Professional Documents
Culture Documents
ใบความรู้ที่เลขยกกำลังและกรณฑ์
ใบความรู้ที่เลขยกกำลังและกรณฑ์
ทฤษฏีบท 1 ถ้า a เป็ นจานวนจริ งใด ๆ และ m,n เป็ นจานวนเต็มบวก แล้ว
a m a n a m n
ทฤษฎีบท 2 ถ้า a เป็ นจานวนจริ งใด ๆ และ m,n เป็ นจานวนเต็มบวก แล้ว
a m n a mn
ทฤษฎีบท 3 ถ้า a,b เป็ นจานวนจริ งใด ๆ และ n เป็ นจานวนเต็มบวก แล้ว
abn an bn
ทฤษฎีบท 5 ถ้า a เป็ นจานวนจริ ง และ a o และ m,n เป็ นจานวนเต็มบวก แล้ว
am am
กรณี ที่ 1 ถ้า m = n แล้ว 1
an am
a m m n
กรณี ที่ 2 ถ้า m > n แล้ว m – n เป็ นจานวนเต็มบวก แล้ว n a
a
am 1
กรณี ที่ 3 ถ้า m < n แล้ว n – m เป็ นจานวนเต็มบวก แล้ว n nm
a a
ตัวอย่างที่ 1 (1) a 3 b 4 c 2 a 2 c 5 a 5 b 4 c 7
a7b4 a7 b4
(2) 2 3 2 3 a 7 2 b 4 3 a 5 b
a b a b
(3) x 3 y 5 4 x 3 4 y 5 4 x 12 y 20
a3 a 4 a 3 a 4 a 3 4 a 7
(4) 6
b b 2 b 6 b 2 b 62 b 8
2 2 x 3
2 2 2
2x 4 y 3 2x 3 4x 6
(5) 4 2
xy y y 2 y
1
บทนิยาม a n n เมื่อ a เป็ นจำนวนจริ ง , a 0 และ n เป็ นจำนวนเต็มบวก
a
ตัวอย่างที่ 1 (1) 10 1
0
(2) 1 1
2
(3) 2 0 1
(4) 3 0 1
1 1
ตัวอย่างที่ 2 (1) 2 4 16
24
1 1
(2) 2 6 8
2 6
1
2
1
(3) 2 25
5 1
5
3
1
(4) 1 1 3 1 8
2 1
8
2
ทฤษฎี บทที่จะกล่ำวต่อไปนี้ เป็ นคุ ณสมบัติของเลขยกกำลังที่มีเลขชี้ กำลังเป็ นจำนวนเต็ม
คุณสมบัติดงั กล่ำวนี้ มีลกั ษณะเหมือนกับคุณสมบัติของเลขยกกำลังที่มีเลขชี้ กำลังเป็ นจำนวนเต็มบวกที่
กล่ำวไปแล้ว
ทฤษฎีบท 6 ถ้ำ a เป็ นจำนวนจริ งไม่เท่ำกับ 0 และ m,n เป็ นจำนวนเต็ม แล้ว
a m a n a m n
ทฤษฎีบท 7 ถ้ำ a เป็ นจำนวนจริ งที่ไม่เท่ำกับ 0 และ m,n เป็ นจำนวนเต็ม แล้ว
a m n a mn
ทฤษฎีบท 8 ถ้ำ a,b เป็ นจำนวนจริ งที่ไม่เท่ำกับ 0 และ n เป็ นจำนวนเต็ม แล้ว
ab n a n b n
บทนิยาม ให้ a และ b เป็ นจำนวนจริ ง จะเรี ยก b ว่ำเป็ นรำกที่ 2 ของ a ก็ต่อเมื่อ b 2 a
บทนิยาม ให้ a 0 รำกที่ 2 ไม่เป็ นลบของ a เรี ยกว่ำ ค่ำหลักของรำกที่ 2 ของ a และเขียนแทน
ด้วยสัญลักษณ์ a
a a
ทฤษฎีบท 2 ถ้ำ a 0 และ b 0 แล้ว b
b
ตัวอย่างที่ 3 (1) 3 5 3 5 15
(2) 6 10 610 60
