Professional Documents
Culture Documents
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ เล่ม 2
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ เล่ม 2
ตัวอักษรกรีก
รายวช
ิ าเพม
�ิ เตม
ิ วท
ิ ยาศาสตร�
วช
ิ า
ฟส
ิ ก
ิ ส� เลม
� ๒
ชน
�ั
มธัยมศก
ึ ษาปท
ี �ี ๔
ตามผลการเรย
ี นร�ู
กลม
�ุ สาระการเรย
ี นรว�ูท
ิ ยาศาสตร� (ฉบบ
ั ปรบ
ั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)
ตามหลก
ั สต
ู รแกนกลางการศก
ึ ษาขน
�ั พน
�ื ฐาน พท
ุ ธศก
ั ราช ๒๕๕๑
จด
ั ทาโดย
ำ
สถาบน
ั สง�เสรม
ิ การสอนวท
ิ ยาศาสตรแ�ละเทคโนโลยี กระทรวงศก
ึ ษาธก
ิ าร
คำชี้แจง
สถาบันส่ งเสริม การสอนวิท ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ได้จัดทาตัวชี้วั ดและสาระการเรี ย นรู้
แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้น
พื้นฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑ โดยมี จุดเน้นเพื่อต้องการพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ความสามารถที่ทัดเทียมกั บ
นานาชาติ ได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่เชื่อมโยงความรู้กับกระบวนการ ใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้และ
แก้ ปั ญ หาที่ ห ลากหลาย มี ก ารท ากิ จ กรรมด้ ว ยการลงมื อ ปฏิ บั ติ เ พื่ อ ให้ ผู้ เ รี ย นได้ ใ ช้ ทั ก ษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ และทักษะแห่งศตวรรษที่ ๒๑ ซึ่งในปีการศึกษา ๒๕๖๑ เป็นต้นไปโรงเรียนจะต้องใช้หลักสูตรกลุ่ม
สาระการเรียนรู้วิท ยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) สสวท. ได้มีการจัดทาหนังสือเรียนที่เป็นไปตาม
มาตรฐานหลักสูตรเพื่อให้โรงเรียนได้ใช้สาหรับจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียน และเพื่อให้ครูผู้สอนสามารถสอน
และจัดกิจกรรมต่างๆ ตามหนังสือเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้จัดทาคู่มือครูสาหรับใช้ประกอบหนังสือเรียน
ดังกล่าว
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ เล่ม ๒ นี้ ได้บอกแนวการจัดการเรียน
การสอนตามเนื้อหาในหนังสือเรียนเกี่ยวกับ สมดุลกลของวัตถุ ศูนย์กลางมวลและศูนย์ถ่วง เสถียรภาพของวัตถุ
งาน กาลัง พลังงานกล กฎการอนุรักษ์พลังงานกล เครื่องกลอย่างง่าย โมเมนตัมและการดล กฎการอนุรักษ์
โมเมนตัม การชน การดีดตัวแยกออกจากกัน และการเคลื่อนที่แนวโค้ง ซึ่งครูผู้สอนสามารถนาไปใช้เป็นแนวทาง
ในการวางแผนการจัดการเรียนรู้ให้บรรลุจุดประสงค์ที่ตั้งไว้ โดยสามารถนาไปจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้ตามความ
เหมาะสมและความพร้อมของโรงเรียน ในการจัดทาคู่มือครูเล่มนี้ ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่งจากผู้ทรงคุณวุฒิ
นักวิชาการอิสระ คณาจารย์ รวมทั้งครูผู้สอน นักวิชาการ จากทั้งภาครัฐและเอกชน จึงขอขอบคุณมา ณ ที่นี้
สสวท. หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ เล่ม ๒ นี้ จะ
เป็ น ประโยชน์ แ ก่ผู้ ส อน และผู้ ที่ เ กี่ ยวข้ อ งทุก ฝ่า ย ที่ จ ะช่ ว ยให้ การจัด การศึ กษาด้ า นวิ ทยาศาสตร์ ได้ อ ย่างมี
ประสิทธิภาพ หากมีข้อเสนอแนะใดที่จะทาให้ คู่มือครูเล่มนี้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โปรดแจ้ง สสวท. ทราบด้วย
จะขอบคุณยิ่ง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
กระทรวงศึกษาธิการ
ข้อแนะนำ�ทั่วไปในการใช้คู่มือครู
วิทยาศาสตร์มีความเก่ียวข้องกับทุกคนทั้งในชีวิตประจำ�วันและการงานอาชีพต่าง ๆ รวมทั้ง
มีบทบาทสสำ�คัญในการพัฒนาผลผลิตต่าง ๆ ที่ใช้ในการอำ�นวยความสะดวกทั้งในชีวิต และการทำ�งาน
นอกจากนี้วิทยาศาสตร์ยังช่วยพัฒนาวิธีคิดและทำ�ให้มีทักษะที่จำ�เป็นในการตัดสินใจและแก้ปัญหา
อย่ า งเป็ น ระบบ การจั ด การเรี ย นรู้ เ พื่ อ ให้ นั ก เรี ย นมี ค วามรู้ แ ละทั ก ษะท่ี สำ � คั ญ ตามเป้ า หมายของ
การจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์จึงมีความสำ�คัญยิ่ง ซึ่งเป้าหมายของการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
มีดังนี้
1. เพื่อให้เข้าใจหลักการและทฤษฎีที่เป็นพื้นฐานของวิชาวิทยาศาสตร์
2. เพื่อให้เกิดความเข้าใจในลักษณะ ขอบเขต และข้อจำ�กัดของวิทยาศาสตร์
3. เพื่อให้เกิดทักษะท่ีสำ�คัญในการศึกษาค้นคว้าและคิดค้นทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
4. เพื่อพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการจัดการ
ทักษะในการส่ือสารและความสามารถในการตัดสินใจ
5. เพื่อให้ตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี มวลมนุษย์และ
สภาพแวดล้อม ในเชิงที่มีอิทธิพลและผลกระทบซึ่งกันและกัน
6. เพื่อนำ�ความรู้ความเข้าใจเรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อ
สังคมและการดำ�รงชีวิตอย่างมีคุณค่า
7. เพื่อให้มีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรมและค่านิยมในการใช้ความรู้ทาง
วิทยาศาสตร์อย่างสร้างสรรค์
คู่ มื อ ครู เ ป็ น เอกสารที่ จั ด ทำ � ขึ้ น ควบคู่ กั บ หนั ง สื อ เรี ย น สำ � หรั บ ให้ ค รู ไ ด้ ใ ช้ เ ป็ น แนวทางใน
การจัดการเรียนรู้เพ่ือให้นักเรียนได้รับความรู้และมีทักษะที่ส�ำ คัญตามจุดประสงค์การเรียนรู้ในหนังสือ
เรียน ซึ่งสอดคล้องกับผลการเรียนรู้ตามสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ ส่งเสริมให้บรรลเป้าหมายของ
การจั ด การเรี ย นรู้ วิ ท ยาศาสตร์ ไ ด้ อย่ า งไรก็ ต ามครู อ าจพิ จ ารณาดั ด แปลงหรื อ เพ่ิ ม เติ ม การจัดการ
เรี ย นรู้ ใ ห้ เ หมาะสมกั บ บริ บ ทของแต่ ล ะห้ อ งเรี ย นได้ โดยคู่ มื อ ครู มี อ งค์ ป ระกอบหลั ก ดั ง ต่ อ ไปนี้
ผลการเรียนรู้
ผลการเรี ย นรู้ เ ป็ น ผลลั พ ท์ ที่ ค วรเกิ ด กั บ นั ก เรี ย นทั้ ง ด้ า นความรู้ เ เละทั ก ษะซึ่ ง ช่ ว ยให้ ค รู ไ ด้
ทราบเป้าหมายของการจัดการเรียนรู้ในแต่ละเนื้อหาและออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับ
ผลการเรียนรู้ได้ทั้งนี้ครูอาจเพ่ิมเติมเนื้อหาหรือทักษะตามศักยภาพของนักเรียน รวมทั้งอาจสอดแทรก
เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับท้องถิ่น เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจมากขึ้นได้
การวิเคราะห์ผลการเรียนรู้
การวิเคราะห์ความรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 จิตวิทยาศาสตร์
ที่เกี่ยวข้องในแต่ละผลการเรียนรู้ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้
ผังมโนทัศน์
แผนภาพที่เเสดงความสัมพันธ์ระหว่างความคิดหลัก ความคิดรอง และความคิดย่อย เพื่อช่วย
ให้ครูเห็นความเชื่อมโยงของเนื้อหาภายในบทเรียน
- ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
เนื้อหาที่นักเรียนอาจเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่พบบ่อย ซึ่งเป็นข้อมูลให้ครูได้พึงระวัง
หรืออาจเน้นย้ำ�ในประเด็นดังกล่าวเพื่อป้องกันการเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนได้
- สื่อการเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้
สื่ อ การเรี ย นรู้ แ ละแหล่ ง การเรี ย นรู้ ที่ ใ ช้ ป ระกอบการจั ด การเรี ย นรู้ เช่ น บั ต รคำ � วี ดิ ทั ศ น์
เว็บไซต์ ซึ่งครูควรเตรียมล่วงหน้าก่อนเริ่มการจัดการเรียนรู้
- แนวการจัดการเรียนรู้
แนวทางการจัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ โดยมีการนำ�เสนอทั้งใน
ส่ ว นของเนื้ อ หาและกิ จ กรรมเป็ น ขั้ น ตอนอย่ า งละเอี ย ดทั้ ง นี้ ค รู อ าจปรั บ หรื อ เพิ่ ม เติ ม
กิจกรรมจากที่ให้ไว้ตามความเหมาะสมกับบริบทของแต่ละห้องเรียน
- วัสดุและอุปกรณ์
รายการวัสดุ อุปกรณ์ หรือสารเคมีที่ต้องใช้ในการทำ�กิจกรรม ซึ่งครูควรเตรียมให้เพียงพอ
สำ�หรับการจัดกิจกรรม
- สิ่งที่ครูต้องเตรียมล่วงหน้า
ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่ครูต้องเตรียมล่วงหน้าสำ�หรับการจัดกิจกรรม เช่น การเตรียมสารละลาย
ที่มีความเข้มข้นต่าง ๆ การเตรียมตัวอย่างสิ่งมีชีวิต
- ข้อเสนอแนะสำ�หรับครู
ข้อมูลทีใ่ ห้ครูเเจ้งต่อนักเรียนให้ทราบถึงข้อระวัง ข้อควรปฏิบต
ั ิ หรือข้อมูลเพิม
่ เติมในการทำ�
กิจกรรมนั้น ๆ
- ตัวอย่างผลการทำ�กิจกรรม
ตัวอย่างผลการทดลอง การสาธิต การสืบค้นข้อมูลหรือกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อให้ครูใช้เป็น
ข้อมูลสำ�หรับตรวจสอบผลการทำ�กิจกรรมของนักเรียน
- อภิปรายหลังการทำกิจกรรม
ตั ว อย่ า งข้ อ มู ล ที่ ค วรได้ จ ากการอภิ ป รายเเละสรุ ป ผลการทำ � กิ จ กรรม ซึ่ ง ครู อ าจใช้ คำ � ถาม
ท้ า ยกิ จ กรรมหรื อ คำ � ถามเพิ่ม เติ ม เพื่อ ช่ ว ยให้ นัก เรี ย นอภิ ป รายในประเด็ น ที่ต้อ งการรวมทั้ง
ช่วยกระตุ้นให้นักเรียนช่วยกันคิดและอภิปรายถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำ�ให้ผลของกิจกรรมเป็นไป
ตามทีค
่ าดหวัง หรืออาจไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
- แนวทางการวัดและประเมินผล
แนวทางการวัดและประเมินผลที่สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู ้ ซึง่ ประเมินทัง้ ด้านความรู้
ทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์์ ทักษะเเห่งศตวรรษที่ 21 ประเมินจิตวิทยาศาสตร์ของนักเรียน
ที่ควรเกิดขึ้นหลังจากได้เรียนรู้ในเเต่ละหัวข้อ ผลที่ได้จากการประเมินจะช่วยให้ครูทราบถึง
ความสำ � เร็ จ ของการจั ด การเรี ย นรู้ รวมทั้ ง ใช้ เ ป็ น แนวทางในการปรั บ ปรุ ง และพั ฒ นาการ
เรียนรู้ให้เหมาะสมกับนักเรียน
เครื่องมือวัดและประเมินผลมีอยู่หลายรูปแบบ เช่น แบบทดสอบรูปแบบต่าง ๆ แบบ
ประเมินทักษะ แบบประเมินคุณลักษณะด้านจิตวิทยาศาสตร์ ซึ่งครูอาจเรียกใช้เครื่องมือ
สำ�หรับการวัดและประเมินผลจากเครือ
่ งมือมาตรฐานทีม
่ ผ
ี พ
ู้ ฒ
ั นาไว้ เเล้วดัดเเปลงจากเครือ
่ งมือ
ผูอ
้ น
่ื ทำ�ไว้เเล้วหรือสร้างเครือ
่ งมือใหม่ขน
้ึ เอง ตัวอย่างเครือ
่ งมือวัดและประเมินผล ดังภาคผนวก
- เฉลยคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจและแบบฝึกหัด
แนวคำ�ตอบของคำ�ถามระหว่างเรียน ซึง่ มีทง้ั ถามชวนคิด คำถามตรวจสอบความเข้าใจ และ
แบบฝึกหัดท้ายหัวข้อ ทัง้ นีค
้ รูควรใช้ค�ำ ถามระหว่างเรียนเพือ
่ ตรวจสอบความรูค
้ วามเข้าใจ
ของนักเรียนก่อนเริม
่ เนือ
้ หาใหม่เพื่อให้สามารถปรับการการจัดการเรียนรู้ให้เ้หมาะสมต่อไป
- เฉลยคำ�ถาม
แนวคำ�ตอบของคำาถามท้ายบทเรียนในหนังสือเรียน เพ่อ
ื ให้ครูใช้เป็นข้อมูลในการตรวจสอบ
การตอบคำ�ถามของนักเรียน
- เฉลยปัญหาและปัญหาท้าทาย
แนวคำ�ตอบของปัญหาและปัญหาท้าทาย ซึ่งครูควรใช้คำ�ถามท้ายบทเรียนเพ่ือตรวจสอบว่า
หลังจากเรียนจบบทเรียนเเล้ว นักเรียนยังขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องใด เพื่อให้สามารถ
วางแผนการทบทวนหรือเน้นย้�ำ เนื้อหาให้กับนักเรียนก่อนการทดสอบได้
สารบัญ บทที่ 4-
บทที่ เนื้อหา หน้า
4
สมดุลกล
ผลการเรียนรู้ 1
การวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ 1
ผังมโนทัศน์ สมดุลกล 4
สรุปแนวความคิดสำ�คัญ 5
เวลาท่ีใช้ 7
ความรู้ก่อนเรียน 7
4.1 สมดุลกล 8
4.2 ศูนย์กลางมวลเเละศูนย์ถ่วง 10
4.3 สมดุลต่อการเลื่อนที
่ 16
4.4 สมดุลต่อการหมุน
4.4.1 โมเมนต์ของเเรง
4.4.2 โมเมนต์ของเเรงคู่ควบ 30
4.5 เสถียรภาพของวัตถุ 39
เฉลยเเบบฝึกหัดท้ายบทที่ 4 44
5
งานเเละพลังงาน
ผลการเรียนรู้
การวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ 89
ผังมโนทัศน์ งานเเละพลังงาน 93
สรุปแนวความคิดสำ�คัญ 94
เวลาท่ีใช้ 95
ความรู้ก่อนเรียน 95
5.1 งานเนื่องจากเเรงคงตัว 97
5.2 งานเนื่องจากเเรงไม่คงตัว 103
5.3 กำ�ลัง 112
5.4 พลังงานกล 116
5.4.1 พลังงานจลน์ 116
สารบัญ บทที่ 5-6
บทที่ เนื้อหา หน้า
5.4.2 พลังงานศักย์ 123
5.5 การอนุรักษ์พลังงานกล 140
5.5.1 งานเนื่องจากเเรงอนุรักษ์ 140
5.5.2 กฎการอนุรักษ์พลังงานกล 141
5.6 เครื่องกล 147
ประสิทธิภาพของเครื่องกล
5.6.1 148
5.6.2 หลักการของงานกับเครื่องกลอย่างง่าย 149
5.6.3 หลักการของสมดุลกลกับเครื่องกลอย่างง่าย 149
เฉลยแบบฝึกหัดท้ายบทท่ี 5 159
6
โมเมนตัมเเละการชน
ผลการเรียนรู้ 207
การวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ 207
ผังมโนทัศน์ โมเมนตัมเเละการชน 210
สรุปแนวความคิดสำ�คัญ 211
เวลาท่ีใช้ 212
ความรู้ก่อนเรียน 212
6.1 โมเมนตัม 213
6.2 แรงเเละการเปลี่ยนโมเมนตัม 218
6.3 การดล 223
6.4 การอนุรักษ์โมเมนตัม 231
6.5 การชนและการดีดตัวแยกจากกัน 235
6.5.1 การชนของวัตถุในหนึ่งมิติ 236
6.5.2 การดี
ดตัวเเยกจากกันของวัตถุในหนึ่งมิติ 242
เฉลยแบบฝึกหัดท้ายบทท่ี 6 253
สารบัญ บทที่ 7
บทที่ เนื้อหา หน้า
7
การเคลื่อนที่เเนวโค้ง
ผลการเรียนรู้ 303
การวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ 303
ผังมโนทัศน์ การเคลื่อนที่เเนวโค้ง 306
สรุปแนวความคิดสำ�คัญ 307
เวลาท่ีใช้ 308
ความรู้ก่อนเรียน 308
7.1 การเคลื่อนที่เเบบโพเจกไทล์ 309
7.2 การเคลื่อนที่เเบบวงกลม
320
เฉลยแบบฝึกหัดท้ายบทท่ี 7 333
4
บทที่ สมดุลกล
goo.gl/SnDXrv
ผลการเรียนรู้:
ผลการเรียนรู้
1. อธิบายสมดุลกลของวัตถุ โมเมนต์และผลรวมของโมเมนต์ทม
ี่ ต
ี อ
่ การหมุน แรงคูค
่ วบและผลของ
แรงคูค
่ วบทีม
่ ต
ี อ
่ สมดุลของวัตถุ เขียนแผนภาพวัตถุอสิ ระเมือ
่ วัตถุอยูใ่ นสมดุลกล และคำ�นวณปริมาณ
ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งทดลองและอธิบายสมดุลของแรงสามแรง
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกความหมายและยกตัวอย่างของสมดุลกล สมดุลสถิต และสมดุลจลน์
2. บอกความหมายของสมดุลต่อการเลื่อนที่ และสมดุลต่อการหมุน
3. อภิปรายเพือ่ สรุปเงือ่ นไขทีท
่ �ำ ให้วต
ั ถุอยูใ่ นสมดุลต่อการเลือ่ นทีแ่ ละอยูน
่ งิ่ เมือ่ มีแรงสองแรงกระทำ�
ต่อวัตถุ
4. ทดลอง วิเคราะห์ และอภิปรายเพื่อสรุปเงื่อนไขของแรงสามแรงที่กระทำ�ต่อวัตถุแล้วทำ�ให้วัตถุ
อยู่ในสมดุลต่อการเลื่อนที่และอยู่นิ่ง
5. เขียนแผนภาพวัตถุอิสระ วิเคราะห์ และคำ�นวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เมื่อมีแรงกระทำ�ต่อ
วัตถุแล้วทำ�ให้วัตถุอยู่ในสมดุลต่อการเลื่อนที่และอยู่นิ่ง โดยใช้วิธีการแยกแรง
2 บทที่ 4 | สมดุลกล ฟิสิกส์ เล่ม 2
6. บอกความหมายและคำ�นวณโมเมนต์ของแรง
7. อภิปรายเพื่อสรุปเงื่อนไขที่ทำ�ให้วัตถุอยู่ในสมดุลต่อการหมุน
8. เขียนแผนภาพวัตถุอิสระ วิเคราะห์ และคำ�นวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเมื่อวัตถุอยู่ในสมดุล
ต่อการหมุน
9. บอกความหมายของแรงคู่ควบและลักษณะการเคลื่อนที่ของวัตถุเมื่อมีแรงคู่ควบหนึ่งคู่กระทำ�
ต่อวัตถุ
ผลการเรียนรู้
2. สังเกตและอธิบายสภาพการเคลื่อนที่ของวัตถุ เมื่อแรงที่กระทำ�ต่อวัตถุผ่านศูนย์กลางมวลของ
วัตถุ และผลของศูนย์ถ่วงที่มีต่อเสถียรภาพของวัตถุ
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกความหมายของศูนย์กลางมวลและศูนย์ถ่วงของวัตถุ
2. สังเกตและอธิบายสภาพการเคลื่อนที่ของวัตถุ เมื่อแรงที่กระทำ�ต่อวัตถุผ่านศูนย์กลางมวล
ของวัตถุ
3. สังเกตและอภิปรายผลของศูนย์ถ่วงที่มีต่อเสถียรภาพของวัตถุ
4. นำ�ความเข้าใจเกี่ยวกับศูนย์ถ่วงของวัตถุไปอธิบายเสถียรภาพของวัตถุต่าง ๆ ในชีวิตประจำ�วัน
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 4 | สมดุลกล 3
ผังมโนทัศน์ สมดุลกล
สมดุลกล
จำ�แนกได้เป็น
สมดุลสถิต สมดุลจลน์
เกิดขึ้นเมื่อ
เกิดขึ้นเมื่อ
และ/หรือ
ไม่เลื่อนที่ ไม่หมุน
แสดงว่า แสดงว่า
วัตถุอยู่ในสมดุลต่อการเคลื่อนที่ วัตถุอยู่ในสมดุลต่อการหมุน
สรุปแนวความคิดสำ�คัญ
วัตถุที่อยู่ในสมดุลกล หรือเรียกสั้น ๆ ว่าสมดุล (equilibrium) คือวัตถุที่รักษาสภาพการเคลื่อนที่
ให้คงเดิม
วัตถุที่อยู่ในสมดุลสถิต (static equilibrium) คือวัตถุที่อยู่นิ่งและไม่มีการหมุน
วัตถุที่อยู่ในสมดุลจลน์ (dynamic equilibrium) คือวัตถุที่มีการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงตัว หรือ
มีการหมุนด้วยอัตราเร็วคงตัว
วัตถุที่อยู่ในสมดุลต่อการเลื่อนที่ (translational equilibrium) คือวัตถุที่หยุดนิ่ง หรือ มีการ
เคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงตัว
วัตถุที่อยู่ในสมดุลต่อการหมุน (rotational equilibrium) คือวัตถุที่ไม่มีการหมุน หรือ หมุนด้วย
อัตราเร็วคงตัว
ศูนย์กลางมวล (center of mass, CM) คือจุดที่เปรียบเสมือนเป็นจุดรวมมวลของวัตถุทั้งก้อน ซึ่ง
อยูป
่ ระจำ�ทีแ่ น่นอนและไม่ขน
ึ้ กับสถานที่ และอาจไม่อยูภ
่ ายในเนือ
้ ของวัตถุ เช่น ศูนย์กลางมวลของวงแหวน
ศูนย์ถ่วง (center of gravity, CG) คือจุดที่แรงโน้มถ่วงของโลกกระทำ�ต่อวัตถุ
สำ�หรับวัตถุที่อยู่ในบริเวณที่สนามโน้มถ่วงมีค่าสม่ำ�เสมอ ศูนย์ถ่วงของวัตถุและศูนย์กลางมวลเป็น
ตำ�แหน่งเดียวกัน
เมื่อวัตถุอยู่ในสมดุลต่อการเลื่อนที่และอยู่นิ่ง แรงลัพธ์ที่กระทำ�ต่อวัตถุมีค่าเป็นศูนย์ เขียนแทนได้
ด้วยสมการ ∑ F = 0
ในการคำ�นวณปริมาณที่เกี่ยวข้องกับการที่วัตถุอยู่ในสมดุลต่อการเลื่อนที่และอยู่นิ่ง สามารถแยก
พิจารณาได้ดังนี้ คือ
Ø กรณี มี แ รงสองแรงกระทำ � แรงทั้ ง สองจะต้ อ งมี ข นาดเท่ า กั น แต่ มี ทิ ศ ตรงข้ า มกั น และ
แนวแรงผ่านศูนย์กลางมวล
Ø กรณีมีแรงสามแรงกระทำ� สามารถแบ่งได้เป็นกรณีย่อยอีกสองกรณีคือ
¡ กรณี ที่ แ รงอยู่ ใ นแนวเดี ย วกั น ผลรวมของแรงที่ มี ทิ ศ ตรงข้ า มกั น ต้ อ งมี ข นาด
เท่ากัน
¡ กรณี ที่ แ รงไม่ อ ยู่ ใ นแนวเดี ย วกั น แต่ อ ยู่ ใ นระนาบเดี ย วกั น แนวแรงทั้ ง สามต้ อ ง
พบกั น ที่ จุ ด ๆ หนึ่ ง และถ้ า นำ � เวกเตอร์ แ ทนแรงทั้ ง สามมารวมกั น ด้ ว ยวิ ธี ห าง
ต่อหัวเวกเตอร์ จะได้เป็นรูปสามเหลี่ยมปิด
Ø กรณี ที่ มี แ รงมากกว่ า สามแรงกระทำ � โดยที่ แ รงแต่ ล ะแรงไม่ อ ยู่ ใ นแนวเดี ย วกั น ถ้ า นำ �
เวกเตอร์แทนแรงทั้งหมดมารวมกันด้วยวิธีหางต่อหัวเวกเตอร์ จะได้
เป็นรูปหลายเหลี่ยมปิด
6 บทที่ 4 | สมดุลกล ฟิสิกส์ เล่ม 2
การเขียนแผนภาพวัตถุอิสระและการแยกแรงเป็นแรงองค์ประกอบ สามารถนำ�มาใช้ในการพิจารณา
แรงลัพธ์ที่กระทำ�ต่อวัตถุเมื่อวัตถุอยู่ในสมดุลต่อการเลื่อนที่และอยู่นิ่ง ผลรวมของแรงในแนวแกน x และ
แกน y มีค่าดังสมการ
∑F
= 0 และ ∑ Fy = 0
x
เวลาที่ใช้
บทนี้ควรใช้เวลาสอนประมาณ 1 ชั่วโมง
ความรู้ก่อนเรียน
นำ�เข้าสู่บทที่ 4
ครูน�ำ เข้าสูบ
่ ทที่ 4 โดยให้นก
ั เรียนดูภาพของวัตถุทม
ี่ ส
ี ภาพการเคลือ
่ นทีแ่ ตกต่างกัน เช่น วัตถุทก
ี่ �ำ ลัง
เคลื่อนที่ วัตถุที่อยู่นิ่ง หรือ วัตถุที่กำ�ลังหมุนแต่อยู่น่ิง โดยแต่ละภาพให้นักเรียนอภิปรายเกี่ยวกับรูปแบบ
ของการเคลื่อนที่และแรงลัพธ์ที่กระทำ�ต่อวัตถุ และเปิดโอกาสให้นักเรียนตอบอย่างอิสระ ไม่คาดหวังคำ�
ตอบที่ถูกต้อง
ครูแจ้งนักเรียนว่า ในบทที่ 4 นี้ นักเรียนจะได้เรียนรูเ้ กีย่ วกับวัตถุทอ่ี ยูน
่ ง่ิ เรียกว่า อยูใ่ นสมดุลกล จากนัน
้
ครูชแี้ จงหัวข้อทีน
่ ก
ั เรียนจะได้เรียนรูใ้ นบทที่ 4 และคำ�ถามสำ�คัญทีน
่ ก
ั เรียนจะต้องตอบได้หลังจากการเรียน
รู้บทที่ 4 ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน
8 บทที่ 4 | สมดุลกล ฟิสิกส์ เล่ม 2
4.1 สมดุลกล
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกความหมายและยกตัวอย่างของสมดุลกล สมดุลสถิต และสมดุลจลน์
2. บอกความหมายของสมดุลต่อการเลื่อนที่ และสมดุลต่อการหมุน
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน แนวคิดที่ถูกต้อง
2. วัตถุที่กำ�ลังหมุนไม่อยู่ในสมดุลกล 2. วัตถุที่กำ�ลังหมุนอาจอยู่ในสมดุลต่อการ
หมุน ถ้าการหมุนนั้นเป็นการหมุนด้วย
ความเร็วเชิงมุมคงตัว
แนวการจัดการเรียนรู้
ครูชี้แจงจุดประสงค์การเรียนรู้ของหัวข้อ 4.1 จากนั้น ครูให้ความรู้เกี่ยวกับความหมายของสมดุลกล
ความเร็วเชิงมุม สมดุลสถิต สมดุลจลน์ สมดุลต่อการเลื่อนที่ และสมดุลต่อการหมุน ตามรายละเอียดใน
หนังสือเรียน
ครูยกตัวอย่างสถานการณ์ใบพัดลมทีก
่ �ำ ลังหมุนด้วยความเร็วเชิงมุมคงตัวโดยไม่สา่ ยไปมาเพือ
่ ให้นก
ั เรียน
ร่วมกันอภิปรายลงความเห็นว่า ระบบดังกล่าวเป็นระบบทีอ
่ ยูใ่ นสมดุลแบบใด ซึง่ ควรสรุปได้วา่ การทีใ่ บพัด
ลมหมุนด้วยความเร็วเชิงมุมคงตัวแสดงว่าอยู่ในสมดุลต่อการหมุน
แนวการวัดและประเมินผล
1. ความรูเ้ กีย
่ วกับสมดุลกล สมดุลสถิต สมดุลจลน์ สมดุลต่อการเลือ
่ นที่ สมดุลต่อการหมุน จากคำ�ถาม
ตรวจสอบความเข้าใจ 4.1
2. ทักษะการจำ�แนกประเภทของสมดุล จากคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจ 4.1
แนวคำ�ตอบคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจ 4.1
1. การยืนนิ่งโดยมือข้างหนึ่งถือกระเป๋าเป็นการอยู่ในสมดุลหรือไม่ เพราะเหตุใด
แนวคำ�ตอบ การยืนนิ่งโดยมือข้างหนึ่งถือกระเป๋าเป็นการอยู่ในสมดุลสถิต เพราะไม่มีการ
เคลื่อนที่ และไม่มีการหมุน
2. ยกตัวอย่างวัตถุที่อยู่ในสมดุลต่อการเลื่อนที่มา 2 ตัวอย่าง
แนวคำ�ตอบ ตัวอย่างวัตถุที่อยู่ในสมดุลต่อการเลื่อนที่ เช่น เสาธง อนุสาวรีย์
3. ยกตัวอย่างวัตถุที่อยู่ในสมดุลต่อการหมุนมา 2 ตัวอย่าง
แนวคำ � ตอบ ตั ว อย่ า งวั ต ถุ ที่ อ ยู่ ใ นสมดุ ล ต่ อ การหมุ น เช่ น ม้ า หมุ น ที่ กำ � ลั ง หมุ น ด้ ว ย
ความเร็วเชิงมุมคงตัว หรือ กังหันลมที่อยู่นิ่ง
5. เป็นไปได้หรือไม่ ที่วัตถุหนึ่งจะอยู่ในสมดุลจลน์และสมดุลต่อการเลื่อนที่พร้อมกัน
แนวคำ�ตอบ เป็นไปได้ที่วัตถุหนึ่งจะอยู่ในสมดุลจลน์และสมดุลต่อการเลื่อนที่พร้อมกัน
ดังเช่น กรณีที่วัตถุมีการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงตัว
10 บทที่ 4 | สมดุลกล ฟิสิกส์ เล่ม 2
4.2 ศูนย์กลางมวลและศูนย์ถ่วง
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกความหมายของศูนย์กลางมวลและศูนย์ถ่วงของวัตถุ
2. สั ง เกตและอธิ บ ายสภาพการเคลื่ อ นที่ ข องวั ต ถุ เมื่ อ แรงที่ ก ระทำ � ต่ อ วั ต ถุ ผ่ า นศู น ย์ ก ลางมวลของ
วัตถุ
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน แนวคิดที่ถูกต้อง
1. ศูนย์กลางมวลของวัตถุอยู่ตรงกลางของวัตถุ 1. ศูนย์กลางมวลของวัตถุอาจอยู่ส่วนใดของ
เสมอ วัตถุก็ได้ ขึ้นอยู่กับการกระจายมวลของวัตถุและ
รูปร่างของวัตถุ
สิ่งที่ครูต้องเตรียมล่วงหน้า
1. อุปกรณ์สำ�หรับการสาธิตเพื่อกระตุ้นความสนใจ เช่น ไม้เมตร 8 – 10 อัน ช้อนส้อมหนึ่งคู่ ไม้ขีด 2 ก้าน
2. ชุดอุปกรณ์กิจกรรม 4.1 ศูนย์กลางมวลกับสภาพการเคลื่อนที่ของวัตถุ
3. ชุดอุปกรณ์กิจกรรมลองทำ�ดู ถ้ามีการให้ทำ�กิจกรรมลองทำ�ดู
4. ใบกิจกรรรม
5. ถ้าจะมีการแจกแนวทางการให้คะแนนการประเมินทักษะต่าง ๆ จากการทำ�กิจกรรม ให้กับนักเรียน
ให้จัดเตรียมเอกสารให้เพียงพอกับจำ�นวนนักเรียน
แนวการจัดการเรียนรู้
ครูชี้แจงจุดประสงค์การเรียนรู้หัวข้อ 4.2
ครูนำ�เข้าสู่หัวข้อ 4.2 โดยตั้งคำ�ถามให้นักเรียนอภิปรายร่วมกันดังต่อไปนี้
1. วัตถุที่ได้ศึกษาในบทที่ผ่านมามีลักษณะอย่างไร แตกต่างจากวัตถุในความเป็นจริงอย่างไร
2. ถ้าออกแรงกระทำ�ต่อวัตถุ ที่ตำ�แหน่งต่างกัน วัตถุจะมีการเปลี่ยนสภาพการเคลื่อนที่แตกต่างกันหรือไม่
อย่างไร
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 4 | สมดุลกล 11
โดยครูเปิดโอกาสให้นักเรียนตอบคำ�ถามอย่างอิสระ ไม่คาดหวังคำ�ตอบที่ถูกต้อง
ครูอธิบายเกี่ยวกับการพิจารณาวัตถุที่ได้ศึกษามาตั้งแต่บทที่ 3 ให้เป็นจุดและให้มวลของวัตถุทั้งหมด
เสมือนว่ามารวมกันที่จุดนั้น ซึ่ง แรงต่าง ๆ ที่กระทำ�ต่อวัตถุเป็นแรงที่กระทำ�ผ่านจุดนี้ ทำ�ให้ลักษณะการ
เคลื่อนที่ของวัตถุที่ได้ศึกษามาก่อนหน้านี้เป็นเพียงการเปลี่ยนตำ�แหน่งโดยไม่หมุน หรือ เป็นการเลื่อนที่
เท่านั้น แต่ในความเป็นจริง วัตถุมีทั้งขนาดและรูปทรง การออกแรงกระทำ�ต่อวัตถุ นอกจากจะทำ�ให้วัตถุ
เลื่อนที่แล้ว ยังทำ�ให้วัตถุมีการเปลี่ยนสภาพการเคลื่อนที่อย่างไรอีกบ้าง นักเรียนจะได้ศึกษาจากกิจกรรม 4.1
ครูให้นก
ั เรียนทำ�กิจกรรม 4.1 ในหนังสือเรียน จากนัน
้ อภิปรายร่วมกันจนได้ขอ
้ สรุปเกีย
่ วกับศูนย์กลาง
มวลตามหนังสือเรียน
จุดประสงค์
1. สังเกตสภาพการเคลื่อนที่ของวัตถุ เมื่อแนวของแรงที่กระทำ�ผ่านตำ�แหน่งต่าง ๆ ของวัตถุ
2. หาจุดตัดของแนวแรงที่กระทำ�ต่อวัตถุแล้วทำ�ให้วัตถุมีการเลื่อนที่โดยไม่หมุน
เวลาที่ใช้ 30 นาที
วัสดุและอุปกรณ์
1. ดินสอ 2 แท่ง
2. หนังสือ 1 เล่ม
3. กระดาษขาว 1 แผ่น
4. ไม้บรรทัด 1 อัน
5. เทปใส 1 ม้วน
แนวคำ�ตอบคำ�ถามท้ายกิจกรรม
□ แนวของเส้นที่ขีดบนกระดาษขาวแต่ละเส้นตัดกันหรือไม่ อย่างไร
แนวคำ�ตอบ กรณีทผ
ี่ ลักหนังสือให้เลือ
่ นทีโ่ ดยไม่เกิดการหมุน แนวแรงทีผ
่ ลักทุกแนวจะพบกันทีจ่ ด
ุ
หนึ่งประมาณกึ่งกลางของหนังสือ
12 บทที่ 4 | สมดุลกล ฟิสิกส์ เล่ม 2
อภิปรายและสรุปผล
ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายโดยใช้ผลการทำ�กิจกรรมและคำ�ถามท้ายกิจกรรม จนได้ข้อ
สรุปดังนี้
1. เมือ
่ ใช้ดน
ิ สอดันขอบหนังสือให้แนวดินสอผ่านประมาณจุดกึง่ กลางของหนังสือ จะพบ
ว่าหนังสือมีการเลือ
่ นทีโ่ ดยไม่เกิดการหมุน แต่ถา้ ตำ�แหน่งทีด
่ น
ั หนังสือมีแนวดินสอไม่ผา่ นจุดกึง่ กลาง
ของหนังสือ หนังสือจะมีการเลื่อนที่และหมุนไปพร้อมกัน
2. เมื่อขีดเส้นบนกระดาษขาวจากตำ�แหน่งที่ใช้ดินสอดันขอบหนังสือแล้วทำ�ให้หนังสือ
เลื่อนที่โดยไม่หมุน ไปยังขอบอีกด้านของหนังสือ พบว่า เส้นแต่ละเส้นมาตัดกันที่จุด ๆ หนึ่ง จุดนี้
เป็นจุดที่เมื่อมีแรงกระทำ�ผ่านแล้วทำ�ให้วัตถุมีการเลื่อนที่เพียงอย่างเดียว โดยไม่มีการหมุน
ครูให้ความรูเ้ พิม
่ เติมว่า จุดทีเ่ มือ
่ มีแรงกระทำ�ผ่านแล้วทำ�ให้วต
ั ถุมก
ี ารเลือ
่ นทีเ่ พียงอย่างเดียว
โดยไม่มีการหมุน และเป็นจุดที่เสมือนมวลของวัตถุทั้งก้อนมารวมกัน เรียกว่า ศูนย์กลางมวล ของ
วัตถุ ซึ่งไม่เปลี่ยนตำ�แหน่งและไม่ขึ้นกับสถานที่ที่วัตถุนั้นอยู่
ครูน�ำ เข้าสูก
่ ารเรียนรูเ้ รือ
่ งศูนย์ถว่ ง โดยอาจสาธิตหรือแสดงคลิปวีดโิ อเพือ
่ กระตุน
้ ความสนใจ
ดังนี้
1. ใช้ไม้เมตร 8-10 อัน ตั้งเรียงซ้อนกันไว้บนโต๊ะ โดยให้ปลายข้างหนึ่งของกองไม้เมตร
พอดีขอบโต๊ะ หรือยื่นออกนอกขอบโต๊ะเล็กน้อย แล้วค่อย ๆ เลื่อนไม้เมตรอันบนสุดให้ยื่นออกมา
จนเกือบจะหล่นจึงหยุดเลือ
่ น ต่อไปค่อย ๆ เลือ
่ นอันทีส่ องถัดลงมาให้ยน
ื่ ออกมาจนเกือบจะหล่น เช่น
เดียวกัน การทำ�ลักษณะเช่นนี้กับไม้เมตรอันถัดลงมาเรื่อย ๆ จนในที่สุดไม้เมตรอันบนสุดยื่นออก
มานอกขอบโต๊ะทั้งอัน เมื่อใช้มือผลักปลายไม้เมตรส่วนที่ยื่นออกนอกโต๊ะทีละอันให้หันเบี่ยงออก
จากการซ้อนกันจะปรากฏว่าไม้ทั้งหมดยังอยู่ในสมดุลได้ไม่ตกลงมา ดังรูป 4.1
2. ใช้กา้ นไม้ขด
ี ไฟและช้อนส้อมหนึง่ คู่ เสียบปลายช้อนเข้ากับซีข
่ องส้อมแล้วใช้ไม้ขด
ี ก้าน
หนึง่ เอาปลายด้านหางไม้ขด
ี เสียบเข้าระหว่างซีข
่ องส้อม ใช้มอ
ื ถือไม้ขด
ี อีกก้านหนึง่ ทางหาง แล้วเอา
ทางด้านหัวของไม้ขีดรองรับที่หัวของไม้ขีดที่เสียบกับช้อนส้อมในตำ�แหน่งที่จะทำ�ให้อยู่ในสมดุลได้
ดังรูป 4.2
กิจกรรมลองทำ�ดู การหาศูนย์กลางมวลและศูนย์ถ่วงของวัตถุ
จุดประสงค์
หาศูนย์กลางมวลและศูนย์ถ่วงของวัตถุที่มีรูปร่างไม่สมมาตรด้วยวิธีการลากเส้นตามแนวของ
แรงโน้มถ่วงที่กระทำ�ต่อวัตถุ
เวลาที่ใช้ 1 ชั่วโมง
วัสดุและอุปกรณ์
1. แผ่นทำ�จากวัสดุแข็ง รูปร่างไม่สมมาตร 1 แผ่น
และได้มีการเจาะรูไว้แล้ว
2. ดินสอ 1 แท่ง
3. ไม้บรรทัด 1 อัน
4. นอต 1 ตัว
5. ขาตั้งพร้อมที่ยึดหลอดทดลอง 1 อัน
6. เชือกยาวประมาณ 50 เซนติเมตร 1 เส้น
ตัวอย่างผลการทำ�กิจกรรม
รูป ตัวอย่างผลการทำ�กิจกรรมลองทำ�ดู
แนวการวัดและประเมินผล
1. ความรู้เกี่ยวกับศูนย์กลางมวล และศูนย์ถ่วงของวัตถุรูปทรงใด ๆ จากการทำ�กิจกรรม การนำ�เสนอ
และการตอบคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจ 4.2
2. ทักษะการสังเกต การสื่อสาร และการลงความเห็นจากข้อมูล จากการทำ�กิจกรรม และการนำ�เสนอ
3. จิตวิทยาศาสตร์ด้านความอยากรู้อยากเห็น และความร่วมมือช่วยเหลือ จากการอภิปรายร่วมกัน
และการทำ�กิจกรรม
แนวคำ�ตอบคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจ 4.2
1. วัตถุมวลสม่ำ�เสมอวางบนพื้นโลก ศูนย์ถ่วงกับศูนย์กลางมวลจะเป็นตำ�แหน่งเดียวกันหรือไม่
แนวคำ�ตอบ เป็นตำ�แหน่งเดียวกัน เพราะที่พื้นโลกถือว่ามีความเร่งโน้มถ่วงสม่�ำ เสมอคงตัว
2. แขวนวัตถุทรงกระบอกที่ปลายเชือกด้านหนึ่ง ปลายเชือกอีกปลายหนึ่งแขวนไว้กับเพดาน
จะต้องแขวนวัตถุทรงกระบอกที่ปลายเชือกอย่างไร ให้วัตถุนั้นวางตัวในระดับพอดี
แนวคำ�ตอบ แขวนให้แนวเส้นเชือกผ่านกึ่งกลางพื้นที่หน้าตัดของทรงกระบอกซึ่งจะผ่าน
ศูนย์ถ่วงของทรงกระบอกพอดี
3. ศูนย์กลางมวลและศูนย์ถ่วงของวัตถุหนึ่งบนผิวโลกอยู่ที่ตำ�แหน่งเดียวกัน ถ้าวัตถุนี้อยู่บน
ดวงจันทร์ ศูนย์กลางมวลและศูนย์ถ่วงของวัตถุก้อนนี้จะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ อย่างไร
แนวคำ�ตอบ ไม่เปลีย่ นตำ�แหน่ง เพราะศูนย์กลางมวลวัตถุไม่ขน
ึ้ กับสถานที่ บนพืน
้ ดวงจันทร์
ถือว่าความเร่งโน้มถ่วงสม่ำ�เสมอคงตัว ดังนั้นศูนย์ถ่วงวัตถุเมื่ออยู่บนดวงจันทร์ยังอยู่ที่เดียว
กับศูนย์กลางมวลวัตถุ
4. ยกตัวอย่างวัตถุที่ศูนย์ถ่วงอยู่ภายนอกเนื้อวัตถุมา 2 ตัวอย่าง
แนวคำ�ตอบ วัตถุทรงกระบอกกลวง เช่น ท่อ แก้ว หม้อ ขวดน้ำ� หรือ ลวดที่โค้งงอ
16 บทที่ 4 | สมดุลกล ฟิสิกส์ เล่ม 2
4.3 สมดุลต่อการเลื่อนที่
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อภิปรายเพือ่ สรุปเงือ่ นไขทีท
่ �ำ ให้วต
ั ถุอยูใ่ นสมดุลต่อการเลือ่ นทีแ่ ละอยูน
่ งิ่ เมือ่ มีแรงสองแรงกระทำ�
ต่อวัตถุ
2. ทดลอง วิเคราะห์ และอภิปรายเพื่อสรุปเงื่อนไขของแรงสามแรงที่กระทำ�ต่อวัตถุแล้วทำ�ให้วัตถุ
อยู่ในสมดุลต่อการเลื่อนที่และอยู่นิ่ง
3. เขียนแผนภาพวัตถุอิสระ วิเคราะห์ และคำ�นวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เมื่อมีแรงกระทำ�ต่อ
วัตถุแล้วทำ�ให้วัตถุอยู่ในสมดุลต่อการเลื่อนที่และอยู่นิ่ง โดยใช้วิธีการแยกแรง
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน แนวคิดที่ถูกต้อง
สิ่งที่ครูต้องเตรียมล่วงหน้า
1. อุปกรณ์สำ�หรับการสาธิต เช่น เครื่องชั่งสปริง ถุงทราย
2. ชุดอุปกรณ์กิจกรรม 4.2 การทดลองเรื่องสมดุลของแรงสามแรง
3. ใบกิจกรรรม
4. ถ้าจะมีการแจกแนวทางการให้คะแนนการประเมินทักษะต่าง ๆ จากการทำ�กิจกรรม ให้กับนักเรียน
ให้จัดเตรียมเอกสารให้เพียงพอกับจำ�นวนนักเรียน
แนวการจัดการเรียนรู้
ครูชี้แจงจุดประสงค์การเรียนรู้ของหัวข้อ 4.3
ครูนำ�เข้าสู่บทเรียนโดยทบทวนกฎการเคลื่อนที่
ของนิวตัน จากนั้น ให้นักเรียนทำ�กิจกรรมและตอบ
คำ�ถามต่อไปนี้
ให้นักเรียนใช้เครื่องชั่งสปริงเกี่ยวถุงทราย 1 ถุง
ถือไว้นิ่ง ๆ ดังรูป 4.3 ก. เครื่องชั่งสปริงเกี่ยวถุงทราย ข. แรง P และ W
ที่กระทำ�ต่อถุงทราย
รูป 4.3 เครื่องชั่งสปริงเกี่ยวถุงทราย เมื่อถุงทรายอยู่ในสมดุล
น้ำ�หนักจะมีค่าเท่ากับแรงดึงของสปริง
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 4 | สมดุลกล 17
ตั้งคำ�ถามให้นักเรียนอภิปรายเกี่ยวกับแรงที่กระทำ�ต่อถุงทราย เช่น
- มีแรงใดกระทำ�ต่อถุงทรายบ้าง (เครือ่ งชัง่ สปริงดึงถุงทรายขึน้ P และ น้�ำ หนักถุงทรายดึงลง W )
- น้ำ�หนักถุงทรายมีค่าเท่าใด (น้�ำ หนักถุงทรายเท่ากับ 0.5 kg × 9.8 m/s 2 = 4.9 N
- เครื่องชั่งสปริงบอกแรงใด มีค่าเท่าใด (บอกแรงที่เครื่องชั่งสปริงดึงวัตถุขึ้น เท่ากับ 4.9 นิวตัน)
- สภาพการเคลื่อนที่ของถุงทรายขณะนี้เป็นอย่างไร (อยู่นิ่ง)
- เขียนแผนภาพวัตถุอิสระที่ถุงทราย
- แรงที่กระทำ�ต่อถุงทรายทั้งสองแรงสัมพันธ์กันอย่างไร (ขนาดของแรงทั้งสอง
เท่ากันแต่ทิศทางตรงข้าม)
- แรงลัพธ์ที่กระทำ�ต่อถุงทรายมีค่าเท่าใด (แรงลัพธ์เป็นศูนย์)
จากการตอบคำ�ถามและร่วมกันอภิปรายควรสรุปได้วา่ เมือ
่ มีแรง 2 แรงกระทำ�ต่อวัตถุแล้วทำ�ให้วต
ั ถุ
สมดุลต่อการเลื่อนที่ แรงทั้งสองจะมีขนาดเท่ากันแต่ทิศทางตรงข้ามกัน ดังนั้นแรงลัพธ์ของแรงทั้งสองเป็น
ศูนย์
จากนั้น ครูชี้แจงว่า ในหัวข้อนี้ จะพิจารณาสมดุลต่อการเลื่อนที่เฉพาะวัตถุที่อยู่นิ่งเท่านั้น โดยแบ่ง
