Professional Documents
Culture Documents
เสาวลักษณ์ กิ่มสร้าง
เสาวลักษณ์ กิ่มสร้าง
เสาวลักษณ์ กิ่มสร้าง
ปัจจัยที่ส่งผลต่ อประสิทธิภาพการจัดทาบัญชีของผู้ทาบัญชีในธุรกิจ
อสังหาริมทรัพย์ ที่จะทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในประเทศไทย
FACTORS AFFECTING ACCOUNTING PERFORMANCE
OF BOOKKEEPERS IN REAL ESTATE LISTED ON
THE STOCK EXCKANGE OF THAILAND
SAOWALUK KIMSANG
คณะกรรมการสอบการค้ นคว้าอิสระ
.................................................................…….. ประธานกรรมการ
( ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.สมบูรณ์ สาระพัด )
........................................................................... กรรมการ
( ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ฐิตาภรณ์ สิ นจรู ญศักดิ์ )
........................................................................... กรรมการ
(ดร.ประเวศ เพ็ญวุฒิกุล)
คณบดีคณะบัญชี
...........................................................................
( ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ฐิตาภรณ์ สิ นจรู ญศักดิ์ )
วันที่..........เดือน.........................พ.ศ...............
I
บทคัดย่ อ
การศึ กษาในครั้ งนี้ มีวตั ถุ ป ระสงค์หลักในการศึ กษาปั จจัย ที่ ส่งผลต่ อประสิ ทธิ ภาพการ
จัดทาบัญชี ของผูท้ าบัญชี ในธุ รกิ จอสังหาริ มทรั พย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่ งประเทศ
ไทย กลุ่ ม ตัว อย่ า งที่ ใ ช้ เ ป็ นตัว แทนของกลุ่ ม ประชากรเป้ าหมายในการศึ ก ษามาจากธุ ร กิ จ
อสังหาริ มทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จานวน 113 คน ใช้การสุ่ มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ
การศึกษาในครั้งนี้ เป็ นการวิจยั เชิ งปริ มาณ ซึ่ งใช้แบบสอบถามที่ผศู ้ ึกษาสร้ างขึ้นเพื่อเป็ นเครื่ องมื อ
ในการรวบรวมข้อมูลและสถิติที่ใช้ในการวิจยั ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ
การวิเคราะห์ถดถอยแบบพหุคูณ
ผลการศึกษา พบว่า ปั จจัยที่ส่งผลต่อประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี ของผูท้ าบัญชี ในธุ รกิ จ
อสังหาริ มทรั พย์ที่ จดทะเบี ย นในตลาดหลักทรั พ ย์แห่ ง ประเทศไทย ได้แก่ ปั จจัยด้านความรู้ ใ น
วิชาชี พบัญชี ปั จจัยด้านทักษะทางวิชาชี พ ปั จจัยด้านคุ ณค่าแห่ งวิชาชี พ และปั จจัยด้านเจตคติใน
วิชาชีพ ส่ งผลต่อประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี ของผูท้ าบัญชี ในธุ รกิจอสังหาริ มทรัพย์ที่จดทะเบียน
ในตลาดหลักทรั พย์แห่ งประเทศไทย อย่างมี นัยสาคัญทางสถิ ติที่ 0.05 โดยปั จจัยด้านเจตคติ ใ น
วิชาชี พมีอิทธิ พลสู งสุ ดต่อประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี ของผูท้ าบัญชี รองลงมาคือปั จจัยด้านทักษะ
ทางวิชาชีพ ปั จจัยด้านคุณค่าแห่งวิชาชีพ และปัจจัยด้านความรู้ในวิชาชีพบัญชีตามลาดับ
II
กิตติกรรมประกาศ
การศึ ก ษาค้ น คว้ า อิ ส ระฉบั บ นี้ ส าเร็ จสมบู ร ณ์ ไ ด้ ด้ ว ยความกรุ ณาอย่ า งสู งจาก
ดร.ประเวศ เพ็ญวุฒิกุ ล อาจารย์ที่ ปรึ ก ษา ที่ ไ ด้ก รุ ณาให้ค าปรึ ก ษา ค าแนะนา ตรวจสอบ แก้ไ ข
ตลอดจนชี้ แนะแนวทางเพื่ อให้ก ารศึ ก ษาค้นคว้า อิ ส ระฉบับ นี้ มี ค วามสมบู รณ์ ผูศ้ ึ ก ษาขอกราบ
ขอบพระคุณเป็ นอย่างสู ง
ขอขอบพระคุณผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ฐิตาภรณ์ สิ นจรู ญศักดิ์ อาจารย์ วัชธนพงศ์ ยอดราช
ที่ได้ให้ความรู้และแนวทางในการดาเนินงานวิจยั รวมถึงคณาจารย์หลักสู ตรบัญชีมหาบัณฑิต ผูใ้ ห้
ความรู้ ตลอดจนเจ้าของผลงานวิจยั วิทยานิ พนธ์ และเอกสารวิชาการทุ กท่าน ที่ผูศ้ ึกษาได้นามา
ศึกษาเพื่อประยุกต์ใช้เป็ นแนวทางในการวิจยั ในครั้งนี้ทุกท่าน
ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชี ธุรกิจอสังหาริ มทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่ ง
ประเทศไทยที่ ส ละเวลาในการให้ข้อมูล และกรอกข้อมูล ตอบแบบสอบถาม เพื่ อประโยชน์ใ น
การศึกษาครั้งนี้
ขอขอบคุ ณ เพื่ อ นๆร่ ว มหลัก สู ต รบัญ ชี ที่ ค อยช่ ว ยเหลื อ ให้ ค าแนะน า และแบ่ ง ปั น
ประสบการณ์ ช่ วยกันคิดและแก้ไขปั ญหาต่างๆในการจัดทารายงานการค้นคว้าอิสระฉบับนี้ จน
สาเร็ จเป็ นที่เรี ยบร้อย
ท้ายนี้ ผูศ้ ึกษาขอกราบขอบพระคุ ณบิดามารดา และครอบครัวที่คอยสนับสนุ นและ เป็ น
ก าลัง ใจในการศึ ก ษาการค้น คว้า อิ ส ระในครั้ งนี้ จนส าเร็ จ ลุ ล่ ว ง ผูศ้ ึ ก ษาขอกราบขอบพระคุ ณ
เป็ นอย่างยิง่
เสาวลักษณ์ กิ่มสร้าง
กันยายน 2561
III
สารบัญ
บทคัดย่อภาษาไทย.............................................................................................................. I
กิตติกรรมประกาศ.............................................................................................................. II
สารบัญ............................................................................................................................... III
สารบัญตาราง..................................................................................................................... VI
สารบัญภาพ....................................................................................................................... VII
บทที่
1 บทนา.............................................................................................................. 1
ความเป็ นมาและความสาคัญของปัญหา.................................................................. 1
วัตถุประสงค์ของการศึกษา..................................................................................... 3
กรอบแนวคิดในการศึกษา....................................................................................... 3
สมมติฐานของการศึกษา......................................................................................... 5
ขอบเขตของการศึกษา............................................................................................. 5
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ..................................................................................... 6
นิยามศัพท์............................................................................................................... 7
สารบัญ(ต่ อ)
บทที่ หน้ า
3 ระเบียบวิธีการศึกษา....................................................................................... 44
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง..................................................................................... 44
เครื่ องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล................................................................. 45
การทดสอบเครื่ องมือ.............................................................................................. 49
การเก็บรวบรวมข้อมูล............................................................................................ 51
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มูล.............................................................................. 51
4 ผลการวิเคราะห์ ข้อมูล..................................................................................... 53
สัญลักษณ์ที่ใช้ในการนาเสนอผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล............................................. 53
ลาดับขั้นตอนในการเสนอผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล................................................... 54
ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล…………………………………………………………… 54
ส่ วนที่ 1 ข้อมูลทัว่ ไปของผูต้ อบแบบสอบถาม……………………………. 54
ส่ วนที่ 2 ค่าสถิติแบบสอบถาม…………………………………………...... 57
ส่ วนที่ 3 ผลการทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอิสระ........................ 62
ส่ วนที่ 4 ผลการทดสอบสมมติฐาน………………………………............... 63
สรุ ปผลการทดสอบสมมติฐานการวิจยั ................................................................... 65
สารบัญ(ต่ อ)
บทที่ หน้ า
ภาคผนวก ข ผลการตรวจสอบค่าความสอดคล้องของข้อคาถามกับนิยามของ
ตัวบ่งชี้ ………………………………………………………………………….. 86
ภาคผนวก ค ผลการทดสอบค่าความเชื่อมัน่ ของแบบสอบถาม................................. 95
ประวัติผศู้ ึกษา.................................................................................................................... 97
VI
สารบัญตาราง
ตารางที่ หน้ า
1 สรุ ปปั จจัยที่ส่งผลต่อประสิ ทธิ ภาพการปฏิบตั ิงานของผูป้ ระกอบวิชาชีพบัญชีบญั ชี ..... 27
2 แสดงจานวนและร้อยละของผูต้ อบแบบสอบถาม จาแนกตามเพศ............................... 55
3 แสดงจานวนและร้อยละของผูต้ อบแบบสอบถาม จาแนกตามอายุ................................ 55
4 แสดงจานวนและร้อยละของผูต้ อบแบบสอบถาม จาแนกตามระดับการศึกษา………. 56
5 แสดงจานวนและร้อยละของผูต้ อบแบบสอบถาม จาแนกตามประสบการณ์………… 56
6 จานวนและร้อยละของผูต้ อบแบบสอบถาม จาแนกตามรายได้..................................... 57
7 แสดงค่าเฉลี่ยและส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของปั จจัยต่างๆ............................................ 57
8 แสดงค่าเฉลี่ยและส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของปัจจัยด้านความรู้ในวิชาชีพบัญชี .......... 58
9 แสดงค่าเฉลี่ยและส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของปั จจัยด้านทักษะทางวิชาชีพ.................. 59
10 แสดงค่าเฉลี่ยและส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของปั จจัยด้านคุณค่าแห่งวิชาชีพ................. 60
11 แสดงค่าเฉลี่ยและส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของปั จจัยด้านเจตคติในวิชาชีพ................... 60
12 แสดงค่าเฉลี่ยและส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของ ประสิ ทธิภาพการจัดทาบัญชี ................ 61
13 แสดงการวิเคราะห์สหสัมพันธ์พหุ คูณของปั จจัยต่างๆ ที่มีผลต่อประสิ ทธิ ภาพการ
จัดทาบัญชีของผูท้ าบัญชี ............................................................................................... 62
14 การวิเคราะห์การถดถอยเพื่อพยากรณ์ประสิ ทธิภาพการจัดทาบัญชีของผูท้ าบัญชี
โดยนาปัจจัยทุกด้านเข้าในสมการ................................................................................ 64
15 แสดงผลการทดสอบสมมติฐานการวิจยั ........................................................................ 65
VII
สารบัญภาพ
ภาพประกอบที่ หน้ า
1 กรอบแนวคิดการศึกษา.................................................................................................. 3
1
บทที่ 1
บทนา
ความเป็ นมาและความสาคัญของปัญหา
ในการดาเนิ นงานทางธุ รกิจเจ้าของกิจการในฐานะผูบ้ ริ หารย่อมต้องการที่จะรับรู ้ผลการ
ดาเนิ นงานและฐานะการเงิ นของกิ จการ ดัง นั้นการท าบัญชี จึง มี ส่ วนส าคัญอย่า งยิ่ง เนื่ องจาก
ผูบ้ ริ หารจะสามารถนาข้อมูลทางการเงินไปใช้ในการวางแผนจัดทางบประมาณต่างๆ และวางแผน
ในการดาเนินงานใน อนาคตได้ท้ งั นี้ตามพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 ได้กาหนดให้ ห้าง
หุ ้นส่ วนจดทะเบียน บริ ษทั จากัด บริ ษทั มหาชนจากัด นิ ติบุคคลที่ต้ งั ขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศที่
ประกอบธุ รกิจในประเทศไทย กิจการร่ วมค้าตามประมวลรัษฎากร การที่เป็ นผูม้ ีหน้าที่จดั ทาบัญชี
และต้องจัดให้มีผทู ้ าบัญชี ซ่ ึ งเป็ นผูม้ ีคุณสมบัติตามที่ อธิ บดี กาหนดเพื่อจัดทาบัญชี ให้เป็ นไปตาม
พระราชบัญญัติน้ ี โดยผูม้ ีหน้าที่จดั ทาบัญชี มีหน้าที่ ควบคุมดูแล ผูท้ าบัญชี ให้จดั ทาบัญชี ให้ตรงต่อ
ความเป็ นจริ งและถูกต้อง (กรมพัฒนาธุ รกิจการค้า,2560)
ธุ รกิจอสังหาริ มทรัพย์ เป็ นรากฐานที่สาคัญของระบบเศรษฐกิจประเทศไทย ด้วยพลังเล็ก ๆ
ของอสัง หาริ ม ทรั พ ย์ หลายต่ อหลายแรง สามารถรวมตัวกันกลายเป็ นพลัง อันยิ่ง ใหญ่ ที่ จะช่ วย
ขับเคลื่ อนให้ ป ระเทศไทยเดิ นหน้าดัง นั้น อสังหาริ มทรัพ ย์ จึ งกาเนิ ดขึ้ นจากความมุ่ง มัน่ ในการ
พัฒนาการให้มีประสิ ทธิ ภาพมากที่สุดโดยยึดหลักลูกค้าคือศูนย์กลาง มุ่งใส่ ใจดูแลความต้องการ
ของลู ก ค้า ผูป้ ระกอบการซึ่ งอยู่ใ นช่ ว งชี วิ ต ของธุ ร กิ จ ที่ แ ตกต่ า งกัน ย่ อ มมี ค วามต้อ งการที่ ไ ม่
เหมื อนกัน กล่ าวคื อ ธุ รกิ จที่ กาลังเริ่ มต้น คื อผูป้ ระกอบการที่ เพิ่งเริ่ มต้นทาธุ รกิ จในช่ วงของการ
ค้นหาโมเดลทางธุ รกิจที่เหมาะสม ธุ รกิจที่กาลังเติบโต คือผูป้ ระกอบการที่คน้ หาโมเดลที่เหมาะสม
พบแล้ว และก าลังขยายธุ รกิ จให้เติ บ โต และธุ รกิ จที่ ม นั่ คง คื อผูป้ ระกอบการที่ ผ่า นพ้นช่ วงการ
เติบโตและมีรากฐานมัน่ คง ซึ่ งอาจอยูร่ ะหว่างการส่ งต่อธุ รกิจให้รุ่นต่อไป (ผูพ้ ฒั นาอสังหาริ มทรัพย์
,2560)
ในยุคปั จจุบนั ที่โลกมีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ วในทุกๆด้านไม่วา่ จะเป็ น ด้าน
เศรษฐกิ จ ด้านสังคมการเมือง ความก้าวหน้า ทางเทคโนโลยี สภาพแวดล้อม สิ่ งเหล่านี้ ก่อให้เกิ ด
การแข่งขัน ส่ งผลให้หลายองค์กร และหลายหน่วยงานมีการปรับเปลี่ยนระบบการปฏิบตั ิงานเพื่อให้
องค์กรสามารถบรรลุวตั ถุประสงค์ที่วางไว้ได้ แต่การที่องค์กรจะสามารถบรรลุ
2
วัตถุประสงค์ ของการศึกษา
การศึกษาครั้งนี้มีวตั ถุประสงค์ ดังนี้
1. เพื่ อ ศึ ก ษาอิ ท ธิ พ ลของความรู ้ ใ นวิ ช าชี พ ที่ ส่ ง ผลต่ อ ประสิ ท ธิ ภ าพการจัด ท าบัญ ชี ข อง
ผูท้ าบัญชีในธุ รกิจอสังหาริ มทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
2. เพื่ อ ศึ ก ษาอิ ท ธิ พ ลของทัก ษะทางวิ ช าชี พ ที่ ส่ ง ผลต่ อ ประสิ ท ธิ ภ าพการจัด ท าบัญ ชี ข อง
ผูท้ าบัญชีในธุ รกิจอสังหาริ มทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
3. เพื่ อ ศึ ก ษาอิ ท ธิ พ ลของคุ ณ ค่ า แห่ ง วิ ช าชี พ ที่ ส่ ง ผลต่ อ ประสิ ท ธิ ภ าพการจัด ท าบัญ ชี ข อง
ผูท้ าบัญชีในธุ รกิจอสังหาริ มทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
4. เพื่ อ ศึ ก ษาอิ ท ธิ พ ลของเจตคติ ใ นวิ ช าชี พ ที่ ส่ ง ผลต่ อ ประสิ ท ธิ ภ าพการจัด ท าบัญ ชี ข อง
ผูท้ าบัญชีในธุ รกิจอสังหาริ มทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
กรอบแนวคิดในการวิจัย
การวิ จ ัย เรื่ อ ง ปั จ จัย ที่ ส่ ง ผลต่ อ ประสิ ท ธิ ภ าพการจัด ท าบัญ ชี ข องผูท้ าบัญ ชี ใ นธุ ร กิ จ
อสัง หาริ ม ทรั พ ย์ที่จดทะเบี ยนในตลาดหลักทรั พ ย์ในประเทศไทย ผูว้ ิจยั ได้ใ ช้กรอบแนวคิดใน
การวิจยั ดังนี้
4
ตัวแปรอิสระ ตัวแปรตาม
ความรู้ ในวิชาชี พบัญชี
1. ด้านความรู ้ทวั่ ไป
2. ด้านธุ รกิจอสังหาริ มทรัพย์และการจัดการทัว่ ไป
3. ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
4. ด้านการบัญชี
ทักษะทางวิชาชีพ
1. ด้านการใช้เหตุผล
2. ด้านการปฏิสัมพันธ์
3. ด้านการสื่ อสาร
คุณค่ าแห่ งวิชาชี พ ประสิ ทธิภาพการจัดทาบัญชี
1. ด้านความโปร่ งใส ของผู้ทาบัญชี
2. ด้านความเป็ นอิสระ
3. ด้านความเที่ยงธรรม
4. ด้านความซื่อสัตย์สุจริ ต
เจตคติในวิชาชีพ
1. ด้านความรู้สึก
2. ด้านความคิดเห็น
ภาพประกอบที่ 1 กรอบแนวคิดการวิจยั
2
เจตคติในวิชาชีพ
1. ด้าน
2.
