Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 5

บุคคลผูถูกหามบวชเปนพระภิกษุ

คําชี้แจง
อาตมาไดรับคําถามจากหลายทานอยูบอยๆ ในทํานองวาคนที่เปนชายไมสมบูรณหรือผูที่
มีใจสับสน เชนกายเปนชายแตใจเปนหญิง หรือพวกคนสองเพศ หรือบางทีก็เรียกวาเกย
ภาษาไทยเราเรียกวา “กะเทย” คนพวกนี้บวชไดไหม? อาตมาไดชี้แจงวา ตามพระวินัยกลาวไว
วาบวชไมได แมบวชแลวก็ไมเปนพระหรือเณร รูเมื่อไรก็ใหเขาสึกเสีย ถาเขามีศรัทธาก็ใหเขานุง
ขาวหมขาวรักษาสิกขาบท ๕ - ๘ หรือรักษากุศลกรรมบถ ๑๐ ก็จะเกิดกุศลมหาศาล เปนเหตุ
เปนปจจัยในภายภาคหนาตอไป
เขาก็เลาใหฟงวา เห็นมีบวชกันอยูทั่วไปในที่ตางๆ บางแหงอยูกันเปนหมูเปนกลุมก็มี
อาตมาก็บอกวา นั่นเพราะวาอุปชฌายไมทราบ หรือผูที่บวชไมทราบประเพณีของวินัยของ
พระพุทธเจาก็ได แตเมื่อทราบก็ตองชี้แจงใหเขาไดรับรู ใหเขาสึกเสียหรือสรางกุศลกรรมอยางอื่น
ยังมีทางที่กอใหเกิดบุญกุศลมากมาย แตถาเขายังฝนอยูในธรรมวินัยนี้มีแตเสื่อม และเปนบาป
มากๆ เมื่อพระภิกษุผูมีศีลตองกราบไหวหรือทําสามีจิกรรมเขาในเวลาเมื่อเขารวมทําสังฆกรรมกับ
หมูพระภิกษุ นอกจากจะทําสังฆกรรมใหวิบัติ บวชพระไมเปนพระ ทําสังฆกรรมเปนคณะปูรกะ
ทําใหกรรมกําเริบคือเสียใชไมไดอีกดวย
ดังนั้นผูที่ทราบจงชวยกันชี้แจงและบอกกลาวใหรูกัน เพื่อชวยกันกําจัดเสี้ยนหนามของ
พระศาสนาใหออกไปใหหมด เพื่อสังฆมณฑลจะไดบริสุทธิ์ตอไป.

“โพธิสตั ตะ”
(เรียบเรียงขอความใหมบางสวนโดย พระวัชพล ปภาโต)

........................................................

คนห้ามบวช 1
บุคคลที่พระพุทธเจาหามบวชโดยเด็ดขาด
อภัพบุคคลเหลานี้ ตองหามบวชเพราะเพศบกพรองก็มี เพราะประพฤติผิดพระธรรมวินัย
ก็มี เพราะประพฤติผิดตอ (ผูให) กําเนิดของเขาเองก็มี.
จําพวกมีเพศบกพรองนั้น คือ บัณเฑาะก ที่แปลวากะเทย, อุภโตพยัญชนก ที่แปลวาคนมี
ทั้ง ๒ เพศ
กะเทย นั้นไดความตามบาลีและอรรถกถาวา ไดแกชายมีราคะกลา ประพฤตินอกจารีต
ในทางเสพกามและยั่วยวนชายอื่นใหเปนเชนนั้น
ชายผูถูกตอน (ขันที) ก็หามอุปสมบทเหมือนกัน คนชนิดนี้เปนที่รังเกียจของคนอื่นในทาง
กามารมณ (ชายที่ทําหมันคุมกําเนิด ไมเกี่ยวกับกรณีนี้)
อุภโตพยัญชนก คือคนมี ๒ เพศ เปนหญิงก็มี เปนชายก็มี
จําพวกคนทําผิดตอพระศาสนา นั้นแสดงไว ๗ ประเภท คือ คนฆาพระอรหันต, คนผู
ขมขืนภิกษุณี, คนลักเพศ, ภิกษุไปเขารีตเดียรถีย (ทั้งที่ยังเปนภิกษุอยู สึกแลวมาบวชใหมก็หาม),
ภิกษุตองปาราชิกละเพศไปแลว, ภิกษุผูทําสังฆเภท, คนทํารายพระศาสดาจนถึงหอพระโลหิต
คนลักเพศ นั้นคือถือเพศภิกษุเอาเองดวยตั้งใจจะปลอมเขาอยูในหมูภิกษุ เชนปลอมตัววา
บวช ปลอมเขาอยูในหมูภิกษุ
ภิกษุไปเขารีตเดียรถีย นั้นเพงเอาผูไปเขารีตทั้งที่กําลังเปนภิกษุ คฤหัสถเขารีตหรือภิกษุ
สึกแลวจึงเขารีต ไมจัดเขาในขอนี้
คนผูทําสังฆเภท หมายเอาภิกษุผูมสี ังวาสเสมอกัน ภายหลังแตกจากสงฆไปตั้งคณะหนึ่ง
ตางหาก มีพระเทวทัตเปนตัวอยาง การจัดภิกษุผูทําสังฆเภทเปนอภัพบุคคลนั้น ความวา แมภิกษุ
นั้นกลับใจมาขอบวชเขาหมูอีก ก็หามมิใหรับเขาบวชเปนเด็ดขาด
คนทําผิดตอกําเนิดของตน นั้น คือ คนฆาพอฆาแม