การพิจารณาเป็นสองกรณี คือ กรณีมีแรงสองแรงกระทำ� และ กรณีมีแรงสามแรงกระทำ�ต่อวัตถุ ดังต่อไปนี้
กรณีที่มีแรงสองแรงกระทำ�
ในกรณีมแี รงสองแรงกระทำ�ต่อวัตถุ ให้นก
ั เรียนพิจารณาข้อสรุปของแรงทีก
่ ระทำ�กับถุงทรายจาก
กิจกรรมนำ�เข้าสู่หัวข้อ 4.3 และให้นักเรียนพิจารณาเพิ่มเติมเกี่ยวกับแรงที่กระทำ�ต่อจอภาพของ
คอมพิวเตอร์วางอยู่บนโต๊ะในรูป 4.5 ของหนังสือเรียน ซึ่งควรได้ข้อสรุปเดียวกัน นั่นคือ มีแรง
2 แรงกระทำ�ต่อวัตถุแล้วทำ�ให้วัตถุสมดุลต่อการเลื่อนที่ แรงทั้งสองจะมีขนาดเท่ากันแต่ทิศทาง
ตรงข้ามกัน และกระทำ�ผ่านศูนย์กลางมวล ดังนั้นแรงลัพธ์ของแรงทั้งสองเป็นศูนย์
กรณีที่มีแรงสามแรงกระทำ�
ครูนำ�นักเรียนอภิปรายเกี่ยวกับกรณีมีแรงสามแรงกระทำ� โดยเริ่มจากให้นักเรียนพิจารณากรณี
ที่ 1 แรงอยูใ่ นแนวเดียวกัน ตามรูป 4.6 และรายละเอียดในหนังสือเรียน จนได้ขอ
้ สรุปว่า วัตถุถก
ู แรง
ที่อยู่ในแนวเดียวกัน 3 แรงกระทำ� วัตถุจะอยู่ในสมดุลต่อการเลื่อนที่และอยู่นิ่งเมื่อผลรวมของแรง
ที่มีทิศตรงข้ามกันมีขนาดเท่ากัน
ครูกระตุ้นความสนใจด้วยคำ�ถามว่า การที่มีแรงสามแรงที่ไม่อยู่แนวเดียวกันแต่อยู่ในระนาบ
เดียวกันกระทำ�ต่อวัตถุแล้วทำ�ให้วัตถุอยู่ในสมดุลต่อการเลื่อนที่และอยู่นิ่ง จะมีเงื่อนไขอะไรบ้าง
ให้นักเรียนอภิปรายร่วมกัน จากนั้นให้นักเรียนทำ�กิจกรรม 4.2 เพื่อหาคำ�ตอบ
18 บทที่ 4 | สมดุลกล ฟิสิกส์ เล่ม 2
จุดประสงค์
1. ทดลอง วิเคราะห์ และอภิปรายเกี่ยวกับแนวของแรงและขนาดของแรงสามแรงที่กระทำ�ต่อ
วัตถุแล้วทำ�ให้วัตถุอยู่ในสมดุลต่อการเลื่อนที่และอยู่นิ่ง
2. หาแรงลัพธ์ของแรงสามแรงด้วยวิธีการเขียนเวกเตอร์แบบหางต่อหัว
เวลาที่ใช้ 90 นาที
วัสดุและอุปกรณ์
1. เครื่องชั่งสปริง 3 อัน
2. เชือก 6 เส้น
3. กระดาษขาว 1 แผ่น
4. กระดาษแข็ง 1 แผ่น
5. ตัวหนีบยึด 3 อัน
แนะนำ�ก่อนทำ�กิจกรรม
ตัวอย่างผลการทำ�กิจกรรม
ผลการทำ�กิจกรรมของนักเรียนแต่ละกลุ่มไม่จำ�เป็นต้องเหมือนกัน อาจต่างกันทั้งขนาดและ
ทิศทางของแรงที่ใช้ดึงกระดาษแข็ง แต่ผลสรุปตามคำ�ถามท้ายกิจกรรมจะเป็นเช่นเดียวกัน
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 4 | สมดุลกล 19
ตัวอย่างผลการทำ�กิจกรรมในที่นี้ แรงที่ใช้ดึงกระดาษแข็งทั้งสามแรง F1 F2 และ F3 มีขนาด
2.5 N 2.6 N และ 5.1 N ตามลำ�ดับ
ก. แนวแรงดึงในเส้นเชือกที่ผูกยึดกระดาษแข็ง
F1 = 2.5 N
F2 = 2.6 N
F3 = 3.1 N
ข. แนวแรงและขนาดของแรง
รูป 4.4 ตัวอย่างแนวแรงและขนาดของแรงที่บันทึกได้
F2
F1
F3
F1 + F2 = -F3 F1
F1
-F3
F2 F3
F3 -F1
F2
F2 + F3 = -F1
ก. แรงลัพธ์ของแรง F1 กับแรง F2 ข. แรงลัพธ์ของแรง F
2 กับแรง F3
มีขนาด เท่ากับ F3 แต่ทิศตรงข้ามกัน มีขนาดเท่ากับ F1 แต่ทิศตรงข้ามกัน
รูป 4.6 ตัวอย่างการหาแรงลัพธ์ของสองแรง โดยวิธีสร้างรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน
ซึ่งแรงลัพธ์ของแรงสองแรงจะมีขนาดเท่ากับแรงที่สาม แต่มีทิศตรงข้ามกัน
แนวคำ�ตอบคำ�ถามท้ายกิจกรรม
□ ขณะกระดาษแข็งอยู่นิ่งแรงลัพธ์ที่กระทำ�ต่อกระดาษแข็งมีค่าเท่าใด
แนวคำ�ตอบ เท่ากับศูนย์เนื่องจากแผ่นกระดาษแข็งสมดุลต่อการเลื่อนที่
□ แนวของเส้นเชือกแต่ละเส้นที่เขียนต่อบนกระดาษขาวจะพบกันหรือไม่อย่างไร
แนวคำ�ตอบ พบกันที่จุดหนึ่ง
อภิปรายหลังการทำ�กิจกรรม
ครู แ ละนั ก เรี ย นร่ ว มกั น อภิ ป รายโดยใช้ ผ ลการทำ � กิ จ กรรมและการตอบคำ � ถามท้ า ยกิ จ กรรม
ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน จนได้ข้อสรุปดังนี้
1. เมื่อมีแรง 3 แรงที่ไม่ได้อยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกันกระทำ�ต่อวัตถุแล้ววัตถุสมดุลต่อการเลื่อนที่
แรงลัพธ์ของแรงทั้งสามเท่ากับศูนย์
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 4 | สมดุลกล 21
2. เมื่อเขียนเวกเตอร์ของแรงทั้งสามแบบหางต่อหัวจะพบว่าเวกเตอร์ของแรงทั้งสามต่อกันเป็น
สามเหลี่ยมปิด
3. แรงลัพธ์ของสองแรงแรก จะมีขนาดเท่ากับแรงที่สามแต่ทิศทางตรงข้ามกัน
4. เมื่อวัตถุอยู่นิ่ง ถ้าต่อแนวแรงทั้งสามออกไป แนวแรงทั้งสามจะพบกันที่จุดหนึ่ง
ก. ระนาบของแนวแรงทั้งสามที่ขนานกับพื้นโต๊ะ ข. ระนาบของแนวแรงทั้งสามที่ไม่ขนานกับพื้นโต๊ะ
จากนัน
้ ใช้เครือ
่ งชัง่ สปริงอีกอันหนึง่ เกีย
่ วปมเชือกดึงขึน
้ ในแนวดิง่ จะพบว่า ระนาบของแรงทัง้ สีแ่ รง
ที่กระทำ�กับปมเชือก ไม่จำ�เป็นต้องอยู่ในระนาบเดียวกัน ดังรูป 4.8 และปมเชือกยังอยู่ในสมดุลต่อการ
เลื่อนที่ได้
การหาแรงลัพธ์โดยวิธีแยกแรง
ครูทบทวนเกี่ยวกับการแยกแรงหนึ่งออกเป็นแรงองค์ประกอบ 2 แรงที่ตั้งฉากกัน ซึ่งจะได้ความ
สัมพันธ์ดังนี้
Fx = F cos θ
Fy = F sin θ
เมื่อ q เป็นมุมที่แนวแรง F ทำ�กับแกน x
Fy
F
θ
Fx
รูป 4.9 การแยกแรงหนึ่งออกเป็นองค์ประกอบ 2 แรงในแนวแกน x และแกน y
จากนั้นครูชี้ให้นักเรียนเห็นว่าเมื่อแรงหลายแรงกระทำ�ต่อวัตถุ จะแยกแต่ละแรงออกเป็นแรงองค์
ประกอบในแนวแกน x และ แกน y ได้
เมือ
่ พิจารณาแรงลัพธ์ในแต่ละแกนจะพบว่า ขณะวัตถุสมดุลต่อการเลือ
่ นทีว่ ต
ั ถุไม่มก
ี ารเลือ
่ นทีท
่ งั้ ใน
แนวแกน x และในแนวแกน y แสดงว่า แรงลัพธ์ในแนวแกน x และในแนวแกน y ต้องเป็นศูนย์หรือ
∑F x = 0 และ ∑ Fy = 0 นัน่ คือ ผลรวมของขนาดแรงองค์ประกอบในแนวแกน +x จะเท่ากับผลรวม
ของขนาดแรงองค์ประกอบในแนวแกน –x และผลรวมของขนาดของแรงองค์ประกอบในแนวแกน +y จะ
เท่ากับผลรวมของขนาดแรงองค์ประกอบในแนวแกน –y ด้วย
ครูใช้คำ�ถามนำ�เพื่อให้นักเรียนช่วยกันสรุปเงื่อนไขของแรง 3 แรงที่กระทำ�ต่อวัตถุ แล้ววัตถุอยู่ใน
สมดุลต่อการเลื่อนที่ ดังนี้
1. แรงลัพธ์ของแรงทั้งสามเท่ากับศูนย์
2. แรงลัพธ์ของสองแรงแรกมีขนาดเท่ากับแรงที่สาม แต่ทิศทางตรงข้ามกัน
3. แนวแรงทั้งสามอยู่ในระนาบเดียวกันและพบกันที่จุดหนึ่ง
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 4 | สมดุลกล 23
เมือ
่ มีแรงมากกว่าสองแรงกระทำ�ต่อวัตถุ สามารถแยกแรงเหล่านัน
้ ออกเป็นแรงองค์ประกอบในแนว
แกน x และ y ถ้าวัตถุอยู่ในสมดุลต่อการเลื่อนที่ แรงลัพธ์ในแนวแกน x และแกน y ต้องเท่ากับศูนย์
ครูอภิปรายตัวอย่าง 4.1 – 4.3 จากนัน
้ ครูให้นก
ั เรียนตอบคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจและทำ�แบบ
ฝึกหัดท้ายหัวข้อ 4.3 โดยอาจมีการเฉลยคำ�ตอบและอภิปรายคำ�ตอบร่วมกัน
แนวการวัดและประเมินผล
1. ความรู้เกี่ยวกับสมดุลต่อการเลื่อนที่ จากคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจ 4.3 และแบบฝึกหัด 4.3
2. ทักษะการสังเกต การลงความเห็นจากข้อมูล การทำ�งานเป็นทีม จากการทำ�กิจกรรม
3. ทักษะการแก้ปัญหาและการใช้จำ�นวน จากการทำ�กิจกรรมและการทำ�แบบฝึกหัด 4.3
4. จิตวิทยาศาสตร์ดา้ นความมีเหตุผล และความรอบคอบ จากการอภิปรายร่วมกันและจากแบบฝึกหัด
4.3
แนวคำ�ตอบคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจ 4.3
1. วัตถุที่อยู่ในสมดุลต่อการเลื่อนที่และอยู่นิ่ง มีเงื่อนไขอะไรบ้าง
แนวคำ�ตอบ แรงลัพธ์เป็นศูนย์และความเร็วเป็นศูนย์
2. ปล่อยให้วต
ั ถุตกอย่างอิสระ ถ้าไม่คด
ิ แรงต้านอากาศทีก่ ระทำ�ต่อวัตถุ วัตถุนส้ี มดุลต่อการเลือ่ นที่
หรือไม่ อธิบาย
แนวคำ�ตอบ ไม่สมดุลต่อการเลื่อนที่ เพราะวัตถุที่ตกแบบเสรี เคลื่อนที่ด้วยความเร่ง g
4. จงให้เหตุผลว่า เมือ
่ มีมวลแขวนทีจ่ ด
ุ กึง่ กลางของเส้นเชือกทีข
่ งึ ไว้ในแนวระดับ ทำ�ไมเราจึงไม่
สามารถทำ�ให้เชือกเป็นเส้นตรงโดยไม่หย่อนเลย
แนวคำ�ตอบ เพราะจุดแขวนบนเชือกจะมีแรงน้�ำ หนักวัตถุดงึ ลงในแนวดิง่ หากจุดแขวนอยูน
่ ง่ิ
แสดงว่าสมดุลต่อการเลื่อนที่ ซึ่งจะต้องมีแรงทิศทางขึ้นในแนวดิ่งมาหักล้างให้แรงลัพธ์
เป็นศูนย์ เชือกจึงหย่อนลงเสมอเพือ
่ ทำ�ให้เกิดแรงองค์ประกอบของแรงดึงเชือกขึน
้ ในแนวดิง่
24 บทที่ 4 | สมดุลกล ฟิสิกส์ เล่ม 2
เฉลยแบบฝึกหัด 4.3
30 ° Fcos30 °
W
แยกแรง 100 N ออกเป็นแรงองค์ประกอบในแนวระดับและแนวดิ่ง
เนื่องจากกล่องเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงตัว ตามกฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน ข้อ 1 จะได้
แรงเสียดทาน = แรงองค์ประกอบในแนวระดับของแรง F
f = F cos 30
= (100 N ) ( cos 30 )
= 86.6 N
ตอบ แรงเสียดทานที่พื้นกระทำ�ต่อกล่องเท่ากับ 86.6 นิวตัน
W sin 30 ° 30 °
f
30 °
W cos30 °
W
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 4 | สมดุลกล 25
f = W sin 30
1
= (50 N )( )
2
= 25 N
N คือ แรงที่พื้นเอียงกระทำ�ต่อวัตถุในแนวตั้งฉากกับพื้นเอียง
N = W cos 30
3
= ( 50 N )
2
= 43.3 N
ตอบ แรงที่พื้นเอียงกระทำ�ต่อวัตถุในแนวตั้งฉากกับพื้นเอียง 43.3 นิวตัน
แรงเสียดทานที่พื้นเอียงกระทำ�กับวัตถุเท่ากับ 25 นิวตัน
20 N
60 °
30 N
จงหาขนาดและทิศทางของแรงที่สามที่จะทำ�ให้วัตถุอยู่ในสมดุล
26 บทที่ 4 | สมดุลกล ฟิสิกส์ เล่ม 2
T = 26.5 N
20 N
20 N 100.5°
แรงลัพธ� 79.5°
30 N
แรงลัพธ�
30 N
4. วัตถุหนัก W แขวนไว้ด้วยเชือกดังรูป
60°
30 N T1
วิธีทำ�
แยกแรง T1 เข้าแกนดิ่งและแกนระดับ
แนวระดับ T1 cos 60 = 30 N
T1 = 60 N
100 cm
F
20 cm
40 N
รูปประกอบแบบฝึกหัด 4.3 ข้อ 5
จงหาแรง F
28 บทที่ 4 | สมดุลกล ฟิสิกส์ เล่ม 2
Tcosθ 100 cm
T 80 cm θ
θ
F
60 cm
Tsinθ
40 N
วัตถุสมดุลต่อการเลื่อนที่
4.4 สมดุลต่อการหมุน
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกความหมายและคำ�นวณโมเมนต์ของแรง
2. อภิปรายเพื่อสรุปเงื่อนไขที่ทำ�ให้วัตถุอยู่ในสมดุลต่อการหมุน
3. เขียนแผนภาพวัตถุอิสระ วิเคราะห์ และคำ�นวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเมื่อวัตถุอยู่ในสมดุล
ต่อการหมุน
4. บอกความหมายของแรงคู่ควบและลักษณะการเคลื่อนที่ของวัตถุเมื่อมีแรงคู่ควบหนึ่งคู่กระทำ�
ต่อวัตถุ
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน แนวคิดที่ถูกต้อง
สิ่งที่ครูต้องเตรียมล่วงหน้า
• อุปกรณ์สำ�หรับการสาธิต เช่น คาน เชือก ถุงทราย
แนวการจัดการเรียนรู้
ครูชี้แจงจุดประสงค์การเรียนรู้หัวข้อ 4.4
ครูนำ�เข้าสู่บทเรียนโดยการอภิปรายเพื่อทบทวนเกี่ยวกับศูนย์กลางมวลและศูนย์ถ่วง จากนั้นครูนำ�
อภิปรายเกี่ยวกับสมดุลต่อการหมุน เทียบเคียงกับสมดุลต่อการเลื่อนที่ จนสรุปได้ว่า วัตถุที่สมดุลต่อการ
หมุนวัตถุจะหยุดนิ่ง (ไม่หมุน) หรืออาจหมุนด้วยความเร็วเชิงมุมคงตัว แต่ในบทเรียนจะศึกษาเฉพาะกรณี
ที่วัตถุหยุดนิ่ง
30 บทที่ 4 | สมดุลกล ฟิสิกส์ เล่ม 2
4.4.1 โมเมนต์ของแรง
แนวการจัดการเรียนรู้
ครูยกตัวอย่างเกี่ยวกับการหมุนของวัตถุที่พบเห็นในชีวิตประจำ�วัน เช่น การผลักบานประตูหรือ
หน้าต่าง การบิดลูกบิดประตู การถีบจักรยาน การออกแรงผลักปากกาหรือไม้บรรทัดที่วางบนโต๊ะ แล้ว
นำ�อภิปรายจนได้ข้อสรุปว่า เมื่อออกแรงกระทำ�กับวัตถุ โดยแนวแรงไม่ผ่านศูนย์กลางมวลของวัตถุ จะ
ทำ�ให้วัตถุหมุนรอบศูนย์กลางมวล แต่ถ้ามีการยึดวัตถุให้อยู่ที่แกนหมุนอื่นซึ่งไม่ใช่ศูนย์กลางมวล วัตถุจะ
หมุนรอบแกนนั้น ๆ ได้ ผลการหมุนที่เกิดจากแรงเรียกว่า โมเมนต์ของแรง ครูนำ�อภิปรายรายละเอียดตาม
หนังสือเรียน จนได้ข้อสรุปว่า ขนาดของโมเมนต์ของแรงมีค่าเท่ากับผลคูณระหว่างขนาดของแรงกับระยะ
ทางจากจุดหมุนไปตั้งฉากกับแนวแรง ตามสมการ (4.3) และ (4.4) ครูควรเน้นว่าโมเมนต์ของแรงเป็น
ปริมาณเวกเตอร์
จากนั้นครูควรชี้ให้เห็นว่า มีการกำ�หนดให้โมเมนต์ทวนเข็มนาฬิกาและโมเมนต์ตามเข็มนาฬิกามี
เครื่องหมายต่างกัน ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน จากนั้นตั้งคำ�ถามให้นักเรียนอภิปรายร่วมกันว่า การ
ที่วัตถุอยู่นิ่งโดยไม่หมุน โมเมนต์ของแรงที่เกิดขึ้นกับวัตถุเป็นอย่างไร โดยครูไม่คาดหวังคำ�ตอบที่ถูกต้อง
4.4.2 โมเมนต์ของแรงคู่ควบ
ครูยกตัวอย่างการออกแรงสองแรงที่กระทำ�ต่อวัตถุแล้วทำ�ให้วัตถุมีการหมุน เช่น การใช้มือออกแรง
หมุนพวงมาลัยรถขณะเลี้ยว หรือ การใช้มือออกแรงหมุนลูกบิดประตู โดยให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย
จนกระทั่ ง ได้ ข้ อ สรุ ป ว่ า ขณะหมุ น
แรงบิด
พวงมาลัยรถ หรือ ขณะบิดลูกบิด แรงบิด
ประตู แรงที่ ก ระทำ � ต่ อ พวงมาลั ย
หรือลูกบิดประตูมีสองแรงในทิศทาง
ตรงข้ามกัน โดยในกรณีลูกบิดประตู แรงบิด
สามารถแสดงแรงที่กระทำ�ต่อลูกบิด
ได้ดังรูป
แรงบิด
รูป 4.10 แรงคู่ควบกระทำ�ต่อลูกบิดประตู
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 4 | สมดุลกล 31
ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับแรงคู่ควบคู่หนึ่งกระทำ�ต่อวัตถุตามรายละเอียดในหนังสือ
เรียน จนได้ข้อสรุปดังนี้
F1
ถ้าต้องการให้วัตถุนั้นสมดุลต่อการหมุนโดยใช้แรงอีกหนึ่งแรงกระทำ�แล้วทำ�ให้เกิดโมเมนต์ของแรง
นั้นมีขนาดเท่ากับโมเมนต์ของแรงคู่ควบเดิมแต่มีทิศทางตรงข้ามกันนั้น สามารถทำ�ได้ดังรูป 4.12 แต่การ
ออกแรงกระทำ�เพียงแรงเดียวจะทำ�ให้วัตถุนั้นไม่อยู่ในสมดุลต่อการเลื่อนที่ เพราะแรงลัพธ์ไม่เป็นศูนย์
F1
F1
P
รูป 4.12 ใช้แรง P เพิ่มขึ้น 1 แรงทำ�ให้วัตถุสมดุลต่อการหมุนแต่ไม่สมดุลต่อการเลื่อนที่
ดังนั้นการที่จะทำ�ให้วัตถุสมดุลต่อการเลื่อนที่และสมดุลต่อการหมุนในขณะเดียวกัน จึงต้องใช้แรงคู่
ควบอีกหนึ่งคู่กระทำ�ต่อวัตถุ ในลักษณะที่ทำ�ให้เกิดโมเมนต์เท่ากัน แต่ทิศทางการหมุนตรงข้ามกับโมเมนต์
ของแรงคู่ควบคู่แรกดังรูป 4.13 เช่น การใช้แรงคู่ควบ (F2, F2 ) กระทำ�ต่อวัตถุ ดังนี้
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 4 | สมดุลกล 33
F1
F2
d2
d1
F2
F1
แนวการวัดและประเมินผล
1. ความรู้เกี่ยวกับสมดุลต่อการหมุน จากการตอบคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจ 4.4 และการทำ�
แบบฝึกหัด 4.4
2. ทักษะการแก้ปัญหาและการใช้จำ�นวน จากการคำ�นวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสมดุลต่อการ
หมุนในแบบฝึกหัด 4.4
3. จิตวิทยาศาสตร์ด้านความมีเหตุผล และความรอบคอบ จากการอภิปรายร่วมกันและจากการทำ�
แบบฝึกหัดท้าย 4.4
34 บทที่ 4 | สมดุลกล ฟิสิกส์ เล่ม 2
แนวคำ�ตอบคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจ 4.4
1. วัตถุจะอยู่ในสมดุลต่อการหมุน ต้องมีเงื่อนไขอะไรบ้าง
แนวคำ�ตอบ โมเมนต์รวมของทุกแรงที่กระทำ�ต่อวัตถุรอบจุดหมุนใด ๆ เท่ากับศูนย์ หรือ
ผลรวมของโมเมนต์ทวนเข็มนาฬิกาเท่ากับผลรวมของโมเมนต์ตามเข็มนาฬิกา
2. “แรงสองแรงกระทำ�ต่อวัตถุก้อนหนึ่ง โดยแรงทั้งสองมีขนาดเท่ากันอยู่ในแนวขนานกันและ
มีทิศทางตรงข้าม วัตถุจะอยู่ในสมดุลไม่ไถลและไม่หมุน” คำ�กล่าวนี้ถูกต้องหรือไม่ เพราะ
เหตุใด
แนวคำ�ตอบ ไม่ถูกต้อง เพราะแรงสองแรงขนาดเท่ากันทิศทางตรงข้ามกันจะมีแรงลัพธ์
เป็นศูนย์ แต่มีโมเมนต์รวมไม่เป็นศูนย์ ดังนั้นวัตถุจะสมดุลต่อการเลื่อนที่ แต่ไม่สมดุลต่อ
การหมุน
uv
u
3. ก. น้�ำ หนัก W ทำ�ให้คาน AB ในแต่ละรูปมีการหมุนรอบจุดตรึงอย่างไร เมือ่ ตัดเส้นเชือกให้ขาด
uv
u
ข. ในรูปใด โมเมนต์ของแรงเนื่องจากน้�ำ หนัก W รอบจุดตรึงมีค่ามากกว่า
เชือก เชือก
จุดตรึง จุดตรึง
A B A B
W W
ก. ข.
รูป ประกอบคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจ 4.4 ข้อ 3
uv
u
แนวคำ�ตอบ ก. เมื่อตัดเส้นเชือกน้ำ�หนัก W ทำ�ให้คาน AB ในรูป ก. หมุนทวนเข็ม
นาฬิการอบจุดตรึง B ส่วนในรูป ข. คาน AB ในรูป ข. หมุนตามเข็ม
นาฬิการอบจุดตรึง A
uv
u
ข. รูป ข. มีโมเมนต์ของแรงเนื่องจากน้�ำ หนัก W มากกว่ารูป ก. เพราะมี
ระยะจากจุด หมุนไปตั้งฉากกับแนวแรงยาวกว่า รูป ก.
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 4 | สมดุลกล 35
4. โมเมนต์ของแรงและโมเมนต์ของแรงคู่ควบต่างกันหรือไม่ อย่างไร
แนวคำ�ตอบ แตกต่างกัน เนื่องจาก โมเมนต์ของแรงเป็นผลคูณระหว่างขนาดของแรงกับ
ระยะทางจากจุดหมุนไปตัง้ ฉากกับแนวของแรง แต่โมเมนต์ของแรงคูค
่ วบเป็นผลคูณระหว่าง
ขนาดของแรงใดแรงหนึ่งกับระยะทางตั้งฉากระหว่างแนวแรงทั้งสอง
เฉลยแบบฝึกหัด 4.4
L L L
25 N 5N 5N x
วัตถุ x มีน้ำ�หนักเท่าใด
วิธีทำ� ให้ต�ำ แหน่งที่เชือกผูกเป็นจุดหมุน คานสมดุลต่อการหมุน
x(2 L) + (5 N)L = ( 25 N ) L
x = 10 N
ตอบ วัตถุ x มีน้ำ�หนักเท่ากับ 10 นิวตัน
0.5 m T2 0.5 m
T1
1m
50 N 30 N 20 N
แรงดึงเชือก T1 เป็นกี่เท่าของ T2
36 บทที่ 4 | สมดุลกล ฟิสิกส์ เล่ม 2
0.5 m T2 0.5 m
T1
O
50 N 30 N 20 N
แท่งไม้สมดุลต่อการเลื่อนที่
T1 + T2 = 100 N
แท่งไม้สมดุลต่อการหมุน ให้ O เป็นจุดหมุน
T1 = 100 N - 20 N
= 80 N
T1 80 N
= = 4
T2 20 N
T1 = 4T2
20 N C
D
30 N
30 N
30 cm
A
40 cm B
20 N
รูป ประกอบแบบฝึกหัด 4.4 ข้อ 3
โมเมนต์รวมที่กระทำ�ต่อกรอบไม้ มีขนาดเท่าใดและเป็นชนิดใด
วิธีทำ� เนื่องจากแรงลัพธ์ของแรงทั้งหลายที่กระทำ�ต่อกรอบไม้เป็นศูนย์ โมเมนต์รวมเป็นลักษณะ
ของโมเมนต์ของแรงคู่ควบ จะไม่ขึ้นกับจุดหมุน
จากรูป กรอบไม้ถูกกระทำ�ด้วยแรงคู่ควบ 2 คู่
ที่จุด A และ C มีแรงคู่ควบ 30 N กระทำ�
M30N = (30 N)(AC) = (30 N)(0.5 m) = 15 N m ตามเข็มนาฬิกา
ที่จุด B และ D มีแรงคู่ควบ 20 N กระทำ�
M20N = (20 N)(AB) = (20 N)(0.4 m) = 8 N m ตามเข็มนาฬิกา
∑ M = 15 N m+8N m
= 23 N m ตามเข็มนาฬิกา
ตอบ โมเมนต์รวมมีขนาด 23 นิวตัน เมตร เป็นโมเมนต์ตามเข็มนาฬิกา
38 บทที่ 4 | สมดุลกล ฟิสิกส์ เล่ม 2
36 N
10 cm
h
120 N A
ให้แรง 36 N อยู่สูงจากพื้นมากสุดเป็นระยะ h
ถังอยู่ในสมดุลต่อการหมุนรอบจุด A
แรงปฏิกิริยาที่พื้นกระทำ�ต่อถัง N จะเลื่อนไปสุดที่จุด A
ให้ A เป็นจุดหมุน
Mทวน = Mตาม
(120 N)(10 cm) = (36 N)h
h = 33.33 cm
ตอบ แรงที่ใช้ต้องอยู่สูงจากพื้นไม่เกิน 33.33 เซนติเมตร
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 4 | สมดุลกล 39
4.5 เสถียรภาพของวัตถุ
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. สังเกตและอธิบายผลของศูนย์ถ่วงที่มีต่อเสถียรภาพของวัตถุ
2. นำ�ความเข้าใจเกี่ยวกับศูนย์ถ่วงของวัตถุไปอธิบายเสถียรภาพของวัตถุต่าง ๆ ในชีวิตประจำ�วัน
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน แนวคิดที่ถูกต้อง
2. น้ำ�หนักของวัตถุมีผลกับเสถียรภาพของวัตถุ 2. น้ำ�หนักของวัตถุจะมีผลกับเสถียรภาพของ
วัตถุเมื่อทำ�ให้ศูนย์ถ่วงของวัตถุสูงขึ้น
สิ่งที่ครูต้องเตรียมล่วงหน้า
1. อุปกรณ์สำ�หรับการสาธิต เช่น กล่องชอล์ค กล่องนม
2. ชุดอุปกรณ์กิจกรรม 4.3 ผลของศูนย์ถ่วงที่มีต่อเสถียรภาพของวัตถุ
3. ใบกิจกรรรม
4. ถ้าจะมีการแจกแนวทางการให้คะแนนการประเมินทักษะต่าง ๆ จากการทำ�กิจกรรม ให้กับนักเรียน
ให้จัดเตรียมเอกสารให้เพียงพอกับจำ�นวนนักเรียน
แนวการจัดการเรียนรู้
ครูชี้แจงจุดประสงค์การเรียนรู้หัวข้อ 4.5
ครูยกตัวอย่างวัตถุต่าง ๆ ที่อยู่ในสมดุล เช่น แท่งชอล์คที่วางนอนบนพื้นโต๊ะ ลูกบอลวางบนพื้น เมื่อนำ�
ชอล์ค (อาจใช้ปากกา หรือดินสอหรือวัตถุทรงยาวอื่น ๆ) วางตั้งบนพื้นโต๊ะ แล้วผลักวัตถุ แต่ละอย่าง ให้
นักเรียนสังเกตการเปลี่ยนแปลงของวัตถุเหล่านั้น ว่ามีการเปลี่ยนแปลงแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร
ครูให้นักเรียนพิจารณารูป 4.14 ในหนังสือเรียน จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายรายละเอียด
ตามในหนังสือเรียน จนได้ข้อสรุปได้ว่า วัตถุต่าง ๆ ที่พบเห็นในชีวิตประจำ�วัน เมื่อมีการวางตัวในลักษณะ
แตกต่างกันจะมีแนวโน้มที่จะล้มได้ง่ายหรือยากแตกต่างกัน เช่นเดียวกับกรณีของแจกัน นั่นคือ วัตถุจะมี
เสถียรภาพมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับการวางตัวของวัตถุ ปัจจัยใดบ้างที่เกี่ยวข้องกับเสถียรภาพของวัตถุ ให้
นักเรียนศึกษาจากการทำ�กิจกรรม 4.3 ผลของศูนย์ถ่วงที่มีต่อเสถียรภาพของวัตถุ
40 บทที่ 4 | สมดุลกล ฟิสิกส์ เล่ม 2
จุดประสงค์
1. สังเกตสภาพการเคลื่อนที่ของวัตถุเมื่อได้รับแรง
2. อภิปรายเพื่อสรุปเกี่ยวกับผลของศูนย์ถ่วงที่มีต่อเสถียรภาพของวัตถุ
เวลาที่ใช้ 45 นาที
วัสดุและอุปกรณ์
1. กล่องเปล่าที่มีขนาดของฐานกล่อง
ใกล้เคียงกัน แต่ความสูงต่างกัน 2 กล่อง
2. ลวดหนีบกระดาษ 2 อัน
3. เชือกยาวประมาณ 1 เมตร 2 เส้น
4. แท่งไม้ขนาดเล็กที่มีความยาวมากกว่า
ความกว้างของกล่อง 2 แท่ง
แนวคำ�ตอบคำ�ถามท้ายกิจกรรม
□ มุมที่มากที่สุดที่กล่องแต่ละใบสามารถเอียงได้โดยไม่ล้ม แตกต่างกันหรือไม่
และเกี่ยวข้องกับศูนย์ถ่วงแต่ละใบอย่างไร
แนวคำ�ตอบ เอียงกล่องโดยกล่องไม่ลม
้ พบว่ากล่องทีม
่ ค
ี วามสูงน้อยกว่าจะเอียงไปได้มากกว่ากล่อง
ที่สูงกว่า แสดงว่ากล่องที่มีศูนย์ถ่วงอยู่ต่ำ�กว่าจะล้มได้ยากกว่าหรือมีเสถียรภาพดีกว่า
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 4 | สมดุลกล 41
อภิปรายหลังการทำ�กิจกรม
ครูน�ำ นักเรียนอภิปรายโดยใช้ค�ำ ตอบของนักเรียนจากคำ�ถามท้ายกิจกรรม จนได้ขอ้ สรุปว่าเสถียรภาพ
ของวัตถุขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัย คือ
1. ศูนย์ถ่วงของวัตถุ
2. ความกว้างส่วนฐานของวัตถุ
ความรู้เพิ่มเติมสำ�หรับครู
เสถียรภาพของสมดุล
วัตถุขณะอยู่ในสมดุลอาจวางตัวในลักษณะต่างกัน ซึ่งจะทำ�ให้วัตถุนั้น ๆ มีเสถียรภาพของ
สมดุลต่างกันด้วย เช่น การวางกรวยในรูป ก. ข. และ ค.
ก. ข. ค.
รูป กรวยวางตัวในลักษณะต่างกันบนพื้นระดับ
สมดุลเสถียร
จากรูป ก. เดิมกรวยอยู่ในสภาพสมดุลเสถียร เมื่อมีแรงกระทำ�ต่อกรวยให้เอียงไปเล็กน้อย
ศูนย์กลางมวล (CM) ของกรวย จะเปลี่ยนตำ�แหน่งอยู่ในระดับสูงขึ้น ซึ่งหมายถึงกรวยมีพลังงาน
ศักย์สูงขึ้น เมื่อกรวยเอียงไปทางใดทางหนึ่ง น้�ำ หนัก W จะไม่อยู่ในแนวเดียวกับแรงที่พื้นดันวัตถุ
ในทิศทางตั้งฉาก N ทำ�ให้เกิดโมเมนต์ของแรงคู่ควบที่จะทำ�ให้กรวยกลับมาตั้งอยู่ในลักษณะเดิม
สมดุลสะเทิน
จากรูป ข. เมื่อออกแรงผลักกรวย ไม่ว่าจะผลักอย่างไร กรวยจะกลิ้งโดยศูนย์กลางมวลของ
กรวยอยู่สูงจากพื้นเท่าเดิม พลังงานศักย์ของศูนย์กลางมวลเท่าเดิม และแนวน้ำ�หนัก W ยังคงอยู่
ในแนวแรง N จึงไม่เกิดโมเมนต์ของแรงให้กลับคืนที่เดิม ทำ�ให้กรวยอยู่ ณ ตำ�แหน่งใหม่ทุกครั้ง
แต่วางตัวในลักษณะเดิม
สมดุลไม่เสถียร
จากรูป ค. เมื่อกรวยถูกผลักให้เอียงไปเล็กน้อย ศูนย์กลางมวลจะเปลี่ยนตำ�แหน่งอยู่ใน
ระดับที่ต่ำ�ลง พลังงานศักย์ของกรวยจะลดลง และเมื่อศูนย์กลางมวลของกรวยพ้นแนวปลายแหลม
ของกรวยที่เป็นฐาน ทำ�ให้กรวยล้มเนื่องจากโมเมนต์ของแรงคู่ควบของน้ำ�หนัก W และ N โดย
กรวยจะไม่วางตัวกลับไปดังเดิม
Fลัพธ
Fลัพธ
แนวการวัดและประเมินผล
1. ความรู้เกี่ยวกับเสถียรภาพของวัตถุจากแบบฝึกหัดท้ายหัวข้อ 4.5
2. ทักษะการสังเกต และการลงความเห็นจากข้อมูล จากการทำ�กิจกรรม
3. จิตวิทยาศาสตร์ ด้านการเห็นคุณค่าทางวิทยาศาสตร์ จากการอภิปรายร่วมกัน
แนวคำ�ตอบคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจ 4.5
1. เสถียรภาพของวัตถุขึ้นกับอะไรบ้าง
แนวคำ�ตอบ รูปทรงของวัตถุ ความสูงของศูนย์ถ่วง และความกว้างของฐาน
2. เพราะเหตุใด ช่องเก็บสัมภาระของรถบัสจึงอยู่ข้างล่างของตัวรถ
แนวคำ�ตอบ เพื่อรักษาให้ศูนย์ถ่วงของรถบัสอยู่ต�่ำ
เฉลยแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 4
คำ�ถาม
รูป ประกอบคำ�ถามข้อ 1
T
T sin θ
T
θ T cos θ
A R R
W W
ก. ข.
ก. การหาบ ข. การคอน
รูป ประกอบคำ�ถามข้อ 2
แนวคำ�ตอบ
N2
F
N1
mg mg
2 mg
46 บทที่ 4 | สมดุลกล ฟิสิกส์ เล่ม 2
3. ในกรณีทว่ี ต
ั ถุถก
ู กระทำ�ด้วยแรงคูค
่ วบหนึง่ คู่ วัตถุนน
้ั จะไม่อยูใ่ นสมดุลต่อการหมุน ถ้าจะให้วต
ั ถุ
อยู่ในสมดุลของการหมุน ต้องทำ�ให้ผลรวมของโมเมนต์ของแรงมีค่าเป็นศูนย์ นั่นคือต้องมีแรงคู่
ควบอีกอย่างน้อยหนึ่งคู่ กระทำ�ต่อวัตถุ แรงคู่ควบนั้นจะต้องกระทำ�ต่อวัตถุในลักษณะใด เขียนรูป
ประกอบคำ�อธิบายด้วย
แนวคำ�ตอบ แรงคู่ควบหนึ่งคู่ กระทำ�ต่อวัตถุ ดังเส้นลูกศรทึบ จะทำ�ให้วัตถุอยู่ในสมดุลต่อการ
เลื่อนตำ�แหน่ง แต่ไม่สมดุลต่อการหมุน เนื่องจากโมเมนต์ของแรงไม่เป็นศูนย ดังนั้นเมื่อมีแรงคู่ควบ
หนึ่งคู่ (ดังลูกศรเส้นทึบ) กระทำ�กับวัตถุแล้วต้องใช้แรงคู่ควบอีกอย่างน้อยหนึ่งคู่ (ดังลูกศรเส้นประ)
กระทำ�ต่อวัตถุให้เกิดโมเมนต์ตรงข้ามกับโมเมนต์ของแรงคู่ควบแรก โดยมีขนาดเท่ากัน วัตถุจึงจะ
ไม่เลื่อนตำ�แหน่งและไม่หมุน วัตถุจะอยู่ในสมดุล ดังรูป
F F
F F
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 4 | สมดุลกล 47
l/4 l /2
l /2 l/4
ก. ข.
รูป ประกอบคำ�ถามข้อ 4
ก. ไม ข. โลหะ
โลหะ ไม
รูป ประกอบคำ�ถามข้อ 5
วัตถุในรูปใดที่มีแนวโน้มที่จะล้มได้ง่ายกว่าเมื่อถูกผลักด้วยแรงเท่า ๆ กันจากระดับความสูงเดียวกัน
อธิบาย
แนวคำ�ตอบ สำ�หรับวัตถุทม
่ี รี ป
ู ทรงเดียวกัน วัตถุทม
่ี ศ
ี น
ู ย์ถว่ งต่�ำ กว่าจะมีเสถียรภาพทีด
่ ก
ี ว่าเนือ
่ งจาก
โลหะมีความหนาแน่นมากกว่าไม้ ดังนั้นศูนย์กลางมวลของวัตถุ (ก) ซึ่งมีโลหะทรงลูกบาศก์อยู่
ด้านล่างจึงอยู่ที่ระดับต่�ำ กว่าศูนย์กลางมวลของวัตถุ (ข) ซึ่งมีโลหะทรงลูกบาศก์วางตัวอยู่ด้านบน
ในสนามโน้มถ่วงสม่ำ�เสมอ ตำ�แหน่งศูนย์กลางมวลเป็นตำ�แหน่งเดียวกับตำ�แหน่งศูนย์ถ่วง ดังนั้น
วัตถุ (ก) จึงมีศูนย์ถ่วงที่ต่ำ�กว่าวัตถุ (ข) ส่งผลให้วัตถุ (ก) มีเสถียรภาพที่ดีกว่า เมื่อวัตถุทั้งสองถูก
ผลักด้วยแรงเท่า ๆ กันจากระดับความสูงเดียวกัน วัตถุ (ข) จึงมีแนวโน้มที่จะล้มได้ง่ายกว่า
48 บทที่ 4 | สมดุลกล ฟิสิกส์ เล่ม 2
รูป ประกอบคำ�ถามข้อ 6
จงอธิบาย เพราะเหตุใดจึงเกิดสมดุลได้
แนวคำ�ตอบ เมือ
่ มองจากด้านบน ศูนย์ถว่ งของระบบสามารถประมาณได้วา่ อยูท
่ ต
่ี �ำ แหน่งจุดสัมผัส
ขอบแก้ว ดังรูป
cg
ปัญหา
1. แรง 20 นิวตัน แรง 40 นิวตัน และ แรง F กระทำ�ต่อวัตถุหนึ่ง ดังรูป
20 N
60 ° 40 N
รูป ประกอบปัญหาข้อ 1
ขนาดของแรง F ที่ท�ำ ให้วัตถุอยู่ในสมดุลเป็นเท่าใด
วิธีทำ� แรงลัพธ์ของแรง 2 แรงต้องมีขนาดเท่ากับแรงที่ 3 แต่มีทิศตรงข้ามกัน จึงหาแรงลัพธ์โดย
สร้างรูปสามเหลี่ยมปิดและหาขนาดของแรงลัพธ์โดยใช้กฎโคไซน์
F
20 N
60
40 N
1
F 2 = 400 N 2 +1600 N 2 − (2)(800 N 2 )
2
= 1200 N 2
F = (400)(3) N
= 20 3 N
ตอบ ขนาดของแรง F ที่ทำ�ให้วัตถุอยู่ในสภาพสมดุลเท่ากับ นิวตัน
= 20 3 N
50 บทที่ 4 | สมดุลกล ฟิสิกส์ เล่ม 2
2. น้ำ�หนัก W แขวนไว้ด้วยเชือกสองเส้น ซึ่งเอียงทำ�มุม 60 องศา และ 30 องศา กับแนวดิ่ง จง
หาขนาดแรงดึงในเส้นเชือกทั้งสอง
วิธีทำ� เขียนแผนภาพวัตถุอิสระของจุดบนเชือกที่มี W แขวนดังรูป
T2 cos30 °
T2
60 °
30 °
30 ° T cos60 °
1
60 ° T1
T2 sin30 ° T1 sin60 °
T1 = T2 sin 30 = T2
จากสมการ (2) (3)
sin 60 3
นำ�ค่า T1 จากสมการ (3) แทนค่าในสมการ (1)
T2
cos 60o + T2 cos 30o = W
3
T2 3T
+ 2 =W
2 3 2 3
4T2
=W
2 3
3
T2 = W
2
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 4 | สมดุลกล 51
6.0 m
3.0 m
Wsin θ θ
f
B θ
C
W cosθ
พิจารณาสามเหลี่ยม ABC
( 6.0 m )
2
= (3.0 m) 2 + BC2
BC = 27 m
3m
นั่นคือ µk = = 0.58
27 m
ตอบ สัมประสิทธิ์ความเสียดทานจลน์ระหว่างวัตถุและพื้นเอียงเท่ากับ 0.58
45 °
รูป ประกอบปัญหาข้อ 4
จงหา
ก. แรงดึง F ที่ทำ�ให้วัตถุเคลื่อนที่ขึ้นพื้นเอียงด้วยความเร็วคงตัว
ข. แรงดึง F ทีท่ ำ�ให้วัตถุเคลื่อนที่ลงพื้นเอียงด้วยความเร็วคงตัว
วิธีทำ�
ก. หาแรงดึง F ที่ทำ�ให้วัตถุเคลื่อนที่ขึ้น F
N
ไปตามพื้ น เอี ย งด้ ว ยความเร็ ว คงตั ว
fk
ให้ N เป็นแรงทีพ่ น
้ื ดันวัตถุในแนวตัง้ ฉาก
กั บ พื้ น เ อี ย ง เ มื่ อ วั ต ถุ เ ค ลื่ อ น ที่ ขึ้ น 45°W cos 45 °
W sin 45 °
แรงเสี ย ดทานจลน์ ร ะหว่ า งวั ต ถุ แ ละ
W
พื้ น เอี ย งอยู่ ใ นทิ ศ ลงขนานกั บ พื้ น เอี ย ง
ดังรูป 45 °
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 4 | สมดุลกล 53
แรงลัพธ์ของแรงที่กระทำ�ต่อวัตถุในแนวขนานกับพื้นเท่ากับศูนย์
F = W sin 45 + f k
2
= ( 20 N ) + µk N
2
โดย N = W cos 45
2
F = ( 20 N ) + ( 0.3)( 20 N ) ( cos 45 )
2
2
( )
= (10 N ) 2 + ( 0.3)( 20 N )
2
= (10 N ) ( 2 ) + ( 3 N ) ( 2 )
= 18.39 N
ข. หาแรงดึง F ทีท
่ �ำ ให้วต
ั ถุเคลือ
่ นทีล่ งตามพืน
้ เอียงด้วยความเร็วคงตัว เมือ
่ วัตถุเคลือ
่ นทีล่ ง
แรงเสียดทานจลน์ระหว่างวัตถุและพื้นจะอยู่ในทิศขึ้นขนานกับพื้นเอียง ดังรูป แรงลัพธ์
ของแรงที่กระทำ�ต่อวัตถุในแนวขนานกับพื้นเอียงเท่ากับศูนย์
F
N
fk
45°W cos 45 °
W sin 45 °
45 °
ดังนั้น
F + f k = W sin 45
F = ( 20 N ) sin 45 − µk N
54 บทที่ 4 | สมดุลกล ฟิสิกส์ เล่ม 2
20 N
30°
รูป ประกอบปัญหาข้อ 5
จงหาแรงกดพื้นในแนวตั้งฉากกับผิว และถ้าวัตถุกำ�ลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงตัว
จงหาสัมประสิทธิ์ความเสียดทานจลน์ระหว่างวัตถุกับพื้น
วิธีทำ�
เนื่องจากแรงลัพธ์ในแนวดิ่งเป็นศูนย์
20 sin30°
20 N
30°
20 cos30°
fk
W
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 4 | สมดุลกล 55
ดังนั้น N = W + ( 20 N ) sin 30
( )
= ( 50 N ) + ( 20 N ) ( sin 30 )
1
= ( 50 N ) + ( 20 N )
2
= 60 N
ถ้าวัตถุเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงตัว แรงลัพธ์ในแนวระดับเป็นศูนย์
30 °
T1 T3
40 N
T2
รูป ประกอบปัญหาข้อ 6
56 บทที่ 4 | สมดุลกล ฟิสิกส์ เล่ม 2
วิธีทำ� N
T3 sin30° 30
°
T1 T1 T3
A T3 cos30°
fs T2
T2
40 N
หาค่า W ที่มากที่สุดที่จะทำ�ให้วัตถุทั้งสองยังคงอยู่ในสมดุลสถิต
พิจารณาที่วัตถุน้ำ�หนัก 40 N แรงลัพธ์เท่ากับศูนย์
ดังนั้น T1 = fs
f s = µs N
T1 = ( 0.4 )( 40 N )
= 16 N
พิจารณาที่วัตถุ W
W = T2
เพราะฉะนั้น W = 9.24 N
30 °
รูป ประกอบปัญหาข้อ 7
25 N 20 N
30 °
หาค่าสัมประสิทธิ์ความเสียดทานสถิต ( µ s) ระหว่างพื้นกับวัตถุ
แรงลัพธ์ที่กระทำ�ต่อวัตถุทั้งสองเท่ากับศูนย์
เมื่อพิจารณาที่วัตถุหนัก 20 นิวตัน
ดังนั้น T = 20 N
58 บทที่ 4 | สมดุลกล ฟิสิกส์ เล่ม 2
T = W sin 30 + fs
= ( 25 N ) ( sin 30 ) + fs
N = ( 25 N ) ( cos 30 )
วิธีท�ำ
mg sin 30°
fk 30°
30° mg cos 30 °
mg
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 4 | สมดุลกล 59
1
วัตถุเลื่อนลงด้วยความเร่ง a = g
8
แรงเสียดทาน f k = µk N
= µk mg cos 30
จากกฎข้อ 2 ของนิวตัน ∑ F = ma
1
ดังนั้น mg sin 30 − f k = ( m ) g
8
1 1
2
(
( mg ) − µk mg cos 30 = mg
8
)
3 2
µk = = 0.43
8 3
ตอบ สัมประสิทธิ์ของความเสียดทานจลน์ระหว่างมวลกับพื้น มีค่าเท่ากับ 0.43
10 N
B C
30 N
20 N
รูป ประกอบปัญหาข้อ 9
ACsin60o
60o C
30 N
โมเมนต์ของแรง 30 N รอบจุด A
F
20 cm
o
30 cm
N
8N
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 4 | สมดุลกล 61
เมื่อคานสมดุลต่อการหมุน ∑ M = 0
คิดโมเมนต์รอบจุด O
(8 N )( 30 cm ) = ( F )( 20 cm )
F = 12 N
11. คานสม่ำ�เสมอหนัก 50 3 นิวตัน แขวนไว้กับเพดานที่จุดหมุนลื่น ออกแรง F ในแนวระดับ
กระทำ�ต่อปลายคานแล้วทำ�ให้คานเบนไปจากแนวดิ่ง 30 องศา ดังรูป
30
F
รูป ประกอบปัญหาข้อ 11
จงหาขนาดของแรง F
วิธีทำ� ให้คานสม่�ำ เสมอยาว L เขียนแผนภาพแสดงแรงที่กระทำ�ต่อคานได้ดังรูป
30
50 3 N
60o
F
62 บทที่ 4 | สมดุลกล ฟิสิกส์ เล่ม 2
เมื่อคานอยู่ในสมดุลต่อการหมุน ∑ M = 0
คิดโมเมนต์รอบจุด O
L
(50 )
3 N sin 30o = ( F )( L ) sin 60o
2
1 3
2
(
25 3 N = ( F ) )
2
F = 25 N
30 60
รูป ประกอบปัญหาข้อ 12
จงหาแรงที่พื้นเอียงกระทำ�กับแต่ละปลายคานในเทอมของ W
วิธีทำ� เขียนแผนภาพแรงที่กระทำ�กับคานได้ดังรูป
NA NB
30 60 B
A
θ 60
W
30
30 60
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 4 | สมดุลกล 63
13. แผ่นไม้ไม่สม่�ำ เสมอ AB หนัก 120 นิวตัน ยาว 2 เมตร วางตัวในแนวระดับ ดังรูป
50 N 70 N
A B
2m
รูป ประกอบปัญหาข้อ 13
ศูนย์ถ่วงของแผ่นไม้อยู่ห่างจากปลาย A เป็นระยะเท่าใด
วิธีทำ� แผ่นไม้ไม่สม่�ำ เสมอ ศูนย์ถ่วง (CG) ของแผ่นไม้ไม่อยู่ตรงกลาง
ให้ CG ห่างปลาย A เป็นระยะ x ดังนั้น CG ห่างปลาย B เป็นระยะ 2m_x
เขียนแผนภาพวัตถุอิสระแสดงแรงต่าง ๆ ที่กระทำ�ต่อแผ่นไม้ ได้ดังนี้
64 บทที่ 4 | สมดุลกล ฟิสิกส์ เล่ม 2
50 N 70 N
CG
A B
x
(2 m-x)
120 N
แผ่นไม้สมดุลต่อการหมุน ให้ CG เป็นจุดหมุน
( 70 N ) ( 2 m − x ) = ( 50 N ) x
7
x= m
6
7
ตอบ ศูนย์ถ่วงของแผ่นไม้อยู่ห่างจากปลาย A เป็นระยะ เมตร
6
100 N
100 N m
3 cm 3 cm 210 ° 3c
120 °
100 N
100 N
ข.
