Professional Documents
Culture Documents
Charpter3 PDF
Charpter3 PDF
Charpter3 PDF
แบบจำลองฐำนข้อมูล
(Database Models)
1. ควำมหมำยของแบบจำลองข้อมูล
วัตถุประสงค์สาคัญของแบบจาลองข้อมูล ก็เพื่อที่จะนาแนวคิด ต่าง ๆ มานาเสนอ
ให้เกิดเป็นรูปแบบจาลองที่ใช้สาหรับการอธิบาย เพื่อให้ทราบว่าข้อมูลขององค์กรเหล่านั้น
มีอะไรบ้าง โครงสร้างของข้อมูลเป็นอย่างไร ความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลภายในฐานข้อมูล
นั้นเป็นอย่างไร และที่สาคัญคือ จากรูปแบบที่เป็นแนวคิดที่เข้าใจยากให้อยู่ในรูปแบบที่
เข้าใจได้ง่าย โดยไม่ขึ้นอยู่กับโครงสร้างของฐานข้อมูลนั้ น ๆ และที่สาคัญอีกประการหนึ่ง
คือเพื่อใช้ในการสื่อสารระหว่างผู้ออกแบบฐานข้อมูล ผู้เขียนโปรแกรม และผู้ใช้งานระบบ
ฐานข้ อ มู ล ให้ เ กิ ด ความเข้ า ใจที่ ถู ก ต้ อ งตรงกั น มี ผู้ ใ ห้ นิ ย าม แบบจ ำลองข้ อ มู ล หรื อ
แบบจำลองฐำนข้อมูล ดังนี้
แบบจำลองฐำนข้อมูล หมายถึงโครงสร้างข้อมูลระดับตรรกะที่นาเสนอข้อมูล และ
ความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลให้ผู้ใช้เห็น และเข้าใจแบบจาลองข้อมูลที่ใช้โดยพิจารณาจาก
ภายในฐานข้ อ มู ล ประกอบด้ ว ยข้ อ มู ล อะไรบ้ า ง ความสั ม พั น ธ์ ข องข้ อ มู ล เป็ น อย่ า งไร
โครงสร้างข้อมูลเป็นอย่างไร และมีกฎควบคุมความถู กต้องบนโครงสร้างข้อมูลอย่างไร
(สมลักษณ์ ละอองศรี, 2546 : 95)
แบบจำลองฐำนข้อมูล เป็นแหล่งรวมของแนวความคิดที่พรรณนาถึงความเป็นจริง
ของวัตถุ ข้อมูล และเหตุการณ์ รวมทั้งความสัมพันธ์ให้มีความถูกต้องตรงกันในกฎเกณฑ์
ที่กาหนด (โอภาส เอี่ยมสิรวิ งศ์, 2548 : 58)
แบบจำลองฐำนข้อมูล เป็นแบบจาลองที่ใช้อธิบายถึงโครงสร้าง และความสัมพันธ์
ระหว่างข้อมูลภายในฐานข้อมูล จากแนวความคิดที่เข้าใจยากให้สามารถเข้าใจและจับต้อง
ได้ง่ายขึ้น ดังนั้นแบบจาลองฐานข้อมูลจึงถูกนาไปใช้อธิบายถึงโครงสร้างของฐานข้อมูล
ประเภทต่าง ๆ ที่อยู่ใน รูปของทฤษฎี ที่เข้าใจยาก รวมทั้งนาไปใช้ในการอธิบาย ถึง
โครงสร้างของฐานข้ อมูล ที่นัก ออกแบบฐานข้อมู ลได้ออกแบบไว้ ซึ่งอยู่ใ นรูป แบบของ
แนวความคิ ด และจั บ ต้ อ งได้ ย ากเช่ น เดี ย วกั น (กิ ต ติ ภั ก ดี วั ฒ นะกุ ล และจ าลองครู
อุตสาหะ, 2541 : 30)
อาจจะกล่าวอย่างสรุปได้ว่าแบบจำลองฐำนข้อมูล คือ เครื่องมือ ที่นามาใช้ในการ
จั ด การโครงสร้ า งของข้ อ มู ล ในฐานข้ อ มู ล ที่ แ สดงให้ เ ห็ น ถึ ง ความหมายของข้ อ มู ล
ส่วนประกอบของข้อมูล ความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลภายในฐานข้อมูล และเงื่อนไขบังคับ
แ บ บ จา ล อ ง ฐ า น ข้ อ มู ล | 45
A Attribute
Composite Attribute
Attribute Component
of key
Identifying
Relationshi
p
N Cardinality : N
Total participation
Attribute Component
Weak ------- of weak key
