Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 143

ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๒๖

เรื่องตานานวังเก่ า
พระเจ้ าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดํารงราชานุภาพ ทรงพระนิพนธ์

หม่ อมราชวงศ์ หญิงโต จิตรพงศ ณกรุ งเทพ


ในสมเด็จพระเจ้ าบรมวงศ์เธอ เจ้ าฟ้ากรมพระนริศรานุวตั วิ งศ์
พิมพ์ในการกุศล
สนองคุณหม่ อมเจ้ าแดง บิดา
เมื่อปี จอ พ.ศ. ๒๔๖๕

พิมพ์ที่โรงพิมพ์ โสภณพิพรรฒธนากร
คานา
หม่อมราชวงศหญิงโต จิตรพงศ ณกรุงเทพ ในสมเด็จพระเจ้ า
บรมวงศเธอ เจ้ าฟ้ากรมพระนริศรานุวตั ิวงศ ธิดาผู้เปนเจ้ าภาพงานศพ
หม่อมเจ้ าแดง ต จ, ม ป ร๔, จ ป ร๔, ว ป ร๔, ในพระเจ้ าบรมวงศเธอ
ชัน้ ๓ พระองค์เจ้ างอนรถ แจ้ งความมายังหอพระสมุดวชิรญาณสําหรับ
พระนคร ขอให้ กรรมการหอพระสมุด ฯ ช่วยเลือกเรื่ องหนังสือ
สําหรับจะพิมพ์แจกเมื่อพระราชทานเพลิงศพเจ้ าบิดา พร้ อมกับศพ
หม่อมเจ้ าหญิงอ่าง จ จ, ม ป ร ๔, ในพระเจ้ าบรมวงศเธอชัน้ ๓ กรมหมื่น
เชษฐาธิเบนทร ซึง่ หม่อมราชวงศหญิงโตรับเปนเจ้ าภาพสนองพระคุณ
แต่หนหลังด้ วยอิกศพหนึง่ ข้ าพเจ้ าจึงแต่งเรื่ องตํานานวังเก่า จัดเปนห
นังสือประชุมพงศาวดารภาคที่ ๒๖ ให้ หม่อมราชวงศหญิงโตพิมพ์แจก
ตามประสงค์ เหตุใดข้ าพเจ้ าจึงได้ แต่งเรื่ องตํานานวังเก่าให้ พิมพ์ ใน
งานศพหม่อมเจ้ าแดง ข้ อนี ้จะบอกอธิบายต่อไปข้ างตอนท้ ายคํานํา ใน
ที่นี ้จะกล่าวถึงเรื่ องประวัตขิ องหม่อมเจ้ าหญิงอ่างและหม่อมเจ้ าแดงก่อน
ประวัตหิ ม่ อมเจ้ าหญิงอ่ างและหม่ อมเจ้ าแดง

กรมหมื่นเชษฐาธิเบนทรทรงพระนามเดิมว่า พระองค์เจ้ า
โกเมนเปนพระเจ้ าลูกยาเธอในพระบาทสมเด็จฯ พระนัง่ เกล้ าเจ้ าอยูห่ วั
ประสูตรในรัชกาลที่ ๒ เมื่อปี กุน พ.ศ. ๒๓๕๘ ทรงสถาปนาเปนกรม
หมื่นเชษฐาธิเบนทรในรัชกาลที่ ๔ และสิ ้นพระชนม์ในรัชกาลนัน้ เมื่อ
ปี ระกา พ.ศ. ๒๔๐๔
หม่อมเจ้ าหญิงอ่าง ประสูตรในรัชกาลที่ ๓ เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม
ปี ชวด พ.ศ. ๒๓๘๓ หม่อมราชวงศเอี่ยม ธิดาหม่อมเจ้ าโสวัจในกรม
(๒)
หมื่นนราเทเวศรเปนหม่อมมารดา หม่อมเจ้ าหญิงอ่างได้ เข้ าไปอยูก่ บั
พระองค์เจ้ าวงเดือนเสด็จป้า ที่ตําหนักในพระบรมมหาราชวังแต่ยงั น้ อย
หม่อมเอี่ยมมารดาก็ได้ เข้ าไปอยูด่ ้ วย พระองค์เจ้ าวงเดือนมีน่าที่เปน
ใหญ่ในพนักงาน “สรงพระพักตร” คือปรุงพระสุคนธ์ถวายเปนต้ น
จึงทรงฝึ กหัดหม่อมเจ้ าหญิงอ่างในน่าที่ราชการนัน้ จนได้ มีตําแหน่ง
ในพนักงานสรงพระพักตรในรัชกาลที่ ๔ มาจนตลอดรัชกาลนัน้ ครัน้
ถึงรัชกาลที่ ๕ เมื่อพระองค์เจ้ าวงเดือนสิ ้นพระชนม์แล้ ว โปรด ฯ ให้
หม่อมเจ้ าหญิงอ่างย้ ายตําแหน่งไปเปนพนักงานเครื่ องนมัสการ รับ
ราชการในตําแหน่งนี ้มาจนตลอดชนมายุ ได้ รับพระราชทานเครื่ อง
ราชอิศริ ยาภรณ์จตุตถจุลจอมเกล้ าฝ่ ายใน กับเหรี ยญรัตนาภรณ์รัชกาลที่
๔ ชันที
้ ่ ๔ เปนเกียรติยศ
หม่อมเจ้ าแดง ในพระเจ้ าบรมวงศเธอชัน้ ๓ พระองค์เจ้ างอนรถ
นันประสู
้ ตรในรัชกาลที่ ๓ เมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๙๓ หม่อม
เจ้ าแดงได้ เขียนเล่าเรื่ องประวัตขิ องเธอเองให้ หม่อมราชวงศหญิงโตไว้
สมเด็จ ฯ เจ้ าฟ้ากรมพระนริ ศรานุวตั วิ งศทรงคัดประทานมาดังนี ้
หนังสือหม่ อมเจ้ าชายแดง เขียนให้ หม่ อมราชวงศหญิง
โต
เมื่อพระพุทธศักราชได้ ๒๔๕๑

พระเจ้ าราชวรวงศเธอ๑ พระองค์เจ้ างอนรถ เปนพระโอรสที่ ๑๕


ในรัชกาลที่ ๓ ประสูตรณพระราชวังเดิมที่แม่โตอยูเ่ ดี๋ยวนี ้ เมื่อ
๑ หม่อมเจ้ าแดงแต่งเรื่ องประวัตเิ มื่อรัชกาลที่ ๕ เวลานันพระเจ้
้ าลูกเธอ
รัชกาลที่ ๓ ยังทรงศักดิเปนพระเจ้ าราชวรวงศเธอ มาเปลี่ยนเปนพระเจ้ าบรมวงศเธอ
ในรัชกาลปั จจุบนั นี ้
(๓)
วันพฤหัศบดี เดือนยี่ ขึ ้น ๕ คํ่า ปี กุญสปตศก จุลศักราช ๑๑๗๗
( พ.ศ. ๒๓๕๘ ) สิ ้นพระชนม์ณวันพฤหัศบดีเดือน ๑๑ ขึ ้น ๑๑ คํ่า ปี จอ
โทศก จุลศักราช ๑๒๑๒ ในเวลานันอายุ ้ พ่อได้ ๘๒ วัน พระเจ้ าราช วร
วงศเธอ พระองค์เจ้ าวงเดือนเสด็จป้า กับพระเจ้ าราชวรวงศเธอ
พระองค์เจ้ าแสงจันทรเสด็จอา ทรงพระเมตตารับเอาพ่อเข้ าไปเลี ้ยงไว้
ที่ตําหนักในพระบรมมหาราชวัง
ครัน้ ถึงรัชกาลที่ ๔ อายุพอ่ ประมาณได้ ๔ ปี ๕ ปี ก็ได้ ขึ ้นเฝ้า ฯ
และตามเสด็จต่อท้ ายพระเจ้ าลูกเธอ และได้ รับราชการสนองพระเดช
พระคุณเปนลําดับมา เปนเคราะห์ดีของพ่อ เผอิญทรงพระมหากรุณา
ได้ พระราชทานหีบทองกับพานทองรองหีบเปนเกียรติยศ พ่ออุส่าห์รักษา
ตัวมิให้ มีข้อขุน่ เคืองในใต้ ฝ่าลอองธุลีพระบาทแต่สิ่งหนึง่ สิ่งใดเลย พระ
บรมวงศานุวงศ์ทกุ ๆ พระองค์ก็ทรงพระเมตตากรุณา ทังข้ ้ าทูลลออง
ธุลีพระบาทผู้ใหญ่ก็เมตตากรุณาพ่อ
พ่อได้ รับพระมหากรุณาในพระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยูห่ วั ปั จจุบนั นี๑้
มาแต่ยงั ทรงพระเยาว์ เคยทรงเล่นหัวกับพ่อ ครัน้ โสกันต์แล้ วเสด็จ
ออกเล่นอยู่ที่โรงช้ างพลายหนูพกุ จนเสด็จไปประทับอยูพ่ ระตําหนัก
สวนกุหลาบ พ่อก็ได้ ไปเฝ้าบ่อย ๆ เมื่อเวลาตามเสด็จพระบาท
สมเด็จพระเจ้ าอยูห่ วั รัชกาลที่ ๔ ประพาศหัวเมืองต่าง ๆ ก็ได้ ทรงใช้
สอยพ่อมาก จนถึงปี มโรงสัมฤทธิศก ( พ.ศ.๒๔๑๑ ) เสด็จเถลิงถวัลย
ราชสมบัติ พ่อก็ได้ สนองพระคุณต่อมา ได้ รับพระมหากรุณาเปนลําดับ
มาจนทุกวันนี ้
๑ หมายความว่าพระบาทสมเด็จ ฯ พระจุลจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั
(๔)
เรื่ องท้ องพระโรงวัดราชาธิวาส เสด็จป้าพระองค์เจ้ าวงเดือนรับสัง่
เล่าว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยูห่ วั รัชกาลที่ ๓ ทรงพระราชดําริ ห์จะ
ทรงทําตําหนักตึกในพระบรมมหาราชวัง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้ าฯ
ให้ รือ้ ตําหนักฝากระดานไปปลูกแก้ ไขเปลี่ยนแปลงพระราชทานพระเจ้ า
ลูกยาเธอที่ออกวัง “เจ้ าน้ องงอนรถ” อยากทําท้ องพระโรงเอง จึงได้
กราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาต พระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยูห่ วั
รัชกาลที่ ๓ จึงพระราชทานเงินค่าทําท้ องพระโรง และท้ องพระโรงหลังนี ้
“เจ้ าน้ องงอนรถลงแรงมาก เขียนเองสลักเอง” โดยรับสัง่ เล่าอย่าง
นี ้ ภายหลังพระราชทานวังเสด็จพ่อแก่พระองค์เจ้ าเปี ยก ครัน้ สิ ้น
พระชนม์แล้ ว พระราชทานกรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ ต่อมา
ก็ไม่มีผ้ รู ักษาเกือบจะเปนอันตรธานไป เดชะบุญในรัตนโกสินทรศก ๑๒๗
( พ.ศ.๒๔๕๑ ) นี ้ พระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยู่หวั ทรงปฏิสงั ขรณ์วดั ราชา
ธิวาส ทรงระลึกได้ โดยได้ เคยเสด็จพระราชดําเนินประทับในท้ องพระ
โรงนี ้หลายคราว ทรงพระราชดําริ ห์เห็นว่าเปนท้ องพระโรงที่ทํางดงาม
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้ า ฯ ให้ รือ้ ไปปลูกไว้ เปนหอสวดมนต์ที่วดั
ราชาธิวาส ได้ ดํารงอยูใ่ นพระสาสนาต่อไป พ่อดีใจเปนล้ นเหลือ๑

๑ ที่หม่อมเจ้ าแดงเอาเรื่ องท้ องพระโรงมาเล่าไว้ ในเรื่องประวัติด้วยนัน้ เพราะ


ความพึง่ ปรากฎว่าท้ องพระโรงหลังนันเปนของพระองค์
้ เจ้ างอนรถทรงสร้ าง และสลัก
ด้ วยฝี พระหัตถ์ เมื่อย้ ายไปปลูกทีว่ ดั ราชาธิวาส หม่อมเจ้ าแดงเขียนเรื่องประวัติ จึง
เล่าเรื่องท้ องพระโรงไว้ ด้วย
(๕)
เรื่ องประวัตขิ องหม่อมเจ้ าแดงอันสมควรจะกล่าว แต่ไม่ปรากฎ
ในหนังสือที่เธอเรี ยบเรี ยงไว้ ยงั มีอยูอ่ ิก คือเมื่อหม่อมเจ้ าแดงเข้ าไปอยู่
ที่ตําหนักพระองค์เจ้ าวงเดือนแต่ยงั เยาว์นนั ้ หม่อมราชวงศหญิงเอี่ยม
หม่อมมารดาของหม่อมเจ้ าหญิงอ่าง ได้ เปนผู้เลี ้ยงดูให้ อยูด่ ้ วยกันกับ
หม่อมเจ้ าหญิงอ่าง ๆ แก่กว่าหม่อมเจ้ าแดงหลายปี ก็ได้ เปนผู้ชว่ ย
ดูแลเลี ้ยงหม่อมเจ้ าแดงด้ วย หม่อมเจ้ าแดงจึงเคารพนับถือหม่อมราช
วงศเอี่ยมเหมือนมารดา และสนิทชิดชอบกับหม่อมเจ้ าหญิงอ่างเหมือน
เช่นเปนเจ้ าพี่เจ้ าน้ องร่วมกรมกันสืบมา ครัน้ หม่อมเจ้ าแดงเติบใหญ่
มีบตุ รธิดา มักเลี ้ยงไว้ ไม่รอด หม่อมราชวงศหญิงโตเปนคนแรกที่
อยูไ่ ด้ จนโต หม่อมเจ้ าหญิงอ่างจึงรับไปเลี ้ยงที่ในพระบรมมหาราชวัง
หม่อมเจ้ าหญิงอ่างได้ เปนผู้อปุ การะเลี ้ยงดูหม่อมราชวงศหญิงโตต่อมา
อิกชันหนึ
้ ง่ จนหม่อมราชวงศหญิงโตเติบใหญ่ ได้ เปนชายาในสมเด็จ ฯ
เจ้ าฟ้ากรมพระนริศรานุวตั วิ งศ จึงทําปฏิการะสนองพระคุณหม่อมเจ้ า
หญิงอ่างสืบมาจนเปนเจ้ าภาพงานศพเปนที่สดุ
หม่อมเจ้ าแดงนัน้ เรื่ องประวัตติ ามที่ทราบกันอยูใ่ นเจ้ านาย ดู
แปลกกับหม่อมเจ้ าองค์อื่น ๆ โดยมาก คืออาภัพด้ วยพระบิดา
สิ ้นพระชนม์แต่ยงั เยาว์ ไม่ได้ โอกาศที่จะได้ รับรู้วิชาการโดยกระบวร
ฝึ กหัด ในสํานักงานตามแบบเก่า ครัน้ ถึงสมัยเมื่อได้ ความรู้กนั โดย
กระบวร รํ่ าเรี ยน หม่อมเจ้ าแดงก็มีอายุมากเกินกว่าที่จะเข้ าโรงเรี ยน
เสียแล้ ว ทังเปนผู ้ ้ ซึ่งกําลังร่ างกายไม่แข็งแรง จึงไม่ได้ รับราชการมี
ตําแหน่ง ในกรมหนึ่งกรมใด แต่ได้ อาศรัยโอกาศที่เข้ าไปอยู่ใน
พระบรม มหาราชวัง เพราะเปนกําพร้ าแต่ยงั เยาว์ กับทังที
้ ่
มีอัธยาศรัย
(๖)
สุภาพเรี ยบร้ อย เปนเหตุให้ พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั
ทรงพระเมตตา โปรด ฯ ให้ เฝ้าแหนตามเสด็จในหมู่พระเจ้ าลูกเธอ
ก็เลยได้ ค้ นุ เคยชอบพระราชอัธยาศรัยของพระบาทสมเด็จ ฯ พระจุลจอม
เกล้ าเจ้ าอยูห่ วั มาแต่ทรงพระเยาว์ ครัน้ เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ
หม่อมเจ้ าแดงจึงเปนผู้ซงึ่ สนิทในพระองค์ยิ่งกว่าหม่อมเจ้ าองค์อื่น ๆ
โดยมาก ได้ พระราชทานที่สร้ างตําหนักที่ริมถนนราชินีตอ่ กับบริเวณที่วา่
การกระทรวงเกษตราธิการบัดนี ้ และได้ พระราชทานเบี ้ยหวัดมากกว่า
หม่อมเจ้ าชันเดี้ ยวกัน หากขาดความสามารถด้ วยเหตุดงั กล่าวมาแล้ ว
จึงมิได้ ทรงตังแต่
้ งให้ มีตําแหน่งในราชการ ความข้ อนี ้หม่อมเจ้ าแดง
ก็แจ้ งตระหนักมิได้ ทเยอทยาน แต่อสุ าหะเข้ าเฝ้าแหนเปนนิจมิได้ มี
เวลาที่จะขาด ความหมัน่ ของหม่อมเจ้ าแดงปรากฏในพระราชสํานัก
ครัง้ รัชกาลที่ ๕ จนเจ้ านายพอพระหฤทัยที่จะยกเปนตัวอย่าง เมื่อทรง
สรรเสริญคนหมัน่ มักตรัสว่า “หมัน่ เหมือนเจ้ าแดง” ดังนี ้ และ
อาศรัยความหมัน่ นันเปนเหตุ
้ พระบาทสมเด็จ ฯ พระจุลจอมเกล้ า
เจ้ าอยูห่ วั ทรงพระกรุณาโปรดเกล้ า ฯ พระราชทานเงินเบี ้ยหวัดพิเศษแก่
หม่อมเจ้ าแดงในงานเฉลิมพระชนม์พรรษาปี ละ ๔๐๐ บาททุกปี มา มี
หม่อมเจ้ าแดงองค์เดียวที่ได้ รับพระราชทานเบี ้ยหวัดพิเศษเช่นนัน้ มา
จนในรัชกาลปั จจุบนั นี ้ เมื่อหม่อมอมรวงศวิจิตร (ม.ร.ว.ถม คเนจร
ณกรุงเทพ) ปลัดมณฑลอิสาณไปถึงแก่กรรมในราชการ จึง
พระราชทานเบี ้ยหวัดพิเศษแก่หม่อมเจ้ าเมฆิน ในพระเจ้ าบรมวงศเธอ
ชัน้ ๓ กรมหมื่น อมเรนทรบดินทรผู้บดิ า ซึง่ หม่อมอมรวงศวิจิตร
เคยเลี ้ยงดูอยู่นนั ้ เพิ่มขึ ้นอิกองค์หนึง่ ได้ รับพระราชทานจนตลอด
ชนมายุทงั ้ ๒ องค์
(๗)
หม่อมเจ้ าแดงมีอธั ยาศรัยสุภาพอ่อนโยน เปนเหตุให้ ผ้ ทู ี่ได้
สมาคมชอบพอ โดยเฉพาะในราชสกุล ไม่เลือกว่าเจ้ านายที่ทรงพระ
เกียรติยศชันใด้ ฤๅมีพระชัณษารุ่นใด ที่ได้ ทรงคุ้นเคยแล้ วจะไม่โปรด
หม่อมเจ้ าแดงนันเห็ ้ นจะมีน้อย.
เมื่อรัชกาลที่ ๕ หม่อมเจ้ าแดงได้ รับพระราชทานเครื่ องราชอิศริ
ยาภรณ์ตติยจุลจอมเกล้ า สําหรับสกุลพระเจ้ าบรมวงศเธอ พระองค์
เจ้ างอนรถ อย่าง ๑ เหรี ยญรัตนาภรณ์รัชกาลที่ ๔ ชันที ้ ่ ๔ อย่าง ๑
เหรี ยญรัตนาภรณ์รัชกาลที่ ๕ ชันที ้ ่ ๔ อย่าง ๑ มาถึงรัชกาลปั จจุบนั นี ้
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้ า ฯ พระราชทานเหรี ยญรัตนาภรณ์ชนที ั ้ ่ ๔ อิก
อย่าง ๑
หม่อมเจ้ าหญิงอ่างประชวรสิ ้นชีพตักษัยที่วงั สมเด็จ ฯ เจ้ าฟ้า
กรมพระนริศรานุวตั วิ งศ เมื่อวันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๙ คําณวน
ชนมายุได้ ๗๗ ปี
หม่อมเจ้ าแดงประชวรสิ ้นชีพตักษัยที่วงั ริมถนนราชินี เมื่อ
วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๕๙ คําณวนชนมายุได้ ๖๗ ปี
กําหนดงานปลงศพหม่อมเจ้ าทัง้ ๒ องค์นนั ้ จะได้ รับพระราชทาน
เพลิงในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๖๕ สิ ้นเนื ้อความในเรื่ องประวัตขิ อง
หม่อมเจ้ าหญิงอ่างและหม่อมเจ้ าแดงเพียงเท่านี ้
อนึง่ ในการปลงศพหม่อมเจ้ าแดงนัน้ หม่อมราชวงศหญิงโต
ปรารภจะสร้ างสิ่งซึง่ จะเปนถาวรประโยชน์สืบอายุพระสาสนา เพื่ออุทิศ
ส่วนกุศลสนองพระคุณ และเปนที่เชิดชูชื่อท่านบิดาไว้ ในวัดพระเชตุพน ฯ

(๘)
อันเปนที่บําเพ็ญการกุศลของสกุลมาแต่ก่อน ได้ ไปหารื อพระญาณโพธิ
( ใจ ) พระราชาคณะในวัดนัน้ ทราบว่าศาลาที่พระภิกษุสามเณรจะเล่า
เรี ยนพระปริ ยตั ิธรรมเปนของต้ องการอยูใ่ นวัดพระเชตุพน ฯ จึงนําความ
นันกราบทู
้ ลแด่สมเด็จ ฯ เจ้ าฟ้ากรมพระนริ ศรานุวตั วิ งศ ก็ทรงอนุโม
ทนายินดีที่จะรับช่วยจัดการให้ สมประสงค์ จึงทรงคิดแบบอย่างแล้ ว
สร้ างศาลาเรี ยนหลัง ๑ โดยฝี มืออย่างประณีต ณที่ซงึ่ พระสงฆ์แสดง
ถวายในบริเวณคณะกลาง ทรงขนานนามว่า “ศาลาแดง” กําหนด
จะได้ ฉลอง และเปิ ดเปนที่เล่าเรี ยนพระปริยตั ธิ รรมต่อเนื่องในงาน
พระราชทานเพลิงศพหม่อมเจ้ าแดงเปนต้ นไป.
กรรมการหอพระสมุด ฯ ขออนุโมทนากุศลบุญราษีทกั ษิณานุปทาน
ซึง่ หม่อมราชวงศหญิงโต จิตรพงศ ณกรุงเทพ บําเพ็ญในการปลง
ศพสนองพระคุณเจ้ าบิดา และหม่อมเจ้ าหญิงอ่างผู้เปนบุรพการี ด้วย
ความกตัญํูกตเวที และได้ พิมพ์หนังสือเรื่ องนี ้ให้ ได้ อา่ นกัน
แพร่หลายเปนครัง้ แรก หวังใจว่าท่านทังหลายที ้ ่ได้ รับสมุดเล่มนี ้ไป คง
จะพอใจและอนุโมทนาด้ วยทัว่ กัน.
สภานายก
หอพระสมุดวิช รญาณ
วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๖๕
สารบาน
อธิบายเรื่องตานานวังเก่ า น่ า ก
ตานานวังเก่ า ตอนที่ ๑ ว่ าด้ วยพระราชวังทัง้ ๓ ” ๑
ว่าด้ วยลูกเธอและหลานเธอในรัชกาลที่ ๑ ” ๑
ว่าด้ วยสร้ างกรุงรัตนโกสินทร์ ” ๒
ว่าด้ วยพระบรมมหาราชวัง ” ๖
ว่าด้ วยพระราชวังบวรสถานมงคล ” ๙
ว่าด้ วยพระราชวังบวรสถานพิมขุ ” ๑๑
ตอนที่ ๒ ว่ าด้ วยวังเจ้ านายสร้ างในรัชกาลที่ ๑ ” ๑๔
๑ วังริมป้อมพระสุเมรุ ” ๑๔
๒ วังริมป้อมจักรเพชร์ ” ๑๕
๓ วังริมวัดโพธิ ” ๑๕
๔ วังปากคลองวัดชนะสงคราม ” ๑๗
๕ วังสวนมังคุด ” ๑๘
๖ วังบ้ านปูน ” ๑๙
๗ พระนิเวศน์เดิม ” ๒๐
๘ พระราชวังเดิม ” ๒๑
๙ วังคลังสินค้ า ” ๒๓
๑๐ วังท่าเตียน ” ๒๓
๑๑ วังถนนน่าพระลาน วังตวันออก ” ๒๔
๑๒ วังถนนน่าพระลาน วังกลาง ” ๒๕
๑๓ วังถนนน่าพระลาน วังตวันออก ” ๒๖
( ๑๐ )
๑๔ วังถนนหลักเมือง วังที่ ๑ น่า ๒๗
๑๕ วังถนนหลักเมือง วังที่ ๒ ” ๒๗
๑๖ วังถนนหลักเมือง วังที่ ๓ ” ๒๘
๑๗ วังถนนหลักเมือง วังที่ ๔ ” ๒๘
๑๘ วังถนนหลักเมือง วังที่ ๕ ” ๒๙
๑๙ วังถนนหลักเมือง วังที่ ๖ ” ๒๙
๒๐ วังริมสนามชัย วังเหนือ ” ๒๙
๒๑ วังริมสนามชัย วังกลาง ” ๒๙
๒๒ วังริมสนามชัย วังใต้ ” ๓๐
๒๓ วังริมสนามวังน่า วังที่ ๑ ” ๓๑
๒๔ วังริมสนามวังน่า วังที่ ๒ ” ๓๒
๒๕ วังริมสนามวังน่า วังที่ ๓ ” ๓๒
๒๖ วังริมสนามวังน่า วังที่ ๔ ” ๓๓
ตอนที่ ๓ ว่ าด้ วยวังเจ้ านายสร้ างในรัชกาลที่ ๒ ” ๓๔
ว่าด้ วยลักษณสร้ างวังเจ้ านายแต่โบราณ ” ๓๔
ว่าด้ วยพระเจ้ าลูกยาเธอในรัชกาลที่ ๒
ที่ออกวังในรัชกาลนัน้ ” ๓๗
๑ วังริมสพานช้ างโรงสี วังเหนือ ” ๓๘
๒ วังริมสพานช้ างโรงสี วังใต้ ” ๓๘
๓ วังท้ ายหับเผย วังที่ ๑ ” ๓๙
๔ วังท้ ายหับเผย วังที่ ๒ ” ๓๙
( ๑๑ )
๕ วังท้ ายหับเผย วังที่ ๓ น่า ๔๐
๖ วังถนนบ้ านหม้ อ ” ๔๐
๗ วังถนนสามชัย วังที่ ๑ ” ๔๑
๘ วังถนนสามชัย วังใต้ ” ๔๑
๙ วังริมแม่นํ ้า ใต้ วดั พระเชตุพน ” ๔๑
ว่าด้ วยพระเจ้ าลูกยาเธอในรัชกาลที่ ๒
ที่ออกวังในรัชกาลที่ ๓ ” ๔๒
๑๐ วังถนนจักรเพชร์ ” ๔๔
๑๑ วังถนนสพานหัวจรเข้ ” ๔๕
๑๒ วังริมประตูสําราญราษฎร์ วังตวันออก ” ๔๕
๑๓ วังริมประตูสําราญราษฎร์ วังกลาง ” ๔๕
๑๔ วังริมประตูสําราญราษฎร์ วังตวันตก ” ๔๖
๑๕ วังริมพระนิเวศน์เดิม ที่ ๑ ” ๔๖
๑๖ วังถนนพระอาทิตย์ วังที่ ๑ ” ๔๗
ว่าด้ วยพระเจ้ าลูกเธอ ในกรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์
ที่ออกวังในรัชกาลที่ ๒ ” ๔๗
๑๗ วังสพานเสี ้ยว วังที่ ๑ ” ๔๗
๑๘ วังสพานเสี ้ยว วังที่ ๒ ” ๔๘
๑๙ วังสพานเสี ้ยว วังที่ ๓ ” ๔๘
๒๐ วังสพานเสี ้ยว วังที่ ๔ ” ๔๘
๒๑ วังริมพระนิเวศน์เดิม วังที่ ๒ ” ๔๘
๒๒ วังริมพระนิเวศน์เดิม วังที่ ๓ ” ๔๙
( ๑๒ )
ว่าด้ วยพระเจ้ าลูกเธอ ในกรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์
ที่ออกวังในรัชกาลที่ ๓ น่า ๔๙
๒๓ วังถนนโรงครก วังที่ ๑ ” ๕๐
๒๔ วังถนนโรงครก วังที่ ๒ ” ๕๐
๒๕ วังคลองตลาด วังที่ ๑ ” ๕๐
๒๖ วังหลังวัดชนะสงคราม ” ๕๑
๒๗ วังริมคลองบางลําภู วังที่ ๓ ” ๕๑
ตอนที่ ๔ ว่ าด้ วยวังเจ้ านายสร้ างในรัชกาลที่ ๓ ” ๕๒
ว่าด้ วยพระเจ้ าลูกยาเธอในรัชกาลที่ ๓
ที่ออกวังในคราวแรก ” ๕๒
๑ วังท้ ายวัดพระเชตุพน วังที่ ๑ ” ๕๓
๒ วังท้ ายวัดพระเชตุพน วังที่ ๒ ” ๕๓
๓ วังท้ ายวัดพระเชตุพน วังที่ ๓ ” ๕๓
๔ วังท้ ายวัดพระเชตุพน วังที่ ๔ ” ๕๔
๕ วังท้ ายวัดพระเชตุพน วังที่ ๕ ” ๕๔
ว่าด้ วยพระเจ้ าลูกยาเธอในรัชกาลที่ ๓
ที่ออกวังในตอนกลาง ” ๕๕
๖ วังริมแม่นํ ้า ( เหนือป้อมมหาฤกษ์ ) ” ๕๖
๗ วังริมแม่นํา้้ (ใต้ ปัอมมหาฤกษ)้์ ” ๕๖
๘ วังถนนสนามชัย วังที่ ๓ ” ๕๖
ว่าด้ วยพระเจ้ าลูกยาเธอในรัชกาลที่ ๓
ที่ออกวังในตอนหลัง ” ๕๗
๙ วังถนนเฟื่ องนคร วังเหนือ ” ๕๗
( ๑๓ )
๑๐ วังถนนเฟื่ องนคร วังใต้ น่า ๕๗
๑๑ วังริมคลองสพานถ่าน ” ๕๗
๑๒ วังคลองตลาด วังที่ ๒ ” ๕๘
๑๓ วังถนนมหาชัย วังเหนือ ” ๕๙
๑๔ วังถนนมหาชัย วังกลาง ” ๕๙
๑๕ วังถนนมหาชัย วังใต้ ” ๖๐
ว่าด้ วยพระเจ้ าลูกเธอ ในกรมพระราชวังบวร
มหาศักดิพลเสพที่ได้ ออกวัง ” ๖๐
๑๖ วังถนนพระอาทิตย์ วังที่ ๒ ” ๖๑
๑๗ วังสพานเสี ้ยว วังที่ ๕ ” ๖๑
ตอนที่ ๕ ว่ าด้ วยสร้ างวังในรัชกาลที่ ๔ ” ๖๒
ว่าด้ วยพระราชวังที่เสด็จประพาศครัง้ กรุงศรี อยุธยา ” ๖๒
ว่าด้ วยการสร้ างพระราชวังสําหรับประพาศในรัชกาลที่ ๔ ” ๖๓
พระราชวังประทุมวัน ” ๖๔
พระราชวังนันทอุทยาน ” ๖๔
พระราชวังสราญรมย์ ” ๖๕
พระราชวังเมืองสมุทปราการ ” ๖๖
พระราชวังบางปอิน ” ๖๖
พระราชวังจันทรเกษม ” ๖๖
พระราชวังท้ ายพิกลุ ที่เขาพระพุทธบาท ” ๖๗
พระนารายยราช์นิเวศน์ ที่เมืองลพบุรี ” ๖๗
( ๑๔ )
พระนครปฐม ที่จงั หวัดนครไชยศรี น่า ๖๘
พระนครคิรี เมืองเพ็ชรบุรี ” ๖๙
ว่าด้ วยพระบวรราชวังสร้ างในรัชกาลที่ ๔ ” ๖๙
พระบวรราชวังใหม่ ในกรุงเทพ ฯ ” ๖๙
พระบวรราชวังสีทา ที่จงั หวัดสระบุรี ” ๗๐
ว่าด้ วยวังเจ้ านายสร้ างในรัชกาลที่ ๔ ” ๗๑
๑ วังกรมหมื่นมเหศวรศิววิลาศ ” ๗๒
๒ วังกรมหมื่นวิษณุนารถนิภาธร ” ๗๓
ว่าด้ วยการสร้ างวังพระเจ้ าลูกยาเธอในรัชกาลที่ ๔ ” ๗๓
๓ วังกรมพระนเรศวรฤทธิ์ ” ๗๗
๔ วังกรมหลวงพิชิตปรี ชากร ” ๗๗
๕-๖ วังกรมหลวงอดิศรอุดมเดช ” ๗๗
๗ วังกรมหมื่นภูธเรศธํารงศักดิ์ ” ๗๘
๘ วังกรมหลวงพรหมวรานุรักษ์ ” ๗๘
๙ วังกรมหมื่นราชศักดิส์ โมสร ” ๗๙
๑๐ วังกรมหมื่นทิวากรวงศ์ประวัติ ” ๗๙
๑๑ วังกรมขุนสิริธชั สังกาศ ” ๗๙
๑๒ วังกรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ ” ๘๐
๑๓ วังพระองค์เจ้ ากาพย์กนกรัตน ” ๘๐
๑๔-๑๕ วังสมเด็จกรมพระยาเทวะวงศวโรปการ ” ๘๐
๑๖ วังสมเด็จเจ้ าฟ้า ฯ กรมพระยาภาณุพนั ธุวงศวรเดช ” ๘๑
( ๑๕ )
๑๗ วังสมเด็จ ฯ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส น่า ๘๑
๑๘ วังกรมพระสมมตอมรพันธุ์ ” ๘๑
๑๙ วังกรมหมื่นวิวิธวรรณปรี ชา ” ๘๑
๒๐ วังกรมหมื่นพงศาดิศรมหิป ” ๘๒
๒๑ วังกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ ” ๘๒
๒๒ วังกรมพระดํารงราชานุภาพ ” ๘๒
๒๓-๒๔ วังกรมขุนพิทยลาภพฤฒิธาดา ” ๘๒
๒๕ วังกรมขุนมรุพงศสิริพฒ ั น์ ” ๘๒
๒๖ วังกรมหลวงสวัสดิวตั นวิศษิ ฏ์ ” ๘๓
๒๗-๒๘ วังกรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย ” ๘๓
ว่าด้ วยลูกเธอ ในพระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั
ที่ออกวังในรัชกาลที่ ๔ ” ๘๓
๒๙ วังกรมพระราชวังบวรวิชยั ชาญ ( วังใหม่ ) ” ๘๕
๓๐ วังกรมหมื่นบริ รักษ์ นริ นทรฤทธิ์ ” ๘๖
๓๑ วังกรมหมื่นสถิตย์ธํารงสวัสดิ์ ” ๘๖
๓๒ วังพระองค์เจ้ าโต ” ๘๖
๓๓ วังกรมหมื่นวรวัฒน์ศภุ ากร ” ๘๗
๓๔ วังกรมหมื่นจรัสพรปฏิภาณ ” ๘๗
ตอนที่ ๖ ว่ าด้ วยสร้ างวังในรัชกาลที่ ๕ ” ๘๘
ว่าด้ วยพระราชวังที่ทรงสร้ างใหม่ ” ๘๘
พระราชวังดุสิต ” ๘๘
( ๑๖ )
พระตําหนักพญาไท น่า ๘๙
พระราชวังบางปอิน ” ๘๙
ว่าด้ วยพระราชวังเมืองราชบุรี ” ๙๐
พระราชวังริมนํ ้า ที่เมืองราชบุรี ” ๙๑
พระราชวังบนเขาสัตนาถ ” ๙๑
พระราชวังจุฑาธุชราชฐาน ” ๙๒
พระราชวังรัตนรังสรรค์ ” ๙๒
พระราชวังบ้ านปื น ” ๙๔
ว่าด้ วยวังกรมพระราชวังบวร ฯ ทรงสร้ างในรัชกาลที่ ๕ ” ๙๕
ว่าด้ วยวังเจ้ านายรัชกาลอื่นสร้ างในรัชกาลที่ ๕ ” ๙๕
๑ วังสวนหลวง วังเหนือ ” ๙๖
๒ วังสวนหลวง วังใต้ ” ๙๖
ว่าด้ วยการสร้ างวังสําหรับพระเจ้ าลูกยาเธอในรัชกาลที่ ๕” ๙๖
๑ วังสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้ าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ”
๙๗
๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยู่หวั ในรัชกาลปั จจุบนั ” ๙๘
๓ วังสมเด็จเจ้ าฟ้า ฯ กรมหลวงนครสวรรค์วรพินิต ” ๙๘
๔ วังสมเด็จเจ้ าฟ้า ฯ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ” ๙๘
๕ วังสมเด็จเจ้ าฟ้า ฯ กรมหลวงนครราชสิมา ” ๙๙
๖ วังสมเด็จเจ้ าฟ้า ฯ กรมขุนสงขลานครินทร์ ” ๙๙
๗ วังสมเด็จเจ้ าฟ้า ฯ กรมขุนเพ็ชร์ บรู ณ์อินทราไชย ” ๙๙
๘ วังสมเด็จเจ้ าฟ้า ฯ กรมขุนสุโขทัยธรรมราชา ” ๑๐๐

( ๑๗ )
๙ วังสมเด็จเจ้ าฟ้า ฯ กรมขุนลพบุรีราเมศวร์ น่า ๑๐๐
๑๐ วังกรมพระจันทบุรีนฤนาถ ” ๑๐๐
๑๑ วังกรมหลวงราชบุรีดเิ รกฤทธิ ” ๑๐๐
๑๒ วังกรมหลวงปราจิณกิติบดี ” ๑๐๑
๑๓ วังกรมหลวงนครไชยศรี สรุ เดช ” ๑๐๑
๑๔ วังกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ” ๑๐๑
๑๕ วังกรมหลวงกําแพงเพชรอัครโยธิน ” ๑๐๑
๑๖ วังกรมหมื่นพิชยั มหินทโรดม ” ๑๐๑
๑๗ วังกรมขุนสิงหวิกรมเกรี ยงไกร ” ๑๐๒
๑๘ วังกรมหมื่นสรรควิสยั นรบดี ” ๑๐๒
๑๙ วังกรมหมื่นไชยาศรี สรุ ิโยภาส ” ๑๐๒
๒๐ วังกรมขุนไชยนาทนเรนทร ” ๑๐๒
ว่าด้ วยวังหลานเธอในรัชกาลที่ ๕ ” ๑๐๒
ว่าด้ วยวังลูกเธอ ในกรมพระราชวังบวร ฯ รัชกาลที่ ๕ ” ๑๐๓
สารบานวังเก่าตามรายพระนามเจ้ านาย ” ๑๐๖
บอกแก้ คําผิด
คําว่า “กรมหมื่นนริ นทรภักดี” น่า ๒ บันทัด ๔ ให้ แก้ เปน
“กรมหมื่นนรินทรพิทกั ษ์ ”
คําว่า “กรมหมื่นนริ นทรพิทกั ษ์ ” น่า ๑๖ บันทัด ๑๗ ให้ แก้ เปน
“กรมหมื่นนรินทรเทพ”
คําว่า “พระเจ้ าน้ องยาเธอ พระองค์เจ้ าโต” น่า ๒๘ บันทัด ๑๕
ให้ แก้ เปน “พระเจ้ าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ าโต”
คําว่า “พระองค์เจ้ าศรี สงั ข์ ในกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ”
น่า ๔๙ บันทัด ๓ ให้ แก้ เปน “พระองค์เจ้ าศรี สงั ข์ ใน
กรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ ”
อธิบายเรื่ องตานานวังเก่ า