ก. 100 N ค.
รูป ประกอบปัญหาข้อ 14
จะหาขนาดของโมเมนต์ของแรงคู่ควบเหล่านั้นและในแต่ละกรณีวัตถุจะหมุนอย่างไร
วิธีทำ� จากรูป ก. ผลรวมของโมเมนต์แรงคู่ควบ M c = Fl
l เป็นระยะทางตั้งฉากระหว่างแนวแรงทั้งสอง ซึ่งมีค่าเท่ากับ 3 เซนติเมตร
F เป็นขนาดของแรงคู่ควบ
M c = Fl
1
= (100 N ) ( 3 ×10−2 m )
2
=3Nm
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 4 | สมดุลกล 65
จากรูป ข. ผลรวมของโมเมนต์แรงคู่ควบ M c = Fl
(
l เป็นระยะทางตั้งฉากระหว่างแนวแรงทั้งสอง ซึ่งมีค่าเท่ากับ 3 × 10−2 m sin 30 )( )
F เป็นขนาดของแรงคู่ควบมีขนาดเท่ากับ 100 N
100 N
3 cm 210 °
60°
100 N
M c = Fl
1
= (100 N ) ( 3 ×10−2 m )
2
= 1.5 N m
จากรูป ค. ผลรวมของโมเมนต์แรงคู่ควบ M c = Fl
(
l เป็นระยะทางตั้งฉากระหว่างแนวแรงทั้งสอง ซึ่งมีค่าเท่ากับ 3 × 10−2 m cos 30 )( )
F เป็นขนาดของแรงคู่ควบ
100 N
m
3c
30°
100 N
M c = Fl
3
= (100 N ) ( 3 ×10−2 m )
2
= 2.60 N m
66 บทที่ 4 | สมดุลกล ฟิสิกส์ เล่ม 2
20 N
40 N 40 N
รูป ประกอบปัญหาข้อ 15
5 cm 20 cm P 25 cm
x
20 N
50 N
40 N 40 N
คิดโมเมนต์รอบแกนหมุน P
โมเมนต์ทวนเข็มนาฬิกา = โมเมนต์ตามเข็มนาฬิกา
( 20 N )( 0.25 m ) + ( 40 N )( 0.2 m ) = ( 50 N ) x + ( 40 N )( 0.25 m )
x = 0.06 m
มวล 50 N ห่างจุด P = 6 cm
ตอบ แขวนมวล 50 นิวตัน ห่างจุด P ไปทางขวาเป็นระยะ 6 เซนติเมตร
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 4 | สมดุลกล 67
30°
1m
60° B
4m
A
50 N
รูป ประกอบปัญหาข้อ 16
วิธีทำ�
30°
Tsin60 °
1m
60° B
4m
A
W 50 N
50 N
หาแรงดึงในเส้นลวด เมื่อวัตถุอยู่ในสมดุลสถิตและสมดุลต่อการหมุนคิดโมเมนต์รอบจุด A
68 บทที่ 4 | สมดุลกล ฟิสิกส์ เล่ม 2
W ( 2.5 m ) + ( 50 N )( 5 m ) = T sin 60
( ) (4 m)
( 20 N )( 2.5 m ) + ( 50 N )( 5 m ) = (T sin 60 ) ( 4 m )
3
50 N + 250 N = T ( 4 m )
2
T = 86.60 N
ตอบ แรงดึงในเส้นลวดมีค่าเป็น 86.60 นิวตัน
30° 45 °
C A
รูป ประกอบปัญหาข้อ 17
วิธีทำ�
B
T
15 °
x
30 ° 45 ° 200 N 1000 N
C A
วัตถุสมดุลสถิตและสมดุลต่อการหมุน
หาแรงดึงในเส้นลวด
คิดโมเมนต์รอบจุด A
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 4 | สมดุลกล 69
60 ° B
รูป ประกอบปัญหาข้อ 18
A
N1
2.5 m
1.0 m
N
W = 40 N fs
60°
B
โมเมนต์ตามเข็มนาฬิกา = โมเมนต์ทวนเข็มนาฬิกา
fs = 9.24 N ด้วย
2.0 m
1.2 m
0.8
m
40 N
รูป ประกอบปัญหาข้อ 19
ถ้าคานที่พิงเริ่มไถล จงหาสัมประสิทธิ์ความเสียดทานสถิตระหว่างพื้นกับคาน
วิธีทำ� เขียนแผนภาพแสดงแรงกระทำ�กับคานได้ดังรูป
N1
2.0 m
1.2 m
0.8 N2
m
θ
40 N
1.6 m fs
เมื่อคานอยู่ในสมดุล ∑ F = 0 และ ∑ M = 0
พิจารณาแรงลัพธ์ในแนวระดับ
N1 − fs = 0
N1 = fs
72 บทที่ 4 | สมดุลกล ฟิสิกส์ เล่ม 2
พิจารณาแรงลัพธ์ในแนวดิ่ง
N 2 − 40 N = 0
N 2 = 40 N
หา N1 จาก ∑ M = 0 รอบจุดที่ปลายคานสัมผัสกับพื้นได้
Ν1
θ
L
N2
W
fs
เมื่อคานอยู่ในสมดุล และ
พิจารณาแรงลัพธ์ในแนวระดับ
ù 1 − fs = 0
N1 = fs (1)
หา จาก รอบจุดที่ปลายคานสัมผัสกับพื้น
LL
W sinθθ−−ùù11((LLcos
W sin cosθθ))==00
22
W
N1 = tan θ (2)
2
W
สมการ (1) = (2) fs = tan θ
2
W
ตอบ แรงเสียดทานที่พื้นกระทำ�ต่อคานมีค่า tan θ
2
74 บทที่ 4 | สมดุลกล ฟิสิกส์ เล่ม 2
ปัญหาท้าทาย
f
N
N
f
mg
mg 60o
30o
รูป 1 รูป2
f = mg sin 60°
3
= mg
2
= 0.87 mg
o
60
B
o
60
W
A
รูป ประกอบปัญหาข้อ 22
แรงดึงในเส้นเชือกมีค่าเท่าใด (ตอบในเทอมของ W)
วิธีทำ� แรงที่กระทำ�ต่อแท่งไม้มี 3 แรงคือ น้ำ�หนัก W แรงดึงในเส้นเชือก T และแรงที่กระทำ�ที่
ปลาย A ซึ่งทำ�ให้แท่งไม้สมดุลต่อการหมุน ถ้าให้ปลาย A เป็นจุดหมุน เขียนแผนภาพแสดง
W และ T ที่กระทำ�ต่อแท่งไม้และทำ�ให้เกิดโมเมนต์ ได้ดังนี้
o Tsin60o
60
T
o
o 60
s60 B
Tco
o
o 60
60 60
o
os
Wc Wsin60o
A W
เมื่อ A เป็นจุดหมุน =
2 L
(T sin 60° ) L = (W sin 60° )
3 2
3
T= W
4
3
ตอบ แรงดึงในเส้นเชือกมีค่า W
4
76 บทที่ 4 | สมดุลกล ฟิสิกส์ เล่ม 2
23. งอลวดสม่�ำ เสมอเป็นมุมฉาก ด้าน ab ยาว 80 เซนติเมตร ด้าน bc ยาว 40 เซนติเมตร มีแรง
กระทำ�ที่ปลาย a และปลาย c ทำ�ให้ลวดอยู่ในสมดุลต่อการหมุนรอบจุด b ดังรูป
a
F
c
2N
60o 30o
b
รูป ประกอบปัญหาข้อ 23
o
s60
)co 60o c
8N
(0. 2N
b (0.4 N)sin60o
0.8 N 0.4 N
รูป ประกอบปัญหาข้อ 24
(80 N)sinθ R
θ
θ
Rsinθ
80 N
b
R = 40 N
วาว
45o
30o
รูป ประกอบปัญหาข้อ 25
T2sin45o T2
T1
45o T2cos45o
60o T3cos60o
T3sin60o T3
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 4 | สมดุลกล 79
สมดุลต่อการเลื่อนที่
แรงในแนวแกน x
∑F x =0
แรงในแนวแกน y
∑F y =0
2 T
จาก (1) 10 =
10NN= T2 + 3
2 2
2 3
และ (2) T2 = T3
2 2
T2 = 8.97 N
T3 = 7.32 N
รูป ประกอบปัญหาข้อ 26
ถ้าเส้นเชือกแต่ละเส้นทนแรงดึงได้สูงสุดเส้นละ 30 นิวตัน จงหาน้ำ�หนัก W ที่มากที่สุดที่ทำ�ให้วัตถุ
อยู่นิ่งได้
วิธีทำ� ให้แรงดึงเชือก AB เป็น T2
ให้แรงดึงเชือก BC เป็น T2
เขียนแผนภาพวัตถุอิสระ ขณะวัตถุอยู่ในสมดุล ได้ดังนี้
T2cos60o T2
60o
T1 T2sin60o
W
1
27. เส้นลวดโตสม่�ำ เสมอหนัก W ดัดให้โค้งเป็นส่วนหนึง่ ของวงกลมทีม
่ ค
ี วามยาว ของความยาว
4
เส้นรอบวง วางพิงผนังลื่นที่จุด A และสัมผัสพื้นที่จุด B ดังรูป
ผนัง
A
พื้น
B
รูป ประกอบปัญหาข้อ 27
fs
B
W NB
จากรูป O เป็นศูนย์กลางของวงกลม
r เป็นรัศมีของลวด
NB เป็นแรงปฏิกิริยาที่พื้นกระทำ�ต่อลวดที่จุด B และแนวแรงผ่าน O
fs เป็นแรงเสียดทานที่น้อยที่สุดที่จุด B
ลวดสมดุลต่อการหมุน ให้ O เป็นจุดหมุน
W (r sin 45°) = f s r
W
fs =
2
W
ตอบ แรงเสียดทานที่พื้นอย่างน้อยต้องมีขนาด
2
82 บทที่ 4 | สมดุลกล ฟิสิกส์ เล่ม 2
56 m
θ
รูป ประกอบปัญหาข้อ 28
หอคอยนี้เอียงตัวเป็นมุมเท่าใด และจะเอียงเป็นมุมมากที่สุดเท่าใดโดยที่ไม่ล้มลงมา
วิธีทำ� หอคอยจะล้มลงมาถ้าตำ�แหน่งของศูนย์ถ่วงนั้นอยู่นอกฐานของหอคอย
a
มุมที่หอคอยเอียงตัว สามารถหาได้จากรูปด้านบนโดยใช้ความสัมพันธ์ θ =
r
โดย a = 3.9 m และ r = 56 m แทนค่าจะได้
3.9 m
θ=
56 m
3.9 3.9 180
θ= rad = rad = 3.99 ≅ 4.0
56 56 π rad
หากประมาณให้ศูนย์ถ่วงของหอคอยอยู่ที่
ตำ�แหน่งกึ่งกลางของแต่ละด้าน ตำ�แหน่ง
สุ ด ท้ า ยก่ อ นที่ ห อคอยจะล้ ม ลงมานั้ น จะมี
แนวของศูนย์ถ่วงอยู่ที่ขอบของฐานหอคอย θMAX
พอดี ดังรูป
m
28.0
7.5 m
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 4 | สมดุลกล 83
7.5 m
θ max = tan −1
28.0 m
= tan −1 0.2678 ≅ 15°
100 N
2.6 m
2.2 m
ก
เชือ
30 o
O 1.2 m
รูป ประกอบปัญหาข้อ 29
แรงดึงของเชือกจะเป็นเท่าใด
84 บทที่ 4 | สมดุลกล ฟิสิกส์ เล่ม 2
R1
0.6 m
100 N
2.6 m
2.2 m
80N
T cos30 o
30 o R2
ก
เชือ T T sin 30 o
30 o
O K x
1.2 m
โมเมนต์ตามนาฬิกา = โมเมนต์ทวนนาฬิกา
L
กย
L
เชือ
L
B
A x C
P
a a
D
h
รูป ประกอบปัญหาข้อ 30
จงหา
ก. แรงดึงเชือกแต่ละเส้น ถ้ามุมบนทั้งสี่ผูกด้วยเชือกยาว L เท่ากัน 4 เส้น โดยปลายบนรวบไป
แขวนไว้ที่จุดบนเพดาน
ข. ความตึงของเชือกที่เหลือแต่ละเส้น เมื่อตัดเชือก QC และระบบยังอยู่ในสมดุลสถิต
86 บทที่ 4 | สมดุลกล ฟิสิกส์ เล่ม 2
ก. วิธีทำ� เนื่องจากความสมมาตรเชือกทั้งสี่ซึ่งมีความยาว x
A P
เท่ากันจะมีความตึงเท่ากัน และพื้นที่ ABCD a x
จะเป็นพื้นที่ระดับ พิจารณาสามเหลี่ยม ADP D
ตามรูปจะได้
2x2 = a2
a
x =
2
พิจารณาสามเหลี่ยม APQ ถ้าเชือกแต่ละเส้นมีความตึง T
Q
จาก จะได้
W θ
T cos θ =
4
T cos θ
PQ 1 2
L
cos θ = = L − x2
T
L L
1
a2 2 θ
= 1 − 2 A
2L x P
1
−
W a2 2
ดังนั้น T = 1 −
4 2 L2
1
−
W a2 2
ตอบ แรงดึงของเชือกแต่ละเส้นเท่ากับ 1 − 2
4 2L
ข. วิธีทำ� จากความสมมาตร เพื่อที่จะให้วัตถุอยู่ในสมดุลสถิต ความตึงของเชือก AQ จะเท่ากับ
ศูนย์ ความตึงของเชือก QD และ QB (ซึ่งเท่ากัน) หาได้จาก
1
W a2 2
T cos θ = , cos θ = 1 − 2
2 2L
1
−
W a2 2
จะได้ T = 1 − 2
2 2L
1
−
W a2 2
ตอบ เชือกที่เหลือแต่ละเส้นจะมีความตึงเท่ากับ 1 − 2
2 2L
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 4 | สมดุลกล 87
31. บันไดโลหะมีความสมมาตรแสดงดังรูป
B
l
60
รูป ประกอบปัญหาข้อ 32
O A E
30
30
B T
D
W
h
N N
60
C
88 บทที่ 4 | สมดุลกล ฟิสิกส์ เล่ม 2
W ( OA ) + T ( OD ) = N ( OE )
จากการพิจารณาพบว่า 2N จะเท่ากับน้ำ�หนักรวมของบันได
นั่นคือ 2 N = 2W
หรือ N = W
l 1 3 l
W + T l − h = W
2 2 2 2
จะได้
l 3
W = T l − h
4 2
3 h
W = 4 − T
2 l
3 h 2h
ดังนั้น น้ำ�หนักทั้งหมดของบันได (2W) มีค่าเป็น 8 − T = 4 3 − T
2 l l
2h
ตอบ น้�ำ หนักรวมของบันไดเท่ากับ 4 3 − T
l
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 5 | งานและพลังงาน 89
5
บทที่ งานและพลังงาน
goo.gl/oMUJLK
ผลการเรียนรู้:
ผลการเรียนรู้
1. วิเคราะห์ และคำ�นวณงานของแรงคงตัว จากสมการและพืน
้ ทีใ่ ต้กราฟความสัมพันธ์ระหว่างแรง
กับตำ�แหน่ง รวมทั้งอธิบายและคำ�นวณกำ�ลังเฉลี่ย
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกความหมายของงานในวิชาฟิสิกส์
2. วิเคราะห์และคำ�นวณงานของแรงคงตัวจากสมการและพื้นที่ใต้กราฟระหว่างแรงกับตำ�แหน่ง
3. บอกความหมายของงานที่มีค่าเป็นบวก เป็นลบ หรือเป็นศูนย์
90 บทที่ 5 | งานและพลังงาน ฟิสิกส์ เล่ม 2
4. วิเคราะห์และคำ�นวณงานของแรงไม่คงตัวจากพื้นที่ใต้กราฟระหว่างแรงกับตำ�แหน่ง
5. บอกความหมายของกำ�ลังและกำ�ลังเฉลี่ย
6. คำ�นวณกำ�ลังเฉลี่ย
1. การตีความหมายข้อมูลและ - 1. ด้านความมีเหตุผลจากการ
ลงข้อสรุป (การหางานจากพืน
้ ที่ อภิปรายร่วมกัน
ใต้กราฟ)
2. การใช้จำ�นวน (การคำ�นวณ
หางานจากสมการหรือพื้นที่ใต้
กราฟ)
ผลการเรียนรู้
2. อธิบายและคำ�นวณพลังงานจลน์ พลังงานศักย์ พลังงานกล ทดลองหาความสัมพันธ์ระหว่างงาน
กับพลังงานจลน์ ความสัมพันธ์ระหว่างงานกับพลังงานศักย์โน้มถ่วง ความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของ
แรงที่ใช้ดึงสปริงกับระยะที่สปริงยืดออกและความสัมพันธ์ระหว่างงานกับพลังงานศักย์ยืดหยุ่น
รวมทัง้ อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างงานของแรงลัพธ์และพลังงานจลน์ และคำ�นวณงานทีเ่ กิดขึน
้ จาก
แรงลัพธ์
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกความหมายและคำ�นวณพลังงานจลน์
2. ทดลองเพื่ออธิบายความสัมพันธ์ระหว่างงานของแรงลัพธ์กับพลังงานจลน์
3. อธิบายและประยุกต์ใช้ทฤษฎีบทงาน-พลังงานจลน์ในการแก้ปัญหา
4. บอกความหมายและคำ�นวณพลังงานศักย์โน้มถ่วง
5. ทดลองเพื่ออธิบายความสัมพันธ์ระหว่างงานกับพลังงานศักย์โน้มถ่วง
6. บอกความหมายและคำ�นวณพลังงานศักย์ยืดหยุ่น
7. ทดลองเพือ
่ อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของแรงทีใ่ ช้ดงึ สปริงกับระยะทีส่ ปริงยืดออก และ
ความสัมพันธ์ระหว่างงานกับพลังงานศักย์ยืดหยุ่น
8. บอกความหมายและคำ�นวณพลังงานกล
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 5 | งานและพลังงาน 91
ผลการเรียนรู้
3. อธิบายกฎการอนุรักษ์พลังงานกล รวมทั้งวิเคราะห์ และคำ�นวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ
การเคลื่อนที่ของวัตถุในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยใช้กฎการอนุรักษ์พลังงานกล
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกความหมายของแรงอนุรักษ์
2. จำ�แนกแรงอนุรักษ์กับแรงไม่อนุรักษ์
3. วิเคราะห์และอภิปรายเพื่อสรุปเกี่ยวกับกฎการอนุรักษ์พลังงานกล
4. จำ�แนกสถานการณ์ที่มีการอนุรักษ์พลังงานกลกับสถานการณ์ที่ไม่มีการอนุรักษ์พลังงานกล
5. ประยุกต์ใช้ความรู้เรื่องแรงอนุรักษ์และกฎการอนุรักษ์พลังงานกลในแก้ปัญหา
92 บทที่ 5 | งานและพลังงาน ฟิสิกส์ เล่ม 2
ผลการเรียนรู้
4. อธิบายการทำ�งาน ประสิทธิภาพและการได้เปรียบเชิงกลของเครื่องกลอย่างง่ายบางชนิด โดย
ใช้ความรู้เรื่องงานและสมดุลกล รวมทั้งคำ�นวณประสิทธิภาพและการได้เปรียบเชิงกล
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกความหมายและคำ�นวณประสิทธิภาพของเครื่องกลอย่างง่าย
2. อธิบายการทำ�งานของเครื่องกลอย่างง่ายโดยใช้ความรู้เรื่องงานและสมดุลกล
3. บอกความหมายและคำ�นวณการได้เปรียบเชิงกลของเครื่องกลอย่างง่าย
ผังมโนทัศน์ งานและพลังงานกล
งาน
เมื่อหาในหนึ่งหน่วย
เวลา เรียกว่า
เกิดขึ้นเมื่อ
กำ�ลัง
มี มี
แรงกระทำ�ต่อวัตถุ การกระจัดของวัตถุในแนวแรง
เกี่ยวข้องกับ นำ�ไปสู่
นำ�ไปสู่
กฎการอนุรักษ์พลังงานกล
นำ�ไปวิเคราะห์และคำ�นวณ
ปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการ
เคลื่อนที่ของวัตถุในสถานการณ์ต่าง ๆ
94 บทที่ 5 | งานและพลังงาน ฟิสิกส์ เล่ม 2
สรุปแนวความคิดสำ�คัญ
เมื่อมีแรงคงตัว F กระทำ�ต่อวัตถุให้เคลื่อนที่ในแนวตรงได้การกระจัด ∆x ถ้าแรงและการกระจัดมี
แต่ถθา้ แรงทีท
ทิศทางเดียวกัน จะทำ�ให้เกิดงาน (work) ของแรง F มีคา่ W = F ∆x cos ่ �ำ มุม q กับการกระจัด
จะทำ�ให้เกิดงานของแรง F มีค่า W = F ∆x cos θ ซึ่งอาจมีค่าของงานเป็นบวก ศูนย์ หรือ ลบ ขึ้นอยู่
กับมุม q งานเป็นปริมาณสเกลาร์ มีหน่วยเป็นนิวตัน เมตร (N m) หรือ จูล (J) อาจหาค่าของงานได้จาก
พื้นที่ใต้กราฟระหว่างแรงกับตำ�แหน่ง ทั้งในกรณีแรงคงตัวและแรงไม่คงตัว
กำ�ลัง (power) หาจากงานทีท ่ �ำ ได้ในหนึง่ หน่วยเวลา โดยทัว่ ไป หมายถึง กำ�ลังเฉลีย่ หาได้จากสมการ
W
Pav = กำ�ลังเป็นปริมาณสเกลาร์ มีหน่วยเป็นจูลต่อวินาที (J/s) หรือ วัตต์ (W)
∆t
พลังงาน (energy) เป็นความสามารถในการทำ�งานในด้านกลศาสตร์ ผลรวมของพลังงานจลน์กับ
พลังงานศักย์เรียกว่า พลังงานกล (mechanical energy) พลังงานเป็นปริมาณสเกลาร์ มีหน่วยเป็นจูล (J)
พลังงานจลน์ (kinetic energy) เป็นพลังงานของวัตถุที่กำ�ลังเคลื่อนที่ คำ�นวณได้จากสมการ
1
Ek = mv 2 พลังงานจลน์มค ี วามสัมพันธ์กบ
ั งานของแรงลัพธ์ โดยงานของแรงลัพธ์เท่ากับพลังงานจลน์ของ
2
วัตถุที่เปลี่ยนไป ตามทฤษฎีบทงาน-พลังงานจลน์ (work-kinetic energy theorem) เขียนแทนได้ด้วย
1
สมการ Ek = mv 2
2
พลังงานศักย์เป็นพลังงานของวัตถุที่เกี่ยวข้องกับตำ�แหน่งหรือรูปร่างของวัตถุ เช่น พลังงานศักย์
1
โน้มถ่วง คำ�นวณได้จากสมการ Ep = mgh และพลังงานศักย์ยด ื หยุน
่ คำ�นวณได้จากสมการ Eps = kx 2
2
แรงที่กระทำ�ต่อวัตถุแล้วทำ�ให้เกิดงานที่มีค่าไม่ขึ้นกับเส้นทางการเคลื่อนที่ เรียกว่า แรงอนุรักษ์
(conservative force) โดยงานของแรงอนุรักษ์มีความสัมพันธ์กับพลังงานศักย์ตามสมการ
เวลาที่ใช้
บทนี้ควรใช้เวลาสอนประมาณ 20 ชั่วโมง
ความรู้ก่อนเรียน
นำ�เข้าสู่บทที่ 5
ครูนำ�เข้าสูบ
่ ทที่ 5 โดยใช้รป
ู 2 รูปเป็นสือ
่ ในการอภิปราย รูปหนึง่ เป็นการทำ�กิจกรรมทีอ
่ อกแรงแล้ว
เกิดงาน และ อีกรูปเป็นรูปที่ออกแรงแล้วไม่เกิดงาน แล้วตั้งคำ�ถามกระตุ้นให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อ
ทบทวนเกี่ยวกับงานและพลังงานที่นักเรียนเคยได้เรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โดยเปิดโอกาสให้
นักเรียนตอบอย่างอิสระ ไม่คาดหวังคำ�ตอบที่ถูกต้อง
ครูอาจใช้ตัวอย่างรูปการทำ�กิจกรรมต่อไปนี้ให้นักเรียนพิจารณา
5.1 งานเนื่องจากแรงคงตัว
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกความหมายของงานในวิชาฟิสิกส์
2. วิเคราะห์และคำ�นวณงานของแรงคงตัวจากสมการและพื้นที่ใต้กราฟระหว่างแรงกับตำ�แหน่ง
3. บอกความหมายของงานที่มีค่าเป็นบวก เป็นลบ หรือเป็นศูนย์
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน แนวคิดที่ถูกต้อง
สิ่งที่ครูต้องเตรียมล่วงหน้า
รูปการทำ�กิจกรรมต่าง ๆ ทีเ่ กิดงานและไม่เกิดงานในวิชาฟิสก
ิ ส์ สำ�หรับทบทวนความเข้าใจเกีย่ วกับงาน
และพลังงาน
แนวการจัดการเรียนรู้
ครูชี้แจงจุดประสงค์การเรียนรู้ของหัวข้อ 5.1 จากนั้น ครูอธิบายเกี่ยวกับการหาค่าของงานตามราย
ละเอียดในหนังสือเรียนจนสรุปได้สมการ (5.1) ตามหนังสือเรียน โดยครูเน้นว่า สมการ (5.1) ใช้กับกรณี
ที่ทิศทางของแรง F และการกระจัด ∆x อยู่ในทิศทางเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนที่บนพื้นระดับหรือ
พื้นเอียง
98 บทที่ 5 | งานและพลังงาน ฟิสิกส์ เล่ม 2
แนวการวัดและประเมินผล
1. ความรู้เกี่ยวกับการหางานเนื่องจากแรงคงตัวจากคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจและแบบฝึกหัดท้าย
หัวข้อ 5.1
2. ทักษะการใช้จำ�นวนจากการคำ�นวณปริมาณต่าง ๆ ในแบบฝึกหัดท้ายหัวข้อ 5.1
3. จิตวิทยาศาสตร์ด้านความมีเหตุผล จากการอภิปรายร่วมกัน
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 5 | งานและพลังงาน 99
แนวคำ�ตอบคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจ 5.1
1. งาน W ของแรงคงตัว F ที่กระทำ�ต่อวัตถุให้เคลื่อนที่ด้วยการกระจัด ∆x หาได้อย่างไร
แนวคำ�ตอบ หาจากผลคูณระหว่างแรงกับการกระจัดที่อยู่ในแนวเดียวกัน ตามสมการ
W = F ∆x cos θ
2. ออกแรงยกถุงให้เคลื่อนที่ขึ้นเป็นระยะทางต่างกัน งานที่ท�ำ ในแต่ละกรณีเท่ากัน หรือไม่
แนวคำ�ตอบ งานที่ทำ�อาจจะเท่าหรือไม่เท่ากันก็ได้ เพราะงานในการยกวัตถุด้วยอัตราเร็ว
สม่�ำ เสมอขึน
้ กับความสูงในแนวดิง่ ของวัตถุทเี่ ปลีย่ นไป ตามสมการ W = mg (h f − hi ) โดย
ไม่ขึ้นกับเส้นทางการเคลื่อนที่ หากระยะทางต่างกันแต่ความสูงในแนวดิ่งเปลี่ยนไปเท่ากัน
งานก็จะเท่ากัน
3. เด็กคนหนึ่งปีนต้นมะพร้าวที่ลำ�ต้นตรงในแนวดิ่ง การปีนขึ้นในแนวดิ่งกับการใช้บันไดพาด
ที่เอียงทำ�มุมกับพื้นดิน งานที่ทำ�แต่ละครั้งเท่ากันหรือไม่ ให้เหตุผล
แนวคำ�ตอบ สมมติเด็กมีน้ำ�หนัก mg ขึ้นต้นมะพร้าวถึงตำ�แหน่งสูงจากพื้น h เท่ากัน
ไม่วา่ จะปีนขึน
้ โดยตรงหรือใช้บน
ั ไดพาดต้นมะพร้าวทำ�มุม q กับพืน
้ ดิน งานทีท
่ �
ำ W แต่ละครัง้
มีค่าเท่ากันคือ mgh ดังนี้
ในกรณีที่ปีนขึ้นในแนวดิ
= ่ง W (=mg )(h) mgh
h
ในกรณีที่ใช้บันไดพาด W = (mg sin θ )( s ) = (mg )( s ) = mgh
s
h s
mg mg
θ
รูป การปีนต้นมะพร้าว
100 บทที่ 5 | งานและพลังงาน ฟิสิกส์ เล่ม 2
น้ำหนักของเป
รูป น้�ำ หนักและการกระจัดของเป้
เฉลยแบบฝึกหัด 5.1
10 m
รูป ประกอบแบบฝึกหัด 5.1 ข้อ 1
ทิศทางการเคลื่อนที่
200 N
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 5 | งานและพลังงาน 101
Q
5m
R
4m
3m
θ
in
gs
m θ mg = 5 N R
mg = 5 N
4m
102 บทที่ 5 | งานและพลังงาน ฟิสิกส์ เล่ม 2
W = F ∆x
3
= (11.76 N)(1.0×10 m)
4
= 1.18 × 10 J
5.2 งานเนื่องจากแรงไม่คงตัว
จุดประสงค์การเรียนรู้
วิเคราะห์และคำ�นวณงานของแรงไม่คงตัวจากพื้นที่ใต้กราฟระหว่างแรงกับตำ�แหน่ง
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน แนวคิดที่ถูกต้อง
2. พืน
้ ทีใ่ ต้กราฟคือพืน
้ ทีร่ ะหว่างกราฟกับแกน x 2. พื้ น ที่ ใ ต้ ก ราฟ หมายถึ ง พื้ น ที่ ใ นบริ เ วณ
ในส่วนเหนือแกน x เท่านัน
้ ไม่รวมพืน
้ ทีใ่ ต้แกน x ระหว่างเส้นกราฟกับแกน x ซึ่งรวมทั้งกรณีที่
เส้นกราฟอยู่ใต้แกน x
สิ่งที่ครูต้องเตรียมล่วงหน้า
อุปกรณ์สาธิตแรงไม่คงตัว ได้แก่ เครื่องชั่งสปริง และ สปริง
แนวการจัดการเรียนรู้
ครูนำ�เข้าสู่หัวข้อ 5.2 โดยทบทวนสิ่งที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับงานเนื่องจากแรงคงตัว จากนั้นตั้งคำ�ถามว่า ใน
กรณีที่ออกแรงผลักหรือดึงกล่องไปบนพื้นลื่น ถ้านำ�ขนาดของแรงคงตัวที่ผลักหรือดึงและตำ�แหน่งที่วัตถุ
เคลื่อนที่มาเขียนกราฟ จะได้กราฟมีลักษณะอย่างไร โดยครูเปิดโอกาสให้นักเรียนตอบอย่างอิสระ ไม่คาด
หวังคำ�ตอบที่ถูกต้อง
104 บทที่ 5 | งานและพลังงาน ฟิสิกส์ เล่ม 2
แนวการวัดและประเมินผล
1. ความรู้เกี่ยวกับการหางานเนื่องจากแรงไม่คงตัว จากคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจและแบบฝึกหัด
ท้ายหัวข้อ 5.2
2. ทักษะการตีความหมายและลงข้อสรุป จากแบบฝึกหัดท้ายหัวข้อ 5.2
3. ทักษะการใช้จำ�นวนจากการคำ�นวณปริมาณต่าง ๆ ในแบบฝึกหัดท้ายหัวข้อ 5.2
4. จิตวิทยาศาสตร์ด้านความมีเหตุผล จากการอภิปรายร่วมกัน
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 5 | งานและพลังงาน 105
แนวคำ�ตอบคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจ 5.2
2. ในการหางานจากกราฟระหว่างขนาดของแรงกับขนาดของการกระจัด ถ้าแรงที่กระทำ�ต่อ
วัตถุมีค่าเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างสม่ำ�เสมอ จะหาพื้นที่ได้อย่างไร
แนวคำ�ตอบ หางานได้จากพื้นที่ใต้กราฟระหว่างแรงเฉลี่ยกับการกระจัด
โดยแรงเฉลี่ยหาจาก
(แรงที่ต�ำ แหน่งเริ่ม + แรงที่ตำ�แหน่งปลาย)
แรงเฉลี่ย =
2
3. ในการหางานจากกราฟระหว่างขนาดของแรงกับขนาดของการกระจัด ถ้าแรงที่กระทำ�ต่อ
วัตถุมีค่าเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไม่สม่�ำ เสมอ จะหาพื้นที่ได้อย่างไร
แนวคำ�ตอบ แบ่งพื้นที่ใต้กราฟเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ในช่วงขนาดของการกระจัด (∆x)
น้อยที่สุด แล้วนำ�พื้นที่ทั้งหมดมารวมกันเป็นงานทั้งหมด
เฉลยแบบฝึกหัด 5.2
1. กราฟระหว่างแรงกับการเคลื่อนที่ไปตามพื้นราบลื่นของวัตถุเป็นดังรูป
F (N)
10
5
x (m)
1 2 3 4
รูป ประกอบแบบฝึกหัด 5.2 ข้อ 1
10 B
A
5
x (m)
D 1 2 3 4C
ดังนั้น งานของแรงนี
้ = พื้นที่สี่เหลี่ยมคางหมู ABCD
1 สูง ผลบวกของด้านคู่ขนาน
=
2
1
= (4 m)(5 N + 10 N)
2
= 30 J
แรงสปริง (N)
4.0
3.0
2.0
1.0
ตำแหนง (m)
-0.4 -0.3 -0.2 -0.1 0 0.1 0.2 0.3 0.4
-1.0
-2.0
-3.0
-4.0
จงหา
ก. งานของแรงสปริงจากตำ�แหน่ง 0 ถึง 0.3 เมตร
ข. งานของแรงสปริงจากตำ�แหน่ง -0.3 ถึง 0.3 เมตร
ก. วิธีทำ� จากกราฟจะเห็นว่าแรงที่สปริงกระทำ�กับมวลเป็นแรงไม่คงตัวและแรงมีทิศทางตรงข้าม
กับตำ�แหน่งเสมอ เราสามารถหางานเนือ
่ งจากแรงสปริงนีจ้ ากพืน
้ ทีใ่ ต้กราฟระหว่างขนาด
ของแรงสปริงกับตำ�แหน่งของมวล ดังรูป
แรงสปริง (N)
4.0
D
3.0
2.0
1.0
E C A ตำแหนง (m)
-0.4 -0.3 -0.2 -0.1 0 0.1 0.2 0.3 0.4
-1.0
-2.0
-3.0
B
-4.0
108 บทที่ 5 | งานและพลังงาน ฟิสิกส์ เล่ม 2
3. กราฟความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของแรงที่กระทำ�ต่อมวลก้อนหนึ่งกับการกระจัดแสดงดังรูป
โดยแรงและการกระจัดทีทิศทางเดียวกัน งานทั้งหมดของแรงนี้เป็นเท่าใด
แรง (N)
6
5
4
3
2
1
0 ตำแหนง (m)
0.0 0.1 0.2 0.3 0.4 0.5 0.6
รูป ประกอบแบบฝึกหัด 5.2 ข้อ 3
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 5 | งานและพลังงาน 109
วิธีทำ� แรงทีก
่ ระทำ�กับมวลเป็นแรงไม่คงตัว เราสามารถหางานของแรงนีไ้ ด้โดยการหาพืน
้ ทีใ่ ต้กราฟ
โดยการแบ่งพื้นที่ใต้กราฟออกเป็นส่วนย่อย ๆ แล้วหาผลรวมของพื้นที่ส่วนย่อย ๆ เหล่านั้น
ดังรูป
แรง (N)
6
C F
5
2 B
1
A D E G
0 ตำแหนง (m)
0.0 0.1 0.2 0.3 0.4 0.5 0.6
1
พื้นที่สี่เหลี่ยมคางหมู ABCD = × ผลบวกด้านคู่ขนาน × สูง
2
1
= (2 N + 5 N)(0.1 m)
2
= 0.35 J
= (0.1 m)(5 N)
= 0.5 J
1
พื้นที่สามเหลี่ยม EFG = × ฐาน × สูง
2
1
= (0.3 m)(5 N)
2
= 0.75 J
110 บทที่ 5 | งานและพลังงาน ฟิสิกส์ เล่ม 2
เนื่องจากแรงและการกระจัดมีทิศทางเดียวกัน ดังนั้นงานเนื่องจากแรงนี้จึงมีค่าเป็นบวก
งานทั้งหมด = ผลรวมของพื้นที่ใต้กราฟส่วนย่อย
= 1.6 J
4. แรงไม่คงตัวกระทำ�ต่อมวลก้อนหนึง่ ถ้ากราฟระหว่างแรงกับขนาดการกระจัดในแนวการเคลือ
่ นที่
เป็นดังรูป
F (N)
งานของแรงนี้มีค่าประมาณเท่าใด
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 5 | งานและพลังงาน 111
วิธีทำ� แรงทีก
่ ระทำ�กับมวลเป็นแรงไม่คงตัว เราสามารถหางานของแรงนีไ้ ด้โดยการหาพืน
้ ทีใ่ ต้กราฟ
โดยการแบ่งพื้นที่ใต้กราฟออกเป็นส่วนย่อย ๆ แล้วหาผลรวมของพื้นที่ส่วนย่อย ๆ เหล่านั้น
ดังรูป
F (N)
5
E F
4
3
A D
2
G J
1
B C H I
0 0.1 0.2 0.3 0.4 0.5 0.6 x (m)
5.3 กำ�ลัง
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกความหมายของกำ�ลังและกำ�ลังเฉลี่ย
2. คำ�นวณกำ�ลังเฉลี่ย
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน แนวคิดที่ถูกต้อง
แนวการจัดการเรียนรู้
ครูนำ�เข้าสู่หัวข้อ 5.3 โดยยกสถานการณ์ที่มีการทำ�งานได้ปริมาณเท่ากันแต่ใช้เวลาต่างกันแล้วใช้
คำ�ถามให้นักเรียนอภิปรายเกี่ยวกับการทำ�งานเทียบกับเวลา โดยครูเปิดโอกาสให้นักเรียนตอบอย่างอิสระ
ไม่คาดหวังคำ�ตอบที่ถูกต้อง
ครูชี้แจงจุดประสงค์การเรียนรู้ของหัวข้อ 5.3 จากนั้น ครูนำ�อภิปรายจนนักเรียนเข้าใจแนวคิดเกี่ยว
กับกำ�ลัง กำ�ลังเฉลี่ย และการคำ�นวณกำ�ลังเฉลี่ย ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน ทั้งนี้ ครูอาจให้นักเรียน
ศึกษาประวัติของเจมส์ วัตต์ เพิ่มเติมนอกเวลาเรียน
แนวการวัดและประเมินผล
1. ความรู้เกี่ยวกับความหมายของกำ�ลัง จากคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจและแบบฝึกหัดท้ายหัวข้อ 5.3
2. ทักษะการใช้จำ�นวนจากการคำ�นวณปริมาณต่าง ๆ ในแบบฝึกหัดท้ายหัวข้อ 5.3
3. จิตวิทยาศาสตร์ด้านความมีเหตุผล จากการอภิปรายร่วมกัน
แนวคำ�ตอบคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจ 5.3
1. กำ�ลังเฉลี่ยเกี่ยวข้องกับปริมาณใดบ้าง
แนวคำ�ตอบ กำ�ลังเฉลี่ยเกี่ยวข้องกับ งานที่ทำ�ได้ (W ) และช่วงเวลาที่ใช้ (∆t ) โดยปริมาณ
ทั้งสามมีความสัมพันธ์กันดังสมการ
งานที่ทำได้ (W)
กำลังเฉลี่ย =
ช่วงเวลาที่ใช้ (∆t )
2. กำ�ลังเฉลี่ยของเครื่องกลชนิดเดียวกันสองเครื่องที่มีก�ำ ลังไม่เท่ากันบ่งบอกอะไรแก่เรา
แนวคำ�ตอบ ในเวลาเท่ากัน เครื่องกลที่มีก�ำ ลังเฉลี่ยมากกว่าจะทำ�งานได้มากกว่า
เฉลยแบบฝึกหัด 5.3
= 47040 J
47040 J
ดังนั้น Pav = = 78.4 W
10 × 60 s
ตอบ กำ�ลังเฉลี่ยของนักวิ่งเท่ากับ 78.4 วัตต์
วิธีทำ� จาก
Pav 3 × 103 W
ดังนั้น F = =
v 9.0 km/h
3 ×103 W
=
2.5 m/s
= 1200 N
W F ∆x
วิธีคิด กำ�ลังเป็นงานที่ทำ�ได้ในหน่วยเวลา หรือ Pav = = = Fv
∆t ∆t
จาก Pav = Fv
จะได้ v = 15 m s
15 ×10−3 km
=
1
h
3600
15 × 3600
= km/h
1000
v = 54 km/h
5.4 พลังงานกล
ครูนำ�เข้าสู่หัวข้อ 5.4 โดยตั้งคำ�ถามให้นักเรียนอภิปรายและทบทวนเกี่ยวกับความหมายของงาน
ความหมายของพลังงาน และชนิดของพลังงาน เช่น
1. พลังงาน คืออะไร
2. พลังงานกล แบ่งเป็นพลังงานชนิดใดบ้าง
จากนั้นครูใช้คำ�ถามเพื่อให้นักเรียนอภิปรายว่า งานและพลังงานมีความสัมพันธ์กันอย่างไร โดยครูเปิด
โอกาสให้นักเรียนตอบอย่างอิสระ ไม่คาดหวังคำ�ตอบที่ถูกต้อง
5.4.1 พลังงานจลน์
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกความหมายและคำ�นวณพลังงานจลน์
2. ทดลองเพื่ออธิบายความสัมพันธ์ระหว่างงานของแรงลัพธ์กับพลังงานจลน์
3. อธิบายและประยุกต์ใช้ทฤษฎีบทงาน-พลังงานจลน์ในการแก้ปัญหา
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน แนวคิดที่ถูกต้อง
3. วั ต ถุ ที่ เ คลื่ อ นที่ เ ร็ ว กว่ า จะมี พ ลั ง งานจลน์ 3. วั ต ถุ ที่ มี ม วลมากแต่ เ คลื่ อ นที่ ช้ า อาจมี
มากกว่าวัตถุที่เคลื่อนที่ช้ากว่า พลั ง งานจลน์ ม ากกว่ า วั ต ถุ ที่ มี ม วลน้ อ ยแต่
เคลือ
่ นทีเ่ ร็ว เพราะพลังงานจลน์ขน ึ้ อยูก่ บ
ั ทัง้ มวล
และอัตราเร็วของวัตถุ
4. ทฤษฎีบทงาน-พลังงานจลน์ ใช้ได้กบ
ั งานของ 4. ทฤษฎีบทงาน-พลังงานจลน์ ใช้ได้กบ
ั งานของ
แรงแต่ละแรง แรงลัพธ์เท่านั้น
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 5 | งานและพลังงาน 117
สิ่งที่ครูต้องเตรียมล่วงหน้า
1. ชุดอุปกรณ์กิจกรรม 5.1 การทดลองหาความสัมพันธ์ระหว่างงานกับพลังงานจลน์
2. แบบบันทึกผลการทำ�กิจกรรรม 5.1
3. ถ้าจะมีการแจกแนวทางการให้คะแนนการประเมินทักษะต่าง ๆ จากการทำ�กิจกรรม ให้จัดเตรียม
เอกสารให้เพียงพอกับจำ�นวนนักเรียน
แนวการจัดการเรียนรู้
ครูชี้แจงจุดประสงค์การเรียนรู้ของหัวข้อ 5.4.1 แล้วยกตัวอย่างสถานการณ์เพื่ออภิปรายเกี่ยวกับ
ความสัมพันธ์ระหว่างงานกับพลังงานจลน์ เช่น การผลักกล่องให้เคลื่อนที่ด้วยแรงแตกต่างกัน โดยตั้ง
คำ�ถามว่า แรงที่แตกต่างกันทำ�ให้พลังงานจลน์ของกล่องแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร โดยครูไม่คาดหวังคำ�
ตอบที่ถูกต้อง จากนั้น ครูให้นักเรียนหาคำ�ตอบจากการทำ�กิจกรรม 5.1
จุดประสงค์
1. คำ�นวณงานของแรงดึงรถทดลองและอัตราเร็วของรถทดลอง
2. เขียนและวิเคราะห์กราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างงานของแรงดึงรถทดลองกับอัตราเร็ว
ของรถทดลองยกกำ�ลังสอง
3. อภิปรายเพื่อสรุปเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างงานของแรงดึงรถทดลองกับพลังงานจลน์
ของรถทดลอง
เวลาที่ใช้ 90 นาที
วัสดุและอุปกรณ์
1. ชุดเครื่องเคาะสัญญาณเวลาพร้อมแถบกระดาษ 1 ชุด
2. รางไม้พร้อมแขนราง 1 ชุด
3. หม้อแปลงโวลต์ต่ำ�พร้อมสายไฟ 1 ชุด
4. รถทดลอง 1 คัน
5. นอตโลหะ 4 ตัว
6. เชือกยาวประมาณ 80 เซนติเมตร 1 เส้น
7. ไม้เมตร 1 อัน
118 บทที่ 5 | งานและพลังงาน ฟิสิกส์ เล่ม 2
แนะนำ�ก่อนการทำ�กิจกรรม
1. ในการปล่อยรถทดลองนั้น จะต้องปล่อยจากตำ�แหน่งเดียวกันทุกครั้ง
2. เส้นเชือกที่ใช้ในการลากรถและแขวนนอต ควรให้มีความยาวพอดีที่จะทำ�ให้รถทดลองอยู่
ห่างจากปลายรางมากกว่า 60 เซนติเมตร และนอตอยู่สูงจากพื้นมากกว่า 60 เซนติเมตร ดังรูป 5.2
m
mg
60 cm
ระยะที่วัด
เพื่อหาอัตราเร็ว
ระยะ 50 cm
จุดเริ่มตน หาอัตราเร็ว
ของการเคลื่อนที่ ที่จุดนี้
4. ครูชี้แจงให้ทราบว่าแรงดึงรถทดลอง F คือแรงดึงในเส้นเชือกซึ่งสามารถหาได้จากกฎการ
เคลื่อนที่ของนิวตันดังนี้
ให้ m และ m′ เป็นมวลของรถทดลองและนอตตามลำ�ดับ
T เป็นแรงตึงในเส้นเชือก
a เป็นความเร่งของระบบ
a
T m
a T
mg
รูป แรงและความเร่งของวัตถุในระบบ
จากกฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน จะได้ว่า
ที่มวล m T = ma (2)
mm′g
จาก (1) และ (2) หา จะได้ T =
m + m′
mm′g
นั่นคือ F = T =
m + m′
สำ�หรับค่าของ g ในการทดลองนี้ใช้ g = 9.8 m/s2
5. การชั่งหามวลของรถและนอตที่ใช้ ครูควรให้นักเรียนใช้เครื่องชั่งที่มีความละเอียดถึง 1 กรัม
6. จับรถทดลองไว้โดยให้แถบกระดาษดึงรถทดลอง เมื่อกดสวิตซ์เครื่องเคาะสัญญาณเวลา
แล้วจึงปล่อยรถทดลองให้เคลื่อนที่
120 บทที่ 5 | งานและพลังงาน ฟิสิกส์ เล่ม 2
ตัวอย่างข้อมูลที่ได้จากการทำ�กิจกรรม
Fs (J)
0.30
0.25
0.20
∆(Fs)
0.15
0.10
0.05 ∆(v 2)
2 2 2
v ( m /s )
0 0.3 0.6 0.9 1.2 1.5
ความชันของกราฟ = ∆( F ∆x)
∆ (v 2 )
0.31 J − 0.07 J
=
1.2(m/s) 2 − 0.3 (m/s) 2
0.24 J
=
0.90 (m/s) 2
= 0.27 kg
แนวคำ�ตอบคำ�ถามท้ายกิจกรรม
□ กราฟที่ได้มีลักษณะอย่างไร
แนวคำ�ตอบ เป็นกราฟเส้นตรง
□ จากลักษณะของกราฟ สรุปความสัมพันธ์ระหว่างงานกับกำ�ลังสองของอัตราเร็วสุดท้ายได้
อย่างไร
แนวคำ�ตอบ งานแปรผันตรงกับกำ�ลังสองของอัตราเร็วสุดท้าย
อภิปรายหลังการทำ�กิจกรรม
ครูให้นักเรียนตอบคำ�ถามท้ายกิจกรรม และบันทึกคำ�ตอบในแบบบันทึกผลการทำ�กิจกรรม จากนั้นครู
นำ�นักเรียนอภิปรายโดยใช้ค�ำ ตอบจากคำ�ถามท้ายกิจกรรม จนสรุปได้ว่า
1. งานที่ทำ�โดยแรงดึงรถทดลองเป็นสัดส่วนตรงกับอัตราเร็วของรถยกกำ�ลังสอง เขียนได้ว่า
F ∆x ∝ v 2 หรือ F ∆x = kv 2
2. ความชันของกราฟ k มีค่าคงตัว และเท่ากับครึ่งหนึ่งของมวลรถ ดังนั้น
m
k=
2
3. งานที่เกิดจากแรงดึงรถทดลองเท่ากับพลังงานจลน์ของรถทดลอง และเท่ากับ หรือ
1 2
F ∆x = mv
2
122 บทที่ 5 | งานและพลังงาน ฟิสิกส์ เล่ม 2
ข้อแนะนำ�เพิ่มเติมสำ�หรับครู
1. ถ้าใช้ห่วงเหล็กเป็นที่แขวนนอต การชดเชยแรงเสียดทานต้องชดเชยขณะที่มีห่วงเหล็กผูกเชือก
คล้องอยู่กับรถทดลองด้วย
2. เมื่อนำ�ผลการทดลองมาเขียนกราฟ ถ้าชดเชยแรงเสียดทานได้พอดี จะพบว่าเส้นกราฟจะผ่านจุด
กำ�เนิดพอดี แต่หากมีการชดเชยแรงเสียดทานมากไปหรือน้อยไป จะทำ�ให้กราฟไม่ผ่านจุดกำ�เนิด
1 2
พิจารณาได้จาก ∑ F ∆x = mv
2
ให้แรงที่ฉุดรถเป็น (F) มีแรงเสียดทาน (f) และชดเชยแรงเสียดทานด้วยแรง mg sin θ เมื่อ q
เป็นมุมระหว่างพื้นรางกับแนวระดับ จะได้
1 2
( F − f + mg sin θ ) = mv
2
1
F ∆x − ( f ∆x + mg ∆x sin θ ) = mv 2
2
จัดรูปให้อยู่ในลักษณะของสมการเส้นตรง y = kx + c
1 2
จะได้ F ∆x = mv + ( f − mg sin θ )∆x
2
จะเห็นว่าถ้าเมื่อเขียนกราฟระหว่างงานแรงฉุด (F ∆x ) กับ กำ�ลังสองความเร็ว (v2) จะมีจุดตัดแกนตั้งที่
(c) เป็น ( f − mg sin θ )∆x สรุปได้คือ ถ้า
c = 0 กราฟผ่านจุดกำ�เนิด ชดเชยแรงเสียดทานได้พอดี mg sin θ = f
c > 0 กราฟผ่านเหนือจุดกำ�เนิด ชดเชยแรงเสียดทานน้อยไป mg sin θ < f
c < 0 กราฟผ่านใต้จุดกำ�เนิด ชดเชยแรงเสียดทานมากไป mg sin θ > f
แนวการวัดและประเมินผล
1. ความรูเ้ กีย่ วกับพลังงานจลน์ พลังงานกล และความสัมพันธ์ระหว่างงานของแรงลัพธ์กบ
ั พลังงานจลน์
จากคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจและแบบฝึกหัดท้ายหัวข้อ 5.4 ในหัวข้อที่เกี่ยวกับพลังงานจลน์
2. ทักษะการวัด การทดลอง การจัดกระทำ�และสื่อความหมายข้อมูล การตีความหมายข้อมูลและลง
ข้อสรุป การทำ�งานร่วมกัน จากการทำ�กิจกรรม 5.1 และแบบบันทึกผลการทำ�กิจกรรม
3. ทักษะการสื่อสารและนำ�เสนอผลจากการนำ�เสนอผลการทำ�กิจกรรม 5.1
4. ทักษะการใช้จำ�นวน จากการคำ�นวณปริมาณต่าง ๆ ในแบบฝึกหัดท้ายหัวข้อ 5.4 ที่เกี่ยวข้องกับ
พลังงานจลน์
5. จิตวิทยาศาสตร์ดา้ นความซือ่ สัตย์และความรับผิดชอบ จากการทำ�กิจกรรม 5.1 และจากแบบบันทึกผล
การทำ�กิจกรรม
5.4.2 พลังงานศักย์
ครูน�ำ เข้าสูห
่ วั ข้อ 5.4.2 โดยตัง้ คำ�ถามเกีย่ วกับความสัมพันธ์ระหว่างงานกับพลังงานจลน์ทไ่ี ด้เรียนรู้
มาก่อนหน้านี้ แล้วให้นก
ั เรียนอภิปรายร่วมกันว่า งานกับพลังงานศักย์มค
ี วามสัมพันธ์ในลักษณะเดียวกัน
