Professional Documents
Culture Documents
ບົດບາດຍິງຊາຍບົດເຕັມ
ບົດບາດຍິງຊາຍບົດເຕັມ
ำน ก
ั ห อ ส มุ ด กลาง
ส
โดย
นางสาวปราง ยอดเกตุ
ำน ก
ั ห อ ส มุ ด กลาง
ส
โดย
นางสาวปราง ยอดเกตุ
ำน ก
ั ห อ ส มุ ด กลาง
ส
By
Miss Prang Yodket
……...........................................................
(รองศาสตราจารย์ ดร.ปานใจ ธารทัศนวงศ์)
ำน ก
ั ห อ ส มุ ด กลาง คณบดีบณั ฑิตวิทยาลัย
ส วันที่..........เดือน.................... พ.ศ...........
อาจารย์ที่ปรึ กษาวิทยานิพนธ์
รองศาสตราจารย์พรชัย เทพปัญญา
คณะกรรมการตรวจสอบวิทยานิพนธ์
.................................................... ประธานกรรมการ
(อาจารย์ ดร.นพดล เหลืองภิรมย์)
............/......................../..............
.................................................... กรรมการ
(อาจารย์ ดร.สุ วิชา วรวิเชียรวงษ์)
............/......................../..............
.................................................... กรรมการ
(รองศาสตราจารย์พรชัย เทพปั ญญา)
............/......................../..............
55603310: สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์
คําสําคัญ: ประชาสังคม / ความเสมอภาคทางเพศและสิ ทธิสตรี / มูลนิธิเพื่อนหญิง
ปราง ยอดเกตุ: ประชาสังคมกับความเสมอภาคทางเพศและสิ ทธิ สตรี : กรณี ศึกษา
มูลนิธิเพื่อนหญิง. อาจารย์ที่ปรึ กษาวิทยานิพนธ์: รศ.พรชัย เทพปัญญา. 175 หน้า.
ำน ั ห อ ส มุ ด กลาง
ครอบครัวที่เกิดขึ้นกับสตรี และแนวทางการป้ องกัน และเพื่อหาแนวทางในการพัฒนาความเสมอ
ก
ส
ภาคทางเพศและสิ ทธิสตรี รวมถึงปั ญหาความรุ นแรง และแนวทางป้ องกัน เป็ นการวิจยั เชิงคุณภาพ
โดยการเก็บข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์ เชิ งลึกกับผูท้ ี่เกี่ ยวข้อง แบ่งเป็ น 3 กลุ่ม คือ นักจิ ตวิทยา นัก
สังคมสงเคราะห์ นักวิชาการสตรี นิ ยม และผูท้ ี่ เ กี่ ย วข้อง โดยเป็ นการคัด เลื อกแบบเจาะจงตาม
คุณสมบัติที่ผวู ้ ิจยั ได้กาํ หนดเอาไว้ ดังนี้ คือ บุคคลที่มีบทบาทหน้าที่ในการดูแลและรักษาสิ ทธิ สตรี
สตรี ที่ได้รับผลจากความรุ นแรงจากการกดขี่ทางเพศ และนักวิชาการที่เกี่ยวข้องกับสิ ทธิ สตรี การ
วิเคราะห์ขอ้ มูลเชิงคุณภาพโดยการวิเคราะห์เนื้ อหา ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน คือ การตีความข้อมูล
การเปรี ยบเทียบข้อมูล การสังเคราะห์ขอ้ มูลและการสร้างข้อสรุ ป
ผลการวิจยั พบว่าความเป็ นประชาสังคมของมูลนิ ธิเพื่อนหญิงเป็ นมูลนิ ธิที่จดทะเบียน
ตามกฎหมาย มีภารกิจที่ประกอบด้วย นโยบายของมูลนิ ธิเพื่อให้สตรี ได้รับการคุม้ ครองสิ ทธิ์ ต่าง ๆ
ตามกฎหมาย การพัฒนาหรื อการยกระดับศักยภาพของสตรี ให้มีบทบาทในสังคม ศูนย์พิทกั ษ์รับ
เรื่ องราวร้องทุกข์ การจัดกิจกรรมเพื่อให้เกิดการรวมกลุ่ม การออมทรัพย์และการขยายเครื อข่ายทัว่
ประเทศ สาเหตุของการใช้ความรุ นแรงภายในครอบครัวที่เกิดขึ้นกับสตรี ได้แก่ ความไม่มีเหตุผล
ของสามีโดยการหึ งหวงจนเกินเหตุ ความเจ้าชูแ้ ละชอบทําร้ายร่ างกายผูอ้ ื่น
นอกจากนั้นยังพบว่า แนวทางในการพัฒนาความเสมอภาคทางเพศและสิ ทธิ สตรี
สามารถกระทําได้ 3 แนวทางคือการคุม้ ครองตามกฎหมายอย่างจริ งจัง การส่ งเสริ มการประกอบ
อาชีพให้สตรี สามารถอยู่ได้ดว้ ยตนเอง และการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับความเท่าเทียมทางเพศให้
เกิดขึ้นภายในครอบครัวไม่วา่ จะเป็ นบุรุษหรื อสตรี
ง
55603310: MAJOR: PUBLIC ADMINISTRATION
KEYWORD: CIVIL SOCIETY / GENDER EQUALITY AND WOMEN'S RIGHTS.
/ FRIENDS OF WOMEN FOUNDATION
PRANG YODKET: CIVIL SOCIETY WITH GENDER EQUALITY AND WOMEN'S
RIGHTS: A CASE STUDY FRIEND OF WOMEN FOUNDATION. THESIS ADVISOR: ASSOC.
PROF. PORNCHAI DHEBPANYA. 175 pp.
This research " Civil Society with gender equality and women's rights : A case study Friend
ก
ั ห อ ส มุ ด กลาง
of Women Foundation" aims to study the Civil Society Foundation's female friends with gender equality
ำน
ส
and women's rights, to study the causes of the violence occurring within the family and protecting women
and to improve gender equality and women's rights including problem and preventive. It is qualitative
research by storing data with in-depth interviews with those involved , divided into three groups: a
psychologist , a social worker. Feminist scholars And related It is the specific feature selection method was
defined as the person whose role in the care and treatment of women's rights, women are affected by
sexual violence of oppression and academics related to women's rights. There are four steps in content
analysis, data interpretation, constant comparisons, data synthesis and conclusion.
The results show that civic Foundation was a registered charity under the law. Mission was
composed of Policy of the Foundation to give women the right to be protected under the law to develop or
enhance the potential of women's role in society. Protection Complaint Activities to achieve integration.
Savings and network expansion across the country. Causes of violence within the family that happens to
women, including the irrational jealousy of her husband by overly . Flirting and drafting body like others.
It was also found that the development of gender equality and women's rights can be protected by third
approach is to betaken seriously. To promote the careers of women can live by themselves. And creating
awareness about gender equality within the family, whether they are men or women.
น ก
ั ห อ ส มุ ด กลาง
กษิดิส นักสังคมสงเคราะห์ บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดพระนครศรี อยุธยา คุณสรรพวัต มุขโต
ำ
ส
นักจิตวิทยา บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดพระนครศรี อยุธยา คุณวีรวัลย์ กรมสุ ริยศักดิ์ นักสังคม
สงเคราะห์ สถานแรกรับเด็กหญิงบ้านธัญพร คุณนวลศรี เพ็ชรนวล ตําแหน่ ง ผูป้ กครองสถานแรก
รับเด็กหญิงบ้านธัญพร และผูใ้ ห้ขอ้ มูลหลักที่ไม่ประสงค์ออกนามทุกท่าน
ท้ายสุ ดนี้ ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ที่ปรึ กษา และทุกท่านที่ให้ความช่วยเหลือใน
การทํา วิ ทยานิ พ นธ์ มา ณ ที่ น้ ี ด้ว ย ซึ่ งผูว้ ิจ ัย หวังเป็ นอย่า งยิ่งว่า จะก่ อให้เ กิ ดประโยชน์ ต่อผูอ้ ่ าน
ตลอดจนผูส้ นใจ สําหรับข้อบกพร่ องที่พบในวิทยานิ พนธ์ครั้งนี้ ผูว้ ิจยั ขอน้อมรับไว้ในอันที่จะเป็ น
แนวทางแก้ไขวิทยานิพนธ์ให้ดียงิ่ ขึ้นไป
ฉ
สารบัญ
หน้า
บทคัดย่อภาษาไทย ................................................................................................................... ง
บทคัดย่อภาษาอังกฤษ .............................................................................................................. จ
กิตติกรรมประกาศ .................................................................................................................... ฉ
สารบัญภาพ .............................................................................................................................. ญ
บทที่
1 บทนํา ............................................................................................................................. 1
ำน ก
ั ห อ ส มุ ด กลาง
ความเป็ นมาและความสําคัญของปัญหา ................................................................ 1
ส
วัตถุประสงค์ ..........................................................................................................
ขอบเขตของการวิจยั ..............................................................................................
5
5
ขอบเขตวิธีวิจยั .............................................................................................. 5
ขอบเขตประชากรและกลุ่มตัวอย่าง .............................................................. 5
ขอบเขตเนื้อหาการวิจยั .................................................................................. 5
กรอบแนวคิดในการวิจยั ........................................................................................ 6
คํานิยามเชิงปฏิบตั ิการ ........................................................................................... 7
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการวิจยั ................................................................. 7
2 วรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง ................................................................................................... 8
แนวคิดและหลักการเกี่ยวกับความเป็ นประชาสังคม ............................................. 8
แนวคิดประชาสังคมในทัศนะของอิมมานูเอล ค้านท์ .................................... 12
แนวคิดประชาสังคมที่ใช้ในประเทศตะวันตก ............................................... 13
แนวคิดประชาสังคมที่ใช้ในประเทศไทย ...................................................... 13
แนวคิดประชาสังคมกับการเกิดโลกยุคสมัยใหม่ ........................................... 14
ขบวนการเคลื่อนไหวประชาสังคม (civil society movement) ..................... 15
การก่อตัวของแนวคิดประชาสังคม ................................................................ 16
องค์ประกอบประชาสังคม ............................................................................. 17
องค์ประกอบประชาสังคมที่เข้มแข็ง.............................................................. 18
แนวคิดเกี่ยวกับความเสมอภาคทางเพศและสิ ทธิสตรี ............................................ 19
ความเสมอภาค............................................................................................... 19
ความเสมอภาคในฐานะที่เป็ นอุดมคติ .................................................... 20
ช
บทที่ หน้า
มาตรการเชิงบวก(Affirmative/Positive Action) .................................... 21
สิ ทธิและเสรี ภาพของสตรี .............................................................................. 22
ความเสมอภาคระหว่างเพศชายและหญิง....................................................... 23
ทฤษฎีการเมือง .............................................................................................. 26
ทฤษฎีเสรี นิยม (Liberalism) ................................................................... 26
แนวเฟมินิสม์ (Feminism) ...................................................................... 27
แนวความคิดมาร์คซิสม์ (Marxism) ........................................................ 28
ก
ั ห อ ส มุ ด กลาง
หลักการ แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับสตรี นิยม .......................................................
ำน 30
ส
สตรี นิยม (Feminism) ....................................................................................
แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับการกระทํารุ นแรงในครอบครัว....................................
30
36
สาเหตุความรุ นแรงในครอบครัว ................................................................... 40
ความรุ นแรงที่เกิดขึ้นกับภรรยา ..................................................................... 41
พัฒนาการของการกระทํารุ นแรงต่อภรรยา.................................................... 41
งานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง ................................................................................................. 41
3 วิธีดาํ เนินการวิจยั ........................................................................................................... 50
ผูใ้ ห้ขอ้ มูลหลัก ...................................................................................................... 50
เครื่ องมือที่ใช้ในการวิจยั และการเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพ ........................... 51
คุณภาพของงานวิจยั เชิงคุณภาพ............................................................................. 51
ความถูกต้องตรงประเด็นและความเชื่อถือได้ ........................................................ 52
การวิเคราะห์ขอ้ มูลเชิงคุณภาพ .............................................................................. 55
4 ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล .................................................................................................... 57
การใช้ความรุ นแรงภายในครอบครัว ..................................................................... 57
ความเสมอภาคทางเพศและสิ ทธิสตรี .................................................................... 59
รู ปแบบของการพัฒนาความเสมอภาคทางเพศและสิ ทธิสตรี ................................. 60
แนวคิดพื้นฐานของการเป็ นประชาสังคม .............................................................. 61
5 สรุ ป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ............................................................................... 75
สรุ ปผลการวิจยั ...................................................................................................... 75
อภิปรายผล............................................................................................................. 76
บทสรุ ป .................................................................................................................. 80
ซ
บทที่ หน้า
ข้อเสนอแนะ .......................................................................................................... 81
ข้อเสนอแนะสําหรับหน่วยงานนําผลวิจยั ไปใช้............................................. 81
ข้อเสนอแนะในการวิจยั ต่อไป ....................................................................... 81
รายการอ้างอิง ........................................................................................................................... 83
ภาคผนวก ................................................................................................................................. 88
ภาคผนวก ก แบบสัมภาษณ์ ชุดที่ 1 ............................................................................... 89
ภาคผนวก ข แบบสัมภาษณ์ ชุดที่ 2 ............................................................................... 91
ก
ั ห อ ส มุ ด กลาง
ภาคผนวก ค แบบสัมภาษณ์ ชุดที่ 3 ...............................................................................
ำน 93
ส
ภาคผนวก ง ถอดเทปการสัมภาษณ์ ...............................................................................
ประวัติผวู ้ จิ ยั .............................................................................................................................
95
175
ฌ
สารบัญภาพ
ภาพที่ หน้า
1 กรอบแนวคิดในการวิจยั เชิงคุณภาพ......................................................................... 6
2 การสังเคราะห์ขอ้ มูลเชิงคุณภาพ............................................................................... 74
3 มูลนิธิเพื่อนหญิง....................................................................................................... 170
4 คุณธนวดี ท่าจีน ........................................................................................................ 170
5 คุณบัณฑิต แป้ นวิเศษ ............................................................................................... 171
6 คุณธนวดี ท่าจีน และคุณบัณฑิต แป้ นวิเศษ .............................................................. 171
7
น ก
ั ห อ ส มุ ด กลาง
คุณวีรวัลย์ กรมสุ ริยศักดิ์ ...........................................................................................
ำ
172
8
9
ส
คุณนวลศรี เพ็ชรนวล ...............................................................................................
คุณภานุวฒั น์ กษิดิส..................................................................................................
172
173
10 คุณสรรพวัต มุขโต ................................................................................................... 173
11 กลุ่มตัวอย่าง case ที่ 1 ............................................................................................... 174
