารวมตัวกันนี มีเสี ยงดังจอแจ
เห็นนกกําลังทํากิจกรรมต่างๆ และการทีมีนกมาอยู่รวมกันเป็ นจํานวนมากนี จะมีผลดีในเรื องของ
การลดการสู ญเสี ยความร้อนในร่ างกายลงร้อยละ 25 – 50
นกเพนกวินทังเพศผูแ้ ละเพศเมียจะช่วยกันในการฟั กไข่และเลียงลูกนก โดยจะผสมพันธุ์
ในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน สร้างรังจากกิงไม้และก้อนหิ น นกเพนกวินจักรพรรดิจะผสมพันธุ์
ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง โดยนกเพนกวินจักรพรรดิเพศผูจ้ ะเป็ นผูฟ้ ักไข่ โดยวางไข่ไว้ทีหลังเท้าและถูก
คลุมด้วยผิวหนังหน้าท้อง ทําให้ตอ้ งอดอาหารต่อเนื องกันเป็ นเวลาประมาณ 2 เดือน จนกว่านก
เพนกวินเพศเมียจะเข้ามาช่วยฟักไข่
นกพัพฟิ น มีอยู่ 3 ชนิดโดยมี 2 ชนิดมีการกระจายพันธุ์ในทะเลแบริ ง ( Bearing Sea ) และทะเล
แปซิ ฟิกเหนือ ( North Pacific ) และอีกชนิ ดหนึงคือนกพัพฟิ นแอทแลนติค ( Atlantic puffin ) หรื อ
นกพัพฟิ นธรรมดา ( Common puffin ) มีการกระจายพันธุ์ในทะเลแอตแลนติค นกพัพฟิ นธรรมดา
เป็ นทีรู ้จกั เนื องจากเนืองจากจะงอยปากมีสีสันสวยงามและเป็ นรู ปสามเหลียม ส่ วนสี บนลําตัวก็
สวยงามเช่นกันโดยส่ วนหลัง ปี กเป็ นสี ดาํ ส่ วนท้องและหน้าอกเป็ นสี ขาว ซึ งสี บนลําตัวใน
197
คําศัพท์ ทีน่าสนใจ
A
Adaptation กระบวนการทีสิ งมีชีวิตมีการเปลียนแปลงหรื อปรับลักษณะบางประการให้เข้ากับ
สภาพแวดล้อมเพือให้ตนเองสามารถดํารงชีวิตอยู่ได้ และสามารถสื บพันธุ์เพือเพิมลูกหลานต่อไป
ได้ วิธีการเหล่านีสามารถแสดงออกในหลายรู ปแบบ การแสดงออกทางพฤติกรรม เช่น สัตว์จะหา
ร่ มเงาในช่วงทีมีแสงแดดร้อนแรง แสดงออกทางกระบวนการทางสรี ระวิทยา เช่น สัตว์จะลด
อัตราการหายใจในช่วงการจําศีล แสดงออกทางลักษณะของร่ างกาย เช่นลิงที มีหางยาวทีใช้หาง
ช่วยในการจับกิงไม้
Amphibian สัตว์ครึ งบกครึ งนํา เป็ นสัตว์ทีมีกระดูกสันหลังทีอยู่ในกลุ่มสัตว์เลือดเย็น ( ดูเพิมเติม
ในหน้าที cool blood ) เป็ นสมาชิกในชันแอมฟิ เบีย ( class Amphibia ) ทีประกอบด้วยกบ ( frog )
toads ( คางคก ) ซาลามานเดอร์ ( salamander ) โดยวงจรของสัตว์ครึ งบกครึ งนําจะมีช่วงเวลาที
ดํารงชีวิตในนําและบนพืนดิน ใช้เหงือกในการหายใจในนํา มีผิวหนังทีอ่อนนุ่มและระหว่างนิวเท้า
มีพงั พืด
B
Big cat สัตว์ในวงศ์ ( family falidae) เสื อและแมวและอยู่