หรือไม่ อย่างไร โดยครูเปิดโอกาสให้นักเรียนตอบอย่างอิสระ ไม่คาดหวังคำ�ตอบที่ถูกต้อง จากนั้น
ครูนำ�อภิปรายเกี่ยวกับพลังงานศักย์ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน
ก. พลังงานศักย์โน้มถ่วง
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกความหมายและคำ�นวณพลังงานศักย์โน้มถ่วง
2. ทดลองเพื่ออธิบายความสัมพันธ์ระหว่างงานกับพลังงานศักย์โน้มถ่วง
124 บทที่ 5 | งานและพลังงาน ฟิสิกส์ เล่ม 2
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน แนวคิดที่ถูกต้อง
1. การเปลีย่ นแปลงพลังงานศักย์ของวัตถุขน
ึ้ อยู่ 1. การเปลี่ยนพลังงานศักย์โน้มถ่วงของวัตถุไม่
กับเส้นทางการเคลื่อนที่ของวัตถุ ขึ้ น กั บ เส้ น ทางการเคลื่ อ นที่ แต่ จ ะขึ้ น กั บ การ
เปลี่ยนระดับความสูงอย่างเดียว
2. พลังงานศักย์โน้มถ่วงมีค่าเป็นบวกเท่านั้น 2. พลังงานศักย์ของวัตถุขึ้นกับระดับอ้างอิง
เมื่อวัตถุอยู่สูงจากระดับอ้างอิง จะมีพลังงาน
ศักย์โน้มถ่วงเป็นบวก แต่ถ้าอยู่ต่ำ�กว่าระดับ
อ้างอิง จะมีพลังงานศักย์โน้มถ่วงเป็นลบ
สิ่งที่ครูต้องเตรียมล่วงหน้า
1. ชุดอุปกรณ์กิจกรรม 5.2 การทดลองพลังงานศักย์โน้มถ่วงกับเส้นทางการเคลื่อนที่
2. แบบบันทึกผลการทำ�กิจกรรรม 5.2
3. ถ้าจะมีการแจกแนวทางการให้คะแนนการประเมินทักษะต่าง ๆ จากการทำ�กิจกรรม ให้จัดเตรียม
เอกสารให้เพียงพอกับจำ�นวนนักเรียน
แนวการจัดการเรียนรู้
ครูชี้แจงจุดประสงค์การเรียนรู้ของหัวข้อ 5.4.2 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพลังงานศักย์โน้มถ่วง แล้วนำ�
นักเรียนอภิปรายเกี่ยวกับการหางานในการยกวัตถุอย่างช้า ๆ ในแนวดิ่ง ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน
เพื่อนำ�ไปสู่ข้อสรุปว่า งานที่ทำ�ในการยกวัตถุมวล m ขึ้นสูง h จะเท่ากับ mgh ซึ่งเป็นพลังงานศักย์โน้มถ่วง
ที่เกี่ยวข้องกับวัตถุที่อยู่สูง h จากพื้นดิน ซึ่งเป็นระดับอ้างอิง ตามสมการ (5.7)
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 5 | งานและพลังงาน 125
ความรู้เพิ่มเติมสำ�หรับครู
จุดประสงค์
1. คำ�นวณงานของแรงดึงรถทดลอง
2. คำ�นวณพลังงานศักย์โน้มถ่วง
3. อภิปรายเพื่อสรุปเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างงานของแรงดึงรถทดลองในเส้นทางที่
แตกต่างกันกับพลังงานศักย์โน้มถ่วงของรถทดลอง
เวลาที่ใช้ 90 นาที
วัสดุและอุปกรณ์
1. รางไม้ 1 ชุด
2. รถทดลอง 1 คัน
3. เครื่องชั่งสปริง 1 เครื่อง
4. ไม้เมตร 1 อัน
5. ไม้สำ�หรับหนุนราง 1 อัน
แนะนำ�ในการทำ�กิจกรรม
1. ในการหางาน ให้ดึงรถทดลองขึ้นไปตามพื้นเอียงด้วยอัตราเร็วคงตัว
2. เพื่อให้เกิดความสะดวกในการทำ�กิจกรรม ให้นักเรียนทำ�เครื่องหมายบนรางไม้ที่
ตำ�แหน่งเริ่มต้นของรถ และตำ�แหน่งสุดท้ายที่จะลากรถขึ้นไป ดังรูป 5.6 เมื่อทำ�กิจกรรมจะได้ ∆x
ค่าเดิม ส่วนระยะความสูง h จะเปลี่ยนไปตามมุมเอียงของรางไม้
ตำแหนงสุดทาย
∆x
ตำแหนงเริ่มตน h
รูป ระยะทางตามพื้นเอียงและความสูงของพื้นเอียง
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 5 | งานและพลังงาน 127
ตัวอย่างข้อมูลที่ได้จากการทำ�กิจกรรม
ระยะทางที่ลากไปตามพื้นเอียง ∆x เท่ากับ 1.0 เมตร มวลรถเท่ากับ 0.5 กิโลกรัม และ เท่ากับ
9.8 เมตรต่อวินาที2
3.0
2.5
2.0
∆(F∆x)
1.5
1.0
∆h
0.5
h (m)
0 0.1 0.2 0.3 0.4 0.5 0.6
∆( F ∆x)
ความชันของกราฟ =
∆ ( h)
2.5 J − 1.0 J
=
0.5 m − 0.3 m
1.5 J
=
0.3 m
= 0.5 N
128 บทที่ 5 | งานและพลังงาน ฟิสิกส์ เล่ม 2
แนวคำ�ตอบคำ�ถามท้ายกิจกรรม
□ จากการทดลอง แสดงว่าพลังงานศักย์โน้มถ่วงของวัตถุขึ้นอยู่กับเส้นทางการเคลื่อนที่หรือไม่
อย่างไร
แนวคำ�ตอบ ไม่ขึ้นกับเส้นทาง ไม่ว่าวัตถุจะเคลื่อนที่ตามแนวพื้นเอียง หรือเคลื่อนที่ในแนวดิ่งต่าง
ก็มีพลังงานศักย์โน้มถ่วงเท่ากัน
อภิปรายหลังการทำ�กิจกรรม
ครูและนักเรียนอภิปรายผลการทำ�กิจกรรมโดยใช้ค�ำ ถามและรายละเอียดในหนังสือเรียนจนสรุปได้ว่า
1. ขนาดของแรงดึงรถทดลองให้เคลื่อนที่ไปตามรางเอียงด้วยอัตราเร็วคงตัว มีค่าไม่เท่ากัน รางเอียง
ทำ�มุมมากขึ้น แรงดึงจะมากขึ้นด้วย
2. งานที่ทำ�โดยแรงดึงรถทดลองขึ้นตามรางเอียงเป็นสัดส่วนตรงกับความสูง เขียนได้ว่า W ∝ h หรือ
W = kh ความชันของกราฟมีค่าคงตัว มีหน่วย จูลต่อเมตร (J/m) หรือ นิวตัน ซึ่งเป็นหน่วยของแรง จาก
การทำ�กิจกรรมหลาย ๆ ครั้งพบว่า k มีค่าใกล้เคียงกับน้ำ�หนัก mg ของรถทดลอง คือ 4.9 นิวตัน
3. งานที่ เ กิ ด จากแรงดึ ง รถทดลองมี ค่ า ประมาณเท่ า กั บ พลั ง งานศั ก ย์ โ น้ ม ถ่ ว งของรถทดลองหรื อ
W
= E=
p
mgh
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 5 | งานและพลังงาน 129
ข้อแนะนำ�เพิ่มเติมสำ�หรับครู
1. ถ้ากราฟเส้นตรงที่ได้ไม่ผ่านจุดกำ�เนิด วิเคราะห์ได้ว่า เนื่องจากรางไม้มีขอบ การวัดความสูง h อาจ
จะคลาดเคลื่อนได้มาก
2. ครูอาจยกตัวอย่างต่อไปนี้ เพื่อแสดงให้นักเรียนเห็นว่า เมื่อยกวัตถุให้เคลื่อนที่สูงขึ้นด้วยความเร็ว
คงตัวเป็นระยะทาง h โดยไม่คำ�นึงถึงเส้นทางในการเคลื่อนที่ จะทำ�งานเท่าเดิม ไม่ว่าจะอยู่ในแนวดิ่งหรือ
ไม่ และงานที่ทำ�นั้นจะเท่ากับพลังงานศักย์โน้มถ่วงของวัตถุที่เพิ่มขึ้น ดังรูป 5.4
F N
F
C
C θ
mg sin θ mg cos θ
h
h
mg
θ
A B A B
ก. ข.
รูป 5.4 เส้นทางการเคลื่อนที่ของวัตถุจาก A ไป C
หลังการสรุปผลการทดลอง ครูให้นักเรียนตอบคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจและแบบฝึกหัดท้ายหัวข้อ
5.4 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพลังงานศักย์โน้มถ่วง
ข. พลังงานศักย์ยืดหยุ่น
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกความหมายและคำ�นวณพลังงานศักย์ยืดหยุ่น
2. ทดลองเพื่ออธิบายความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของแรงที่ใช้ดึงสปริงกับระยะที่สปริงยืดออก
และความสัมพันธ์ระหว่างงานกับพลังงานศักย์ยืดหยุ่น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน แนวคิดที่ถูกต้อง
1. วัตถุทถ
ี่ กู ทำ�ให้ยด ื ตัวออกเท่านัน้ ทีม
่ พ
ี ลังงาน 1. วั ต ถุ ที่ ถู ก ทำ � ให้ ยื ด ตั ว ออกหรื อ หดตั ว ลง มี
ศักย์ยดื หยุน่ วัตถุทถี่ กู ทำ�ให้หดตัวลงไม่มพ ี ลังงาน พลังงานศักย์ยืดหยุ่น
ศักย์ยืดหยุ่น
2. พลังงานศักย์ยดื หยุน
่ มีคา่ เป็นบวกหรือลบขึน
้ 2. พลังงานศักย์ยืดหยุ่นมีค่าเป็นบวกเท่านั้น
กับตำ�แหน่งอ้างอิงและตำ�แหน่งอ้างอิงเลือกได้ และตำ�แหน่งอ้างอิงต้องอยู่ที่ต�ำ แหน่งสมดุล
สิ่งที่ครูต้องเตรียมล่วงหน้า
1. ชุดอุปกรณ์กิจกรรม 5.3 การทดลองหาความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของแรงที่ใช้ดึงสปริงกับระยะที่
สปริงยืดออก
2. แบบบันทึกผลการทำ�กิจกรรรม 5.3
3. ถ้าจะมีการแจกแนวทางการให้คะแนนการประเมินทักษะต่าง ๆ จากการทำ�กิจกรรม ให้จัดเตรียม
เอกสารให้เพียงพอกับจำ�นวนนักเรียน
แนวการจัดการเรียนรู้
ครูนำ�เข้าหัวข้อ 5.4.2 โดยทบทวนเกี่ยวกับแรงดึงสปริงที่ได้ศึกษามาแล้วในหัวข้อ 5.2 งานของแรงไม่
คงตัว จากนั้นครูชี้แจงจุดประสงค์การเรียนรู้ของหัวข้อ 5.4.2 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพลังงานศักย์ยืดหยุ่น
แล้วนำ�นักเรียนอภิปรายเกี่ยวกับแรงดึงสปริง ตำ�แหน่งสมดุล และ พลังงานศักย์ยืดหยุ่น ตามรายละเอียด
ในหนังสือเรียน โดยอาจให้นักเรียนทดลองดึงสปริงให้ยืดออกหรืออัดสปริงให้หดเข้า
ต่อจากนั้น ครูตั้งคำ�ถามให้นักเรียนอภิปรายร่วมกันว่า แรงที่ใช้ดึงสปริงกับระยะที่สปริงยืดออกมี
ความสัมพันธ์กันอย่างไรแล้ว และงานกับพลังงานศักย์ยืดหยุ่นมีความสัมพันธ์กันเหมือนกับกรณีของ
พลังงานศักย์โน้มถ่วงหรือไม่ โดยครูไม่คาดหวังคำ�ตอบที่ถูกต้อง จากนั้น ครูให้นักเรียนทำ�กิจกรรม 5.3
เพื่อหาคำ�ตอบ
จุดประสงค์
1. เขียนและวิเคราะห์กราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างแรงที่ใช้ดึงสปริงกับระยะที่สปริงยืด
ออกจากตำ�แหน่งสมดุล
2. อภิปรายเพื่อสรุปเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างแรงที่ใช้ดึงสปริงกับระยะที่สปริงยืดออก
จากตำ�แหน่งสมดุล
3. อภิปรายเพื่อสรุปเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างงานของแรงที่ใช้ดึงสปริงกับพลังงานศักย์
ยืดหยุ่นของสปริง
เวลาที่ใช้ 90 นาที
132 บทที่ 5 | งานและพลังงาน ฟิสิกส์ เล่ม 2
วัสดุและอุปกรณ์
1. เครื่องชั่งสปริง 1 เครื่อง
2. สปริง 1 อัน
3. ไม้บรรทัด 1 อัน
แนะนำ�ก่อนทำ�กิจกรรม
ตัวอย่างข้อมูลที่ได้จากการทำ�กิจกรรม
ระยะที่สปริงยืดจากตำ�แหน่ง
สมดุล (×10-2 m) 0 1.00 2.00 3.00 4.00 5.00 6.00 7.00
นำ�ข้อมูลของการทำ�กิจกรรมที่ได้ในตาราง มาเขียนกราฟระหว่างขนาดของแรงที่ใช้ดึงสปริงกับ
ระยะที่สปริงยืดออก จะได้ดังรูป 5.6
F (N)
1
−2
x (× 10 m)
0
1 2 3 4 5 6 7 8
รูป 5.6 กราฟระหว่างขนาดของแรงที่ใช้ดึงสปริงกับระยะที่สปริงยืดออก
ระยะที่สปริงยืดจากตำ�แหน่ง
0 1.00 4.00 9.00 16.00 25.00 36.00 49.00
สมดุลยกกำ�ลังสอง (×10-4 m2)
W (J)
50
40
30
20
10
−4
x (× 10 m2)
0 10 20 30 40 50
รูป 5.7 กราฟระหว่างงานแรงที่ใช้ดึงสปริงกับระยะที่สปริงยืดออกยกกำ�ลังสอง
แนวคำ�ตอบคำ�ถามท้ายกิจกรรม
□ กราฟระหว่างขนาดของแรงที่ใช้ดึงกับระยะที่สปริงยืดออกมีลักษณะอย่างไร
แนวคำ�ตอบ เป็นกราฟเส้นตรงผ่านจุดกำ�เนิด
□ จากลักษณะของกราฟ สรุปความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของแรงที่ใช้ดึงกับระยะที่สปริงยืดออก
เป็นอย่างไร
แนวคำ�ตอบ ขนาดแรงที่ใช้ดึงแปรผันตรงกับระยะที่สปริงยืดออก
□ กราฟระหว่างงานของแรงที่ใช้ดึงที่ต�ำ แหน่งต่าง ๆ จากตำ�แหน่งสมดุลกับกำ�ลังสองของระยะที่
สปริงยืดออกมีลักษณะอย่างไร
แนวคำ�ตอบ เป็นกราฟเส้นตรงผ่านจุดกำ�เนิด
□ จากลักษณะของกราฟ สรุปความสัมพันธ์ระหว่างงานของแรงที่ใช้ดึงที่ตำ�แหน่งต่าง ๆ จาก
ตำ�แหน่งสมดุลกับกำ�ลังสองของระยะที่สปริงยืดออกเป็นอย่างไร
แนวคำ�ตอบ งานของแรงทีใ่ ช้ดงึ ทีต
่ �ำ แหน่งต่าง ๆ แปรผันตรงกับกำ�ลังสองของระยะทีส่ ปริงยืดออก
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 5 | งานและพลังงาน 135
อภิปรายหลังการทำ�กิจกรรม
ครูนำ�อภิปรายโดยใช้แนวคำ�ถามและรายละเอียดในหนังสือเรียน จนได้ข้อสรุปเกี่ยวกับแรงที่ใช้ดึง
สปริง ค่าคงตัวของสปริง และ ความสัมพันธ์ระหว่างงานของแรงที่ใช้ดึงสปริงกับพลังงานศักย์ยืดหยุ่น ดังนี้
1. แรงที่ใช้ดึงสปริงจะแปรผันตรงกับระยะที่สปริงยืดออก หรือเขียนได้ว่า
Fs ∝ x
หรือ Fs = kx
ซึ่งเป็นไปตามกฎของฮุก (Hooke’s law)
2. ความชันของกราฟระหว่างแรงทีใ่ ช้ดงึ สปริงกับระยะทีส่ ปริงยืดออกเป็นค่าคงตัวสำ�หรับสปริงหนึง่ ๆ
เรียกว่า ค่าคงตัวสปริง และค่านี้จะขึ้นอยู่กับความแข็งของสปริง
3. งานที่ใช้ในการดึงสปริงให้ยืดออกจากตำ�แหน่งสมดุล เป็นสัดส่วนตรงกับระยะยืดยกกำ�ลังสอง
4. ความชันของกราฟระหว่างงานที่ใช้ในการดึงสปริงกับระยะยืดกำ�ลังสองมีค่าเท่ากับครึ่งหนึ่งของ
ผลคูณของค่าคงตัวสปริง
ครูอาจให้นักเรียนศึกษากฎของฮุกเพิ่มเติมนอกเวลาเรียน
แนวการวัดและประเมินผล
1. ความรูเ้ กีย่ วกับพลังงานศักย์ และ ความสัมพันธ์ระหว่างงานของแรงโน้มถ่วงกับพลังงานศักย์โน้มถ่วง
พลังงานศักย์โน้มถ่วงกับเส้นทางการเคลื่อนที่ จากแบบฝึกหัดท้ายหัวข้อ 5.4 ในหัวข้อที่เกี่ยวกับพลังงาน
ศักย์และพลังงานศักย์โน้มถ่วง
2. ความรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของแรงที่ใช้ดึงสปริงกับระยะที่สปริงยืดออก และ งาน
136 บทที่ 5 | งานและพลังงาน ฟิสิกส์ เล่ม 2
แนวคำ�ตอบคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจ 5.4
1. ถ้ามีแรงมากระทำ�ต่อวัตถุในทิศทางเดียวกับการเคลื่อนที่ของวัตถุ พลังงานจลน์ของวัตถุจะ
เปลี่ยนแปลงหรือไม่ อย่างไร ในทางกลับกัน ถ้าแรงนั้นมีทิศทางตรงข้าม พลังงานจลน์ของ
วัตถุจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ อย่างไร
แนวคำ�ตอบ เมือ
่ มีแรงกระทำ�ต่อวัตถุในทิศทางเดียวกับการเคลือ
่ นทีข
่ องวัตถุ จะทำ�ให้วต
ั ถุ
มีความเร็วเพิ่มขึ้น ดังนั้นพลังงานจลน์ของวัตถุจะเพิ่มขึ้น ในทางกลับกัน ถ้าแรงที่กระทำ�ต่อ
วัตถุมีทิศทางตรงข้ามกับการเคลื่อนที่ของวัตถุ จะทำ�ให้วัตถุมีความเร็วลดลง ดังนั้น
พลังงานจลน์ของวัตถุจะลดลง
แนวคำ�ตอบ เมือ
่ แดงและดำ�ขึน
้ ไปอยูบ
่ นกำ�แพง ทัง้ สองคนจะสูง h จากพืน
้ เท่ากัน พลังงาน
ในตะกร้าทั้งสองจะเพิ่มเท่ากันคือ mgh
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 5 | งานและพลังงาน 137
3. งานและพลังงานจลน์มีความสัมพันธ์กันอย่างไร จงอธิบาย
แนวคำ�ตอบ เมื่อมีแรงกระทำ�ต่อวัตถุ จะทำ�ให้วัตถุเคลื่อนที่ งานของแรงดังกล่าวทำ�ให้วัตถุ
มีพลังงานจลน์ ถ้าเริ่มต้น วัตถุอยู่นิ่ง งานของแรงที่ทำ�ให้เคลื่อนที่จะเท่ากับพลังงานจลน์
ของวัตถุ หรือ W = Ek แต่ถ้าเริ่มต้น วัตถุมีความเร็วค่าหนึ่ง งานจะเท่ากับพลังงานจลน์
ของวัตถุที่เปลี่ยนไป W = ∆ Ek
เฉลยแบบฝึกหัด 5.4
วิธีทำ� จาก Ek = 1 mv 2
2
1
= (9.1×10−31 kg)(2 ×106 m/s)2
2
Ek = 1.8 ×10−18 J
1
ถ้าต้องการให้มีพลังงานเป็น 1 จูล จะต้องใช้อิเล็กตรอนเท่ากับ
1.8 ×10−18
= 5.5 ×1017
15 N
A
0.5 m
B
10 N
0.2 m
พื้น
รูป ประกอบแบบฝึกหัดข้อ 3
วิธท
ี �ำ พลังงานศักย์โน้มถ่วงของวัตถุมค
ี า่ ขึน
้ กับตำ�แหน่งของวัตถุเมือ
่ เทียบกับระดับอ้างอิง ถ้าให้พน
้ื
เป็นระดับอ้างอิง เมื่อดึงปลายเชือกจากตำ�แหน่ง A ถึง B ซึ่งห่างกัน 0.5 เมตร วัตถุจะถูกดึง
ขึน
้ จากตำ�แหน่งเดิมเป็นระยะ 0.5 เมตร ทำ�ให้วต
ั ถุอยูส่ งู จากพืน
้ = 0.2 m + 0.5 m = 0.7 m
Ep = mgh
= (10 N)(0.7 m)
= 7.0 J
ตอบ วัตถุมีพลังงานศักย์โน้มถ่วง 7.0 จูล
= 0.125 J
= 490 J
= 2.5 J
5.5 การอนุรักษ์พลังงานกล
ครูอาจให้นักเรียนปล่อยรถของเล่นวิ่งลงตามพื้นเอียง หรือ ปล่อยลูกเหล็กให้เคลื่อนไปตามรางที่เอียง
ทำ�มุมกับแนวระดับ แล้วตั้งคำ�ถามให้นักเรียนอภิปรายร่วมกันว่า ที่ต�ำ แหน่งต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่มปล่อยจนถึง
จุดสุดท้าย พลังงานจลน์ พลังงานศักย์ และ พลังงานกลของวัตถุเป็นอย่างไร มีปริมาณใดที่มีค่าคงตัว โดย
ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนตอบคำ�ถามอย่างอิสระ ไม่คาดหวังคำ�ตอบที่ถูกต้อง
ครูอธิบายความหมายของการอนุรักษ์ในวิชาฟิสิกส์และประโยชน์ของการนำ�หลักการอนุรักษ์มาใช้
ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน โดยมีการเชื่อมโยงกับกรณีรถของเล่นวิ่งลงพื้นเอียงหรือลูกเหล็กวิ่งลง
ตามราง ที่ได้ตั้งคำ�ถามไว้ในช่วงเริ่มต้น จากนั้น ครูนำ�เข้าสู่หัวข้อ 5.5.1 โดยบอกนักเรียนว่า ในหัวข้อนี้
นักเรียนจะได้ศึกษาว่ามีปริมาณใดบ้างที่อนุรักษ์และการนำ�หลักการอนุรักษ์มาใช้แก้ปัญหาได้อย่างไร
5.5.1 งานเนื่องจากแรงอนุรักษ์
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกความหมายของแรงอนุรักษ์
2. จำ�แนกแรงอนุรักษ์กับแรงไม่อนุรักษ์
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 5 | งานและพลังงาน 141
แนวการจัดการเรียนรู้
ครูชี้แจงจุดประสงค์การเรียนรู้ของหัวข้อ 5.5 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับแรงอนุรักษ์ แล้วตั้งคำ�ถามให้
นักเรียนอภิปรายร่วมกันว่า ถ้าการทำ�งานด้วยแรงผลักหรือแรงดึง เริ่มที่จุดเดียวกันและสิ้นสุดที่จุด
เดียวกันแต่มีการใช้เส้นทางที่แตกต่างกัน งานที่เกิดขึ้นจะแตกต่างกันหรือไม่ โดยครูปล่อยให้นักเรียนตอบ
อย่างอิสระ ไม่คาดหวังคำ�ตอบที่ถูกต้อง
ครูนำ�นักเรียนอภิปรายเกี่ยวกับการทำ�งานของแรงผลัก ตามรายละเอียดและรูป 5.17 ในหนังสือเรียน
จนได้ข้อสรุปว่า แม้ว่าจุดเริ่มต้นกับจุดสุดท้ายของการเคลื่อนที่ของวัตถุจะเป็นจุดเดียวกัน งานเนื่องจาก
แรงผลักที่มีขนาดคงตัวตามเส้นทางที่ต่างกันมีค่าไม่เท่ากัน
ครูตั้งคำ�ถามว่า งานของแรงโน้มถ่วงและงานของแรงที่ใช้ดึงสปริงที่ได้ศึกษามาแล้วในหัวข้อ 5.4 ขึ้น
กับเส้นทางหรือไม่ และจากคำ�ตอบของนักเรียน ครูน�ำ อภิปรายจนสรุปได้ว่า งานเนื่องจากแรงโน้มถ่วง
และงานของแรงที่ใช้ดึงสปริง ต่างมีค่าไม่ขึ้นกับเส้นทาง แต่จะขึ้นเฉพาะกับตำ�แหน่งเริ่มต้นกับตำ�แหน่ง
สุดท้ายของการเคลื่อนที่เท่านั้น จากนั้น ครูให้ความรู้เกี่ยวกับแรงอนุรักษ์ แรงไม่อนุรักษ์ และ งานเนื่องจาก
แรงอนุรักษ์ ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน จนสรุปได้ว่า งานเนื่องจากแรงอนุรักษ์มีความสัมพันธ์กับ
พลังงานศักย์ที่เปลี่ยนไป ตามสมการ (5.15) ในหนังสือเรียน
5.5.2 กฎการอนุรักษ์พลังงานกล
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. วิเคราะห์และอภิปรายเพื่อสรุปเกี่ยวกับกฎการอนุรักษ์พลังงานกล
2. จำ�แนกสถานการณ์ที่มีการอนุรักษ์พลังงานกลกับสถานการณ์ที่ไม่มีการอนุรักษ์พลังงานกล
3. ประยุกต์ใช้ความรู้เรื่องแรงอนุรักษ์และกฎการอนุรักษ์พลังงานกลในแก้ปัญหา
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน แนวคิดที่ถูกต้อง
1. วัตถุจะมีพลังงานกลเพิม ่ ขึน
้ เรือ
่ ย ๆ เมือ
่ มีการ 1. พลังงานกลของวัตถุมีค่าคงตัว แต่พลังงาน
เคลื่อนที่เร็วขึ้นเรื่อย ๆ ศักย์และพลังงานจลน์ของวัตถุมกี ารเปลีย่ นแปลง
ได้ เช่น ในการตกแบบเสรี วัตถุมก
ี ารเคลือ
่ นทีเ่ ร็ว
ขึ้นเรื่อย ๆ แต่พลังงานกลยังเท่าเดิม เนื่องจาก
พลังงานศักย์ได้เปลี่ยนเป็นพลังงานจลน์
142 บทที่ 5 | งานและพลังงาน ฟิสิกส์ เล่ม 2
2. กฎการอนุรักษ์พลังงานกลใช้ได้ 2. กฎการอนุรักษ์พลังงานกลใช้ได้ใน
ทุกสถานการณ์ สถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับแรงอนุรักษ์เท่านั้น
แนวการจัดการเรียนรู้
ครูทบทวนเรื่องแรงอนุรักษ์ แล้วตั้งคำ�ถามให้นักเรียนอภิปรายร่วมกันว่า แรงอนุรักษ์เกี่ยวข้องกับการ
อนุรักษ์ปริมาณใด โดยไม่คาดหวังคำ�ตอบที่ถูกต้อง
ครูทบทวน ทฤษฎีบทงาน-พลังงานจลน์ ที่นักเรียนได้ศึกษามาแล้วในหัวข้อ 5.4 จากนั้นร่วมกัน
อภิปรายกับนักเรียนตามรายละเอียดในหัวข้อ 5.5.2 กฎการอนุรักษ์พลังงานกล จนได้สมการ (5.16) และ
ได้ข้อสรุปว่า ถ้างานที่เกิดขึ้นกับวัตถุมีเฉพาะงานเนื่องจากแรงอนุรักษ์เท่านั้น พลังงานกลของวัตถุจะ
มีค่าคงตัว ซึ่งเป็นไปตามกฎการอนุรักษ์พลังงานกล
ต่อจากนั้น ครูอธิบายตัวอย่าง 5.14 ก่อนจะให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการเปลี่ยนพลังงาน
กลของการกระโดดค้ำ�ถ่อ ดังรูป 5.18 และการเปลี่ยนพลังงานกลของรถและสปริง ดังรูป 5.19 ตามราย
ละเอียดในหนังสือเรียน
ครูอธิบายตัวอย่าง 5.15 – 5.17 เพื่อสร้างความเข้าใจให้นักเรียนเกี่ยวกับการนำ�กฎการอนุรักษ์
พลังงานกลไปใช้ค�ำ นวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของวัตถุ ต่อมา ครูให้ความรู้เกี่ยวกับการ
พิจารณาสถานการณ์จริง ที่มักจะพบว่า พลังงานกลมีค่าไม่คงตัว เนื่องจากวัตถุมีการเคลื่อนที่ภายใต้แรง
เสียดทาน ซึ่งเป็นแรงไม่อนุรักษ์ แต่ทั้งนี้ เมื่อพิจารณางานที่เกิดจากแรงเสียดทาน และพลังงานชนิดอื่น ๆ
พลังงานรวมทั้งหมดจะมีค่าคงตัว ซึ่งเป็นไปตาม กฎการอนุรักษ์พลังงาน
ครูให้นักเรียนตอบคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจและทำ�แบบฝึกหัดท้ายหัวข้อ 5.5 ทั้งนี้ อาจมีการเฉลย
คำ�ตอบและอภิปรายคำ�ตอบร่วมกัน
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 5 | งานและพลังงาน 143
แนวการวัดและประเมินผล
1. ความรู้เกี่ยวกับแรงอนุรักษ์และกฎการอนุรักษ์พลังงานกล จากคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจและ
แบบฝึกหัดท้ายหัวข้อ 5.5
2. ทักษะการแก้ปัญหาและการใช้จำ�นวน จากการแก้โจทย์ปัญหาและการคำ�นวณปริมาณต่าง ๆ ที่
เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ของวัตถุ โดยใช้กฎการอนุรักษ์พลังงานกลในแบบฝึกหัดท้ายหัวข้อ 5.5
แนวคำ�ตอบคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจ 5.5
1. จงอธิบายความหมายของแรงอนุรักษ์
แนวคำ�ตอบ แรงอนุรักษ์เป็นแรงซึ่งทำ�ให้เกิดงานโดยไม่ขึ้นกับเส้นทางการเคลื่อนที่ และ
งานของแรงอนุรักษ์ไม่ทำ�ให้พลังงานกลของวัตถุเปลี่ยนไป
2. ใบไม้ที่หลุดจากต้นหล่นสู่พื้น แรงที่กระทำ�ต่อใบไม้เป็นแรงอนุรักษ์หรือไม่
แนวคำ�ตอบ แรงที่กระทำ�ต่อใบไม้ ได้แก่ แรงที่โลกดึงดูดใบไม้และแรงต้านของอากาศ แรง
ทีโ่ ลกดึงดูดใบไม้ คือ แรงโน้มถ่วงเป็นแรงอนุรก
ั ษ์ ส่วนแรงต้านของอากาศเป็นแรงไม่อนุรก
ั ษ์
เฉลยแบบฝึกหัด 5.5
1. จงแสดงว่าขณะใช้แปรงลบกระดานไปทางขวาแล้วกลับมาทีต
่ �ำ แหน่งเดิม แรงเสียดทานทีเ่ กิดขึน
้
เป็นแรงไม่อนุรักษ์
วิธท
ี �ำ กำ�หนดให้เส้นทางที่ 1 ใช้แปรงลบกระดานลบไปทางขวา จาก O ไป A ต่อมาเคลือ
่ นทีก
่ ลับมา
ที่ตำ�แหน่งเดิมโดยผ่านจุด B ดังรูป ก. ส่วนเส้นทางที่ 2 ใช้แปรงลบกระดานไปทางขวา จาก
O ไป A เช่นเดียวกัน แต่ในการเคลื่อนที่กลับมาตำ�แหน่งเดิม ให้ผ่านจุด C และ D ดังรูป ข.
f
เสนทางที่ 1
O A
f f
B
ก.
f
เสนทางที่ 2 O A
f f
D C
ข. f
งานของแรงเสียดทานตามเส้นทางที่ 1 มีค่าเท่ากับ
Wpath1 = WO→A + WA →B + WB→O
งานของแรงเสียดทานตามเส้นทางที่ 2 มีค่าเท่ากับ
Wpath 2 = WO→A + WA →C + WC→D + WD→O
ตอบ จะเห็นว่า งานเนื่องจากแรงเสียดทานตามเส้นทางทั้งสอง มีค่าไม่เท่ากัน แรงเสียดทานจึงไม่
เป็นแรงอนุรักษ์
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 5 | งานและพลังงาน 145
v 2 = u 2 + 2a∆x
= 0 + 2(9.8 m / s 2 )(2.5 m)
= 49 m 2 / s 2
1 1 2
Ek Ek= = = mv 2mv
พลังงานจลน์ของผลไม้เมื่อตกได้ครึ่งทาง
2 2
1
= (0.1 kg ) (49 m 2 s 2 )
2
= 2.45 J
2m
0.6 m
v
146 บทที่ 5 | งานและพลังงาน ฟิสิกส์ เล่ม 2
หาพลังงานศักย์โน้มถ่วงของลูกตุ้มที่สูงขึ้นจากจุดต่ำ�สุด
ลูกตุ้มอยู่สูงจากจุดต่ำ�สุด 0.6 m
ดังนั้น พลังงานศักย์โน้มถ่วง = = (0.2 kg )(9.8 m/s 2 )(0.6 m) = 1.2 J
Ep mgh
ตอบ พลังงานศักย์โน้มถ่วงของลูกตุ้มที่สูงขึ้นจากจุดต่�ำ สุดเท่ากับ 1.2 จูล
ข. วิธีทำ� หาพลังงานจลน์ของลูกตุ้มเมื่อผ่านจุดต่ำ�สุด
จากกฎการอนุรักษ์พลังงาน
พลังงานจลน์ของลูกตุ้มที่จุดต่ำ�สุด = พลังงานศักย์โน้มถ่วงของลูกตุ้มที่อยู่สูง 0.6 m
= 1.2 J
ตอบ พลังงานจลน์ของลูกตุ้มเมื่อผ่านจุดต่�ำ สุดเท่ากับ 1.2 จูล
4. นำ�เส้นเชือกยาว 2 เมตรผูกลูกตุม
้ มวล 4.0 กิโลกรัมทีป
่ ลายข้างหนึง่ ถ้าจับปลายเชือกอีกข้างหนึง่
แกว่งให้วัตถุเคลื่อนที่เป็นวงกลมในระนาบดิ่ง ถ้าที่จุดสูงสุด ลูกตุ้มมีอัตราเร็ว 10 เมตรต่อวินาที
จงหาอัตราเร็วของลูกตุ้มที่จุดต่ำ�สุด
วิธีทำ�
10 m/s B
vA
ระดับอางอิง
A
หาอัตราเร็วของลูกตุ้มที่จุดต่ำ�สุด
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 5 | งานและพลังงาน 147
พลังงานกลรวมที่ A = พลังงานกลที่ B
( Ek + Ep ) A = ( Ek + Ep ) B
1 1
mvA 2 + 0 = mvB 2 + mg (2r )
2 2
vA2 = (10 m/s) 2 + (2)(9.8 m/s 2 )(2)(2 m)
= 178.4 m 2 / s 2
vA = 13.36 m/s
5.6 เครื่องกล
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกความหมายและคำ�นวณประสิทธิภาพของเครื่องกลอย่างง่าย
2. อธิบายการทำ�งานของเครื่องกลอย่างง่ายโดยใช้ความรู้เรื่องงานและสมดุลกล
3. บอกความหมายและคำ�นวณการได้เปรียบเชิงกลของเครื่องกลอย่างง่าย
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน แนวคิดที่ถูกต้อง
สิ่งที่ครูต้องเตรียมล่วงหน้า
จัดเตรียมและทดสอบการทำ�งานของอุปกรณ์หรือเครื่องใช้ ที่จะนำ�มาสาธิตการทำ�งานของเครื่องกล-
อย่างง่าย
148 บทที่ 5 | งานและพลังงาน ฟิสิกส์ เล่ม 2
แนวการจัดการเรียนรู้
ครูนำ�อุปกรณ์หรือรูปของอุปกรณ์หรือเครื่องใช้ทั่วไป เช่น กรรไกร ที่เย็บกระดาษ ที่เปิดกระป๋อง
ล้อและเพลารถของเล่น มาแสดงให้นักเรียนชมหน้าชั้น แล้วร่วมอภิปรายเกี่ยวกับหลักการทำ�งานของ
อุปกรณ์เหล่านั้น โดยครูตั้งคำ�ถามเกี่ยวกับการผ่อนแรง ความสะดวกในการทำ�งาน หรือทั้งสองอย่าง โดย
ปล่อยให้นักเรียนตอบคำ�ถามอย่างอิสระ ไม่คาดหวังคำ�ตอบที่ถูกต้อง
ครูอธิบายว่า อุปกรณ์หรือเครื่องใช้ที่ช่วยให้การทำ�งานสะดวกขึ้น หรือช่วยผ่อนแรง เรียกว่า เครื่องกล
โดยเครื่องกลพื้นฐานที่จัดเป็นเครื่องกลอย่างง่าย (simple machine) มี 6 ชนิด ได้แก่ รอก คาน ล้อกับ
เพลา ลิ่ม พื้นเอียง และสกรู
ครูตั้งคำ�ถามให้นักเรียนอภิปรายร่วมกันว่า หลักของงานและสมดุลกลที่นักเรียนได้เรียนรู้มาแล้ว
สามารถนำ�มาอธิบายการทำ�งานของเครื่องกลอย่างง่ายได้อย่างไร โดยไม่คาดหวังคำ�ตอบที่ถูกต้อง
5.6.1 ประสิทธิภาพของเครื่องกล
ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกีย่ วกับประสิทธิภาพของเครือ
่ งกล ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน
จนสรุปได้สมการ (5.17) และ (5.18) และข้อสรุปดังนี้
1. การบอกความสามารถในการทำ�งานของเครื่องกลมักจะบอกด้วยประสิทธิภาพของเครื่องกล
2. เครื่องกลที่นำ�มาใช้ประโยชน์ ทำ�หน้าที่ถ่ายโอนพลังงานจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง หรือเปลี่ยน
พลังงานหนึ่งเป็นอีกพลังงานหนึ่ง
3. ความสามารถในการถ่ายโอนพลังงาน หรือเปลี่ยนพลังงานของอุปกรณ์ บอกเป็นประสิทธิภาพ
ของเครื่องกล หรืออุปกรณ์
4. ถ้าไม่มีการสูญเสียพลังงาน ประสิทธิภาพของเครื่องกลเท่ากับ 1 หรือคิดเป็น 100 เปอร์เซ็นต์
เรียกว่า ประสิทธิภาพในทางอุดมคติ
5. ในทางปฏิบัติ ส่วนมากเครื่องกลหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ จะมีการสูญเสียพลังงานไปภายนอกระบบ
โดยไม่คืนกลับ ประสิทธิภาพของเครื่องกล จึงมีค่าน้อยกว่า 1 หรือน้อยกว่า 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งคือ
ประสิทธิภาพของเครื่องกลในทางปฏิบัติ
รู้หรือไม่
เครื่องกลหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีจำ�หน่ายตามร้านค้าต่าง ๆ จะมีการระบุก�ำ ลังของเครื่องกลนั้น ๆ
บนตัวเครื่อง เช่น 1000 วัตต์ หรือ 2500 วัตต์ แต่จะไม่ระบุประสิทธิภาพของเครื่องกลให้
แต่อย่างไรก็ตามมีหน่วยงานภาครัฐบางหน่วยงานทำ �หน้าที่กำ�กับควบคุมคุณภาพสินค้าประเภท
อุปกรณ์ไฟฟ้าต้องมีประสิทธิภาพไม่นอ
้ ยกว่าขัน
้ ต่�ำ ทีก
่ �ำ หนดจึงสามารถจำ�หน่ายได้ ผูใ้ ช้จะต้องนำ�มา
หาประสิทธิภาพเอง เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีจ�ำ นวนวัตต์มาก จึงไม่ได้หมายความว่า มีประสิทธิภาพมาก
5.6.2 หลักการของงานกับเครื่องกลอย่างง่าย
ครูทบทวนเกี่ยวกับเครื่องกลอย่างง่าย จากนั้น ตั้งคำ�ถามให้นักเรียนอภิปรายร่วมกันว่า เครื่องกล
อย่างง่าย ช่วยให้นักเรียนทำ�งานน้อยลงหรือไม่ โดยให้นักเรียนตอบคำ�ถามอย่างอิสระ ไม่คาดหวังคำ�ตอบ
ที่ถูกต้อง
นำ�นักเรียนอภิปรายเกี่ยวกับการใช้หลักการของงานและกฎการอนุรักษ์พลังงานมาอธิบายการ
ทำ�งานของเครื่องกลอย่างง่าย ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน จนสรุปได้ว่า
• เครื่องกลไม่ช่วยให้งานที่ให้กับเครื่องกลน้อยลง ซึ่งในทางปฏิบัติ เครื่องกลอาจมีการสูญเสียงาน
ไปส่วนหนึ่ง
• ในกรณีที่แรงเสียดทานมีค่าน้อยมาก หรือ เครื่องกลมีประสิทธิภาพ 100 เปอร์เซ็นต์ การผ่อน
แรงของเครื่องยนต์พิจารณาได้จากการได้เปรียบเชิงกล เขียนแทนได้ด้วยสมการ (5.19) และ (5.20) ใน
หนังสือเรียน
• ถ้า M.A. > 1 แสดงว่าเครื่องกลนั้นช่วยผ่อนแรง แต่ถ้า M.A. > 1 แสดงว่าเครื่องกลนั้นไม่
ช่วยผ่อนแรง
จากนั้น ครูแบ่งกลุ่มให้นักเรียนวิเคราะห์การได้เปรียบเชิงกลของเครื่องกลอย่างง่ายแต่ละชนิด โดย
อาจใช้ความรู้ในหนังสือเรียนหรือแหล่งเรียนรู้อื่น ๆ แล้วให้นักเรียนนำ�เสนอ
หลังการนำ�เสนอ ครูน�ำ นักเรียนอภิปรายและสรุปเกี่ยวกับการใช้หลักของงานและกฎการอนุรักษ์-
พลังงานมาพิจารณาการทำ�งานของเครื่องกลอย่างง่าย
5.6.3 หลักการของสมดุลกลกับเครื่องกลอย่างง่าย
ครูนำ�เข้าสู่หัวข้อ 5.6.3 โดยให้นักเรียนจัดกลุ่มรูปอุปกรณ์หรือเครื่องมือต่าง ๆ ในชีวิตประจำ�วัน
ที่มีการใช้หลักของเครื่องกลอย่างง่ายชนิดเดียวกัน เช่น กรรไกร คม จักรยาน รอกรถเข็น หรือ เครน
ดังรูป 5.8
150 บทที่ 5 | งานและพลังงาน ฟิสิกส์ เล่ม 2
แนวการวัดและประเมินผล
1. ความรู้เกี่ยวกับประสิทธิภาพและการได้เปรียบเชิงกลของเครื่องกลอย่างง่าย จากคำ�ถามตรวจสอบ
ความเข้าใจและแบบฝึกหัดท้ายหัวข้อ 5.6
2. ทักษะการแก้ปัญหาและการใช้จำ�นวน จากการแก้โจทย์และการคำ�นวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
กับประสิทธิภาพและการได้เปรียบเชิงกลของเครื่องกลอย่างง่ายในแบบฝึกหัดท้ายหัวข้อ 5.6
3. ทักษะการสื่อสาร จากการอภิปรายร่วมกันและการนำ�เสนอผล
4. จิตวิทยาศาสตร์ด้านความมีเหตุผลและความพยายามมุ่งมั่น จากการอภิปรายร่วมกัน และการทำ�
กิจกรรม
แนวคำ�ตอบคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจ 5.6
1. ประสิทธิภาพของเครื่องกลและการได้เปรียบเชิงกลของเครื่องกลแตกต่างกันอย่างไร
แนวคำ�ตอบ ประสิทธิภาพของเครื่องกลเป็นการเปรียบเทียบงานที่ได้จากเครื่องกลต่องาน
ที่ทำ�ให้แก่เครื่องกล ส่วนการได้เปรียบเชิงกลเป็นการเปรียบเทียบแรงที่ได้จากเครื่องกล
ต่อแรงที่ใส่ให้เครื่องกล
2. เพราะเหตุใด เครื่องกลมักมีประสิทธิภาพน้อยกว่าร้อยละ 100
แนวคำ�ตอบ เพราะมีการสูญเสียงานไปกับแรงเสียดทานของเครื่องกล
152 บทที่ 5 | งานและพลังงาน ฟิสิกส์ เล่ม 2
3. การได้เปรียบเชิงกลของเครื่องกลอย่างง่ายชนิดหนึ่งมีค่ามากกว่า 1 แสดงว่าเครื่องกลนั้น
ก. ช่วยผ่อนแรง
ข. ไม่ช่วยผ่อนแรง
ค. ช่วยให้ทางานสะดวกขึ้นแต่ไม่ผ่อนแรง
แนวคำ�ตอบ ก. ช่วยผ่อนแรง เพราะการได้เปรียบเชิงกลเท่ากับแรงที่ได้จากเครื่องกลต่อ
แรงที่ใส่ให้เครื่องกล แสดงว่าแรงที่ได้จากเครื่องกลมากกว่าแรงที่ใส่ให้เครื่องกล จึงผ่อนแรง
4. อุปกรณ์ใดในบ้านที่จะต้องอาศัยหลักการทำ�งานของคาน
แนวคำ�ตอบ ตัวอย่างเช่น กรรไกร คีม ค้อน ไม้กวาด ช้อน ทัพพีตักข้าว ตะเกียบ เป็นต้น
5. อุปกรณ์หรือเครื่องมือต่อไปนี้ เป็นเครื่องกลอย่างง่ายหรือไม่ ถ้าเป็นจัดอยู่ในประเภทใด
ก. ที่ตัดเล็บ ข. มีด ค. ไม้กวาดพื้น ง. กรรไกรตัดหญ้า
แนวคำ�ตอบ
ก. กรรไกรตัดเล็บ เป็นเครื่องกลอย่างง่าย 2 ประเภทร่วมกัน ส่วนคันกดเป็นประเภทคาน
ส่วนคมกรรไกรเป็นประเภทลิ่ม
ข. มีด เป็นเครื่องกลอย่างง่าย 2 ประเภทร่วมกัน ส่วนก้านมีดเป็นประเภทคาน ส่วนคมมีด
เป็นประเภทลิ่ม
ค. ไม้กวาดพื้น เป็นเครื่องกลอย่างง่าย ประเภทคาน
ง. กรรไกรตัดหญ้า เป็นเครื่องกลอย่างง่าย 2 ประเภทร่วมกัน ส่วนด้ามกรรไกร เป็นประเภท
คาน ส่วนคมกรรไกร เป็นประเภทลิ่ม
เฉลยแบบฝึกหัด 5.6
1. กรรไกรตั ด ลวดมี ร ะยะระหว่ า งลวดและจุ ด F
วิธีทำ� เขียนแผนภาพแสดงแรงที่กระทำ�ต่อกรรไกรตัดลวดได้ดังรูป
F
300 N 15 cm
5 cm
เมื่อวัตถุสมดุลต่อการหมุน ∑M = 0
จะได้ ∑ M = 0= ∑ M = 0
ตาม ทวน
คิดโมเมนต์รอบจุดหมุน O
( F )(15 cm) = (300 N)(5cm)
F = 100 N
ตอบ ต้องออกแรงกด F อย่างน้อยเท่ากับ 100 นิวตัน
2. จากรูป
F = 25 N
1m 4m
100 N
ตอบ การได้เปรียบเชิงกลของคานเท่ากับ 5
154 บทที่ 5 | งานและพลังงาน ฟิสิกส์ เล่ม 2
3. จากรูป
F
5m 1m
W
4. จากรูป
r R
150 N 50 N
จงหาการได้เปรียบเชิงกลของล้อกับเพลา
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 5 | งานและพลังงาน 155
ตอบ การได้เปรียบเชิงกลของล้อกับเพลาชุดนี้ 3
5. จากรูปในข้อ 2. คานมีประสิทธิภาพเท่าใด
วิธีทำ�
งานที่ได้รับจากเครื่องกล
ประสิทธิภาพของเครื่องกล = × 100%
งานที่ให้กับเครื่องกล
จากรูปในข้อ 2. จะได้ว่า
= 100 J
= 125 J
ดังนั้น
100
ประสิทธิภาพของคาน = ×100%
125
= 80%
6. จากรูปในข้อ 3. ถ้าวัตถุมีน้ำ�หนัก 200 นิวตัน ถูกแรง F ขนาด 50 นิวตันกระทำ�ให้เคลื่อนที่ไป
ตามพื้นเอียง จงหาประสิทธิภาพของพื้นเอียง
วิธีทำ�
งานที่ได้รับจากเครื่องกล
ประสิทธิภาพของเครื่องกล = × 100%
งานที่ให้กับเครื่องกล
จากรูปในข้อ 3. และตัวเลขที่กำ�หนดให้ จะได้ว่า
= 200 J
= 250 J
ดังนั้น
200
ประสิทธิภาพของพื้นเอียง = ×100%
250
= 80%
ความรู้เพิ่มเติมสำ�หรับครู
คาน
คานแบ่งเป็นสามประเภทตามตำ�แหน่งจุดหมุน ตำ�แหน่งแรงพยายาม (F) และตำ�แหน่ง
ของแรงต้านหรือน้ำ�หนักของที่ต้องการยก (W)
คานประเภทที่ 1 เป็นคานที่ตำ�แหน่งจุดหมุนอยู่ระหว่างตำ�แหน่งแรงพยายาม และตำ�แหน่ง
แรงต้าน คานประเภทนี้โดยมากใช้เป็นเครื่องมือผ่อนแรง เช่น หัวค้อนงัดตะปู คีม กรรไกร บางอย่าง
ไม่ได้เป็นเครื่องมือผ่อนแรง เช่น ไม้กระดก
จุดหมุน
W F
รูป คานประเภทที่ 1
คานประเภทที่ 2 เป็นคานที่ตำ�แหน่งแรงต้านอยู่ระหว่างตำ�แหน่งจุดหมุนและตำ�แหน่งแรง
พยายาม เช่น รถเข็นสำ�หรับงานก่อสร้าง ที่เจาะกระดาษ ที่คั้นน้ำ�ส้มแบบโยก
จุดหมุน F
รูป คานประเภทที่ 2
คานประเภทที่ 3 เป็นคานที่ตำ�แหน่งแรงกระทำ�อยู่ระหว่างตำ�แหน่งจุดหมุนและตำ�แหน่ง
แรงต้าน คานประเภทนี้จะไม่ผ่อนแรง แต่จะอำ�นวยความสะดวกในกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำ�วัน
เช่น ตะเกียบ คีมคีบถ่าน คีมคีบน้�ำ แข็ง
จุดหมุน F
รูป คานประเภทที่ 3
158 บทที่ 5 | งานและพลังงาน ฟิสิกส์ เล่ม 2
การได้เปรียบเชิงกล
เฉลยแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 5
คำ�ถาม
1. การเข็นรถไปตามพืน
้ ราบและการเข็นรถไปตามพืน
้ เอียงด้วยอัตราเร็วคงตัวในระยะทางเท่ากัน
กรณีใดต้องทำ�งานมากกว่า เพราะเหตุใด ถ้าถือว่าแรงเสียดทานที่กระทำ�ต่อรถทั้งสองกรณีมีขนาด
เท่ากัน
แนวคำ�ตอบ การเข็นรถไปตามพื้นราบ แรงที่กระทำ�ต่อรถ F1 และการกระจัด ∆x มีทิศทาง
เดียวกัน งานของแรงที่กระทำ�ต่อรถคือ W1 = F1∆x โดย F1 = f ดังรูป ก. แต่การเข็นรถ (ขึ้น)
ไปตามพื้นเอียง (ที่มีทิศทางทำ�มุม θ กับพื้นราบระดับ) แรงที่กระทำ�ต่อรถ F2 และการกระจัด ∆x
งานของแรงที่กระทำ�ต่อรถคือ W2 = F2 ∆x โดย F2 = mg sin θ + f ดังรูป ข.