เรื่ องตํานานวังเก่านี ้ พระเจ้ าบรมวงศเธอชัน้ ๓ กรมหลวงบ


ดินทรไพศาลโสภณทรงริแต่งขึ ้นเมื่อรัชกาลที่ ๕ ว่าด้ วยสร้ าง
พระราชวังและวังเจ้ านายครัง้ รัชกาลที่ ๑ รัชกาลที่ ๒ แล้ วโปรดให้
เขียนเปนหนังสือเส้ นหมึกประทานชําร่วยแก่เจ้ านายที่ไปถวายรดนํ ้า
สงกรานต์ ข้ าพเจ้ าได้ ประทานฉบับ ๑ อ่านแล้ วเก็บรักษามาจนรัชกาล
ปั จจุบนั นี ้ ค้ นหนังสือไปพบเข้ า นึกว่าหนังสือเรื่ องนันถ้
้ าแต่งต่อเสียให้
บริบรู ณ์ ก็จะเปนประโยชน์ในทางความรู้ สมควรจะพิมพ์เปนหนังสือหอ
พระสมุดวชิรญาณสําหรับพระนครได้ แต่การที่จะแต่งต่อนัน้ เห็นว่า
ตํานานวังเจ้ านาย รัชกาลที่ ๔ รัชกาลที่ ๕ พอจะสืบเรื่ องได้ ไม่ยาก
ลําบากอยูแ่ ต่เรื่ องวังเจ้ านายรัชกาลที่ ๓ ไม่ร้ ูวา่ จะสืบถามหาเรื่ องราวที่
ผู้ใดดี จึงทูลปฤกษาสมเด็จพระเจ้ าบรมวงศเธอ เจ้ าฟ้ากรมพระนริศรา
นุวตั วิ งศ์ ทรงแนะนําให้ ถามหม่อมเจ้ าแดง ในพระเจ้ าบรมวงศเธอชัน้ ๓
พระองค์เจ้ างอนรถ ข้ าพเจ้ าทําตามทรงแนะนําก็ทราบเรื่ องวังเจ้ านาย
ครัง้ รัชกาลที่ ๓ สมประสงค์ ได้ จดเปนหัวข้ อไว้ แต่ยงั หาได้ แต่งขึ ้นเป
นเรื่ องสําหรับพิมพ์ไม่
ครัน้ หม่อมเจ้ าแดงสิ ้นชีพตักษัย หม่อมราชวงศหญิงโต จิตร
พงศ ณกรุงเทพ ในสมเด็จพระเจ้ าบรมวงศเธอ เจ้ าฟ้ากรมพระนริ ศรานุ
วัตวิ งศ ประสงค์จะพิมพ์หนังสือเปนของแจกเนื่องในทักษิณานุปทาน
ที่บําเพ็ญสนองพระคุณบิดา ขอให้ ข้าพเจ้ าช่วยจัดการพิมพ์หนังสือนัน้
สมเด็จ ฯ เจ้ าฟ้ากรมพระนริ ศรานุวตั ิวงศทรงเตือนถึงเรื่ องตํานานวังเก่าที่
ข้ าพเจ้ าได้ ไต่ถามหม่อมเจ้ าแดงไว้ ทรงพระดําริห์ว่าถ้ าพิมพ์หนังสือ
เรื่ องนันได้
้ ก็


จะเหมาะดี ข้ าพเจ้ าเห็นชอบด้ วย จึงได้ แต่งเรื่ องตํานานวังเก่าที่พิมพ์
ในสมุดเล่มนี ้ขึ ้นใหม่ทงเรื
ั ้ ่ อง
การที่แต่งหนังสือเรื่ องนี ้ได้ อาศรัยสอบแผนที่เก่าซึง่ มีอยูใ่ นกรม
แผนที่ประกอบกับความรู้ที่สืบสวนได้ ความแต่ที่ตา่ ง ๆ คือในหนังสือ
พงศาวดารและจดหมายเหตุบ้าง ในหนังสือซึง่ กรมหลวงบดินทรไพศาล
โสภณทรงพระนิพนธ์ไว้ บ้าง ได้ จากคําชี ้แจงของหม่อมเจ้ าแดงบ้ าง ไต่
ถาม หม่อมเจ้ าอุทยั ในพระเจ้ าราชวรวงศเธอชัน้ ๒ กรมหมื่นอนันต
การฤทธิ์ และท่านผู้อื่นได้ ความต่อมาในเวลาเมื่อจะแต่งหนังสือนี ้อิกบ้ าง
แต่เรื่ องราวที่ข้าพเจ้ าเรี ยบเรี ยงไว้ ในหนังสือนี ้ จะรับว่าถูกถ้ วนทีเดียว
ไม่ได้ ด้ วยเปนการเก่าแก่ ความบางแห่งหมดตัวผู้ร้ ูต้องสันนิษฐาน
เอาเองก็มี ที่ไม่ร้ ูว่าจะสันนิษฐานอย่างไรทีเดียวก็มี ถึงกระนันก็ ้ ดี
เข้ าใจว่าเรื่ องราวเพียงเท่าที่ได้ ความมาเรี ยบเรี ยงไว้ ในสมุดเล่มนี ้ คง
จะเปนประโยชน์ในทางความรู้ได้ บ้าง.
ตานานวังเก่ าในกรุ งเทพ ฯ

ตอนที่ ๑ ว่ าด้ วยพระราชวังทัง้ ๓


เมื่อพระบาทสมเด็จ ฯ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เริ่มทรงสร้ าง
กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร ฯ เมื่อปี ขาล พ.ศ. ๒๓๒๕ นัน้
เจ้ านายพระองค์ชาย ซึง่ เจริ ญพระชัณษาสมควรจะเสด็จอยูว่ งั ต่างหาก
มีเจ้ าฟ้า ๗ พระองค์ พระองค์เจ้ า ๓ พระองค์ รวมเปน ๑๐ พระองค์
ด้ วยกัน คือ
สมเด็จพระอนุชาธิราช มหาอุปราช กรมพระราชวังบวรสถาน
มงคลพระองค์ ๑
สมเด็จพระเจ้ าน้ องยาเธอ เจ้ าฟ้ากรมหลวงจักรเจษฎา พระองค์ ๑
สมเด็จพระเจ้ าลูกยาเธอ เจ้ าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร (คือ
พระบาทสมเด็จ ฯ พระพุทธเลิศหล้ านภาลัย เวลานันพระชั ้ ณษาได้ ๑๖
ปี ) พระองค์ ๑
สมเด็จพระเจ้ าหลานเธอ เจ้ าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์ (ซึง่
ต่อมาทรงสถาปนาเปนกรมพระราชวังหลัง) พระองค์ ๑
สมเด็จพระเจ้ าหลานเธอ เจ้ าฟ้ากรมหลวงธิเบศรบดินทร์
พระองค์ ๑
สมเด็จพระเจ้ าหลานเธอ เจ้ าฟ้ากรมหลวงนรินทรรณเรศร์
พระองค์ ๑ ( สมเด็จพระเจ้ าหลานเธอทัง้ ๒ พระองค์นี ้ เปนพระโอรส
ของสมเด็จพระเจ้ าพี่นางเธอพระองค์ใหญ่ เจ้ าฟ้ากรมพระยาเทพสุดา
วดี )


สมเด็จพระเจ้ าหลานเธอ เจ้ าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์ ( เปน
โอรสของสมเด็จพระเจ้ าพี่นางเธอพระองค์น้อย เจ้ าฟ้ากรมพระศรี สดุ า
รักษ์ ) พระองค์ ๑
กรมหมื่นนรินทรภักดี พระภัศดาของพระเจ้ าน้ องนางเธอ พระองค์
เจ้ ากุ ( ซึง่ ทรงสถาปนาพระนามพระอัฐิเปนกรมหลวงนริ นทรเทวีเมื่อใน
รัชกาลที่ ๔ ) พระองค์ ๑
พระองค์เจ้ าขุนเณร เปนพระอนุชาของกรมพระราชวังหลัง แต่
มิได้ ร่วมพระชนนี พระองค์ ๑
หม่อมเรื อง ซึง่ กรมพระราชวังบวร ฯ ทูลขอให้ ยกขึ ้นเปนเจ้ า
เพราะทรงนับถือเปนพระภาดา โดยได้ กระทําสัตย์ไว้ ตอ่ กัน ( ภายหลัง
ได้ เปนกรมขุนสุนทรภูเบศร์ ) พระองค์ ๑
เจ้ านายพระองค์ชายนอกนี ้ยังทรงพระเยาว์อยูท่ งนั ั ้ น้ วังซึ่งสร้ าง
พร้ อมกรุงรัตนโกสินทร จึงมีแต่พระราชวังหลวง พระราชวังบวรสถาน
มงคล กับวังเจ้ านายอิก ๘ วัง ( แลใน ๘ วังนัน้ ต่อมาทรง
สถาปนาเปนพระราชวังหลังวัง ๑ ) รวมทังสิ ้ ้นเปน ๑๐ วังด้ วยกัน
วังซึง่ สร้ างในชันแรก
้ การเลือกที่ตงวั
ั ้ งเนื่องด้ วยการสร้ างพระ
นคร อมรรัตนโกสินทร ฯ เปนสําคัญ เพราะฉนันจะกล่ ้ าวถึงเหตุการณ์
ที่สร้ างพระนคร ฯ อันเปนปั จจัยแก่การสร้ างวังให้ ปรากฎก่อน แล้ วจึง
จะกล่าวบรรยายถึงเรื่ องวังต่อไป
เดิมเมืองธนบุรีตงอยู ั ้ ่ทางฝั่ งแม่นํ ้าฟากตวันตกฝั่ งเดียว ครัน้ ขุน
หลวงพระยาตากมาตังเมื ้ องธนบุรีเปนราชธานี จะขยายบริเวณเมือง

ให้ ใหญ่โตออกไปให้ สมกับที่เปนราชธานี จึงให้ ขดุ คูแล้ วสร้ างปราการ
พระนครทางข้ างฟากตวันออกอิกฝ่ ายหนึง่ (คือ แนวคลองตลาดทุกวันนี๑้ )
ทางข้ างฟากตวันตกก็ให้ ขดุ คูเมืองธนเดิมก่อปราการต่อขึ ้นไปทางข้ าง
เหนือ จนถึงคลองบางกอกน้ อย แนวคูกรุงธนบุรีด้านตวันตก ปากคู
ข้ างใต้ ตอ่ คลองบางกอกใหญ่ที่ริมวัดโมลีโลก ผ่านหลังวัดอรุณ ฯ
แลบ้ านขมิ ้นไปออกคลองบางกอกน้ อยที่หลังวัดอมรินทร ยังเปน
คลองเรื ออยูจ่ นบัดนี ้ เว้ นแต่ที่ตรงปากคูตอนต่อคลองบางกอกน้ อยนัน้
ถมเสียเมื่อทําทางรถไฟสายตวันตก การที่สร้ างกรุงธนบุรีจงึ เปลี่ยน
แผนที่เมืองเดิม ซึง่ ตังฝั ้ ่ งเดียวเอาแม่นํ ้าไว้ ทางน่าเมือง กลายเปน
เมืองตังสองฟากเอาแม่
้ นํ ้าไว้ กลางเมือง
แผนที่เมืองอย่างที่เอาลํานํ ้าไว้ กลางเมืองเช่นว่านี ้มักเรี ยกกันว่า
“เมืองอกแตก” ชวนให้ เข้ าใจว่าปราศจากชัยภูมิ แต่ที่จริงเปนแบบ
อย่างอันหนึง่ ซึง่ นับถือกันมาแต่โบราณ เมืองโบราณที่สร้ างปราการสอง
ฟากเอาลํานํ ้าไว้ กลางเช่นนี ้มีหลายเมือง คือ เมืองพิษณุโลก เมือง
เพ็ชร์ บรู ณ์ เมืองสรรคบุรี เมืองสุพรรณบุรีเปนต้ น เพราะมีประโยชน์
ในการบางอย่าง เช่นอาจจะเอาพาหนะสําหรับใช้ ทางนํ ้ารักษาไว้ ได้ ใน
เมือง มิให้ เปนอันตรายในเวลามีข้าศึกมาตังประชิ ้ ดติดเมืองนันเปนต้
้ น
ความข้ อนี ้มีเหตุการณ์เปนอุทาหรณ์ปรากฎมาเมื่อก่อนสร้ างกรุงธนบุรีไม่
ช้ านัก คือ เมื่อพระเจ้ ามังลองยกทัพพม่ามาตีกรุงศรี อยุธยา กองทัพ
พม่า
๑ คลองนี ้มักเรียกกันเปน ๒ ชื่อ ตอนข้ างใต้ เรียกว่า คลองตลาด ตอนข้ าง
เหนือเรียกว่า คลองโรงไหม จะเรียกในหนังสือนี ้ว่า คลองคูเมืองเดิมทัง้ ๒ ตอน.


เข้ ามาได้ จนชานพระนคร มาตังอยู ้ ่ข้างด้ านเหนือ กรุงศรี อยุธยาไม่มีที่
ไว้ เรื อในกําแพงพระนคร ต้ องถอยเรื อทังปวงทั
้ งเรื
้ อหลวงและเรื อสินค้ า
ของราษฎรลงมารวมรักษาไว้ ในแม่นํ ้าที่ตรงปากคูข้างใต้ พระนคร (คือ
ราวปากคลองตะเคียนทุกวันนี ้) ข้ าศึกยกอ้ อมลงมาเผาเรื อเสียเกือบ
หมด บางทีจะเปนด้ วยเหตุที่ปรากฎในคราวซึง่ กล่าวนี ้เอง พระเจ้ ากรุง
ธนบุรีจงึ เอาแบบเมืองสองฟากลํานํ ้ามาสร้ างกรุงธนบุรี หาได้ สร้ างโดย
ปราศจากความพินิจพิจารณาไม่ แต่ภายหลังมา เมื่อครัง้ อะแซหวุน่ กี ้
เข้ ามาตีหวั เมืองเหนือ พม่ามาตังล้ ้ อมเมืองพิษณุโลกไว้ พระบาทสม
เด็จ ฯ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก กับสมเด็จพระอนุชาธิราช กรม
พระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงรักษาเมืองต่อสู้ในครัง้ นัน้ ได้ ทดลอง
รักษา “เมืองอกแตก” ต่อสู้พม่าข้ าศึก ทรงทราบประจักษ์วา่ เมือง
ที่ตงสองฟากเอาแม่
ั้ นํ ้าไว้ กลางเมือง เวลาต่อสู้มีทางเสียเปรี ยบข้ าศึก
ด้ วยลําแม่นํ ้ากีดขวางอยูใ่ นเมือง เวลาศึกหนักทางด้ านไหนจะส่งกําลัง
ทางด้ านอื่นไปช่วยกันไม่สดวก แม่นํ ้าที่เมืองพิษณุโลกยังว่าแคบแลตื ้น
พอทําสพานเรื อกให้ รีพ้ ลข้ ามได้ แต่แม่นํ ้าข้ างตอนใต้ เช่นที่กรุงธนบุรีทงั ้
กว้ างและฦก จะทําสพานข้ ามก็ขดั สน ถ้ ามีกองทัพใหญ่ของข้ าศึกเข้ า
มาได้ ถึงชานพระนคร เห็นจะรักษายากเต็มที พระบาทสมเด็จ ฯ พระ
พุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงประจักษ์แจ้ งความข้ อนี ้แก่พระราชหฤทัย ครัน้
เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ จึงย้ ายพระนครมาสร้ างทางฝั่ งตวันออกแต่
ฟากเดียว ความที่กล่าวมานี ้เปนเนื ้อเรื่ องที่มีมาในพระราชพงศาวดาร


แต่เปนข้ อที่น่าวินิจฉัยในเรื่ องสร้ างกรุงรัตนโกสินทรนี ้ ด้ วยความปรากฎ
ว่า พอพระบาทสมเด็จ ฯ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จผ่านพิภพ ใน
เดือนนันเองก็
้ โปรด ฯ ให้ ลงมือสร้ างพระนครใหม่ ความอันนี ้ส่อให้
เห็นว่าการที่ย้ายพระนครนันเปนการที
้ ่ได้ ดําริ ห์แลได้ สํารวจตรวจที่ชยั ภูม์ิ
ไว้ แต่ก่อนแล้ ว การใหญ่โตถึงปานนันใช่ ้ วิสยั ที่จะทําโดยทรง
พระราชดําริห์เปนปั จจุบนั ทันด่วน เมื่อคิดดูระยะเวลาตังแต่ ้ ศกึ อะแซห
วุน่ กี ้มาจนเปลี่ยนรัชกาลกรุงธนบุรีมีถึง ๕ ปี เรื่ องที่จะย้ ายพระนครมา
ตังฟากเดี
้ ยวน่าที่จะได้ เคยเปนปั ญหาวินิจฉัยกันมาแต่ครัง้ กรุงธนบุรี ข้ าง
ฝ่ ายพระบาทสมเด็จ ฯ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงพระราชดําริห์เห็น
ควรจะย้ าย แต่ฝ่ายพระเจ้ ากรุงธนบุรีจะไม่เห็นชอบด้ วย ฤๅมิฉนันจะ ้
ผัดผ่อนหาเวลาที่เปนโอกาศ การจึงค้ างอยู่ แต่คงได้ ทรงตรวจตราเห็น
ที่ชยั ภูมิมาแต่ครัง้ กรุงธนบุรีแล้ ว พระบาทสมเด็จ ฯ พระพุทธยอดฟ้า
จุฬาโลกจึงอาจทรงสัง่ ให้ ย้ายพระนครได้ ในทันที
ทําเลที่สร้ างพระนครใหม่ ถึงว่าใกล้ กบั เมืองธนุบรี เดิมเพียง
ตรงกันข้ ามฟากแม่นํ ้าก็จริง แต่เปนที่ชยั ภูมิผิดกันด้ วยอยู่
หัวแหลมได้ แม่นํ ้าเปนคูเมืองสองด้ าน ต้ องขุดคลองเปนคูเมืองแต่ ๒
ด้ าน พื ้นที่ทางด้ านตวันออก พ้ นคลองคูออกไปในสมัยนันก็ ้ ยงั เปนที่ลมุ่
เรี ยกว่าทะเลตมมาแต่โบราณ ถึงข้ าศึกจะเข้ ามาได้ ถึงแขวงกรุงเทพ ฯ
จะเข้ าถึงชานพระนครทางด้ านนันก็ ้ ยาก ด้ วยมีทางเดินแต่เฉพาะบาง
แห่ง เพราะเหตุนี ้เมื่อสร้ างพระนคร เดิมกะจะสร้ างสพานช้ าง คือสพาน
อย่างที่ก่ออิฐทอดไม้ เหลี่ยมเปนพื ้น สําหรับให้ ช้างเดินข้ ามคู
ทางด้ านตวัน


ออก พระพิมลธรรมวัดโพธารามถวายพระพรห้ าม จึงได้ ทรง
พระราชดําริห์เห็นชอบด้ วย เพราะเห็นว่าถ้ าข้ าศึกจับต้ นทางได้ แล้ ว ก็จะ
อาศรัย สพานข้ ามเข้ าตีพระนครได้ สดวกขึ ้น
ที่พระบาทสมเด็จ ฯ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกรี บสร้ างพระนคร
ใหม่ครัง้ นัน้ เพราะทรงคาดว่าจะมีศกึ พม่ามาอิกในไม่ช้า ข้ อที่ทรง
คาดนี ้ก็ไม่ผิด พอสร้ างพระนครแล้ วเมื่อปี มะเสง พ.ศ. ๒๓๒๘ ในปี
นันเองศึ
้ กพม่าก็มีมา คือ คราวศึกใหญ่ที่พม่ายกมาทุกทาง แต่หาก
ไทยไปสกัดตีกองทัพหลวงของพม่าแตกเสียแต่ที่ตําบลลาดหญ้ าแขวง
เมืองกาญจนบุรี ข้ าศึกจึงมิได้ เข้ ามาถึงพระนคร เพราะพระนครใหม่
สร้ างในเวลาระแวงว่าจะมีศกึ พม่าดังกล่าวมา การที่สร้ างจึงทําเปน ๒
ระยะ คือระยะเบื ้องต้ นคงรักษากรุงธนบุรีเดิมเปนที่มนั่ เปนแต่ย้าย
พระราชวังกับสถานที่ตา่ ง ๆ ในรัฐบาลมาตังในกรุ ้ งธนบุรีทางฟากตวัน
ออก ถึงระยะที่ ๒ จึงขุดคูขยายเขตร์ พระนครออกไปทางตวันออกแต่
ฝั่ งเดียว แล้ วรื อ้ กําแพงธนบุรีทางข้ างฝั่ งตวันตกเสีย คงรักษาแต่ที่ริม
แม่นํ ้าเปนเขื่อนน่าของพระนครที่สร้ างใหม่ บรรดาวังที่สร้ างพร้ อมกับ
กรุงเทพ ฯ สร้ างโดยมีเหตุการณ์ที่กล่าวมาเปนปั จจัยทังนั ้ น้ จะกล่าว
บรรยายเปนรายวังต่อไป
พระบรมมหาราชวัง
เมื่อพระบาทสมเด็จ ฯ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงย้ าย
พระราชวังมาตังทางฝั
้ ่ งตวันออก ทําเลที่ในกําแพงกรุงธนุบรี ทางฝั่ งนี ้
ตังแต่
้ ปากคลองคูเมืองเดิมข้ างเหนือลงมาจนปากคลองข้ างใต้ มาจน
ริมแม่


นํ ้ามีที่ผืนใหญ่ที่จะสร้ างพระราชวังได้ แต่ ๒ แปลง ๆ ข้ างใต้ อยูใ่ นระหว่าง
วัดโพธิ์ (เชตุพน) กับวัดสลัก (มหาธาตุ) แปลงข้ างเหนือ อยูแ่ ต่
เหนือวัดสลักขึ ้นไปจนคลองคูเมือง จึงสร้ างพระราชวังหลวงในที่แปลงใต้
สร้ างพระราชวังบวรสถานมงคลในที่แปลงเหนือ ด้ วยเหตุนี ้พระราชวัง
หลวงกับวังน่าในกรุงเทพ ฯ นี ้จึงใกล้ ชิดกัน ผิดกับที่กรุงศรี อยุธยา
ท้ องที่ตรงที่สร้ างพระราชวังหลวงนี ้ เมื่อครัง้ กรุงธนบุรีให้ พวกจีน
ซึง่ ขึ ้นอยูใ่ นพระยาราชาเศรษฐี ๑ ตังบ้
้ านเรื อน เมื่อจะสร้ าง
พระราชวัง โปรดให้ พวกจีนย้ ายลงไปตังบ้ ้ านเรื อนอยู่ระหว่างวัดสาม
ปลื ้ม (จักร วรรดิ) กับวัดสําเพ็ง (ประทุมคงคา) จึงเลยเปนตลาด
จีนมาจนทุกวันนี ้
พระราชวังหลวงที่สร้ างขึ ้นในกรุงเทพ ฯ นี ้ ถ่ายแผนที่
พระราชวังหลวงในกรุงศรี อยุธยามาสร้ างแทบทุกอย่าง เปนต้ นว่า
สร้ างชิดข้ างแม่นํ ้าแลหันน่าวังขึ ้นข้ างเหนือนํ ้า เอาลําแม่นํ ้าไว้ ข้างซ้ าย
วังอย่างเดียวกัน เอากําแพงเมืองด้ านข้ างแม่นํ ้าเปนกําแพงพระราชวัง
ชันนอกอย่
้ างเดียวกัน วางพระราชมณเฑียรรายเรี ยงเปนระยะอย่าง
เดียวกัน หมูพ่ ระมหามณเฑียรตรงกับพระวิหารสมเด็จที่กรุงเก่า พระที่
นัง่ ดุสิตมหาปราสาทตรงกับพระที่นงั่ สุริยาสน์อมริ นทร์ มิได้ สร้ างแต่
พระที่นงั่
๑ ขุนนางหัวน่าจีนแต่ก่อน ๒ คน เปนที่พระยาโชฎึกคน ๑ พระยาราชาเศรษฐี
คน ๑ ครัน้ มาภายหลังรวมเปนคนเดียว จึงมีชื่อว่าพระยาโชฎึกราชเศรษฐี เหมือน
ขุนนางหัวน่าแขก แต่ก่อนก็เปนที่พระจุฬาคน ๑ พระราชมนตรี คน ๑ เมื่อรวมเปนคน
เดียว จึงชื่อว่าพระยาจุฬาราชมนตรี ดังนี ้


องค์กลางที่ตรงพระที่นงั่ สรรเพ็ชญปราสาท (พึง่ มาสร้ างพระที่นงั่ จักรี
มหาปราสาทต่อรัชกาลที่ ๕) วัดพระศรี รัตนศาสดารามก็สร้ างตรงกับ
วัดพระศรี สรรเพ็ชญที่ในพระราชวังกรุงเก่า แต่เครื่ องที่ปลูกสร้ าง
พระราชวังในชันแรกใช้
้ เครื่ องไม้ ทงสิ
ั ้ ้น แม้ พระราชมณเฑียรฤๅป้อมปรา
การรอบพระราชวังก็เปนเครื่ องไม้ มาอิกชันหนึ ้ ง่ จึงได้ ทําป้อมปราการ
รอบพระราชวังเปนเครื่ องก่ออิฐถือปูน แล้ วทําพระราชมณเฑียรและพระ
มหาปราสาทเปลี่ยนเปนก่ออิฐถือปูน ที่เปนเครื่ องก่ออิฐถือปูนมาแต่
แรกมีแต่วดั พระศรี รัตนศาสดารามแห่งเดียว ตําหนักรักษาศาลาลูกขุน
และคลังทังปวงยั
้ งเปนเครื่ องไม้ มาจนรัชกาลที่ ๓ จึงได้ จบั เปลี่ยน
เปนเครื่ องก่ออิฐถือปูนแต่นนมาั้
เขตร์ พระราชวังหลวงซึง่ สร้ างเมื่อรัชกาลที่ ๑ นัน้ ด้ านเหนือ ด้ าน
ตวันออก ด้ านตวันตก ตรงเท่าทุกวันนี ้ แต่เขตร์ ด้านใต้ ครัง้ นันสุ ้ ด
เพียงป้อมอนันตคิรี เปนป้อมมุมพระราชวังทิศตวันออกเฉียงใต้ แนว
กําแพงพระราชวังแต่ป้อมอนันตคิรีตรงมาทางทิศตวันตก (เข้ าใจว่าตาม
แนวที่สร้ างแถวเต๊ งชันนอกข้
้ างในพระราชวังนัน)
้ มาบรรจบป้อมสัตบรร
พต ถึงรัชกาลที่ ๒ จึงขยายเขตร์ พระราชวังทางด้ านใต้ ออกไปเท่าทุก
วันนี ้ และสร้ างประตูพิทกั ษ์บวร ประตูสนุ ทรทิศา สกัดในระหว่าง
กําแพงพระราชวังชันในกั
้ บกําแพงเมือง ซึง่ เรี ยกกันว่า “ประตูแดง”
แต่ก่อนนันมาประตู
้ ทงั ้ ๒ นี ้หามีไม่
การปลูกสร้ างแก้ ไขพระราชมณเฑียรและสถานที่ตา่ ง ๆ ที่ใน
พระราชวังในรัชกาลหลัง ๆ มีมากมายหลายอย่างนัก จะพรรณาใน
หนังสือ


นี ้ก็จะยืดยาวเกินเจตนาไป ขอยุตเิ พียงกล่าวถึงการชันแรกสร้
้ างดังได้
แสดงมาเท่านี ้
นามที่เรี ยกว่า “พระบรมมหาราชวัง” พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอม
เกล้ าเจ้ าอยูห่ วั พึง่ ทรงบัญญัตขิ ึ ้นเมื่อในรัชกาลที่ ๔ แต่ก่อนมาในบัตร์
หมายใช้ วา่ “พระราชวังหลวง” ตามแบบอย่างครัง้ กรุงศรี อยุธยา เข้ า
ระเบียบกับ “พระราชวังบวรสถานมงคล” และพระราชวังบวรสถานพิมขุ
แต่เรี ยกกันเปนสามัญว่า “วังหลวง วังน่า วังหลัง” ถึงรัชกาลที่ ๔
ทรงสถาปนาสมเด็จพระอนุชาธิราชให้ มีพระเกียรติยศอย่างพระเจ้ า
แผ่นดิน ทรงพระนามพระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั เปนพระ
ราชา ๒ พระองค์ ในแผ่นดินนันก็ ้ ต้องมีราชาศัพท์สําหรับจะใช้ ในที่
หมายความว่าฝ่ ายพระองค์ไหนฝ่ ายเดียว จึงทรงบัญญัตใิ ห้ ใช้ คําว่า
“บรม” เพิ่มเข้ าในฝ่ ายวังหลวง คํา “บวร” เพิ่มเข้ าในฝ่ ายวังน่า เปน
ต้ น ดังเช่นพระราชโองการก็เปนพระบรมราชโองการ และพระบวร
ราชโองการ พระราชวังหลวงและพระราชวังบวรสถานมงคลก็เปนพระ
บรมมหาราชวังและพระบวรราชวังดังนี ้ ครัน้ พระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ า
เจ้ าอยูห่ วั เสด็จสวรรคตราชาศัพท์สว่ นข้ างวังหน้ า เช่นพระบวรราช
โองการและพระบวรราชวังเปนต้ นก็สญ ู ไป แต่ฝ่ายข้ างวังหลวงไม่ได้
มีรับสัง่ ให้ เลิกศัพท์ที่เติมใหม่ก็คงใช้ คํา “บรม” ต่อมา จึงเรี ยกว่า
พระบรมมหาราชวังอยู่จนทุกวันนี ้
พระราชวังบวรสถานมงคล
เมื่อรัชกาลกรุงธนบุรีไม่มีพระมหาอุปราช ในกรุงธนบุรีจงึ มีแต่
พระราชวังหลวง ไม่มีพระราชวังบวรสถานมงคล ฤๅที่เรี ยกกัน
ตาม

๑๐
แบบอย่างครัง้ กรุงเก่าว่า “วังน่า” ถึงรัชกาลที่ ๑ ทรงสถาปนาสม
เด็จพระอนุชาธิราชเปนพระมหาอุปราช จึงต้ องสร้ างพระราชวังบวร
สถานมงคลขึ ้นใหม่ ตรงที่วงั น่าซึง่ เปนพิพิธภัณฑ์สถานบัดนี๑้ ที่เลือก
ที่สร้ างพระราชวังบวร ฯ ตรงนี ้ เพราะในที่กําแพงกรุงธนทางฝั่ ง
ตวันออก อันเปนที่มนั่ ในเวลาสร้ างพระนครอมรรัตนโกสินทร มี
ที่ผืนใหญ่แต่ ๒ แปลงดังกล่าวมาแล้ ว ที่แปลงใต้ สร้ างพระราชวัง
หลวง ยังเหลือที่แปลงเหนือจึงสร้ างพระราชวังบวร ฯ แต่ที่แปลงนี ้
แคบ ต้ องทําผาติกรรมถวายที่เพิ่มเติมเขตร์ วัดสลักทางด้ านตวันออก
แลกที่วดั ทางด้ านเหนือไปเปนเขตร์ พระราชวังบวร ฯ และบางทีจะเปน
เพราะเหตุอนั นี ้เอง กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทจึงทรงสร้ างวัด
สลัก (คือวัดมหาธาตุบดั นี ้)
ครัง้ นันการรั
้ กษาพระนครซึง่ สร้ างใหม่จดั อนุโลมตามแบบอย่างครัง้
กรุงศรี อยุธยา เอาท้ องที่ที่ตงพระราชวั
ั้ งทัง้ ๒ เปนเขตร์ ปันนาที่ ให้
รี พ้ ลฝ่ ายพระราชวังหลวงรักษาทางด้ านใต้ รี พ้ ลฝ่ ายวังน่ารักษาทางด้ าน
เหนือ มาบรรจบกันที่ประตูสําราญราษฎร์ (ซึง่ คนมักเรี ยกกันว่าประ
ตูผี) การปกครองท้ องที่ในพระนครก็แบ่งเปนอําเภอวังหลวงอําเภอวังน่า
อนุโลมตามเขตร์ นนั ้ สืบมาจนรัชกาลหลัง ๆ พึง่ มาเลิกเมื่อรัชกาลที่ ๕
๑. เมื่อขยายที่ท้องสนามหลวงในรัชกาลที่ ๕ รื อ้ พระราชวังบวร ฯ ชันนอกทํ
้ า
สนามเสียมาก ถ้ าสังเกตที่พื ้นสนามหลวง ยังจะแลเห็นแนวป้อมกําแพงวังของเดิมได้
จนบัดนี ้

๑๑
เรื่ องราวพระราชวังบวรสถานมงคลต่อมามีอยู่ในหนังสือ “เรื่ อง
ตํานานวังน่า” โดยพิสดาร ได้ พิมพ์ไว้ ในประชุมพงศาวดารภาคที่ ๑๓
แล้ ว จะไม่กล่าวซํ ้าในที่นี ้

พระราชวังหลัง
ชื่อที่เรี ยกวังน่าก็ดี วังหลังก็ดี เรี ยกตามแบบอย่างครัง้ กรุงเก่า
ที่กรุงเก่านัน้ วังจันทรเกษมอันเปนที่ประทับของพระมหาอุปราช อยู่
ทางข้ างด้ านน่าพระราชวังหลวง จึงเรี ยกกันว่า วังน่า วังสวนหลวง
(ตรงที่ตงโรงทหารบั
ั้ ดนี ้) อยูข่ ้ างด้ านหลังพระราชวังหลวง จึงเรี ยกกัน
ว่า “วังหลัง” เรี ยกกันมาแต่ก่อนมีกรมพระราชวังหลัง ครัน้ สถาปนา
กรมพระราชวังหลังขึ ้นเมื่อรัชกาลสมเด็จพระเพทราชา จึงขนานนาม
กรมว่า “กรมพระราชวังบวรสถานพิมขุ ” ในกรุงเทพ ฯ นี ้พระราชวัง
บวรสถานมงคลยังอยูข่ ้ างด้ านน่าพระราชวังหลวงเรี ยกว่า วังน่าก็ถกู ตาม
แผนที่ แต่พระราชวังหลังนันผิ ้ ดทิศห่างไกล ที่เรี ยกว่า วังหลัง
จึงคงหมายความแต่วา่ เปนที่ประทับของกรมพระราชวังบวรสถานพิมขุ
เท่านัน้
พระราชวังหลังสร้ างที่ตําบลสวนลิ ้นจี่ (คือตรงที่ตงโรงสิ
ั ้ ริราชพยา
บาลบัดนี ้) ตังแต่
้ กรมพระราชวังหลังดํารงพระยศเปนสมเด็จพระเจ้ า
หลานเธอ เจ้ าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์ ด้ วยที่ตรงนันมี
้ ป้อม
ปราการเปนมุมเมืองมาแต่ครัง้ กรุงธนบุรี จึงเปนที่สําคัญสําหรับ
ป้องกันพระนครทางฝั่ งตวันตก มาสถาปนาเปนพระราชวังหลังต่อ
ชันหลั
้ ง

๑๒
แต่จะก่อสร้ างแปลกกับวังเจ้ านายต่างกรมอย่างใดบ้ าง ไม่ปรากฎสิ่ง
สําคัญเหลืออยู่ สืบก็ไม่ได้ ความ
อนึง่ ที่ซงึ่ สร้ างพระราชวังหลังนัน้ บางทีจะสร้ างตรงที่พระนิเวศน์
เดิมของกรมพระราชวังหลัง ครัง้ ทรงปฏิบตั ริ าชการกรุงธนบุรีก็เปน
ได้ ด้ วยกล่าวกันมาว่าเมื่อครัง้ กรุงธนบุรีนนั ้ สมเด็จเจ้ าฟ้ากรมพระยา
เทพสุดาวดี พระพี่นางพระองค์ใหญ่ของพระบาทสมเด็จ ฯ พระพุทธ
ยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงตังพระนิ ้ เวศน์สถานอยูท่ ี่ตําบลสวนมังคุด แล้ ว
ทรงสร้ างสวนลิ ้นจี่นนขึ ั ้ ้น สมเด็จพระพี่นางพระองค์นนมี ั ้ พระโอรสทรง
ปฏิบตั ริ าชการครัง้ กรุงธนบุรีถึง ๓ พระองค์ พระองค์ใหญ่ (คือกรม
พระราชวังหลัง) ได้ เปนพระยาสุริยอภัย พระองค์กลาง (คือกรม
หลวงธิเบศร์ บดินทร์ ) ได้ เปนพระอภัยสุริยา พระองค์น้อย (คือกรม
หลวงนรินทร์ รณเรศร์ ) ได้ เปนหลวงฤทธินายเวรมหาดเล็ก บางทีจะ
ทรงโอนสวนลิ ้นจี่ประทานกรมพระราชวังหลัง ซึ่งเปนพระโอรสผู้ใหญ่
ให้ ตงนิ
ั ้ วเศน์สถาน เพราะฉนันจึ้ งปรากฎในหนังสือพระราชพงศาวดาร
ว่า เมื่อเกิดจลาจลในกรุงธนบุรี ครัง้ พระยาสรรค์เข้ ามาตีพระนคร กรม
พระราชวังหลังยกกองทัพเข้ ามาจากเมืองนครราชสีมา มาตังอยู
้ ท่ ี่
“พระนิเวศน์สถานเดิม” พระยาสรรค์ยใุ ห้ เจ้ ารามลักษณ์ไปรบกับกรม
พระราชหลัง กองทัพเจ้ ารามลักษณ์ไปตังที ้ ่บ้านปูน และวางคน
รายโอบขึ ้นไปจนวัดบางว้ าน้ อย แล้ วเอาไฟเผาบ้ านเรื อนราษฎรขึ ้นไปแต่
ข้ างใต้ หมายจะให้ ไหม้ พระนิเวศน์สถานของกรมพระราชวังหลัง ตาม
ความที่ปรากฎนี ้บ่งว่า ขณะนันสมเด็
้ จเจ้ าฟ้ากรมพระยาเทพสุดาวดี

๑๓
ประทับอยูท่ ี่สวนมังคุด กรมพระราชวังหลังเสด็จอยู่ที่สวนลิ ้นจี่ ตังค่
้ าย
รักษาทัง้ ๒ แห่ง ฤๅชักแนวค่ายตลอดถึงกัน ด้ วยพระนิเวศน์สถาน
ทัง้ ๒ แห่งเกือบจะต่อติดไม่ห่างกัน
ต่อมาถึงตอนปลายรัชกาลที่ ๑ เมื่อกรมพระราชวังหลังทิวงคตแล้ ว
ที่พระราชวังหลังแบ่งเปน ๔ วัง คือ วังเดิม อันเปนตอนพระราช
มณเฑียรของกรมพระราชวังหลังนัน้ พระอรรคชายา ซึง่ เรี ยกกันว่า
“เจ้ าครอกข้ างใน” ประทับทรงปกครองเชื ้อวงศ์ของกรม
พระราชวังหลังอยูก่ บั พระองค์เจ้ าหญิงกระจับ พระองค์เจ้ าหญิงจงกล
ซึง่ เปนพระธิดา และพระองค์เจ้ าปฐมวงศ์ซงึ่ เปนพระโอรสองค์น้อย
ส่วนพระโอรสซึง่ ทรงพระเจริ ญแล้ ว ๓ พระองค์นนั ้ แบ่งที่วงั หลังข้ าง
ตอนใต้ ลงมา ตังวั ้ งเปน ๓ วัง วังเหนือเรี ยกกันว่า “วังน้ อย” เปนที่
ประทับของกรมหลวงเสนีบริ รักษ์ ถัดลงมาถึง “วังกลาง” เปนที่
ประทับของกรมหมื่นนเรศร์ โยธี วังใต้ เรี ยกกันว่า “วังใหญ่” เปน
ที่ประทับของกรมหมื่นนราเทเวศร์ เจ้ าข้ างในและต่างกรมใน
พระราชวังหลังทัง้ ๓ พระองค์เสด็จอยูม่ าจนรัชกาลที่ ๓ แต่พระองค์เจ้ า
ปฐมวงศ์นนทรงผนวชอยู
ั้ ว่ ดั ระฆังตลอดมาจนสิ ้นพระชนม์มายุใน
รัชกาลที่ ๓ ครัน้ สิ ้นพระชนม์ไปหมดแล้ ว หม่อมเจ้ าหม่อมราชวงศ์
ในกรมก็อยูต่ อ่ มา หาได้ มีเจ้ านายพระองค์อื่นเสด็จไปอยูพ่ ระราชวัง
หลังไม่

ตอนที่ ๒ ว่ าด้ วยวังเจ้ านายสร้ างในรั ชกาลที่ ๑

วังเจ้ านายเมื่อรัชกาลที่ ๑ สร้ างเปน ๒ คราว คือสร้ างพร้ อมกับ


กรุงรัตนโกสินทรคราว ๑ สร้ างเพิ่มเติมเมื่อตอนปลายรัชกาลอิกคราว ๑
วังเจ้ านายซึง่ สร้ างพร้ อมกับกรุงรัตนโกสินทรนัน้ สร้ างทางพระนคร
ใหม่ฟากตวันออก ๔ วัง ศร้ างทางกรุงธนฟากตวันตก ๔ วัง จะกล่าว
พรรณาว่าเปนรายวังต่อไป จะว่าด้ วยวังทางฝั่ งตวันออกก่อน
๑ วังริมป้อมพระสุเมรุ
วังนี ้สร้ างเปนที่ประทับของสมเด็จพระเจ้ าน้ องยาเธอ เจ้ าฟ้ากรม
หลวงจักรเจษฎา อยู่ตรงมุมพระนครด้ านเหนือ (ยังมีประตูวงั ก่ออิฐ
ปรากฎอยูห่ ลังป้อมพระสุเมรุจนบัดนี ้) ที่สร้ างวังนี ้เดิมอยูใ่ นเขตร์ พระ
นิเวศน์สถานของกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท เมื่อครัง้ ทรงปฏิบตั ิ
ราชการกรุงธนบุรี แต่สมัยนันเปนที ้ ่อยูน่ อกกําแพงเมืองข้ างด้ านเหนือ
ที่สร้ างพระตําหนักเห็นจะอยู่ริมแม่นํ ้า ครัน้ สร้ างพระนครใหม่ แนว
กําแพงเมืองผ่านกลางที่ แล้ วเลี ้ยวที่ปากคลองบางลําภูอนั เปนคูพระนคร
ใหม่ไปทางทิศตวันออก จึงสร้ างป้อมพระสุเมรุเปนป้อมใหญ่ประจํามุม
พระนครข้ างด้ านเหนือลงตรงนัน้ ถือว่าเปนที่สําคัญในการป้องกันพระ
นครแห่ง ๑ เมื่อกรมพระราชวังบวร ฯ เสด็จมาประทับที่พระราชวังบวร ฯ
แล้ ว จึงพระราชทานที่พระนิเวศน์สถานเดิมตอนในกําแพงพระนครที่
สร้ างใหม่ ให้ สร้ างวังสมเด็จเจ้ าฟ้ากรมหลวงจักรเจษฎา เพื่อประโยชน์
ในการรักษาพระนครทางด้ านนัน้

