Professional Documents
Culture Documents
Volume Analysis
Volume Analysis
Volume Analysis
การดูโวลุม่ นั้นสาคัญอย่างไร?
By อาจารย์ Dekladprao
Volume Page 1
..........2. โวลุ่มอาจมาใช้ในการคานวณหาเป้าหมายของหุน้ ได้คร่าว ๆ
โดยยึดหลักว่าในอดีตเมื่อหุน้ มีการ Breakout แล้วยืนได้ ณ ราคาไหนที่
สูงสุด โดยใช้โวลุ่มจานวนเท่าใด หากมีการเกิดขึ้ นอีกด้วยโวลุ่มจานวนเดิม
เราอาจพยากรณ์ได้คร่าว ๆ ว่า หุน้ น่ าจะมีโอกาสไปถึง ณ จุดเดิมที่เคยทา
ไว้
..........3. โวลุ่ม แสดงออกถึงเพื่อนร่วมชะตากรรมในการเดินไปด้วยกัน
ถ้าราคาหุน้ สูงขึ้ น แต่โวลุ่มเทรดน้อย หากเราซื้ อ เราจะมีเพื่อนร่วมเดินทาง
น้อย ความปลอดภัยจะมีน้อย ตรงกันข้ามหากราคาไป โวลุ่มหนาแน่ น เรา
จะมีเพื่อนร่วมเดินทางเป็ นจานวนมาก มีเหตุการณ์อะไรก็ยงั ปลอดภัยกว่า
Q: แล้วกรณีโวลุ่มตา่ แต่ราคาวิง่ ฉิวขึ้ น----เกิดเพราะเจ้าลาก?
ส่วนกรณีโวลุ่มตา่ แต่ราคาตกฮวบลง----เกิดจากอะไรคะ หรือตีความได้
ว่าอะไร พักตัว?)
A: ถูกต้องจร้า ใครตามไปติดแน่ ๆ ส่วนกรณีลงไม่มีโวลุ่ม ถ้าไม่ตา่
กว่าแนวรับยังถือว่าพักตัว ถ้าตา่ กว่าแนวรับเรียกว่า เลิกเล่น
Q: รบกวนสอบถามคะ ติดตามหุน้ jts วันพฤหัส วอลุ่มเยอะ ราคาขึ้ น
เยอะ วันศุกร์เห็นวอลุ่มเข้าเยอะ เลยเข้า ปรากฎว่าราคาปิ ดตา่ เเต่ยงั สูง
กว่าเดิม เลยงงว่าจะตีความหมายอย่างไร ขอบคุณค้า
A: แจกของเตรียมเลิกแล้วครับ โวลุ่มเข้าเต็ม Float เลย
Volume Page 2
หุน้ เกือบทุกตัวจะมีเจ้ามือคุมสวิทช์คทั เอ๊าอยู่ ถ้าตราบใดที่เจ้าไม่ซื้อ
หุน้ ไม่มีทางวิง่ ไปไกล ดังนั้นเวลาหุน้ เริ่มขึ้ นเราต้องช่วยเจ้าเค้าดันราคาด้วย
แต่เวลาเจ้าเลิกเล่นให้เราออกก่อนเจ้ามือ
ช่วงเวลาที่หนุ ้ พักตัวหลัง Breakout คือเจ้าหยุดงานชัว่ คราว ปล่อยให้
รายย่อยบรรเลงกันไปเอง
Q: ยังไม่เข้าใจเรื่องที่ดู volume หาร 9 หาจังหวะเข้า ที่อาจารย์
บอกใน line ครับ พอจะหาอ่านข้อมูลได้ทีไหนมัง่ ครับ ?
A: เป็ นการคานวณ เพื่อใช้พิจารณา vol ที่ 30 นาทีแรกครับปกติ
เวลาในการเทรด แต่ละวัน มี 4.30 ชม คิดเป็ นนาทีก็ 270 นาทีครับ..การ
ที่เรา เอา 9 หารก็เพื่อจะดูวา่ ใน 30 นาทีแรก Vol เฉลี่ยควรเป็ นเท่าไร
ยกตัวอย่างเช่น ค่าเฉลี่ยการซื้ อขาย 10 วันล่าสุด อยูท่ ี่ 1 ล้าน เมื่อ
หารด้วย 9 ก็เท่ากับ 1.11 แสน ดังนั้นใน 30 นาทีแรก ควรมี vol
ตามปกติอยูท่ ี่ 1.1 แสน แต่ถา้ วันไหน ตลาดเปิ ดมา 30 นาที กลับมี vol
เข้ามา 1 ล้านหุน้ นั้นแสดงว่า มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้ น ถ้าราคาทะลุแนวต้าน
แล้วยืนได้เราก็เข้าซื้ อ แต่ถา้ ราคาทะลุแนวรับ เราก็ตอ้ งขายเช่นกัน
Volume Page 3
Volume กับการ Breakout
By อาจารย์ Dekladprao
.........เรื่อง Breakout ก็เป็ นหัวใจสาคัญของการเทรดหุน้ อีกปั จจัยหนึ่ ง
เพราะจะเป็ นตัวชี้ วัดในการเข้าซื้ อ และออกจากหุน้ ก่อนอื่นทบทวนให้นิด
หนึ่ งเรื่องแนวต้าน
Volume Page 5
.........A. ประมาณโวลุ่มของวันเบรคก่อนหน้า หรือเอาวันที่หุน้ ขึ้ นล่าสุด (ที่
จริงเราอาจประเมินด้วยสายตาจากสถิติยอ้ นหลังได้) มันไม่สามารถกาหนด
เป็ นตัวเลขแน่ นอนได้
.........ต่อมาเรามาดูความแข็งแกร่งของ Breakout
.........1. ถ้ายิง่ มีชว่ งกว้างราคามาก จะมีความแข็งแกร่งกว่าช่วงราคาแคบ
เช่น spread 8 ช่อง ย่อมแข็งแกร่งกว่า spread 3 ช่องเป็ นต้น เพราะการมี
spread กว้างหมายถึงว่าในวันนั้น ณ จุดเบรคนั้น แรงซื้ อชนะแรงขาย
อย่างราบคาบ ไม่มีใครประสงค์จะขายในราคานั้นแล้ว แต่หาก spread
แคบ หมายถึงว่าแม้แรงซื้ อจะชนะแรงขาย แต่ก็เฉียดฉิว ความมัน่ คง
หลังจากเบรคไปแล้วก็อาจไม่แน่ นอน และนี่ คือคาตอบว่าทาไม อ. จึงให้ซื้อ
หุน้ เมื่อมันขึ้ นไปแล้ว 3 - 4 ช่อง แล้วยืนได้
.........2. หากในวันเบรค มีโวลุ่มมากเท่าไหร่ยงิ่ ดี แต่ตอ้ งไม่ถึง Free float
หรือมากเป็ นประวัติการณ์ (แต่ spread แคบ) ทั้งนี้ เพราะ โวลุ่มจะเป็ น
กาลังในการขับเคลื่อนให้ราคาวิง่ ไปได้ ถ้าไม่มีโวลุ่ม ราคาก็ไม่เปลี่ยนแปลง
ถ้ามีโวลุ่มน้อย เหมือนกับให้ผหู้ ญิงไปเข็นรถกระบะ ถ้าโวลุ่มเยอะ ก็เหมือน
ให้หนุ่ มกายาไปเข็นแทน ความแข็งแกร่งจองเบรคมีโวลุ่มจึงอยูต่ รงนี้
........3. การ Breakout หากเบรคผ่านรอบระยะเวลายิง่ มากยิ่งดี เช่นเบรค
ทาลายราคาในรอบ 20 ย่อมแข็งแกร่งน้อยกว่า เบรคระยะ 60 วัน
เบรคระยะ 60 วันย่อมแข็งแกร่งน้อยกว่าเบรครอบ 100 วัน
Volume Page 6
12:48 อ.เด็ก เบรค 100 วันย่อแข็งแกร่งไม่เท่าเบรค All time high เป็ น
ต้น นี่ คือการวัดความแข็งแกร่งของ breakout มีใครมีคาถามมั้ยครับ
.......Q.ถ้าโวลุ่มมากเป็ นประวัติการณ์จะไม่คอ่ ยดีหรอครับ
.......Q.ข้อ2ค่ะ ในวันเบรคทาไมถึงโวลุ่มต้องไม่มากเป็ นประวัติการคะ
.......A. หุน้ ทุกตัวจะมีส่วนที่หมุนเวียนอยูม่ รตลาดส่วนหนึ่ ง ส่วนที่หมุนเวียน
นี้ เราเรียกว่า float ในส่วนของ float ยังมีส่วนที่เจ้ามือเอาไปเก็บไว้ในการ
ทาราคา ส่วนที่เหลือจึงอยูใ่ นมือรายย่อย ถืออยู่ การวัด float เป็ นเรื่องยาก
เราจึงประมาณการณ์วา่ โวลุ่มสูงสุดเป็ นประวัติการณ์คือ float ถ้าในวันไล่
ราคา หรือวันทา Breakout โวลุ่มออกมายังไม่ถึง float หรือมากเป็ น
ประวัติการณ์ เราจึงพออนุมานได้ว่าเจ้ามือยังไม่ได้มีการแจกของเพื่อ
เลิกเล่น เพียงแต่ลากราคาไปเพื่อจะออกของในระยะต่อไป แต่ถา้ หากโว
ลุ่มมันมากเป็ นประวัติการณ์ จะอนุ มานไว้กอ่ นว่าหุน้ ถูกเปลี่ยนมือจากเจ้า
ของเดิม ซึ่งรวมถึงของเจ้ามือด้วย แต่ถา้ หากมันมากถึง float แล้วช่วง
spread ยังกว้าง แม้เราจะอนุมานว่าหุน้ ได้ถูกเปลี่ยนมือแล้ว แต่เราก็ยงั
มีบททดสอบในวันต่อไปได้ เพราะ spread มันกว้าง เรายังมีเวลาหนี ทนั แต่
ถ้าแคบเราก็ไม่ควรอยูท่ ่ซู ี้ กับมันอีก Float มีความสาคัญซึ่งจะอธิบายแบบ
ละเอียดในบทท้าย ๆ ตอนนี้ เอาแค่น้ าจิ้ มไปก่อน
Volume Page 7
........เรามาดูตวั อย่างการเบรค จากภาพให้เราดูที่วงกลม 1 ทางขวามือ
17/9/56 เป็ นวันที่หนุ ้ เบรคเอ๊าท์ ทะลุเส้นแนวนอนที่พาดขวางวงกลม 1
ซ้ายมือ 24/7/56 แสดงว่าเป็ นการ Breakout ระยะ 60 วัน ความ
แข็งแกร่งก็ง้นั ๆ ส่วนการ Breakout ที่เรียกว่า All time high ให้ดทู ี่วงกลม
2 ให้ดทู างซ้ายมือก่อน จะเห็นว่าราคา 28.00 เป็ นราคาสูงสุดที่ยงั ไม่
สามารถทาลายได้ ดูตรงสีแดง กว้าง ๆ ทึบ ๆ วันที่ 31/05/56 ในวันนั้น
โวลุ่มมาแบบ Float และราคาก็ไม่ไป หนาซ้าติดลบอีก ยิ่งไปกว่านั้นเป็ น
การเปิ ดสูงปิ ดตา่ ซะด้วยหมายถึงอะไรในวันนั้น หุน้ โวลุ่มมา Float เป็ นการ
แตะมือกันระหว่างเจ้ามือกับรายย่อย แจกของเหมือนงานทิ้ งกระจาด
วัดพนัญเชิง เข้าสูตรที่บอกเมื่อสักครู่ แบบนี้ หากใครดูกราฟไม่เป็ นต้องร้อง
เพลง "มวลเขาอันป่ าใบเขียว คดลดเลี้ ยวพันเกี่ยว...." ดอยแน่ นอน แค่ 5
วันหันมารูส้ ึกตัว อ้าว อยูบ่ นดอยนี่ หว่า จาก 28 เหลือ 23.00
Volume Page 8
........คราวนี้ หันมาดูวงกลม 2 ขวามือ วันที่ 15/10/56 หุน้ ได้ Breakout
ขึ้ นไปทา All time high จะเห็นว่า spread ใช้ได้ คงขาดแต่โวลุ่มเท่านั้นที่ยงั
ไม่มากพอ เรียกง่าย ๆ ว่าส่วนสูงใช้ได้ แต่น้ าหนักไม่ไหว เป็ นสนุ กเกอร์
เรียกว่าออกคิวดี แต่น้ าหนักไม่ได้ สุดท้ายจ่อ จากภาพที่ให้จะเห็นว่าสุดท้าย
หุน้ ก็ตกกลับมาให้ setup กันใหม่อีก และนี่ ก็คือเรืองของ Breakout ส่วน
Breakdown ก็ไปลองคิดดู มันตรงกันข้ามกันเท่านั้นแหละ Breakout เราจะ
ใช้ประกอบในการตัดสินใจเข้าซื้ อ
Q: อาจารย์ การ breakout พอมองออกแล้ว แต่การพักเสร็จ อะคะที่
ยังเป็ นปั ญหา รบกวนอาจารย์ เน้นยา้ จุดนี้ ให้หน่ อยอะคะ
A: หลังหุน้ มีการเบรคราคาและก็พกั ตัว เรารูว้ า่ ลักษณะการพักตัวก็
คือราคามีการย่อตัว หรือไม่มีการทาไฮเพิ่มเติม spread หรือช่วงราคา เริ่ม
แคบลง วอลุ่มเริ่มลดลงในวันต่อๆ มา หลังจากเบรคแล้ว เช่นวันเบรคมีชว่ ง
หรือ spread ไป 15 ช่อง vol 30 ล้านหุน้ แต่วนั ต่อมามีการพักตัว ช่วง
ราคาอาจอยู่ 3-5 ช่อง vol ในช่วงพักตัว อาจซื้ อขายแค่ 10 ล้านหุน้ และ
อาจเริ่มลดลงเรื่อย ๆ หรือใกล้เคียงกัน แต่สญ ั ญาณพักเสร็จก็คือ เมื่อช่วง
ของราคามีความกว้างขึ้ นกว่าวันก่อนหน้าอย่างมีนยั ยะ เช่นวันก่อนหน้า
เฉลี่ยๆ 3-4 ช่อง แต่วนั นี้ มี spread เกิดขึ้ น 7-10 ช่อง พร้อมมี volume
support ตามเกณฑ์ 1/9 สาหรับครึ่งชม. หรือ 1/4 สาหรับ 1 ชม.ของวัน
ก่อนหน้า อย่างนี้ เรียกว่าพักเสร็จครับ ใช้ถือเป็ นไม้แรกในการเข้าซื้ อได้ แต่
การพักเสร็จไม่ใช่จุดบอกนะครับว่าหุน้ จะ Breakout ทันที อาจเป็ น
แค่สญั าณเข้าซื้ อไม้ 1 ครับ
Volume Page 9
ตัวอย่างลักษณะการพักเสร็จของราคา
Volume Page 10
ปริมาณการซื้อขายนาหน้า หรือไปพร้อมกับราคา
By อาจารย์ Dekladprao
Volume Page 11
เฉลี่ย 12.00 แต่เราจะยังไม่ขาย รอจนกว่าจะมีสญ
ั ญาณขายเกิดขึ้ น และรอ
เข้าล็อตสุดท้ายที่ 12.60 อีก 20000 หุน้
ขอแถมวิเคราะห์ตวั นี้ ให้อีกนิ ด วันนี้ Breakout ขึ้ นไปอีก ด้วย Spead
ที่กว้าง และมีโวลุ่ม Support พอประมาณ ซึ่งเราจะเห็นว่าก่อนปิ ดภาคเช้า
หุน้ กาลังทา Correction สลัดพวกศิษย์ทรยศให้ออกไปจากตลาดก่อน เดี๋ยว
บ่ายหากแรงขายทากาไรเริ่มน้อยลง ๆ (ราคาลง โวลุ่มไม่มา แสดงว่า...)