แบบจาลองฐานข้อมูลลาดับชั้นมีข้อดี คือสามารถกาหนดกฎเกณฑ์ที่ใช้ควบคุม
ความถูกต้องให้กับข้อมูลภายในฐานข้อมูลได้ง่าย เหมาะกับระบบคอมพิวเตอร์ที่มีขนาด
ใหญ่ แต่ข้อเสียของแบบจาลองฐาน ข้อมูลแบบลาดับ ชั้น คือขาดความยืดหยุ่นในการ
ทางาน ถ้ามี การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของข้อมูลในแบบจาลองจะส่งผลให้มีการแก้ไข
โปรแกรม และแบบจาลองนี้มีโครงสร้างที่เหมาะกับข้อมูลที่มีความสัมพันธ์ในแบบหนึ่งต่อ
กลุ่มหรือ 1 : M แบบ(One-to-Many) เท่านั้น
แบบจำลองข้อมูลแบบเครือข่ำย ได้เริ่มพัฒนาขึ้นมาในปลายปี ค.ศ 1960 เช่นกัน
โดย C.W. Bachman (Bachman 1965) เพื่อเป็นตัวแทนของความสั มพันธ์ ของข้ อ มู ล ที่ มี
ความซับซ้อน และพัฒนาประสิทธิภาพการทางานให้ดีกว่าแบบจาลองข้อมูลแบบลาดับ
ชั้น แบบจาลองแบบเครือข่ายนี้ ความสัมพันธ์จะเรีย กว่า เซต (set) ในแต่ละเซตจะ
ประกอบด้วยเรคคอร์ดอย่างน้อย 2 ประเภท คือ owner และ member ซึ่งความสัมพันธ์ที่
เกิดขึ้นอาจจะเป็นแบบ 1 : N หรือ M : N (หมายถึง Member สามารถมีความสัมพันธ์กับ
Owner ได้หลาย Owner) ตัวอย่างเช่น IMS, ADABAS และ IDS-II
ข้อดีของแบบจาลองแบบเครือข่ายคือ สนับสนุนความสัมพันธ์แบบ M : M ความ
ซับซ้อนของข้อมูลเกิดขึ้นน้อยกว่าแบบลาดับชั้น สามารถเชื่อมโยงข้อมูลแบบไปกลับได้
และมี ความยืดหยุ่นในการค้นหาข้อมูล แต่ก็ยังมีข้อเสียคือการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้าง
ยังมีความยุ่งยากเมื่อมีความต้องการข้อมูลสารสนเทศที่มากขึ้น ความปลอดภัยของข้อมูล
มีน้อย เพราะสามารถเข้าถึงข้อมูลได้โดยตรง
3.3 รุ่นที่ 3 แบบจาลองข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (Relational Model) (ปี ค.ศ 1970 –
ปัจจุบัน)
จากปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าว จึงเป็นสาเหตุให้มีการพัฒนาแบบจำลองข้อมูลเชิง
สัมพันธ์ ขึ้น โดย E. F. Codd ในช่วงทศวรรษ 1970-1980 (Codd 1970) แบบจาลองนี้จะ
ช่ ว ยลดปั ญ หาและอุ ป สรรคของการสื่ อ สารระหว่ า งผู้ อ อกแบบ และผู้ ใ ช้ ง านระบบ
ฐานข้อมูล
แนวความคิ ด พื้ น ฐานของแบบจ าลองข้ อ มู ล เชิ ง สั ม พั น ธ์ เป็ น แนวคิ ด ทาง
คณิตศาสตร์เรื่องของความสัมพันธ์ (Relation) ซึ่งเป็นเมทริกซ์หรือตาราง (Table) ของ
ข้อมูล ที่ประกอบไปด้วย การรวมกันระหว่างแถว (Rows) และ คลอลัมน์ (Columns) ทา
แ บ บ จา ล อ ง ฐ า น ข้ อ มู ล | 51
Y2k
1990
1980
1970
1960
1950
4. คุณลักษณะพื้นฐำนและประเภทของแบบจำลองข้อมูล
จะเห็ น ได้ ว่ า วิ วั ฒ นาการของระบบจั ด การฐานข้ อ มู ล ยั ง คงมี อ ยู่ อ ย่ า งต่ อ เนื่ อ ง
เนื่องจากความต้องการที่จะมีวิธีการสร้างแบบจาลองใหม่ ๆ ที่สามารถเพิ่มการรองรับ
ข้อมูลที่มีความสลับ ซับซ้อนและมีเป็นจานวนมาก แบบจาลองข้ อมูลไม่ว่าจะเป็นแบบใด
จะต้องมีคุณสมบัติบางอย่างที่เหมือนกันหรือคล้ายกัน อาจจะถือได้ว่าเป็นคุณลักษณะ