∆x
F1 ∆x f
F2
θ
f mg sinθ
ก. การเข็นรถไปตามพื้นราบ ข. การเข็นรถไปตามพื้นเอียง
รูป การเข็นรถ
2. แรงที่เชือกดึงวัตถุเข้าสู่ศูนย์กลางที่ทำ�ให้วัตถุเคลื่อนที่เป็นวงกลมครบหนึ่งรอบบนพื้นลื่น
ทำ�ให้เกิดงานหรือไม่ เพราะเหตุใด
แนวคำ�ตอบ ตามสถานการณ์นี้ แรงที่เชือกดึงวัตถุเข้าสู่ศูนย์กลาง (ไม่มีแรงเสียดทานระหว่างพื้น
160 บทที่ 5 | งานและพลังงาน ฟิสิกส์ เล่ม 2
รูป ประกอบคำ�ถามข้อ 3
mg
mg
f
mg
5. จงอธิบายให้เห็นว่า เมื่อโยนวัตถุขึ้นไปในแนวดิ่งจนกระทั่งวัตถุกลับมาที่ตำ�แหน่งเดิม
(การกระจัดเป็นศูนย์) งานของแรงโน้มถ่วงที่กระทำ�ต่อวัตถุตั้งแต่เริ่มโยนจนกลับมาที่ต�ำ แหน่งเดิม
มีค่าเป็นศูนย์
แนวคำ�ตอบ ในการโยนวัตถุขึ้นในแนวดิ่ง แรงที่กระทำ�ต่อวัตถุคือ แรงโน้มถ่วง F มีทิศทางลง
(เข้าสู่ศูนย์กลางของโลก) ขณะที่การกระจัด ∆x ของวัตถุมีทิศทางขึ้น งานของแรงโน้มถ่วง
คือ F ∆x cos180 = − F ∆x จึงเป็นงานลบ แต่ขาลง ทั้งแรงและการกระจัดของวัตถุมี
ทิศทางลง งานของแรงโน้มถ่วง คือ F ∆x cos 0 = F ∆x จึงเป็นงานบวก ดังนั้นงานทั้งหมด
W = − F ∆x + F ∆x = 0 นั่นคืองานของแรงโน้มถ่วงที่กระทำ�ต่อวัตถุตั้งแต่เริ่มโยนจนกลับมาที่
ตำ�แหน่งเดิมมีค่าเป็นศูนย์
162 บทที่ 5 | งานและพลังงาน ฟิสิกส์ เล่ม 2
รูป ประกอบคำ�ถามข้อ 7
mgh
จะเปลี่ยนเป็นพลังงานจลน์ Ek = นั่นคือที่ตำ�แหน่ง Y E p = Ek
2
8. การกระโดดบันจี (bungee jump) เกี่ยวข้องกับพลังงานใดบ้าง ณ เวลาต่าง ๆ
แนวคำ�ตอบ การกระโดดบันจีเป็นการกระโดดจากที่สูง โดยมีเชือกที่มีความยืดหยุ่นผูกติดกับ
ขาทั้งสองของผู้กระโดด อีกปลายยึดติดกับโครงสร้างสูงๆ เช่น สะพาน บอลลูนอากาศร้อน หรือ
ปั้นจั่นของรถเครน ช่วงแรก ของการกระโดดเป็นการตกแบบเสรี จากนั้นเชือกยืดออก (เนื่องจาก
น้ำ�หนักของผู้กระโดด) และหดกลับ (เนื่องจากแรงดึงกลับในเชือก) ดึงให้ผู้กระโดดเคลื่อนที่ขึ้น
ผู้กระโดดจะเคลื่อนที่ขึ้น-ลงในแนวดิ่งหลายรอบ และหยุดเมื่อพลังงานกลเปลี่ยนเป็นพลังงาน
อื่นจนหมด ขณะที่เชือกยืดออกมากที่สุด ผู้กระโดดต้องอยู่สูงจากพื้นข้างล่างเพียงพอเพื่อความ
ปลอดภัย
เมื่อพิจารณาพลังงาน ณ เวลาต่าง ๆ จะได้ดังนี้ ก่อนกระโดด จะมีแต่พลังงานศักย์โน้มถ่วงของผู้
กระโดด ดังรูป ก. ช่วงที่มีการตกแบบเสรี มีพลังงานศักย์โน้มถ่วง (ลดลง) และพลังงานจลน์ (เพิ่มขึ้น)
ดังรูป ข. ช่วงที่เชือกยืดออก จะมีทั้งพลังงานศักย์ยืดหยุ่นของเชือก พลังงานศักย์โน้มถ่วงและ
พลังงานจลน์ของผู้กระโดด ดังรูป ค. เมื่อเชือกยืดออกมากที่สุด จะมีทั้งพลังงานศักย์ยืดหยุ่น
รูป การกระโดดบันจี
164 บทที่ 5 | งานและพลังงาน ฟิสิกส์ เล่ม 2
ปัญหา
θ A
B
รูป ประกอบปัญหาข้อ 1
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 5 | งานและพลังงาน 165
F 5.0 N
จาก =
a = = 2.5 m s 2
m 2.0 kg
1 1
∆x = u x t + ax t 2 = 0 + (2.5 m/s 2 )(2.0 s) 2 = 5 m
2 2
W = F ∆x = (5 N)(5 m) = 25 Nm
พื้นระดับ C
9m
A
12 m B
รูป ประกอบปัญหาข้อ 4
ในการลากวัตถุก้อนหนึ่งเป็นแนวตรงจาก A ถึง C ต้องใช้แรง F เท่าใด งานของแรงนั้นจึงจะ
เท่ากับงานของแรงขนาด 20 นิวตัน ซึ่งลากวัตถุจาก A ไป B และจาก B ไป C โดยแรงมีทิศทาง
เดียวกับการเคลื่อนที่
แนวคิด งานในแนว AC เท่ากับผลรวมของงานแนว AB และ BC เขียนเป็นสมการได้ดังนี้
จากรูป
= (12 m) 2 + (9 m) 2
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 5 | งานและพลังงาน 167
5. ออกแรง F ในแนวทำ�มุม 45 องศากับแนวระดับ ลากวัตถุมวล 3 กิโลกรัม จากหยุดนิ่งให้
เคลื่อนที่บนพื้นระดับด้วยความเร่ง 2 เมตรต่อวินาที2 ดังรูป
F
2 m/s2
o
45
3 kg
รูป ประกอบปัญหาข้อ 5
2 m/s2
∑F
3 kg
1
= 0 + (2 m/s 2 )(10 s) 2
2
∆x = 100 m
หาแรงลัพธ์ ∑ F จาก ∑ F = ma
= (3 kg )(2 m/s 2 )
=6 N
หางานของแรงลัพธ์ จาก W = ( ∑ F ) (s)
= ( 6 N )(100 m )
W = 600 J
ตอบ งานของแรงลัพธ์ที่กระทำ�ต่อวัตถุในช่วง 10 วินาที แรกมีค่าเท่ากับ 600 จูล
6. แรง F คงตัวทั้งขนาดและทิศทางกระทำ�ต่อวัตถุทำ�ให้วัตถุเคลื่อนที่ไปบนพื้นราบจากจุด
A ไปยังจุด C โดยผ่านจุด B ถ้าระยะ AB มีค่า s1 ระยะ BC มีค่า s2 และ BC ทำ�มุม q กับแนว
เส้นตรง AB ดังรูป
C
F s2
θ
s1 B
A
รูป ประกอบปัญหาข้อ 6
จงหางานทั้งหมดเนื่องจากแรงคงตัวนี้
แนวคิด หางานเนื่องจากแรงคงตัวในแต่ละเส้นทาง แล้วนำ�มารวมกันเป็นงานรวมทั้งหมด
ในช่วง AB การกระจัดที่เกิดขึ้นมีทิศทางเดียวกับแรงคงตัว ดังนั้นงานเนื่องจากแรงที่
ให้นี้มีค่าเป็น
= W1 Fs =1 cos 0
Fs1
และในช่วง BC การกระจัดมีทิศทางซึ่งทำ�มุม θ กับแรง ดังนั้นงานในช่วงนี้ค่าเท่ากับ
W2 = Fs2 cos θ
งานเนื่องจากแรงในการเคลื่อนที่วัตถุตามเส้นทาง ABC จึงมีค่าเป็น
W = W1 + W2
= Fs1 + Fs2 cos θ
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 5 | งานและพลังงาน 169
ค่าคงตัวสปริงมีค่าเท่าใด ถ้างานของแรงดึงที่
ทำ�ให้สปริงมีการกระจัด 4 เซนติเมตร จากตำ�แหน่ง x(cm)
0 4
สมดุลมีค่าเป็น 24 มิลลิจูล
รูป ประกอบปัญหาข้อ 8
170 บทที่ 5 | งานและพลังงาน ฟิสิกส์ เล่ม 2
(0.04 m)k
x(cm)
0 4
1
พื้นที่ใต้กราฟจึงมีค่า = ( 0.04 m )( 0.04 m ) k
2
= ( 8 ×10−4 m 2 ) k
ซึ่งพื้นที่ใต้กราฟนี้มีค่าเท่ากับงานเนื่องจากแรงดึง W = 24 mJ = 24 × 10−3 J
จะได้ (
= 8 ×10−4 m 2 k = 24 ×10−3 J )
24 ×10−3 J N
นั่นคือ k= −4 2
= 30
8 ×10 m m
ค่าคงตัวสปริงมีค่าเท่ากับ 30 นิวตันต่อเมตร
ตอบ 30 นิวตันต่อเมตร
ก. วิธีทำ� หางานที่นักกายกรรมทำ�
จาก ∆x
ตอบ งานที่นักกายกรรมทำ� 6000 จูล
ข. วิธีทำ� หากำ�ลังเฉลี่ย
F ∆x
จาก Pav = = Fv = (600 N)(0.50 m/s) = 300 W
∆t
ตอบ กำ�ลังเฉลี่ยเท่ากับ 300 วัตต์
ค. วิธีทำ� หาพลังงานจลน์เฉลี่ย
1 2
จาก Ek =mv
2
1 600 N
ดังนั้น Ek = 2
(0.50 m/s) 2 = 7.65 J
2 9.8 m/s
ตอบ พลังงานจลน์เฉลี่ยของนักกายกรรมเท่ากับ 7.65 จูล
10. เครื่องสูบน้�
ำ สูบน้ำ�มวล 3600 กิโลกรัม ขึ้นจากบ่อลึก 10 เมตร ในเวลา 1 ชั่วโมง แล้วฉีด
น้�ำ ออกไปด้วยอัตราเร็ว 20 เมตรต่อวินาที จงหากำ�ลังของเครื่องสูบน้ำ�
W mgh
วิธีท�ำ กำ�ลังที่ใช้ในการสูบน้ำ� = =
∆t ∆t
กำ�ลังของเครื่องสูบน้�
ำ = 98 W+200 W=298 W
11. กล่องใบหนึ่ง ถูกแรง F กระทำ�จากหยุดนิ่งให้เคลื่อนที่ไปบนพื้นระดับด้วยความเร่งคงตัว
ดังรูป
F
รูป ประกอบปัญหาข้อ 11
ถ้าเวลาผ่านไป t กล่องมีความเร็ว v กำ�ลังเฉลี่ยของแรง F ที่กระทำ�ต่อตู้ในช่วงเวลา t เป็น
เท่าใด
วิธีทำ� กำ�ลังเฉลี่ยหาได้จากอัตราส่วนระหว่างงานที่ทำ�ได้ต่อช่วงเวลาที่ใช้ ดังสมการ
W F ∆x
Pav = =
∆t ∆t
เป็นระยะทางที่ตู้เคลื่อนที่ได้ในเวลา t หาได้จาก
∆x =
( ux + vx ) ∆t
2
=
( 0 + vx ) ∆t
2
1
∆x = vx ∆t
2
F 1
แทนค่า จะได้ Pav = vx ∆t
∆t 2
1
Pav = Fvx
2
1
ตอบ กำ�ลังเฉลี่ยของแรงที่กระทำ�ต่อตู้เป็น Fvx
2
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 5 | งานและพลังงาน 173
= (1000 W)(2)(60 s)
= 1.2 ×105 J
5 m/s h1= 6 m
B
h2= 3.5 m
รูป ประกอบปัญหาข้อ 13
งานของแรงต้านที่พื้นรางกระทำ�ต่อกล่องมีค่าเท่าใด
174 บทที่ 5 | งานและพลังงาน ฟิสิกส์ เล่ม 2
วิธีทำ� จากหลักของงานและพลังงาน
W = ∆E
W = EB − EA
= ( Ek + Ep ) B − EpB
1 2
W= mv − mg ∆h
2
1
แทนค่า W = (10 kg )(5 m/s) 2 − (10 kg )(9.8 m/s 2 )(2.5 m)
2
= 125 J − 245 J
W = −120 J
ความเร็ว (m/s)
20
15
10
0 เวลา (s)
20
รูป ประกอบปัญหาข้อ 14
W = ∆ Ek = Ek 2 − Ek1
1
=
ที่เวลา t = 0 Ek1 = (100 kg )(10 m/s) 2 5000 J
2
1
= ที่เวลา t = 20 s Ek2 = (100 kg )(15 m/s) 2 11250 J
2
ดังนั้น W = 11 250 J − 5000 J=6250 J
40
20
x (m)
2 4
รูป ประกอบปัญหาข้อ 15
จงหา
ก. งานในการเคลื่อนที่วัตถุไปเป็นระยะทาง 2.5 เมตร
ข. ความเร็วของวัตถุหลังจากเคลื่อนที่ได้ 2.5 เมตร
ค. พลังงานจลน์ของวัตถุหลังจากเคลื่อนที่ได้ 4.0 เมตร
ก. วิธีทำ� หางานในการเคลื่อนที่วัตถุไปเป็นระยะทาง 2.5 เมตร
พื้นที่ใต้กราฟระหว่างแรงและระยะทางคืองานในการเคลื่อนที่วัตถุ
1
= (40 N)(1 m + 2.5 m)
2
= 70 J
ตอบ งานในการเคลื่อนที่วัตถุไปเป็นระยะทาง 2.5 เมตร เท่ากับ 70 จูล
176 บทที่ 5 | งานและพลังงาน ฟิสิกส์ เล่ม 2
ข. วิธีทำ� หางานที่ทำ�ในการยกกล่อง
ในการยกกล่องแต่ละใบต้องออกแรง
= mg
= 98 N
ดังนั้นงานที่ทำ�ในการยกกล่องตั้งแต่ใบที่ 2 ถึงใบที่ 6 จะเท่ากับ
W = mgh1 + mgh2 + mgh3 + mgh4 + mgh5
= mg (h1 + h2 + h3 + h4 + h5 )
= (98 N)(0.4 m + 0.8 m + 1.2 m + 1.6 m + 2.0 m)
= (98 N)(6 m)
= 588 J
ตอบ งานที่ท�ำ ในการยกล่องซ้อนกันเท่ากับ 588 จูล
ค. วิธีทำ� หาพลังงานศักย์โน้มถ่วงของกล่องทั้งหมด
จาก Ep = mgh
= (60.0 kg )(9.8 m/s 2 )(1.20 m)
= 705.6 J
ตอบ พลังงานศักย์ของกล่องที่ตั้งซ้อนกันทั้งหมดเท่ากับ 705.6 จูล
F = kx
F
k =
x
20 N
=
0.10 m
= 200 N/m
หาพลังงานศักย์ยดื หยุน
่ ของสปริงขณะเครือ่ งชัง่ อ่านค่าของแรงได้ 6.0 นิวตัน ระยะทีส่ ปริง
ยืดออกเมื่ออ่านค่าของแรงได้ 6.0 นิวตัน หาได้ดังนี้
F
จาก F = kx หรือ x =
k
เมื่อ F = 6.0 N และ k = 200 N/m
6.0 N
ดังนั้น
= x = 0.03 m
200 N/m
1
หาพลังงานศักย์ยืดหยุ่น จากสมการ Ep = kx 2
2
1
Ep = (200 N/m)(0.03 m) 2
2
= 0.09 J
ข. วิธีทำ� หางานที่ใช้ดึงสปริงในข้อ ก.
1 2
จาก W = kx
2
1
ดังนั้น W = (150 N/m)(0.25 m) 2
2
= 4.69 J
ข. วิธีทำ� หาแรงที่ดันให้ลูกปืนหลุดจากลำ�กล้อง
งานของแรงที่ดันให้ลูกปืนหลุดจากลำ�กล้อง W = F ∆x และ W = Ek
ดังนั้น F ∆x = Ek
Ek 160 J
F= = = 200 N
∆x 0.80 m
ตอบ แรงที่ดันให้ลูกปืนหลุดจากลำ�กล้องเท่ากับ 200 นิวตัน
21. นั ก เรี ย นใช้ ป ากกาลู ก ลื่ น แบบสปริ ง โดยสปริ ง ของปากกาจะหดตั ว ในลั ก ษณะที่ ร ะยะ
หดแปรผันตรงกับแรงกระทำ� จากการทดลองพบว่า แรงที่วัดได้จากการกดปุ่มที่ปลายบนสุดของ
ปากกาอยู่ในช่วง 0 – 2.5 นิวตัน และสปริงสามารถหดตัวได้มากสุด 0.5 เซนติเมตร ดังกราฟ
แรง F (N)
2.5
0 0.5
ระยะที่หด x (cm)
รูป ประกอบปัญหาข้อ 21
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 5 | งานและพลังงาน 181
จงหา ก. งานที่กดปากกาหนึ่งครั้ง
ข. ค่าคงตัวสปริงของสปริงปากกา
2
= 0.006 25 J
∆F
ข. วิธีทำ� ค่าคงตัวสปริง k หาได้จากความชันของกราฟ ความชัน =
∆x
2.5 N
ดังนั้น k =
0.5 ×10−2 m
จะได้ k = 500 N/m
ก. วิธีทำ� ใช้พื้นดินเป็นระดับอ้างอิง
หาพลังงานศักย์และพลังงานจลน์ของก้อนหินขณะเริ่มตก
ขณะก้อนหินขณะเริ่มตก v = 0 ดังนั้น Ek = 0 แต่ Ep มีค่าสูงสุด ดังนี้
vy = u y + ayt
= 49 m/s
ง. วิธีทำ� หาพลังงานศักย์และพลังงานจลน์ขณะวัตถุกระทบพื้น
ขณะกระทบพื้น พลังงานศักย์โน้มถ่วงเป็นศูนย์ จากกฎการอนุรักษ์พลังงานจะได้
พลังงานจลน์มีค่า 96040 จูล
u H
m
พื้น
A
รูป ประกอบปัญหาข้อ 23
ถ้าให้วต
ั ถุนเ้ี คลือ
่ นทีผ
่ า่ นจุด A ด้วยอัตราเร็ว 2u วัตถุจะขึน
้ พืน
้ เอียงได้สงู จากพืน
้ เป็นระยะเท่าใด
วิธีทำ� จากกฎการอนุรักษ์พลังงานกล
ให้พื้นเป็นระดับอ้างอิง จะได้พลังงานศักย์โน้มถ่วงของวัตถุที่ B เท่ากับพลังงานจลน์ของ
วัตถุที่ A
EpB = Ek A
1
เมื่อมวลมีอัตราเร็ว u จะได้ mgH = mu 2 (1)
2
เมื่อมวลมีอัตราเร็ว 2u ให้มวลขึ้นได้สูงจากพื้นเป็นระยะ H ′ จะได้
1
mgH ′ = m(2u ) 2 (2)
2
H′
(2) =4
(1) H
H ′ = 4H
ตอบ วัตถุจะขึ้นได้สูงจากพื้นเป็นระยะ 4H
184 บทที่ 5 | งานและพลังงาน ฟิสิกส์ เล่ม 2
h
B
v h
3
พื้น
( Ep + Ek ) B = ( Ep + Ek ) A
h 1
mg + mv 2 = mgh + 0
3 2
4
v2 = gh
3
1
gh 2
v = 2
3
1
gh 2
ตอบ มวลมีอัตราเร็ว 2
3
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 5 | งานและพลังงาน 185
40 N
60 N
รูป ประกอบปัญหาข้อ 25
งานที่ยกวัตถุ
ประสิทธิภาพ = (งานที่รอกทำ�) ×100%
งานที่ให้แก่รอก
(60 N)( x)
= ×100%
(40 N)(2 x)
= 75%
2N
30° 3N
รูป ประกอบปัญหาข้อ 26
งานที่วัตถุได้=
รับ mgh
= (3 N)( x)
งานที่วัตถุได้รับ
ประสิทธิภาพ = ×100%
งานที่ดึงวัตถุ
(3 N)( x)
= ×100%
(2 N)(2 x)
= 75%
10 cm F=1N
0.5 cm
1 cm
รูป ประกอบปัญหาข้อ 27
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 5 | งานและพลังงาน 187
= (=
2)(3.14)(0.5 m)(1 N) 3.14 J
งานที่วัตถุได้รับ = mgh
= (10=kg )(9.8 m/s 2 )(0.01 m) 0.98 J
งานที่วัตถุได้รับ
ประสิทธิภาพ = ×100%
งานที่ใช้ในการยกวัตถุ
(0.98 JJ )
= ×100% = 31.2%
(3.14 JJ )
ตอบ ประสิทธิภาพของเครื่องกลเท่ากับ 31.2%
28. ดึงเชือกที่คล้องผ่านรอกเบาด้วยแรง F ทำ�ให้วัตถุหนัก 40 นิวตัน เคลื่อนที่ขึ้นด้วย
ความเร็วคงตัว ดังรูป
F
40 N
รูป ประกอบปัญหาข้อ 28
ถ้ารอกมีประสิทธิภาพร้อยละ 80 แรง F มีขนาดเท่าใด
188 บทที่ 5 | งานและพลังงาน ฟิสิกส์ เล่ม 2
งานที่ได้รับจากรอก
วิธีทำ� ประสิทธิภาพของรอก = ×100%
งานที่ให้กับรอก
งานที่ยกวัตถุ 40 N ได้ระยะทาง s
ดังนั้น ประสิทธิภาพของรอก = ×100%
งานที่ออกแรง F ได้ระยะทาง 2s
(40 N) s
80 % = ×100%
F (2s)
F = 25 N
ตอบ แรง F มีขนาดเท่ากับ 25 นิวตัน
29. กรรไกรตัดลวดมีระยะระหว่างลวดและจุดหมุน 2.0 เซนติเมตร ระยะระหว่างจุดหมุนและ
มือ 10 เซนติเมตร ออกแรง F บีบขากรรไกรดังรูป ถ้าแรง F มีขนาด 50.0 นิวตัน
F
ลวด
10 cm
2 cm
รูป ประกอบปัญหาข้อ 29
ก. จงเขียนแผนภาพของแรงต่าง ๆ ที่กระทำ�ต่อขากรรไกรข้างเดียว
ข. แรงที่กระทำ�ต่อลวดมีค่าเท่าใด
ก. วิธีท�ำ แผนภาพของแรงต่าง ๆ ที่กระทำ�ต่อขากรรไกร
F เป็นแรงที่บีบขากรรไกร
P เป็นแรงที่ลวดกระทำ�ต่อกรรไกร
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 5 | งานและพลังงาน 189
ตอบ
P F
10 cm
2 cm
ข. วิธีทำ� ตามรูป F เป็นแรงที่บีบขากรรไกร เท่ากับ 50.0 นิวตัน
C เป็นแกนหมุน
P เป็นแรงที่ลวดที่กระทำ�ต่อกรรไกร (เท่ากับแรงที่ปลายกรรไกรกระทำ�ต่อลวด)
กรรไกรสมดุลต่อการหมุน คิดโมเมนต์รอบแกนหมุน C
( F ) (10 cm ) = ( P )( 2 cm )
50.0 N (10 cm ) = ( P )( 2 cm )
P = 250 N
ตอบ แรงที่กระทำ�ต่อลวดเท่ากับ 250 นิวตัน
7.5 cm
60 cm F
W
รูป ประกอบปัญหาข้อ 30
แรงที่ได้จากเครื่องกล
การได้เปรียบเชิงกล =
แรงที่เรากระทำ�
(400 N)
=
(50 N)
=8
ตอบ การได้เปรียบเชิงกลครั้งแรก = 8
การได้เปรียบเชิงกลครั้งหลัง = 3
F
1200 N
รูป ประกอบปัญหาข้อ 31
จงหาขนาดของแรง F ที่พอดีใช้ในการยกน้ำ�หนัก 1200 นิวตัน
กำ�หนด รอกและล้อกับเพลาเบาหมุนคล่อง รัศมีล้อเท่ากับ 3 เท่าของรัศมีเพลา
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 5 | งานและพลังงาน 191
T T
1200 N
ใช้หลักสมดุลต่อการเลื่อนที่ได้
2T = 1200 N
T = 600 N
พิจารณาแรงที่กระทำ�ต่อล้อกับเพลา ดังรูป
3r
r
F
T = 600 N
ใช้หลักสมดุลต่อการหมุนได้
(600 N)(r ) = F ( 3r )
600 N
F=
3
F = 200 N
32. จงหาขนาดของแรง F ที่พอดีใช้ในการยกน้ำ�หนัก 1200 นิวตัน โดยใช้รอกเบาหมุนคล่อง
ดังรูป
F
1200 N
รูป ประกอบปัญหาข้อ 32
วิธีทำ� เขียนแผนภาพแสดงแรงกระทำ�ต่อน้ำ�หนักได้ดังรูป
T T
1200 N
ใช้หลักสมดุลต่อการเลื่อนที่ได้
2T = 1200 N
T = 600 N
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 5 | งานและพลังงาน 193
เขียนแผนภาพแสดงแรงที่กระทำ�ต่อรอกเดี่ยวเคลื่อนที่ได้ดังรูป
F
T′ T′ T′ T′
600 N 600 N
ใช้หลักสมดุลต่อการเลื่อนที่
T ′ + T ′ + T ′ + T ′ = 600 N+600 N
4T ′ = 1200 N
T ′ = 300 N
แรง T ′ เป็นแรงดึงในเชือกเกิดจากแรงดึง F นั่นคือ
F = T′
F = 300 N
ตอบ แรง F มีขนาดเท่ากับ 300 นิวตัน
194 บทที่ 5 | งานและพลังงาน ฟิสิกส์ เล่ม 2
ปัญหาท้าทาย
0.2m
รูป ประกอบปัญหาท้าทายข้อ 33
m
A
h
B
x m ระดับอางอิง
C
1 2
Ep = kx (2)
2
1 2
จาก (1) และ (2) จะได้ mgh + mgx = kx
2
2mgx 2mgh
x2 − − = 0 (3.
