Unit 4

You might also like

Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 27

คานา

การพัฒนาประเทศไปสู่ สัง คมอุ ดมปั ญญา จะต้องอาศัย บุ คลากรที่มี ความรู้ ความสามารถ


ตระหนักในความสาคัญของการรับรู ้ขอ้ มูลและสารสนเทศต่างๆ อย่างมีวิจารญาณ จนเกิดปั ญญาปฏิบตั ิ
เพื่อนาองค์ความรู ้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ การจัดการความรู้จึงเป็ นสิ่ งสาคัญที่จะต้องปลูกฝังและฝึ กฝน
ทั้งด้านการสื บค้น วิเคราะห์ และสังเคราะห์เพื่อนาเสนอองค์ความรู้ที่ถูกต้องเหมาะสมในรู ปแบบต่างๆ
รายวิชาภาษาไทยเชิงวิชาการ GEL 2001 จึงเกิดขึ้นเพื่อมุ่งเน้นให้ผเู้ รี ยนตระหนักถึงความสาคัญและใช้
ภาษาเชิ งวิชาการเพื่อถ่ ายทอดงานวิชาการในรู ปแบบต่างๆ ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม รายวิชา
ภาษาไทยเชิ งวิชาการนี้ จดั ทาโดยศูนย์การศึกษาทัว่ ไป มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุ นนั ทาที่มุ่งพัฒนาการ
เรี ยนการสอนหมวดวิชาศึกษาทัว่ ไป หลักสู ตรปริ ญญาบัณฑิต มีการเรี ยนการสอนตามหลักการปฏิรูป
การเรี ยนรู ้ตามระบบการเรี ยนกลุ่มใหญ่ ร่ วมกับระบบ E-Learning เน้นให้ผเู้ รี ยนศึกษาด้วยตนเองเพื่อ
พัฒนาศักยภาพของผูเ้ รี ยนต่อไป

เอกสารประกอบการสอนวิชาภาษาไทยเชิงวิชาการ GEL 2001 นี้ คณาจารย์ผเู้ ขียนได้แบ่งเนื้ อหา


ออกเป็ น ๘ หน่ วยการเรี ยน ได้แก่ หน่ วยการเรี ยนที่ ๑ ความรู้พ้ืนฐานเรื่ องการเขียนเชิ งวิชาการ หน่ วย
การเรี ยนที่ ๒ การใช้ภาษาเชิ งวิชาการ หน่ วยการเรี ยนที่ ๓ การสื บค้นข้อมูลและการอ้างอิงเชิ งวิชาการ
หน่วยการเรี ยนที่ ๔ การเขียนรายงานวิชาการ หน่วยการเรี ยนที่ ๕ การเขียนบทความแสดงความคิดเห็น
หน่วยการเรี ยนที่ ๖ การเขียนบทความวิชาการ หน่วยการเรี ยนที่ ๗ การเขียนเอกสารราชการ และหน่วย
การเรี ยนที่ ๘ การเขี ยนรายงานวิจยั เอกสารประกอบการสอนนี้ เป็ นส่ วนหนึ่ งของการศึกษารายวิชา
ภาษาไทยเชิ งวิชาการระดับเบื้ องต้นเท่านั้น ผูเ้ รี ยนจะต้องศึกษาเพิ่มเติ มในระบบ E-Learnning ที่
คณาจารย์สาขาวิชาภาษาไทยได้จดั ทาร่ วมกับเอกสารประกอบการสอนเล่มนี้จึงจะเกิดประโยชน์สูงสุ ด
เพราะจะมี แบบทดสอบประจาแต่ละหน่ วยสาหรับวัดความรู้ ข องผูเ้ รี ย นซึ่ งจะทาให้มี ความเข้าใจใน
บทเรี ยนมากยิง่ ขึ้น รวมทั้งฝึ กให้ผเู ้ รี ยนมีความรับผิดชอบที่จะต้องศึกษาเพิ่มเติมด้วยตนเอง มีวินยั ต่อการ
ปฏิบตั ิกิจกรรมในแต่ละหน่วยการเรี ยน ตอบสนองต่อปณิ ธานของมหาวิทยาลัยที่ตอ้ งการมุ่งให้ผเู้ รี ยน
เป็ นผู้ “ทรงปัญญา ศรัทธาธรรม นาสังคม” สมดังปณิ ธานอย่างแท้จริ ง

คณาจารย์ สาขาวิชาภาษาไทย
คณะมนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
๔ | G E L ๒ ๐ ๐ ๑ ภ า ษ า ไ ท ย เ ชิ ง วิ ช า ก า ร

สารบัญ

หน้ า
หน่ วยการเรียนที่ ๔ การเขียนรายงานวิชาการ ๕๗
ขั้นตอนการทารายงานวิชาการ ๕๘
ส่ วนประกอบรายงาน ๖๓
การใช้ภาษาในการเรี ยบเรี ยงเนื้อหารายงาน ๗๒

นักศึกษาสามารถดาวน์โหลดไฟล์ Powerpoint จากเอกสารแนบ (Attachments file)


หน่ วยการเรียนที่ ๔
การเขียนรายงานวิชาการ

แนวคิด
๑. การทารายงานวิชาการเป็ นกระบวนการศึกษาค้นคว้าอย่างมีระบบขั้นตอน เพื่อให้ได้ผล
การศึกษาที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือ
๒. ส่ วนประกอบของรายงานเป็ นองค์ประกอบสาคัญ ทาให้รายงานวิชาการมีความครบถ้วน
สมบูรณ์ตามรู ปแบบการเขียนรายงานวิชาการ
๓. การให้ค วามส าคัญกับ การใช้ภ าษาในรายงานได้อ ย่า งถู ก ต้อ งเหมาะสม และการพิม พ์
รายงานอย่างประณี ตจะเพิ่มคุณค่าให้รายงานวิชาการน่าอ่านยิง่ ขึ้น

วัตถุประสงค์
เมื่อศึกษาเนื้อหาในหน่วยการเรี ยนที่ ๔ แล้วผูเ้ รี ยนสามารถ
๑. อธิบายกระบวนการทารายงานวิชาการได้
๒. เขียนส่ วนประกอบต่างๆ ของรายงานวิชาการได้
๓. ทารายงานวิชาการในหัวที่ได้รับมอบหมายได้

วิธีการเรียน
๑. ศึกษาเอกสารประกอบการเรี ยนหน่วยการเรี ยนที่ ๔
๒. เข้าฟังการบรรยายระบบการเรี ยนกลุ่มใหญ่ครั้งที่ ๔
๓. ทาแบบทดสอบท้ายการเรี ยนระบบการเรี ยนกลุ่มใหญ่
๔. ศึกษาด้วยตนเองในระบบ E-Learning
๕. ทาแบบทดสอบประจาหน่วยจากระบบ E-Learning

่ น้ าสารบัญ
กลับสูห
หน่ วยการเรียนที่ ๔
การเขียนรายงานวิชาการ

อาจารย์ เสาวลักษณ์ แซ่ ลี้

การเขียนรายงานวิชาการเป็ นกระบวนการหนึ่งของการศึกษาค้นคว้า และนาเสนอผลการศึกษา


ค้นคว้านั้นในรู ปแบบลายลักษณ์อกั ษร โดยมีการดาเนินการอย่างเป็ นลาดับขั้นตอน และถ่ายทอดออกมา
ในรู ปแบบที่ถูกต้องตามหลักการเขียนรายงานวิชาการ เพื่อให้กระบวนการศึกษาค้นคว้านั้นสมบูรณ์และ
น่าเชื่อถือ ผูท้ ี่กาลังศึกษาในระดับอุดมศึกษาจึงจาเป็ นที่ตอ้ งมีความรู้ความเข้าใจในเรื่ องการเขียนรายงาน
วิชาการอย่างถูกต้อง

ความหมายของรายงานวิชาการ
คาว่า รายงาน (Report) หรื อ รายงานวิชาการ มีผใู้ ห้ความหมายไว้ต่างๆ กันดังนี้
ภาควิชาบรรณารัก ษศาสตร์ จุ ฬ าลงกรณ์ มหาวิทยาลัย (๒๕๔๗, หน้า ๒ ) กล่ าวถึ ง รายงาน
วิชาการ ว่าหมายถึ ง รายงานผลการค้นคว้าวิจยั ในเรื่ องใดเรื่ องหนึ่ งโดยเฉพาะ เพื่อประกอบการเรี ยน
รายวิชาใดรายวิชาหนึ่ง (ในรายวิชาหนึ่งอาจมีรายงานวิชาการได้หลายเรื่ อง)...
ธนู ทดแทนคุ ณ (๒๕๔๗, หน้า ๗๒) กล่ า วว่า รายงานเป็ นเอกสารทางวิช าการที่ ผูส้ อน
มอบหมายผูเ้ รี ยนจัดทาขึ้นเพื่อเป็ นส่ วนหนึ่ งในการประเมินผลในรายวิชานั้นๆ การศึกษารายงานไม่ลุ่ม
ลึกมาก ใช้เวลาน้อย รู ปแบบการพิมพ์หรื อส่ วนประกอบมีไม่มากเท่ากับรายงานทางวิชาการประเภทอื่น
โปรแกรมวิชาภาษาไทยและโปรแกรมวิชาบรรณารักษศาสตร์ และสารนิเทศศาสตร์ (๒๕๔๕,
หน้า ๒๑๖) ได้กล่าวว่า รายงานเป็ นการเรี ยบเรี ยงผลจากการศึกษาค้นคว้าจากเอกสาร การสังเกต การ
ทดลองเกี่ ย วกับ เรื่ องต่ า งๆในแต่ ล ะรายวิช าซึ่ ง ผูศ้ ึ ก ษาและผูส้ อนจะมี ก ารตกลงกันเกี่ ย วกับ ชื่ อเรื่ อ ง
จานวนบุคคลที่ทารายงาน จานวนรายงาน โดยมีการพิมพ์หรื อเขียนตามรู ปแบบที่มหาวิทยาลัยกาหนด
ดังนั้นพอสรุ ปได้ว่า รายงานหรื อรายงานวิชาการ เป็ นการนาเสนอผลการศึกษาค้นคว้าเรื่ องใด
เรื่ องหนึ่ ง เพื่อประกอบการศึกษารายวิชาใดรายวิชาหนึ่ ง มีรูปแบบการจัดทาที่ไม่ซับซ้อนยุ่งยาก แต่
เป็ นไปตามข้อตกลงระหว่างผูส้ อนและผูเ้ รี ยน

ขั้นตอนการทารายงานวิชาการ
การจัดทารายงานวิชาการโดยทัว่ ไปมีข้ นั ตอน ดังนี้
๑. วางแผนการทารายงาน
๒. สารวจ รวบรวม และจัดเก็บข้อมูล