ในตระกูลแพนเทอรา ( genus Panthera )ทีประกอบด้วย
สิ งโต เสื อโคร่ ง เสื อจากัวร์และเสื อดาว
C
Cache สถานทีทีสัตว์เชือว่าปลอดภัยเพือใช้ในการซ่อนอาหาร เช่น หมาป่ าสี แดงจะซ่ อนเหยือที
ล่าได้โดยการฝังในดิน ใช้ใบไม้และกิงไม้ช่วยในการปกปิ ด นกหัวขวานวูดเปกเกอร์ ทีเจาะเปลือก
ของต้นไม้ใหญ่เพือเก็บลูก acorn
Camouflage รู ปแบบของการปกป้ องตัวเองของสิ งมีชีวิตโดยการทําสี สันของร่ างกายกลมกลืนไป
กับสิ งแวดล้อมทีอยูโ่ ดยรอบเช่น กระต่ายแฮร์ อาร์ติคจะมีขนปกคลุมร่ างกายเป็ นสี ขาวในช่วงฤดู
หนาว ทําให้สตั ว์ผลู ้ ่ามองเห็นได้ยากเมือกระต่ายชนิ ดนี นังนิ งอยู่บนหิ มะ
Captive breeding program แผนงานทีออกแบบมาเพือเพิมประชากรของสัตว์ทีใกล้สูญพันธุ์ โดย
การเพาะขยายพันธุ์ในสวนสัตว์ มีสตั ว์หลายชนิดทีสามารถเพาะขยายพันธุ์ได้ในสวนสัตว์ ซึ งมี
บางชนิ ดทีทีมีการพัฒนาไปถึงขันปล่อยสู่ป่าธรรมชาติ
Captivity สภาพทีสัตว์ป่าถูกดูแลในสถานทีพืนทีถูกจํากัดเช่น ในสวนสัตว์ซึงแตกต่างจากสภาพ
ป่ าทีเป็ นถินทีอยู่เดิม
Carnivore สัตว์เลียงลูกด้วยนํานมทีอยู่ในอันดับคาร์นิวอร์ ( Order Carnivore ) ทีกินเนื อสัตว์เป็ น
อาหาร สัตว์เลียงลูกด้วยนํานมทีจัดอยู่ในอันดับคาร์นิวอร์ จะประกอบด้วยหมี ( bear ) เสื อและแมว
( cat ) หมา ( dog ) แมวนํา ( seal ) วีเซล ( weasel )
Carrion ซากสัตว์ทีตายและเริ มเน่าเปื อย โดยซากเหล่านี จะเป็ นอาหารของสัตว์เช่น ไฮยีนา หมา
ป่ าโคเอตี พอสซัมและวูฟเวอร์ลีน หรื อนกบางชนิดเช่น กา อีแร้ง
D
Deciduous ต้นไม้หรื อไม้พุ่มทีมีการทิงใบทังหมดหรื อบางส่ วนเป็ นประจําทุกปี เป็ นช่วงเวลาที
แน่นอนเช่น ในฤดูใบไม้ร่วง
Deforestation การตัดฟั นต้นไม้หรื อพืชอืนๆ แล้วย้ายพืชเหล่านีออกจากพืนทีโดยกระทําในพืนที
กว้างใหญ่
Den ใช้เรี ยกทีพักอาศัยของสัตว์เช่น หมาจิงจอก
Doe สัตว์เลียงลูกด้วยนํานมเพศเมียเช่น กวาง แอนติโลป หรื อกระต่าย
dormant ช่วงเวลาทีกิจกรรมต่างๆ ของสัตว์ลดลงไปเนื องจากสัตว์อยูใ่ นช่วงการจําศีล
E
ecological balance การรักษาสมดุลในระบบนิเวศโดยมีเงือนไขและมีสิงมีชีวิตทีอยู่อาศัยอยูใ่ น
สิ งแวดล้อมนันๆ ซึ งการปฏิสมั พันธ์กนั และกัน จะเป็ นไปในทางผลประโยชน์ทีจะเกิดขึนรวมกัน