พืน้ ฐานสาคัญของแบบจาลองข้อมูล
4.1 คุณลักษณะพืน้ ฐานสาคัญของแบบจาลองข้อมูล
4.1.1 สามารถแสดงถึ ง ระดั บ ของความง่ า ยของกรอบความคิ ด โดยไม่
สูญเสียความครบถ้วนของความหมายของฐานข้อมูล
4.1.2 สามารถให้กรอบความคิดที่ใกล้เคีย งความจริงมากที่สุดเท่ าที่จ ะ
เป็นไปได้
4.1.3 การเปลี่ยนแปลงหรือเปลี่ยนรูปข้อมูลจะต้องเป็นไปตามกฎความ
สอดคล้องและความสมบูรณ์ของข้อมูล
A B
A B
A B
ตัวอย่ำง
• ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงข้อมูลนิสติ กับรหัสนิสิต : นิสติ 1 คน จะมีรหัส
นิสติ ได้เพียง 1 รหัสเท่านั้น ในขณะเดียวกันรหัสนิสิต 1 รหัส จะใช้กับ
นิสติ ได้เพียง 1 คนเช่นกัน
• ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงคณบดีกับคณะวิชำ : คณบดี 1 คน จะบริหาร
คณะวิชาได้เ พียง 1 คณะวิชาเท่านั้น ในขณะเดีย วกัน คณะวิชา 1
คณะ จะมีคณบดีบริหารได้เพียง 1 คนเช่นกัน
แ บ บ จา ล อ ง ฐ า น ข้ อ มู ล | 57
1 1
นิสติ รหัสนิสิต
1:1
1 1
คณบดี คณะวิชา
1:1
A B
ตัวอย่ำง
• ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงแม่กับลูก : แม่หนึ่งคนอาจจะมีลูก ได้หลายคน แต่
ลูก 1 คนจะมีแม่ได้เพียงคนเดียวเท่านั้น
• ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงอำจำรย์ที่ปรึกษำกับนิสิต : อาจารย์ที่ปรึกษาหนึ่ง
คนจะมีนิสิตได้หลายคน แต่นิสิตคนหนึ่งจะมีอาจารย์ที่ปรึกษาได้เพียง 1
คนเท่านั้น
แ บ บ จา ล อ ง ฐ า น ข้ อ มู ล | 58
1 M
แม่ ลูก
1:M
1 M
อาจารย์
ที่ปรึกษา นิสิต
1:M
ตัวอย่ำง
• ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงนิสิตกับคณะวิชำที่สังกัด : สถาบันการศึกษาหนึ่ง
สามารถมีคณะวิชาได้มากว่าหนึ่งคณะวิชา แต่นิสติ หนึ่งคน จะสังกัดคณะ
วิชาได้เพียงคณะวิชาเดียวเท่านั้น
คณะวิชา นิสิต
M:1
ภาพที่ 3.9 แสดงความสัมพันธ์แบบกลุ่มต่อหนึ่ง หรือ M : 1
A B
ตัวอย่ำง :
• ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงนิสิตกับรำยวิชำที่เปิดสอน : นิสิต 1 คนสามารถ
ลงทะเบียนเรียนได้หลายวิชา และวิชาหนึ่ง ๆ จะมีนิสิตลงทะเบียนเรียนได้
มากกว่า 1 คน
• ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงตำรำงสินค้ำ และตำรำงใบสั่งซื้อ : ใบสั่งซื้อใบเดียว
สามารถที่จะมีรายการผลิตภัณฑ์ได้มากกว่าหนึ่งรายการ อย่างไรก็ตาม
สินค้ารายการเดียวสามารถที่จะปรากฏ ในใบสั่งซื้อหลายใบได้
ลงทะเบียนเรียน
N:M
นิสิต รายวิชา
N M
นิสติ
รหัส ชื่อ-สกุล สำขำ คณะวิชำ ภูมลิ ำเนำ
โครงสร้างข้อมูลของนิสิต คือ
∙ จานวนเอนทิตีทั้งหมด
Conceptual level Conceptual ∙ กฎข้อบังคับ (constraints)
(ระดับแนวคิด) Schema ∙ ระบบความปลอดภัยและกฎ
ความพึงพอใจข้อมูล
∙ การจัดการพื้นที่การจัดเก็บข้อมูล
Internal level Internal ∙ การจัดเก็บรายละเอียดของระเบียน
(ระดับภำยใน) Schema ∙ การจัดวางตาแหน่งระเบียน
∙ การบีบอัดข้ อมูล เทคนิคการเข้ ารหัส