่ น้ าสารบัญ
กลับสูห
G E L ๒ ๐ ๐ ๑ ภ า ษ า ไ ท ย เ ชิ ง วิ ช า ก า ร | ๕๙

๓. ศึกษารู ปแบบและส่ วนประกอบของรายงาน


๔. วิเคราะห์และเรี ยบเรี ยงข้อมูล
๕. อ้างอิง
ขั้นตอนต่างๆ ดังข้างต้นเป็ นแนวทางปฏิบตั ิ เมื่อผูจ้ ดั ทาต้องการศึกษาค้นคว้าเรื่ องใดเรื่ องหนึ่งที่
เกี่ ย วข้อ งกับ การเรี ย นวิ ช านั้น ๆ เพื่ อ ให้ไ ด้ผ ลการศึ ก ษาที่ น่ า เชื่ อ ถื อ โดยมี ร ายละเอี ย ดของวิธี ก าร
ดาเนินการ ดังนี้
๑. วางแผนการทารายงาน ประกอบด้วยการกาหนดหัวเรื่ อง กาหนดวัตถุประสงค์ และจัดทา
โครงเรื่ อง
๑.๑ กาหนดหัวเรื่อง
การกาหนดหัวเรื่ องรายงานวิชาการ อาจเกิ ดจากการตกลงร่ วมกันระหว่างผูส้ อนและ
ผูเ้ รี ยน
หรื ออาจเกิ ดจากการให้อิสระในการเลื อกค้นคว้าข้อมูลที่ผเู้ รี ยนสนใจก็ได้ ดังนั้นหากต้องกาหนดหัว
เรื่ องเพื่อทารายงานด้วยตนเอง เราควรพิจารณาจากประเด็นต่างๆ ดังต่อไปนี้
ก. เลือกเรื่ องที่เราสนใจ การทาในสิ่ งที่ตนพอใจย่อมก่อให้เกิ ดความสุ ข และ
มุ่งมัน่ ที่จะดาเนินการต่อไปจนสาเร็ จ และถ้าเรื่ องเลือกเกี่ยวข้องกับเนื้อหาในรายวิชาที่กาลังศึกษาอยูด่ ว้ ย
ก็จะเป็ นประโยชน์ยิ่งขึ้ น เพราะนอกจากจะทางานในประเด็นที่เราสนใจแล้ว ยังเป็ นโอกาสเพิ่มเติม
ความรู ้ในวิชานั้นด้วย
ข. เลือกเรื่องทีต่ รงกับความสามารถของเรา เพราะการทางานที่ตรงกับ
ความสามารถของตนย่อมส่ งผลให้งานมีคุณภาพมากกว่าเลือกทางานที่ตนไม่ถนัด
ค. เลือกเรื่องทีค่ าดว่าเราจะทาได้ สาเร็จ สาหรับผูเ้ รี ยนในระดับชั้นต่างกัน พื้นฐาน
ความรู ้ก็ยอ่ มต่างกัน ดังนั้นจึงควรพิจารณาถึงศักยภาพของตนเองด้วย ควรตระหนักว่าเรื่ องที่สนใจนั้น
สามารถจะทาได้สาเร็ จภายในระยะเวลาที่กาหนดหรื อไม่ การเลือกเรื่ องที่เหมาะสมกับความสามารถ
ของตนก็จะเป็ นเหตุผลหนึ่งที่สนับสนุ นให้การทารายงานสาเร็ จได้ตามเป้ าหมาย
ง. เลือกเรื่องทีส่ ามารถหาข้ อมูลได้ เพราะในการทารายงานวิชาการทุกครั้งข้อมูล
อ้างอิ งเป็ นสิ่ ง สาคัญ หากหัวข้อที่ เลื อกไว้ไม่สามารถหาข้อมูลมาสนับสนุ นได้ก็จะท าให้ขอ้ มูลไม่ มี
น้ าหนักและไม่น่าเชื่อถือ ดังนั้นก่อนเลือกเรื่ องให้คานึงถึงแหล่งข้อมูลไปพร้อมๆ กัน
เมื่ อได้เรื่ อ งตามที่ ต้อ งการแล้ว สิ่ ง ส าคัญ อี ก อย่า งก็ คื อ “การตั้ง ชื่ อ เรื่ อ ง” เนื่ อ งจาก
การนาเสนอผลการค้นคว้าด้วยรายงานวิชาการนี้ เป็ นการเขียนที่ตอ้ งใช้ภาษาแบบแผน ดังนั้นภาษาใน
การตั้งชื่อเรื่ องจึงแตกต่างจากการตั้งชื่ อประเภทอื่น ชื่อเรื่ องของรายงานวิชาการไม่ตอ้ งการความตื่นเต้น
โลดโผน ไม่ใช้ประโยคคาถาม แต่ควรเป็ นคาวลี หรื อกลุ่ มคาที่มีความหมายในตัวมันเองและแสดง
ประเด็นที่จะศึกษาให้ชดั เจน อาทิ
 แสดงสภาพการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น การเปลี่ยนแปลงของพยัญชนะต้นเป็ นอักษรนา

่ น้ าสารบัญ
กลับสูห
๖๐ | G E L ๒ ๐ ๐ ๑ ภ า ษ า ไ ท ย เ ชิ ง วิ ช า ก า ร

การใช้ภาษาในห้องสนทนาทางคอมพิวเตอร์ กลวิธีการแสดงความเห็นโต้แย้งในภาษาไทย
 แสดงประเด็นปั ญหา เช่น ปัญหาการอ่านภาษาไทยในเด็กชั้นประถม การใช้
สารเคมีปราบศัตรู พืชในนาข้าว ความขัดแย้งทางความคิดระหว่างพรรคสี เหลืองกับพรรคสี แดง
 แสดงวิธีการศึกษา เช่น การศึกษาวัฒนธรรมในสมัยรัตนโกสิ นทร์ตอนต้นจาก
เรื่ องขุนช้างขุนแผน วิเคราะห์ลีลาการใช้ภาษาในสารคดีสาหรับเด็ก
 แสดงเรื่ องความสัมพันธ์ระหว่างสิ่ งสองสิ่ ง เช่น การส่ งเสริ มการท่องเที่ยวร่ วมกับ
การอนุรักษ์ธรรมชาติ ความนิยมบริ โภคผักปลอดสารเคมีในกรุ งเทพมหานครและต่างจังหวัด
นอกจากนั้นการตั้งชื่อเรื่ องที่ดีน้ นั ควรจะกะทัดรัด ชัดเจน หลีกเลี่ยงคาที่ไม่จาเป็ น เลี่ยง
คาซ้ าๆ โดยนาคาหรื อข้อความที่สาคัญขึ้นต้นก่อน ควรตั้งชื่อเรื่ องในลักษณะของคานามซึ่ งจะให้ความ
ไพเราะสละสลวยกว่าคากริ ยา เช่น การศึกษาเปรี ยบเทียบ... การศึกษา... การสารวจ... การวิเคราะห์...
การทดลอง... เป็ นต้น
๑.๒ กาหนดวัตถุประสงค์ เป็ นการวางแผนขั้นต่อไป แสดงถึงความคาดหวังว่าเมื่อทา
รายงานฉบับนั้นแล้วจะได้ทราบผลเกี่ ยวกับอะไรบ้าง ซึ่ งเชื่ อมโยงไปสู่ การจากัดขอบเขตของเนื้ อหา
รายงานว่ามีมากน้อยเพียงใด ประโยชน์ที่จะได้จากรายงานนั้นคืออะไร ผูท้ ารายงานอาจใช้กลุ่มคาว่า
“เพื่อศึกษา...” “เพื่อวิเคราะห์...” “เพื่อให้ทราบ...” เป็ นตัวช่วยแนะความคิดขณะกาหนดวัตถุประสงค์
ของเนื้อหา
๑.๓ กาหนดโครงเรื่อง การกาหนดโครงเรื่ องเป็ นประโยชน์สาหรับการทางานเขียนทุก
ประเภท รวมทั้งรายงานวิชาการ เพราะโครงเรื่ องทาให้ผทู้ ารายงานสามารถทราบเนื้อหาโดยรวมทั้งหมด
ทราบปริ มาณเนื้ อหาของแต่ละหัวข้อ และสามารถปรับแก้เนื้อหาให้เหมาะสมก่อนที่จะลงมือค้นคว้า
เรี ยบเรี ยงข้อมูล ปรี ชา ช้างขวัญยืน (๒๕๕๐, หน้า ๖๑-๖๒) จาแนกขั้นตอนในการวางโครงเรื่ องดังนี้
๑. กาหนดประเด็นใหญ่และประเด็นย่อยให้ครบถ้วน
๒. ลาดับหัวเรื่ อง
๓. แบ่งหัวข้อใหญ่ออกเป็ นหัวข้อย่อย
๔. จัดหัวข้อทุกหัวข้อให้มีน้ าหนักใกล้เคียงกัน
ตัวอย่างเช่นเมื่อต้องการทารายงานเรื่ อง “กล้วยกับวิถีชีวติ ไทย” ผูท้ ารายงานต้อง
กาหนดว่าในเรื่ องนี้ จะกล่ าวถึ งประเด็นอะไรได้บา้ ง เช่ น ใบตอง เชื อกกล้วย ม้าก้านกล้วย กระทง
ใบตอง ประโยชน์ของกล้วยด้านต่างๆ ส่ วนต่างๆ ของกล้วยที่นามาใช้ประโยชน์ การปลูกกล้วย การ
พัฒนาผลิตภัณฑ์จากกล้วย กล้วยในฐานะสมุนไพร เป็ นต้น
เมื่ อ ได้ร วบรวมประเด็นต่ า งๆ ที่ เ กี่ ย วข้องกับ เรื่ องแล้ว จากนั้น ให้น าประเด็ นที่ ไ ด้
ทั้งหมดข้างต้นที่ได้จดไว้มาเรี ยงลาดับความสาคัญ โดยพิจารณาตามความเหมาะสมของเนื้ อหา ประเด็น
ใดไม่เกี่ ยวข้องก็ตดั ออก คงไว้แต่ส่วนที่สัมพันธ์กบั หัวเรื่ อง เรี ยงลาดับตามความเหมาะสม อาจจะเรี ยง
ตามลาดับเวลา ตามเหตุการณ์หรื อระยะเวลาการเกิดกระบวนการ ลาดับตามสถานที่ ลาดับตามเหตุผล

่ น้ าสารบัญ
กลับสูห
G E L ๒ ๐ ๐ ๑ ภ า ษ า ไ ท ย เ ชิ ง วิ ช า ก า ร | ๖๑

อื่นๆ ที่เหมาะสม และจัดวางหัวข้อใหญ่ไว้ดา้ นซ้ายมือ ส่ วนหัวข้อย่อยให้เยื้องเข้าด้านขวาลดหลัน่ กันไป


โดยมีตวั เลขหรื อตัวอักษรกากับหน้าหัวข้อ
ยกตัวอย่างเรื่ อง “กล้วยกับวิถีชีวิตไทย” เราสามารถเรี ยงลาดับประเด็นต่างๆ โดยเรี ยง
จากง่ายไปยาก หรื อจากข้อมูลทัว่ ไปสู่ ขอ้ มูลซับซ้อน ได้โครงเรื่ อง ดังนี้

กล้วยกับวิถีชีวติ ไทย

บทนา
1. ส่ วนต่างๆ ของกล้วยที่นามาใช้ประโยชน์
1.1 ใบ
1.2 ต้น
1.3 กาบ
1.4 ก้าน
1.5 ดอกหรื อปลี
1.6 ผล
2. บทบาทของกล้วยในชีวติ ประจาวัน
2.1 การอุปโภคและบริ โภค
2.2 การละเล่น
2.3 การสร้างงานศิลป์
3. บทบาทของกล้วยในพิธีกรรม
3.1 พิธีทางศาสนา
3.2 พิธีทาขวัญเด็ก
3.3 พิธีแต่งงาน
3.4 พิธีการปลูกบ้าน
3.5 พิธีศพ

บทสรุ ป

จากโครงเรื่ องข้างต้นนี้ สังเกตว่าเราไม่จาเป็ นต้องนาประเด็นทั้งหมดที่รวบรวมไว้มาใช้


ในโครงเรื่ อง เช่น การปลูกกล้วย กล้วยในฐานะสมุนไพร การพัฒนาผลิตภัณฑ์จากกล้วย ด้วยเหตุผล
ว่าเป็ นประเด็นที่ไม่สัมพันธ์กบั หัวเรื่ องที่ตอ้ งการค้นคว้า หรื ออาจจะเนื้ อหามีมากเกิ นไป ไม่เหมาะสม
กับขนาดของรายงานและเวลาอันจากัด

่ น้ าสารบัญ
กลับสูห
๖๒ | G E L ๒ ๐ ๐ ๑ ภ า ษ า ไ ท ย เ ชิ ง วิ ช า ก า ร

๒. สารวจ รวบรวม และจัดเก็บข้ อมู ล1 ดังที่กล่ าวไว้ต้ งั แต่ข้ นั ตอนการเลือกเรื่ องเพื่อจะทา


รายงานแล้วว่า ควรพิจารณาแหล่งข้อมูลไปพร้ อมๆ กัน เพื่อเป็ นการประเมินความสาเร็ จของการทา
รายงานฉบับนั้นว่ามีความเป็ นไปได้มากน้อยเพียงใด เพราะหากเรื่ องน่าสนใจ แต่ไม่มีแหล่งข้อมูลหรื อ
มีขอ้ มูลแคบมาก จนไม่น่านามาทาเป็ นรายงานได้ การทารายงานเรื่ องนั้นให้สาเร็ จก็มีความเป็ นไปได้
น้อย หรื ออาจจะต้องเปลี่ยนแปลงหัวเรื่ องใหม่กลางครันได้
๓. ศึกษารู ปแบบและส่ วนประกอบของรายงาน ก่อนลงมือทารายงานผูจ้ ดั ทาควรศึกษารู ปแบบ
และส่ วนประกอบของรายงานให้เข้าใจเป็ นอย่างดี เนื่องจากการเขียนรายงานวิชาการเป็ นงานเขียนที่มี
รู ปแบบเฉพาะ ดังนั้นหากผูจ้ ดั ทารายงานไม่ให้ความสาคัญกับส่ วนที่เป็ นองค์ประกอบเหล่านี้แล้ว งาน
เขียนย่อมไม่สมบูรณ์ มีผลทาให้คุณค่าของรายงานวิชาการด้อยลงได้ ดังนั้นในบทนี้จึงได้กล่าวถึงการ
เขียนส่ วนประกอบของรายงานไว้เพื่อใช้ประกอบการจัดทารายงานด้วย
๔. วิเคราะห์ และเรียบเรียงข้ อมูล เมื่อผ่านขั้นตอนการเก็บรวบรวมข้อมูลแล้ว ให้นาข้อมูล
มาวิเคราะห์ ด้วยแนวคิ ดหรื อทฤษฎี ที่เกี่ ยวข้องกับศาสตร์ ที่ศึกษา ตัวอย่างเรื่ อง “การออกเสี ยงของ
ผูส้ ื่ อข่าว” ถ้าศึกษาในแนวภาษาศาสตร์ อาจจะศึกษาวิธีการออกเสี ยงว่าผูส้ ื่ อข่าวออกเสี ยงถูกต้องตาม
หลักการออกเสี ยงภาษาไทยหรื อไม่ มีเสี ยงไหนที่ผิดแปลกหรื อเบี่ยงเบนไปจากเสี ยงมาตรฐานบ้าง
เบี่ยงเบนไปอย่างไร สาเหตุของการออกเสี ยงผิดปกติเนื่ องจากอะไรบ้าง แต่นกั นิ เทศศาสตร์ อาจจะ
เลื อกศึกษาการออกเสี ยงขณะรายงานข่าวแต่ละประเภท ว่ามีลกั ษณะเหมือนหรื อต่างกันอย่างไร และ
ลัก ษณะที่ แตกต่ างเหล่ า นั้น มี ค วามสั มพันธ์ กบั เนื้ อหาข่ าวหรื อไม่ การออกเสี ย งหรื อการใช้เสี ย งใน
ลักษณะดังกล่าวสร้างความน่าสนใจให้กบั เนื้อข่าวมากน้อยเพียงใด เป็ นต้น
ข้อมูลที่ได้มาทั้งหมดต้องนามาเรี ยบเรี ยงด้วยสานวนภาษาของตนเอง หลี กเลี่ ยงการลอกจาก
ต้นฉบับหรื อข้อมูล อ้างอิ ง และจัดลาดับการนาเสนอตามกรอบโครงเรื่ องที่ได้กาหนดไว้แล้ว ซึ่ งจะ
กล่าวถึงอีกครั้งในหัวข้อการใช้ภาษาในการเรี ยบเรี ยงรายงาน
๕. อ้างอิง2 การอ้างอิงแหล่งข้อมูลสาหรับการทารายงานวิชาการเป็ นสิ่ งที่ผทู้ ารายงานต้องให้
ความส าคัญ โดยให้ ค านึ ง ถึ ง คุ ณ ภาพของข้อ มู ล ที่ น ามามากกว่ า ค านึ ง แต่ เ พี ย งปริ ม าณของข้อ มู ล
จุดประสงค์ของการอ้างอิ งก็เพื่อเป็ นการแสดงหลักฐาน เพื่อเสนอความรู้ เพิ่มเติมหรื อความรู้ที่สาคัญ
ประกอบเนื้ อหา ทาให้รายงานมี คุณค่า ยิ่งขึ้ น ข้อพึงระวังสาหรับการนาข้อมูลของผูอ้ ื่นมาอ้างอิงใน
รายงานของตนมากเกิ นไป อาจก่ อให้เกิ ดผลเสี ย คื อ ผูจ้ ัดท าไม่ ไ ด้น าเสนอแนวคิ ด ของตนให้เ ป็ นที่
ประจักษ์ชดั เนื่องจากแนวคิดทั้งหมดที่นาเสนอล้วนนามาจากผูอ้ ื่น

1
ศึกษาเพิม่ เติมจากหน่วยการเรี ยนเรื่ อง การสื บค้นข้อมูลและการอ้างอิงเชิงวิชาการ
2
ศึกษาเพิ่มเติมจากหน่วยการเรี ยนเรื่ อง การสื บค้นข้อมูลและการอ้างอิงเชิงวิชาการ

่ น้ าสารบัญ
กลับสูห
G E L ๒ ๐ ๐ ๑ ภ า ษ า ไ ท ย เ ชิ ง วิ ช า ก า ร | ๖๓

การเลือกแหล่งข้อมูลอ้างอิง ควรเลือกอ้างอิงข้อมูลเบื้องต้น หรื อข้อมูลปฐมภูมิ คือข้อมูลที่ได้มา


จากแหล่งเดิ มของเรื่ องราว เช่ น การสัมภาษณ์ผอู้ ยูใ่ นเหตุการณ์ บันทึกผูร้ ่ วมปฏิบตั ิภารกิ จ ทฤษฎีการ
คิดค้นของผูเ้ ขียนเรื่ องนั้นๆ เป็ นต้น แหล่งข้อมูลประเภทนี้ จะทาให้ขอ้ มูลในรายงานน่าเชื่อถือมากกว่า
แหล่งข้อมูลที่เป็ นการอ้างต่อๆ กันมา

ส่ วนประกอบของรายงานวิชาการ
รายงานมีส่วนประกอบใหญ่ๆ ๓ ส่ วน ดังนี้
๑. ส่ วนประกอบตอนต้น ได้แก่ ปกนอก ใบรองปก ปกใน คานา สารบัญ
๒. ส่ วนเนื้อหา ได้แก่ บทนา เนื้อหา บทสรุ ป
๓. ส่ วนประกอบตอนท้าย ได้แก่ บรรณานุกรม ภาคผนวก อภิธานศัพท์ ดัชนี ใบรองปก ปก
หลัง
ส่ วนประกอบตอนต้ น
๑. ปกนอก
ควรจัดทาด้วยกระดาษเนื้ อหนากว่ากระดาษด้านในที่เป็ นเนื้ อหารายงาน โดยมีรูปแบบและ
รายละเอี ยดที่ ข้ ึ นอยู่กบั สถาบันและผูส้ อนกาหนด แต่โดยทัว่ ไปหน้าปกรายงานจะประกอบด้วยชื่ อ
รายงาน ชื่ อผูจ้ ดั ทา ชื่ อวิชา ชื่ อสถาบัน ภาคเรี ยน และปี การศึกษา โดยจัดวางรู ปแบบให้เหมาะสม
นอกจากนี้ในบางสถาบันก็กาหนดให้ระบุชื่ออาจารย์ผสู้ อนในหน้าปกด้วย หรื อบางแห่ งให้ระบุเพียงชื่อ
รายงานเท่านั้น ส่ วนรายละเอียดอื่นๆ ให้ใส่ ไว้ในหน้าปกใน สาหรับกรณี ที่ชื่อเรื่ องยาวเกินหนึ่ งบรรทัด
ให้จดั พิมพ์ในรู ปแบบสามเหลี่ยมหัวกลับเพื่อความสวยงาม

่ น้ าสารบัญ
กลับสูห
๖๔ | G E L ๒ ๐ ๐ ๑ ภ า ษ า ไ ท ย เ ชิ ง วิ ช า ก า ร

ตัวอย่างการวางรู ปแบบหน้าปกรายงานวิชาการ

การเขียนรายงานวิชาการ

เสนอ

อาจารย์ยงิ่ รัก มีเมตตา

จัดทาโดย

นายปัญญา คิดดี
รหัส ๕๐๑๑๑๑๑๑๑๑
สาขาวิชาภาษาไทย

รายงานนี้เป็ นส่ วนหนึ่งของการศึกษาวิชาภาษาไทยเชิงวิชาการ (GEL 2001)


มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุ นนั ทา
ภาคเรี ยนที่ ๑ ปี การศึกษา ๒๕๕๓

๒. ใบรองปก
ใบรองปกเป็ นกระดาษเปล่าที่วางเรี ยงต่อจากปกนอก ผูจ้ ดั ทารายงานส่ วนใหญ่มกั ไม่มีใบรอง
ปก เนื่ องจากเป็ นกระดาษไม่มีขอ้ มูลใดๆ ในการทารายงานวิชาการจะปรากฏการแทรกใบรองปกใน

่ น้ าสารบัญ
กลับสูห
G E L ๒ ๐ ๐ ๑ ภ า ษ า ไ ท ย เ ชิ ง วิ ช า ก า ร | ๖๕

ต าแหน่ ง ต่ อ จากปกหน้า และก่ อ นปกหลัง แม้จ ะเป็ นเพี ย งหน้า กระดาษเปล่ า แต่ ใ บรองปกก็ เ ป็ น
ส่ วนประกอบที่ทาให้รายงานวิชาการมีองค์ประกอบสมบูรณ์
๓. ปกใน
ปกในจะนาเสนอข้อมูล เหมื อนกับ ปกนอกทุ กประการ แต่ พิมพ์ขอ้ มูล ลงบนกระดาษสี ขาว
เหมื อนการพิมพ์เนื้ อหารายงาน ปกในมีประโยชน์เพราะหากปกนอกชารุ ดหรื อขาดหาย ข้อมูลของ
ผูจ้ ดั ทารายงานก็ยงั ปรากฏอยูใ่ นปกใน
๔. คานา
ค าน าเป็ นส่ ว นที่ แ สดงถึ ง ความส าคัญ ความเป็ นมาของการจัด ท ารายงาน วัต ถุ ป ระสงค์
ขอบเขตของเนื้ อหา คาขอบคุณผูท้ ี่ช่วยเหลือให้การทารายงานสาเร็ จเรี ยบร้อยด้วยดี การเขียนคานาไม่
ควรกล่าวถึ งข้อบกพร่ องหรื อคาขอโทษที่จดั ทารายงานไม่เรี ยบร้อย ในส่ วนท้ายของคานาจะระบุชื่อ-
นามสกุลของผูจ้ ดั ทารายงาน และวัน เดือน ปี แต่ถา้ ผูจ้ ดั ทามีหลายคนให้เขียนว่า คณะผูจ้ ดั ทา แทนการ
ลงชื่อ-นามสกุลของผูจ้ ดั ทาจนครบทุกคน ตัวอย่าง

คานา

รายงานเรื่ อง การเขียนรายงานวิชาการ ฉบับนี้ จัดทาขึ้นเพื่อประกอบการศึกษารายวิชา GEL


2001 ภาษาไทยเชิงวิชาการ ประจาภาคเรี ยนที่ ๑ ปี การศึกษา ๒๕๕๓ โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับความหมาย
ของรายงาน ขั้นตอนการทารายงาน และส่ วนประกอบรายงาน
ขอขอบคุณเจ้าของงานเขียนทุกท่านที่ผจู้ ดั ทาได้นาข้อมูลมาใช้อา้ งอิงประกอบการศึกษา และ
ขอขอบคุ ณอาจารย์ยิ่งรัก มีเมตตา ที่ช่วยให้คาแนะนาในการจัดทารายงานจนเป็ นผลสาเร็ จ และหวัง
เป็ นอย่างยิง่ ว่ารายงานฉบับนี้จะเป็ นประโยชน์ต่อผูส้ นใจเรื่ องการเขียนรายงานวิชาการต่อไป

ปัญญา คิดดี
๘ พฤษภาคม ๒๕๕๓

๕. สารบัญ
สารบัญทาหน้าที่บอกหัวเรื่ องต่างๆ ที่มีอยู่ในรายงาน เรี ยงลาดับตั้งแต่ตน้ จนจบ โดยระบุเลข
หน้ากากับหัวข้อเรื่ องนั้นไว้ เริ่ มต้นหน้าที่ ๑ เมื่อเป็ นส่ วนเนื้อเรื่ อง ส่ วนหน้าที่เป็ นส่ วนประกอบรายงาน

่ น้ าสารบัญ
กลับสูห
๖๖ | G E L ๒ ๐ ๐ ๑ ภ า ษ า ไ ท ย เ ชิ ง วิ ช า ก า ร

ได้แก่ คานา สารบัญ สารบัญภาพ สารบัญตาราง จะใช้ตวั เลขหรื อตัวอักษรภายในวงเล็บ ในกรณี ที่
เนื้ อหาของรายงานมี ภาพประกอบและตารางแสดงข้อมูล จานวนมาก ก็ อาจจัดท าสารบัญภาพและ
สารบัญตารางเรี ยงต่อสารบัญเนื้อหา

ตัวอย่างสารบัญ

สารบัญ

หน้า
คานา _________________________________________________________ (๑)
สารบัญ ____________________________________________________ (๒)
สารบัญภาพ __________________________________________________ (๓)
สารบัญตาราง _________________________________________________ (๔)
ความหมายของรายงานวิชาการ ____________________________________ ๑
ขั้นตอนการทารายงานวิชาการ _____________________________________ ๒
ส่ วนประกอบรายงานวิชาการ ____________________________________ ๑๐
การลงรายการบรรณานุกรม _______________________________________ ๑๙
บรรณานุกรม __________________________________________________ ๒๗
ภาคผนวก __________________________________________________ ๒๙
อภิธานศัพท์ __________________________________________________ ๓๓
ดัชนี _________________________________________________________ ๓๕

ตัวอย่างสารบัญภาพ

สารบัญภาพ
ภาพที่ หน้า
๑ แบบอักษร ๓
๒ ตัวอย่างรู ปแบบหน้าปกรายงาน ๖
๓ ตัวอย่างบัตรบันทึกข้อมูล ๙

่ น้ าสารบัญ
กลับสูห
G E L ๒ ๐ ๐ ๑ ภ า ษ า ไ ท ย เ ชิ ง วิ ช า ก า ร | ๖๗

ข้ อควรระวังในการจัดทาสารบัญ การจัดทาสารบัญไม่ใช่เรื่ องยากแต่มีขอ้ ควรระวัง ดังนี้


๑. หัวข้ อในสารบัญไม่ ครบตามหัวเรื่องในเล่มรายงาน ฉะนั้นควรตรวจสอบหัวข้อให้
ถูกต้องเพื่อทาให้สารบัญสามารถแสดงเนื้อหาภายในเล่มได้สมบูรณ์ที่สุด และการพิมพ์หวั ข้อในสารบัญ
อาจพิมพ์ท้ งั หัวข้อหลักกับหัวข้อรอง หรื อหัวข้อหลักอย่างเดียว อย่างไรก็ตามหากพิมพ์ท้ งั หัวข้อหลัก
และหัวข้อรอง ควรพิมพ์หวั ข้อรองเยื้องไปด้านขวาของหัวข้อหลักเพื่อแสดงลาดับชัดเจน
๒. ชื่ อหัวข้ อในเล่ มรายงานไม่ ตรงกับหัวข้ อในสารบัญ อาจเนื่ องมาจากการเปลี่ยนแปลง
หัวข้อในเนื้อหาภายหลังการจัดทาสารบัญแล้ว แต่ไม่ได้ปรับเปลี่ยนในหน้าสารบัญด้วย
๓. เลขหน้ าไม่ ต รงกับเนื้อหาภายในเล่ ม หรื อบางครั้ งไม่มีเลขหน้าตามที่ กาหนดใน
สารบัญต้องมีการตรวจสอบให้ดีก่อนจัดพิมพ์
ส่ วนเนือ้ หา
เนื้ อหาเป็ นส่ วนสาคัญที่สุดในรายงาน เพราะเป็ นส่ วนที่ผจู้ ดั ทาได้รวบรวม ค้นคว้า และเรี ยง
เรี ยงข้อมูล เพื่อตอบจุดประสงค์ของเรื่ องที่กาหนดไว้ ในส่ วนเนื้ อหาจะประกอบด้วยบทนา เนื้ อหา และ
บทสรุ ป ดังนี้
๑. บทนา
บทนาหรื อความนา เป็ นข้อความเริ่ มต้นในส่ วนเนื้ อหา ซึ่ งบทนาอาจเป็ นเพียงย่อหน้าเดียว
หรื อขึ้นบทใหม่ท้ งั บทก็ได้ ทั้งนี้ ข้ ึนอยู่กบั ขนาดของรายงาน หากเป็ นรายงานฉบับเล็ก อาจมีบทนา
เพียงย่อหน้าเดี ยว เป็ นเพียงย่อหน้านา ซึ่ งการเขียนบทนาสาหรับรายงานทัว่ ไป ผูจ้ ดั ทาอาจกล่าวถึ ง
ความสาคัญของประเด็นที่ศึกษา หรื ออาจเสนอข้อมูลทั้งหมดที่จาเป็ นอันนาไปสู่ ประเด็นในเนื้ อเรื่ อง แต่
หากผูจ้ ดั ทาต้องการนาเสนอข้อมูลเบื้องหลังการจัดทารายงานก็ควรให้รายละเอียดในประเด็นต่างๆ มาก
ขึ้น ซึ่ งการเขียนในลักษณะนี้อาจทาเป็ นบทนา ๑ บทต่างหาก โดยกล่าวถึงความสาคัญของประเด็นที่
ศึกษา วัตถุประสงค์ ขอบเขตของการศึกษา วิธีการศึกษา คานิ ยามเฉพาะที่ใช้ในรายงาน สถิติที่ใช้ใน
การวิเคราะห์(ถ้ามี) ปั ญหาที่พบในการเก็บข้อมูล และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

่ น้ าสารบัญ
กลับสูห
๖๘ | G E L ๒ ๐ ๐ ๑ ภ า ษ า ไ ท ย เ ชิ ง วิ ช า ก า ร

ตัวอย่างการเขียนบทนาในรายงานขนาดเล็ก

“โฆษณาเป็ นส่ วนหนึ่ งของชี วิตคนในกรุ งมากเท่าๆ กับเครื่ องรับโทรทัศน์ และในปั จจุบนั เรา
สามารถกล่าวได้วา่ โฆษณาเป็ นของคู่กบั รายการทางโทรทัศน์ ค่าใช้จ่ายสาหรับรายการโทรทัศน์ต่างๆ
ล้วนได้มาจากการโฆษณาทั้งสิ้ น” (วิไลวรรณ ขนิษฐานันท์, ๒๕๓๗, หน้า ๑ )
จากข้อความข้า งต้นได้แสดงว่า โฆษณาเป็ นสิ่ งส าคัญในการสื่ อสารมวลชน ทาให้ขอ้ ความ
โฆษณาเป็ นสิ่ งที่ตอ้ งพิถีพิถนั มากในงานโฆษณาแต่ละชิ้น เพราะเป็ นสิ่ งที่ได้ผา่ นการคิดค้นขึ้นมาเพื่อจูง
ใจให้คนแสดงพฤติกรรมตามที่ผูส้ ร้ างสรรค์โฆษณาต้องการ ความต้องการพื้นฐานที่สาคัญที่สุดคือ
ความต้องการ ชักจูงให้คนยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อสิ นค้าหรื อบริ การ
รายการวิทยุปัจจุบนั ก็มีการโฆษณาสิ นค้าเกือบทุกสถานี โดยเฉพาะสถานีที่เป็ นรายการเพลงซึ่ ง
มี คนฟั ง ค่อนข้า งมาก รู ปแบบการสร้ างภาษาในโฆษณาจึ งต้องมีการพัฒนาและแข่ง ขันเพื่อให้ผูฟ้ ั ง
ประทับใจมากที่สุด และจากความแตกต่างของรู ปแบบรายการวิทยุประเภทเอเอ็มและเอฟเอ็ม ซึ่ งมีกลุ่ม
ผูฟ้ ั งแตกต่างกันอย่างชัดเจน ผูว้ ิเคราะห์เห็นว่าน่ าจะมีบางสิ่ งบางอย่างในการโฆษณาแตกต่างกันไป
อาทิ เรื่ องของรู ปแบบ ภาษา ตลอดจนตัวสิ นค้าที่นาเสนอ เป็ นเหตุผลให้ผวู้ ิเคราะห์เกิดความสนใจที่จะ
ศึกษาถึงความแตกต่างที่ปรากฏอยูจ่ ริ ง

๒. เนือ้ หา
การเรี ยบเรี ยงส่ วนเนื้อหาในรายงานประกอบด้วยส่ วนที่เป็ นเนื้อความ การอ้างอิงในเนื้ อหา3
การเขียน อัญประภาษ และเชิงอรรถ
ในส่ วนเนื้ อความ เมื่อผูจ้ ดั ทารายงานได้ผ่านกระบวนการค้นคว้า รวบรวมและบันทึกข้อมูล
ได้ตามที่ตอ้ งการแล้ว ก่ อนอื่ นต้องตรวจสอบความถูกต้องและความน่ าเชื่ อถื อของข้อมูลก่ อน โดย
พิจารณาถึ งแหล่งข้อมูลที่นามา บุคคลหรื อหน่ วยงานที่จดั ทาข้อมูลนั้น เช่ น ถ้าผูเ้ ขียนเป็ นผูเ้ ชี่ ยวชาญ
เฉพาะในสาขาวิช าย่อมน่ า เชื่ อถื อกว่า บุ ค คลที่ ไ ม่ ใ ช่ ผูเ้ ชี่ ย วชาญในสาขาวิช านั้น หรื อเรื่ อ งเกี่ ย วกับ
การศึกษา ควรอ้างอิงแหล่งที่มาจากกระทรวงศึกษาธิ การมากกว่ากระทรวงวัฒนธรรม เป็ นต้น ปั จจุบนั
การนาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตมาใช้ประกอบในรายงานมีจานวนมากขึ้น เนื่องจากการสื บค้นสะดวก ไม่
เสี ยเวลาและค่าใช้จ่ายมากเท่ากับการเข้าใช้บริ การห้องสมุดต่างๆ แต่ขอ้ ควรระวังในการนาข้อมูลจาก
อินเทอร์ เน็ ตมาใช้ คื อควรพิจารณาแหล่งข้อมูลที่เชื่ อถือได้ เช่ น เลือกใช้ฐานข้อมูลของมหาวิทยาลัย
หนังสื ออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) หรื อเนื้อหาที่แสดงข้อมูลผูเ้ ขียนชัดเจน น่าเชื่อถือ และเราสามารถนามา
อ้างอิ งได้ ย่อมดี กว่า การนาข้อมู ลของใครก็ ได้ที่แสดงไว้ในเว็บไซต์ทวั่ ๆ ไป มาใช้ประกอบการท า