30 30
(3) 2 15
2
8 8 3 24
(4) 3
3 3 3
บทนิยาม ให้ a ,b เป็ นจำนวนจริ ง และ n เป็ นจำนวนเต็มบวกที่มำกกว่ำ 1
b เป็ นรำกที่ n ของ a ก็ต่อเมื่อ b n a
ตัวอย่างที่ 1 (1) 3 4 3 2 3 4 2 38 =2
(2) 3 4 3 16 3 4 16 3 64 = –4
(3) 3 8 27 3 8 3 27 2 3 = –6
(4) 4 1681 4 16 4 81 2 3 6
n a
ทฤษฎีบท 5 ถ้า a, b เป็ นจานวนจริ งที่มีรากที่ n และ b 0 แล้ว n a
n b b
3
ตัวอย่างที่ 2 (1) 72
3
72
3
8 2
3
9 9
4
(2) 324
4
4
324
4
81 3
4 4
3
(3) 3
125
125
5
5
8 3
8 2 2
81 16 81 16 81 16 9 4
(4) 5 36
25 25 25 5
3 3
ตัวอย่างที่ 3 (1) 5 =5
(2) 3 53 = 5
(3) 4
64 = 6 =6
(4) 6
16 = 1 =1
ตัวอย่างที่ 4 ถ้า a และ b เป็ นจานวนจริ งแล้ว
(1) a6 b4 a6 b4
a 3 2 b 2 2 a 3 b 2 b2 a3
(2) 4 81a 8 b 12 4 81 4 a 8 4 b12
4 34 4 a 2 4 4 b 3 4 3 a 2 b 3 3a 2 b 3
ตัวอย่างที่ 5 กาหนดให้ a 0 , b 0 และ c < 0 จะได้วา่
a 4 b6 a 4 b6 a 4 b6
c4 c4 c4
a 2 2 b 3 2 a 2 b 3 a 2 b 3
c 2 2 c2 c2
ทฤษฎีบท 8 ถ้า a เป็ นจานวนจริ ง ซึ่งทาให้ n a เป็ นจานวนจริ ง และ m เป็ นจานวนเต็ม ซึ่ง
m 2 และทาให้ m n a เป็ นจานวนจริ งแล้ว m n a mn a
ตัวอย่างที่ 6 (1) 3 a6 6 a6 a
(2) 4 a16 8 a16 8 a 2 8 a 2 a 2
1
(3) 5 3 a 30 15 a 30 15 a 2 15 a 2 2
a
ตัวอย่างที่ 7 (1) 8 2 4 42 2 4 2
(2) 9 4 3 33 4 3 3 4
(3) 15 125 53 5 3 5 5
(4) 12 256 43 4 4 3 4
ตัวอย่างที่ 8 จงหาคาตอบของ 12 x 3 y 5 z 2 ในรู ปอย่างง่าย เมื่อ x,y,z เป็ นจานวนจริ งที่ไม่เป็ นลบ
วิธีทา 12 x 3 y 5 z 2 4x 2 y 4 z2 3xy 4 x 2 y 4 z 2 3xy
2xy z 3xy
2 2
2 xy 2 z 3xy 2 xy 2 z 3xy
เอกสารความรู้ 4
หลักการหาผลบวกและผลต่ างของกรณฑ์
กรณฑ์ที่มีอนั ดับเท่ากัน และมีจานวนที่อยูภ่ ายในเครื่ องหมายกรณฑ์เท่ากัน สามารถจะนามา
บวกและลบกันได้โดยอาศัยคุณสมบัติการแจกแจงของระบบจานวนจริ ง ดังตัวอย่างต่อไปนี้
ตัวอย่างที่ 1 3 8 2 32 = 3 4.2 2 16 2
= 3 4 2 2 16 2
= 6 2 2 4 2 = 6 1 4 2 = 9 2
ตัวอย่างที่ 2 3 81 3 192 3 24 = 3 33 3 3 4 3 3 3 2 3 3
= 3 33 3 3 3 4 3 3 3 3 2 3 3 3
= 33 3 4 3 3 2 3 3 = 3 4 2 3 3 = 5 3 3
1 3
ตัวอย่างที่ 3 3 12 10 3 3 = 3 4 3 10 3 9
3
= 3 4 3 10 3
9
1 49
= 6 3 10 3 3 3 = 3 3
หลักการหาผลคูณและผลหารของกรณฑ์
ถ้า a, b เป็ นจานวนจริ งที่มีรากที่ n แล้ว
(1) n a n b = n ab
n a a
(2) n = n b เมื่อ b 0
b
ในกรณี ที่กรณฑ์ซ่ ึ งนามาคูณและหารกัน มีอนั ดับของกรณฑ์ไม่เท่ากัน จะต้องทาให้อนั ดับ
ของกรณฑ์เท่ากันเสี ยก่อน
ถ้า a เป็ นจานวนจริ ง ซึ่ง n a เป็ นจานวนจริ ง แล้ว
(1) mn a m n a เมื่อ m เป็ นจานวนคี่
(2) mn a m n a เมื่อ m เป็ นจานวนคู่ และ a 0
ตัวอย่างที่ 4 จงหาผลคูณ 3 6 2 3
วิธีทา 3 6 2 3 = 3 2 6 3 = 6 6 3 = 6 18
= 6 9 2 = 6 9 2 = 18 2
ตัวอย่างที่ 5 จงหาผลคูณ 6 3 9
วิธีทา 6 = 32 6 3 = 6 6 3 และ 3 9 = 32 9 2 = 6 92
ดังนั้น 6 3 9 = 6 63 6 9 2 = 6 63 92 = 6 2 3 33 3 4
= 6 8 3 7 = 6 36 6 8 3 = 36 24
80 80
ตัวอย่างที่ 6 (1) 16 4
5 5
3 2 3 2 3 3 6 6
(2)
5 3 5 3 3 15 5
3
5 32 32
(3) 3 = 53 2 = 53 16 = 53 2 3 2 = 5 2 3 2 = 10 3 2
2
3
ตัวอย่างที่ 7 จงเขียนเศษส่ วน โดยไม่มีเครื่ องหมายกรณฑ์ที่ตวั ส่ วน
2 3 7
3 3 2 3 7
วิธีทา =
2 3 7 2 3 7 2 3 7
= 32 23 7 2 =
63 3 3 7
2 3 7 4 4 3 3 7
63 3 3 7 6 3 3 3 7 3
= =
4 3 4 3 3
6 3 3 3 3 21 2 3 3 21
= = 4
4 3
2 3 3 2 4 3 2 2
ตัวอย่างที่ 8 จงหาผลบวกของ
3 2 3 2 2
2 3 3 2 2 3 3 2 3 2
วิธีทา =
3 2 3 2 3 2
2 3 2 6 3 6 3 2
= 32 = 12 5 6
4 3 2 2 4 3 2 2 3 2 2
=
3 2 2 3 2 2 3 2 2
4 3 8 6 2 6 4 2 20 10 6
= = 5 = 4 2 6
3 4 2
2 3 3 2 4 3 2 2
ดังนั้น = 12 5 6 4 2 6 = 8 7 6
3 2 3 2 2
เอกสารความรู้ 5
หลักการหารากที่ 2 ของ x 2 y
(1) หาจานวนจริ ง a 0 , b 0 ซึ่งทาให้
x = a + b และ y = ab
(2) จะได้ รากที่ 2 ของ x 2 y a b และ a b
รากที่ 2 ของ x 2 y a b และ a b
ตัวอย่างที่ 1 จงแก้สมการ 3 2 x 1 5 = 0
วิธีทา 3 2 x 1 5
ยกกาลัง 3 ทั้งสองข้าง จะได้
3 2 x 1 3
= 5 3
2x 1 = – 125
2x = – 126
x = – 63
ตรวจสอบคาตอบ
พบว่า สมการ 3 2 x 1 5 = 0 เป็ นจริ ง
แสดงว่า – 63 เป็ นคาตอบของสมการ
ดังนั้น เซตคาตอบ คือ 63
ตัวอย่างที่ 2 จงแก้สมการ x 7 5 x
วิธีทา จัดสมการใหม่ ดังนี้
x 7 = x 5
x 7 2 = x 5 2
x 7 = x 2 10 x 25
x 2 11x 18 = 0
x 2 x 9 = 0
ดังนั้น x = 2 หรื อ x = 9
ตรวจสอบคาตอบ
พบว่า เมื่อ x = 2 สมการ 2 7 5 = 0 เป็ นเท็จ
แสดงว่า 2 ไม่เป็ นคาตอบ
เมื่อ x = 9 สมการ 9 7 5 = 9 เป็ นจริ ง
แสดงว่า 9 เป็ นคาตอบ
ดังนั้น เซตคาตอบ คือ 9
ตัวอย่างที่ 3 จงแก้สมการ x 3 x 5 = 4
วิธีทา จัดสมการใหม่ ดังนี้
x 3 = 4 x 5
x 3 2 = 4 x 5 2
x 3 = 16 8 x 5 x 5
24 = 8 x 5
3 = x 5
ดังนั้น 3 2 = x 5 2
9 = x+5
x = 4
ตรวจสอบคาตอบ
พบว่า สมการ x 3 x 5 = 4 เป็ นจริ ง
แสดงว่า 4 เป็ นคาตอบ
ดังนั้น เซตคาตอบ คือ 4
เอกสารความรู้ 7
บทนิยาม ให้ m ,n เป็ นจานวนเต็ม โดยที่ n > 0 และ ห.ร.ม. m และ n เป็ น 1 ถ้า a เป็ นจานวนจริ ง
ที่หาค่า a1 / n ได้ แล้ว a m / n a1 / n m โดยเมื่อ m 0 แล้ว a 0
8 2 / 3 81 / 3 3 8 2 2 4
2 2
ตัวอย่างที่ 2 (1)
4 4 23 13 1
1 / 2 3
3 / 2 3
(2) 4
2 8
(3) 3
32 3/ 5 32 1/ 5 5 32 3 2 3 8
5/ 2 1/ 2 5 5 5
9 9 9 3 243
4 4 2 32
(4)
4
(5) 162 / 4 161 / 2 หาค่าไม่ได้
คุณสมบัติของเลขยกกาลังที่มีเลขชี้กาลังเป็ นจานวนตรรกยะ
ทฤษฎีบท 1 ถ้า a เป็ นจานวนจริ งที่มีรากที่ m และ n เป็ นจานวนเต็มที่ทาให้ a n เป็ นจานวนจริ ง
แล้ว a n จะมีรากที่ m
ทฤษฎีบท 2 ถ้า m, n เป็ นจานวนตรรกยะ และ a เป็ นจานวนจริ งที่ทาให้ a m และ a n เป็ นจานวนจริ ง
แล้ว a m a n a m n
ทฤษฎีบท 3 ถ้า n เป็ นจานวนตรรกยะ และ a, b เป็ นจานวนจริ งที่ทาให้ an และ bn เป็ นจานวนจริ ง
แล้ว ab n a n b n
ทฤษฎีบท 4 ถ้า n เป็ นจานวนตรรกยะ และ a, b เป็ นจานวนจริ ง ซึ่งทาให้ a n และ b n เป็ นจานวนจริ ง
a n a n
และ b 0 แล้ว b n
b
ทฤษฎีบท 5 ให้ m, n เป็ นจานวนตรรกยะ และ a เป็ นจานวนจริ งที่ไม่เท่ากับ 0 ซึ่งทาให้
m
a m n
a m และ a n เป็ นจานวนจริ ง แล้ว n a
a
1 3 1 3
2
ตัวอย่างที่ 3 (1) 2 2 2 2 2 2 2 2 4
1 4 1 4
1 1
5 1 5 5
3 3 3 3
(2) 5 5 5
5
1 2
1 5
1
ตัวอย่างที่ 4 (1) 32 32 5 2 32 2 32 4 2
3
1 1 2
(2)
32 2 3 2
32 3 32 3
ตัวอย่างที่ 5 ถ้า a และ b เป็ นจานวนจริ งบวก แล้ว
1 1 1 1
(1) 6 6 3
6 6
27 a b 27 3 a 3 b 3
3
2 2 2 2 3b
3 27 a b 3a b 2
a
1 1 1 1
(2) 2 4 2
625 a b 2 2 2 4 2
625 a b
1 1 2 2
1 1 2 b
625 2 a b 25 a b 25 a
ตัวอย่างที่ 6 ถ้า a และ b เป็ นจานวนจริ งบวก แล้ว
2 2 2 2
3 3
27 a 3 27 a 3
27 3 a 3
3
b6 2 2
6 3
b 6
b 3
2
3 27 2 a 3 3
2 2
3 a 9a
2
4 4 4
b b b
1
ตัวอย่างที่ 7 จงพิจารณาการหาค่า 2
9 4 ต่อไปนี้
1 1
1
วิธีที่ 1
9 2 4 9 2 4 9 9 ซึ่ งพบว่าไม่จาเป็ นจานวนจริ ง
2
1 1
วิธีที่ 2 2
9 4 81 4 4 81 3 ซึ่ งเป็ นคาตอบที่ถูกต้อง ดังนั้น ควรเลือกวิธีที่ 2
เอกสารความรู้ 8
ทฤษฎีบท 6 ถ้า a เป็ นจานวนจริ ง โดยที่ a 0 และ m,n เป็ นจานวนเต็ม โดยที่ n 2 ซึ่ง
1 1 1 m 1
m
m
a n และ a n เป็ นจานวนจริ ง แล้ว a n a n
4 1 1 1
1
ตัวอย่างที่ 1 (1) 5 3
4
5 3
4
ทั้งนี้เพราะ 5 3 และ 5 3 เป็ นจานวนจริ ง
3 1 1 1
1
5
(2) 2 5 2 3 5 ทั้งนี้เพราะ 2 และ 2 3 5 เป็ นจานวนจริ ง
2 1 1
1
4
(3) 3 4 3 2 4 ทั้งนี้เพราะ 3 ไม่เป็ นจานวนจริ ง ถึงแม้วา่
1
3 2
4 จะเป็ นคาตอบจริ งก็ตาม
n 2 n 1
3 6
ตัวอย่างที่ 2 ถ้า n เป็ นจานวนเต็ม จงหาค่าของ n 2 n 3
8 4
n 2 n 1 n 2 n 2 n 1 n 1
3 6 3 3 2 n1 3 3 2
วิธีทา
8
n 2 n 3
4 2
3 n2 2 n3
2 2
3 n 2 2 n 3
2
n 2 n 1 n 1
3 2 3 n 13 n 62 n 6 1
3 n 6 2 n 6 3 2 27 2 54
2 2
4 2
ตัวอย่างที่ 3 จงแก้สมการ x 3 10 x 3 9 0
4 2
วิธีทา x 3 10 x 3 9 0
2
2 2
x 3 10 x 3 9 0
2 2
x 3 1 x 3 9 0
2 2
ดังนั้น x 3 1 0 หรื อ x 3 90
2 2
x 3 1 x 3 9
3 3
2 2
x 3 13 x 3 93
2 2 3
x 1 x 9
x 1, 1 x 27 , 27
การตรวจสอบคาตอบ พบว่า 1,1 , 27 และ 27 เป็ นคาตอบของสมการ
3 1
ตัวอย่างที่ 4 จงหาเซตคาตอบของสมการ x 2 6 x 2 8 3x
3 1
วิธีทา x 2 6 x 2 8 3x
3 1
x 2 8 3x 6 x 2 0
1 3 1 1
3
x 2 2 3 x 2 x 2 2 0
1 1 1 1
x 2 2 x 2 x 2 4 3 x 2 x 2 2 0
1 1
x 2 2 x 5 x 2 4 0
1 1 1
x 2 2 x 2 1 x 2 4 0
1 1 1
เนื่องจาก x 2 x 0 เมื่อ x 0 ดังนั้น x 2 1 0 และ x 2 4 0
1
ดังนั้น x 2 2 0
1
2
x 2 2 ดังนั้น x 2 4
2 1
ตรวจสอบสมการ 4 3 6 4 2 8 3 4 เป็ นจริ ง แสดงว่า เซตคาตอบ คือ 4