DATABASE
7.2.1 ลักษณะของแบบจาลองข้อมูลเครือข่ายมีลักษณะดังนี้
1) สมาชิกของเซตหนึ่ง ๆ สามารถเป็นสมาชิกของเซตอื่นได้
2) ข้อมูลมีความสัมพันธ์กันแบบ 1:1, 1:M และ N:M
3) นาเสนอข้อมูลหลายรายการ (Multilist)
4) โครงสร้างเป็นเซตของระเบียน (Record Set)
5) เซตของระเบียนประกอบ ด้วย Owner และ Member Record
6) Member Record สามารถมี Owner Record ได้หลายระเบียน
7.2.2 ข้อดีแบบจาลองข้อมูลเครือข่าย
1) สนับสนุนความสัมพันธ์แบบกลุ่มต่อกลุ่มได้
2) ข้อมูลมีความซ้าซ้อนน้อยกว่าแบบจาลองแบบลาดับชัน้
3) สามารถเชื่อมโยงข้อมูลแบบไป-กลับได้
4) สะดวกในการค้นหาเพราะไม่ต้องไปเริ่มค้นหาตั้งแต่ต้นกาเนิด
5) มีความยืดหยุ่นในการค้นหาข้อมูล เข้าถึงข้อมูลได้ง่าย
6) สนับสนุนให้โปรแกรมมีความเป็นอิสระจากข้อมูล
7.2.3 ข้อจากัดแบบจาลองข้อมูลเครือข่าย
1) การป้องกั นความปลอดภัยของข้อมูลมีน้อย เพราะสามารถ
เข้าถึงระเบียนได้โดยตรง
2) สิน้ เปลืองเนือ้ ที่หน่วยความจาในการเก็บพอยน์เตอร์
3) การออกแบบและการเปลี่ยนแปลงข้อมูลท าได้ค่อนข้างยาก
เพราะต้องกาหนดความสัมพันธ์ให้ครอบคลุมทุกข้อมูล
4) ความสัมพันธ์ข้อมูลที่เชื่อมโยงกันไปมายากต่อการใช้งาน
5) การป้องกั นความลับ ของข้อมูล ทาได้ย ากเพราะมีโครงสร้าง
แบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อน
7.3 แบบจาลองข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (Relational Database Model)
เป็นแบบจาลองที่นิยมแพร่หลายมากที่สุดในปัจจุบัน เพราะใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก
ซับซ้อน คิดค้นโดย Edgar Frank Codd (จาก บริษัท IBM ในปี ค.ศ.1970) เป็นแบบจาลอง
ข้อมูลที่แสดงข้อมูลในรูปแบบของตาราง ภายในตารางจะประกอบด้วยแถว และคอลัมน์
ข้ อ มู ล ของแต่ ล ะแถวเรี ย กว่า ทู เ พิ ล (Tuple) คอลั ม น์ ใ นตารางจะหมายถึง ลั ก ษณะหรือ
แ บ บ จา ล อ ง ฐ า น ข้ อ มู ล | 68
สำขำวิชำ
ชื่อรีเลชัน “นิสิต”
แอททริบิวท์ 1 แอททริบิวท์ 2 แอททริบิวท์ 3 แอททริบิวท์ 4 แอททริบิวท์ 5
รหัสนิสิต ชื่อ สกุล คณะวิชา สาขาวิชา
580103 น.ส.นารี สดใส พยาบาล การพยาบาล ทูเพิล 1
คำร์ดินัลลิตี
7.3.2 ข้อดีแบบจาลองข้อมูลเชิงสัมพันธ์
1) รูปแบบโครงสร้างสามารถสื่อสารและเข้าใจได้ง่าย
2) สนับสนุนความสัมพันธ์แบบกลุ่มต่อกลุ่ม
3) มีความยืดหยุ่นในการเข้าถึงข้อมูล ความซ้าซ้อนข้อมูลมีน้อย
4) มีข้อมูลความคงสภาพ (Data Integrity) และเป็นมาตรฐาน
5) โครงสร้างข้อมูลมีความเป็นอิสระจากโปรแกรม
6) สามารถเลือกแสดงข้อมูลตามเงื่อนไขได้หลาย Key Field
7) มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี
7.3.3 ข้อจากัดแบบจาลองข้อมูลเชิงสัมพันธ์
1) การแก้ไขปรับปรุงแฟ้มข้อมูลทาได้ยาก
2) ระบบยังมีความซับซ้อน และมีขอ้ จากัดด้านประสิทธิภาพ
3) จะต้องสร้างตารางขึ้นมาใหม่เมื่อมีการประมวลผล