k k
2mg 2(3.0 kg )(9.8 m/s 2 )
เมื่อ = = 0.03 m
k 2.0 ×103 N/m
2
แทนค่าใน (3) จะได้ x − (0.03 m) x − (0.03 m)(0.75 m) = 0
196 บทที่ 5 | งานและพลังงาน ฟิสิกส์ เล่ม 2
35. ออกแรงคงตัว F ดึงวัตถุมวล m ในแนวทำ�มุม α กับพื้นเอียงที่มี µ เป็น สัมประสิทธิ์
ความเสียดทานระหว่างพื้นเอียงกับวัตถุ และทำ�มุม q กับพื้นระดับ ดังรูป
F
α
m μ
θ
รูป ประกอบปัญหาท้าทายข้อ 35
ถ้าดึงวัตถุไปบนพื้นเอียงฝืดได้ไกล ∆x งานของแรงเสียดทานที่เกิดขึ้นมีค่าเท่าใด
แนวคิด หาแรงเสียดทานจากข้อมูลที่กำ�หนดให้ จากนั้นนำ�มาหางานเนื่องจากแรงเสียดทาน
แยกองค์ประกอบของแรงทั้งหมดที่กระทำ�ต่อวัตถุในแนวขนานกับพื้นเอียงและใน
แนวตั้งฉากกับพื้นเอียง ดังรูป
y
x
N
F cos α
F sin α
mg sin θ f
θ
mg cosθ
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 5 | งานและพลังงาน 197
เนื่องจากวัตถุไม่มีการกระจัดในแนวตั้งฉากกับพื้นเอียง แสดงว่าแรงลัพธ์ในแนวตั้งฉาก
กับพื้นเอียงมีค่าเป็นศูนย์
∑F y = N + F sin α − mg cos θ
เมื่อ N คือแรงปฏิกิริยาในแนวตั้งฉากที่พื้นกระทำ�ต่อวัตถุ จะได้
N = mg cos θ − F sin α
และแรงเสียดทาน f ที่เกิดขึ้นมีทิศทางชี้ลงขนานพื้นเอียงและขนาดเป็น
= − f ∆x = −∆xu[mg cos θ − F sin α ]
เนื่องจากแรงเสียดทานและการกระจัดของวัตถุทำ�มุม 180 องศาซึ่งกันและกัน ดังนั้น
งานเนื่องจากแรงเสียดทานจึงมีค่าเป็น
W = f ∆x cos180°
− f ∆x = −∆xu[mg cos θ − F sin α ]
W = µ F ∆x sin α − µ mg ∆x cos θ
ตอบ งานเนื่องจากแรงเสียดทานมีค่าเท่ากับ µ∆x( F sin α − mg cos θ )
0.5 kg O 0.4 m
A
B
รูป ประกอบปัญหาท้าทายข้อ 36
O v0
α R
A
รูป ประกอบปัญหาท้าทายข้อ 37
v0
Rcosα α R
ระดับอางอิง EP =0
A
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 5 | งานและพลังงาน 199
( Ep + Ek ) B = ( Ep + Ek ) A
1 2 1
แทนค่า mg ( R + R cos α ) + mvB = 0 + mv02
2 2
จะได้ vB = v02 − 2 Rg (1 + cos α )
ตอบ อัตราเร็วเชิงเส้นของลูกกลมที่จุดสูงสุดvมีBค=
่า v02 − 2 Rg (1 + cos α )
รูป ประกอบปัญหาท้าทายข้อ 38
0.5 m
2
ระดับอางอิง
E2
0.5 m v
ให้ระดับอ้างอิงอยู่ในแนวระดับที่ผ่านตำ�แหน่ง 2
จากกฎการอนุรักษ์พลังงานกล
E1 = E2
Ep1 + 0 = 0 + Ek2
Ep1 = Ek2
1 2
แทนค่า mg (0.5 m) = mv
2
v = 2 g (0.5 m)
v = 3.1 m/s
39. กราฟระหว่างแรงที่ไม่คงตัวที่กระทำ�ต่อวัตถุซึ่งเดิมอยู่นิ่งเป็นดังรูป
F(N)
0 ∆x(m)
6 10
รูป ประกอบปัญหาท้าทายข้อ 39
จงหาการกระจัดของวัตถุ ถ้างานทั้งหมดที่ทำ�ให้วัตถุเคลื่อนที่มีค่าเป็นศูนย์
วิธีทำ� พื้นที่ใต้กราฟของแรงและการกระจัด มีค่าเท่ากับงานเนื่องจากแรงดังกล่าว การที่งานเป็น
ศูนย์แสดงว่าผลรวมของพื้นที่ใต้กราฟมีค่ารวมกันเป็นศูนย์ด้วย
สมมุติให้งานเนื่องจากแรงมีค่าเป็นศูนย์เมื่อการกระจัดมีค่าเป็น d เนื่องจากในช่วงที่แรงมี
ค่าลดลง ดังนั้นเมื่อการกระจัดเป็น d แรงที่ต�ำ แหน่งนั้นจะมีค่าเป็น −F ' ดังรูป
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 5 | งานและพลังงาน 201
F(N)
C B
4
E A P
0 ∆x(m)
D 6 10 d
F' Q
หา F ' ได้ดังนี้
จากสามเหลี่ยมคล้าย ABE และ APQ
AE AP
=
BE PQ
4 m (d − 10 m)
=
4N F'
(d −10 m)
F'= N
1m
งานเนื่องจากแรงในช่วงที่มีค่าเป็นบวกหาได้จากพื้นที่ใต้กราฟเหนือแกน x ของ
รูปสี่เหลี่ยมคางหมู ABCD โดยมีค่าเท่ากับ
1
W1 = ( 4 N ) ( 6 m + 10 m ) = 32 J
2
ในขณะที่งานเนื่องจากแรงในช่วงที่มีค่าเป็นลบนั้นหาได้จากพื้นที่ใต้กราฟใต้แกน x ของ
รูปสามเหลี่ยม APQ โดยมีค่าเป็น
1
W2 = − F ' ( d − 10 m )
2
1 (d − 10 m)
=− N (d − 10 m)
2 1m
1
= − (d − 10 m) 2 N/m
2
202 บทที่ 5 | งานและพลังงาน ฟิสิกส์ เล่ม 2
d − 10 m= ± 8 m
d = 2 m, 18 m
การแก้สมการหาค่า d จะได้ d = 2 m หรือ d = 18 m แต่จากรูป d มีค่ามากกว่า 10 เมตร
ดังนั้น งานลัพธ์เนื่องจากแรงจะมีค่าเป็นศูนย์เมื่อการกระจัดมีค่าเป็น 18 เมตร
1 2 1 2
mv + kx = mgx
2 2
1 1
แทนค่า (0.5 kg )v 2 + k (4.9 ×10−2 m) 2 = (0.5 kg )(9.8 m/s 2 )(4.9 ×10−2 m) (1)
2 2
หา k จากโจทย์ เมื่อแขวนมวล 0.25 kg ที่สปริง สุดท้ายสปริงยืดจากเดิม 4.9 cm จะได้ว่า
= 180.0 W
204 บทที่ 5 | งานและพลังงาน ฟิสิกส์ เล่ม 2
W 1 mv 2
แต่ กำ�ลังที่ใช้ในการฉีดน้ำ�ออกไป = =
∆t 2 ∆t
1 (4500 kg )v 2
180 W=
2 (30 × 60 s)
v 2 = 144 m 2 s 2
v = 12 m/s
A 4 10 N
3m C
รูป ประกอบปัญหาท้าทายข้อ 42
พื้นเอียงนี้มีประสิทธิภาพร้อยละเท่าใด
งานที่ได้รับจากพื้นเอียง
วิธีทำ� ประสิทธิภาพของพื้นเอียง = ×100%
งานที่ให้กับพื้นเอียง
เขียนแผนภาพวัตถุอิสระ ได้ดังนี้
5N
0 si n θ
4 1
θ
θ 4 10 N
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 5 | งานและพลังงาน 205
ระยะ AB เท่ากับ (3 m) 2 + (1 m) 2 = 10 m
= (5 N)( 10 m)
= 5 10 J
= mgh
= (4 10 N)(1 m)
= 4 10 J
4 10 J
ดังนั้น ประสิทธิภาพของพื้นเอียง = ×100%
5 10 J
= 80 %
ตอบ ประสิทธิภาพของพื้นเอียงมีค่าร้อยละ 80
43. แรงกระทำ�ต่อวัตถุหนึ่งมีขนาดขึ้นกับตำ�แหน่งในแนวระดับตามสมการ
x
F ( x) = F0 (1 − ) โดยที่ F0 และ x0 เป็นค่าคงตัว งานที่ทำ�โดยแรงนี้ในช่วงการเคลื่อนที่ของ
x0
วัตถุจากตำ�แหน่ง x = 0 ถึง x = 4x0 มีค่าเท่าใด
F(x) (N)
F0
x0 4x0
0 x (m)
_3F
0
จากกราฟ งานเนื่องจากแรงดังกล่าวที่กระทำ�ต่อวัตถุให้เคลื่อนที่จากตำ�แหน่ง x = 0
ถึง x = 4x0 นั้น มีค่าเท่ากับ พื้นที่ใต้กราฟในช่วงนี้
W 1 1
0→ 4 x0 = ( x0 )( F0 ) + (3 x0 )(−3F0 ) = −4 x0 F0
2 2
ตอบ งานที่ท�ำ โดยแรง F(x) จากตำ�แหน่ง x = 0 ถึง x = 4x0 มีค่าเท่ากับ −4 x0 F0
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน 207
6
บทที่ โมเมนตัมและการชน
goo.gl/HRdic3
ผลการเรียนรู้:
ผลการเรียนรู้
1. อธิบาย และคำ�นวณโมเมนตัมของวัตถุ และการดลจากสมการและพื้นที่ใต้กราฟความสัมพันธ์
ระหว่างแรงลัพธ์กับเวลา รวมทั้งอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างแรงดลกับโมเมนตัม
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกความหมายของโมเมนตัม
2. คำ�นวณโมเมนตัมของวัตถุ
3. วิเคราะห์ อภิปราย และสรุปเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างแรงกับการเปลี่ยนโมเมนตัม
4. ประยุกต์ใช้ความสัมพันธ์ระหว่างแรงกับการเปลี่ยนโมเมนตัมในการแก้ปัญหา
5. บอกความหมายของแรงดลและการดล
6. คำ�นวณการดลจากสมการและพื้นที่ใต้กราฟความสัมพันธ์ระหว่างแรงลัพธ์กับเวลา
7. วิเคราะห์ อภิปราย และสรุปเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างแรงดลกับโมเมนตัม
8. ประยุกต์ใช้ความรู้เกี่ยวกับ โมเมนตัมของวัตถุ การดล และแรงดลในการแก้ปัญหา
208 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน ฟิสิกส์ เล่ม 2
1. การตีความหมายข้อมูลและ 1. การแก้ปญ
ั หา (สถานการณ์ ด้ า นความมี เ หตุ ผ ล ความ
ลงข้ อ สรุ ป (โดยอาศั ย ความรู้ เกีย่ วกับโมเมนตัม แรงดลและ รอบคอบ จากการอภิ ป ราย
จากกฎการเคลือ
่ นทีข
่ องนิวตัน) การดล) ร่วมกัน
2. การใช้จำ�นวน (การคำ�นวณ 2. การสื่อสาร (การอภิปราย
ป ริ ม า ณ ต่ า ง ๆ ที่ เ กี่ ย ว กั บ ร่วมกันและการนำ�เสนอผล)
โมเมนตัมของวัตถุ การดล และ
แรงดล)
ผลการเรียนรู้
2. ทดลอง อธิบาย และคำ�นวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการชนของวัตถุในหนึ่งมิติทั้งแบบยืดหยุ่น
ไม่ยืดหยุ่น และการดีดตัวแยกจากกันในหนึ่งมิติซึ่งเป็นไปตามกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. วิเคราะห์ อภิปราย และสรุปเกี่ยวกับกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม
2. ประยุกต์ใช้กฎการอนุรักษ์โมเมนตัม ในการแก้ปัญหา
3. ทดลองการชนของวัตถุในหนึ่งมิติเพื่ออธิบายการชนแบบยืดหยุ่นและการชนแบบไม่ยืดหยุ่น
4. ทดลองการดีดตัวแยกจากกันของวัตถุเพื่อสรุปเกี่ยวกับโมเมนตัมและพลังงานที่เกี่ยวข้อง
5. ประยุกต์ใช้ความเข้าใจเกี่ยวกับการชนและการดีดตัวแยกจากกันในการแก้ปัญหา
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน 209
ผังมโนทัศน์ โมเมนตัมและการชน
โมเมนตัม
กฎการเคลื่อนที่
แรงดล
ข้อที่สองของนิวตัน
นำ�ไปสู่ เกี่ยวข้องกับ
ความสัมพันธ์ระหว่างแรงลัพธ์กับ นำ�ไปสู่
การดล
อัตราการเปลี่ยนแปลงโมเมนตัม
นำ�ไปสู่
กฎการอนุรักษ์โมเมนตัม พลังงานจลน์ของระบบ
นำ�ไปอธิบายและ
คำ�นวณเกี่ยวกับ
การชน การดีดตัวแยกจากัน
แบ่งเป็น
การชนแบบยืดหยุ่น การชนแบบไม่ยืดหยุ่น
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน 211
สรุปแนวความคิดสำ�คัญ
เมื่อวัตถุเคลื่อนที่จะมีโมเมนตัม (momentum) ของวัตถุ ซึ่งมีค่าเท่ากับผลคูณระหว่างมวลกับ
ความเร็วของวัตถุ ดังสมการ p = mv โมเมนตัมเป็นปริมาณเวกเตอร์ มีทิศทางเดียวกับความเร็ว และมี
หน่วย กิโลกรัม เมตรต่อวินาที (kg m/s)
เมือ่ มีแรงลัพธ์กระทำ�ต่อวัตถุจะทำ�ให้โมเมนตัมของวัตถุเปลีย่ นไป โดยแรงลัพธ์ทกี่ ระทำ�ต่อวัตถุเท่ากับ
∆p
อัตราการเปลี่ยนโมเมนตัมของวัตถุนั้น เขียนแทนได้ด้วยสมการ ∑ F =
∆t
แรงลัพธ์ที่กระทำ�ต่อวัตถุในช่วงเวลาสั้น ๆ เรียกว่า แรงดล (impulsive force) ผลคูณระหว่าง
แรงลัพธ์ดล กับช่วงเวลาที่แรงกระทำ� เรียกว่า การดล (impulse) เขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ I
( )
ซึง่ มีคา่ ดังสมการ I = ∑ F ∆t การดลเป็นปริมาณเวกเตอร์มท ี ศ
ิ ทางเดียวกับแรงลัพธ์ มีหน่วยเป็น นิวตัน
วินาที (N s) อาจหาค่าการดลได้จากพื้นที่ใต้กราฟระหว่างแรงลัพธ์กับเวลา การดลมีความสัมพันธ์กับ
การเปลี่ยนแปลงโมเมนตัม ตามสมการ I = ∆p ความสัมพันธ์นี้เรียกว่า ทฤษฎีบทการดล-โมเมนตัม
(impulse-momentum theorem)
เมื่ อ ไม่ มี แ รงภายนอกมากระทำ � ต่ อ ระบบ โมเมนตั ม รวมของระบบมี ค่ า คงตั ว ซึ่ ง เป็ น ไปตาม
กฎการอนุรก
ั ษ์โมเมนตัม (law of conservation of momentum) เขียนแทนได้ดว้ ยสมการ pi = p f
การชนในหนึ่งมิติ (collisions in one dimension) หรือ การชนในแนวตรง เป็นการชนที่แนวการ
เคลื่อนที่ของวัตถุทั้งสองอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกันทั้งก่อนการชนและหลังการชน ในการชนกันของวัตถุ
โมเมนตัมของระบบมีคา่ คงตัว เป็นไปตามกฎการอนุรก
ั ษ์โมเมนตัม แต่พลังงานจลน์ของระบบอาจมีคา่ คงตัว
หรือไม่คงตัวก็ได้ การชนที่มีพลังงานจลน์ของระบบมีค่าคงตัว เรียกว่า การชนแบบยืดหยุ่น (elastic
collision) การชนที่พลังงานจลน์ของระบบมีค่าไม่คงตัว เรียกว่า การชนแบบไม่ยืดหยุ่น (inelastic
collision)
212 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน ฟิสิกส์ เล่ม 2
เวลาที่ใช้
บทนี้ควรใช้เวลาสอนประมาณ 18 ชั่วโมง
ความรู้หรือทักษะพื้นฐานที่นักเรียนต้องมีก่อนเรียน
ความเร็ว มวล แรง กฎการเคลื่อนที่ การหาพื้นที่ใต้กราฟ พลังงานจลน์ กฎการอนุรักษ์พลังงานกล
นำ�เข้าสู่บทที่ 6
ครูน�ำ เข้าสูบ
่ ทที่ 6 โดยยกตัวอย่างสถานการณ์ทม
ี่ ก
ี ารชนหรือกระทบกันของวัตถุ เช่น รถชนกัน การ
ตบลูกวอลเลย์บอล การชนกันในแนวตรงของลูกสนุกเกอร์ แล้วให้นักเรียนพยายามใช้ความรู้ที่ได้เรียนมา
อธิบายการเคลือ
่ นทีข
่ องวัตถุในสถานการณ์ดงั กล่าว โดยเปิดโอกาสให้นก
ั เรียนแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ
ไม่คาดหวังคำ�ตอบที่ถูกต้อง
ครูจะพบว่า นักเรียนประสบปัญหาในการพยายามใช้กฎการเคลือ
่ นทีข
่ องนิวตันอธิบาย ครูแนะนำ�ว่า
เนื่องจากเราทราบข้อมูลเกี่ยวกับแรงที่กระทำ�ในสถานการณ์ข้างต้นน้อยมาก การอธิบายการเคลื่อนที่ของ
วัตถุในสถานการณ์ดังกล่าว จึงต้องมีปริมาณอีกปริมาณหนึ่งเกี่ยวข้อง
ครูชแี้ จงคำ�ถามสำ�คัญทีน
่ ก
ั เรียนจะต้องตอบได้หลังจากการเรียนรูบ
้ ทที่ 6 และหัวข้อต่าง ๆ ทีน
่ ก
ั เรียน
จะได้เรียนรู้ในบทที่ 6
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน 213
6.1 โมเมนตัม
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกความหมายของโมเมนตัม
2. คำ�นวณโมเมนตัมของวัตถุ
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน แนวคิดที่ถูกต้อง
สิ่งที่ครูต้องเตรียมล่วงหน้า
ถุงทราย 2 ถุง สำ�หรับการทำ�กิจกรรม
แนวการจัดการเรียนรู้
ครูน�ำ เข้าสูห
่ วั ข้อ 6.1 โดยใช้ค�ำ ถามเพือ
่ ให้นก
ั เรียนบอกเกีย่ วกับการออกแรงรับลูกบอลทีก
่ �ำ ลังเคลือ
่ นที่
ด้วยความเร็วต่าง ๆ กันว่า ขนาดของแรงที่ใช้รับแตกต่างกันอย่างไร จากประสบการณ์ที่เคยเล่นกีฬาบาง
ประเภท เช่น บาสเกตบอล แชร์บอล จากนัน
้ ครูและนักเรียนอภิปรายร่วมกันเพือ่ ตอบคำ�ถามว่า การออกแรง
ที่ต่างกันเพื่อรับวัตถุนั้นขึ้นกับปริมาณใดบ้าง โดยเปิดโอกาสให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ
ไม่คาดหวังคำ�ตอบที่ถูกต้อง
ครูชแี้ จงจุดประสงค์การเรียนรูข
้ องหัวข้อ 6.1 ก่อนจะให้นก
ั เรียนทำ�กิจกรรมโดยการรับถุงทรายตามราย
ละเอียดในหนังสือเรียน
นำ�ผลจากการทำ�กิจกรรมมาอภิปรายร่วมกันเพื่อหาผลสรุปว่า
1. เมื่อปล่อยถุงทรายมวลเท่ากันให้ตกจากตำ�แหน่งที่ระดับความสูงต่างกัน ถุงทรายที่ปล่อยจาก
ตำ�แหน่งที่สูงกว่าจะมีความเร็วขณะกระทบมือมากกว่า และการรับถุงทรายที่มีความเร็วมากกว่า
จะใช้แรงมากกว่าการับถุงทรายที่มีความเร็วน้อยกว่า
2. เมื่อปล่อยถุงทรายที่มีมวลต่างกันจากตำ�แหน่งระดับความสูงเท่ากัน ถุงทรายจะตกกระทบมือด้วย
ความเร็วเท่ากัน จึงกล่าวได้ว่า แรงที่ใช้รับถุงทรายที่มีมวลมากจะมีค่ามากกว่าแรงที่ใช้รับถุงทรายที่
มีมวลน้อย
214 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน ฟิสิกส์ เล่ม 2
ครูอธิบายเกีย
่ วกับความหมายของโมเมนตัม การหาค่าโมเมนตัม และสมการ (6.1) ตามรายละเอียดใน
หนังสือเรียน จากนั้นครูชี้แจงคำ�ถามสำ�คัญที่นักเรียนจะต้องตอบได้หลังจากการเรียนรู้บทที่ 6 และหัวข้อ
ต่าง ๆ ที่นักเรียนจะได้เรียนรู้ในบทที่ 6 ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน
ครูอธิบายตัวอย่าง 6.1 และ 6.2 เพือ
่ สร้างความเข้าใจให้กบ
ั นักเรียนเกีย่ วกับการคำ�นวณโมเมนตัม ของ
วัตถุ จากนัน
้ ให้นก
ั เรียนตอบคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจและทำ�แบบฝึกหัด 6.1 โดยอาจมีการเฉลยคำ�ตอบ
และอภิปรายคำ�ตอบร่วมกัน
แนวการวัดและประเมินผล
1. ความรู้เกี่ยวกับโมเมนตัมจากคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจและแบบฝึกหัด 6.1
2. ทักษะการใช้จำ�นวน จากการคำ�นวณปริมาณต่าง ๆ เกี่ยวกับโมเมนตัมในแบบฝึกหัด 6.1
3. จิตวิทยาศาสตร์ด้านความมีเหตุผล จากการอภิปรายร่วมกัน
แนวคำ�ตอบคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจ 6.1
1. อนุภาคชนิดเดียวกันสองอนุภาค มีอต
ั ราเร็วเท่ากัน อนุภาคทัง้ สองจะมีโมเมนตัมเท่ากันหรือไม่
แนวคำ�ตอบ อาจจะเท่ากันหรือไม่กไ็ ด้ เพราะโมเมนตัมเป็นปริมาณเวกเตอร์จงึ ต้องพิจารณา
ทั้งขนาดและทิศทาง หากอัตราเร็วเท่ากันและมีทิศทางเดียวกัน โมเมนตัมจะเท่ากัน แต่หาก
อัตราเร็วเท่ากันแต่ทิศทางต่างกันถือว่าโมเมนตัมจะไม่เท่ากัน
4. โมเมนตัมกับพลังงานจลน์ของวัตถุหนึ่งมีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่ อย่างไร
แนวคำ�ตอบ เกี่ยวข้องกัน เพราะทั้งโมเมนตัมและพลังงานจลน์เป็นปริมาณที่เกี่ยวข้องกับ
มวลและความเร็วของวัตถุเหมือนกัน ถ้าโมเมนตัมเพิม
่ พลังงานจลน์กจ็ ะเพิม
่ ด้วย (โดยเขียน
ความสัมพันธ์ของปริมาณทั้งสองได้เป็น p = 2mEk )
เฉลยแบบฝึกหัด 6.1
3600
= 1.5 105 kg m/s ไปทางทิศตะวันออก
ตอบ โมเมนตัมของรถบรรทุกเท่ากับ 1.5 105 กิโลกรัม เมตรต่อวินาที และมีทิศไปทาง
ตะวันออก
216 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน ฟิสิกส์ เล่ม 2
ข. วิธีทำ� ให้ mB และ vB เป็นมวลและความเร็วของนักฟุตบอล B ตามลำ�ดับ
จะได้ mB = 60 kg และ vA = 3.0 m/s มีทิศไปทางซ้าย
จาก p = mv
จะได้โมเมนตัมของนักฟุตบอล B
pB = mBvB
= (60 kg)(3.0 m/s)
= 180 kg m/s มีทิศไปทางซ้าย
ตอบ โมเมนตัมของนักฟุตบอล B เป็น 180 กิโลกรัม เมตรต่อวินาที มีทิศไปทางซ้าย
4. รถยนต์ มี ม วล 1000 กิ โ ลกรั ม เคลื่ อ นที่ ด้ ว ยความเร็ ว 4.2 เมตรต่ อ วิ น าที ไปทางทิ ศ ใต้
รถจักรยานยนต์มม
ี วล 120 กิโลกรัม จะต้องมีความเร็วขนาดเท่าใด ขนาดของโมเมนตัมของรถทัง้ สอง
จึงจะเท่ากัน
วิธีทำ� วัตถุที่มีมวล m กำ�ลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว v ขนาดของโมเมนตัม p = mv
เนื่องจากขนาดของโมเมนตัมรถจักรยานยนต์เท่ากับขนาดของโมเมนตัมรถยนต์
แทนค่า
v = 35 m/s
ตอบ รถจักรยานยนต์ตอ้ งมีขนาดความเร็วเท่ากับ 35 เมตรต่อวินาที จึงมีโมเมนตัมเท่ากับโมเมนตัม
ของรถยนต์
0 = 30 − gt1
30
t1 = (a)
g
ให้ t2 เวลาที่ก้อนหินตกจากจุดสูงสุด ซึ่งรวมกับเวลาที่ก้อนหินถูกโยนขึ้นไป เป็น 5 วินาที
ดังสมการ t1 + t2 = 5 s
จะได้ว่า t2 = 5 s - t1
30
แทนค่า t1 จาก (a) จะได้ t2 = 5 s − (b)
g
ความเร็วของก้อนหิน ณ เวลา t2 ทีก่ อ้ นหินกำ�ลังตกลงสูพ
่ น
ื้ หาได้จากสมการ v y = u y + a y t
แทนค่าจะได้
v y = 0 + gt2
218 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน ฟิสิกส์ เล่ม 2
= 19 m/s
ดังนั้น เมื่อเวลาผ่านไป 5 วินาที ก้อนหินมีโมเมนตัม
p = mv
= (0.5 kg)(19 m/s) ในทิศลงในแนวดิ่ง
= 9.5 kg m/s ในทิศลงในแนวดิ่ง
ตอบ เมื่อเวลาผ่านไป 5 วินาที ก้อนหินมีขนาดของโมเมนตัมเท่ากับ 9.5 กิโลกรัม เมตรต่อวินาที
มีทิศลง
6.2 แรงและการเปลี่ยนโมเมนตัม
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. วิเคราะห์ อภิปราย และสรุปเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างแรงกับการเปลี่ยนโมเมนตัม
2. ประยุกต์ใช้ความสัมพันธ์ระหว่างแรงกับการเปลี่ยนโมเมนตัมในการแก้ปัญหา
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน แนวคิดที่ถูกต้อง
การดลทำ�ให้วัตถุมีโมเมนตัม การดลทำ�ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโมเมนตัม
ของวัตถุ
สิ่งที่ครูต้องเตรียมล่วงหน้า
• คลิปวีดิโอการเล่นกีฬาประเภทต่าง ๆ และคลิปวีดิโอจากการบันทึกด้วยกล้องความเร็วสูง
(high-speed camera)
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน 219
แนวการจัดการเรียนรู้
ครูนำ�เข้าสู่หัวข้อ 6.2 โดยอาจเปิดคลิปวีดิโอการเล่นกีฬาบางประเภท เช่น ฟุตบอล แบดมินตัน ปิงปอง
เทนนิส และ อาจให้นักเรียนดูทั้งคลิปวีดิโอแบบใช้กล้องความเร็วปกติ และ คลิปวีดิโอแบบใช้กล้องความ-
เร็วสูง (high-speed camera) เช่น คลิปวีดิโอแสดงการเล่นกีฬาเทนนิส และคลิปวีดิโอแสดงการเคลื่อนที่
ของลูกเทนนิสกระทบกับตาข่ายของไม้เทนนิสแบบเคลื่อนที่ช้า ๆ ซึ่งสามารถหาได้จากอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้
ระหว่างการชมคลิป ครูให้นักเรียนอภิปรายเกี่ยวกับขนาดและทิศทางของโมเมนตัมของลูกบอล รวมทั้ง
ขนาดและทิศทางของแรงที่ใช้ในการทำ �ให้ลูกบอลมีโมเมนตัมเปลี่ยนไป โดยครูเปิดโอกาสให้นักเรียน
อภิปรายอย่างอิสระ ไม่คาดหวังคำ�ตอบที่ถูกต้อง
ครูชี้แจงจุดประสงค์การเรียนรู้ของหัวข้อ 6.2 จากนั้น ครูทบทวนสมการของการเคลื่อนที่ในแนวตรง
และกฎการเคลื่อนที่ข้อที่สองของนิวตัน แล้วนำ�นักเรียนอภิปรายเกี่ยวกับการใช้สมการดังกล่าวในการ
หาความสัมพันธ์ระหว่างแรงกับโมเมนตัมของวัตถุตามรายละเอียดในหนังสือเรียน จนสรุปได้สมการ (6.2)
และ (6.3) ทัง้ นี้ ครูควรเน้นว่า กฎการเคลือ
่ นทีข
่ อ
้ ทีส่ องของนิวตันกล่าวได้อก
ี แบบหนึง่ ว่า แรงลัพธ์ทก
ี่ ระทำ�
ต่อวัตถุเท่ากับอัตราการเปลี่ยนโมเมนตัมของวัตถุ
ครูอธิบายตัวอย่าง 6.3 และ 6.4 ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการ
คำ�นวณแรงและโมเมนตัมของวัตถุทเี่ ปลีย
่ นไป จากนัน
้ ให้นก
ั เรียนทำ�แบบฝึกหัด 6.2 โดยอาจมีการเฉลยคำ�
ตอบและอภิปรายคำ�ตอบร่วมกัน
แนวการวัดและประเมินผล
1. ความรู้เกี่ยวกับแรงลัพธ์ที่ทำ�ให้วัตถุมีการเปลี่ยนโมเมนตัมจากคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจและ
แบบฝึกหัด 6.2
2. ทักษะการใช้จำ�นวนจากการคำ�นวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับแรงลัพธ์ที่ท�ำ ให้วัตถุมีการเปลี่ยน
โมเมนตัมในแบบฝึกหัด 6.2
3. จิตวิทยาศาสตร์ดา้ นความมีเหตุผล และความรอบคอบ จากการอภิปรายร่วมกันและแบบฝึกหัด 6.2
แนวคำ�ตอบคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจ 6.2
1. แรงทำ�ให้โมเมนตัมของวัตถุเปลี่ยนได้อย่างไร
แนวคำ�ตอบ แรงทำ�ให้ขนาดหรือทิศทางของโมเมนตัมอย่างใดอย่างหนึ่งเปลี่ยนแปลง หรือ
แรงทำ�ให้วัตถุเกิดความเร่งหรือเปลี่ยนแปลงความเร็ว ตามกฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน
220 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน ฟิสิกส์ เล่ม 2
2. การเปลี่ยนโมเมนตัมมีทิศทางเดียวกับแรงหรือไม่ อย่างไร
แนวคำ�ตอบ โมเมนตัมของวัตถุที่เปลี่ยนแปลงเป็นปริมาณเวกเตอร์ที่มีทิศทางเดียวกับ
∆p
แรงลัพธ์ที่กระทำ�ต่อวัตถุ ตามสมการ ∑ F =
∆t
3. เมือ
่ ขนาดความเร็วของวัตถุเพิม
่ การเปลีย่ นขนาดโมเมนตัมและการเปลีย่ นพลังงานจลน์ของ
วัตถุจะเป็นอย่างไร
แนวคำ�ตอบ ทั้งขนาดของโมเมนตัมและพลังงานจลน์ของวัตถุเพิ่มขึ้น เพราะทั้งขนาด
โมเมนตัมและพลังงานจลน์ของวัตถุขน
ึ้ อยูก่ บ
ั ขนาดความเร็วของวัตถุ โดยสอดคล้องกับสมการ
1
p = mv และ Ek = mv 2
2
4. วัตถุที่ตกแบบเสรีมีการเปลี่ยนโมเมนตัมหรือไม่ อย่างไร
แนวคำ�ตอบ การตกแบบเสรีมแี รงลัพธ์กระทำ�ต่อวัตถุเท่ากับแรงโน้มถ่วงตลอดการเคลือ
่ นที่
ทำ�ให้วัตถุมีความเร็วเปลี่ยน โมเมนตัมของวัตถุที่ตกแบบเสรี จึงมีการเปลี่ยนแปลง
เฉลยแบบฝึกหัด 6.2
จาก
mv − mu
=
∆t
= (0.5 kg )(0 m/s)-(0.5 kg )( +20 m/s)
1.0 s
10 kg m/s
=
1.0 s
= 10 N
ตอบ แรงเฉลี่ยที่มือกระทำ�ต่อลูกบอลมีขนาด 250 นิวตัน
ข. วิธีทำ� กำ�หนดให้ทิศความเร็วของวัตถุที่เข้าหากำ�แพงมีเครื่องหมาย +
ให้ทิศความเร็วของวัตถุที่ออกจากกำ�แพงมีเครื่องหมาย –
หาแรงเฉลี่ยจากสมการ
mv − mu
Fav =
∆t
แทนค่า จากข้อ ก. จะได้
40 kg m/s
Fav =
0.5 s
= − 80 N
ตอบ แรงเฉลี่ยที่ก�ำ แพงกระทำ�ต่อวัตถุเท่ากับ 80 นิวตัน ในทิศทางออกจากกำ�แพง
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน 223
6.3 การดล
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกความหมายของแรงดลและการดล
2. คำ�นวณการดลจากสมการและพื้นที่ใต้กราฟความสัมพันธ์ระหว่างแรงลัพธ์กับเวลา
3. วิเคราะห์ อภิปราย และสรุปเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างแรงดลกับโมเมนตัม
4. ประยุกต์ใช้ความรู้เกี่ยวกับ โมเมนตัมของวัตถุ การดล และแรงดลในการแก้ปัญหา
สิ่งที่ครูต้องเตรียมล่วงหน้า
จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์สำ�หรับการนำ�เข้าสู่บทเรียน ได้แก่
1. ไข่ดิบที่มีมวลเท่ากันหรือใกล้เคียงกัน 3 – 5 ฟอง
2. ฟองน้ำ�หนาประมาณ 3 – 5 เซนติเมตร 2 อัน
3. อุปกรณ์ทำ�ความสะอาด
แนวการจัดการเรียนรู้
ครูน�ำ เข้าสูห
่ วั ข้อ 6.3 โดยใช้ค�ำ ถามให้นก
ั เรียนคาดคะเนและให้เหตุผลประกอบการคาดคะเน ว่าจะเกิด
ผลอย่างไรเมื่อปล่อยไข่ตกลงจากที่สูงลงบนพื้นผิวต่างกัน หลังจากนั้นอาจเลือกนักเรียนสามคนร่วมการ
สาธิตปล่อยไข่ตกสู่พื้น ให้คนที่หนึ่ง ปล่อยไข่ดิบที่ความสูง 0.5 เมตร ลงบนพื้นแข็ง คนที่สอง ปล่อยไข่ดิบ
จากตำ�แหน่งระดับความสูงเดียวกันให้ตกลงบนฟองน้ำ�หนา และคนที่สาม ปล่อยไข่ดิบให้ตกลงบนฟองน้�ำ
หนาเหมือนกันแต่ปล่อยจากตำ�แหน่งระดับความสูง 1 เมตร
ก. ไข่กระทบพื้นแข็ง ข. ไข่กระทบฟองน้ำ�
รูป 6.1 ไข่กระทบพื้นที่ต่างกัน
หลังการสาธิตครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายภายใต้หัวข้อ ดังนี้
1. ความเร็วของไข่ขณะตกกระทบฟองน้ำ�และตกกระทบพื้นแข็งต่างกันหรือไม่ อย่างไร
2. ผลที่เกิดขึ้นเมื่อไข่ตกกระทบฟองน้ำ�และตกกระทบพื้นแข็งต่างกันหรือไม่ อย่างไร
3. โมเมนตัมทีเ่ ปลีย่ นไปของไข่ทงั้ สองเมือ
่ ตกกระทบฟองน้�ำ กับตกกระทบพืน
้ แข็งต่างกันหรือไม่ อย่างไร
224 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน ฟิสิกส์ เล่ม 2
4. ช่วงเวลาที่ไข่เปลี่ยนความเร็วขณะกระทบฟองน้ำ�จนหยุดนิ่งต่างกับช่วงเวลาที่ไข่กระทบพื้นแข็งจน
หยุดนิ่งหรือไม่ อย่างไร
ในการอภิปราย ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ ไม่คาดหวังคำ�ตอบที่ถูกต้อง
จากนั้น ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการเปรียบเทียบการตกกระทบพื้นหรือฟองน้�ำ ของไข่
กับการที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายปะทะหรือกระทบวัตถุแข็งเมื่อเกิดอุบัติเหตุในการขับขี่ยานพาหนะ
หรือเล่นกีฬา รวมทั้งอภิปรายเกี่ยวกับลักษณะของวัสดุที่ใช้ป้องกันการบาดเจ็บ โดยครูไม่คาดหวังคำ�ตอบ
ที่ถูกต้อง
ครูชี้แจงจุดประสงค์การเรียนรู้ของหัวข้อ 6.3 จากนั้น ร่วมอภิปรายกับนักเรียนเกี่ยวกับ แรงที่กระทำ�
ต่อวัตถุกับค่าของการเปลี่ยนโมเมนตัมตามรายละเอียดในหนังสือเรียน จนได้ข้อสรุปเกี่ยวกับความหมาย
ของ แรงดล แรงดลเฉลี่ย และการดล รวมทั้งสมการ (6.4) สมการ (6.5) และทฤษฎีบทการดล-โมเมนตัม
ครูควรเน้นว่า แรงที่กระทำ�ต่อวัตถุนอกจากจะขึ้นอยู่กับค่าของการเปลี่ยนโมเมนตัมแล้ว ยังขึ้นกับช่วง
เวลาที่แรงกระทำ�กับวัตถุเพื่อใช้ในการเปลี่ยนโมเมนตัมของวัตถุ และ ในกรณีการดลที่ทำ�ให้วัตถุเปลี่ยน
โมเมนตัมในแนวตรง การดลกับโมเมนตัมเดิมอยู่ในแนวเดียวกัน โดยอาจมีทิศทางเดียวกันหรือทิศทางตรง
ข้ามกันก็ได้ ดังนั้นการใช้สมการ I = mv − mu ในกรณีการดลและการเปลี่ยนโมเมนตัมในแนวตรง จึง
ควรใส่เครื่องหมาย + และ – เพื่อกำ�หนดทิศทางของปริมาณเวกเตอร์เหล่านั้นด้วย
ครูอาจอภิปรายเพิม่ เติมเกีย
่ วกับการเปรียบเทียบสถานการณ์ของไข่ดบ
ิ กับหลักการทำ�งานของอุปกรณ์
mv − mu
ลดการบาดเจ็บต่าง ๆ ในการเล่นกีฬาหรือขับขี่ยานพาหนะ โดยใช้สมการ F = ประกอบการ
∆t
อภิปราย ซึง่ ควรได้ขอ
้ สรุปว่า ช่วงเวลาทีไ่ ข่ตกกระทบบนฟองน้�ำ จนหยุดนิง่ มากกว่าช่วงเวลาทีไ่ ข่ตกกระทบ
บนพื้นแข็งจนหยุดนิ่ง ดังนั้น แรง F ที่ฟองน้ำ�กระทำ�ต่อไข่จึงน้อยกว่า เป็นผลทำ�ให้ไข่ไม่แตก สำ�หรับไข่
ที่ตกบนพื้นราบแข็งนั้นช่วงเวลาตั้งแต่กระทบจนหยุดนิ่งน้อยมาก แรงที่พื้นกระทำ�ต่อไข่จึงมาก เป็นผลให้
ไข่แตก เปรียบได้กบ
ั การทีร่ า่ งกายของผูเ้ ล่นกีฬาหรือขับขีย่ านพาหนะไปกระแทกกับวัตถุหรือสิง่ ของต่าง ๆ
การทีม
่ อ
ี ป
ุ กรณ์ทม
ี่ ลี ก
ั ษณะหนาและยืดหยุน
่ เหมือนฟองน้�ำ จะช่วยเพิม
่ ช่วงเวลาตัง้ แต่กระทบจนหยุดนิง่ ช่วย
ทำ�ให้แรงที่กระทำ�กับร่างกายน้อยลง จึงช่วยลดการบาดเจ็บในการเล่นกีฬาหรือขับขี่ยานพาหนะได้
ครูอธิบายตัวอย่าง 6.5 - 6.8 จากนั้นให้นักเรียนทำ�แบบฝึกหัด 6.3 โดยอาจมีการเฉลยคำ�ตอบและ
อภิปรายคำ�ตอบร่วมกัน
แนวการวัดและประเมินผล
1. ความรู้เกี่ยวกับแรงดลและการดล จากคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจและแบบฝึกหัด 6.3
2. ทักษะการแก้ปญ
ั หาและการใช้จ�ำ นวน จากการคำ�นวณปริมาณต่าง ๆ ทีเ่ กีย่ วข้องกับแรงดลและการดล
ทั้งด้วยการใช้สมการและพื้นที่ใต้กราฟในแบบฝึกหัด 6.3
3. จิตวิทยาศาสตร์ดา้ นความมีเหตุผล และความรอบคอบ จากการอภิปรายร่วมกันและจากแบบฝึกหัด 6.3
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน 225
แนวคำ�ตอบคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจ 6.3
1. การดลและแรงมีความสัมพันธ์กันหรือไม่ อย่างไร
แนวคำ�ตอบ มีความสัมพันธ์กันตามสมการ I = ∑ F ∆t
2. แรงดล F มีทิศทางเดียวกับปริมาณใดต่อไปนี้
ก. โมเมนตัม p ข. การเปลี่ยนโมเมนตัม ค. การดล I
ง. ความเร็ว v จ. การเปลี่ยนความเร็ว ฉ. ความเร่ง a
แนวคำ�ตอบ แรงดล F มีทิศทางเดียวกับ การเปลี่ยนโมเมนตัม การดล I
∆p I m∆v
การเปลี่ยนความเร็ว และ ความเร่ง a เพราะ F = = = = ma
∆t ∆t ∆t
3. การเบรกรถจักรยาน ให้รถช้าลงจนหยุด กับการเบรกรถจักรยาน ให้รถหยุด ทันที การดลใน
กรณีแรก มากกว่า เท่ากับ หรือน้อยกว่ากรณีหลัง จงอธิบาย
แนวคำ�ตอบ เท่ากัน เพราะการดลเท่ากับโมเมนตัมที่เปลี่ยนไป ตามสมการ
I = ∆p = p f − pi ก่อนเบรกถือว่ามีโมเมนตัมเท่ากัน เมือ
่ เบรกจนหยุดโมเมนตัมเป็นศูนย์
เหมือนกันทั้งสองกรณี ดังนั้นทั้งสองกรณีมีโมเมนตัมเปลี่ยนไปเท่ากัน
4. เป็นไปได้หรือไม่ ที่แรงดลที่ค่ามากทำ�ให้เกิดการดลที่มีค่าน้อยกว่าแรงดลที่มีค่าน้อย
แนวคำ�ตอบ เป็นไปได้ เพราะการดล I = F ∆t นั่นคือการดลยังขึ้นอยู่กับช่วงเวลาด้วย
ถ้าแรงน้อยแต่มีช่วงเวลามากกว่ามาก ๆ สามารถทำ�ให้เกิดการดลมากกว่าแรงมากแต่มีช่วง
เวลาน้อยได้
เฉลยแบบฝึกหัด 6.3
วิธีทำ� การดลที่รถยนต์กระทำ�ต่อรถบรรทุก I มีขนาดเท่ากับผลคูณระหว่างแรง F ที่กระทำ�ต่อ
รถบรรทุกกับช่วงเวลาที่แรงกระทำ� ดังสมการ I = F ∆t
แทนค่า จะได้การดลที่กระทำ�ต่อรถบรรทุก
I = (1.0 × 106 N)(5.0 × 10−3 s) ไปในทิศทีร่ ถยนต์แล่น
= 5.0 × 103 N s
ตอบ การดลที่กระทำ�ต่อรถบรรทุกเป็น 5.0 × 103 นิวตัน วินาที
u = 0 m/s
v3 = 0 m/s
h1 = 10 m
h2 v2
v1 Fav
การเคลื่อนที่ของลูกบอลเป็นการตกแบบเสรี จากสมการ v y2 = u y2 + 2 g ∆y
จะได้ v1 = 2 gh1
= 196 m 2 /s 2
= 14 m/s
(19.6 m/s ) h 2
2 = 100 m 2 /s 2
h2 = 5.10 m
ตอบ ระยะสูงสุดที่ลูกบอลกระดอนขึ้นไปได้เท่ากับ 5.10 เมตร
F (N)
1000
500
-2
0 t (10 s)
1 2 3 4
ข. วิธีทำ� การดลที่ไม้กระทำ�ต่อลูกบอลมีค่าเท่ากับพื้นที่ใต้กราฟระหว่างแรงกับเวลา
ดังนั้น การดลที่ไม้กระทำ�ต่อลูกบอลมีค่าเท่ากับ 15 นิวตัน วินาที
แรงลัพธ (N)
30
20
15
10
0 เวลา (s)
1 2 4
230 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน ฟิสิกส์ เล่ม 2
20
C G
B
15
10 A
F E D H เวลา (s)
0
1 2 4
= (4 s − 2 s)(20 N)
= 40 N s
1
(10 + 20 kg m/s 2 )( 2 s) + ( 20 kg m/s 2 )( 2 s) = ( 4 kg )v − ( 4 kg )(10 m/s)
2
70 kg m/s = ( 4 kg )v − 40 kg m/s
110
v = m/s
4
= 27.5 m/s
ค. วิธีทำ� หาขนาดของความเร่งเมื่อเวลา t = 1 s
จากกราฟ ที่ t = 1 วินาที แรง F = 15 N
จาก F = ma
แทนค่า จะได้
15 kg m/s 2 = ( 4 kg ) a
a = 3.75 m/s 2
ตอบ เมื่อเวลาผ่านไป 1 วินาที ขนาดของความเร่งเท่ากับ 3.75 เมตรต่อวินาที2
6.4 การอนุรักษ์โมเมนตัม
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. วิเคราะห์ อภิปราย และสรุปเกี่ยวกับกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม
2. ประยุกต์ใช้กฎการอนุรักษ์โมเมนตัม ในการแก้ปัญหา
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน แนวคิดที่ถูกต้อง
แนวการจัดการเรียนรู้
ครูน�ำ เข้าสูห
่ วั ข้อ 6.4 โดยทบทวนเรือ
่ งทฤษฎีงาน-พลังงานจลน์ และกฎการอนุรก
ั ษ์พลังงานกลทีไ่ ด้เรียน
มาในบทที่ 5 จากนั้นใช้ค�ำ ถามนำ�เพื่อให้นักเรียนอภิปรายร่วมกันว่า ทฤษฎีการดล-โมเมนตัมที่ได้เรียนมา
ในหัวข้อ 6.3 นำ�ไปอธิบายการอนุรักษ์ปริมาณใด โดยเปิดโอกาสให้นักเรียนตอบอภิปรายอย่างอิสระ
ไม่คาดหวังคำ�ตอบที่ถูกต้อง
ครูชแี้ จงจุดประสงค์การเรียนรูข
้ องหัวข้อ 6.4 แล้วนำ�อภิปรายเกีย่ วกับความสัมพันธ์ระหว่างการดลและ
โมเมนตัมในสถานการณ์ทวี่ ต
ั ถุสองก้อนเคลือ
่ นทีเ่ ข้ามากระทบกันบนพืน
้ ลืน
่ ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน
จนได้ข้อสรุปเกี่ยวกับกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม โดยแสดงให้เห็นว่า การที่ทฤษฎีการดล-โมเมนตัมนำ�ไป
อธิบายการอนุรักษ์โมเมนตัม และสมการ (6.7)
ครูให้ความรูเ้ พิม
่ เติมเกีย่ วกับ แรงภายนอกและแรงภายในระบบประกอบการสรุปเกีย่ วกับกฎการอนุรกั ษ์
โมเมนตัม จากนัน
้ ครูอธิบายตัวอย่าง 6.9 เพือ
่ ให้นกั เรียนเข้าใจถึงวิธกี ารประยุกต์ใช้กฎการอนุรกั ษ์โมเมนตัม
ครูให้นักเรียนตอบคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจและทำ�แบบฝึกหัด 6.4 โดยมีการเฉลยคำ�ตอบและ
อภิปรายคำ�ตอบร่วมกัน
แนวการวัดและประเมินผล
1. ความรู้เกี่ยวกับกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม จากคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจและแบบฝึกหัด 6.4
2. ทักษะการใช้จำ�นวนจาก การคำ�นวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ของวัตถุโดยใช้
กฎการอนุรักษ์โมเมนตัมจากแบบฝึกหัด 6.4
แนวคำ�ตอบคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจ 6.4
1. การอนุรักษ์โมเมนตัมของระบบมีความเกี่ยวข้องกับแรงภายนอกหรือไม่ อย่างไร
แนวคำ�ตอบ เกี่ยวข้องโดยตรงกับแรงภายนอก เพราะแรงลัพธ์ภายนอกเป็นต้นเหตุที่ทำ�ให้
โมเมนตัมของระบบเปลี่ยนไป ดังนั้นถ้าแรงลัพธ์ภายนอกเป็นศูนย์ โมเมนตัมของระบบจะมี
ค่าคงตัว หรือมีการอนุรักษ์โมเมนตัมนั่นเอง
3. กฎการอนุรักษ์โมเมนตัม เขียนในรูปสมการได้อย่างไร
แนวคำ�ตอบ pi = p f หรือ m1u1 + m2u2 + ... + mnun = m1v1 + m2 v2 + ... + mn vn
เฉลยแบบฝึกหัด 6.4
20 kg m/s
v=
15 kg
= 1.3 m/s
ตอบ วัตถุทั้งสองที่ติดกันไปเคลื่อนที่ด้วยขนาดของความเร็ว 1.3 เมตรต่อวินาที
2 kg
1 kg
3. เมล็ดพืชชนิดหนึ่งขณะกำ�ลังตกลงพื้นด้วยขนาดความเร็วตามแนวดิ่ง v เกิดการดีดตัวแยกเป็น
สองส่วนเท่ากัน ส่วนหนึง่ ของเมล็ดมีขนาดความเร็ว v ในทิศทางเคลือ
่ นทีข
่ น
ึ้ อีกส่วนหนึง่ จะมีขนาด
ความเร็วเท่าใด
วิธีทำ� กำ�หนดให้ 2m เป็นมวลของเมล็ดพืชขณะยังไม่แยกเป็นสองส่วน
v f เป็นความเร็วของเมล็ดพืช
กำ�หนดให้ ทิศทางความเร็วของวัตถุในทิศขึ้นมีเครื่องหมาย +
ทิศทางความเร็วของวัตถุในทิศลงมีเครื่องหมาย –
เนื่องจากไม่มีแรงภายนอกกระทำ�ต่อเมล็ดพืช จึงใช้กฎการอนุรักษ์โมเมนตัมได้
จาก pi = p f
จะได้ −2mv = mv + mv f
v f = −3v
ตอบ อีกส่วนหนึ่งของเมล็ดจะมีความเร็วเท่ากับเป็น 3 เท่าของความเร็วเดิมและเคลื่อนที่ลง
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน 235
6.5 การชนและการดีดตัวแยกจากกัน
ครูน�ำ เข้าสูห
่ วั ข้อ 6.5 โดยการสาธิตการชนกันของลูกทรงกลมของชุดอุปกรณ์สาธิตโมเมนตัม ดังรูป 6.2
โดยก่อนการสาธิต ครูใช้คำ�ถามเพื่อให้นักเรียนคาดคะเนพร้อมให้เหตุผลประกอบการคาดคะเนว่า จะเกิด
ผลอย่างไร ถ้าดึงลูกทรงกลม 1 ลูก 2 ลูก 3 ลูก ให้ห่างออกไปแล้วปล่อยให้แกว่งมาชนลูกทรงกลมที่เหลือ
โดยครูอาจให้นักเรียนอภิปรายก่อนจะเขียนหรือบอกผลการคาดคะเนพร้อมเหตุผลประกอบ จากนั้น
ครูให้นักเรียน 3 คนปล่อยลูกทรงกลม 1 ลูก 2 ลูก 3 ลูก ตามลำ�ดับ แล้วให้นักเรียนสังเกตผลที่เกิดขึ้น ครู
และนักเรียนอภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับผลการปล่อยลูกทรงกลม จนได้ข้อสรุปว่าสถานการณ์การชนกันของ
ลูกทรงกลมของอุปกรณ์สาธิตสามารถอธิบายได้ด้วยกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม จากนั้นครูถามนักเรียนว่า
นอกจากการชนกันจะมีการอนุรักษ์โมเมนตัมแล้ว ยังมีปริมาณใดอีกบ้างที่มีการอนุรักษ์ โดยเปิดโอกาสให้
นักเรียนตอบคำ�ถามอย่างอิสระ ไม่คาดหวังคำ�ตอบที่ถูกต้อง
ความรู้เพิ่มเติมสำ�หรับครู
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. ทดลองการชนของวัตถุในหนึ่งมิติเพื่ออธิบายการชนแบบยืดหยุ่นและการชนแบบไม่ยืดหยุ่น
2. ทดลองการดีดตัวแยกจากกันของวัตถุเพื่อสรุปเกี่ยวกับโมเมนตัมและพลังงานที่เกี่ยวข้อง
3. ประยุกต์ใช้ความรู้เกี่ยวกับการชนและการดีดตัวแยกจากกันในการแก้ปัญหา