๑๕
วังนี ้ตังแต่
้ เจ้ าฟ้ากรมหลวงจักรเจษฎาสิ ้นพระชนม์แล้ ว หาปรากฎ
ว่า ได้ โปรด ฯ ให้ เจ้ านายต่างกรมฤๅพระองค์เจ้ าพระองค์ใดเสด็จไป
ประทับไม่ กล่าวกันว่าเพราะพระภูมิเจ้ าที่ร้ายแรงนัก
๒ วังริมป้อมจักรเพ็ชร
วังนี ้เปนที่สําคัญสําหรับการรักษาพระนครข้ างใต้ เหมือนอย่าง
วังเจ้ าฟ้ากรมหลวงจักรเจษฎาเปนที่สําคัญสําหรับรักษาพระนครข้ าง
เหนือ เพราะกําแพงพระนครสร้ างตามแนวลําแม่นํ ้าลงไปเลี ้ยวเข้ าคูพระ
นคร (ที่เรี ยกกันว่าคลองโอ่งอ่างบัดนี )้ ที่ตรงนันสร้ ้ างป้อมจักรเพ็ชรไว้
เปนป้อมมุมพระนครข้ างใต้ เหมือนอย่างสร้ างป้อมพระสุเมรุไว้ ตรงมุม
พระนครข้ างเหนือ จึงโปรดให้ สร้ างวังเปนที่ประทับของสมเด็จพระเจ้ า
หลานเธอ เจ้ าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์ พระโอรสพระองค์ใหญ่ของ
สมเด็จเจ้ าฟ้ากรมพระศรี สดุ ารักษ์ พระพี่นางพระองค์น้อย ที่ใต้ วดั
เลียบใกล้ กบั ป้อมจักรเพ็ชรนัน้ (มุมวังอยู่ตรงศาลเจ้ าที่เชิงสพานวัด
ราชบุรณะบัดนี ้) วังนี ้เมื่อเจ้ าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์สิ ้นพระชนม์
แล้ ว ก็หา ปรากฎว่าโปรดให้ เจ้ านายต่างกรมหรื อพระองค์เจ้ าพระองค์
ใดเสด็จไปอยูไ่ ม่

๓ วังริมวัดโพธิ์
วังนี ้เปนที่ประทับของกรมหมื่นนรินทรพิทกั ษ์ พระสามีของพระ
เจ้ าน้ องนางเธอ พระองค์เจ้ ากุ (ซึง่ ทรงสถาปนาพระอัฐิเปนกรมหลวง
นรินทรเทวีเมื่อในรัชกาลที่ ๔) อยู่ตดิ เขตร์ วดั โพธิ์ (เชตุพน) ข้ าง

๑๖
ด้ านเหนือ เพราะฉนันคนทั
้ งหลายจึ
้ งได้ ขานพระนามพระเจ้ าน้ องนางเธอ
พระองค์เจ้ ากุ ว่า “เจ้ าครอกวัดโพธิ์” กล่าวกันว่าวังอยู่ตรงที่สร้ างวิหาร
พระนอนวัดพระเชตุพน ด้ วยในสมัยเมื่อแรกสร้ างพระนครนัน้ เขตร์
พระราชวังหลวงด้ านใต้ ยงั อยูเ่ พียงแนวแถวเต๊ งตรงป้อมอนันตคิรีทางด้ าน
ตวันออกมาหาป้อมสัตบรรพตทางด้ านตวันตก (ขยายเขตร์ พระราชวัง
ออกไปเท่าทุกวันนี ้ต่อในรัชกาลที่ ๒ เขตร์ วดั พระเชตุพนทางด้ านตวัน
ตกก็พงึ่ ขยายขึ ้นมาทางพระราชวังต่อในรัชกาลที่ ๓) ที่ตงแต่ ั ้ เขตร์
พระราชวังลงไปจนวัดโพธิ์ เมื่อชันแรกสร้
้ างกรุงเทพ ฯ เปนบ้ าน
เสนาบดีคือบ้ านเจ้ าพระยารัตนาพิพิธที่สมุหนายก แล้ วถึงบ้ าน
เจ้ าพระยามหาเสนาบุนนาค แล้ วจึงถึงวังกรมหมื่นนรินทรพิทกั ษ์
ล้ วนหันน่าออกถนนริมกําแพงเมือง ซึง่ เรี ยกกันว่าถนนท้ ายสนม
ที่วงั นี ้บางทีจะเปนที่พระนิเวศน์เดิมของกรมหมื่นนริ นทรพิทกั ษ์ ด้ วย
ทําราชการเปนตําแหน่งนายกวดหุ้มแพรมหาดเล็กครัง้ กรุงธนบุรี
และเปนบุตร์ เจ้ าพระยามหาสมบัตแิ ต่ก่อน กรมหมื่นนรินทรพิทกั ษ์
สิ ้นชีพตักไษยในรัชกาลที่ ๒ แต่พระองค์เจ้ ากุยงั เสด็จอยู่มาจนรัชกาลที่
๓ เมื่อพระองค์เจ้ ากุสิ ้นพระชนม์แล้ ว พระบาทสมเด็จ ฯ พระนัง่ เกล้ า
เจ้ าอยูห่ วั จะทรงขยายเขตร์ วดั พระเชตุพน จึงโปรดให้ กรมหมื่นนริ นทรพิ
ทักษ์ กบั กรมหมื่นนเรนทรบริ รักษ์ พระโอรสของกรมหลวงนรินทรเทวี
ย้ ายไปอยูว่ งั ที่สร้ างพระราชทานใหม่ใกล้ ประตูสพานหัน (เดี๋ยวนี ้
รวมอยูใ่ นเขตร์ วงั บูรพาภิรมย์ทงั ้ ๒ วัง)

๑๗
๔ วังปากคลองวัดชนะสงคราม
วังนี ้กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทโปรดให้ สร้ างเปนที่ประทับ
ของกรมขุนสุนทรภูเบศร์ ๆ นี ้มีนามเดิมว่า หม่อมเรื อง มิได้ เปนเชื ้อ
สายในพระราชวงศ์ เดิมตังภู
้ มิลําเนาอยู่ที่เมืองชลบุรี เมื่อเวลา
บ้ านเมืองเปนจลาจลครัง้ เสียกรุงเก่าแก่พม่าข้ าศึก ได้ มีอปุ การะแก่
กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท และได้ ปฏิญาณเปนพี่น้องกัน
ครัน้ เมื่อประดิษฐานพระราชวงศ์ กรมพระราชวังบวร ฯ จึงทูลขอให้
ยกขึ ้นเปนเจ้ า เดิมได้ เปนที่เจ้ าบําเรอภูธรราชนิกูล ครัน้ ต่อมามี
ความชอบในการสงคราม จึงทรงสถาปนาเปนกรมหมื่น แล้ ว
เลื่อนเปนกรมขุนสุนทรภูเบศร์
กรมขุนสุนทรภูเบศร์ รับราชการอยูใ่ นกรมพระราชวังบวรมหา
สุรสิงห นาท กรมพระราชวังบวร ฯ จึงให้ สร้ างวังประทานที่ริมคลองคู
เมืองเดิมทางฝั่ งเหนือ ตรงพระราชวังบวร ฯ ข้ าม (อยูร่ ิมปากคลองวัดชนะ
สงครามฟากตวันตกไปจนจดเขตร์ โรงพยาบาลทหารเดี๋ยวนี ้) วังนี ้ถึง
รัชกาลที่ ๓ เปนวังเจ้ าฟ้าอิศราพงศ์ หม่อมเจ้ าในเจ้ าฟ้าอิศราพงศ์ได้
ครอบครองสืบมา ทุกวันนี ้เปนที่บ้านพระยาพจนปรี ชา (ม.ร.ว. สําเริง
อิศรศักดิ์ ณกรุงเทพ) ซึง่ เปนนัดดาของเจ้ าฟ้าอิศราพงศ์
ทีนี ้จะกล่าวถึงวังเจ้ านายที่ตงทางฝั
ั้ ่ งแม่นํ ้าฟากตวันตกต่อไป ลักษณ
แผนที่ริมแม่นํ ้าทางฝั่ งตวันตกเมื่อครัง้ กรุงธนเปนราชธานีนนั ้ พระราชวัง
้ ส่ ดุ กําแพงกรุงธนบุรีข้างใต้ คือแต่ป้อมวิชยั ประสิทธิ์ขึ ้นมาจนถึง
ตังอยู
คลองเหนือวัดแจ้ ง เรี ยกว่าคลองนครบาล หมดเขตร์ พระราชวังเพียงนี ้

๑๘
ตังแต่
้ คลองนครบาลขึ ้นไปจนคลองมอญเปนที่วงั เจ้ าและตังคุ ้ กในตอนนี ้
เหนือคลองมอญขึ ้นไปถึงบ้ านเสนาบดี คือบ้ านพระยาธรรมา (บุญรอด
บุณยรัตพันธุ์) ซึง่ เปนบ้ านเจ้ าพระยาศรี ธรรมาธิราชในรัชกาลที่ ๑ แล้ ว
ถึงพระนิเวศน์สถานพระบาทสมเด็จ ฯ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก อยูใ่ น
บริเวณที่ว่าการกระทรวงทหารเรื อทุกวันนี ้ ต่อพระนิเวศน์สถานเดิม
ขึ ้นไปถึงอูก่ ํ่าปั่ นอยู่ตดิ กับเขตร์ วดั บางว้ าใหญ่ (คือวัดระฆังบัดนี ้ แต่
ว่าเขตร์ วดั ข้ างเหนือในสมัยนัน้ กล่าวกันว่าอยูเ่ พียงราวพระอุโบสถบัดนี )้
เหนือวัดบางว้ าใหญ่ขึ ้นไปจนคลองบางกอกน้ อย อันเปนที่สดุ กําแพงกรุง
ธนบุรีข้างฝ่ ายเหนือ เรี ยกว่าตําบลบ้ านปูน ตําบลสวนมังคุด และตําบล
สวนลิ ้นจี่ เปน ๓ ตําบล มีคํากล่าวกันอิกนัยหนึง่ ว่า เดิมเรี ยกบ้ านปูน
ตําบลเดียว ว่าสวนมังคุดและสวนลิ ้นจี่นนเปนของสมเด็ ั้ จเจ้ าฟ้ากรม
พระยาเทพสุดาวดีทรงสร้ าง แต่พิเคราะห์ดเู ห็นท้ องที่ยืดยาวมากนัก
จึงเข้ าใจว่าจะเรี ยกนามเปน ๓ ตําบลมาแต่เดิม
๕ วังสวนมังคุด
วังนี ้เดิมเปนพระนิเวศน์สถานของสมเด็จเจ้ าฟ้ากรมพระยาเทพสุดา
วดี เมื่อครัง้ กรุงธนเปนราชธานี ครัน้ เมื่อพระบาทสมเด็จ ฯ พระพุทธยอด
ฟ้าจุฬาโลกทรงสร้ างกรุงรัตนโกสินทร สมเด็จเจ้ าฟ้ากรมพระยาเทพสุดา
วดีเสด็จเข้ าไปประทับอยูใ่ นพระราชวังหลวง จึงประทานพระนิเวศน์
สถานที่ตําบลสวนมังคุด ให้ เปนวังเจ้ าฟ้ากรมหลวงนรินทรรณเรศร์
ซึง่ เปนพระโอรสพระองค์น้อยเสด็จประทับต่อมา เมื่อเจ้ าฟ้ากรมหลวง
นรินทร

๑๙
รณเรศร์ สิ ้นพระชนม์แล้ ว หม่อมเจ้ าในกรมอยูว่ งั นี ้ต่อมาจนรัชกาล
ที่ ๓ แต่เห็นจะหมดสิ ้นผู้สามารถจะปกครอง จึงปรากฎว่าเมื่อปี ที่ ๖
ในรัชกาลที่ ๓ นัน้ ที่วงั สวนมังคุดซุดโซมมาก เจ้ าฟ้ากรมขุนอิศรา
นุรักษ์ทรงซื ้อ แล้ วย้ ายไปสร้ างวังใหม่ณที่นนั ้ ประทับอยูไ่ ด้ ปี ๑ ก็
สิ ้นพระชนม์ กรมหมื่นเทวานุรักษ์ พระโอรสพระองค์ใหญ่ได้
ครอบครองต่อมา ครัน้ กรมหมื่นเทวานุรักษ์สิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๔
แต่นนหม่
ั ้ อมเจ้ าในกรมขุนอิศรานุรักษ์ก็อยู่ตอ่ มา ยังมีกําแพงวังปรากฎ
อยูม่ กั เรี ยกกันว่า “วังกรมเทวา” แต่หาได้ มีเจ้ านายพระองค์อื่น
เสด็จไปประทับไม่
๖ วังบ้ านปูน
วังนี ้เปนที่ประทับของพระองค์เจ้ าขุนเณร อันเปนพระอนุชาต่าง
ชนนีกบั กรมพระราชวังหลัง เดิมพระองค์เจ้ าขุนเณรจะตังนิ ้ เวศน์สถาน
อยูณ ่ ที่ใดหาปรากฎไม่ ปรากฎแต่วา่ พระบาทสมเด็จ ฯ พระพุทธยอดฟ้า
จุฬาโลกทรงสถาปนาให้ มียศเปนพระองค์เจ้ า และมีพระเกียรติยศ
ปรากฎในหนังสือพระราชพงศาวดารเมื่อเปนนายกองโจรครัง้ รบพม่าที่
ลาดหญ้ า เมื่อเปนพระองค์เจ้ าแล้ วตังวั ้ งอยูท่ ี่บ้านปูนในระหว่างวังเจ้ าฟ้า
กรมหลวงนรินทรรณเรศร์ กบั เขตร์ วดั ระฆัง ยังมีทางเดินเรี ยกกันว่า
“ตรอกเจ้ าขุนเณร” ปรากฎอยูท่ กุ วันนี ้ คงจะเปนแต่วงั อย่างน้ อย หาเป
นทสําคัญอันใดไม่

๒๐
๗ พระนิเวศน์ เดิม
ได้ กล่าวมาแล้ ว ว่าในสมัยเมื่อกรุงธนบุรีเปนราชธานี
พระบาทสมเด็จ ฯ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงตังพระนิ ้ เวศน์สถานอยู่
ตรงที่ว่าการกระทรวงทหารเรื อทุกวันนี ้ เมื่อเสด็จมาประทับใน
พระราชวังที่นนเรี
ั ้ ยกว่า “จวนเดิม” พระราชทานให้ เปนวังของสมเด็จ
พระเจ้ าลูกยาเธอพระองค์ใหญ่ คือพระบาทสมเด็จ ฯ พระพุทธเลิศ
หล้ านภาลัย เมื่อยังดํารงพระยศเปนสมเด็จเจ้ าฟ้ากรมหลวงอิศร
สุนทร ด้ วยอยูใ่ กล้ ตรงกับพระราชวังหลวงข้ ามนับว่าเปนที่สําคัญแห่ง
๑ ต่อมาเมื่อโปรด ฯ ให้ พระบาทสมเด็จ ฯ พระพุทธเลิศหล้ านภาลัย
เสด็จไปประทับที่พระราชวังเดิม โปรด ฯ ให้ สมเด็จพระเจ้ าลูกยาเธอ
เจ้ าฟ้ากรมหลวงเสนานุรักษ์ พระบัณฑูรน้ อยเสด็จประทับที่พระนิเวศน์
เดิมต่อมาจนตลอดรัชกาลที่ ๑ เมื่อพระบัณฑูรน้ อยทรงรับอุปราชาภิเษก
เสด็จไปประทับพระราชวังบวรสถานมงคลในรัชกาลที่ ๒ กรม
พระราชวังบวร ฯ โปรดให้ กรมขุนธิเบศร์ บวร ซึง่ เปนพระโอรสพระองค์
ใหญ่ประทับที่พระนิเวศน์เดิมต่อมา ครัน้ กรมขุนธิเบศร์ บวรสิ ้นพระชนม์
ในรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั จึงโปรดให้
กรมหมื่นอนันตการฤทธิ์ในกรมพระราชวังบวร ฯ รัชกาลที่ ๒ เสด็จไป
ประทับต่อมาจนในรัชกาลที่ ๕ เมื่อกรมหมื่น อนัตการฤทธิ์สิ ้นพระชนม์
แล้ ว พระบาทสมเด็จ ฯ พระจุลจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั จึงพระราชทานที่
พระนิเวศน์เดิมให้ สร้ างที่ว่าการทหารเรื อขยายต่อออกมาให้ พอราชการ
และโปรด ฯ ให้ สร้ างกําแพงมีใบเสมาหมายไว้ เปนสําคัญ ให้ ปรากฎว่า
พระนิเวศน์เดิมอยู่ตรงนัน้
๒๑
๘ พระราชวังเดิม
เมื่อสร้ างพระนครใหม่ ย้ ายพระราชวังมาตังทางฝั ้ ่ งตวันออก ที่
พระราชวังเดิมครัง้ กรุงธนบุรีวา่ งอยู่ แต่เปนที่สําคัญเพราะมีป้อมปราการ
สําหรับรักษาพระนครทางด้ านใต้ ฝ่ายตวันตก พระบาทสมเด็จ ฯ พระ
พุทธยอดฟ้าจุฬาโลกจึงโปรด ฯ ให้ กนเขตร์ ั้ วงั เข้ าไปให้ แคบกว่าเก่า คง
ไว้ เปนวังสําหรับเจ้ านาย ชันแรกโปรด
้ ฯ ให้ สมเด็จพระเจ้ าหลานเธอ
เจ้ าฟ้ากรมหลวงธิเบศร์ บดินทร พระโอรสพระองค์กลางของสมเด็จพระ
พี่นางเธอพระองค์ใหญ่เสด็จไปประทับ ครัน้ เจ้ าฟ้ากรมหลวงธิเบศร์
บดินทรสิ ้นพระชนม์ จึงโปรด ฯ ให้ พระบาทสมเด็จ ฯ พระพุทธเลิศหล้ า
นภาลัยเสด็จไปประทับที่พระราชวังเดิม ตังแต่
้ ยงั เสด็จดํารงพระ
ยศเปนสมเด็จเจ้ าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร และเมื่อพระราชทานอุป
ราชาภิเษกเปนกรมพระราชวังบวร ฯ แล้ วก็โปรด ฯ ให้ เสด็จประทับอยูท่ ี่
พระราชวังเดิมต่อมาจนตลอดรัชกาลที่ ๑ ในรัชกาลที่ ๒
พระบาทสมเด็จ ฯ พระพุทธเลิศหล้ านภาลัยโปรด ฯ ให้ เจ้ าฟ้ากรม
หลวงพิทกั ษมนตรี เสด็จไปประทับที่พระราชวังเดิม ครัน้ เจ้ าฟ้ากรม
หลวงพิทกั ษมนตรี สิ ้นพระชนม์ จึงพระราชทานพระราชวังเดิมให้ เป
นที่พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ าเจ้ าอยู่หวั เสด็จประทับต่อมา ใน
รัชกาลที่ ๓ พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั ทรงผนวชอยู่
ตลอดรัชกาล สมเด็จพระศรี สเุ ยนทราบรมราชินีเสด็จออกไปประทับอยู่
ที่พระราชวังเดิมกับพระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ าเจ้ าอยู่หวั และเสด็จ
สวรรคตที่พระราชวังเดิมนัน้ พระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั เมื่อ
ยังเสด็จดํารงพระยศเปนสมเด็จพระเจ้ าน้ องยาเธอ
๒๒
เจ้ าฟ้ากรมขุนอิศเรศร์ รังสรรค์เสด็จประทับอยูท่ ี่พระราชวังเดิมมาจน
ตลอดรัชกาลที่ ๓ ถึงรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ า
เจ้ าอยูห่ วั ทรงรับบวรราชาภิเษกเสด็จไปประทับณพระบวรราชวัง
พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั จึงโปรด ฯ ให้ พระเจ้ าน้ องยา
เธอ กรมหลวงวงศาธิราชสนิทเสด็จไปประทับณพระราชวังเดิมต่อมาจน
สิ ้นพระชนม์ใน รัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จ ฯ พระจุลจอมเกล้ า
เจ้ าอยูห่ วั โปรด ฯ ให้ สมเด็จพระเจ้ าน้ องยาเธอ เจ้ าฟ้าจาตุรนต์รัศมี
กรมพระจักรพรรดิพงศ์ เสด็จไปประทับณพระราชวังเดิม เมื่อสมเด็จ
เจ้ าฟ้ากรมพระจักรพรรดิพงศ์สิ ้นพระชนม์แล้ ว จึงพระราชทาน
พระราชวังเดิมให้ เปนที่จดั ตังโรงเรี้ ยนนายเรื อมาจนตราบเท่าทุกวันนี ้
วัง ๘ วังที่พรรณามา นับว่าเปนวังตังพร้ ้ อมกับกรุงรัตนโกสินทร
ครัน้ ต่อมาในรัชกาลที่ ๑ เมื่อเจ้ านายพระองค์ชายซึง่ ยังทรงพระเยาว์
อยูใ่ นเวลาเมื่อสร้ างกรุง ฯ ทรงพระเจริญถึงเวลาควรจะออกอยู่วงั
ต่างหาก พระบาทสมเด็จ ฯ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกจึงโปรด ฯ ให้
สร้ างวังเพิ่มเติมขึ ้นอีก และวังซึง่ สร้ างเพิ่มเติมนี ้อยูท่ างฝั่ งตวันออก
ทังนั
้ น้ สร้ างที่ริมแม่นํ ้าข้ างท้ ายโรงวิเสทลงไปจนท่าเตียน ๒ วัง
สร้ างที่ริมถนนน่าพระลานแต่ทา่ พระขึ ้นไปจนน่าประตูวิเศษไชยศรี ๓ วัง
สร้ างที่ริมถนนหลักเมืองทัง้ ๒ ฟาก ๆ ละ ๓ วัง รวมเปน ๖ วัง๑ ฝ่ าย
กรมพระราชวังบวร ฯ ก็ทรงสร้ างวังสําหรับลูกเธอที่ทรงพระเจริญขึ ้นที่
ริมสนามน่าพระราชวังบวร ฯ อิก ๔ วัง รวมเปนวังที่สร้ างเพิ่มเติม
ในรัชกาลที่ ๑ เปน ๑๘ วังด้ วยกัน จะพรรณาเปนลําดับกับวังที่กล่าว
มาแล้ วต่อไป
๑ วังที่ถนนหลักเมืองจะเปน ๕ วังฤๅ ๖ วัง และวังริมสนามชัยจะสร้ างแต่
รัชกาลที่ ๑ ฤๅมาสร้ างต่อรัชกาลที่ ๒ สงสัยอยูบ่ ้ าง จะอธิบายเมื่อกล่าวถึงวังนัน้ ๆ
๒๓
๙ วังคลังสินค้ า
วังนี ้อยูร่ ิมแม่นํ ้าใต้ ตําหนักแพ (เห็นจะอยูร่ าวที่หมูต่ กึ เหนือโรง
โม่หินบัดนี ้) สร้ างพระราชทานสมเด็จพระเจ้ าหลานเธอ เจ้ าฟ้ากรม
หลวงพิทกั ษมนตรี พระโอรสพระองค์กลางของสมเด็จพระพี่นางพระองค์
น้ อย เล่ากันมาว่าถึงรัชกาลที่ ๒ เกิดไฟไหม้ วงั นี ้หมด เวลานันประจวบ ้
พระราชวังเดิมว่างมาแต่พระบาทสมเด็จ ฯ พระพุทธเลิศหล้ านภาลัยเสด็จ
เถลิงถวัลยราชสมบัติ จึงโปรดให้ เจ้ าฟ้ากรมหลวงพิทกั ษมนตรี เสด็จ
ไปประทับที่พระราชวังเดิม ส่วนที่วงั ที่ไฟไหม้ นนั ้ ภายหลังโปรดให้
สร้ างโรงวิเสทและคลังสินค้ า แต่จะสร้ างในรัชกาลที่ ๒ ฤๅรัชกาลที่ ๓
ข้ อนี ้ไม่ทราบแน่

๑๐ วังท่ าเตียน
วังนี ้อยู่ตอ่ วังเจ้ าฟ้ากรมหลวงพิททักษมนตรี ลงไปข้ างใต้ จนต่อ
บ้ านเจ้ าพระยารัตนาธิเบศร์ (กุญ) ซึง่ อยูท่ ี่ทา่ เตียน โปรด ฯ ให้
สร้ างพระราชทานสมเด็จพระเจ้ าหลานเธอ เจ้ าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์
พระโอรสพระองค์น้อยของสมเด็จพระพี่นางพระองค์น้อย เจ้ าฟ้ากรม
ขุนอิศรานุรักษ์ ประทับอยูว่ งั นี ้จนในรัชกาลที่ ๓ ย้ ายไปประทับที่วงั สวน
มังคุดฟากข้ างโน้ น พระบาทสมเด็จ ฯ พระนัง่ เกล้ าเจ้ าอยูห่ วั จึง
พระราชทานวังท่าเตียนให้ กรมหมื่นสุรินทรรักษ์ พระเจ้ าลูกยาเธอใน
รัชกาลที่ ๑ ประทับต่อมา

๒๔
ในเรื่ องวังกรมหมื่นสุรินทรรักษ์นี ้มีข้อสงสัยอยู่ ด้ วยเสด็จออก
จากวังแต่ในรัชกาลที่ ๒ จะประทับอยู่ที่ไหนก่อนเสด็จมาประทับวังท่า
เตียนสืบหาได้ ความไม่ สันนิษฐานว่าบางทีจะได้ พระราชทานที่วงั
คลังสินค้ า เสด็จประทับต่อเจ้ าฟ้ากรมหลวงพิทกั ษมนตรี ก็เปนได้ แต่ที่
วังนันไฟไหม้
้ ตําหนักเก่าเสียหมด เห็นจะสร้ างแต่เปนตําหนักประทับ
ชัว่ คราว ครัน้ ถึงรัชกาลที่ ๓ วังเจ้ าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์วา่ ง ทํานอง
จะเปนวังมีตําหนักรักษาบริบรู ณ์กว่า จึงโปรด ฯ ให้ ย้ายไปประทับที่วงั
ท่าเตียนเอาที่วงั ก่อนทําคลังสินค้ าและโรงวิเสท บางทีเรื่ องจะเปนเช่น
ว่านี ้
กรมหมื่นสุรินทรรักษ์ ประทับอยูท่ ี่วงั ท่าเตียนจนสิ ้นพระชนม์ เจ้ า
จอมมารดาตานีของกรมหมื่นสุรินทรรักษ์อยูต่ อ่ มาจนอสัญกรรม และ
หม่อมเจ้ าในกรมหมื่นสุรินทรรักษ์อยูต่ อ่ มา จนถึงรัชกาลที่ ๔ จึงสร้ าง
ศาลต่างประเทศกับตึกหลวงที่ตรงวังนัน้
๑๑ วังถนนน่ าพระลาน วังตวันตก
วั ง นี อ้ ยู่ ใ นพระนครใกล้ ประตู ท่ า พระ โปรด ฯ ให้ สร้ าง
พระราชทานสมเด็จพระเจ้ าหลานเธอ เจ้ าฟ้ากรมขุนกระษัตรานุชิต
ซึ่งเรี ยกกันว่า “เจ้ าฟ้าเหม็น” พระราชนัดดา ประทับอยู่จนตลอด
พระชนมายุ ถึ ง รั ช กาลที่ ๒ พระราชทานให้ เปนที่ ป ระทั บ ของ
พระบาทสมเด็จ ฯ พระนัง่ เกล้ าเจ้ าอยู่หวั เมื่อเสด็จดํารงพระยศเปนพ
ระเจ้ าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ครั น้ เสด็จ เถลิงถวัลยราช
สมบัตใิ นรัชกาลที่ ๓ พระราชทานให้ เปนที่ประทับของพระเจ้ าลูกยาเธอ
พระองค์เจ้ าลักขณานุคณุ ๆ สิ ้นพระชนม์ พระราชทานให้ เปนที่ประทับ
ของพระเจ้ าลูกยาเธอ

๒๕
พระองค์เจ้ าชุมสาย ซึง่ ทรงสถาปนาเปนกรมหมื่นแล้ วเลื่อนเปนกรมขุน
ราชสีหวิกรมในรัชกาลที่ ๔ เสด็จอยูม่ าจนสิ ้นพระชนม์เมื่อปี สิ ้นรัชกาล
ที่ ๔ ถึงรัชกาลที่ ๕ พระราชทานให้ เปนที่ประทับของกรมหมื่นอดุลย
ลักษณสมบัติ พระเจ้ าลูกยาเธอในรัชกาลที่ ๓ เมื่อกรมหมื่นอดุลย
ลักษณสมบัตสิ ิ ้นพระชนม์แล้ ว จึงพระราชทานสมเด็จเจ้ าฟ้ากรมพระ
นริศรานุวตั ิวงศ์ เสด็จประทับมาจนทุกวันนี ้
๑๒ วังถนนน่ าพระลาน วังกลาง
วังนี ้อยูร่ ิมถนนน่าพระลานต่อวังท่าพระมาทางตวันออก โปรด ฯ ให้
สร้ างเปนที่ประทับของพระเจ้ าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ าอรุโณทัย ซึง่ ทรง
สถาปนาเปนกรมหมื่นศักดิพลเสพ เสด็จอยูม่ าจนรัชกาลที่ ๓ ได้ ทรง
รับอุปราชาภิเษกเสด็จไปประทับที่พระราชวังบวร ฯ (ที่วงั กลางว่างอยูจ่ น
สมเด็จพระเจ้ าน้ องยาเธอ เจ้ าฟ้าอาภรณ์เสด็จออกวัง จึงพระราชทาน
วังกลางให้ เปนที่ประทับ ครัน้ กรมหลวงเทพพลภักดิส์ ิ ้นพระชนม์
เมื่อ พ.ศ. ๒๓๘๐ โปรด ฯ ให้ เจ้ าฟ้าอาภรณ์เสด็จไปประทับณวังน่า
ประตูวิเศษไชยศรี ๑) พระราชทานวังกลางให้ เปนที่ประทับของ
สมเด็จพระเจ้ าน้ องยาเธอ เจ้ าฟ้าชายกลาง ซึง่ พระราชทานพระนามใน
รัชกาลที่ ๔ ว่า เจ้ าฟ้ามหามาลา กรมขุนบําราบปรปั กษ์ เสด็จอยู่
จนสมเด็จเจ้ าฟ้าอาภรณ์สิ ้นพระชนม์ ถึงรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จ ฯ
๑ ความทีใ่ นวงกล่าวตามสันนิษฐานของข้ าพเจ้ า ด้ วยเมื่ออุปราชาภิเษกกรม
พระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ สมเด็จเจ้ าฟ้าอาภรณ์พระชัณษาได้ เพียง ๑๐ ปี แต่คง
ต้ องออกวังก่อนสมเด็จเจ้ าฟ้ามหามาลา.

๒๖
พระจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั โปรด ฯ ให้ รวมวังน่าประตูวิเศษไชยศรี กบั วัง
กลางเปนวังเดียว เปนที่ประทับของสมเด็จเจ้ าฟ้า กรมขุนบําราบ
ปรปั กษ์และประทับต่อมาในรัชกาลที่ ๕ ได้ ทรงเลื่อนเปนกรมพระ
แล้ วเปนกรมพระยา แล้ วจึงสิ ้นพระชนม์ กรมหมื่นปราบปรปั กษ์ ซึง่ เป
นพระโอรสพระองค์ใหญ่ได้ เสด็จอยู่ตอ่ มาจนตลอดพระชนมายุอิก
พระองค์หนึง่ แล้ วจึงตังเปนโรงงานช่
้ างสิบหมู่ ซึง่ จัดเปนที่วา่ การกรม
ศิลปากรในรัชกาลปั จจุบนั นี ้.
๑๓ วังถนนน่ าพระลาน วังตวันออก
วังนี ้อยูร่ ิมถนนน่าพระลาน ต่อวังกลางมาทางตวันออกจนถึงมุม
ถนนน่าพระธาตุ อยูต่ รงประตูวิเศษไชยศรี ทางเข้ าพระราชวัง โปรด ฯ
ให้ สร้ างพระราชทานเปนที่ประทับของพระเจ้ าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ า
อภัยทัต ซึง่ ทรงสถาปนาเปนกรมหมื่นเทพพลภักดิ์ ต่อมาถึงรัชกาลที่ ๓
เลื่อนเปนกรมหลวงเสด็จอยู่วงั นี ้จนตลอดพระชนมายุ แล้ วพระบาทสม
เด็จ ฯ พระนัง่ เกล้ าเจ้ าอยูห่ วั พระราชทานให้ เปนที่ประทับของสมเด็จพระ
เจ้ าน้ องยาเธอ เจ้ าฟ้าอาภรณ์ตอ่ มา ครัน้ สมเด็จเจ้ าฟ้าอาภรณ์
สิ ้นพระชนม์ ถึงรัชกาลที่ ๔ โปรดให้ รวมกับวังกลาง เปนที่ประทับ
ของสมเด็จเจ้ าฟ้า กรมพระยาบําราบปรปั กษ์ ดงั กล่าวมาแล้ วในเรื่ องวัง
กลาง
วังซึง่ สร้ างที่ถนนหลักเมือง ๖ วังนัน้ สร้ างทางฟากถนนข้ างเหนือ
๓ วัง ฟากถนนข้ างใต้ ๓ วัง ตังแต่
้ ริมศาลหลักเมืองไปจนถึง
ริมคลองคูเมืองเดิม ซึง่ เรี ยกว่าคลองตลาดในบัดนี ้ ชื่อวังทัง้ ๖
นัน้ มักเรี ยกเปลี่ยนไปตามพระนามเจ้ านายซึง่ เสด็จประทับอยูภ่ าย

๒๗
หลัง จะเรี ยกในหนังสือนี ้ให้ สดวกแก่ผ้ อู ่าน จึง่ สมมตเรี ยกวังทาง
ฟากถนนข้ างเหนือว่า วังที่ ๑ ที่ ๓ ที่ ๕ เรี ยกวังทางฟากถนนข้ าง
ใต้ วา่ วังที่ ๒ ที่ ๔ ที่ ๖ ตังต้
้ นแต่ทางหลักเมืองไปหาคลอง
๑๔ วังถนนหลักเมือง วังที่ ๑
วังนี ้โปรด ฯ ให้ สร้ างพระราชทานเปนที่ประทับของพระเจ้ าลูกยา
เธอพระองค์เจ้ าสุริยา ซึง่ ทรงสถาปนาเปนกรมหมื่นรามอิศเรศร์ ใน
รัชกาลที่ ๒ เลื่อนเปนกรมขุนในรัชกาลที่ ๓ แล้ วเลื่อนเปนกรมพระใน
รัชกาลที่ ๔ เสด็จประทับอยูจ่ นสิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จ
ฯ พระจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั โปรด ฯ ให้ พระเจ้ าน้ องยาเธอ กรมหมื่น
อลงกตกิจปรี ชา (ซึง่ ได้ หม่อมเจ้ าในกรมพระรามอิศเรศร์ เปนชายา)
เสด็จไปประทับที่วงั นี ้ต่อมาจนสิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๔ นัน้ ครัน้ ถึง
รัชกาลที่ ๕ จึงรื อ้ วังทําโรงช้ าง
๑๕ วังถนนหลักเมือง วังที่ ๒
วังนี ้โปรด ฯ ให้ สร้ างพระราชทานเปนที่ประทับของพระเจ้ าลูกยา
เธอพระองค์เจ้ าทับ ซึง่ ทรงสถาปนาเปนกรมหมื่นจิตรภักดีในรัชกาลที่ ๒
กรมหมื่นจิตรภักดีสิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๓ พระบาทสมเด็จ ฯ พระนัง่
เกล้ าเจ้ าอยูห่ วั โปรด ฯ ให้ พระเจ้ าน้ องยาเธอพระองค์เจ้ ามรกต ซึง่
ทรงสถาปนาเปนกรมขุนสถิตย์สถาพรเมื่อในรัชกาลที่ ๔ เสด็จไปประทับ
ครัน้ กรมขุนสถิตย์สถาพรสิ ้นพระชนม์ พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอม

๒๘
เกล้ าเจ้ าอยูห่ วั โปรด ฯ ให้ พระองค์เจ้ าชุมแสงในกรมพระราชวังบวร ฯ
รัชกาลที่ ๒ ประทับ เมื่อพระองค์เจ้ าชุมแสงสิ ้นพระชนม์แล้ วจึงรื อ้ วัง
สร้ างโรงม้ าแซง
๑๖ วังถนนหลักเมือง วังที่ ๓
วังนี ้ปรากฏว่าพระเจ้ าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ าดารากร ซึง่ ทรงสถา
ปนาเปนกรมหมื่นศรี สเุ ทพในรัชกาลที่ ๓ เสด็จประทับอยู่ แต่เมื่อสิ ้น
รัชกาลที่ ๑ พระชัณษากรมหมื่นศรี สเุ ทพได้ เพียง ๑๔ ปี จะได้ กะการ
สร้ างไว้ แต่ในรัชกาลที่ ๑ มาสร้ างวังนี ้ต่อในรัชกาลที่ ๒ ก็อาจจะเปนได้
กรมหมื่นศรี สเุ ทพสิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๓ หม่อมเจ้ าในกรมอยู่ตอ่ มา
จนรื อ้ วังทําโรงช้ างในรัชกาลที่ ๕
๑๗ วังถนนหลักเมือง วังที่ ๔
วังนี ้โปรด ฯ ให้ สร้ างพระราชทานเปนที่ประทับของพระเจ้ าลูกยา
เธอพระองค์เจ้ าคันธรส ซึง่ ทรงสถาปนาเปนกรมหมื่นศรี สเุ รนทร์ เมื่อใน
รัชกาลที่ ๒ เสด็จอยูม่ าจนสิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๒ จึงโปรด ฯ ให้ พระ
เจ้ าน้ องยาเธอพระองค์เจ้ าโต ซึง่ ทรงสถาปนาเปนกรมหมื่นอินทร
อมเรศร์ เมื่อรัชกาลที่ ๓ แล้ วเลื่อนเปนกรมหลวงมหิศวรินทรามเรศร์
เมื่อรัชกาลที่ ๔ เสด็จประทับต่อมาจนสิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๔ แล้ ว
พระองค์เจ้ าหญิงสายสมร พระน้ องร่วมเจ้ าจอมมารดากับกรมหลวง
มหิศวรินทรามเรศร์ เสด็จประทับอยูต่ อ่ มาจนสิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๕
แล้ วจึงได้ รือ้ วังสร้ างหมู่ตกึ อันเปนที่ว่าการกระทรวงกลาโหมบัดนี ้

๒๙
๑๘ วังถนนหลักเมือง วังที่ ๕
วังนี ้โปรด ฯ ให้ สร้ างพระราชทานเปนที่ประทับพระเจ้ าลูกยาเธอ
พระองค์เจ้ ากล้ ายเสด็จอยู่ พระองค์เจ้ ากล้ ายสิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๑
นัน้ ถึงรัชกาลที่ ๒ โปรด ฯ ให้ พระเจ้ าน้ องยาเธอ พระองค์เจ้ าสุทศั น์
ซึง่ ทรงสถาปนาเปนกรมหมื่นไกรสรวิชิตในรัชกาลที่ ๓ เสด็จอยู่ตอ่ มา
กรมหมื่นไกรสรวิชิตสิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๓ หม่อมเจ้ าและหม่อมราช
วงศ์ในกรมนันได้ ้ อยูต่ อ่ มา จนเจ้ าพระยาวิชิตวงศ์วฒ ุ ิไกร (ม.ร.ว. คลี่
สุทศั น์ ณกรุงเทพ) ได้ อยูเ่ ปนที่สดุ พึง่ รื อ้ วังเมื่อแต่งท้ องสนามหลวง
ในรัชกาลที่ ๕
๑๙ วังถนนหลักเมือง วังที่ ๖
วังนี ้ไม่ปรากฏพระนามเจ้ านายที่ได้ เสด็จอยู่ เข้ าใจว่าเดิมเห็นจะ
สร้ างพระราชทานพระเจ้ าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ าทับทิม ซึง่ ทรงสถา
ปนาเปนกรมหมื่นอินทรพิพิธในรัชกาลที่ ๒ ครัน้ ถึงรัชกาลที่ ๒ โปรด ฯ
ให้ เสด็จไปประทับที่วงั ริมสนามชัย ที่วังนี ้จะเปนวังเจ้ านายพระองค์
ใดต่อมา ฤๅจะตังโรงไหมของหลวงแต่
้ เมื่อรัชกาลที่ ๒ หาทราบแน่ไม่
ทราบแต่วา่ ที่ตรงนันเปนโรงไหมมาแต่
้ รัชกาลที่ ๓ จนรื อ้ สร้ างโรงทหาร
๒๐ วังริมสนามชัย วังเหนือ
วังนี ้ปรากฏว่าเปนที่ประทับของพระเจ้ าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ า
ทับทิม ซึง่ ทรงสถาปนาเปนกรมหมื่นอินทรพิพิธเมื่อในรัชกาลที่ ๒
อาจจะสร้ างพระราชทานเมื่อในรัชกาลที่ ๑ เพราะเปนพระเจ้ าลูกยา
เธอชันใหญ่
้ ฤๅมิฉนันจะเสด็
้ จอยูว่ งั ที่ ๖ ที่ถนนหลักเมืองก่อน
ย้ ายมา

