Professional Documents
Culture Documents
ບົດບາດຍິງຊາຍ3
ບົດບາດຍິງຊາຍ3
27
บทบาทหญิงชายในการศึกษาระดับประถมของประเทศเมียนมา
บทบาทหญิงชายในการศึกษาระดับประถมของประเทศเมียนมา1
ณัฐราพร พรหมประสิทธิ์
นักศึกษาปริญญาโท หลักสูตรเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา ส�ำนักวิชาศิลปศาสตร์
มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช 80161
อีเมล์: nattarapornp@gmail.com
บทคัดย่อ
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาบทบาทหญิงชายในการศึกษาระดับประถม
ของประเทศเมียนมา ตามหลักสูตรการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ประเทศเมียนมา
ข้อค้นพบส�ำคัญของการศึกษานี้ คือ ทัศนคติเกีย่ วกับผูช้ ายทีม่ บี ญ ุ บารมียงั คงถูกให้ความส�ำคัญ
ในฐานะของบุคคลทีม่ บี ญ ุ บารมีทสี่ งู ส่ง มีความรูค้ วามสามารถ และอยูใ่ นระดับทีส่ งู กว่าผูห้ ญิง
เนื้อหาในต�ำราเรียนอธิบายถึงหน้าที่หรือการแบ่งหน้าที่ของหญิงและชายไว้ออย่างชัดเจน
แต่ในความเป็นจริงแล้วเนื้อหาในต�ำราเรียนเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างทางเพศ
มี ก ารน� ำ เสนอเรื่ อ งราวของเพศชายมากกว่ า เพศหญิ ง เกื อ บทุ ก ด้ า น ประการแรก คื อ
ด้านครอบครัว ต�ำราเรียนน�ำเสนอภาพ “พ่อ” ในฐานะของเสาหลักของครอบครัว เปรียบเสมือน
เทพประจ�ำบ้าน ในขณะที่ “แม่” ซึ่งเป็นเพศหญิงนั้นเป็นเพียงผู้ดูแลและผู้สนับสนุนสมาชิก
ในครอบครัวเท่านั้น ประการที่สอง คือ ด้านการท�ำงาน อาชีพที่ได้รับการยกย่อง มีผู้นับหน้า
ถือตา และมีความมั่นคงของสังคม คือ ทหาร แพทย์ ครู ซึ่งเนื้อหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับอาชีพ
ส่วนใหญ่นั้นถูกอธิบายและถูกแทนด้วยภาพของเพศชาย อาชีพที่ได้รับเกียรติของเพศหญิง
คือ อาชีพครู และพยาบาล ซึ่งมีหน้าที่ในการดูแลผู้อื่น อาชีพของเพศหญิง คือ อาชีพที่ต้อง
มี ค วามมุ ่ ง มั่ น ตั้ ง ใจ และเสี ย สละเพื่ อ ดู แ ลผู ้ อื่ น รวมทั้ ง ผู ้ ห ญิ ง ยั ง ไม่ ไ ด้ รั บ การน� ำ เสนอ
1
บทความชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ชื่อ บทบาทหญิงชายในการศึกษาระดับประถมของประเทศ
เมียนมา ผลงานวิจัยนี้ได้รับทุนสนับจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และโครงการทุนวิจัยมหาบัณฑิตสกว.
ด้านมนุษยศาสตร์ - สังคมศาสตร์ รุ่นที่ 11
Nattaraporn Promprasit
Studies Master’s Student in Southeast Asian, School of Liberal Arts,
Walailak University, Nakhon Si Thammarat 80161, Thailand
E-mail: nattarapornp@gmail.com
Abstract
This research project investigates the roles of men and women that
have been demonstrated in the textbooks of primary schools by the Ministry
of Education of Myanmar. It finds that patriarchy is more emphasized. Men are
believed as the charismatic leaders and educated, while women are viewed
as inferiors. Having scrutinized the contents of those textbooks in detail, it also
finds that careers are categorized according to their sexuality. In addition, the
contents of those textbooks illustrate the differences of gender. The male
roles are represented more than female. First, in terms of family, textbooks
represent the figure of “father” as the family’s leader. He is also symbolized
as a god in his house. In contrast, a “mother” is compared to a domestic
worker who supports all family members. Second, for careers, the admirable
and stable occupations are soldiers, doctors, and teachers, which most of
those pictures are represented by men. For women, their recommended
careers are teachers and nurses, which educate women to serve and take care
of others. However, the pictures of housekeeper and family’s supporter of
women have not been potentially represented. Third, in social aspect,
Burmese men are expected to participate in every social activity. Boys have to
play a vital role in their schools and their roles are of course extended when
they are growing up. Meanwhile Burmese women are expected to gain social
respect through their beauty. However, their opportunity in learning is less
than men because their lives are limited within some spheres.