4) ใช้ฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ที่มีความสามารถสูงซึ่งมีราคาแพง
รีเลชัน “ลงทะเบียน”
7.4.2 ข้อดีแบบจาลองข้อมูลเชิงวัตถุ
1) คุณสมบัติการสืบทอด ทาให้ข้อมูลมีความคงสภาพสูง
2) การนาเสนอแบบ Visual ทาให้อธิบายหัวข้อความหมายได้ดี
3) สามารถจัดการกับข้อมูลที่มคี วามซับซ้อนได้เป็นอย่างดี
4) สนับสนุนคุณสมบัติของการนากลับมาใช้ใหม่ (Reusable)
5) การเข้าถึงข้อมูลในแบบจาลองข้อมูลเชิงวัตถุ ผูใ้ ช้ไม่จาเป็นต้อง
รู้วธิ ีการทางานภายในของแต่ละโอเปอเรชันของวัตถุ
7.4.3 ข้อจากัดแบบจาลองข้อมูลเชิงวัตถุ
1) ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับระบบแบบจาลองข้อมูลเชิงวัตถุค่อนข้างสูง
2) ต้องอาศัยบุคลากรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี
เชิงวัตถุในการจัดการกับฐานข้อมูลเชิงวัตถุ
3) ยังไม่มีมาตรฐานรองรับที่ชัดเจน
วัตถุประสงค์สาคัญของแบบจาลองฐานข้อมูล ก็เพื่อนาแนวความคิดต่าง ๆ มา
เสนอให้ เ กิ ด เป็น แบบจ าลองฐานข้ อ มู ล ซึ่ ง เป็ น เครื่ อ งมือ ส าคัญ ที่ใ ช้ ใ นการอธิบ ายถึง
โครงสร้างข้อมูล และความสั มพันธ์ระหว่ างข้ อมูล ภายในฐานข้ อมูล จากรูป แบบที่ เ ป็ น
แนวคิดที่เข้าใจยาก ให้อยู่ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย เพราะแบบจาลองฐานข้อมูลจะประกอบ
ไปด้วยรูปภาพ สัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงการทางานของระบบ ทาให้การสื่อสาร
ระหว่างผู้ออกแบบฐานข้อมูล ผู้เขียนโปรแกรม และผู้ใช้ระบบฐานข้อมูลให้เข้าใจถูกต้อง
ตรงกันมากขึ้น
แบบจ าลองฐานข้ อ มู ล แบ่ ง ออกเป็ น 2 ประเภท คื อ แบบจ าลองแบบแนวคิ ด
(Conceptual Model) เป็นแบบจาลองที่นาไปใช้ในขั้นตอนการออกแบบฐานข้อมูล เพื่อให้
เกิดความเข้าใจตรงกันถึงคุณสมบัติของข้อมูลและความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลระหว่าง
ผู้ออกแบบและผู้ใช้งาน และแบบจาลองแบบนาไปใช้ (Implementation Model) ซึ่งเป็น
แบบจาลองที่นาไปใช้ในขั้นตอนการสร้างฐานข้อมูล ที่อธิบายถึงโครงสร้างของฐานข้อมูล
แต่ละประเภท
แบบจาลองข้อมูล แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ด้วยกัน คือส่วนโครงสร้าง (Structure) ที่
ประกอบด้วยกลุ่มสัญลักษณ์รวมทั้งกฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อใช้ในการสร้างฐานข้อมูล ส่วน
ปรับปรุง (Manipulative) เป็นส่วนที่กาหนดชนิดของการปฏิบัติการต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับข้อมูล
นิยมใช้ภาษา SQL ในการจัดการข้อมูล และส่วนกฎความคงสภาพ (a set of integrity rules)
ซึ่งเป็นส่วนสาคัญ เป็นกฎเกณฑ์ที่ใช้ในการควบคุมความถูกต้องของข้อมูล แบบจาลอง
ฐานข้อมูลที่ดี ควรเป็นแบบจาลองที่เข้าใจได้ง่าย ไม่ควรมีขอ้ มูลที่ซ้าซ้อน และควรมีความ
เป็นอิสระของข้อมูล มีความยืดหยุ่นและง่ายต่อการปรับปรุงในอนาคต
********************