อภัพบุคคลเหลานี้ ถารูมากอนก็ไมพึงใหอุปสมบท(บวช) แตถาใหบวชแลวเพราะไมรู เมื่อ


ภายหลังรู พึงใหสึกเสีย
มีปญหาถามวา ในบาลีหามไมใหอุปสมบท แตจะใหเพียงบรรพชา (บวชเณร) จะไดไหม?
มีคําเฉลยวา การบรรพชาทรงอนุญาตสําหรับคนมีอายุหยอน ๒๐ ป คือผูยังเปนเด็กเทานั้น เปน
เบื้องตนแหงการบวช ผูที่ถูกหามอุปสมบทจึงถูกหามไปถึงการบรรพชาดวย
คนเคยตองปาราชิก เมื่ออุปชฌายไมรูและใหบวชไปแลว ตอมารูในภายหลังพึงใหสึกเสีย
จากเพศพระ.

คนห้ามบวช 2
ยังมีคนผูตอ งหามอยูอีก
จําพวกคนถูกหามไมใหรับบรรพชา (บวชเณร) จัดเปน ๘ พวก ดังนี้ :-
๑. คนมีโรคอันจะติดตอกัน โรคไมรูจักหาย โรคเรื้อรัง ไดแกโรคเรื้อน มาวาโรคฝ
เชนฝดาษและสุกใส หัด โรคกลาก โรคพยาธิ โรคหืด โรคลมบาหมู โรคเปนผลแหงบาป โรค
เรื้อรังเชนริดสีดวงและกามโรค โรคอัมพาต โรคเอดส คนเปนโรคเหลานี้ที่รักษาหายเปนปกติ
แลว รับใหบรรพชาได.
๒. คนมีอวัยวะบกพรอง คือ มือขาด เทาขาด ทั้งมือและเทาขาด หูขาด จมูกขาด ที่
ทั้งหูทั้งจมูกขาด นิ้วมือนิ้วเทาขาด.
๓. คนมีอวัยวะไมสมประกอบ คนมีมือเปนแผน คือนิ้วมือไมไดเปนงาม มีหนังติดกันใน
ระหวาง คนคอมคือมีหลังโกง คนเตี้ยคือเตี้ยกวาคนปกติ คนคอพอก คนตีนปุก คนแปลก
ประหลาดเพื่อน (ในทางเสีย) คือ สูงเกินบาง ต่ําเกินบาง ดําเกินบาง ขาวเกินบาง ผอมเกินบาง
อวนเกินบาง มีศีรษะใหญเกินบาง มีศีรษะหลิมเกิน คนที่แกหายเชนคนมีมือเปนแผน เมื่อตัด
หนังตกแตงใหเปนปกติ ไมหามบรรพชา.
๔. คนพิการ คนตาบอดตาใส คนงอย คือมีมือหงิกบาง มีเทาหงิกบาง มีนิ้วหงิกบาง
คือมีเทาหรือขาพิการ เดินไมปกติ คนตาบอดมืด คนใบ คนหูหนวก คนทั้งบอดทั้งใบ คนทั้ง
บอดทั้งหนวก คนทั้งใบทั้งหนวก คนทั้งบอดทั้งใบทั้งหนวก.
๕. คนทุรพล คือคนแกงอนแงน (ทํางานไมไหว) คนเปลี้ย คนมีอิริยาบถขาด หรือที่
เรียกวาเสนประสาทพิการ.
๖. คนมีเกี่ยวของ คือคนที่พอแมไมไดอนุญาต เปนราชภัฏ คือขาราชการอันพระราชา
เลี้ยง ตรงกับขาราชการอยูในตําแหนงไดรับพระราชทานเงินเดือนหรือเบี้ยเลี้ยง คนมีหนี้สิน คน
เปนทาส คนจําพวกนี้ทําหากภาระใหสิ้นสุดหรือสะสางแลวก็สามารถบวชได เชนบุตรไดรับ
อนุญาตจากมารดาบิดา ราชภัฏไดรับอนุญาตจากพระราชาหรือเจาหนาที่เหนือตน คนมีหนี้สินใช
หนี้เสร็จแลว คนเปนทาสไดรับปลดเปนไทแลว รับบวชได.
๗. คนเคยถูกอาชญาหลวง มีหมายปรากฏอยู คือคนถูกเฆี่ยนหลังลาย คือมีรอยแผลเปน
ที่หลัง คนถูกสักหมายโทษ.
๘. คนประทุษรายความสงบ คือโจรผูรา ยที่ขึ้นชื่อโดงดัง คนโทษหนีเรือนจํา คนทําผิดมี
หมายไว คนเหลานี้ถูกหามบรรพชาแลว ก็เปนอันถูกหามอุปสมบทดวย.