ที่มาและความส�ำคัญของปัญหา
จากการศึกษางานที่เกี่ยวข้องกับหญิงชายพม่าที่ผ่านมา ผู้วิจัย พบว่า มีการศึกษา
เกี่ ย วกั บ หญิ ง ชายในหลากหลายรู ป แบบ งานเขี ย นของ Mi Mi Khaing (1984) ได้ มี
การน�ำเสนอเรื่องราวของผู้หญิงชาวพม่า สิ่งส�ำคัญที่พบในงานเขียนของ Mi Mi Khaing คือ
การระบุว่าผู้หญิงพม่ามีความภาคภูมิใจบทบาทของที่เป็นอยู่ของตนเอง และอธิบายให้เห็น
ถึงความเชื่อของผู้หญิงชาวพม่าที่ว่า ผู้หญิงมี โบง (phon) หรือ บุญบารมีต�่ำกว่าผู้ชาย
(Khaing, 1984, p. 16) ในขณะที่ผู้ชายได้รับการยกย่องในฐานะของเองน์อูนัต (ein-oo-nat)
หรื อ เทพประจ� ำ บ้ า น ในฐานะของผู ้ น� ำ ครอบครั ว และการให้ ค วามเคารพนั บ ถื อ โดย
Aye Nwe (2009) ได้อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดของเรื่องดังกล่าวว่า ความเชื่อเรื่อง
บุญบารมีเป็นสาเหตุของล�ำดับชั้นเพศและการกดขี่ผู้หญิงในพม่า ครอบครัว และสังคม
ของพม่า
Furnivall นักวิชาการอาณานิคมที่ส�ำคัญอีกคนหนึ่ง ได้ระบุว่า “เสรีภาพของ
ผูห้ ญิง” ในพม่ามีสถานะไม่เหมือนใคร และมีเพียงไม่กปี่ ระเทศทีป่ ระสบความส�ำเร็จในเรือ่ งนี้
มากกว่าประเทศพม่า (Tharaphi, 2014, p. 2) สอดคล้องกับที่อุษณีย์ พรหมสุวรรณ์ (2547)
ได้ศึกษาเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของผู้หญิงพม่าในการน�ำเสนอของตะวันตก พบว่า ผู้หญิงมีสิทธิ
เท่าเทียมกับผู้ชายแทบทุกด้านทั้งในบ้านและนอกบ้าน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้หญิงพม่า
ไม่ต้องเปลี่ยนนามสกุลหลังจากแต่งงานซึ่งต่างกับผู้หญิงในสังคมอื่น ต่างจากที่ Than Than
Nwe (2003) ได้อธิบายไว้ว่าภาพลักษณ์ของผู้หญิงและผู้ชายพม่ามีความแตกต่างกันค่อน
ข้างชัดเจน ตัวอย่างเช่น ในครอบครัวของคนพม่า ผูช้ ายจะท�ำหน้าทีท่ ตี่ อ้ งใช้แรงงาน ในขณะที่
ผู้หญิงมีหน้าที่ในการเป็นแม่บ้าน ผู้หญิงและผู้ชายมีอ�ำนาจในการตัดสินใจเรื่องราวต่าง ๆ
แตกต่างกันไป Chie Ikeya (2012) ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า สถานะอันสูงส่งของผู้หญิงพม่า
ที่ได้รับจากอังกฤษนั้น เป็นเพียงเครื่องมือในการสร้างความชอบธรรมในการเรียกร้องอ�ำนาจ
ทางการเมืองให้เพิ่มมากขึ้น สอดคล้องกับที่ Tharaphi Than (2014) ได้พยายามอธิบาย
ให้ เ ห็ น ถึ ง อ� ำ นาจของผู ้ ห ญิ ง ที่ ไ ม่ ไ ด้ มี อ ยู ่ จ ริ ง ตามข้ อ เขี ย นของตะวั น ตก หรื อ วาทกรรม
“สถานภาพที่สูงส่งของผู้หญิงพม่า” โดย Tharaphi ได้ชี้ให้เห็นว่าจริง ๆ แล้วผู้หญิง
มีอิสรภาพเพียงบางอย่างเท่านั้น และน้อยมากที่ผู้หญิงพม่าจะได้รับสิทธิเท่าเทียมกับผู้ชาย
บางส่วนก็ถูกท�ำให้ลืมไปจากประวัติศาสตร์พม่า เช่น การเป็นผู้น�ำ การต่อสู้เพื่อให้ได้รับ
การยอมรับในฐานะนักเขียน หรือการยอมรับในการมีอยูข่ องกองทัพหญิงในช่วงต่อสูเ้ พือ่ เอกราช
ภาพ การเรียนในห้องเรียน
ภาพ
ที่มา :การเรี ยนในห้
(Ministry องเรียน Myanmar, 2014, p. 14)
of Education
ที่มา : (Ministry of Education Myanmar, 2014, p. 14)
ภาพบุคคลกลุภาพบุ่มจากวิ
คคลกลุ ชาภาษาอั
่มจากวิ งกฤษระดั
ชาภาษาอั บชั้นงทีกฤษระดั
่ 5 นี้ เมื่อบดูชัรูป้นภาพประกอบกั
ที่ 5 นี้ เมื่อดูบรการอ่ านเนื้อหาทาให้บ
ูปภาพประกอบกั
ทราบถึา งนเนื
การอ่ การมี ป ฏิ สั ำมให้
้ อ หาท� พั นทธ์ กราบถึ
ั น ระหว่ า งตั ว ละครครู
ง การมี ป ฏิ สั ม พัแนละนั