ยกตัวอย่างเช่น ฝูงสัตว์ทีกินหญ้ามีการอพยพไปยังแหล่งหญ้าแห่งอืนที มีความอุดมสมบูรณ์กว่า ทํา
ให้แหล่งหญ้าเดิมได้มีโอกาสได้เจริ ญเติบโตฟื นตัว
ecology การศึกษาโดยการใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ ในเรื องของความสัมพันธ์การดํารงชีวิตของ
สิ งมีชีวิตกับสิ งไม่มีชีวิตที เป็ นสิ งแวดล้อมที อยูโ่ ดยรอบ ในการศึกษานันจะต้องมีการกําหนด
เงือนไขในการเชื อมโยงระหว่างสิ งมีชีวิตกับสิ งแวดล้อม
ecosystem ระบบทีมีความซับซ้อนของสังคมสิ งมีชีวิตและสิ งแวดล้อม
emergent ต้นไม้ทีมีความสูงของลําต้นมากกว่าต้นไม้ทีอยู่ใกล้เคียงในป่ าเขตร้อน มักเป็ นจุดทีนก
ล่าเหยือ เช่น อินทรี กินลิง ( monkey – eating eagle ) มาเกาะพัก ในต้นไม้บางต้นอาจสูงกว่า
ต้นไม้ทีอยู่ใกล้เคียงถึง 60 เมตร
endangered species ชนิดสัตว์ทีอยูใ่ นสภาวะใกล้สูญพันธุ์โดยมีสาเหตุจากการเปลียนแปลง
ภูมิอากาศหรื อถินที อยู่ถูกทําลาย
endemic ชนิดของพืชหรื อสัตว์ทีพบในบางพืนทีเท่านัน
203
F
fledge ช่ วงอายุของลูกนกที เริ มมีขนที ปี กและส่ วนต่ างๆ ของร่ างกายเพื อให้นกสามารถบินได้
204
G
gestation ระยะเวลาทีตัวอ่อนทีมีการเจริ ญเติบโตในมดลูกของสัตว์เลียงลูกด้วยนํานม ซึ ง
ระยะเวลาของการตังท้องจะมีความแตกต่างกันไปตามชนิ ดของสัตว์เช่น น ช้างมีระยะตังท้องเกือบ
2 ปี
grassland พืนทีขนาดใหญ่ทีมีหญ้าหลายชนิ ดเติบโตและครอบคลุมพืนทีส่ วนใหญ่
grazing animal ชนิดสัตว์ทีกินหญ้าเป็ นอาหารหลัก เช่น แกะ ควาย ม้าลาย วัวและวิลเดอร์บีสท์
great ape สัตว์ทีอยูใ่ นวงศ์พอนจิดี ( family pongidae ) เป็ นลิงขนาดใหญ่ทีไม่มีหางคือ ลิงชิม
แพนซี ลิงอุรังอุตงั ลิงกอลลา ส่ วนชะนีอยูใ่ นวงศ์ไฮโลบาทิดี ( family Hylobatidae )
guard hair ขนทีมีลกั ษณะยาว หยาบทีปกคลุมร่ างกายสัตวเลียงลูกด้วยนํานมบางชนิ ดทีช่วยใน
รักษาอุณหภูมิร่างกายให้คงที การปกป้ องและทับขนทีอ่อนนิ มทีขึนแน่นใกล้กบั ผิวหนัง ตัวอย่าง
สัตว์ เช่น แรคคูน แมวนําขน วัวมัสออคเซน บีเวอร์ กวางคาริ บูและแพะภูเขา
H
habitat พืนทีและสิ งแวดล้อมทีเป็ นธรรมชาติ มีสตั ว์ พืชทีมีความเหมาะสมกับลักษณะภูมิ
ประเทศ ลักษณะภูมิอากาศอาศัยอยู่
hackles ขนในสัตว์เลียงลูกด้วยนํานมหรื อขนปี กในสัตว์ปีกทีอยูท่ ีส่ วนคอหรื อหลัง มีคุณสมบัติที
สามารถยกชูขึนเมือสัตว์รู้สึกว่าตนถูกคุกคามหรื อเพือแสดงอารมณ์โกรธ