คนห้ามบวช 3
บุคคลผูหามใหบวชตามหลักฐานอรรถกถาจารย
๑. ปณฺฑกาติ อุสฺสนฺสกิเลสา อวูปสนฺตปริฬาหา นปุสกา บุคคลที่ไมใชชายหรือหญิง มี
กิเลสแนนหนา มีความเรารอนกลัดกลุมอยูเสมอ เรียกวา “บัณเฑาะก” หรือกะเทย
๒. เต ปริฬาหาภิภูตา เยน เกนจิ สทฺธึ มิตตฺ ภาวํ ปตฺเถนฺติ กระเทยเหลานั้น (ที่มีนิสัย
ชอบพวกเพศเดียวกัน) เมื่อถูกราคะครอบงําแลวปรารถนาเปนมิตรกับพวกผูชายบางคน

อรรถกถาจารยแบงกะเทยไว ๕ ประเภท คือ


๑. อาสิตตบัณเฑาะก (ยสฺส ปเรสํ องฺคชาตํ มุเขน คเหตฺวา อสุจินา อาสิตฺตสฺส ปริฬาโห
วูปสมติ อยํ อาสิตฺตปณฺฑโก) หมายความวา กะเทยพวกที่ชอบใชปากอมองคชาตของผูอื่น ความ
เรารอนสงบไปเมื่อถูกน้ําอสุจิรั่วรดแลว พวกนี้เรียกวา อาสิตตบัณเฑาะก
๒. อุสสุยบัณเฑาะก (ยสฺส ปน ปเรสํ อชฺฌาจารํ ปสฺสโต อุสฺสุยยาย ปริฬาโห วูปสมติ อยํ
อุสฺสุยฺยปณฺฑโก) หมายความวา กะเทยพวกที่เห็นคนอื่นเขาประพฤติลวงประเวณี หรือเห็นคนอื่น
เขาเสพสังวาสกันความเรารอนดวยราคะที่ฟุงขึ้นของเขาก็สงบไป พวกนี้เรียกวา อุสสุยยบัณเฑาะก
พวกชอบแอบดู (ชายปกติที่ชอบแอบดู ไมเกี่ยวกับกรณีนี้)
๓. โอปกกมิยบัณเฑาะก (ยสฺส อุปกฺกเมน พีชานํ อปนีตานิ อยํ โอปกฺกมิย ปณฺฑโก)
หมายความวา กะเทยพวกที่ถูกตอนแลว ถาเปนประเพณีเกาของจีนคือพวกขันที คือคนพวกที่ถูก
เขาควักเอาอัณฑะออกแลว (นาจะตัดออก) พวกนี้เรียกวา โอปกกมิยบัณเฑาะก
๔. ปกขบัณเฑาะก (เอกจฺโจ ปน อกุสลวิปาเกน กาฬปกฺเข ปณฺฑโก โหติ ชุณฺหปกฺเข
ปนสฺส ปริฬาโห วูปสมติ อยํ ปกฺขปณฺฑโก) หมายความวา กะเทยพวกนี้เปนกะเทยมีราคะกลา
เฉพาะวันขางแรมไปจนถึงเดือนดับเพราะอกุศลวิบาก แตพอขางขึ้นก็สงบไป พวกนี้เรียกวา ปกข
บัณเฑาะก
๕. นปุงสกบัณเฑาะก (อิตฺถีอุภโตพยฺชนกสฺส อิตฺถีสุ ปุริสตฺตํ กโรนฺตสฺส อิตฺถี นิมิตฺตํ