12 กลุ่มตัวอย่าง case ที่ 2 ............................................................................................... 174
ญ
บทที่ 1
บทนํา
ำน ก
ั ห อ ส มุ ด ก ลาง
และ การเมือง ไม่มีสิทธิและบทบาทหรื อฐานะใดในทางสังคม ซึ่ งไม่ได้รับความเสมอภาคเท่าเทียม
ส
ผูช้ าย ทั้งที่สตรี เองก็เป็ นมนุ ษย์เช่นเดียวกันกับผูช้ าย สถานภาพความเป็ นมนุษย์น้ นั มีอยูใ่ นตัวของ
มนุ ษย์ทุกคน โดยไม่คาํ นึ งถึง เพศ วัย สัญชาติ ศาสนา ทั้งยังเป็ นสาระสําคัญตามธรรมชาติ ความ
เป็ นมนุ ษย์จึงไม่ อาจจํากัดหรื อทําให้สูญเสี ยไปไม่ว่าด้วยวิธีการใดๆ การไม่เคารพในสิ ทธิ สตรี
ตลอดจนการเลือกปฏิบตั ิต่อผูเ้ ป็ นสตรี น้ นั แต่เดิมอาจเป็ นเพราะสภาพสังคมสมัยโบราณที่มีการถือ
ปฏิบตั ิสืบต่อกันมาโดยที่ผชู ้ ายจะมีความรับผิดชอบในฐานะที่ เป็ นหัวหน้าครอบครัว เป็ นสาเหตุ
หนึ่งที่ทาํ ให้บทบาทของสตรี ลดลง
ที่ผ่านมา ผูห้ ญิงถูกปฏิบตั ิอย่างเป็ นมนุษย์ชนชั้นสองในเรื่ องสิ ทธิ ต่างๆ เช่น กฎหมาย
ลักษณะครอบครัวในเรื่ องเหตุหย่า หรื อกฎหมายอาญาในเรื่ องข่มขืนฯ ซึ่ งถือว่าเป็ นการเลือกปฏิบตั ิ
ฯ อย่างหนึ่ง และเพิ่งจะมีการแก้ไขกฎหมายเหล่านี้ให้ไปเป็ นไปตามหลักเกณฑ์ “ความเสมอภาคเท่า
เทียมกัน” ในรัฐธรรมนูญ ไม่ถึงสามปี นี้ เอง คําว่า “เลือกปฏิบตั ิ” มาจากคําว่า “Discrimination” ซึ่ ง
หมายถึง การแบ่งแยก กีดกัน หรื อการจํากัดใดๆ เพราะเหตุแห่ งเพศ และการกระทําดังกล่าวมีผล
หรื อมีความประสงค์ที่จะทําให้สิทธิ ของผูห้ ญิง ไม่ว่าจะสมรสหรื อไม่สมรส ต้องเสื่ อมเสี ยไป ไม่
เสมอภาคกับผูช้ ายในเรื่ องเสรี ภาพและสิ ทธิ มนุ ษยชนขั้นพื้นฐานในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม
วัฒนธรรม และสิ ทธิความเป็ นพลเมือง
การแบ่งแยกงานตามเพศจะแสดงออกมาในรู ปของการจํากัดโอกาสด้านการศึกษาและ
การทํางานในบางสาขาของสตรี เช่ น การทํางานด้านการเมือง การปกครองและกฎหมาย ซึ่ งงาน
เหล่านี้ เป็ นงานของสังคมส่ วนรวม(public work) และเป็ นงานที่ยดึ อํานาจในการวางแผนของการ
ตัดสิ นใจ ซึ่งจะส่ งผลต่อ ชะตากรรมของประชาชนและอนาคตของสังคมโดยรวม แนวคิดเรื่ องการ
แบ่งแยกงานทางเพศยังกีดกันผูห้ ญิงจากงานอื่นๆ ที่มีรายได้ดีและเป็ นงานที่สังคมยกย่อง เช่น งาน
แพทย์ งานด้านการเมืองการปกครองและกฎหมาย ฯลฯ (มาลี พฤกษ์พงศาวลี, 2552: 12)
1
2
ำน ก
ั ห อ ส มุ ด ก ลาง
(Patriarchal System) กล่าวคือ เพศชายเป็ นผูก้ าํ หนดกฎเกณฑ์ความเป็ นไปของสังคม ทําให้เกิด
ส
ความเหลื่อมลํ้าระหว่างเพศ ผูห้ ญิงถูกกดขี่ และกลายเป็ นผูด้ อ้ ยโอกาสทางสังคมในรู ปแบบต่าง ๆ
ไม่ว่าจะเป็ นการถูกเลือกปฏิบตั ิ การไม่ได้รับความเป็ นธรรม ตลอดจนกรณี ปัญหาต่างๆ ของผูห้ ญิง
ที่ปรากฏอยูใ่ นปั จจุบนั อันเกิดมาเป็ นเวลาช้านาน (ปฐมาภรณ์ บุษปธํารง, 2546: 26)
ตลอดระยะเวลาในช่วง 4 ทศวรรษที่ผา่ นมา องค์การสหประชาชาติร่วมกับขบวนการ
สตรี นิยม ได้มีส่วนสําคัญอย่างมากในการทําให้เกิดกระบวนการพัฒนาผูห้ ญิงและขจัดอุปสรรคต่อ
ความก้าวหน้าของผูห้ ญิงขึ้นในประเทศสมาชิกต่างๆ ทัว่ โลก ทั้งนี้ ด้วยตระหนักว่าปั ญหาของการ
พัฒนาผูห้ ญิงที่สาํ คัญส่ วนหนึ่ งมาจาก ความไม่เสมอภาค ผูห้ ญิงถูกเลือกปฏิบตั ิในสังคม เนื่ องจาก
สังคมส่ วนใหญ่ถูกครอบงําด้วยระบบชายเป็ นใหญ่ (Patriarchal System) ในสังคมไทยนั้นมีการ
เปลี่ ยนแปลงมาเป็ นลําดับ ส่ วนหนึ่ งน่ าจะมาจากการที่ ผูห้ ญิงได้เรี ยนรู ้ ถึงปั ญหาอุปสรรคต่ างๆ
โดยเฉพาะผูห้ ญิงในกลุ่มรากหญ้า ซึ่งเป็ นผูห้ ญิงส่ วนใหญ่สงั คมที่ตอ้ งประสบปัญหาความรุ นแรงใน
รู ปแบบต่า งๆ รวมทัง่ ผูห้ ญิ งบางกลุ่มที่ มีโอกาสได้รับการศึ กษามากขึ้น เกิ ดการเคลื่ อนไหวใน
รู ปแบบต่างๆ อันนําไปสู่ การเรี ยกร้องสิ ทธิ ของผูห้ ญิง และได้กลายเป็ นขบวนการทางสังคมในเวลา
ต่อมา แม้ขบวนการเคลื่อนไหวของผูห้ ญิงในประเทศไทยจะไม่ได้โดดเด่นในระดับสากลแต่ก็ทาํ ให้
กระแสแนวคิดสตรี นิยมในประเทศไทยทั้งในฐานที่เป็ นแนวคิดและเป็ นการเคลื่อนไวมีออกมาเป็ น
ระยะๆ เมื่อมีเหตุการณ์ในสังคมที่ช้ ีให้เห็นถึงการเอารัดเอาเปรี ยบ หรื อความไม่ยตุ ิธรรมเกิดขึ้นกับ
ผูห้ ญิง (เพ็ญนภา ภัทรนุกรม, 2551: 99)
สําหรับในประเทศไทยได้มีการดําเนินงานเกี่ยวกับสตรี อย่างชัดเจนในช่วงแผนพัฒนา
เศรษฐกิ จและสังคมแห่ งชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ.2515-2519) มีการจัดตั้งคณะกรรมการส่ งเสริ มและ
ประสานงานสตรี แ ห่ ง ชาติ (กสส.) เป็ นองค์ก รระดับชาติ ด้านสตรี ใ นปี 2532 จากนั้น จึ ง มี ก าร
วางเป้ าหมายหลักของแผนสร้างระบบเฝ้ าระวังปั ญหา และช่วยเหลือผูห้ ญิงที่ถูกกระทํารุ นแรงใน
ครอบครั ว มี ก ฎหมายขจัด ความรุ น แรงในสตรี เ พื่อ ขจัด การเลื อ กปฏิ บตั ิ ต่ อสตรี ใ นทุ ก รู ปแบบ
3
ำน ก
ั ห อ ส มุ ด ก ลาง
แต่เป็ นปั ญหาที่สะท้อนถึงรากฐานค่านิ ยมและทัศนคติของสังคมไทยยุคปั จจุบนั ที่ยงั มองผูช้ ายเป็ น
ส
ใหญ่ไม่แตกต่างกับสังคมไทยในอดีตที่ผา่ นมา โดยเฉพาะปั ญหาความรุ นแรงต่อผูห้ ญิง เป็ นปั ญหา
ร่ วมกันของผูห้ ญิงทัว่ โลก และได้รับการยอมรับว่าเป็ นรู ปแบบหนึ่ งของการละเมิดสิ ทธิ มนุ ษยชน
ต่อผูห้ ญิง โดยเมื่อปี พ.ศ.2537 องค์การสหประชาชาติ ได้ออกคําประกาศเพื่อยุติความรุ นแรงต่อ
ผูห้ ญิง โดยได้ให้นิยามความหมายของ "ความรุ นแรงต่อผูห้ ญิง" หมายถึง การใช้ความรุ นแรงใดๆ
อันสื บเนื่องมาจากแตกต่างระหว่างหญิง - ชาย ซึ่งมีผลหรื อมักจะมีผล ทําให้เกิดอันตรายหรื อความ
เดือนร้อน ทางกาย ทางเพศ หรื อทางจิตใจต่อผูห้ ญิง ซึ่ งความรุ นแรงต่อผูห้ ญิงนั้นเกิดขึ้นได้ในทุก
มิติของสังคม ทั้งในครอบครัว ในชุมชน สถานที่ทาํ งานและสถาบันการศึกษา
ที่ผ่านมา ความพยายามในการแก้ไขปั ญหาความรุ นแรงต่อผูห้ ญิงทั้งในระดับสากล
และระดับ ประเทศ ได้มีการสร้างมาตรการทางสังคม เช่น การรณรงค์สร้างสรรค์ความเข้าใจกับ
สังคม เพื่อตระหนักถึงปั ญหาความรุ นแรงต่อผูห้ ญิง และมาตรการทางกฎหมาย เช่ น การบัญญัติ
กฎหมาย ปรับปรุ งกฎหมาย เพิ่มบทลงโทษกับผูก้ ระทําความรุ นแรงต่อผูห้ ญิงในหลายรู ปแบบ ทั้งนี้
ในการทํางานให้ความช่วยเหลือผูห้ ญิงที่ประสบปั ญหา พบว่า ผูห้ ญิงจํานวนมากได้ถูกกระทําความ
รุ นแรงในครอบครั วโดยสามี ความรุ นแรงที่ผูห้ ญิงถูกกระทํานั้น ครอบคลุมทั้งความรุ นแรงทาง
ร่ างกายและทางเพศ
ความไม่เท่าเทียมกันเป็ นปั ญหาให้เกิดความรุ นแรงกับเด็กและสตรี มากที่สุด จึงต้องหา
ข้อสรุ ป ของปั ญหาและมี ก ารยื่น มื อมาช่ ว ยเหลื อสําหรั บ ผูท้ ี่ ไ ด้รับ ความรุ น แรงทั้ง เด็ก และสตรี
มูลนิ ธิต่างๆ จึงเป็ นอีกทางเลือกหนึ่ งสําหรับผูถ้ ูกกระทําและผูไ้ ม่ได้รับความยุติธรรมขึ้นในสังคม
ปัจจุบนั
จากหลักฐานพบว่า หนึ่ งในสามของผูห้ ญิงถูกกระทํารุ นแรงทางเพศ รวมถึงถูกบังคับ
ให้มีเพศสัมพันธ์โดยใช้กาํ ลัง และหญิงที่เคยถูกกระทํารุ นแรงทั้งทางกายและทางเพศ เคยคิดฆ่าตัว
ตายสู ง รวมทั้งมีการใช้ยานอนหลับและยาแก้ปวดสู งกว่าผูห้ ญิงที่ถูกกระทํารุ นแรง และจากการ
4
ำน ก
ั ห อ ส มุ ด ก ลาง
เป็ นนิติบุคคลจากกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2534 มีบทบาทพิทกั ษ์สิทธิ และให้ความ
ส
ช่วยเหลือสตรี ที่ตกอยู่ในภาวะวิกฤติ อาทิ จากภัยคุกคามทางเพศ ตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ สามี
ทอดทิ้งทําร้ายทุบตี ถูกล่อลวงและบังคับค้าประเวณี ถูกเลิกจ้างโดยไม่เป็ นธรรม และถูกเลือกปฏิบตั ิ
ในเรื่ องของอาชีพ เพื่อเป็ นการแก้ไขปั ญหาที่ตน้ เหตุ มูลนิ ธิฯ ได้นาํ ข้อมูลเผยแพร่ ต่อสาธารณชน
และต่อภาครัฐเพื่อผลักดันให้กาํ หนดนโยบายและ แนวปฏิบตั ิที่เป็ นจริ งในการคุม้ ครอง พิทกั ษ์สิทธิ
รวมถึงการส่ งเสริ มคุณภาพชีวิตของสตรี โดยรวม
กิจกรรมของมูลนิ ธิ ได้แก่ ศูนย์ช่วยเหลือและพิทกั ษ์สิทธิ สตรี ให้ความช่วยเหลือด้าน
2 2
วัตถุประสงค์ การวิจัย
1. เพื่อศึกษาถึงความเป็ นประชาสังคมของมูลนิ ธิเพื่อนหญิงกับความเสมอภาคทางเพศ
และสิ ทธิสตรี
น ก
ั ห อ ส มุ ด ก ลาง
2. เพื่อศึกษาถึงสาเหตุของการใช้ความรุ นแรงภายในครอบครัวที่เกิดขึ้นกับสตรี และ
ำ
แนวทางการป้ องกัน ส
3. เพื่อหาแนวทางในการพัฒนาความเสมอภาคทางเพศและสิ ทธิ สตรี รวมถึงปั ญหา
ความรุ นแรง และแนวทางการป้ องกัน
ขอบเขตของการวิจัย
1. ขอบเขตวิธีการวิจัย
ผูว้ ิจยั ใช้ระเบียบวิธีวิจยั แบบการวิจยั เชิงคุณภาพ(Quantitative research) ด้วยวิธีการ
เก็บรวบรวมข้อมูล โดยการสัมภาษณ์เชิงลึก (in-depth interview)
2. ขอบเขตประชากรและกลุ่มตัวอย่ าง
ในการศึกษาครั้งนี้ ผูว้ ิจยั เก็บรวมรวมข้อมูลจากประชากร ซึ่ งเป็ นผูใ้ ห้ขอ้ มูลหลัก
(Key informants) เพื่อใช้ในการเก็บข้อมูลเชิ งคุณภาพ ในการสัมภาษณ์เชิงลึก จํานวน 10 คน
0 0
ประกอบด้วย ผูท้ ี่เกี่ ยวข้อง แบ่งเป็ น 3 กลุ่ม คือ นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ นักวิชาการสตรี
นิยม และผูท้ ี่เกี่ยวข้อง โดยเป็ นการคัดเลือกแบบเจาะจงตามคุณสมบัติที่ผวู ้ ิจยั ได้กาํ หนดเอาไว้ ดังนี้
คือ
2.1 บุคคลที่มีบทบาทหน้าที่ในการดูแลและรักษาสิ ทธิสตรี
2.2 สตรี ที่ได้รับผลจากความรุ นแรงจากการกดขี่ทางเพศ
2.3 นักวิชาการที่เกี่ยวข้องกับสิ ทธิสตรี
3. ขอบเขตเนือ้ หาการวิจัย
เนื่ องจากการศึกษาครั้งนี้ เป็ นการวิจยั เชิงคุณภาพ ดังนั้น ผูว้ ิจยั จึงกําหนดกรอบของ
แนวคิดในการวิจยั ดังนี้ เป็ นการวิเคราะห์เนื้ อหา (content analysis) ประกอบด้วยกระบวนการ
จํา นวน 4 ขั้น ตอนคื อ การตี ค วามข้อ มู ล (interpretation) การเปรี ย บเที ย บข้อ มู ล (constant
6
กรอบแนวคิดในการวิจัย
การวิจยั ครั้งนี้ ผูว้ ิจยั กําหนดกรอบแนวคิดในการวิจยั เป็ นการวิจยั เชิงคุณภาพโดยอาศัย
ข้อมูลเชิงคุณภาพ ซึ่งได้มาจากแหล่งข้อมูลโดยการสัมภาษณ์เชิงลึก ดังปรากฏต่อไปนี้
ข้อมูลเชิงคุณภาพ
คํานิยามเชิงปฏิบัติการ
ประชาสั งคม หมายถึง สังคมพลเรื อนซึ่ งประชาชนมีสิทธิ และหน้าที่ในการกําหนด
ขอบเขตความสําคัญ และมาตรฐานทางศรี ธรรมภายในสังคม
ในการศึกษาวิจยั ครั้งนี้ ผูว้ ิจยั ให้ความหมายของคําว่า ประชาสังคม หมายถึง การร่ วม
ตัวของประชาชนที่มีอุดมการณ์ร่วมกันในการช่วยเหลือเด็กและสตรี ที่ได้รับการเอาเปรี ยบหรื อถูก
กดขี่ทางเพศโดยการร่ วมตัวกันครั้งนี้ อยู่ภายใต้การนําของ นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผูจ้ ดั การมูลนิ ธิ
เพื่อนหญิง ซึ่งมีชื่อเรี ยกว่า มูลนิธิเพื่อนหญิง
ความเสมอภาคทางเพศและสิ ทธิสตรี หมายถึง การที่เพศผูห้ ญิงและเพศผูช้ ายซึ่ งมี
ความแตกต่างกันทางกายภาพ แต่ท้ งั สองเพศได้มีโอกาสในการได้รับการพัฒนาตนเองอย่างเต็ม
ศัก ยภาพ และทั้ง สองเพศได้รั บ ความพึ ง พอใจอย่า งเสมอภาคในความต้อ งการที่ แ ตกต่ า งกัน
โดยเฉพาะการให้ความสําคัญแก่เพศหญิงให้มีความเท่าเทียมกับเพศชาย
การใช้ ความรุ นแรงภายในครอบครัว หมายถึง การใช้กาํ ลังบังคับหรื อข่มขู่โดยสมาชิก
ของครอบครัวที่กระทําต่อสมาชิก เป็ นการล่วงละเมิดสิ ทธิ ส่วนบุคคลโดยตั้งใจทําร้ายให้สมาชิกคน
อื่นในครอบครัวได้รับผลของความทุกข์ทรมานทั้งร่ างกายแก่ผถู ้ ูกกระทํา
8
9
4. วิธีแก้ปัญหาการกดขี่ทางเพศในระยะยาวต้องประกอบไปด้วยการจัดการ
เปลี่ยนสังคมไม่ให้มีชนชั้น และการเปลี่ยนรู ปแบบของครอบครัวจากที่เป็ นอยูท่ ุกวันนี้ เพื่อให้สตรี
มัน่ ใจในสิ ทธิ์ของตนเองมากขึ้น พร้อมๆ กับการรณรงค์แก้ไขความคิดอีกด้วย
การปลดแอกผูห้ ญิง จะเริ่ มเป็ นไปได้ ในขั้นตอนแรกก็ต่อเมื่อผูห้ ญิงได้รับโอกาส
เข้าไปมีส่วนในการผลิต และมีรายได้ของตนเอง ดั้งนั้นต้องหาทางที่จะแปรเปลี่ยนงานบ้านต่าง ๆ
ให้เป็ นงานสาธารณะ ซึ่งหมายถึงการสร้างรัฐสวัสดิการเต็มรู ปแบบ
ภาวะเศรษฐกิจของระบบทุนนิ ยมปั จจุบนั มีการดึงสตรี เข้ามามีส่วนในการทํางาน
มากขึ้น ซึ่งสร้างความอิสระให้สตรี ระดับหนึ่ ง และส่ งเสริ มให้เกิดขบวนการเรี ยกร้องสิ ทธิ สตรี มาก
ขึ้น แต่ ในมุมกลับ ชนชั้นนายทุนไม่พร้ อมและไม่สามารถจะสละกําไรเพื่อสร้ างระบบสังคมที่
"ภาระบ้าน" ทั้งหมดกลายเป็ นภาระของสังคมโดยรวม ดังนั้นจึ งมีการรณรงค์จากรั ฐในกระแส
ความคิดที่เชิดชูสถาบันครอบครัวและค่านิยมอนุรักษ์เกี่ยวกับบทบาทสตรี สิ่ งนี้ ทาํ ให้มีความขัดแย้ง
ดํารงอยูใ่ นสังคมสมัยใหม่ตลอดเวลา
สําหรั บตัวชี้ วดั ที่จดั ทําขึ้นเพื่อวัดความเสมอภาคระหว่างหญิงชายของมาตรฐาน
และองค์ประกอบต่าง ๆ เป็ นตัวชี้วดั ทั้งในเชิงปริ มาณและคุณภาพ เนื่ องจากต้นตอของอุปสรรคใน
การสร้างความเสมอภาคระหว่างหญิงชายในประเทศไทย เป็ นประเด็นเรื่ องความเชื่อและวัฒนธรรม
ที่ ต กทอดมาจากยุค สมัย ในอดี ต ที่ ย งั ได้รั บ การสื บ ทอดมาจนถึ ง ปั จ จุ บ ัน เสมื อ นหนึ่ ง เป็ นเรื่ อ ง
ธรรมชาติที่ท้ งั หญิงและผูช้ ายได้รับการบ่มเพาะมาให้มีความเชื่อเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุน้ ี ตวั ชี้ วดั ใน
เชิงปริ มาณอย่างเดียวจึงไม่สามารถสะท้อนสภาพที่เป็ นจริ งได้ ตัวชี้วดั ในเชิงคุณภาพจะช่วยทําให้
สังคมเห็นปั ญหาอุปสรรคที่ชดั เจนขึ้น ประเด็นที่ใช้กาํ หนดตัวชี้ วดั ได้เก็บรวบรวมจากแผนพัฒนา
สตรี ระยะยาว (พ.ศ. 2522-2544) ซึ่ งจัดทําในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ งชาติ ฉบับที่ 4
(พ.ศ. 2520-2524) ถึงแผนพัฒนาสตรี ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ งชาติฉบับปั จจุบนั
คือ ฉบับที่ 10 (พ.ศ.2550-2554)
โครงการนี้จึงเป็ นการจัดทํามาตรฐานความเสมอระหว่างหญิงชายหลังจากที่รัฐบาล
ได้มีการพัฒนาสตรี และการส่ งเสริ มความเสมอภาคระหว่างหญิงชายอย่างต่อเนื่ องมาเป็ นเวลา 30 ปี
ตัวชี้วดั ที่จดั ทําขึ้นจึงเป็ นการวัดผลลัพธ์ (results) ของการพัฒนาที่ดาํ เนินการมาตลอด 30 ปี สรุ ปก็
คือ โครงการนี้ เป็ นทั้ง โครงการที่ สร้ างมาตรฐานความเสมอภาคระหว่างหญิ ง ชายและกําหนด
ตัวชี้วดั เพื่อประเมินผลลัพธ์ของนโยบายและแผนการพัฒนาสตรี ว่าอยูใ่ นเกณฑ์ไหนของมาตรฐาน
ความเสมอภาคระหว่างหญิงชาย โดยมีการกําหนดเกณฑ์การวัดเพียง 2 เกณฑ์ คือ เกณฑ์พฒั นา และ
เกณฑ์เป้ าหมาย เกณฑ์พฒั นา หมายความว่า ยังต้องได้รับการพัฒนาต่อไป ส่ วนเกณฑ์เป้ าหมาย
หมายความว่า อยูใ่ นระดับที่ไว้วางใจได้ ซึ่ งข้อมูลที่ได้เหล่านี้ ลว้ นมีความสําคัญต่อการวางแผนการ
30
4. แนวคิดและทฤษฎีเกีย่ วกับการกระทํารุนแรงในครอบครัว
สําหรับความหมายของความรุ นแรงต่อภรรยามีผใู ้ ห้ความไว้หลายประการ ดังนี้
36
สังคมไทยและตามมาตรฐานสากลระหว่างประเทศด้านสิ ทธิมนุษยชนที่จะสามารถนํามาปรับใช้กบั
การปฏิบตั ิงานในการส่ งเสริ มและพัฒนาด้านสิ ทธิมนุษยชนในโอกาสต่อไป
คณะผูว้ ิจ ัยดําเนิ น การศึ กษาวิจยั โดยการวิจยั เอกสาร โดยการอธิ บายและวิเคราะห์
เนื้ อหาของสิ ท ธิ เ สรี ภ าพขั้น พื้ น ฐานตามบทบัญญัติข องรั ฐธรรมนู ญ และเนื้ อหากติ ก าระหว่า ง
ประเทศว่าด้วยสิ ทธิ พลเมืองและสิ ทธิ ทางการเมือง กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิ ทธิ ทางเศรษฐกิจ
สังคม และวัฒนธรรม อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบตั ิต่อสตรี ทุกรู ปแบบอนุสัญญาว่าด้วย
สิ ทธิ เด็ก อนุ สัญญาระหว่า งประเทศว่าด้ว ยการขจัด การเลื อกปฏิ บตั ิ ทางเชื้ อชาติ ในทุ ก รู ปแบบ
รวมทั้ง การวิ เ คราะห์ เ นื้ อ หาเปรี ย บเที ย บระหว่ า งสิ ท ธิ แ ละเสรี ภ าพขั้น พื้ น ตามบทบัญ ญัติ ข อง
รั ฐธรรมนู ญ และสิ ทธิ เสรี ภ าพตามกติ ก าหรื ออนุ สัญญาระหว่างประเทศว่า ด้ว ยสิ ทธิ มนุ ษ ยชน
ดังกล่าวจากการศึกษาวิจยั พบว่า กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิ ทธิ ของพลเมืองและสิ ทธิ ทางการ
เมือง ได้กาํ หนดหลักการพื้นฐานเกี่ ยวกับสิ ทธิ มนุ ษยชน คือสิ ทธิ ในการกําหนดเจตจํานงตนเอง
หลักการห้ามการเลือกปฏิบตั ิหลักการความเสมอภาคตามกฎหมาย หลักความเสมอ
ภาคระหว่างบุรุษและสตรี หลักการ การรอนสิ ทธิ ในภาวะพิเศษหรื อเหตุฉุกเฉิ น และได้รับรองต่างๆ
ที่ เกี่ ย วข้องความเป็ นพลเมื องและการเมื อง คื อสิ ทธิ ที่จะมี ชีวิต สิ ทธิ ที่จ ะไม่ ถูก ทรมานสิ ทธิ ใ น
เสรี ภาพและความปลอดภัยของบุคคล สิ ทธิ ที่จะได้รับการพิจารณาคดีที่เป็ นธรรม เสรี ภาพในการ
เดินทางและการเลือกถิ่นที่อยู่ สิ ทธิ ที่จะได้รับการยอมรับว่าเป็ นบุคคลตามกฎหมาย สิ ทธิ ในความ
เป็ นส่ วนตัว สิ ทธิ ในเสรี ภาพทางความคิด มโนธรรม และศาสนา สิ ทธิ ในเสรี ภาพในความคิดเห็น
และการแสดงออก สิ ทธิ ในการชุมนุ มโดยสงบ สิ ทธิ ในเสรี ภาพในการรวมกันเป็ นสมาคม สิ ทธิ ใน
การมีส่วนร่ วมในการบริ หารรัฐกิ จ ในการที่จะออกเสี ยง หรื อได้รับการเลือกตั้ง และในการที่จะ
เข้าถึงการบริ การสาธารณะ การคุม้ ครองครอบครัว การคุม้ ครองเด็กและเยาวชน สิ ทธิ ชนกลุ่มน้อย
และการคุม้ ครองคนต่างด้าว
โครงการศึกษาสิ ทธิเสรี ภาพขั้นพื้นฐานตามกรอบรัฐธรรมนูญในบริ บทของสังคมไทย
และมาตรฐานสากลระหว่างประเทศด้านสิ ทธิ มนุ ษยชน ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยว่าด้วย
สิ ทธิ ทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมมีการกําหนดหลักการที่สาํ คัญ คือภาระหน้าที่หลักขั้นตํ่า
รั ฐ จะต้อ งดํา เนิ น การให้บุ ค คลสามารถได้รั บ สิ ทธิ ข้ นั พื้ น ฐานในการดํา รงชี วิ ต คื อ อาหาร การ
รักษาพยาบาล ที่อยู่อาศัย และการศึกษา การทําให้สิทธิ เป็ นจริ งอย่างก้าวหน้า หมายถึง รัฐต้องให้
การประกันสิ ทธิ เป็ นจริ งได้สอดคล้องกับสภาพของประเทศของตน และต้องดําเนิ นการให้บรรลุ
วัตถุประสงค์น้ ันอย่างรวดเร็ วและมีประสิ ทธิ ภาพที่สุดเท่าที่จะเป็ นไปได้ การใช้ประโยชน์จาก
ทรัพยากรที่มีอยูใ่ ห้มากที่สุด รัฐมีภาระหน้าที่ดาํ เนินการทุกวิถีทางในใช้ทรัพยากรที่มีอยูน่ อ้ ยนั้นให้
43