Hagenbeck, Carl ( 1844 - 1913 ) พ่อค้าสัตว์ เจ้าของคณะละครสัตว์ และครู ฝึกสัตว์ ชาว
205
I
imprinting การเรี ยนรู ้ต่อสิ งเร้าทีได้รับรู ้ครังแรกในชีวิต ของลูกสัตว์บางชนิดเพือจดจําลักษณะ
ของพ่อแม่หรื อสถานทีเกิด ซึ งจะเกิดการจดจําไปตลอดชีวิต เช่น การเดินตามแม่เป็ ดของลูกเป็ ด
ปลาแซลมอนว่ายนํากลับมายังลําธารทีตัวเองออกมาจากไข่ดว้ ยการจดจํากลิน
inbreeding การผสมพันธุ์กนั ระหว่างเครื อญาติภายในกลุ่มประชากรขนาดเล็ก
incubate กระบวนการของสัตว์ทีออกลูกเป็ นไข่กกไข่ และตัวอ่อนภายในไข่มีการเจริ ญเติบโต
จนกระทังลูกนกฟั กออกจากไข่ ซึ งมีช่วงเวลาทีค่อนข้างคงที อุณหภูมิทีคงที เกิดจากร่ างกายของพ่อ
และแม่นก หรื อฝ่ ายหนึ งฝ่ ายใดจะมีเป็ นสิ งที มีความสําคัญต่อลูกนก
international Species Inventory System ( ISIS ) ระบบปฏิบตั ิการของเครื องคอมพิวเตอร์ทีใช้
206
Invertebrate สัตว์ทีไม่มีแท่งกระดูกสันหลังสําหรับยึดติด
ให้เป็ นส่ วนเดียวกันของร่ างกาย จัดเป็ นสัตว์ประเภททีไม่มี
กระดูก และไม่มีกระดูกอ่อนอยูภ่ ายในร่ างกาย มีจาํ นวน
มากมายหลากหลายไฟลัม และมีจาํ นวนมากกว่าสัตว์ทีมี
กระดูกสันหลังตัวอย่างสัตว์กลุ่มนีเช่น แมลง มด ผีเสื อ
K
keratin เป็ นสารโปรตีนทีเป็ นองค์ประกอบพืนฐานของเล็บ ( nail ) กรงเล็บ ( claw ) เส้นผม ( hair
) ขนนก ( feather ) ปลอกเขาแบบ horn
kit ลูกสัตว์
krill ในภาษาไทยหมายถึง เคย สัตว์ทะเลรู ปร่ างคล้ายกุง้ แต่ตวั เล็กมาก ขนาดยาวไม่เกิน 3.4
เซนติเมตร มีหนวด 2 แฉก ลําตัวใสหรื อขุ่น ทุกชนิดเนื อยุย่ เหมาะสําหรับใช้หมักเกลือและ
นําเคย ซึ งเคยเป็ นอาหารสําหรับสัตว์วาฬ แมวนํา นกเพนกวินหรื อนกอัลบาทอส
L
larva ตัวอ่อนของแมลงหลายชนิ ดเมือฟั กออกจากไข่ ซึ งจะมีความแตกต่างจากช่วงตัวเต็มวัย ใน
แมลงช่วงตัวอ่อนนีจะไม่มีปีก ซึ งจะมีการเจริ ญเปลียนแปลงเป็ นลําดับขันจนกระทังถึงช่วงตัวเต็ม
วัย
life cycle วงชีวิต ลําดับการเจริ ญเติบโตเป็ นขันตอนซึ งจะต้องผ่านช่วงต่างๆ เหล่านี
litter ลูกสัตว์จาํ นวนหลายตัวทีเกิดร่ วมกันในคราวเดียว
Lower capony ช่วงระดับความสู งของต้นไม้ในพืนป่ าเขตร้อนช่วงประมาณ 6 เมตรเป็ นระดับที
ตํากว่าเรื อนยอดแต่อยูเ่ หนือผืนป่ า ความหนาแน่นของใบไม้และกิงก้านน้อยกว่าชันเรื อนยอดโดย
