Professional Documents
Culture Documents
X-Map Parasitology - Aimmunoglobulin
X-Map Parasitology - Aimmunoglobulin
X-Map Parasitology - Aimmunoglobulin
Parasitology
** Entamoeba coli มีขนาดใหญ่กว่า Histolytica นิดนึง ; มี Life cycle เหมือนกัน
-> อยู่ Commensalism ใน Colon lumen เฉยๆ
Chromatid bar Nuclei
Entamoeba histolytica มี 3 รูปร่าง
Trophozoite = ระยะที่โตเต็มที่และ จะพบแค่รูปนี้ใน Tissues
การเคลื่อนที่จะใช้การคลานเป็นหลัก ไม่ได้เคลื่อนแบบ Free-swimming
ต้องจับกับ Substrate ซักอย่างถึงจะเคลื่อนตัวได้
Motility จะลดลงที่อุณหภูมิตํ่า ๆ
Cytoplasm จะมี Phagocytosed RBC
เป็นลักษณะเฉพาะของตัวนี้ เจอ Phag rbc = E. histolytica ทันที ***
ระยะนี้ไม่สามารถเป็นตัวแพร่เชื้อได้ Trophozoite Late - Precystic stage
ออกมาเจออุณหภูมิทั่วไปภายนอกก็ตายแล้ว
ไม่สามารถทนกรดในกระเพาะอาหารได้ = โดนย่อยตายห่าหมด
Precystic stage
จะสร้าง Cyst ภายใน Intestinal lumen เท่านั้น Trophozoite จะขับ Food vacuole ออกไป
เหลือเพียง Chromatid bar + Glycogen mass ไว้
Cystic stage
Glycogen mass จะถูกดูดหายไป
Nucleus จะเข้าสู่ 2x Mitotic division = 4 Nuclei ใน 1 Cyst ( Quadrinucleate ) Cystic stage
มีการสร้าง Cyst wall ที่แม่งจะทนกับสภาพแวดล้อม + กรดในกระเพาะอาหาร = เลยถ่ายทอดที่ตรงนี้ไง
Intestinal amoebiasis
เกิดได้ค่อนข้างน้อยเพราะปกติแล้ว 90% จะ Asymptomatic = เป็นพาหะของเชื้อ ยังไงก็อันตรายอยู่ดี
Trophozoite จะทะลวงเข้าไปใน Simple columnar epithelium ของ Crypts of lieberkuhn of COLON
ใช้ Histolysin ( Lytic enzmye ) ย่อยผนังพาเข้าไป
การทะลวงนี้แหละทําให้เกิดแผลใน Colon
หากเจาะลึกลงไปถึง Submucosa จะทําให้เกิดเป็นฝี ( ปกติจะไม่ลงไปลึกกว่านี้ )
ส่วนใหญ่จะลงใน Caecum และ Sigmoido-rectal region ของ Colon
สุดท้ายแผลจะบวมเป็น Nodules และแตกออก มาเป็นสารสีนํ้าตาล + Trophozoites
อุจจารระจะกลิ่นแรง + สีนํ้าตาลดํา Charcot-Leyden Crystal
มี RBC ในขี้ติดมาด้วย พบในคนป่วยเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้
มักพบ Charcot-Leyden Crystal ** หรือมี Parasite infection เกิดขึ้นในร่างกาย
Extraintestinal amoebiasis
Hepatic amoebiasis : เกิดได้หาก E. histolytica รุกราน colon บ่อยๆ จนสารพิษส่งไปถึง Liver -> เกิดดีซ่านได้หากมันรุกรานไปที่ Biliary tract
Pulmonary amoebiasis : เกิดได้จากการส่งสารทางเลือดจากตับ -> ปอดขวามักโดนก่อนเพราะอยู่ใกล้ตับที่สุด
Metastatic amoebiasis : ผ่านระบบนํ้าเหลืองไปเข้า ไต สมอง ม้าม
Cutaneous amoebiasis : ผ่านไปถึงผิวหนังได้