๓๐
ประทับอยูว่ งั นี ้ในรัชกาลที่ ๒ เมื่อจะสร้ างโรงไหมก็เปนได้ กรม
หมื่นอินทรพิพิธสิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๒ ต่อมาโปรด ฯ ให้ พระเจ้ าน้ อง
ยาเธอ พระองค์เจ้ าดวงจักร์ ซึง่ ทรงสถาปนาเปนกรมหมื่นณรงค์หริรักษ์
เมื่อในรัชกาลที่ ๓ นันเสด็
้ จอยู่ กรมหมื่นณรงค์หริรักษ์สิ ้นพระชนม์
ในรัชกาลที่ ๓ หม่อมเจ้ าดิศในกรมหมื่นณรงค์หริรักษ์ ซึง่ ทรงสถา
ปนาเปนพระองค์เจ้ าประดิษฐวรการเมื่อในรัชกาลที่ ๕ ได้ อยู่ตอ่ มา จน
สร้ างเปนสวนสราญรมย์ ในรัชกาลที่ ๕
๒๑ วังริมสนามชัย วังกลาง
วังนี ้เปนที่ประทับของพระองค์เจ้ าไกรสร ซึง่ ทรงสถาปนาเปนก
รมหมื่นรักษ์รณเรศร์ เมื่อในรัชกาลที่ ๒ แล้ วเลื่อนเปนกรมหลวงใน
รัชกาลที่ ๓ ต่อมาเปนที่ประทับของพระองค์เจ้ าคเนจร ซึง่ ทรง
สถาปนาเปนพระเจ้ าลูกยาเธอ กรมหมื่นอมเรนทรบดินทรเมื่อในรัชกาล
ที่ ๓ กรมหมื่นอมเรนทรบดินทรเสด็จอยูท่ ี่วงั นี ้มาจนสร้ างเปนสวน
สราญรมย์เมื่อในรัชกาลที่ ๕
๒๒ วังริมสนามชัย วังใต้
วังนี ้สร้ างเปนที่ประทับของพระองค์เจ้ าสุริยวงศ์ พระเจ้ าลูกยาเธอ
ในรัชกาลที่ ๑ ซึง่ ทรงสถาปนาเปนกรมหมื่นสวัสดิวิชยั เมื่อในรัชกาล
ที่ ๓ แล้ วเลื่อนเปนกรมหลวงพิเศษศรี สวัสดิ์ สุขวัฒนวิชยั เมื่อในรัชกาล
ที่ ๔ ประทับอยูจ่ นสิ ้นพระชนม์ พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ า
เจ้ าอยูห่ วั จึงโปรด ฯ ให้ พระเจ้ าน้ องยาเธอ กรมขุนวรจักรธรานุภาพ
เสด็จอยู่ตอ่ มา ครัน้ ถึงรัชกาลที่ ๕ จะพระราชทานวังอื่นแลกที่ทําสวน
สราญ

๓๑
รมย์ กรมขุนวรจักรธรานุภาพไม่รับพระราชทาน ไปทรงซื ้อที่สวน
สร้ างวังที่ริมถนนเจริญกรุง (ตรงมุมถนนวรจักร์ บดั นี ้) สร้ างวังโดย
ลําภังพระองค์ แล้ วเสด็จอยู่ที่นนต่
ั ้ อมาจนตลอดพระชนมายุ
วังซึง่ กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทโปรดให้ สร้ างสําหรับลูก
เธอ ๔ วังนัน้ สร้ างริมสนามน่าพระราชวังบวร ฯ (ประมาณตังแต่ ้ นํ ้าพุ
นางธรณีมาจนตรางลหุโทษเพียงตรงกับแนวถนนพระจันทร์ ทกุ วันนี )้
พื ้นที่ตรงนัน้ ด้ านตวันตกจดแนวสนาม ด้ านตวันออกตกคลองคูเมือง
เดิมรูปที่เปนชายธง จึงสร้ างวังเรี ยงตามแนวแต่เหนือลงมาหาใต้ ๓ วัง
สร้ างวังที่ ๔ ตรงหลังวังที่ ๓ หันน่าไปหาคลองคูเมืองเดิม เพราะ
พื ้นที่ตอนข้ างใต้ กว้ างกว่าข้ างเหนือ วังทัง้ ๔ นี ้เจ้ านายพระองค์ใดจะ
ได้ ประทับบ้ าง เกรงจะกล่าวไม่ได้ ถกู ถ้ วนทีเดียว จะพรรณาเพียง
เท่าที่สืบได้ ความเมื่อจะแต่งหนังสือนี ้
๒๓ วังริมสนามวังน่ า วังที่ ๑
วังนี ้อยูข่ ้ างเหนือวังแถวเดียวกัน สร้ างเปนที่ประทับของพระองค์
เจ้ าลําดวน ซึง่ เปนลูกยาเธอพระองค์ใหญ่ ต่อมาเปนที่ประทับของ
กรมหมื่นเสนีเทพ ในกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท เสด็จอยูม่ า
จนรัชกาลที่ ๓ เมื่อกรมหมื่นเสนีเทพสิ ้นพระชนม์แล้ ว หม่อมเจ้ าใน
กรมมีหม่อมเจ้ าพุม่ ซึง่ รับราชการในตําแหน่งหมอม้ าหลวงนันเปนต้ ้ นอยู่
ต่อมา ถึงรัชกาลที่ ๔ แบ่งที่วงั นี ้อยู่กนั เปน ๒ ส่วน ทางริมคลองข้ าง
เหนือเปนวังพระองค์เจ้ าชายเริงคนอง (ป๊ อก) ในกรมพระราชวังบวร

๓๒
มหาศักดิพลเสพ ซึง่ ย้ ายมาจากที่อื่น ข้ างใต้ เปนบ้ านเรื อนพวกเชื ้อ
สายกรมหมื่นเสนีเทพอยู่ตอ่ มา ถึงรัชกาลที่ ๕ แบ่งที่ตอนริมสพานสร้ าง
วังกรมหมื่นจรัสพรปฏิภาณ ลูกเธอในพระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ า
เจ้ าอยูห่ วั อิกวัง ๑ เปนเช่นนี ้จนรื อ้ ทําสนามหลวง
๒๔ วังริมสนามวังน่ า วังที่ ๒
วังนี ้เปนวังกลางในแถววังริมสนามวังน่า สร้ างเปนที่ประทับของ
พระองค์เจ้ าอินทปั ต ต่อมาเปนที่ประทับของกรมขุนนรานุชิต ในกรม
พระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท เสด็จอยูม่ าจนสิ ้นพระชนม์ในรัชกาล
ที่ ๔ เมื่อกรมขุนนรานุชิตสิ ้นพระชนม์แล้ ว เชื ้อสายอยู่ตอ่ มาจนรัชกาล
ที่ ๕ จึงแบ่งที่วงั นี ้เปนสองส่วน ทางริมคลองพวกเชื ้อสายกรมขุนนรา
นุชิตอยูต่ อ่ มา ทางริ มสนามเปนวังพระองค์เจ้ านันทวันลูกเธอใน
พระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั เสด็จอยูม่ าจนสิ ้นพระชนม์ใน
รัชกาลที่ ๕ แล้ วกรมหมื่นชาญชัยบวรยศในกรมพระราชวังบวรวิชยั ชาญ
ประทับต่อมาจนรื อ้ ทําสนามหลวง
๒๕ วังริมสนามวังน่ า วังที่ ๓
วังนี ้ให้ สร้ างเปนที่ประทับของพระองค์เจ้ าช้ าง ต่อมาเปนที่ประ
ทับของพระองค์เจ้ าบัว ในกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท เสด็จ
อยูม่ าจนรัชกาลที่ ๓ แล้ วหามีเจ้ านายพระองค์ใดประทับไม่ เปนที่ว่า
งอยูช่ ้ านาน จนถึงรัชกาลที่ ๕ จึงเปนที่ประทับของพระองค์เจ้ าสุธารส
ลูกเธอในพระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั เสด็จอยูม่ าจน
สิ ้นพระชนม์ในรัชกาลนัน้

๓๓
๒๖ วังริมสนามวังน่ า วังที่ ๔
วังนี ้ที่จริงมิได้ อยูร่ ิมสนาม เพราะอยู่ตรงหลังวังที่ ๓ แต่อยูใ่ น
แถววังหมูเ่ ดียวกัน จึงสงเคราะห์เข้ าในพวกวังริมสนามด้ วย วังนี ้
สร้ างเปนที่ประทับของพระองค์เจ้ าก้ อนแก้ ว ต่อมาเปนที่ประทับของ
พระองค์เจ้ ามัง่ แล้ วพระองค์เจ้ านพเก้ า ในกรมพระราชวังบวรมหา
สุรสิงหนาทเสด็จอยูม่ าจนในรัชกาลที่ ๔ แล้ วเปนที่ประทับของพระองค์
เจ้ ากําภู ในกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ เสด็จอยูม่ าจนใน
รัชกาลที่ ๕ เมื่อพระองค์เจ้ ากําภูสิ ้นพระชนม์แล้ ว หม่อมเจ้ าในกรม
อยูต่ อ่ มาจนสร้ างตรางลหุโทษ
วังซึง่ สร้ างเพิ่มเติมในรัชกาลที่ ๑ รวม ๑๘ วัง เจ้ านายได้ เสด็จ
ประทับดังได้ แสดงมา

ตอนที่ ๓ ว่ าด้ วยวังเจ้ านายสร้ างในรั ชกาลที่ ๒

ก่อนพรรณาถึงวังเจ้ านายซึง่ สร้ างในรัชกาลที่ ๒ จะกล่าวถึงลักษณ


การสร้ างวังตังแต่
้ รัชกาลที่ ๑ มาจนรัชกาลที่ ๓ อันเข้ าใจว่าทําตาม
ประเพณีครัง้ กรุงศรี อยุธยาเปนราชธานี คือเจ้ านายพระองค์ชายเมื่อ
โสกันต์ และเสร็จทรงผนวชเปนสามเณรแล้ ว ในตอนพระชัณษายังไม่
ถึง ๒๐ ปี ยังประทับอยูใ่ นพระราชวัง บางพระองค์คงอยูต่ ําหนักใน
พระราชวังชันในอย่
้ างเดิม บางพระองค์ก็โปรด ฯ ให้ จดั ตําหนักให้
ประทับอยูใ่ นพระราชวังชันนอก ้ บางพระองค์ก็เสด็จไปประทับอยู่กบั
เจ้ านายที่ออกวังแล้ ว เริ่มกะการสร้ างวังพระราชทานในตอนนี ้ จะสร้ าง
วังที่ตรงไหนก็ให้ กรมนครบาลไล่ที่ บอกให้ ราษฎรบรรดาอยูใ่ นที่นนรื ั ้ อ้
ถอนเหย้ าเรื อนย้ ายไปอยูท่ ี่อื่น เพราะตามกฏหมายถือว่าที่แผ่นดินเป
นของหลวงและเจ้ านายเมื่อทรงกรมแล้ วย่อมมีนา่ ที่ควบคุมรี พ้ ลเปน
กําลังราชการที่วงั ก็เหมือนอย่างเปนที่ทําการรัฐบาลแห่งหนึง่ อิกประการ
๑ ที่ดนิ ในสมัยนันก็ ้ ยงั หาสู้จะมีราคาเท่าใดไม่ เรื อนชานทังปวงเล่ ้ า
ก็เปนแต่เครื่ องไม้ มงุ จากเปนพื ้น อาจจะรื อ้ ถอนย้ ายไปหาที่ปลูกใหม่ได้
โดยง่าย ครัน้ จําเนียรกาลนานมาเมื่อสร้ างวังหลายแห่งขึ ้น มีคนต้ อง
ย้ ายบ้ านเรื อนเพราะทําวังบ่อยเข้ า ก็เกิดคําพูดกันเปนอุประมาในเวลา
ที่ใครถูกผู้อื่นจะเอาที่ แม้ จนไล่จากที่นงั่ อันหนึง่ ให้ ไปนัง่ ยังที่อื่น ก็มกั
เรี ยกกันว่า “ไล่ที่ทําวัง” ดังนี ้ พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ า
เจ้ าอยูห่ วั ทรง

๓๕
พระราชดําริห์เห็นว่าราษฎรเดือดร้ อน ถึงรัชกาลที่ ๔ จึงโปรด ฯ ให้
พระราชทานค่าชดใช้ แก่ผ้ ทู ี่ถกู ย้ ายบ้ านเรื อนเพราะสร้ างวัง ถ้ าเปนที่มี
เจ้ าของน้ อยตัว ก็ให้ วา่ ซื ้อตามราคาซื ้อขายกันในพื ้นเมือง ถ้ าเปนที่ค
นอยูแ่ ห่งละเล็กละน้ อยหลายเจ้ าของด้ วยกัน ก็พระราชทานค่าที่ตาม
ขนาดคิดเปนราคาวาจตุรัสละบาท ๑ (อันถือว่าเปนปานกลางของราคา
ที่ดนิ ในสมัยนัน)
้ คําที่พดู กันว่า “ไล่ที่ทําวัง” ก็สงบไป แต่บางที
ก็ไม่ต้องหาที่ทําวัง เพราะพระราชทานวังเก่าที่มีว่างอยูบ่ ้ าง และเจ้ านาย
บางพระองค์ได้ ทรงรับมรดกบ้ านเรื อนของญาติวงศ์ฝ่ายข้ างเจ้ าจอมมารดา
ก็โปรด ฯ ให้ สร้ างวังในที่นนบ้
ั ้ าง
ลักษณวังที่สร้ างนันต่
้ างกันเปน ๒ อย่าง ถ้ าเปนวังเจ้ าฟ้าสร้ าง
กําแพงวังมีใบเสมา ถ้ าวังพระองค์เจ้ าจะมีใบเสมาไม่ได้ ประเพณีอนั นี ้
เข้ าใจว่าจะมีมาเก่าแก่ ด้ วยในกฎมณเฑียรบาลกําหนดพระราชกุมาร
เปนเจ้ านายครองเมืองชัน้ ๑ เปนหน่อพระเยาวราชชัน้ ๑ เจ้ านายครอง
เมืองนันที
้ ่มากําหนดเปนชันเจ้ ้ าฟ้า ในสมัยเมื่อเลิกประเพณีให้ เจ้ านาย
ออกไปครองหัวเมือง ซึง่ สร้ างวังให้ มีกําแพงใบเสมา เห็นจะเปนเครื่ อง
หมายขัติยศักดิ์วา่ เปนชันเจ้
้ านายครองเมืองตามโบราณราชประเพณี
ส่วนตําหนักนันก็
้ ผิดกันที่ท้องพระโรง ท้ องพระโรงวังเจ้ าฟ้าทําหลังคามี
มุขลดเปน ๒ ชัน้ ถ้ าเปนท้ องพระโรงวังพระองค์เจ้ าหลังคาชันเดี ้ ยว๑ แต่
๑ มีท้องพระโรงเจ้ าฟ้า ฯ รือ้ ไปปลูกถวายเปนการเปรียญอยูท่ ี่วดั ย่านอ่างทอง ใน
แขวงอําเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังปรากฎอยูห่ ลัง ๑ ท้ องพระโรง
วังพระองค์เจ้ ารื อ้ ไปจากวังกรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ ปลูกเปนหอสวดมนต์วดั
ราชาธิวาสอยูบ่ ดั นี ้หลัง ๑

๓๖
ตําหนักที่ประทับนันเห็
้ นจะผิดกันแต่ขนาด แต่แบบแผนเปนอย่าง
เดียวกัน มีเรื อนห้ าห้ องสองหลังแฝดเปนตําหนักใหญ่ที่เสด็จอยูห่ ลัง
๑ มีเรื อนห้ าห้ องหลังเดียวเปนตําหนักน้ อย เห็นจะสําหรับเปนที่อยูข่ อง
พระชายาแลพระโอรสธิดาหลัง ๑ (บางคนอธิบายว่าสําหรับเจ้ าจอม
มารดาอยูแ่ ต่เห็นว่าจะมิใช่ เพราะเจ้ าจอมมารดาจะมีโอกาศออกมาอยู่
วังได้ ตอ่ เมื่อรัชกาลนันล่
้ วงไปแล้ ว เหตุใดจะโปรด ฯ ให้ สร้ างเตรี ยมไว้
ก่อน) นอกจากท้ องพระโรงกับตําหนัก ๓ หลังที่กล่าวมา ก็มีเรื อน
สําหรับบริวารชนทังฝ่้ ายน่าฝ่ ายใน วังชันเดิ ้ มสร้ างด้ วยเครื่ องไม้ แก่น
หลังคามุงกระเบื ้องทังนั ้ น้ แผนผังก็วางเปนอย่างเดียวกัน คือปลูกท้ อง
พระโรงหันด้ านยาวออกน่าวัง ตําหนัก ๓ หลังที่เสด็จอยู่แลตําหนักน้ อย
หันด้ านสกัดต่อหลังท้ องพระโรง มีชาลาอยูร่ ะหว่างกลาง วังที่เคยเห็น
เปนดังนี ้ทังนั้ น้ มาเริ่มสร้ างตําหนักเปนตึกต่อในรัชกาลที่ ๓ แต่ก็เปนข
องเจ้ านายที่เสด็จอยูว่ งั นัน้ ๆ ทรงสร้ างเองตามพระอัธยาศรัย เช่น
ตําหนักตึกพระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ าเจ้ าอยู่หวั ทรงสร้ างไว้ ที่
พระราชวังเดิมนันเปนต้
้ น
เล่ากันมาว่าประเพณีเจ้ านายเสด็จออกอยูว่ งั แต่ก่อน ถ้ าเปนวัง
สร้ างใหม่ มักไปปลูกตําหนักพักชัว่ คราวประทับอยูก่ ่อน เพราะการสร้ าง
ตําหนักพระราชทานเปนพนักงานของกรมช่างทหารใน กว่าจะสร้ าง
สําเร็จเสร็จหมดเห็นจะช้ า เมื่อเจ้ านายเสด็จอยูว่ งั สิ ้นพระชนม์ลง ถ้ ามี
วงศ์วารจะครอบครองวังได้ ก็ได้ ครอบครองต่อมา เว้ นแต่เปนที่วงั
สําคัญเช่นพระราชวังเดิมเปนต้ น แลวังที่วงศ์วารไม่สามารถจะปกครอง

๓๗
ได้ จึงโปรด ฯ ให้ เจ้ านายพระองค์อื่นเสด็จไปอยู่ ส่วนวงศ์วารของ
เจ้ านายพระองค์ก่อนนัน้ ก็ทรงพระกรุณาหาที่อยูพ่ ระราชทานตามคุณา
นุรูปประเพณีการสร้ างวังมีมาดังนี ้
วังที่สร้ างใหม่ในรัชกาลที่ ๒ จะเปนกี่วงั สืบทราบจํานวนไม่ได้ แน่
พิจารณาตามพระชัณษาพระเจ้ าลูกเธอ ซึง่ ทรงพระเจริญวัยได้ ออกวัง
ในรัชกาลที่ ๒ มี ๑๔ พระองค์ คือ
๑ พระบาทสมเด็จ ฯ พระนัง่ เกล้ าเจ้ าอยู่หวั ได้ พระราชทานวัง
เจ้ าฟ้าเหม็น
๒ กรมหมื่นสุนทรธิบดี สร้ างวังใหม่
๓ กรมหมื่นเสพสุนทร สร้ างวังใหม่
๔ สมเด็จกรมพระยาเดชาดิศร สร้ างวังใหม่
๕ กรมพระพิพิธโภคภูเบนทร สร้ างวังใหม่
๖ กรมพระพิทกั ษ์เทเวศร์ สร้ างวังใหม่แลสร้ างในรัชกาลที่ ๓
อิกวัง ๑
๗ พระองค์เจ้ าเรณู วังเดิมอยูท่ ี่ไหนสืบไม่ได้ ความ ได้
พระราชทานวังกรมหมื่นสุนทรธิบดีในรัชกาลที่ ๓
๘ พระองค์เจ้ าอําไพ ทรงผนวชอยูจ่ นรัชกาลที่ ๓ วังอยูท่ ี่ไหน
สืบไม่ได้ ความ
๙ พระองค์เจ้ าเนียม สร้ างวังใหม่
๑๐ พระองค์เจ้ าขัตยิ วงศ วังอยูท่ ี่ไหนสืบไม่ได้ ความ
๑๑ กรมหลวงภูวเนตรนริ นทรฤทธิ์ สร้ างวังใหม่
๑๒ กรมหมื่นสนิทนเรนทร สร้ างวังใหม่
๓๘
๑๓ กรมหลวงมหิศวรินทรามเรศร์ ได้ พระราชทานวังกรมหมื่น
ศรี สเุ รนทร์
๑๔ พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั ได้ พระราชทาน
พระราชวังเดิม
วังที่สร้ างใหม่ ๙ วังชันนี ้ ้ สร้ างที่ริมคลองคูเมืองเดิมใกล้ สพาน
ช้ างโรงสี ๒ วัง ทางท้ ายหับเผย ๕ วัง ที่บ้านหม้ อวัง ๑ ริมแม่นํ ้า
ที่ใต้ วดั พระเชตุพนวัง ๑ จะพรรณาเปนรายวังต่อไป
๑ วังริมสพานช้ างโรงสี วังเหนือ
วังนี ้อยูท่ างฝั่ งคลองคูเมืองฟากตวันออก ริมถนนเสาชิงช้ า
ฟากเหนือ สร้ างพระราชทานกรมหมื่นสนิทนเรนทร์ ครัน้ กรมหมื่น
สนิทนเรนทร์ สิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๓ พระบาทสมเด็จ ฯ พระนัง่ เกล้ า
เจ้ าอยูห่ วั พระราชทานให้ เปนวังกรมหลวงสรรพศิลป์ปรี ชา ซึง่ เปนพระ
อนุชาร่วมเจ้ าจอมมารดากับกรมหมื่นสนิทนเรนทร์ กรมหลวงสรรพ
ศิลป์ปรี ชาเสด็จอยูม่ าจนสิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จ ฯ
พระจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั ทรงซื ้อพระราชทานเปนวังกรมหมื่นภูธเรศรธํารง
ศักดิ์ เสด็จอยูม่ าจนสิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จ ฯ พระ
จุลจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั ทรงซื ้อสร้ างตึกแถว พระราชทานชื่อว่าตําบล
แพร่งภูธรบัดนี ้
๒ วังริมสพานช้ างโรงสี วังใต้
วังนี ้อยูร่ ิมถนนเสาชิงช้ าฟากใต้ (ตรงที่สร้ างศาลากระทรวง
นครบาลบัดนี ้) สร้ างพระราชทานพระองค์เจ้ าเนียมเสด็จอยูม่ าจนสิ ้น

๓๙
พระชนม์ในรัชกาลที่ ๓ ต่อนันเปนที
้ ่ประทับของพระองค์เจ้ าสว่าง
พระองค์เจ้ าอุทยั พระองค์เจ้ าแฉ่ง ในกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพล
เสพ ซึง่ ร่วมเจ้ าจอมมารดากัน พระองค์เจ้ าสว่างมีพระชนม์มาจนถึง
รัชกาลที่ ๔ พระองค์เดียว๑ เมื่อพระองค์เจ้ าสว่างค์สิ ้นพระชนม์
แล้ วหา ปรากฎว่าเปนวังเจ้ านายพระองค์ใดต่อมาไม่
๓ วังท้ ายหับเผย วังที่ ๑
วังนี ้อยูร่ ิมคลองคูเมืองเก่าฝั่ งตวันตก แต่ถนนศาลพระเสอเมือง
ลงไปข้ างใต้ สร้ างพระราชทานกรมพระพิพิธโภคภูเบนทร เสด็จ
อยูม่ าจนสิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๔ หม่อมเจ้ าชายใหญ่ ซึง่ ทรง
สถาปนาเปนพระองค์เจ้ าชิดเชื ้อพงศ์ในรัชกาลที่ ๔ กับหม่อมเจ้ าในกรม
อยู่ตอ่ มา ในเวลานี ้เชื ้อสายกรมพระพิพิธโภคภูเบนทร์ ก็ยงั ครอบครองอยู่
๔ วังท้ ายหับเผย วังที่ ๒
วังนี ้อยู่ตอ่ วังที่ ๑ มาทางตวันตก หันน่าวังออกถนนสพานหัว
จรเข้ (ถนนพระพิพิธ) สร้ างพระราชทานกรมหลวงภูวเนตร์ นริ นทร์ ฤทธิ์

เสด็จอยูม่ าจนสิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๔ หม่อมเจ้ าในกรมอยู่ตอ่ มา
เดี๋ยวนี ้เชื ้อสายกรมหลวงภูวเนตร์ ฯ ก็ยงั ปกครองอยู่
๑ สงสัยว่าวังนี ้เดิมจะเปน ๒ วัง บางทีจะเปนวังพระองค์เจ้ าเรณู ฤๅพระองค์
เจ้ าขัติยวงศ์ แต่สืบไม่ได้ ความแน่.
๒ วังท้ ายหับเผยที่ ๒ และที่ ๓ นี ้ ชันเดิ
้ มกรมพระพิทกั ษ์ ฯ ประทับวังไหน
ไม่ทราบชัด เพราะต่อมารวมเข้ าเปนวังเดียว

๔๐
๕ วังท้ ายหับเผย วังที่ ๓
วังนี ้อยู่ตอ่ วังที่ ๒ มาทางตวันตก ตามถนนพระพิพิธ สร้ าง
พระราชทานกรมพระพิทกั ษ์เทเวศร์ ฯ (กรมพระพิพิธ ฯ กรมพระพิทกั ษ์
ฯ กรมหลวงภูวเนตร์ ฯ ทัง้ ๓ พระองค์นี ้ร่วมเจ้ าจอมมารดาเดียวกัน)
แต่ยงั เสด็จประทับตําหนักปลูกพักชัว่ คราวมาจนรัชกาลที่ ๓ จนเกิดไฟ
ไหม้ วงั กรมหมื่นสุนทรธิบดี ตลอดไปจนบ้ านหม้ อ เมื่อปี เถาะ พ.ศ.
๒๓๗๔ กรมพระพิทกั ษ์ ฯ จึงย้ ายวังไปสร้ างใหม่ (ในที่ซงึ่ ไฟไหม้ วา่ ง
อยู่) ทางริมคลองคูเมืองเดิมฟากตวันออก ตรงกับวังที่ ๑ ข้ าม ส่วนวัง
ที่ ๓ เดิมนัน้ (ได้ ยินว่า) กรมหลวงวงศาธิราชสนิทได้ ประทับมาจนทรง
รับกรมหมื่นแล้ ว พระบาทสมเด็จ ฯ พระนัง่ เกล้ าเจ้ าอยูห่ วั โปรด ฯ ให้ ไป
ประทับที่วงั เดิมของสมเด็จกรมพระยาเดชาดิศร อันอยูร่ ิมแม่นํ ้าข้ าง
ใต้ วดั พระเชตุพน วังที่ ๓ เดิมจึงรวมเปนวังเดียวกับวังที่ ๒ สืบมา
๖ วังถนนบ้ านหม้ อ
วังกรมพระพิทกั ษ์ ฯ ทรงสร้ างใหม่ดงั กล่าวมาแล้ ว เสด็จประทับ
ณวังนันมาจนสิ
้ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๔ หม่อมเจ้ าชายใหญ่ ซึง่ ทรง
สถาปนาเปนพระองค์เจ้ าสิงหนาทราชดุรงคฤทธิ์ในรัชกาลที่ ๕ กับหม่อม
เจ้ าในกรมได้ อยู่ตอ่ มา ครัน้ พระองค์เจ้ าสิงหนาท ฯ สิ ้นพระชนม์ เจ้ า
พระยาเทเวศร์ วงศวิวฒ ั น์ได้ ครอบครองมา และพระยาศรี กฤดากร
(ม.ล. วราห์ กุญชร ณกรุงเทพ) บุตร์ เจ้ าพระยาเทเวศร์ ได้
ครอบครองอยูบ่ ดั นี ้

๔๑
๗ วังถนนสนามชัย วังที่ ๑
วังนี ้สร้ างพระราชทานกรมหมื่นสุนทรธิบดี ในจดหมายเหตุเก่า
ว่าที่สร้ างวังนัน้ เดิมเปนบ้ านเจ้ าพระยามหาเสนาบดี (ปลี) ที่สมุหพระ
กลาโหม ซึง่ ไปถึงอสัญกรรมคราวตีเมืองทวายเมื่อรัชกาลที่ ๑ และ
ว่าอยูใ่ กล้ หอกลอง (อันปลูกในบริเวณสวนเจ้ าเชตบัดนี ้) จึงสันนิษฐาน
ว่าวังนี ้เห็นจะหันน่าวังออกถนนสนามชัย ตังแต่ ้ ถนนพระพิพิธไปทางใต้ ๑
กรมหมื่นสุนทรธิบดีเสด็จอยู่มาจนรัชกาลที่ ๓ เกิดเหตุไฟไหม้ เมื่อปี เถาะ
พ.ศ. ๒๓๗๔ กรมหมื่นสุนทรธิบดีสิ ้นพระชนม์ในไฟ ต่อมาพระราชทาน
วังนันให้
้ เปนวังพระองค์เจ้ าเรณู เสด็จอยูจ่ นสิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๓
หม่อมเจ้ าในกรมได้ อยู่ตอ่ มาจนรัชกาลที่ ๕
๘ วังถนนสนามชัย วังใต้
วังนี ้หันน่าวังออกถนนสนามชัย ต่อวังที่ ๑ ไปทางใต้ แต่จะ
ไปหมดเขตร์ วงั เพียงไหนหาทราบไม่ สร้ างพระราชทานกรมหมื่น
เสพสุนทร เสด็จอยูม่ าจนสิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๓ กรมหมื่นถาวรวรยศ
ได้ เสด็จอยูต่ อ่ มาจนสิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๕
๙ วังริมแม่ นา้ ใต้ วัดพระเชตุพน
ที่วงั นี ้อยูเ่ หนือเขตร์ โรงเรี ยนราชินีบดั นี ้ เดิมเปนที่บ้านเจ้ าพระยา
พระคลัง (หน) รัชกาลที่ ๑ ซึง่ เปนบิดาของเจ้ าจอมมารดาสมเด็จ
กรมพระยาเดชาดิศร ๆ ได้ ทรงรับมรดก จึงโปรด ฯ ให้ สร้ างวังที่
๑ ผู้มีอายุบางคนว่าวังกรมหมื่นสุนทรธิบดีอยูร่ ิมคลองดูเหมือนเดิมฝั่ งตวันตกใกล้
ป ากคลอง (ตลาด) แต่คาํ นี ้ขัดกับความในจดหมายเหตุเก่า จิงไม่ฟัง