5
สมมติฐานการวิจัย
ขอบเขตของการวิจัย
การศึกษาครั้งนี้มีขอบเขต ดังนี้
1. ขอบเขตด้ านเนือ้ หา
มุ่งศึ กษาปั จจัย ได้แก่ ความรู ้ ในวิชาชี พบัญชี ทักษะทางวิชาชี พ คุ ณค่าแห่ งวิชาชี พ และ
เจตคติในวิชาชี พที่ส่งผลต่อประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี ของผูท้ าบัญชี ในธุ รกิ จอสังหาริ มทรัพย์ที่
จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
2. ขอบเขตด้ านประชากร และตัวอย่าง
ประชากรที่ ท าการศึ ก ษาในครั้ งนี้ คื อ พนั ก งานบั ญ ชี หรื อผู ้ ท าบั ญ ชี ในธุ รกิ จ
อสังหาริ มทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ วันที่ 30 ตุลาคม 2560 จานวน
157 บริ ษทั (ตลาดหลักทรัพย์แห่ งประเทศไทย, 2560) บริ ษทั ละ 1 คน คิดเป็ นพนักงานบัญชี หรื อ
ผูท้ าบัญชี จานวน 157 คน
ตัวอย่างในการศึกษา คือ พนักงานบัญชีหรื อผูท้ าบัญชีในธุ รกิจอสังหาริ มทรัพย์ที่จดทะเบียน
ในตลาดหลักทรัพย์แห่ งประเทศไทย จานวน 113 คน โดยการกาหนดขนาดตัวอย่างจากสู ตรของ
ยามาเน่ ที่ระดับความเชื่อมัน่ 95%
3. ขอบเขตด้ านตัวแปรทีศ่ ึกษา
3.1 ตัวแปรอิสระ ได้แก่
3.1.1 ความรู้ในวิชาชีพบัญชี ประกอบด้วย ด้านความรู ้ทว่ั ไป ด้านธุ รกิจและ การ
จัดการทัว่ ไป ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และด้านการบัญชี
3.1.2 ทัก ษะทางวิช าชี พ ประกอบด้วย ด้านการใช้เหตุ ผล ด้านการปฏิ สัมพันธ์ และ
ด้านการสื่ อสาร
6
นิยามศัพท์
การวิจยั ครั้งนี้มีการกาหนดคานิยามศัพท์เฉพาะ ดังนี้
ธุ ร กิ จ อสั ง หาริ ม ทรั พ ย์ หมายถึ ง กิ จ การที่ มี ก ารสร้ า งรายได้จ ากการขายที่ ดิ น บ้า น
การพัฒนาอสังหาริ มทรัพย์ การก่อสร้าง และการให้เช่าอสังหาริ มทรัพย์ให้เกิดรายได้
ผู้ทาบัญชี หมายถึง บุคลากรในธุ รกิจอสังหาริ มทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่ ง
ประเทศไทยที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการทาบัญชี
ความรู้ ในวิชาชี พ (Professional Knowledge) หมายถึง ความสามารถเกี่ยวกับการบัญชี และ
เกี่ ยวกับธุ รกิ จอสังหาริ มทรั พย์ ประกอบด้วย ด้านความรู ้ ทวั่ ไป ด้านธุ รกิ จและการจัดการทัว่ ไป
ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และด้านการบัญชี
ความรู้ ในวิชาชี พ ด้านความรู ้ ทวั่ ไป หมายถึ ง ผูท้ าบัญชี มีความรู ้ ทวั่ ไปเกี่ ยวกับเศรษฐกิ จ
การเมือง ความเข้าใจหลักการปฏิบตั ิงานด้านบัญชี ความรู้ในการปฏิบตั ิงานด้านบัญชี ได้ถูกต้อง
ตามระเบียบของ ธุ รกิจอสังหาริ มทรัพย์ การเรี ยนรู ้เกี่ยวกับระเบียบที่เกี่ยวข้องกับงานด้านบัญชีของ
ธุ รกิจอสังหาริ มทรัพย์
ความรู้ ใ นวิช าชี พ ด้า นธุ รกิ จ และการจัดการทัว่ ไป หมายถึ ง การนาความรู้ ที่ ไ ด้รั บ การ
ฝึ กอบรมมาใช้กบั งานด้านบัญชี ในธุ รกิ จอสังหาริ มทรัพย์ การปฏิบตั ิงานด้านบัญชี ของผูท้ าบัญชี
เป็ นไปตามเกณฑ์มาตรฐานของ ธุ รกิจอสังหาริ มทรัพย์ ความเข้าในกระบวนการทางบัญชี ของธุ รกิจ
อสังหาริ มทรัพย์
ความรู้ในวิชาชีพด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง การเข้ารับการฝึ กอบรมคอมพิวเตอร์
เกี่ ยวกับการบันทึ กบัญชี ความสามารถใช้ระบบสารสนเทศในการทาบัญชี ไ ด้อย่างถู ก ต้องและ
รวดเร็ ว
ความรู้ในวิชาชีพด้านการบัญชี หมายถึง ความสามารถปฏิบตั ิงานในด้านบัญชี มีความรู้ใน
ด้ า นการบัน ทึ ก บัญ ชี เ ป็ นอย่ า งดี ผู ้ท าบัญ ชี เ ข้า ใจทัก ษะกระบวนการจัด ท าบัญ ชี ข องธุ ร กิ จ
อสั ง หาริ มทรั พ ย์ ผู้ท าบัญ ชี ส ามารถใช้ ค วามรู้ แยกพิ จ ารณารายได้ แ ละรายจ่ า ยของธุ ร กิ จ
อสั ง หาริ ม ทรั พ ย์ได้เป็ นอย่างดี ผูท้ าบัญชี ส ามารถแยกประเภทหมวดหมู่ รายการทางบัญชี ได้เป็ น
อย่างดี และผูท้ าบัญชีสามารถใช้ความรู้ในการเข้ารับการอบรมมาใช้ในกระบวนการจัดทาบัญชี ได้
เป็ นอย่างดี
ทัก ษะทางวิช าชี พ (Professional Skill) หมายถึ ง ความเป็ นมื อ อาชี พ ของผูจ้ ัด ท าบัญ ชี
ประกอบด้วย ด้านการใช้เหตุผล ด้านการปฏิสัมพันธ์ และด้านการสื่ อสาร
8
บทที่ 2
ทฤษฏีและงานวิจัยทีเ่ กีย่ วข้ อง
การศึกษาอิสระ เรื่ อง “ปั จจัยที่ส่งผลต่อประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี ของผูท้ าบัญชี ในธุ รกิจ
อสังหาริ มทรัพย์ในตลาดหลักทรั พย์แห่ งประเทศไทย” ได้ศึกษาเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ ยวข้อง
โดยแบ่งออกเป็ น 6 หัวข้อ ดังนี้
1. แนวคิดเกี่ยวกับธุ รกิจอสังหาริ มทรัพย์
2. แนวคิดเกี่ยวกับการบัญชี และผูท้ าบัญชี
3. แนวคิดเกี่ยวกับประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี และการวัดประสิ ทธิภาพการจัดทาบัญชี
4. แนวคิดเกี่ยวกับปั จจัยที่ส่งผลต่อประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชีของผูท้ าบัญชี
5. แนวคิดเกี่ยวกับการวัดปั จจัยที่ส่งผลต่อประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชีของผูท้ าบัญชี
6. งานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
1. แนวคิดเกีย่ วกับธุรกิจอสั งหาริมทรัพย์
การศึกษาในหัวข้อนี้แบ่งออกเป็ นหัวข้อย่อย ดังนี้
1.1 ความหมายของธุรกิจอสั งหาริมทรัพย์
คาว่า อสั งหาริ มทรั พย์ ในทางกฎหมาย ได้แก่ ที่ ดินและทรั พย์สินอื่ นที่ ติดอยู่กบั ที่ ดิน มี
ลักษณะเป็ นการถาวรหรื อประกอบเป็ นอันเดี ย วกับที่ ดินนั้น เช่ น อาคาร บ้านเรื อน ทาวน์ เฮาส์
คอนโดมิเนียม อาคารพาณิ ชย์ หอพัก และสิ ทธิ ท้ งั หลายอันเกี่ยวกับกรรมสิ ทธิ์ ในที่ดิน ทั้งกรรมสิ ทธิ์
ในที่ดินที่มีโฉนดและสิ ทธิ ครอบครองในที่ดินที่ไม่มีโฉนดที่ดิน (กองทุนอสังหาริ มทรัพย์,2560)
ความหมายของ ธุรกิจ หมายถึง กิจกรรมต่างๆที่จะจาหน่ายและให้บริ การภายใต้กฎเกณฑ์ที่
ได้กาหนดไว้ โดยมีการซื้ อขายแลกเปลี่ยนกัน และมีวตั ถุประสงค์เพื่อประโยชน์หรื อกาไรจากการ
กระทากิจกรรมนั้น (กองทุนอสังหาริ มทรัพย์,2560)
ดังนั้น ความหมายของคาว่า “ธุ รกิจอสังหาริ มทรัพย์” จึงหมายถึง การสร้างรายได้จากการ
ขาย การให้ เ ช่ า การพัฒ นาบริ หาร ที่ ดิ น บ้า น และอาคารต่ า งๆให้ เ กิ ด รายได้ ข้ ึ นมา ธุ ร กิ จ
อสังหาริ มทรัพย์เป็ นธุ รกิจที่มีความสาคัญสาหรับระบบเศรษฐกิจ ทั้งนี้ หลายๆ ครั้ง วิกฤตเศรษฐกิจ
ของประเทศมักจะมีจุดเริ่ มต้นจากอสังหาริ มทรัพย์แทบทั้งสิ้ น ภาครัฐมีการเก็บรวบรวมข้อมูล
11
ทาธุ รกิจอสังหาริ มทรัพย์ที่เรี ยกว่า “เสื อนอนกิน” เพราะเมื่อลงทุนสร้างหรื อซื้ ออาคารซื้ อที่ดินว่าง
เปล่าแล้วนาออกให้เช่า ก็จะทาให้เกิดรายได้อย่างสม่าเสมอ และเป็ นรายได้ที่ตายตัว ทาให้มีเงินใช้
สอยไม่ขาดมือ
3. การเป็ นนายหน้ าซื้อขายหรื อเช่ า เป็ นอาชี พที่คนส่ วนใหญ่คุน้ เคย เช่ น เป็ นนายหน้าซื้ อ
ขายที่ดิน ซื้ อขายรถยนต์ ส่ วนใหญ่ทาเป็ นอาชี พเสริ มหรื อทาเป็ นงานเสริ ม แต่การซื้ อขายแต่ละครั้ง
อาจทาให้นายหน้ามีรายได้สูงถึง 100 เปอร์ เซ็นต์ ซึ่ งขึ้นอยูก่ บั ความสามารถและองค์ประกอบด้าน
อื่นๆด้วย
สรุ ป ภาพรวมของธุรกิจอสั งหาริ มทรั พย์ ก็คือ การสร้างรายได้จากการขาย การให้เช่า การ
พัฒ นาบริ ห ารบ้า นและที่ ดิ น ว่ า งเปล่ า ให้ มี ร ายได้ใ นรู ป แบบต่ า งๆ รวมถึ ง การเป็ นนายหน้ า
อสังหาริ มทรัพย์ที่ไม่จาเป็ นต้องใช้เงินทุนมากนัก ธุ รกิจอสังหาริ มทรัพย์จึงไม่เฉพาะคนรวยหรื อคน
ที่มีเงิ นทุนเท่านั้นที่สามารถทาได้ การเป็ นนายหน้าซื้ อขายที่ดินในบางครั้งยังเป็ นการ “จับเสื อมือ
เปล่ า ” โดยไม่ ต้องใช้เงิ นลงทุ น หากคุ ณมี เงิ นสั กก้อนหรื อคิ ดที่ จะลงทุ นทาธุ รกิ จ การลงทุ นใน
อสังหาริ มทรัพย์ก็เป็ นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ (กองทุนอสังหาริ มทรัพย์,2560)
สาหรับการศึกษาครั้ งนี้ เป็ นการศึ กษาธุ รกิ จอสังหาริ มทรัพย์ ซึ่ งเป็ นการบริ หารบ้านและ
ที่ดินว่างเปล่าให้มีรายได้ในรู ปแบบต่างๆ
1.3 จานวนของธุรกิจอสั งหาริมทรัพย์ ทจี่ ดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แห่ งประเทศไทย
สาหรับจานวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุ รกิ จอสังหาริ มทรัพย์มีท้ งั สิ้ น 157 ราย จดทะเบียน
จัดตั้ง ในพื้ น ที่ ก รุ ง เทพมหานครและปริ ม ณฑล ซึ่ ง สั ง เกตได้ว่า ผูป้ ระกอบการนิ ย มจัด ตั้ง ธุ ร กิ จ
ดังกล่าวในพื้นที่จงั หวัดสาคัญๆ ที่มีจานวนประชากรมาก มีความต้องการและกาลังซื้ อสู ง รวมทั้งมี
ระบบสาธารณู ปโภคพื้นฐานที่ ค รบถ้วนเหมาะสมในการประกอบธุ รกิ จ (ตลาดหลักทรัพ ย์แห่ ง
ประเทศไทย, 2560)
2.1 ความหมายของการบัญชี
13
สมาคมนัก บัญชี และผูส้ อบบัญ ชี รับ อนุ ญาตแห่ ง ประเทศไทย ซึ่ ง เรี ย กย่อว่า ส.บช.(The
Institute of Certified Accountants and Auditor of Thailand : ICAAT) ได้ให้ความหมายของบัญชีไว้
ว่าการบัญชี (Accounting) หมายถึ ง ศิลปะของการเก็บรวบรวม บันทึก จาแนกและทาสรุ ปข้อมูล
อันเกี่ ยวกับเหตุการณ์ ทางเศรษฐกิ จในรู ปตัวเงิ นผลงานขั้นสุ ดท้ายของการบัญชี ก็คือการให้ขอ้ มูล
ทางการเงิน ซึ่ งเป็ นประโยชน์แก่บุคคลหลายฝ่ ายและผูท้ ี่สนใจในกิจกรรม
การวิเคราะห์และการแปลความหมายจากข้อมูลทางการบัญชี ที่ได้จากการจดบันทึกดังกล่าวด้วยซึ่ ง
บุคคลที่ปฏิบตั ิงานเกี่ยวกับการบัญชีน้ นั เรี ยกว่า “นักบัญชี”
- เริ่ มทาบัญชีตามวันที่กาหนด
15
- ปิ ดบัญชีตามระยะเวลาที่กาหนด
- จัดทางบการเงินตามรายการย่อและจัดส่ งงบการเงินภายในเวลาที่กาหนด
- กรณี เป็ นพนักงานของผูม้ ีหน้าที่จดั ทาบัญชี ได้แก่ ผูอ้ านวยการฝ่ ายบัญชี สมุห์บญั ชี หัวหน้า
แผนกบัญชี
- กรณี เ ป็ นส านัก งานบริ ก ารรั บ ท าบัญ ชี ได้แ ก่ ส านัก งานมิ ไ ด้จ ัด ตั้ง ในรู ป คณะบุ ค คล คื อ
หัวหน้าสานักงาน สาหรับสานักงานจัดตั้งในรู ปคณะบุคคล คือผูเ้ ป็ นหุ ้นส่ วนซึ่ ง รับผิดชอบในการ
ให้บ ริ ก ารรั บ ท าบัญชี และส านัก งานจัดตั้ง ในรู ป นิ ติบุ ค คล คื อ กรรมการหรื อผูเ้ ป็ นหุ ้นส่ วนซึ่ ง
รับผิดชอบในการให้ บริ การรับทาบัญชี
- กรณี “ผูท้ าบัญชี ” รับทาบัญชี เกินกว่า 100 ราย “ผูช้ ่วยผูท้ าบัญชี ” มีหน้าที่ความรับผิดชอบเป็ น
“ผูท้ าบัญชี ” ตามกฎหมาย นอกจากนี้ ตามประกาศกรมทะเบี ยนการค้าได้ กาหนดคุ ณสมบัติของ
ผูจ้ ดั ทาบัญชี ไว้ว่าผูท้ าบัญชี จะต้องมีภูมิลาเนาในประเทศไทย มีความรู้ภาษาไทยเพียงพอที่จะทา
หน้า ที่ เป็ นผูท้ าบัญ ชี ไ ด้แ ละข้อ ส าคัญ คื อ ไม่ เ คยต้อ งโทษจ าคุ ก เนื่ อ งจากกระท าความผิ ด ตาม
กฎหมาย ซึ่ งผูท้ าบัญชี ของห้างหุ ้นส่ วนจดทะเบียน บริ ษทั จากัดที่ต้ งั ขึ้นตามกฎหมาย ไทย ซึ่ งมีทุน
จดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้าน มีสินทรัพย์รวมไม่เกิน 30 ล้าน และมีรายได้ รวมไม่เกิน 30 ล้าน จะต้องมี
คุณวุฒไม่ต่ากว่า อนุ ปริ ญญา หรื อประกาศนี ยบัตร วิชาชี พชั้นสู ง (ปวส.) ทางการบัญชี แต่สาหรับผู ้
16
ที่มีวุฒิ ไม่ต่ากว่าปริ ญญาตรี ทางการ บัญชี สามารถทาบัญชี ให้แก่ ห้างหุ ้นส่ วนจดทะเบียน บริ ษทั
จากัด บริ ษทั มหาชน จากัด นิ ติบุคคลที่ต้ งั ขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศประกอบกิจการในประเทศ
ไทย และกิจการร่ วมค้า
สัญญา สัญญาวิวฒั น์ (2544) กล่าวไว้ว่า ประสิ ทธิ ภาพ หมายถึ ง การวัดผลการปฏิ บตั ิงาน
ของบุคคลในแต่ละ องค์กรนั้น ว่าสามารถทางานได้ปริ มาณมากหรื อน้อยแค่ไหน มีคุณภาพงานที่
ทาดี มากหรื อน้อยแค่ไหน และ ใช้ตน้ ทุ นในการดาเนิ นงาน เช่ น เงิ น เวลา แรงงานไปมากน้อย
เพียงใด และเป็ นผลดีต่อผูร้ ับบริ การมากน้อยแค่ไหน โดยรวมความมีประสิ ทธิ ภาพจึงหมายถึง การ
ทางานให้ได้ปริ มาณและคุณภาพมาก องค์กรมีความสมัครสมาน สามัคคี มีสันติภาพและมีความสุ ข
ร่ วมกน ซึ่ งเป็ นผลดีต่อส่ วนรวมและผูร้ ับบริ การ โดยใช้ตน้ ทุนในการดาเนินงาน ไปอย่างคุม้ ค่าที่สุด
ศิริกาญจน์ วงษ์เสรี และสุ รีย ์ โบษกรณัฏ (2559) กล่ าวว่า ประสิ ทธิ ภาพในการท างาน
อาจจะวัดค่ า ได้จากการก าหนดตัว ชี้ ว ดั ความส าเร็ จของงาน (Key Performance Indicators) ที่ ใ ช้
วัดผลการปฏิ บตั ิงานหรื อประเมินผลการดาเนิ นงานในด้านต่างๆ โดยการกาหนดตัวชี้ วดั สามารถ
19
แบ่ ง ได้ เ ป็ นหลายระดับ ตั้ง แต่ ต ัว ชี้ วัด ระดั บ องค์ ก ร (Organization indicators) ตัว ชี้ วัด ระดับ
หน่ วยงาน (Department indicators) และตัวชี้ วดั ระดับ บุ ค คล (Individual indicators) โดยตัว ชี้ วัด
ระดับบุคคลจะหมายถึงสิ่ งที่ใช้วดั ผลการ ทางานรายบุคคล ตามขอบเขตหน้าที่รับผิดชอบหรื อ ตาม
ตาแหน่ ง งานที่ ไ ด้รับ ว่า มี ป ระสิ ท ธิ ภาพมากเพี ยงใด โดยที่ ประสิ ทธิ ภาพของการปฏิ บตั ิ งานจะ
ประกอบด้ว ย 3 ประเภท ได้แ ก่ ต้น ทุ น ในการด าเนิ น งาน (Implementation cost) ระยะเวลาที่
ให้บริ การ (Service timing) และคุณภาพของการบริ การ (Service quality)
กิ ตติศกั ดิ์ มะลัย (2557) กล่าวว่า แนวคิดประสิ ทธิ ภาพการปฏิ บตั ิงาน เป็ นแนวคิดพื้นฐาน
ในการปฏิบตั ิงานของบุคคลทัว่ ไป แต่สาหรับผูป้ ระกอบวิชาชีพบัญชี ประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี
(Accounting Preparation Efficiency) ถื อเป็ นตัวชี้ วดั ระดับคุ ณภาพ แสดงให้เห็ นว่า การปฏิ บตั ิงาน
ทางด้านบัญชี น้ นั ดาเนิ นไปด้วยความรับผิดชอบ เอาใจใส่ โดยใช้ทกั ษะความรู ้ ความสามารถอย่าง
เต็มที่เพื่อให้การนาเสนอข้อมูลในงบการเงินมีความถูกต้องน่าเชื่ อถือและทันกาล
สภาวิ ช าชี พ บัญ ชี ( 2547 : 26-30) กล่ า วว่ า ประสิ ท ธิ ภ าพการจัด ท าบัญ ชี (Accounting
Preparation Efflciency) หมายถึง ระดับคุณภาพของการปฏิบตั ิงานด้านบัญชี ที่ได้ใช้ทกั ษะ ความรู้
ความสามารถอย่างเต็มที่ มีความรับผิดชอบต่องานบัญชี เพื่อให้การจัดทารายงานทางการเงินเป็ นไป
ตามหลักการบัญชีที่รับรองทัว่ ไปและเป็ นไปตามวัตถุประสงค์ ตามหลักการ อุดมการณ์องค์กรอย่าง
มีประสิ ทธิภาพ เพื่อให้รายงานทางการเงินแสดงฐานะการเงินตามมาตรฐานการบัญชี ในเรื่ องนั้นไว้
ช่ วยให้ผใู ้ ช้เข้าใจถึ งประโยชน์ที่ได้รับ และข้อจากัดของข้อมูลทางการบัญชี ช่วยเสริ มสร้ างความ
เข้าใจระหว่างบุคคลหลายฝ่ ายทั้งผูจ้ ดั ทาและผูใ้ ช้ขอ้ มูลในรายงานทางการเงิน และสามารถนาข้อมูล
ทางการบัญชี ไปใช้อย่างถูกต้องโดยอาจมุ่งเน้นการจัดทาบัญชี ได้ในหลายลักษณะ ทั้งนี้ ในการวิจยั
นี้ ผวู ้ ิจยั ได้ประยุกต์ใช้จากแม่บทการบัญชี ซึ่ งได้กาหนดให้ปัจจัยสาคัญที่บ่งชี้ ถึงประสิ ทธิ ภาพใน
การจัดทาบัญชี ประกอบไปด้วย 5 ด้าน ได้แก่
1. ด้า นความเข้า ใจได้ (Understanding) หมายถึ ง ผู้ใ ช้ง บการเงิ น สามารถเข้า ใจข้อ มู ล
ในงบการเงินที่จดั ทาขึ้นได้ในทันที โดยมีขอ้ สมมติวา่ ผูใ้ ช้งบการเงินต้องมีความรู ้ตามควร เกี่ยวกับ
ธุ รกิ จกิ จกรรมเชิ งเศรษฐกิ จ และการบัญชี รวมทั้งมีความตั้งใจตามควรที่จะศึกษาข้อมูลดังกล่ าว
ข้อมูลที่ได้จากการจัดทาบัญชีในงบการเงินจะต้องนาเสนอข้อมูล ทุกประการในรายงานทางการเงิน
20
ถ้า ฝ่ ายบริ หารของกิ จการเล็ ง เห็ นว่า ข้อมู ล นั้นส าคัญ มี ป ระโยชน์ ต่อการตัดสิ นใจเชิ ง เศรษฐกิ จ
ต่อผูใ้ ช้งบการเงินแม้วา่ ข้อมูลนั้นจะยากและซับซ้อน
2. ด้า นความเชื่ อ ถื อ ได้ (Reliability) หมายถึ ง ข้อ มู ล ที่ จ ัด ท าขึ้ น เป็ นข้อ มู ล ที่ เ ชื่ อ ถื อ ได้
อย่างมีนยั สาคัญไม่มีความผิดพลาด โดยไม่มีความลาเอียงในการนาเสนอข้อมูลที่อาจทาให้ขอ้ มูลไม่
ตรงกับความเป็ นจริ งที่เป็ นอยู่ ข้อมูลที่เป็ นข้อมูลเชื่ อถื อได้ ถื อว่าเป็ นข้อมูลที่เป็ นตัวแทนอันเที่ยง
ธรรมที่ใช้ในรู ปแบบของงบการเงิน ซึ่ งมีลกั ษณะดังนี้
2.1 การเป็ นตัว แทนอัน เที่ ย งธรรม หมายถึ ง ข้อ มู ล ที่ แ สดงในงบการเงิ น เป็ นไปตาม
ความเป็ นจริ งที่ควรแสดง รายการที่นาเสนอในงบการเงินต้องเข้าเกณฑ์การรับรู้ รายได้จึงจะรับรู้
และแสดงรายการในงบการเงิน ซึ่ งมีเกณฑ์ ดังนี้
2.1.1 มี ค วามเป็ นไปได้ค่ อ นข้า งแน่ น อน ที่ กิ จ การจะได้รั บ หรื อ สู ญ เสี ย ประโยชน์
เชิงเศรษฐกิจในอนาคตจากรายการดังกล่าว
2.1.2 รายการดังกล่าวมีราคาทุน หรื อมูลค่าที่สามารถวัดได้อย่างน่าเชื่ อถื อบันทึกและ
รับรู ้รายการในงบการเงินนั้นจะใช้หลักเนื้อหาสาคัญกว่ารู ปแบบตามเกณฑ์เพียงอย่างเดียว
2.2 เนื้ อหาสาคัญกว่ารู ปแบบ หมายถึง ข้อมูลที่จะบันทึก และรับรู ้รายการในงบการเงินนั้น
จะใช้หลักเนื้ อหาสาคัญกว่ารู ปแบบโดยเน้นเนื้ อหาและความเป็ นจริ งเชิ งเศรษฐกิจโดยมิได้คานึงถึง
รู ปแบบตามกฎหมายเพียงอย่างเดียว
2.3 ความเป็ นกลาง หมายถึ ง ข้อมูลที่นาเสนองบการเงิ นต้องมีความเป็ นกลางปราศจาก
ความลาเอียง ไม่นาเสนองบการเงิ นที่ทาให้ผใู ้ ช้งบการเงิ นไขว้เขวในการตัดสิ น ซึ่ งจะส่ งผลทาให้
ข้อมูลในงบการเงิ นขาดความเป็ นกลางถ้าผูใ้ ช้งบการเงิ นการเงินนาข้อมูลไปใช้ตามที่ผูจ้ ดั ทางบ
การเงินกาหนดไว้
2.4 ความระมัดระวัง หมายถึง การนาเสนองบการเงินบางรายการต้องทาการประมาณการ
โดยไม่ ท าให้ สิ น ทรั พ ย์ หรื อ รายได้สู ง เกิ น ไปรวมทั้ง ไม่ ท าให้ ห นี้ สิ น และค่ า ใช้ จ่ า ยต่ า เกิ น ไป
นอกจากนี้ ในการจัดทางบการเงิ นนั้น กิ จการจะประสบกับปั ญหาความไม่แน่ นอนอันหลี กเลี่ ยง
ไม่ได้ ซึ่ งกิจการต้องแสดงความไม่แน่นอนโดยเปิ ดเผยในลักษณะของผลกระทบนั้นทาให้ขอ้ มูลใน
งบการเงินขาดความเป็ นกลางถ้าผูใ้ ช้งบการเงินนาข้อมูลไปใช้ตามที่ผจู ้ ดั ทางบการเงินกาหนดไว้
21
3. ด้า นความครบถ้วน (Completeness) หมายถึ ง ข้อมู ล ในงบการเงิ นที่ จดั ท าขึ้ นมี ค วาม
ครบถ้วนภายใต้ขอ้ จากัดของความมีนยั สาคัญ ซึ่ งต้องคานึ งถึงการแสดงข้อมูลที่จาเป็ นมีประโยชน์
ต่อการนาไปใช้ประกอบการตัดสิ นใจ ได้อย่างมีประสิ ทธิ ภาพ
4. ด้า นความเกี่ ย วข้อ งกับ การตัด สิ น ใจ (Relates to Decision) หมายถึ ง ผูใ้ ช้ง บการเงิ น
สามารถนาข้อมูล ที่ จดั ทาขึ้ นไปใช้ในการคาดคะเนผลลัพ ธ์ ได้อย่า งมี ประสิ ทธิ ภาพ ซึ่ ง สามารถ
ประเมินเหตุการณ์ ท้ งั ในอดี ต ปั จจุบนั และอนาคต จากข้อมูลที่แสดงในงบการเงิ นนั้น โดยข้อมูล
จะต้องยืนยัน และชี้ขอ้ ผิดพลาดจากผลการประเมินของเหตุการณ์ในอดีตได้
5. ด้านความทันเวลา (Timely) หมายถึง ผูใ้ ช้งบการเงินสามารถนาข้อมูลที่จดั ทาไปใช้ใน
การตัด สิ น ใจ ในช่ ว งเวลาที่ ต้อ งการภายใต้ค วามน่ า เชื่ อ ถื อ ของรายงานทางการเงิ น ได้อ ย่า งมี
ประสิ ทธิ ภาพ โดยข้อมูลบัญชีได้แสดงการรับรู ้รายการตามรอบระยะเวลาบัญชีที่เกิดขึ้น
จากการทบทวนวรรณกรรมข้างต้นสามารถสรุ ปได้วา่ การจัดทาบัญชีให้มีประสิ ทธิ ภาพนั้น
มีความจาเป็ นสาหรับองค์กร เพื่อช่วยให้องค์กรมีขอ้ มูลทางบัญชี ที่มีความถูกต้อง ครบถ้วน เชื่ อถือ
ได้ และทันเวลา เพื่อนาไปใช้ในการตัดสิ นใจด้านต่างๆ เช่ น การวางแผน การควบคุ ม การวัดผล
การดาเนินงาน หรื อการตัดสิ นใจลงทุน เป็ นต้น
ความพร้ อ มก่ อ นเป็ นนั ก วิ ช าชี พ บัญ ชี ซึ่ งเป็ นการเตรี ยมพื้ น ฐานและความพร้ อ มก่ อ นเป็ น
นักวิชาชีพบัญชี ซึ่ งได้แบ่งเป็ น 4 ประเภท ศิลปะพร ศรี จนั่ เพชร(2545,หน้า 13-19)
1.1 ความรู ้ ท ั่ว ไป รวมถึ ง ความรู ้ เ กี่ ย วกับ สั ง คมเศรษฐกิ จ การเมื อ ง การปกครอง
วิทยาศาสตร์ ความรู ้และซาบซึ้ งในศิลปะ วรรณกรรมและวัฒนธรรม ความสามารถในการคิด อ่าน
เขียน การวิเคราะห์ เป็ นต้น ความรู ้ ทวั่ ไปนี้ ช่วยให้นกั วิชาชี พบัญชี มีความรอบรู ้ ความสามารถใน
การคิด อ่าน เขียน การใช้ดุลยพินิจ หรื อมีปฏิสัมพันธ์กบั บุคคลอื่น คณะกรรมการการศึกษาเชื่ อว่า
การศึกษาที่ให้มีความรู ้ทวั่ ไปในวงกว้างเป็ นพื้นฐานสาคัญที่กระตุน้ ให้เกิดการเรี ยนรู ้อย่างต่อเนื่ อง
และเป็ นจุดเริ่ มต้นของวิชาชีพบัญชี
1.2 ความรู ้เกี่ยวกับธุ รกิจและการจัดการทัว่ ไป รวมถึงเศรษฐศาสตร์ พฤติกรรมองค์การ
การตลาด การจัดการ ธุ รกิ จระหว่างประเทศ การวิเคราะห์เชิ งปริ มาณและสถิติ เป็ นต้น ความรู ้ ใน
ส่ วนนี้มีความจาเป็ นอย่างยิง่ ต่อหน้าที่งานที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพบัญชี
1.3 ความรู ้ เกี่ ย วกับเทคโนโลยีสารสนเทศ ความรู ้ ใ นส่ วนนี้ มีค วามสาคัญเนื่ องจาก
เทคโนโลยีสารสนเทศอาจมาจากการจัดให้มีการเรี ยนการสอนเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศเป็ น
วิชาเฉพาะหรื อผสมผสานเข้ากับเนื้อหาวิชาแกนอื่นๆ
1.4 ความรู ้ดา้ นบัญชี และเรื่ องที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการบัญชี การเงิน รายงานการเงิน การ
บัญชีบริ หาร การสอบบัญชี กฎหมายธุ รกิจ ภาษีอากร การควบคุมและการตรวจสอบภายใน การเงิน
ธุ รกิ จและการจัดการทางการเงิ น จรรยาบรรณวิชาชี พ เป็ นต้น ความรู ้ ในส่ วนนี้ เป็ นพื้นฐานของ
ความที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับวิชาชีพบัญชี
2. ทักษะทางวิชาชีพ (Professional Skill) ส่ วนประสมของทักษะที่นกั บัญชีตอ้ งมีเพื่อให้มี
คุ ณสมบัติเป็ นนักบัญชี มืออาชี พเนื่ องจากความคาดหวังที่เพิ่มมากขึ้ นของผูว้ ่าจ้างนักบัญชี ลูกค้า
และสาธารณชน ในเรื่ องของการทางานให้เป็ นประโยชน์ต่อที่ทางานและสังคมของนักบัญชี มื อ
อาชี พ ทาให้เกิ ดการให้ความสาคัญกับเรื่ องทักษะความเป็ นมืออาชีพ โดยผูป้ ระกอบวิชาชี พควรมี
ทักษะหรื อความชานาญในเรื่ องที่จาเป็ นต่อไปนี้ ศิลปพร ศรี จนั่ เพชร(2545, หน้า13-19)
2.1 ทัก ษะในการใช้เ หตุ ผ ล รวมถึ ง ทัก ษะในการใช้ดุ ล ยพิ นิ จ ในสถานการณ์ ที่ มี
ความซับซ้อน ความสามารถในการถามและการวิจารณ์อย่างมีเหตุผลความสามารถในการระบุและ
23
ประภาเพ็ญ สุ วรรณ (2526, หน้า 3) กล่าวว่า เจตคติ หมายถึง ความคิดเห็ นซึ่ งมีอารมณ์
เป็ นส่ วนประกอบ พร้อมที่จะมีปฏิกิริยาเฉพาะอย่างต่อสถานการณ์ภายนอก
24
อรัญญา เวียงวะลัย (2538, หน้า 10) กล่าวว่า เจตคติ หมายถึ ง การแสดงท่าที ความรู ้ สึก
ความคิดเห็นต่อสิ่ งใดสิ่ งหนึ่ งเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ งของบุคคล เป็ นผลเนื่ องมาจากการเรี ยนรู ้
ประสบการณ์ ซึ่งอาจแสดงออกในทางบวก ทางลบ หรื อเป็ นกลาง
กล่ า วโดยสรุ ป เจตคติ หมายถึ ง ความรู ้ สึ ก ความคิ ด เห็ น ความเชื่ อ ของบุ ค คลที่ มี ต่ อ
สิ่ งใดสิ่ งหนึ่ง อันเป็ นผลเนื่องมาจากประสบการณ์การเรี ยนรู้ ซึ่ งสะท้อนออกมาเป็ นพฤติกรรมหรื อ
ความรู้สึก โดยจะแสดงออกมาใน 2 ลักษณะ คือ ทางบวก (P) จะแสดงในลักษณะความชอบ เห็น
ด้วย ความสนใจ หรื อไม่ยอมรับ และอีกลักษณะหนึ่ งคือ ทางลบ (N) จะแสดงในลักษณะความไม่
ชอบไม่เห็นด้วย ไม่สนใจ หรื อไม่ยอมรับ นอกจากนี้เจตคติอาจแสดงออกในลักษณะความเป็ นกลาง
ก็ได้ เช่ น รู ้ สึกเฉยๆ ไม่มีความรู ้ สึกต่อสิ่ งใดสิ่ งหนึ่ งที่มาเกี่ ยวข้อง โดยเฉพาะหน้าที่ การงานของ