Genitourinary amoebiasis : ผ่านการเยตูด หรือดูดตูด ระหว่างการเย
Medicines
Luminal รักษาโดย Paramomycin ( เป็น Antinbiotic ชนิดนึง )
ทํางานโดยไปยับยั้ง 16s rRNA ของเชื้อ ( Ribosomal RNA ) = Ribosome จับกับ mRNA ไม่ได้ก็ไม่เกิด Translation
Lumi+Tiss รักษาโดย Metronidazole = ยับยั้งการสังเคราะห์ Nucleic acid ในเซลล์ของเชื้อโรค
June 28, 2018
Protozoa แดกสมอง
Naegleria fowleri
เป็น Thermophilic amoeba ; อยู่ในนํ้าอุ่น = พบบ่อยในฤดูร้อน
Trophozoite stage
Amoeboid form : เข้าสมองคนใน Form นี้
Flagellate form : เป็น Biflagellate , ใช้ในการแพร่กระจายตัวเองในนํ้า
ทั้งสองร่างนี้กสามารถกลับไปมาได้ ก่อนเข้าสมองจะแปลงกลับเป็น Amoeboid ก่อน
Cyst stage : เข้าเมื่ออยู่ในสภาวะที่ไม่เหมาะสม
ก่อให้เกิด Primary amoebic meningo encephalitis ( เนื้อเยื่อสมองและเยื่อหุ้มสมองอักเสบ )
ส่งผลให้ Nerve 3,4,6 เป็นอัมพาต = ขยับตาไม่ได้
Diagnosis
ศึกษา CSF ; อาจพบเชื้อ และ มี Neutrophil มากเป็นพิเศษ
Falciparum
ในตับจะไม่มีระยะ Hypnozoites
Ring จะไปติดกับขอบเซลล์เรียก Accole
อาการรุนแรงที่สุด
ในอวัยวะ
Binucleate ring ที่เป็นรูป Stereo headphones ก็มี
ระยะ Schizonts จะไม่ค่อยเห็นใน Blood ละเพราะเข้าไป Capp bed
แต่ถ้าเห็นแสดงว่าติดเชื้อรุนแรง ( ลางตาย )
RBC ในระยะนี้จะมีตุ่มโหนกออกมา = เต็มไปด้วย Erythrocyte membrane adhesive protein ( MP1 ) = ไปเกาะติดกับ Receptor ของเยื่อ Capp , Venules ( เกิด Blockage ได้ )
Infected RBC ยังไปยึดติดกับ uninfected RBC ไว้อีก ทําให้เกิดการ Block circulatory flow ภายในอวัยวะต่างๆ ( Brain , Kidney , Heart etc. )
เรียกกระบวนการยึดติดกันทั้งหมดนี้ว่า Cytoadherence
RBC ที่ติดเชื้อจะยังมีจุดสีแดงติดด้วย เรียกว่า Maurer's dot = Haemozoin pigment
มี Gametocytes รูปร่างคล้ายเคียว ( Sickle ) และถือเป็นลักษณะเฉพาะ
-> ระยะนี้อยู่ใน Circulation ได้นานกว่า Species อื่นอีกด้วย
Malariae
เชื้อจะออกไม่รุนแรง แต่ว่าอยู่ใน Systemic circulation แบบ Undetected ได้นานมาก ( 50+ years ) = แต่ออกอาการได้ถ้าระบบ Immune อ่อนตัวลง
มาถึงก็ไม่พูดมาก ไม่มี Hypnozoites เลย เอะอะก็แบ่งตัวเลยอย่างเดียว
RBC trophozoites คล้าย Vivax แต่หนากว่า พอนานๆ ไปสามารถกลายเป็นรูปร่าง Band ยาวๆ ได้ ( ลักษณะเฉพาะ )
Schuffner's dot
Early ring Late ring Laet schizonts Gametochytes
Pathogenesis
เกิดสภาวะโลหิตจางจาก
อาการเกิดจาก Host's reaction ต่อ Erythrocytic schizogony = เกิด Hemolysis
Erythropoiesis activity ใน BM ลดลงเพราะร่างกายไม่สามารถ Recycle เหล็กที่ปนเปื้อน Hemozoin pigments
Falciparum ทําให้ Blood flow ในสมองติดขัดได้ ( จาก Cytoadherence ) = เกิดการขาด Oxygen + เลือดคั่งในสมอง
Spleen , Kidney glomeruli , Liver parenchyma ติด Haemozoin pigments
Clinical features
ช่วงที่เกิด Erythrocytic schizogony = จะมี 3 Stages
Merozoites เข้าไป RBC อื่นต่อรอเข้า Cycle เดิมใหม่
Recrudescence - การระบาดใหม่
หลังจาก First attack - มักจะมีระยะพักที่ไม่มีอาการของโรคตามมา
เกิดจากParasites จะสิงอยู่ใน RBC ต่อไป ในระดับที่ตํ่ากว่า Fever threshold , Schizogony จนมากพอที่จะทําให้เกิน Threshold - เกิด 2nd Attack ( ~ 8 weeks )
บางตัว เช่น Malariae เกิดยาวได้ตลอด 1-2 ปีเลย เว้น Malariae แม่งอยู่ทนได้เกิน 50 ปีอีก
Relapse - การกําเริบใหม่
เกิดในพวก Vivax กับ Ovale = เกิดจากการตื่นตัวของ Hypnozoites ไปทําให้เกิด Malarial attack นั่นแหละ ( 6 เดือน - 5 ปี หลังจาก 1st attack )
Treatment
Chloroquine
ปกติ Hb จะถูกใช้แค่ Amino acids ส่วน Heme จะไม่ได้ใช้
Heme มี Porphyrin ring = Fe(II)-Protoporphyrin IX ring ( หากปล่อยไว้เฉยๆ จะอันตรายเพราะทําลาย Cell ได้)
Plasmodium เลย Crystalize Heme ไว้ให้กลายไปเป็น Hemozoin pigment
ไปยับยั้งการสร้าง Hemozoin pigment ( Heme biocrystallization ) ; ทําให้ heme มีเหลือเพิ่มในเซลล์
แล้วก็ไปสร้าง Complex กับ Prophyrin ring ของ Heme ต่อ ( Chloroquine-FP complex ) = เป็น Toxic ต่อ Cell membrane
สุดท้าย Chloroquine-FP complex กับ FP จะทําให้ Parasite lysis ตายไปพร้อมกับ RBC นั้น
Primaquine
ไปทําลายเชื้อ Hypnozoites ในตับของ Vivax , Ovale = กันการเกิด Relapse
June 28, 2018
The Worms
Diphyllobothrium latum
ตืดปลานั่นแหละ แต่ถ้าเข้ามาถึงคนจะถือเป็น พยาธิตัวตืดที่ยาวที่สุดที่อยู่ในลําใส้เล็กคน
ถ้าได้รับไข่มา ไข่ไม่เป็นอันตรายต่อคน แต่ถ้ารับ Larva มา ( จากปลา ) อันนี้อะติดเชื้อแน่นอน = เกิด Diphyllobothriasis
อาการหลักๆ คืออ่อนแอ นํ้าหนักตัวลด และขาด Vit B-12 เพราะมันไปแย่งดูดตัวนี้ -> นําไปสู่โลหิตจาก ( Bothriocephalus anemia )
Taenias ทั้ง Saginata + Solium อาศัยหลักๆ อยู่ที่ Jejunum ของคน
Morpholgical differences = Solium จะมี Rostellum ในขณะที่ Saginata ไม่มี ( Unarmed Tape worm )
ไข่ของ Saginata จะเป็นอันตรายต่อพวกวัวเท่านั้น ไม่มีผลต่อคน Solium ส่งผลทั้งหมูและคน
Saginata มี Larva = Cysticercus bovis , Solium = Cysticercus cellulosae
Cysticercus คือ Vesicle ที่มี Worm อยู่ข้างใน [ ไม่ใช่ไข่นะเว้ย ]
Cysticercus Sag.
ไข่ Egg ---> Cysticercus ----> Mature worm
Saginata ติดเชื้อโดยการที่ คนกิน Cysticercus bovis ที่ติดเนื้อเข้าไปเท่านั้น Sol.
อยู่ที่ไหนเข้าคนได้แค่ตรงนั้นเท่านั้น
Solium
กิน Cysticercus cellulosae ของ Solium ไม่มีผลต่อตัวเรา แดกเข้าไปแล้วมันจะโดนย่อยในกระเพาะ
ติดได้จาก กินไข่ เข้าไป + Autoinfection โดยการเผลอแดกขี้ตัวเอง หรือ Reverse peristalsis ของลําไส้
Intestinal Taeniasis = นํ้าหนักลด ± ท้องเสีย คลื่นไส้อาเจียน
Cysticercosis เกิดจากไข่ที่กินเข้าไปพัฒนาไปเป็น Larvae
ไปโผล่ได้ตามอวัยอวะต่างๆ ของร่างกาย จากการที่ Larvae เข้า Blood streams ไป
ผลที่ตามมาคือ Immune reaction โดย +Neutrophils , Eosinophils เข้าไปรุม = เกิด Cell death ของ Larva และเกิด Calcification
ลามไปถึงสมอง = Neurocysticercosis ได้ ลามไปถึง Vitreous humor = Ocular cysticercosis ได้
Diagnosis แยกโดยใช้ Proglottids , Scolex
Stool examinaion = Taenia eggs identifying [ แยก Species ยังไม่ได้ ]
Treatment
กรณีจะฆ่าตัว Mature cestodes
Praziquantel = ทํยาจะถู าให้ Cestodes เสียความสามารถในการทน Digestive enzyme ไป
ก Absorbed เข้าไปผ่านตับ และส่งเข้าลําใส้เล็กผ่านนํ้าดี
Niclosamide = ยับยั้ง Glucose uptake ของพยาธิ , Cellular metabolism ของ Tapeworm
กรณี Cysticercosis
วิธีที่ดีที่สุดคือตัดชินเนื้อออกไป แบ่งเซลล์ไม่ได้ , Intracellular transport ก็ถูกยับยั้ง
ให้ Praziquantel ร่วมกับ Albendazole ร่วมกับ Corticosteroids
Albendazole = ไปจับกับ Colchicine-sensitive site ของ Beta-Tubulin ---> ทําให้ไม่เกิด Polymerization เป็น Microtubule ได้ จับ B-tubulin ของ Parasites ได้ดีกว่าของมนุษย์
= ไปยับยั้ง Malate dehydrogenase ของ Kreb's cycle ของ Parasite = สุดท้ายมันจะตายเพราะสร้างพลังงานได้ไม่พอ
Corticosteroid ( Mineral , Glucocorticoids ) = ให้ไปเพื่อลดการอักเสบจาก Cysticercus ที่ตาย
Echinococcus granulosus ตืดหมา แต่สามารถมาถึงคนได้ ถ้ามาถึงวงจรจะจบลงที่คน
สามารถทําให้เกิด Hydatid cyst ขนาดใหญ่ได้ ( Mostly ลงในตับ ) ภายใน Cyst จะมี Hydatid fluid
FluKes
Blood flukes = เกิด Schistosomiasis
ตัวเมียจะอยู่สิงกับตัวผู้ที่ใหญ่กว่าในร่อง Gynecophoric canal
Schistosoma haematobium
ไข่จะมีเอกลักษณ์ที่ Terminal spine = ใช้แทงผ่าน walls เส้นเลือด
สุดท้ายจะไปโผล่ลงกลาง Urinary bladder = ส่งออกผ่านฉี่
ไข่จะพัฒนาไปเป็น Ciliated miracidium ไปเข้าหอยทาก
ออกมาจากหอยในสภาพ Fercocercous cercaria ( มี Forked tail ) = อยู่ในนํ้าชอนผิวหนังทางเท้าหรือมือก็ได้ ( ใช้ Lytic substance )
เข้า Venules -> Venacava -> Heart -> Lung -> Heart -> Liver( จะพัฒนาเป็นตัวเต็มวัยในนี้ )
จากนั้นจะออกมาจะวางไข่ใน Vesical + Pelvic venous plexuses
Clinical features
ตอนแรกๆ = เกิด Cercarial dermatitis บริเวณที่โดนชอนไช
ตามมาด้วย Leucocytosis ( WBC เพิ่มสูง ) , Eosinophilia ( Ephil สูง )
ตอนช่วงวางไข่ = เริ่มฉี่บ่อย , มีเลือดมาด้วย ( Bladder wall อักเสบ )
ตอนช่วงเรื้อรัง = มีนิ่ว ± มะเร็งใน Urinary bladder
Schistosoma mansoni นับว่าเป็นตัวก่อมะเร็งเลย
อยากเจอเชื้อให้หาที่ Inferior mesenteric vein
ไข่ของมันจะออกเป็น Lateral spine ไม่ใช่ Terminal spine
หอยทากที่มันอาศัยคือ Genus Biomphalaria
Eggs
Hookworms
Ancylostoma duodenale
มักอยู่ใน Jejunum > Duodenum
ตัวผู้จะมี Copulatory bursa , Spicule ในขณะที่ตัวเมียไม่มี
Fertilized egg จะเริ่มแบ่งตัวตั้งแต่อยู่ในลําใส้ เมื่อออกไปข้างนอกก็จะมี 4-8 Blastomeres แล้ว
ไข่ที่เพิ่งออกมาจากขี้ จะไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ เพราะตัวที่ติดต่อคือ Larva
ไข่จะฟักออกมาเป็น Rhabditiform larva = แดก Bacteria + สารอาหารบนดินเป็นอาหาร
มันจะลอกคราบสองรอบในวันที่ 3 , 5 หลังจากฟักออกไข่ = ให้กลายเป็น Filariform larva
Filariform larva จะชี้หัวขึ้นมาจากดินรอเหยื่อมาเหยียบ ( แต่ตายด้วยแสงแดด , ความแห้ง , นํ้าเกลือ )
แทงเข้าผ่านผิวหนังเท้า หรือผิวหนังมือ เฉพาะตัวนี้ ** แม่งติดต่อผ่านรก , นํ้านมได้ด้วยไอ่เชี่ย
ผ่านหัวใจ ปอด esophagus ( จังหวะเคลื่อนตัวตรงนี้จะ ลอกคราบครั้งที่ 3 )
พอลงไปถึง Small intestine ก็จะลอกคราบครั้งที่ 4 , 5 เพื่อพัฒนา Buccal capsule ใช้ยึดกับลําใส้ ( โตเต็มที่ )
จะไม่มี Cell division = เพิ่มจํานวนด้วย Sexual reproduction เท่านั้น
Necator americanus ไข่ของมันจะเหมือนของ Duodenale และก็มี Life cycle พอๆ กันเลย
จะมีขนาดเล็กกว่า ออกไข่น้อยกว่า มีอายุยืนยาวกว่า ตัวเมียไม่มี Caudal spine
Diagnosis ดูดูจจากเลืากไข่อใดจะเจอ
นขี้เลย จํานวนไข่ในขี้ ~ ความรุนแรงของการติดเชื้อ
Microcytic Hypochromic anemia และ Eosinophilia
ปวดกระเพาะหนัก อ้วก ท้องเสีย ขี้สีแดงไม่ก็ดํา
เริ่มหายใจไม่ค่อยออก , มึนเมา , ตัวซีด
Treatment ใช้ Albendazole - จับ Colch BS. ของ B-Tubulin
Ancylostomiasis + Necatoriasis
June 28, 2018
Roundworm
อยู่ใน Jejunum เป็นส่วนใหญ่
Ascaris lumbricoides
ไข่มีสองประเภท โดยไข่ที่ถูก Fertilized เท่านั้นถึงจะเป็นอันตราย ไข่ที่ไม่ถูกผสมจะไม่เป็นอันตราย = ติดเชื้อโดยกินไข่เข้าไป ( เด็กแดกขี้ตัวเองก็แดกไข่ )
Treatment
Diethylcarbamazine ( DEC )
ไม่ได้ฆ่าเชื้อโดยตรงแค่ ทําให้มัน metabolize Arachidonic acid ไม่ได้
อ่อนแอ + โดนแดกโดย Immune ได้ง่ายขึ้น แต่ไม่ได้ฆ่าทันที
Multinucleate
June 28, 2018
Helicobacter pylori
เคลื่อนที่ด้วย Flagella 6 เส้น
หลบ HCl โดยการใช้ Flagella มันมุดเข้าไปใต้ชั้น Mucous ( หนีโดย Chemotaxis - มันสัมผัส low pH ได้ )
บางทีก็สามารถเข้าไปติด Epithelium ได้ ( ใช้ Adhesins ) เผลอๆ เข้าไปอยู่ใน Stomach epithelium เลย
สามารถทําลายความเป็นกรดที่จะเข้ามาหามันได้ด้วย Urease
สลาย Urea ใน Stomach เป็น CO2 + NH3 = สะเทินกรดรอบๆ บริเวณของมัน
หากขาด Urease ไป มันจะไม่สามารถ Colonize stomach ไว้ได้เลย
ไอ่ NH3 ที่มันสร้างมานี่แหละเป็น Toxic ต่อ Epithelial cells
มันยังสร้างพวก Protease ไปทําลาย Tight junction ของ Epithelium + ส่งเสริม Apoptosis
สร้างสาร Cytotoxin ไปทําให้เกิดการอักเสบของกระเพาะอาหาร
การอักเสบทําให้ G cells สร้าง Gastrin มากขึ้น = กรดก็หลั่งมามากขึ้น
เมื่อกรดมากเกินไปก็จะเอาชนะ Mucous layer ที่คอยปกป้องเนื้อเยื่อเราเอาไว้ได้
Treatment
Omeprazole = ไปยับยั้ง H+ pump ของ Parietal cells
Clarithromycin = ยับยั้ง Protein sysnthesis ของเชื้อโดย จับกับ 23s rRNA ของ 50s subunits