๔๒
ตรงนัน้ เสด็จอยูม่ าจนในรัชกาลที่ ๓ พระบาทสมเด็จ ฯ พระนัง่ เกล้ า
เจ้ าอยูห่ วั โปรด ฯ ให้ สร้ างวังใหม่ (ริมถนนมหาชัย) ใกล้ ประตู
สพานหัน ๓ วัง๑ และโปรด ฯ ให้ สมเด็จกรมพระยาเดชาดิศรเสด็จไป
ประทับอยูท่ ี่วงั ใต้ เปนประธานการรักษาพระนครทางด้ านนัน้ ที่วงั เดิม
(ทํานองสมเด็จกรมพระยาเดชาดิศรจะถวายคืน) จึงโปรด ฯ ให้ กรม
หลวงวงศาธิราชสนิทเสด็จไปประทับ ครัน้ ถึงรัชกาลที่ ๔ โปรด ฯ ให้
กรมหลวงวงศาธิราชสนิทเสด็จไปประทับพระราชวังเดิม (ทํานองกรม
หลวงวงศา ฯ จะถวายที่วงั เดิมคืน จึงพระราชทานที่วงั นันแก่ ้ เจ้ าพระยา
ธรรมา (บุญศรี ) ซึง่ เปนเจ้ าพระยาสุธรรมมนตรี ในรัชกาลที่ ๕ เพราะ
ที่บ้านติดต่ออยู่ทางเหนือ เจ้ าพระยาสุธรรมมนตรี แบ่งให้ พระยาธรรม
จรรยานุกลู มนตรี (เจริญ) ผู้เปนบุตร์ ใหญ่ ซึง่ ได้ ถวายตัวเปนข้ าหลวง
เดิมในพระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั ตังบ้ ้ านเรื อนต่อมา
บุตรหลานพระยาธรรมจรรยา (เจริญ) ยังปกครองมาจนทุกวันนี ้
พระเจ้ าลูกเธอในรัชกาลที่ ๒ ซึง่ ยังทรงพระเยาว์ได้ เสด็จออกวัง
ต่อในรัชกาลที่ ๓ รวม ๑๔ พระองค์ คือ
๑ กรมพระเทเวศร์ วชั รินทร สร้ างวังใหม่
๒ กรมหลวงสรรพศิลป์ปรี ชา เดิมประทับอยู่บ้านคุณตา อยู่
ทางหลังวัดชนะสงครามก่อน แล้ วได้ พระราชทานวังเก่าริมสพานช้ าง
โรงสี วังเหนือ
๑ วังทัง้ ๓ นัน้ เดี๋ยวนี ้รวมอยูใ่ นเขตร์ วงั บูรพาภิรมย์
๔๓
๓ กรมหลวงวงศาธิราชสนิท ประทับที่วงั เก่าท้ ายหับเผย วังที่ ๓
แล้ วเสด็จไปอยูว่ งั เก่าริมแม่นํ ้าที่ใต้ วดั พระเชตุพน ที่สดุ เสด็จอยู่
พระราชวังเดิม
๔ พระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั เสด็จประทับพระราชวัง
เดิมจนได้ บวรราชาภิเษก
๕ กรมขุนสถิตย์สถาพร เสด็จอยู่วงั เก่า วังที่ ๒ ที่ถนนหลักเมือง
๖ กรมหมื่นถาวรวรยศ เดิมเสด็จอยูท่ ี่ข้างวัดราชบุรณะ อันเปน
ที่โรงเรี ยนสวนกุหลาบบัดนี ้ ถึงรัชกาลที่ ๔ ได้ พระราชทานวังเก่า คือ
วังกรมหมื่นเสพสุนทรซึง่ สร้ างเมื่อรัชกาลที่ ๒ ส่วน ๑ ข้ างใต้
๗ กรมหมื่นอลงกตกิจปรี ชา ในรัชกาลที่ ๓ เสด็จอยู่ที่ข้างวัด
ราชบุรณะ อันเปนที่โรงเรี ยนสวนกุหลาบบัดนี ้ มาได้ พระราชทานวัง
กรมพระรามอิศเรศร คือวังที่ ๑ ถนนหลักเมืองเมื่อรัชกาลที่ ๔
๘ กรมหลวงวรศักดาพิศาล ได้ ยินว่าเดิมเสด็จอยูก่ บั สมเด็จ
กรมพระยาเดชาดิศรมาจนรัชกาลที่ ๓ จึงสร้ างวังพระราชทานที่ริมถนน
พระพิพิธ
๙ กรมหมื่นภูบาลบริรักษ์ ได้ ที่วงั ใหม่ที่ริมประตูสําราญราษฎร์
แต่มิได้ สร้ างวังจนรัชกาลที่ ๔ ได้ พระราชทานวังที่ถนนมหาชัย วังที่ ๒
๑๐ เจ้ าฟ้าอาภรณ์ ได้ พระราชทานวังเก่าที่ถนนน่าพระลาน วัง
กลาง แล้ วเสด็จมาประทับวังตรงประตูวิเศษไชยศรี
๑๑ กรมขุนวรจักรธรานุภาพ ได้ พระราชทานที่วงั ใหม่เคียงวัง
กรมหมื่นภูบาล ฯ (กรมหมื่นภูบาล ฯ กรมขุนวรจักร ฯ พระองค์เจ้ า
๔๔
เกยูร ทัง้ ๓ พระองค์นี ้ร่วมเจ้ าจอมมารดาเดียวกัน) แต่มิได้ สร้ างวัง
จนรัชกาลที่ ๔ ได้ พระราชทานวังเก่าที่ริมสนามชัย วังใต้ ครัน้ รัชกาล
ที่ ๕ ไปสร้ างเปนของส่วนพระองค์ที่ถนนเจริญกรุง (ที่มมุ ถนนวรจักร์
บัดนี ้ข้ างฟากใต้ )
๑๒ พระองค์เจ้ าเกยูร ได้ พระราชทานที่วงั ใหม่อยูใ่ กล้ กบั วัง
กรมหมื่นภูบาล ฯ และกรมขุนวรจักร์ ฯ แต่ประทับพักอยู่มิได้ สร้ างวังจน
สิ ้นพระชนม์
๑๓ สมเด็จเจ้ าฟ้ากรมพระยาบําราบปรปั กษ์ ได้ พระราชทานวัง
เก่าวังกลาง ที่ถนนน่าพระลาน แล้ วได้ วงั น่าประตูวิเศษไชยศรี
รวมกันเปนวังเดียว
๑๔ เจ้ าฟ้าปิ๋ ว เสด็จอยูว่ งั กลางที่ถนนน่าพระลาน สิ ้นพระชนม์
ก่อนสร้ างวัง
วังสร้ างสําหรับพระเจ้ าลูกเธอในรัชกาลที่ ๒ ที่มาสร้ างในรัชกาล
หลังรวม ๕ วัง คือ
๑๐ วังถนนจักรเพ็ชร
วังนี ้เดิมเปนที่บ้านของเจ้ าจอมมารดากรมพระเทเวศรวัชริ นทร ๆ
ได้ ทรงรับมรดกจึงสร้ างวังณที่นนั ้ (อยูต่ รงสนามสามัคยาจารย์บดั นี ้)
กรมพระเทเวศรเสด็จประทับอยูจ่ นสิ ้นพระชนม์เมื่อรัชกาลที่ ๕ หม่อม
เจ้ าชาย ซึง่ ทรงสถาปนาเปนพระองค์เจ้ าวัชรี วงศ กับหม่อมเจ้ าใน
กรมอยู่ตอ่ มาจนถึงชันเชื ้ ้อสาย จึงทรงซื ้อที่สร้ างตึกแถวแลทําโรงเรี ยน
๔๕
๑๑ วังถนนสพานหัวจรเข้
วังนี ้อยูร่ ิมถนนพระพิพิธฟากใต้ ต่อกับหลังวังถนนสนามชัยวัง
ที่ ๑ ดูเหมือนจะแบ่งเขตร์ ที่วงั ที่ ๑ นันเองมาสร้
้ างวังนี ้ เพราะสร้ าง
ต่อรัชกาลที่ ๓ พระราชทานกรมหลวงวรศักดาพิสาล ซึง่ ยังไม่มีที่วงั
ทราบว่าเสด็จอยูก่ บั สมเด็จกรมพระยาเดชาดิศรมาแต่ก่อน กรมหลวง
วรศักดา ฯ เสด็จประทับอยูว่ งั นี ้มาจนสิ ้นพระชนม์ ในรัชกาลที่ ๕ หม่อม
เจ้ าในกรมอยูต่ อ่ มาจนทรงซื ้อทําโรงทหาร
๑๒ วังริมประตูสาราญราษฎร์ วังตวันออก
วังนี ้อยูส่ ดุ ถนนทางประตูสําราญราษฎร์ เปนที่วงั กรมหมื่นภูบาล
บริรักษ์ เข้ าใจว่าสร้ างแต่ตําหนักพักชัว่ คราว เสด็จประทับมาจนใน
รัชกาลที่ ๔ จึงได้ พระราชทานวังที่ถนนมหาชัย วังกลาง ซึง่ กรม
หมื่นนรินทรเทพประทับเมื่อรัชกาลที่ ๓ ครัน้ กรมหมื่นภูบาล ฯ เสด็จ
ย้ ายไปจากวังนี ้ ทูลถวายที่วงั เดิม แต่พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ า
เจ้ าอยูห่ วั ทรงขอซื ้อ พระราชทานเปนที่วงั กรมหลวงพรหมวรานุรักษ์
๑๓ วังประตูสาราญราษฎร์ วังกลาง
วังนี ้ได้ ยินว่าเปนที่ประทับของพระองค์เจ้ าเกยูร (บางทีเดิมจะยัง
ไม่ได้ ปันเขตร์ วงั ทีเดียว กรมหมื่นภูบาล ฯ กับกรมขุนวรจักร์ ฯ เห็น
จะประทับอยูพ่ ระองค์ละฝ่ าย เจ้ าจอมมารดาอยูก่ ลาง พระองค์เจ้ า
เกยูรเปนพระองค์น้อย เสด็จอยูก่ บั เจ้ าจอมมารดาจึงอยู่กลาง) เสด็จ
ประทับอยูจ่ นสิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๔ ต่อมาที่วงั นี ้ปั นเปนเขตรวัง
ตวันออกและวังตวันตกคงแต่ ๒ วังต่อมา
๔๖
๑๔ วังประตูสาราญราษฎร์ วังตวันตก
วังนี ้เปนที่ประทับของกรมขุนวรจักร์ ธรานุภาพ เสด็จอยู่มาจนใน
รัชกาลที่ ๔ ได้ พระราชทานวังริมสนามชัย วังเหนือ อันเปนวังของ
กรมหลวงพิเศษศรี สวัสดิ์ ฯ อยูแ่ ต่ก่อน จึงเสด็จย้ ายไปจากวังนี ้
กรมขุนวรจักร์ ฯ ทูลถวายที่วงั แต่พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ า
เจ้ าอยูห่ วั ทรงขอซื ้อ พระราชทานเปนที่วงั กรมหมื่นราชศักดิสโมสร
รวมวังซึง่ สร้ างใหม่สําหรับพระเจ้ าลูกเธอในรัชกาลที่ ๒ เปน ๑๔
วังด้ วยกัน
ฝ่ ายวังน่าเมื่อรัชกาลที่ ๒ ลูกเธอที่พระชัณษาถึงกําหนดออกวัง
ในเวลาเมื่อกรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ ยงั ดํารงพระชนม์ มีแต่
๓ พระองค์
๑ กรมขุนธิเบศรบวร โปรดให้ อยูพ่ ระนิเวศน์เดิม
๒ กรมหมื่นอมรมนตรี สร้ างวังใหม่
๓ กรมหมื่นกระษัตริย์ศรี ศกั ดิเดช สร้ างวังใหม่
วังที่กรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ ทรงสร้ างพระราชทานลูก
เธอ จึงมีแต่ ๒ วัง
๑๕ วังริมพระนิเวศน์ เดิม ที่ ๑
ที่วงั นี ้เข้ าใจว่าเห็นจะปั นที่ดนิ อันอยู่ในเขตร์ พระนิเวศน์เดิมข้ าง
ตอนใต้ สร้ างวังพระราชทานกรมหมื่นอมรมนตรี เสด็จอยูม่ าจน
สิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๔ หม่อมเจ้ าในกรมเห็นจะอยูต่ อ่ มา จน
พระราชทานเปนที่กรมทหารเรื อพร้ อมกับพระนิเวศน์เดิมเมื่อรัชกาลที่ ๕
๔๗
๑๖ วังถนนพระอาทิตย์ วังที่ ๑
ที่สร้ างวังนี ้เดิมเปนที่บ้านเสนาบดีฝ่ายพระราชวังบวร ฯ เมื่อครัง้
รัชกาลที่ ๑ เขตร์ อยูต่ ิดกับวังเจ้ าฟ้ากรมหลวงจักรเจษฎาต่อลงมาข้ างใต้
สร้ างวังพระราชทานกรมหมื่นกระษัตริย์ศรี ศกั ดิเดช เสด็จอยูม่ าจน
สิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๕ หม่อมเจ้ าในกรมได้ อยู่ตอ่ มาจนเชื ้อสาย คือ
พระยาวรพงศพิพฒ ั น์ (ม.ร.ว. เย็น อิศรเสนา ณกรุงเทพ) เปนต้ น ได้
อยูใ่ นทุกวันนี ้
ลูกเธอในกรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ ซึง่ ยังทรงพระเยาว์
ในเมื่อเวลาพระราชบิดาสวรรคต แต่ทรงเจริญพระชัณษาถึงกําหนด
ออกวังในรัชกาลที่ ๒ รวม ๖ พระองค์ โปรดให้ สร้ างวังใหม่
พระราชทานที่ริมคลองคูเมืองเดิมทางฝั่ งเหนือ แถวสพานเสี ้ยว (แต่โรง
กระ ษาปณ์เลี ้ยวมาจนคลองวัดบุรณสิริ) ๔ วัง สร้ างวังข้ างหลังพระ
นิเวศน์เดิมทางแม่นํ ้าฟากตวันตก ๒ วัง จะพรรณาเปนรายวังต่อไป
๑๗ วังสพานเสีย้ ว วังที่ ๑ (นับแต่ ตวันตกไปตวันออก)
วังนี ้สร้ างพระราชทานพระองค์เจ้ าภุมริน เสด็จอยูม่ าจน
สิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๓ พระองค์เจ้ านุชในกรมพระราชวังบวรมหา
ศักดิพลเสพได้ เสด็จอยูต่ อ่ มาจนสิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๕ กรมหมื่น
ชาญชัยบวรยศในกรมพระราชวังบวรวิชยั ชาญประทับต่อมา แล้ วทรง
แลกกับวังที่ ๑ ริมท้ องสนามวังน่า ซึง่ หม่อมเจ้ าในกรมหมื่นบริรักษ์นริ
นทรฤทธิ์
๔๘
กับหม่อมเจ้ าในพระองค์เจ้ านันทวันอยูน่ นั ้ หม่อมเจ้ าใน ๒ พระองค์นนั ้
มีหม่อมเจ้ าศรี ไสเฉลิมศักดิ์ ในกรมหมื่นบริ รักษ์ ฯ เปนต้ น จึงย้ ายมา
อยูท่ ี่วงั นี ้
๑๘ วังสพานเสีย้ ว วังที่ ๒
วังนี ้สร้ างพระราชทานพระองเจ้ าใย เสด็จอยูม่ าจนสิ ้นพระชนม์
ในรัชกาลที่ ๔ เข้ าใจว่าหม่อมเจ้ าในกรมแลเชื ้อสายอยู่ตอ่ มา จนรื อ้
ทําถนน
๑๙ วังสพานเสีย้ ว วังที่ ๓
วังนี ้สร้ างพระราชทานพระองค็เจ้ าภุมเรศ ซึง่ ทรงสถาปนาเปนก
รมหมื่นอมเรศรัศมีในรัชกาลที่ ๔ เสด็จอยูม่ าจนสิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่
๕ แล้ วเชื ้อสายอยูต่ อ่ มาจนรื อ้ ทําถนน
๒๐ วังสพานเสีย้ ว วังที่ ๔
วังนี ้สร้ างพระราชทานพระองค์เจ้ าทับทิม เสด็จอยูม่ าจน
สิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๓ พระองค์เจ้ าศรี สงั ข์ในกรมพระราชวังบวร
มหาศักดิพลเสพได้ เสด็จอยู่มาจนสิ ้นพระชนม์
๒๑ วังริมพระนิเวศน์ เดิม วังที่ ๒
วังนี ้ทราบแต่ว่าสร้ างในเขตร์ พระนิเวศน์เดิมข้ างด้ านหลัง สร้ าง
พระราชทานพระองค์เจ้ าเสือ เสด็จอยูม่ าจนสิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๔
แล้ วเชื ้อสายอยู่ตอ่ มา จนรวมเปนที่กรมทหารเรื อ
๔๙
๒๒ วังริมพระนิเวศน์ เดิม วังที่ ๓
วังนี ้สร้ างพระราชทานพระองค์เจ้ ากระต่าย ซึง่ ร่วมจอมมารดา
กับพระองค์เจ้ าเสือ ว่าอยูเ่ คียงกับวังที่ ๒ พระองค์เจ้ ากระต่าย
สิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๓ ที่วงั นี ้เห็นจะรวมกับวังที่ ๒ ต่อมา
ลูกเธอในกรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ ซึ่งยังทรงพระเยาว์
อยูใ่ นเวลาเมื่อสิ ้นรัชกาลที่ ๒ ได้ ออกวังต่อรัชกาลที่ ๓ มี ๙ พระองค์ คือ
๑ สมเด็จกรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ทรงผนวชอยูว่ ดั มหา
ธาตุแล้ วเสด็จไปอยูว่ ดั บวรนิเวศวิหารจนตลอดพระชนมายุ
๒ พระองค์เจ้ าชุมแสง เดิมเสด็จอยูท่ ี่ไหนหาทราบไม่ ใน
รัชกาลที่ ๔ ได้ พระราชทานวังถนนหลักเมือง วังที่ ๒ ซึ่งกรมขุนสถิตย์
สถาพรเสด็จอยูก่ ่อน
๓ พระองค์เจ้ าสาททิพากร (ร่วมจอมมารดาเดียวกับสมเด็จกรม
พระยาปวเรศวริ ยาลงกรณ์ แลกรมหมื่นอนันตการฤทธิ์) สร้ างวังใหม่
๔ กรมหมื่นอนันตการฤทธิ์ สร้ างวังใหม่ แล้ วย้ ายไปประทับ
พระนิเวศน์เดิม
๕ พระองค์เจ้ าศรี สงั ข์ ได้ พระราชทานวังเก่า วังที่ ๓ ที่สพาน
เสี ้ยวซึง่ พระองค์เจ้ าทับทิมเสด็จอยู่ก่อน
๖ พระองค์เจ้ ารัชนิกร สร้ างวังใหม่
๗ พระองค์เจ้ าทัดทรง ไม่ทราบว่าประทับที่ไหน
๘ กรมหมื่นสิทธิสขุ มุ การ สร้ างวังใหม่
๙ พระองค์เจ้ าสุดวอน สร้ างวังใหม่

๕๐
วังลูกเธอในกรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ ซึง่ สร้ างใหม่
ในรัชกาลที่ ๓ รวม ๕ วัง ดูเหมือนจะมีแต่วงั กับตําหนักชัว่ คราว
ทังนั้ น้ จะพรรณาเปนรายวังต่อไป
๒๓ วังถนนโรงครก วังที่ ๑
วังนี ้เปนที่ประทับของพระองค์เจ้ าสาททิพากร เดิมเปนที่บ้านของ
คุณตา (อยู่ตรงศาลสถิตย์ยตุ ธิ รรมบัดนี ้) แบ่งกันกับกรมหมื่น
อนันตการฤทธิ์สร้ างเปน ๒ วัง พระองค์เจ้ าสาททิพากรประทับอยูท่ ี่วงั นี ้
จนสิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๓
๒๔ วังถนนโรงครก วังที่ ๒
วังนี ้อยู่ตอ่ กับวังที่ ๑ เปนที่ประทับของกรมหมื่นอนันตการฤทธิ์
เสด็จอยูม่ าจนรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั จึง
โปรด ฯ ให้ เสด็จไปประทับพระนิเวศน์เดิม
๒๕ วังคลองตลาด วังที่ ๑
วังนี ้อยูส่ ดุ ข้ างเหนือของหมูว่ งั ซึง่ พระบาทสมเด็จ ฯ พระนัง่ เกล้ า
เจ้ าอยูห่ วั ทรงสร้ างพระราชทานพระเจ้ าลูกเธอ ที่ริมคลองคูเมืองเดิม
(คลองตลาด) ฝั่ งเหนือ ตอนใกล้ ปากคลองข้ างใต้ เดิมเปนที่บ้าน
ของบิดาเจ้ าจอมมารดากรมหมื่นสิทธิสขุ มุ การ ๆ ได้ ทรงรับมรดกจึงสร้ าง
วังเสด็จอยูม่ าจนสิ ้นพระชนม์ เมื่อรัชกาลที่ ๕ แล้ วหม่อมเจ้ าชายใหญ่
ซึง่ ทรงสถาปนาเปนพระองค์เจ้ าวัฒนาในรัชกาลที่ ๕ กับหม่อมเจ้ าใน
กรมอยู่ตอ่ มาจนรื อ้ ทําถนน
๕๑
๒๖ วังหลังวัดชนะสงคราม
วังนี ้เปนที่ประทับของพระองค์เจ้ ารัชนิกร อยูร่ ิมคลองหลังวัด
ชนะสงคราม บางทีจะเปนแต่เสด็จอยูท่ ี่บ้านเดิมของพระญาติฝ่ายจอม
มารดาซึง่ ได้ รับมรดก แต่เสด็จอยูม่ าจนสิ ้นพระชนม์เมื่อรัชกาลที่ ๕
แล้ วเชื ้อสายอยู่ตอ่ มา
๒๗ วังริมคลองบางลาภู วังที่ ๓
วังนี ้เปนที่ประทับของพระองค์เจ้ าสุดวอน ว่าอยู่ตรงน่าวัดบวรนิเวศ
ข้ ามฟาก บางทีจะเปนบ้ านพระญาติฝ่ายจอมมารดา แต่เสด็จอยูม่ า
จนสิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๓
วังลูกเธอของกรมพระราชวังบวร ฯ ในรัชกาลที่ ๒ ซึง่ สืบไม่ได้
ความว่าอยู่ที่ไหนมีอยู่วงั ๑ คือ วังพระองค์เจ้ าทัดทรง ได้ ยินว่าเสด็จ
ไปอยูส่ วนแห่งใดแห่งหนึง่ เพราะไม่เอาพระไทยใส่ที่จะทําราชการ ถึง
พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั ทรงยกพระนามอ้ างเปนตัวอ
ย่างประกาศพิธีแจกเบี ้ยหวัด
รวมวังลูกเธอในกรมพระราชวังบวร ฯ รัชกาลที่ ๒ ซึง่ สร้ างใหม่
๑๓ วัง คิดรวมจํานวนวังซึง่ สร้ างสําหรับเจ้ านายรัชกาลที่ ๒ ทังวั
้ งหลวง
วังน่าเปน ๒๗ วังด้ วยกัน
ตอนที่ ๔ ว่ าด้ วยวังเจ้ านายสร้ างในรั ชกาลที่ ๓

พระเจ้ าลูกยาเธอในรัชกาลที่ ๓ ทรงเจริญพระชัณษาทันได้ ออกวัง


ในรัชกาลนันหมดทุ้ กพระองค์ เปนแต่ออกวังต่างคราวกัน พระเจ้ าลูก
เธอที่ออกวังคราวแรก ๖ พระองค์ คือ
๑ สมเด็จ ฯ กรมหมื่นมาตยาพิทกั ษ์ สร้ างวังใหม่
๒ พระองค์เจ้ าลักขณานุคณ ุ ได้ พระราชทานวังถนนน่าพระลาน
ริมประตูท่าพระ ที่พระบาทสมเด็จ ฯ พระนัง่ เกล้ าเจ้ าอยูห่ วั ได้ เสด็จ
ประทับอยูก่ ่อน
๓ กรมหมื่นเชษฐาธิเบน สร้ างวังใหม่
๔ กรมหมื่นอมเรนทรบดินทร สร้ างวังใหม่
๕ พระองค์เจ้ างอนรถ สร้ างวังใหม่
๖ กรมหมื่นภูมินทรภักดี สร้ างวังใหม่
วังที่สร้ างใหม่ ๕ วังตอนนี ้ สร้ างในที่แปลง ๑ ด้ านเหนือจดถนน
เขตร์ วดั พระเชตุพน ด้ านตวันออกจดถนนสนามชัย ด้ านตวันตก
จดถนนมหาราชริมกําแพงพระนคร ด้ านใต้ ถนนทัง้ ๒ นันไปบรรจบ ้
กันที่เปนชายธงตรงสพานข้ ามคลอง (ตลาด) คูเมืองเดิม วังทาง
ตอนเหนือสร้ างเปนคู่ หลังวังจดกัน หันน่าวังออกถนนสนามชัย ๒ วัง
หันน่าวังออกถนนมหาราช ๒ วัง วังที่สดุ ทางใต้ เปนวังเดียวด้ วยรูปที่เปน
ชายธง จะพรรณาเปนรายวังต่อไป
๕๓
๑ วังท้ ายวัดพระเชตุพน วังที่ ๑
วังนี ้หันน่าออกถนนสนามชัย เปนวังเหนือ สร้ างพระราชทาน
กรมหมื่นเชษฐาธิเบน เสด็จอยูจ่ นสิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๔ ถึง
รัชกาลที่ ๕ พระราชทานเปนวังกรมหลวงอดิศรอุดมเดช ทีหลังเสด็จ
ไปสร้ างวังอยูท่ ี่อื่น จึงโปรด ฯ ให้ ซื ้อที่วงั นี ้สร้ างสถานสําหรับราชการใน
รัชกาลปั จจุบนั นี ้.
๒ วังท้ ายวัดพระเชตุพน วังที่ ๒
วังนี ้เปนวังเหนือถนนมหาราช ตรงหลังวังที่ ๑ สร้ างพระราชทาน
กรมหมื่นอมเรนทรบดินทร์ ครัน้ โปรด ฯ ให้ กรมหมื่นอมเรนทรบดินทร์
เสด็จไปประทับที่วงั ริมท้ องสนามชัยวังใต้ พระบาทสมเด็จ ฯ พระ
นัง่ เกล้ าเจ้ าอยู่หวั พระราชทานวังนี ้แก่พระองค์เจ้ าลํายอง เสด็จอยูม่ าจน
สิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๔ ถึงรัชกาลที่ ๕ พระราชทานเปนวังของ
กรมหมื่นทิวากรวงศประวัติ (แต่กรมหมื่นทิวากร ฯ เสด็จอยูใ่ นวัง
กรมหลวงอดิศร ฯ ซึง่ เปนพระเชษฐาร่วมเจ้ าจอมมารดาเดียวกัน หา
ได้ สร้ างตําหนักขึ ้นในวังนี ้ไม่) ครัน้ กรมหมื่นทิวากร ฯ เสด็จไปสร้ าง
วังอยูท่ ี่อื่น และสิ ้นพระชนม์แล้ ว จึงทําสถานที่สําหรับราชการใน
รัชกาลปั จจุบนั นี ้.
๓ วังท้ ายวัดพระเชตุพน วังที่ ๓
วังนี ้หันน่าวังออกถนนสนามชัย เปนวังกลาง สร้ างพระราชทาน
พระองค์เจ้ างอนรถ ๆ เสด็จอยูจ่ นสิ ้นพระชนม์เมื่อรัชกาลที่ ๓ จึง
พระราชทานพระองค์เจ้ าเปี ยกเสด็จอยูม่ าจนสิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๔
ถึง

๕๔
รัชกาลที่ ๕ พระราชทานเปนกรมหลวงบดินทร์ ไพศาลโสภณ เสด็จ
อยูม่ าจนสิ ้นพระชนม์ หม่อมเจ้ าในกรมอยู่ตอ่ มาจนทําสถานสําหรับ
ราชการ
๔ วังท้ ายวัดพระเชตุพน วังที่ ๔
วังนี ้เปนวังกลางทางที่หนั น่าออกถนนมหาราช สร้ างพระราชทาน
กรมหมื่นภูมินทรภักดี เสด็จอยูม่ าจนสิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๕ หม่อม
เจ้ าในกรมอยูต่ อ่ มาจนสร้ างสถานที่สําหรับราชการในรัชกาลปั จจุบนั นี ้
๕ วังท้ ายวัดพระเชตุพน วังที่ ๕
วังนี ้อยู่ปลายที่ทางข้ างใต้ เขตร์ วงั จดถนนมหาชัยด้ าน ๑ จด
ถนนมหาราชด้ าน ๑ จดทางสามแพร่งที่สองถนนนันร่ ้ วมกันทางใต้ วงั
ด้ าน ๑ พวกจีนเรี ยกวังนี ้ว่า “ซากัก๊ วัง” หมายความว่าวังที่ทาง
สามแพร่ง วังนี ้เข้ าใจว่าเดิมสร้ างพระราชทานสมเด็จ ฯ กรมหมื่น
มาตยาพิทกั ษ์ ครัน้ ต่อมา ทํานองจะทรงพระราชดําริห์เห็นว่าคับแคบ
นัก จึงสร้ างวังพระราชทานใหม่ที่ริมแม่นํ ้าเหนือปากคลองตลาด ส่วน
วังที่ ๕ พระราชทานเปนที่ประทับของกรมหมื่นอุดมรัตนราษี สมเด็จ ฯ
กรมหมื่นมาตยาพิทกั ษ์สิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๓ หม่อมเจ้ าในกรม
อยูต่ อ่ มา ครัน้ ถึงรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั
พระราชทานวังสมเด็จ ฯ กรมหมื่นมาตยาพิทกั ษ์ที่ปากคลองตลาดแก่
กรมหมื่นอุดม ฯ โปรด ฯ ให้ พระองค์เจ้ ามงคลเลิศ กับหม่อมเจ้ าองค์
อื่นในสมเด็จ ฯ กรมหมื่นมาตยาพิทกั ษ์มาอยูท่ ี่วงั ที่ ๕ พระองค์เจ้ ามงคล
เลิศ สิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๔ หม่อมเจ้ าฉายเฉิด ซึง่ ทรงสถาปนา

๕๕
เปนกรมหมื่นนฤบาลมุขมาตย์เมื่อรัชกาลที่ ๕ เสด็จอยู่ตอ่ มาจน
สิ ้นพระชนม์แล้ วเชื ้อสายอยู่ตอ่ มาจนสร้ างเปนสถานที่สําหรับราชการ
ในรัชกาลปั จจุบนั นี ้
พระเจ้ าลูกเธอในรัชกาลที่ ๓ เสด็จออกวังในสมัยเปนตอนกลาง
๖ พระองค์ ได้ พระราชทานวังเก่าซึง่ พระเจ้ าลูกเธอสิ ้นพระชนม์บ้าง
สร้ างวังใหม่พระราชทานบ้ าง มีรายพระนามดังนี ้
๗ กรมขุนราชสีหวิกรม เสด็จอยู่วงั ถนนน่าพระลานที่ริมประตู
ท่าพระแทนพระองค์เจ้ าลักขณานุคณ ุ ที่สิ ้นพระชนม์
๘ พระองค์เจ้ าเปี ยก เสด็จอยูว่ งั ที่ ๓ ท้ ายวัดพระเชตุพน แทน
พระองค์เจ้ างอนรถซึง่ สิ ้นพระชนม์
๙ กรมหมื่นอดุลยลักษณสมบัติ สร้ างวังใหม่
๑๐ กรมหมื่นอุดมรัตนราษี เสด็จอยู่วงั ที่ ๕ ท้ ายวัดพระเชตุพน
แทนสมเด็จ ฯ กรมหมื่นมาตยาพิทกั ษ์ ซึง่ เสด็จย้ ายไปอยู่วงั ใหม่
๑๑ พระองค์เจ้ าลํายอง เสด็จอยูว่ งั ที่ ๒ ท้ ายวัดพระเชตุพนแทน
กรมหมื่นอมเรนทร ฯ ซึง่ เสด็จย้ ายไปอยูว่ งั อื่น
๑๒ พระองค์เจ้ าเฉลิมวงศ์ สร้ างวังใหม่
วังซึง่ สร้ างใหม่ในรัชกาลที่ ๓ ในตอนนี ้ ๓ วัง สร้ างที่ริม
แม่นํ ้าเคียงป้อมมหาฤกษ์ (อันเปนโรงเรี ยนราชินีบดั นี ้) ๒ วัง สร้ าง
ถนนริมสนามชัยฟากตวันออกวัง ๑ จะพรรณาเปนรายวังต่อไป
๕๖
๖ วังริมแม่ นา้ เหนือป้อมมหาฤกษ์
วังนี ้เขตร์ วงั ด้ านเหนือต่อกับวังแรกของสมเด็จกรมพระยาเดชาดิ
ศรด้ านใต้ จดป้อม สร้ างพระราชทานพระองค์เจ้ าเฉลิมวงศ์ ครั น้
พระองค์เจ้ าเฉลิมวงศ์สิ ้นพระชนม์ พระราชทานกรมหมื่นภูบดีราช
หฤทัย เสด็จอยู่มาจนสิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๕ พระราชทานเปนที่วงั
สมเด็จกรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ เสด็จพักอยูจ่ นย้ ายมาประทับวัง
ใหม่ที่สพานถ่าน ที่วงั เดิมนันโปรด ้ ฯ ให้ สร้ างเปนโรงเรี ยนสุนนั ทาลัย
(คือโรงเรี ยนราชินีบดั นี ้)
๗ วังริมแม่ นา้ ใต้ ป้อมมหาฤกษ์
วังนี ้เขตร์ วงั ด้ านใต้ ตกปากคลองตลาด ด้ านเหนือจดป้อม
มหาฤกษ์สร้ างพระราชทานสมเด็จ ฯ กรมหมื่นมาตยาพิทกั ษ์ เสด็จอยู่
มาจนสิ ้นพระชนม์ ถึงรัชกาลที่ ๔ พระราชทานเปนวังของกรมหมื่น
อุดมรัตนราษี ครัน้ กรมหมื่นอุดม ฯ สิ ้นพระชนม์ หม่อมเจ้ าในกรมอยู่
ต่อมา จนสร้ างเปนโรงเรี ยนสุนนั ทาลัยในรัชกาลที่ ๕
๘ วังถนนสนามชัย วังที่ ๓
วังนี ้เข้ าใจว่าแบ่งที่วงั ถนนสนามชัยวังที่ ๒ (คือ วังที่สร้ าง
พระราชทานกรมหมื่นเสพสุนทรในรัชกาลที่ ๒) มาสร้ างเปนวังขึ ้นอิกวัง
๑ หันน่าวังออกถนนสนามชัย ตรงข้ ามฟากถนนกับวังที่ ๕ ท้ ายวัด
พระเชตุพน สร้ างพระราชทานกรมหมื่นอดุลยลักษณสมบัติ เสด็จอยู่
มาจนถึงรัชกาลที่ ๕ โปรด ฯ ให้ เสด็จมาประทับที่วงั ถนนน่าพระลานริม
ท่าช้ าง

๕๗
แทนกรมขุนราชสีหวิกรม วังที่ ๓ นันพระราชทานกรมหลวงประจั
้ กษ์
ศิลปาคมเสด็จอยูม่ า แล้ วถวายที่สร้ างโรงทหาร
พระเจ้ าลูกเธอรัชกาลที่ ๓ เสด็จออกวังเปนตอนหลัง ๔ พระองค์
สร้ างวังใหม่พระราชทานทังนั ้ น้ คือ
๑ กรมขุนภูวนัยนฤเบนทราภิบาล
๒ กรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ
๓ กรมขุนเจริญผลพูนสวัสดิ
๔ พระองค์เจ้ าจินดา
วัง ๔ วังที่สร้ างตอนนี ้ สร้ างที่ริมถนนเฟื่ องนคร ๒ วัง สร้ าง
ริมคลองสพานถ่านวัง ๑ สร้ างที่ริมคลองคูเมืองเดิม ทางด้ านใต้ วงั ๑
จะพรรณาเปนรายวังต่อไป
๙ วังถนนเฟื่ องนคร วังเหนือ
วังนี ้หันน่าวังออกถนนเฟื่ องนคร หลังวังจดคลองคูเมืองเดิม
ที่วงั อยูใ่ นเขตร์ ข้างด้ านใต้ ของศาลาว่าการกระทรวงนครบาลบัดนี ้ เปน
ที่วงั กรมขุนภูวนัยนฤเบนทราธิบาล เสด็จประทับอยูจ่ นสิ ้นพระชนม์ใน
รัชกาลที่ ๕ หม่อมเจ้ าในกรมอยูต่ อ่ มาจนสร้ างเปนศาลากระทรวงนคร
บาล
๑๐ วังถนนเฟื่ องนคร วังใต้
วังนี ้ต่อวังที่ ๑ ไปทางใต้ อยูต่ รงบริเวณศาลาว่าการกระทรวง
คมนาคมบัดนี ้ แต่เขตร์ วงั ทางด้ านใต้ เดิมถึงน่าพระอุโบสถวัดราชบพิธ
เปนที่ประทับของกรมขุนเจริ ญผลพูนสวัสดิ ถึงรัชกาลที่ ๕ ทรงสร้ าง

๕๘
ตําหนักตึกพระราชทานหันน่าวังกลับมาออกถนนอัษฎางค์ เมื่อกรมขุน
เจริญ ฯ สิ ้นพระชนม์แล้ ว จึงสร้ างที่วา่ การกระทรวงโยธาธิการ ซึง่
เปลี่ยนนามเปนกระทรวงคมนาคมในรัชกาลปั จจุบนั นี ้

๑๑ วังริมคลองสพานถ่ าน
วังนี ้อยู่ตรงที่สร้ างวัดราชบพิธ ที่วงั เดิมหลังวังจดคลองสพาน
ถ่านหันน่าวังมาทางเหนือ เปนที่ประทับของกรมหลวงบดินทรไพศาล
โสภณ เสด็จอยูม่ าจนรัชกาลที่ ๕ ต้ องการที่สร้ างวัดราชบพิธ จึง
โปรด ฯ ให้ เสด็จไปประทับที่วงั ท้ ายวัดพระเชตุพนวังที่ ๓

๑๒ วังคลองตลาด วังที่ ๒
วังคลองตลาดวังที่ ๑ เปนวังของกรมหมื่นสิทธิสขุ มุ การในกรม
พระราชวังบวร ฯ รัชกาลที่ ๒ ได้ พรรณาไว้ ในตอนว่าด้ วยวังครัง้ รัชกาล
ที่ ๒ แล้ ว วังที่ ๓ ก็อยูร่ ิมคลองตลาดฝั่ งเหนือ เขตร์ ตอ่ วังที่ ๑ ไปจนเชิง
สพานช้ างทางปากคลอง สร้ างพระราชทานพระองค์เจ้ าจินดา
ประทับอยูไ่ ม่ช้าสิ ้นพระชนม์แต่ในรัชกาลที่ ๓ นัน้ วังนี ้หาปรากฎว่า
เจ้ านายพระองค์ใดเสด็จมาอยูต่ อ่ มาไม่ นึกสงสัยว่าวังที่ ๑ กับวังที่ ๒ ที่
คลองตลาดนี ้ เดิมจะเปนวังพระองค์เจ้ าจินดาวังเดียวดอกกระมัง บางที
จะแบ่งที่พระราชทานกรมหมื่นสิทธิสขุ มุ การต่อในรัชกาลที่ ๔ ก็
อาจจะเปนได้ ที่ ๒ วังเดี๋ยวนี ้ทําเปนถนนราชินีทงนั
ั ้ น้

๕๙
ในรัชกาลที่ ๓ โปรดให้ สร้ างวังใหม่ที่ริมถนนมหาชัยใกล้ ประตู
สพานหัน ๓ วัง ด้ วยที่ตรงนันเปนทํ
้ านองด่านต้ นทางที่จะไปสําเพ็ง ทรง
พระราชดําริห์เห็นว่าควรจะมีเจ้ านายไปประทับอยูเ่ ปนประธาน อย่าง
เมื่อสมเด็จเจ้ าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์ เสด็จประทับอยูท่ างพระนครด้ าน
นันเมื
้ ่อรัชกาลที่ ๑ วัง ๓ วังนันเดี ้ ๋ยวนี ้รวมเปนวังบูรพาภิรมย์วงั เดียว
แต่เมื่อยังเปน ๓ วังเจ้ านายที่เสด็จประทับมีรายพระนามดังนี ้
๑๓ วังถนนมหาชัย วังเหนือ
วังนี ้เปนที่ประทับของกรมหมื่นนเรนทรบริรักษ์ พระโอรสพระองค์
น้ อยของกรมหลวงนริ นทรเทวี ซึง่ เปนพระเจ้ าน้ องนางเธอใน
พระบาทสมเด็จ ฯ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เดิมเสด็จอยูท่ ี่วงั ริมวัด
โพธิ์ (พระเชตุพน) ครัน้ จะขยายที่วดั เมื่อทําวิหารพระนอน
พระบาทสมเด็จ ฯ พระนัง่ เกล้ าเจ้ าอยูห่ วั จึงโปรด ฯ ให้ เสด็จไปประทับที่
วังใหม่ริมถนนมหาชัยวัง ๑ กรมหมื่นนเรนทรบริรักษ์ สิ ้นพระชนม์ใน
รัชกาลที่ ๓ เชื ้อสายได้ อยู่ตอ่ มาจนรวมเปนวังบูรพาภิรมย์เมื่อในรัชกาล
ที่ ๕
๑๔ วังถนนมหาชัย วังกลาง
วังนี ้อยู่ตอ่ วังเหนือไปทางใต้ เปนที่ประทับของกรมหมื่นนรินทร
เทพพระโอรสองค์ใหญ่ของกรมหลวงนรินทรเทวี เสด็จย้ ายไปจาก
วังริ มวัดโพธิ์ พร้ อมกับกรมหมื่นนเรนทรบริ รักษ์ แลสิ ้นพระชนม์ใน
รัชกาลที่ ๓ เหมือนกัน ถึงรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ า
เจ้ าอยูห่ วั โปรด ฯ ให้ กรมหมื่นภูบาลบริรักษ์เสด็จไปประทับที่วงั นี ้
เสด็จอยูม่ าจนสิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๕ จึงรวมที่สร้ างเปนวังบูรพา
ภิรมย์
๖๐
๑๕ วังถนนมหาชัย วังใต้
วังนี ้เขตร์ ตอ่ วังกลางไปทางใต้ สร้ างพระราชทานสมเด็จกรม
พระยาเดชาดิศร เสด็จอยูม่ าจนสิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๔ หม่อมเจ้ า
ในกรมอยู่ตอ่ มาจนสร้ างวังบูรพาภิรมย์ในรัชกาลที่ ๕
พระองค์เจ้ าลูกเธอ ในกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ ได้
ออกวัง ๙ พระองค์ คือ
๑ พระองค์เจ้ าสว่าง ได้ พระราชทานวังเหนือสพานช้ างโรงสีที่
พระองค์เจ้ าเนียมเสด็จอยู่แต่ก่อน
๒ พระองค์เจ้ ากําภู ได้ พระราชทานวังที่ ๔ ริมสนามวังน่าที่
พระองค์เจ้ านพเก้ าเสด็จอยูแ่ ต่ก่อน
๓ พระองค์เจ้ าอุทยั เสด็จอยูว่ งั เดียวกับพระองค์เจ้ าสว่าง เพราะ
ร่วมจอมมารดาเดียวกัน
๔ กรมหมื่นอานุภาพพิศาลศักดิ สร้ างวังใหม่
๕ เจ้ าฟ้าอิศราพงศ์ ได้ พระราชทานวังที่ริมปากคลองวัดชนะ
สงคราม ที่กรมขุนสุนทรภูเบศร์ เสด็จอยูแ่ ต่ก่อน
๖ พระองค์เจ้ านุช ได้ พระราชทานวังสพานเสี ้ยววังที่ ๑ ที่พระองค์
เจ้ าภุมรินเสด็จอยู่แต่ก่อน
๗ พระองค์เจ้ าแฉ่ง เสด็จอยูว่ งั เดียวกับพระองค์เจ้ าสว่าง เพราะ
ร่วมจอมมารดาเดียวกัน
๘ พระองค์เจ้ าเริงคนอง (ชายป๊ อก) เดิมเสด็จอยู่กบั กรมหมื่น
อานุภาพ ฯ แล้ วได้ พระราชทานที่สว่ น ๑ ในวังริมสนามน่าวังที่ ๑

๖๑
๙ พระองค์เจ้ าอินทวงศ์ สร้ างวังใหม่
วังเจ้ านายวังน่าในรัชกาลที่ ๓ สร้ างใหม่แต่ ๒ วัง เพราะกรม
พระราชวังบวร ฯ จะเลือกหาที่อย่างวังหลวงไม่ได้ ได้ แต่สร้ างในที่ซงึ่
ขึ ้นอยูใ่ นกรมพระราชวังบวร ฯ จะพรรณาเปนรายวังต่อไป
๑๖ ถนนพระอาทิตย์ วังที่ ๒
ที่วงั นี ้อยู่ตอ่ ไปข้ างเหนือโรงพยาบาลทหารบัดนี ้ เดิมเปนที่บ้าน
เสนาบดีวงั น่าครัง้ รัชกาลที่ ๑ กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพโปรด
ให้ สร้ างวังกรมหมื่นอานุภาพพิศาลศักดิ เสด็จมาอยูจ่ นสิ ้นพระชนม์ ใน
รัชกาลที่ ๕ แล้ วกรมพระราชวังบวรวิชยั ชาญประทานเปนที่วงั แก่
พระองค์เจ้ าวรวุฒิอาภรณ์ลกู เธอ เสด็จมาอยูจ่ นทุกวันนี ้
๑๗ วังสพานเสีย้ ว วังที่ ๕
วังนี ้อยู่ริมคลองหลอดตรงวัดบุรณสิริข้าม ว่าเดิมเปนที่บ้านพระยา
พิชยั บุรินทรา เสนาบดีกรมเมืองวังน่า กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพล
เสพประทานให้ เปนวังพระองค์เจ้ าอินทวงศ์ เสด็จมาอยูจ่ นสิ ้นพระชนม์
ในรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั พระราชทานให้
เปนวังกรมหมื่นพิศาลบวรศักดิพระเจ้ าลูกเธอ เสด็จอยูม่ าจน
สิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๕ ถึงรัชกาลปั จจุบนั นี ้พระราชทานเปนวังพระ
เจ้ าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศลิ ปาคม
วังเจ้ านายที่สร้ างใหม่ในรัชกาลที่ ๓ วังเจ้ านายฝ่ ายพระราชวัง
หลวง ๑๕ วัง วังเจ้ านายฝ่ ายพระราชวังบวร ๒ วัง รวมเปน ๑๗ วัง
ดังพรรณามา.

