Professional Documents
Culture Documents
53-11-24 - Q-eia-b เรื่องความสั่นสะเทือน
53-11-24 - Q-eia-b เรื่องความสั่นสะเทือน
12 ข่าวสาร อากาศและเสียง
การหาความถี่ธรรมชาติ (Natural Frequency) ของ
อาคาร
ตามปกติวัตถุทุกชนิดที่สั่นหรือโยกตัวได้ จะมีความถี่
ธรรมชาติของตัวเองอยู่แล้ว และจะสั่นด้วยความถี่เฉพาะตัวที่
ความถี่นี้เท่านั้น ซึ่งเมื่อมีการถ่ายแรงที่มากพอเข้าไปที่วัตถุๆนั้น
ก็จะสั่นด้วยความถี่ธรรมชาติของตนเองออกมา ดังนั้นจึงต้อง
ระวังความสัน่ สะเทือนทีม่ คี วามถีเ่ ดียวกันกับความถีธ่ รรมชาติของ
อาคารเป็นอย่างมาก เพราะมันอาจจะท�าให้อาคารทีม่ กี ารโยกตัว
อยูแ่ ล้วจะมีการโยกตัวมากขึน้ ได้ ส�าหรับการหาความถีธ่ รรมชาติ
ของตัวอาคารนั้น มีอยู่ 3 วิธี
1. จากข้อมูลการตรวจวัดทีต่ วั อาคาร แล้วน�ามาวิเคราะห์
ทางสถิติ ในเบื้องต้นอาจดูได้จากฐานนิยม หรือ mode
ความแตกต่างระหว่างความสั่นสะเทือนกรณีที่ 1 และ 2 2. จากการวัดความสัน่ สะเทือนของอาคารเมือ่ ถูกสัน่ โดย
ความสั่นสะเทือนกรณีที่ 1 และกรณีที่ 2 ต่างกันตรงที่ การถ่ายแรงเข้าไป และ
หากความสั่ น สะเทื อ นที่เกิดขึ้นไม่ท�าให้เกิดปรากฏการณ์ล้า 3. ประมาณจากสูตรเชิงประสบการณ์ และค�านวณ
(Fatigue) และการสั่นพ้อง (Resonance) ต่ออาคาร จะจัดเป็น เช่น อาคารที่สูงประมาณ 1-2 ชั้น (3-12 เมตร) ความถี่ธรรมชาติ
ความสั่นสะเทือนกรณีที่ 1 แต่หากความสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นนั้น จะอยู่ในช่วง 4-15 Hz ส่วนอาคารสูง จะใช้สูตร f = 10/N โดย N
ท�าให้เกิดปรากฏการณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสองอย่างดังที่ เป็นจ�านวนชั้นของอาคารที่มากกว่า 3 หรือ f = 46/H โดย H เป็น
ได้กล่าวมาแล้วจะจัดเป็นความสั่นสะเทือนในกรณีที่ 2 ความสูงของอาคารในหน่วยของเมตร ตัว f ในทีน่ หี้ มายถึงความถี่
การล้า เกิดขึน้ เมือ่ อาคารได้รบั ความสัน่ สะเทือนเป็นช่วงเวลา ธรรมชาติ มีหน่วยเป็น Hz
นาน ท�าให้โครงสร้างเกิดการล้าเนื่องจากสั่นสะเทือนอยู่ตลอดช่วง
เวลาดังกล่าว เช่น ความสั่นสะเทือนที่ได้รับจากเครื่องจักรขนาดใหญ่ แนวทางการป‡องกันและแก้ไขปัญหาความสั่นสะเทือนที่เกิด
ที่ท�างานตลอดเวลา เป็นต้น ซึ่งความสั่นสะเทือนที่ได้รับในกรณีนี้ จากการก่อสร้าง
ไม่จา� เป็นต้องมีขนาดความรุนแรงของการสัน่ สะเทือนสูง หรือมีความถี่ ผูป้ ระกอบการทีจ่ ะด�าเนินการก่อสร้างควรส�ารวจสภาพ