มูลนิ ธิส่งเสริ มโอกาสผูห้ ญิง ซึ่ งเป็ นองค์กรพัฒนาเอกชน มีแนวสิ ทธิ มนุษยชนเป็ น
แนวทาง จึงยอมรับการประกอบอาชีพค้าประเวณี ก็เป็ นอีกอาชีพหนึ่ งที่สามารถปฏิบตั ิได้ โดย
มูลนิ ธิฯ จะเป็ นผูส้ นับสนุ นให้สตรี เหล่านั้นได้มีการพัฒนาต่างๆ ของตนเองให้สูงขึ้น โดยใช้
การศึกษาเป็ นเครื่ องมือ รวมทั้งให้สิทธิในการรับรู ้ข่าวสารปัจจุบนั เพื่อให้สตรี กลุ่มนี้มีความรู ้เท่าทัน
ต่อโลก แต่ละคนก็เลิกประกอบอาชีพค้าประเวณี หนั ไปประกอบอาชีพอื่นๆ ด้วยความสมัครใจ ซึ่ ง
มูลนิธิฯ เชื่อมัน่ ว่าเป็ นการแก้ปัญหาการค้าประเวณี อย่างยัง่ ยืน
กรมประชาสงเคราะห์ ซึ่ งเป็ นหน่วยงานของภาครัฐมีแนวคิดต่อการค้าประเวณี ท้ งั 3
แนวคิด โดยสามารถศึกษาได้จากกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้าประเวณี เดิมว่า เดิมมีการยอมรับ
การค้าประเวณี เป็ นสิ่ งที่ถูกต้องตามกฎหมายโดยต้องมีการจดทะเบียน ต่อมาก็มีแนวคิดในการปราม
เพื่อไม่ให้มีการค้าประเวณี อย่างเปิ ดเผย ในกฎหมายฉบับปั จจุบนั คือ พระราชบัญญัติป้องกันและ
ปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 ก็มีแนวคิด ทั้งป้ องกัน และปราบปรามการค้าประเวณี
กล่าวคือ มีแนวคิดทางเพื่อป้ องกันไม่ให้สตรี เข้ามาประกอบอาชีพโสเภณี ด้วยการให้การศึกษา
ตั้งแต่ยงั เป็ นเยาวสตรี รวมทั้งมีการปราบปรามผูค้ า้ ประเวณี และผูม้ ีส่วนเกี่ยวข้องอย่างจริ งจัง ด้วย
การมีบทบาทกําหนดโทษเป็ นครั้งแรก
กรมประชาสงเคราะห์ เชื่อว่าการบังคับใช้กฎหมายจะสามารถแก้ไขปั ญหานี้ ได้ซ่ ึงมีท้ งั
กระบวนการยุติธรรมและกระบวนการสงเคราะห์ ซึ่ งจะเกิดขึ้นในสถานคุม้ ครองและพัฒนาอาชีพ
ทั้ง 4 แห่ งในสังคมของกรมประชาสงเคราะห์ โดยในวิธีการให้การสงเคราะห์น้ นั สตรี ผรู ้ ับการ
สงเคราะห์จะต้องปฏิบตั ิตามกฎหมายระเบียบต่างๆ ที่วางไว้ซ่ ึ งครอบคลุมทั้งในการดําเนินชีวิตประ
จาวันและการพัฒนาศักยภาพของสตรี ผนู ้ ้ นั เพื่อไม่ให้หวนกลับมาค้าประเวณี อีก
ฉัตรสุ มาลย์ กบิลสิ งห์ (2525) ได้กล่าวถึงบทบาทของสตรี ไทยสมัยรัตนโกสิ นทร์ ที่ได้รับอิทธิ พล
จากศาสนาว่า เนื่องจากในสมัยอยุธยาเราได้รับเอาศาสนาพราหมณ์เข้ามามีบทบาทในสังคมไทย คือ
บทบาทของสตรี ถูกจากัดเฉพาะในครัวเรื อน สตรี ไม่ได้รับการสนับสนุนให้มีการศึกษา สตรี ไทยใน
สมัยนั้นจึ งมี โลกทัศน์ที่แคบ เมื่ อสังคมไทยเป็ นอิสระจากการครอบงาด้วยอิทธิ พลพราหมณ์
พระพุทธศาสนาเป็ นศาสนาที่ให้อิสรเสรี ภาพแก่สตรี สตรี ได้รับการศึกษา และได้พฒั นาโลกทัศน์
มากขึ้น
เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ (2527) ศึกษาสถานภาพของสตรี ในวรรณคดีว่าผูห้ ญิงไทยได้
ถูกเอาเปรี ยบมาตลอด เป็ นฝ่ ายยอมและเป็ นฝ่ ายรับในทุก ๆ เรื่ อง ต้องเปลี่ยนแปลงค่านิยม
สุ ชาดา ทวีสิทธิ์ (2554) ศึกษาถึงเรื่ อง ภาวะสมรสและทัศนคติต่อการสมรสของสตรี
ไทยในสังคมยุคใหม่ การวิจยั ครั้งนี้ สุ่มตัวอย่างจากผูห้ ญิงใน 3 กลุ่มอาชีพ ประกอบด้วย ข้าราชการ
9
ผูต้ อบร้อยละ 72.5 มีทศั นะว่า การที่ผหู ้ ญิงอยูเ่ ป็ นโสดมากขึ้นในปั จจุบนั จะไม่เป็ น
ปั ญหาในอนาคตในขณะที่ร้อยละ 10.1 คิดว่าจะเป็ นภาระกับครอบครัว/ญาติตอ้ งดูแล และร้อยละ
9.3 เห็นว่า ผูห้ ญิงโสดจะไม่มีความมัน่ คงในชีวิต ผูต้ อบมากกว่าครึ่ งเพียงเล็กน้อยเห็นว่า การจด
ทะเบียนสมรสมีความสําคัญเพราะมีผลผูกพันทางกฎหมาย ร้อยละ 17.2 ที่เห็นความสําคัญของการ
จดทะเบียนสมรส ให้เหตุผลสนับสนุ นว่า การจดทะเบียนสมรสเป็ นสัญลักษณ์สาํ คัญของการใช้
ชีวิตคู่ ส่ วนประเด็นเรื่ องทัศนะต่อการแต่งงานใหม่ของผูห้ ญิงที่หย่าร้างมาก่อน ผูต้ อบร้อยละ 33.3
คิดว่า ผูห้ ญิงที่ผา่ นการหย่าร้างมาแล้ว แต่งงานใหม่ได้แต่ร้อยละ 4.8 บอกว่า ไม่ควรแต่งงานใหม่
ข้อมูลน่าสนใจตรงที่วา่ มีผตู ้ อบที่บอกว่า ไม่มีความเห็นเรื่ องนี้สูงถึงร้อยละ 61.4
9 2. การใช้นามสกุล และการใช้คาํ นําหน้าตน
แม้ว่ากฎหมายไทยปั จจุบนั อนุ ญาตให้หญิงสมรสแล้ว สามารถเลือกใช้นามสกุล
เดิมของตัวเองได้ แต่ผลการวิจยั นี้ ยืนยันว่า สัดส่ วนของผูต้ อบสู งถึงร้อยละ 50.2 มีความเห็นว่า
ผูห้ ญิงควรใช้นามสกุลของสามี ในขณะที่ร้อยละ 23.6 ตอบว่า ควรใช้นามสกุลเดิมของตัวเอง และ
ร้อยละ 25.7 ตอบว่า ไม่แน่ ใจ ความเห็นเรื่ องการเลือกใช้คาํ นําหน้าชื่อตัวหลังสมรสของผูห้ ญิงก็
เช่นกัน ผูต้ อบเกินครึ่ ง คือร้อยละ 58.8 มีความเห็นว่า ผูห้ ญิงที่แต่งงานแล้วควรใช้คาํ นําหน้าตนว่า
“นาง” แม้วา่ กฎหมายอนุญาตให้เลือกใช้คาํ นําหน้าตนว่า “นางสาว” แล้วก็ตาม
9 3. เพศสัมพันธ์ก่อนสมรส และการอยูฉ่ นั ท์สามีภรรยาโดยไม่สมรส
ผูท้ ี่ตอบว่าเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยมีสดั ส่ วนเท่ากัน คือ ร้อยละ 40 ส่ วนประเด็นการ
ยอมรับการอยู่กินกันฉันท์สามีภรรยา โดยไม่คิดทําการสมรส มีสัดส่ วนของผูต้ อบที่ยอมรับ
พฤติกรรมนี้ สู งกว่าที่ไม่ยอมรับ ในจํานวนของคนที่ตอบว่ายอมรับได้ ร้อยละ 44.6 ให้เหตุผลว่า
เป็ นความพึงพอใจของคนสองคน ร้อยละ 11.3 ให้เหตุผลว่า หากอยูก่ นั ไม่ได้ก็เลิกราได้ง่ายส่ วนผูท้ ี่
ตอบว่ายอมรับไม่ได้ ร้อยละ 15 ให้เหตุผลว่า เพราะเป็ นเรื่ องไม่ถูกต้องตามประเพณี ส่ วนร้อยละ
12.7 เพราะคิดว่าทําให้เกิดปั ญหาสังคม ที่น่าสนใจคือ ผูต้ อบร้อยละ 66.3 มีเพื่อนหรื อคนรู ้จกั ที่อยู่
กินกันฉันท์สามีภรรยาโดยยังไม่ได้แต่งงาน
49
9 4. การยอมรับชีวิตคู่ของคนรักเพศเดียวกัน
ผูต้ อบร้อยละ 51.8 ยอมรับได้กบั การที่คนเพศเดียวกันอยู่กินกันฉันท์สามีภรรยา
เพราะเห็นว่าเป็ นเรื่ องความชอบส่ วนบุคคล ในขณะที่ร้อยละ 15.4 ยอมรับได้ เพราะเห็นว่าสังคม
ปั จจุบนั เปลี่ยนไปแล้ว แต่ผตู ้ อบร้อยละ 14.1 ยังรับไม่ได้ เพราะเห็นว่าผิดธรรมชาติ และร้อยละ 5.7
รับไม่ได้ เพราะเห็นว่าผิดบรรทัดฐานเรื่ องเพศ
สําพรรณ น่วมบุญลือ (2519) ศึกษาสิ ทธิ และหน้าที่ของสตรี ตามกฎหมายไทยในสมัย
กรุ งรัตนโกสิ นทร์ พบว่า ฐานะของสตรี ตามกฎหมายไทยสมัยก่อนด้อยกว่าบุรุษมาก สตรี มีแต่
ภาระหน้าที่ ส่ วนสิ ทธิ แทบไม่มี ตามประเพณี ถือว่าชายเป็ นช้างเท้าหน้า หญิงเป็ นช้างเท้าหลัง ความ
เท่าเทียมกันทางกฎหมายระหว่างหญิงกับชายได้รับการรับรองเมื่อ พ.ศ. 2517 โดยกําหนดไว้ใน
มาตรา 28 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517
พรพิไล ถมังรักษ์สัตว์ (2527) ศึกษาวิเคราะห์เชิงปรัชญา เรื่ องปั ญหาความเสมอภาค
ของสตรี จากการศึกษาพบว่า แนวคิดสตรี นิยมแบบต่าง ๆ นั้น เมื่อวิเคราะห์ถึงปั ญหาพื้นฐานที่สุด
แล้ว คือ ความแตกต่างระหว่างเพศ ความแตกต่างนี้ ถูกนํามาอ้างเพื่อกดขี่สตรี เพศทั้งในทางสังคม
วัฒนธรรม และเศรษฐกิจเสรี นิยมพยายามชี้วา่ ความแตกต่างทางเพศไม่ใช่เหตุผลสําคัญที่ทาํ ให้ตอ้ ง
สรุ ปผลไปสู่ การกดขี่ทางเพศ และประการที่สาํ คัญที่สุดคือ ต้องเข้าใจว่าปั ญหาความเสมอภาคของ
สตรี ไม่ใช่ ปั ญหาที่มีการเรี ยกร้องกันตามสมัยนิ ยม แต่เป็ นปั ญหาจริ ยธรรมของมนุ ษย์ท้ งั มวลที่
จะต้องช่วยเหลือแก้ไข
สุ ดสวาท ดิศโรจน์ (2533) พบว่าการศึกษาทําให้ช่องว่างระหว่างสถานภาพผูช้ ายกับ
ผูห้ ญิ งลดน้อยลงเมื่อเทียบกับในอดี ต นอกจากนี้ ระบบการศึ กษานอกโรงเรี ยนทําให้ผูห้ ญิงมี
สถานภาพทางสังคมสู งขึ้น จากการเพิ่มพูนความรู ้และทักษะในการปฏิบตั ิงาน
จิตติมา พรอรุ ณ (2538) ศึกษาการเรี ยกร้องสิ ทธิ สตรี ในสังคมไทยเกิดการเคลื่อนไหว
เรี ยกร้องสิ ทธิสตรี ของสองกลุ่ม คือ ฝ่ ายเสรี นิยมและฝ่ ายสังคมนิ ยม ระหว่าง พ.ศ. 2510–2515 สมัย
จอมพลสฤษดิ ธนะรัชต์ การเรี ยกร้องสิ ทธิ สตรี ของฝ่ ายเสรี นิยมได้มีบทบาทลงเป็ นเพียงให้บริ การ
ทางกฎหมาย ต่อมาเมื่อสถานการณ์ทางการเมืองเริ่ มคลี่คลาย ฝ่ ายเสรี นิยมจึงได้เริ่ มต้นเรี ยกร้องต่อ
รัฐบาลให้แก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสตรี อีกครั้งหนึ่ ง ในขณะที่แนวคิดฝ่ ายสังคมนิ ยมหยุดชะงัก
ไป พ.ศ. 2516–2519 ฝ่ ายเสรี นิยมได้ดาํ เนินการหาแนวร่ วม ทั้งในสถาบันการเมืองและสาธารณชน
ส่ วนฝ่ ายสังคมนิยมได้รับความสนใจจากปัญญาชนสตรี การเรี ยกร้องสิ ทธิสตรี ดงั กล่าวมีท้ งั ฝ่ ายเห็น
ด้วยและไม่เห็นด้วย โดยฝ่ ายเสรี นิยมสามารถผลักดันให้มีการแก้ไขกฎหมายได้หลายประการ
ในขณะที่ฝ่ายสังคมนิยมต้องยุติบทบาทลงภายหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519
บทที่ 3
วิธีดําเนินการวิจัย
1. ผู้ให้ ข้อมูลหลัก
ในการศึกษาวิจยั ครั้งนี้ ผูว้ ิจยั ได้เลือกใช้การสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) เป็ น
การสัมภาษณ์ผทู ้ ี่เกี่ยวข้องและผูท้ รงคุณวุฒิ แบ่งเป็ น 3 กลุ่ม คือ นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์
นักวิชาการสตรี นิยม และผูท้ ี่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เพื่อให้ได้ขอ้ มูลเชิงลึกเกี่ยวกับความเป็ นประชาสังคม
ของมูลนิธิเพื่อนหญิงในความเสมอภาคทางเพศและสิ ทธิสตรี สาเหตุของการใช้ความรุ นแรงภายใน
ครอบครัวที่เกิดขึ้นกับสตรี และแนวทางการป้ องกัน และแนวทางในการพัฒนาความเสมอภาคทาง
เพศและสิ ทธิ สตรี รวมทั้งปั ญหาและอุปสรรคในการดําเนิ นงานและคุณลักษณะประชาสังคมของ
มูลนิธิเพื่อนหญิงที่เกี่ยวกับความเสมอภาคทางเพศและสิ ทธิสตรี
ในการศึกษาครั้งนี้ ผูว้ ิจยั เก็บรวมรวมข้อมูลจากประชากร คือ ผูใ้ ห้ขอ้ มูลหลัก (Key
informants) ในลักษณะของการสัมภาษณ์เชิ งลึก ซึ่ งเป็ นข้อมูลเชิ งคุณภาพ จํานวน 10 คน
0
ประกอบด้วย ผูท้ ี่เกี่ยวข้อง และผูท้ รงคุณวุฒิ แบ่งเป็ น 3 กลุ่ม คือ นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์
นักวิชาการสตรี นิยม และผูท้ ี่เกี่ ยวข้องโดยเป็ นการคัดเลือกแบบเจาะจงตามคุณสมบัติที่ผูว้ ิจยั ได้
กําหนดเอาไว้ ดังนี้
1. บุคคลที่มีบทบาทหน้าที่ในการดูแลและรักษาสิ ทธิสตรี
2. สตรี ที่ได้รับผลจากความรุ่ นแรงจากการกดขี่
50
51
3. นักวิชาการที่เกี่ยวข้องกับสิ ทธิสตรี
ของการวิจยั
ผูว้ ิจยั ได้กาํ หนดประเด็นในการสัมภาษณ์เชิงลึก จํานวน 4 ประเด็น ดังนี้
ประเด็นที่ 1 คิดว่าประเทศไทยยังมีมุมมองเกี่ยวกับความไม่เสมอภาคทางเพศและสิ ทธิ
สตรี หรื อไม่ อย่างไร และเหตุใด
ประเด็นที่ 2 ลักษณะและรู ปแบบของความไม่เสมอภาคทางเพศและสิ ทธิ สตรี เป็ น
อย่างไร
ประเด็นที่ 3 ที่ผา่ นมาประเทศไทยมองความไม่เสมอภาคทางเพศและสิ ทธิสตรี อย่างไร
ประเด็นที่ 4 คิดว่ามูลนิธิวีณา หงสกุล ประสบความสําเร็ จในการช่วยเหลือสตรี และเด็ก
จากการใช้ความรุ นแรงภายในครอบครัวหรื อไม่
3. คุณภาพของงานวิจัยเชิงคุณภาพ
0 คุณภาพของงานวิจยั เชิ งคุณภาพ ส่ วนใหญ่น้ ันขึ้นกับศักยภาพของผูว้ ิจยั เอง ทั้งด้าน
ทักษะระเบียบวิธีวิจยั ความไวต่อความรู ้สึกของตนเองและต่อสิ่ งต่าง ๆ รอบตัว (sensitivity) และ
ความคงเส้นคงวา (integrity)
เกณฑ์พิจารณาคุณภาพงานวิจยั เชิงคุณภาพ
0 เกณฑ์พ้ืนฐาน (fundamental criterion) ของการพิจารณาคุณภาพรายงานวิจยั เชิ ง
คุณภาพคือ คุณค่าของความเชื่อใจได้ (trustworthiness) โดยผูว้ ิจยั จะได้สร้างสัมพันธภาพที่ดีจนเป็ น
ที่ไว้วางใจแก่ผใู ้ ห้ขอ้ มูลหลักและสามารถเปิ ดใจให้ขอ้ มูลต่างๆ แก่ผวู ้ ิจยั ขณะเดียวกันผูว้ ิจยั เองจะ
วางตนเป็ นกลาง (อุเบกขา) โดยปราศจากอคติ (bias) ต่อข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้รับ มุมมองระเบียบวิธีวิจยั
ที่ให้ความสําคัญกับผูใ้ ห้ขอ้ มูลหลักและการสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อกันเช่นนี้ เรี ยกว่า Subjectivity
0 องค์ประกอบสําคัญในการพิจารณาคุณค่าของรายงานการวิจยั เชิงคุณภาพ คือ
52
3.1 ความน่ าเชื่ อถื อได้ (Credibility) หมายถึ ง ความเชื่ อถื อได้ต่อความจริ งของสิ่ ง ที่
ค้นพบ และต่อความเข้าใจของบริ บทที่เที่ ยงตรง โดยให้ความสําคัญที่ คาํ ถามสําคัญซึ่ งจะทําให้
มองเห็นความน่าเชื่อถือได้ตามข้อเสนอของ Miles and Huberman, 1994 คือ
0 3.1.1 สิ่ ง ที่ คน้ พบ (findings) ต่ างๆนั้น มี ความสัมพัน ธ์ที่เ ป็ นเหตุ เ ป็ นผล (logic)
หรื อไม่และข้อค้นพบนั้นมีความหนักแน่นในการอธิบายสนับสนุนข้อคิด/ข้อเสนอเพียงใด
0 3.1.2 ข้อมูลที่พรรณนาในรายงาน (narrative data) มีน้ าํ หนัก/ความเป็ นหลักฐาน
มากพอที่ จ ะสนับสนุ น สิ่ งที่ พ บหรื อไม่ สิ่ งที่ พบนั้น ต้องการข้อมูลเพิ่ มเติ มจากแหล่ งอื่ น ในการ
สนับสนุนหรื อไม่
0 3.1.3 ประชากรที่ผวู ้ ิจยั เข้าไปศึกษา พิจารณารายงานการวิจยั นั้นว่ามีความเที่ยงตรง
หรื อไม่
3.2 ความวางใจได้ (Dependability) หมายถึง ความน่ าเชื่ อถื อของข้อมูล และคําถาม
สําคัญในกระบวนการวิจยั ที่ใส่ ใจอย่างระมัดระวังกับการดําเนิ นการตามระเบียบวิธีวิจยั เชิงคุณภาพ
กล่าวคือ
0 3.2.1 คําถามการวิจยั ชัดเจนและเชื่อมโยงอย่างสมเหตุผลกับเป้ าหมายของการวิจยั
(research purpose) และการออกแบบการวิจยั หรื อไม่
0 3.2.2 แหล่งข้อมูลต่างๆ (data sources) เทียบเคียงสอบทานกันได้หรื อไม่
0 3.2.3 ผูเ้ ก็บข้อมูลในสนามต่างๆ (field workers) มีบนั ทึกแนวทาง (protocol)
สําหรับเก็บข้อมูลที่สามารถเปรี ยบเทียบกันได้หรื อไม่
ความสามารถในการยืน ยัน ว่าไม่ เปลี่ ย นแปลง (Conformability) ข้อมูลที่ ยืนยัน ได้
(confirmable) คือข้อมูลที่เที่ยงตรงเสมอ หากทําการวิจยั ซํ้าในกลุ่มเดิม ข้อมูลและข้อค้นพบในการ
สะท้อนมุมมอง และประสบการณ์ ของกลุ่มที่ผูว้ ิจยั เข้าไปศึกษาย่อมไม่แตกต่างกัน โดยผูว้ ิจยั จะ
แยกแยะมุมมองความเห็นส่ วนตัวของตนเองออกจากกลุ่มที่ตนศึกษา ผูว้ ิจยั จะสังเกต/สะท้อนและ
บันทึกบทบาทข้อสันนิ ษฐาน (assumption) อคติ ปฏิกิริยา ของตนเอง ซึ่ งอาจมีอิทธิ พลต่อการเก็บ
และวิเคราะห์ขอ้ มูล
0 3.3 ความสามารถถ่ายย้ายไปใช้ได้ (Transferability) องค์ความรู ้ที่เรี ยบเรี ยงไว้อย่างดี
จากงานวิจยั เชิ งคุณภาพ อาจนําไปประยุกต์ใช้ได้กบั กลุ่มประชากรอื่นที่คล้ายคลึงกับประชาชน ที่
ผูว้ ิจยั เข้าไปศึกษา
0 ดังนั้น การเลือกตัวอย่างที่เหมาะสมเพื่อเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ ให้ได้ความคิดเห็นหรื อ
ประสบการณ์ที่สะท้อนประเด็นสําคัญในปั ญหาวิจยั (research problem) จึงเป็ นเรื่ องสําคัญเพื่อให้
53
4. ความถูกต้ องตรงประเด็นและความเชื่อถือได้
ในการวิจยั ครั้งนี้ สามารถตรวจสอบความถูกต้องตรงประเด็นและความเชื่อถือได้ของ
ข้อมูล (validity and credibility) โดยสามารถตรวจสอบได้จากวิธีการเก็บข้อมูลหลายแบบตามความ
เหมาะสมของลักษณะข้อมูลที่ ตอ้ งการและการตีความข้อมูลได้ตรงตามสภาพที่เป็ นอยู่ของกลุ่ม
ตัวอย่าง ได้ดงั หัวข้อดังต่อไปนี้
ความถูกต้องตรงประเด็นและความเชื่อถือได้ของข้อมูลในการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก
ผูว้ ิจยั ใช้คาํ ถามในการสัมภาษณ์ตรงกับวัตถุของการวิจยั นี้ โดยผูว้ ิจยั ได้กาํ หนดประเด็น
ต่างๆ ไว้ล่วงหน้าว่าต้องการซักถามในเรื่ องใดบ้าง นอกจากนี้ ผูว้ ิจยั ได้เปิ ดโอกาสให้ผสู ้ ัมภาษณ์มี
การเสนอแนะข้อคิดเห็นที่เกี่ยวกับที่ทาํ วิจยั ได้โดยเสรี ส่วนหนึ่ งตามแนวการสัมภาษณ์ที่ผวู ้ ิจยั ได้
กําหนดไว้โดยในการสัมภาษณ์น้ นั ผูว้ ิจยั จะสร้างความคุน้ เคยและความไว้วางใจกับผูใ้ ห้ขอ้ มูล ด้าน
การแนะนําตัวเองและอธิบายถึงวัตถุประสงค์ในการวิจยั เพื่อทําให้ผใู ้ ห้ขอ้ มูลเข้าใจ นอกจากนี้ ผวู ้ ิจยั
ยังต้องเตรี ยมสมุดบันทึก รวมถึงเครื่ องบันทึกเสี ยงที่แบ่งไว้ 3 ส่ วน คือ รายละเอียดที่ได้จากประเด็น
สัมภาษณ์ (descriptive notes) ความคิดเห็นส่ วนตัวของผูว้ ิจยั (reflective notes) และข้อมูลที่เป็ น
ข้อเท็จจริ งที่ได้ในขณะสัมภาษณ์(demographic information)
นอกจากนี้ ผูว้ ิจยั ได้นาํ วิธีการตรวจสอบข้อมูลด้วยวิธีแบบสามเส้า (Triangulation) เข้า
มาเพื่อทราบว่าเป็ นข้อเท็จจริ งมี ความถูกต้องตรงประเด็นและความเชื่ อถือได้เพียงพอที่จะตอบ
ปัญหาการวิจยั ได้ ดังนี้
4.1 การตรวจสอบสามเส้าด้านวิธีการรวบรวมข้อมูล (Methodological triangulation)
คือการใช้วิธีเก็บรวบรวมข้อมูลต่างๆ หลายวิธี รวบรวมข้อมูลเรื่ องเดียวกัน เพื่อสํารวจว่าผลที่ได้มี
ความเหมือนหรื อแตกต่างกัน
4.2 การตรวจสอบสามเส้าด้านข้อมูล (data triangulation) คือการสํารวจว่าข้อมูลที่
ผูว้ ิจยั ได้มานั้นเป็ นข้อมูลที่ แท้จริ ง โดยผ่านการตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูล 3 กรณี คือ เวลา
สถานที่ และบุ ค คลโดยถ้า ข้อ มู ล ที่ ไ ด้ม ามี ค วามต่ า งด้า น เวลา สถานที่ และบุ ค คล ข้อ มู ล จะ
เหมือนกันหรื อเปลี่ยนแปลงไป
0 ด้วยเหตุน้ ี คุณภาพของงานวิจยั เชิงคุณภาพ ส่ วนใหญ่น้ นั ขึ้นกับศักยภาพของผูว้ ิจยั เอง
ทั้งด้านทักษะระเบียบวิธีวิจยั ความไวต่อความรู ้สึกของตนเองและต่อสิ่ งต่างๆ รอบตัว (sensitivity)
และความคงเส้นคงวา (integrity)
54
เกณฑ์พิจารณาคุณภาพงานวิจยั เชิงคุณภาพ
0 เกณฑ์พ้ืนฐาน (Fundamental criterion) ของการพิจารณาคุณภาพรายงานวิจยั เชิ ง
คุณภาพคือ คุณค่าของความเชื่อใจได้ (trustworthiness) โดยผูว้ ิจยั จะได้สร้างสัมพันธภาพที่ดีจนเป็ น
ที่ไว้วางใจแก่ผใู ้ ห้ขอ้ มูลหลักและสามารถเปิ ดใจให้ขอ้ มูลต่างๆ แก่ผวู ้ ิจยั ขณะเดียวกันผูว้ ิจยั เองจะ
วางตนเป็ นกลาง (อุเบกขา) โดยปราศจากอคติ (bias) ต่อข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้รับ มุมมองระเบียบวิธีวิจยั
ที่ให้ความสําคัญกับผูใ้ ห้ขอ้ มูลหลักและการสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อกันเช่นนี้ เรี ยกว่า Subjectivity
0 องค์ประกอบสําคัญในการพิจารณาคุณค่าของรายงานการวิจยั เชิงคุณภาพ คือ
1. ความน่ า เชื่ อ ถื อ ได้ (Credibility) หมายถึ ง ความเชื่ อ ถื อ ได้ต่ อ ความจริ ง ของสิ่ ง ที่
ค้นพบ และต่อความเข้าใจของบริ บทที่เที่ยงตรง คําถามสําคัญซึ่งจะทําให้มองเห็นความน่าเชื่อถือได้
ตามข้อเสนอของ Miles and Huberman, 1994 คือ