จนหมดไป และมีโวลุ่มทะลักเข้ามา จะดึงหุน้ ขึ้ นเบรคไปอีก แต่ท้งั นี้ เป็ นการ
วิเคราะห์จากความรูท้ ี่ให้ไปเท่านั้น
ให้เราลองหลับตาแล้วคิดว่าเราเป็ นเม่าใหม่ และซื้ อ PTL เมื่อวันศุกร์
เอาราคาเดียวกับเราก็ได้ วันนี้ เค้าจะคิดอย่างไร ผมเชื่อแน่ วา่ จิตใจมันจะสัน่
ใจหนึ่ งก็อยากได้กาไรมาก ๆ อีกใจหนึ่ งก็กลัว ยิง่ ตลาดลบแบบนี้ มันยิง่ บีบ
หัวใจจอร์จมาก ยิ่งชัว่ โมงสุดท้ายก่อนตลาดปิ ด การซื้ อขายยิ่งลดลง ๆ ราคา
ก็ลดลง ๆ ไม่ไปต่อ ผมเชื่อว่าเม่าส่วนใหญ่จะรีบคายหุน้ ออกเพื่อเอากาไร
พอขายเสร็จก็ไปนัง่ โม้กบั เพื่อน บางคนก็จะประกาศตัวเป็ นเซียนสอนคนอื่น
ทันที 555
ไอ้ที่ขายออกมานี่ แหละครับ มันเป็ นกลยุทธตัดไฟต้นลม ให้กาไรนิ ด
หน่ อยแล้วให้ออกไปจากตลาดตัวนี้ ซะ ดีกว่าให้ไปเป็ นแรงต้านในราคาสูง
กว่านี้ และบางทีกลุ่มคนเหล่านี้ พอยืนร้องไห้ส่งรถหมูเสร็จ จะเข้ามาช่วย
ซื้ ออีกครั้งในราคาที่สงู กว่านี้ แล้วแบบนี้ หุน้ มันจะไม่ไปได้อย่างไร
Volume Page 12
ปริมาณการซื้อขายจะเป็ นสิ่งยืนยันแนวโน้มหุน้
By อาจารย์ Dekladprao (ภาพด้านล่างเอามาใส่เพิ่ มไม่เกี่ ยวข้องกับเนื้ อหาแต่อย่างใด)
Volume Page 13
ถ้าราคาตกลงมาเรื่อย ๆ พร้อมด้วยปริมาณการซื้ อขายที่เพิ่มขึ้ น
แสดงว่าหุน้ มีแนวโน้มขาลง เช่น KK
ดังนั้น ถ้าหุน้ ราคาสูงขึ้ น แต่ปริมาณการซื้ อขายกลับลดลงเรื่อย ๆ
แสดงว่าหุน้ จะกลับตัว หรือพักตัวหรือพักตัวในไม่ชา้
ถ้าหุน้ ตก แต่โวลุ่มน้อยลงเรื่อย ๆ แสดงว่าหุน้ จะหยุดตกในไม่ชา้
Volume กับแนวรับแนวต้าน
By อาจารย์ Dekladprao
วิธีการหาแนวรับ แนวต้านง่าย ๆ
1. จุดสูงสุดและตา่ สุดเก่า เป็ นจุดที่นักลงทุนใช้เป็ นข้อมูลว่า ควรจะซื้ อและ
ขายบริเวณนี้
Volume Page 14
2. จุดราคาที่เป็ นเลขถ้วน ๆ เช่นแนวต้านที่ราคา 40 หรือ 100 เป็ นต้น
3. จุดทางจิตวิทยาที่แข็งแกร่ง ได้แก่จุดที่หนุ ้ เปิ ดช่องว่าง (Gap) ไว้กอ่ น
หน้านี้ เช่น หุน้ ปิ ดเมื่อวานราคา 40 เปิ ดวันนี้ 41 แล้วขึ้ นไป จุดราคา 41
จะเป็ นแนวรับทันที หุน้ ขาลงก็เช่นกัน
4. จุดที่แนวค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่พาดผ่าน เป็ นได้ท้งั แนวรับและแนวต้าน
5. จุดที่ราคาตกลงมาพัก (Retrenchment) เช่น Fibonacci คือหุน้ ขึ้ นไปแล้ว
พักตัวลงมาจากจุดสูงสุด เป็ น 1/3 , 1/2 , 2/3 ของราคาสูงสุดถึงตา่ สุด
เป็ นต้น เช่น หุน้ ขึ้ นจากราคา 40 ไปถึง 60 จะตกมาพักตัวที่ราคา 53, 50
, 46 แล้วขึ้ น เป็ นต้น
Volume Page 16
2. Moving Up เป็ นการเคลื่อนที่ของราคาหุน้ ทางขึ้ น ต่อจากการการ
Sideway โดยเมื่อหุน้ เคลื่อนตัวมาแบบ Sideway นานพอสมควร ก็ทะลุแนว
ต้านขึ้ นไปด้วยโวลุ่มที่มากอย่างมีนัยสาคัญ และขึ้ นต่อไปกลายเป็ นขาขึ้ น
Volume Page 17
ขายหุน้ ราคาแนวต้าน (กรอบบนจึงไม่มีการขยับ หรือขยับน้อยมาก) คราว
หลังเมื่อเราเจอแบบนี้ จะได้ดภู าพออก
3. Moving Down จะเป็ นการเคลื่อนที่ของหุน้ ต่อจาก sideway ในทาง
ลง โดยเมื่อหุน้ เคลื่อนตัวแบบ Sideway นานพอสมควร ก็ทะลุแนวรับลงไป
ด้วยโวลุ่มที่มากอย่างมีนัยสาคัญ และลงต่อไปกลายเป็ นขาลง
Volume Page 19
หุน้ ออกมา เพราะเห็นว่าหุน้ ทะลุขึ้นมาแล้ว แรงซื้ อชนะแรงขายอย่าง
แน่นอนแล้ว ในช่วงที่เริ่มทะลุขนมาจะเป็
ึ้ นการ Follow Through กระหนา่
ซัดแรงขายที่เพลี่ยงพล้าแล้ว หุน้ จึงขึ้ นต่อได้อย่างง่าย และมากด้วย ยิ่งถ้า
ทะลุแนวต้านสุดท้าย คือทาจุดสูงสุดตั้งแต่เข้าตลาด (All time high) จะยิง่ มี
ความสาคัญมาก เพราะแรงขายจะน้อย หุน้ จะไปไกลมว๊าก ๆ
ความยากของการเล่นแบบนี้ อยูท่ ี่นอกจากจะดูแนวต้านเก่งแล้ว ยัง
จะต้องดูเรื่องการ Breakout ให้เป็ นอีกด้วย (อ่านทบทวนย้อนหลังดู) แต่จะ
สรุปเรื่อง Breakout ให้ฟังสั้น ๆ คือ
-- หุน้ จะต้องทะลุผ่านแนวต้าน และ
-- ในวันที่หนุ ้ ทะลุแนวต้าน จะต้องมีโวลุม่ ในการเทรดมาก (คาว่ามาก
อาจเทียบจากโวลุ่มการเบรคครั้งก่อนได้ หากยิง่ มากเท่าไหร่ยิ่งดี และ
-- ในวันเบรคจะต้องมีชว่ งกว้างราคาที่มากเพียงพอ (ยิ่งมากยิ่งดี แสดงให้
เห็นว่าแรงซื้ อชนะแล้ว)
ถ้าเข้าเงื่อนไข 3 ข้อนี้ ถือว่า Breakout ตัวอย่างวันนี้ เช่น หุน้ ที่เราจับ
มาทา Demo แล้วรอซื้ อ นัน่ คือ Hmpro นัน่ เอง จะเห็นว่ากว่าจะซื้ อได้ตอ้ ง
อดทนรอ
Volume Page 20
แค่ดู Volume ได้ ก็ มันส์ แล้ว
By WaveRaider
ใน Indicator บนกราฟทั้งหลาย มี 1 อย่าง ที่มาคูก่ บั ราคาเสมอ คือ
VOLUME - ปริมาณการซื้ อขาย ที่ประกาศพร้อมๆ ราคา อยูท่ ุกวัน.. ยังไม่
เคยพูดถึง .. Volume เลย ว่าดูยงั ไง ..จะว่าง่ายมันก็ง่ายนะ
แต่บางทีมนั อาจจะง่ายเกินไป รึเปล่าจ๊ะ ไม่เห็นมีใครเอามาพูดถึง
ตอนใช้วเิ คราะห์ ในการเทรดจริงกันเลย ... อืม... นัน่ ดิ
. ก่อนจะไปรูจ้ กั กับ Volume ให้มากขึ้ น มาทาความเข้าใจให้ลึกซึ้ งกับ 2
ประโยคนี้ ก่อน
Volume Page 21
ดังนั้น การไหลลงของราคาอย่างรุนแรง มันแสดงถึงผูค้ นในตลาด
เกิด อาการ "กลัว" อย่างรุนแรง
Volume Page 23
.จะเห็นว่า Volume มีเส้นสีเขียว เป็ นเส้น EMA5 วิง่ ผ่านระหว่างแท่ง แล้ว
นัน่ ก็หมายความว่า
วันไหนที่ Volume อยูส่ งู กว่าเส้น ก็เป็ นวันที่มีปริมาณการซื้ อขายสูงมากกว่า
ค่าเฉลี่ย ของ 5 วันที่ผ่านมา ก็น่าจะถือได้วา่ เป็ น "สภาวะที่ น่ าสนใจ"... ยิ่ง
สูงกว่ามากๆ ยิ่งน่ าสนใจ ....
. จากการเฝ้ าสังเกตุ ... แท่งราคา กับ Volume ก็พบว่า
. . . . . . บางวัน แท่งราคายาว Volume มาก....
. . . . . . บางวัน แท่งราคาสั้น จุด๊ ๆๆ Volume น้อย...
.แต่. . . .บางวัน แท่งราคาสั้น ... แต่ Volume กลับสูงมาก .... อืมๆๆ
.และบางวัน .. แท่งราคายาว เชียว ... แต่กลับ มี Volume นิ ดเดียว .....
สิ่งเหล่านี้ มันบอกอะไร เรา.... จริงๆแล้ว มันอยูใ่ นใจมานานหลายปี
เลย แต่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
.. จนเมื่อไม่นานมานี้ ได้อ่านหนังสือของต่างประเทศ ... มีนักเทคนิ คหลาย
คนที่ให้ขอ้ สรุปตรงกัน
.. แค่อธิบายเป็ นตัวหนังสือ ก็คงจะเข้าใจยาก .. .เอาเป็ นว่า สรุปให้ดเู ป็ น
รูปก็แล้วกัน
Volume Page 24
.. อันแรก Trend -- แท่งราคา ยาว Volume มาก
.. ชื่อก็บอกอยูแ่ ล้วว่า Trend แปลว่า มีทิศทาง คือ
.. ถ้าแท่งราคาเขียวยาว ก็ Trend UP .. ถ้าแท่งราคาแดงยาว ก็
Trend DOWN
.. อันสอง Fake -- แท่งราคายาว แต่ Volume น้อย
.. ชื่อก็บอกอยูแ่ ล้ว ว่า มันแหกตา.. หลอกลวงกัน...
.. ถ้าแท่งราคาเขียวยาว ก็ขนไม่ ึ้ นาน
... ถ้าแท่งราคาแดงยาว .ก็ลงไม่นาน
. อันที่สาม Weak -- แท่งราคาสั้น และ Volume น้อย
.ก็แปลว่า มัน อ่อน อ๊อน อ่อน ไม่มีแรง .... จะเขียว จะแดง ก็
แรงไม่มี หมดแรง ไม่ไปไหน..
Volume Page 25
. เป็ นช่วงพักตัว ..จะออกข้าง หรือไหลลง
. อันสุดท้าย Squat -- แท่งราคาสั้นๆ แต่ Volume ท่วมท้น
.... อันนี้ ล่ะ บ่ะเลย .. ถ้า เจอแบบนี้ นะ ต้องเตรียมเลย.. Squat
แปลว่านัง่ ยองๆ ...
. . . ... ถ้าเจอ Squat สีเขียว มันคือกบนัน่ เอง กบที่นัง่ เตรียมพร้อมจะ
กระโดดขึ้ นอย่างสุดแรง
... แต่ถา้ เจอ Squat สีแดง อันนี้ น่ ากลัว เพราะน้องกบโดนตบ จนเลือด
สาดช้าใน ต่อไปคงสิ้ นใจตกใบบัวตาย....
.แถมให้ อีก 2-3 อย่างเกี่ยวกับ การ ดู Volume ที่ สังเกตเห็น ....
- การที่ราคาวิ่งมาระยะหนึ่ง แล้วจูๆ
่ Volume มาก และราคาวิ่งขึ้ น/
ลงอย่างเร็ว อาจจะมีการเปิ ด Gap ด้วย แสดงว่าใกล้จบแล้ว”
- การที่ราคาวิ่งมาขึ้ นมาดีๆ จู่ Volume เริ่มเบา แต่ราคาขึ้ นต่อ..