ธ์ กั นก เรีระหว่
ย น มีากงตั
ารท ากิ จ กรรมร่
ว ละครครู ว มกั นก เรีและ
แ ละนั ยน
มีการท�ำกิจกรรมร่วมกัน และภาพประกอบก็แสดงให้เห็นถึงต�ำแหน่งหน้าทีข่ องบุคคลแต่ละคน่
ภาพประกอบก็ แ สดงให้ เ ห็ น ถึ ง ต าแหน่ ง หน้ า ที ่ ข องบุ ค คลแต่ ล ะคนในภาพ ท าให้ ส ามารถเห็ น ภาพที
สะท้อนเนื้อหาประกอบได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้าห้อง ภาพของเด็กชายที่ยืนอยู่หน้ากระดาน
ดา และเด็กจานวนหนึ่งที่กาลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ แสดงให้เห็นถึงการมีปฏิสัมพันธ์กันตัวละครที่ปรากฏใน
ภาพ บุคคลในภาพคือใคร และกาลังทาอะไร ผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้าห้อง เป็นครูชื่อ ด่อตาน (Daw Than)
เด็ก17ชายที่ย2 ืนOK.indd
อยู่หน้36ากระดานดา คือ จ่อจ่อ (Kyaw Kyaw) ซึ่งกาลังลบกระดานตามคาสั่งของครู และ22/12/2560 15:43:02
สารอาศรมวัฒนธรรมวลัยลักษณ์
37
บทบาทหญิงชายในการศึกษาระดับประถมของประเทศเมียนมา
อาณานิ
อาณานิ คมอั คมอังกฤษเพื
งกฤษเพื ่ออิ่อสอิระของประเทศพม่
Abode of Culture Journal
สระของประเทศพม่ าา
3. กิจกรรมของหญิ3. กิจกรรมของหญิ
งชายที่ปรากฏในต งชายทีาราเรี่ปรากฏในต�
ยน ำราเรียน
ผู้วิจัยได้แบ่งการน ผู้วิจัยาเสนอเกี
ได้แบ่งการน�่ยวกับำการท
เสนอเกี ากิจ่ยกรรมที
วกับการท� ำกิจกรรมที
่ป รากฏในต าราเรี่ปยรากฏในต�
น ได้แก่ ด้ำาราเรี นกีฬยาน ได้แก่
กิจกรรมด้ด้าานการเรี
นกีฬา ยกินรูจกรรมด้
้ และ กิาจนการเรีกรรมด้ายนศาสนานรู้ และการท กิจกรรมด้
ากิจกรรมต่านศาสนาางๆ ของเพศหญิ การท�ำกิงจและชาย
กรรมต่ามีง ๆ ของ
ความแตกต่ เพศหญิ างชัดงเจนอย่
และชาย างมากมีความแตกต่
ตาราเรี ย นมี างชัการแสดงให้
ดเจนอย่างมาก เห็ น ถึงต�กิำจราเรี
กรรมที ยนมี่หลากหลายของผู
การแสดงให้เห็น้ชาย ถึงกิจกรรม
ในขณะทีที่ผ่หู้หลากหลายของผู
ญิงมีแค่กิจกรรมในพื ้ชาย้นทีในขณะที ่ผู้หญิงยมีสูแงค่อย่กิจางบ้
่ที่มีความปลอดภั กรรมในพื
านและโรงเรี ้นที่ทยี่มนีคในกรณี
วามปลอดภัที่ผู้หญิยงสูและ งอย่างบ้าน
ผู้ชายมีกและโรงเรี
ารทากิจกรรมในลั ยน ในกรณี กษณะเดีที่ผู้หยวกั
ญิงนและผู ้ชายมีการท�
กิจกรรมของผู ำกิกจจะมี
้ชายมั กรรมในลั
ความโดดเด่ กษณะเดี นกว่ายในเรื
วกัน่องของ กิจกรรมของ
ผู้ชายมักคจะมี
ทักษะและการใช้ วามคิ ความโดดเด่
ดสร้ างสรรค์นมกว่ าในเรื
ากกว่ ่องของทักษะและการใช้
า และความแตกต่ างของภาพลัความคิ กษณ์ ดลั กสร้ษณะ
างสรรค์ และมากกว่า
กิจกรรมต่และความแตกต่
างๆ แสดงให้เห็นว่าางของภาพลั ผู้หญิงมีความด้ กษณ์
อยกว่ลัาผูก้ชษณะ าย ทั้งและกิ
ด้านพละก จกรรมต่
าลัง ทักาษะ ง ๆและความรู
แสดงให้้ เห็นว่าผู้หญิง
มีความด้อยกว่าผู้ชาย ทั้งด้านพละก�ำลัง ทักษะ และความรู้
4. พื้นที่ของบทบาทหญิ
4. พื้นที่ของบทบาทหญิ
งชายที่ปรากฏในต งชายที ่ปรากฏในต�
าราเรี ยน ำราเรียน
ผู้วิจัยได้แบ่งเนืผู้อ้วหาในการอธิ
ิจัยได้แบ่งเนืบายออกเป็
้อหาในการอธิ น 2 ส่บวายออกเป็ น 2 ส่วน คือ การปรากฏของบทบาท
น คือ การปรากฏของบทบาทหญิ งชายใน
หญิงาราเรี
พื้นที่บ้านในต ชายในพื ยน ้นและการปรากฏของบทบาทหญิ
ที่บ้านในต�ำราเรียน และการปรากฏของบทบาทหญิ งชายในพื้นที่สาธารณะในตงาราเรี ชายในพื ยน ้นโดยมี ที่สาธารณะ
รายละเอีในต�ยดดัำงราเรี
ต่อไปนียน้ โดยมี รายละเอีการปรากฏของบทบาทหญิ