3
ศึกษาเพิ่มเติมจากหน่วยการเรี ยนเรื่ อง การสื บค้นข้อมูลและการอ้างอิงเชิงวิชาการ

่ น้ าสารบัญ
กลับสูห
G E L ๒ ๐ ๐ ๑ ภ า ษ า ไ ท ย เ ชิ ง วิ ช า ก า ร | ๖๙

รายงาน เพราะข้อมูลนั้นอาจจะเป็ นเพียงการถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ ข้อคิดเห็น ของบุคคลทัว่ ไป


แต่บงั เอิญเป็ นข้อมูลที่ตรงกับประเด็นในรายงานของเราเท่านั้น
เมื่อพิจารณาและคัดเลือกข้อมูลทั้งหมดแล้ว ให้นาข้อมูลทั้งหมดมาเรี ยบเรี ยง โดยมีการนา
แนวคิดหรื อทฤษฎีตามหลักวิชานั้นๆ มาใช้ในการศึกษาและวิเคราะห์ขอ้ มูล
สิ่ งที่ผจู ้ ดั ทารายงานควรตระหนักก็คือการนาข้อมูลของผูอ้ ื่นมาใช้ในรายงาน ไม่ควรใช้วิธี
คัดลอก หรื อนามาตัดต่อ แต่ควรเป็ นการเรี ยบเรี ยงใหม่โดยใช้สานวนภาษาของผูท้ ารายงานเอง อาจใช้
การบรรยาย การอธิ บาย การยกตัวอย่างประกอบ และการนาเสนอผลในรู ปแบบของตาราง รู ปภาพ
แผนภูมิ แผนภาพ ฯลฯ เพื่อให้ผอู ้ ่านเข้าใจเหมือนที่ผจู้ ดั ทาเข้าใจ เรี ยงลาดับเนื้ อหาไปตามลาดับของ
โครงเรื่ องที่ได้กาหนดไว้ และในแต่ละย่อหน้าต้องคานึ งถึงสารัตถภาพที่อาจจะเป็ นข้อเท็จจริ ง การ
วิเคราะห์ขอ้ มูลการแสดงความคิดเห็น หรื อข้อเสนอแนะ โดยเรี ยบเรี ยงให้มีเอกภาพและสัมพันธภาพ
ตั้งแต่ตน้ จนจบแต่ละหัวข้อเรื่ อง
ตัวอย่างการเรี ยบเรี ยงเนื้ อหาประเด็น “ความสาคัญของใบตองกับการบริ โภคของคนไทย”
ตัวอย่างนี้ มีขอ้ มูลเกี่ ยวข้องซึ่ งรวบรวมไว้ได้จานวน ๔ ข้อมูล นามาพิจารณาเลือกข้อมูลที่สัมพันธ์กบั
เรื่ อง และเรี ยบเรี ยงใหม่ดว้ ยสานวนภาษาของตนเอง
ข้ อมูลที่ ๑
กระทงใบตองแห้ง เป็ นสิ่ งที่ใช้ในเทศกาลตรุ ษจีน สารทจีน และอื่น ๆ อีกมากมาย และ กระทงใบตอง
แห้งของจังหวัดสมุทรสงครามเป็ นสิ นค้าที่ส่งออกมาหลายชัว่ อายุคน การเย็บกระทงใบตองแห้ง วัสดุหา
ง่ายในท้องถิ่น มีทุกพื้นที่ สามารถนามาเป็ นอาชีพเสริ ม และอาชีพหลักได้ ขึ้นอยูก่ บั ราคาและเทศกาล
เดือนหนึ่ง ๆ สร้างรายได้ประมาณ 2,000-3,000 บาท

(ดัดแปลงข้อมูลจาก www.moac-info.net/modules/news/.../75_4_55329_katong.pdf -)

ข้ อมูลที่ ๒
ใบตองแห้งนาไปใช้ในงานศิ ลปกรรมไทยได้หลายอย่าง เช่ น นาไปท ารักสมุก ในงานของช่ า ง
เขียน ช่ าง+ปั้ น ช่ างแกะ และช่ างหุ่ น เพราะรักสมุกใบตองแห้ง ช่ วยในการเคลือบและปกป้ องเนื้ อ
ไม้ ขัดแต่งง่าย เมื่อแห้งผิวเป็ นมัน น้ าหนักเบา เหมาะในการทาหัวโขน และการลงรักปิ ดทอง

ข้ อมูลที่ ๓
ในงานศพ ในสมัยโบราณ มีการนาใบตองมารองศพ ก่อนนาศพวางลงในโลง นอกจากนี้ ใบตองยังมี
บทบาทสาคัญมากในพิธีกรรมต่างๆ โดยการนามาทากระทงใส่ ของ ใส่ ดอกไม้ และประดิ ษฐ์เป็ น
กระทงบายศรี

่ น้ าสารบัญ
กลับสูห
๗๐ | G E L ๒ ๐ ๐ ๑ ภ า ษ า ไ ท ย เ ชิ ง วิ ช า ก า ร

ข้ อมูลที่ ๔
ในชี วิตประจาวัน ใช้ใบตองในการห่ อผักสดและอาหาร เนื่ องจากใบตองสดมีความชื้น ดังนั้นเมื่อใช้
ห่ อผักสดหรื ออาหาร ความชื้ นจะช่วยรักษาผักหรื ออาหารให้สดอยูเ่ สมอ นอกจากนี้ ใบตองยังทนทาน
ต่อความเย็นและความร้ อน ดังนั้นเมื่อนาใบตองห่ ออาหารแล้วเอาไปปิ้ ง นึ่ ง ต้ม ใบตองก็จะไม่สลาย
หรื อละลายเหมือนเช่นพลาสติก จึงมีอาหารหลายอย่างที่ห่อใบตองแล้วนาไปนึ่ ง เช่น ห่ อข้าวต้ม
ผัด ขนม+กล้วย ขนมตาล ขนมใส่ ไส้ หรื อเอาไปปิ้ ง เช่น ข้าวเหนียวปิ้ ง หรื อนาไปต้ม เช่น ข้าวต้ม
มัด หรื อข้าวต้มจิ้ม อาหารเหล่านี้ เมื่อนาไปต้ม ปิ้ ง หรื อนึ่งแล้ว ยังทาให้เกิดความหอมของใบตองอีก
ด้วย สาหรับใบตองแห้งนามาใช้ทากระทงเพื่อใส่ อาหาร ห่ อกะละแม มวนบุหรี่ โดยใบตองแห้งก็จะมี
กลิ่นหอมเช่นกัน ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้มีการทดลองนาเอาใบตองแห้งมาอัดกันแน่นหลายๆ
ชั้น ทาเป็ นภาชนะใส่ ของแทนการใช้โฟม

(ดัดแปลงข้อมูลจาก http://www.polyboon.com/stories/story000070.html)

สานวนภาษาที่เรี ยงเรี ยงแล้ว

ใบตองเป็ นวัส ดุ ธ รรมชาติ ที่ มี บ ทบาทคู่ ก ับ ครั วเรื อนของไทยมาช้า นาน ทั้ง ใบตองสดและ
ใบตองแห้ง สามารถนามาสร้ างสรรค์ให้เกิ ดประโยชน์ได้ท้ งั สิ้ น บทบาทหนึ่ งของใบตองคือการนาทา
เป็ นภาชนะบรรจุและห่ อหุ ้มอาหาร ในชี วิตประจาวันของคนในสมัยก่อนนิ ยมใช้ใบตองสดห่ อผักสด
เนื่องจากใบตองสดมีความชื้ นซึ่ งจะช่วยให้ผกั สดนาน ปั จจุบนั ยังพบเห็นการใช้ประโยชน์ของใบตอง
ในลักษณะนี้ บา้ งตามต่างจังหวัด ในด้านการนาใบตองมาใช้บรรจุอาหารและขนม เช่น ห่ อหมก ตะโก้
ขนมตาล และขนมไทยอื่นๆ รวมทั้งขนมเข่ง ขนมประจาเทศกาลตรุ ษสารทของชาวจีน ที่เลือกใช้เฉพาะ
กระทงใบตองแห้ง ก็เป็ นวัฒนธรรมการกินที่ยงั คงปรากฏให้เห็นอยูจ่ นทุกวันนี้
บทบาทของใบตองในการประกอบอาหารไทย ใบตองสดจะถูกนามาห่ ออาหารแล้วนาไปปิ้ ง
นึ่ ง หรื อต้ม เช่ น ข้าวต้มผัด ข้าวเหนี ยวปิ้ ง และขนมใส่ ไส้ เป็ นต้น เนื่ องจากคุณสมบัติของใบตองที่
คงทนต่ อความร้ อนได้ ไม่ ล ะลายเหมื อนผลิ ตภัณฑ์จากพลาสติก อี กทั้ง กลิ่ นหอมของใบตองทาให้
อาหารมี กลิ่ นชวนรั บประทาน ดัง เช่ นการนาใบตองอ่อนมาห่ อกาละแม ยิ่ง เพิ่ม เสน่ ห์ ด้วยกลิ่ นหอม
อบอวลให้แก่ขนมที่มีรสชาติกลมกล่อมอยูแ่ ล้ว

จากตัวอย่า งข้า งต้น จะพบว่า ข้อมู ล ที่ ไ ด้รวบรวมมา มี ป ระเด็น ที่ เกี่ ย วข้อ งกับ เรื่ อ งของ
ใบตองมากมาย แต่ก็มีอีกหลายประเด็นไม่เกี่ยวข้องกับเรื่ องที่กาลังศึกษา จึงต้องตัดข้อมูลเหล่านั้นทิ้ง

่ น้ าสารบัญ
กลับสูห
G E L ๒ ๐ ๐ ๑ ภ า ษ า ไ ท ย เ ชิ ง วิ ช า ก า ร | ๗๑

ไป ผูจ้ ดั ทารายงานไม่ควรเสี ยดายข้อมูลที่มีอยู่และพยายามนามาเขียนแทรกลงไป เพราะจะทาให้


เนื้อหาผิดไปจากโครงเรื่ องที่กาหนดไว้
๓. บทสรุ ป
บทสรุ ป เป็ นข้อความที่อยูต่ อนท้ายของเนื้ อหา อาจเป็ นเพียงย่อหน้าเดียวหรื อแยกเป็ นบท
ต่ า งหากก็ ไ ด้ ซึ่ ง ขนาดของบทสรุ ป จะสัม พันธ์ กับ ขนาดของบทนา ข้อความในส่ วนนี้ เป็ นการสรุ ป
รายละเอียดงานวิชาการที่ได้เรี ยบเรี ยงไว้ ประเด็นที่นามาสรุ ปอาจเป็ นผลการศึกษาที่ได้จากการค้นคว้า
ข้อมูล หรื อเป็ นข้อมูลเพื่อตอบคาถามประเด็นต่างๆ เกี่ ยวกับรายงานได้ครบถ้วนชัดเจน บทสรุ ปมี
ประโยชน์ในการทาให้ผอู ้ ่านจับประเด็นของเรื่ องทั้งหมดได้ง่ายขึ้น