ระวังแรงขาย
- เมื่อพบ Volume Divergent คือ ราคาถอยพักลงมาแล้ว กลับตัวขึ้ น
ต่อทา New High แต่ราคาสูงอันใหม่ Volume กลับน้อยกว่ายอดสูงอัน
เดิม --> ใกล้เปลี่ยนทิศ
Volume Page 26
Volume กับข่าว
Volume นับเป็ นเครื่องมือการวิเคราะห์ทางเทคนิ คหนึ่ งที่สาคัญที่ชว่ ย
ยืนยันแนวโน้ม หรือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแนวโน้ม
ซึ่งหลายครั้งการเปลี่ยนแปลงของราคาหุน้ มักจะมีผรู้ ขู ้ อ้ มูลภายใน
เสมอ และมักจะสะท้อนออกมาในเชิงของปริมาณการซื้ อขาย ที่จะเห็นว่า
ราคาปรับตัวสูงขึ้ นพร้อมปริมาณการซื้ อที่มากขึ้ นกว่าปกติ
โดยส่วนใหญ่หากหุน้ ปรับตัวขึ้ นก็มกั จะมีขา่ วดี รอไว้ขา้ งหน้า เช่น
การประกาศผลประกอบการที่ดีเกินคาด การควบรวมกิจการ การถูกเข้า
ซื้ อกิจการ การจ่ายปั นผลระหว่างการ ข่าวชนะการประมูล หรือได้
สัมปทาน เป็ นต้น
ส่วนการปรับตัวเชิงลบที่ปรับตัวลงก่อนพร้อมกับปริมาณการขายที่
ออกมามากกว่าปริมาณการซื้ อขายปกติ นั้น ก็จะมีขา่ วร้ายตามมาให้เห็น
เช่นกัน ได้แก่ ข่าวผลประกอบการที่แย่เกินคาด การถูกถอดออกจากดัชนี
สาคัญเช่น MSCI หรือ SET50 , SET100
ยกตัวอย่างเช่น ใน KK มีการขึ้ น SP
Volume Page 27
DTAC ประกาศปั นผล
Volume Page 28
ดังนั้นการวิเคราะห์ทางเทคนิ ค จะช่วยเห็นพฤติกรรมของนั กลงทุนใน
ตลาดว่าเป็ นอย่างไร ก่อนข้อมูลจริงจะเปิ ดเผยออกมา ซึ่งบ่อยครั้ง ราคาหุน้
มักจะอยูท่ ี่ใกล้ระดับยอดหรือปลายแนวโน้ม เมื่อมีขา่ วประกาศที่ได้รบั รูท้ วั ่
กัน ซึ่งจะสอดคล้องกับ ทฤษฎี Sell on fact (ขายเมื่อทุกคนรับทราบข้อมูล
แล้ว) แต่หากนั กลงทุนทัว่ ไป ที่ไม่ได้สนใจในพฤติกรรมราคา ก็มกั จะเป็ น
เหยื่อ เพราะไม่ได้เห็นถึงภาพของราคาที่มีการปรับตัวขึ้ นหรือลงก่อนหน้า
ที่จะมีขา่ วออกมา ซึ่งหลายราคาสามารถเปลี่ยนแปลงล่วงหน้ามาก่อนเป็ น
10-20%เลยทีเดียว
และหลายครั้งการวิเคราะห์ทางเทคนิ คมักจะเห็นข้อมูลดีๆ ก่อนที่
ข้อมูลปั จจัยพื้ นฐานจะมาสนับสนุ นเสียอีก ดังตัวอย่างที่กอ่ นหน้านี้ ในปี
2010 เราเคยได้ยินว่าบริษัทค้าปลีกสองบริษัทแข่งประมูลจะเข้าซื้ อห้างค้า
ปลีกใหญ่จาก ฝรังเศส ซึ่งหุน้ ทีมาเต็งหนึ งกับราคาลดลงสวนทางกับหุน้ เต็ง
สองที่ราคาปรับตัวขึ้ นก่อนวันประกาศผลดีล ถึงสองวันก่อนหน้า ทั้งๆที่
Volume Page 29
ผูบ้ ริหารหรือพนักงานของบริษัทที่ประมูลได้หรือถูกประมูลจะรับรูเ้ สียอีก
ไม่เชื่อก็ลองไปเช็คกราฟกันดู
Volume Page 30
การวิเคราะห์วอลุม่
การวิเคราะห์ทางเทคนิ คด้วยวอลุ่มนั้นมีในหลายรูปแบบ แต่ไม่
ซับซ้อน ซึ่งอาจทาความเข้าใจง่ายๆ ได้คือ
1.การเคลื่อนที่ของวอลุม่ และราคามักจะเป็ นไปตามแนวโน้ม
ดังนั้นแนวโน้มขาขึ้ น แรงซื้ อ ต้องมากกว่าแรงขาย ดังนั้นแท่งเทียนที่
ปรับตัวขึ้ นบวกต้องมีวอลุ่มมากกว่าแท่งเทียนที่ปรับตัวลง
ส่วนแนวโน้มขาลง แรงขายต้องมากกว่าแรงซื้ อ ดังนั้น แท่งเทียนสีดา
(หรือแท่งสีแดง)ที่บอกภาพลบต้องมีวอลุ่มมากกว่าแท่งเทียนที่เป็ นภาพซื้ อ
สีขาว ในตลอดแนวโน้มขาลง
หากภาพของวอลุ่มไม่สอดคล้องกับแนวโน้มดังกล่าวแล้ว ก็อาจจะเป็ น
Volume Page 31
สัญญาณเตือนให้นักลงทุนระมัดระวังถึงการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มที่จะ
เกิดขึ้ นในอนาคตอันใกล้ได้
2.เมื่อวอลุม่ เคลื่อนที่ไม่สอดคล้องกับราคา จะบ่งบอกถึง Trend
หรือแนวโน้มข้างหน้าว่ากาลังเปลี่ยนไป
เช่น เมื่อราคาหุน้ ปรับขึ้ นทา New high ใหม่ในแต่ละรอบ แต่กลับมี
ปริมาณการซื้ อขายที่น้อยลง ก็บ่งบอกว่าแนวโน้มขาขึ้ นที่เห็นนั้นกาลังอ่อน
แรง และอาจเปลี่ยนแนวโน้มได้ในไม่ชา้ (เสมือนพลุที่หมดเชื้ อเพลิง)
ส่วนแนวโน้มในตลาดขาลงที่มีวอลุ่ม เริ่มลดน้อยลงไปเรื่อยๆ ก็จะบ่ง
บอกถึงแรงขายได้ใกล้หมดลงแล้ว จึงทาให้แรงซื้ อจะกลับมาชนะแรงขายอีก
ครั้ง และตลาดจะปรับตัวเป็ นขาขึ้ นอีกรอบ
Volume Page 34
Volume Page 35
Volume Page 36
Volume Page 37
Volume กับ การขึ้นของหุน้
By VSAthai
กราฟการขึ้ นของหุน้ ประกอบด้วย ขั้นตอนต่างๆ ดังนี้
การ break out กรอบบนสุดในรอบปี ด้วยรูปกราฟที่ spread เขียวยาว
มาก และ volume มหาศาล มากที่สุดในรอบปี
หลังจากนั้น หุน้ จะพักตัว เพื่อซับแรงขายของผูเ้ ล่นระยะสั้น กราฟจะ
ปรากฏเป็ น spread แดงตัวสั้น volume ลดลงอย่างมาก ระยะนี้ ไม่อาจบอก
ได้วา่ กินเวลากี่วนั
Volume Page 38
เมื่อแรงขายหมด แรงซื้ อจะเริ่มไล่ราคาใหม่ ปรากฏเป็ นรูปกราฟที่มี
spread เขียว volume เพิ่มมากขึ้ น spread กว้างขึ้ น เป็ นอันสิ้ นสุดการพักตัว
ราคาสูงขึ้ นไปจนทะลุ high เดิมและวิง่ ขึ้ นต่อไปหาเป้าหมาย ระยะ 4 นี้
เมื่อราคาสูงขึ้ นไป จะไปสู่ระยะ 2 3 ใหม่อีก วนไปเรื่อยๆ
ขึ้ นไปพักไป >> ขึ้ นไปพักไป >> เวลาในการพัก จะสั้นลงเรื่อยๆ
จนในที่สุด ถึงวันที่ Volume เกิดมากมายมหาศาล เป็ นอันสิ้ นสุดการขึ้ น
ตัวอย่างกราฟ KCE ในระยะต่างๆ ปั จจุบนั กาลังทาระยะ 3 อีกรอบ
(Volume เริ่มมากขึ้ น) ถ้ายืนเหนื อ 17.40 ได้สาเร็จ เพื่อไประเบิด ระยะที่
4 เหนื อ 19.20
Volume Page 39
volume) เพื่อระเบิดระยะที่ 4 ที่สงู กว่า 24.4
Volume Page 40
SUSCO ที่กาลังพักตัวระยะที่ 2 ในกรอบสามเหลี่ยม และรอการยืนยันระยะ
ที่ 3 ด้วยระดับราคาเหนื อ 6.55 ด้วยรูปแบบที่มี volume เพิ่มมากขึ้ น
Volume Page 43
เราจะใช้ "กลยุทธ์" ใดไปรับมือ แต่เราก็ตอ้ งเข้าใจไว้ดว้ ยว่าการอ่านกราฟ
หรือวอลุ่มนี้ บางเคสก็ดยู าก บางเคสก็ดงู ่าย เราต้องฝึ กฝนจนผ่านเค
สมากๆเราจึงจะพัฒนาฝี มือขึ้ นไปได้
ด้วยปริมาณของวอลุ่มในมือที่มาก การเคลื่อนไหวเข้าออกแต่ละครั้งก็
หาทาได้ง่ายๆไม่ จุดนี้ เองที่เราจะนามาสังเกตเพื่อหา "footprint" ฝึ กฝนแล้ว
นามาใช้ให้ชานาญเพื่อจะกลับไปชนะและก้าวข้ามจุดอ่อนของตัวเราเอง
Volume Page 44
รูปแบบเหล่านี้ ผมได้มาจากหนังสือรวมเข้ากับที่ได้พบเจอมาจาก
ประสบการณ์ส่วนตัว แล้วก็นามาวาดเป็ นตารางเพื่อที่จะได้ระลึกถึง เมื่อ
นาไปใช้จริงก็ใช้ได้โดยง่าย โดยการอ่านวอลุ่มนั้นมันเป็ นทั้งศาสตร์และศิลป์
เราคงไม่สามารถที่จะ บอกมันได้เป๊ ะๆเหมือนสูตรทางวิทยาศาสตร์ แต่ก็ใช่
ว่าจะคาดการณ์อะไรไม่ได้เลย หากเราทาการศึกษาย้อนหลังไปใน
ประวัติศาสตร์ เราก็จะพบว่า มันก็เกิดซ้าแล้วซ้าอีกจริงๆ
Volume Page 46
ความสุดยอดของการเกิดเหตุการณ์นี้คือ หุน้ จะสามารถค่อยๆขยับขึ้ นไป
ได้อย่างมาก สร้างผลตอบแทนได้ดีสุดๆ แต่ความน่ าสะพรึงกลัวของ
แพตเทิรน์ นี้ คือ ? ลองคิดดูสิวา่ มันคืออะไร ซึ่งเสี่ยยักษ์ไม่ได้พดู ไว้ในบท
สัมภาษณ์
Volume Page 47
“major player” ไม่แสดงความสนใจในการเข้าร่วมวงด้วยใน higher
price level นั ่นเอง ซึ่งพวกเขาอาจจะเห็นว่าเป็ น weak market อยูก่ ็เป็ นได้
Volume Page 48
Volume Spread Analysis for Dummies #2
Price movement คือ การเคลื่อนไหวของราคา มันจะไปแสดงออกที่ price
spread หรือความยาวความสั้นของแท่งราคาหุน้ ซึ่ง candlestick ก็เป็ นตัว
บอกอาการดังกล่าวได้ดี Price spread จะเป็ นตัวที่บอก price movement
ของตัวหุน้ ได้ดี โดยเราจะนามาสังเกตร่วมกับ volume activity ที่จะเป็ นตัว
บอกว่า activity ต่างๆยังคงดาเนิ นไปอยูห่ รือไม่...
Volume Page 49
ลักษณะ price movement อย่างหนึ่ งลักษณะ price movement อย่างหนึ่ ง
รายใหญ่ คืออะไร ?
รายใหญ่ คือ player ที่ส่งผลต่อตัวหุน้ เป็ นอย่างมากอีกทั้งมีอิทธิพลใน
การชี้ นาทิศทางตลาด เขามีอะไรหลายๆอย่างที่ได้เปรียบคนเล่นหุน้ ทัว่ ๆไป
เขาอาจจะเป็ น บุคคล กลุ่มบุคคล หรือกองทุน ซึ่งจะมีปริมาณงานทุนที่
แข็งแกร่ง มีกลยุทธ์การเล่นที่ชดั เจน มีขอ้ มูลและเครื่องไม้เครื่องมือที่
ได้เปรียบคนเล่นหุน้ ทัว่ ไปเป็ นอย่างมาก
นอกจากขนาดของความ “ใหญ่” ยังไม่พอพวกเขายังมีมืออาชีพที่
เชี่ยวชาญเป็ นคนปฏิบตั ิการณ์ต่างๆแทน พวกเขามีความเข้าใจดีถึง
“จิตวิทยาการเทรด” ซึ่งเขารูว้ า่ จุดไหนที่จะส่งผลต่อ emotions ของเหล่า
รายย่อยทัว่ ๆไป ซึ่งเมื่อเขาเข้าใจก็ทาให้สามารถ “drive” ให้รายย่อยแสดง
พฤติกรรมออกมาในแบบที่พวกเขาต้องการ
Volume Page 50
เนื่ องด้วยขนาดเงินทุนที่ใหญ่ทาให้ในการซื้ อหรือขาย ต้องทาโดยมี
ขนาด deal ที่ใหญ่ เพราะไม่เช่นนั้นผลตอบแทนที่เขาได้ก็จะไม่น่าดึงดูดพอ
ต่อนัยยะสาคัญสาหรับพอร์ตพวกเขา แนวทางการเทรดของพวกเขาจึง
ก่อให้เกิด bullish หรือ bearish ซึ่งมีขนาดใหญ่พอจนสามารถเปลี่ยน trend
การเคลื่อนไหวของตลาดได้ ซึ่งเมื่อพวกเขาจะทาการเปิ ดหรือปิ ดดีล อาจจะ
ต้องใช้เวลาหลายวันหรือช่วงเวลาที่ยาวนานกว่านั้น(หรือสั้นๆก็ได้) จน
ก่อให้เกิด phase ขึ้ นที่ตวั หุน้ ในจุดนี้ เราสามารถทาการศึกษาและสามารถ
สังเกตได้
พูดไปพูดมา มันจะได้เปรียบรายย่อยอะไรนักหนาเว่ยเฮ้ยยย เราจะ
ชนะได้บา้ งมั้ยหนิ ...