ประการแรก ยดดังต่อไปนี้ ประการแรก งชายในพืการปรากฏของบทบาทหญิ
้นที่บ้านในตาราเรียน งชาย
ในพืน้ ทีาครอบครั
สาหรับชาวพม่ บ่ า้ นในต�วำเปรี ราเรียยบเสมื
น ส�อำหรันศูบนชาวพม่ าครอบครัวเปรีคคียบเสมื
ย์กลางของความสามั ความรัอนศู นย์กลางของความสามั
ก และความเคารพที ่ คคี
เรียงลาดัความรั
บมากตัก้งแต่และความเคารพที
ผู้อาวุโสมากจนถึงเ่ ผูรี้ทยี่องล�ายุำดัน้บอยทีมากตั ง้ แต่ผอู้ าวุโสมากจนถึ
่สุดในครอบครั งผูท้ อี่ ายุนอ้ งยที
ว การแบ่งงานของหญิ ส่ ดุ ในครอบครัว
และชายมี
ความแตกต่ การแบ่างกันงผูงานของหญิ
้ชายจะทางานที ง และชายมี
่ใช้แรงงานหรื ค วามแตกต่
อทางานนอกบ้ า งกัานเพื
น ผู่อดู้ ชแายจะท�
ลสมาชิกำในบ้ งานที ่ ใ ช้นแหลัรงงานหรื
านเป็ ก อ
ในขณะทีท�่ผำู้หงานนอกบ้
ญิงจะเป็นผูา้ทนเพื ี่คอยสนั่อดูบแสนุ
ลสมาชิ กในบ้
นผู้ชายเพื ่อให้านเป็
งานนัน้นหลัๆ สกาเร็ในขณะที
จตามเปูา่ผหมาย ู้หญิงตัจะเป็
วอย่านงเช่
ผู้ทนี่คอยสนับสนุน
ผู้ชายเพื่อให้งานนั้น ๆ ส�ำเร็จตามเป้าหมาย ตัวอย่างเช่น
“พ่อของเรามี บุ ญคุณ ที่ยิ่ งใหญ่ คอยหาเงิน เพื่ อ
“พ่เป็อนของเรามี
ค่าใช้จ่ าย บเมืุ ญ่อคุเกิณดปัทีญ่ ยิ่ งหาพ่
ใหญ่อของเราจะช่
คอยหาเงิวนยเพื่อเป็น
ค่แก้
า ใช้ไขจพ่่ าอยของเราน่
เมื่ อ เกิาดเคารพ
ปั ญ หาพ่ เป็นอผู้วของเราจะช่
างแผนภายในว ยแก้ ไ ข
พ่ครอบครั
อของเราน่ าเคารพ เป็นผู้วางแผนภายในครอบครัว
ว พ่อของเรามีสติปัญญาและความคิดที่
พ่กว้
อ ของเรามี ส ติ ป ั ญ ญาและความคิ ด ที่ ก ว้ า งไกล
างไกล พ่อของเราสอนว่า เรื่องของประเทศก็
พ่ อ ของเราสอนว่ า เรื่ อ งของประเทศก็ เ หมื อ นเรื่ อ ง
เหมือนเรื่องของเรา”
ของเรา”
ภาพ พ่อของเรา
ที่มา : (Ministry of Education Myanmar, 2012, p. 6)
ในภาษาพม่
ในภาษาพม่ามีคาำ� มีศัพคท์าศัคำ� พหนึท์ง่ คทีาหนึ แ่ สดงถึ่ ง ทีงสถานะในครอบครั
่แสดงถึงสถานะในครอบครั ว นัน่ คือค�ำว่า “เองน์ ว นัอ่นนู คืตั ”อค าว่า “เองน์อู นัต
( အိမ္ဦးနတ္ ) แปลว่ แปลว่าา“เทพประจ� “เทพประจ ำบ้าาบ้
น”าน” ชาวพม่ชาวพม่ ามีความเชื
ามีความเชื ่อเรื่อง ่อ“นัเรืต่อ”ง นั“นั ต”งคมพม่
ตในสั นัตในสัา งคมพม่า หมายถ
หมายถึ
“วิ ญญาณศั ง “วิญกญาณศั ดิ์สิทธิ์ขกองผู ดิ์สิท้ตธิ์ขายร้
องผูา้ตย”
ายร้เป็าย”
นภูเป็ตผูน้เภูป็ตนผูที้เป็่พนึ่งทีของปุ
่พึ่งของปุ
ถุชนทั ถุชนทั
่วไป่วไปนัตนัทีต่เทีป็่เนป็ภูนตผีจะมี ฐานะกึ่งเทพ
ภูตผีจะมี ฐานะกึ่งเทพกึ่งผี คือ อยู่ระหว่างเทพและผี มีระดับสูงกว่าผีทั่วไป แต่มิเทียบเท่า
กึเทวดา่งผี คืนัอตอยู ่ระหว่างเทพและผี มีระดับสูงกว่าผีทั่วไป แต่มิเทียบเท่าเทวดา นัตจึงไม่ใช่ผีธรรมดาสามัญ
จึงไม่ใช่ผีธรรมดาสามัญ (วิรัช - อรนุช นิยมธรรม, 2551, 144) ค�ำว่า “เองน์อูนัต”
(วิ
ได้รกัชล่า-อรนุ วถึง ผูช้ชายทีนิยมธรรม,
่มีอายุมากที 2551,่สุดในบ้144)
าน เป็คนาว่ ผู้ทาี่ท�ำ“เองน์
หน้าที่ดอูแูนล ัตปกครอง ” ได้กล่และมี าวถึงอ�ำผูนาจสู ้ชายทีงสุ่มดีอายุมากที่สุดในบ้าน
ในบ้นาผูน้ ทกรณี
เป็ ี่ท าหน้ ที่ปู่หารืทีอ่ ดพู่ แอเสี
ล ยปกครอง
ชีวิต ลูกชายจะกลายเป็
และมีอ านาจสู นเทพประจ�ง สุ ดในบ้ ำบ้านหรืาน อกรณี เองน์อทูนี่ ปัตูุ หท�ำรืหน้
อ พ่าทีอ่ เสี ย ชี วิต ลู กชายจะ
เป็นเสาหลักของครอบครัว และจากการศึกษาในต�ำราเรียนระดับประถม
กลายเป็ นเทพประจาบ้านหรือเองน์อูนัตและทาหน้าที่เป็นเสาหลักของครอบครัว และจากการศึกษ