0 1.1 สิ่ ง ที่ ค ้น พบ (Findings) ต่ า งๆนั้น มี ค วามสั ม พัน ธ์ ที่ เ ป็ นเหตุ เ ป็ นผล (logic)
หรื อไม่และข้อค้นพบนั้นมีความหนักแน่นในการอธิบายสนับสนุนข้อคิด/ข้อเสนอเพียงใด
0 1.2 ข้อมูลที่พรรณนาในรายงาน (Narrative data) มีน้ าํ หนัก/ความเป็ นหลักฐาน
มากพอที่ จ ะสนับสนุ น สิ่ งที่ พ บหรื อไม่ สิ่ งที่ พบนั้น ต้องการข้อมูลเพิ่มเติ มจากแหล่ งอื่ น ในการ
สนับสนุนหรื อไม่
0 1.3 ประชากรที่ผวู ้ ิจยั เข้าไปศึกษา พิจารณารายงานการวิจยั นั้นว่ามีความเที่ยงตรง
หรื อไม่
2. ความวางใจได้ (Dependability) หมายถึง ความวางใจได้ ในกระบวนการวิจยั ที่ใส่ ใจ
อย่างระมัดระวังกับการดําเนินการตามกฎ/ระเบียบวิธีวิจยั เชิงคุณภาพ คําถามสําคัญ คือ
0 2.1 คําถามการวิจยั ชัดเจนและเชื่ อมโยงอย่างสมเหตุผลกับเป้ าหมายของการวิจยั
(Research purpose) และการออกแบบการวิจยั หรื อไม่
0 2.2 แหล่งข้อมูลต่างๆ (Data sources) เทียบเคียงสอบทานกันได้หรื อไม่
0 2.3 ผูเ้ ก็บข้อมูลในสนามต่างๆ (Field workers) มีบนั ทึกแนวทาง (protocol)
สําหรับเก็บข้อมูลที่สามารถเปรี ยบเทียบกันได้หรื อไม่
ความสามารถในการยืน ยัน ว่า ไม่ เปลี่ ย นแปลง (Conformability) ข้อ มู ล ที่ ยืน ยัน ได้
(confirmable) คือข้อมูลที่เที่ยงตรงเสมอ หากทําการวิจยั ซํ้าในกลุ่มเดิม ข้อมูลและข้อค้นพบในการ
สะท้อนมุมมอง และประสบการณ์ของกลุ่มที่นักวิจยั เข้าไปศึกษาย่อมไม่แตกต่างกัน นักวิจยั ต้อง
สามารถแยกแยะมุมมองความเห็นส่ วนตัวของตนเองออกจากกลุ่ม ที่ตนศึกษาย่อมไม่แตกต่างกัน
นักวิจยั ต้องสามารถสังเกต/สะท้อนและบันทึกบทบาทข้อสันนิ ษฐาน (assumption) อคติ ปฏิกิริยา
ของตนเอง ซึ่งอาจมีอิทธิพลต่อการเก็บ และวิเคราะห์ขอ้ มูล
55
การวิเคราะห์ ข้อมูลเชิงคุณภาพ
การวิเคราะห์ขอ้ มูลเชิงคุณภาพ (Qualitative Data) ใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (Content
analysis) แสดงความคิดเห็นของผูถ้ ูกสัมภาษณ์ มาประกอบการวิเคราะห์ตีความข้อมูลที่ได้ตาม
กระบวนการ 4 ขั้นตอน คือ การตีความข้อมูล (Interpretation) การเปรี ยบเทียบข้อมูล (Comparison)
การสังเคราะห์ขอ้ มูล (Data Synthesis) และการสร้างข้อสรุ ป (Conclusion) ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้
1. การตีความข้อมูล (Data Interpretation) จะเป็ นการแสวงหาความหมายขั้นลึกจาก
ข้อมูลดิบที่ได้รับมาจากการเก็บรวบรวมข้อมูลให้อยูใ่ นรู ปของถ้อยคําสนทนาจากการสัมภาษณ์เชิง
ลึก โดยผูว้ ิจยั รวบรวมข้อมูลเชิ งคุณภาพมาแยกแยะ และจัดประเภทให้เป็ นหมวดหมู่ เพื่อให้ได้
ข้อมูลคําตอบตามวัตถุประสงค์
2. การเปรี ยบเทียบข้อมูล (Data Constant) คือ การค้นหาความเหมือนกันและความ
แตกต่างกันของคุณลักษณะ (Qualities) หรื อคุณสมบัติ (Attributes) ของข้อมูลดิบตั้งแต่สองชุดขึ้น
ไปอย่างเป็ นระบบ และนํามาประมวลผลเข้าด้วยกันถึงความเหมือนกันและความแตกต่าง เป็ นการ
สั่ง สมข้อ ค้น พบหรื อ ข้อ สรุ ป ย่อ ยๆ จากการเปรี ย บเที ย บข้อ มู ล เพื่ อ สร้ า งเป็ นข้อ สรุ ป เกี่ ย วกับ
ลักษณะร่ วมของข้อมูล หลักจากที่ได้คน้ พบความหมายขั้นลึกจากการตีความข้อมูลมาแล้ว
3. การสังเคราะห์ขอ้ มูล (Data synthesis) เป็ นขั้นตอนที่สาํ คัญที่สุดของการวิเคราะห์
เนื้ อหา เป็ นการสรุ ปข้อมูลภาพรวมในขั้นสุ ดท้ายในวิธีแบบกระบวนการเชิ งอุ ปนัย (Inductive
Method) โดยเป็ นการรวบรวมข้อมูลที่มีอยูท่ ้ งั หมดอย่างเป็ นรู ปธรรมในลักษณะพรรณนา เพื่อสร้าง
ข้อมูลเชิงนามธรรมในลักษณะของบทสรุ ป โดยเป็ นการเชื่อมโยงไปสู่วตั ถุประสงค์ของการวิจยั
4. การสร้ างข้อสรุ ป (Conclusion) โดยผูว้ ิจยั ดําเนิ นการเชื่ อมโยงข้อมูลที่ได้ จาก
กระบวนการวิเคราะห์ขอ้ มูลทั้งหมดที่ผ่านมา และแสดงความสัมพันธ์ของข้อมูลเป็ นรู ปธรรมใน
ลักษณะของการพรรณนา (Descriptive of the data) จากนั้นหาความสัมพันธ์ของแต่ละกลุ่มแต่ละ
ประเด็นเพื่อสร้างบทสรุ ปของกระบวนการทางความคิดในภาพรวม (Holistic)
56
การใช้ ความรุนแรงภายในครอบครัว
เหตุความรุ นแรงที่ประสบ ได้แก่ การโดนด่าตบตี ทําร้ายร่ างกาย ได้รับบาดแผลทัว่
ร่ างกาย สาเหตุเพราะสามีเป็ นคนขี้หึง ไม่มีเหตุผล หาเรื่ องซ้อม ทําร้ายร่ างกาย เป็ นร่ องรอยให้อบั
อายต่อชาวบ้านเป็ นประจํา รวมทั้งยังกระทําต่อหน้าลูก ประชาชนมักไม่ทราบว่าเมื่อเกิดความ
รุ นแรงในครอบครัวจะต้องทําอย่างไร จะต้องให้ความรู ้
57
58
ความเสมอภาคทางเพศและสิ ทธิสตรี
ในปั จจุบนั โดยทัว่ ไปชายและหญิงมีความเสมอภาคหรื อความเท่าเทียมกันมากขึ้นกว่า
ในสมัยก่อน แต่ยกเว้นบางเรื่ อง ความคิดเรื่ องความเสมอภาคเท่าเทียมกันระหว่างชายและหญิงมา
จากแนวคิดตะวันตกซึ่ งแตกต่างจากสังคมไทย และความเท่าเทียมทางเพศและสิ ทธิ สตรี ก็ไม่ได้
หมายถึงเท่าเทียมทุกกรณี
60
พี่ คิ ด ว่ า ในสมัย นี้ ความเสมอภาคหรื อ ความเท่ า เที ย มกัน อ่ ะ คะมี ม ากขึ้ น กว่ า
สมัยก่อนเป็นอย่างมาก ทําให้ผหู ้ ญิงเริ่ มมีบทบาททางสังคมมากยิง่ ขึ้นคะ (ผูใ้ ห้ขอ้ มูลหลัก,
2557)
หนูคิดว่าความเสมอภาคหรื อความเท่าเทียมกันระหว่างชายหญิงอ่ะค่ะ ก็เท่าที่ดูๆ
ไปแล้ว ก็มีความเท่าเทียมกันนะคะ เพียงแต่ในบางเรื่ องก็อาจไม่มีความเท่าเทียมกันอ่ะคะ
เพราะสําหรับหนูยงั ไงผูช้ ายก็เหนื อกว่าอยู่ดี ส่ วนผูห้ ญิงสมัยใหม่ก็มีความรู ้ความสามารถ
มากขึ้นอ่ะนะคะแต่การยอมรับในบางสถานะ หรื อบางตําแหน่งก็อาจจะยังไม่เป็ นที่ยอมรับ
เท่าที่ควรอ่ะคะ (ผูใ้ ห้ขอ้ มูลหลัก, 2557)
ในมุมมองของตะวันตกก็อาจจะมองถ้าพวกสตรี นิยมแนวคิดอะไรแบบเนี้ ยเขา
อาจจะมองไปว่าผูห้ ญิงสามารถทําอะไรก็ได้เหมือนผูช้ าย… แต่ว่าประเทศไทยเนี่ ย ถ้า
ดั้งเดิมมันจะเป็นเรื่ องลักษณะของการสอดประสานซึ่ งกันและกันระหว่างเพศชายและเพศ
หญิ ง …ก็เริ่ มมี มากขึ้นก็อ ย่างเช่ น ให้เลื อกตั้งอะไรประมาณเนี้ ย ผูช้ ายผูห้ ญิ งก็สามารถ
เลือกตั้งได้สามารถมีสิทธิ ในการเลือก สส. อะไรประมาณเนี้ ย ก็คือเราเห็นอยู่ในปั จจุบนั
แล้วก็ผูด้ าํ รงตําแหน่งสู งๆ สมัยนี้ ก็มาจากผูห้ ญิง จะเห็นได้จากปั จจุบนั ก็คือนายกรัฐมนตรี
(ผูใ้ ห้ขอ้ มูลหลัก, 2557)
อาจจะไม่ทุกกรณี อาจจะเท่าเทียมกันในเรื่ องของตําแหน่ งเท่าเทียมกันแต่บางที
บทบาทในที่ น้ ี อาจจะไม่เท่าเที ยมกันนะครั บ ก็คือว่าตําแหน่ งอาจจะเสมอกันแต่บทบาท
อาจจะแตกต่างกัน (ผูใ้ ห้ขอ้ มูลหลัก, 2557)
โครงสร้างสังคมไทย ยังมีความไม่เสมอภาค และปั ญหาสิ ทธิ สตรี อีกมาก โดยมี
มายาคติ เป็ นสําคัญ แต่แนวโน้มของความไม่เท่าเที ยมกันทางเพศในวันนี้ มีปัญหาลดลง
เพราะมีกฎหมายครอบคลุม และหน่วยงานให้ความปรึ กษาหรื อช่วยเหลือ เช่น มูลนิ ธิหรื อ
ศูนย์ต่างๆ ยังจําเป็ นต้องมี
เขาก็ให้อะไรใกล้เคียงกันเท่าๆ กันนะ ไม่มีอะไรที่โดดเด่นไปกว่ากันเพราะเราก็
มีกฎหมายครอบคลุม …จําเป็นอยูไ่ หมบางครั้ง จําเป็นต้องมีในเรื่ องของการให้คาํ ปรึ กษา
อย่างถ้าเราไม่มุ่งถึงความรุ นแรงเนี่ ยบางครั้งเด็กบางคนเขาก็ตอ้ งการคําปรึ กษากัน ในเมื่อ
พ่อแม่เขาให้ไม่ได้ ครู บางทีกไ็ ม่ได้เหมือนกัน (ผูใ้ ห้ขอ้ มูลหลัก, 2557)
รู ปแบบของการพัฒนาความเสมอภาคทางเพศและสิ ทธิสตรี
อยากให้ทางภาครั ฐและภาคเอกชนเข้ามารณรงค์และช่ วยเหลือสตรี อย่างจริ งจังและ
ยัง่ ยืนอยากให้ภาครัฐและเอกชนเข้ามาดูแลอย่างจริ งจัง ให้มีกฎหมายที่เคร่ งครัดและคุม้ ครองผูห้ ญิง
ได้ดีกว่านี้
61
อย่ า งผมอ่ ะ ผมเป็ นองค์ก รของภาครั ฐ นะครั บ อาจจะเข้า ไปดู แ ลไม่ ท ั่ว ถึ ง
เพราะฉะนั้นเราก็ตอ้ งอาศัยองค์กรเอกชนเพราะว่าเขาจะเป็ นเจ้าของพื้นที่ เพราะว่าเขาจะ
ทํางานมีงบสนับสนุนเพื่อทํางานเฉพาะในพื้นที่น้ นั ก็คือเราก็จะต้องประสานกับเขา (ผูใ้ ห้
ข้อมูลหลัก, 2557)
แม้จ ะต้อ งมี ค วามเสมอภาค แต่ ก็ ต ้อ งยอมรั บ ว่ า มี ค วามเหมื อ น ความต่ า ง สิ่ ง ที่
เปลี่ยนแปลงได้และไม่ได้
อุปสรรคคือกลไกสหวิชาชีพที่เข้ามาแก้ปัญหายังไม่เกิดการบูรณาการที่แท้จริ ง เพราะ
ติดในเงื่อนไขต่างๆ ของผูท้ ี่เกี่ยวข้อง รวมทั้งตัวผูห้ ญิงเองที่ถูกปลูกฝังให้ยอมรับในสิ่ งที่เจอ
มันคงเป็นเรื่ องของวัฒนธรรมที่ผ่านมาด้วยในสังคมไทยที่ยกย่องให้เพศชายใน
ฐานะที่เป็นผูน้ าํ ครอบครัว และอะไรต่างๆซึ่ งการเรี ยกร้องหาความเสมอภาคทางเพศ หรื อ
ความเท่าเทียมกันทางเพศเนี่ย มันยังไม่ไปถึงระดับที่มนั เท่าจริ งๆ ...คุกคามทางเพศ ก็ยงั มีอยู่
เยอะ แล้วในสังคมทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็ นกลุ่มมีการศึกษา หรื อไม่มีการศึกษา เพราะฉะนั้น
เนี่ ย ถ้า ในระดับ กลุ่ ม ที่ มี ก ารศึ ก ษาเรายัง คาดหวัง ความเท่ า เที ย มกัน ไม่ ไ ด้เ นี่ ย กลุ่ ม
ผูด้ อ้ ยโอกาสทางการศึกษาเรายิ่งไปไม่ถึงเลยคะเรื่ องนี้ เพราะฉะนั้นมันไม่เรื่ องง่ายที่จะทํา
ให้เรื่ องนี้กลายเป็ นเรื่ องที่เสมอภาคจริ งๆได้ในสังคม (ผูใ้ ห้ขอ้ มูลหลัก, 2557)
ถ้าถามตัว เองนะคะ ถ้า ถามตัว เองเราวัด ที่ เอ่ อ กลุ่ มเป้ าหมายของเราเนี่ ย ได้
กลับคืนสู่ สังคมหรื อไม่ คําว่ากลับคืนสู่ สังคมหรื อไม่มนั มีหลายมุมมองเช่นกลับครอบครัว
ดูแลตัวเองได้ เพราะในกรณี ที่ไม่มีครอบครัว นะคะ หรื อว่าแม้กระทัง่ ว่าได้ใช้ชีวิตในสังคม
ได้ อยู่ในวิถีทางที่ ถูกต้องคือ ไม่ ไปก่ อคดี ไม่ไปลักขโมย อันนั้นคือมองที่ ตวั เองประสบ
ความสําเร็ จ (ผูใ้ ห้ขอ้ มูลหลัก, 2557)
ไม่ว่าจะเป็ นผูห้ ญิงทําผูช้ ายหรื อผูช้ ายทําผูห้ ญิง แต่เหตุการณ์ที่มนั เกิดขึ้นส่ วนมากจะเป็ นผูช้ ายทํา
ผูห้ ญิงมากกว่า” (ผูใ้ ห้ขอ้ มูลหลัก, 2557) ปั ญหาความรุ นแรงที่ได้รับแจ้งดูเหมือนลดลง แต่ส่วน
ใหญ่ผแู ้ จ้งกรณี ต่างๆ เข้ามามักเป็ นบุคคลที่ 3
สรุปผลการวิจัย
1. ความเป็ นประชาสังคมของมูลนิ ธิเพื่อนหญิงเป็ นมูลนิ ธิที่จดทะเบียนตามกฎหมาย มี
ภารกิจที่ประกอบด้วย นโยบายของมูลนิ ธิเพื่อให้สตรี ได้รับการคุม้ ครองสิ ทธิ์ ต่างๆ ตามกฎหมาย
การพัฒนาหรื อการยกระดับศักยภาพของสตรี ให้มีบทบาทในสังคม ศูนย์พิทกั ษ์รับเรื่ องราวร้องทุกข์
การจัดกิจกรรมเพื่อให้เกิดการรวมกลุ่ม การออมทรัพย์และการขยายเครื อข่ายทัว่ ประเทศ
2. สาเหตุของการใช้ความรุ นแรงภายในครอบครัวที่เกิ ดขึ้นกับสตรี ได้แก่ ความไม่มี
เหตุผลของสามีโดยการหึ งหวงจนเกินเหตุ ความเจ้าชูแ้ ละชอบทําร้ายร่ างกายผูอ้ ื่น
3. แนวทางในการพัฒนาความเสมอภาคทางเพศและสิ ทธิ สตรี สามารถกระทําได้ 3
แนวทางคือการคุม้ ครองตามกฎหมายอย่างจริ งจัง การส่ งเสริ มการประกอบอาชีพให้สตรี สามารถอยู่
ได้ดว้ ยตนเอง และการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับความเท่าเทียมทางเพศให้เกิดขึ้นภายในครอบครัว
ไม่วา่ จะเป็ นบุรุษหรื อสตรี
75
76
อภิปรายผล
1. ความเป็ นประชาสั งคมของมูลนิธิเพื่อนหญิง กับความเสมอภาคทางเพศและสิ ทธิ
สตรี
ความเป็ นประชาสังคมของมูลนิ ธิเพื่อนหญิ งเป็ นไปตามแนวคิดเกี่ ยวกับสัญญา
ประชาสั ง คมในทัศ นะของค้า นท์ที่ ม องว่ า สั ญ ญาประชาคมคื อ ที่ ร วมของเหตุ ผ ลในการสร้ า ง
กระบวนการยุติธรรม กฎหมายตามรัฐธรรมนูญแห่ งสาธารณะโดยจะต้องมองว่ากฎหมายมีไว้เพื่อ
คนทั้งมวลตราบใดที่ยงั เห็นด้วยที่จะให้มีกฎหมายนั้นๆต่อไป แนวคิดประชาสังคมนี้ เป็ นหลักการ
สําคัญในปรัชญาทางการเมือง เป็ นหลักการที่เน้นยํ้าว่ารัฐจะต้องมีหลักประกันให้พลเมืองแต่ละคน
มีเสรี ภาพให้มากที่สุดเท่าที่เป็ นได้ และเป็ นเสรี ภาพที่สอดคล้องกับพลเมืองทุกคนไม่ว่าจะเป็ นเพศ
หญิงหรื อเพศชาย กล่าวคือเป็ นเสรี ภาพที่ไม่ไปละเมิดเสรี ภาพของคนอื่นๆ ดังนั้น การมีเสรี ภาพที่
เท่าเทียมกันให้มากที่สุดคือเป้ าหมายแบบมีเหตุผลของเจตจํานงร่ วม หลักการนี้ ถือว่าเป็ นแก่นหลัก
ของแนวคิดสาธารณรัฐนิ ยม (Republicanism) ซึ่ งค้านท์เชื่อว่ารู ปแบบของรัฐบาลแบบสาธารณรัฐ
เป็ นรู ปแบบรัฐที่มีศีลธรรมที่ดีและเป็ นประโยชน์ที่สุด เพราะเป็ นรู ปแบบที่ทาํ ให้พลเมืองมีเสรี ภาพ
มากที่ สุดเท่าที่ จะมี ได้ นอกจากนี้ รูปแบบสาธารณรั ฐยังช่ วยทําให้จุดมุ่งหมายตามหลักการของ
สัญญาประชาคมมีความสมบูรณ์ (ข้อมูลจากหนังสื อ พัฒนาการและการพัฒนาประชาสังคม โดย
ผศ.ทศพล สมพงษ์) ซึ่ งจะต้องประกอบด้วยองค์ประกอบที่สําคัญ 3 ส่ วน คือ (สายฝน น้อยหี ด,
2549: 41 - 44)
1.1 จิตสํานึกประชาคม (Civic Consciousness) หมายถึงความคิดและความยอมรับ
เรื่ องการรวมตัวกันอย่างอิสระด้วยความรัก ความเอื้ออาทร ความยอมรับในความคิดเห็นของกัน
และกันในอันที่จะเรี ยนรู ้ร่วมกัน หรื อแก้ไขปั ญหาที่เผชิญอยู่ การรวมตัวกันจึงเป็ นลักษณะหุ น้ ส่ วน
(Partnership) เป็ นความสัมพันธ์ในแนวราบ (Horizontal) มีอิสระเท่าเทียมกัน และมีการเรี ยนรู ้
ร่ วมกัน
1.2 โครงสร้างองค์กรประชาสังคม (Civic Organization) หมายถึง กลุ่มการรวมตัว
ซึ่ งอาจเป็ นองค์กรที่เป็ นทางการ (นิ ติบุคคล) หรื อไม่เป็ นทางการก็ได้ เป็ นกลุ่มที่รวมตัวกันเฉพาะ
คราว เฉพาะเรื่ องหรื อ ต่ อ เนื่ อ งก็ไ ด้ สมาชิ ก ของกลุ่ ม อาจเป็ นบุ คคลในภาครั ฐ ภาคธุ รกิ จ หรื อ
ประชาชน หรื อรวมกันอยู่ก็ได้ จํานวนสมาชิกไม่จาํ กัด มีสมาชิกเพียง 2 - 3 คนก็ได้ รู ปแบบที่เห็น
ได้มากที่สุด ก็คือ องค์กรเอกชนสาธารณะประโยชน์ในลักษณะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็ นมูลนิ ธิ สมาคม
ชมรม สมาพัน ธ์ สหพัน ธ์ ชุ ม นุ ม สหกรณ์ กลุ่ มออมทรั พย์ หรื อกลุ่ มอื่ น ๆ ประเด็น สํา คัญการ
รวมกลุ่ มต้องมี จิตสํานึ ก ประชาคมครบถ้ว น การรวมกลุ่มที่ มีลกั ษณะจัด ตั้ง ชี้ นํา ขาดการสร้ าง
Partnership ไม่มีการเรี ยนรู ้ร่วมกันและมีลกั ษณะความสัมพันธ์ในแนวดิ่ง แม้จะเกิดอยูใ่ นชุมชนไม่
77
บทสรุ ป
แนวคิดสตรี นิยมได้เติบโตอย่างรวดเร็ วในช่ วง 40 ปี หลังของศตวรรษที่ 20 นําไปสู่
การศึกษาเกี่ยวกับผูห้ ญิงในมิติต่างๆ โดยให้ความสําคัญในการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างเพศ และ
ได้ใช้ความคิดรวบยอดในเรื่ องความเป็ นเพศ (Gender) เป็ นเครื่ องมือในการวิเคราะห์ที่สาํ คัญความ
เหลื่อมลํ้าทางเพศได้ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวเรี ยกร้องความเท่าเทียมกันระหว่างเพศมาโดยตลอด
โดยเฉพาะในช่ วงสี่ ทศวรรษที่ผ่านมา ในช่วงเวลาดังกล่าวยังได้เกิ ดการศึกษาและคําอธิ บายหรื อ
แนวคิดเกี่ยวกับความเป็ นรองของผูห้ ญิงในด้านต่างๆ อย่างมากมายอีกด้วย (วันทนี ย ์ วาสิ กะสิ น,
2543: 6 – 7)
0 ในส่ วนของสิ ทธิ สตรี ในประเทศไทยนั้น จะเห็ นได้ว่าขบวนการเคลื่อนไหวของสตรี
ไทยได้มีพฒั นาการเปลี่ยนแปลงบทบาทและสถานภาพตั้งแต่ระบบการเมืองการปกครอง ในการ
เปลี่ยนแปลงนั้นเริ่ มจากระบบการปกครองโดยมีพระมหากษัตริ ยเ์ ป็ นประมุข ซึ่งเริ่ มปรากฏเด่นชัด
ในสมัยรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเห็นว่ากฎหมายเก่าไม่ยุติธรรม เช่น
การขายเมีย หรื อการบังคับให้ลูกสาวแต่งงานโดยไม่เต็มใจ จึงโปรดเกล้าให้เลิกเสี ย และต่อจากนั้น
ก็ไ ด้มีก ารปรั บปรุ ง กฎหมายที่ เ กี่ ย วข้อ งกับ ความเสมอภาคระหว่า งหญิ ง และชายมาโดยตลอด
โดยเฉพาะกฎหมายแพ่งและพาณิ ชย์วา่ ด้วยครอบครัว นับได้ว่าสตรี ไทยไม่ได้มีความยากลําบากใน
การต่อสู ้เพื่อความเสมอภาค แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าสตรี ไทยส่ วนใหญ่ได้รับการพัฒนา ได้รับ
โอกาสทางกฎหมายหลายๆ ด้าน แต่ในทางปฏิบตั ิก็ยงั มีการกี ดกันและการปิ ดกั้นโอกาสผูห้ ญิง
มากกว่าผูช้ าย ซึ่ งสมควรที่จะได้รับการพัฒนาเรื่ องนี้ ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อเป็ นการให้ความสําคัญกับเรื่ อง
สิ ทธิมนุษยชน ซึ่งผูห้ ญิงก็เป็ นกลุ่มหนึ่งในเรื่ องสิ ทธิมนุษยชน เช่นกัน
81
ข้ อเสนอแนะ
1.ข้ อเสนอแนะสํ าหรับหน่ วยงานนําผลวิจัยไปใช้
1.1 ส่ งเสริ มหรื อสนับสนุ นให้บุคคลทัว่ ไปหรื อคนในพื้นที่มีส่วนร่ วมในกิจกรรม
ในทุกระดับ นับแต่ระดับสมาชิ ก ควรเพิ่มสิ่ งจูงใจในการร่ วมกิจกรรม เช่น สถาบันหรื อองค์กรใน
ท้องถิ่นจัดอบรมให้ความรู ้ เกี่ยวกับความเสมอภาคทางเพศและสิ ทธิ สตรี โดยมีบุคลากรของภาครัฐ
หรื อภาคเอกชนให้การสนับสนุนด้านวิทยากร เป็ นต้น
1.2 จัดอบรมให้ความรู ้ดา้ นกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติคุม้ ครองผูถ้ ูกกระทําด้วย
ความรุ นแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 ฯลฯ หรื อความผิดที่เกิดขึ้นในพื้นที่ เพื่อจูงใจให้ประชาชนมี
ความสนใจและตระหนักถึงความเสมอภาคทางเพศและสิ ทธิ สตรี เพื่อจะได้ปฏิบตั ิตนให้สอดคล้อง
กับความมุ่งหมายหรื อเจตนารมณ์ของกฏหมาย
1.3 สนับสนุนการใช้สื่อโซเซี ยลมีเดีย (Social Media ) เช่น เฟสบุก (Face book)
ส่ งข้อความสั้น (SMS) และทวิตเตอร์ (Twitter) ร่ วมในการประชาสัมพันธ์แนวทางในการพัฒนา
ความเสมอภาคทางเพศและสิ ทธิสตรี เพื่อเพิ่มการสื่ อสารสองทาง
1.4 เพิ่มการประชาสัมพันธ์การพัฒนาความเสมอภาคทางเพศและสิ ทธิสตรี มากขึ้น
ทางสื่ อต่างๆ เพื่อให้ประชาชนรู ้จกั และสนใจที่จะติดตามข้อมูลข่าวสาร
2.ข้ อเสนอแนะในการวิจัยต่ อไป
2.1 ควรมีการวิจยั ที่เกี่ยวข้องกับความต้องการของประชาชนในการมีส่วนร่ วมกับ
มูลนิ ธิ เพื่อหาแนวทางในการพัฒนาความเสมอภาคทางเพศและสิ ทธิ สตรี อย่างมีประสิ ทธิ ภาพและ
สอดคล้องกับหลักจิตวิทยาและหลักสังคมสงเคราะห์
2.2 ควรมีการศึกษาวิจยั เกี่ยวกับมูลนิ ธิที่วตั ถุประสงค์เพื่อส่ งเสริ มความเสมอภาค
ทางเพศและสิ ทธิสตรี ให้มากกว่านี้ เพื่อเป็ นการค้นหาแนวทางการพัฒนาหรื อปรับปรุ งวิธีการอบรม
อย่างมีประสิ ทธิภาพ เพื่อให้ได้มาตรฐานและเป็ นที่ยอมรับ
2.3 ควรมีการสํารวจช่องทางการเผยแพร่ ขอ้ มูลต่างๆ ให้เป็ นที่รู้จกั และสร้างความ
น่าสนใจแก่สมาชิกและบุคคลทัว่ ไปอย่างต่อเนื่อง
82
รายการอ้ างอิง
วิทยาลัย
โชติมา กาญจนกุล. (2540). “ความรุ นแรงในครอบครัว: กรณี ศึกษาการทําร้ายร่ างกายภรรยา.”