ตอนที่ ๕ ว่ าด้ วยสร้ างวังในรั ชกาลที่ ๔

พระราชวัง
ในรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ าเจ้ าอยู่หวั
พระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั ทรงสร้ างพระราชวัง แลตําหนัก
ที่เสด็จประพาศขึ ้นหลายแห่ง ทังที้ ่ในกรุงเทพฯ และในหัวเมือง เหตุ
เพราะมามีประเพณีการเสด็จแปรพระราชสํานักไปประทับแรมณที่ประ
พาศขึ ้น
อันประเพณีแปรพระราชสํานักนี ้ เมื่อครัง้ กรุงศรี อยุธยาเปนราช
ธานี ปรากฎว่ามีพระราชวังเปนที่สําหรับพระเจ้ าแผ่นดินเสด็จประพาศ
๙ แห่ง คือ ในจังหวัดพระนคร ฯ มีพระตําหนักนครหลวงแห่ง ๑ พระ
ตําหนักที่ทา่ เจ้ าสนุกแห่ง ๑ พระราชวังบางปอินแห่ง ๑ ตามหัวเมือง
มีพระราชวังในแขวงจังหวัดพระพุทธบาทที่ท้ายพิกลุ แห่ง ๑ พระตําหนัก
ที่ธารเกษมแห่ง ๑ ในแขวงจังหวัดลพบุรีมีพระราชวังที่ในเมืองแห่ง ๑
พระตําหนักที่ทเลชุบศรแห่ง ๑ ในแขวงจังหวัดเพ็ชร์ บรุ ี มีพระราชวัง
ที่ในเมืองแห่ง ๑ พระตําหนักที่ปากนํ ้าบางตบูนแห่ง ๑ ครัน้ มาถึง
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เปนราชธานี เมื่อรัชกาลที่ ๑ มีการทัพศึกต้ อง
เสด็จไปทําสงครามเนือง ๆ เวลาว่างการสงครามก็ทรงเสด็จสร้ างพระ
นครถึงรัชกาลที่ ๒ รัชกาลที่ ๓ แม้ ไม่มีการสงครามที่ต้องเสด็จพระราช
ดําเนินการสร้ างพระนครก็ยงั มีตอ่ มา อีกประการ ๑ พระราชวังที่พระ
เจ้ าแผ่นดินครัง้ กรุงศรี อยุธยาเสด็จประพาศนัน้ เมื่อย้ ายราชธานีลง
มาตังข้
้ าง

๖๓
ใต้ ก็ เปนที่หา่ งไกลไปมาไม่สดวกเหมือนครัง้ กรุงเก่า ในรัชกาลที่ ๒
ที่ ๓ จึงมักเสด็จประพาศแต่ที่ใกล้ ๆ อันไปมาถึงกรุงเทพ ฯ ได้ ในวัน
เดียว เช่นเมืองประทุมธานีแลเมืองสมุทปราการเปนต้ น
ครัน้ ถึงรัชกาลที่ ๔ มามีการเปลี่ยนแปลงโดยมูลเหตุ ๒ ประการ
คือ ประการที่ ๑ เมื่อพระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั ทรงผนวช
อยูใ่ นรัชกาลที่ ๓ นัน้ ได้ เคยเสด็จไปเที่ยวธุดงค์ตามหัวเมืองหลาย
มณฑล พระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั เมื่อยังเปนกรม ก็ได้
เคยเสด็จไปเที่ยวประพาศตามหัวเมืองเนือง ๆ ทรงประจักษ์แจ้ งแก่
พระปรี ชาญาณว่า การเสด็จประพาศหัวเมืองเปนประโยชน์แก่ราชการ
บ้ านเมือง ด้ วยสามารถจะทรงทราบกิจสุขทุกข์ของไพร่ฟ้าข้ าแผ่นดิน
ได้ กว้ างขวาง อิกประการ ๑ เมื่อถึงรัชกาลที่ ๔ เกิดมีเรื อกลไฟใช้ สอย
เปนพาหนะ อาจจะไปมาทางไกลได้ รวดเร็ วกว่าแต่ก่อน ด้ วยเหตุ ๒
ประการที่กล่าวมาเปนอาทิ ทังประกอบด้้ วยเหตุอื่นอันจะกล่าวต่อไปข้ าง
น่า จึงทรงสร้ างพระราชวังและตําหนักที่ประพาศณที่ตา่ ง ๆ
พระราชวังที่สร้ างใหม่ในรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอม
เกล้ าเจ้ าอยูห่ วั ทรงสร้ างที่ในกรุงเทพ ฯ ๓ แห่ง คือ พระราชวังประทุม
วันแห่ง ๑ พระราชวังนันทอุทยานแห่ง ๑ พระราชวังสราญรมย์แห่ง ๑
ทรงสร้ างตามหัวเมือง ๗ แห่ง คือ ที่เมืองสมุทปราการแห่ง ๑ ที่บาง
ปอินในแขวงกรุงเก่าแห่ง ๑ วังจันทรเกษมในกรุงเก่าแห่ง ๑ ที่ท้ายพิกลุ
เขาพระพุทธบาทแห่ง ๑ พระนารายน์ราชนิเวศน์ณเมืองลพบุรีแห่ง ๑
พระนครปฐมในแขวงเมืองนครไชยศรี แห่ง ๑ พระนครคิรีณเมืองเพ็ชร์

๖๔
บุรีแห่ง ๑ พระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ าเจ้ าอยู่หวั ทรงสร้ างพระราชวังใหม่
ในกรุงเทพ ฯ แห่ง ๑ ทรงสร้ างตําหนักที่ประพาศณตําบลสีทาในแขวง
เมืองสระบุรีแห่ง ๑ จะพรรณนาเปนรายวังต่อไป
พระราชวังประทุมวัน
พระราชวังนี ้สร้ างในที่นาหลวงทุง่ บางกะปิ อยูร่ ิมคลองแสน
แสบฝั่ งใต้ ที่นาตําบลนี ้มีบวั หลวงมากมาแต่ก่อน จึงโปรด ฯ ให้ ขดุ สระ
แต่งที่และสร้ างวังน้ อยเปนที่เสด็จประพาศแห่ง ๑ ที่พระราชวังสระประ
ทุมเดี๋ยวนี ้พระราชทานเปนวังสมเด็จพระเจ้ าน้ องยาเธอ เจ้ าฟ้ากรมขุน
เพ็ชร์ บรู ณ์อินทราไชย
พระราชวังนันทอุทยาน
พระราชวังนี ้สร้ างทางจังหวัดธนบุรี ในที่สวนริมคลองมอญข้ าง
ฝั่ งเหนือ เหตุที่จะทรงสร้ างพระราชวังนันทอุทยานนัน้ ได้ ยินว่าเพราะ
ทรงปรารถว่าถ้ าพระองค์เสด็จสวรรคต และพระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ า
เจ้ าอยูห่ วั ได้ ทรงรับรัชทายาท พระเจ้ าลูกเธอซึง่ ยังทรงพระเยาว์และเจ้ า
จอมมารดาอยูใ่ นพระบรมมหาราชวังจะกีดขวาง จึงโปรด ฯ ให้ ซื ้อสวน
สร้ างพระราชวังนันทอุทยานทําเปนที่เสด็จประพาศ โดยจํานงพระราช
หฤทัยให้ เปนที่ประทับของพระเจ้ าลูกเธอกับเจ้ าจอมมารดาในเวลา
พระองค์เสด็จล่วงลับแล้ ว แต่พระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั
สวรรคตเสียก่อน จึงพระราชทานที่นนั ทอุทยานกับทังพระที ้ ่นงั่ ซึง่ ทรง
สร้ างในที่นนแก่ั ้ พระบาทสมเด็จ ฯ พระจุลจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั ส่วน
ตําหนักข้ างใน

๖๕
ซึง่ เตรี ยมไว้ จะให้ เปนที่พระเจ้ าลูกเธอเสด็จอยูก่ บั เจ้ าจอมมารดานัน้ โปรด
ฯ ให้ รือ้ ไปสร้ างเปนตําหนักตามวังพระเจ้ าลูกเธอ ดังจะกล่าวต่อไปข้ าง
น่า
พระราชวังสราญรมย์
พระราชวังนี ้สร้ างตรงที่ตกึ ดินเก่า ใกล้ พระบรมมหาราชวัง
ทางด้ านตวันออก สร้ างในตอนปลายรัชกาลที่ ๔ เมื่อพระบาทสมเด็จ
พระปิ่ นเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั สวรรคตแล้ ว ด้ วยทรงพระราชดําริห์วา่ เมื่อ
พระบาทสมเด็จ ฯ พระจุลจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั ทรงเจริญพระชัณษาพอทรง
พระผนวชพระแล้ ว จะทรงมอบเวรราชสมบัตพิ ระราชทาน ส่วน
พระองค์จะเสด็จออกไปประทับเปนพระเจ้ าหลวงอยูณ ่ พระราชวังสราญ
รมย์ แต่เสด็จสวรรคตเสียก่อน ไม่ได้ เปนดังพระราชประสงค์ ใน
รัชกาลที่ ๕ พระราชทานพระราชวังสราญรมย์ให้ เปนที่ประทับของ
สมเด็จพระเจ้ าน้ องยาเธอพระองค์ใหญ่ เจ้ าฟ้า ฯ กรมพระจักรพรรดิ
พงศเมื่อแรกเสด็จออกวัง ครัน้ สมเด็จพระเจ้ าน้ องยาเธอ ฯ พระองค์
ใหญ่เสด็จไปประทับพระราชวังเดิมแล้ ว จึงพระราชทานให้ เปนที่
ประทับของสมเด็จพระเจ้ าน้ องยาเธอพระองค์น้อย เจ้ าฟ้า ฯ กรมพระ
ยาภาณุพนั ธุวงศวรเดช เสด็จอยูจ่ นสร้ างวังบูรพาภิรมย์แล้ ว ต่อมาได้
จัดวังสราญรมย์เปนศาลาว่าการกระทรวงต่างประเทศอยู่คราว ๑ แล้ วใช้
เปนที่รับเจ้ านายต่างประเทศที่มาเปนแขกเมือง ได้ โปรด ฯ ให้ สร้ าง
ซ่อมแปลงใหม่ทงวั ั้ ง ครัน้ พระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยูห่ วั ในรัชกาล
ปั จจุบนั นี ้ เมื่อยังเสด็จดํารงพระยศเปนสมเด็จพระยุพราช เสด็จ
กลับจากทรงศึกษาวิชาการในประเทศยุโรป จึงพระราชทานให้ เปนที่
เสด็จประทับแห่ง ๑ มาจนตลอดรัชกาลที่ ๕

๖๖
พระราชวังเมืองสมุทปราการ
พระราชวังนี ้สร้ างที่ริมแม่นํ ้าฝั่ งตวันออก (อยู่ตรงสถานีรถไฟ
บัดนี ้) ถึงรัชกาลที่ ๕ พระราชทานให้ เปนที่ใช้ ราชการ ได้ เปนสถานี
โทรเลขเปนเดิมมา แต่พระที่นงั่ และเรื อนโรงต่าง ๆ เปนของสร้ างด้ วย
เครื่ องไม้ ผพุ งั เสียแล้ วโดยมาก
พระราชวังบางปอิน
พระราชวังแห่งนี ้พระเจ้ าปราสาททองทรงสร้ าง เปนที่พระเจ้ า
แผ่นดินเสด็จประพาศเมื่อครัง้ กรุงศรี อยุธยาเปนราชธานี ครัน้ เสียกรุง
เก่าแก่พม่าข้ าศึก ก็ทิ ้งร้ างมาจนถึงรัชกาลที่ ๔ จึงกลับเปนที่เสด็จ
ประพาศอิก พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั โปรด ฯ ให้
สร้ างพระที่นงั่ ขึ ้นองค์ ๑ (ตรงที่สร้ างพระที่นงั่ วโรภาศพิมานบัดนี ้)
พระราชทานนามว่า พระที่นงั่ ไอศวรรย์ทิพยอาสน์ ตามนามปราสาท
ที่พระเจ้ าปราสาททองทรงสร้ างไว้ แต่เดิม มีตําหนักฝ่ ายในหลัง ๑
และสร้ างพลับพลาสําหรับเสด็จประพาศไร่แตงที่เกาะนอกอีกหลัง ๑
ถึงรัชกาลที่ ๕ จึงทรงสร้ างพระราชวังอันปรากฎอยูบ่ ดั นี ้
พระราชวังจันทรเกษม
พระราชวังนี ้สมเด็จพระนเรศวรทรงสร้ างเมื่อเสด็จดํารงพระยศเป
นพระยุพราช แล้ วเปนที่ประทับของพระมหาอุปราชต่อมาในสมัยเมื่อ
กรุงศรี อยุธยาเปนราชธานี ไฟไหม้ เสียเมื่อในรัชกาลพระเจ้ าบรม
โกษฐครัง้ ๑ เมื่อเสียกรุงเก่าก็ถกู ข้ าศึกเผาอีกครัง้ ๑ จึงเปนวังร้ าง
มาจนรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั โปรด ฯ
ให้ สร้ าง

๖๗
ขึ ้นเปนที่ประทับเวลาเสด็จประพาศกรุงเก่า ในรัชกาลที่ ๕ ก็ได้ เสด็จ
ประทับที่พระราชวังจันทรเกษมต่อมา จนสร้ างพระราชวังที่บางปอินแล้ ว
จึงพระราชทานวังจันทรเกษมให้ เปนที่วา่ การมณฑลอยุธยา
พระราชวังท้ ายพิกุลที่เขาพระพุทธบาท
พระราชวังนี ้พระเจ้ าทรงธรรมทรงสร้ างพร้ อมกับบริเวณวัดพระ
พุทธบาท เปนที่ประทับเวลาเสด็จขึ ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาท
ของเดิมยังเหลืออยู่แต่กําแพงวัง พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ า
เจ้ าอยูห่ วั โปรด ฯ ให้ สร้ างพระตําหนักและเรื อนราชบริ พารขึ ้นในบริเวณ
พระราชวังนัน้ เปนเครื่ องขัดแตะถือปูนบ้ าง เครื่ องไม้ บ้าง แต่บดั นี ้
ผุพงั ไปหมดแล้ ว

พระนารายน์ ราชนิเวศน์ เมืองลพบุรี


พระราชวังนี ้มีมาแต่ครัง้ เมืองลพบุรีเปนราชธานี สมเด็จพระนา
รายน์มหาราชทรงสร้ างใหม่ตรงที่วงั เดิมนัน้ แต่พระราชมณเฑียรและ
สถานที่ตา่ ง ๆ ซึง่ สร้ างครัง้ สมเด็จพระนารายน์นนชํ ั ้ ารุดปรักหักพังเสีย
โดยมาก เพราะทิ ้งร้ างมาตังแต่ ้ เสียกรุงเก่า พระบาทสมเด็จ ฯ พระ
จอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั โปรด ฯ ให้ สร้ างซ่อมแซมสิ่งซึง่ ยังจะใช้ ได้ เช่น ประตู
และกําแพงเปนต้ น ส่วนพระราชมณเฑียรของเก่าทรงสร้ างแต่พระที่นงั่
จันทรพิศาลองค์ ๑ นอกจากนันทรงสร้ ้ างพระที่นงั่ ที่เสด็จประทับและ
ตําหนักข้ างในเปนของใหม่ทงหมด ั้ แต่ของเดิมที่ร้างนันก็ ้ ยงั รักษาไว้
เพียงเท่าที่เหลืออยูม่ ิได้ รือ้ ทําลาย
๖๘
เหตุที่สร้ างพระราชวังที่เมืองลพบุรีเมื่อรัชกาลที่ ๔ นัน้ เนื่องด้ วย
ราชการแผ่นดิน ด้ วยพระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั ทรง
พระราชดําริห์วา่ ราชธานีอยูท่ ี่กรุงเทพ ฯ อยูใ่ กล้ ทเล ถ้ าหากเกิด
สงครามกับต่างประเทศ บางทีข้าศึกอาจจะเอาเรื อกําปั่ นรบขึ ้นมาถึง
ราชธานีได้ เพราะฉนันสมควรจะมี
้ ราชธานีไว้ อิกสักแห่ง ๑ สําหรับจะได้
ตังต่
้ อสู้ข้าศึกซึง่ มีกําลังมาในทางทเล ได้ โปรด ฯ ให้ ตรวจดูที่อื่นเห็นไม่
เหมาะเท่าเมืองลพบุรี ซึง่ สมเด็จพระนารายน์มหาราชได้ ทรงตังเปนราช ้
ธานีสําหรับต่อสู้ข้าศึกทางทเล โดยทรงพระราชดําริห์อย่างเดียวกัน
พระนารายน์ราชนิเวศน์ได้ เปนที่ประทับเวลาเสด็จประพาศทังใน ้
รัชกาลที่ ๔ และรัชกาลที่ ๕ จนสร้ างทางรถไฟแล้ ว จึงพระราชทานที่วงั
ให้ เปนที่ใช้ ราชการมาจนทุกวันนี ้
พระนครปฐม ที่จังหวัดนครไชยศรี
พระราชวังแห่งนี ้ทรงสร้ างเนื่องในการปฏิสงั ขรณ์พระปฐมเจดีย์
ด้ วยพระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั ทรงพระราชดําริห์วา่ พระ
ปฐมเจดีย์เปนมหาเจดีย์สถานที่บรรจุพระบรมธาตุของพระพุทธเจ้ า สร้ าง
แต่แรกพระสาสนามาประดิษฐานในสยามประเทศนี ้ เก่าก่อนพระสถูป
เจดีย์องค์อื่น ๆ ทังหมด
้ แม้ มหานครเดิมอันตังอยู
้ ท่ ี่ประดิษฐานพระปฐม
เจดีย์นนร้
ั ้ างกลายเปนป่ าเปลี่ยว มหาชนก็ยงั เลื่อมใสไปบูชาพระปฐม
เจดีย์ตอ่ มามิได้ ขาด จึงทรงพระราชศรัทธาโปรด ฯ ให้ ปฏิสงั ขรณ์พระ
ปฐมเจดีย์ทวั่ ทังบริ
้ เวณ และโปรด ฯ ให้ ขดุ คลองมหาสวัสดี คลอง
เจดีย์บชู า ให้ ทางไปมากับกรุงเทพ ฯ สดวกขึ ้น ถึงกระนันการที ้ ่ไปมา

๖๙
ในระหว่างกรุงเทพ ฯ กับพระปฐมเจดีย์ในสมัยนัน้ ต้ องค้ างกลางทาง
คืนหนึง่ จึงถึง จําเปนต้ องสร้ างที่ประทับแรมที่พระปฐมเจดีย์ จึงโปรด ฯ
ให้ สร้ างพระราชวังขึ ้นที่ริมบริ เวณพระปฐมเจดีย์ ทํานองเดียวกับ
พระราชวังซึง่ พระมหากษัตริ ย์ครัง้ กรุงศรี อยุธยา ทรงสร้ างที่ริม
บริเวณพระพุทธบาทฉนัน้ พระราชทานนามว่า “พระนครปฐม”
พระนครปฐมได้ เปนที่เสด็จประทับทังในรั
้ ชกาลที่ ๔ และรัชกาลที่ ๕
จนสร้ างทางรถไฟแล้ ว จึงพระราชทานพระราชวังนครปฐมให้ เปนที่
สําหรับราชการมณฑลเทศาภิบาล แต่ของเดิมชํารุดปรักหักพังเสีย
มาก จึงคงรักษาไว้ แต่ตวั พระที่นงั่ ประทับหลังเดียว ใช้ เปนที่ประชุม
ประชาภิบาลอยูบ่ ดั นี ้
พระนครคิรี เมืองเพ็ชร์ บุรี
พระราชวังแห่งนี ้สร้ างบนยอดเขามหาสวรรค์ เปนที่ประทับเวลา
เสด็จประพาศเมืองเพ็ชร์ บรุ ี ได้ เสด็จประทับหลายคราว ทังในรั ้ ชกาล
ที่ ๔ และรัชกาลที่ ๕ ในรัชกาลที่ ๕ ได้ โปรด ฯ ให้ ซ่อมแซมใหม่หมด
ครัง้ ๑ ยังบริบรู ณ์ดีอยูจ่ นทุกวันนี ้
พระบวรราชวังใหม่ ในกรุ งเทพ ฯ
พระบวรราชวังใหม่แห่งนี ้ พระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั
โปรด ฯ ให้ สร้ างที่ริมคลองคูเมืองเดิมทางฝั่ งเหนือพระบวรราชวัง (คือ
ตรงที่สร้ างโรงกระษาปณ์สิทธิการบัดนี ้) เหตุที่สร้ างวังใหม่นนั ้ ได้ ยิน
มาว่าเดิมพระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั ทรงสร้ างพระที่นงั่ เก๋งจีน
ขึ ้นเปนที่ประทับในพระบวรราชวัง ครัน้ เสด็จไปประทับที่พระที่นงั่ เก๋งนัน้

๗๐
เผอิญประชวรเสาะแสะไม่มีเวลาปรกติ จีนแสถวายพยากรณ์วา่ พระ
ที่นงั่ เก๋งนันปลู
้ กผิดหวงจุ๊ยเปนอัปมงคล จึงโปรด ฯ ให้ หาที่แล้ วรื อ้
พระที่นงั่ เก๋งไปปลูกเปนวังใหม่ หมายจะเสด็จไปประทับสําราญพระ
ราชอิริยบถณที่นนั ้ การยังไม่ทนั จะสําเร็จดังพระราชประสงค์
พระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั เสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จ ฯ
พระจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั จึงโปรด ฯ ให้ แบ่งปั นที่พระบวรราชวังใหม่นนั ้
เปนที่วงั ของพระองค์เจ้ าภาณุมาศ พระองค์เจ้ าเบญจางค์ พระองค์เจ้ า
ยุคนุ ธร พระองค์เจ้ ากระจ่าง พระเจ้ าลูกเธอในพระบาทสมเด็จพระปิ่ น
เกล้ าเจ้ าอยูห่ วั ๔ พระองค์ด้วยกัน พระองค์เจ้ าภานุมาศกับพระองค์เจ้ า
เบญจางค์ได้ ประทับอยู่ที่พระที่นงั่ เก๋งองค์ละครึ่ง เจ้ านายทัง้ ๔
พระองค์นนสิ ั ้ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๕ ที่พระบวรราชวังใหม่ก็เปนที่
ว่าง ครัน้ เมื่อจะสร้ างโรงกระษาปณ์สิทธิการ พระบาทสมเด็จ ฯ พระ
จุลจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั ทรงปรารภเสียดายพระที่นงั่ เก๋งของ
พระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั เพราะได้ ทรงสร้ างโดยฝี มือช่าง
อย่างประณีต จึงโปรด ฯ ให้ รือ้ ไปปลูกไว้ ในพระราชวังดุสิต เปนที่พกั
ของพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั ในเวลาเสด็จ
ไปเฝ้า ฤๅแปรสถานไปประทับเปนครัง้ เปนคราว พระที่นงั่ เก๋งนันยั ้ งอยู่
ในพระราชวังดุสิตจนบัดนี ้.
พระบวรราชวังสีทาที่จังหวัดสระบุรี
พระบวรราชวังแห่งนี ้พระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ าเจ้ าอยู่หวั ทรงสร้ าง
ที่ริมแม่นํ ้าสักฝั่ งตวันตกณตําบลบ้ านสีทา ในแขวงจังหวัดสระบุรี
สร้ างคราวเดียวกับเมื่อพระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั ทรง

๗๑
สร้ างพระนารายน์ราชนิเวศน์ที่เมืองลพบุรี เพราะมูลเหตุเกิดแต่คราวหา
ที่สร้ างราชธานีสําหรับเวลาสงครามดังกล่าวมาแล้ ว ได้ โปรด ฯ ให้
พระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั เสด็จขึ ้นไปตรวจเมืองนครราชสิมา
ทรงเห็นภูมิลําเนากันดารนํ ้าไม่เหมาะ มาโปรดที่เขาคอกในแขวง
จังหวัดสระบุรีวา่ เหมือนเปนป้อมอยู่โดยธรรมดา จึงทรงสร้ างที่ประทับ
ขึ ้นณตําบลบ้ านสีทา อันอาจไปมาถึงเขาคอกได้ สดวก แล้ วเสด็จไป
ประทับณที่นนั ้ เพื่อตกแต่งเขาคอกไว้ เปนป้อมปราการสําหรับต่อสู้
ข้ าศึกแห่ง ๑ ได้ เสด็จไปประพาศที่วงั สีทาเนือง ๆ จนตลอดพระชนมายุ
แต่วงั นันล้
้ วนสร้ างเปนเครื่ องไม้ ครัน้ พระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ า
เจ้ าอยูห่ วั เสด็จสวรรคตแล้ ว พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั
โปรด ฯ ให้ รือ้ ตําหนักลงมาสร้ างวังพระราชทานพระเจ้ าลูกเธอใน
พระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั บ้ าง ที่เหลืออยู่ก็หกั พังสูญไป
หมด เดี๋ยวนี ้ที่ซงึ่ เคยเปนพระบวรราชวังก็กลับเปนที่บ้านราษฎรไป
อย่างเดิม
วังเจ้ านายสร้ างในรัชกาลที่ ๔
พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั มีพระเจ้ าลูกยาเธอ
ประสูตรก่อนเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ๒ พระองค์ ต่อมาทรง
สถาปนาเปนกรมหมื่นมเหศวรศิววิลาศพระองค์ ๑ กรมหมื่นวิษณุนา
รถนิภาธรพระองค์ ๑ เจ้ าจอมมารดาเปนธิดาพระอินทรอภัย โอรสของ
พระเจ้ ากรุงธนบุรี เมื่อพระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั ทรง
ผนวชอยูใ่ นรัชกาลที่ ๓ กรมหมื่นมเหศวร ฯ ตามเสด็จไปอยูว่ ดั บวร
นิเวศไปเกิดประชวรพระโรคเรื อ้ รัง เวลานันพระอิ ้ นทรอภัยสิ ้นชีพเสีย
แล้ ว พระพงศ

๗๒
นรินทรพี่ชายพระอินทรอภัยจึงรับพระองค์ไปรักษาพยาบาล ด้ วยพระ
พงศนรินทรเปนจางวางกรมหมออยู่ในรัชกาลที่ ๓ กรมหมื่นมเหศวร ฯ
ได้ เสด็จไปประทับอยูท่ ี่บ้านพระพงศนรินทร อันอยูร่ ิ มคลองบางลําภู
(ตรงที่เชิงสพานนรรัตนบัดนี ้) ทางฝั่ งเหนือเคียงกันกับบ้ านพระอินทรอ
ภัยจนทรงพระเจริญเปนหนุม่ พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ า
เจ้ าอยูห่ วั ทรงเกรงว่า กรมหมื่นมเหศวร ฯ เสด็จอยูท่ ี่บ้านพระพงศนริ
นทรต่อไปจะกีดกับครอบครัวของพระพงศนรินทร จึงดํารัสวานพระ
พงศนรินทรให้ ชว่ ยหาซื ้อที่สร้ างวังกรมหมื่นมเหศวร ฯ พระพงศนริ
นทรซื ้อได้ ที่สวนใกล้ วดั บวรนิเวศ อยูร่ ิมคลองบางลําภูฝั่งเหนือไม่หา่ ง
จากบ้ านพระพงศนรินทรนัก พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั
โปรด ฯ ให้ ปลูกตําหนักประทานกรมหมื่นมเหศวร ฯ และกรมหมื่นวิษณุ
นารถ ฯ เสด็จอยู่ด้วยกันในที่นนมาจนตลอดรั
ั้ ชกาลที่ ๓ ถึงรัชกาลที่ ๔
จึงโปรด ฯ ให้ สร้ างวังพระราชทานกรมหมื่นมเหศวร ฯ และกรมหมื่น
วิษณุนารถ ฯ เปนวังพระเจ้ าลูกยาเธอสร้ างชันแรกในรั ้ ชกาลที่ ๔ มี ๒
วัง จะพรรณาเปนรายวังต่อไป
๑ วังกรมหมื่นมเหศวรศิววิลาศ
วังนี ้อยูร่ ิมคลองบางลําภูฝั่งเหนือ (ที่เชิงสพานนรรัตนบัดนี ้) เดิม
เปนที่บ้านพระพงศนรินทรกับบ้ านพระอินทรอภัย คุณตาของกรมหมื่น
มเหศวร ฯ ถึงรัชกาลที่ ๔ มีแต่วงศ์วารอยู่ พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอม
เกล้ าเจ้ าอยูห่ วั จึงโปรด ฯ ให้ ซื ้อสร้ างเปนวังกรมหมื่นมเหศวร ฯ เสด็จ
อยูม่ าจนสิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๔ พระองค์เจ้ าและหม่อมเจ้ าในกรมอยู่
ต่อมาจนถึงเชื ้อสาย.
๗๓
๒ วังกรมหมื่นวิษณุนารถนิภาธร
วังนี ้อยูร่ ิมคลองบางลําภูฝั่งเหนือ คือที่ซงึ่ พระบาทสมเด็จ ฯ
พระจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั โปรด ฯ ให้ กรมหมื่นมเหศวร ฯ กับกรมหมื่น
วิษณุนารถ ฯ ประทับอยูเ่ มื่อในรัชกาลที่ ๓ นัน้ ถึงรัชกาลที่ ๔ โปรด ฯ
ให้ สร้ างเปนวังกรมหมื่นวิษณุนารถนิภาธร เสด็จอยู่มาจนสิ ้นพระชนม์ใน
รัชกาลที่ ๔ พระองค์เจ้ าและหม่อมเจ้ าในกรมอยู่ตอ่ มาจนถึงเชื ้อสาย
พระเจ้ าลูกยาเธอในพระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั ซึง่
ประสูตร์ เมื่อเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัตแิ ล้ วนัน้ ล้ วนทรงพระเยาว์ไม่
ทันได้ อกวังในรัชกาลที่ ๔ แต่พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั
ได้ ทรงจัดซื ้อที่สําหรับจะสร้ างวังพระเจ้ าลูกยาเธอที่เปนชันใหญ่้ และชัน้
กลางหลายพระองค์ ได้ ลงมือสร้ างตําหนักแต่ในรัชกาลที่ ๔ บ้ าง ยัง
มิได้ ลงมือสร้ างบ้ าง ที่วงั ที่ได้ กะไว้ ในรัชกาลที่ ๔ บางแห่งเปลี่ยนไป
โดยเหตุที่จะแสดงต่อไปข้ างน่า แต่สร้ างวังใหม่ในที่ซงึ่ พระบาทสมเด็จ ฯ
พระจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั พระราชทานไว้ นนโดยมากั้ จะพรรณาโดยลําดับ
พระองค์ตอ่ ไป คือ
๑ พระบาทสมเด็จ ฯ พระจุลจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั เดิมได้
พระราชทานที่ให้ สร้ างวังที่บ้านเจ้ าพระยาพลเทพ ฯ (หลง) ที่ริมคลองคู
เมืองเดิมฟากใต้ (ตรงปลายถนนอัษฎางค์ตอ่ กับถนนจักรเพชร์
บัดนี ้ พระราชดําริห์ดเู หมือนจะโปรด ฯ ให้ สร้ างวังสมเด็จเจ้ าฟ้ากรมพระ
จักรพรรดิพงศ และวังสมเด็จเจ้ าฟ้ากรมพระยาภาณุพนั ธุวงศวรเดช
๑๐

๗๔
ติดต่อกันไปกับวังนี ้ด้ วย) แต่ยงั มิได้ สร้ างวัง เปนแต่ให้ ข้าในกรมไปอยู่
รักษาที่นนั ้ เพราะพระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ าเจ้ าอยู่หวั โปรด ฯ ให้
พระบาทสมเด็จ ฯ พระจุลจอมเกล้ าอยูห่ วั เสด็จอยูป่ ระจําใกล้ พระองค์
พระราชทานพระตําหนักสวนกุหลาบที่ในพระบรมมหาราชวังให้ เปนที่
ประทับ ต่อมาพระราชทานพระราชวังนันทอุทยานอีกแห่ง ๑ ก็เปนแต่อ
ย่างที่ประพาศ หาได้ ไปประทับอยู่ประจําไม่ ครัน้ พระบาทสมเด็จ ฯ
พระจุลจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ พระราชทานที่
บ้ านเจ้ าพระยาพลเทพ ฯ (หลง) ซึง่ ได้ กะไว้ วา่ จะสร้ างวังแต่เดิมนัน้
แก่พระยาพิชยั สงคราม (อํ่า) อันเปนปลัดกรมข้ าหลวงเดิม โดยได้
อยูร่ ักษาที่นนมาแต่
ั้ ในรัชกาลที่ ๔
๒ พระเจ้ าลูกเธอ พระองค์เจ้ าเสวตวรลาภ ได้ พระราชทาน
ที่ให้ สร้ างวังที่มมุ ถนนเจริญกรุงฟากเหนือต่อกับถนนมหาชัย แต่
พระองค์เจ้ าเสวตวรลาภสิ ้นพระชนม์เสียแต่ยงั ทรงพระเยาว์ หาทันได้
สร้ างวังไม่ ถึงรัชกาลที่ ๕ ที่นนแบ่ั ้ งสร้ างโรงหวยตอน ๑ พระราชทาน
เปนวังพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ าอลังการตอน ๑ ต่อมาพระองค์เจ้ า
อลังการย้ ายไปอยูท่ ี่อื่น และเลิกอากรหวย ที่ก็กลับคืนเปนของหลวง
๓ กรมพระนเรศวรวรฤทธิ์ สร้ างวังใหม่
๔ กรมหลวงพิชิตปรี ชากร สร้ างวังใหม่
๕ กรมหลวงอดิศรอุดมเดช สร้ างวังใหม่ในที่วงั เก่า
๖ กรมหมื่นภูธเรศธํารงศักดิ์ สร้ างวังใหม่ในที่วงั เก่า
๗ กรมหลวงประจักษ์ ศลิ ปาคม ได้ พระราชทานวังเก่า

๗๕
๘ กรมหลวงพรหมวรานุรักษ์ สร้ างวังใหม่ในที่วงั เก่า
๙ กรมหมื่นราชศักดิส์ โมสร สร้ างวังใหม่ในที่วงั เก่า
๑๐ สมเด็จเจ้ าฟ้ากรมพระจักพรรดิพ์ งศ์โปรด ฯ ให้ เสด็จประทับ
ณพระราชวังเดิม
๑๑ พระองค์เจ้ าอุณากรรณอนันตนรไชย สร้ างวังใหม่ แต่วงั
ยังไม่ทนั แล้ วสิ ้นพระชนม์เสียก่อน ที่วงั นันเป็
้ นวังสมเด็จกรมพระยา
เทวะวงศ์วโรปการต่อมา
๑๒ กรมหมนทิวากรวงศ์ประวัติ ได้ พระราชทานวังเก่าแล้ วสร้ าง
วังใหม่
๑๓ กรมขุนสิริธชั สังกาศ สร้ างวังใหม่
๑๔ กรมหลวงสรรพสาตร์ ศภุ กิจ สร้ างวังใหม่
๑๕ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ได้ พระราชทานที่ริมประตู
สําราญราษฎร์ ใต้ วดั เทพธิดา (ตรงกับวังกรมหลวงพรหมวรานุรักษ์
ข้ ามฟากถนนบํารุงเมือง) แต่เสด็จประทับอยูว่ งั กรมหลวงพิชิตปรี ชากร
ต่อมาเสด็จไปสําเร็จราชการมณฑลอิสาณ ประทับอยูณ ่ เมืองอุบลหลาย
ปี ครัน้ เสด็จกลับมาได้ ดํารงตําแหน่งเสนาบดีในกระทรวงวัง ประทับ
อยูท่ ี่ตําหนักในบริเวณพระราชวังดุสิตจนตลอดพระชนมายุ หาได้ สร้ าง
วังใหม่ไม่
๑๖ พระองค์เจ้ ากาพย์กนกรัตน สร้ างวังใหม่
๑๗ สมเด็จกรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ ได้ พระราชทานวัง
เก่าแล้ วสร้ างวังใหม่

๗๖
๑๘ สมเด็จเจ้ าฟ้ากรมพระยาภาณุพนั ธุวงศ์วรเดช สร้ างวังใหม่
ในที่วงั เก่า
๑๙ สมเด็จกรมพระยาวชิรญาณวโรรส สร้ างวังใหม่
๒๐ กรมพระสมมตอมรพันธุ์ สร้ างวังใหม่
พระเจ้ าลูกเธอชันใหญ่
้ และชันกลางที
้ ่ได้ พระราชทานที่วงั เมื่อ
รัชกาลที่ ๔ เพียงนี ้ นอกจากนี ้เปนชันเล็ ้ ก เมื่อสิ ้นรัชกาลที่ ๔ ยังทรง
พระเยาว์นกั มาได้ พระราชทานที่วงั ในรัชกาลที่ ๕ คือ
๒๑ กรมหมื่นวิวิธวรรณปรี ชา สร้ างวังใหม่
๒๒ กรมหมื่นพงศาดิศรมหิป สร้ างวังใหม่
๒๓ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ สร้ างวังใหม่
๒๔ กรมพระดํารงราชานุภาพ สร้ างวังใหม่
๒๕ พระองค์เจ้ าศรี เสาวภางค์ ได้ พระราชทานที่บ้านเจ้ าเขมร
ที่เชิงสพานดํารงสถิตย์ฟากตวันออก แต่สิ ้นพระชนม์เสียก่อนไม่ทนั
สร้ างวัง
๒๖ กรมขุนพิทยลาภพฤฒิธาดา สร้ างวังใหม่
๒๗ สมเด็จเจ้ าฟ้ากรมพระนริศรานุวตั วิ งศ ได้ พระราชทานวัง
เก่า คือ วังริมท่าพระถนนน่าพระลาน ที่พระบาทสมเด็จ ฯ พระนัง่
เกล้ าเจ้ าอยูห่ วั ได้ เสด็จประทับอยูแ่ ต่ก่อน
๒๘ กรมขุนมรุพงศ์สิริพฒ ั น์ สร้ างวังใหม่
๒๙ กรมหลวงสวัสดิว์ ตั นวิศิษฏ์ สร้ างวังใหม่
๓๐ กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย สร้ างวังใหม่