นอกจากนี้ เนื้อหาต�ำราเรียนระดับประถมศึกษาที่เกี่ยวกับพื้นที่ในบ้าน อธิบาย
ในต าราเรี
ถึงบทบาทของลู ยนระดักได้ชบดั ประถมพบว่
เจนทีส่ ดุ เพราะต� า ำราเรียนชุดนีเ้ ป็นต�ำราเรียนส�ำหรับเด็กเล็ก ตัวอย่างเช่น
ลูกสาวควรจะปฏิ นอกจากนี บัติต้เนให้ นื้อดหาต
ีพร้อาราเรี
มช่วยเหลื
ยนระดั อแม่บในการท�
ประถมศึ ำงานบ้กษาที านไม่่เกีใ่ยห้วกั
ขาดตกบกพร่
บพื้นที่ในบ้ องาและ น อธิบายถึงบทบาทขอ
ลูเชืก่อได้ฟังชค�ัำดสัเจนที่งสอนของผู่สุด เพราะต ้ใหญ่ (Ministry าราเรียofนชุEducation
ดนี้เป็นตาราเรี Myanmar, ยนส2012,
าหรับเด็ p. ก6)เล็แม้กวตั่าเนืวอย่้อหาางเช่น ลูกสาวควรจ
ในบทเรียนนี้จะไม่ได้กล่าวถึงแม่หรือภรรยาโดยตรง แต่ก็แสดงให้เห็นถึงคุณลักษณะของแม่
ปฏิ
หรือบภรรยาตามแบบที
ัติตนให้ดีพร้อมช่ วยเหลื
่ต�ำราเรี ยนต้ออแม่ ในการท
งการน� ำเสนอได้ างานบ้ านไม่
โดยเนื ให้ขาดตกบกพร่
้อหาในส่ วนดังกล่าวได้สออดคล้ ง และเชือง ่อฟังคาสั่งสอนขอ
ผูกับ้ใหญ่ ทัศนคติ (Ministryของชาวพม่ of Education
าที่คาดหวังให้Myanmar, ผู้หญิงมีความเป็ 2012, นแม่p.บ้า6) นแม่แม้เรืวอ่านเนืภรรยาที
้อหาในบทเรี ่ดีต้องยนนี้จะไม่ไ ด้กล่าวถ
หุงหาอาหาร
แม่ ห รื อภรรยาโดยตรง ดูแลบ้านให้เป็นแต่ ระเบี
ก็แยสดงให้
บเรียบร้เอห็ยนในบทเรีถึงคุณลัยนข้ างต้นได้สร้างความคาดหวั
กษณะของแม่ หรือภรรยาตามแบบที งว่า ่ตาราเรียน
เด็กหญิงจะเติบโตและปฏิบัติตนเช่นเดียวกับแม่ เพราะเนื้อหาระบุชัดเจนว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้
ต้ล้วอนเป็ งการน นหน้าเสนอได้
าที่ของลูกสาว โดยเนื้อหาในส่วนดังกล่าวได้สอดคล้องกับทัศนคติของชาวพม่าที่คาดหวังให้ผู้หญ
มี ความเป็ประการที นแม่บ้านแม่ ่สอง เรืการปรากฏของบทบาทหญิ
อน ภรรยาที่ดีต้องหุงหาอาหาร งชายในพืดู้นแทีลบ้ านให้เป็นระเบี
่สาธารณะในต� ำราเรียยบเรี
น ยบร้อย ในบทเรียน
ข้ผูว้ าจิ งต้ยั นพบว่
ได้าสร้มีากงความคาดหวั
ารอธิบายถึงบทบาทหญิ งว่าเด็งกชายในพื
หญิงจะเติ น้ ทีส่ บาธารณะตามช่
โตและปฏิบวงอายุ คือนบทบาทของ
ัติตนเช่ เดียวกับแม่ เพราะเนื้อหาระบ
นักเรียนในช่วงวัยเด็ก การท�ำกิจกรรมในโรงเรียนของเด็กหญิงและเด็กชายมีสว่ นทีเ่ หมือนกัน
ชัคือดเจนว่ การเรีายสินหนั ่งต่างๆ งสือเหล่ านี้ ล้วำนเป็
และการท� นหน้าที่ขำองลู
กิจกรรมประจ� วัน กสิ่สาว
งที่สามารถชี้ให้เห็นถึงความแตกต่าง
ของการท�ำกิจกรรมในโรงเรียนของนักเรียน คือ การเล่นกีฬงาและการแข่
ประการที ส
่ อง การปรากฏของบทบาทหญิ ชายในพื้นทีงกี่สฬาธารณะในต
าสี การเล่นกีฬาราเรี า ยน ผู้วิจัยพบว่าม
ของเด็ กบผูายถึ
การอธิ ้ ช ายส่ ว นใหญ่ คื องชายในพื
งบทบาทหญิ การเล่ น้นฟุทีต่สบอล และการวิ่ งวแข่
าธารณะตามช่ ง ในขณะที
งอายุ ่ เ ด็ ก ผู ้ ห ญิ ง กเรียนในช่วงวัยเด็ก
คือ บทบาทของนั
เล่นกีฬาพื้นบ้านหรือกีฬาที่ไม่ได้ใช่ทักษะการเล่นมากนัก เช่น การวิ่งแข่ง การเล่นเตย
การท ากิจกรรมในโรงเรียนของเด็กหญิงและเด็กชายมีส่วนที่เหมือนกัน คือ การเรียนหนังสือและการ
การเต้นประกอบจังหวะ เป็นต้น
ทากิจ กรรมประจ าวัน สิ่ งที่ส ามารถชี้ให้ เห็ น ถึงความแตกต่างของการทากิจกรรมในโรงเรีย นขอ
นักเรียน คือ การเล่นกีฬาและการแข่งกีฬาสี การเล่นกีฬาของเด็กผู้ชายส่วนใหญ่ คือ การเล่นฟุตบอล
และการวิ่งแข่ง ในขณะที่เด็กผู้หญิงและเล่นกีฬาพื้นบ้านหรือกีฬาที่ไม่ได้ใช่ทักษะการเล่นมากนัก เช่น