วิทยานิพนธ์ปริ ญญาดุษฏีบณ ั ฑิต, สาขาพัฒนศึกษาศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยศรี นคริ นทรวิโรฒ.
ดนยา ธนะอุดม. (2539). “ความรุ นแรงในครอบครัว: ศึกษาในหญิงตั้งครรภ์.” วิทยานิพนธ์ปริ ญญา
มหาบันฑิต สาขาวิชาเอกอนามัยครอบครัว บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยมหิ ดล.
84
กรุ งเทพฯ:โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
สําพรรณ น่วมบุญลือ. (2519). สิ ทธิและหน้ าทีข่ องสตรีตามกฎหมายไทยในสมัยกรุงรัตนโกสิ นทร์
กรุ งเทพฯ: คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
รังสิ มา ลิมปิ สวัสดิ์และคณะทํางานเรื่ องผูห้ ญิงกับความรุ นแรง เวทีไทยกลุ่มรากหญ้า. (2537).
“ผูห้ ญิงกับความรุ นแรง.” รายงานการสั มมนา “ผู้หญิงไทยในทศวรรษหน้ า เวทีผ้ ู
หญิงไทยกลุ่มรากหญ้ าสู่ การ ประชุ มระดับโลกเรื่องสตรีทปี่ ักกิง่ ”. สมาคมส่ งเสริ ม
สถานภาพสตรี ฯ ทุ่งสี กนั ดอนเมือง กรุ งเทพมหานคร.
รุ่ งทิวา มณฑา. (2545). “ศึกษาแนวคิดและการจัดการปั ญหาสตรี ผปู ้ ระกอบการอาชีพค้าประเวณี :
ศึ ก ษาเฉพาะกรณี มู ลนิ ธิ ส่ง เสริ มโอกาสผูห้ ญิ ง และกรมประชาสงเคราะห์ . ”
วิทยานิพนธ์ปริ ญญามหาบัณฑิต สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคําแหง.
วัน ทนี ย ์ วาสิ ก ะสิ น . (2541). สั ง คมไทยคาดหวั ง อย่ า งไรกั บ ผู้ ห ญิ ง . กรุ งเทพฯ :โรงพิ ม พ์
0 0
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
วารุ ณี ภูริสินสิ ทธิ์. (2556). แนวคิดสตรีนิยมในสกุลความคิดต่ าง ๆ. เข้าถึงเมื่อ18 พฤศจิกายน. เข้าถึง
0
ได้จาก http://www.midnightuniv.org/datamid2001/newpage17.html.
0
สมเกียรติ ตั้งนโม ผูแ้ ปล. (2556). อีริค ฟรอม์ ม, เฟมินิสม, และแฟรงค์ เฟริทสคูล. เข้าถึงเมื่อ 18
พฤศจิกายน. เข้าถึงได้จาก http://www.midnightuniv.org/miduniv2546/newpage4.ht
ml.
สายฝน น้อยหี ด. (2549). ประชาสั งคมกับการพัฒนาประชาธิปไตย. กรุ งเทพฯ : มิสเตอร์ก๊อปปี้
(ประเทศไทย).
สุ ชาดา ทวีสิทธิ์. (2554). ศึกษาถึงเรื่ อง ภาวะสมรสและทัศนคติต่อการสมรสของสตรีไทยในสังคม
ยุคใหม่ . สถาบันวิจยั ประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล.
4
ภาคผนวก ก
แบบสั มภาษณ์ชุดที่ 1
90
ภาคผนวก ข
แบบสั มภาษณ์ชุดที่ 2
92
ตอนที่ 4 คิดว่าด้านประชาสังคมในมุมมองของนักวิชาการในบทบาทขององค์กรมูลนิธิเพื่อนหญิง
เป็ นอย่างไร
93
ภาคผนวก ค
แบบสั มภาษณ์ชุดที่ 3
94
ภาคผนวก ง
ถอดเทปการสั มภาษณ์
96
ถอดเทปการสั มภาษณ์
คุณธนวดี ท่ าจีน (ผู้อาํ นวยการมูลนิธิเพือ่ นหญิง)
ผู้สัมภาษณ์ : สวัสดีคะจากศิลปากรอ่ะคะที่จะขอสัมภาษณ์อ่ะนะคะ
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก :คะ นี่ไม่ทราบว่าสัมพาสนานรึ ป่าว กี่นาที ประมาณ
ผู้สัมภาษณ์ : สัมภาษณ์สกั ประมาณ ๑๕ ถึง ๒๐ นาทีกไ็ ด้คะถ้ารี บอ่ะนะคะ เดี๋ยวหนูจะยิงคําถามเลย
ไม่ออ้ มค้อมเลยนะคะ หนูจะถามว่าอ่า การก่อตั้งมูลนิธิเพื่อนหญิงเนี่ยคะ เกิดขึ้นเมื่อไรโดยใครคะ
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : การก่อตั้งของมูลนิ ธิเนี่ ยจริ งๆแล้วตอนแรกเป็ นมูลนิ ธิเด็กและสตรี อ่ะนะ ก่อตั้งมา
ตั้งแต่ปี สองพันห้าร้อย เอ่อ สองพันห้าร้อย ยี่สิบสามอ่ะนะคะ และก็หลังจากนั้น ตอนแรกก็เป็ น
กลุ่มมี นักวิชาการสตรี อ่ะนะ ส่ วนมากที่อยูต่ ามมหาลัยเนี่ ย รวมทั้งกลุม้ นักศึกษาผูห้ ญิงในมหาลัยที่
มีการมารวมกลุ่มเป็ นกลุ่มสตรี ตามม.และก็มี สี่ ...สี่ ห้า สถาบัน ธรรมศาสตร์ จุฬาฯ เกษตร อะไร
อย่างเนี้ยอ่ะนะ มารวมกลุ่มกันตั้งเป็ นเครื อข่ายผูห้ ญิงตามมหาลัยอ่ะนะ และก็หลังจากนั้นเนี่ย กลุ่มที่
จบการศึกษาก็ออกมาตั้งเพื่อนหญิงก่อนอ่ะนะ ซึ่ งก็เกิดมาจากเนี่ ยนะ กลุ่มนักศึกษา อาจารย์นะคะ
นักวิชาการและก็ต้ งั เป็ นกลุ่มเล็กๆรณรงค์ในเรื่ องของsextour ดําเนิ นการต่อสู ้ช่วยเหลือคนงานหญิง
ที่ทาํ งานในโรงงานอุตสาหกรรมแล้วไม่ได้รับความเป็ นธรรมจากนายจ้างอ่ะคะ คือในยุคนั้นก็เลย
ช่วยเหลือผูห้ ญิงที่ยุคนั้นก็จะมีเรื่ องของ sextour ของประเทศญี่ปุ่นเยอรมันนะคะที่เข้าที่ผูช้ าย
ต่างประเทศเข้ามาแสวงหาประโยชน์ทางเพศกับปู้ หญิงไทยอ่ะนะคะ ก็มีการรณรงค์ต่อต้าน sex tour
นะคะและก็หลังจากนั้นก็ได้มีการตั้งเป็ นกลุ่มเพื่อนหญิงและก็มีศูนย์ที่ช่วยเหลือผูห้ ญิงที่ประสบ
ปัญหาการถูกระเมิดอ่ะคะ ซึ่งก็จะมีศูนย์มีทนายความให้ความช่วยเหลือผูห้ ญิงจากคดีเอ่อสามีทาํ ร้าย
อะไรอย่างนี้ อ่ะ นะ ถูกคุกคามทางเพศ ถูก เอ่อ ล่อลวงให้คา้ ประเวณี บังคับให้คา้ ประเวณี อะนะ ซึ่ ง
ยุคแรกๆก็จะมีงานหลักๆก็เนี่ ยอ่ะคะมีเรื่ องของศูนย์พิทกั ษ์สิทธิ สตรี ที่มีทนายความที่จะให้กบั คดี
ช่วยเหลือผูห้ ญิง จนในที่สุดเราก็ได้มีการพัฒนามาเป็ นมูลนิ ธิในปี ๒๕๓๔ นะ แล้วก็จดทะเบียน
เป็ นมูลนิธิเพื่อนหญิงอ่ะนะตั้งแต่ ๕ กันยายนแล้วก็มาจนถึงปั จจุบนั อะนะฮะ ก็จะมีกิจกรรมหลักๆก็
จะมีศูนพิทกั ษ์ ซึ่งยังมีอยู่ คือรับเรื่ องราวร้องทุก ช่วยเหลือผูห้ ญิงที่มีปัญหาความรุ นแรงในมิติต่างๆ
ทั้งเรื่ องความรุ นแรงทางเพศ ครอบครัว การถุกแสวงจากการค้ามนุษย์ เรื่ องท้องไม่พร้อม เรื่ องแจ้ง
ไม่เป็ นธรรมอะไรพวกเนี้ ย ก็จะมีงานพวกนี้ อยู่อะนะ แต่สิ่งๆหนึ่ งคือจะมีทหารที่จะช่วยส่ งเสริ ม
ความเข้มแข็ง การรวมกลุ่มนะ โดยการจัดกิจกรรม สนับสนุนงบประมาณนะฮะให้ผหู ้ ญิงรวมกลุ่ม
มี การฝึ กอบรมเรื่ องของกฎหมายต่ างๆที่ ผูห้ ญิ งต้องรุ ้ นะคะ นโยบายต่างๆที่ เกี่ ยวข้องกับผูห้ ญิ ง
กลไกต่างๆที่ ผูห้ ญิ ง ถึ งการรั บบริ การนะฮะของกระทรวงต่างๆอะไรอย่างเนี้ ย ก็จะมีการ และก็
สนับสนุ นให้ ผูห้ ญิงรวมกลุ่มกันนะระดับชุมชน จะทําเรื่ องของอาชีพ ทําเรื่ องของการออมทรัพย์
ทําเรื่ องของศูนย์ให้ความช่วยเหลือผูห้ ญิงที่ประสบปั ญหาในหลากหลาย หรื อว่าผูห้ ญิงที่อยากจะ
97
บุคคลใช่ม้ ยั ฮะทีน้ ี สิทธิ อีกส่ วนหนึ่ งก้คือว่าเราจะทําให้ผหู ้ ญิงเนี่ ยได้รับการเข้าถึงสิ ทธิ์ ต่างๆ ผูห้ ญิง
บางคนอาจต้องรวมกลุ่ม มีการรวมกลุ่มผุห้ ญิงเพื่อที่จะเข้าไปมีพ้ืนที่มีบททบาทเป้ นคณะกรรมการ
ต่างๆ อันนี้กเ้ ป็ นสิ ทธิ์ของผูห้ ญิงที่เราจะต้องทําให้เกิดกฎระเบียบต่างๆที่จะเป้ นอุปสรรคที่มนั ทําให้
ผุห้ ญิงเข้าไม่ถึง อันเนี้ ยเราก้ไปแก้ที่ผ่านมามันก้จะไม่มีนายอําเภอที่เป็ นผูห้ ญิงใช่มะไม่มีผวู ้ ่าเป้ น
ผูห้ ญิ งและก็ช่วยแก้กฎระเบี ยบพวกเนี้ ยซึ่ งบางทีน้ ี ก็ไปแก้หลายข้อ ไปรณรงค์แก้ เมื่อก่ อนไม่มี
นายอําเภอเป็ นผูห้ ญิง เราก็ผลักดันให้มีการแก้ไขกฎของมหาดไทยที่จะอนุญาตให้ผหู ้ ญิงสมัครสอบ
เป้ นนายอําเภอได้อะไรอย่างเนี้ยคะ
ผู้สัมภาษณ์ : การช่วยเหลือสตรี นี่เคยมีในด้านไหนบ้างคะนอกจากจะในด้าน
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : คือนี้ไงเราก็คุม้ ครองสิ ทธิทางกฎหมาย
ผู้สัมภาษณ์ : ทั้งเงินช่วยเหลืออะไรด้วยเปล่าคะ
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : คะ การบําบัดฟื้ นฟูจิตใจสนับสนุ นเงิ นทุนให้มนั เป็ นการรวมกลุ่มในเรื่ องของ
อาชี พทั้งตัวบุคคลและเป็ นกลุ่มนะคะอันนี้ ก็เป็ นงานส่ วนหนึ่ งที่เราทําอยู่แล้วก็เป็ นงานช่ วยเหลือ
อะนะ
ผู้สัมภาษณ์ : คะเรามีเครื อข่ายไหมคะที่ให้สตรี ได้รับการบริ การ
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : มีเครื อข่ายสตรี 4 ภาคอยูน่ ะคะ
ผู้สัมภาษณ์ : อ๋ อสตรี 4 ภาค
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : ในส่ วนของเราเนี่ ยเราจะสร้างสร้างแกนนําผูห้ ญิงขึ้นมาในภาคต่างๆและแกนนํา
เราเนี่ ยหลังจากที่ผ่านการอบรมความรู ้ในที่เค้าก็จะไปเป็ นอาสาสมัครนี้ รักษาอยู่ในชุมชนของเขา
เหมือนเป็ นอาสาสมัครของมูลนิ ธิที่จะรับเรื่ องราวร้องทุกข์ในทุกเรื่ องมีงานรณรงค์เราก็จะมาร่ วม
รณรงค์ช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกฎหมายอย่างเป็ นธรรมต่อเป็ นธรรมของผูห้ ญิง หรื อกฎระเบียบ
ของอบตที่มนั ไม่เป็ นธรรมหรื อไม่เปิ ดโอกาสให้ผูห้ ญิงเนี่ ยขึ้นไปมีคนพวกเนี้ ยไปขับเคลื่ อนใน
พื้นที่ของตนเอง
ผู้สัมภาษณ์ : คือการประสานงานกันระหว่างสตรี ขอ้ มูลวิธีการเพื่อนหญิงทั้งหมดเนี่ ยคะก็คือจะอยู่
ในสตรี 4 ภาคใช่ไหมคะ
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : อ่ะใช่จะอยูใ่ นสตี 4 ภาค
ผู้สัมภาษณ์ : ก็คือว่าจะมีการประชุมกันคุยกันว่าเราจะมีกนั ทํางานกันอย่างไรใช่ไหมคะ ใช่คะ แล้ว
ก็เอาผลมารวมกัน
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : อ่า นัน่ แหละถูกต้องแล้วเราประชุมเสร็ จแล้วเขาก็จะเอาประเด็นที่ผหู ้ ญิงส่ วนใหญ่
ไปขับเคลื่อนนโยบายใหญ่ดว้ ยนะ นโยบายของชาติ อย่างเช่นเราขับเคลื่อนในกองทุนพัฒนา
บทบาทสตรี กบั การพัฒนาให้คนในของส่ วนช่วยเหลือผูห้ ญิงเนี่ ยมีงบประมาณมีพนักงานเจ้าหน้าที่
100
บางอย่า งที่ เ ราเปลี่ ย นไม่ ไ ด้อ ยากจะให้ผูช้ ายไปมี ม ดลู ก มัน ก็ ค งเป็ นไปไม่ ไ ด้ มัน เป็ นมิ ติ โ ดย
ธรรมชาตินี่มนั เปลี่ยนไม่ได้ เป็ นกฎในเรื่ องบทบาททางสังคมที่สงั คมเป็ นผูก้ าํ หนดให้มนั แปลี่ยนได้
อย่างเช่นการทํางานบ้านอย่างเนี้ยให้ผชู ้ ายสามารถทําได้การเลี้ยงลูกผูช้ ายก็สามารถทําได้ผหู ้ ญิงก็ทาํ
ดี มันต้องช่วยกัน มิติพวกนี้ มนั ต้องขยับ ถ้าเราเริ่ มในครอบครัวแล้วในโรงเรี ยนก็จะต้องมีหลักสู ตร
ที่จะสอนให้ ให้ความรู ้ความเข้าใจเกี่ยวกัยบเรื่ องหลักของความเสมอภาค หลักในมิติของ เจนเดอร์
เซ็กเจนเดอร์ที่จะให้เข้าใจซะใหม่วา่ บทบาทหญิงชายเนี่ย มันมีความเหมือน และยังมีความต่าง และ
ยังมีความตายตัว และยังมีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ อย่างไรบ้างนะเพื่อที่จะสร้างความละเอียดอ่อนบาง
เฉพาะที่ผหู ้ ญิงจะต้องได้รับความคุม้ ครองในบางเรื่ อง ผูช้ ายจะต้องได้รับความคุม้ ครองในบางเรื่ อง
พวกเนี้ ยจําเป็ นต้องมีการมาเรี ยนรู ้และทําความเข้าใจเพื่อที่จะสร้างฐานนะฮะ ให้เด็กได้เติบโตเป็ น
ผูใ้ หญ่ที่มีความเข้าใจในมิติของเจนเดอร์ ในมิติของสิ ทธิ มนุ ษยชนมากขึ้น เพราะงั้นเนี่ ยมันมีฐาน
เข้าใจตรงเนี้ ยเป็ นมายาคติต่างๆการเลือกปฏิบตั ิมนั ก็จะหายไปนะคะมันก็จะเกิดการยอมรับผูห้ ญิง
ในฐานะที่เป็ นมนุ ษย์ที่เท่าเทียมกันมากขึ้น ยอมรับความเหมือนและความแตกต่างหรื อกฎหมาย
บางอย่างมันต้องอกมาเฉพาะผูด้ ูแลผูห้ ญิงอะไรเงี้ย
ผู้สัมภาษณ์ : ตั้งแต่มีการรณรงค์มาเนี่ยคิดว่าความรุ นแรงหรื อการกดขี่ทางเพศนี่มนั ลดลงมั้ยคะ
ผู้ใ ห้ ข้ อมู ลหลัก : ที่ จริ งประเด็น มัน สัง คมให้ความสํา คัญมากขึ้ นนะ ประเด็นคื อมัน ยัง ไม่ ลดลง
เพราะว่าเมื่อก่อนเนี่ยมันถูกเก็บเงียบไว้ แต่ปัจจุบนั เมื่อมันมีองค์กรต่างๆขึ้นมาเคลื่อนไหวหน่วยงาน
รัฐจัดตั้งกลไกขึ้นมาดูแลมากขึ้นเนี่ยมันก็เลยทําให้ผหู ้ ญิงมีความกล้าที่จะออกมาเปิ ดเผยมาร้องเรี ยน
มากขึ้น แต่เมื่อก่อนเนี่ ยถูกคุกคามทางเพศที่ยิ่งในครอบครัวยิ่งเป็ นเรื่ อยากเลยที่จะร้องเรี ยนเลยยิ่ง
ต้องเก็บไว้เพราะกลัวที่จะสู ญเสี ยสถาบันการศ฿กษาอะไรเงี้ยนะเสี ยหน้าเสี ยตาตรงเนี้ ย มันค่อยๆ
หายไปไง แต่ว่าพอปั จจุบนั ผูห้ ญิงเริ่ มรู ้มากขึ้นว่าเออ มันไม่ได้เป็ ความผิดของผูห้ ญิงนะ ต้องได้รับ
การคุม้ ครองนะต้องมีการไปพิสูจน์หลักฐานตรงที่ว่าเรื่ องนี้ มนั เกิดมาจากอะไรบ้าง พอเริ่ มมีกลไก
พวกนี้มากขึ้น ผูห้ ญิงก็ออกมาร้องทุกข์มากขึ้น มันก็ดูเหมือนว่ามีปัญหามากขึ้นกว่าเดิมนะ และมันก็
ยังไม่เบาบางลงเพราะว่าเรื่ องของมายาคติเรื่ องของกลไกอย่างที่พี่บอกอ่ะ ว่ามันยังปรับตัวไปอย่าง
ช้าๆ ในขณะที่ปัญหามันมีเยอะไง การให้ความช่วยเหลือก็ยงั มีมายาคติ คนก็ยงั ไม่เต็มที่ ผูห้ ญิงก็มี
มากขึ้น ผูห้ ญิงท้องที่จะมาร้องทุกข์แล้วอ่ะ แต่หน่ วยงานมันยังไม่พร้อม อันเนื่ องมาจาก กลไกไม่
พอ งบประมาณไม่พอ พนักงานไม่พอพวกเนี้ยอ่ะนะ หลายๆปั จจัย
ผู้สัมภาษณ์ : ปั ญหาและอุปสรรคในการทํางานของมูลนิธิมีมากน้อยยังไง
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : ก็มีมากเลยโดยเฉพาะข้อที่ 1 ก็มีเรื่ องของทัศนะคติ อันที่ 1 ทัศนคติของหน่วยงาน
รัฐที่เกี่ยวข้องสมมติเราจะไปขอความช่วยเหลือไม่วา่ กระทรวงไหนเราก็จะเจอในเรื่ องของทัศนะคติ
ที่ยงั มีมายาอคตินาํ ไปสู่ การเลือกปฏิบตั ิ คุม้ ครองผูห้ ญิงตรงเนี้ ยเป็ นปั ญหาใหญ่ อันที่ 2 รัฐบาลมี
105
คุณบัณฑิต แป้นวิเศษ
ผู้สัมภาษณ์ : สวัสดีคะพี่บณั ฑิต
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : สวัสดีครับ
ผู้สัมภาษณ์ : การก่อตั้งมูลนิธิเพื่อนหญิงเนี่ยคะ เกิดขึ้นเมื่อไร โดยใคร และก็เกิดขึ้นเพราะอะไรคะ?