๗๗
รวมจํานวนวังพระเจ้ าลูกเธอในรัชกาลที่ ๔ ที่สร้ างในที่ใหม่ ๑๘ วัง
สร้ างในที่วงั เก่า ๕ วัง เปน ๒๓ วัง ได้ แสดงพรรณาถึงวังกรมหมื่น
มเหศวร ฯ วังกรมหมื่นวิษณุนารถ ฯ มาแล้ ว ๒ วัง จะกล่าวพรรณา
ถึงวังอื่นต่อไป
๓ วังกรมพระนเรศวรวรฤทธิ์
วังนี ้อยูร่ ิมแม่นํ ้าเหนือพระราชวังบวร ฯ หลังวังออกถนนพระอาทิตย์
เดิมเปนที่บ้านของเจ้ าพระยามหาโยธา (ทอเรี ย) ปู่ ของเจ้ าจอมมารดา
กลิ่น เจ้ าพระยามหาโยธาได้ ทําพินยั กรรมถวายแต่ยงั ทรงพระเยาว์
จึงโปรด ฯ ให้ สร้ างวังณที่นี ้
๔ วังกรมหลวงพิชิตปรีชากร
วังนี ้อยู่ริมถนนมหาชัย ต่อวังบูรพาภิรมย์ทางด้ านเหนือมาจนถนน
เจริญกรุง สมเด็จเจ้ าพระยาบรมมหาศรี สรุ ิ ยวงศรับเปนธุระเลือกหา
ที่ และสร้ างวังแต่ในรัชกาลที่ ๔ ด้ วยพระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ า
เจ้ าอยูห่ วั ทรงมอบกรมหลวงพิชิต ฯ ให้ เปนหลานของท่าน กรม
หลวงพิชิต ฯ ประทับอยูท่ ี่วงั นี ้ตลอตพระชนมายุ หม่อมเจ้ าในกรมยัง
ปกครองอยูจ่ นทุกวันนี ้
๕-๖ วังกรมหลวงอดิศรอุดมเดช
ในรัชกาลที่ ๔ ได้ ทรงซือ้ ที่บ้านเจ้ าพระยาธรรมา (เสือ) ที่
บางลําภู (อยู่ตรงที่ตลาดยอดบัดนี )้ กะจะสร้ างวังกรมหลวงอดิศร ฯ
(และเข้ าใจว่าวังกรมหมื่นทิวากร ฯ ซึ่งร่วมเจ้ าจอมมารดาเดียวกันด้ วย)
แต่ยังไม่ทันได้ สร้ างวัง ถึงรัชกาลที่ ๕ พระราชทานที่วังกรมหมื่น
เชษฐา
๗๘
ธิเบน (คือ วังที่ ๑ แถววังท้ ายวัดพระเชตุพน) ซึง่ ว่างอยู่ แก่กรม
หลวงอดิศร ฯ และโปรด ฯ ให้ สร้ างตําหนักใหม่พระราชทานกรมหลวง
อดิศร ฯ ด้ วย กรมหลวงอดิศร ฯ เสด็จอยูว่ งั นี ้จนรัชกาลปั จจุบนั นี ้จึง
ย้ ายวังไปสร้ างใหม่ริมแม่นํ ้าถนนพระอาทิตย์
๗ วังกรมหมื่นภูธเรศธารงศักดิ์
วังนี ้พื ้นที่เดิมเปนวังกรมหลวงสรรพศิลป์ปรี ชา คือ วังริ มสพาน
ช้ างโรงสีวงั เหนือ กรมหลวงสรรพศิลป์ ฯ สิ ้นพระชนม์ ที่วา่ งอยู่
พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ าเจ้ าอยู่หวั จึงพระราชทานให้ เปนวัง
กรมหมื่นภูธเรศ ฯ โปรด ฯ ให้ รือ้ ตําหนักข้ างในที่พระราชวังนันท
อุทยานมาหมู่ ๑ สร้ างเปนตําหนัก กรมหมื่นภูธเรศ ฯ ประทับอยูท่ ี่วงั นี ้
จนสิ ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๕ หม่อมเจ้ าในกรมอยู่ตอ่ มาจนทรงซื ้อสร้ าง
ตึกและตัดเปนถนนแพร่งภูธรบัดนี ้
๘ วังกรมหลวงพรหมวรานุรักษ์
วังนี ้อยูร่ ิมถนนบํารุงเมืองฟากใต้ ตรงต่อกับถนนที่ใกล้ ประตู
สําราญราษฎร์ พื ้นที่เดิมเปนวังกรมหมื่นภูบาลบริ รักษ์ทงวั ั ้ งกับวัง
พระองค์เจ้ าเกยูรด้ วยกึ่งหนึ่ง พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ า
เจ้ าอยูห่ วั ทรงซื ้อพระราชทานกรมหลวงพรหม ฯ และโปรด ฯ ให้ รือ้
ตําหนักที่พระราชวัง นันทอุทยานมาสร้ างเปนตําหนักด้ วย กรม
หลวงพรหม ฯ เสด็จอยูท่ ี่วงั นี ้จนรัชกาลปั จจุบนั นี ้ จึงย้ ายไปประทับที่วงั
ถนนพระราม ๑
๗๙
๙ วังกรมหมื่นราชศักดิ์สโมสร
วังนี ้อยูร่ ิมถนนบํารุงเมืองฟากใต้ ต่อวังกรมหลวงพรหมวรานุรักษ์
มาทางตวันตก ที่เดิมเปนวังกรมขุนวรจักร์ ธรานุภาพทังวั
้ งกับวัง
พระองค์เจ้ าเกยูรครึ่งวัง พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั
ทรงซื ้อพระราชทานกรมหมื่นราชศักดิ์ ฯ และโปรด ฯ ให้ รือ้ ตําหนักที่
พระราชวังนันทอุทยานมาสร้ างเปนตําหนักด้ วย
๑๐ วังกรมหมื่นทิวากรวงศประวัติ
เดิมกรมหมื่นทิวากร ฯ ได้ พระราชทานวังเก่า คือ วังที่ ๒ แถวท้ าย
วัดพระเชตุพน ที่พระองค์เจ้ าลํายองเสด็จอยู่ก่อนนัน้ แต่เสด็จอยูว่ งั
กรมหลวงอดิศรอุดมเดช หาได้ สร้ างวังไม่ ภายหลังจึงไปทรงซื ้อ
ที่สร้ างวังที่ริมแม่นํ ้าณตําบลสามเสน ข้ างเหนือวัดส้ มเกลี ้ยงประทับ
อยูใ่ นวังนันต่
้ อมาจนตลอดพระชนมายุ
๑๑ วังกรมขุนสิริธัชสังกาศ
วังนี ้อยูร่ ิ มถนนบํารุงเมืองฟากใต้ ต่อวังกรมหมื่นราชศักดิส์ โมสร
มาทางตวันตกจนถึงคลองวัดสุทศั น์ เดิมเปนที่บ้านพระยาเทพอรชุน
พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั ทรงซื ้อพระราชทาน
กรมขุนสิริธชั สังกาศ และโปรด ฯ ให้ รือ้ ตําหนักที่พระราชวังนันท
อุทยานมาสร้ างเปนตําหนักกรมขุนสิริธชั ฯ เสด็จอยูว่ งั นี ้จนตลอด
พระชนมายุ หม่อมเจ้ าอุปพัทธพงศ หม่อมเจ้ าชายใหญ่ได้ รับมรดก
อยูต่ อ่ มาจนทุกวันนี ้
๘๐
๑๒ วังกรมหลวงสรรพสาตร์ ศุภกิจ
วังนี ้อยูร่ ิมถนนบ้ านตะนาวฟากตวันตก พระบาทสมเด็จ ฯ พระ
จุลจอมเกล้ าเจ้ าอยู่หวั โปรด ฯ ให้ ซื ้อพระราชทานกรมหลวงสรรพสาตร์ ฯ
เสด็จอยูม่ าจนตลอดพระชนมายุ
๑๓ วังพระองค์ เจ้ ากาพย์ กนกรัตน
วังนี ้อยูร่ ิมคลองคูเมืองเดิม ต่อวังกรมหมื่นภูธเรศธํ ารงศักดิ์
ไปทางเหนือ ได้ ลงมือสร้ างตําหนักยังค้ างอยู่ พระองค์เจ้ ากาพย์
กนกรัตน์สิ ้นพระชนม์หาทันได้ เสด็จอยูไ่ ม่
๑๔-๑๕ วังสมเด็จกรมพระยาเทวะวงศ์ วโรปการ
เดิมเมื่อรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั
โปรด ฯ ให้ ซื ้อที่ริมถนนบํารุงเมืองฟากเหนือ ตอนริมคลองวัดสุทศั น์
(ตรงข้ ามกับวังกรมขุนสิริธชั สังกาศ) พระราชทาน แต่ยงั ไม่ทนั สร้ างวัง
ถึงรัชกาลที่ ๕ ได้ พระราชทานวังเก่าที่ริมแม่นํ ้าตอนเหนือป้อมมหาฤกษ์
อันเปนวังกรมหมื่นภูบดี ฯ อยูก่ ่อนนัน้ เสด็จอยูท่ ี่วงั นันกั
้ บพระองค์เจ้ า
อุณากรรณอนันตนรไชย ครัน้ พระองค์เจ้ าอุณากรรณ ฯ สิ ้นพระชนม์ จึง
ได้ พระราชทานที่วงั เดิมของพระองค์เจ้ าอุณากรรณที่ริมสพานถ่าน สร้ าง
วังแล้ วเสด็จไปประทับอยู่วงั นันจนรั
้ ชกาลปั จจุบนั นี ้ ทรงพระกรุณาโปรด ฯ
สร้ างวังเทวะเวสม์พระราชทานที่ริมแม่นํ ้าตําบลบางขุนพรหม จึงเสด็จ
ย้ ายไปประทับที่วงั เทวะเวสม์มาจนบัดนี ้
๘๑
๑๖ วังสมเด็จเจ้ าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุวงศ์ วรเดช
วังนี ้อยูร่ ิมถนนมหาชัยใกล้ ประตูสพานหัน สร้ างในรัชกาลที่ ๕
ในที่วงั เก่า ๓ วัง คือ วังสมเด็จกรมพระยาเดชาดิศรวัง ๑ วังกรมหมื่น
นเรนทรบริ รักษ์ (ซึง่ กรมหมื่นภูบาลบริรักษ์ได้ เสด็จอยูเ่ มื่อรัชกาล ที่ ๔)
วัง ๑ วังกรมหมื่นนรินทรเทพวัง ๑ รวมกันพระราชทานนามว่า “วัง
บูรพาภิรมย์”
๑๗ วังสมเด็จกรมพระยาวชิรญาณวโรรส
วังนี ้อยูร่ ิมถนนมหาชัย ต่อวังกรมหลวงพรหมวรานุรักษ์ไปทาง
ใต้ พระบาทสมเด็จ ฯ พระจุลจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั พระราชทานที่ ได้
ลงมือสร้ างตําหนักยังไม่ทนั แล้ ว สมเด็จกรมพระยาวชิรญาณวโรรส
ทรงผนวช แล้ วเลยเสด็จดํารงสมณภาพอยูจ่ นตลอดพระชนมายุ
๑๘ วังกรมพระสมมตอมรพันธุ์
วังนี ้อยูร่ ิมถนนบํารุงเมืองฟากเหนือ (ตรงข้ ามกับวังกรมหมื่น
ราชศักดิส์ โมสร) หลังวังจดเขตร์ วดั เทพธิดา กรมพระสมมตอมรพันธุ์
ประทับอยูว่ งั นี ้ตลอดพระชนมายุ เดี๋ยวนี ้เปนของหม่อมเจ้ ามงคลประวัติ
ในกรมพระสมมต ฯ
๑๙ กรมหมื่นวิวิธวรรณปรีชา
วังนี ้อยูร่ ิมถนนมหาชัย ต่อวังสมเด็จกรมพระยาวชิรญาณวโรรส
ไปทางใต้
๑๑
๘๒
๒๐ วังกรมหมื่นพงศาดิศรมหิป
วังนี ้อยูห่ ลังวังกรมหมื่นราชศักดิส์ โมสรไปทางใต้ ด้ านตวันตก
จดคลองวัดสุทศั น์
๒๑ วังกรมพระนราธิปประพันธ์ พงศ์
วังนี ้อยูร่ ิมถนนบ้ านตะนาว ต่อวังกรมหลวงสรรพสาตร์ ศภุ กิจไป
ทางใต้ ต่อมากรมพระนราธิปประพันธ์พงศทรงตัดถนนแพร่นราผ่าน
กลางวัง
๒๒ วังกรมพระดารงราชานุภาพ
วังเดิมสร้ างที่บ้านพระยาอัพภันตริกามาตย์ (ดิศ) ซึง่ ได้ ทรงรับ
มรดก อยูท่ ี่ริมถนนเจริญกรุงฟากเหนือ ริมเชิงสพานดํารงสถิตย์
ประทับอยูว่ งั นี ้มาจนรัชกาลปั จจุบนั นี ้ จึงสร้ างวังวรดิศที่ถนนหลานหลวง
แล้ วย้ ายไปประทับที่วงั วรดิศต่อมา
๒๓ - ๒๔ วังกรมขุนพิทยลาภพฤฒิธาดา
วังเดิมอยูร่ ิมแม่นํ ้าที่ใต้ ปากคลองตลาด พระบาทสมเด็จ ฯ พระ
จุลจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั โปรด ฯ ให้ สร้ างวังที่ริมถนนเจริญกรุงฟาก
เหนือตรงตลาดน้ อยพระราชทานแลกวังเดิม จึงย้ ายไปประทับที่วงั ตลาด
น้ อยต่อมาจนตลอดพระชนมายุ เดี๋ยวนี ้เปนของพระองค์เจ้ าธานีนิวตั ิ
๒๕ วังกรมขุนมรุพงศสิริพัฒน์
วังเดิมอยูร่ ิมคลองวัดสุทศั น์ ในระหว่างวังกรมขุนสิริธัชสังกาศ
กับวังกรมหมื่นพงศาดิศรมหิป ประทับอยูท่ ี่วงั นี ้จนถึงรัชกาลปั จจุบนั นี ้
๘๓
ทรงสร้ างวังใหม่ที่ตําบลมักกะสัน ถวายที่วงั เดิมกับทังตํ
้ าหนักให้ ตงั ้
เปนโรงเรี ยน ทรงอุทิศสนองพระเดชพระคุณในพระบาทสมเด็จ ฯ พระจุล
จอม เกล้ าเจ้ าอยู่หวั จึงตังเปนโรงเรี
้ ยนสตรี มีชื่อว่า “โรงเรี ยน
เบญจมราชาลัย”
๒๖ วังกรมหลวงสวัสดิวัตนวิศิษฎ์
วังนี ้อยูร่ ิมถนนพระราม ๑ ฟากเหนือ ในอําเภอประทุมวัน
๒๗ - ๒๘ วังกรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย
วังเดิมอยูร่ ิมถนนมหาชัย ต่อวังกรมหมื่นพงศาดิศรมหิปไปทางใต้
ครัน้ ทรงสร้ างวังใหม่ที่ริมแม่นํ ้าณตําบลสามเสน รัฐบาลจึงซื ้อที่วงั เดิม
ทําเรื อนจําเมื่อขยายเขตร์ คกุ กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัยประทับ
อยูท่ ี่วงั ณตําบลสามเสนจนตลอดพระชนมายุ แล้ วแบ่งที่วงั ประทาน
หม่อมเจ้ าในกรมอยู่ตอ่ มา
พระองค์เจ้ าลูกเธอในพระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ าเจ้ าอยู่หวั ได้
ออกวังในเวลาพระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั ยังมีพระชนม์แต่
๓ พระองค์
๑ กรมพระราชวังบวรวิชยั ชาญ สร้ างวังใหม่
๒ พระองค์เจ้ าสุธารส ได้ ยินว่าเดิมพระบาทสมเด็จ ฯ พระจอม
เกล้ าเจ้ าอยูห่ วั ทรงรับเลี ้ยง จึงแบ่งที่วงั พระองค์เจ้ าเรณูที่ริมถนน
สนามชัย ตอนต่อวังกรมหมื่นถาวรวรยศไปทางเหนือ พระราชทานเปน
ที่วงั เสด็จอยูว่ งั นี ้มาจนถึงรัชกาลที่ ๕ ต้ องการที่ใช้ ราชการ จึงโปรด ฯ
ให้ ย้ายไปประทับที่วงั เก่าริมสนามวังน่า วังที่ ๓ (ซึง่ เปนวังของพระองค์
เจ้ าช้ างเมื่อรัชกาลที่ ๑ นัน) ้ เสด็จอยู่ที่วงั นี ้มาจนตลอดพระชนมายุ
๘๔
๓ กรมหมื่นพิศาลบวรศักดิ์ ได้ พระราชทานวังเก่า คือวังที่ ๕ ใน
แถววังสพานเสี ้ยวซึง่ พระองค์เจ้ าอินทวงศ์ประทับอยูแ่ ต่ก่อน เสด็จอยู่
ที่วงั นี ้จนตลอดพระชนมายุ
เมื่อพระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั สวรรคต พระองค์เจ้ า
ลูกเธอยังไม่ได้ ออกวังหลายพระองค์ ที่เจริญพระชัณษาสมควรจะออก
วัง พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั ทรงจัดที่วงั
พระราชทาน ๗ พระองค์ คือ
๔ พระองเจ้ าภาณุมาศ
๕ พระองค์เบญจางค์
๖ พระองค์เจ้ ายุคนุ ธร
๗ พระองค์เจ้ ากระจ่าง
สี่พระองค์นี ้ทรงแบ่งที่พระบวรราชวังใหม่ ซึง่ พระบาทสมเด็จพระ
ปิ่ นเกล้ าเจ้ าอยู่หวั ทรงสร้ างค้ างอยู่นนั ้ พระราชทานพระองค์ละส่วน พระ
ที่นงั่ เก๋งได้ แก่พระองค์เจ้ าภาณุมาศกึ่ง ๑ พระองค์เจ้ าเบญจางค์กึ่ง ๑
๘ กรมหมื่นบริ รักษ์ นริ นทรฤทธิ์ สร้ างวังใหม่
๙ กรมหมื่นสถิตย์ธํารงสวัสดิ เดิมอยู่วงั เดียวกับกรมพระราชวัง
บวรวิชยั ชาญ จนถึงรัชกาลที่ ๕ กรมพระราชวังบวร ฯ จึงสร้ างวังใหม่
ประทาน
๑๐ พระองค์เจ้ าโต สร้ างวังใหม่
พระองค์เจ้ าลูกเธอในพระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ าเจ้ าอยู่หวั ซึง่
เปนชันเล็
้ กมาได้ ออกวังต่อรัชกาลที่ ๕ มี ๔ พระองค์ คือ
๑๑ กรมหมื่นวรวัฒนศุภากร สร้ างวังใหม่
๘๕
๑๒ พระองค์เจ้ านันทวัน ได้ พระราชทานวังเก่าที่ริมสนามวังน่า
วังที่ ๒ ซึง่ กรมขุนนรานุชิตประทับอยูก่ ่อน
๑๓ กรมหมื่นจรัสพรปฏิภาณ ได้ พระราชทานที่วงั เก่าริมสนาม
วังน่า วังที่ ๑ ซึง่ กรมหมื่นเสนีเทพเสด็จอยู่ก่อน ประทับอยูก่ ่อน
แล้ วจึงสร้ างวังใหม่
๑๔ พระองค์เจ้ าสนัน่ ได้ พระราชทานที่วงั ริมถนนหลังวัดชนะ
สงคราม
แต่พระองค์เจ้ าวัฒนากับพระองค์เจ้ าพรหเมศ ๒ พระองค์ ประทับ
อยูใ่ นบริเวณพระราชวังบวร ฯ ไม่ได้ ออกวังจนตลอดพระชนมายุ
แต่นี ้จะพรรณาวังเจ้ านายฝ่ ายพระบวรราชวังในรัชกาลที่ ๔ ซึง่
สร้ างใหม่เปนรายวังต่อไป
๒๙ วังกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ
(วังใหม่)
วังนี ้อยูร่ ิมคลองคูเมืองเดิมฟากเหนือ เขตร์ วงั ตังแต่
้ ถนนพระ
อาทิตย์มาจนต่อเขตร์ วงั เจ้ าฟ้าอิศราพงศ (คือที่สร้ างโรงพยาบาลทหาร
บัดนี ้) เดิมเปนที่บ้านข้ าราชการฝ่ ายพระราชวังบวร พระบาทสมเด็จ
พระปิ่ นเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั ทรงซื ้อสร้ างวังพระราชทานกรมพระราชวังบวร ฯ
เมื่อยังดํารงพระยศเปนกรมหมื่นบวรวิชยั ชาญ เสด็จอยูท่ ี่วงั นี ้จนรับ
อุปราชาภิเษกในรัชกาลที่ ๕ แต่เดิมสมเด็จเจ้ าพระยาบรมมหาศรี
สุริยวงศ ผู้สําเร็จราชการแผ่นดินกะว่าจะให้ กรมพระราชวังบวร ฯ คง
ประทับอยูท่ ี่วงั นี ้ เปนแต่เสด็จเข้ าไปทําการพระราชพิธีฤๅรับแขกเมือง
ในพระราชวังบวร ฯ จึงให้ ไปถ่ายแบบตึกที่เมืองสิงคโปร์ มาสร้ างตําหนัก
๘๖
ขึ ้น และให้ ทําสพานข้ ามคลองและทําฉนวนเปนทางเสด็จตังแต่ ้ วงั เข้ า
ไปจนถึงพระราชวังบวร ฯ คนทังหลายจึ ้ งเรี ยกวังนี ้ว่า “วังใหม่” แต่
ต่อมากรมพระราชวังบวรวิชยั ชาญเสด็จเข้ าไปประทับในพระราชวังบวร ฯ
ประทานวังใหม่ให้ เปนวังพระองค์เจ้ าวิไลยวรวิลาศ พระองค์เจ้ าชายใหญ่
ครึ่ง ๑ ประทานพระองค์เจ้ าชัยรัตนวโรภาสซึง่ ทรงพระเมตตามาก
ครึ่ง ๑ เปนวังของพระองค์เจ้ า ๒ พระองค์นนมาจนซื ั้ ้อที่สร้ างโรงพยาบาล
ทหาร
๓๐ วังกรมหมื่นบริรักษ์ นรินทรฤทธิ์
วังนี ้อยูร่ ิมแม่นํ ้าข้ างใต้ ทา่ ช้ างวังน่า ได้ ยินว่าเดิมเปนที่ทําการ
แต่งเรื อกําปั่ นรบของพระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ าเจ้ าอยู่หวั กรมหมื่น
บริรักษ์มีน่าที่ทรงทําการนัน้ จึงประทับอยูณ ่ ที่นนแต่
ั ้ เดิมมาจนตลอด
พระชนมายุ
๓๑ วังกรมหมื่นสถิตย์ ธารงสวัสดิ์
เมื่อในรัชกาลที่ ๔ กรมหมื่นสถิตย์ธํารงสวัสดิ์ประทับอยูก่ บั กรม
พระราชวังบวรวิชยั ชาญที่ “วังใหม่” ถึงรัชกาลที่ ๕ กรมพระราชวัง
บวร ฯ จึงทรงซื ้อที่ริมแม่นํ ้าข้ างใต้ ป้อมพระสุเมรุ อันเปนที่บ้าน
ข้ าราชการวังน่าอยูก่ ่อนสร้ างวังประทาน กรมหมื่นสถิตย์ ฯ ประทับอยู่
วังนี ้จนตลอดพระชนมายุ แล้ วรัฐบาลจึงซื ้อ ที่สร้ างที่วา่ การกรม
ตํารวจภูธร
๓๒ วังพระองค์ เจ้ าโต
วังนี ้อยู่ริมถนนจักรพงศตรงน่าวัดชนะสงครามข้ าม พระองค์เจ้ าโต
ได้ รับมรดกคุณตา จึงสร้ างวังอยูณ ่ ที่นนจนตลอดพระชนมายุ
ั้

๘๗
๓๓ วังกรมหมื่นวรวัฒนศุภากร
วังนี ้อยูร่ ิมถนนเข้ าสารฟากใต้ พระบาทสมเด็จ ฯ พระจุลจอม
เกล้ าเจ้ าอยูห่ วั ทรงสร้ างพระราชทาน กรมหมื่นวรวัฒนศุภากรได้ ประทับ
อยูต่ อ่ มาตลอดจนพระชนมายุ
๓๔ วังกรมหมื่นจรัสพรปฏิภาณ
เดิมกรมหมื่นจรัสพร ฯ ประทับอยู่ที่วงั เก่า คือ วังที่ ๑ ริม
สนามวังน่า ครัน้ เมื่อสร้ างถนนราชดําเนิน ที่วงั นันถู
้ กทําถนน
พระบาทสมเด็จ ฯ พระจุลจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั จึงพระราชทานวังใหม่ที่
ริมถนนสามเสนฟากตวันตกตรงข้ ามกับปากถนนใบพร คือถนนอูท่ อง
ในบัดนี ้ กรมหมื่นจรัสพร ฯ ประทับอยูว่ งั นี ้จนตลอดพระชนมายุ
วังสร้ างใหม่สําหรับเจ้ านายในรัชกาลที่ ๔ วังเจ้ านายฝ่ าย
พระราชวังหลวง ๒๘ วัง วังเจ้ านายฝ่ ายพระราชวังบวร ๖ วัง รวม ๓๔
วังด้ วยกันดังพรรณามา
ตอนที่ ๖ ว่ าด้ วยสร้ างวังในรั ชกาลที่ ๕

ในรัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จ ฯ พระจุลจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั ทรง


สร้ างพระราชวังใหม่ในกรุงเทพ ฯ ๒ แห่ง คือพระราชวังดุสิตแห่ง ๑
พระตําหนักพญาไทแห่ง ๑ สร้ างพระราชวังตามหัวเมือง ๖ แห่ง คือ
ในเขตรจังหวัดพระนครศรี อยุธยา ทรงสร้ างพระราชวังบางปอินแห่ง ๑
ในเขตรจังหวัดราชบุรี ทรงสร้ างพระราชวังที่ริมนํ ้าทางฝั่ งตวันตก ตรง
เมืองข้ ามแห่ง ๑ พระราชวังบนเขาสัตนาถแห่ง ๑ ในเขตรจังหวัด
สมุทปราการ ทรงสร้ างพระราชวังจุฑาธุชราชฐานที่เกาะสิชงั แห่ง ๑
ในเขตรจังหวัดระนอง สร้ างพระราชวังรัตนรังสรรค์แห่ง ๑ ในเขตร
จังหวัดเพ็ชร์ บรุ ี ทรงสร้ างพระราชวังที่บ้านปื นแห่ง ๑ กรมพระราชวัง
บวรวิชยั ชาญทรงบุรณะวังในกรุงเทพ ฯ แห่ง ๑ ทรงสร้ างวังตามหัวเมือง
๑ แห่งจะพรรณาเปนลําดับต่อไป
พระราชวังดุสิต
ที่พระราชวังดุสิตเมื่อก่อนจะสร้ างเปนพระราชวังนัน้ เปนที่สวน
ต่อท้ องนาทุง่ สามเสน พระบาทสมเด็จ ฯ พระจุลจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั
เสด็จไปประพาศ ทรงพระราชดําริ ห์วา่ เปนที่เย็นสบายดี จึงโปรด ฯ
ให้ ซื ้อที่ตอนชายทุง่ แล้ วสร้ างพลับพลาขึ ้น เปนที่เสด็จไปประทับแรม
สําราญพระราชอิริยาบถในวันเสาร์ วนั อาทิตย์ปลายสัปดาหะ
พระราชทานนามว่า “สวนดุสิต” ต่อมาเมื่อทรงสร้ างถนน
หนทางขยาย

๘๙
ชานพระนครกว้ างขวางออกไปทังทางด้ ้ านตวันออกด้ านใต้ และด้ าน
เหนือที่สวนดุสิตกลายเปนติดต่อกับบริเวณพระนครไปมาได้ สดวก จึง
ทรงสร้ างเปนพระราชวังที่เสด็จประทับอยูเ่ ปนนิจ เสด็จเข้ ามาประทับที่
ในพระบรมมหาราชวังแต่เปนครัง้ เปนคราว ตังแต่ ้ สร้ างพระราชวังแล้ ว
พระบาทสมเด็จ ฯ พระจุลจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั ก็เสด็จประทับอยูพ่ ระราชวัง
ดุสิตจนตลอดรัชกาล ถึงรัชกาลปั จจุบนั นี ้ก็เปนที่เสด็จประทับต่อมา
พระตาหนักพญาไท
ที่สร้ างพระตําหนักแห่งนี ้เดิมเปนที่สวนริมคลองสามเสนต่อกับท้ อง
ทุง่ พญาไท เมื่อสร้ างพระราชวังดุสิตแล้ วตัดถนน “ซังฮี ้” ซึง่ บัดนี ้
เรี ยกว่าถนน “ราชวิถี” ผ่านไปทางสวนนัน้ พระบาทสมเด็จ ฯ พระ
จุลจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั โปรด ฯ ให้ ซื ้อที่สร้ างสวนผักตอน ๑ ทํานาตอน
๑ แล้ วสร้ างตําหนักสําหรับเสด็จประพาศขึ ้นณที่นนั ้ พระราชทานนามว่า
“ตําหนักพญาไท” ถึงรัชกาลปั จจุบนั นี ้ สมเด็จพระศรี พชั รินทราบรม
ราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพนั ปี หลวง เสด็จออกไปประทับอยูท่ ี่พระ
ตําหนักพญาไทจนตลอดพระชนมายุ เมื่อสมเด็จพระบรมราชินีพนั ปี
หลวงเสด็จสวรรคตแล้ ว พระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยูห่ วั ในรัชกาลปั จจุบนั
นี ้โปรด ฯ ให้ สร้ างพระราชมณเทียรสถานเปนที่เสด็จประทับต่อมา
พระราชวังบางปอิน
พระราชวังนี ้อยูท่ ี่เกาะบางปอินในเขตร์ จงั หวัดพระนครศรี อยุธยา
เดิมพระเจ้ าปราสาททองทรงสร้ างเปนพระราชวังที่เสด็จประพาศ แล้ ว
๑๒

๙๐
พระเจ้ าแผ่นดินพระองค์อื่นก็ได้ เสด็จประพาศต่อมาจนตลอดสมัยกรุงศรี
อยุธยาเปนราชธานี ตังแต่ ้ เสียกรุงเก่าพระราชวังบางปอินเปนที่ทิ ้งร้ างมา
จนถึงรัชกาลที่ ๔ กรุงรัตนโกสินทร พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ า
เจ้ าอยูห่ วั จึงโปรด ฯ ให้ สร้ างเปนที่เสด็จประพาศอิก แต่สิ่งซึง่ สร้ างครัง้
พระเจ้ าปราสาททองปรักหักพังหมดเหลือแต่สระกว้ างเส้ น ๑ ยาว ๑๐
เส้ นสิ่งซึง่ สร้ างขึ ้นใหม่ในรัชกาลที่ ๔ มีแต่พระที่นงั่ (อยูต่ รงพระที่
นัง่ วโรภาศพิมานบัดนี ้) หลัง ๑ พระราชทานนามตามปราสาท
ของเดิมซึง่ พระเจ้ าปราสาททองทรงสร้ าง ว่าพระที่นงั่ ไอสวรรย์ทิพ
อาสน์ กับตําหนักข้ างในอยูข่ ้ างเหนือหลัง ๑ กับพลับพลาโถงที่เกาะ
นอกสําหรับเสด็จประพาศไร่แตงหลัง ๑ พระราชวังที่ปรากฎอยูบ่ ดั นี ้เป
นของพระบาทสมเด็จ ฯ พระจุลจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั ทรงสร้ างใหม่ทงนั ั ้ น้
ด้ วยโปรดพระราชวังนี ้ เสด็จไปประพาศเสมอมิได้ ขาดจนตลอด
รัชกาล มาถึงรัชกาลปั จจุบนั นี ้ก็ยงั เปนที่เสด็จประพาศต่อมา
พระราชวังเมืองราชบุรี
การสร้ างพระราชวังที่เมืองราชบุรี เกิดแต่รัฐบาลประสงค์จะ
ทนุบํารุงหัวเมืองทางฝ่ ายตวันตกให้ เจริญขึ ้น ได้ ขดุ คลองภาษีเจริญเมื่อ
ปลายรัชกาลที่ ๔ แลขุดคลองดําเนินสดวกต่อมาในรัชกาลที่ ๕ ทาง
ไปมาค้ าขายในระหว่างเมืองราชบุรีกบั กรุงเทพ ฯ สดวกขึ ้น สมเด็จเจ้ า
พระยาบรมมหาศรี สรุ ิยวงศ์ ซึง่ เปนผู้สําเร็จราชการแผ่นดินอยูใ่ นสมัย
นัน้ ได้ ไปยังเมืองราชบุรีเนือง ๆ เห็นว่าควรเปนที่เสด็จประพาศอิก

๙๑
แห่ง ๑ ด้ วยเปนที่สบายและไปมาถึงกรุงเทพ ฯ สดวกกว่าที่ประพาศ
เมืองเพ็ชร์ บรุ ี ในรัชกาลที่ ๔ จึงได้ โปรด ฯ ให้ สมเด็จเจ้ าพระยา ฯ กับ
เจ้ าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี ซึง่ ได้ เคยอํานวยการสร้ างพระนคร
คิรีที่เมืองเพ็ชร์ บรุ ี มาด้ วยกัน สร้ างพระราชวังที่เมืองราชบุรี
พระราชวังริมนา้ ที่เมืองราชบุรี
วังนี ้สร้ างตรงที่พลับพลาเดิม อยูท่ างฝั่ งตวันตกตรงเมืองราชบุรี
ข้ าม ได้ ก่อกําแพงล้ อมรอบและสร้ างพระที่นงั่ เปนตึกหลังใหญ่อยูก่ ลาง
หลัง ๑ การค้ างอยู่ ทีหลังโปรด ฯ ให้ ใช้ เปนโรงทหารอยูร่ ะยะ ๑
ครัน้ ย้ ายโรงทหารไปที่อื่น พระราชทานให้ เปนที่สร้ างโรงตํารวจภูธร
ได้ ตงโรงตํ
ั ้ ารวจภูธรอยูณ ่ ที่นนจนบั
ั้ ดนี ้
พระราชวังบนเขาสัตนาถ
พระราชวังนี ้สร้ างบนยอดเขาขนาดย่อมลูกหนึง่ อยูท่ างฝั่ งตวัน
ตก ห่างลํานํ ้าขึ ้นไประยะทาง ๘๐ เส้ น ทําถนนรถและวางรางเหล็ก
สําหรับรถขนของตังแต่้ วงั ริมนํ ้าขึ ้นไปจนถึงเขาสัตนาถ และมีตําหนัก
สร้ างบนยอดเขามอ พ้ นเขาสัตนาถไปอิก ๒ ลูก สําหรับเปนที่ประทับ
ของเจ้ านายที่ไปตามเสด็จ พระบาทสมเด็จ ฯ พระจุลจอมเกล้ า
เจ้ าอยูห่ วั ได้ เสด็จไประทับที่พระราชวังเขาสัตนาถ และเคยเสด็จออก
รับแขกเมืองราชทูตโปรตุเกศเฝ้าณที่นนั ้ แต่ได้ เสด็จไปประทับเพียง
คราวเดียว แล้ วก็ทิ ้งร้ างมาจนบัดนี ้

๙๒
พระราชวังจุฑาธุชราชฐาน
พระราชวังนี ้อยูท่ ี่เกาะศรี ชงั ในทเลอ่าวสยาม เขตร์ จงั หวัดส
มุทปราการ เกาะศรี ชงั นี ้เปนที่เสด็จประพาศมาแต่ในรัชกาลที่ ๔
เพราะเปนระยะที่พกั ทอดเรื อพระที่นงั่ ในเวลาเสด็จประพาศทเล มาถึง
รัชกาลที่ ๕ เมื่อยังมิได้ สร้ างทางรถไฟ แพทย์มกั จะแนะนําให้ คนไข้
ไปพักรักษาตัวหาอากาศทเลบํารุงกําลังที่เกาะศรี ชงั ด้ วยการไปมา
สดวกกว่าที่ชายทเลทางอื่น ๆ ในสมัยนัน้ แม้ สมเด็จ
พระบรมราชินีนาถและสม เด็จพระเจ้ าลูกยาเธอเวลาประชวรก็เสด็จ
ประทับรักษาพระองค์ที่เกาะศรี ชงั เนือง ๆ เพราะเหตุนี ้พระบาทสมเด็จ ฯ
พระจุลจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั จึงโปรด ฯ ให้ สร้ างพระราชวังขึ ้นที่เกาะศรี
ชัง สร้ างเปนตําหนักเครื่ องไม้ เปนพื ้น แต่ตอ่ มามีเรื อพระที่นงั่ มหา
จักรี (ลําเก่า) แล้ ว มักเสด็จประพาศหัวเมืองทางแหลมมลายู หา
ใคร่จะได้ เสด็จประทับที่เกาะศรี ชงั ไม่ ครัน้ มีทางรถไฟการไปมาทาง
อื่นสดวกขึ ้น และที่สดุ ทรงสร้ างพระราชวังดุสิตแล้ ว จึงโปรด ฯ ให้ รือ้
พระที่นงั่ องค์ใหญ่ที่เกาะศรี ชงั ที่ปลูกค้ างอยู่ มาสร้ างเปนพระที่นงั่
วิมานเมฆที่สวนดุสิต แต่นนก็ ั ้ เปนอันเลิกพระราชวังที่เกาะศรี ชงั
พระราชวังรัตนรังสรรค์
พระราชวังแห่งนี ้อยูใ่ นเมืองระนอง เรื่ องตํานานพระราชวังรัตน
รังสรรค์เนื่องด้ วยเรื่ องตํานานเมืองระนอง เดิมเมืองระนองเปนแต่
เมืองขึ ้นของเมืองชุมพร (อย่างอําเภอทุกวันนี ้) เมื่อในชันรั ้ ชกาลที่ ๓
จีนคอซูเจียง ซึง่ ตังค้
้ าขายอยู่ในเมืองตะกัว่ ป่ า ไปพบแร่ดีบกุ ที่
เมือง

๙๓
ระนอง จึงขออนุญาตไปทําเหมืองแร่ดีบกุ ในที่นนั ้ การทําแร่มีผล
เจริญขึ ้น จีนคอซูเจียงก็ไปตังบ้
้ านเรื อนเปนหลักแหล่งอยู่ณเมืองระนอง
ต่อมาได้ รับประทวนครัง้ สมเด็จเจ้ าพระยาบรมมหาประยุรวงศ เมื่อ
ยังเปนเจ้ าพระยาพระคลังที่สมุหพระกลาโหม ตังให้
้ เปนหลวงรัตน
เศรษฐี ตําแหน่งผู้รักษาเมืองระนอง (เท่ากับนายอําเภอทุกวันนี ้) เมื่อ
ตอนปลายรัชกาลที่ ๓ จนถึงรัชกาลที่ ๔ หลวงรัตนเศรษฐี ทนุบํารุงเมือง
ระนองเจริญขึ ้นโดยลําดับ พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั
ทรงพระราชดําริห์เห็นว่ามีบําเหน็จความชอบ อิกประการ ๑ ทรง
พระราชดําริห์วา่ เมืองระนองอยูต่ อ่ แดนอังกฤษ จึงโปรด ฯ ให้ ยกเมือง
ระนองเปนเมืองจัตวาขึ ้นตรงต่อกรุงเทพ ฯ และเลื่อนบันดาศักดิหลวง
รัตนเศรษ ฐี (คอซูเจียง) ขึ ้นเปนพระ ต่อมาถึงตอนปลายรัชกาล
พระราชทานสัญญาบัตร์ เลื่อนขึ ้นเปนพระยารัตนเศรษฐี มาถึงรัชกาลที่
๕ พระยารัตนเศรษฐี (คอซูเจียง) แก่ชรา ขอพระราชทานพระบรม
ราชา นุญาตออกจากตําแหน่งน่าที่ผ้ วู า่ ราชการเมืองระนอง จึงทรง
พระกรุณาโปรดเกล้ า ฯ ให้ เลื่อนบันดาศักดิเ์ ปนพระยาดํารงสุจริ ต
มหิศรภักดี ตําแหน่งจางวางกํากับราชการเมืองระนอง และทรงตังพระ ้
ศรี โลหภูมิพิทกั ษ์ (คอซิมก๊ อง) บุตรพระยาดํารงสุจริ ต ฯ เปนพระยา
รัตนเศรษ ฐี ผ้ วู า่ ราชการเมืองระนองต่อมา
ถึง พ.ศ. ๒๔๓๓ พระบาทสมเด็จ ฯ พระจุลจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั จะ
เสด็จประพาศหัวเมืองปั กษ์ใต้ ฝ่ายตวันตก เปนครัง้ แรกที่จะได้ เสด็จ
ไปถึงเมืองระนอง พระยารัตนเศรษฐี (คอซิมก๊ อง) สร้ างที่ประทับ

๙๔
รับเสด็จที่บนเนินควนอันอยู่กลางเมือง สร้ างล้ วนด้ วยเครื่ องก่อประกอบ
กับไม้ แก่นอย่างมัน่ คง ประสงค์จะถวายเปนราชพลีสนองพระเดช
พระคุณ ซึง่ ได้ ทรงชุบเลี ้ยงสกุลวงศ์มา พระบาทสมเด็จ ฯ พระจุลจอม
เกล้ าเจ้ าอยูห่ วั เสด็จไปทอดพระเนตร์ เห็นดํารัสว่า ทํางดงามมัน่ คง
สมควรจะเปนวังยิ่งกว่าจะเปนพลับพลา จึงพระราชทานนามว่า
“พระราชวังรัตนรังสรรค์” ให้ เปนเกียรติยศแก่เมืองระนองและสกุลของ
พระยารัตนเศรษฐี ด้วย แต่ทรงพระราชดําริห์ว่าที่เมืองระนองนาน ๆ
จะเสด็จประพาศครัง้ หนึง่ วังทิ ้งไว้ เปล่าก็จะชํารุดซุดโซมเสีย จึง
พระราชทานพระบรมราชานุญาต ว่าโดยปรกติให้ ใช้ พระราชวังนันเปน ้
ศาลารัฐบาล และทําการพิธีสําหรับบ้ านเมือง ต่อมีการเสด็จประพาศ
เมื่อใดจึงให้ จดั เปนที่ประทับ พระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยูห่ วั ในรัชกาล
ปั จจุบนั นี ้ได้ เสด็จไปประทับที่พระราชวังรัตนรังสรรค์ เมื่อยังดํารงพระ
ยศเปนสมเด็จพระยุพราชครัง้ ๑ ถึงรัชกาลปั จจุบนั นี ้ก็ได้ เสด็จไปประ
ทับอิกครัง้ ๑
พระราชวังบ้ านปื น
พระราชวังนี ้อยูท่ ี่เมืองเพ็ชร์ บรุ ี สร้ างในตอนปลายรัชกาลที่ ๕
เหตุด้วยพระบาทสมเด็จ ฯ พระจุลจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั เสด็จอยู่ในกรุงเทพ ฯ
ถึงฤดูฝนชุกในเดือนกันยายนมักประชวร ได้ ลองเสด็จ ฯ แปรสถาน
ไปประทับตามหัวเมือง ทรงสําราญที่เมืองเพ็ชร์ บรุ ี จงึ โปรด ฯ ให้ สร้ าง
พระราชวังขึ ้นที่ตําบลบ้ านปื น ริมลํานํ ้าฝั่ งตวันตกทางใต้ เมืองเพ็ชร์ บรุ ี
เพราะพระนครคิรีซงึ่ สร้ างไว้ แต่รัชกาลที่ ๔ อยูบ่ นยอดเขาไม่เหมาะแก่

๙๕
การที่จะเสด็จไปประทับในฤดูฝน แต่การสร้ างพระราชวังที่บ้านปื นเมื่อ
รัชกาลที่ ๕ สําหรับเพียงทําถนนหนทางและปลูกพระตําหนักเครื่ องไม้ เปน
ที่ประทับชัว่ คราว ส่วนพระราชมณเฑียรนันค้ ้ างอยู่ มาสร้ างสําเร็จได้
เสด็จประทับในรัชกาลปั จจุบนั นี ้ และพระราชทานนามว่า “พระราม
ราชนิเวศน์” สืบมา
กรมพระราชวังบวรวิชยั ชาญได้ ทรงสร้ างวัง ๔ แห่ง คือบุรณะ
”วังใหม่” ข้ างเหนือพระราชวังบวร ฯ ที่ได้ พรรณามาในเรื่ องวังครัง้
รัชกาลที่ ๔ นันแห่
้ ง ๑ สร้ างตําหนักเปนที่ประทับที่ริมป้อมเสือซ่อนเล็บ
แขวงจังหวัดสมุทปราการ เมื่อทรงอํานวยการบุรณะป้อมนันแห่ ้ ง ๑ สร้ าง
ตําหนักที่ประพาศณที่นาวังน่า ที่ตําบลบางนาแขวงจังหวัดพระประแดง
แห่ง ๑ ที่ตําบลบางยี่โท แขวงจังหวัดพระนครศรี อยุธยาแห่ง ๑ ตําหนัก
ที่กรมพระราชวังบวรวิชยั ชาญทรงสร้ างตามหัวเมืองล้ วนเปนเครื่ องไม้
ทุกแห่ง ทุกวันนี ้หามีแห่งใดเหลืออยูไ่ ม่
วังเจ้ านาย
วังเจ้ านายสร้ างในรัชกาลที่ ๕ มีมาก เพราะเมื่อพระบาทสมเด็จ ฯ
พระจุลจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ พระเจ้ าน้ องยาเธอ
ยังไม่ได้ ออกวังทังนั ้ น้ ที่มีวงั เตรี ยมไว้ แล้ วก็มี ที่ยงั ทรงพระเยาว์ไม่มี
ที่วงั ก็หลายพระองค์ พระบาทสมเด็จ ฯ พระจุลจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั ได้
ทรงจัดสร้ างวังพระราชทานทุกพระองค์ ส่วนวังพระเจ้ าน้ องยาเธอได้
พรรณาเปนรายวังมาในตอนว่าด้ วยวังพระเจ้ าลูกยาเธอรัชกาลที่ ๔
แล้ วแต่ยงั มีวงั สร้ างใหม่สําหรับเจ้ านายชันอื้ ่นอิก คือเมื่อสร้ างพระราช
อุทยาน