การวิ่งแข่ง การเล่นเตย การเต้นประกอบจังหวะ เป็นต้น
17 2 OK.indd 40 22/12/2560 15:43:03
สารอาศรมวัฒนธรรมวลัยลักษณ์
41
บทบาทหญิงชายในการศึกษาระดับประถมของประเทศเมียนมา
5. ค�ำบ่งเพศที่ปรากฏในต�ำราเรียน
ต�ำราเรียนในระดับประถมของประเทศพม่ามีการใช้ค�ำบ่งเพศของเพศชาย
มากกว่าเพศหญิง เนื้อหาในต�ำราเรียนส่วนใหญ่ พบว่า ผู้ชายอยู่ในฐานะของผู้เล่าเรื่องหรือ
ใช้สรรพนามค
เจ้าของเรื่องโดยการใช้ สรรพนามค� าว่ำาว่า“จะหน่
“จะหน่ออ”” (ကကၽန္က့တာ့္ ) แปลว่ แปลว่าา ผม ผม แต่ไม่ได้หมายความว
หมายความว่ าการเล่ เพศหญิ าเรืง่อไม่งของตนเองปรากฏในต
มี พื้ น ที่ ใ นการเล่ า เรื่ อ งของตนเองปรากฏในต�
าราเรียน แต่มีปรากฏเพีำ ยราเรี ง 2ยเรืน ่องเท่านั้น นอ
แต่มีปรากฏเพียง 2 เรื่องเท่านั้น นอกจากนั้น เป็นการเล่าเรื่องของผู้หญิงโดยบุคคลอื่น
เรื่องของผู้หญิงโดยบุคคลอื่นเป็นผู้เล่า ไม่ใช่ตัวละครหลักที่ปรากฏในเนื้อหาเป็นผ
เป็นผู้เล่า ไม่ใช่ตัวละครหลักที่ปรากฏในเนื้อหาเป็นผู้เล่า
6. ความคิดทางเพศที่ปรากฏในต�ำราเรียน
คุณลักษณะของแต่ 6. ความคิ ดทางเพศที
ละเพศภาวะไม่ ใช่ส่ปิ่งทีรากฏในต าราเรียน แต่ได้ถูกก�ำหนด
่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
ผ่านกระบวนการขัดเกลาทางสั คุ ณ ลังกคมที ่มีความซับซ้ลอะเพศภาวะไม่
ษณะของแต่ น และแต่ละบุคคลก็ ใ ช่ สจิ งะค่
ที่ เอกิยดๆขึ้ นซึมตามธรรมชาติ
ซับ แ
เข้าไปเรือ่ ย ๆ จนกลายเป็นทัศนคติ ค่านิยมทางเพศ หรือการปฏิบตั ติ น กระบวนการขัดเกลา
กระบวนการขัดเกลาทางสังคมที่มีความซับซ้อน และแต่ละบุคคลก็จะค่อยๆ ซ
นั้นมีรูปแบบวิธีการหรือกลไกต่าง ๆ ในการก�ำหนดความเป็นเพศขึ้นมาหลายประการ
กลายเป็นทัแน่ศนคติ
เพราะการเติ บ โตของคน น อนย่ค่อามต้ นิยอมทางเพศ หรือการปฏิบ้ัตงทางชี
งขึ้ น อยู ่ กั บ กระบวนการทั ิตน กระบวนการขั
ว วิ ท ยาและ ดเกลานนั้น
ทางวัฒนธรรม กลไกต่ (ปรานี าวงษ์ งๆ เใน ทศ,การก 2544, าหนดความเป็
น. 23) กระบวนการขั นเพศขึ้นมาหลายประการ
ดเกลาไม่ใช่การเริ่มเพราะการเติ ต้น บโต
เมื่อคน ๆ นั้นมีต้วอัยวุงขึฒ้นิในการตั
อยู่กับดกระบวนการทั
สินใจเรื่องต่าง ๆ้ งทางชี แต่กระบวนการขั
ววิทยาและทางวั ดเกลาเหล่ฒานธรรม นี้เริ่มตั้งแต่
(ปรานี วงษ์เท
ในครอบครั ว ความแตกต่ า งในการเลี้ ย งดู เ ด็ ก แรกเกิ ด และจะเริ่ ม เห็ น ได้ ชั ด เจนขึ้ น
กระบวนการขั
เมื่อเด็กค่อย ๆ โตขึ ้น ดเกลาไม่ใช่การเริ่มต้นเมื่อคนๆ นั้นมีวัยวุฒิในการตัดสินใจเรื่องต
ขัดเกลาเหล่
จากการศึ ก ษาต� ำ ราเรี านี้เริย่มนในระดั
ตั้งแต่ในครอบครั
บ ประถมของประเทศเมีว ความแตกต่ายงในการเลี นมาเนื้ อ หาและ ้ยงดูเด็กแรกเกิดแล
ภาพต�ำราเรียนระดั ขึน้ เมืบประถมศึ
อเด็กค่อกยๆ ษาของพม่
โตขึ้น านั้น ถึงแม้จะมีการน�ำเสนอเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
เพศหญิงและชายในเนื้อหาต่าง ๆ ที่เหมือนกัน แต่ต�ำราเรียนก็ได้มีการสอดแทรกทัศนคติ
ทางเพศอย่ างเห็น ได้ชัด จากการศึ โดยเนื้อหาของต� กษาตำาราเรี ราเรี ยยนมีนในระดั
ค วามสอดคล้บประถมของประเทศเมี
อ งกั บความเชื่ อ เรื่ อ ง ยนมาเนื้อห
บุญบารมีของผู้ชระดั ายทีบ่มประถมศึ
ีมากกว่าผู้หกญิษาของพม่ ง เนื้อหาไม่านัได้้นแสดงออกถึ
ถึงแม้จะมีงความเท่
การนาเสนอเนื
าเทียมกัน้อของหญิ หาที่เกีง ่ยวข้องเพศห
และชาย ผู้วิจัยเห็ ต่านงๆว่าความคิ