ที่ใกล้เคียงกับความถี่ธรรมชาติ (Natural Frequency) ของอาคาร อาคารบริเวณข้างเคียงเพื่อประเมินผลกระทบเบื้องต้น และ
ก็ได้ หากแต่เมื่อได้รับความสั่นสะเทือนเป็นช่วงเวลานานก็จะท�าให้ ก�าหนดหลักเกณฑ์วธิ กี ารก่อสร้าง ก�าหนดระยะห่างในการด�าเนินการ
เกิดการล้าได้ ตอกเสาเข็ ม ก� า หนดกิ จ กรรมที่ จ ะต้ อ งควบคุ ม ระดั บ ความ
การสั่ น พ้ อ ง หรือ เรโซแน้นท์ จะเกิดขึ้นเมื่อความถี่ของ สัน่ สะเทือน ท�านายระดับความสั่นสะเทือนที่จะเกิดขึ้น ติดตาม
ความสั่นสะเทือนที่มีผลกระทบกับอาคารมีความถี่ตรงกันหรือใกล้ ตรวจวัดความสัน่ สะเทือนระหว่างการก่อสร้าง รวมทัง้ ปรับเปลีย่ น
เคียงกับความถี่ธรรมชาติของอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างนั้นๆ ท�าให้เกิด หรือเลือกใช้วิธีการก่อสร้างที่เหมาะสมกับพื้นที่
ปรากฏการณ์การสั่นสะเทือนเสริมกันท�าให้การสั่นสะเทือนทวีความ
รุนแรงขึน้ เพิม่ โอกาสในการเกิดความเสียหายต่ออาคารหรือสิง่ ปลูกสร้าง
ตัวอย่างเช่น การสัน่ พ้องจากความถีข่ องกระแสลมทีก่ ระท�ากับสะพาน
แขวน หากไม่ออกแบบให้ดี ถ้าความถี่ของกระแสลมใกล้เคียงกับ
ความถี่ธรรมชาติของสะพานก็อาจท�าให้พังลงมาได้ อีกตัวอย่างหนึ่ง
ที่เห็นได้ชัดเจนในเรื่องของการส่งผ่านพลังงานที่มีความถี่ตรงกับ
ความถี่ธรรมชาติก็คือ การไกวเปลหรือการโล้ชิงช้า หากเราใช้ความถี่
ในการส่งพลังงาน(ในที่นี้คือการออกแรงไกวหรือโล้) ในความถี่ที่ใกล้
เคียงกับความถีธ่ รรมชาติ(ความถีท่ เี่ ปลหรือชิงช้าสัน่ อยูเ่ ดิม)ก็จะท�าให้
ขนาดความรุนแรงของการสั่นเพิ่มขึ้น หากส่งพลังงานในความถี่นี้
ไปเรื่อยๆ ก็มีโอกาสเกิดอันตรายได้
จะเห็นได้ว่าความสั่นสะเทือนในกรณีที่ 2 นั้นมีโอกาส อ้างอิง
ท�าให้อาคารได้รับความเสียหายได้มากกว่ากรณีที่ 1 ดังนั้นจึงได้ 1. กรมควบคุมมลพิษ. (ออนไลน์). ประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่ง
ชาติ ฉบับที่ 37 (พ.ศ. 2553) เรื่อง ก�าหนดมาตรฐานความสั่นสะเทือนเพื่อป้องกันผลกระ
ก�าหนดค่ามาตรฐานส�าหรับความสัน่ สะเทือนกรณีท ี่ 2 ไว้เข้มงวด ทบต่ออาคาร เข้าถึงได้จากhttp://www.pcd.go.th/Download/regulation.cfm?task=s2
กว่าความสั่นสะเทือนกรณีที่ 1 2. Deutsches Institut fuer Normung, Berlin, Germany. DIN 4150-3,
1999, Structural Vibration Part 3: Effects of Vibration on Structures.