“รายย่อยจะได้เปรียบรายใหญ่ ในกรณีที่ ความรู ้ เท่ากัน....” เสี่ยยักษ์
ต่อไปก็มาเข้าแพตเทิรน์ ต่อไปกันเลยครับ...
Volume Page 51
จากคนที่ยงั ไม่มีของ เมื่อ “demand” จานวนมหาศาลถูกล่อเข้ามาให้ติดกับ
มันก็ทาให้ทางฝัง่ ที่ตุนหุน้ ไว้มหาศาลนั้นสามารถ “จบ” ได้ใน “ดาบ(แท่ง)
เดียว” เลยก็วา่ ได้ ถ้าเรา exit ไม่ทนั ในระหว่างวันของการเกิดสัญญาณนี้
โดยพึ่งมาเห็นตอนจบวัน อย่าคิดสิ่งใดอีก นอกจาก “ถอนตัวออกมา”
แน่ นอนมีบา้ งที่หนุ ้ มันมีโอกาสขึ้ นไปอีก แต่นัน่ ก็เป็ นส่วนน้อยมาก.. โอกาส
ขึ้ น 5% โอกาสลง 90% คือความน่ าจะเป็ นหลังเหตุการณ์นี้ เราควรจะทา
การ good bet ให้เคยชินเมื่อเราเห็นสัญญาณนี้ ว่ากันว่า ณ ระดับราคา
หุน้ ที่ all time high นั้น หลายคน “เสพย์ตดิ ” ความเขียวของราคาหุน้ ก็
แน่นอนล่ะก่อนเกิดสัญญาณนี้ หุน้ จะบวกวันแล้ววันเล่าติดต่อกันหลาย
วัน จนทาให้ผทู ้ ี่เสพย์หนุ ้ ตัวนั้นอยูก่ ็จะมีอาการเคลิบเคลิ้ มเป็ นสุข
(Euphoria) ปานดั ่งคนกาลังเสพย์โคเคน.... ความวิตกกังวลของเขา
ลดลง และนั ่นเองก็จะทาให้เค้าหลงลืมไม่ทนั ระวังตัว แต่ทนั ใดนั้นเอง...
huge supply ได้ปรากฏตัวเข้ามาในตลาด มันถูกโยนกระแทกสวนเข้ามาจน
ทาให้ราคาหุน้ ร่วงลงอย่างมาก เมื่อเกิดการ major transfer จาก major
player เช่นนี้ แล้ว มันก็คงยากที่หนุ ้ จะขึ้ นไปต่อ ตลาดเปลี่ยนสถานะเป็ นหมี
ทันที...
Volume Page 52
#6 Selling Climax or CMB
ในการที่จะทาให้ตลาดหุน้ วิง่ ขึ้ นไปเป็ น
กระทิงรอบใหญ่น้ัน (major bull) มันควรที่
จะต้องเกิดภาวะที่ extreme มากๆเสียก่อน
ซึ่งเหตุการณ์การเกิดอาการนี้ มักจะเกิดขึ้ น
ในช่วงปลายตลาดหมี มันจะเป็ นช่วงของ
การ major transfer ของหุน้ จานวนมาก bear transfer to bull ราคาหุน้ ที่
มักจะร่วงลงอย่างรุนแรงรวดเร็วจนเกิด widely spread หรือ gap-down
ด้วยวอลุม่ ที่สูงมากตอน down move นั้น มันง่ายมากที่จะทาให้เกิด
“panic selling” ซึ่งมันเป็ นอาหารอันโอชะของคนที่พร้อมจะรับหุน้ ไปตุน
ไว้ โดยที่ไม่ตอ้ งออกแรงอะไรมากมายเลย แถมยังได้ราคาดีอีกต่างหาก
ในกรณีนี้มันมักเกิดในตลาดที่แสดงตัวเป็ น bear market มาอย่างเต็มที่แล้ว
หุน้ จานวนมากในมือของผูเ้ ล่นรายใหญ่ ได้ถกู ปล่อยออกมาตลอดทาง
นับตั้งแต่ชว่ งต้นของการเป็ นตลาดหมี จนกระทัง่ เกิดการ last down-move
คือการจงใจ dumping หุน้ ล็อตสุดท้ายที่มีอยูข่ องพวกเขาให้ออกมาทั้งหมด
ซึ่งก็เป็ นเพียงสัดส่วนที่น้อยแล้วจึงสามารถขายออกมาได้ทุกราคา จังหวะนี้
หุน้ จะรูดลงแบบหา low ไม่เจอ และเมื่อแรงขายเริ่มหมดลง เขาก็จะใช้
process ต่างๆที่เขามีมาเก็บหุน้ กลับไป ราคาจะเริ่มออกข้าง ราคาปิ ดจะ
เริ่มไปปิ ดโซนไฮของแท่งราคา เมื่อการสะสมเสร็จสมบูรณ์ก็จะเกิดการ
imbalance ระหว่าง supply & demand เป็ นอย่างมาก และนัน่ เองสภาวะ
bull move ก็จะเริ่มต้นขึ้ น...
Volume Page 53
#7 Low Volume on Test
แพตเทิรน์ นี้ คือสัญญาณสาคัญมากของ
การมี strength in the BG มันมักเกิดขึ้ น
ในปลายตลาดขาลง หรือเป็ นการพักตัว
ในรูปแบบ double-bottom pattern ใน
ระหว่างขาขึ้ นก็ได้(แต่สญ
ั ญาณจะเบากว่า
กรณีแรก) การเกิดสัญญาณนี้ บ่งชี้ ว่า ตลาดไม่น่าจะตกลงไปมากกว่านี้
อีกแล้ว ซึ่ง key ของแพตเทิรน์ นี้ คือ วอลุม่ ที่ควรจะน้อยลงๆ ณ bottom
ถัดมาที่เป็ นโซนราคาเดียวกันกับ prev. high vol. level เดิมนั ่นเอง มัน
อาจจะมีการ test ได้หลายครั้งหากตลาดยังมีความอ่อนแรงอยูม่ าก
โดยเฉพาะในตลาดหมี หากในช่วงของปลายตลาดหมีน้นั เกิดสัญญาณ
Selling Climax ด้วยแล้วจะยิ่งเป็ นสิ่งยืนยันว่า supply จานวนมหาศาลได้
ถูกปลดปล่อยออกมาแล้ว แม้วา่ ในสภาวะนั้นข่าวร้ายที่ดูเหมือนแย่ที่สุดยัง
ปกคลุมตลาดอยูก่ ็ตามแต่ฝัง่ potential buyer ก็จะเริ่มเข้ามาตลาดหากพวก
เขามีมุมมองเป็ นกระทิง และกระบวนการของการ testing supply ที่ยงั มี
เหลืออยูใ่ นตลาดก็จะค่อยๆเริ่มขึ้ น การเกิดรูปแบบ low vol. on test นี้ บ่ง
บอกถึงว่า supply ในตลาดนั้นได้อ่อนแรงลง (successful test) และหุน้ ได้
มีแรง support เอาไว้ มันคงจะเป็ นการดีกว่าที่ค่อยๆสะสมหุน้ ที่ระดับราคา
ตา่ ๆดีกว่าการรวบราคาขึ้ นไปในทันที แต่อย่างไรก็ดีแม้วา่ ตลาดไม่ได้อ่อน
แรงลงแล้วแต่นัน่ ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะขึ้ นไปในทันที(ไม่อ่อนแอแล้ว
แต่ก็ใช่วา่ แข็งแรง)
Volume Page 54
#8 Rising Volume on Falling Price
Bearish volume คือ หุน้ ลงด้วยวอลุม่ ที่เพิ่ม
มากขึ้ น แต่เมื่อหุน้ เด้งขึ้ นกลับมีวอลุม่ ที่
ลดลง การเกิดกรณีนี้มันคือ การแสดงการ
เป็ นขาลงที่รุนแรง การขยับตัวลงของหุน้ ที่
โผล่มาพร้อมกับวอลุ่มจานวนมหาศาล นี่ คือ
ขาลงจริงๆเป็ นการแสดงการขายออกมาอย่างจริงๆ วอลุ่มจานวนมากมันก็
ออกมาจากคนที่มีหุน้ จานวนมากนัน่ เอง ใครกันล่ะ? มันอีกแล้ว รายใหญ่...
การฝึ กฝนการอ่าน price movement & volume activity อันเป็ นการ
สังเกตพฤติกรรมของ big player นั้น เป็ นการทาให้เรา focus ไปที่ “facts”
มากกว่าที่จะเป็ น “news” ซึ่งข่าวที่โผล่เข้ามาในตลาด เป็ นสิ่งสุดท้ายด้วย
ซ้าที่เราจะให้ความสนใจ... เมื่อหุน้ ได้มี selling pressure กดหุน้ ให้รดู ลงมา
(widely spread) พร้อมกับปริมาณวอลุ่มที่เพิ่มขึ้ นมหาศาลนั้น ยิ่งเป็ นสิ่ง
ยืนยันซึ่งกันและกัน มันมีสาเหตุมาจากการ exit ออกมาอย่างเร็วของผูท้ ี่
มีหุน้ จานวนมาก พวกเขาไม่ได้ประคองหุน้ ไว้แล้วหรือก็มีมุมมองต่อหุน้
เป็ น bearish views อย่างมาก รายย่อยเมื่อเห็นสัญญาณดังกล่าวในตอน
นั้น ควรที่จะให้ความระมัดระวังเป็ นอย่างมาก และควรจะป้องกันตัวเองจาก
การเข้าไป “ต่อกร” กับพลังงานอันมหาศาล ซึ่งมันอาจจะโผล่ออกมาได้อีก
!!!
Volume Page 55
Volume Spread Analysis for Dummies #3 (อวสาน)
เราบรรดาจอมยุทธ์ท้งั หลายก็ได้เดินทางมาถึงตอนสุดท้ายแล้วของ VSA for
Dummies เราได้ทาการสะกดรอยเท้าของ potential player มาจนจะสุด
ทางแล้ว ยังเหลืออีก 4 กระบวนท่าสุดท้ายที่เราต้องเรียนรู.้ .. ลุยกันต่อเลย
ดีกว่า จะรออะไร go go go !!
#9 Distribution
ลักษณะวอลุม่ เช่นนี้ คือช่วงเวลาของการ “กระจาย
จ่ายแจก” หุน้ จานวนมากออกมาจากผูเ้ ล่นรายใหญ่
มาสู่ผเู้ ล่นรายย่อยในตลาด การกระจายเป็ นอะไรที่
ต้องใช้ “ฝี มือ” มากกว่าการขายเพราะมันต้องค่อยๆเป็ นไปและไม่
สามารถจะทาให้เสร็จภารกิจได้อย่างรวดเร็ว หุน้ ทุกตัวไม่สามารถที่จะ
มี “ข่าวดี” มา “drive” ให้เกิด “huge demand” ได้ตลอดไป เมื่อไม่มี มัน
ก็ไม่สามารถจะ “ปิ ดดีล” ได้อย่างรวดเร็ว หากพวกเขาขายหุน้ ที่มีท้งั หมด
ออกมาในคราวเดียวก็จะต้องเกิดการ ขายหนัก ไม้ใหญ่ แน่ นอนมันเป็ นการ
ทุบหม้อข้าวตัวเอง จะดีกว่ามั้ยหากเขาค่อยๆกระจายหุน้ ออกมาโดยที่ราคา
หุน้ ไม่ได้ตกลงไปมากนัก
อาการที่โผล่ออกมาคือ หุน้ เหวีย่ งตัวไปมาอยูห่ ลายวัน ดูเหมือนมันจะ
ขึ้ นและก็ดเู หมือนมันจะลง... แล้ววอลุ่มก็เกิดอย่างแน่ นหนา นี่ เองจึงเป็ น
สาเหตุของการเกิดแพตเทิรน์ ต่างๆที่บ่งบอกลักษณะของการที่หนุ ้ ถูก
กระจายออกมา เช่น double top, rounding top, churning day etc, อาการ
Volume Page 56
เหล่านี้ อาจเกิดในช่วงไม่เกินสัปดาห์หรือเกิดเป็ นเดือนก็แล้วแต่วา่ หุน้ ตัว
นั้นๆวิง่ เป็ นกระทิงมายาวนานแค่ไหน ช่วงต้นของการกระจายหุน้ หากมีแรง
ขายหนักๆออกมาจนทาให้ราคาหุน้ ทรุดลงเร็วเกินไป
การทาการกระจายหุน้ ดังกล่าวนี้ จะต้องหยุดไว้ชวั ่ คราวก่อนและทีมส์
กระจายหุน้ ของพวกเขาจะต้องทาการ “support” ราคาเอาไว้หรือไม่ก็ทาให้
ราคาขึ้ นมาก่อนแล้วค่อยทาการขายรอบต่อไป เมื่อหุน้ ในมือส่วนใหญ่ของ
พวกเขาได้ถกู ปล่อยออกมาแล้ว ราคาหุน้ ก็จะไม่ถกู ประคองไว้อีกต่อไป หุน้
จานวนมากของคนจานวนน้อยถูกปลดปล่อยไปสู่คนจานวนมากที่มีหนุ ้
จานวนน้อย ก็เป็ นเช่นเดิม หมีมาเยือน...