ที่เหมืดอทางเพศยั
นกัน แต่งตคงปรากฏอยู
าเรียนก็ได้่ใมนต�ีกำารสอดแทรกทั
ราเรียนชุดนี้ ทัศศนคติ นคติเกีท่ยางเพศอย่
วกับ างเห็นไ
เพศในเรื่องผูช้ ายทีม่ บี ญ ุ บารมี ยังคงถูกให้ความส�ำคัญในการน�ำเสนอเกีย่ วกับบทบาททางเพศ
ในต� ำ ราเรี ย น ตภาพของผู
าราเรียนมี ความสอดคล้
้ ช ายยั องกับความเชื่อเรืค่อคลที
ง คงถู ก น� ำ เสนอในฐานะของบุ งบุญ่ สบารมี
ู ง ส่ ง มีขคองผู ้ช ายที
วามรู ้ ่มี มากกว
ความสามารถ และอยู แสดงออกถึใ่ นระดับทีงส่ความเท่งู กว่าผูห้ ญิางเทีถึยงแม้
มกัวนา่ จะมี
ของหญิ งและชาย
เนือ้ หาเรือ่ งการแบ่งผูงานกั ้วิจัยนเห็
ท�ำนในบ้
ว่าาความคิ
น ด ทางเพ
แต่ไม่ปรากฏเนื้อตหาว่ า พ่ยอนชุ
าราเรี มีหดน้นีาที้ ทั่รับศผินคติ
ดชอบเกี
เกี่ย่ยวกัวกับบเพศในเรื
การท�ำงานบ้ ่องผูาน้ชายที
มีเพีย่มงเนื
ีบุญ้อบารมี
หาที่ระบุยัถงึงคงถูกให้ความ
หน้าทีข่ องเด็กผูช้ ายทีช่ ว่ ยเหลืองานบ้าน และชีใ้ ห้เห็นว่าเป็นลูกชายทีน่ า่ ภาคภูมใิ จของพ่อแม่
เกี่ยวกับบทบาททางเพศในตาราเรียน ภาพของผู้ชายยังคงถูกนาเสนอในฐาน
ความรู้ความสามารถ และอยู่ในระดับที่สู งกว่าผู้หญิง ถึงแม้ว่าจะมีเนื้อหาเรื่อง
บ้าน แต่ไม่ปรากฏเนื้อหาว่า พ่อมีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการทางานบ้าน ม
17 2 OK.indd 41 22/12/2560 15:43:03
สารอาศรมวัฒนธรรมวลัยลักษณ์
42 Walailak Abode of Culture Journal
ความมุ ่ ง มั่ น ตั้ ง ใจ และเสี ย สละเพื่ อ ดู แ ลผู ้ อื่ น นอกจากนี้ ผู ้ ห ญิ ง ยั ง ได้ รั บ การน� ำ เสนอ
ในภาพของแม่บา้ น ผูท้ ที่ ำ� หน้าทีใ่ นการดูบา้ น ครอบครัว และสมาชิกในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประกอบกับค่านิยมพม่าที่ให้ความส�ำคัญกับการท�ำงานบ้านของผู้หญิงและการท�ำอาหาร
ด้านการสังคม ผู้ชายพม่าถูกคาดหวังให้เข้ามามีส่วนร่วมในการด�ำเนินการต่าง ๆ
ในสังคม เด็ก ๆ เริม่ จากการมีสว่ นร่วมภายในโรงเรียน คอยช่วยเหลือครูและเพือ่ นทีเ่ ดือดร้อน
และขยับขยายออกสูห่ มูบ่ า้ น ชุมชน และประเทศตามล�ำดับอายุทมี่ ากขึน้ เช่น ในช่วงวัยเรียน
มีการน�ำเสนอเรื่อง การเสียสละในการดูแลโรงเรียน ทั้งด้านความสะอาด และเป็นผู้ใหญ่
ชื่อเสียงการเสียสละเพื่อประเทศชาติ การท�ำสิ่งต่าง ๆ เพื่อประโยชน์อันสูงสุดของชาติ
เนื้อหาส่วนนี้เมื่อประกอบกับส่วนที่กล่าวถึงวีรบุรุษของพม่ายิ่งท�ำให้เห็นชัดเจนมากยิ่งขึ้น
แต่เนือ้ หาเหล่านี้ไม่มีการกล่าวถึงผู้หญิงเลย
ในขณะที่ผู้หญิงนั้นถูกคาดหวังในเรื่องความงาม การมีหน้ามีตาในสังคม มีเนื้อหา
หลายส่วนที่กล่าวถึงลักษณะท่าทางของผู้หญิง การแต่งกาย แต่งหน้า และการท�ำผม
นอกจากนี้ ความงามที่ถูกคาดหวังของผู้หญิงนั้นยังรวมไปถึงความงามจากภายในทั้งท่าทาง
กิริยามารยาท การท�ำงานบ้าน หรือไม่ออกนอกบ้าน และไม่มีการน�ำเสนอภาพของเพศหญิง
ให้หลุดไปจากกรอบความเป็นพม่า หรือการเปิดโอกาสให้ผหู้ ญิงสามารถออกไปท่องโลกกว้าง
แตกต่างจากเนื้อหาของเพศชายที่แสดงให้ว่า เพศชายมีการใฝ่รู้อยู่ตลอดเวลา โอกาส
ในการเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ ในต�ำราเรียน ทั้งป่า เมือง ภูเขา จึงเป็นการชี้ให้เห็นว่าผู้ชาย
มีโอกาสในการเรียนรู้สิ่งรอบข้างมากกว่าเพศหญิง และพื้นที่ของเพศหญิงถูกจ�ำกัดไว้แค่
พื้นที่ที่ปลอดภัยอย่างบ้านและโรงเรียนเท่านั้น
จากการศึกษา พบว่า เนื้อหาและภาพประกอบในต�ำราเรียนมีการกล่าวถึงบทบาท