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน แนวคิดที่ถูกต้อง
6.5.1 การชนของวัตถุในหนึ่งมิติ
แนวการจัดการเรียนรู้
ครูชี้แจงจุดประสงค์การเรียนรู้ของหัวข้อ 6.5 ก่อนจะนำ�เข้าสู่กิจกรรม 6.1 เพื่อหาคำ�ตอบว่าในการชน
กันมีปริมาณใดบ้างที่มีการอนุรักษ์
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน 237
จุดประสงค์
เพื่ อ ศึ ก ษาผลรวมของโมเมนตั ม และผลรวมของพลั ง งานจลน์ จ ากการชนของรถทดลอง
ในแนวตรง ก่อนและหลังการชน
วัสดุและอุปกรณ์
1. รถทดลอง 2 คัน
2. แท่งเหล็ก 2 แท่ง
3. รางไม้ 1 ราง
4. เครื่องเคาะสัญญาณเวลา 1 เครื่อง
5. หม้อแปลงโวลต์ต่ำ� 1 เครื่อง
6. แผ่นเหล็กสปริง 1 แผ่น
7. สายไฟพร้อมปากหนีบ 2 เส้น
8. แถบกระดาษและกระดาษคาร์บอน 2 ชุด
ตอนที่ 1 การศึกษาผลรวมของโมเมนตัมและผลรวมของพลังงานจลน์จากการชนของรถทีต
่ ด
ิ แผ่นเหล็กสปริง
แนะนำ�ก่อนการทำ�กิจกรรม
1. ในการศึกษาการถ่ายโอนโมเมนตัมและพลังงานจลน์ของรถทดลองทีช
่ นกันนัน
้ จะต้องทราบทัง้ มวล
และความเร็วของรถทดลอง มวลของรถทดลองหาได้จากการชั่งด้วยเครื่องชั่งสปริง ส่วนความเร็วของรถ
ทดลองแต่ละคันทัง้ ก่อนการชนและหลังการชนหาได้จากจุดบนแถบกระดาษทีร่ ถทดลองดึงผ่านเครือ
่ งเคาะ
สัญญาณเวลา
2. เครื่องเคาะสัญญาณเวลาที่ใช้ในกิจกรรมตอนที่ 1 ต้องใช้กระดาษคาร์บอน 2 แผ่นซ้อนกัน
3. การชนกันของรถทดลองจะต้องชนกันในแนวตรงจริง ๆ ซึง่ ทำ�ได้โดยนำ�รถทดลองคันที่ 2 ซึง่ เป็นคัน
ที่วิ่งเข้าชนไปวางชิดรถทดลองคันที่ 1 ตรงตำ�แหน่งที่จะชนกัน แล้วจึงถอยรถคันที่ 2 ในแนวตรงกลับมาที่
ปลายราง
4. แรงที่ใช้ในการผลักรถทดลองคันที่ 2 ควรกระทำ�กับรถทดลองในช่วงสั้น ๆ ในลักษณะแรงดล ด้วย
ขนาดของแรงทีเ่ พียงพอให้วต
ั ถุเคลือ
่ นทีด
่ ว้ ยความเร็วคงตัวจนเข้าชน เนือ
่ งจากไม่ได้ปรับรางไม้เพือ
่ ชดเชย
238 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน ฟิสิกส์ เล่ม 2
จากแถบกระดาษที่ได้จากการทำ�กิจกรรม นำ�มาหาความเร็วก่อนการชนและความเร็วหลังการชนของ
รถทดลองแต่ละคัน แล้วคำ�นวณหาโมเมนตัมและพลังงานจลน์ บันทึกผลลงในตารางบันทึกผลการทำ�
กิจกรรมได้ดังตัวอย่างต่อไปนี้
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน 239
ก่อนการชน หลังการชน
แนวคำ�ตอบคำ�ถามท้ายกิจกรรม ตอนที่ 1
□ ผลรวมของโมเมนตัมก่อนการชนและผลรวมของโมเมนตัมหลังการชนในแต่ละกรณีเป็นอย่างไร
แนวคำ�ตอบ ผลรวมโมเมนตัมก่อนชนและหลังชนมีขนาดเท่ากันโดยประมาณ และมีทศ
ิ ทางเดียวกัน
□ ผลรวมของพลังงานจลน์ก่อนการชนและผลรวมของพลังงานจลน์หลังการชนในแต่ละกรณีเป็น
อย่างไร
แนวคำ�ตอบ ผลรวมพลังงานจลน์ก่อนชนและหลังชนมีค่าเท่ากันโดยประมาณ
240 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน ฟิสิกส์ เล่ม 2
ตอนที่ 2 การศึกษาผลรวมของโมเมนตัมและผลรวมของพลังงานจลน์จากการชนของรถที่ติดดินน้ำ�มัน
แนะนำ�ก่อนทำ�การทำ�กิจกรรม
1. แนะนำ�การทำ�กิจกรรมตอนที่ 2 เหมือนกับการทำ�กิจกรรมตอนที่ 1 แต่เปลี่ยนแผ่นเหล็กสปริงเป็น
ดินน้ำ�มัน
2. ติดดินน้ำ�มันท้ายรถทดลองตรงตำ�แหน่งที่เกิดการชนและไม่ควรใช้ดินน้ำ�มันก้อนใหญ่ เพราะทำ�ให้
มวลของรถเปลี่ยนไปมาก
ชวงที่เกิดการชน
รถคันที่ 2 มวล 1.00 กิโลกรัม ชนรถคันที่ 1 มวล 0.50 กิโลกรัม
ชวงที่เกิดการชน
รถคันที่ 2 มวล 1.50 กิโลกรัม ชนรถคันที่ 1 มวล 0.50 กิโลกรัม
ชวงที่เกิดการชน
รูป 6.4 ตัวอย่างจุดบนแถบกระดาษที่ติดกับรถทดลองซึ่งชนกันแบบไม่ยืดหยุ่น
เมื่อนำ�แถบกระดาษมาหาความเร็วก่อนการชนและความเร็วหลังการชน แล้วคำ�นวณหาโมเมนตัมและ
พลังงานจลน์ บันทึกผลลงในตารางไว้ดังตัวอย่างต่อไปนี้
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน 241
ก่อนการชน หลังการชน
ตอบคำ�ถามท้ายกิจกรรม ตอนที่ 2
□ ผลรวมของโมเมนตัมก่อนการชนและผลรวมของโมเมนตัมหลังการชนในแต่ละกรณี เป็นอย่างไร
แนวคำ�ตอบ ผลรวมโมเมนตัมก่อนชนและหลังชนมีขนาดประมาณเท่ากัน และมีทิศเดียวกัน
□ ผลรวมของพลังงานจลน์ก่อนการชนและผลรวมของพลังงานจลน์หลังการชนในแต่ละกรณีีเป็น
อย่างไร
แนวคำ�ตอบ ผลรวมพลังงานจลน์ก่อนชนมากกว่าหลังชนทุกกรณี
อภิปรายหลังการทำ�กิจกรรม
ครูให้นักเรียนตอบคำ�ถามท้ายกิจกรรม จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลการทำ�กิจกรรม 6.1
ตอนที่ 1 และตอนที่ 2 จนได้ข้อสรุปดังนี้
1. การชนในหนึ่งมิติทุกกรณี โมเมนตัมรวมของระบบคงตัว
2. การชนของรถทดลองที่ติดแผ่นเหล็กสปริงเป็นการชนที่ไม่มีการสูญเสียพลังงานจลน์ในระหว่าง
การชน นั่นคือ พลังงานจลน์รวมก่อนการชนเท่ากับพลังงานจลน์รวมหลังการชน ซึ่งแสดงว่าพลังงานจลน์
รวมของระบบคงตัว การชนในลักษณะนี้เรียกว่า การชนแบบยืดหยุ่น (elastic collision)
3. การชนของรถที่ติดดินน้ำ�มันเป็นการชนของวัตถุที่สูญเสียพลังงานจลน์ไประหว่างการชน นั่นคือ
พลังงานจลน์รวมก่อนการชนจะมากกว่าพลังงานจลน์รวมหลังการชน ซึ่งแสดงว่า พลังงานจลน์ส่วนหนึ่ง
หายไประหว่างการชน การชนในลักษณะนี้เรียกว่า การชนแบบไม่ยืดหยุ่น (inelastic collision)
ข้อแนะนำ�เพิ่มเติมสำ�หรับครู
ในการทำ�กิจกรรมทั้งสองตอนผลรวมของโมเมนตัมก่อนการชน และผลรวมของโมเมนตัมหลังการชน
ไม่เท่ากัน แต่มีค่าใกล้เคียงกันซึ่งมีสาเหตุที่อาจสรุปได้ดังนี้
1. การเลือกช่วงที่จะหาความเร็วก่อนการชนและหลังการชนผิดพลาดไป ความเร็วก่อนการชนจะต้อง
วัดจากช่วงจุดบนแถบกระดาษก่อนเกิดการชนเล็กน้อย และความเร็วหลังการชนจะต้องวัดเมื่อแผ่นเหล็ก
สปริงคลายตัวออกเต็มที่แล้ว หรือเมื่อดินน้�ำ มันยุบตัวแล้ว ความเร็วก่อนการชน และความเร็วหลังการชน
นั้น เป็นความเร็วตรงจุดที่เกิดการชน จากการทำ�กิจกรรมจะหาความเร็วตรงจุดที่เกิดการชนโดยตรงไม่ได้
จึงต้องหาความเร็วเฉลี่ยในช่วงเวลาสั้น ๆ ทั้งก่อนการชนและหลังการชนแทน ความเร็วเฉลี่ยที่หาได้มีค่า
เท่ากับความเร็วตรงจุดที่เกิดการชน
2. สำ�หรับกิจกรรม 6.1 ตอนที่ 1 นั้น ผลรวมของพลังงานจลน์ก่อนการชนและหลังการชนอาจไม่เท่า
กัน มีสาเหตุ คือ ความเร็วที่วัดได้ทั้งก่อนการชนและหลังการชนผิดพลาดไป ซึ่งเกิดจากการเลือกช่วงจุดที่
ใช้วัดความเร็วไม่ถูกต้อง และผลเกิดจากแรงเสียดทานของล้อรถทดลองด้วย
6.5.2 การดีดตัวแยกจากกันของวัตถุในหนึ่งมิติ
แนวการจัดการเรียนรู้
ครูนำ�เข้าสู่หัวข้อ 6.5.2 โดยตั้งคำ�ถามให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายว่า ฝักแห้งของพืชบางชนิด เช่น
ต้อยติ่ง เมื่อโดนน้�ำ ฝน ฝักจะดีดตัวออกจากกัน ทำ�ให้เมล็ดที่อยู่ภายในกระเด็นไป ในกรณีนี้โมเมนตัม
รวมของฝักเป็นไปตามกฎการอนุรักษ์โมเมนตัมหรือไม่ โดยครูเปิดโอกาสให้นักเรียนอภิปรายอย่างอิสระ
ไม่คาดหวังคำ�ตอบที่ถูกต้อง
ครูให้นักเรียนศึกษาระบบอยู่นิ่งแล้วเกิดการดีดตัวแยกจากกันทำ�ให้วัตถุในระบบเคลื่อนที่ออกจากกัน
โดยทำ�กิจกรรม 6.2 การทดลองเรื่องการดีดตัวแยกจากกันของวัตถุในแนวตรง
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน 243
จุดประสงค์
เพื่อศึกษาผลรวมของโมเมนตัมและผลรวมของพลังงานจลน์ของรถทดลองก่อนและหลังจาก
การดีดตัวแยกจากกัน
วัสดุและอุปกรณ์
1. รถทดลอง 2 คัน
2. รางไม้ 1 ราง
3. เครื่องเคาะสัญญาณเวลา 2 เครื่อง
4. หม้อแปลงโวลต์ต่ำ� 2 เครื่อง
5. แผ่นเหล็กสปริง 1 แผ่น
6. สายไฟพร้อมปากหนีบ 4 เส้น
7. แถบกระดาษและกระดาษคาร์บอน 2 ชุด
8. ด้าย 1 หลอด
9. แท่งเหล็ก 1 แท่ง
แนะนำ�ก่อนการทำ�กิจกรรม
1. กิจกรรมนีต
้ อ้ งใช้หม้อแปลงโวลต์ต�ำ่ และเครือ่ งเคาะสัญญาณเวลา กลุม
่ ละ 2 เครือ่ ง ในกิจกรรม
ถ้าเครื่องเคาะสัญญาณเวลามีจำ�นวนไม่เพียงพอ อาจให้นักเรียน 2 กลุ่มรวมกันเป็นกลุ่มเดียวก็ได้
2. เมือ
่ เอาด้ายผูกโยงรถทดลองสองคันให้อด
ั แผ่นเหล็กสปริงเข้าไปนัน
้ รถทัง้ สองคันต้องไม่อด
ั
แผ่นเหล็กสปริงมากเกินไปจนทำ�ให้ท้ายรถกระดก ทั้งนี้เพื่อให้รถทดลองทั้งสองคันวิ่งไปบนพื้นราง
ไม้อย่างสม่ำ�เสมอเมื่อตัดเชือกแล้ว
ตัวอย่างผลการทำ�กิจกรรม
จากการใช้รถทดลองมวล 0.50 กิโลกรัม อัดแผ่นเหล็กสปริงเข้ากับรถทดลองมวล 0.50 กิโลกรัมนัน
้
เมื่อตัดให้เชือกขาด แผ่นเหล็กสปริงจะคลายตัวดีดรถทั้งสองคันให้แล่นไปในทิศทางตรงข้ามกัน
จุดบนแถบกระดาษที่ติดไว้กับรถทดลองแต่ละคันจะมีลักษณะดังตัวอย่างในรูป 6.5
244 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน ฟิสิกส์ เล่ม 2
ชวงที่แผนเหล็ก ชวงที่แผนเหล็ก
สปริงคลายตัว สปริงคลายตัว
รูป 6.5 ตัวอย่างจุดบนแถบกระดาษที่ติดกับรถทดลองซึ่งดีดตัวแยกออกจากกัน
ก่อนการชน หลังการชน
แนวคำ�ตอบคำ�ถามท้ายกิจกรรม
□ ก่อนดีดตัวแยกจากกันในแต่ละกรณี รถทดลองทั้งสองมีผลรวมของโมเมนตัมและผลรวมของ
พลังงานจลน์เท่าใด
แนวคำ�ตอบ ก่อนดีดตัว ผลรวมของโมเมนตัมเป็นศูนย์ และผลรวมของพลังงานจลน์เป็นศูนย์
□ รถทดลองทั้งสองเคลื่อนที่อย่างไร หลังดีดตัวแยกจากกันในแต่ละกรณี
แนวคำ�ตอบ หลังดีดตัว รถทั้งสองเคลื่อนที่แยกจากกันในทิศทางตรงข้ามกัน
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน 245
□ ผลรวมของพลังงานจลน์หลังดีดตัวแยกจากกันในแต่ละครั้งเป็นอย่างไร
แนวคำ�ตอบ หลังดีดตัว ผลรวมของพลังงานจลน์มีค่ามากกว่าศูนย์
อภิปรายหลังการทำ�กิจกรรม
ครูให้นักเรียนตอบคำ�ถามท้ายกิจกรรม จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลการทำ�กิจกรรม 6.2
จนได้ข้อสรุปดังนี้
1. ก่อนตัดเส้นด้าย โมเมนตัมของรถทดลองทั้งสองคันเท่ากับศูนย์ และพลังงานจลน์ของรถทดลอง
ทั้งสองคันเท่ากับศูนย์ด้วย เพราะรถทดลองอยู่นิ่ง เมื่อตัดเส้นด้ายแล้วแผ่นเหล็กสปริงจะดีดตัวออก และ
ถ่ายโอนพลังงานศักย์ยด
ื หยุน
่ ให้แก่รถทดลองทัง้ สองคัน พลังงานศักย์ยด
ื หยุน
่ จะเปลีย่ นรูปเป็นพลังงานจลน์
ทำ�ให้รถทดลองทั้งสองคันเคลื่อนที่แยกจากกัน
2. ผลรวมของโมเมนตัมของรถทดลองก่อนการแยกตัวออกจากกันและหลังแยกตัวออกจากกันคงตัว
โดยเท่ากับศูนย์เช่นเดิม แต่พลังงานจลน์รวมของรถทดลองภายหลังการแยกตัวไม่เป็นศูนย์ เพราะ
รถทดลองทั้งสองต่างก็เคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงข้าม
ครูชี้แจงต่อไปว่าผลการทำ�กิจกรรม โมเมนตัมรวมของรถทดลองภายหลังการชนอาจไม่เท่ากับศูนย์ ซึ่ง
มีสาเหตุเดียวกับที่ได้กล่าวมาแล้วในกิจกรรม 6.1 ครูอาจนำ�คำ�อธิบายของสาเหตุเหล่านั้นมาทบทวนให้
นักเรียนรับรู้อีกครั้งหนึ่ง
ต่อจากนั้น ครูยกตัวอย่างของสถานการณ์ที่คล้ายกับกิจกรรม 6.2 ซึ่งแสดงไว้ดังรูป 6.12 ในหนังสือ
เรียน แล้วร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการอนุรักษ์โมเมนตัมและการเคลื่อนที่ของลูกโป่งขณะปล่อยอากาศ
ออก การเคลื่อนที่ของปลาหมึก และการเคลื่อนที่ของจรวด
ครูอธิบายตัวอย่าง 6.10 เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการคำ�นวณโมเมนตัมและพลังงานจลน์ในกรณี
ที่มีการยิงกระสุนเข้าไปฝังในเป้า จากนั้น อธิบายขั้นตอนการแก้ปัญหาเรื่องโมเมนตัมและการชนในหนึ่ง
มิติตามรายละเอียดในหนังสือเรียน แล้ว อธิบายตัวอย่าง 6.11 - 6.12
ครูให้นักเรียนตอบคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจและทำ�แบบฝึกหัด 6.5 โดยครูอาจมีการเฉลยคำ�ตอบ
และอภิปรายคำ�ตอบร่วมกัน
246 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน ฟิสิกส์ เล่ม 2
แนวการวัดและประเมินผล
1. ความรู้เกี่ยวกับการชนและการดีดตัวแยกจากคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจและแบบฝึกหัด 6.5
2. ทักษะการวัด การทดลอง การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป การทำ�งานเป็นทีม จากการ
อภิปรายร่วมกัน การทำ�กิจกรรม และแบบบันทึกผลการทำ�กิจกรรม 6.1 และ 6.2
3. ทักษะการสื่อสาร จากการนำ�เสนอผลการทำ�กิจกรรม 6.1 และ 6.2
4. ทักษะการแก้ปัญหาและการใช้จำ�นวน จากการทำ�โจทย์และคำ�นวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ
การชนและการดีดตัวแยกจากกันในหนึ่งมิติในแบบฝึกหัด 6.5
5. จิตวิทยาศาสตร์ ด้านความซื่อสัตย์ ความรอบคอบ และความรับผิดชอบ จากแบบบันทึกผลการทำ�
กิจกรรม 6.1 และ 6.2 และแบบฝึกหัด 6.5
6. จิตวิทยาศาสตร์ด้านความพยายามมุ่งมั่น และความร่วมมือช่วยเหลือ จากการทำ�กิจกรรม 6.1 และ
6.2 และการอภิปรายร่วมกัน
แนวคำ�ตอบคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจ 6.5
1. การชนแบบยืดหยุ่นและการชนแบบไม่ยืดหยุ่นเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร
แนวคำ�ตอบ การชนทั้ ง แบบยื ด หยุ่ น และการชนแบบไม่ ยื ด หยุ่ น มี โ มเมนตั ม ของระบบ
คงตัว หรือเป็นไปตามกฎการอนุรักษ์โมเมนตัมเหมือนกัน และการชนแบบยืดหยุ่น มี
พลังงานจลน์ของระบบคงตัวหรืออนุรก
ั ษ์พลังงานจลน์ แต่การชนแบบไม่ยด ื หยุน
่ พลังงานจลน์
ของระบบไม่คงตัวหรือไม่มีการอนุรักษ์พลังงานจลน์
3. การชนกันของวัตถุแล้วติดกันไปเป็นการชนแบบยืดหยุ่นหรือการชนแบบไม่ยืดหยุ่น เพราะ
เหตุใด
แนวคำ�ตอบ เป็นการชนแบบไม่ยืดหยุ่น เพราะสูญเสียพลังงานจลน์ภายหลังชน
4. ถ้าวัตถุมวลมากชนวัตถุมวลน้อยกว่าที่อยู่นิ่ง โมเมนตัมของวัตถุทั้งสองจะเปลี่ยนหรือไม่
อย่างไร
แนวคำ�ตอบ ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะการชนมีการอนุรักษ์โมเมนตัมเสมอ ไม่ขึ้นอยู่กับ
มวลของวัตถุ
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน 247
เฉลยแบบฝึกหัด 6.5
ข. วิธีทำ� หลังชน โมเมนตัมของรถทดลอง A pA = (1.0 kg )(0.3 m/s)
= 0.3 kg m/s
248 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน ฟิสิกส์ เล่ม 2
โมเมนตัมของรถทดลอง B pB = (0.5 kg )(0.4 m/s)
= 0.2 kg m/s
ตอบ หลังชน โมเมนตัมของรถทดลอง A เท่ากับ 0.3 กิโลกรัม เมตรต่อวินาที ทิศไปทางขวา
โมเมนตัมของรถทดลอง B เท่ากับ 0.2 กิโลกรัม เมตรต่อวินาที ทิศไปทางขวา
1 2
ค. วิธีทำ� พลังงานจลน์ของวัตถุ หาได้จากสมการ Ek =
mv
2
1
ก่อนชน พลังงานจลน์ของรถทดลอง A Ek A = mA vA2
2
1
= (1.0 kg )(0.8 m/s) 2
2
= 0.32 J
1
mBvB2
พลังงานจลน์ของรถทดลอง B Ek B =
2
1
= (0.5 kg )(0.6 m/s) 2
2
= 0.09 J
1
ง. วิธีทำ� หลังชน พลังงานจลน์ของรถทดลอง A Ek A = mA vA2
2
1
= (1.0 kg )(0.3 m/s) 2
2
= 0.045 J
1
พลังงานจลน์ของรถทดลอง B Ek B = mBvB2
2
1
= (0.5 kg )(0.4 m/s) 2
2
= 0.04 J
pA +pB = pAB
= (mA + mB )vAB
แทนค่า จะได้
0.6 kg m/s + 0 = (1 kg + 0.5 kg )vAB
vAB = 0.4 m/s
ค. วิธท
ี �ำ หลังชน รถทดลองทัง้ สองเคลือ่ นทีต
่ ด
ิ กันไปด้วยความเร็ว 0.4 เมตรต่อวินาที ในทิศทางขวา
แทนค่า จะได้ว่า
1
พลังงานจลน์ของรถทดลอง A Ek A =
mA vA2
2
1
= (1.0 kg )(0.4 m/s) 2
2
= 0.08 J
1
พลังงานจลน์ของรถทดลอง B Ek B = mBvB2
2
1
= (0.5 kg )(0.4 m/s) 2
2
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน 251
= 0.04 J
5 m/s 5 m/s
ข. 3 3 3 3
วิธีทำ� ถ้าการชนเป็นการชนแบบยืดหยุ่นสมบรูณ์จะได้ว่า
1. pi = p f
2. Ek i = Ek f
โดย pi เป็นโมเมนตัมของระบบก่อนชน และ p f เป็นโมเมนตัมของระบบหลังชน และ
เป็น Ek พลังงานจลน์ของระบบก่อนชน และ Ek f เป็นพลังงานจลน์ของระบบหลังชน
i
pi pf
ก. (5 kg)(6 m/s) + (3 kg)(-10 m/s) = 0 kg m/s (5 kg)(3 m/s) + (3 kg)(-5 m/s) = 0 kg m/s
ข. (3 kg)(5 m/s) + (3 kg)(0 m/s) = 15 kg m/s (3 kg)(0 m/s) + (3 kg)(5 m/s) = 15 kg m/s
ค. (6 kg)(6 m/s) + (3 kg)(0 m/s) = 36 kg m/s (6 kg)(2 m/s) + (3 kg)(8 m/s) = 36 kg m/s
pi pf
1 1 1 1
ก. (5 kg)(6 m/s)2 + (3 kg)(10 m/s)2 = 240 J (5 kg )(3 m/s) 2 + (3 kg )(5 m/s) 2 = 60 J
2 2 2 2
1 1
ข. (3 kg)(5 m/s) + 0 = 37.5 J
2
0 + (3 kg )(5 m/s) 2 = 37.5 J
2 2
1 1 1
ค. (6 kg)(6 m/s)2 + 0 = 108 J (6 kg )(2 m/s) 2 + (3 kg )(8 m/s) 2 = 108 J
2 2 2
ตอบ ข. และ ค. เป็นการชนแบบยืดหยุ่น เพราะ pi = p f และ Ek i = Ek f
พลังงานที่สูญเสียไปจากการชน ∆Ek = Ek f − Ek i
1 1 1
= m1u12 + m2u22 − (m1 + m2 )v 2
2 2 2
1 1
= (1.0 kg )(0.4 m/s) 2 − (1.0 kg+1.0 kg )(0.2 m/s) 2
2 2
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน 253
= 0.08 J − 0.04 J
= 0.04 J
ตอบ พลังงานที่สูญเสียไปจากการชน 0.04 จูล
m1 a2
=
m2 a1
m1 3 m/s
=
m2 4 m/s
เฉลยแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 6
คำ�ถาม
1. ในชีวิตประจำ�วัน ในช่วงใดที่นักเรียนมีโมเมนตัม
แนวคำ�ตอบ ช่วงที่ร่างกายมีการเคลื่อนที่ ไม่ว่าจะเป็น ช่วงเวลาเดิน วิ่ง ลุกขึ้นยืน
2. เป็นไปได้หรือไม่ ที่รถจักรยานจะมีโมเมนตัมมากกว่ารถจักรยานยนต์
แนวคำ�ตอบ เป็นไปได้ ถ้ารถจักรยานทีม
่ ม
ี วลน้อยกว่ารถจักรยานยนต์ เคลือ่ นทีด่ ว้ ยความเร็วเพียงพอ
5. ถ้าทำ�ให้วัตถุซึ่งกำ�ลังเคลื่อนที่ให้มีขนาดของความเร็วเพิ่มขึ้น ทิศทางของแรงลัพธ์ที่กระทำ�ต่อ
วัตถุกับทิศทางของความเร็วเดิมของวัตถุจะเป็นอย่างไร และถ้าต้องการทำ�ให้วัตถุนั้นมีขนาด
ของความเร็วลดลงหรือหยุดการเคลื่อนที่ ทิศทางของแรงลัพธ์ที่กระทำ�ต่อวัตถุกับทิศทางของ
ความเร็วเดิมของวัตถุจะเป็นอย่างไร โดยทั้งสองกรณีวัตถุจะไม่เปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่ จงเขียน
เวกเตอร์ประกอบคำ�อธิบายในแต่ละกรณี
แนวคำ�ตอบ วัตถุก�ำ ลังเคลื่อนที่มีขนาดของความเร็วเพิ่มขึ้น
v1 v2
รูป ทิศของความเร็ว v1 ต่อมามีความเร็วเป็น v2
ทิศทางของความเร็วที่เปลี่ยนไป หาได้จากการลบเวกเตอร์ v2 − v1 ทิศทาง
ของความเร็วที่เปลี่ยนไปมีทิศทางเดียวกับทิศทางของความเร็วเดิม ดังนั้นแรงลัพธ์
จึงมีทิศทางเดียวกับทิศทางของความเร็วเดิม
v2
∆v -v1
รูป ทิศของ
v1 v2
รูป ทิศของความเร็ว v1 ต่อมามีความเร็วเป็น v2
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน 255
ความเร็วที่เปลี่ยนไปหาได้จาก v2 − v1
∆v v2
-v1
รูป ทิศของ
ความเร็วที่เปลี่ยนไปมีทิศทางตรงข้ามกับทิศทางของความเร็วเดิม ดังนั้นทิศทางของ
แรงลัพธ์ที่กระทำ�ต่อวัตถุมีทิศทางตรงกันข้ามกับทิศทางของความเร็วเดิมด้วย
6. ปัจจุบันมีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม โดยให้ลมปะทะกังหันลมที่ต่อกับเครื่องกำ�เนิดไฟฟ้า
เพื่อผลิตไฟฟ้า การหมุนของกังหันเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนโมเมนตัมหรือไม่ อย่างไร
แนวคำ�ตอบ โมเมนตัมเป็นปริมาณเวกเตอร์ซึ่งมีทั้งขนาดและทิศทาง และเป็นผลคูณระหว่าง
ความเร็วกับมวลของวัตถุ การหมุนของกังหันทำ�ให้ใบพัดของกังหันมีการเคลื่อนที่
แบบวงกลม ขนาดและทิศทางของความเร็วของใบพัดมีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น
การหมุนของกังหันจึงเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนโมเมนตัม
7. เหตุใดที่สนามแข่งรถความเร็วสูงที่ด้านข้างถนนจึงมีกองฟางหรือยางรถยนต์วางกองไว้
รูปประกอบคำ�ถามข้อ 7
ปัญหา
EkA = 2EkB
1 1
mA vA2 = 2 mBvB2
2 2
1 2 1
แต่ mB = 2mA จะได้ mA vA = 2 (2mA )vB2
2 2
vA = 2vB
กอนชน หลังชน
4u
u
v =
5 ให้ทิศทางไปทางขวามีค่าเป็นบวก
= mv − mu
4
= m − u − mu
5
4
= − mu − mu
5
9
= − mu
5
9
ตอบ โมเมนตัมของวัตถุที่เปลี่ยนไปมีขนาดเท่ากับ mu
5
v y2 =
v y =
mv − mu
จาก F =
∆t
400 400
( kg)( −5 m/s) − ( kg )( +5 m/s)
−80 kg m/s 2 = 1000 1000
∆t
−80 kg m/s 2 = ( −2 kg m/s) − ( 2 kg m/s)
∆t
−4
= s
−80
260 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน ฟิสิกส์ เล่ม 2
= 0.05 s
h
2h
3
รูปประกอบคำ�ถามข้อ 5
อัตราส่วนของโมเมนตัมก่อนกระทบพื้นต่อโมเมนตัมขณะกระดอนขึ้นเป็นเท่าใด
วิธีทำ� เขียนแผนภาพความเร็วตอนกระทบพื้นและขณะกระดอนขึ้นจากพื้น ได้ดังนี้
v2
กอนกระทบพื้น
พื้น พื้น
ขณะกระดอน
v1 ขึ้นจากพื้น
เมื่อ v1 เป็นความเร็วก่อนกระทบพื้น
v2 เป็นความเร็วขณะกระดอนขึ้นจากพื้น
โมเมนตัมก่อนกระทบพื้น p1 = mv1
โมเมนตัมขณะกระดอนขึ้น p2 = mv2
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน 261
อัตราส่วนของโมเมนตัมก่อนกระทบพื้นต่อโมเมนตัมขณะกระดอนขึ้น
p1 mv1
=
p2 mv2
p1 v
= 1 (1)
p2 v2
คิดขาลง หา v1 จาก v 2 =
จะได้ v12 =
v1 =
คิดขาขึ้น หา v2 จาก v 2 =
จะได้ 0 =
v2 =
v1 3
= = (2)
v2 2
p1 3
จาก (1) และ (2) จะได้ =
p2 2
ตอบ อัตราส่วนของโมเมนตัมก่อนกระทบพื้นต่อโมเมนตัมขณะกระดอนขึ้นจากพื้นเป็น 3
2
6. ลูกปืนมวล 10 กรัม ถูกยิงออกไปจากปืนมวล 800 กรัม ในแนวระดับด้วยความเร็ว
400 เมตรต่อวินาที เพื่อให้ปืนหยุดนิ่งในมือผู้ยิงภายในเวลา 2.50 มิลลิวินาที แรงที่ปืนกระทำ�ต่อ
มือมีค่าเท่าใด
วิธีท�ำ เมื่อยิงลูกปืนมวล m = 10 g ออกไปในแนวระดับด้วยความเร็ว v ขนาด 400 m/s
ปืนมวล M = 800 g จะเคลื่อนที่ในทิศตรงข้ามด้วยความเร็ว v1 ดังรูป
262 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน ฟิสิกส์ เล่ม 2
v1 v
m
F
M
จากกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม
pi = p f
กำ�หนดให้ทิศทางไปทางขวามีค่าเป็นบวก (+) ทิศทางไปทางซ้ายมีค่าเป็นลบ (-)
แทนค่า จะได้
0 = mv + Mv1
m
v1 = − v
M
10 g
v1 = − (400 m/s)
800 g
v1 = −5 m/s
ถ้า F เป็นแรงที่มือผู้ยิงกระทำ�ต่อปืน เพื่อให้ปืนหยุดนิ่งในมือ ( v2 = 0 ) ภายในเวลา
จากหลักการดลและโมเมนตัม จะได้
= Mv2 − Mv1
F (2.50 × 10−3 s) = 0 − (800 × 10−3 kg )(−5 m/s)
F = 1.60 × 103 N
ตอบ แรงที่มือกระทำ�ต่อปืนเท่ากับ 1600 นิวตัน
v
v 2
ก่อนถูกแรงกระทำ� ภายหลังถูกแรงกระทำ�ทันที
กำ�หนดให้เวกเตอร์มท
ี ศ
ิ ทางขวามือมีเครือ
่ งหมายบวก (+) ทิศทางซ้ายมือมีเครือ
่ งหมายลบ (-)
ให้ m เป็นมวลของลูกบอล
u เป็นขนาดความเร็วก่อนถูกแรงกระทำ�มีค่าเท่ากับ v
v เป็นขนาดความเร็วภายหลังถูกแรงกระทำ�มีค่าเท่ากับ v
2
จากสมการ F =
v
แทนค่า F = m − 2 − m(v)
t
3
= − 2 mv
t
3 mv
= −
2 t
3mv
ตอบ แรงเฉลี่ยที่ก�ำ แพงกระทำ�ต่อลูกบอลเท่ากับ ทิศออกจากกำ�แพง
2t
อัตราส่วนระหว่างโมเมนตัมที่เปลี่ยนไปต่อเวลา หรือ
เขียนแผนภาพก่อนชนและหลังชนผนัง ได้ดังนี้
264 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน ฟิสิกส์ เล่ม 2
กอนชน หลังชน
u = +20 m/s v = −15 m/s
mu mv
กำ�หนดให้เวกเตอร์มท
ี ศ
ิ ทางขวามือมีเครือ
่ งหมายบวก (+) ทิศทางซ้ายมือมีเครือ
่ งหมายลบ (-)
จากภาพ โมเมนตัมที่เปลี่ยนไป = โมเมนตัมหลังชน – โมเมนตัมก่อนชน
= mv − mu
แทนค่า = (0.1 kg )(−15 m/s) − (0.1 kg )(+20 m/s)
= −1.5 kg m/s − 2.0 kg m/s
= −3.5 kg m/s
จาก แรงดลเฉลี่ย
−3.5 kg m/s
แทนค่า F = 1 = −70 N
s
20
ตอบ ขนาดของแรงดลเฉลี่ยที่ผนังกระทำ�ต่อลูกบอลมีค่าเท่ากับ 70 นิวตัน
โมเมนตัม p
อนุภาค
10
0 เวลา (s)
5 10 15
รูปประกอบปัญหาข้อ 10
จงหา
ก. ความชันของกราฟในช่วง 0-5 วินาที 5-10 วินาที และ 10-15 วินาที
ข. ขนาดของการดลที่กระทำ�ต่อวัตถุในช่วง 0-5 วินาที 5-10 วินาที และ 10-15 วินาที
ค. ขนาดของแรงลัพธ์ที่กระทำ�ต่อวัตถุในช่วงเวลา 0-5 วินาที และ 10-15 วินาที
266 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน ฟิสิกส์ เล่ม 2
ก. หาความชันของกราฟ
วิธีทำ� จาก ความชันของกราฟ
(20 − 0)
ในช่วง 0 - 5 วินาที ความชันของกราฟ =
(5 − 0)
= 4
(20 − 20)
ในช่วง 5 - 10 วินาที ความชันของกราฟ =
(10 − 5)
= 0
(10 − 20)
ในช่วง 10 - 15 วินาที ความชันของกราฟ =
(15 − 10)
= − 2
ตอบ ความชันของกราฟในช่วง 0-5 วินาที 5-10 วินาที และ 10-15 วินาที เท่ากับ 4, 0 และ -2
ตามลำ�ดับ
ในช่วง 5 - 10 วินาที I = 20 kg m/s − 20 kg m/s
= 0 kg m/s
ในช่วง 10 - 15 วินาที I = 10 kg m/s − 20 kg m/s
= −10 kg m/s
ตอบ ขนาดของการดลที่กระทำ�ต่อวัตถุในช่วง 0-5 วินาที 5-10 วินาที และ 10-15 วินาที เท่ากับ
20 กิโลกรัม เมตรต่อวินาที, 0 กิโลกรัม เมตรต่อวินาที และ -10 กิโลกรัม เมตรต่อวินาที ตามลำ�ดับ
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน 267
ค. หาขนาดของแรงลัพธ์ที่กระทำ�ต่อวัตถุ
วิธีทำ� จาก
จัดรูปสมการ จะได้
20 kg m/s
ในช่วง 0 - 5 วินาที F =
5s
= 4N
0 kg m/s
ในช่วง 5 - 10 วินาที F =
5s
= 0 N
−10 kg m/s
ในช่วง 10 - 15 วินาที F =
5s
= −2N
ตอบ ขนาดแรงลัพธ์ที่กระทำ�ต่อวัตถุในช่วง 0-5 วินาที 5-10 วินาที และ 10-15 วินาที เท่ากับ
4 นิวตัน 0 นิวตัน และ 2 นิวตัน ตามลำ�ดับ
u =u10 u =m/s
= 10
m/s 10 m/s + + + v =v15 v =m/s
= 15
m/s 15 m/s
ก่อนถูกแรงกระทำ� ภายหลังถูกแรงกระทำ�ทันที
268 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน ฟิสิกส์ เล่ม 2
u = 2gH
จะได้โมเมนตัมก่อนถูกแรงกระทำ� p1 = m 2 gH ทิศลง
โมเมนตัมภายหลังถูกแรงกระทำ� p= 2 mv
= 0 kg m s
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน 269
หาการดลจาก I =
= p2 − p1
แทนค่า I = p2 − (− p1 )
= 0 − (−m 2 gH )
= +m 2 gH
ตอบ การดลมีขนาดเท่ากับ m 2 gH
F(N)
600
300
t(s)
0.01
รูปประกอบปัญหาข้อ 13
ก. พื้นที่ใต้กราฟระหว่างแรงกับเวลามีค่าประมาณเท่าใด
ข. การดลมีขนาดประมาณเท่าใด
ค. ถ้าแรงเฉลี่ยเท่ากับ 300 นิวตัน ความเร็วของลูกบอลภายหลังกระทบไม้มีขนาดเท่าใด
v
ก่อนชน หลังชน
มวลของลูกเทนนิส m = 0.2 kg
โมเมนตัมก่อนถูกแรงกระทำ�
mu = (0.2 kg)(10 m/s)
= 2 kg m/s
โมเมนตัมภายหลังถูกแรงกระทำ�
mv = (0.2 kg)v
จากสมการ = mv − mu
(−300 N)(0.01s) = (0.2 kg)v − 2 kg m/s
−3 kg m/s + 2 kg m/s = (0.2 kg)v
v = −5.0 m/s
ตอบ ขนาดของความเร็วเท่ากับ 5.0 เมตรต่อวินาที
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน 271
ก. วิธีทำ� ลูกเบสบอลมวล m เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว u ในแนวระดับไปทางซ้าย แล้วถูกไม้ตีออก
ไปทำ�ให้ลูกเบสบอลเคลื่อนที่ไปทางขวาด้วยความเร็ว v ดังรูป
u v
ถ้า Fav เป็นแรงเฉลี่ยที่ไม้ตีกระทำ�ต่อลูกเบสบอลในช่วงเวลา และ I เป็นการดล
ของแรง F จะได้ ซึ่งมีขนาดดังนี้
I = F ∆t
I = (7.25 ×103 N)(2.0 ×10−3 s)
I = 14.50 N s
ตอบ การดลของแรงเฉลี่ยที่ไม้ตีกระทำ�ต่อลูกเบสบอลเท่ากับ 14.5 นิวตัน วินาที
ข. วิธีทำ� ให้ F เป็นแรงที่ทำ�ให้ลูกเบสบอลเปลี่ยนค่าโมเมนตัม จาก mu เป็น mv
หาความเร็ว v ทีล่ ก ู เบสบอลถูกไม้ตอ
ี อกไปจากสมการ I = F ∆t = mv − mu
กำ�หนดให้ ความเร็วที่มีทิศไปทางขวามีเครื่องหมาย บวก ไปทางทิศไปทางซ้าย
มีเครื่องหมาย ลบ แทนค่า จะได้
14.50 N s = (0.145 kg )v − (0.145 kg)(−40 m/s)
(0.145 kg )v = 8.7 kg m/s
v = 60 m/s
ตอบ ขนาดของความเร็วที่ลูกเบสบอลถูกไม้ตีออกไปเท่ากับ 60 เมตรต่อวินาที
272 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน ฟิสิกส์ เล่ม 2
ก่อนชน หลังชน
16. มวล M เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว u บนพื้นลื่น ชนมวล m ที่อยู่นิ่ง ดังรูป
M
m
รูปประกอบปัญหาข้อ 16
หัวกระดาษ
6 cm 10 cm
รูปประกอบปัญหาข้อ 17
ก. ก่อนเข้าชน รถ A มีอัตราเร็วเท่าใด
ข. หลังชน รถทั้งสองเคลื่อนที่ติดกันไป มีอัตราเร็วเท่าใด
ค. รถ B มีมวลเท่าใด
ก. วิธท
ี �ำ การชนของรถเป็นไปตามกฎการอนุรก
ั ษ์โมเมนตัม โมเมนตัมของรถทัง้ สองก่อนชนเท่ากับ
v
โมเมนตัมของรถทั้งสองหลั งชน
แถบกระดาษ
A B
เวลาระหว่าง 1 ช่วงจุดของเครื่องเคาะสัญญาณเวลาคือ 1/50 วินาที
ให้ความเร็วรถ A ก่อนชนเป็น u และความเร็
ภาพหลังชน วรถ A และ B หลังชนเป็น v
u uB=0
แถบกระดาษ
A B
ภาพกอนชน
v
แถบกระดาษ
A B
ภาพหลังชน
u uB=0
แถบกระดาษ
A B
274 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน ฟิสิกส์ เล่ม 2
ระดับ ทำ�ให้ทั้งหญิงและวัตถุมีความเร็ว
u
โดยวัตถุมีความเร็ว และหญิง
มีความเร็ว v ดังรูป
v 60o
ucos60o
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน 275
ก่อนชน หลังชน
ผลรวมของพลังงานจลน์ก่อนชน = ผลรวมของพลังงานจลน์หลังชน
1 1 1
(1.0 kg)(4.0 m/s) 2 + 0 = (1.0 kg)(3.0 m/s) 2 + (7.0 kg)(1.0 m/s) 2
2 2 2
16.0 J = 9.0 J + 7.0 J
16.0 J = 16.0 J
แสดงว่าเป็นการชนแบบยืดหยุ่นสมบูรณ์ เพราะพลังงานจลน์ของระบบคงตัว
ตอบ การชนกันของวัตถุทั้งสองเป็นการชนแบบยืดหยุ่นสมบูรณ์ เพราะพลังงานจลน์ของระบบ
คงตัว
10 g
รูปประกอบปัญหาข้อ 20
ถ้าลูกปืนฝังในแท่งไม้ จงหาพลังงานที่สูญเสียไปในการชนกันระหว่างลูกปืนและแท่งไม้
วิธีทำ� ถ้า u เป็นความเร็วของลูกปืนก่อนชน และ v เป็นความเร็วของแท่งไม้และลูกปืนหลังชน
กำ�หนดให้ ความเร็วที่มีทิศไปทางขวามีเครื่องหมาย บวก ไปทางซ้ายมีเครื่องหมาย ลบ
จากกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม
pi = p f
m1u1 + m2u2 = ( m1 + m2 ) v
(0.010 kg )(500 m/s) + 0 = (0.010 kg + 2.0 kg )v
v = 2.49 m/s
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน 277
ถ้า เป็นพลังงานจลน์ที่เปลี่ยนไปจากการชนกัน
= Ek2 − Ek1
= 6.23 J − 1250 J
= −1243.77 J
=
ตอบ พลังงานจลน์ที่สูญเสียไปเท่ากับ 1.244 × 103 จูล
กอนชน หลังชน
u v
m m m m
จากกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม
pi = p f
mu + 0 = mv + mv
u
จะได้ v =
2
1
พลังงานจลน์ก่อนชน Ek1 = mu 2
2
1
พลังงานจลน์หลังชน Ek2 = ( 2m ) v 2
2
u 1 u2 1
แทนค่า v = Ek2 = ( 2m ) = mu 2
2 2 4 4
1
= Ek2 − Ek1 = − mu 2
4
1
มีค่าติดลบ แสดงว่า พลังงานของระบบมีค่าลดลง และลดลง− mu 2
4
จะเห็นว่า พลังงานจลน์ของระบบหลังชนมีค่าน้อยกว่าพลังงานจลน์ของระบบก่อนชน แสดงว่าการ
ชนนี้เป็นการชนแบบไม่ยืดหยุ่น
(เซนติเมตร)
0 5 10 15
รูปประกอบปัญหาข้อ 23
ข. วิธท
ี �ำ เนือ
่ งจากการทดลองนีเ้ ป็นการทดลองบนพืน
้ ราบไม่มค
ี วามเสียดทาน จึงไม่มแี รงภายนอก
กระทำ�ต่อระบบ จึงพิจารณาใช้กฎการอนุรักษ์โมเมนตัม ได้ ซึ่งจะได้ว่า
pi = p f
mA u = ( mA + mB ) v
∆x1 ∆x
mA = ( mA + mB ) 2 (a)
∆t1 ∆t2
∆x1 = ระยะทางใน 4 ช่วงจุดของช่วงต้นแถบกระดาษ = 8 cm = 0.08 m
∆x2 = ระยะทางใน 4 ช่วงจุดของช่วงปลายแถบกระดาษ = 5 cm = 0.05 m
4
t = s = 0.08 s
40
280 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน ฟิสิกส์ เล่ม 2
mB = 0.3 kg
หา v2 จาก pi = p f
mv =
m m
v1 + v2
2 2
60 m/s v2
20 m/s = +
2 2
v2 = 20 m/s
หาระยะที่วัตถุเคลื่อนที่ได้จาก
∆y = u y t +
1 2
a yt
2
1
คิดก้อนแรกลง ∆y1 = (60 m/s)(2 s) + (9.8 m/s 2 )(2 s) 2
2
= 120 m + 19.6 m
= 139.6 m
1
คิดก้อนที่สองขึ้น ∆y2 = (20 m/s)(2 s) − (9.8 m/s 2 )(2 s) 2
2
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน 281
= 40 m − 19.6 m
= 20.4 m
u
m M
รูปประกอบปัญหาข้อ 25
วิธีทำ� จากกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม pi = p f
mu + 0 = (m + M )v
mu
v =
(m + M )
1
พลังงานจลน์ของระบบ Ek = ( M + m)v 2
2
2
1 mu
= ( M + m)
2 M + m
1 mu 2
= mu
2 M + m
1 m
ตอบ เมื่อ m กับ M ใกล้กันมากที่สุด พลังงานจลน์ของระบบเท่ากับ mu 2
2 M + m
282 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน ฟิสิกส์ เล่ม 2
m1 = 8 kg m2 = 2 kg m1 = 8 kg m2 = 2 kg
= 1700 J
1 1
หลังชน Ek f = m1v12 + m2v22
2 2
1 1
= (8 kg)(10 m/s) 2 + (2kg)(30 m/s) 2
2 2
= 400 kg m 2 /s 2 + 900 kg m 2 /s 2
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน 283
= 1300 J
= 400 J
27. ลูกปืนมวล 4 กรัม มีความเร็ว 1000 เมตรต่อวินาที ยิงทะลุแผ่นไม้มวล 600 กรัม ที่ห้อยแขวนไว้
ด้วยเชือกยาว หลังจากทะลุแผ่นไม้ ลูกปืนมีความเร็ว 400 เมตรต่อวินาที จงหาว่าแท่งไม้จะแกว่ง
ขึ้นไปสูงจากจุดหยุดนิ่งเท่าใด
วิธีทำ� กำ�หนดให้ เวกเตอร์ที่มีทิศไปทางขวามีเครื่องหมาย บวก ไปทางซ้ายมีเครื่องหมาย ลบ
จาก pi = p f
v3 = 4 m/s
จากกฎการอนุรักษ์พลังงาน E = Ek + Ep = ค่าคงตัว
1
m2v 2 = m2 gh
2
1
v 2 = gh
2
1
(4 m/s) 2 = (9.8 m/s) 2 h
2
284 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน ฟิสิกส์ เล่ม 2
h = 8 m
9.8
= 0.82 m
ปัญหาท้าทาย
50 m/s
60
50 m/s
รูปประกอบปัญหาข้อ 28
จงหาขนาดและทิศทางของการดลของแรงที่กระทำ�ต่อลูกยาง
วิธีทำ� ถ้า mu และ mv เป็นโมเมนตัมของลูกยางก่อนกระทบไม้ตีและหลังถูกไม้ตีออกไป
ตามลำ�ดับ เป็นโมเมนตัมของลูกยางที่เปลี่ยนไป
จะได้ = mv − mu
หรือ mv = mu + ∆p
mu mv และ มีความสัมพันธ์กัน ดังรูป
β
∆p
mv
α 120 60
mu
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน 285
= 1.732 kg m/s
ถ้า I เป็นขนาดของการดลของแรง F ที่ไม้ตีกระทำ�ต่อลูกยาง
I = F ∆t
= 1.732 N s
เนื่องจาก mu และ mv มีขนาดเท่ากัน ดังนั้น α = β
นั่นคือ I มีทิศเดียวกับ ซึ่งทำ�มุม 30 กับแนวระดับ
เขียนแผนภาพโมเมนตัมของทั้งสามส่วน ได้ดังนี้
p1,2
p1
p2
p3
p1,2 = 25 kg m/s
จากรูป p3 = p1,2
v3 = 12.5 m/s
30. ลูกเทนนิสมีโมเมนตัม p1 กระทบพื้นและสะท้อนออกด้วยโมเมนตัม p2 โดยโมเมนตัมทั้งสอง
มีทิศทางตั้งฉากกัน ดังรูป
p2
p1
รูปประกอบปัญหาข้อ 30
ถ้าเวลาทีล่ กู เทนนิสกระทบพืน
้ นาน t แรงเฉลีย่ ทีพ
่ น
้ื กระทำ�ต่อลูกเทนนิสมีขนาดเท่าใด ในเทอม
p1 , p2 และ t
วิธท
ี �ำ แรงเฉลีย่ ทีพ
่ น
้ื กระทำ�ต่อลูกเทนนิสเพือ
่ ทำ�ให้ลก
ู บอลเปลีย่ นแปลงโมเมนตัมจาก p1 เป็น p2
หาได้จากอัตราการเปลี่ยนแปลงโมเมนตัมของลูกเทนนิส ตามสมการ
Fav = (b)
เนื่องจากโมเมนตัมก่อนและหลังถูกแรงกระทำ�ไม่ได้อยู่ในแนวเดิม จึงต้องบวกเวกเตอร์ตาม
หลักการรวมเวกเตอร์ โดยการเขียนรูป
-p1
∆p
p2
จากสมการ p2 − p1 = p2 + (− p1 )
p2 − p1 = (c)
= p12 + p22
θ l
u
l - lcosθ
m M
E1 = E2
1
( m + M )v 2 =
2
v =
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน 289
ตอบ อัตราเร็วของลูกปืนก่อนชนเป้าเท่ากับ
32. วัตถุ A และ B มีมวลเท่ากัน 0.1 กิโลกรัม วัตถุ A เคลื่อนที่เข้าชนวัตถุ B ที่อยู่นิ่ง ด้วยความเร็ว
20 เมตรต่อวินาที ดังรูป
20 m/s
A B
รูปประกอบปัญหาข้อ 32
= 10 m/s
p = mv
p = (0.1 kg )(10 m/s)
= 1.0 kg m/s
ตอบ หลังการชน 5 วินาที โมเมนตัมของวัตถุ B มีค่า 1.0 กิโลกรัม เมตรต่อวินาที ไปทางขวา
pi = p f
(0.005 kg)(1000 m/s) + 0 = (5 kg + 0.005 kg)v
5 kg m/s = (5.005 kg)v
v = 1.0 m/s
แท่งไม้ที่มีลูกปืนฝังอยู่เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 1.0 m/s
พิจารณาการเคลื่อนที่ของแท่งไม้กับลูกปืนที่ติดกันบนพื้นระดับ ด้วยความเร็ว v1 เท่ากับ v
แล้วเปลี่ยนเป็น v2 เท่ากับ 0 ได้การกระจัดเป็น s ดังรูป
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน 291
v1 = 1.0 m/s
v2 = 0 m/s
fk
∆x
งานเนื่องจากแรงลัพธ์หาได้จากพลังงานจลน์ของวัตถุที่เปลี่ยนไป
W =
1 2 1 2
= mv2 − mv1
2 2
1
= 0 − mv12
2
1 2
= mv1
2
= (1.0 m / s) 2
2(0.2)(9.8 m / s 2 )
= 0.25 m
หลังการระเบิดมวลส่วนแรก มีค่าเท่ากับ m
โมเมนตัมของมวลส่วนแรก มีค่าเท่ากับ 3 3mv
หลังการระเบิดมวลส่วนที่สอง มีค่าเท่ากับ 2m
โมเมนตัมของมวลส่วนที่สอง มีค่าเท่ากับ 2mv2
สมมติให้ทิศทางการแยกออกจากกันเป็นดังรูป และกำ�หนดให้ ความเร็วที่มีทิศไปทางขวา
หรือทิศขึ้นมีเครื่องหมาย บวก ทิศไปทางซ้ายหรือทิศลงมีเครื่องหมาย ลบ
3 3mv
3mv สวนแรก
2mv2 cos θ
สวนที่สอง θ
2mv2sin θ
2mv2
pi = p f
แกน x ; 3mv =
3v = (e)
แกน y ; 0 =
3 3v =
3 3v = (f)
สมการ (f ) 3 =
(e)
q = 60o
1.0 m
(2)
(1)
u h
m
M+m v
สามารถหาขนาดของ v ได้จากกฎการอนุรก
ั ษ์โมเมนตัม กำ�หนดให้ ความเร็วทีม
่ ท
ี ศ
ิ ไปทางขวา
หรือทิศขึ้นมีเครื่องหมาย บวก ทิศไปทางซ้ายหรือทิศลงมีเครื่องหมาย ลบ
pi = p f