#10 Accumulation
นี่คือโคตรสัญญาณของการมี strength in the
BG ผูซ้ ื้ อที่แข็งแกร่งได้มีมุมมองในอนาคตที่เป็ น
bullish อย่างมากต่อตัวหุน้ และจะเริ่มเข้าสะสม
เมื่อได้คาดการณ์ว่าราคาหุน้ จะไม่ต ่าไปกว่านี้ อีกแล้ว เหตุการณ์นี้จะ
ดาเนิ นไปในสภาวะปลายตลาดหมี เขาจะทาการสะสมหุน้ ให้ได้จานวนมาก
ที่สุดวันแล้ววันเล่า เป็ นระยะเวลาที่ยาวนานในระยะเดือน หรือหลายเดือน
ความหมายของการ “สะสมหุน้ ” จะแตกต่างจากการซื้ อหุน้ การ
สะสมจะค่อยๆดาเนิ นไป เพราะพวกเขาไม่สามารถที่จะเก็บหุน้ ได้จานวน
มหาศาลในระยะเวลาสั้นๆ เพราะนัน่ อาจเป็ นการทุบหม้อข้าวตัวเองหาก
Volume Page 57
เร่งเข้าไปซื้ อหุน้ การเคลื่อนไหวของราคาหุน้ จะไม่ค่อยขยับขึ้ นไปจนโดด
เด่นนัก เค้าไม่อยากให้ใครสังเกตเห็น แต่หากดูในระยะเดือนก็จะ
พบว่าวอลุม่ หนาแน่นอย่างมาก เมื่อ supplyในตลาดถูกดูดของไป ณ low
price level เป็ นจานวนมหาศาลแล้ว มันง่ายมากๆที่หนุ ้ จะขยับขึ้ นไปโดยไร้
“สิ่งกีดขวาง”
สิ่งดีของการเกิดเหตุการณ์นี้คือ ราคาหุน้ มักจะโดน limit ไม่ให้ลง
ต ่าลงไปอีก เนื่องจากทุนของหุน้ จานวนมหาศาลที่พวกเขาได้เก็บไป
แล้วอยูใ่ นระดับนั้นนั ่นเอง ซึ่งหุน้ จานวนมหาศาลถูกคาดมาแล้วว่าราคา
ต้องขึ้ นไปจากระดับนี้ เป็ นอย่างมาก ในระดับราคาที่สงู พอที่จะสามารถ
ปล่อยหุน้ จานวนมากมายขนาดนั้นออกมาได้ท้งั หมด และนัน่ เองเป็ น
"โอกาส" ของเรา..
Volume Page 58
ซึ่งอาจเป็ นแรงซื้ อของผูซ้ ื้ อทัว่ ไปที่วงิ่ เข้ามาซื้ อหุน้ โดยปราศจากการทาการ
สะสมหุน้ เพื่อ absorb แรงขายที่ level ต่างๆก่อนที่จะปล่อยให้หนุ ้ ขึ้ นไป
ซึ่งการที่จะ identify ว่า วอลุ่มที่พุ่งขึ้ นมานั้นเป็ นtemporary หรือไม่น้ัน
ก็ตอ้ งตามดูไปที่ following sign ของมันที่จะเกิดตามมา หาก demand ใน
ตัวหุน้ นั้นมีอยูจ่ ริง เป็ นแรงซื้ อจริงๆ การแสดงออกต่อมาของตัวหุน้ ก็ควรจะ
เป็ นไปในทางที่ดี เช่น ราคาหุน้ ขึ้ นต่อไปพร้อมวอลุ่มก็ตามมา การพักตัว
ออกข้างหรือหย่อนตัวลงมาด้วยวอลุ่มที่บางเฉียบ นัน่ หมายความว่า มีแรง
support หุน้ ไว้ หรือไม่มีการเทขายหุน้ ออกมา
การเกิดเหตุการณ์นี้มักจะเป็ น noise ไปเพราะว่าตลาดได้เทสแรงขาย
ที่มีอยูใ่ นตัวหุน้ นั้นไม่ผ่าน เนื่ องจากว่าหุน้ ตัวนั้นเต็มไปด้วย more supply
level นัน่ เอง ผูซ้ ื้ อที่ “ทะเล่อทะล่า” เข้ามาเพื่อต้องการ “ buy low” หรือ
กรณีอื่นเมื่อเจอแรงขายดังกล่าวจึงต้อง “ถอดใจ” ลงกลางคัน
Volume Page 59
1. Bullish vol. และ
2. Bearish vol. หลักการของวอลุ่มหมีนัน่ คือ หุน้ ลงวอลุ่มเพิ่มแล้วหุน้
ขึ้ นวอลุ่มลด..
ในกรณีนี้คือการครบองค์ประกอบสองอย่างที่ชดั เจน มันเป็ นการเกิด
สัญญาณ “เตือน” แล้วก็ตามมาด้วยสัญญาณ “ยืนยัน” มันจะเกิดในช่วง
ของการจบรอบของภาวะกระทิง การพุง่ ขึ้ นไปนิวไฮของตัวหุน้ ด้วยวอลุม่
ที่นอ้ ยเกินไปนั้นช่างไม่น่าประทับใจ มันคือสัญญาณที่แสดงความอ่อน
แรงออกมาของผูซ้ ื้ อ แล้วหุน้ ก็ดเู หมือนจะขึ้ นไปไม่ไหว แรงขายปรากฏ
ตัวเข้ามาในตลาด หุน้ หล่นตุบลงมาด้วยวอลุม่ ที่เพิ่มขึ้ น
หากตรวจสอบโดยใช้ indicator ก็มกั จะพบว่าเกิดการทา“bearish
divergence” ณ จุดนิ วไฮใหม่น้ัน อาจเป็ นไปได้ที่หนุ ้ จะถูกทาให้กลับขึ้ นไป
ได้อีกแต่มนั ก็ยากเหลือเกิน หากเราตรวจพบสัญญาณนี้ ของตัวหุน้ ที่ได้
เกิดขึ้ น หรือที่พึ่งได้เกิดขึ้ นผ่านไปได้ไม่นาน แม้หนุ ้ จะทาสัญญาณให้เข้าซื้ อ
เราก็ควรจะมองในทาง “หลีกเลี่ยง” ไว้กอ่ นที่จะเข้าไปในหุน้ ดังกล่าว....
จบแล้วครับ... เป็ นไงกันบ้าง ไม่รมู ้ ีประโยชน์มงั ่ รึป่าวนะ ครบทั้งหมด
12 แบบ เป็ นซีรี่ยย์ อ่ มๆได้เลย
ท่านจะเห็นว่าที่เราได้พดู มาทั้งหมดนั้นเราไม่ได้พดู กันเลยว่าข่าวดีเรา
จะซื้ อหรือจะขาย เพียงแต่เราจะโฟกัสไปที่สิ่งที่โชว์ออกมาในกราฟราคาและ
วอลุ่มดังที่กล่าวไป เพราะข่าวนั้นแทบจะเป็ น "สิ่งสุดท้าย" จริงๆที่เราจะเอา
มาใช้ในการเล่นหุน้ ข่าวที่ถกู ปล่อยมาเขย่าอารมณ์ของคนเล่นหุน้ นั้ นมัน
Volume Page 60
เป็ น "เครื่องมือ" ที่ดีเหลือเกินของรายใหญ่ พวกเขารูเ้ ป็ นอย่างดีวา่ ควรจะใช้
ข่าวดีหรือข่าวร้ายในเวลาไหน ซึ่งมันก็ง่ายเหลือเกินที่จะนามาใช้...
เราจะต้องไม่กงั วลจนหลงลืมแผนการของเราไป และจะให้ความสนใจ
มันน้อยมากแก่ news ที่ถกู feed เข้ามาในตลาด เพราะท้ายที่สุดแล้ว
result นั้นมันจะขึ้ นอยูก่ บั ว่าพวกเขาจะทาให้มนั เกิดขึ้ นแบบใด คนเหล่านนี้
มักมีความได้เปรียบที่เหนื อกว่านักลงทุนทัว่ ๆไปในตลาดตามที่ได้กล่าวไป
แล้ว โชคดีที่เราเองแม้เสียเปรียบ แต่ก็สามารถจะสังเกตสิ่งเหล่านั้นได้จาก
volume & price spread นัน่ เอง....
ดังนั้น activityของพวกเขาคือสิ่งที่เราต้องให้ความสนใจมากกว่าสิ่งอื่นใด
ต่อไปนี้ เราจะมุ่งความสนใจไปที่ professional activity เป็ นการสะกด
รอยเท้าของรายใหญ่นัน่ เอง...
Volume Page 61
เปรียบเทียบ แท่งราคากับ volume
Volume Page 62
แสดงว่า bid กับ offer แต่ละช่องน้อยมาก คีย์ ซื้ อขาย ทีนึง กินช่องหลาย
ช่อง
แสดงว่า โดยปกติ ไม่ค่อยมีใครทาอะไรแต่เกิดการซื้ อขายที่ผิดปกติ
ภาษา เทรดเดอร์ เรียก จุดพลุเรียกแขก : สะท้อนว่า หุน้ ไม่น่าสนใจ
3.Squat แท่งสั้น volume มาก
แท่งราคาสั้นๆ แต่ volume เยอะมาก เรียกว่า สะควอท (เจ้าเก็บของ) หรือ
(เจ้าปล่อยของ) แสดงว่า มีคนซื้ อ หรือ มีคนขาย โดยที่มีการวางราคา สกัด
ราคาไม่ให้ขยับ เช่น ถ้าหุน้ ทั้งหมด มี 100,000 หุน้ เจ้ามีท้งั หมด
60,000
-เจ้าอยากขาย ราคานี้ วิธีทาคือ ขายทีละ 10,000 เอา 50,000 ไป
วางที่ bid ช่อง 3 ช่อง 4 ช่อง 5 ลงยังไง ก็ ไม่ผ่าน ตอนขาย ก็ หย่อนขาย
offer 1 แล้วหาอะไร มา ซัพพอร์ด story ให้คนอยากได้ของ แล้วค่อยๆ
ปล่อยของ พอ ปล่อยของครบ ก็ดึง bid ออก เสร็จแล้ว ราคาก็ ลง
-ถ้าเจ้าอยากซื้ อเพิ่ม ก็ เอา ไปวางที่ offer ไม่ให้ขนึ้ เสร็จแล้ว ก็ เก็บหุน้ พอ
ซื้ อ เสร็จ ก็ ดึง offer ออก หุน้ ก็ ขึ้ น คนก็ อยากได้ หุน้ ก็ ขึ้ น
อาการนี้ เรียกว่า squat ส่วนใหญ่ จะชอบ squat ก่อน แล้ว ออกข่าวทีหลัง :
ถ้าเจอแบบนี้ เจ้าเก็บ เราก็เก็บด้วย
4.Trend แท่งยาว Volume มาก
ส่วนใหญ่ จะเป็ นรายย่อยซื้ อ
Volume Page 63
*วันที่ Volume มากและแท่งราคายาว จะกลายเป็ น แนวรับ แนวต้าน
*การที่ Volume มาก และราคาวิง่ ขึ้ นลงอย่างเร็ว แสดงว่า ใกล้จบแล้ว
*ถ้าราคาขึ้ นทุกวัน แต่ volume หาย ให้ระวัง ระวังแรงเทขาย
*Volume divergent ---- ใกล้เปลี่ยนทิศ
*Volume peak > 10 เท่า ของวันก่อนหน้า จะจบภายในวันนั้น หรือ 2 วันถัดไป
Volume Page 64
วอลุม่ กับหุน้ ขาลง
By คุณสายลับ จาก Thaivi
Q:: ถ้าหุน้ ขาลงแล้ว volume ยังเยอะอยูจ่ ะเป็ น signal ใช่ไหมครับว่า
ขาลงยังไม่จบ
A:: ในขาลงยาว ก็มีขาขึ้ นสั้นแฝง(ในกรณีนี้ เราจะรวมพวกระยะกลาง
ไปไว้ในกลุ่มเดียวกะพวกสั้นเลยจะได้ไม่งง)
เอาหลักตรงนี้ ให้ตรงกันก่อน ดังนั้นจึงต้องถามก่อนว่ามองระยะใด
Volume Page 65
ถ้าเรายึดเทรนด์ลงของระยะยาวใหญ่เป็ นหลักก่อน เวลามันลงมาแต่
ละลูกคลื่น มันก็จะค่อยๆ ลดลง ๆ ๆ ในแต่ละลูก จุดที่จะดูเยอะๆหน่ อย จะ
เป็ นประมาณจุดหลุด หรือจุดยืนยันการควา่ นัน่ เอง เพราะตรงนี้ คนส่วน
ใหญ่เทตามพร้อมๆกัน จึงเห็นชัดว่า มีฝงู ชนหนี ตาย แปลว่าแทบทุกคนเท
ทิ้ ง มันจึงยืนยันการควา่ ลงมาได้
Volume Page 66
อ่า งี้ ทาไงต่อล่ะ พวกเล่นเด้ง ชื่อนี้ ชัดเจนอยูแ่ ล้ว เล่นเอากาไร เมื่อ
ลักษณะการ"สู"้ เหี่ยวลง อาการทดท้อของฝ่ ายซื้ อปรากฏขึ้ น อาการหมด
ตังค์ เมื่อเป็ นดังนั้ น จะเริ่มทากาไรกัน ...แล้วก็จะตามฟอร์ม เป็ นเช่นนี้ ไป
จนมาถึงจุดเสียวอีก ถ้าหลุด โวลุ่มจะมาอีก เพราะถ้าหลุด(หรือควา่ ใหม่)
ทหารเห็นสัญญานค่ายแตก ดังนั้นต้องหนี ทพั ตามหน้าที่ทหารแนวหน้าที่ดี
Volume Page 68
เนื่ องจากขายตอนข้างบนแล้วก็อมไว้เฉยๆมาตลอด ดังนั้น ไม่ได้ซื้อเพื่อขาย
ในสองเดือน ไรเงี้ ย ถ้าราคาโป่ งฟูเร็ว โวลุ่มเพิ่มเยอะเร็วไป จะหยุดแอ๊คชัน่
ก่อน กาเงินที่เหลือ วันๆก็จอ้ งมองด้านบน แบบแมวรอวันจิ้ งจกตกลงมา
ใหม่
แต่เม็ดเงินที่วา่ มาก ไม่ได้มีนิสยั ที่โผงผาง ดังนั้นการเก็บของ จะเป็ น
แบบ อะจิ๊อะจ๊ะไป บิดอยูง่ ้นั น่ ะ ไม่ลงก็ไม่ซื้อ นัง่ บื้ อใบ้อยูท่ ี่บิดที่ตอ้ งการ
แบบนั้นน่ ะ มีไรป้ะ
Volume Page 70
อีกพวกที่รอเล่นยาวอยู่ ก็วา่ คุณเซ็งแน่ นะ โอเค ป๋มจะได้หายเซ็ง มีไรทาซะ
ทีแล้ว
เวลาที่ดิฉนั ศึกษาตลาดขาลง ก็มกั จะเอาตลาดขาขึ้ นนัน่ แหละเป็ น
เกณฑ์ สังเกตุม้ยั คะ ทุกทีเวลาถึงจุดพี๊ค โวลุ่มจะมากสุดแทบทุกครั้ง หรือว่า
ง่ายๆ เวลาเราดูยอ้ นอดีตไป ช่วงบริเวณดอยทุกดอย โวลุ่มมากทุกที ให้ตาย
สิ ทาไมไม่เปลี่ยน
Volume Page 71
ตาราว่ามา เซียนว่าไป Volume นั้น สาคัญไฉน
By SetNewsUpdate
หุน้ คือเกมส์การเงิน จะขึ้ นหรือลงก็ได้ดว้ ยเม็ดเงิน ดังนั้นปริมาณการซื้ อขาย
ของหุน้ ตัวที่กาลังเฝ้ ามองอยู่ ล้วนแสดงออกถึงสถานการณ์การซื้ อขายใน
ช่วงเวลาต่างๆ และเป็ นส่วนหนึ่ งที่นักวิเคราะห์ทางเทคนิ คนาเข้ามา
พิจารณา ร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ โดย Volume มักกาหนดเป็ นแท่งๆ
ส่วนมากแล้วจะอยูด่ า้ นใต้สุดของกราฟต่างๆ หมายถึงปริมาณการซื้ อขายใน
แต่ละวัน หรือแต่ละช่วงเวลาที่เรากาหนดในกราฟ สูงมากก็มีปริมาณการ
ซื้ อขายมาก เตี้ ยหน่ อยก็ซื้อขายน้อยหน่ อยนัน่ เอง
Volume Page 72
ขึ้ นเรื่อยๆ นัน่ หมายความว่าหุน้ ตัวนี้ ถือไม่ได้แล้ว ราคากาลังจะร่วงลงไป
เรื่อยๆ ลดลงไปได้ถึงไหน ก็ลดลงไปจนกว่า Volume จะน้อยลง ซึ่ง
พยากรณ์ได้วา่ ช่วงขาลงกาลังจะจบสิ้ น
จากสูตรนี้ สามารถนามาปรับใช้ ในกรณีที่ราคาหุน้ วิง่ ขึ้ นไปเท่ากับ
High เดิม หรือทา New High แต่เมื่อนา Volume ของราคา High กับ New
High มาเทียบกัน ปรากฏว่ามี Volume น้อยกว่า แสดงว่าการขึ้ นครั้งนี้ มี
แนวโน้มขึ้ นไม่จริง และการขึ้ นได้จบลงแล้ว
Volume Page 73
และในวันต่อมาราคาหุน้ ก็จะร่วงลงไปตามธรรมชาติ ตารายังเสริมอีก
ว่า หากวันที่หนุ ้ แดงเถือก พร้อมปริมาณ Volume สูงพอๆ กับวันที่ทา New
High นัน่ หมายถึง ราคาหุน้ ตัวนี้ จะร่วงจริงๆ
หันมามองด้านเซียนกันบ้าง ขอให้เครดิตคุณดวงดาว แห่งความ
ผูกพัน ได้โพสต์เกี่ยวกับเรื่อง Volume ไว้ใน Facebook ห้องสุดยอดหุน้ -การ
ลงทุน ว่า ... “สูตรสุดยอดของหุน้ ถ้าเราอ่านว่าหุน้ ตัวนี้ กาลังเป็ น "ขาขึ้ น"
แต่วอลุ่มมัน "หาย" (วอลุ่มเทรดลดลง) หมายความว่ารายใหญ่กาลัง "เก็บ
ของ" ไม่ปล่อยหุน้ ออกมาหมุนเวียนในตลาด สภาพคล่องของหุน้ ตัวนั้นจะ
ค่อยๆลดลง"
... ลองคิดต่อให้เป็ นหลักการวิทยาศาสตร์ ถ้าคน "ดูดหุน้ " เข้าไปในกระเป๋า
หมด นักเก็งกาไรไม่ได้เข้ามาเล่น (รอบ) ไม่ได้เอาหุน้ มาหมุนวนในตลาด
ทุกคนดูดเก็บ!! ทุกคนดูดเก็บ!! ปริมาณหุน้ ในตลาดก็จะหายไป "...