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : อ๋ อมูลนิธิเพื่อนหญิงเนี่ยก่อตั้ง...คือจริ งๆแล้วเนี่ย เรารวมตัวกันเป็ นกลุ่มเพื่อนหญิง
ก่อนเมื่อปี 2523 นะครับ โดยการรวมตัวเนี่ ยก็ ในช่วงนั้นเนี่ ยอาการของผูห้ ญิงที่ถูก ถูกใช้ความรุ ณ
แรงเนาะ แล้วก็มนั มีเรื่ องสถานการณ์การค้าปเวณี การทลายตามซ่อง คือซ่องเนี่ย ซ่องที่เอาผูห้ ญิงไป
ขัง คือถูกหลอกมาแล้วเอาไปขังเนี่ ยก็ คือถูกไฟไหม้ซ่อง แล้วก็มีสถานการณ์เรื่ องของคนมาเที่ยว
เมืองไทยเนี่ยก็จะเป็ นก็คือมาเที่ยว คือมาเที่ยวผูห้ ญิงเยอะอ่ะ มันก็ทาํ ให้ภาพลักษณ์ของผูห้ ญิงแล้วก็
การที่ผหู ้ ญิงเนี่ ยถูกใช้ความรุ ณแรงมากขึ้นเรื่ อยๆ ก็เลยทางคณาจารย์และก็กรรมกรหญิง แล้วก็จะมี
พวกทางพวกนักศึกษาผูห้ ญิงแล้วก็มารวมตัวกันแล้วก็ต้ งั เป็ นกลุ่มเพื่อนหญิงขึ้นมาเมื่อปี 2523 อ่ะ
ครับ เป้ าหมายวัตถุประสงค์ก็คือเพื่อที่จะช่วยเหลือผูห้ ญิงแล้วก็นาํ ประเด็นของผูห้ ญิงที่ถูกใช้ความ
รุ ณแรงหรื อว่าผูห้ ญิ งที่ ตกอยู่ในสังคมไทย แต่ยงั ถูกกดขี่อยู่เนี่ ย รณรงค์ ไปปรั บปรุ งในเชิ งของ
กฎหมาย หรื อว่านโยบาย ให้มีสทธิ์ เท่าเที ยมกับผูช้ ายและก้ได้รับความยุติธรรมในสังคม เพราะ
ฉะนั้นเนี่ยก็คือเป้ าหมาย หรื อยุทธศาสตร์ของกลุ่มเพื่อนหญิงและมูลนิธิเพื่อนหญิงเนี่ยนะฮะ ก็คือว่า
ยุทธศาสตร์ ก็คือการส่ งเสริ มและ พัฒนาและส่ งเสริ มบทบาทของ ผูห้ ญิงให้มีพ้ืนที่ ทางสังคม ทาง
นโยบาย ทางกฎหมาย นะฮะ แล้วก็ผหู ้ ญิงก็จะต้องตัดสิ นใจและกําหนดอนาคตของตนเองได้ ด้วย
ตัวของผูห้ ญิงเอง อันนี้ คือยุทธศาสตร์ เนาะส่ วนเรื่ องของกิจกรรมของมูลนิ ธิเนี่ ยนะฮะ คือมูลนิ ธิเนี่ย
เนื่ องจากว่าเราทํางานทางกรุ งเทพอ่ะนะ เพราะฉะนั้นเราก็จะมีเซนเตอร์ หรื อหรื อว่าศุนย๋ กลางของ
สํานักงานใหญ่เนี่ ย อยูท่ ี่กรุ งเทพฯ แล้วก็มีที่เชียงใหม่เนี่ ย เขาจะมี ภาคเหนื อเขาจะมีที่เชียงใหม่ นะ
ครับ และก็มีศูนย์ที่ผหู ้ ญิงเขาไปทํางานอยูด่ ว้ ยและเป็ นแกนนําอยูด่ ว้ ยอยูท่ ี่จงั หวัดพะเยาด้วย นะครับ
ส่ วนภาคอิสานเนี่ ย เราก็มี เครื อข่ายผูห้ ญิง 12 จังหวัดภาคอิสาน นะฮะ แต่ศูนย์ที่เราทํางานและเป็ น
ศูนย์ประสานงานก็จะอยู่ที่จงั หวัดอุบลราชธานี กับที่จงั หวัดมุกดาหาร นะครับส่ วนทางภาคใต้เนี่ ย
เราก็จะมีที่หาดใหญ่นะฮะ จ.สงขลา กับที่ปัตตานี และยะลานะครับ ซึ่ งหมด ศูนย์ที่เรามีอยูเ่ นี่ ยส่ วน
ใหญ่กจ็ ะอยูต่ ามแนวชายแดนนะฮะ ซึ่งเป็ นจังหวัดที่ติดกับชายแดน เช่นอิสานก็ติดกับลาวโนะ
ผู้สัมภาษณ์ : ตรงจุดเสี่ ยงใช่ไหมคะ?
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : ใช่ ๆ เป็ นพื้นที่เสี่ ยงต่อผูห้ ญิงและเด็กเนี่ ยจะถูกใช้ความรุ ณแรง เรื่ องการถูกค้า
มนุ ษย์ นี่ คือพื้นที่ที่เราทํางานอยู่ส่วนในประเด็นหรื อว่าตัวของนโยบายเนี่ ย ตอนนี้ ที่ชดั เจนก็คือว่า
ประเด็นในเรื่ องของผูห้ ญิงกับการเข้าถึงกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี หรื อนโยบายสาธารณะด้านสตรี
เราก็พยายามทํากิ จกรรมในเรื่ องของการเข้าไปนําเสนอรวมกลุ่มผูห้ ญิงแล้วก็เข้าไปนําเสนอเรื่ อง
108
ขึ้นมา หรื อว่า ท้อง แท้ง ทิ้ง อะไรพวกเนี้ ยนะฮะ ที่เราเจอกันเยอะเนี่ ยเราก็จะประสาน อย่างเช่นเรา
จะประสานบ้านพักฉุ กเฉิ นที่ดอนเมืองให้นาํ ผูห้ ญิงเนี่ ย หรื อเด็กผูห้ ญิงที่ทอ้ งไม่พึงประสงค์หรื อว่า
ยังไม่พร้ อมที่จะมีบุตร หรื อเขาไม่สามารถที่จะเอาเด็กออกได้และเกิ น 5 เดื อนอะไรแบบเนี้ ย คือ
เพื่อนหญิ งไม่ได้สนับสนุ นเรื่ องการทําแท้งนะแต่ว่าเราก็จะมีกระบวนการสหวิชาชี พในการให้
คําปรึ กษากับเด็กและครอบครัวว่าเขาพร้อมแค่ไหนหรื ออะไรแบบเนี้ย และก็ถา้ เขาไม่พร้อมและมัน
มีผลต่อชีวิตเขาในอนาคตอย่างมากเนี่ ย เราก็ตอ้ งมีตาํ รวจมี มีนกั สหวิชาชีพมีนกั สังคม นักจิตวิทยา
นักอะไรเหล่ าเนี้ ย มานั่งประชุ มกันแล้วก็ตดั สิ นใจร่ ว มเพราะว่าการทําแท้งเนี่ ยมันเป็ นเรื่ องผิด
กฎหมาย แต่ว่ากรณี มีขอ้ ยกเว้นว่าถ้าเกิดจะทําแท้ง จําเป็ นจริ งๆที่มนั มีผลต่อชีวิตเขา ต่ออนาคต มัน
ยังไงก็ไม่ได้ละแบบเนี้ ย ก็สามารถทําได้แต่ตอ้ งใช้กลไกสหวิชาชีพที่กฎหมายรับรอง เพราะงั้นเนี่ ย
เราก็จะทํางานในเชิงนี้ ล่ะครับ ก็คือเชิงในระดับของปฏิบตั ิการ คือการรับเคสให้ความรู ้ให้กาํ ลังใจ
แล้วก็นาํ ไปสู่ การประสานส่ งต่อ และก็ใช้กลไกของกฎหมายที่มีอยู่ เช่น พรบ.คุม้ ครองผูถ้ ูกกระทํา
ความรุ ณแรงในครอบครัว พรบ คุม้ ครองเด็ก พรบ.ป้ องกันการค้ามนุษย์ พรบเหล่าเนี้ ยมันจะมีกลไก
ก็คือ เจ้าหน้าที่ปฏิบตั ิการที่มีอาํ นาจตามกฎหมายในการต้องทํา ทํางาน ซึ่ งอันนี้ รวมถึงกระทรวง
พัฒนาสังคมและความมัน่ คงของมนุ ษย์ที่ตอนนี้ เขามีบา้ นพักผูห้ ญิงและเด็ก บ้านพักเด็กเนี่ ย ทุก
จังหวัดเลยเนี่ ยเราก็จะประสานส่ งต่อ ส่ วนในระดับนโยบายเนี่ ย เราก็จะทํางานอย่างเช่น ของการ
ณรงค์ผลักดันกฎหมาย หรื อว่าข้อบัญญัติต่างที่ มนั เป็ นอุ ปสรรคของการดํา เนิ นชี วิตของผูห้ ญิ ง
อย่างเช่นกองทุนพัฒนาบทยาทสตรี อย่างเนี้ ย คือมันเป็ นนโยบายที่ดีแต่ว่ามันยังมีปัญหาเรื่ องของ
การปฏิบตั ิการแต่วา่ ความรู ้ความเข้าใจของผูห้ ญิงของเครื อข่าย หรื อแม้แต้คณะกรรมการที่กฎหมาย
นโยบายฉบับเนี้ ยมันยังไม่เป็ นกฎหมาย ในการที่จะทํางานต่ออันเนี้ ยโดยหลักนโยบายเนี่ ยเราก็ไป
ทําการยื่นหนังสื อรณรงค์เดินรณรงค์ หรื อจัดเวทีต่างๆซึ่ งที่จะให้รัฐบาลเนี่ ยเห็นปั ญหาสังคมเห็น
ปัญหา แล้วก็ เขาเรี ยกว่าออกกฎหมายมาเพื่อที่จะทําให้รับรองกับชีวิตของผูห้ ญิงที่อยูใ่ นสังคม
ผู้สัมภาษณ์ : พี่บณ ั ฑิตคิดว่าประเทศไทยยังมีมุมมองเกี่ยวกับความไม่เสมอภาคทางเพศและสิ ทธิ
สตรี อยูห่ รื อไม่คะ
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : อ๋ อ ยังมีอยูเ่ ยอะครับ เพราะว่าแม้วา่ ผูห้ ญิงจะมีโอกาสทางการศึกษามากขึ้นเนี่ย เมื่อ
ดูโดยภาพรวมแล้วเนี่ ย คือการศึกษาที่ผหู ้ ญิงได้รับเนี่ ยก็ยงั เป็ นการศึกษาที่เหมือนเปิ ดโอกาสเพียง
รู ปแบบ แต่ในเชิ งเนื้ อหาที่จะนําไปให้ผูห้ ญิงเนี่ ยได้เป็ นนักคิดนักเขียนหรื อว่าเป็ นมันสมองทาง
สังคมเนี่ ยคือโอกาสเนี่ ยมันยังเปิ ดน้อยอยู่ อันนี้ อาจจะมองไปถึงเรื่ องทัศนะคติเดิ มด้วยนะ เรื่ อง
บทบาทหญิงชายที่ยงั มีวามเหลื่อมลํ้าอยู่ก็ การสอนกันระหว่างลูกหญิงลูกชายเนี่ ยก็ยงั ให้คุณค่าลูก
ชายมากกว่า ผูห้ ญิ งหรื อว่ากรณี ของการเปิ ดโอกาสในเรื่ องของการทํางานหรื อการเปิ ดโอกาส
ในทางสถานะที่มีตาํ แหน่ งทางสังคมหรื อทางการเมืองเนี่ ย ก็ยงั เห็นชัดว่าตัวเป็ นผูห้ ญิงแต่วิธีคิดยัง
111
เป็ นแบบผูช้ ายเป็ นใหญ่อยูก่ ค็ ือว่าวิธคิดแบบผูช้ ายที่มองผูห้ ญิงว่าเป็ น ใช้อาํ นาจเป็ นทรัพย์สินบังคับ
ผูห้ ญิงถูกบังคับได้คือยังมีวิธีคิดในเชิ งของการเลือกผฏิบตั ิอยู่ เพราะยังงั้นเนี่ ยคิดว่าในมุมมอง ณ
ขณะนี้ เนี่ย ถ้ามองโดยภาพรวมเนี่ ยเหมือนผูห้ ญิงจะมีโอกาสมากขึ้นแต่ว่าอุปสรรคปั ญหาใหญ่ก็คือ
ว่าการที่จะเปิ ดทางหรื อยอมรับในบทบาทหน้าที่ของผูห้ ญิงเนี่ ยอันนี้ ยงั ต้องมีความพยายามในการ
ให้ความรู ้หรื อว่าในการปรับเปลี่ยนทัศนะคติอีกเยอะ
ผู้สัมภาษณ์ : งบประมาณของมูลนิธิอ่ะคะที่ได้มานี่ส่วนใหญ่นี่ได้มาจากทางภาครัฐหรื อป่ าวคะ?
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : อ๋ อ ส่ วนใหญ่แล้วได้จากต่างประเทศครับ เพราะว่าเราเป็ น Non Goverment
Organization เป็ นองค์กรพัฒนาเอกชนนะฮะ คือส่ วนหนึ่งภาครัฐเองก็เขาก็บอกว่างบน้อย นะฮะ 2ก็
คือว่ามูลนิธิเนี่ยหรื อว่าองค์กรพัฒนาเอกชนหรื อ ngo เนี่ยส่ วนใหญ่เราทํางานเนี่ย เราทํางานลงไปใน
ระดับลึกพื้นฐาน เราก็จะเห็นปั ญหานําปั ญหาออกมาตีแผ่อย่างตรงไปตรงมา ถ้าพูดงบประมาณเนี่ ย
ตอนเนี้ยเราก็รับมาจากต่างประเทศเป็ นหลัก มูลนิธิต่างๆที่เขาอยากจะช่วยเหลือประเทศยากจนหรื อ
ว่าประเทศที่มีปัญหาเรื่ องของความรุ ณแรงอยูเ่ ช่นสหภาพยุโรป หรื อ USAID ของสหรัฐ หรื อถ้าเกิด
เป็ นองค์กรที่ถูกรับรองตามกฎหมายในเมืองไทยอย่างเช่นเงินภาษีบาปหรื อว่าภาษีเหล้าบุหรี่ เนี่ ย ก็
คือ สสส ยังเงี้ย แต่ว่าเราไม่ได้รับจากรัฐโดยตรง หรื อว่าบางทีเราก็ได้จาก UN Women เหมือนกัน
องค์กรสหประชาชาติที่ทาํ งานด้านผูห้ ญิงเนี่ ย คือเราก็รับหลายที่เพราะว่าได้ในส่ วนเล็กส่ วนน้อย
ต้องทํางานไง เพราะงั้น NGO ก็ คือเงินของเราเนี่ ยมันเป็ นเงินงบประมาณที่เราขอจากต่างประเทศ
ระยะสั้นมากเพราะงั้นเนี่ ยเราทํางานเราก็ทาํ งานเร็ วไง ทํางานเร็ วเห็นผลงานเนาะ คือเราจะต่างกับ
ภาครั ฐตรงที่ ว่าภาครั ฐเขาจะทํางานไปเรื่ อยๆถ้าไม่มีตวั ตุน้ เพราะยังไงเขาก็ได้เงิ นเดื อน เขาก็มี
งบประมาณ เขามีสวัสดิการ แต่พวกพี่กถ็ ือว่า 1 เราก็ทาํ งานทางสังคมด้วย 2ถือว่าเป็ นอาชีพหรื อเป็ น
งานที่เรารั กอ่ะ...... นี่ เป็ นเรื่ องทัศนะคติที่ยงั มองว่าผูห้ ญิงเป็ นสมบัติของผูช้ าย ทัศนคติว่าผูห้ ญิง
อ่อนแอร์ ผูช้ ายเข้มแข็ง มีทศั นคติเรื่ องอะไรอ่ะ ผูห้ ญิงทํางาบ้านส่ วนผูช้ ายก็ไปลั้ลลาได้ อะไรอย่าง
เงี้ย ผมเป็ นผูช้ ายผมก็มีนะ ออกไปคือเจอเพื่อนเจออะไรบ้าง มันมีสังคม แต่สิ่งเหล่าเนี้ ยคือมันถูก
คาดหวังว่าผูห้ ญิงจะต้องทําอย่างงั้นอย่างงี้ ดูอย่างบทบาท ถ้าเกิดเป็ นครอบครัวสมัยเก่าหรื อว่าอะไร
แบบเนี้ ยก็จะเห็นว่าบทบาทของแม่เนี่ ยเต็มไปหมดเลยในขณะที่บทบาทของพ่อเนี่ ย ก็ถูกบอกอีก
แบบนึงหน่ะ ซึ่งในหลายบทบาทมันสามารถช่วยกันได้ไง ไม่ใช่บทบาทว่าฉันเป็ นผูห้ ญิง ฉันต้องทํา
แบบนี้ตลอดไป ผมเป็ นผูช้ ายผมก็ทาํ แบบนี้ตลอดไปมันไม่ใช่ไง
ผู้สัมภาษณ์ : มันเลยกลายมาเป็ นแบบทุกสมัยเลยที่ผหู ้ ญิงจะต้องเป็ นแม่บา้ น ผูช้ ายจะต้องออกไป
ทํางานนอกบ้าน
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : ใช่ มันก็เลยทําให้โอกาสที่ผหู ้ ญิงเนี่ ยจะออกมาได้รับการส่ งเสริ มพัฒนามีเวทีมี
อะไรต่างๆเหล่าเนี้ย เปิ ดโลกทัศน์ของตัวเองอ่ะ มันก็เลยแบบมันมีนอ้ ยไง พอมีนอ้ ยปุ๊ บเนี่ยมันทําให้
112
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : แต่เราก็ไม่ได้ปิดบังนะแต่ว่านี่ คือสิ ทธิ์ ของเราไง คือผูช้ ายก็ตอ้ งเคารพในสิ ทธิ์
เหล่านี้ ดว้ ยโนะ ถ้าเกิ ดผูช้ ายไม่เคารพสิ ทธิ์ เหล่านี้ ปุ๊บเนี่ ยก็สามารถประเมินอนาคตได้ไง ว่ามันจะ
ออกมายังไง คือผูห้ ญิงก็คือ อันนี้กค็ ือสิ่ งที่เราเนี่ยพยายามให้ความรู ้กบั ผูห้ ญิงด้วย คือก็บอกว่าสําคัญ
คืออะไร ผูห้ ญิงเนี่ยต้องมีความเชื่อมัน่ ในตัวเอง และตัวเองเป็ นแบบไหนเนี่ยก็ตอ้ งเป็ นแบบนั้น แต่ก็
ต้องมี ปรั บบ้างเพื่อที่ จะอยู่ร่วมกัน แต่ไม่ตอ้ งถึงขนาดต้องทิ้งอัตลักษณ์ ของตัวเอง ทิ้งความเป็ น
ตัวเอง อะไรแบบเนี้ ย และก็ตอ้ งมีเศรษฐกิจของตัวเองมีอาชีพ มีรายได้ของตัวเองเพราะว่าถ้าเกิดเรา
ไม่เป็ นตัวเองเนี่ยแล้ววันนึงเนี่ยมันไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเนี่ ยแล้วเรากลับมาเป็ นตัวเองอ่ะรับได้ไหม
รับไม่ได้ใช่ไหม อ่ะ อย่างต้องเลิกรากันไป หรื อว่าเจ็บปวดอะไรอย่างเนี้ ย เราต้องพยายามให้ความรู ้
กับผูห้ ญิง กับเด็กผุห้ ญิง กับวัยรุ่ นผูห้ ญิง แล้วก็ถา้ เกิดผูห้ ญิงที่มีอายุมากขึ้นเนี่ ก็ตอ้ งบอกด้วยครับว่า
คําว่า ท้อง แท้ง ทิ้งเนี่ย มันไม่ได้กบั เด็กวัยรุ่ นเพียงอย่างเดียวนะ มันเกิดกับผูห้ ญิงที่มีอายุมากขึ้นเนี่ย
ผูใ้ หญ่เนี่ยก็มีสิทธิ์เพราะว่าบางคนเนี่ ยคือเขาออาจจะไม่ได้มีสามีคนเดียวอะไรแบบเนี้ ย เอ่อหรื อเขา
อาจจะไปพลาดไปมีกิ๊กหรื อมี อะไรแบบเนี้ เพราะฉะนั้นเนี่ ย ผูห้ ญิงเองก็ตอ้ งป้ องกันตัวเองด้วย
เพราะว่าผูห้ ญิงโดยส่ วนหนึ่งเนี่ยจากกรณี การทําแท้งเนี่ยหรื อว่าเด็กออกมาเนี่ยมันเป็ นผูห้ ญิงที่ไม่ใช่
แค่เด็กวัยรุ่ นหรื อว่าเด็กอย่างเดี ยวคือคนเหล่านี้ ก็น่าเห็ นใจนะบางทีแบบรู ้ เท่าไม่ทนั ผูช้ ายหรื อว่า
เดี่ยวนี้ ก็มีหลายร้อยเล่มเกวียน ตอนเนี้ ยเรื่ องของปั ญหาเรื่ องผูห้ ญิงและเด็กเนี่ ยนับวันจะมีมากขึ้น
เรื่ อยๆในสังคมปั จจุบนั เนี่ ยนะ ซึ่ งบางทีเราก็ขาดความระวัดระวังอ่ะ คือเรื่ องความรักกับเรื่ องความ
ต้องการหน่ ะ ที่ ว่ามันเป็ นเรื่ องของมนุ ษย์ท้ งั หญิงและชาย แต่ว่าประเด็นก็คือว่า เรื่ องของหน้าที่
ความรับผิดชอบ ตรงเนี้ ยผูช้ ายไม่ถูกสอนมาแนวคิดแบบสังคมชายเป็ นใหญ่ไง คือในขณะที่ผหู ้ ญิง
ถูกสอนถูกบอกอีกแบบหนึ่งไง แต่เดี๋ยวนี้เนี่ยมันก็เริ่ มมีผหู ้ ญิงก็มีสิทธิ เสรี ภาพมากขึ้น มันก็สามารถ
จะเลือกได้มากขึ้นไง แต่ว่าสิ่ งเหล่าเนี้ ยมันจะคิดจะเลือกยังไงอะไรแบบเนี้ ย หรื อว่าถ้าพลาดไปแล้ว
เนี่ ยตรงเนี้ ยสังคมหรื อว่าครอบครัวเองหรื อว่าตัวของเราก็จะต้องมีมุมมองความคิดขึ้นมาว่า 1 การ
ให้อภัย การเปิ ดโอกาสเนี้ ย การให้พ้ืนที่ ของคนที่ พลาดไปแล้วอะไรแบบเนี้ ย เช่ นโฆษณาไทย
ประกันชี วิต การที่พลาดอ่ะ ถ้าเกิดให้โอกาสเขาให้ความรักความอบอุ่นเนี่ ย มันก็จะกลับมาได้ แต่
ส่ วนใหญ่ ตอนเนี้ ยคือ มันพลาดแล้วเนี่ ยหลายคนคิ ดว่ามันมี เรื่ องหน้าตาเรื่ องศักดิ์ ศรี เรื่ องอะไร
เยอะแยะไปหมดเงี้ย
ผู้สัมภาษณ์ : แต่ไม่ได้คิดถึงจิตใจของคนแค่คนเดียว แต่ดนั ไปคิดถึงในที่มนั อยูภ่ ายนอกอ่ะคะ
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : สังคมรอบข้างอันนี้ เป็ นสิ่ งที่มนั เป็ นเขาเรี ยกว่าเปลือกไม้ไง แต่ว่าแก่นของไม้ไม่
เห็นไง
ผู้สัมภาษณ์ : จริ งๆแล้วปั ญหาพวกนี้เกิดขึ้นมาเนี่ยเราต้องแก้ปัญหาที่ตน้ เหตุก่อน
115
คุณพัชรี ไหมสุ ข
ผู้สัมภาษณ์ : สวัสดีคะ
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : สวัสดีคะ เป็ นไงบ้าง
ผู้สัมภาษณ์ : โอเคคะ พอดีเมื่อกี้ได้คุยกับพี่ ธนวดี แล้วอ่ะคะ ก็
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : อ๋ อ คุยกับพี่เจี๊ยบแล้วใช่ไหม
ผู้สัมภาษณ์ : ได้มาเบื้องต้นแต่วา่ ต้องถามให้ได้ 3 คนคะ ก็เลยต้องมาถามพี่ออ้ มต่อ
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : ไม่ได้อะไรนะ?