จะประกอบด้วยเถาวัลย์ ต้นปาล์ม หรื อพืชกลุ่มทีมีการปรับตัวให้สามารถเจริ ญเติบโตได้ในสภาพ
แสงน้อย
207
M
mammalian ชือเรี ยกสัตว์ทีอยู่ในชัน ( class ) สัตว์ที
เลียงลูกด้วยนํานม ซึ งมนุษย์กจ็ ดั อยู่ในชัน ( class ) นี
N
native พืนทีทีสัตว์เติบโตและดํารงชีวิตในพืนทีจําเพาะ เช่นสัตว์ทีอาศัยอยูใ่ นพืนทีเขตหนาวอาร์ ค
ติค พืชทีอยู่ในป่ าร้อนชืน
natural selection ขบวนการทางธรรมชาติ ทีหลักเกณฑ์ว่า สิ งมีชีวิตที ปรั บตัวให้เข้ากับ
สิ งแวดล้อมได้ดีเท่านันจึ งจะสามารถอยู่รอดได้ และสามารถดํารงเผ่าพันธุ์สืบลูกหลานต่อไปได้
nestling ลูกนกทีอายุยงั น้อยเกินกว่าทีจะบินออกจากรังได้
nich สภาวะภายในสิ งแวดล้อมทีสัตว์นนครอบครองพื
ั นทีอยู่ ซึ งจะมีผลต่อพฤติกรรม กิจกรรม
อาหารและความต้องการของสัตว์ชนิดนัน
O
omnivorous สัตว์ทีกินทังพืชและสัตว์เป็ นอาหาร
P
pack animal สัตว์เลียงลูกด้วยนํานมทีมนุษย์ใช้สาํ หรับเป็ นสัตว์พาหนะเพือการบรรทุกสิ งของ
pampas ทุ่งหญ้าในพืนทีตอนใต้ของทวีปอเมริ กาใต้ซึงไม่มีตน้ ไม้ยืนต้น
S
self – pollination นักพฤษศาสตร์ จะเป็ นผูช้ ่วยในการทํา cross pollination เพือให้เกิดพืชทีมีความ
แตกต่างหลากหลายขึน
prehensile อวัยวะทีมีการพัฒนาเพือใช้ในการกอดรัดรอบวัตถุเพือจับหรื อโอบไว้ ยกตัวอย่างใน
ลิงหางยาวที มีหางยาวเพือใช้งานเสมือนเป็ นแขนที ห้าเพื อช่วยในการจับกิ งไม้ แรดดํามีติงที ปลาย
ริ มฝี ปากบนเพือช่วยในการจับเล็มกิงไม้
prey animal สัตว์เหยือ สัตว์ทีถูกล่าและถูกกินเป็ นอาหารโดยสัตว์ผลู ้ ่า
pride ฝูงของสิ งโตทีประกอบด้วยสิ งโตเพศเมียทีมีสายสัมพันธ์แบบเครื อญาติ ซึ งอาจมีมากถึง 12
ตัว และสิ งโตเพศผูท้ ีอาจมีมากถึง 6 ตัวโดยขนาดฝูงจะแปรผันตามปริ มาณเหยือทีล่าได้
primate สัตว์เลียงลูกด้วยนํานมในอันดับไพรเมต ( primate ) ยกตัวอย่างเช่น มนุษย์ กลุ่มลิงไม่มี
หาง ( apes ) กลุ่มลิงหางยาว ( momkey ) บุชเบบี ลีเมอร์ ลิงลมและทาร์เซี ย
211
R
rain forest ป่ าเขตร้อนทีมีตน้ ไม้ยืนต้นขึนอย่างหนาแน่น ต้นไม้ส่วนใหญ่จะมีลาํ ต้นสู ง ใบกว้าง
และเขียวสดตลอดทังปี ซึ งจะเป็ นต้นไม้ทีเป็ นเรื อนยอดของป่ า มีปริ มาณนําฝนอย่างน้อยปี ละ 254
เซนติ เมตร ครอบคลุมพืนทีร้อยละ 6 ของพืนทีโลก แต่มีจาํ นวนชนิ ดพืชและสัตว์มากกว่ากึ งหนึ ง
ของชนิดพืชและสัตว์ทงหมด
ั .
S
savanna ทุ่งหญ้าในป่ าเขตร้อนหรื อกึงเขตร้อน ทีมีตน้ ไม้ยืนต้นขึนกระจัดกระจายและพืชทีอยูใ่ ต้
ต้นไม้ยืนต้นมีความทนทานต่อช่วงฤดูร้อนทีแห้งแล้ง
scavenege กินซากสัตว์เป็ นอาหาร แร้งเป็ นสัตว์ทีกินซากสัตว์เป็ นอาหาร
scent gland ต่อมทีมีการขับสารทีมีกลินเพือใช้เป็ นเครื องหมายบอกอาณาเขต พบในสัตว์เช่นบี
เวอร์ วีเซล นากหรื อกวางหางขาว
scent mark กลินทีมีความแตกต่างกันทีมีในปัสสาวะหรื อจากสารทีขับจากต่อมกลินทีสัตว์ใช้เป็ น
เครื องหมายบอกอาณาเขต กลินต่างๆ เหล่านีเป็ นกลินทีมนุษย์ไม่ได้กลินดังกล่าว
semiarid พืนทีทีมีปริ มาณนําฝนต่อปี ประมาณ 25 – 51 เซนติเมตรต่อปี
semidesert พืนทีแห้งแล้งที มีปริ มาณนําฝนต่อปี ประมาณ 25 – 51 เซนติเมตร มีความแห้งแล้ง
น้อยกว่าทะเลทรายและมีพืชขึนอย่างกระจัดกระจาย
silverback กอลิลาร์ทีมีช่วงอายุสมบูรณ์พนั ธุ์และมีขนบริ เวณหลังสี เงินขาว
UV
vertebrate สัตว์ทีมีกระดูกสันหลัง ประกอบด้วย
สัตว์เลียงลูกด้วยนํานม นก สัตว์เลือยคลาน สัตว์
สะเทินนําสะเทินบกและปลาซึ งมีอยูป่ ระมาณ
40,000 ชนิด ใน 8 ชัน ( class ) ลักษณะร่ างกายของ
สัตว์กลุ่มนี เรี ยกว่า สมดุลสองด้าน ( bilateral
symmetry ) ทังร่ างกายซี กซ้ายและขวา ตัวอย่างใน
นกจะมีอวัยวะทังสองซี ก
ทังสองซี ก เช่น ปี ก เท้า กระดูกซี โครง ตาและอืนๆ เสมือนเป็ นกระจกเงาของกันและกัน
underfur ขนชนิดเส้นสัน นิมและขึนอย่างหนาแน่นซึ งถูกปกคลุมด้วยขนเส้นยาวหยาบ ( guard
hair ) ของสัตว์เลียงลูกด้วยนํานม
ungulate สัตว์เลียงลูกด้วยนํานมทีกีบเท้าทังจํานวนคู่ ( even-toed ungulates ) เช่น วัว หมู ยีราฟ
อูฐ หรื อคี ( odd-toed ungulates ) เช่น ม้า แรด
veld ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ในพืนทีตอนใต้ของทวีปแอฟริ กาทีมีตน้ ไม้ยืนต้นและไม้พุ่มขึนอย่างกระจัด
กระจาย
venom สารพิษทีขับจากสัตว์ซึงจะถูกส่ งผ่านด้วยการกัดหรื อเข็มพิษ สัตว์ทีร่ างกายมีการสร้าง
สารพิษ เช่นแมงป่ อง งูพิษ แมงมุมและกิงกาบางชนิ ด
vocalization เสี ยงทีเกิดขึนอากาศเคลือนผ่านอวัยวะในระบบหายใจ สัตว์เลือยคลาน สัตว์สะเทิน
นําสะทินบกและสัตว์เลียงลูกด้วยนํานมเป็ นสัตว์ทีสามารถเปล่งเสี ยงร้องได้
WXYZ
warm blooded สัตว์เลือดอุ่น หมายถึงสัตว์ทีสามารถคงระดับอุณหภูมิร่างกายได้อย่างคงที โดย
215