ตัวอย่างการเขียนบทสรุ ปรายงานขนาดเล็ก

สรุ ปและข้ อเสนอแนะ

จากการศึกษาและวิเคราะห์ลีลาภาษาร้อยแก้วในบทพระราชนิพนธ์ในพระราชวรวงศ์เธอ กรม
หมื่นพิทยาลงกรณ์ (น.ม.ส.) จากเรื่ องจดหมายจางวางหร่ าและนิทานเวตาล ผูศ้ ึกษาพบว่าลีลาภาษาร้อย
แก้วที่ปรากฏมีการใช้ภาษาอย่างประณี ต โดดเด่นอย่างมีเอกลักษณ์ พระนิพนธ์เรื่ องจดหมายจางวางหร่ า
ก็ จ ะงดงามด้ว ยลี ล าภาษาร้ อ ยแก้ว แห่ ง โวหารข้อ คิ ด ตลอดทั้ง เรื่ อ ง ส่ ว นพระนิ พ นธ์ ร้ อ ยแก้ว ที่ มี
จุดมุ่งหมายเพื่อความบันเทิงอย่างนิ ทานเวตาล แม้จะมีลีลาภาษาร้อยแก้วครบทุกลีลา แต่ปรากฏลีลา
ภาษาข้อคิดโวหารและลี ลาภาษาสุ นทรี ยะค่อนข้างมากกว่าลีลาภาษาประเภทอื่น ทั้งนี้ สอดคล้องกับ
จุดมุ่งหมายที่มุ่งให้ขอ้ คิด ความบันเทิงและให้อรรถรสทางวรรณศิลป์
ข้อสังเกตจากการศึกษาที่พบ มี ๒ ประเด็น คือ ประเด็นที่ ๑ ผูแ้ ต่งเป็ นผูม้ ีอารมณ์ขนั แสดงออก
โดยใช้การใช้ภาษา การใช้บริ บทแวดล้อมของภาษา การใช้คา การสร้างพฤติกรรมตัวละครให้น่าขัน
ประเด็นที่ ๒ การใช้คา สานวนของผูแ้ ต่งซึ่ งเป็ นคาง่ายๆ แต่สร้างความมีชีวิตชี วาให้กบั เรื่ องราวด้วย
สานวนภาษาที่ไม่เหมือนใคร ซึ่ งทาให้บทนิพนธ์ท้ งั สองเรื่ องนี้ จึงยังเป็ นที่ประทับใจและชื่ นชอบของ
ผูอ้ ่านทุกยุคทุกสมัยตราบจนทุกวันนี้

(ดัดแปลงจากรายงานเรื่ อง “ลีลาภาษาร้อยแก้วในบทพระนิพนธ์ในพระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์” ของ


สหะโรจน์ กิตติมหาเจริ ญ)

่ น้ าสารบัญ
กลับสูห
๗๒ | G E L ๒ ๐ ๐ ๑ ภ า ษ า ไ ท ย เ ชิ ง วิ ช า ก า ร

การใช้ ภาษาในการเรียบเรียงเนือ้ หารายงาน


ภาษาการเขียนรายงานมีลกั ษณะเป็ นภาษาแบบแผน ไม่ใช้ภาษาปากหรื อภาษาพูด แต่ควรเป็ น
ภาษาสุ ภาพและเหมาะกับผูอ้ ่าน การใช้ภาษาในการเรี ยบเรี ยงรายงานควรพิจารณาในประเด็นต่างๆ ดังนี้
๑. ความถูกต้ องและสมบูรณ์
๑.๑ การสะกดคา ในการเขียนรายงานผูจ้ ดั ทาต้องพิถีพิถนั ในการตรวจสอบความถูกต้องของ
การสะกดคาที่ใช้เสมอ หากไม่แน่ใจควรเปิ ดพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ไม่ควร
เดาสุ่ มหรื อปล่อยข้ามไปโดยไม่มีการตรวจสอบ หากเป็ นคาทับศัพท์ซ่ ึ งปั จจุบนั มีการเขียนที่ต่างกันมาก
ดังนั้นควรยึดหลักการเขียนตามเกณฑ์ของราชบัณฑิตยสถานจึงจะเป็ นที่ยอมรับในวงวิชาการ เลี่ยงการ
ฉี กคาออกจากกันเมื่อขึ้นบรรทัดใหม่ หากจาเป็ นต้องฉีกคาแล้วก็ควรใส่ เครื่ องหมายยติภงั ค์หรื อยัตติภงั ค์
ซึ่ งเป็ นเครื่ องหมายขีดกลางบรรทัด (-) เพื่อแสดงว่ามีส่วนของคาที่อยูใ่ นบรรทัดใหม่ เช่ น มหาวิทยาลัย
ราชภัฏ- สวนสุ นนั ทา กระทรวงวิทยาศาสตร์ -และเทคโนโลยี แต่ไม่ควรฉี กคาในกรณี ที่คานั้นเป็ นคา
เดียวกัน แต่อ่านออกเสี ยงหลายพยางค์ เช่น สามา-รถ ปฏิสัง-ขรณ์ สวนสุ -นันทา เป็ นต้น
๑.๒ การเขียนตัวเลข โดยปกติการแสดงจานวนนิยมเขียนด้วยตัวเลขอยูแ่ ล้ว ทั้งวันที่ เดือน ปี
อายุ เลขหน้า เลขบท เลขตาราง จานวนเงิน จานวนนับหน้าคาลักษณนาม จานวนนับทาง
คณิ ตศาสตร์ และจานวนหน้าคาว่า เปอร์เซ็นต์ แต่ความนิยมเขียนจานวนด้วยตัวอักษรก็พบในกรณี ดงั นี้
 สิ่ งที่กล่าวถึงมีจานวนต่ากว่า ๑๐ โดยเฉพาะ เลข ๐ และ ๑ เช่น หนึ่งในล้าน ค่า
เป็ นศูนย์ สี่ ครั้ง ภาพสามมิติ เป็ นต้น แต่สาหรับข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยีนิยมเขียนเป็ นตัวเลขไม่วา่ จะมีค่าเท่าใด เช่น อุณหภูมิ ๔๓ องศา
เซลเซี ยส กาลังไฟ ๒๒๐ โวลต์
 ตัวเลขที่เป็ นคาแรกของประโยค ชื่อเรื่ อง หรื อหัวข้อในหนังสื อ เช่น ชายสาม
โบสถ์ สี่ สหายปราบโจร ร้อยแปดพันเก้า เจ็ดดรุ ณี เป็ นต้น
 เศษส่ วน เช่น หนึ่งในสามของรายได้ หนึ่งต่อหนึ่ง เศษสองส่ วนสี่ เป็ นต้น
 ส าหรั บ ตัว เลขตั้ง แต่ ห ลัก ล้า นขึ้ น ไปให้ ใ ช้ต ัว เลขและอัก ษรประสมกัน เช่ น
๗ หมื่นล้านบาท ๖๐ ล้านคน ๒๐๐ ล้านบาท เป็ นต้น
๑.๓ การเว้นระยะหลังเครื่องหมายวรรคตอน เพื่อความเป็ นระเบียบแบบแผนและสวยงาม เมื่อ
มีการพิมพ์ขอ้ ความหลังเครื่ องหมายจุลภาค (,) อัฒภาค (;) ทวิภาค (:) และอัญประกาศ (“ ”) ให้เว้นวรรค
๑ เคาะ แต่ถา้ มีเครื่ องหมายมหัพภาค (.) นามาก่อนให้เว้นวรรค ๒ เคาะ
๑.๔ ความสม่าเสมอ ดังที่ได้กล่าวแล้วว่าภาษาในการเขียนรายงานต้องเป็ นภาษาแบบแผน
ดัง นั้นการใช้ภ าษาตลอดทั้ง เล่ ม รายงานต้องเป็ นภาษาระดับ เดี ย วกัน ไม่ ค วรนาภาษาระดับ ไม่ เป็ น
ทางการเข้ามาปะปน เช่ น การเดินทางโดยรถโดยสารประจาทางเป็ นยานพาหนะที่สาคัญของคนเมือง
หากวันใดรถเมล์เกิดการประท้วงผูค้ นคงลาบาก

่ น้ าสารบัญ
กลับสูห
G E L ๒ ๐ ๐ ๑ ภ า ษ า ไ ท ย เ ชิ ง วิ ช า ก า ร | ๗๓

๑.๕ การใช้ ประโยคและย่อหน้ าทีส่ มบูรณ์ ประโยคที่สมบูรณ์เกิดจากการเรี ยงคาได้ถูกต้องตาม


หลักไวยากรณ์ไทย ไม่ใช้ประโยคกากวม ทาให้ตีความได้หลายอย่าง มีความเป็ นเหตุเป็ นผลสอดคล้อง
กัน และควรหลี กเลี่ ยงสานวนภาษาต่างประเทศ ส่ วนย่อหน้าที่สมบูรณ์เกิ ดจากขั้นตอนการวางโครง
เรื่ อง ทาให้แต่ละย่อหน้ามีเอกภาพ สารัตถภาพ คือมีประเด็นหลักที่ตอ้ งการนาเสนอเพียงประเด็นเดียว
เท่านั้น และข้อมูลที่เรี ยบเรี ยงมีความสัมพันธ์กนั เกี่ยวข้องกันไปจนจบย่อหน้า
๑.๖ หลีกเลีย่ งคาทีไ่ ม่ ควรใช้ ได้แก่ การใช้ภาษาพูดหรื อภาษาปาก คาหยาบ คาไม่สุภาพ
คาสแลง คาย่อที่ไม่เป็ นที่รู้จกั คาโบราณที่ไม่เป็ นที่ไม่เป็ นที่รู้จกั แล้ว คาที่มีความหมายกากวม ยกเว้น
คาเหล่านี้ จาเป็ นต้องนาเสนอเนื่ องจากเกี่ ยวข้องกับเนื้ อหาหรื อเป็ นผลการค้นคว้า ส่ วนคาศัพท์เทคนิ ค
และคาศัพท์ยาก หากนามาใช้ควรมีคาอธิบายกากับเสมอเพื่อให้ผอู้ ่านรายงานได้เข้าใจ โดยอาจรวบรวม
ไว้ในอภิธานศัพท์ในส่ วนประกอบตอนท้ายของรายงาน
๒. ความกะทัดรัด หลีกเลี่ยงการเขียนรายงานด้วยการใช้คาฟุ่ มเฟื อยในประโยค ข้อความ
ฟุ่ มเฟื อยในย่อหน้า การทารายงานโดยการเขียนข้อความยืดยาวเพื่อให้มีปริ มาณงานมากขึ้นไม่ใช่สิ่งที่ดี
แต่หากเมื่อมีการวางโครงเรื่ องอย่างเหมาะสม ใช้ภาษากระชับ รัดกุมเพื่อสื่ อความหมายได้ชดั เจนจะทา
ให้รายงานน่าอ่านมากกว่า
๓. ความชัดเจน ภาษาไทยเป็ นภาษาคาโดดซึ่ งคาแต่ละคามีความหมายโดยไม่ตอ้ งมีการ
เปลี่ ย นรู ป ค าเหมื อ นภาษาอัง กฤษ การเรี ย งล าดับ ค าและการเว้น วรรคตอน เป็ นสิ่ ง ส าคัญ ที่ ท าให้
ความหมายของคาเปลี่ยนไปได้ เช่ น เขาสั่ งให้ ไปทา แตกต่างจาก เขาสั่ งไปให้ ทา และ เขาสั่ งทาไปให้
หรื อประโยคว่า น้ อยซื ้อข้ าวหมูแดงมากินกับนิด ความหมายแตกต่างจาก น้ อยซื ้อข้ าวหมู แดงมากิน
กับนิด เป็ นต้น ดังนั้นต้องการสื่ อความหมายอย่างใดก็ควรพิจารณารู ปภาษาให้ละเอียดถี่ถว้ นเสมอ
๔. การลาดับความ ก่อนลงมือเขียนต้องมีการจัดลาดับความ หรื อกาหนดจุดมุ่งหมายในการจะ
นาเสนอโดยการวางโครงเรื่ อง ทั้งนี้ เพื่อเป็ นการจัดกรอบความคิดและลาดับความสาคัญของเนื้ อหาให้
เหมาะสมก่อนจะลงมือเขียน และขณะที่เขียนก็ให้หมัน่ กลับไปดูโครงเรื่ องที่กาหนดไว้เพื่อจะได้ไม่หลง
ออกนอกประเด็น
ส่ วนประกอบตอนท้ าย ได้แก่ บรรณานุกรม4 ภาคผนวก อภิธานศัพท์ ดัชนี ใบรองปก และ
ปกหลัง
๑. ภาคผนวก
ภาคผนวกเป็ นข้อความที่เกี่ ยวข้องกับเนื้ อหาในรายงาน อาจช่ วยขยายเนื้ อหาของรายงาน
หรื อเป็ นข้อความที่ยาวเกินกว่าจะนาไปใส่ เป็ นเชิงอรรถได้ นอกจากนั้นอาจเป็ นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับ
กับการทารายงาน เช่ น แบบทดสอบ แบบสอบถาม แผนที่ แต่ถา้ ข้อมูลนั้นไม่จาเป็ นก็ไม่ควรนามา
ประกอบในรายงาน เพียงเพื่อให้ตวั เล่มมีปริ มาณหน้าเพิ่มขึ้น

4
ศึกษาเพิ่มเติมจากหน่วยการเรี ยนเรื่ อง การสื บค้นข้อมูลและการอ้างอิงเชิงวิชาการ

่ น้ าสารบัญ
กลับสูห
๗๔ | G E L ๒ ๐ ๐ ๑ ภ า ษ า ไ ท ย เ ชิ ง วิ ช า ก า ร

๒. อภิธานศัพท์
อภิธานศัพท์ เป็ นการอธิ บายคาศัพท์ที่สาคัญ คาศัพท์เทคนิคในสาขาวิชานั้นๆ คาศัพท์ที่ใช้
ในความหมายเฉพาะในรายงานเท่านั้น หรื ออาจเป็ นคาศัพท์ยากที่ผจู้ ดั ทารายงานคาดว่าผูอ้ ่านอาจไม่
เข้าใจ โดยจัดเรี ยงตามลาดับตัวอักษร ซึ่ งอภิธานศัพท์อาจจะมีหรื อไม่มีก็ได้ เพราะว่าถ้าในรายงานมี
ศัพท์ที่ตอ้ งมี การอธิ บายเพิ่มเติมจานวนไม่มาก ผูจ้ ดั ทาอาจจะใช้วิธีการอธิ บายคาศัพท์เหล่านั้นใน
ส่ วนที่เป็ นบันทึกเพิม่ เติมส่ วนท้ายของแต่ละบท หรื อทาเชิงอรรถเสริ มความในส่ วนล่างของหน้ารายงาน
ก็ได้

ตัวอย่างอภิธานศัพท์ในรายงานเรื่ อง “ความสัมพันธ์ของพุทธศาสนากับคนไทย” ท้ายรายงาน

อภิธานศัพท์

การถวายสั งฆทาน การถวายสิ่ ง ของจตุ ปั จ จัย วัต ถุ แ ก่ ห มู่ พ ระสงฆ์ โดยไม่ เ ลื อ กระบุ ถ วาย
เฉพาะเจาะจงแก่พระสงฆ์รูปใดรู ปหนึ่ง
ตลกบาตร ถุงใส่ บาตรที่มีสายสาหรับคล้องบ่า เรี ยกว่า ถลกบาตร ก็มี เมื่อแยกส่ วนออก
จะมีส่วนประกอบคือสายโยก คือสายของตลกบาตร สาหรับคล้องบ่า และ
ตะเครี ยว คือถุงตาข่ายที่ถกั ด้วยด้ายหรื อไหมเป็ นตาโปร่ งมีหูรูด หุม้ ตลกบาตรอีก
ชั้นหนึ่ง เรี ยกว่า ตะเครี ยว ก็มี พระใช้เมื่อออกบิณฑบาต
เบญจธรรม ธรรมะ ๕ ประการ คู่กบั เบญจศีล ได้แก่ เมตตา ทาน ความสารวมในกาม
สัจจะ สติ
ปวารณา วันที่สิ้นการจาพรรษาแห่งพระสงฆ์ คือ วันขึ้น ๑๕ ค่าเดือน ๑๑ ในวันนี้จะมี
พิธีกรรมทางศาสนายอมให้สงฆ์วา่ กล่าวตักเตือนได้
สั งเวชนียสถาน สถานเป็ นที่ต้ งั แห่งความสังเวช, ที่ที่ให้เกิดความสังเวช มี ๔ คือ ๑. ที่
พระพุทธเจ้าประสู ติ คือ อุทยาน ลุมพินีปัจจุบนั เรี ยกลุมพินีหรื อรุ มมินเด ๒. ที่
พระพุทธเจ้า ตรัสรู้ คือ ควงโพธิ์ ที่ตาบล พุทธคยา ๓. ที่พระพุทธเจ้าทรง
แสดงปฐมเทศนา คือ ป่ าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวง เมืองพาราณสี ปัจจุบนั
เรี ยก สารนาถ ๔. ที่พระพุทธเจ้าปริ นิพพาน คือที่สาลวโนทยาน เมืองกุสินารา
หรื อกุสินคร บัดนี้เรี ยกว่ากาเซีย

่ น้ าสารบัญ
กลับสูห
G E L ๒ ๐ ๐ ๑ ภ า ษ า ไ ท ย เ ชิ ง วิ ช า ก า ร | ๗๕

๓. ดัชนีหรือดรรชนี เป็ นรายการคาที่ปรากฏในรายงาน อาจแบ่งเป็ นหัวข้อต่างๆ เช่น รายการ


ชื่อต้นไม้ ชื่ อพืชสมุนไพร ชื่ อพันธุ์สัตว์ป่าคุม้ ครอง เป็ นต้น ซึ่ งแต่ละรายการคาจะจัดเรี ยงตามลาดับ
ตัวอักษรเพื่อให้คน้ หาสะดวก โดยที่ผอู ้ ่านไม่ตอ้ งอ่านรายงานทั้งฉบับเมื่อต้องการทราบเนื้ อหาเฉพาะ
เรื่ องนั้น การทารายงานอาจจะมีหรื อไม่มีดชั นีก็ได้ข้ ึนอยูก่ บั ความเหมาะสม
ตัวอย่างดัชนี

ดัชนี

รายการคา หน้ า
กฎแห่งการกลายเสี ยง ๑๙๔
กะเหรี่ ยง-ภาษา ๑๑๓
การกลายเสี ยง ๓๗, ๒๐๖
ความหมายกว้างออก ๒๙๙
ความหมายแคบเข้า ๒๙๗
คาซ้อน ๒๒,๒๗๙
ชวา-ภาษา ๙๙
ญี่ปุ่น – ภาษา ๑๒๓
นิรุกติศาสตร์ ๕
บาลี – ภาษา ๗๑
ภาษาคาโดด ๕๐
ภาษาถิ่น ๓๗,๑๒๘

ลักษณะของรายงานการค้ นคว้าทีด่ ี
พูลสุ ข เอกไทยเจริ ญ (๒๕๕๑, หน้า ๑๖๕-๑๖๖) กล่าวถึงการเขียนรายงานหรื อภาคนิพนธ์ที่ดี
ควรมีลกั ษณะดังนี้
๑. เนื้อเรื่อง ถูกต้องครบถ้วน ครอบคลุมประเด็นที่ตอ้ งการนาเสนอ มีการจัดลาดับเนื้อเรื่ อง
อย่าง
เหมาะสม ชัดเจน มีเอกภาพ สารัตถภาพ และสัมพันธภาพ มีวธิ ี การนาเสนอที่ดี อ่านเข้าใจง่าย
๒. ภาษา ใช้ภาษาได้ถูกต้องเหมาะสม เป็ นภาษาเขียนที่เรี ยบง่ายอย่างพิถีพิถนั ไม่คลุมเครื อ
สั้น

่ น้ าสารบัญ
กลับสูห
๗๖ | G E L ๒ ๐ ๐ ๑ ภ า ษ า ไ ท ย เ ชิ ง วิ ช า ก า ร

กะทัดรัด สละสลวย
๓. รู ปแบบ ถูกต้องตามสถานศึกษาหรื อผูส้ อนกาหนด พิมพ์ประณี ต ส่ วนประกอบทุกส่ วน
สวยงาม ถูกต้อง เรี ยบร้อย มีคุณภาพ ทุกขั้นตอนในการจัดทาต้องมีการตรวจทานแก้ไขอย่างละเอียดถี่
ถ้วน
๔. ความเป็ นผลงานการค้ นคว้า คือต้องแสดงให้เห็นถึงการศึกษาค้นคว้าอย่างจริ งจัง ลึกซึ้ ง
กว้า งขวาง ครบถ้ว น มี ค วามน่ า เชื่ อ ถื อ มี ห ลัก ฐานอ้า งอิ ง หลากหลาย ทัน สมัย มี ก ารเขี ย นอ้า งอิ ง
แหล่งที่มาของข้อมูลอย่างถูกต้องและครบถ้วน
๕. ความชั ดเจนของผู้ทารายงาน แสดงให้เห็นว่าผูท้ ารายงานมีความชัดเจนในแนวคิดและ
ประเด็นสาคัญของเรื่ อง มีความเข้าใจอย่างแจ่มชัดในประเด็นที่นาเสนอ เอาใจใส่ ในการคัดสรรข้อมูล
และนามาใช้ไ ด้ตรงตามจุ ด ประสงค์ข องเรื่ อ ง อาจมี ก ารน าเสนอส่ วนที่ เ ป็ นความรู้ ประสบการณ์
ความคิ ด หรื อความเห็ น ที่ แตกต่ า งหรื อแปลกใหม่ ออกไป และอาจย้ า ถึ ง ประโยชน์ที่ ไ ด้จากการท า
รายงานครั้งนี้

การพิมพ์รายงาน
๑. ปกนอกสี สุภาพสวยงาม หรื อถูกต้องตามรู ปแบบที่สถานศึกษากาหนด ถ้าเป็ นปกกระดาษ
ควรมีเนื้อหนาพอสมควร หากเป็ นกระดาษเนื้อบางจะทาให้เปื่ อยยุย่ ง่าย ปั จจุบนั ยังนิยมใช้ปกพลาสติก
ใสซ้อนทับด้านบน เพื่อความสวยงามคงทน
๒. กระดาษที่ใช้มีคุณภาพดี มีความหนาขนาด ๗๐- ๘๐ แกรม มีขนาดถูกต้องตามความนิยม
คือใช้กระดาษขนาด A4 สี ขาว ไม่มีเส้นบรรทัด และควรใช้เพียงหน้าเดียว
๓. นิยมใช้อกั ษรสี ดาขนาด ๑๖ point แบบ Angsana New, Cordia New และ Browallia New
แบบใดแบบหนึ่ ง แต่ควรเป็ นแบบเดียวกันตลอดทั้งเล่ม ข้อผิดพลาดที่ปรากฏเสมอคือเมื่อพิมพ์ตวั เลข
หรื ออักษรภาษาอังกฤษ คอมพิวเตอร์ มกั จะเปลี่ยนรู ปแบบไปเอง ดังนั้นขณะพิมพ์ตอ้ งสังเกตลักษณะ
รู ปแบบอักษรเสมอๆ เพื่อป้ องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้
๔. มีหมายเลขหน้าเพื่อความสะดวกในการค้นหาข้อมูลภายในตัวเล่ม เริ่ มต้นหน้าแรกที่หน้า
เนื้ อหาของรายงาน โดยปกติ ถ้าเป็ นหน้าแรกของแต่ละบทอาจจะพิมพ์เลขหน้าไว้กลางหน้ากระดาษ
ด้านล่าง ส่ วนหน้าอื่นๆ จะพิมพ์ไว้กลางหน้ากระดาษหรื อมุมด้านขวาบน โดยพิมพ์ห่างจากขอบด้านบน
๑ นิ้ว
๕. มีสารบัญหรื อหัวข้อเรื่ องถูกต้องตรงตามเนื้อหาและเลขหน้าภายในเล่มรายงาน
๖. การเว้นระยะในรายงานมีความเหมาะสม คือจากขอบกระดาษด้านบนถึงข้อความบรรทัด
แรกให้ห่างลงมา ๑.๕ นิ้ ว ระยะห่ างด้านซ้ายเว้นเข้ามา ๑.๕ นิ้ ว ถึงตัวอักษรตัวแรกที่ไม่ใช่ บรรทัดย่อ
หน้า และจากขอบกระดาษด้านล่างถึ งข้อความบรรทัดสุ ดท้ายให้เว้นระยะห่ าง ๑ นิ้ ว เท่ากับการเว้น
ระยะขอบด้านขวา ดังรู ปแบบนี้

่ น้ าสารบัญ
กลับสูห
G E L ๒ ๐ ๐ ๑ ภ า ษ า ไ ท ย เ ชิ ง วิ ช า ก า ร | ๗๗

 ๑.๕ นิว้
กกก……………….....
…………………………
 ………………………...
๑.๕ นิว้ ................................. ๑ นิว้
..........................................
……………….กกกก...

๑ นิว้

๗. ไม่พิมพ์ขอ้ ความแน่นเกินไป ควรเว้นที่วา่ งของหน้ากระดาษบ้างเพื่อการพักสายตา และ


อาจแทรกตารางหรื อแผนภูมิแทนการอธิ บายข้อความยาวๆ ได้ตามความเหมาะสม แต่ตอ้ งให้สัมพันธ์
กับเนื้อหาภายในเล่ม
๘. การพิมพ์ยอ่ หน้าให้เว้นจากด้านซ้ายเข้ามา ๗ ช่วงตัวอักษรและพิมพ์ตวั ที่ ๘ ส่ วนย่อหน้าย่อย
ให้เว้นเข้าไปอีกย่อหน้าละ ๓ ช่วงตัวอักษร เพื่อป้ องกันความคลาดเคลื่อนควรใช้การตั้งแท็บแทนการ
เคาะเว้นทีละตัวอักษร
๙. การพิมพ์บทที่และชื่อบทให้พิมพ์ไว้กลางหน้ากระดาษ ด้วยตัวอักษรขนาด ๑๘ point ห่างจาก
ขอบด้านบนประมาณ ๒ นิ้ว หัวข้อใหญ่อยูช่ ิดกรอบด้านซ้าย หัวข้อรองให้ยอ่ เข้ามาเท่ากับย่อหน้าแรก
ทั้งสองหัวข้อนี้ เป็ นหัวข้อที่ไม่มีการพิมพ์ขอ้ ความอื่นๆ ต่อเนื่ อง ส่ วนหัวข้อย่อยลงไปให้ย่อเข้าไปอีก
ครั้งละ ๓ ช่วงตัวอักษรและเขียนข้อความต่อไปด้วยตัวอักษรขนาด ๑๖ point ในบรรทัดเดียวกันได้เลย
๑๐. พิมพ์อย่างสะอาด และดูเรี ยบร้อย ไม่ควรมีการแก้ไข ขูดลบ ขีดฆ่าข้อความ หากจาเป็ นต้อง
แก้ไขควรพิมพ์หน้านั้นใหม่
๑๑. การพิมพ์หวั ข้อเพื่อแสดงหัวข้อใหญ่และหัวข้อรองลงไป นิยมใช้ท้ งั แบบตัวเลขอย่างเดียวโดย
ใช้การใส่ จุดทศนิยมเมื่อต้องการแสดงหัวข้อย่อยๆ และใช้ตวั เลขและตัวอักษรสลับกันไปก็ได้

สรุป
ขั้นตอนการด าเนิ นการจัดท ารายงานวิช าการ พร้ อมทั้ง ลัก ษณะส่ วนประกอบของรายงาน
วิชาการดังที่ได้กล่าวไว้ขา้ งต้น ล้วนเป็ นสิ่ งสาคัญและมีความจาเป็ นสาหรับผูต้ อ้ งการศึกษาค้นคว้าและ
นาเสนอผลงานเป็ นลายลักษณ์อกั ษร เมื่อทราบวิธีการดาเนิ นการจัดทารายงานและสามารถนาไปใช้
เป็ นแนวทางปฏิ บ ตั ิ ย่อมสนับ สนุ นให้ก ารผลิ ต ผลการศึ ก ษาค้นคว้า ในโอกาสต่ อ ไปมี คุ ณภาพและ
น่าเชื่อถือยิง่ ขึ้น

่ น้ าสารบัญ
กลับสูห
๗๘ | G E L ๒ ๐ ๐ ๑ ภ า ษ า ไ ท ย เ ชิ ง วิ ช า ก า ร

กิจกรรมการเรี ยนรู้
๑. ผูเ้ รี ยนศึกษาเนื้อหาจากเอกสารประกอบการเรี ยนในหน่วยการเรี ยนที่ ๔
๒. ผูเ้ รี ยนเข้าฟังการบรรยายระบบการเรี ยนกลุ่มใหญ่ครั้งที่ ๔
๓. ผูเ้ รี ยนปฏิบตั ิกิจกรรมร่ วมกับผูส้ อนในการเรี ยนกลุ่มใหญ่
๔. ผูเ้ รี ยนทาแบบทดสอบท้ายบทเรี ยนเพื่อทบทวนความเข้าใจ
๕. ผูเ้ รี ยนศึกษาด้วยตนเองในระบบ E-Learning
๖. ผูเ้ รี ยนทาแบบทดสอบประจาหน่วยจากระบบ E-Learning
๗. ผูเ้ รี ยนแบ่งกลุ่มจัดทารายงานวิชาการจานวน ๑ ฉบับ
คาถามทบทวน
๑. รายงานวิชาการหมายถึงอะไร
๒. การเลือกเรื่ องเพื่อทารายงานควรพิจารณาเลือกจากอะไรได้บา้ ง
๓. บอกวิธีการทารายงานวิชาการจากความรู้ความเข้าใจของนักศึกษาก่อนและหลังศึกษา
หน่วยที่ ๔ แล้วเปรี ยบเทียบผลดีผลเสี ยของการทารายงานวิชาการทั้งสองลักษณะ
๔. ให้บอกส่ วนประกอบต่างๆ ในรายงานวิชาการและจัดเรี ยงลาดับอย่างถูกต้อง
๕. ลักษณะการเขียนคานาต่อไปนี้มีส่วนบกพร่ องอย่างไรบ้าง แก้ไขใหม่ให้ถูกต้องเหมาะสม
กับการเขียนรายงานวิชาการ

อาหารเป็ นสิ่ งที่จาเป็ นต่อการดารงชี วิตของคนเรา อาหารมีอยู่มากมาย และสามารถ


แบ่งออกได้ท้ งั อาหารคนละเชื้ อชาติหรื อเชื้ อชาติเดียวกัน ก็มีการแบ่งแยกอาหารออกเป็ นหลาย
ประเภท กลุ่มของข้าพเจ้าจึงได้นาเสนออาหารหลักของคนไทยเนื้องจากอาหาร ไทยนั้นอยูใ่ กล้
กับชี วิตประ จาวันและคนเราก็พบเจอกับอาหารหลากหลายประเภทในแต่ละวัน เช่น ในแต่ละ
ภาคของประเทศ ไทยมีอาหารที่แตกต่างกันทั้งรสชาด วัตถุดิบในการประกอบอาหาร หรื อแม้แต่
กรรมวิธีการทาอาหารก็แตกต่างกันออกไปแล้วแต่พ้ืนที่ สิ่ งเหล่านี้ อาจจะขึ้นอยูก่ บั ถิ่นกาเนิด และ
สถานที่อยูอ่ าศัย รวมถึงเชื้อชาติดว้ ย สิ่ งทั้งหมดนี้เองทาให้อาหารไทยมีความหน้าสนใจ มากกว่า
อาหารในประเทศใดๆ
รายงานอาหาร 4 ภาคนี้ ไ ด้รวมรวมเนื้ อหาและอาหารไทยจานเด่ นของแต่ละภาคโดย
คัดเลือกอาหารที่เป็ นที่นิยมกินในภาคต่างๆ รวมถึงคาบรรยายกรรมวิธีการประกอบอาหารอย่างง่าย
มีความรู ้ และเข้าใจเกี่ ยวกับอาหารในแต่ละภาค เพื่อเป็ นประโยชน์ในการเรี ยนรู้ของผูท้ ี่สนใจทุก
ท่าน

่ น้ าสารบัญ
กลับสูห
G E L ๒ ๐ ๐ ๑ ภ า ษ า ไ ท ย เ ชิ ง วิ ช า ก า ร | ๗๙

เอกสารอ้างอิง
คณาจารย์ภาควิชาภาษาไทย คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ . (๒๕๔๕). การใช้ ภาษาไทย ๑.
กรุ งเทพฯ : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ .
___________ . (๒๕๔๖). การใช้ ภาษาไทย ๒. กรุ งเทพฯ : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ .
คณาจารย์สาขาวิชาภาษาไทย คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. (๒๕๕๑). เอกสารคาสอนรายวิชา
ศศภท๑๐๐ ศิลปะการใช้ ภาษาไทยเพือ่ การสื่ อสาร. นครปฐม : คณะศิลปศาสตร์
มหาวิทยาลัยมหิดล.
ธนู ทดแทนคุณ. (๒๕๔๗). การเขียนรายงานทางวิชาชีพ. กรุ งเทพฯ : โอเดียนสโตร์ .
ปรี ชา ช้างขวัญยืน. (บก.). (๒๕๕๐). เทคนิคการเขียนและผลิตตารา. กรุ งเทพฯ : สานักพิมพ์แห่ง
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
โปรแกรมวิชาภาษาไทยและโปรแกรมวิชาบรรณารักษศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์
และ สังคมศาสตร์ สถาบันราชภัฏสวนสุ นนั ทา. (๒๕๔๕). ภาษาไทยเพือ่ การสื่ อสารและการ
สื บค้ น. กรุ งเทพฯ : พัฒนาศึกษา.
พิสณุ ฟองศรี . (๒๕๕๑). 108 ข้ อบกพร่ อง : แนวทางปรับปรุ งการเขียนรายงานวิจัยและวิทยานิพนธ์ .
กรุ งเทพฯ : พิมพ์งาม.
___________ . (๒๕๕๑). 111 ข้ อบกพร่ อง : แนวทางปรับปรุ งการเขียนรายงานประเมินโครงการ.
กรุ งเทพฯ : เพชรรุ่ งการพิมพ์.
พุฒิวงศ์ บุษบวรรษ. (ม.ป.ป.). กล้วย. สื บค้นเมื่อ ๘ มีนาคม, ๒๕๕๓, จาก
http://www.polyboon.com/stories/story000070.html
พูลสุ ข เอกไทยเจริ ญ. (๒๕๕๑). การเขียนรายงานการค้ นคว้า. กรุ งเทพฯ: สุ วรี ิ ยาสาส์น.
ภาควิชาบรรณารักษศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (๒๕๔๗). การค้ นคว้าและการ
เขียน
รายงาน. กรุ งเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
วิไลวรรณ ขนิษฐานันท์. (๒๕๓๗). รายงานการวิจัยเรื่องลักษณะภาษาไทยทีใ่ ช้ ผ่านสื่ อมวลชนโทรทัศน์ .
กรุ งทพฯ : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ .
สหะโรจน์ กิตติมหาเจริ ญ. (๒๕๔๒). ลีลาภาษาร้ อยแก้วในบทพระนิพนธ์ ในพระราชวรวงศ์ เธอ กรม
หมื่นพิทยาลงกรณ์ . รายงานประการศึกษาวิชาพระนิพนธ์ในกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ ภาควิชา
วรรณคดี คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ .
สุ กนั ยา ตาลสุ ข. (ม.ป.ป.). องค์ ความรู้เศรษฐกิจพอเพียง กระทงใบตองแห้ ง. สื บค้นเมื่อ ๘ มีนาคม,
๒๕๕๓, จาก www.moac-info.net/modules/news/.../75_4_55329_katong.pdf -

่ น้ าสารบัญ
กลับสูห
๘๐ | G E L ๒ ๐ ๐ ๑ ภ า ษ า ไ ท ย เ ชิ ง วิ ช า ก า ร

You might also like