เพราะฉะนั้น ถ้าเราไปเจอ "หุน้ ขึ้ น วอลุ่มหาย" นี่ คือสุดยอดหุน้ ใครหาพบ
คนนั้นรวย" เวลาเราอ่านกราฟและวอลุ่มประกอบกัน เราต้องเข้าใจ
Volume Page 74
ความสัมพันธ์ให้มนั เป็ นหลักคิดทางวิทยาศาสตร์ให้ได้ จะทาให้เราเข้าใจว่า
ฝ่ ายตรงข้ามเขากาลังคิดอะไรอยู่ มันจะทาให้เรารูเ้ ท่าทัน …
Volume Page 76
ความสัมพันธ์ระหว่าง ราคา กับ วอลุ่ม
สูตรสาเร็จรวยด้วยหุน้ ความสัมพันธ์ระหว่าง ราคา กับ วอลุ่ม
ปริมาณการซื้ อขาย หรือ วอลุ่ม เปรียบได้กบั พลังของ อุปสงค์ ( demand )
และ อุปทาน ( supply) ที่มีผลต่อการกาหนดทิศทางของราคาหุน้ จะมี
แนวโน้มสูงขึ้ น หรือ ลดลง ด้วยพลังจากแรงส่งนี้ เมื่อพลังซื้ อมีมากกว่า
ความต้องการขาย ราคาย่อมจะสูงขึ้ น และถ้าความต้องการขายมีมากกว่า
ราคาหุน้ ก็ยอ่ มตา่ ลง
การสังเกตุจากปริมาณการซื้ อขายเปลี่ยนมือมีความสาคัญในการ
พิจารณาควบคูไ่ ปกับกราฟราคา วอลุ่มที่เกิดขึ้ นในขณะที่ราคาเพิ่มสูงขึ้ น
เราเรียกว่า demand volume ถ้าราคาและปริมาณเคลื่อนไปในทิศทาง
เดียวกัน เป็ นการชี้ ว่า อาจเป็ นแนวโน้มขาขึ้ น ( bullish )
ขณะที่หากวอลุ่มที่เกิดขึ้ นในขณะที่ราคาหุน้ ลดตา่ ลง เราเรียกว่า
suppy volume ถ้าราคาและปริมาณเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน เป็ นการชี้
ว่า อาจเป็ นแนวโน้มขาลง (bearish)
ในการวิเคราะห์ทางเทคนิ ค เราจะนาความสัมพันธ์ระหว่างราคาหุน้
กับวอลุ่มนี้ มาช่วยในการ สนับสนุ น แนวโน้มราคา หรืออาจจะนามาใช้เป็ น
สัญญานเตือน ว่าแนวโน้มของราคาใกล้ที่จะเปลี่ยนทิศทางหรือยัง แต่สาระ
ในการพิจารณาประกอบกับสัญญาณทางเทคนิ ค จะให้น้ าหนักมากกับการ
ทะลุผ่าน (breakout) เป็ นสาคัญ เป็ นการชี้ ให้เห็นว่าพลังผลักดันของ
แนวโน้ม ขึ้ น หรือ ลง มีพลังส่งที่สงู กว่า อย่างไรก็ตาม โดยทัว่ ไปแล้วจะมี
หลักเกณฑ์ในการสังเกตุความสัมพันธ์ระหว่าง ราคาหุน้ กับ วอลุ่ม ดังนี้
Volume Page 77
ความสัมพันธ์ระหว่าง ราคา กับ วอลุม่ ความสัมพันธ์ในแง่บวก
1.เมื่อราคาหุน้ ปรับตัวสูงขึ้ นจากช่วงเวลาก่อนและปริมาณการซื้ อขาย
(วอลุ่ม) ปรับตัวสูงขึ้ นตาม จะเป็ นการสนับสนุ นการขึ้ นของราคาหุน้
2.เมื่อราคาหุน้ ที่พงุ่ สูงขึ้ นมาช่วงหนึ่ ง ต่อมามีการปรับตัวลดลง(ทาง
เทคนิ ค) ให้สงั เกตุปริมาณการซื้ อขาย(วอลุ่ม) ถ้าปรับตัวลดลงตามด้วย จะ
แสดงถึงการลดลงชัว่ คราวของราคาก่อนที่จะมีการ ดีดกลับ ของราคาอีก
ครั้งหนึ่ ง
3.การขายอย่างตื่นตระหนก (panic selling) ถ้าเกิดขึ้ นจากราคาที่ลด
ตา่ ลงมาแล้วเป็ นระยะเวลาพอสมควร และต่อมาราคามีลกั ษณะเร่งการ ตก
ดิ่ง อย่างรุนแรงในขณะที่ วอลุ่ม กลับเพิ่มมากขึ้ น ในทางเทคนิ คเรียกว่า
วิกฤตการขาย (selling climax) นี้ คือจุดจบของแนวโน้มขาลง หรือ bear
market
ความสัมพันธ์ระหว่าง ราคา กับ วอลุม่ ความสัมพันธ์ในแง่ลบ
1.เมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้ นจากช่วงเวลาก่อน แต่ปริมาณการซื้ อขาย(วอ
ลุ่ม) กลับลดลง จะเป็ นสัญญาณ ค้าน การขึ้ นของราคา
2.เมื่อราคาลดลงมาแล้วช่วงหนึ่ ง ต่อมามีการปรับตัวขึ้ น(ทาง
เทคนิ ค)ให้สงั เกตุปริมาณการซื้ อขาย(วอลุ่ม)หากลดลงสวนทางการเพิ่มขึ้ น
ของราคา จะเป็ นสัญญาณลบ และบ่งชี้ ว่าในไม่ชา้ จะมีการปรับตัวลดลงของ
ราคาอีกครั้ง
Volume Page 78
3.เมื่อราคาวิง่ ขึ้ นกลับไปที่จุดสูงสุดเก่า แต่ปริมาณการซื้ อขาย(วอลุ่ม)
มีไม่มากพอ (วอลุ่มไม่หนุ น) เป็ นสัญญาณเตือนในทางลบ
4.ถ้าราคาสูงขึ้ นเป็ นระยะเวลานาน และถ้ามาถึงจุดหนึ่ งที่ราคาขยับ
ขึ้ นเล็กน้อย แต่วอลุ่มกลับยังคงสูงมาก เป็ นสัญญาณเตือนว่ามีการระบาย
หุน้ ออกในลักษณะ โยนหุน้ เกิดขึ้ น หรือมีการซื้ อขายกันระหว่างกลุ่ม เพื่อ
ไม่ให้ราคาตก สัญญาณนี้ จะบอกว่าในไม่ชา้ จะมีการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม
จากขาขึ้ นมาเป็ นแนวโน้มขาลง
5.เมื่อราคากับวอลุ่มขึ้ นไปด้วยกันอย่างช้าๆ จนถึงระดับหนึ่ งแล้ว
ราคาหุน้ กลับทะยานขึ้ นอย่างรวดเร็ว โดยพบว่ามีวอลุ่มเพิ่มขึ้ นสูงมากกว่า
ผิดปกติและหลังจากนั้นราคาเริ่มลดตา่ ลง จะถือว่า ณ จุดนั้น เป็ นการ
เปลี่ยนแนวโน้มจากขึ้ นเป็ นลง การตกลงของราคาจะรุนแรงเพียงใด ขึ้ นอยู่
กับราคาและขนาดของวอลุ่มที่เกิดขึ้ นก่อนหน้านี้
Volume Page 79
สัญญาณแบบนี้ แสดงให้เห็นว่า เป็ นการจบรอบการขึ้ น เนื่ องจากมี
แรงขายที่รุนแรง นั กลงทุนที่ไม่รจู ้ กั สัญญาณนี้ จะคิดว่าหุน้ ทา New High
อาจสับขาหลอกเล็กน้อย และสามารถจะไปต่อได้ จึงได้เข้าไปไล่ซื้อหุน้ ตาม
และโดนลากขึ้ นลงปล่อยของอย่างเมามันส์ และราคาค่อยปรับตัวเรี่ยราดลง
เรื่อยๆ อันจะส่งผลให้นักลงทุนติดดอยในที่สงู เรียกง่ายๆ ว่าถูกตีตลบหลัง
นัน่ เอง
Volume Page 80
สัญญาณว่า วันพรุง่ นี้ หรือวันต่อๆ ไป แท่งเทียนเขียวใหญ่นี้ จะส่งผลให้หนุ ้
เปลี่ยนทิศในวันต่อไป ...
Volume Page 81
วอลุ่มเบรค 200 วัน
หุน้ ราคาเบรค 200 วัน: หมายถึง หุน้ ที่มีราคาขึ้ นไปสูงสุดในรอบ 200 วัน
ทาการ (ประมาณ 1 ปี ) คนที่ติดหุน้ ตัวนี้ มานานเป็ นปี ถ้าไม่ได้เป็ นนัก
ลงทุนแบบ VI หรือไม่ได้คทั ทิ้ งไปก่อนหน้านี้ ก็จะทาการขายแล้ว วันนี้ เป็ น
วันที่ทุกคนกาไรหมด ได้ลงจากดอยกันซะที
คนทัว่ ไปเข้าใจว่า ควรขาย แต่บางคนกลับ อยากซื้ อ นี่ เป็ นความคิดที่
ทาให้ คนทัว่ ไป ต่างจาก เซียนหุน้ หุน้ ที่เบรค 200 วันได้ แสดงว่า หุน้ ตัวนี้
ต้องมีดีอะไรบางอย่าง ไม่ง้นั ทาไมรายใหญ่จึงยอมกวาดซื้ อหุน้ ทั้งหมดที่
ราคาสูงขนาดนี้
วิธีหาหุน้ ราคาเบรค 200 วัน ก็คือ เปรียบเทียบราคาย้อนหลังไป 200 วัน
ทาการ ถ้าพบว่าวันปั จจุบนั มีราคาสูงสุด หุน้ ตัวนั้นก็คือ หุน้ ราคาเบรค
200 วัน
Volume Page 82
หุน้ โวลุม่ เบรค 200 วัน: หมายถึง หุน้ ที่มีโวลุ่มสูงสุดในรอบ 200 วันทา
การ (ประมาณ 1 ปี ) ซึ่งโดยปกติแล้ว หุน้ จะเบรคราคา 200 วัน พร้อมๆ
กับเบรคโวลุ่ม 200 วันไปด้วยกัน แต่ก็มีบางกรณีที่เบรคราคาไปก่อนแล้ว
ค่อยเบรคโวลุ่มในวันถัดมา หรือเบรคโวลุ่มไปก่อนแล้วค่อยเบรคราคาในวัน
ถัดมา สาหรับกรณีหลังเราต้องตรวจสอบว่า เกิดจากการซื้ อขาย Big lot
หรือไม่ ถ้าเป็ นการซื้ อขายปกติในตลาดก็จะน่ าสนใจกว่า
โดยอาศัยทฎษฎีเทน้ าลงแก้ว สมมติเราเอาแก้วมา 1 ใบ แล้วเราเอา
น้ าจานวนหนึ่ งเทลงไปในแก้ว ระดับน้ าก็จะสูงขึ้ นมาในระดับหนึ่ ง หากเรา
เทน้ าออก แล้วเทน้ าเข้ามาใหม่ ด้วยปริมาณน้ าที่เท่าเดิม เราก็เชื่อว่าระดับ
น้ าในแก้ว ก็คงจะสูงขึ้ นเท่าครั้งก่อน
น้ าที่เท ก็คือ โวลุ่ม ส่วนระดับน้ าที่ขนึ้ ก็คือ ราคานัน่ เอง เราจะอาศัย
สิ่งนี้ มาประเมินราคาหุน้ ที่คาดว่าจะเกิดในอนาคตได้ นัน่ คือ หุน้ ที่เบรคโว
ลุ่มไปก่อน ก็น่าจะเบรคราคาตามมาในไม่ชา้
วิธีหาหุน้ โวลุ่มเบรค 200 วัน ก็คือ เปรียบเทียบโวลุ่มย้อนหลังไป
200 วันทาการ ถ้าพบว่าโวลุ่มปั จจุบนั มีค่าสูงสุด หุน้ ตัวนั้ นก็คือ หุน้ โวลุ่ม
เบรค 200 วัน
Volume Page 83
หุน้ เบรค 200 วันแล้วกาลังพักตัว: หลังจากหุน้ ได้เบรคราคา 200
วันไปแล้ว มักจะมีการพักตัวเพื่อซับแรงขายที่ยงั ไม่หมด เช่น รายย่อยที่เพิ่ง
รูข้ ่าวว่าหุน้ ขึ้ นก็จะรีบมาขายหุน้ หรือรายย่อยที่เล่นเอากาไรระยะสั้นก็จะรีบ
ขายก่อนหุน้ ตก เป็ นต้น เมื่อรายย่อยขายหุน้ ออกไป เจ้าท่านก็จะรับซื้ อไว้
ทั้งหมด การพักตัวอาจกินเวลาแค่ 1 วันหรือหลายวันก็เป็ นได้ ราคาจะตก
ลงมาเยอะบ้างน้อยบ้างตามแต่เจ้าท่านจะสร้างสถานการณ์ให้เราตกใจกลัว
แล้วเราก็ขายหุน้ ออกไป
หุน้ จะพักตัวจนกระทัง่ โวลุ่มแห้ง คือ แทบไม่มีการซื้ อขาย หรือซื้ อขาย
กันน้อยมากๆ (เมื่อเทียบกับวันที่หนุ ้ เบรค 200 วัน) เมื่อเจ้าท่านเห็นว่า
รายย่อยได้ขายหุน้ ในมือจนหมดเกลี้ ยงแล้ว (หุน้ พักตัวเสร็จ) เจ้าท่านก็จะ
ทาราคาหุน้ ให้สงู ขึ้ นไปอีกและอาจจะสูงขึ้ นเรื่อยๆ อีกหลายวัน จนกระทัง่
รายย่อยทนไม่ไหวแห่กนั เข้าไปซื้ อหุน้ อีกครั้ง เจ้าท่านก็จะขายให้ดว้ ยความ
เต็มใจ รายย่อยก็ได้ติดดอยกันอีกครั้งนึ ง 5555
เงื่อนไขที่ใช้สแกนหาหุน้ เบรค 200 วันแล้วกาลังพักตัว:
-หุน้ ที่เบรค 200 วันมาแล้วไม่เกิน 30 วันทาการ
-อยูร่ ะหว่างพักตัว โดยราคาปั จจุบนั ไม่ตา่ กว่าราคา low ของวันที่เกิด Float
-และวันที่เกิด Float เป็ นวันเดียวกับที่เบรค 200 วัน หรืออยูห่ ่างกันไม่เกิน
5 วันทาการ
Volume Page 84
Volume ในมุมมองเสี่ยยักษ์
1.ในจังหวะที่หนุ ้ เป็ นขาขึ้ น เราต้อง Let
the Profit Run ปล่อยให้กาไรวิง่ เต็มสตีม
เมื่อไรที่ราคาเริ่มปรับฐานลงมาพร้อมวอ
ลุ่ม เราต้องรีบล้างพอร์ตออกไป ท่อง
เอาไว้เลย "วอลุ่มพีค" คือ "ราคาพีค"
และ ถ้าหุน้ ปรับฐานแล้ว "รีบาวด์" แต่ไม่
ทา "นิ วไฮ" ใหม่.."มันต้องลง"
2.ถ้าหุน้ เป็ น "ขาลง" แล้ว "วอลุ่มหาย" นี่ เป็ นตามธรรมชาติ แต่ถา้
หุน้ เป็ น "ขาขึ้ น" แล้ว "วอลุ่มหาย" นี่ มนั ผิดกฎธรรมชาติ ให้สงสัยไว้กอ่ นว่า
"มันกาลังจะวิง่ "
3.กรณีที่หนุ ้ จะปรับตัว "ลงแรง" วอลุ่มมักจะทา "พีค" ก่อน ให้สงั เกต
ว่า รายย่อยจะแห่เข้าใส่แบบไม่ลืมหูลืมตา เวลาที่หนุ ้ ปรับตัว มันจะ "ลงลึก
4. (ข้อสังเกตมีอยูว่ า่ ก่อนหน้าที่หนุ ้ SHIN-W1 จะวิง่ ขึ้ นรอบใหญ่จาก
ช่วงราคา 7-8 บาทขึ้ นไปทาจุดสูงสุดของรอบที่ 24.80 บาท หุน้ ตัวนี้ ถูก
“กด” ไม่ให้ขนนานถึ
ึ้ ง 17 สัปดาห์ ระหว่างที่หนุ ้ ถูกกดไม่ให้ขนึ้ มีจุดสังเกต
คือ “วอลุ่มหาย” (วอลุ่มลดลงอย่างต่อเนื่ อง) ขณะที่ราคาหุน้ ไม่ลง มี
ลักษณะ “ไซด์เวย์” ออกด้านข้าง อยูใ่ นกรอบ 6.25-10.30 บาท แต่โดย
เฉลี่ยแล้ววิง่ อยูใ่ นกรอบ 7-8 บาท) เสี่ยยักษ์บอกว่า จากประสบการณ์ครั้ง
นั้นสรุปว่า ทุกคนเฉียดรวยกันหมด รายใหญ่เขากดดันให้คนที่ เล่นหุน้ ตัวนี้
Volume Page 85
อึดอัดมาก (ยิง่ ถือหุน้ มาก ยิ่งกดดัน) พอรวบรวมหุน้ ได้มากพอก็ “ลาก
ราคา” ขึ้ นไปเลย นี่ คือจังหวะชีวติ ที่นักเล่นหุน้ ทุกคนต้องเจอ
5. “ยิ่งหุน้ ตัวใหญ่ ถ้าเขารูว้ า่ ตอนไอพีโอ มีคนไปแย่งกันจอง(หุน้ ไม่
พอขาย) พอเข้าตลาดมาปั๊ บ! เขาจะพยายามกดราคา เพื่อกดลงมารับตา่ ๆ
ถ้าวันแรกเปิ ดมาสูง เขาก็จะเทรดให้หนุ ้ ตา่ ลงมาก่อน …แต่คุณดู พอมันเก็บ
ของ(สะสมหุน้ )ได้พอแล้ว สังเกตว่า “วอลุ่มพีค” (เก็บของได้แล้ว) ราคา
ปรับตัวลงมาเสร็จ คราวนี้ ปริมาณซื้ อขายจะไม่ได้เยอะ สภาพคล่องจะเริ่มตึง
ขึ้ น ราคาจะค่อยๆขยับขึ้ นช้าๆ บางทีก็เล่นไซด์เวย์อยูน่ าน จนคนซื้ ออึดอัด
ใครทนไม่ไหวก็ “คืนของ” ให้เขา แต่พอเขารวบรวมหุน้ ได้เต็มที่แล้ว พอ
MACD (ระยะเดือน) ตัดขึ้ น ทีนี้มันวิง่ ขึ้ นเร็วมาก”
6. "ผมจะบอกสูตรสุดยอดของหุน้ ให้ฟังนะ ถ้าเราอ่านว่าหุน้ ตัวนี้ กาลัง
เป็ น "ขาขึ้ น" แต่วอลุ่มมัน "หาย" (วอลุ่มเทรดลดลง) หมายความว่าราย
ใหญ่กาลัง "เก็บของ" ไม่ปล่อยหุน้ ออกมาหมุนเวียนในตลาด สภาพคล่อง
ของหุน้ ตัวนั้นจะค่อยๆลดลง" ...ลองคิดต่อให้เป็ นหลักการวิทยาศาสตร์ ถ้า
คน "ดูดหุน้ " เข้าไปในกระเป๋าหมด นักเก็งกาไรไม่ได้เข้ามาเล่น (รอบ)
ไม่ได้เอาหุน้ มาหมุนวนในตลาด ทุกคนดูดเก็บ!! ทุกคนดูดเก็บ!! ปริมาณ
หุน้ ในตลาดก็จะหายไป "...เพราะฉะนั้น ถ้าเราไปเจอ "หุน้ ขึ้ น วอลุ่มหาย" นี่
คือสุดยอดหุน้ ใครหาพบคนนั้นรวย
7. หุน้ ปตท.ขึ้ นจาก 70 กว่าบาทขึ้ นไปใกล้ๆ 100 บาท ทาไม! "นาย
วิชยั " ถึงไม่ยอมขาย ทั้งๆที่ได้กาไรเยอะแล้ว "ผมฟลุค้ รึเปล่า! ที่ไปขาย
170 กว่าบาท เพราะผมมองว่า "ซัพพลาย" (ปริมาณหุน้ หมุนเวียน) ใน
ตลาดมันลดลง แต่ "ดีมานด์" (ความต้องการ) มันเพิ่มขึ้ น เราอ่านออกว่า
Volume Page 86
"รายใหญ่" กาลังเก็บของอยู่ ที่รกู ้ ็เพราะ "วอลุ่มมันหาย" ในระหว่างทางที่
หุน้ กาลังวิง่ ขึ้ น" พูดภาษาชาวบ้านให้เข้าใจง่ายๆคาว่า "วอลุ่มหาย"
หมายความว่า รายใหญ่อยูใ่ นช่วงสะสมหุน้ เก็บหุน้ "ใส่ป๊ ี บ" ไม่เอาหุน้ มา
หมุนในตลาด
8. แต่ถา้ เป็ นกรณี "ตรงกันข้าม" สมมติว่า "หุน้ ขึ้ น" อยูด่ ีๆ แล้วมีแรง
ขาย "ทุบฮวบ" กดให้ราคาหุน้ "หล่น" ลงมาพร้อม "วอลุ่ม" ที่หนาแน่ น เป็ น
การยืนยันว่าหุน้ ตัวนั้น "หมดรอบ" แล้ว คุณต้องขายทิ้ ง ให้ต้งั ข้อสังเกตไว้
ก่อนว่าหุน้ ตัวนั้นกาลังจะเปลี่ยนแนวโน้มเป็ น "ขาลง"
9. กรณีของหุน้ PTT วันก่อนมีปริมาณซื้ อขาย 11 ล้านหุน้ ราคาอยูท่ ี่
210 บาท อีกวันวอลุ่มลงมาเหลือ 7.8 ล้านหุน้ ราคาขึ้ นไป 214 บาท แล้ว
วันนี้ วอลุ่มหายเหลือ 2-3 ล้านหุน้ แล้วราคายังยืนได้ 212-214 บาท
สัญญาณอย่างนี้ "ถือว่าดี" แสดงว่า มีการเก็บของในลักษณะ "เก็บออกไป
เลย" ไม่ได้เอากลับมาหมุนในตลาด ซึ่งมันต่างกับหุน้ บางตัว พอลากราคา
ขึ้ นไปปุ๊ บ! ทุกคนแห่ขาย "หุน้ ตก...วอลุ่มมาเพียบ" เจออย่างนี้ ก็ตอ้ ง "ถอย"
10. เสี่ยยักษ์ ยังยกตัวอย่างถึงกรณีของหุน้ IRPC สมมติ มีคนเทขาย
กดลงมาไม้ใหญ่ๆ ที่ราคา 6.10 บาท แล้วในวินาทีเดียวกัน (ทันทีเลย) มี
คนมารับต่อทันที 1 ล้านหุน้ โดยข้อเท็จจริงแล้วถ้าหุน้ มันจะลง จะต้องไม่มี
รายใหญ่คนไหนกล้าเข้ามารับ ต้องไม่มีใครกล้าสวน
ละครฉากต่อมา มีคนแกล้งทาให้ลบ เคาะขายออกมา 500 หุน้ ที่
ราคา 6.05 บาท แต่คนซื้ อใหญ่กว่าทาให้ราคาเบ่งขึ้ นมาได้ แสดงว่าฐาน
ราคาตรง 6.10 บาท "แข็งแรง" หุน้ ก็จะดูดี ราคาตรงจุดนี้ เราอาจจะลงทุน
Volume Page 87
ระยะสั้นได้ "...นี่ คือ "วิชาสังเกต" ที่เราต้องนัง่ ดูทุกวัน รับรองว่าไม่มีสอนใน
ตารา" เสี่ยยักษ์ สรุปบทเรียนจากวิชาสังเกต ให้ฟังว่า ถ้าหุน้ ตัวไหน สวน
ทาง ดัชนี SET ของวันได้ แสดงว่า "ดี" หุน้ ตัวนั้นต้องมีคนดูแล เช่น ถ้าดัชนี
SET "ลง" แต่ราคาหุน้ ตัวนี้ มันยังยืนได้ แสดงว่าแข็งกว่าตลาด...มันสู!้ เล่น
สั้นได้
11. การตั้ง Bid (เสนอซื้ อ) และ Offer (เสนอขาย) หลอกกันได้
อย่างไร? โดยปกติ ถ้าเราเห็น การตั้งขาย "ไม้ใหญ่ๆ" ถ้าอยูฝ่ ัง่ ขาย (Offer)