๙๖
สราญรมย์ เขตร์ พระราชอุทยานถูกที่วงั ซึง่ สร้ างครัง้ รัชกาลที่ ๑ ที่ริม
สนามชัยทัง้ ๓ วัง ในขณะนันพระวรวงศ์
้ เธอ พระองค์เจ้ าประดิษฐ
วรการประทับอยูว่ งั เหนือ พระเจ้ าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอมเรนทร
บดินทรประทับอยูว่ งั กลาง พระเจ้ าบรมวงศ์เธอ กรมขุนวรจักรธรานุภาพ
ประทับอยูว่ งั ใต้ พระบาทสมเด็จ ฯ พระจุลจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั จะทรง
สร้ างวังใหม่พระราชทานแทนวังเดิมทัง้ ๓ พระองค์ แต่กรมขุนวรจักร์ ฯ
สมัครจะทรงสร้ างวังโดยลําภังพระองค์ ไปทรงซื ้อที่สวนที่ริมถนนเจริญ
กรุง ตอนนอกพระนครสร้ างวังใหม่ (ที่ริมถนนวรจักร์ บดั นี ้) จึงคง
ต้ องสร้ างวังพระราชทานแต่ ๒ แห่ง โปรด ฯ ให้ จดั ที่สวน (ครัง้ รัชกาล
ที่ ๓) ที่ริมคลอง (ตลาด) คูเมืองเดิมฟากตวันตก ตังแต่ ้ เชิงสพาน
หัวจรเข้ ไปทางใต้ สร้ างเปนวัง
๑ วังสวนหลวง วังเหนือ
เปนวังกรมหมื่นอมเรนทรบดินทร เสด็จประทับอยูจ่ นตลอด
พระชนมายุ
๒ วังสวนหลวง วังใต้
เปนวังพระองค์เจ้ าประดิษฐวรการ ประทับอยูจ่ นตลอด
พระชนมายุ
เมื่อวังทัง้ ๒ นี ้ว่าง จึงโปรด ฯ ให้ สร้ างสถานที่วา่ การกระทรวง
เกษตราธิการในที่นนต่ั ้ อมา.
การสร้ างวังสมเด็จพระเจ้ าลูกยาเธอ และพระเจ้ าลูกยาเธอ ฯ ใน
รัชกาลที่ ๕ ผิดกับรัชกาลก่อน ๆ ด้ วยสมเด็จพระเจ้ าลูกยาเธอและพระเจ้ า
ลูกยาเธอเสด็จไปศึกษาวิชาการณประเทศยุโรปอยูห่ ลาย ๆ ปี แทบทุก

๙๗
พระองค์ การสร้ างวังโปรด ฯ ให้ รอไว้ ลงมือสร้ างต่อเมื่อเสด็จกลับ
ด้ วยพระบาทสมเด็จ ฯ พระจุลจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั มีพระราชประสงค์จะให้
เจ้ าของวังทรงเลือกแบบอย่างตามพอพระหฤทัย ไม่สร้ างเปนวังแบบ
เดียวกันอย่างรัชกาลก่อน ๆ เพราะฉนันวั ้ งสมเด็จพระเจ้ าลูกยาเธอ และ
พระเจ้ าลูกยาเธอในรัชกาลที่ ๕ จึงได้ สร้ างต่อตอนปลายรัชกาลโดยมาก
ที่ยงั ไม่ทนั สร้ างก็มี อิกประการ ๑ ในรัชกาลที่ ๕ พระนครมัง่ คัง่
สมบูรณ์ขึ ้นกว่าแต่ก่อน ที่ในพระนครบ้ านเรื อนยัดเยียดหนาแน่น จึง
โปรด ฯ ให้ ทําถนนขยายเขตร์ พระนครให้ กว้ างขวางออกไปทังทางด้้ าน
เหนือด้ านตวันออกและด้ านใต้ ทรงพระราชดําริห์วา่ ที่ชานพระนครอยู่
เปนผาสุกกว่าในพระนคร วังสมเด็จพระเจ้ าลูกยาเธอและพระเจ้ าลูกยา
เธอในรัชกาลที่ ๕ จึงสร้ างที่ชานพระนครทังนั ้ น้ จะพรรณาต่อไป.
๑ วังสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้ าฟ้ามหาวชิรุณหิศ
เดิมสร้ างวังใหม่ที่ทงุ่ ประทุมวัน “เรี ยกกันว่าวังกลางทุง่ ”
ต่อมามีพระราชประสงค์จะใคร่ให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ เสด็จ
ประทับอยูใ่ กล้ พระองค์ในเวลาทรงศึกษาราชการแผ่นดิน เหมือน
อย่างเมื่อครัง้ พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั เคยโปรด ฯ ให้
พระองค์เสด็จประทับอยูใ่ นพระบรมมหาราชวังเมื่อรัชกาลก่อน จึง
โปรด ฯ ให้ สร้ างพระตําหนักขึ ้นที่โรงแสงเก่า (คือ พระที่นงั่ ภาณุมาศ
จํารูญบัดนี ้) แต่สร้ างยังไม่ทนั แล้ วเสร็จ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช
ฯ สวรรคตเสียก่อน จึงหาได้ ประทับไม่
๑๓

๙๘
๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยู่หัวรั ชกาลปั จจุบันนี ้
เดิมกะจะสร้ างวังที่ริมแม่นํ ้าน่าวัดราชบุรณะ ครัน้ เมื่อเสด็จไป
ศึกษาวิชาการอยูณ ่ ประเทศยุโรป ทรงเฉลิมพระเกียรติยศเปนสมเด็จ
พระบรมโอรสาธิราช เมื่อเสด็จกลับมาจึงโปรด ฯ ให้ ประทับที่
พระราชวังสราญรมย์ แล้ วโปรด ฯ ให้ สร้ างพระตําหนักสวนจิตรลดา
(คือพระตําหนักหลังเหนืออันรวมอยูใ่ นบริเวณสวนปารุสกวันบัดนี )้
พระราชทานเปนที่ประทับที่สวนดุสิตอิกแห่ง ๑ ต่อมาได้ โปรด ฯ ให้
สร้ างวังจันทร์ ที่ริมถนนเบ็ญมาศ (คือถนนราชดําเนินนอกบัดนี ้) ตอน
ต่อกับถนนลูกหลวงเชิงสพานมัฆวานรังสรรค์ เปนที่ประทับสําหรับพระ
เกียรติยศ แต่สร้ างยังไม่ทนั แล้ วสิ ้นรัชกาลที่ ๕ เสด็จเถลิงถวัลยราช
สมบัติ หาได้ ประทับที่วงั จันทร์ ไม่
๓ วังสมเด็จ ฯ เจ้ าฟ้ากรมหลวงนครสวรรค์ วรพินิต
สร้ างวังใหม่พระราชทานที่ริมแม่นํ ้าตําบลบางขุนพรหม จึงเรี ยก
กันว่า “วังบางขุนพรหม” เสด็จประทับอยูณ ่ บัดนี ้
๔ วังสมเด็จ ฯ เจ้ าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ
เดิมกะจะสร้ างวังที่ริมแม่นํ ้า ตรงถนนจักรเพ็ชร์ ตอนน่าวัด
ราชบุรณะ ครัน้ เมื่อเสด็จกลับจากยุโรป โปรด ฯ ให้ สร้ างพระตําหนัก
ปารุสกวัน (คือพระตําหนักหลังใต้ ) พระราชทานเปนที่ประทับในสวน
ดุสิตมาจนตลอดรัชกาลที่ ๕ ถึงรัชกาลปั จจุบนั นี ้ ทรงสมัคจะประทับอยู่

๙๙
ที่พระตําหนักปารุสกวันต่อไป พระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยูห่ วั จึงทรงพระ
กรุณาโปรด ฯ พระราชทาน พระราชตําหนักจิตรลดาเดิมให้ รวมเปนบริเวณ
เดียวกับสวนปารุสกวัน ให้ สมเด็จพระอนุชาธิราช ฯ เสด็จประทับต่อมา
จนตลอดพระชนมายุ.
๕ วังสมเด็จ ฯ เจ้ าฟ้ากรมหลวงนครราชสิมา
เดิมกะที่วงั ที่ริมแม่นํ ้าตอนใต้ ปากคลอง (ตลาด) คูเมืองเดิม
ครัน้ เสด็จกลับจากทรงศึกษาในยุโรป พระบาทสมเด็จ ฯ พระจุลจอมเกล้ า
เจ้ าอยูห่ วั มีพระราชประสงค์จะให้ ทรงศึกษาราชการอยูใ่ กล้ พระองค์ จึง
โปรด ฯ ให้ สร้ างพระตําหนักพักชัว่ คราวพระราชทานที่สวนดุสิต ตรงริม
ถนนใบพร ( คือถนนอูท่ องบัดนี ้) พระราชทานนามที่บริเวณตําหนักนัน้
ว่า “สวนกุหลาบ” เสด็จอยู่มาจนตลอดรัชกาลที่ ๕ ถึงรัชกาลปั จจุบนั
นี ้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้ า ฯ ให้ ขยายเขตร์ ที่สวนกุหลาบกว้ างขวางกว่า
แต่ก่อน และสร้ างพระตําหนักกับท้ องพระโรงเปนเครื่ องถาวร
พระราชทานเสด็จประทับอยู่จนทุกวันนี ้ .
๖ วังสมเด็จ ฯ เจ้ าฟ้ากรมขุนสงขลานครินทร์
พระราชทานที่วงั ริมถนนประทุมวัน (คือ ถนนพระราม ๑ บัดนี ้)
ข้ างฟากเหนือจนตกคลองแสนแสบ ยังกําลังทรงศึกษาณประเทศยุโรป
จึงไม่ได้ สร้ างพระตําหนักจนตลอดรัชกาลที่ ๕
๗ วังสมเด็จ ฯ เจ้ าฟ้ากรมขุนเพ็ชร์ บูรณ์ อินทราไชย
เดิมกะที่จะสร้ างวังริมแม่นํ ้าระหว่างวังสมเด็จ ฯ เจ้ าฟ้ากรมหลวง
พิษณุโลกประชานาถ กับวังสมเด็จ ฯ เจ้ าฟ้ากรมหลวงนครราชสิมา

๑๐๐
ครัน้ เสด็จกลับจากทรงศึกษาในประเทศยุโรปในรัชกาลปั จจุบนั นี ้ ทรง
พระกรุณาโปรดเกล้ า ฯ พระราชทานที่พระราชวังประทุมวันครัง้ รัชกาลที่
๔ ให้ สร้ างวังเสด็จประทับอยูใ่ นบัดนี.้
๘ วังสมเด็จ ฯ เจ้ าฟ้ากรมขุนสุโขทัยธรรมราชา
เดิมกะที่วงั ที่ริมถนนอัษฎางค์ในพระนคร ตอนต่อกับถนนจักร
เพ็ชร์ คือตรงที่ซงึ่ พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ เจ้ าอยู่หวั ได้ ทรงกะว่า
จะสร้ างวังพระราชทานพระบาทสมเด็จ ฯ พระจุลจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั แต่
เดิม และได้ โปรด ฯ ให้ พระยาพิชยั สงคราม (อํ่า) อยูเ่ มื่อในรัชกาล
ที่ ๕ นัน้ ครัน้ เสด็จกลับมาจากทรงศึกษาในยุโรปในรัชกาลปั จจุบนั นี ้
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้ า ฯ พระราชทานที่ให้ สร้ างวังที่ริมถนนสามเสน
ฟากตวันตก ตอนริมคลองสามเสน ใช้ นามวังว่า “วังสุโขทัย”
เสด็จประทับอยูใ่ นบัดนี ้.
๙ วังสมเด็จ ฯ เจ้ าฟ้ากรมขุนลพบุรีราเมศวร์
สร้ างวังใหม่พระราชทานที่ริมถนนลูกหลวงต่อถนนดวงดาว (คือ
ถนนนครราชสิมาใต้ บดั นี ้) เสด็จประทับมาแต่รัชกาลที่ ๕ จนบัดนี ้.
๑๐ วังกรมพระจันทบุรีนฤนาถ
สร้ างวังใหม่พระราชทานที่ริมแม่นํ ้า ใต้ ปากคลองผดุงกรุงเกษม
ซึง่ ออกแม่นํ ้าข้ างเหนือ เสด็จประทับมาแต่รัชกาลที่ ๕ จนบัดนี ้.
๑๑ วังกรมหลวงราชบุรีดเิ รกฤทธิ์
สร้ างวังใหม่พระราชทานที่ริมถนนสามเสนฟากตวันตก ริม
สพานเทเวศรนฤมิตร์ เสด็จประทับอยูว่ งั นี ้จนตลอดพระชนมายุ.

๑๐๑
๑๒ วังกรมหลวงปราจิณกิตบิ ดี
สร้ างวังใหม่พระราชทานที่ริมถนนลูกหลวงต่อกับถนนสามเสนฟาก
ตวันออกที่เชิงสพานเทเวศรนฤมิตร์ เสด็จประทับที่วงั นี ้จนตลอด
พระชนมายุ.
๑๓ วังกรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช
สร้ างวังใหม่พระราชทานที่ริมถนนกรุงเกษม ต่อคลองมหานาค
ฟากเหนือ เสด็จประทับที่วงั นี ้จนตลอดพระชนมายุ.
๑๔ วังกรมหลวงชุมพรเขตร์ อุดมศักดิ์
สร้ างวังใหม่พระราชทานที่ริมถนนลูกหลวง ตอนต่อปากคลอง
เปรมประชากรฟากใต้ เสด็จประทับมาแต่รัชกาลที่ ๕ จนบัดนี ้.
๑๕ วังกรมหลวงกาแพงเพ็ชร์ อัครโยธิน
สร้ างวังใหม่พระราชทานที่ริมถนนหลวงฟากเหนือตอนต่อถนน
บริพตั ร์ เสด็จประทับมาแต่รัชกาลที่ ๕ จนบัดนี ้.
๑๖ วังกรมหมื่นพิชัยมหินทโรดม
เดิมได้ พระราชทานที่สร้ างวังที่ริมถนนกรุงเกษม ตอนต่อถนน
หลานหลวงฟากเหนือ ตรงที่เปนบ้ านเจ้ าพระยาศรี วิไชยชนินทร์ และบ้ าน
พระยาสุริยานุวตั ร์ อยู่บดั นี ้, แต่กรมหมื่นพิชยั ฯ ทรงสมัคจะสร้ างวังที่
บ้ านเจ้ าพระยามหินทรศักดิธ์ ํ ารง เจ้ าคุณตา ซึง่ ได้ ทรงรับมรดก
พระบาทสมเด็จ ฯ พระจุลจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั จึงทรงรับซื ้อที่ ๆ ได้
พระราชทานนันและสร้ ้ างพระตําหนักพระราชทานที่วงั ใหม่ อยูร่ ิมแม่นํ ้า
ข้ างใต้ ตลาดท่าเตียน กรมหมื่นพิชยั ฯ ประทับอยู่ที่วงั นี ้จนตลอด
พระชนมายุ.

๑๐๒
๑๗ วังกรมขุนสิงหวิกรมเกรียงไกร
สร้ างวังใหม่พระราชทานที่ริมถนนกรุงเกษม ตอนต่อกับถนน
หลานหลวงฟากใต้ เสด็จประทับมาแต่รัชกาลที่ ๕ จนบัดนี ้.
๑๘ วังกรมหมื่นสรรควิสัยนรบดี
สร้ างวังใหม่พระราชทานที่ริมถนนพายัพ (คือถนนนครไชยศรี
บัดนี ้) ข้ างฟากใต้ ต่อกับที่ซงึ่ พระราชทาน เจ้ าดารารัศมี พระ
ราชชายา ซึง่ อยูร่ ิมแม่นํ ้า เสด็จประทับอยูว่ งั นี ้จนตลอดพระชนมายุ
๑๙ วังกรมหมื่นไชยาศรีสุริโยภาศ
สร้ างวังใหม่พระราชทานที่ริมถนนลูกหลวง ตอนต่อถนนนคร
สวรรค์ฟากใต้ เสด็จประทับที่วงั นี ้จนตลอดพระชนมายุ
๒๐ วังกรมขุนชัยนาทนเรนทร
ได้ พระราชทานที่สร้ างวังที่ริมถนนหลวงฟากใต้ ตอนตรงกับวัด
เทพศิรินทราวาส ส่วนตําหนักนัน้ เมื่อเสด็จกลับจากทรงศึกษา
ณประเทศยุโรปในรัชกาลปั จจุบนั นี ้ สร้ างเปนตําหนักพักชัว่ คราว ยัง
ไม่ได้ สร้ างตําหนักเครื่ องถาวร
อนึง่ เมื่อพระราชทานที่พระราชวังเดิมให้ เปนโรงเรี ยนนายเรื อใน
รัชกาลที่ ๕ พระองค์เจ้ าและหม่อมเจ้ าในสมเด็จพระเจ้ าน้ องยาเธอ เจ้ า
ฟ้ากรมพระจักรพรรดิพงศจะต้ องย้ ายจากวังนัน้ พระบาทสมเด็จ ฯ พระ
จุลจอมเกล้ าเจ้ าอยู่หวั จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้ า ฯ ให้ สร้ างวังพระราช

๑๐๓
ทานวัง ๖ วัง วังเหล่านี ้หันน่าออกถนนหลวง ๓ วัง หันน่าออก
ถนนดํารงรักษ์ ๓ วัง หลังวังติดกัน
วังที่ ๑ ทางถนนดํารงรักษ์ ฝ่ ายตวันออก พระราชทานกรม
หมื่นอนุพงศ์จกั รพรรดิ์
วังที่ ๒ ทางถนนดํารงรักษ์ อยูก่ ลาง พระราชทานหม่อมเจ้ า
ดนัยวรนุชอยูท่ ี่วงั นี ้จนสิ ้นชีพตักษัย
วังที่ ๓ ทางถนนดํารงรักษ์ ฝ่ ายตวันตก พระราชหม่อมเจ้ าปิ ย
บุตรอยูท่ ี่วงั นี ้จนสิ ้นชีพตักษัย
วังที่ ๑ ทางถนนหลานหลวง ฝ่ ายตวันออก พระราชทานกรม
หมื่นอนุวตั รจาตุรนต์
วังที่ ๒ ทางถนนหลานหลวง อยูก่ ลาง พระราชทานหม่อมเจ้ า
ดรุณวัยวัฒน
วังที่ ๓ ทางถนนหลานหลวง ฝ่ ายตวันตก พระราชทานหม่อม
เจ้ าทศสิริวงศ์
พระองค์เจ้ าในกรมพระราชวังบวรรัชกาลที่ ๕ ได้ ออกวัง ๑๐
พระองค์ กรมพระราชวังบวรวิชยั ชาญประทานวังเก่าบ้ าง เมื่อกรม
พระราชวังบวร ฯ ทิวงคตยังไม่ทนั ได้ ประทานวังเก่าบ้ าง จะกล่าวเป
นรายพระองค์ตอ่ ไป
๑ พระองค์เจ้ าวิลยั วรวิลาศ กรมพระราชวังบวรวิชยั ชาญ
ประทาน “วังใหม่” ครึ่งหนึง่ คือวังเดิมของกรมพระราชวัง ฯ ที่ริม
คลองคูเมืองเดิมฟากเหนือ ประทานพระองค์เจ้ าวิลยั วรวิลาศ ตอน

๑๐๔
ทางตวันออก ประทับอยูท่ ี่วงั นี ้จนจัดซื ้อสร้ างโรงพยาบาลทหารใน
รัชกาลที่ ๕
๒ กรมหมื่นชาญชัยบวรยศ เดิมกรมพระราชวังบวรวิชยั ชาญ
ประทานวังสพานเสี ้ยว วังที่ ๑ (คือที่พระองค์เจ้ านุชประทับอยูแ่ ต่ก่อน)
ต่อมาเมื่อพระองค์เจ้ านันทวันสิ ้นพระชนม์ หม่อมเจ้ าในกรมหมื่นบริรักษ์
นริ นทร์ ฤทธิ์ กับหม่อมเจ้ าในพระองค์เจ้ านันทวันตกลงแลกวังกับกรม
หมื่นชาญชัย ฯ กรมหมื่นชาญชัย ฯ ย้ ายมาประทับที่วงั สนามวังน่า
วังที่ ๒ จนเมื่อจะต้ องการที่ทําถนนราชดําเนิน พระบาทสมเด็จ ฯ พระ
จุลจอมเกล้ าเจ้ าอยู่หวั จึงพระราชทานวังใหม่ที่ริมถนนสามเสนฟากตวัน
ตกตอนใกล้ กบั ถนนซังฮี ้ (คือถนนราชวิถีบดั นี ้) กรมหมื่นชาญชัย ฯ
ประทับอยูท่ ี่วงั นี ้มาจนตลอดพระชนมายุ
๓ กรมหมื่นกวีพจน์สปุ รี ชา พระบาทสมเด็จ ฯ พระจุลจอมเกล้ า
เจ้ าอยูห่ วั พระราชทานที่วงั ที่บ้านลาว หลังวังบูรพาภิรมย์
๔, พระองค์เจ้ าสุทศั น์นิภาธร พระบาทสมเด็จ ฯ พระจุลจอม
เกล้ าเจ้ าอยูห่ วั พระราชทานบ้ านพันเงินซึง่ ตกเปนที่หลวง อยูใ่ กล้ วดั
ราชสิทธารามแขวงจังหวัดธนบุรีเปนที่วงั ประทับอยู่ที่วงั นี ้จนตลอด
พระชนมายุ
๕ พระองค์เจ้ าโอภาสไพศาล อยูว่ งั กรมหมื่นราชศักดิส์ โมสร
สิ ้นพระชนม์เสียก่อนได้ พระราชทานที่วงั
๖ พระองค์เจ้ ารุจาวรฉวี อยูบ่ ้ านพระยาภักดีภบู าล ซึง่ เปนคุณ
ตาที่ตรอกถนนบ้ านตะนาว

๑๐๕
๗ พระองค์เจ้ าวิบลู ย์พรรณรังษี อยูบ่ ้ านพระยาจํานงสรไกร
ซึง่ เปนคุณตา ที่ริมแม่นํ ้าใต้ ตําหนักแพวังน่า จนตลอดพระชนมายุ
๘ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ พระบาทสมเด็จ ฯ พระจุลจอม
เกล้ าเจ้ าอยูห่ วั พระราชทานที่วงั ที่ริมคลองบางกอกใหญ่ฟากใต้ ณตําบล
บ้ านมอญ ในแขวงจังหวัดธนบุรี
๙ พระองค์เจ้ าชัยรัตนวโรภาศ กรมพระราชวังบวรวิชยั ชาญ
ประทาน “วังใหม่” ครึ่งหนึ่ง ตอนออกถนนพระอาทิตย์ ประทับ
อยูท่ ี่วงั นี ้จนตลอดพระชนมายุ
๑๐ พระองค์เจ้ าบวรวิสทุ ธิ์ อยูบ่ ้ านพระยาทิพมณเฑียร ซึง่
เปนคุณตาที่ริมถนนเฟื่ องนคร ตอนตกคลองหลอดฟากใต้ จนตลอด
พระชนมายุ
เรื่ องวังที่สร้ างในรัชกาลที่ ๕ สิ ้นความเพียงเท่านี ้

๑๐๖
สารบานวังเก่ าตามรายพระนามเจ้ านาย
ในรัชกาลที่ ๑
กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท น่า ๑,๑๐,๑๔
กรมพระราชวังหลัง น่า ๑,๑๑
เจ้ าฟ้า กรมหลวงอิศรสุนทร (พระบาทสมเด็จ ฯ พระพุทธเลิศหล้ า
นภาลัย) น่า ๑,๒๐,๒๑
เจ้ าฟ้า กรมหลวงเสนานุรักษ์ (พระบัณฑูรน้ อย) น่า ๒๐
เจ้ าฟ้า กรมหลวงจักรเจษฎา น่า ๑,๑๔
เจ้ าฟ้า กรมหลวงธิเบศรบดินทร น่า๑,๒๑
เจ้ าฟ้า กรมหลวงนรินทรรณเรศร น่า ๑,๑๘
เจ้ าฟ้า กรมหลวงเทพหริ รักษ์ น่า ๒,๑๕
เจ้ าฟ้า กรมหลวงพิทกั ษมนตรี น่า ๒๑,๒๓
เจ้ าฟ้า กรมขุนอิศรานุรักษ์ น่า ๑๙,๒๓
เจ้ าฟ้า กรมขุนกระษัตรานุชิต น่า ๒๔
พระองค์เจ้ ากล้ าย น่า ๒๙
กรมหมื่นอินทรพิพิธ น่า ๒๙
กรมหลวงเทพพลภักดิ์ น่า ๒๖
กรมหมื่นศักดิพ์ ลเสพ (กรมพระราชวังบวร ฯ ในรัชกาลที่ ๓) น่า ๒๕
กรมหมื่นจิตรภักดี น่า ๒๗
กรมหมื่นศรี สเุ รนทร น่า ๒๘
กรมพระอิศเรศร น่า ๒๗
สมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรส ทรงผนวชแต่ยงั ไม่ออกวัง
๑๐๗
กรมหมื่นสุรินทรรักษ์ น่า ๒๓
กรมหลวงพิเศษศรี สวัสดิ์ น่า ๓๐
กรมหลวงรักษรณเรศร น่า ๓๐
กรมหมื่นศรี สเุ ทพ น่า ๒๘
กรมหมื่นณรงคหริรักษ์ น่า ๓๐
กรมหมื่นไกรสรวิชิต น่า ๒๙
ในกรมพระราชวังบวร ฯ รั ชกาลที่ ๑
พระองค์เจ้ าลําดวน น่า ๓๑
พระองค์เจ้ าอินทปั ต น่า ๓๒
พระองค์เจ้ าก้ อนแก้ ว น่า ๓๓
พระองค์เจ้ าช้ าง น่า ๓๒
กรมหมื่นเสนีเทพ น่า ๓๑
พระองค์เจ้ ามัง่ น่า ๓๓
พระองค์เจ้ าสิงหราช สืบไม่ได้ ความ
กรมขุนนรานุชิต น่า ๓๒
พระองค์เจ้ าบัว น่า ๓๒
พระองค์เจ้ าสุก สืบไม่ได้ ความ
พระองค์เจ้ าเพ็ชร์ หงึ สืบไม่ได้ ความ
พระองค์เจ้ านพเก้ า น่า ๓๓
พระองค์เจ้ าเณร สืบไม่ได้ ความ

๑๐๘
ในกรมพระราชวังหลัง
กรมหมื่นนราเทเวศร น่า ๑๓
กรมหมื่นนเรศรโยธี น่า ๑๓
กรมหลวงเสนีบริรักษ์ น่า ๑๓
พระองค์เจ้ าปฐมวงศ์ น่า ๑๓
เจ้ านายนอกพระราชวงศ์
กรมหมื่นนรินทรพิทกั ษ์ น่า ๒,๑๕
พระองค์เจ้ าขุนเณร น่า ๒,๑๙
กรมขุนสุนทรภูเบศร น่า ๒,๑๗
ในรัชกาลที่ ๒
พระบาทสมเด็จ ฯ พระนัง่ เกล้ าเจ้ าอยูห่ วั น่า ๒๔,๓๗
กรมหมื่นสุนทรธิบดี น่า ๓๗,๔๑
กรมหมื่นเสพสุนทร น่า ๓๗,๔๑
สมเด็จกรมพระยาเดชาดิศร น่า ๒๗,๔๑,๔๒,๖๐
กรมพระพิพิธโภคภูเบนทร น่า ๓๗,๓๙
กรมพระพิทกั ษ์เทเวศร น่า ๓๗,๔๐
พระองค์เจ้ าเรณู น่า ๓๗,๔๑
พระองค์เจ้ าอําไพ น่า ๓๗
พระองค์เจ้ าเนียม น่า ๓๗,๓๘
พระองค์เจ้ าขัติยวงศ น่า ๓๗
กรมหลวงภูวเนตรนริ นทรฤทธิ์ น่า ๓๗,๓๙

๑๐๙
กรมหมื่นสนิทนเรนทร น่า ๓๗,๓๘
กรมหลวงมหิศวรินทรามเรศ น่า ๒๘,๓๘
พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั น่า
๒๑,๓๘,๖๒,๖๓,๖๔,
๖๕,๖๖,๖๗,๖๘,๖๙,๙๐
กรมพระเทเวศรวัชรินทร น่า ๔๒,๔๔
กรมหลวงสรรพศิลป์ปรี ชา น่า ๓๘,๔๒
กรมหลวงวงศาธิราชสนิท น่า ๒๒,๔๐,๔๒,๔๓
พระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั น่า ๒๑,๔๓,๖๒,๖๙
กรมขุนสถิตย์สถาพร น่า ๒๗,๔๓
กรมหมื่นถาวรวรยศ น่า ๔๑,๔๓
กรมหมื่นอลงกตกิจปรี ชา น่า ๒๗,๔๓
กรมหลวงวรศักดาพิศาล น่า ๔๓,๔๕
กรมหมื่นภูบาลบริรักษ์ น่า ๔๓,๔๕,๕๙
เจ้ าฟ้าอาภรณ์ น่า ๒๕,๒๖,๔๓
กรมขุนวรจักรธรานุภาพ น่า ๓๐,๓๑,๔๓,๔๖
พระองค์เจ้ าเกยูร น่า ๔๔,๔๕
สมเด็จเจ้ าฟ้า ฯ กรมพระยาบําราบปรปั กษ์ น่า ๒๕,๒๖,๔๔
เจ้ าฟ้าปิ๋ ว น่า ๔๔
ในกรมพระราชวังบวร ฯ รั ชกาลที่ ๒
กรมขุนธิเบศรบวร น่า ๒๐,๔๖
กรมหมื่นอมรมนตรี น่า ๔๖

๑๑๐
กรมหมื่นกระษัตริย์ศรี ศกั ดีเดช น่า ๔๖,๔๗
พระองค์เจ้ าภุมริน น่า ๔๗
กรมหมื่นอมเรศรรัศมี น่า ๔๘
พระองค์เจ้ าเสือ น่า ๔๘
พระองค์เจ้ าใย น่า ๔๘
พระองค์เจ้ ากระต่าย น่า ๔๙
พระองค์เจ้ าทับทิม น่า ๔๘
สมเด็จกรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ น่า ๔๙
พระองค์เจ้ าชุมแสง น่า ๒๘,๔๙
พระองค์เจ้ าสาททิพากร น่า ๔๙,๕๐
กรมหมื่นอนันตการฤทธิ น่า ๒๐,๔๙,๕๐
พระองค์เจ้ าศรี สงั ข์ น่า ๔๘,๔๙
พระองค์เจ้ ารัชนีกร น่า ๔๙,๕๑
พระองค์เจ้ าทัดทรง น่า ๔๙
กรมหมื่นสิทธิสขุ มุ การ น่า ๔๙,๕๐
พระองค์เจ้ าสุดวอน น่า ๔๙,๕๑
ในรัชกาลที่ ๓
สมเด็จ ฯ กรมหมื่นมาตยาพิทกั ษ์ น่า ๕๒,๕๔,๕๖
พระองค์เจ้ าลักขณานุคณ ุ น่า ๒๔,๕๒
กรมหมื่นเชษฐาธิเบน น่า ๕๒,๕๓
กรมหมื่นอมเรนทรบดินทร น่า ๓๐,๕๒,๕๓,๙๖

๑๑๑
พระองค์เจ้ างอนรถ น่า ๕๒,๕๓
กรมหมื่นภูมินทรภักดี น่า ๕๒,๕๔
กรมขุนราชสีหวิกรม น่า ๒๕,๕๕
พระองค์เจ้ าเปี ยก น่า ๕๓,๕๕
กรมหมื่นอดุลยลักษณสมบัติ น่า ๒๕,๕๕,๕๖
กรมหมื่นอุดมรัตนรังษี น่า ๕๔,๕๕,๕๖
พระองค์เจ้ าลํายอง น่า ๕๓, ๕๕
พระองค์เจ้ าเฉลิมวงศ น่า ๕๕,๕๖
กรมหมื่นภูบดีราชหฤทัย น่า ๕๖
กรมขุนภูวนัยนฤเบนทราธิบาล น่า ๕๗
กรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ น่า ๕๔,๕๗,๕๘
กรมขุนเจริ ญผลภูลสวัสดิ์ น่า ๕๗
พระองค์เจ้ าจินดา น่า ๕๗,๕๘
ในกรมพระราชวังบวร ฯ รั ชกาลที่ ๓
พระองค์เจ้ าสว่าง น่า ๓๙,๖๐
พระองค์เจ้ ากําภู น่า ๓๓,๖๐
พระองค์เจ้ าอุทยั น่า ๓๙,๖๐
กรมหมื่นอานุภาพพิศาลศักดิ์ น่า ๖๐,๖๑
เจ้ าฟ้าอิศราพงศ น่า ๑๗,๖๐
พระองค์เจ้ านุช น่า ๔๗, ๖๐
พระองค์เจ้ าแฉ่ง น่า ๓๙, ๖๐
พระองค์เจ้ าเริงคนอง น่า ๓๑, ๖๐
พระองค์เจ้ าอินทวงศ น่า ๖๑
๑๑๒
ในรัชกาลที่ 4
กรมหมื่นมเหศวรศิววิลาศ น่า ๗๒
กรมหมื่นวิษณุนารถนิภาธร น่า ๗๓
พระบาทสมเด็จ ฯ พระจุลจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั น่า ๖๔,๖๖,๖๗,๖๘,
๖๙,๗๓,๗๔,๘๘,๘๙,๙๐,๙๑,๙๒,๙๓,๙๔
พระองค์เจ้ าเสวตรวรลาภ น่า ๗๔
กรมพระนเรศรวรฤทธิ์ น่า ๗๔,๗๗
กรมหลวงพิชิตปรี ชากร น่า ๗๔,๗๗
กรมหลวงอดิศรอุดมเดช น่า ๕๓,๗๔,๗๗,๗๘
กรมหมื่นภูธเรศธํารงศักดิ์ น่า ๓๘,๗๔,๗๘
กรมหลวงประจักษ์ศลิ ปาคม น่า ๕๗,๖๑,๗๔
กรมหลวงพรหมวรานุรักษ์ น่า ๔๕,๗๕,๗๘
กรมหมื่นราชศักดิส์ โมสร น่า ๔๖,๗๕,๗๙
สมเด็จเจ้ าฟ้า ฯ กรมพระจักรพรรดิพงศ น่า ๒๒,๖๕,๗๕
พระองค์เจ้ าอุณากรรณอนันตนรชัย น่า ๗๕
กรมหมื่นทิวากรวงศประวัติ น่า ๕๓,๗๕,๗๙
กรมขุนสิริธชั สังกาศ น่า ๗๕,๗๙
กรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ น่า ๗๕,๘๐
กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ น่า ๗๕
พระองค์เจ้ ากาพย์กนกรัตน น่า ๗๕,๘๐
สมเด็จกรมพระยาเทวะวงศวโรปการ น่า ๕๖,๗๕,๘๐

๑๑๓
สมเด็จเจ้ าฟ้า ฯ กรมพระยาภาณุพนั ธุวงศวรเดช น่า ๖๕,๗๖,๘๑
สมเด็จกรมพระยาวชิรญาณวโรรส น่า ๗๖,๘๑
กรมพระสมมตอมรพันธุ์ น่า ๗๖, ๘๑
กรมหมื่นวิวิธวรรณปรี ชา น่า ๗๖,๘๑
กรมหมื่นพงศาดิศรมหิป น่า ๗๖, ๘๒
กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ น่า ๗๖,๘๒
กรมพระดํารงราชานุภาพ น่า ๗๖, ๘๒
พระองค์เจ้ าศรี เสาวภางค์ น่า ๗๖
กรมขุนพิทยลาภพฤฒิธาดา น่า ๗๖,๘๒
สมเด็จเจ้ าฟ้า กรมพระนริศรานุวตั ิวงศ น่า ๒๕,๗๖
กรมขุนมรุพงศสิริพฒ ั น์ น่า ๗๖,๘๒,๘๓
กรมหลวงสวัสดิ์วตั นวิศิษฎ์ น่า ๗๖,๘๓
กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย น่า ๗๖,๘๓
ในพระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ าเจ้ าอยู่หัว
กรมพระราชวังบวรวิชยั ชาญ น่า ๘๓,๘๕,๙๕
พระองค์เจ้ าสุธารส น่า ๓๒, ๘๓
กรมหมื่นพิศาลบวรศักดิ์ น่า ๖๑,๘๔
พระองค์เจ้ าภาณุมาศ น่า ๗๐,๘๔
กรมหมื่นบริ รักษ์ นริ นทรฤทธิ์ น่า ๘๔,๘๖
พระองค์เจ้ าเบญจางค์ น่า ๗๐, ๘๔

๑๑๔
พระองค์เจ้ าชายยุคนุ ธร น่า ๗๐,๘๔
พระองค์เจ้ ากระจ่าง น่า ๗๐,๘๔
พระองค์เจ้ าโตสินี น่า ๘๔,๘๖
กรมหมื่นวรวัฒน์สภุ ากร น่า ๘๔,๘๗
พระองค์เจ้ านันทวัน น่า ๓๒,๘๕
พระองค์เจ้ าพรหเมศ สืบไม่ได้ ความ
กรมหมื่นจรัสพรปฏิภาณ น่า ๓๒,๘๕
พระองค์เจ้ าสนัน่ น่า ๘๕
ในรัชกาลที่ ๕
กรมพระจันทบุรีนฤนาถ น่า ๑๐๐
กรมหลวงราชบุรีดเิ รกฤทธิ น่า ๑๐๐
กรมหลวงปาจิณกิติบดี น่า ๑๐๑
กรมหลวงนครไชยศรี สรุ เดช น่า ๑๐๑
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้ าฟ้ามหาวชิรุณหิศ น่า ๙๗
กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ น่า ๑๐๑
พระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยูห่ วั รัชกาลปั ตยุบนั น่า ๖๕,๘๙,๙๐,๙๔,
๙๕,๙๘
สมเด็จเจ้ าฟ้า ฯ กรมหลวงนครสวรรควรพินิต น่า ๙๘
กรมหลวงกําแพงเพ็ชรอัครโยธิน น่า ๑๐๑
กรมหมื่นพิชยั มหินทโรดม น่า ๑๐๑
สมเด็จเจ้ าฟ้า ฯ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ น่า ๙๘

๑๑๕
สมเด็จเจ้ าฟ้า ฯ กรมขุนลพบุรีราเมศวร์ น่า ๑๐๐
กรมขุนสิงหวิกรมเกรี ยงไกร น่า ๑๐๒
กรมขุนสรรควิสยั นรบดี น่า ๑๐๒
กรมหมื่นไชยาศรี สรุ ิโยภาศ น่า ๑๐๒
กรมขุนชัยนาทนเรนทร น่า ๑๐๒
สมเด็จเจ้ าฟ้า ฯ กรมหลวงนครราชสีมา น่า ๙๙
สมเด็จเจ้ าฟ้า ฯ กรมขุนสงขลานครินทร น่า ๙๙
สมเด็จเจ้ าฟ้า ฯ กรมขุนเพชรบูรณ์อินทราไชย น่า ๖๔,๙๙
สมเด็จเจ้ าฟ้า ฯ กรมขุนสุโขทัยธรรมราชา น่า ๑๐๐
ในกรมพระราชวังบวร ฯ รั ชกาลที่ ๕
พระองค์เจ้ าวิลยั วรวิลาศ น่า ๘๖,๑๐๓
กรมหมื่นชาญชัยบวรยศ น่า ๓๒,๔๗,๑๐๔
กรมหมื่นกวีพจนสุปรี ชา น่า ๑๐๔
พระองค์เจ้ าสุทศั น์นิภาธร น่า ๑๐๔
พระองค์เจ้ าวรวุฒิอาภรณ์ น่า ๖๑
พระองค์เจ้ าโอภาสไพศาลรัศมี น่า ๑๐๔
พระองค์เจ้ ารุจาวรฉวี น่า ๑๐๔
พระองค์เจ้ าวิบลู ยพรรณรังษี น่า ๑๐๕
กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ น่า ๑๐๕
พระองค์เจ้ าชัยรัตนวโรภาส น่า ๘๖, ๑๐๕
พระองค์เจ้ าบวรวิสทุ ธิ น่า ๑๐๕

๑๑๖
พระองค์ เจ้ าหลานเธอ ที่ได้ รับวังมรดก
กรมหมื่นนรินทรเทพ น่า ๑๖,๕๙
กรมหมื่นนเรนทรบริรักษ น่า ๑๖,๕๙
กรมหมื่นเทวานุรักษ น่า ๑๙
กรมหมื่นปราบปรปั กษ น่า ๒๖
พระองค์เจ้ าประดิษฐวรการ น่า ๓๐,๙๖
พระองค์เจ้ าชิดเชื ้อพงศ์ น่า ๓๙
พระองค์เจ้ าสิงหนาท น่า ๔๐
พระองค์เจ้ าวัชรี วงศ์ น่า ๔๔
พระองค์เจ้ าวัฒนา น่า ๕๐
พระองค์เจ้ ามงคลเลิศ น่า ๕๔
กรมหมื่นนฤบาลมุขมาตย์ น่า ๕๕
พระองค์เจ้ าอลังการ น่า ๗๔
พระองค์เจ้ าธานีนิวตั ิ น่า ๘๒
พระองค์ เจ้ าและหม่ อมเจ้ าหลานเธอในรัชกาลที่ ๕ ซึ่งได้ พระราชทาน
วัง
กรมหมื่นอนุพงศ์จกั รพรรดิ น่า ๑๐๓
กรมหมื่นอนุวตั รจาตุรนต์ น่า ๑๐๓
หม่อมเจ้ าดนัยวรนุช น่า ๑๐๓
หม่อมเจ้ าดรุณวัยวัฒน์ น่า ๑๐๓
หม่อมเจ้ าทศสิริวงศ์ น่า ๑๐๓
หม่อมเจ้ าปิ ยบุตร น่า ๑๐๓

You might also like