หญิ ง ชายจ� ำ นวนมาก โดยต� ำ ราเรี ย นและครู ท� ำ หน้ า ที่ ใ นการปลู ก ฝั ง ความคิ ด เรื่ อ งเพศ
ก� ำ หนดความเป็ น หญิงชายในสังคมขึ้น ตัว อย่างเช่น การสอนว่ า เด็ ก ชายต้ อ งเป็ น ผู ้ น� ำ
เด็กหญิงต้องช่วยแม่ท�ำงานบ้าน การเรียนการสอนในลักษณะนี้ มีผลต่อการสร้างหรือ
การเปลีย่ นแปลงทัศนคติและแนวคิดของคน ๆ หนึง่ ได้ คือ ประสบการณ์ทเี่ ด็กได้รบั จากโรงเรียน
ที่ถูกให้การยอมรับว่าเป็นสถาบันที่ปลูกฝังแต่สิ่งที่ดีงาม และทุกอย่างที่เรียนผ่านโรงเรียนคือ
กระบวนการที่คิดและไตร่ตรองมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว และสิ่งเหล่านี้ คือ สิ่งที่ควบคุมโดยรัฐ
อย่างชัดเจน โดยเฉพาะรัฐพม่าทีม่ กี ารออกแบบและผลิตต�ำราเรียนจากศูนย์กลาง ต�ำราเรียน
ทุ ก เล่ ม ผ่ า นการดู แ ลของกระทรวงศึ ก ษาธิ ก าร ยิ่ ง ท� ำ ให้ เ ห็ น ได้ ชั ด ว่ า ต� ำ ราเรี ย นเหล่ า นี้
ถูกควบคุมโดยรัฐอย่างแท้จริง ประกอบกับเด็กนักเรียนในระดับประถมของประเทศพม่า
จะต้องใช้เวลาเรียนถึง 5 ปีเต็ม โดยไม่มีส่ืออื่น ๆ เลยนอกจากครูและต�ำราเรียน การเรียน
ในโรงเรียนของพม่าจึงเป็นการบ่มเพาะและขัดเกลาความคิดทางเพศที่มีประสิทธิภาพ
เพราะใช้ระยะเวลานานและมีความต่อเนื่อง
ต�ำราเรียนระดับประถมศึกษาของพม่าจึงเป็นเครื่องมือที่ผลิตอุดมการณ์และ
ทัศนคติตา่ ง ๆ ของรัฐ รวมถึงเรือ่ งทีเ่ กีย่ วกันด้วย รูปภาพและลายลักษณ์อกั ษรทีเ่ ด็กสามารถอ่าน
และท�ำความเข้าใจรูปภาพได้ดียิ่งขึ้น ประกอบกับเนื้อหาต�ำเรียนในระดับประถมส่วนใหญ่
เนื้อหาเป็นลักษณะของบทกลอนและวิธีการเรียนการสอนของพม่าที่ยังคงใช้หลักการท่องจ�ำ
เนือ้ หาตามแบบการท่องบทสวดมนต์ของพุทธศาสนา การปลูกฝังเนือ้ หาเหล่านีอ้ ย่างสม�ำ่ เสมอ
จะค่อย ๆ พัฒนาไปเป็นความเคยชิน และท�ำให้เกิดการยอมรับในทีส่ ดุ โดยเฉพาะประเทศพม่า
ทีม่ คี วามเชือ่ และนับถือพุทธศาสนาแบบแนบแน่นยิง่ ท�ำให้ความคิดทางเพศยิง่ เพิม่ ประสิทธิภาพ
มากยิ่ ง ขึ้ น อย่ า งเช่ น การยอมรั บ ในเรื่ อ งบุ ญ บารมี ข องผู ้ ช าย และยกย่องให้ผู้ชายเป็น
เทพประจ�ำบ้าน ผู้หญิงจึงมีความจ�ำเป็นที่จะต้องดูแลผู้ชายเป็นอย่างดี ถึ ง แม้ ว ่ า เนื้ อ หา
ในต� ำ ราเรี ย นจะอธิ บ ายถึ ง หน้ า ที่ ห รื อ การแบ่ ง หน้ า ที่ ข องหญิ ง และชายไว้ อย่างชัดเจน
แต่ในความเป็นจริงแล้วเนื้อหาในต�ำราเรียนเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างทางเพศ
เพราะเนื้อหาได้สอดแทรกเรื่องเกี่ยวกับการให้คุณค่าของเพศหญิงและชายที่แตกต่างกัน
การสอดแทรกเนื้อหาในต�ำราเรียนลักษณะนี้จึงเป็นการสร้างกรอบความคิดทางเพศและ
ปลูกฝังความคิดทางเพศให้คงอยู่ต่อไป
เอกสารอ้างอิง
นิสารัตน์ ขันธโภค. (2555). ผูห้ ญิงกับภาวะสมัยใหม่แบบอาณานิคมในพม่า ค.ศ. 1885 - 1945.
(วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย).
ปรานี วงษ์เทศ. (2544). เพศและวัฒนธรรม. นครปฐม : เรือนแก้วการพิมพ์.
วิรชั นิยมธรรม. (2551). คิดแบบพม่า : ว่าด้วยชาติและวีรบุรษุ ในต�ำราเรียน. มหาสารคาม :
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
. (2552). ไทยในการรับรูแ้ ละความเข้าใจของประเทศเพือ่ นบ้าน กรณีศกึ ษาตัวบท
ในต�ำราเรียนสังคมศึกษาของพม่า ว่าด้วย “ความสัมพันธ์เมียนมา-โยดะยา”.
ส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย.