Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 30

พื้นฐานประวัติดนตรีตะวันตก

ยุคสมัยในประวัติศาสตร์ดนตรีตะวันตก
❖ Ancient Greek
❖ Middle Ages
❖ Renaissance
❖ Baroque
❖ Classic
❖ Romantic
❖ 20th Century
❖ Contemporary Music
พื้นฐานประวัติศาสตร์ดนตรีตะวันตก

ANCIENT GREEK 6th - 8th B.C.


Ancient Greek (8th-6th B.C.)
❖ Ancient Greek หรือ ยุคกรีชโบราณ เริ่มขึ้นในประมาณยุค
สมัย 800 ปี - 600 ปี ก่อนคริตกาล (8th - 6th B.C.)
❖ ประเพณีและวัฒนธรรม โดยเฉพาะหลักปรัชญาของชาวกรีช
โบราณมีอิทธิพลอย่างมากต่อชาวโรมัน ผู้ซึ้งได้นำเอาหลัก
ปรัชญาเหล่านี้ไปเผยแพร่ในพื่นที่ เมดิเตอร์เรเนี่ยน และ ยุโรป
❖ นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไม หลักปรัชญา ประเพณี และ วัฒนธรรม
ของกรีชโบราณ จึงถือว่าเป็นรากฐานของวัฒนธรรมตะวันตกใน
ปัจจุบัน
Ancient Greek (8th-6th BC.)
❖ นักปรัชญาคนสำคัญของกรีชโบราณ

❖ Socrates (469 B.C. - 399 B.C.)

❖ Plato (428 B.C. - 348B.C.)

❖ Aristotle ( 384 B.C. 322 B.C.)


Ancient Greek (6th-8th BC.)
❖ มุมมองต่อดนตรีของชาวกรีชโบราณ แบ่งออกได้เป็น 3 ส่วน
❖ เป็นวิทยาศาสตร์ในเชิงทฤษฏี เป็นสาขาของคณิตศาสตร์
❖ เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อผู้คนส่วนมาก
❖ เป็นศิลปะที่ผู้คนสามารถเข้าใจ และ สนุกสนานไปด้วยได้
❖ เป็นกิจกรรมศันทนาการ ใช้ผ่อนคลาย
❖ นักดนตรีทั้งหมดเป็นมือสมัครเล่น ยังไม่มีอาชีพนักดนตรี
Ancient Greek (8th-6th B.C.)
❖ Greek Music Theory
❖ ทฤษฏีพื้นฐานของดนตรีกรีก
❖ Tetrachord - กลุ่มของโน๊ต 4 ตัวที่ไล่ลงจากเสียงสูงมา
เสียงตำ่
❖ Tetrachord ในดนตรีกรีกแบ่งได้เป็น 3 ประเภท
❖ Diatonic , Chromatic , Enharmonic
❖ Diatonic Tetrachord
❖ เป็นแบบ normal arrangement ของโน๊ต 4 ตัว
❖ โน๊ตตัวแรกหรือตัวที่เสียงสูงที่สุดจะสุงกว่าโน๊ตตัวถัดไป
2 semitone ต่อด้วยโน๊ตตัวถัดไปที่ตำ่กว่าอีก 2
semitone ส่วนโน๊ตตัวสุดท้ายที่เสียงต่ำที่สุดจะต่ำกว่า
โน๊ตก่อนหน้า 1 semitone ( T - T - S )
❖ ถ้านำโครงสร้างดังกล่าวมาสร้างเป็นกลุ่มตัวโน๊ต 4 ตัว
ก็จะได้เป็นกลุ่มตัวโน๊ตดังนี้ : E - D - C -B
❖ Chromatic Tetrachord
❖ คล้ายกับแบบ Diatonic แต่ในแบบ Chromatic
คู่เสียงระหว่างโน็ตที่สูงที่สุดกับโน๊ตถัดมาจะกว้างกว่าใน
แบบ Diatonic คือ คู่เสียงระหว่างโน๊ต 2 ตัวแรกในแบบ
Chromatic จะห่างกัน 3 semitone
❖ ส่วนโน๊ตที่เหลือจะห่างกันแค่ 1 semitone
❖ กลุ่มโน๊ตในแบบ Chromatic จะเป็น E - C# - C - B
❖ Enharmonic Tetrachord
❖ คู่เสียงสูงสุดในแบบ Enharmonic จะกว้างกว่าในแบบ
Chromatic คือเป็น 4 semitone ตามด้วย 2 quarter
tones และ 1 semitone เป็น E - C - B# - B
❖ แต่ว่าในการแสดงโน๊ต C และ B# จะเล่นออกมาเป็นเสียง
ที่ไม่เท่ากัน จึงทำให้ออกมาเป็นเสียงแบบ Microtone
❖ ในทฤษฏีดนตรีกรีกเสียง C และ B# จึงไม่ใช้เสียงเดียวกัน
❖ Greater Perfect System
❖ ถ้าเราเอา Diatonic Tetrachord 2 อัน มาต่อกัน จะทำให้
เกิดเป็นฟอร์มของ scale
❖ E-D-C -B-A-G-F-E
❖ และถ้าเอา Scale 2 อันมาต่อกัน ก็จะได้เป็น Greater
Perfect System
❖ A-G-F-E-D-C-A-G-F-E-D-C-A
Ancient Greek (8th-6th B.C.)
❖ Musical Instrument (เครื่องดนตรี)
❖ ในสมัยกรีกโบราณจะนิยมดนตรีที่เป็นดนตรีร้องเป็นส่วน
มาก
❖ เครื่องดนตรีที่เป็นเครื่อง Solo จะไม่ได้รับความนิยม
❖ แต่ถึงอย่างนั้นเครื่องดนตรีในสมัยนั้นก็ยังถูกมาใช้
ประโยชน์ มีเครื่องดนตรีอยู่ 2 - 3 ชนิดที่ถูกใช้ในดนตรี
กรีก
Musical Instrument
❖ String : เครื่องสาย
❖ เครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายในสมัยกรีกมีอยู่ 2 ประเภท
❖ Lyra นิยมใช้ในหมู่นักดนตรีสมัครเล่น
❖ Kithara นิยมใช้ในหมู่มืออาชีพ
❖ เครื่องดนตรีทั้งสองชนิดถูกยืมมาจากชาวสุเมเรี่ยน
Lyra
Kithara
Musical Instrument
❖ Wind Instrument
❖ เครื่องเป่าที่สำคัญที่สุดในสมัยนั้นคือ Aulos
❖ เป็นเครื่องดนตรีลมไม้ (woodwind) ประเภท ลิ้นคู่ (double reed)
❖ ส่วนเครื่องทองเหลือง (brass) จะถูกใช้ในพิธีการทางทหารและไม่นิยม
เท่า Aulos
❖ เครื่องดนตรีทองเหลืองในกรีกโบราณมี
❖ Salpinx มีลักษณะคล้าย straight trumpet
❖ Keras มีลักษณะคล้าย curved brass horn
Aulos
Salpinx
❖ ในราว 300 ปีก่อนศริสตกาล Hydraulos (hydor = water,
autos = pipe) ได้ถูกประดิษฐ์ขึ้น
❖ เป็น organ ในยุคแรกๆ ลมจะถูกควบคุมด้วยระดับของน้ำที่ถูก
เติมลงไป
❖ ส่วนเครื่อง Percussion หรือ เครื่องกระทบ ก็มีหลายชนิดที่ใช้
ในสมัยนั้น เช่น Tympanon, Kymbala
❖ ส่วน Kroupalon จะถูกใช้โดย conductor เวลาใช้ conductor
จะใช้เพื่อเคาะจังหวะ
Hydraulos
Ancient Greek (8th-6th BC.)
❖ ดนตรีในยุคกรีชโบราณ
❖ มีผลงานทางดนตรีเพียงประมาณ 15 ชิ้น ที่ถูกค้นพบและ
ยังคงอยู่ถึงสมัยปัจจุบัน
❖ ผลงานทั้งหมดที่ถูกค้นพบเป็นช่วงท้ายๆของยุคกรีช
โบราณ
Ancient Greek (8th-6th B.C.)
❖ First Delphic Hymns to Apollo ( 130 B.C.)
by Anonymous
❖ เป็นผลงานที่ไม่สมบูรณ์เพราะแผ่นหินจารึกผลงานได้ถูก
ทำลายไปบางส่วนตามกาลเวลา
❖ เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญเพราะมีการบันทึกโน๊ต (Notation)
สำหรับร้องในสมัยนั้น
❖ น่าจะร้องโดยนักบวช
First Delphic Hymn to Apollo

❖ แผ่นศิลาจารึกบันทึกผลงานเพลง
First Delphic Hymn to Apollo
First Delphic Hymn to Apollo

Modern Transcription
Ancient Greek (8th-6th B.C.)
❖ Epitaph of Seikilos (2nd century B.C. or Later) by
Anonymous
❖ Skolion หรือ Drinking song ถูกค้นพบบนหลุมฟังศพ
ใกล้ Tralles ใน Asia Minor ในปี 1883
❖ เป็นผลงานเดียวที่ยังคงสมบูรณ์ครบถ้วน ทุกพยางค์ของ
เนื้อหาเกี่ยวข้องกับดนตรีทั้งหมด
❖ ดนตรีอยู่ในโหมด Phrygian
Epitaph of Seikilos

❖ แท่งหินจารึกบทเพลง Epitaph of
Seikilos
Epitaph of Seikilos

You might also like