บุคคลจะต้องมีเจตคติต่ออาชีพของตนเอง อย่างไรก็ตามผูป้ ระกอบวิชาชีพบัญชี ทุกสาขาจะต้องเป็ น
นักบัญชีที่มีความรู ้ความสามารถในทางวิชาชี พที่สูงเพียงพอต่อการสร้ างความเชื่ อมัน่ ให้กบั บุคคล
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนเพื่อให้มนั่ ใจได้วา่ ผลงานที่ได้ผา่ นการกลัน่ กรองจากนักบัญชี ที่มี
องค์ประกอบของความรู ้ความสามารถที่ครบถ้วนในทุกๆด้าน จะเป็ นงานที่มีประสิ ทธิ ภาพและก่อ
ให้ประโยชน์สูงสุ ดต่อผูท้ ี่เกี่ยวข้องทุกฝ่ าย มุจริ นทร์ แก้วหย่อง(2548, หน้า 18)
ั น์ ไ พศาล (2554) ได้ใ ห้ แ นวคิ ด เกี่ ย วกับ ตัว แปรที่ ส่ ง ผลต่ อ ประสิ ท ธิ ผ ล
จารุ ณี อภิ ว ฒ
การปฏิบตั ิงานของพนักงานบัญชี สามารถจัดกลุ่มตัวแปรเป็ น 7 กลุ่ม ดังนี้
การศึ ก ษาครั้ งนี้ มี ปั จ จัย ที่ ส่ ง ผลต่ อ ประสิ ท ธิ ภ าพการจัด ท าบัญ ชี ข องผูท้ าบัญ ชี ได้แ ก่
1) ความรู้ ใ นวิช าชี พ 2) ทัก ษะทางวิชาชี พ 3) คุ ณค่ า แห่ ง วิช าชี พ และ 4) เจตคติ ใ นวิชาชี พ ซึ่ ง
สามารถวัด ได้จ ากตัว แปรที่ ไ ด้จ ากการทบทวนแนวคิ ด การวัด ประสิ ท ธิ ภ าพการปฏิ บ ัติ งานที่
เกี่ยวข้องกับการศึกษาครั้งนี้ ดังต่อไปนี้
5.1 แนวคิดเกีย่ วกับการวัดปัจจัยตัวที่ 1 ความรู้ ในวิชาชี พ
อัมพร เที่ยงตระกูล (2551) ได้ให้ความหมายว่า หัวข้อต่างๆที่รวมมาเป็ นหัวข้อการเรี ยน
ของวิชาชี พบัญชี รวมทั้งสาขาวิชาทางธุ รกิ จต่างๆที่ เมื่ อมารวมกันแล้วจะเกิ ดองค์ความรู ้ ที่จาเป็ น
ต่ อ นัก วิ ช าชี พ ได้แ ก่ ความรู ้ ท ั่ว ไปความรู ้ ที่ เ กี่ ย วข้อ งกับ วิ ช าชี พ บัญ ชี ความรู ้ เ ทคโนโลยี และ
ความรู้ในวิชาชีพบัญชี
5.1.1 ความรู ้ ท ั่ ว ไป ประกอบด้ ว ย ความรู ้ ด้ า นสั ง คม ความรู ้ ด้ า นเศรษฐกิ จ
ความรู้ดา้ นการเมือง และความรู้ดา้ นวัฒนธรรม
5.1.2 ความรู ้ เกี่ ย วข้องกับ วิชาชี พ บัญชี ประกอบด้วย ความรู ้ ท างด้า นเศรษฐศาสตร์
ความรู้ ด้า นการตลาด ความรู้ ด้า นการเงิ น ความรู้ ด้า นการจัด การ ความรู้ ด้า นกฎหมาย และ
ความรู้ดา้ นภาษีอากร
5.1.3 ความรู ้ทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบด้วย ความรู ้พ้นื ฐานการใช้คอมพิวเตอร์
ความรู้การใช้โปรแกรมสาเร็ จรู ปทางบัญชี และความรู้ทางระบบพาณิ ชย์อิเล็กทรอนิกส์
29
5.1.4 ความรู้ ในวิชาชี พบัญชี ประกอบด้วย ความรู้ ด้านบัญชี การเงิ น ความรู้ ด้านบัญชี
บริ หาร ความรู้ดา้ นการสอบบัญชี และความรู้ดา้ นการตรวจสอบภายใน
เวลา มี ค วามรั บ ผิดชอบต่ องานที่ ไ ด้รับ ผิดชอบงานที่ ไ ด้รับ มอบหมาย มี ค วามเป็ นอิ ส ระในการ
ทางาน และมีการปฏิบตั ิที่คานึงถึงมรรยาททางบัญชีได้แก่ ความโปร่ งใส ความเป็ นอิสระ ความเที่ยง
ธรรม และความซื่ อ สั ต ย์สุ จ ริ ต ความรู้ ค วามสามารถและมาตรฐานในการปฏิ บตั ิ ง าน มี ค วาม
รับผิดชอบและรักษาความลับขององค์กร
5.4 แนวคิดเกีย่ วกับการวัดปัจจัยตัวที่ 4 เจตคติในวิชาชีพ
ดรุ ณวรรณ แมดจ่อง (2553) ได้ให้ความหมายว่า เจตคติที่บุคคลมีต่อวิชาชี พถือว่าเป็ นเรื่ อง
ที่ตอ้ งให้ความสาคัญเนื่ องจากการที่บุคคลมีเจตคติที่ดีต่อวิชาชี พที่ปฏิบตั ิก็ยอ่ มปฏิบตั ิงานนั้นอย่าง
เต็มกาลังความสามารถ หากองค์กรใดมี พนักงานที่ มีเจตคติ ที่ดีต่องานที่ ทาองค์กรก็ย่อมมี ค วาม
พร้อมที่ดีสามารถสร้างความได้เปรี ยบทางการแข่งขันได้ นาพาองค์กรไปสู่ เป้ าหมายที่กาหนดไว้ได้
ซึ่ งทฤษฎีแรงจูงใจของ Herzbrg จากการศึกษาค้นคว้าวิจยั ปั จจัยที่ทาให้เกิ ดความพึงพอใจในงาน
ที่ทาปั จจัยเหล่านี้ จะเกี่ยวข้องกับความรู ้สึกในทางบวก กับงานที่ปฏิบตั ิและเกี่ยวข้องกับเนื้ อหาของ
งานที่ ปฏิ บตั ิ บุคคลจะได้รับการจูงใจหรื อแรงจูงใจ ให้เพิ่มผลผลิ ตด้วยปั จจัยแหล่งนี้ ซ่ ึ ง Herzbrg
เรี ยกว่า ปั จจัยจูงใจ ประกอบด้วย
1.ความสาเร็ จในงาน หมายถึง การที่บุคคลสามารถทางานได้เสร็ จสิ้ นและประสบผลสาเร็ จ
ด้วยดี เป็ นความสามารถในการแก้ปัญหาต่างๆ การรู ้จกั ป้ องกันปั ญหาที่จะเกิดขึ้น
2.การยอมรั บ นับ ถื อ หมายถึ ง การได้รับ การยอมรั บ นับ ถื อไม่ ว่า จากผูบ้ งั คับ บัญ ชาการ
ยอมรับนี้อาจจะอยูใ่ นการยกย่องชมเชยแสดงความยินดีให้กาลังใจ
3.ลักษณะของงาน หมายถึง สภาพของงานที่ทาอยูน่ ้ นั ผูท้ ารู ้สึกว่าเป็ นงานที่มีเกียรติปริ มาณ
งานมีความเหมาะสมกับเวลา ได้ใช้ความรู ้ความสารถของตนเองอย่างเต็มที่ในการปฏิบตั ิงาน
4.ความรั บ ผิ ด ชอบ หมายถึ ง การที่ บุ ค คลได้รั บ มอบหมายงานที่ เ หมาะสมกับ ความรู ้
ความสามารถ ความถนัด และเป็ นที่ไว้วางใจในการทางาน
5.ความก้าวหน้า หมายถึ ง การที่มีโอกาสได้เลื่ อนตาแหน่ งสู งขึ้น การได้รับผิดชอบในงาน
ที่เพิ่มขึ้น เป็ นต้น
5.5 แนวคิดเกีย่ วกับการวัดปัจจัยตัวที่ 5 ความรู้ ความสามารถทางการบัญชี
กรรณิ การ์ จันทร์ โพธิ์ (2549,หน้า 6) ได้ให้ความหมายว่า ความรู้ ความสามารถทางการ
บัญชี หมายถึง การที่บุคคลใดมีการเรี ยนรู้และความเข้าใจในสาขาการบัญชี มีทศั นคติลกั ษณะทาง
31
1.1.1 รายได้จากการขายตามประเภทของผลิตภัณฑ์
- รายได้จากการขายบ้านพร้อมที่ดิน
- รายได้จากการขายอาคารชุด
- รายได้จากการขายที่ดินเปล่า
1.1.2 รายได้จากการให้เช่า
1.1.3 รายได้จากการรับเหมาก่อสร้าง
32
และไม่ เ คยเปลี่ ย นส านัก งานบัญ ชี ที่ ใ ช้บ ริ ก าร บริ ก ารที่ ใ ช้ส่ วนใหญ่ คื อ ปรึ ก ษาทางภาษี อ ากร
เนื่องจากต้องการความถูกต้องแม่นยาของงานสอบบัญชี
งานวิจัยในต่ างประเทศ
เดเนี ยล คาทซ์ และโรเบิร์ต แอล. คาห์น (Daniel Kartz and Robert L. Kaln 1978 :121)
ซึ่ งเป็ นนักทฤษฎี ที่ศึกษาองค์กรในระบบเปิ ด (Open System) ได้ทาการศึกษาเรื่ องของปั จ จัย ที่ มี
ความสาคัญต่อประสิ ทธิ ภาพในการปฏิบตั ิงาน ได้ให้ความหมายว่า ประสิ ทธิ ภาพ คือ ส่ วนประกอบ
ที่ สาคัญของประสิ ทธิ ผล ถ้าวัดจากปั จจัยนาเข้าเปรี ยบเที ยบกับผลผลิ ตที่ ไ ด้น้ ัน จะทาให้การวัด
ประสิ ทธิ ภาพคลาดเคลื่อนจากความเป็ นจริ ง ประสิ ทธิ ภาพขององค์กรหมายถึง การบรรลุเป้ าหมาย
ขององค์กร ปั จจัยที่จะทาให้บรรลุเป้ าหมาย คือ การฝึ กอบรม ประสบการณ์ และความรู้สึกผูกพัน
ซึ่ งมีความสาคัญต่อประสิ ทธิ ภาพองค์กรด้วย
ตัวแปร
ศิลปะพร ศรี จน่ั เพชร:2545
สภาวิชาชีพบัญชี,2556
คาห์น 1978
ความรู้ ในวิชาชีพบัญชี 18
1. ด้ านความรู้ ทวั่ ไป / / / /
1.1 มีความรู ้ทวั่ ไป /
เกี่ยวกับเศรษฐกิจ
การเมือง
1.2 มีความเข้าใจ / /
หลักการปฏิบตั ิงานด้าน
บัญชี
37
สภาวิชาชีพบัญชี,2556
(มุจรินน1978
กองจั
คาห์
18
1.3 มีความรู ้ในการ /
ปฏิบตั ิงานด้านบัญชีได้
ถูกต้องตามระเบียบของ
ธุรกิจอสังหาริ มทรัพย์
1.4 มีการเรี ยนรู ้เกี่ยวกับ /
ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับ
งานด้านบัญชีของ
ธุรกิจอสังหาริ มทรัพย์
1.5 ได้รับการสนับสนุน
ให้มีความรู ้ในการ
ปฏิบตั ิงานด้านบัญชี
อสังหาริ มทรัพย์
3.1 ได้เข้ารับการ
เป็ นไปตามเกณฑ์
มาตรฐานของธุรกิจ
บัญชีได้อย่างถูกต้อง
3.2 สามารถใช้ระบบ
สารสนเทศในการทา
เทคโนโลยีสารสนเทศ
ฝึ กอบรมคอมพิวเตอร์
3. ด้ านความรู้ เกีย่ วกับ
ธุรกิจอสังหาริ มทรัพย์
2.3 เข้าใจหลักเอกสาร
หลักฐานทางบัญชีของ
เกี่ยวกับการบันทึกบัญชี
2.2 ปฏิบตั ิงานด้านบัญชี
/
/
/
ศิลปะพร ศรี จน่ั เพชร:2545
/
/
จารุ ณี อภิวฒั น์ไพศาล (2554)
/
พิมพ์พิศา วรรณวิจิตร และ ปวีนา
/
/
/
กองจั
อัมพรนเทีทร์่ย(งตระกู
2560) ล,2551
สภาวิชาชีพบัญชี,2556
/ สมเดช โรจน์คุรีเสถียร(2544)
คาห์
(มุจรินน1978
ทร์ แก้วหย่อง,2548, หน้า
18
อย่างดี
อย่างดี
อย่างดี
ของ ธุรกิจ
ตัวแปร
4.1 เข้าใจทักษะ
รายจ่ายของธุรกิจ
จัดทาบัญชีได้เป็ น
มาใช้ในกระบวนการ
4.4 สามารถใช้ความรู ้
4.2 สามารถใช้ความรู ้
ในการเข้ารับการอบรม
อสังหาริ มทรัพย์ได้เป็ น
แยกพิจารณารายได้และ
กระบวนการจัดทาบัญชี
รายการทางบัญชีได้เป็ น
4. ด้ านความรู้ ด้านบัญชี /
ศิลปะพร ศรี จน่ั เพชร:2545
/
จารุ ณี อภิวฒั น์ไพศาล (2554)
/
/
/
พิมพ์พิศา วรรณวิจิตร และ ปวีนา
/
/
กองจั
อัมพรนเทีทร์่ย(งตระกู
2560) ล,2551
สภาวิชาชีพบัญชี,2556
/
/
/
สมเดช โรจน์คุรีเสถียร(2544)
/
คาห์
(มุจรินน1978
ทร์ แก้วหย่อง,2548, หน้า
18
40
สภาวิชาชีพบัญชี,2556
คาห์น 1978
18
ทักษะทางวิชาชีพ /
1. ด้ านทักษะในการใช้ เหตุผล
1.1 สามารถแก้ไข / / /
ปั ญหา ในการ
ปฏิบตั ิงานได้เป็ น
อย่างดี
1.2 มีการจัดลาดับ
ความสาคัญของงานได้ /
เป็ นอย่างดี
2. ด้ านทักษะในการ
ปฏิสัมพันธ์
2.1 สามารถให้ / / /
คาแนะนาในการ
ปฏิบตั ิงานบัญชีตาม
ระเบียบแก่ฝ่ายบริ หาร
ได้
2.2 สามารถเจรจา
ต่อรองการแก้ปัญหา /
ความขัดแย้งจากแผนก
ต่างๆภายในบริ ษทั ได้
เป็ นอย่างดี
อย่างดี
สื่อสาร
รวดเร็ ว
ตัวแปร
อย่างถูกต้องและ
3.1 มีการรายงาน
ในการปฏิบตั ิงาน
อย่างโปร่ งใส
แผนกต่างๆได้เป็ น
สารสนเทศทางการ
การปฏิบตั ิงาน
3. ด้ านทักษะในการ
พูดคุยเจรจางานจาก
1.1 มีความตั้งใจใน
1.ด้ าน ความโปร่ งใส
3.2 มีความคล่องแคล่ว
บัญชีให้แก่ผบู ้ ริ หารได้
/
/
/
ศิลปะพร ศรี จน่ั เพชร:2545
/
/
จารุ ณี อภิวฒั น์ไพศาล (2554)
/
กองจันทร์(2560)
อัมพร เที่ยงตระกูล,2551
/
/
/
/
สภาวิชาชีพบัญชี,2556
/
ดรุ ณวรรณ แมดจ่อง (2553)
สมเดช โรจน์คุรีเสถียร(2544)
คาห์น 1978
(มุจริ นทร์ แก้วหย่อง,2548, หน้า 18
อิสระ
ทางาน
ตัวแปร
ทาเบิกจ่ายทุกครั้ง
ระเบียบเป็ นเกณฑ์
1.2 มีข้ นั ตอนในการ
สามารถตรวจสอบได้
งานที่ได้รับมอบหมาย
2.1 มีความรับผิดชอบ
ต่องานที่ได้รับผิดชอบ
2. ด้ านความเป็ นอิสระ
ในการทางานอย่างเป็ น
และโปร่ งใส ยึดถือตาม
ตรวจเอกสารต่างๆก่อน
เป็ นไปด้วยความชัดเจน
มีความเป็ นอิสระในการ
2.2 ได้รับความไว้วางใจ
/
ศิลปะพร ศรี จน่ั เพชร:2545
/
/
จารุ ณี อภิวฒั น์ไพศาล (2554)
/
พิมพ์พิศา วรรณวิจิตร และ ปวีนา
กองจั
อัมพรนเทีทร์่ย(งตระกู
2560) ล,2551
/
สภาวิชาชีพบัญชี,2556
/
ดรุ ณวรรณ แมดจ่อง (2553)
สมเดช โรจน์คุรีเสถียร(2544)
คาห์
(มุจรินน1978
ทร์ แก้วหย่อง,2548, หน้า 18
บริ ษทั
ธรรม
สุจริ ต
สุ จริต
องค์กร
ลาเอียงในการ
ตัวแปร
ปฏิบตั ิงานอย่างมี
โดยปราศจากความ
คุณธรรม ความเที่ยง
4. ด้ านความซื่อสัตย์
3.2 มีการใช้ดุลยพินิจ
4.2 มีความรับผิดชอบ
3. มีความตั้งใจในการ
และรักษาความลับของ
ปฏิบตั ิงานต่างๆภายใน
4.1 มีความตั้งใจในการ
3. ด้ านความเทีย่ งธรรม
ปฏิบตั ิงานอย่างซื่อสัตย์
/
/
ศิลปะพร ศรี จน่ั เพชร:2545
/
/
จารุ ณี อภิวฒั น์ไพศาล (2554)
/
/
กองจั
อัมพรนเทีทร์่ย(งตระกู
2560) ล,2551
/
/
สภาวิชาชีพบัญชี,2556
สมเดช โรจน์คุรีเสถียร(2544)
คาห์
(มุจรินน1978
ทร์ แก้วหย่อง,2548, หน้า 18
องค์กร
องค์กร
ที่เกิดขึ้น
มากยิง่ ขึ้น
ตัวแปร
เจตคติในวิชาชีพ
1. ด้ านความรู้ สึก
คิดเห็นในองค์กร
2.2 ให้ความร่ วมมือ
2. ด้ านความคิดเห็น
ปฏิบตั ิงานบัญชีให้กบั
การพัฒนาองค์กรให้
2.1 มีการแสดงความ
ในการปฏิบตั ิงานให้กบั
1.2 มีการทุ่มเท เสี ยสะ
เกิดความเจริ ญก้าวหน้า
ยอมรับกับความคิดเห็น
/
/
/
1.1 มีความมุ่งมัน่ ในการ /
ศิลปะพร ศรี จน่ั เพชร:2545
/
/
จารุ ณี อภิวฒั น์ไพศาล (2554)
/
กองจั
อัมพรนเทีทร์่ย(งตระกู
2560) ล,2551
/
/
/
/ สภาวิชาชีพบัญชี,2556
สมเดช โรจน์คุรีเสถียร(2544)
/
/
44
คาห์
(มุจรินน1978
ทร์ แก้วหย่อง,2548, หน้า 18
45
สมเดช โรจน์คุรีเสถียร(2544)
จารุ ณี อภิวฒั น์ไพศาล (2554)
สภาวิชาชีพบัญชี,2556
(มุจรินน1978
กองจั
คาห์
ประสิทธิภาพการจัดทา / / /
บัญชี
1. ด้ านความเข้ าใจได้ / /
1.1 สามารถใช้ขอ้ มูลใน /
งบการเงินได้อย่าง
ถูกต้อง
1.2 สามารถปฏิบตั ิตาม /
กระบวนการในการ
จัดทาบัญชีอย่างถูกต้อง
2. ด้ านความเชื่อถือได้ / /
2.1 ปฏิบตั ิงานด้านบัญชี / /
ขององค์กรโดยไม่ถูก
ทักท้วงจากผูต้ รวจสอบ
2.2 สามารถเสนอข้อมูล /
ในงบการเงินที่ใช้ใน
การตัดสิ นใจได้
3. ด้ านความครบถ้ วน /
3.1 มีการจัดทาบัญชีได้ /
อย่างถูกต้องครบถ้วน
ถูกต้องตามระเบียบ
แบบแผนขององค์กร
46
สภาวิชาชีพบัญชี,2556
(มุจรินน1978
กองจั
คาห์
3.2 มีการจัดทาได้อย่าง /
ถูกต้องครบถ้วน
4. ด้ านความเกีย่ วข้ อง /
กับการตัดสินใจ
4.1 สามารถเสนองบ /
การเงินเพื่อผูบ้ ริ หารใน
การตัดสิ นใจ
บริ หารงานองค์กรได้
4.2 สามารถเสนองบ /
การเงินเพื่อผูใ้ ช้อื่นๆใน
การตัดสิ นใจตาม
วัตถุประสงค์ที่แตกต่าง
กันได้
5. ด้ าน ความทันเวลา /
5.1 สามารถปิ ดบัญชีได้ /
เสร็ จตามรอบระยะเวลา
ที่กาหนดไว้เสมอ
5.2 สามารถจัดทาบัญชี /
เสร็ จตามระยะเวลาที่
กาหนด
47
บทที่ 3
ระเบียบวิธีการศึกษา
การศึกษาอิสระ เรื่ อง “ปั จจัยที่ส่งผลต่อประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี ของผูท้ าบัญชี ในธุ รกิจ
อสังหาริ มทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่ งประเทศไทย” เป็ นการวิจยั เชิ งปริ มาณ โดย
แบ่งขั้นตอนดาเนินการวิจยั ออกเป็ น 5 หัวข้อ ดังนี้
1. ประชากร ตัวอย่าง และการเลือกตัวอย่าง
2. เครื่ องมือที่ใช้ในการวิจยั
3. การทดสอบเครื่ องมือ
4. วิธีการเก็บข้อมูล
5. การวิเคราะห์ขอ้ มูล
ตัวอย่าง
ตัว อย่า งที่ ท าการศึ ก ษาครั้ งนี้ ได้แ ก่ ผูท้ าบัญ ชี ใ นธุ ร กิ จ อสั ง หาริ ม ทรั พ ย์ที่ จ ดทะเบี ย น
ในตลาดหลัก ทรั พ ย์แ ห่ ง ประเทศไทย จ านวน 113 คน ซึ่ งก าหนดขนาดตัว อย่า งโดยสู ต รของ
Yamane ที่ระดับความเชื่ อมัน่ 95 % และยอมรับความคลาดเคลื่ อนในการเลื อกตัวอย่าง 5 % โดยมี
ขั้นตอน ดังนี้
48
N
สู ตรการคานวณ n = 1 Ne 2
เครื่องมือทีใ่ ช้ ในการวิจัย
1. การสร้ า งเครื่ อ งมื อ เครื่ องมื อที่ ใ ช้ใ นการเก็ บ ข้อมู ล ของการศึ ก ษาในครั้ งนี้ คื อ แบบสอบถาม
(Questionnaire) ซึ่ งสร้างขึ้นจากการทบทวนวรรณกรรม โดยแบ่งออกเป็ น 5 ส่ วน ดังนี้
ส่ วนที่ 1 แบบสอบถามเกี่ ยวกับข้อมูลทัว่ ไปของผูท้ าบัญชี จานวน 5 ข้อ ได้แก่ เพศ อายุ ระดับ
การศึกษา ประสบการณ์ในการทางานด้านการจัดทาบัญชี และระดับรายได้เฉลี่ยต่อเดือนมีลกั ษณะ
เป็ นแบบตัวเลือก (Checklist)
ส่ วนที่ 2 แบบประเมิ น ความคิ ด เห็ น เกี่ ย วกับ ความรู ้ ใ นวิ ช าชี พ ของผูท้ าบัญ ชี จ านวน 12 ข้อ
ประกอบด้วย ด้านความรู ้ทวั่ ไป จานวน 3 ข้อ ด้านความรู ้เกี่ยวกับธุ รกิจและการจัดการทัว่ ไป จานวน
3 ข้อ ด้านความรู ้ เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ จานวน 2 ข้อ และด้านความรู้ดา้ นบัญชี จานวน 4
ข้อ ลักษณะแบบสอบถามเป็ นแบบมาตราส่ วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ โดยมีรายละเอียด
การให้คะแนนดังต่อไปนี้
49
ส่ วนที่ 4 แบบประเมิ น ความคิ ด เห็ น เกี่ ย วกับ คุ ณ ค่ า แห่ ง วิ ช าชี พ ของผู้ท าบัญ ชี จ านวน 10 ข้อ
ประกอบด้วย ด้านความโปร่ งใส จานวน 3 ข้อ ด้านความเป็ นอิสระ จานวน 2 ข้อ ด้านความเที่ยง
ธรรม จานวน 3 ข้อ ด้านความซื่อสัตย์สุจริ ต จานวน 2 ข้อ
ลักษณะแบบสอบถามเป็ นแบบมาตราส่ วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ
1 คะแนน หมายถึง ผูต้ อบแบบสอบถามมีความคิดเห็ นเกี่ยวกับคุณค่าแห่ งวิชาชี พของผูท้ าบัญชี ใน
ระดับน้อยที่สุด
2 คะแนน หมายถึง ผูต้ อบแบบสอบถามมีความคิดเห็ นเกี่ยวกับคุณค่าแห่ งวิชาชี พของผูท้ าบัญชี ใน
ระดับน้อย
3 คะแนน หมายถึง ผูผ้ ตู ้ อบแบบสอบถามมีความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณค่าแห่งวิชาชี พของผูท้ าบัญชี ใน
ระดับปานกลาง
4 คะแนน หมายถึง ผูต้ อบแบบสอบถามมีความคิดเห็ นเกี่ยวกับคุณค่าแห่ งวิชาชีพของผูท้ าบัญชี ใน
ระดับมาก
5 คะแนน หมายถึง ผูต้ อบแบบสอบถามมีความคิดเห็ นเกี่ยวกับคุณค่าแห่ งวิชาชี พของผูท้ าบัญชี ใน
ระดับมากที่สุด
ส่ วนที่ 5 แบบประเมิ น ความคิ ด เห็ น เกี่ ย วกับ เจตคติ ใ นวิ ช าชี พ ของผู้ท าบัญ ชี จ านวน 5 ข้อ
ประกอบด้วย ด้านความรู้สึกจานวน 3 ข้อ ด้านความคิดเห็น จานวน 2 ข้อ
ลักษณะแบบสอบถามเป็ นแบบมาตราส่ วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ
1 คะแนน หมายถึ ง ผูต้ อบแบบสอบถามมีความคิดเห็ นเกี่ ยวกับเจตคติในวิชาชี พของผูท้ าบัญชี ใน
ระดับน้อยที่สุด
2 คะแนน หมายถึ ง ผูต้ อบแบบสอบถามมีความคิดเห็ นเกี่ ยวกับเจตคติในวิชาชี พของผูท้ าบัญชี ใน
ระดับน้อย
3 คะแนน หมายถึง ผูผ้ ตู ้ อบแบบสอบถามมีความคิดเห็นเกี่ยวกับเจตคติในวิชาชีพของผูท้ าบัญชี ใน
ระดับปานกลาง
4 คะแนน หมายถึ ง ผูต้ อบแบบสอบถามมีความคิดเห็ นเกี่ ยวกับเจตคติในวิชาชี พของผูท้ าบัญชี ใน
ระดับมาก
51
การทดสอบเครื่องมือ
n = จานวนผูเ้ ชี่ยวชาญทั้งหมด
เกณฑ์ในการหาค่าความสอดคล้อง ระหว่างข้อคาถามกับนิ ยามการวัดตัวแปรที่กาหนด (สุ วิมล ติร
กานันท์, 2548)
1. ข้อคาถามที่มีค่า IOC ตั้งแต่ 0.50 – 1.00 มีค่าความตรงผ่านเกณฑ์สามารถนาไปใช้ในการทดสอบ
ก่อนการใช้งานได้
53
การเก็บรวบรวมข้ อมูล
หลังจากแบบสอบถามฉบับร่ างผ่านการทดสอบแล้ว ผูว้ ิจยั จึงทาการสร้ างแบบสอบถามฉบับจริ ง
เพื่อใช้เก็บรวบรวมข้อมูลภาคสนามตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
ขั้นตอนที่ 1 ทาหนังสื อถึงบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรี ปทุม เพื่อออกหนังสื อขอความอนุเคราะห์
ในการตอบแบบสอบถามจากผู ้ท าบัญ ชี พนั ก งานบัญ ชี ในธุ ร กิ จ อสั ง หาริ มทรั พ ย์ ใ นเขต
กรุ งเทพมหานคร
ขั้นตอนที่ 2 ทาการแจกแบบสอบถามให้กบั ผูท้ าบัญชี พนักงานบัญชี โดยวิธีส่งแบบสอบถามทาง
ไปรษณี ย ์ และจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
ขั้นตอนที่ 3 ทาการรวบรวมเก็บแบบสอบถามที่ ได้กลับมาจากผูต้ อบแบบสอบถาม และคัดแยก
แบบสอบถามออกเป็ น 2 ประเภท คื อ สมบูรณ์ ครบถ้วน และไม่สมบูรณ์ หลังจากนั้นตรวจนับ
จานวนแบบสอบถามที่สมบูรณ์ครบถ้วน และคานวณอัตราการตอบกลับ
ขั้นตอนที่ 4 นาข้อมูลในแบบสอบถามที่สมบูรณ์ครบถ้วนไปทาการวิเคราะห์ขอ้ มูลต่อไป
54
บทที่4
ผลการวิเคราะห์ ข้อมูล
การศึ กษาในครั้ งนี้ เป็ นการศึ กษาปั จจัยที่ ส่งผลต่อประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี ของผูท้ า
บัญชี ในธุ รกิจอสังหาริ มทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่ งมีจุดมุ่งหมายเพื่อที่จะทราบ
ถึง ปั จจัยต่างๆที่ส่งผลกระทบต่อประสิ ทธิ ภาพการปฏิบตั ิงานเกี่ยวกับการจัดทาบัญชี ของผูท้ า
บัญชี โดย มีหวั ข้อนาเสนอดังนี้
1. สัญลักษณ์ที่ใช้ในการนาเสนอผลการวิเคราะห์
2. ลาดับขั้นตอนในการนาเสนอผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล
3. ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล
สั ญลักษณ์ ทใี่ ช้ ในการนาเสนอผลการวิเคราะห์ ข้อมูล
เพื่อให้การนาเสนอข้อมูลเป็ นที่เข้าใจตรงกันในการแปลความหมาย ผูศ้ ึกษาจึงได้กาหนด
สัญลักษณ์ที่ใช้ในการนาเสนอผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล ดังนี้
n แทน จานวนคนในกลุ่มตัวอย่าง
X แทน ค่าเฉลี่ย (Means)
S.D. แทน ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
β แทน ค่าสัมประสิ ทธิ์ การถดถอย
R แทน ค่าสหสัมพันธ์พหุ คูณ
t แทน สถิติทดสอบที่ใช้เปรี ยบเทียบใน t-distribution
Sig แทน ค่า Significant หรื อ P-value
56
ลาดับขั้นตอนในการเสนอผลการวิเคราะห์ ข้อมูล
การวิเคราะห์ขอ้ มูล เรื่ องปั จจัยที่ส่งผลต่อประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี ของผูท้ าบัญชี ใน
ธุ รกิ จอสังหาริ มทรั พย์ในตลาดหลักทรั พย์แห่ งประเทศไทย ผูศ้ ึกษาได้นาเสนอผลการวิเคราะห์
ข้อมูลตามลาดับดังนี้
ส่ วนที่ 1 การวิเคราะห์ขอ้ มูลทัว่ ไปของผูต้ อบแบบสอบถาม
ส่ วนที่ 2 ค่าสถิติแบบสอบถาม
ส่ วนที่ 3 ผลการทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอิสระ
ส่ วนที่ 4 ผลการทดสอบสมมติฐาน
ส่ วนที่ 5 สรุ ปผลการทดสอบสมมติฐานการวิจยั
ผลการวิเคราะห์ ข้อมูล
ส่ วนที่ 1 ข้ อมูลทัว่ ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม
ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลเกี่ ยวกับข้อมูลทัว่ ไปของผูต้ อบแบบสอบถาม จาแนกตามเพศ อายุ
ระดับการศึ กษา ประสบการณ์ ในการทางานด้านการจัดทาบัญชี และระดับรายได้เฉลี่ ยต่อเดื อน
มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
เพศ
จากการสารวจ พบว่าจานวนผูต้ อบแบบสอบถามส่ วนใหญ่เป็ นเพศหญิง จานวน 70 คน คิด
เป็ นร้อยละ 78.60 ส่ วนเพศชายมีเพียง 25 คนคิดเป็ นร้อยละ 21.40 ดังตารางที่ 3
57
อายุ
จากการสารวจ พบว่าจานวนผูต้ อบแบบสอบถามส่ วนใหญ่อายุต่ากว่า 35 ปี จานวน 43 คน
คิดเป็ นร้อยละ 47.40 รองลงมาคือ อายุ 35-40ปี จานวน 38 คน คิดเป็ นร้อยละ 37.70 อายุ 41-45 ปี
จานวน 8 คน คิดเป็ นร้อยละ 8.80 และช่วงอายุ 46-50 ปี จานวน 5 คน คิดเป็ นร้อยละ 4.40 ในขณะที่
ผูต้ อบแบบสอบถามที่อายุมากกว่า 50 ปี ขึ้นไป คือ 2 คน คิดเป็ นร้อยละ 1.80
ตารางที่ 4 แสดงจานวนและร้อยละของผูต้ อบแบบสอบถาม จาแนกตามอายุ
ระดับการศึกษา
จากการสารวจ พบว่าจานวนผูต้ อบแบบสอบถามส่ วนใหญ่มีระดับการศึกษาปริ ญญาตรี
จานวน 65คน คิดเป็ นร้อยละ 73.70 รองลงมาระดับต่ากว่าปริ ญญาตรี และสู งกว่าปริ ญญาตรี จานวน
17 และ 13 คน คิดเป็ นร้อยละ 14.90 และร้อยละ 11.40 ตามลาดับ ดังตารางที่ 5
ตารางที่ 5 แสดงจานวนและร้อยละของผูต้ อบแบบสอบถาม จาแนกตามระดับการศึกษา
ประสบการณ์
จากการสารวจ พบว่าจานวนผูต้ อบแบบสอบถามส่ วนใหญ่มีประสบการณ์ในการทางานต่า
กว่า 5 ปี จานวน 49 คน คิดเป็ นร้อยละ 43.80 รองลงมา6-10 ปี จานวน 30 คนคิดเป็ นร้อยละ 35.70
และ 11-15 ปี จานวน 11 คน คิดเป็ นร้อยละ 9.80 ในขณะที่ผตู้ อบแบบสอบถามที่มีประสบการณ์ 15
ปี ขึ้นไป จานวน 5 คน คิดเป็ นร้อยละ 10.70
ตารางที่ 6 แสดงจานวนและร้อยละของผูต้ อบแบบสอบถาม จาแนกตามประสบการณ์
รายได้
จากการสารวจ พบว่าจานวนผูต้ อบแบบสอบถามส่ วนใหญ่มีรายได้อยู่ที่ 15,000-20,000
บาทจานวน 42คน คิดเป็ นร้อยละ56.30 รองลงมา 20,001-30,000 บาทจานวน 32 คน ร้อยละ14.30
ในขณะที่ผตู ้ อบแบบสอบถามมีรายได้มากกว่า 30,000 ขึ้นไป จานวน 11 คน คิดเป็ นร้อยละ 10.70
และต่ากว่า 15,000 บาท จานวน 10 คนร้อยละ 18.80
ตารางที่ 7 จานวนและร้อยละของผูต้ อบแบบสอบถาม จาแนกตามรายได้
ส่ วนที่ 2 ค่ าสถิติแบบสอบถาม
ตารางที่ 8 แสดงค่าเฉลี่ยและส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของปั จจัยต่างๆ
จากตารางที่ 8 ซึ่ ง แสดงผลการวิเคราะห์ ค วามเห็ นเกี่ ยวกับปั จจัยต่ า งๆที่ เกี่ ย วข้องกับ
ประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี ของผูท้ าบัญชี พบว่าโดยรวมมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.771 ซึ่ งมีความคิดเห็น
อยู่ในระดับมาก โดยปั จจัยด้านคุ ณค่าแห่ งวิชาชี พมี ค่าเฉลี่ ยความคิ ดเห็ นสู งสุ ด ( X = 3.879) เมื่อ
เปรี ยบเทียบกับปั จจัยอื่นๆ รองลงมาคือปั จจัยด้านเจตคติในวิชาชี พ ( X = 3.782) ส่ วนปั จจัยด้าน
ทักษะทางวิชาชีพมีค่าเฉลี่ยความคิดเห็นน้อยที่สุด คือ ( X = 3.707)
จากตารางที่ 9 ซึ่ ง แสดงผลการวิเคราะห์ ค วามเห็ นเกี่ ย วกับ ปั จจัย ด้า นความรู ้ ท วั่ ไปที่
เกี่ยวข้องกับประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี ของผูท้ าบัญชี พบว่าโดยรวมมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.715 ซึ่ งมี
ความคิดเห็ นอยู่ในระดับมาก โดยหัวข้อความรู ้ ดา้ นเทคโนโลยีสารสนเทศมีค่าเฉลี่ ยความคิ ดเห็ น
สู งสุ ด ( X = 3.728) เมื่อเปรี ยบเทียบกับปั จจัยอื่นๆ รองลงมาคือหัวข้อด้านความรู ้ การบัญชี ( X =
3.705) ส่ วนหัวข้อความรู ้ ดา้ นธุ รกิ จอสังหาริ มทรัพย์และการจัดการทัว่ ไปมี ค่าเฉลี่ ยความคิ ดเห็ น
น้อยที่สุด คือ( X = 3.223)
61
จากตารางที่ 10 ซึ่ ง แสดงผลการวิเคราะห์ ค วามเห็ นเกี่ ย วกับ ปั จจัย ทัก ษะทางวิช าชี พ ที่
เกี่ยวข้องกับประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี ของผูท้ าบัญชี พบว่าโดยรวมมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.707 ซึ่ งมี
ความคิดเห็นอยูใ่ นระดับมาก โดยหัวข้อทักษะด้านการใช้เหตุผลมีค่าเฉลี่ยความคิดเห็นสู งสุ ด ( X =
3.756) เมื่อเปรี ยบเทียบกับปั จจัยอื่นๆ รองลงมาคือหัวข้อทักษะด้านการปฏิสัมพันธ์ ( X = 3.734)
ส่ วนหัวข้อทักษะด้านการสื่ อสารมีค่าเฉลี่ยความคิดเห็นน้อยที่สุด คือ ( X = 3.716)
เงื่อนไขว่าตัวแปรอิสระต้องอิสระต่อกันดังนั้นจึงเลือกตัวแปรอิสระที่มีความสัมพันธ์มากกว่า 0.85
มาทาการวิเคราะห์การถดถอยพหุ คูณเพื่อใช้ในการทดสอบสมมติฐานต่อไป โดยจากการวิเคราะห์
การถดถอยเพื่อพยากรณ์ประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี ของผูท้ าบัญชีสามารถแสดงผลการทดสอบแต่
ละสมมติฐานได้ดงั นี้
ส่ วนที่ 4 ผลการทดสอบสมมติฐาน
การศึกษาปั จจัยที่ส่งผลต่อประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชีของผูท้ าบัญชีในธุ รกิจอสังหาริ มทรัพย์
ที่ จ ดทะเบี ย นในตลาดหลัก ทรั พ ย์แ ห่ ง ประเทศไทย ซึ่ งในการศึ ก ษาครั้ งนี้ ได้ต้ งั สมมติ ฐ านใน
การศึกษาไว้จานวน 4 สมมติฐาน คือ
ตัวแปร b SE β t Sig.
ปั จจัยด้านความรู้ในวิชาชี พ -0.106 0.046 -0.075 -2.283 0.024**
บัญชี
ปัจจัยด้านทักษะทางวิชาชีพ 0.303 0.059 0.288 5.093 0.000**
ปั จจัยด้านคุณค่าแห่ง 0.108 0.440 0.080 2.459 0.016**
วิชาชีพ
ปัจจัยด้านเจตคติในวิชาชีพ 0.690 0.057 0.679 12.053 0.000**
SE = 0.280 ; R = 0.890 ; Adjust R = 0.886 ; F = 217.962 ; Sig. = 0.000
จากตาราง 15 ซึ่ งแสดงการวิเคราะห์การถดถอยเพื่อพยากรณ์ประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี
ของผูท้ าบัญชี โดยนาปั จจัยทุกด้านเข้าในสมการ พบว่าปั จจัยที่มีผลต่อประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี
ของผูท้ าบัญชี อย่างมี นยั สาคัญทางสถิ ติที่ 0.05 ประกอบด้วย 4 ปั จจัย ได้แก่ ปั จจัยด้านความรู้ ใน
วิชาชี พบัญชี ปั จจัยด้านทักษะทางวิชาชี พ ปั จจัยด้านคุ ณค่าแห่ งวิชาชี พ และปั จจัยด้านเจตคติใน
วิชาชีพ โดยปั จจัยดังกล่าวสามารถร่ วมพยากรณ์ประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี ของผูท้ าบัญชี ได้ร้อย
ละ 88.60 (Adjust R = 0.886) และมีความคาดเคลื่อนมาตรฐานในการพยากรณ์เท่ากับ 0.280 (SE =
0.280) และเมื่ อพิ จารณาค่ า สั ม ประสิ ท ธิ์ การถดถอยของตัวพยากรณ์ พ บว่า ปั จจัย ด้านเจตคติ ใ น
วิชาชีพมีค่าสัมประสิ ทธิ์ การถดถอยสู งที่สุด(β = 0.679) รองลงมาคือปัจจัยด้านทักษะทางวิชาชีพ(β
= 0.288) ส่ วนปั จจัยด้านคุณค่าแห่ งวิชาชี พ(β = 0.080) มีค่าสัมประสิ ทธ์การถดถอยรองลงมาส่ วน
ปั จจัยด้านความรู ้ในวิชาชี พบัญชี มีค่าสัมประสิ ทธ์การถดถอยน้อยที่สุด (β = -0.075) ซึ่ งแสดงให้
เห็ นว่าปั จจัยด้านเจตคติ ในวิชาชี พมี อิทธิ พลสู งสุ ดต่อประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี ของผูท้ าบัญชี
รองลงมาคือปั จจัยด้านทักษะทางวิชาชี พ ปั จจัยด้านคุ ณค่าแห่ งวิชาชี พ และปั จจัยด้านความรู้ ใน
วิชาชี พบัญชี ตามลาดับ ซึ่ งจากผลการทดสอบสมมติฐานข้างต้นจึงสรุ ปได้วา่ ยอมรับตามสมมติฐาน
ที่ 1,2,3,4 คือ ปั จจัยด้านความรู้ในวิชาชีพบัญชี ปั จจัยด้านทักษะทางวิชาชีพ ปั จจัยด้านคุณค่าแห่ ง
วิชาชีพ และปัจจัยด้านเจตคติในวิชาชีพส่ งผลต่อประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชีของผูท้ าบัญชีในธุ รกิจ
อสังหาริ มทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
67
ตัวแปร b SE β t Sig.
ปั จจัยด้านความรู ้ทวั่ ไป 0.368 0.019 0.396 19.717 0.000**
ปั จจัยด้านธุ รกิจ 0.365 0.023 0.367 16.204 0.000**
อสังหาริ มทรัพย์และการ
จัดการทัว่ ไป
ปัจจัยด้านเทคโนโลยี 0.236 0.020 0.239 12.087 0.000**
สารสนเทศ
ปัจจัยด้านการบัญชี 0.048 0.014 0.037 3.342 0.000**
SE = 0.068 ; R = 0.997 ; Adjust R = 0.993 ; F = 4120.064 ; Sig. = 0.000
จากตาราง 16 ซึ่ งแสดงการวิเคราะห์การถดถอยเพื่อพยากรณ์ประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี
ของผู ้ท าบัญ ชี โดยน าปั จ จัย ด้า นความรู ้ ใ นวิ ช าชี พ บัญ ชี เ ข้า ในสมการ พบว่ า ปั จ จัย ที่ มี ผ ลต่ อ
ประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี ของผูท้ าบัญชี อย่างมีนยั สาคัญทางสถิติที่ 0.05 ประกอบด้วย 4 ปั จจัย
ได้แก่ ปั จจัยด้านความรู ้ ทวั่ ไป ปั จจัยด้านธุ รกิ จอสังหาริ มทรัพย์และการจัดการทัว่ ไป ปั จจัยด้าน
เทคโนโลยี ส ารสนเทศ และปั จ จัย ด้า นการบัญ ชี โดยปั จ จัย ดัง กล่ า วสามารถร่ ว มพยากรณ์
ประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี ของผูท้ าบัญชี ได้ร้อยละ 99.30 (Adjust R = 0.993) และมีความคาด
เคลื่อนมาตรฐานในการพยากรณ์เท่ากับ 0.068 (SE = 0.068) และเมื่อพิจารณาค่าสัมประสิ ทธิ์ การ
ถดถอยของตัวพยากรณ์ พบว่า ปั จจัยด้านความรู ้ ทวั่ ไป มีค่าสัมประสิ ทธิ์ การถดถอยสู งที่สุด(β =
0.396) รองลงมาคือปั จจัยด้านธุ รกิจอสังหาริ มทรัพย์และการ จัดการทัว่ ไป(β = 0.367) ส่ วนปัจจัย
ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ(β = 0.239) มีค่าสัมประสิ ทธ์การถดถอยรองลงมาส่ วนปั จจัยด้านการ
บัญชี มีค่าสัมประสิ ทธ์การถดถอยน้อยที่สุด (β = 0.037) ซึ่ งแสดงให้เห็นว่าปั จจัยด้านความรู ้ทวั่ ไป
มี อิ ท ธิ พ ลสู ง สุ ด ต่ อ ประสิ ท ธิ ภ าพการจัด ท าบัญ ชี ข องผูท้ าบัญ ชี รองลงมาคื อ ปั จ จัย ด้า นธุ ร กิ จ
อสังหาริ มทรัพย์และการจัดการทัว่ ไป ปั จจัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและปั จจัยด้านการบัญชี
ตามลาดับ ซึ่ งจากผลการทดสอบสมมติฐานข้างต้นจึงสรุ ปได้วา่ ยอมรับตามสมมติฐานที่ 1 คือ ปัจจัย
ด้า นความรู้ ใ นวิ ช าชี พ บัญ ชี ส่ ง ผลต่ อ ประสิ ท ธิ ภ าพการจัด ท าบัญ ชี ข องผู ้ท าบัญ ชี ใ นธุ ร กิ จ
อสังหาริ มทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
68
ตัวแปร b SE β t Sig.
ปัจจัยด้านการใช้เหตุผล 0.150 0.056 0.135 2.661 0.009**
ปัจจัยด้านการปฏิสัมพันธ์ 0.295 0.086 0.298 3.444 0.001**
ปัจจัยด้านการสื่ อสาร 0.524 0.081 0.545 6.464 0.000**
SE = 0.366 ; R = 0.901 ; Adjust R = 0.806 ; F = 155.824 ; Sig. = 0.000
จากตาราง 17 ซึ่ งแสดงการวิเคราะห์การถดถอยเพื่อพยากรณ์ประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี
ของผูท้ าบัญชี โดยนาปั จจัยด้านทักษะทางวิชาชีพเข้าในสมการ พบว่าปั จจัยที่มีผลต่อประสิ ทธิ ภาพ
การจัดทาบัญชี ของผูท้ าบัญชี อย่างมีนยั สาคัญทางสถิ ติที่ 0.05 ประกอบด้วย 3 ปั จจัย ได้แก่ ปั จจัย
ด้านการใช้เหตุผล ปั จจัยด้านการปฏิสัมพันธ์ และปั จจัยด้านการสื่ อสารโดยปั จจัยดังกล่าวสามารถ
ร่ วมพยากรณ์ประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี ของผูท้ าบัญชี ได้ร้อยละ 80.60 (Adjust R = 0.806) และมี
ความคาดเคลื่ อ นมาตรฐานในการพยากรณ์ เ ท่ า กับ 0.366 (SE = 0.366) และเมื่ อ พิ จ ารณาค่ า
สัมประสิ ทธิ์ การถดถอยของตัวพยากรณ์พบว่า ปั จจัยด้านการสื่ อสาร มีค่าสัมประสิ ทธิ์ การถดถอย
สู ง ที่ สุ ด (β = 0.545) รองลงมาคื อ ปั จจัย ด้านการปฏิ สัมพันธ์ (β = 0.298) ส่ วนปั จจัย ด้า นการใช้
เหตุผล(β = 0.135) มีค่าสัมประสิ ทธ์การถดถอยน้อยที่สุด (β = 0.037) ซึ่ งแสดงให้เห็นว่าปัจจัยด้าน
การสื่ อสาร มีอิทธิ พลสู งสุ ดต่อประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี ของผูท้ าบัญชี รองลงมาคือปั จจัยด้าน
การปฏิสัมพันธ์ และปั จจัยด้านการใช้เหตุผล ตามลาดับ ซึ่ งจากผลการทดสอบสมมติฐานข้างต้นจึง
สรุ ปได้ว่ายอมรับตามสมมติ ฐานที่ 2 คือ ปั จจัยด้านทักษะทางวิชาชี พ ส่ งผลต่อประสิ ทธิ ภาพการ
จัดทาบัญชี ของผูท้ าบัญชี ในธุ รกิ จอสังหาริ มทรั พย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่ งประเทศ
ไทย
69
ตัวแปร b SE β t Sig.
ปั จจัยด้านความโปร่ งใส 0.325 0.020 0.353 13.717 0.000**
ปัจจัยด้านความเป็ นอิสระ 0.298 0.018 0.229 10.204 0.000**
ปัจจัยด้านความเที่ยงธรรม 0.236 0.016 0.098 7.087 0.000**
ปัจจัยด้านความซื่อสัตย์สุจริ ต 0.354 0.017 0.392 15.626 0.000**
SE = 0.072 ; R = 0.883 ; Adjust R = 0.889 ; F = 3153.064 ; Sig. = 0.000
จากตาราง 18 ซึ่งแสดงการวิเคราะห์การถดถอยเพื่อพยากรณ์ประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี
ของผูท้ าบัญชี โดยนาปั จจัยด้านทักษะทางวิชาชีพเข้าในสมการ พบว่าปั จจัยที่มีผลต่อประสิ ทธิ ภาพ
การจัดทาบัญชี ของผูท้ าบัญชี อย่างมีนยั สาคัญทางสถิ ติที่ 0.05 ประกอบด้วย 4 ปั จจัย ได้แก่ ปั จจัย
ด้า นความโปร่ ง ใส ปั จจัย ด้า นความเป็ นอิ ส ระ ปั จจัย ด้านความเที่ ย งธรรม และปั จจัย ด้านความ
ซื่อสัตย์สุจริ ตโดยปั จจัยดังกล่าวสามารถร่ วมพยากรณ์ประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี ของผูท้ าบัญชี ได้
ร้อยละ 88.90 (Adjust R = 0.889) และมีความคาดเคลื่อนมาตรฐานในการพยากรณ์เท่ากับ 0.072 (SE
= 0.072) และเมื่อพิจารณาค่าสัมประสิ ทธิ์ การถดถอยของตัวพยากรณ์พบว่า ปัจจัยด้านความซื่ อสัตย์
สุ จริ ตมีค่าสัมประสิ ทธิ์ การถดถอยสู งที่สุด(β = 0.392) รองลงมาคือปั จจัยด้านความโปร่ งใส(β =
0.353) ส่ วนปัจจัยด้านความเป็ นอิสระ(β = 0.229) มีค่าสัมประสิ ทธ์การถดถอยรองลงมาส่ วนปั จจัย
ด้านความเที่ยงธรรม มีค่าสัมประสิ ทธ์การถดถอยน้อยที่สุด (β = 0.098) ซึ่ งแสดงให้เห็ นว่าปั จจัย
ด้านความซื่อสัตย์สุจริ ต มีอิทธิ พลสู งสุ ดต่อประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี ของผูท้ าบัญชี รองลงมาคือ
ปั จจัยด้านความโปร่ งใส ปั จจัยด้านความเป็ นอิสระ และปั จจัยด้านความเที่ยงธรรม ตามลาดับ ซึ่ ง
จากผลการทดสอบสมมติฐานข้างต้นจึงสรุ ปได้ว่ายอมรับตามสมมติฐานที่ 3 คือ ปั จจัยด้านคุ ณค่า
แห่ งวิชาชี พ ส่ งผลต่อประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี ข องผูท้ าบัญชี ใ นธุ รกิ จอสั ง หาริ ม ทรั พ ย์ที่ จด
ทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
70
ตัวแปร b SE β t Sig.
ปัจจัยด้านความรู้สึก 0.431 0.081 0.437 5.302 0.000**
ปัจจัยด้านความคิดเห็น 0.498 0.081 0.508 6.157 0.000**
SE = 0.332 ; R = 0.843 ; Adjust R = 0.840 ; F = 296.061 ; Sig. = 0.000
จากตาราง 19 ซึ่งแสดงการวิเคราะห์การถดถอยเพื่อพยากรณ์ประสิ ทธิภาพการจัดทาบัญชี
ของผูท้ าบัญชี โดยนาปั จจัยด้านเจตคติในวิชาชี พเข้าในสมการ พบว่าปั จจัยที่มีผลต่อประสิ ทธิ ภาพ
การจัดทาบัญชี ของผูท้ าบัญชี อย่างมีนยั สาคัญทางสถิ ติที่ 0.05 ประกอบด้วย 2 ปั จจัย ได้แก่ ปั จจัย
ด้านความรู้สึก และปั จจัยด้านความคิดเห็น โดยปั จจัยดังกล่าวสามารถร่ วมพยากรณ์ ประสิ ทธิ ภาพ
การจัดทาบัญชีของผูท้ าบัญชีได้ร้อยละ 84.00 (Adjust R = 0.889) และมีความคาดเคลื่อนมาตรฐาน
ในการพยากรณ์ เท่ ากับ 0.332 (SE = 0.332) และเมื่ อพิจารณาค่าสั มประสิ ทธิ์ การถดถอยของตัว
พยากรณ์พบว่าปัจจัยด้านความคิดเห็นมีค่าสัมประสิ ทธิ์ การถดถอยสู งที่สุด(β = 0.508) รองลงมาคือ
ปั จจัยด้านความรู ้ สึกมีค่าสัมประสิ ทธ์ การถดถอยน้อยที่สุด (β = 0.437) ซึ่ งแสดงให้เห็ นว่าปั จจัย
ด้านความคิดเห็น มีอิทธิ พลสู งสุ ดต่อประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี ของผูท้ าบัญชี รองลงมาคือปั จจัย
ด้า นความรู้ สึ ก ตามล าดับ ซึ่ งจากผลการทดสอบสมมติ ฐ านข้า งต้น จึ ง สรุ ป ได้ว่า ยอมรั บ ตาม
สมมติฐานที่ 4 คือ ปั จจัยด้านเจตคติในวิชาชีพ ส่ งผลต่อประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี ของผูท้ าบัญชี
ในธุ รกิจอสังหาริ มทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
71
สรุปผลการทดสอบสมมติฐานการวิจัย
ในการศึกษาครั้งนี้ ได้ศึกษาถึงปั จจัยที่ส่งผลต่อประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี ของผูท้ าบัญชี
ในธุ รกิ จอสังหาริ มทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่ งประเทศไทย สามารถสรุ ปผลการ
ทดสอบสมมติฐานการวิจยั ได้ดงั นี้
ตารางที่ 20 แสดงผลการทดสอบสมมติฐานการวิจยั
สมมติฐานการวิจัย ผลการทดสอบ
สรุ ป จากการศึ ก ษาในครั้ งนี้ พ บว่า ปั จจัย ด้านความรู้ ใ นวิชาชี พ บัญชี ปั จจัย ด้านทัก ษะ
ทางวิชาชีพ ปั จจัยด้านคุณค่าแห่ งวิชาชีพ และปั จจัยด้านเจตคติในวิชาชีพ มีผลต่อประสิ ทธิ ภาพการ
จัดทาบัญชี ของผูท้ าบัญชี ในธุ รกิ จอสังหาริ มทรั พย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่ งประเทศ
ไทยอย่ า งมี นั ย ส าคัญ ทางสถิ ติ ที่ 0.05 โดยปั จ จัย ด้ า นเจตคติ ใ นวิ ช าชี พ มี อิ ท ธิ พ ลสู ง สุ ดต่ อ
ประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี ของผูท้ าบัญชี รองลงมาคือปั จจัยด้านทักษะทางวิชาชี พ ปั จจัยด้าน
คุณค่าแห่งวิชาชีพ และปัจจัยด้านความรู้ในวิชาชีพบัญชีตามลาดับ
บทที่5
การศึ กษาในครั้ งนี้ เป็ นการศึ กษาปั จจัยที่ ส่งผลต่อประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี ของผูท้ า
บัญชี ในธุ รกิจอสังหาริ มทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่ งประเทศไทย โดยมีจุดมุ่งหมาย
เพื่อที่ ทราบถึ งปั จจัยต่างๆ ได้แก่ ปั จจัยด้านความรู้ ในวิชาชี พบัญชี ปั จจัยด้านทักษะทางวิชาชี พ
ปั จจัยด้านคุ ณค่าแห่ งวิชาชี พ และปั จจัยด้านเจตคติในวิชาชี พ ที่ส่งผลต่อประสิ ทธิ ภาพการจัดทา
บัญชี ของผูท้ าบัญชี และได้ทาการเก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามเป็ นเครื่ องมือในการเก็บรวบรวม
ข้อมูลจากผูท้ าบัญชี ในธุ รกิจอสังหาริ มทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดย
มีกลุ่มตัวอย่างจานวน 113 คน โดยมีผตู ้ อบแบบสอบถามกลับมาหาผูศ้ ึกษาจานวน 95 คน คิดเป็ น
ร้อยละ84 ซึ่ งสามารถสรุ ปผลการศึกษาและอภิปรายผล รวมทั้งนาเสนอข้อจากัดและข้อเสนอแนะ
ได้ดงั นี้
สรุปผลการศึกษา
จากการศึ ก ษาปั จ จัย ที่ ส่ ง ผลต่ อ ประสิ ท ธิ ภ าพการจัด ท าบัญ ชี ข องผู ้ท าบัญ ชี ใ นธุ ร กิ จ
อสังหาริ มทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยใช้การวิเคราะห์เชิงพรรณนา
เพื่อใช้ในการอธิ บายผลการศึกษาในเบื้องต้นเกี่ยวกับข้อมูลของกลุ่มตัวแปรที่เก็บรวบรวมได้ และ
ใช้การวิเคราะห์การถดถอยแบบพหุ คูณ (Multiple Regression Analysis) ในการทดสอบสมมติฐาน
ซึ่ งสามารถสรุ ปผลการศึกษาได้ดงั นี้
สู งสุ ด เมื่ อเปรี ยบเที ยบกับปั จจัย อื่ นๆ รองลงมาคื อ ปั จจัยด้านทักษะทางวิชาชี พ ส่ วนปั จจัย ด้าน
ความรู้ ในวิชาชี พบัญชี มีค่าเฉลี่ ยความคิดเห็ นน้อยที่ สุด ส่ วนแสดงผลการวิเคราะห์ ความคิ ดเห็ น
เกี่ ยวข้องกับประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี ของผูท้ าบัญชี ในธุ รกิ จอสังหาริ มทรัพย์ที่จดทะเบี ยนใน
ตลาดหลักทรัพย์แห่ งประเทศไทย พบว่าโดยรวมมีความคิดเห็ นอยู่ในระดับมาก โดยระดับความ
คิดเห็นเกี่ยวกับผูท้ าบัญชี สามารถจัดทาบัญชีเสร็ จตามระยะเวลาที่กาหนดได้อย่างมีประสิ ทธิ ภาพมี
ค่าเฉลี่ ยมากที่ สุด เมื่ อเปรี ยบเที ย บกับปั จจัย อื่ นๆในขณะที่ ระดับความคิ ดเห็ นเกี่ ยวกับ ผูท้ าบัญชี
สามารถใช้ขอ้ มูลในงบการเงินได้อย่างถูกต้องมีค่าเฉลี่ยความคิดเห็นน้อยที่สุด
สรุปผลการศึกษาตามวัตถุประสงค์
จากการทดสอบสมมติ ฐ านด้ว ยการวิ เ คราะห์ ก ารถดถอยเพื่ อ พยากรณ์ ป ระสิ ท ธิ ภ าพ
การจัดทาบัญชี ของผูท้ าบัญชี โดยนาปั จจัยทุ กด้านเข้าในสมการ พบว่าแต่ละปั จจัยสามารถร่ วม
พยากรณ์ ป ระสิ ท ธิ ภาพการจัดท าบัญชี ของผูท้ าบัญชี ได้ร้อยละ 88.60 และมี ความคลาดเคลื่ อน
มาตรฐานในการพยากรณ์เท่ากับ 0.280 ซึ่ งจากการทดสอบสมมติฐานสามารถสรุ ปได้ดงั นี้
อภิปรายผล
ในการศึ ก ษาปั จ จัย ที่ ส่ ง ผลต่ อ ประสิ ท ธิ ภ าพการจัด ท าบัญ ชี ข องผู ้ท าบัญ ชี ใ นธุ ร กิ จ
อสังหาริ มทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่ งประเทศไทย ผูศ้ ึกษาสามารถอภิปรายผลตาม
วัตถุประสงค์การวิจยั ดังนี้
ปั จจัยด้านความรู ้ ในวิชาชี พบัญชี ส่งผลต่อประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี ผทู ้ าบัญชี ในธุ รกิจ
อสังหาริ มทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่ งประเทศไทย ซึ่ งสอดคล้องกับ คุณสุ ภาพร เพ่ง
พิศ (2553) ที่ศึกษาเรื่ องปั ญหาในการจัดทาบัญชี ของสานักงานบัญชี ในกรุ งเทพมหานคร โดยผล
การศึกษาพบว่า มีการใช้ความรู้ในวิชาชีพทางด้านการทาบัญชีมากที่สุด ในการจัดทางบการเงิน ซึ่ง
สามารถทาให้งานออกมามีประสิ ทธิ ภาพได้ แต่ในปั จจุ บนั ความรู ้ ในวิชาชี พบัญชี น้ นั อาจจะไม่
ส่ งผลต่อประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชี นกั เนื่องจากการที่จะเป็ นนักบัญชีได้ก็จะต้องมีความรู ้ในด้าน
บัญชีหรื อด้านต่างๆอยูแ่ ล้วจึงมีผลต่อประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชีนอ้ ยที่สุด
ปั จ จัย ด้า นทัก ษะทางวิช าชี พ บัญ ชี ส่ ง ผลต่ อ ประสิ ท ธิ ภ าพการจัด ท าบัญ ชี ผูท้ าบัญ ชี ใ น
ธุ ร กิ จ อสั ง หาริ ม ทรั พ ย์ที่ จ ดทะเบี ย นในตลาดหลัก ทรั พ ย์แ ห่ ง ประเทศไทย ซึ่ งสอดคล้อ งกับ
อัมพร เที่ยงตระกูล(2551) ที่ศึกษาเรื่ อง นักวิชาชี พบัญชี จาเป็ นต้องมี ทกั ษะจานวนหนึ่ ง รวมทั้ง
ทักษะเฉพาะด้านและทักษะในการสื่ อสารระหว่า งบุ คคล ทักษะด้านความรู ้ ต่างๆ ผลการศึ กษา
พบว่าการนาทักษะในการใช้สติปัญญา ทักษะด้านมนุ ษย์สัมพันธ์ ทักษะในการติดต่อสื่ อสาร และ
ทัก ษะในการใช้เ ทคโนโลยีส ารสนเทศ เป็ นแนวทางวิ ช าชี พ ไปปฏิ บ ัติ อ ย่ า งเหมาะสมและมี
ประสิ ทธิภาพภายใต้สภาพแวดล้อมทางวิชาชีพ
77
ปั จ จัย ด้า นคุ ณ ค่ า แห่ ง วิ ช าชี พ ส่ ง ผลต่ อประสิ ท ธิ ภ าพการจัด ท าบัญชี ผูท้ าบัญชี ใ นธุ รกิ จ
อสังหาริ มทรั พย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่ งประเทศไทย ซึ่ งสอดคล้องกับสภาวิชาชี พ
บัญชี (2556) ที่ศึกษาเรื่ อง ความประพฤติและลักษณะนิสัยทางวิชาชีพที่บ่งบอกถึงการเป็ นนักวิชชา
ชี พบัญชี ผลการศึกษา พบว่าผูท้ าบัญชี มีวินยั ในการทางาน เช่น ตรงต่อเวลา มีความรับผิดชอบต่อ
งานที่ ไ ด้รับ ผิดชอบงานที่ ไ ด้รับ มอบหมาย มี ความเป็ นอิ ส ระในการท างาน และมี ก ารปฏิ บตั ิ ที่
คานึงถึงมรรยาททางบัญชี งานก็จะออกมาแบบมีประสิ ทธิ ภาพได้
ปั จ จัย ด้า นเจตคติ ใ นวิช าชี พ ส่ ง ผลต่ อ ประสิ ท ธิ ภ าพการจัด ท าบัญ ชี ผู ้ท าบัญ ชี ใ นธุ ร กิ จ
อสั ง หาริ มทรั พ ย์ ที่ จ ดทะเบี ย นในตลาดหลั ก ทรั พ ย์ แ ห่ ง ประเทศไทย ซึ่ งสอดคล้ อ งกั บ
ดรุ ณวรรณ แมดจ่อง (2553) ที่ศึกษาเรื่ องเจตคติที่บุคคลมีต่อวิชาชี พ ผลการศึกษาพบว่าเป็ นเรื่ องที่
ต้องให้ความสาคัญเนื่ องจากการที่บุคคลมีเจตคติที่ดีต่อวิชชาชี พที่ปฏิบตั ิก็ยอ่ มปฏิบตั ิงานนั้นอย่าง
เต็มกาลังความสามารถ หากองค์กรใดมี ผูท้ าบัญชี ที่มีเจตคติ ที่ดีต่องานที่ ทาองค์กรก็ย่อมมี ความ
พร้อมที่ดีสามารถสร้างความได้เปรี ยบทางการแข่งขันได้ นาพาองค์กรไปสู่ เป้ าหมายที่กาหนดไว้ได้
โดยสรุ ปแล้วในการศึกษาครั้งนี้พบว่าปั จจัยส่ งผลต่อประสิ ทธิ ภาพการจัดทาบัญชีผทู้ าบัญชี
ในธุ รกิจอสังหาริ มทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้แก่ ปัจจัยด้านความรู้
ในวิชาชี พบัญชี ปั จจัยด้านทักษะทางวิชาชี พ ปั จจัยด้านคุ ณค่าแห่ งวิชาชี พ และปั จจัยด้านเจตคติ
ในวิชาชี พ ดังนั้นในการจัดทาบัญชี จึงควรคานึ งถึ งปั จจัยต่างๆที่ เกี่ ยวข้องเพื่อให้ผูท้ าบัญชี จดั ทา
บัญชี ได้อย่างมีประสิ ทธิ ภาพตามที่องค์กรหรื อหน่ วยงานคาดหวัง เพื่อให้บรรลุ วตั ถุ ประสงค์ของ
องค์กร
ข้ อเสนอแนะ
ข้ อเสนอแนะเพือ่ การนาไปใช้
1.ผลที่ศึกษาพบว่าผูท้ าบัญชีส่วนใหญ่มีอิทธิ พลปั จจัยทางด้านเจตคติในการจัดทาบัญชี ซึ่ง
สามารถนาไปใช้ประโยชน์ในการจัดทาบัญชีเพื่อส่ งผลอย่างมีประสิ ทธิ ภาพ
2.ผลที่ศึกษาพบว่าผูท้ าบัญชี ควรตระหนักและส่ งเสริ มให้ผทู ้ าบัญชีมีความรู ้ในวิชาชีพ
เพิ่มมากยิง่ ขึ้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจ เกิดทักษะและมีคุณค่าแห่งวิชาชีพ ในการปฏิบตั ิงาน ซึ่งจะ
ช่วยเพิ่มประสิ ทธิ ภาพในการจัดทาบัญชี และเป็ นการสร้างความเชื่อมัน่ และการยอมรับของผูใ้ ช้
ข้อมูลทางการเงิน
78
ข้ อเสนอแนะสาหรับการวิจัยในอนาคต
1. นอกจากปั จ จัย ต่ า งๆ ที่ มี ผ ลต่ อ ประสิ ทธิ ภ าพการจั ด ท าบั ญ ชี ผู ้ท าบั ญ ชี ใ นธุ รกิ จ
อสังหาริ มทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่ งประเทศไทยแล้ว เรื่ องแรงจูงใจ ยังเป็ นเรื่ องที่
น่าสนใจและได้รับความนิยมในองค์กรส่ วนใหญ่ซ่ ึ งมีขอ้ เสนอแนะสาหรับงานวิจยั ในอนาคตดังนี้
2. ควรศึกษาแนวทางการปฏิบตั ิง านของผูท้ าบัญชี เพื่อนามาพัฒนาประสิ ทธิ ภาพการจัดทา
บัญชีได้ดียงิ่ ขึ้น
3. ควรศึกษาความสาคัญของปั จจัยในด้านต่างเพิ่มเติม ที่สามารถนามาเพิ่มประสิ ทธิ ภาพ
การจัดทาบัญชีในธุรกิจต่างๆเพิ่มมากขึ้น
92
บรรณานุกรม
กัลยา วานิชย์บญั ชา. (2554).การใช้ SPSS for Windows ในการวิเคราะห์ขอ้ มูล.พิมพ์ครั้งที่ 19.
กรุ งเทพฯ : ธรรมสาร.
กิตติศกั ดิ์ มะลัย. (2557).ผลกระทบของการควบคุมภายในเชิ งกลยุทธ์ ทมี่ ีต่อประสิ ทธิภาพ
การจัดทา บัญชี ของวิทยาลัยเทคโนโลยีอาชี วศึกษาเอกชนในประเทศไทย.” วิทยานิ พนธ์
ปริ ญญามหาบัณฑิต สาขาการบัญชี คณะการบัญชีและการจัดการมหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
กองทุนอสังหาริ มทรัพย์. (2560).ธุรกิจอสั งหาริมทรัพย์ คืออะไร. ค้นเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2561,จาก
https://www.landinvestingthai.com
ชัพวิชญ์ คาภิรมย์ และคณะ. (2549). ผลกระทบของความรู้ ความสามารถทางการบัญชี และ
ประสบการณ์ ด้ า นการสอบบั ญ ชี ที่ มี ต่ อ ความส าเร็ จ ในการท างานของผู้ ส อบบั ญ ชี
รั บ อ นุ ญ า ต ใ น ป ร ะ เ ท ศ ไท ย . วิ ท ย านิ พ นธ์ ปริ ญ ญ า บริ ห า ร ธุ ร กิ จ ม หาบั ณ ฑิ ต,
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
ชัยนริ นทร์ วีระสถาวณิ ชย์. (2548). International Education Standards (IES).สมาคมนักบัญชี
และผูส้ อบบัญชีรับอนุญาตในประเทศไทย,1(4),1-12
จารุ ณี อภิวฒั น์ไพศาล. (2555). ปัจจัยทีใ่ ช้ ในการพยากรณ์ประสิ ทธิผลการปฏิบัติงานของพนักงาน
บัญชี กลุ่มธุรกิจบริการในประเทศไทย.คณะบัญชีมหาวิทยาลังรังสิ ต. วารสาร วิทยาจารย์.
นิพนั ธ์ เห็นโชคชัยชนะ และศิลปพร ศรี จนั่ เพรช. (2559). การสอบบัญชี.กรุ งเทพฯ:
ทีพีเอ็น เพรส.1-2, 14-3
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย. (2559).รายชื่อบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์.ค้นเมื่อ
16 มีนาคม 2561
ดรุ ณวรรณ แมดจ่อง. (2553).ผลกระทบของเจตคติในวิชาชีพบัญชีทมี่ ีต่อความสาเร็จในการทางาน
ของนักบัญชี ธุรกิจ SMEs ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ธวัช ภูษิตโภยไคย .(2542). การจัดทาบัญชี ของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่ อมในจังหวัดเชี ยงใหม่ .
วารสารบริ หารธุ รกิจ23.
93
บรรณานุกรม (ต่ อ)
ภาคผนวก
95
ภาคผนวก ก
แบบตรวจสอบคุณภาพด้านความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาของเครื่ องมือโดยผูท้ รงคุณวุฒิ
96
2.อายุ
ต่ากว่า 35 ปี 35-40 ปี 41-45 ปี
46-50 ปี มากกว่า 50 ปี
3.ระดับการศึกษา
ต่ากว่าปริ ญญาตรี ปริ ญญาตรี สู งกว่าปริ ญญาตรี
4.ประสบการณ์ในการทางานด้านการจัดทาบัญชี
น้อยกว่า 5 ปี 5-10 ปี 11-15 ปี
มากกว่า 15 ปี
5.ระดับรายได้เฉลี่ยต่อเดือน
ต่ากว่า 15,000 บาท 15,000-25,000 บาท 25,001-30,000 บาท
ระดับความคิดเห็น
ด้ านความรู้ ทวั่ ไป
1. ท่านมีความรู ้ทวั่ ไปเกี่ยวกับเศรษฐกิจ การเมือง
6. ท่านเข้าใจหลักเอกสารหลักฐานทางบัญชีของธุรกิจ
อสังหาริ มทรัพย์
8. ท่านสามารถใช้ระบบสารสนเทศในการทาบัญชีได้
อย่างถูกต้องและรวดเร็ ว
98
ระดับความคิดเห็น
ด้ านความรู้ ด้านบัญชี
9. ท่านมีความรู ้ในด้านการบันทึกบัญชีเป็ นอย่างดี
ระดับความคิดเห็น
ทักษะในการใช้ เหตุผล
1. ท่านสามารถแก้ไขปั ญหา ในการปฏิบตั ิงานได้เป็ น
อย่างดี
2. ท่านมีการจัดลาดับความสาคัญของงานได้เป็ นอย่างดี
ทักษะในการปฏิสัมพันธ์
3. ท่านสามารถให้คาแนะนาในการปฏิบตั ิงานบัญชีตาม
ระเบียบแก่ฝ่ายบริ หารได้
4. ท่านสามารถเจรจาต่อรองการแก้ปัญหาความขัดแย้ง
จากแผนกต่างๆภายในบริ ษทั ได้เป็ นอย่างดี
ทักษะในการสื่ อสารบัญชี
5. ท่านมีการรายงานสารสนเทศทางการบัญชีให้แก่
ผูบ้ ริ หารได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ ว
ระดับความคิดเห็น
ด้ านความโปร่ งใส
1. ท่านมีความตั้งใจในการปฏิบตั ิงานอย่างโปร่ งใส
2. ท่านมีข้ นั ตอนในการตรวจเอกสารต่างๆก่อนทาเบิกจ่าย
ทุกครั้ง
ด้ านความเป็ นอิสระ
4. ท่านมีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับผิดชอบงานที่
ได้รับมอบหมาย มีความเป็ นอิสระในการทางาน
5. ท่านได้รับความไว้วางใจในการทางานอย่างเป็ นอิสระ
ด้ านความเทีย่ งธรรม
6. ท่านมีความตั้งใจในการปฏิบตั ิงานอย่างมีคุณธรรม
ความเที่ยงธรรม
7. ท่านมีการใช้ดุลยพินิจโดยปราศจากความลาเอียงในการ
ปฏิบตั ิงานต่างๆภายในบริ ษทั
7. ท่านมีการพิจารณาข้อเท็จจริ งต่างๆอย่างยุติธรรมและ
เป็ นการ ในการทางาน
101
ระดับความคิดเห็น
9. ท่านมีความรับผิดชอบและรักษาความลับขององค์กร
102
ระดับความคิดเห็น
ด้ านความรู้ สึก
1. ท่านมีความมุ่งมัน่ ในการปฏิบตั ิงานบัญชีให้กบั องค์
3. ท่านให้ความร่ วมมือในการพัฒนาองค์กรให้เกิดความ
เจริ ญก้าวหน้ามากยิง่ ขึ้น
ด้ านความคิดเห็น
4. ท่านมีการแสดงความคิดเห็นในองค์กร
5. ท่านให้ความร่ วมมือยอมรับกับความคิดเห็นที่เกิดขึ้น
103
ระดับความคิดเห็น
ด้ านความเข้ าใจได้
1. ท่านสามารถใช้ขอ้ มูลในงบการเงินได้อย่างถูกต้อง
2. ท่านสามารถปฏิบตั ิตามกระบวนการในการจัดทาบัญชี
อย่างถูกต้อง
ด้ านความเชื่อถือได้
1. ท่านปฏิบตั ิงานด้านบัญชีขององค์กรโดยไม่ถูกทักท้วง
จากผูต้ รวจสอบ
2. ท่านสามารถเสนอข้อมูลในงบการเงินที่ใช้ในการ
ตัดสิ นใจได้
ด้ านความครบถ้ วน
1. ท่านมีการจัดทาบัญชีได้อย่างถูกต้องครบถ้วน ถูกต้อง
ตามระเบียบแบบแผนขององค์กร
2. ท่านสามารถจัดทาข้อมูลในงบการเงินได้อย่างถูกต้อง
ครบถ้วน
2. ท่านสามารถเสนองบการเงินเพื่อผูใ้ ช้อื่นๆในการ
ตัดสิ นใจตามวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันได้
104
ด้ านความทันเวลา
1. ท่านสามารถปิ ดบัญชีได้เสร็ จตามรอบระยะเวลาที่
กาหนดไว้เสมอ
2. ท่านสามารถจัดทาบัญชีเสร็ จตามระยะเวลาที่กาหนด
ข้ อเสนอแนะ
.................................................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................................................
........................................................................
ในการตอบแบบสอบถามครั้งนี้
105
ภาคผนวก ข
ผลการตรวจสอบค่าความสอดคล้องของข้อคาถามกับนิยามของตัวบ่งชี้
106
ระดับความคิดเห็น ค่ าดัชนีIOC
ตัวแปร
+1 0 -1
ด้ านความรู้ ทวั่ ไป
1. ท่านติดตามข่าวสารเกี่ยวกับเศรษฐกิจ การเมือง 2 1 0.67
2. ท่านคิดว่า มาตรฐานการบัญชี สามารถช่วยให้การ 2 1 0.67
จัดทาบัญชี ถูกต้อง น่าเชื่อถือ
3. ท่านมีความรู้ในการปฏิบตั ิงานด้านบัญชีได้ถูกต้อง 3 1.00
ตามระเบียบของ ธุ รกิจอสังหาริ มทรัพย์
108
ผลการ ค่ าดัชนีIOC
ตัวแปร พิจารณา
+1 0 -1
ด้ านความรู้ เกีย่ วกับธุรกิจและการจัดการทัว่ ไป
4. ท่านมีการนาความรู ้ที่ได้รับการฝึ กอบรมมาใช้กบั 3 1.00
งานด้านบัญชี ในธุ รกิจอสังหาริ มทรัพย์
5. ท่านปฏิบตั ิงานด้านบัญชีเป็ นไปตามเกณฑ์ 2 1 0.67
มาตรฐานของ ธุ รกิจอสังหาริ มทรัพย์
6. ท่านเข้าใจหลักเอกสารหลักฐานทางบัญชีของธุ รกิจ 3 1.00
อสังหาริ มทรัพย์
ด้ านความรู้ เกีย่ วกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
7. ท่านได้เข้ารับการฝึ กอบรมคอมพิวเตอร์ เกี่ยวกับการ 3 1.00
บันทึกบัญชี
8. ท่านสามารถใช้ระบบสารสนเทศในการทาบัญชีได้ 3 1.00
อย่างถูกต้องและรวดเร็ ว
109
ผลการพิจารณา ค่ าดัชนีIOC
ตัวแปร
+1 0 -1
ด้ านความรู้ ด้านบัญชี
9. ท่านมีความรู ้ในด้านการบันทึกบัญชีเป็ นอย่างดี 3 1.00
10. ท่านเข้าใจทักษะกระบวนการจัดทาบัญชี ของ ธุ รกิ จ 3 1.00
อสังหาริ มทรัพย์
11. ท่ า นสามารถใช้ค วามรู้ แ ยกพิ จ ารณารายได้ แ ละ 3 1.00
รายจ่ายของธุ รกิจอสังหาริ มทรัพย์ได้เป็ นอย่างดี
12. ท่านสามารถแยกประเภทหมวดหมู่รายการทางบัญชี 3 1.00
ได้เป็ นอย่างดี
13. ท่านสามารถใช้ความรู้ในการเข้ารับการอบรมมาใช้ 3 1.00
ในกระบวนการจัดทาบัญชีได้เป็ นอย่างดี
110
ผลการพิจารณา ค่ าดัชนีIOC
ตัวแปร
+1 0 -1
ทักษะในการใช้ เหตุผล
1. ท่านสามารถแก้ไขปั ญหา ในการปฏิบตั ิงานได้เป็ น 3 1.00
อย่างดี
2. ท่านมีการจัดลาดับความสาคัญของงานได้เป็ นอย่างดี 3 1.00
ทักษะในการปฏิสัมพันธ์
3. ท่านสามารถให้คาแนะนาในการปฏิบตั ิงานบัญชีตาม 3 1.00
ระเบียบแก่ฝ่ายบริ หารได้
4. ท่านสามารถเจรจาต่อรองการแก้ปัญหาความขัดแย้ง 3 1.00
จากแผนกต่างๆภายในบริ ษทั ได้เป็ นอย่างดี
ทักษะในการสื่ อสารบัญชี
5. ท่านมีการรายงานสารสนเทศทางการบัญชีให้แก่ 3 1.00
ผูบ้ ริ หารได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ ว
6. ท่านมีความคล่องแคล่วในการปฏิบตั ิงาน พูดคุยเจรจา 3 1.00
งานจากแผนกต่างๆได้เป็ นอย่างดี
111
ผลการพิจารณา ค่ าดัชนีIOC
ตัวแปร
+1 0 -1
ด้ านความโปร่ งใส
1. ท่านมีความตั้งใจในการปฏิบตั ิงานอย่างโปร่ งใส 3 1.00
2. ท่านมีข้ นั ตอนในการตรวจเอกสารต่างๆก่อนทา 3 1.00
เบิกจ่ายทุกครั้ง
3. ท่านมีการบริ หารงานเป็ นไปด้วยความชัดเจนและ 3 1.00
โปร่ งใส ยึดถือตามระเบียบเป็ นเกณฑ์ สามารถ
ตรวจสอบได้
ด้ านความเป็ นอิสระ
4. ท่านมีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับผิดชอบงานที่ 3 1.00
ได้รับมอบหมาย มีความเป็ นอิสระในการทางาน
5. ท่านได้รับความไว้วางใจในการทางานอย่างเป็ นอิสระ 3 1.00
ด้ านความเทีย่ งธรรม
6. ท่านมีความตั้งใจในการปฏิบตั ิงานอย่างมีคุณธรรม 3 1.00
ความเที่ยงธรรม
7. ท่านมีการใช้ดุลยพินิจโดยปราศจากความลาเอียงใน 3 1.00
การปฏิบตั ิงานต่างๆภายในบริ ษทั
8. ท่านมีการพิจารณาข้อเท็จจริ งต่างๆอย่างยุติธรรมและ 3 1.00
เป็ นการ ในการทางาน
ด้ านความซื่อสั ตย์ สุจริต
9. ท่านมีความตั้งใจในการปฏิบตั ิงานอย่างซื่อสัตย์สุจริ ต 3 1.00
10. ท่านมีความรับผิดชอบและรักษาความลับขององค์กร 3 1.00
112
ผลการพิจารณา ค่ าดัชนีIOC
ตัวแปร
+1 0 -1
ด้ านความรู้ สึก
1. ท่านมีความมุ่งมัน่ ในการปฏิบตั ิงานบัญชีให้กบั องค์ 3 1.00
2. ท่านมีการทุ่มเท เสี ยสะในการปฏิบตั ิงานให้กบั องค์กร 3 1.00
3. ท่านให้ความร่ วมมือในการพัฒนาองค์กรให้เกิดความ 3 1.00
เจริ ญก้าวหน้ามากยิง่ ขึ้น
ด้ านความคิดเห็น
1. ท่านมีการแสดงความคิดเห็นในองค์กร 3 1.00
2. ท่านให้ความร่ วมมือยอมรับกับความคิดเห็นที่เกิดขึ้น 3 1.00
113
ผลการพิจารณา
รายการ +1 0 -1
ประสิทธิภาพการจัดทาบัญชีของผู้ทาบัญชี
ด้ านความเข้ าใจได้
1. ท่านสามารถใช้ขอ้ มูลในงบการเงินได้อย่างถูกต้อง 3 1.00
2. ท่านสามารถปฏิบตั ิตามกระบวนการในการจัดทาบัญชีอย่าง 3 1.00
ถูกต้อง
ด้ านความเชื่อถือได้
3. ท่านปฏิบตั ิงานด้านบัญชีขององค์กรโดยไม่ถูกทักท้วงจากผู ้ 3 1.00
ตรวจสอบ
4. ท่านสามารถเสนอข้อมูลในงบการเงินที่ใช้ในการตัดสิ นใจได้ 3 1.00
ด้ านความครบถ้ วน
5. ท่านมีการจัดทาบัญชีได้อย่างถูกต้องครบถ้วน ถูกต้องตาม 3 1.00
ระเบียบแบบแผนขององค์กร
6. ท่านสามารถจัดทาข้อมูลในงบการเงินได้อย่างถูกต้อง 3 1.00
ครบถ้วน
ด้ านความเกีย่ วข้ องกับการตัดสินใจ
7. ท่านสามารถเสนองบการเงินเพื่อผูบ้ ริ หารในการตัดสิ นใจ 3 1.00
บริ หารงานองค์กรได้
8. ท่านสามารถเสนองบการเงินเพื่อผูใ้ ช้อื่นๆในการตัดสิ นใจตาม 3 1.00
วัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันได้
ด้ านความทันเวลา
9. ท่านสามารถปิ ดบัญชีได้เสร็ จตามรอบระยะเวลาที่กาหนดไว้ 3 1.00
เสมอ
10. ท่านสามารถจัดทาบัญชีเสร็จตามระยะเวลาที่กาหนด 3 1.00
114
ภาคผนวก ค
ผลการทดสอบค่าความเชื่ อมัน่ ของแบบสอบถาม
115