ผู้สัมภาษณ์ : อ๋ อ พอดีตอ้ งได้ให้ครบ 3 คนอ่ะคะ ก็เลยมาถามพี่พชั รี ต่อ เรี ยกพี่ออ้ มได้ใช่ไหมคะ
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : ได้ๆๆ
ผู้สัมภาษณ์ : คะ เดี๋ยวถามข้อมูลเบื้องต้นต่ออ่ะคะ พี่ออ้ มอยูใ่ นตําแหน่งอะไรคะ
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : พิทกั ษ์สิทธิสตรี ...
ผู้สัมภาษณ์ : ตําแหน่งอะไรนะคะ
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : อ๋ อ เป็ นหัวหน้าศูนย์พิทกั ษ์สิทธิสตรี
ผู้สัมภาษณ์ : หัวหน้าศูนย์พิทกั ษ์สิทธิ สตรี นะคะ ต้องระบุม้ ยั คะว่าอยู่ที่หาดใหญ่รึป่าว ที่สงขลารึ
เปล่าอะไรอย่างงี้อ่ะคะ
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : อ๋ อ แล้วแต่
ผู้สัมภาษณ์ : อ๋ อ แล้วแต่นะคะใส่ กไ็ ด้ไม่ใส่ กไ็ ด้ อ่า อายุคะ?
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : 41 แล้ว
ผู้สัมภาษณ์ : 41 นะคะ ระดับการศึกษาคะ ปริ ญญาตรี รัฐศาสตร์ รามคําแหง โอเคคะ งั้นเดี๋ยวมาเริ่ ม
กันเลยแล้วกันจะได้ไม่นานนะคะ เอ่อหนู จะถามว่าการก่ อตั้งมูลนิ ธิเพื่อนหญิ งเนี่ ยอะคะเกิ ดขึ้น
เมื่อไรคะ
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : อ๋ อ ของมูลนิ ธิเพื่อนหญิงเราก็ก่อตั้งเมื่อปี 2523 ตอนแรกเราก็ใข้ชื่อว่ากลุ่มเพื่อน
หญิง นะ แล้วก็เราก็ได้พาจดทะเบียนเป็ นมูลนิธิเพื่อนหญิงก็เมื่อปี 2534
ผู้สัมภาษณ์ : คะ แล้วก็ที่เกิดขึ้นนี่คือเกิดขึ้นเพราะอะไรคะ การรวมตัวของ เขาเรี ยกกอะไร
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : อ๋ อ ในสมัยนั้นเนี่ ย ก็ เอ่อ ก็มีการรวมตัวกันของคนทํางาน และของคนทํางานที่
สนใจประเด็นเกี่ยวกับเรื่ องสิ ทธิ เรื่ องของผูห้ ญิง แล้วก็ใน รู ้สึกว่าเวลาที่ผหู ้ ญิงประสบปั ญหาถูกทํา
ร้ายร่ างกายก็ดี ถูกคุกคามก็ดีเนี่ ยมันยัง เอ่อ ไม่ได้รับการช่วยเหลือ ไม่ได้รับการคุม้ ครอง นะก็เลยมี
การรวมตัวกันของกลุ่มผูห้ ญิงแล้วก็ใช้ชื่อว่ากลุ่มเพื่อนหญิง เพื่อที่จะมาทําหน้าที่ในการให้ความ
ช่วยเหลือผูห้ ญิงที่อยูใ่ นภาวะวิกฤต จากการคุกคามทางเพศ หรื อว่าจากการข่มขู่ จากการถูกทําร้าย
โดยคนในครอบครั ว แล้วก็อ่า มันก็ทาํ ให้ผูห้ ญิงได้รับผลกระทบเนาะ ทางด้านร่ างกาย ทางด้าน
118
จิ ต ใจ เรื่ องสิ ท ธิ เรื่ อ งความปลอดภัย ในการใช้ชี วิ ตแต่ ล ะวัน อย่า งเงี้ ย และก็ ม ัน มี ก ารแสวงหา
ประโยชน์ทางเพศ อย่างเช่นการใช้แรงงานที่ผิดกฎหมาย มีการล่อลวง ผูห้ ญิงเข้าสู่ กระบวนการค้า
มนุ ษย์ แต่ว่าการเลิ กจ้างโดยไม่เป็ นธรรม อย่างเนี้ ยนะ อันเนี้ ยก็คือปั ญหา โดยเบื้ องต้นที่ผูห้ ญิ ง
ประสบแล้วก็เอ่อตอนนั้นยังไม่มีองค์กรที่เป็ นนิ ติบุคคล ก็เกิดการรวมตัวกันเป็ นกลุ่มแล้วก็ค่อยมา
จดทะเบียนเป็ นมูลนิธิเพื่อนหญิงก็คือเมื่อปี พศ. 2534 อย่างที่บอก
ผู้สัมภาษณ์ : คะ แล้วนโยบายของมูลนิ ธิเพื่อนหญิงในการพัฒนาคุณภาพคุณภาพชีวิตของสตรี น้ ี มี
อะไรบ้างคะ
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : อ่า ก็โดยภาระกิจของมูลนิ ธิเพื่อนหญิงเนี่ ยก็คือ เอ่อ เรามีนโยบายที่จะ ส่ งเสริ ม
แนวคิดแล้วก็ทาํ ความเข้าใจบนพื้นฐานที่ว่า ไม่ว่าผูห้ ญิงหรื อว่าผูช้ ายก็มีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน
แล้วก็เราก็อยากจะให้ทางสังคมเนี่ ยให้ใช้มาตรฐานเดียวกันในการให้การคุม้ ครองช่วยเหลือ หรื อ
แม้กระทัง่ ในเรื่ องของการพิทกั ษ์สิทธิ์ ผูห้ ญิงก็คือให้เท่าเทียมกับผูช้ ายนะ แล้วก็ ส่ งเสริ มคุณภาพ
ชีวิต ของผูห้ ญิงให้ผหู ้ ญิงเนี่ยได้สามารถที่จะพึ่งพาตนเองได้
ผู้สัมภาษณ์ : คะ แล้วมูลนิ ธิเพื่อนหญิงนี่ มีบทบาทอย่างไรในการเรี ยกกร้องสิ ทธิ เสรี ภาพของสตรี
บ้างคะ?
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : อ่า ก็คือว่าในหลายๆประเด็นที่มูลนิธิเพื่อนหญิงเข้าไปเรี ยกร้องต่อรัฐบาลนะอย่าง
ที่ผา่ นมาเนี่ยก็อย่างเช่นเรื่ องของการออกกฎหมายให้ผหู ้ ญิงสามารถที่จะลาคลอด 90 วันนะ ผลักดัน
ในเรื่ องของการออก พรบ คุม้ ครองผูถ้ ูกกระทําอยู่ในครอบครั ว ซึ่ งจริ งๆแล้วไม่ค่อยมี แต่มูลนิ ธิ
เพื่อนหญิงนั้นอย่างในบ้านเราทํางานกับองค์กรอื่นๆที่ทาํ งานด้านคุม้ ครอง ในหลายๆองค์กร
ผู้สัมภาษณ์ : คะแล้วอย่างสิ ทธิเสรี ภาพเนี่ ยคะที่เรามีบทบาทในการในการเรี ยกร้องเนี่ ยคะ ส่ งผลต่อ
คุณภาพชีวิตต่อสตรี อย่างไรบ้าง?
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : คือจริ งๆแล้วโดยสภาพทัว่ ไปเนี่ ย เราก็จะเห็นว่าบทบาทภาระกิจของผูห้ ญิงต้อง
รับผิดชอบทั้งในส่ วนของครอบครั ว ทั้งต้องรั บผิดชอบต่อหน้าที่การงาน ซึ่ งมันก็เป็ นภาระกิ จที่
ค่อนข้างจะนักนะถ้าพูดถึงในสังคมในยุคปั จจุบนั นี้ เนี่ ย ที่ผหู ้ ญิงจะต้องออกไปทํางานนอกบ้านด้วย
แล้วก็จะต้องรับภาระผิดชอบต่อครอบครัวด้วย แต่ว่าในขณะเดียวกันเนี่ ยเราก็อยากจะให้ เอ่อ ผูช้ าย
ซึ่ งก็ถือว่าเป็ นส่ วนหนึ่ งของครอบครัวนะ ก็จะต้องมาแบ่งเบา ภาระตรงนี้ ดว้ ยเนื่ อจากว่า ถ้าเกิดว่า
เอ่อภาระกิ จตกไปอยู่แต่ผูห้ ญิ งฝ่ ายเดี ยวเนี่ ยทุกครั้ งทําให้ผูห้ ญิ งขาดโอกาสไปเรี ยนรู ้ ในการที่จะ
พัฒนาตัวเองในด้านอื่น เพราะว่ามันมรี ภาระกิจหน้าที่ที่จะต้องดูแลคนในครอบครัว และก็จะต้อง
ทํางานไปด้วยในขณะเดียวกันเพราะฉะนั้นการเรี ยกร้องสิ ทธิ ตรงนี้ เนี่ ยมันก็ทาํ ให้ผหุ ้ ญิงได้มีโอกาส
ที่จะพัฒนาอย่างเช่ น อ่า เวลาที่ผูห้ ญิงมีครอบครัว หลายคนก็ไม่สามารถที่จะไปเรี ยนหนังสื อได้
อหรื อว่าแม้กระทั้งว่าบางคนก็อาจจะต้องลาอกจากงานเพื่อที่จะต้องมาดูแลครอบครัว หรื อว่าบาง
119
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : เอ่อเป็ นเรื่ องครอบครัวซะเป็ นส่ วนใหญ่เนาะ เป็ นเรื่ องครอบครัว
ผู้สัมภาษณ์ : การใช้กาํ ลังหรื ออะไรอย่างงี้ใช่ไหมคะ
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : ก็มีท้ งั ทําร้ายร่ างกาย ทอดทิ้ง ไม่ส่งเสี ยเลี้ยงดู เยี่ยมปกครองบุตร นอกใจ ทํานอง
เนี้ยอ่ะคะ
ผู้สัมภาษณ์ : คะ แล้วกว่าที่เราจะรู ้เรื่ องเนี่ ยคะเราจะประสานงานกับที่ไหนคะ ถึงเรื่ องจะมาถึงตรง
เนี้ยอ่ะคะ อย่างเรื่ องที่เกิดขึ้นในกรณี แบบเหตุฉุกเฉิ นเนี่ ยคะทางสตรี ที่ได้รับผลกระทบอ่ะคะ เขาจะ
ติดต่อมาจากทางไหนคะ
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : อ๋ อ ส่ วนใหญ่เขาจะติดต่อทางโทรศัพท์โนะ แล้วก็จาก เขาจะรู ้จากทางสื่ อต่างๆนะ
คะ เพราะว่ามูลนิ ธิเพื่อนหญิงเองเนี่ ยเราก็มีการออกสื่ อกระแสหลักอยุบ่ า้ ง อย่างเช่น รายการผูห้ ญิง
ถึงผูห้ ญิ ง ที่ เขาก็จะมี การช่ วยในการประชาสัมพันธ์เวลาที่ผูห้ ญิงประสบปั ญหาแล้วจะขอความ
ช่วยเหลือไปที่หน่ วยไหนบ้าง ก็กลุ่มผูห้ ญิงที่มาขอรับบริ การก็ ส่ วนใหญ่ก็จะรู ้จกั มูลนิ ธิเพื่อนหญิง
ผ่านทางสื่ อ ก็จะโทรมาด้วยตนเอง
ผู้สัมภาษณ์ : โทรมาด้วยตัวเองก็มีใช่ไหมคะ แล้วอย่างศุนญ์ประชาบดีอย่างเงี้ยอ่ะคะก็มีส่วนในการ
ประสานงานกับทางมูลนิธิเพื่อนหญิงด้วยกันใช่ไหมคะ?
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : อ๋ อคะก็มีบา้ งคะ อย่างในบางพื้นที่ ในหลายๆพื้นที่เนี่ ยก็มีการประสานงานร่ วมกัน
นะคะถ้าเกิดเคสไหนที่เอ่อ องคืกรภาคเอกชนจะช่วยได้เนี่ ย เขาก็จะประสานความร่ วมมือนะคะ ใน
ที่ มูลนิ ธิ เคสแบบเนี้ ย อาจจะมี ปัญหาอยากจะให้ทางองค์ก รเอกชนช่ วยในเรื่ องของการทํา งาน
ทางด้านความคิดช่ วยทางกระบวนการเรื่ องพวกซัพพอร์ ท การเสริ มสร้ างความเข้มแข็งทางด้าน
จิตใจ ซึ่ งมันก็เป็ นสิ่ งที่มูลนิ ธิเพื่อนหญิงเราก็ถนัดที่จะทําในเรื่ องของการกระทํากิ จกรรมพวกซัพ
พอร์ ทตรงนี้ ให้ดว้ ย ก็จะเป็ นการประสานความร่ วมมือกับทางศูนย์ปะชาบดีบา้ งเป็ นแบบเคสบาย
เคส
ผู้สัมภาษณ์ : คะ อย่างสตรี ที่ได้รับการช่วยเหลือเนี่ยอ่ะคะ จะได้รับการฟื้ นฟูอย่างไรบ้างคะ
ผู้ ใ ห้ ข้ อ มู ล หลั ก : อ๋ อ สิ่ ง ที่ สํ า คัญ ก็ คื อ ทางด้า นจิ ต ใจนะคะ เวลาที่ ผู ้ห ญิ ง ประสบปั ญ หาใน
ครอบครั วเนี่ ยส่ วนใหญ่ เรื่ องเรื่ องจิ ตใจเนี่ ยจะสําคัญว่า เอ่อเวลาผูห้ ญิ งมี ปัญหาก็ตอ้ งการเพื่อน
ต้องการเพื่อนคุยที่เข้าใจต้องการที่จะปลดล็อคความรู ้สึกปลดความคิดของตัวเองซึ่ งเท่าที่เคยคุยกับ
ผูห้ ญิงหลายคนเนี่ ยเขาก็ไม่แน่ใจว่าสิ่ งที่เขาคิดเนี่ ยเอ่อมันถูกมั้ย เขาก็อยากจะมีเพื่อนคุยหลายๆคน
มาร่ วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิตและเวลาที่เขาเจอปั ญหาแบบนี้ คิดแบบนี้ รู้สึกแบบนี้มนั ควรจะ
บวกลบตัวเองยังไงนะคะซึ่ ง ถ้าเกิดว่าเมื่อไรที่เราทําให้ผหู ้ ญิงก้าวพ้นความกลัวตรงนั้นไปได้ เนี่ ย
ผูห้ ญิงก็จะมีกาํ ลังใจและก็มีสติในการที่จะแก้ปัญหาได้ดว้ ยตัวเองไปโดยอัตโนมัตินะคะ แต่ส่ิ งที่เขา
ทําคือผูห้ ญิงจะต้องมีเพื่อนคะ
123
แต่ถา้ หากผูช้ ายทําแบบเนี้ ยก็ถือว่าเป็ นเรื่ องปกติ ธรรมดา อย่างว่า ยกตัวอย่างอีกกรณี นึงอย่างเช่นว่า
เวลาที่ ผูห้ ญิ งตกเป็ นผูต้ อ้ งหาฆ่าสามีของตัวเอง กระบวนการยุติธรรมเนี่ ยก็จะตั้งขอหาหนักเลย
อย่างเช่นว่า เจตนาฆ่า ทั้งๆที่เหตุที่มนั เกิดขึ้นเนี่ ยบางทีผหู ้ ญิงทําไปเพราะว่าต้องป้ องกันตัวเองแต่
มันอาจจะเกิดพลาดแล้วก็ทาํ ให้ผชู ้ ายถึงขั้นเสี ยชีวิตผูห้ ญิงก็จะถูกดําเนิ นคดีแล้วก็ต้ งั ข้อหาหนัก แต่
ว่าในขณะเดียวกันเนี่ยเวลาที่ผชู ้ ายทําร้ายผูห้ ญิงจนถึงขั้นเสี ยชีวิตเนี่ ยการตั้งข้อหามันจะแตกต่างกัน
คือจะไม่ต้ งั ข้อหาหนักแต่จะตั้งข้อหาเบาไว้ก่อน อย่างเช่ นเมาแล้วขับ ในขณะที่ต้ งั ข้อหาผูห้ ญิง
เจตนาฆ่า เนี่ยคือกระบวนการกฎหมายก็มนั ก็ไม่เท่าเทียมกันแล้วด้วยความมีอคติทางเพศ หรื อบางที
ผูห้ ญิงตั้งครรภ์แล้วไม่พร้อมสังคมก็มกั จะประนามว่าก็ผหู ้ ญิงนัน่ แหล่ะเป็ นต้นเหตุนะ ทําไมเป็ นแม่
ใจร้ายไปทําแท้งเอาเด็กไปทิ้งตามถังขยะต่างๆ สังคมก็จะประนามผูห้ ญิงเลยว่าเป็ นแม่ใจยัก เป็ นแม่
ใจมาร แต่สงั คมไม่เคยตั้งคําถามเลยว่า ไอคนที่ไปทําให้ผหู ้ ญิงท้องเนี่ยมันหายไปไหน สังคมไม่เคย
เรี ยกร้องที่จะให้อีกฝ่ ายนึงมารับผิดชอบ นี่ คือตัวอย่างในสังคมที่เห็นได้ชดั ว่าความเท่าเทียมมันยังมี
น้อยอยู่ เป็ นตัวอย่างที่เราเห็นได้ชดั ที่มนั เกิดในชีวิตประจําวันเลย
ผู้สัมภาษณ์ : คะ คิดว่าประเทศไทยเนี่ยยังมีมุมมองเกี่ยวกับความไม่เสมอภาคอยูบ่ า้ งไหมคะ?
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : เอ่อ ก็อย่างที่พี่ยกตัวอย่างอ่ะนะ มันก็ยงั มีอยูเ่ ยอะในเรื่ องของความไม่เท่าเทียมถ้า
เรามองในระดับคนระดับกลางขึ้นไป อันเนี้ ยก็ที่จะเข้าใจเรื่ องมิติความเท่าเทียมระหว่างหญิงชาย
มากขึ้ นกว่าเดิ มนะแต่ว่าในระดับล่างเนี่ ยเรื่ องนี้ จะยังไม่ชัดเจนเพราะเขามองว่าการที่ผูช้ ายเป็ น
หั ว หน้ า ครอบครั ว ออกไปทํา งานนอกบ้า น แล้ว ก็ ผู ห้ ญิ ง ก็ ไ ม่ ไ ด้ท ํา งาน อยู่บ ้า นต้อ งเลี้ ย งลู ก
เพราะฉะนั้นผูห้ ญิงต้องพึ่งก็แต่ผชุ ้ ายเนี่ ย เมื่อผูช้ ายรู ้สึกว่าตัวเองมีอาํ นาจมากกว่าก็สามารถที่จะทํา
อะไรกับภรรยากับลูกของตัวเองก็ได้ เพราะถือว่าเป็ นคนหาเงินให้กบั ครอบครัว อย่างเงี้ย อันนี้ คือ
สังคมระดับล่างเนี่ยก็ยงั ห่ างไกลในเรื่ องของความเท่าเทียมอยูใ่ นสภาพของความเป็ น ถึงแม้วา่ ตอนนี้
เนี่ ยองค์กรที่ทาํ งานทางด้านสตรี เนี่ ยเขารณรงค์ให้มีกฎหมายเสมอภาคหญิงชายออกมา แต่ก็ยงั ไป
ไม่ถึงฝั่งฝันอ่ะนะ
ผู้สัมภาษณ์ : นโยบายของรัฐก็มีส่วนเข้ามาช่วยได้เหมือนกันใช่ไหมคะ
ผู้ให้ ข้อมู ลหลัก : ก็มี อย่างเช่ นนโยบายเรื่ องของกองทุนพัฒนาบทบาทสตรเนี่ ยอันนี้ ก็ถือว่าเป็ น
นโยบายที่ดีเนาะ พี่กถ็ ือว่าเป็ นนโยบายที่ดีที่จะยกระดับให้ผหู ้ ญิงสามารถที่จะมีรายได้ หรื อว่าพึ่งพา
ตัวเองได้ในเรื่ องของอาชีพ ตรงเนี้ ยเมื่อผูห้ ญิงเอ่อมีเงินสามารถเข้าถึงแหล่งทุนก็ประกอบอาชีพได้
ผูห้ ญิงก็จะมีรายได้เป็ นของตัวเองเมื่อผูห้ ญิงสามารถที่จะพึ่งพาตัวเองทางด้านเศรษฐกิจได้เนี่ ยมันก็
จะไปลดภาวะการช่วงชิง เมื่อลดภาวะการช่วงชิงลงแล้วเนี่ ยเวลาที่เกิดปั ญหาขึ้นมาปุ๊ บเนี่ ยผูห้ ญิงก็
จะยัง สามารถใช้ชี วิ ต ได้ต ามปกติ ซึ่ งมัน ต่ า งกัน อย่างสมัย ก่ อ นเนี่ ย เวลาที่ ผูห้ ญิ ง จะไปขอกู้เงิ น
เพื่อที่จะมาลงทุนทําธุ รกิจ อะไรเล็กๆน้อยๆเนี่ ยบางครั้งมันต้องขออนุ มตั ิผา่ นทางสามีก่อน ให้สามี
125
ยินยอม ถ้าสามีไม่ยนิ ยอมก็คือผูห้ ญิงก็ทาํ อะไรไม่ได้ นะคะ ซึ่งที่ผา่ นมาเนี่ยจริ งๆแล้วผูห้ ญิงเนี่ยต้อง
แบกรั บภาระหนี้ สิ นของครอบครั ว ทั้ง ๆที่ ตวั ไม่ ใช่ เ ป็ นคนกู้เ งิ น นะ อย่า งที่ ผ่า นมาเนี่ ย พอมัน มี
นโยบายตัวเนี้ ยเข้ามาเนี่ ยก็ถือว่าเป็ นกระโยชน์กบั ผูห้ ญิง ที่จะทําให้ผูห้ ญิงเข้าถึงแหล่งทุนได้ดว้ ย
ตัว เองโดยไม่ ต ้อ งผ่า นพ่ อ บ้า น ไม่ ตอ้ งรอว่า พ่อ บ้า นจะยิน ยอมหรื อ ไม่ แต่ ผูห้ ญิ ง สามารถที่ จ ะ
ตัดสิ นใจได้ดว้ ยตัวเอง
ผู้สัมภาษณ์ : ก็คือโดยทัว่ ไปแล้วเนี่ยในปั จจุบนั เนี่ยคะ ชายและหญิงในปั จจุบนั นี้กค็ ือสิ ทธิในการใช้
ชีวิตนี่คือพี่คิดว่ามันเท่าเทียมกันมากขึ้นใช่ม้ ยั คะ
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : เอ่อถ้ามองในภาพรวมนะ มันก็อาจจะเห็นการปรับตัวของผูค้ นในสังคมคือมันต้อง
มีตวั อย่างเยอะที่ผชู ้ ายในสังคมยุคปั จจุบนั เนี่ ยก็ให้เกียรติแฟนของตัวเอง นะ อย่างเช่ นอนุ ญาติให้
แฟนไปทํางานประกอบอาชีพที่ตวั เองรักที่ตวั เองชอบ หรื อว่าทําในสิ่ งที่ตวั เองรักได้ ซึ่งมันแตกต่าง
กับในยุคสมัยก่อนหน้านี้ ที่ ผูช้ ายจะไม่ยอมให้ผหู ้ ญิงไปทํางานก็คือผูห้ ญิงคนไหนที่ทาํ งานอยู่แล้ว
เมื่ อ มี ค รอบครั ว หลายเคสที่ เ ขามาที่ มู ล นิ ธิ เ พื่ อ นหญิ ง เนี่ ย ก็ ต ้อ งออกจากงานเพื่ อ ที่ จ ะมาดู แ ล
ครอบครัว แต่พอท้ายที่สุดเมื่อวันเวลาผ่านไป ผูช้ ายก็ไม่ได้ส่งเสี ยเลี้ยงดูซ่ ึงตรงเนี้ ยมันจะเป็ นปั ญหา
ว่า เมื่ อผุห้ ญิ งถูกทอดทิ้งหรื อว่าผูช้ ายไม่ได้ส่งเสี ยเลี้ยงดูเนี่ ยปั ญหาก็จะตกมาที่ ผูห้ ญิ งเลยเพราะ
ผูห้ ญิงไม่มีรายได้ ซึ่งมันคงจะต้องเลี้ยงลุกที่ยงั เล็กอยู่ ค่าใช้จ่ายจิปาถะอะไรเยอะแยะมากมาย แต่ว่า
ในยุคสมัยนี้เนี่ยเราก็เริ่ มเห็นบ้างในสังคมของผูช้ ายที่เปลี่ยนไป
126
ผู้ ใ ห้ ข้ อ มู ล หลัก : คื อ ถ้า เราพูด กัน ประเด็น นี้ คื อ ต้อ งย้อ นไปดู ว่ า กระบวนการในการให้ค วาม
ช่วยเหลือของแต่ที่เนี่ ย ทําขนาดไหน เพราะว่าถ้าเราพูดถึงยกตัวอย่างมูลนิ ธิปวีณา มูลนิ ธิปวีณาทํา
หน้าที่เหมือนเป็ นหน่วยงานในการคัดกรองเคส เป็ นตัวรับเคส
ผู้สัมภาษณ์ : คัดกรองเท่านั้น แล้วส่ งต่อ?
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : ใช่ เพราะว่าเด็กส่ วนหนึ่ งก็มาอยู่กบั เรา ถึงแม้ว่ามูลนิ ธิปวีณาช่ วงหนึ่ งเคยมีการ
รับเคสเข้าไปดูแล แต่กร็ ะยะหลังๆก็เท่าที่เราทราบก็คือ ไม่ได้ดูแลเอง คัดกรองแล้วก็ส่งต่อ
ผู้สัมภาษณ์ : ก็เรี ยกว่าไม่ครบวงจร?
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : เราต้องไปดูบทบาทภาระกิจของเขาเนาะเพราะว่าเราไม่รู้จริ งๆว่าขอบเขตของเขา
แค่ไหน แต่อย่างอีกมูลนิ ธินึงที่เราทํางานด้วยกันนะคะ และก็ว่าทุกวันนี้ ก็ยงั ทํางานด้วยกันอยู่ คือ
มูลนิธิศุนย์พิทกั ษ์สิทธิเด็กของอาจารย์สัพสิ ทธ์ คุมประพันตรงนั้น นี้ ของมูลนิ ธิเนี่ย เขาก็ทาํ งานเต็ม
รู ปแบบเต็มกระบวนการเหมือนเรา เขามีพนักงานเจ้าหน้าที่คุม้ ครองเด็กเยอะมาก เอ่อ มีนกั สังคม มี
นักจิตฯ มีพนักงานคุม้ เอ่อ สิ ทธิเด็กอะไรต่างๆ แต่เขาข้อจํากัดของเขาคือหน่วยงานเขารับเด็กได้แค่
14 คน แล้วพอเต็ม 14 ปุ๊ บเขาก็รับไม่ได้และ เขาก็จะสามารถส่ งต่อไปอยูท่ ี่อื่นได้ แต่อย่างหน่วยงาน
ของรัฐเนี่ ยเราเต็นไม่ได้ เราก็ตอ้ งรับมาอยู่ตลอดเวลาคือแม้ว่าจํานวนคนจะเกินจํานวนผูด้ ูแลหรื อ
อะไรต่างๆ แต่เราก็ตอ้ งบริ หารจัดการให้ได้นะคะ
ผู้สัมภาษณ์ : เป็ นคําตอบที่ดีเลยนะคะว่ามูลนิ ธิต่างๆเนี่ ยคะ มันจะมีความพร้อมนึ กภาพนะใช่ไหม
คะ
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : ใช่คะ
ผู้ สัมภาษณ์ : เราต้องพิ จ ารณาถึ งว่า มูลนิ ธิปวี เช่ น มี ระยะเวลาแค่น้ ี แค่น้ ี แค้น้ ี เพราะงั้น เราจะ
คาดหวังว่าทุกแห่ งเท่ากัน ตรงนี้ ซึ่งความพร้อม คือคิดว่ามันมีปัญหาเรื่ องบประมาณ ก็คงจะไม่ดีไป
กว่ารัฐบาลแน่นอน เขาเป็ นเครื อข่ายให้กบั รัฐบาลไหมคะ?
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : ก็ทาํ งานร่ วมกันคะ คืออย่างมูลนิธิปวีณาเนี่ย คือเรามองกันครงที่ว่า เอ่อ บางมูลนิธิ
เนี่ ย เขาดังอยูแ่ ล้ว ไม่ตอ้ งประชาสัมพันธฺ เขาก็ดงั เพราะว่าเขามีวิธีการในการประชาสัมพันธ์ตวั เอง
เนาะ เป็ นที่รู้จกั ของชาวบ้านอะไรอย่างเงี้ ยคะ ในส่ วนตัวเรามองว่าถ้าเป็ นช่ องทางนึ งในการให้
ความช่ วยเหลือประชาชนไม่ว่าประชาชนเดื อดร้อนและจะเข้าสู่ ช่องทางไหนก็ตาม ถ้ามันมีการ
ประสานความร่ วมมือกันเนี่ ยเราไม่มานั่งเกี่ยงกันหรอก โอ้ยอันนี้ มาจากสายนี้ เราไม่รับหรื ออะไร
อย่างเนี้ยอ่ะคะ เพราะฉะนั้นแทนนชที่จะติดต่อมาในสายของราชกาลโดยตรงหรื อของกรมโดยตรง
เนี่ ย ก็คุณก็ติดต่ อในจุ ดที่ คุณรู ้ จกั ในขณะเดี ยวกันเนี่ ย ภาคี เครื อข่ายที่ จะต้องทํางานร่ วมกันเนี่ ย
จะต้องมารั บช่ วงต่ อเพราะฉะนั้นคือถ้าเขาเอ่อทําตรงนั้นได้ แล้วเราก็ประสานความร่ วมมือกัน
137
คุณนวลศรี เพ็ชรนวล
(ผู้ปกครองสถานแรกรับเด็กหญิงบ้ านธัญญพร)
ผู้สัมภาษณ์ : การเรี ยนจะส่ งให้ถึงระดับไหนคะ
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : ถ้าเด็กคนไหนเรี ยนระดับอุดมศึกษาได้เราก็สนับสนุ น ถ้าไม่ได้ก็ตามนั้นไป ถ้า
ไม่ได้กฝ็ ึ กอาชีพ
ผู้สัมภาษณ์ : คือประเด็นที่เราสนใจคือว่าในหน่ วยงานที่เนี่ ย มันเหมือนมีโรงเรี ยนที่ฝึกเลยใช่ไหม
คะ
ผู้ ใ ห้ ข้ อมู ลหลัก : โรงเรี ย นฝึ ก มี กศน อ่ ะ คะ เรี ย นในนี้ เลยคะก็จ ะถึ ง ในระดับ มัธ ยมต้น แต่ ถ ้า
บางส่ วนที่ออกไปเรี ยนข้างนอกได้ ก็คือให้เรี ยนที่โรงเรี ยนข้างนอก
ผู้สัมภาษณ์ : แล้วถ้าวิชาชีพล่ะคะ มีไหม?
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : วิชาชีพไม่มี จะต้องไปที่ศูนย์ฝึกอาชีพ
ผู้สัมภาษณ์ : แล้วรู ปแบบของความรุ ณแรงในครอบครัวที่พบมาคืออะไรแล้วเจอในลักษณะไหน
บ้าง
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : ความรุ ณแรงในครอบครัว จากคนในครอบครัว จากคนที่อยูใ่ กล้ชิดจากในชุมชน
ผู้สัมภาษณ์ : เช่นคุณพ่อคุณแม่ พ่อเลี้ยง แม่เลี้ยง สามี ภรรยา...
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : ที่นี่จะเป็ นเด็กนะคะ
ผู้สัมภาษณ์ : ตั้งแต่อายุเท่าไรคะ
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : 6-18ปี
ผู้สัมภาษณ์ : เพราะฉะนั้นก็คือการกระทําความรุ นแรงที่น้องได้รับมาอะคะก็คือ เรี ยกว่าก็จะเป็ น
การทุบตีอะไรอย่างงี้มากกว่าหรื อป่ าวคะ หรื อว่า...
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : ก็จะมีกรณี การทําทารุ ณทางร่ างกายและจิตใจ ร่ างกายนี่ไม่มาก
ผู้สัมภาษณ์ : ร่ างกายนี่ไม่มาก แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเริ่ มมาจากจิตใจมากกว่า ในการพูดใส่ นอ้ งอะไรงี้
ใช่ไหมคะ
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : ไม่ใช่
ผู้สัมภาษณ์ : เป็ นยังไงอะคะ
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : ก็อีกอย่างนึงก็คือ เด็กอยูใ่ นสภาวะที่เสี่ ยงต่อการกระทําผิดกฎหมาย มี 3 ข้อ เด็กอยู่
ในสิ่ งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมการจะมาที่นี่ 3 ข้อ
ผู้สัมภาษณ์ : แล้วเอ่อก่อนที่นอ้ งจะมาอยูท่ ี่นี่อ่ะคะ ใครเป็ นผูร้ ับมาส่ งคะ
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : จะเป็ นบ้านพักเด็กและครอบครัวที่จะคัดมาส่ ง
142
คุณภานุวฒ
ั น์ กษิดิส (นักสังคมสงเคราะห์ )
ผู้สัมภาษณ์ : สวัสดีคะ
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : สวัสดีครับ เอ่อ งั้นผมขอเริ่ มเลยแล้วกันนะครับ ความเสมอภาคทางด้านเพศหญิง
และเพศชายเนี่ยอะครับ ถ้ามองในบทบาทของเจนเดอร์ ในมุมมองของตะวันตกก็อาจจะมองถ้าพวก
สตรี นิ ย มแนวคิ ด อะไรแบบเนี้ ยเขาอาจจะมองไปว่า ผูห้ ญิ ง สามารถทํา อะไรก็ไ ด้เ หมื อ นผูช้ าย
ประมาณนั้นโดยที่แบ อ่ามีศกั ยภาพเท่าเทียมกันแต่ลืมไปมองว่าจุดอ่อนและจุดแข็งเกี่ยวกับทางด้าน
กายภาพมันไม่เท่าเทียมกัน ก็ แต่ว่าประเทศไทยเนี่ ย ถ้าดั้งเดิมมันจะเป็ นเรื่ องลักษณะของการสอด
ประสานซึ่งกันและกันระหว่างเพศชายและเพศหญิงก็คือว่าช่วยเหลือซึ่ งกันและกันประมาณเนี้ ยอ่ะ
ครับ
ผู้สัมภาษณ์ : คือพูดเนี้ยกําลังประเมินความว่าอาจจะไม่ตอ้ งเสมอภาคก็ได้
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : ใช่แต่คนที่ปเรี ยนงานจากเมมืองนอกหรื อว่าอะไรเงี้ยอาจจะมองไปว่าอ่า บางทีเป็ น
แม่เลี้ยงเดี่ยวอะไรอย่างนี้ อ่ะครับเรามีศกั ยภาพสามารถเลี้ยงลูกตัวเองได้ประมาณเนี้ ย อันนี้ อาจจะ
เป็ นเพราะว่าโดยสังคมปั จจุบนั บังคับ และก็โดยการรับเอสาประเพณี จากต่างประเทศอะไรอย่างเงี้ย
เข้ามาประมาณเนี้ย
ผู้สัมภาษณ์ : เพราะงั้นมุมมองในความาเท่าเทียมกันเนี่ ยจริ งๆแล้วมีความคิดว่ามาจากต่างประเทศ
แต่ประเทศไทยคิดว่าการเท่าเทียมกันนี้มีหรื อยัง
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : มีแล้วครับ ก็เริ่ มมีมากขึ้นก็อย่างเช่น ให้เลือกตั้งอะไรประมาณเนี้ ย ผูช้ ายผูห้ ญิงก็
สามารถเลือกตั้งได้สามารถมีสิทธิ ในการเลือก สส อะไรประมาณเนี้ ย ก็คือเราเห็นอยู่ในปั จจุบนั
แล้วก็ผูด้ าํ รงแหน่ งสู งๆสมัยนี้ ก็มาจากผูห้ ญิง จะเห็ นได้จากปั จจุบนั ก็คือนายกรัฐมนตรี และเห็ น
เด่นชัดเลยก็กระทรวง กม.นะครับ อาจจะให้เกี่ยวกับบทบาทสตรี เข้ามาดํารงตําแหน่งสู งๆ แต่อาจ
ยังจะมีบา้ งในส่ วนของกระทรวงกลาโหม หรื อว่าอะไรประมาณเนี้ย เพราะว่ามันเป็ นกระทรวงที่เขา
เรี ยกว่าทหารก็ตอ้ งใช้ เขาเรี ยกว่าเขาจะมีกลุ่มอํานาจของเขา อันนั้นซึ่ งจะแยกออกไปให้เหมือนกับ
เกี่ยวกับบริ บททางด้านสังคมซึ่ งผูห้ ญิงเนี่ ยจะละเอียดอ่อนแล้วสามารถจะดูแลได้ทวั่ ถึงและละเอียด
มากกว่าผูช้ าย เพราะงั้นเลยทําให้มนั สามารถก้าวขึ้นมาระดับสู งแต่ผมว่ามันก็เสมอกันแต่ไม่ใช่ใน
ทุกๆตําแหน่ง เพราะว่ามันมีความเฉพาะของแต่ละเพศหรื อ เพราะว่าถ้าขึ้นมาทุกตําแหน่งได้มนั ก็ไม่
เกิดความแตกต่างขึ้นในสังคมประมาณนี้อ่ะครับ
ผู้สัมภาษณ์ : ในความเห็นส่ วนตัวนะคะคิดว่าเพศชายเนี่ ยพร้อมหรื อยังที่จะส่ งเสริ มความเท่าเทียม
กัน
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : พร้อมนะครับ จะไม่ใช่แค่ผหู ้ ญิง เพศชาย อาจจะเป็ นเพศที่สาม เพศที่สามหน่ะที่มี
ก็อาจจะแบ่งออกไปหลายๆประเภท ซึ่ งมันมีความหลากหลายในสังคม เพราะฉะนั้นการแสดงออก
145
ผู้สัมภาษณ์ : เหมือนกับว่าหน่วยงานมีไม่พร้อมกว่า?
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : นัน่ อาจจะเป็ นอย่างนั้น
ผู้สัมภาษณ์ : งั้นการทําหน้าที่เขาอาจจะไม่สมบูรณ์หว่า
ผู้ให้ ข้อมู ลหลัก : ใช่ อาจจะเป็ นหน่ วยประสานในเบื้ องต้นลงร่ วมกัน แล้วก็มีทรั พยากรอะไรที่
สามารถจะช่วยเหลือเคสนั้นได้ อย่างเช่นปั จจัย 4 หรื อว่าสามารถติดตามให้เราได้อย่างต่อเนื่ องแล้ว
ก็เขาจัด การในเรื่ องของการติ ด ตามประมวลผลอี ก ที นึงเพราะว่า อย่างเช่ นบ้านพัก เด็กอ่ ะ มี กัน
อยูป้ ระมาณ 11 คนปั ญหาทั้งจังหวัดเราไม่สามารถ ถ้าเราไม่ได้เครื อข่ายในการช่วยระวังและติดตาม
ให้ มันก็จะทํางานให้งานล่าช้าและก็ไม่ประสบความสําเร็ จในการช่วยเหลือ
ผู้สัมภาษณ์ : เพราะงั้นเขาก็ไม่สามารถจะเป็ นเจ้าหน้าที่ตาม พรบ. คุม้ ครองได้ใช่ไหมคะ เพราะงั้น
เขาต้องพึ่งหน่วยงานทางภาครัฐ ศูนย์ประชาบดีนี่เขาก็จะสามารถประสานได้ แต่เขาก็ไม่สามารถทํา
หน้าที่เป็ นศูนย์ประชาบดีประจําจังหวัดได้?
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : ใช่ เป็ นอาสาสมัครเงี้ยได้
ผู้สัมภาษณ์ : แล้วในเรื่ องของสิ ทธิ สตรี เนี่ ยคะ ถ้าจะคิดว่ามีการให้สิทธิ สตรี มากขึ้นนะคะ เมื่อมา
เทียบกับชายนะคะ วันนี้สิทธิสตรี ได้มากขึ้นบ้างหรื อยังขาดตรงไหนไหมคะ
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : สิ ทธิ สตรี สาํ หรับชายหญิงผมว่าเท่าเทียมกัน ณ ตอนนี้ เท่าเทียมกัน เพราะว่ามีท้ งั
กฎหมายหรื อว่าอนุสญ ั ญาที่ออกมาเราก็ร้องกันมาเรื่ อยๆ มาสร้างเป็ นนโยบาย และก็ลงมาจนกระทัง่
เป็ น ผมว่าในรุ่ นผมเนี่ยมันก็ซึมเข้าไปในระบบคิดแล้ว เพราะว่าเดี๋ยวนี้ผหู ้ ญิงก็เก่งกว่าผูช้ ายแล้ว
ผู้สัมภาษณ์ : คือในเรื่ องของแนวคิด ในเรื่ องของในทางให้สิทธิเนี่ยคิดว่าเท่าเทียมแล้ว?
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : ผมว่าถ้ามองเผินๆมันก็เท่าเทียมกันแต่ผมว่ามันก็ยงั มีบา้ งถ้าเรามองในเรื่ องของ
รายละเอียดในเรื่ องของอคติเล็กๆน้อยๆ แต่โดยส่ วนใหญ่เท่าเทียมกัน
ผู้สัมภาษณ์ : เพราะงั้นก็ไม่น่าเป็ นห่วง ในเรื่ องที่เรี ยกร้องในความเสมอภาคทางเพศ
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : แต่วา่ ส่ วนที่สาํ คัญก็คือการให้เกียรติกนั มากกว่าการสอดประสานซึ่งกันและกันผม
ว่าถ้าไม่มีในจุดตรงเนี้ ย ไม่ว่าจะเป็ นการทํางานการใช้ชีวิตร่ วมกันหรื อในเรื่ องความสัมพันระหว่าง
เพื่อนหรื อระหว่างประมาณเนี้ยครับ มันก็อาจจะไปไม่รอด
ผู้สัมภาษณ์ : บทบาทของนักสังคมสงเคาะห์ที่คุณภานุ วฒั น์ที่ทาํ หน้าที่อยู่เนี่ ยคะ จากที่ฟังมาแล้ว
ทั้งหมดเนี่ยคือบทบาทของนักสังคมสงเคราะห์ ครบถ้วนแล้ว
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : ครับ อ๋ อจะมีในเรื่ องของการฟื้ นฟู ป้ องกันแก้ไขไปแล้วก็ในเรื่ อยของการฟื้ นฟูจะมี
การคัดกรองครับอย่างเช่นผูใ้ ช้บริ การจากการประเมินทางด้านจิตวิทยาแล้วก็สอบประวัติ ก็คือว่า
เวลาเราได้ขอ้ มูลจากตรงนี้ มาเราก็จะเอามาอย่างเช่นผูช้ ายผูห้ ญิงเนี่ ยแต่ละคนเนี่ ยถ้าจะเอาในเรื่ อง
ของ เจนเดอร์ มาจับปั ญหาของแต่ละคนมันก็จะแตกต่างกันอย่างเช่นปั ญเข้ามา เด็กพฤติกรรมไม่
151
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : โอ๊ย!! แฟนพี่มนั เลวคะน้อง มันตบตีพี่ ด่าพี่เสี ยๆหาย บางที่อ่ะนะ เวลามันเกิ ด
โมโหขึ้นมา มันก็ยงั มาลามด่าแม่พี่เล้ย!!
ผู้สัมภาษณ์ : ซะงั้นอ่ะ
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : ให้พดู ภาษาชาวบ้านก็คือ “เหี้ ย” ดีๆนี่เอง
ผู้สัมภาษณ์ : แล้วเวลาพี่โดนตบ โดนด่า พี่มีการโต้ตอบ กลับคืนบ้างมัย๊ คะ?
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : จะเหลือหรอคะน้อง พี่กเ็ ป็ นคนนะคะ มีหวั ใจ มีความรู ้สึกเหมือนกัน ใครทําพี่ พี่ก็
ทําคืนหมดแหละคะ คนอื่นมันไม่ใช่พอ่ ใช่แม่พี่ซะหน่อย
ผู้สัมภาษณ์ : โหดจังเลยคะ แล้วพี่สูเ้ ค้าได้หรอคะเห็นตัวนิดเดียวเองอ่ะ?
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : ถึงสู ไ้ ม่ได้พี่กส็ ู อ้ ่ะคะน้อง แต่ส่วนใหญ่ที่กลับมา แผลพี่กเ็ ต็มตัวทุกที
ผู้สัมภาษณ์ : แฟนพี่เค้าทําร้ายพี่ตรงไหนบ้างคะ?
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : ส่ วนใหญ่กจ็ ะเป็ นแผลที่ตวั แขน ขา และใบหน้าคะ เจ็บมากๆ
ผู้สัมภาษณ์ : โอย!! แล้วสาเหตุที่ทาํ ให้พี่กบั แฟนทะเลาะกัน มันเกิดมาจากสาเหตุอะไรหรอคะ?
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : ก็แฟนพี่อ่ะ แม่ง!! เป็ นคนขี้หึงจนเกินเหตุ หึ งจนบางทีพี่นี่อยากจะหนี มนั ไปเดี๋ยว
นั้นเลย สาเหตุคือ เรื่ องของเรื่ องอ่ะไม่มีอะไรเลย พี่อยู่ของพี่เฉยๆ มันก็หาว่าพี่อ่ะมีกิ๊ก แฟนพี่มนั
เหมือนเป็ นคนโรคจิตอ่ะน้อง คนไม่ได้ทาํ อะไรผิดมันก็หาว่าเราอ่ะทําผิด แล้วมันก็มาซ้อมพี่ซะเยิน
เลย
ผู้สัมภาษณ์ : เอิ่ม!! เอิ่ม!! แล้วอาการการบาดเจ็บของพี่เป็ นยังไงบ้างคะ?
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : ถ้าทะเลาะกันแบบไม่แรงมาก ส่ วนใหญ่ก็มกั จะขาเขียว แขนเขียว แต่พกั หลังที่
ก่อนจะเลิกกันอ่ะ แฟนพี่มนั ชอบต่อยที่หน้าพี่ เบ้าตาพี่ พูดก็พดู เถอะนะน้อง พี่โครตจะอายชาวบ้าน
ชาวช่องเค้าที่มีผวั เหี้ ยๆแบบนี้ แถมบางครั้งนะ ลูกพี่อยูด่ ว้ ย มันก็ตบพี่ต่อหน้าลูกเลย
ผู้สัมภาษณ์ : แล้วพี่ทนได้ยงั ไงคะ?
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : พี่เคยคิดนะคะน้องว่าพี่จะทนมือทนตีนมันได้ อย่างน้อยๆก็อดทนเพื่อลูก ทําไงได้
ล่ะคะ สิ่ งเหล่านี้เราเป็ นคนเลือกเอง ไม่ได้มีใครมาบังคับเราซักหน่อย แต่ในตอนหลังยิงเรื่ องราวมัน
เริ่ มหนัก ขึ้ น ตัวพี่เองก็เริ่ มทนไม่ ไหว พี่สงสารแม่พี่ที่เขาต้องมาเห็ นพี่ โดนทํา ร้ ายอยู่บ่อยๆ อี ก
อย่างนึงนะ พี่อ่ะสงสารลูก เคยคิดนะว่าจะอีกนานมัย๊ ? กว่าที่แฟนพี่จะดีซกั ที สุ ดท้ายสิ่ งที่เราคิดมัน
ก็เป็ นไปไม่ได้ เพราะแฟนพี่มนั ทําไม่ได้ แถมมันยังพาผูห้ ญิงเข้ามานอนกันที่บา้ นอีกต่างหาก
ผู้สัมภาษณ์ : แล้วพี่ทาํ ไงอ่ะคะ
ผู้ให้ ข้อมูลหลัก : พี่ไม่ทาํ อะไรเลยคะพี่เลิกให้คะ ตอนแรกๆแฟนพี่มนั ก็จะไม่เลิก ทําให้ทะเลาะกัน
มีปากมีเสี ยง ลงไม้ลงมือกัน จนพี่เนี่ย!! ทนไม่ไหว เลยไปแจ้งตํารวจให้มาจับมัน ส่ วนตํารวจเองเค้า
ก็ไม่ค่อยอยากจะดําเนินการแจ้งความหรอกคะ “เรื่ องผัวๆ เมียๆ”
162
ภาพที่ 3 มูลนิธิเพื่อนหญิง
ประวัติผู้วจิ ัย