คนที่เห็นก็มกั จะใจไม่ดี ซึ่งวอล่ม Offer ไม่ค่อยหลอก...มักจะขายจริง แต่ฝัง่
Bid มันหรอกกันได้ เช่น หุน้ BROCK (ก่อนปรับพาร์จาก 5 บาทเหลือ 1
บาท) มี Bid ช่องบน 6.50-6.60 บาท 1 ช่องวางซื้ อ (Bid) ไว้ 7 แสนกว่า
หุน้ นัน่ คือ เขากลัว "ลง" เป็ นการ "หนุ น" เพื่อให้คนซื้ อตาม แต่ถา้ มีคน
เสนอซื้ อเข้ามา อยากซื้ อเท่าไรก็มีของ (หุน้ ) ขายให้ อย่างนี้ เป็ นต้น "แต่ถา้
เป็ น "หุน้ ดี" ให้สงั เกตว่า มักจะมี Bid วางซื้ อไว้น้อย แต่ฝัง่ Offer วางขายไว้
เยอะ โดยปกติของ "หุน้ ดี" ช่วงเก็บของ หรือ ช่วงสะสมหุน้ รายใหญ่จะตั้ง
"เสนอซื้ อ" ไว้ไม่เยอะ ส่วนใหญ่จะเป็ นอย่างนี้ ...เพราะอะไร ถ้ามีคนขาย
ออกมา เขารอรับ...เขารอเก็บเข้าพอร์ต ซึ่งภาวะอย่างนี้ คือ ช่วงที่ดชั นี SET
ประมาณ ตี 4 ตี 5 คนยังเล่นหุน้ ไม่เต็มตัว เขาจะรอรับ แต่ไม่ไล่ราคา" นี่
เป็ นอีกเกร็ดความรูใ้ นการอ่านเกมที่ เสี่ยยักษ์ ถ่ายทอดให้เข้าใจ
Volume Page 88
วอลุม่ กับการเล่นหุน้ ซิ่ง
Volume Page 90
การดูปริมาณการซื้อขายหุน้
ถ้าเราเล่นหุน้ ทางเทคนิ คเกร็งกาไรระยะสั้น จะพบว่ามีเทคนิ คและเครื่องมือ
ที่ใช้ในการวิเคราะห์อยูห่ ลายตัวด้วยกัน หนึ่ งในนั้นคือการดูความสัมพันธ์
ระหว่าง ราคาหุน้ (Price) กับ ปริมาณการซื้ อขายหุน้ (Volume) เป็ น Basics
Of Technical Analysis ถ้าเรามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้่ง เราก็สามารถทา
กาไรหุน้ ได้มาก ไม่แพ้เครื่องมือวิเคราะห์หนุ ้ ตัวอื่นๆ เลย
ปริมาณการซื้อขาย VOLUME (VOL) คืออะไร
VOLUME คือ ปริมาณการซื้ อขายของหุน้ โดยความสัมพันธ์ของราคา
และปริมาณการซื้ อขายในช่วงเวลาหนึ่ ง
Volume Page 91
ลองสังเกตุ และวิเคราะห์ราคา(Price) กับปริมาณการซื้ อขายหุน้ (Volume)
ถ้าราคาปรับตัวสูงขึ้ นจากช่วงเวลาก่อนหน้านั้น โดยมีปริมาณการซื้ อ
ขายปรับตัวสูงขึ้ นตามมาด้วย จะเป็ นการสนับสนุ นการขึ้ นของราคา
ถ้าราคาที่พงุ่ สูงขึ้ น หลังจากนั้นราคามีการปรับตัวลง และปริมาณการ
ซื้ อขายปรับตัวลดลงตามมาด้วย แสดงให้เห็นถึงการลดลงของราคาแบบ
ชัว่ คราว หลังจากนั้ นจะราคาหุน้ จะมีการปรับตัวสูงขึ้ นอีกครั้งหนึ่ ง
การขายหุน้ อย่างตื่นตระหนก (PANIC SELLING) เกิดขึ้ นจากราคาที่มี
การลดลงมาเป็ นระยะเวลานาน และต่อมาราคาตกดิ่งลงในขณะที่ VOLUME
กลับเพิ่มมากขึ้ น ถือเป็ นช่วงวิกฤติการขาย (SELLING CLIMAX) ซึ่งมักจะ
เป็ นจุดตา่ สุดของตลาดหรือหุน้ เพราะบ่อยครั้งที่วิกฤติการขาย(SELLING
CLIMAX) จะเป็ นจุดจบของ BEAR MARKET
ข้อควรระวังในการวิเคราะห์ Priceกับ Volume
การขึ้ นลงของราคาหุน้ กับ ปริมาณการซื้ อขาย ที่ไม่สมั พันธ์กนั อาจ
แสดงการขึ้ นลง ของราคาหุน้ ที่ไม่เป็ น ความจริง หรือ อาจเป็ นการปั ่ นหุน้
ถ้าเรา ตัดสินใจซื้ อ หรือ ขาย หุน้ ผิดพลาดไม่เป็ นไปตาม Trend ที่แท้จริง
เราก็จะขาดทุนและอาจขาดทุนมากถ้า กราฟราคาหุน้ ลงแรง
ถ้าราคาหุน้ ปรับตัวสูงขึ้ นจากช่วงเวลาก่อนหน้านั้น แต่ปริมาณการซื้ อ
ขายกลับลดลง ถ้าสังเกตุให้ดี ลักษณะนี้ จะเป็ นการค้านการขึ้ นของราคาหุน้
ใน ช่วงเวลานั้น อาจจะไม่ใช่ แนวโน้มขาขึ้ น ที่แท้จริง
Volume Page 92
ถ้าราคาหุน้ ปรับตัวลดลง ต่อมามีการปรับราคาขึ้ น แต่หากปริมาณการซื้ อ
ขายลดลง จะเป็ นการค้านการขึ้ นราคาหุน้ ในช่วงเวลานั้น คือราคาหุน้ ขึ้ น
แต่ปริมาณการซื้ อขายหุน้ ไม่มี มาสนับสนุ นการขึ้ นของราคา อาจเป็ นการขึ่
นของราคาแบบชัว่ ขณะ
ถ้าราคาหุน้ และ Volume ขึ้ นไปด้วยกันอย่างช้า ๆ ถึงในระดับหนึ่ ง
แล้ว ราคาวิง่ ขึ้ นอย่างรวดเร็วโดย มี VOLUME สูงขึ้ นมากผิดปกติ และ
ช่วงเวลาต่อมาราคาเริ่มลดตา่ ลง อาจจะถือได้วา่ เป็ นช่วงเวลาการเปลี่ยน
Trend จากขึ้ นเป็ นลง
ถ้าราคาหุน้ วิง่ ขึ้ นกลับไปถึงจุด สูงเดิม แต่ Volume มีไม่มากเท่ากับ
Volume ของจุดสูงเดิม แสดงถึงการค้านการขึ้ นของราคาหุน้ อาจนาไปสู่
การปรับตัวลงของราคาหุน้ ในช่วงหลังจากนั้นได้
Volume Page 93
ถ้าราคาสูงขึ้ นมาเป็ นระยะเวลานาน และเมื่อมาถึงจุดที่ราคาขยับขึ้ น
เล็กน้อย แต่ Volume กลับยังคงสูงมาก จะเป็ นสัญญาณว่ามีการขายระบาย
หุน้ ออกในลักษณะของการโยนหุน้ (มีการซื้ อขายกันระหว่างกลุ่มเพื่อไม่ให้
ราคาตก) ซึ่งอาจนาไปสู่การปรับตัวลงของราคาในช่วงต่อไป
Volume Page 94
ปริมาณการซื้ อขาย Volume เคลื่อนที่ไม่สอดคล้องกับราคา เป็ นสัญญาน ของ
การเปลี่ยน แนวโน้มราคา Trend กาลังเปลี่ยน จากแนวโน้มขาขึ้ นเป็ นขาลง หรือ
จากแนวโน้ม ขาลงเป็ นขึ้ น
Volume Page 95
ราคาหุน้ ปรับลง ที่มีปริมาณการซื้ อขาย Volume เริ่มลดน้อยลงไป
เรื่อยๆ จะเห็นว่ามันไม่ สอดคล้องกัน อาจสรุปได้วา แรงขายได้ใกล้
หมดลงแล้ว จึงทาให้แรงซื้ อจะกลับมาชนะแรงขายอีกครั้ง จากนั้น
ตลาดจะปรับตัวเป็ นขาขึ้ นอีกรอบ
Volume Page 96
Volume Analysis
By Nomura
ตอนที่ 1 = ความหมายและประโยชน์ในการวิเคราะห์ปริมาณการซื้ อขาย
Volume คือ ปริมาณการซื้ อขายของหุน้ โดยความสัมพันธ์ระหว่างราคากับ
ปริมาณการซื้ อขาย มีขอ้ สังเกตดังนี้
ความสัมพันธ์ในแง่บวก
1. เมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้ นจากช่วงเวลาก่อน และปริมาณการซื้ อขาย
ปรับตัวสูงขึ้ น จะเป็ นการสนับสนุ นการขึ้ นของราคา
2. เมื่อราคาที่พงุ่ สูงขึ้ น ต่อมามีการปรับตัวลง หากปริมาณการซื้ อขาย
ปรับตัวลดลงด้วย จะเป็ นการแสดงถึงการลดลงชัว่ คราวของราคา ก่อนที่จะ
มีการปรับตัวสูงขึ้ นของราคาอีกครั้งหนึ่ ง
3. การขายอย่างตื่นตระหนก (Panic sell) เกิดขึ้ นจากราคาที่มีการ
ลดลงมาเป็ นระยะเวลานาน และต่อมาราคาตกดิ่งลงในขณะที่ VOLUME
กลับเพิ่มมากขึ้ น ถือเป็ นช่วงวิกฤติการขาย SELLING CLIMAX จะเป็ นจุดจบ
ของ Bear market
ความสัมพันธ์ในแง่ลบ
1. เมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้ นจากช่วงเวลาก่อน แต่ปริมาณการซื้ อขายกลับ
ลดลง จะเป็ นการค้านการขึ้ นของราคา
Volume Page 97
2. เมื่อราคาที่ลดลง ต่อมามีการปรับตัวขึ้ น แต่หากปริมาณการซื้ อขาย
ลดลง จะเป็ นการค้านการขึ้ นของราคาในขณะนั้น
3. เมื่อราคาวิง่ ขึ้ นกลับไปที่จุดสูงเก่า แต่ VOLUME ไม่มากเท่ากับ
VOLUME ของจุดสูงเก่า จะเป็ นการค้านการขึ้ นของราคา และอาจนาไปสู่
การปรับตัวลงของราคาในช่วงต่อไป
4. เมื่อราคากับ VOLUME ขึ้ นไปด้วยกันช้า ๆ จนถึงระดับหนึ่ งแล้ว ราคา
วิง่ ขึ้ นอย่างรวดเร็วโดย VOLUME สูงมากขึ้ นผิดปกติ และถ้าหลังจากนั้น
ราคาเริ่มลดลตา่ ลง จะถือว่า ณ จุดนั้นเป็ นการเปลี่ยนแนวโน้มจากขึ้ นเป็ น
ลง
5. ถ้าราคาสูงขึ้ นมาเป็ นระยะเวลานาน และเมื่อมาถึงจุดที่ราคาขยับขึ้ น
เล็กน้อย แต่ VOLUME กลับยังคงสูงมาก จะเป็ นสัญญาณเตือนว่ามีการขาย
ระบายหุน้ ออกในลักษณะของการโยนหุ ้ (มีการซื้ อขายกันระหว่างกลุ่มเพ่อ
ไม่ให้ราคาต่ก) ซึ่งอาจนาไปสูงการปรับตัวลงของราคาในช่วงต่อไป
ตัวอย่างความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบราคาเมื่อเทียบกับปริมาณการ
ซื้ อขาย (ทฤษฏีและภาคปฏิบตั ิ) มีดงั นี้
Volume Page 98
Volume Page 99
Volume Page 100
Volume Page 101
Volume Page 102
Volume Page 103
สรุปการวิเคราะห์เชิงปริมาณการซื้ อขาย มีคานิ ยาม คือ
ส่วนต่างระหว่างปริมาณหุน้ ที่เสนอโดยผูข้ ายเทียบกับปริมาณหุน้ ของที่
เสนอโดยผูซ้ ื้ อ เป็ นสาเหตุ ที่ทาให้เกิดราคาเปลี่ยนแปลง
การวิเคราะห์เชิงปริมาณซื้ อขาย จะแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์
ระหว่างแนวโน้มของราคา (Price trends) และข้อมูลปริมาณการซื้ อขายที่
สอดคล้องกัน (Corresponding volume information)
Bernando and Judd (1996) ได้อธิบายถือความสัมพันธ์วา่ ข้อมูล
ปริมาณการซื้ อขาย เป็ นข้อมูลที่สาคัญในการวิเคราะห์ดงั กล่าว เนื่ องจาก
การวิเคราะห์ดา้ นราคาอย่างเดียวไม่สามารถแสดงให้เห็นถึงความชัดเจน
ของสัญญาณซื้ อขายและความแม่นยาได้มากน้อยเพียงใด ดังนั้น การ
วิเคราะห์ราคาและปริมาณการซื้ อขายพร้อมกัน จะสามารถชี้ นาถึงสัญญาณ
การเคลื่อนไหวของราคาหุน้ นั้นๆ ในอนาคตได้ ไม่วา่ ความสัมพันธ์จะเป็ น
บวกหรือลบก็ตาม
หน้าที่ของตลาดแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์ เปรียบเสมือนการประมูล
โดยปริมาณการซื้ อขายที่ถกู ซื้ อจะจับคู่กบั ปริมาณการซื้ อขายที่ถกู ขาย เมื่อ
ราคาปรับขึ้ น การเคลื่อนไหวขาขึ้ นสะท้อนถึงอุปสงค์ที่มากกว่าอุปทาน
(Buyers control) เช่นกันกับ เมื่อราคาลดลง การเคลื่อนไหวขาลงสะท้อน
ถึงอุปทานมากกว่าอุปสงค์ (Sellers control) นอกจากนี้ นักลงทุนจะยังรูว้ า่
ในช่วงเวลาหนึ่ ง แนวโน้มจะอยูใ่ นรูปแบบเชิงอุปสงค์หรืออุปทาน หรือเป็ น
การสะสมหรือแจกจ่าย ไม่วา่ แนวโน้มจะเป็ นในรูปแบบ ขาขึ้ น ขาลง หรือ
วงจรการวิเคราะปริมาณการซื้ อขายเมื่อเทียบกับการเคลื่อนไหวของราคา
(ช่วงขาลง)