ปฏิจฺฉนฺนํ ปุริสนิมิตฺตํ ปากฏํฯ ปุริสอุภโตพยฺชนกสฺส ปุริสานํ อิตฺถีภาวํ อุปคจฺฉนฺตสฺส ปุริสนิมิตฺตํ
ปฏิจฺฉนฺนํ โหติ อิตฺถีนิมิตฺตํ ปากฏํ โหติฯ อิตฺถีอุภโตพยฺชนโก สยฺจ คพฺภํ คณฺหาตีติ ปรฺจ
คณฺหาเปติฯ ปุริสอุภโตพยฺชนโก ปน สยํ น คณฺหาติ ปรํ คณฺหาเปติฯ) หมายความวา กะเทย
พวกนี้มี ๒ เพศในรางเดียวกัน คือ พวกอุภโตพยัญชนกเมื่อทําหนาที่ของผูชายใหหญิง ก็ซอนรูป
เพศหญิงไวแตเพศชายปรากฏ, เมื่อทําหนาที่เปนหญิง เพศชายหายไปแตเพศหญิงปรากฏ, เรียก
พวกนี้วา ปุริสอุภโตพยัญชนกฯ สวนอิตถีอุภโตพยัญชนก ทองเองก็ได และทําผูอื่นทองก็ได
สวนปุริสอุภโตพยัญชนกไมไดตั้งทองเอง แตทําใหหญิงทองก็ได (ผูเขียนฯ เคยเห็นภาพในหนังสือ
คูมือแพทย)

คนห้ามบวช 4
พระผูมีพระภาคเจาทรงตรัสไวอยางไร?
เนสํ หิ น ภิกฺขเว ปณฺฑโก ปพฺพาเชตพฺโพ โย ปพฺพาเชยฺย อาปตฺติ ทุกกฺ ฏสฺสาติ อาทินา
ปพฺพชฺชา อุปสมฺปทา จ ปฏิกฺขิตตฺ า ฯ
แปลใจความวา ก็พระผูมีพระภาคเจา ตรัสหามการบรรพชาและอุปสมบท แกบุคคล
เหลานั้น ดวยคําเปนตนวา ดูกรภิกษุทั้งหลาย กะเทยอันภิกษุไมพึงใหบวช ภิกษุใดใหบวช ภิกษุ
นั้นพึงทําไมดี ฯลฯ
ตสฺมา เตป ปาราชิกาฯ ความวา เพราะกะเทยแมเหลานั้น เปนผูพายแพแลว คือเปรียบ
เหมือนเปนปาราชิกตั้งแตเขาเปนคฤหัสถ (คือบวชไมไดตลอดชีวิต)
ปพฺพชฺชาป เนสํ ปฏิกฺขติ ฺตา ฯ แมการบรรพชาของคนพวกนั้นก็ทรงหามแลว
ปณฺฑโก ภิกฺขเว อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ อุปสมฺปนฺโน นาเสตพฺโพ ฯ ดูกร
ภิกษุทั้งหลาย อนุปสัมบันที่เปนกะเทย ภิกษุไมพึงใหบวช ที่บวชแลวพึงใหสึกเสีย ฯ

จัดทําโดย วัดหลวงปรีชากูล (กุฏิพระมหาสุเทพ) อ.เมือง ปราจีนบุรี

คนห้ามบวช 5

You might also like