mu = (m + M )v
(5 g )(600 m/s) = (5 g + 995 g )v
v = 3 m/s
กำ�หนดให้ หลังชนแท่งไม้ที่มีลูกปืนฝัง จะแกว่งขึ้นไปได้สูงสุด h
จากกฎการอนุรักษ์พลังงานกล
จะได้ E1 = E2
1
(m + M )v 2 = (m + M ) gh
2
2
h = v
2g
แทนค่า h = (3 m/s) 2
2(9.8 m/s 2 )
= 0.459 m
294 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน ฟิสิกส์ เล่ม 2
= 45.9 cm
ตอบ หลังชนแท่งไม้จะแกว่งขึ้นไปได้สูงเท่ากับ 45.9 เซนติเมตร
2 2
m1 (u1 − v1 )(u1 + v1 ) = m2 (v2 − u2 )(v2 + u2 ) (h)
(u1 + v1 ) = (u2 + v2 )
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน 295
10 m/s
1.0 kg 3.0 kg
รูป ประกอบปัญหาท้าทายข้อ 37
จากกฎการอนุรักษ์พลังงาน
1 1 1 1
m1u12 + m2u22 = m1v12 + m2 v22
2 2 2 2
1 1 1
(1.0 kg )(10 m/s) 2 + 0 = (1.0 kg )v12 + (3.0 kg )v22
2 2 2
v12 + 3v22 = 100 m /s
2 2
(j)
จากสมการ (i) และ (j) จะได้
v2 = 5 m/s
การหา v2 สามารถหาได้อีกวิธีหนึ่งโดยใช้ความสัมพันธ์ ตามสมการ
u1 + v1 = u2 + v2
10 m/s + v1 = 0 + v2
v2 − v1 = 10 m/s (k)
296 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน ฟิสิกส์ เล่ม 2
ตำแหนงสมดุล
1.0 kg 4.0 kg
10 cm 30 cm
รูป ประกอบปัญหาท้าทายข้อ 38
E2 = E1
1 1
m1u12 = kx 2
2 2
1 1
(1.0 kg )u1 = (2500 N/m)(0.10 m) 2
2
2 2
u1 = (50)(0.10) m/s
= 5 m/s
ให้ v1 และ v2 เป็นความเร็วของมวล 1.0 kg และ 4.0 kg หลังชนกัน
กำ�หนดให้ ความเร็วที่มีทิศไปทางขวาหรือทิศขึ้นมีเครื่องหมาย บวก ทิศไปทางซ้ายหรือทิศ
ลงมีเครื่องหมาย ลบ จากกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม จะได้ว่า
pi = p f
m1u1 + m2u2 = m1v1 + m2 v2
(1.0 kg )(5 m/s) + 0 = (1.0 kg )v1 + (4.0 kg )v2
v1 + 4v2 = 5 m/s (l)
จากกฎการอนุรักษ์พลังงาน
1 1 1 1
m1u12 + m2u22 = m1v12 + m2 v22
2 2 2 2
1 1 1
(1.0 kg )(5 m/s) 2 + 0 = (1.0 kg )v12 + (4.0 kg )v22
2 2 2
v12 + 4v22 = 25 m 2 /s 2 (m)
จากสมการ (l) และ (m) จะได้
v2 = 2 m/s
การหา v2 สามารถหาได้อีกวิธีหนึ่งโดยใช้ความสัมพันธ์ ตามสมการ
u1 + v1 = u2 + v2
5 m/s + v1 = 0 + v2
v2 − v1 = 5 m/s (n)
สมการ (l) + (n) 5v2 = 10 m/s
v2 = 2 m/s
ตอบ หลังชน มวล 4.0 กิโลกรัม เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 2 เมตรต่อวินาที ทิศขวา
298 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน ฟิสิกส์ เล่ม 2
A
u1
θ1
A x
B B θ
2
B
v2
กอนชน หลังชน
รูปประกอบปัญหาท้าทายข้อ 39
ถ้าการชนเป็นแบบยืดหยุ่น จงหาค่าของมุม θ1 + θ 2
วิธีทำ� จากกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม
pi = p f
m1u1 + m2u2 = m1v1 + m2 v2
v1 + v2 = u1 (o)
จากสมการ (o) สามารถเขียนรูปแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง v1 v2 และ u1 ได้ดังรูป 1
หรือ 2
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน 299
v1
θ1 v1
θ2 u1 v2
θ1 θ2
v2 u1
รูป 1 รูป 2
จากรูป 2 ถ้าการชนเป็นแบบยืดหยุน
่ พลังงานจลน์ของระบบก่อนชน มีคา่ เท่ากับพลังงานจลน์
ของระบบหลังชน ดังนั้น
1 1 1
mu12 = mv12 + mv22
2 2 2
2
u1 = v12 + v22 (p)
ตั้งฉากกัน ดังนั้น
θ1 + θ 2 = 90
ตอบ มุม θ1 + θ 2 มีค่าเท่ากับ 90 องศา
4 kg
รูป ประกอบปัญหาท้าทายข้อ 40
วิธีทำ� จากกฎการอนุรักษ์พลังงาน
E p = Ek
1
mgh = mv 2
2
นำ� m หารตลอดสมการ จะได้ว่า
1 2
gh =
v
2
1
แทนค่า (9.8 m/s 2 )(0.8 m) = v 2
2
v 2 = 15.68 m 2 /s 2
vv ==33.96
.96 m/s
m/s
กำ�หนดให้ m1 = มวลของลูกเหล็ก
m2 = มวลของแท่งเหล็ก
v1 = ความเร็วของลูกเหล็กหลังชน
v2 = ความเร็วของแท่งเหล็กหลังชน
pi = p f
m1u = m1 + m2v2
เนื่องจากเป็นการชนแบบยืดหยุ่น
Ek = Ek
i f
1 1 1
m1u 2 = m1v12 + m2 v2 2
2 2 2
1 1 1
(1 kg )(3.96 m/s) 2
= (1 kg )v1 +
2
( 4 kg )v2 2
2 2 2
(3.96 m/s) 2
= v1 + ( 4 kg )v2 2
2
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 6 | โมเมนตัมและการชน 301
7
บทที่ การเคลือ
่ นทีแ
่ นวโค้ง
goo.gl/27g4K5
ผลการเรียนรู้:
ผลการเรียนรู้
1. อธิบาย วิเคราะห์ และคำ�นวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ และ
ทดลองการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. ทดลองการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างการกระจัดในแนวระดับกับ
การกระจัดในแนวดิ่ง
2. อธิบายหลักการของการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์
3. นำ�หลักการของการเคลือ่ นทีแ่ บบโพรเจกไทล์ไปคำ�นวณปริมาณต่าง ๆ ทีเ่ กีย่ วข้องกับการเคลือ่ นที่
แบบโพรเจกไทล์
304 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง ฟิสิกส์ เล่ม 2
ผลการเรียนรู้
2. ทดลองและอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างแรงสูศ
่ น
ู ย์กลาง รัศมีของการเคลือ
่ นที่ อัตราเร็วเชิงเส้น
อัตราเร็วเชิงมุม และมวลของวัตถุในการเคลือ
่ นทีแ่ บบวงกลมในระนาบระดับ รวมทัง้ คำ�นวณปริมาณ
ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และประยุกต์ใช้ความรู้การเคลื่อนที่แบบวงกลมในการอธิบายการโคจรของ
ดาวเทียม
จุดประสงค์การเรียนรู้
4. ทดลองการเคลื่อนที่แบบวงกลมเพื่อศึกษาความสัมพันธ์เกี่ยวกับคาบ แรงสู่ศูนย์กลาง รัศมีของ
การเคลื่อนที่แบบวงกลม
5. อธิบายหลักการของการเคลือ
่ นทีแ่ บบวงกลมทีเ่ กีย่ วข้องกับแรงสูศ
่ น
ู ย์กลาง ความเร่งสูศ
่ น
ู ย์กลาง
และความสัมพันธ์ระหว่างอัตราเร็วเชิงเส้นกับอัตราเร็วเชิงมุม
6. หาแรงลัพธ์ที่ทำ�หน้าที่เป็นแรงสู่ศูนย์กลางซึ่งทำ�ให้เกิดการเคลื่อนที่แบบวงกลม
7. นำ�หลักการของการเคลื่อนที่แบบวงกลมไปคำ�นวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่
แบบวงกลม
8. นำ�หลักของการเคลื่อนที่แบบวงกลมไปคำ�นวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ของ
รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์บนถนนโค้ง
9. ประยุกต์ใช้ความรู้การเคลื่อนที่แบบวงกลมในการอธิบายและคำ�นวณการโคจรของดาวเทียม
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง 305
ผังมโนทัศน์
การเคลื่อนที่แนวโค้ง
พิจารณาเฉพาะ
การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ การเคลื่อนที่แบบวงกลม
อัตราเร็วคงตัว
นำ�ไปพิจารณา
ประกอบด้วย
การเคลื่อนที่แบบวงกลมสม่ำ�เสมอ
การเคลื่อนที่ในแนวระดับ การเคลื่อนที่ในแนวดิ่ง
ด้วยความเร็วคงตัว ด้วยความเร่งคงตัว
ประกอบด้วย
อธิบายได้ด้วย
ความเร่งในแนวสัมผัส ความเร่งในแนวสู่ศูนย์กลาง
เท่ากับศูนย์ มีขนาดคงตัว
สมการการเคลี่อนที่แนวตรง
นำ�ไปคำ�นวณ
ได้
ปริมาณต่างๆ เกี่ยวกับ
การเคลื่อนที่แบบวงกลมสม่ำ�เสมอ
แรงโน้มถ่วง
แรงเสียดทาน
นำ�ไปอธิบาย นำ�ไปอธิบายและคำ�นวณ
การโคจรของดาวเทียม การเคลื่อนที่ของรถยนต์และจักรยานยนต์บนทางโค้งราบ
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง 307
สรุปแนวความคิดสำ�คัญ
การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ (projectile motion) เป็นการเคลื่อนที่ของวัตถุในสองมิติที่มี
แนวการเคลือ
่ นทีเ่ ป็นแนวโค้งพาราโบลา การเคลือ
่ นทีแ่ บบโพรเจกไทล์ประกอบด้วยการเคลือ
่ นทีใ่ นสองแนว
ที่ตั้งฉากกันและเป็นอิสระต่อกัน โดยแนวหนึ่งเคลื่อนที่ด้วยความเร่งคงตัว และอีกแนวหนึ่งเคลื่อนที่ด้วย
ความเร็วคงตัว ทั้งนี้โดยมีปริมาณที่ใช้ร่วมกันคือ เวลา เนื่องจากเป็นวัตถุก้อนเดียวกัน
กรณีวัตถุเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ที่มีความเร่งในแนวแกน y คงตัว และมีความเร็วในแนวแกน x
คงตัว สามารถอธิบายได้ด้วยสมการ
1 2
ในแนวแกน y
∆y = u y t + a yt
2
v y = u y + a y t
v 2y = u 2y + 2a y ∆y
u + vy
และ
∆y = y t
2
ในแนวแกน x ∆x = u x t
สำ�หรับกรณีวัตถุเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ภายใต้สนามโน้มถ่วงของโลกโดยไม่คิดแรงต้านอากาศ
วัตถุจะมีความเร่งในแนวดิ่งคงตัวซึ่งเท่ากับความเร่งโน้มถ่วงของโลก ( a y = − g ) และการเคลื่อนที่ใน
แนวระดับจะมีความเร็วคงตัว
การเคลื่อนที่แบบวงกลม (circular motion) เป็นลักษณะการเคลื่อนที่ของวัตถุในสองมิติที่มี
เส้นทางการเคลื่อนที่เป็นวงกลมหรือส่วนของวงกลม สำ�หรับการศึกษาในชั้นนี้เน้นการศึกษาการเคลื่อนที่
แบบวงกลมสม่ำ�เสมอ (uniform circular motion) ซึ่งเป็นการเคลื่อนที่แบบวงกลมที่มีอัตราเร็วคงตัว
ไม่มีแรงกระทำ�ต่อวัตถุในแนวสัมผัสเส้นทางการเคลื่อนที่ แต่มีแรงกระทำ�ต่อวัตถุในทิศเข้าสู่ศูนย์กลางหรือ
แรงในแนวตั้งฉากกับเส้นทางการเคลื่อนที่ เรียกว่า แรงสู่ศูนย์กลาง (centripetal force) คำ�นวณได้จาก
สมการ
mv 2
Fc =
r
่ นทีแ่ บบวงกลมสามารถอธิบายได้ดว้ ยอัตราเร็วเชิงมุม (angular speed) ซึง่ คือ มุมระนาบ
การเคลือ
ทีร่ ศ
ั มีกวาดไปได้ตอ
่ หนึง่ หน่วยเวลา ใช้สญ
ั ญลักษณ์ ω มีหน่วยเป็น เรเดียนต่อวินาที (rad/s) โดยอัตราเร็ว
เชิงมุมมีความสัมพันธ์กับอัตราเร็วเชิงเส้นตามสมการ
v = ω r
308 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง ฟิสิกส์ เล่ม 2
จะได้ แรงสู่ศูนย์กลางมีความสัมพันธ์กับอัตราเร็วเชิงมุมตามสมการ
Fc = mω 2 r
การโคจรของดาวเทียมรอบโลกทีม
่ ก
ี ารเคลือ
่ นทีแ่ บบวงกลมจะมีแรงโน้มถ่วงซึง่ เป็นแรงดึงดูดระหว่าง
มวลของดาวเทียมกับโลกทำ�หน้าที่เป็นแรงสู่ศูนย์กลางทำ�ให้ดาวเทียมยังโคจรอยู่ได้ ซึ่งหาได้จากสมการ
m1m2
F = G
r2
ดาวเทียมบางชนิดโคจรไปทางเดียวกันกับโลกด้วยอัตราเร็วเชิงมุมเท่ากันกับโลก และมีคาบการโคจร
เท่ากับคาบการหมุนรอบตัวเองของโลก ดาวเทียมจึงอยู่ตรงกับตำ�แหน่งที่ก�ำ หนดไว้บนพื้นโลกตลอดเวลา
เวลาที่ใช้
บทนี้ควรใช้เวลาสอนประมาณ 20 ชั่วโมง
ความรู้หรือทักษะพื้นฐานที่นักเรียนต้องมีก่อนเรียน
การเคลื่อนที่แนวตรง การเคลื่อนที่แบบตกเสรี กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน แรงดึงดูดระหว่าง
มวล สมดุล คาบ
นำ�เข้าสู่บทที่ 7
ครูนำ�เข้าสู่บทที่ 7 โดยให้นักเรียนดูภาพของวัตถุที่มีการเคลื่อนที่ในแนวโค้งทั้งการเคลื่อนที่แบบ
โพรเจกไทล์ เช่น การโยนรับส่งสิง่ ของ การโยนลูกบาสเกตบอล และการฉีดน้�ำ ออกจากสายยาง เป็นต้น และ
การเคลื่อนที่แบบวงกลม เช่น การขับรถมอเตอร์ไซด์ไต่ถัง การเหวี่ยงวัตถุที่ผูกเชือกเป็นวงกลม และ
การเคลือ
่ นทีข
่ องดาวเทียมรอบโลก เป็นต้น โดยให้นก
ั เรียนอภิปรายเกีย่ วกับความเหมือนและความแตกต่าง
ระหว่างการเคลื่อนที่ในแนวโค้งทั้งสองแบบ รวมทั้งความเหมือนและความแตกต่างระหว่างการเคลื่อนที่
ในแนวโค้งกับการเคลื่อนที่ในแนวตรงที่ได้เรียนผ่านมาแล้ว ทั้งนี้ ครูควรเปิดโอกาสให้นักเรียนตอบอย่าง
อิสระและไม่คาดหวังคำ�ตอบถูกต้อง
ครูบอกนักเรียนว่า ในบทที่ 7 นี้ นักเรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของวัตถุที่มีการเคลื่อนที่
ในแนวโค้งหรือมีการเคลือ
่ นทีใ่ นสองมิติ จากนัน
้ ครูชแี้ จงหัวข้อทีน
่ ก
ั เรียนจะได้เรียนรูใ้ นบทที่ 7 และคำ�ถาม
สำ�คัญที่นักเรียนจะต้องตอบได้หลังจากการเรียนรู้บทที่ 7 ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง 309
7.1 การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. ทดลองการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างการกระจัดในแนวระดับกับ
การกระจัดในแนวดิ่ง
2. อธิบายหลักการของการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์
3. นำ�หลักการของการเคลือ่ นทีแ่ บบโพรเจกไทล์ไปคำ�นวณปริมาณต่าง ๆ ทีเ่ กีย่ วข้องกับการเคลือ่ นที่
แบบโพรเจกไทล์
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน แนวคิดที่ถูกต้อง
1. เมือ
่ ไม่คด
ิ แรงต้านของอากาศ วัตถุทเ่ี คลือ
่ นที่ 1. เมื่อไม่คิดแรงต้านของอากาศ วัตถุที่เคลื่อนที่
แบบโพรเจกไทล์เป็นการเคลือ
่ นทีท
่ ม
ี่ ค
ี วามเร่งทัง้ แบบโพรเจกไทล์จะมีความเร่งในแนวดิ่งเท่ากับ
ในแนวดิ่งและแนวระดับ ความเร่งโน้มถ่วงของโลก หรือ g แต่ไม่มค
ี วามเร่ง
ในแนวระดั บ เนื่ อ งจากมี เ ฉพาะแรงโน้ ม ถ่ ว ง
กระทำ�ต่อวัตถุเท่านั้น
2. ความเร็วของวัตถุทจี่ ด
ุ สูงสุดของการเคลือ
่ นที่ 2. ความเร็วของวัตถุทจี่ ด
ุ สูงสุดของการเคลือ
่ นที่
แบบโพรเจกไทล์มีค่าเป็นศูนย์ แบบโพรเจกไทล์ มี ค่ า ไม่ เ ป็ น ศู น ย์ เฉพาะ
องค์ประกอบของความเร็วในแนวดิง่ เท่านัน
้ ทีม
่ ค
ี า่
เป็นศูนย์ ส่วนองค์ประกอบของความเร็วในแนว
ระดับมีค่าคงตัวตลอดการเคลื่อนที่
สิ่งที่ครูต้องเตรียมล่วงหน้า
1. ชุดอุปกรณ์สำ�หรับการสาธิตเพื่อกระตุ้นความสนใจ เช่น ลูกเทนนิส ลูกบอล
2. ชุดอุปกรณ์สำ�หรับการสาธิตการเคลื่อนที่ของเหรียญ ประกอบด้วยเหรียญจำ�นวน 2 เหรียญ และ
ไม้บรรทัดจำ�นวน 2 อัน
310 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง ฟิสิกส์ เล่ม 2
แนวการจัดการเรียนรู้
ครูชแี้ จงจุดประสงค์การเรียนรูข
้ องหัวข้อ 7.1 จากนัน
้ ครูน�ำ เข้าสูบ
่ ทเรียนโดยให้นก
ั เรียนสังเกตแนวการ
เคลื่อนที่ของวัตถุที่ถูกโยนไปในอากาศโดยให้ตัวแทนนักเรียน 2 คน สาธิตการโยนรับและส่งวัตถุ เช่น ลูก
เทนนิส หรือลูกบอล แล้วให้นักเรียนอภิปรายร่วมกันในประเด็นดังต่อไปนี้
- เส้นทางการเคลื่อนที่ของวัตถุมีลักษณะเป็นอย่างไร
- ความเร็วของวัตถุขณะเคลื่อนที่ออกจากมือมีลักษณะเป็นอย่างไร
- ความเร็วของวัตถุขณะอยู่ที่จุดสูงสุดมีลักษณะเป็นอย่างไร
- แรงที่กระทำ�ต่อวัตถุขณะที่วัตถุเคลื่อนที่มีอะไรบ้าง และมีทิศทางใด
จุดประสงค์
1. ศึกษาลักษณะของเส้นทางการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์
2. หาความสัมพันธ์ระหว่างการกระจัดในแนวระดับและการกระจัดในแนวดิ่งของการเคลื่อนที่
แบบโพรเจกไทล์
เวลาที่ใช้ 90 นาที
วัสดุและอุปกรณ์
ชุดทดลองการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ 1 ชุด
1.
2. กระดาษกราฟ 2 แผ่น
3. กระดาษคาร์บอน 1 แผ่น
4. กระดาษขาว 1 แผ่น
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง 311
แนะนำ�ก่อนทำ�กิจกรรม
1. ปรับปลายรางอะลูมิเนียมตอนล่างให้อยู่ในแนวระดับ
2. ติดกระดาษกราฟกับแผ่นไม้โดยให้แกนของกราฟวางตัวอยู่ในแนวดิ่งและแนวระดับ และปรับ
ตำ�แหน่งของกระดาษกราฟให้จุดที่ลูกกลมโลหะกระทบเป้าเมื่อวางเป้าชิดปลายรางตรงกับจุดตัดของ
เส้นทึบในแนวดิ่งและแนวระดับบนกระดาษกราฟ
3. ทุกครั้งที่ปล่อยลูกกลมโลหะ ต้องจับแผ่นเป้าโลหะที่ด้านหลังไว้เพื่อไม่ให้แผ่นเป้าเคลื่อนที่ขณะ
ลูกกลมโลหะชน
4. เพื่ อ ความสะดวก อาจบั น ทึ ก ตำ � แหน่ ง ที่ ลู ก กลมโลหะชนเป้ า แต่ ล ะครั้ ง ลงในกระดาษกราฟอี ก
หนึง่ แผ่นทีไ่ ม่ได้ตด
ิ เข้ากับแป้นไม้ โดยให้จด
ุ แรกซึง่ ตรงกับจุดทีล่ ก
ู กลมโลหะกระทบเป้าเมือ
่ วางชิดปลายราง
เป็นจุดกำ�เนิด
ตัวอย่างผลการทำ�กิจกรรม
1. หาแนวการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์โดยลากเส้นผ่านจุดต่าง ๆ ที่ปรากฏบนกระดาษกราฟ
∆y (cm)
0
∆ x (cm)
2. หาความสัมพันธ์ระหว่างขนาดการกระจัดในแนวดิ่ง ( ∆y ) กับกำ�ลังสองของขนาดการกระจัดใน
(
แนวระดับ ( ∆x )
2
)
ตัวอย่างตารางบันทึกผลการทดลอง
∆y (cm)
10
(∆x) 2 (cm2)
0 25 50 75 100 125 150
□ การปล่ อ ยลู ก กลมโลหะที่ ตำ � แหน่ ง เดิ ม ใกล้ ป ลายรางตอนบนทุ ก ครั้ ง มี ผ ลต่ อ ความเร็ ว ที่
ปลายรางตอนล่างอย่างไร
แนวคำ�ตอบ การปล่อยลูกกลมโลหะทีต
่ �ำ แหน่งเดิมใกล้ปลายรางตอนบนทุกครัง้ ทำ�ให้ความเร็วของ
ลูกกลมโลหะหลุดออกจากปลายรางตอนล่างมีค่าเท่ากัน
□ แนวการเคลื่อนที่ของลูกกลมโลหะจากกระดาษกราฟมีลักษณะอย่างไร
แนวคำ�ตอบ แนวการเคลื่อนที่ของลูกกลมโลหะที่ปรากฏบนกระดาษกราฟเป็นแนวโค้ง
□ จากกราฟระหว่างขนาดการกระจัดในแนวดิ่ง ( ∆y ) กับกำ�ลังสองของขนาดการกระจัดในแนว
ระดับ (( ∆x ) ) ปริมาณทั้งสองมีความสัมพันธ์กันอย่างไร จะสรุปลักษณะของแนวการเคลื่อนที่
2
แบบโพรเจกไทล์เป็นแนวโค้งแบบใด
314 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง ฟิสิกส์ เล่ม 2
อภิปรายหลังการทำ�กิจกรรม
ครู แ ละนั ก เรี ย นร่ ว มกั น อภิ ป รายโดยใช้ ผ ลการทำ � กิ จ กรรมและการตอบคำ � ถามท้ า ยกิ จ กรรมตาม
รายละเอียดในหนังสือเรียน จนได้ข้อสรุปดังนี้
1. การปล่ อ ยลู ก กลมโลหะที่ ตำ � แหน่ ง เดี ย วกั น ทุ ก ครั้ ง เพื่ อ ให้ ค วามเร็ ว ของลู ก กลมโลหะหลุ ด จาก
ปลายรางตอนล่างมีค่าเท่ากัน
2. แนวการเคลื่อนที่ของลูกกลมโลหะที่ปรากฏบนกระดาษกราฟเป็นแนวโค้ง
3. จากกราฟระหว่างขนาดการกระจัดในแนวดิง่ ( ∆y ) กับกำ�ลังสองของขนาดการกระจัดในแนวระดับ
( )
( ∆x ) ทำ�ให้สรุปได้ว่า ∆y ∝ ( ∆x )2 หรือ ∆y = k ( ∆x )2 เมื่อ k เป็นค่าคงตัวของการแปรผัน ซึ่งเป็น
2
สมการของเส้นกราฟพาราโบลา
ครูให้ความรูเ้ พิม
่ เติมว่า การเคลือ
่ นทีแ่ บบโพรเจกไทล์มแี นวการเคลือ
่ นทีเ่ ป็นเส้นโค้งพาราโบลา โดยวัตถุ
จะมีการกระจัดทั้งในแนวระดับและแนวดิ่งพร้อมกัน จากนั้น ให้นักเรียนอภิปรายว่าการกระจัดในแนวดิ่ง
และแนวระดับมีความสัมพันธ์กันอย่างไร โดยครูอาจสาธิตด้วยการนำ�เหรียญขนาดเท่ากันสองเหรียญมา
วางโดยให้เหรียญแรกวางที่ขอบโต๊ะ และวางอีกเหรียญบนไม้บรรทัดส่วนที่ยื่นพ้นขอบโต๊ะ แล้วกดปลาย
ด้านหนึง่ ของไม้บรรทัด นำ�ไม้บรรทัดอีกอันมาเคาะปลายไม้บรรทัดทีย่ น
ื่ พืน
้ ขอบโต๊ะโดยเร็ว แล้วให้นก
ั เรียน
สังเกตการเคลื่อนที่ของเหรียญทั้งสองเมื่อใช้แรงเคาะต่าง ๆ กัน ดังรูป 7.3
ครูให้นักเรียนอภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของเหรียญทั้งสองซึ่งควรได้ข้อสรุปว่า เหรียญที่อยู่
บนไม้บรรทัดจะตกในแนวดิ่ง ส่วนเหรียญที่ขอบโต๊ะจะเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ แต่เหรียญทั้งสองใช้เวลา
ในการเคลื่อนที่ตกถึงพื้นพร้อมกันไม่ว่าจะเคาะด้วยแรงขนาดเท่าใดก็ตาม จากนั้นครูให้ความรู้เพิ่มเติมว่า
วัตถุที่เคลื่อนที่แบบโพรเจไทล์ประกอบด้วยการเคลื่อนที่ทั้งในแนวระดับ และแนวดิ่งพร้อม ๆ กัน และเป็น
อิสระต่อกัน โดยการเคลือ
่ นทีใ่ นแนวระดับจะเหมือนกับการเคลือ
่ นทีแ่ นวตรงด้วยความเร็วคงตัว (ความเร่ง
เป็นศูนย์) ส่วนการเคลื่อนที่ในแนวดิ่งจะเหมือนกับการตกแบบเสรีด้วยความเร่งคงตัว การที่วัตถุมีการ
เคลื่อนที่ทั้งสองแนวนี้ ทำ�ให้วัตถุเคลื่อนที่เป็นแนวโค้งพาราโบลา
ครูให้ความรูเ้ กีย่ วกับสมการทีใ่ ช้ในการคำ�นวณการเคลือ่ นทีต
่ ามรายละเอียดในหนังสือเรียน แล้วอภิปราย
ตัวอย่าง 7.1-7.6 ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน จากนัน
้ ครูให้นก
ั เรียนตอบคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจ
และทำ�แบบฝึกหัดท้ายหัวข้อ 7.1 โดยอาจมีการเฉลยคำ�ตอบและอภิปรายคำ�ตอบร่วมกัน
แนวการวัดและประเมินผล
1. ความรู้เกี่ยวกับการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ จากการตอบคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจ 7.1 และ
การทำ�แบบฝึกหัด 7.1
2. ทักษะการแก้ปัญหาและการใช้จำ�นวน จากการคำ�นวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่
แบบโพรเจกไทล์
3. จิตวิทยาศาสตร์/เจตคติด้านความมีเหตุผล และความรอบคอบ จากการอภิปรายร่วมกัน และจาก
การทำ�แบบฝึกหัด 7.1
แนวคำ�ตอบคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจ 7.1
1. ที่ตำ�แหน่งสูงสุดของการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ อัตราเร็วของวัตถุเท่ากับศูนย์หรือไม่
อย่างไร
แนวคำ�ตอบ ไม่เท่ากับศูนย์ โดยอัตราเร็วของวัตถุทต
ี่ �ำ แหน่งสูงสุดจะเท่ากับอัตราเร็วในแนว
ระดับของวัตถุ
316 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง ฟิสิกส์ เล่ม 2
2. ในการยิงวัตถุขน
้ึ จากพืน
้ ให้เคลือ
่ นทีแ่ บบโพรเจกไทล์ อัตราเร็วขาขึน
้ กับขาลงทีร่ ะดับความสูง
เท่ากันมีค่าเท่ากันหรือไม่ จงอธิบาย
แนวคำ�ตอบ มีค่าเท่ากัน โดยเมื่อพิจารณาอัตราเร็วของวัตถุในแนวดิ่งของวัตถุที่เคลื่อนที่
แบบโพรเจกไทล์ ขณะวัตถุเคลื่อนที่ขึ้นอัตราเร็วในแนวดิ่งจะมีค่าลดลงด้วยความเร่งเท่ากับ
ความเร่งโน้มถ่วงของโลกจนกระทั่งเป็นศูนย์แล้วเคลื่อนที่ลงด้วยความเร่งขนาดเท่าเดิม
จึงทำ�ให้อต
ั ราเร็วในแนวดิง่ ทีต
่ �ำ แหน่งใด ๆ ขาขึน
้ เท่ากับขาลง ส่วนอัตราเร็วในแนวระดับมีคา่
คงตัว จึงทำ�ให้อต
ั ราเร็วขาขึน
้ กับขาลงทีร่ ะดับความสูงเท่ากันมีคา่ เท่ากัน นัน
่ คือ วัตถุทถ่ี กู ยิงขึน
้
จากพืน
้ ให้เคลือ
่ นทีแ่ บบโพรเจกไทล์ทร่ี ะดับความสูงเท่ากันจะมีอต
ั ราเร็วขาขึน
้ กับขาลงเท่ากัน
เฉลยแบบฝึกหัด 7.1
หาความเร็วในแนวดิ่งขณะกระทบพื้น จาก
v 2y = u 2y + 2a y ∆y
แทนค่า v 2y = 0 + 2( −9.8 m/s2 )( −10 m)
= 96.04 m 2s −2
จะได้ v y = 14 m/s
ตอบ ความเร็วที่ใช้ในการขว้างก้อนหินในแนวระดับเท่ากับ 14 เมตรต่อวินาที
uy = u sin 30°
u = 60 m/s
30°
u x = u cos 30°
ก. หาเวลาที่วัตถุอยู่ในอากาศ จาก
1
∆y = u yt + a yt 2
2
1
แทนค่า 0 = (60 m/s sin 30° ) t + ( −9.8 m/s2 )t 2
2
t = 6.12 s
ข. หาความสูงขณะวัตถุอยู่ที่จุดสูงสุด จาก
v 2y = u 2y + 2a y ∆y
แทนค่า 0 = (30 m/s) 2 + 2( −9.8 m/s2 ) ∆y
∆y = 45.9 m
ตอบ วัตถุจะขึ้นไปได้สูงสุดจากพื้น 46 เมตร
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง 319
5. เตะลูกบอลขึน
้ ไปในอากาศ ถ้าลูกบอลลอยอยูใ่ นอากาศนาน 4.0 วินาที และลูกบอลเคลือ
่ นทีไ่ ป
ได้ไกลในแนวระดับ 45.0 เมตร จงหาว่า
ก. ลูกบอลขึ้นไปได้สูงสุดเท่าใด
ข. ความเร็วของลูกบอลที่ออกจากเท้ามีค่าเท่าใด
วิธีทำ� เขียนภาพการเคลื่อนที่ของลูกบอลได้ดังนี้
u y = u sin θ u
θ u = u cosθ
x
รูปสำ�หรับปัญหาข้อ 5
ก. หาระยะที่ลูกบอลขึ้นไปได้สูงสุด
วัตถุใช้เวลาเคลือ
่ นทีท
่ ง้ั หมด 4.0 วินาที ดังนัน
้ วัตถุเคลือ
่ นทีข
่ น
้ึ ถึงจุดสูงสุดใช้เวลา 2.0 วินาที
หาความเร็วต้นในแนวดิ่ง จาก
v y = u y + a yt
แทนค่า 0 = u y + ( −9.8 m/s2 )( 2.0 s)
u y = 19.6 m/s
หาระยะทางที่ลูกบอลเคลื่อนที่ได้สูงสุด
1
∆y = u yt + a yt 2
2
1
แทนค่า ∆y = (19.6 m/s) ( 2.0 s) + ( −9.8 m/s2 )( 2.0 s) 2
2
= 19.6 m
ข. หาความเร็วของลูกบอลที่ออกจากเท้า
หาความเร็วต้นในแนวระดับ จาก
∆x = u x t
แทนค่า ( 45.0 m ) = u x ( 4.0 s )
ux = 11.25 m/s
320 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง ฟิสิกส์ เล่ม 2
หาความเร็วของลูกบอลที่หลุดออกจากเท้า
จาก uu == uuxx ++uuyy
+ (uy )
2
( ux )
2
จะได้ u =
7.2 การเคลื่อนที่แบบวงกลม
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. ทดลองการเคลื่อนที่แบบวงกลมเพื่อศึกษาความสัมพันธ์เกี่ยวกับคาบ แรงสู่ศูนย์กลาง รัศมีของ
การเคลื่อนที่แบบวงกลม
2. อธิบายหลักการของการเคลื่อนที่แบบวงกลมที่เกี่ยวข้องกับแรงสู่ศูนย์กลาง ความเร่งสู่ศูนย์กลาง
และความสัมพันธ์ระหว่างอัตราเร็วเชิงเส้นกับอัตราเร็วเชิงมุม
3. หาแรงลัพธ์ที่ทำ�หน้าที่เป็นแรงสู่ศูนย์กลางซึ่งทำ�ให้เกิดการเคลื่อนที่แบบวงกลม
4. นำ�หลักการของการเคลื่อนที่แบบวงกลมไปคำ�นวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่
แบบวงกลม
5. นำ�หลักของการเคลือ
่ นทีแ่ บบวงกลมไปคำ�นวณปริมาณต่าง ๆ ทีเ่ กีย่ วข้องกับการเคลือ
่ นของรถยนต์
หรือรถจักรยานยนต์บนถนนโค้ง
6. ประยุกต์ใช้ความรู้การเคลื่อนที่แบบวงกลมในการอธิบายและคำ�นวณการโคจรของดาวเทียม
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง 321
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน แนวคิดที่ถูกต้อง
1. ผูกเชือกทีว่ ต
ั ถุแล้วแกว่งให้เคลือ่ นทีเ่ ป็นวงกลม 1. ผู ก เชื อ กเข้ า วั ต ถุ แ ล้ ว แกว่ ง ให้ เ คลื่ อ นที่ เ ป็ น
ถ้าเชือกขาด วัตถุจะเคลื่อนที่ต่อไปตามเส้นโค้ง วงกลม ถ้าเชือกขาด วัตถุจะเคลื่อนที่ต่อไปใน
ของวงกลม แนวสัมผัสกับเส้นโค้งของวงกลม ณ ตำ�แหน่งที่
เชือกขาด
2. วั ต ถุ ที่ เ คลื่ อ นที่ แ บบวงกลมด้ ว ยอั ต ราเร็ ว 2. วั ต ถุ ที่ เ คลื่ อ นที่ แ บบวงกลมด้ ว ยอั ต ราเร็ ว
สม่ำ�เสมอเป็นการเคลื่อนที่แบบไม่มีความเร่ง สม่ำ � เสมอเป็ น การเคลื่ อ นที่ โ ดยมี ค วามเร่ ง ที่ มี
ทิศทางเข้าสู่ศูนย์กลางของการเคลื่อนที่
3. วั ต ถุ ที่ เ คลื่ อ นที่ เ ป็ น วงกลมจะมี แ รงกระทำ � 3. วั ต ถุ ที่ เ คลื่ อ นที่ เ ป็ น วงกลมจะมี แ รงกระทำ �
ในทิศทางออกจากศูนย์กลาง ในทิศทางเข้าสู่ศูนย์กลาง
แนวการจัดการเรียนรู้
ครูชแี้ จงจุดประสงค์การเรียนรูข
้ องหัวข้อ 7.2 จากนัน
้ ครูน�ำ เข้าสูบ
่ ทเรียนโดยให้นก
ั เรียนยกตัวอย่างของ
วัตถุทม
ี่ ก
ี ารเคลือ
่ นทีแ่ บบวงกลม เช่น การโคจรรอบโลกของดาวเทียม การเคลือ
่ นทีข
่ องรถยนต์รอบวงเวียน
การเคลื่อนที่ของรถไต่ถัง การหมุนรอบของกระเช้าไฟฟ้าของชิงช้าสวรรค์ การแกว่งของวัตถุที่ผูกติดกับ
เชือกให้เคลือ
่ นทีเ่ ป็นวงกลม การเคลือ
่ นทีข
่ องรถไฟตีลงั กาในสวนสนุก การขว้างค้อนของนักกีฬาขว้างค้อน
เป็นต้น จากนั้นให้นักเรียนอภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของวัตถุดังกล่าวในประเด็นต่อไปนี้
- เส้นทางการเคลื่อนที่ของวัตถุมีลักษณะอย่างไร
- ทิศทางของความเร็วของวัตถุขณะเคลื่อนที่มีลักษณะเป็นอย่างไร
- แรงที่กระทำ�ต่อวัตถุขณะที่วัตถุเคลื่อนที่มีอะไรบ้าง และมีทิศทางใด
ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนตอบคำ�ถามอย่างอิสระ ไม่คาดหวังคำ�ตอบที่ถูกต้อง จากนั้น ครูให้ความรู้
ตามรายละเอียดของหนังสือเรียนว่า การเคลือ
่ นทีข
่ องวัตถุทม
ี่ เี ส้นทางการเคลือ
่ นทีเ่ ป็นวงกลมหรือส่วนของ
วงกลม เรียกว่า การเคลื่อนที่แบบวงกลม (circular motion)
ครูให้นกั เรียนทำ�กิจกรรม 7.2 ในหนังสือเรียน จากนัน
้ อภิปรายร่วมกันจนได้ขอ้ สรุปเกีย่ วกับการเคลือ่ นที่
แบบวงกลม
322 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง ฟิสิกส์ เล่ม 2
จุดประสงค์การทดลอง
1. ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างคาบ และแรงสู่ศูนย์กลางของการเคลื่อนที่แบบวงกลมของวัตถุ
ในระนาบระดับเมื่อรัศมีคงตัว
2. ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างคาบ และรัศมีของการเคลื่อนที่แบบวงกลมของวัตถุในระนาบ
ระดับเมื่อแรงสู่ศูนย์กลางคงตัว
เวลาที่ใช้ 90 นาที
วัสดุและอุปกรณ์
1. ชุดทดลองการเคลื่อนที่แบบวงกลม 1 ชุด
2. นอต 6 ตัว
3. นาฬิกาจับเวลา 1 เรือน
4. ลวดหนีบกระดาษ 1 ตัว
แนะนำ�ก่อนทำ�กิจกรรม
1. ก่อนการทดลองจริง นักเรียนควรฝึกแกว่งจุกยางเพือ
่ ให้สามารถแกว่งจุกยางด้วยอัตราเร็วคงตัวโดย
พยายามให้ลวดหนีบกระดาษอยู่ห่างจากปลายล่างของท่อพีวีซี 1 เซนติเมตร คงตัวตลอดเวลา
2. ขณะแกว่งจุกยางควรให้นักเรียนที่ไม่ได้แกว่งจุกยางเป็นผู้ตรวจสอบว่า จุกยางเคลื่อนที่แบบวงกลม
ในแนวระดับหรือไม่ โดยเปรียบเทียบกับแนวการแกว่งของจุกยางกับขอบบนของท่อพีวีซีหรือแนวเส้นตรง
ของสิ่งอื่นๆ ที่อยู่ในแนวระดับ เช่น ขอบกระดาน ขอบประตู ขอบหน้าต่าง
3. เพื่อช่วยให้การจับเวลาได้ถูกต้องยิ่งขึ้น ควรมีนักเรียนนับจำ�นวนรอบในการแกว่งของจุกยาง 1 คน
และจับเวลา 1 คน โดยเริ่มต้นการนับจำ�นวนรอบและจับเวลาหลังจากที่ผู้ทำ�การทดลองสามารถแกว่ง
จุกยางให้มีอัตราเร็วคงตัวได้
4. การวัดความยาวเส้นเชือกทำ�ได้โดยการวัดระหว่างกึ่งกลางของจุกยางถึงปลายด้านบนของท่อพีวีซี
ขณะที่ลวดเสียบกระดาษห่างจากปลายล่างของท่อพีวีซี 1 เซนติเมตร ซึ่งเป็นตำ�แหน่งเดียวกับขณะที่แกว่ง
จุกยาง
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง 323
ตัวอย่างผลการทำ�กิจกรรม
ตอนที่ 1 ความสัมพันธ์ระหว่างคาบ และแรงสู่ศูนย์กลางของการเคลื่อนที่แบบวงกลมของวัตถุในระนาบ
ระดับเมื่อรัศมีคงตัว
ตัวอย่างตารางบันทึกผลการทดลอง
ความยาวของเส้นเชือกวัดจากกึง่ กลางของจุกยางถึงปลายบนของท่อพีวซ
ี เี ท่ากับ 60 เซนติเมตร
1 (s-2)
T2
8
F (N)
0 2W 4W 6W
1
รูป 7.4 กราฟระหว่าง กับ F
T2
324 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง ฟิสิกส์ เล่ม 2
แนวคำ�ตอบคำ�ถามท้ายกิจกรรม
1
□ กราฟระหว่างส่วนกลับของกำ�ลังสองของคาบ 2 กับขนาดแรงดึงในเส้นเชือก (F) มีลก
ั ษณะ
T
อย่างไร และสรุปความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณทั้งสองได้อย่างไร
1
แนวคำ�ตอบ กราฟระหว่างส่วนกลับของกำ�ลังสองของคาบ 2 กับขนาดแรงดึงในเส้นเชือก (F)
T
1
เป็นกราฟเส้นตรง แสดงว่า เมื่อรัศมีคงตัว ส่วนกลับของกำ�ลังสองของคาบ 2 แปรผันตรงกับ
T
ขนาดของแรงที่ใช้ดึงจุกยาง (F)
ตัวอย่างตารางบันทึกผลการทดลอง
ช่วงเวลาการเคลื่อนที่
2 2
ความยาวเส้น T (s) T (s )
เชือก l (m) 30 รอบ (s)
T 2(s2)
0.40
0.30
0.20
0.10
l (m)
0 0.25 0.5 0.75
2
รูป 7.5 กราฟระหว่าง T กับ l
แนวคำ�ตอบคำ�ถามท้ายกิจกรรม
□ เมื่อรัศมีการเคลื่อนที่เพิ่มขึ้น ช่วงเวลาในการเคลื่อนที่ครบรอบของจุกยางเป็นอย่างไร
แนวคำ�ตอบ ช่วงเวลาในการเคลื่อนที่ครบรอบของจุกยางเพิ่มขึ้น
อภิปรายหลังการทำ�กิจกรรม
ครู แ ละนั ก เรี ย นร่ ว มกั น อภิ ป รายโดยใช้ ผ ลการทำ � กิ จ กรรมและการตอบคำ � ถามท้ า ยกิ จ กรรมตาม
รายละเอียดในหนังสือเรียน จนได้ข้อสรุปดังนี้
1. ขณะรัศมีคงตัว ถ้าขนาดแรงเข้าสู่ศูนย์กลางเพิ่มขึ้น คาบการเคลื่อนที่จะลดลง
1
2. กราฟระหว่างส่วนกลับของกำ�ลังสองของคาบ 2 กับขนาดแรงดึงในเส้นเชือก (F) เป็นกราฟ
T
1
เส้นตรง แสดงว่า เมื่อรัศมีคงตัว ส่วนกลับของกำ�ลังสองของคาบ 2 แปรผันตรงกับขนาดของแรงที่ใช้
1 T
ดึงจุกยาง (F) หรือ 2 ∝ F
T
326 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง ฟิสิกส์ เล่ม 2
3. ขณะที่แรงดึงในเส้นเชือกคงตัว คาบของการเคลื่อนที่จะเพิ่มขึ้นถ้ารัศมีของการเคลื่อนที่เพิ่มขึ้น
4. กราฟระหว่างกราฟกำ�ลังสองของคาบ (T 2) กับรัศมีของการเคลือ่ นทีข
่ องจุกยาง (r) เป็นกราฟเส้นตรง
แสดงว่า เมื่อขนาดของแรงที่ใช้ดึงคงตัว กำ�ลังสองของคาบ (T 3) แปรผันตรงกับความยาวเชือก (l) หรือ
T2 ∝l
เมื่อจบการอภิปรายหลังการทำ�กิจกรรมแล้ว ครูให้ความรู้ตามรายละเอียดในหนังสือเรียนจนสรุปได้ว่า
แรงสูศ
่ น
ู ย์กลางทีก
่ ระทำ�ต่อวัตถุให้เคลือ
่ นทีแ่ บบวงกลม แปรผันตรงกับกำ�ลังสองของอัตราเร็วของวัตถุ และ
แปรผกผันกับรัศมีของวงกลม
จากนัน
้ ครูให้ความรูเ้ กีย่ วกับการเคลือ
่ นทีแ่ บบวงกลมสม่�ำ เสมอ การเคลือ
่ นทีข
่ องดาวเทียม และการเลีย้ ว
โค้งของรถยนต์หรือรถจักรยานยน โดยอภิปรายตัวอย่าง 7.7-7.12 ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน
จากนั้น ครูให้นักเรียนตอบคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจและทำ�แบบฝึกหัดท้ายหัวข้อ 7.2 โดยอาจมี
การเฉลยคำ�ตอบและอภิปรายคำ�ตอบร่วมกัน
ข้อแนะนำ�เพิ่มเติมสำ�หรับครูผู้สอน
กรณีการแกว่งของจุกยางให้เคลือ
่ นทีเ่ ป็นวงกลมในระนาบระดับ เส้นเชือกจะไม่อยูใ่ นแนวระดับ เพราะ
น้ำ�หนักของจุกยางทำ�ให้เส้นเชือกเอียงทำ�มุม θ กับแนวระดับเล็กน้อย ดังรูป
F sin θ
F
θ F cosθ
mg
F cos θ = Fc
mv 2
F cos θ =
r
ในการทดลองตอนที่ 1 เมื่อจุกยางเคลื่อนที่ด้วยอัตราเร็วคงตัวในระนาบระดับ มุม θ จะเปลี่ยนไปบ้าง
แต่ค่าของ cos θ จะใกล้เคียงกัน จึงถือได้ว่า cos θ มีค่าคงตัว นั่นคือ ขนาดของแรงสู่ศูนย์กลาง Fc
แปรผันตรงกับขนาดของแรงดึงในเส้นเชือก F
ทำ�นองเดียวกัน รัศมีของการเคลื่อนที่ r จะเท่ากับ l cos θ เมื่อ l เป็นระยะจากจุดกึ่งกลางของจุกยาง
ตามแนวเส้นเชือกถึงปลายบนของท่อพีวีซี และ cos θ มีค่าคงตัว จะได้รัศมีการเคลื่อนที่ของจุกยางมีค่า
ใกล้เคียงความยาวของเส้นเชือก
ดังนัน
้ จึงเขียนความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของแรงสูศ
่ น
ู ก
์ ลาง อัตราเร็วและรัศมีของการเคลือ
่ นที่ ได้ดงั นี้
v2
Fc ∝
r
แนวการวัดการประเมินผล
1. ความรู้ความเข้าใจเกีย
่ วกับการเคลือ
่ นทีแ่ บบวงกลม จากการตอบคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจ 7.2
และการทำ�แบบฝึกหัด 7.2
2. ทักษะการแก้ปัญหาและการใช้จำ�นวน จากการคำ�นวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่
แบบวงกลม
3. จิตวิทยาศาสตร์/เจตคติด้านความมีเหตุผล และความรอบคอบ การการอภิปรายร่วมกัน และจาก
การทำ�แบบฝึกหัด 7.2
328 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง ฟิสิกส์ เล่ม 2
แนวคำ�ตอบคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจ 7.2
1. ขณะวัตถุมก
ี ารเคลือ
่ นทีแ่ บบวงกลมสม่ำ�เสมอ ปริมาณใดต่อไปนีม
้ ท
ี ศ
ิ ทางเข้าสูศ
่ น
ู ย์กลางของ
วงกลม และปริมาณใดมีทิศทางในแนวเส้นสัมผัสวงกลม
ก. ความเร็ว v ข. แรงที่กระทำ�ต่อวัตถุ F ค. ความเร่ง a
แนวคำ�ตอบ ขณะวั ต ถุ มี ก ารเคลื่ อ นที่ แ บบวงกลมสม่ำ � เสมอ ปริ ม าณที่ มี ทิ ศ ทางเข้ า สู่
ศูนย์กลางของวงกลม คือ แรงทีก
่ ระทำ�ต่อวัตถุ F และความเร่ง a ส่วนปริมาณทีม ่ ท
ี ศ
ิ ทางใน
แนวเส้นสัมผัสวงกลม คือ ความเร็ว v
2. ดาวเทียมค้างฟ้าอยู่ที่ตำ�แหน่งความสูงต่างกันได้หรือไม่ จงอธิบาย
แนวคำ�ตอบ โดยหลักการแล้วดาวเทียมค้างฟ้าอยู่ที่ตำ�แหน่งความสูงต่างกันไม่ได้ เพราะ
การเคลื่อนของดาวเทียมค้างฟ้าจะต้องเคลื่อนที่ด้วยอัตราเร็วเชิงมุมเท่ากับอัตราเร็วเชิงมุม
ของการหมุนรอบตัวเองของโลก ทำ�ให้ดาวเทียมค้างฟ้าต้องมีรศ
ั มีวงโคจรเดียวกันหมด จึงอยู่
ทีต
่ �ำ แหน่งความสูงต่างกันไม่ได้ ทัง้ นี้ ในทางปฏิบต
ั ิ เนือ
่ งจากระยะความสูงของดาวเทียมจาก
ผิวโลกมีค่ามาก ทำ�ให้สามารถมีดาวเทียมค้างฟ้าที่ต�ำ แหน่งความสูงต่างกันเล็กน้อยได้
แบบฝึกหัด 7.2
4.0 s
T=
20
= 0.2 s
ข. หาความถี่ของการเคลื่อนที่
= 5 s-1
v2
วิธีทำ� ความเร่งสู่ศูนย์กลางของวัตถุ ac =
r
( 40.0 m/s )
2
=
(16.0 m )
= 100 m/s2
= 4(3.14) 2 (5 s −1 ) 2 (1.30 m)
= 1283 m/s2
วิธีทำ� เขียนภาพการเคลื่อนที่ของจุกยางได้ดังนี้
F sin 20°
F
20°
F cos20°
mg
รูปสำ�หรับปัญหาข้อ 4
ก. หาแรงสู่ศูนย์กลางของจุกยาง
แรงสู่ศูนย์กลางของจุกยาง คือ Fc มีขนาดเท่ากับ F cos 20
แต่ F คือแรงดึงในเส้นเชือกซึ่งมีขนาดเท่ากับน้ำ�หนักขอเกี่ยวโลหะและนอต
ดังนั้น Fc = (1.2 N ) cos 20
= (1.2)(0.9397)
= 1.13 N
ตอบ แรงสู่ศูนย์กลางของจุกยางมีขนาดเท่ากับ 1.1 นิวตัน
ข. หาความเร่งสู่ศูนย์กลางของจุกยาง
ความเร่งของจุกยางที่เคลื่อนที่ในแนววงกลมด้วยอัตราเร็วคงตัวในแนวระดับก็คือความเร่ง
สู่ศูนย์กลางของจุกยาง เนื่องจากเส้นเชือกทำ�มุม 20 องศากับแนวระดับตลอดเวลา แสดงว่า
จุกยางเคลื่อนที่อยู่ ในระนาบระดับที่คงตัว ดังนั้น แรงลัพธ์ในแนวดิ่งที่กระทำ�ต่อจุกยางมีค่า
เป็นศูนย์
จะได้ = mg
จาก Fc = mac
11..13
13NN
แทนค่า aacc ==
00..042
042kg
kg
= 26.9 m/s2
2π r
v =
T
2(3.14)(384000 km)
แทนค่า v =
27.3 d × 24 h/d
= 3.681 × 103 km/h
เฉลยแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 7
คำ�ถาม
1. การดีดเหรียญออกจากขอบโต๊ะด้วยแรงในแนวระดับทีม
่ ค
ี า่ แตกต่างกัน เส้นทางการเคลือ
่ นทีข
่ อง
วัตถุจะเป็นดังรูป
1 2 3
รูป ประกอบคำ�ถามข้อ 1
ความเร็วตามแนวระดับของเหรียญตามเส้นทาง ทั้งสามเป็นอย่างไร
แนวคำ�ตอบ การดีดเหรียญออกจากขอบโต๊ะด้วยแรงในแนวระดับที่มีค่าแตกต่างกัน จะทำ�ให้
ความเร็วตามแนวระดับของเหรียญมีค่าต่างกัน ถ้าเหรียญทั้งสามใช้เวลาในการเคลื่อนที่เท่ากัน
เหรียญที่มีความเร็วต้นในแนวระดับมากกว่าจะเคลื่อนที่ได้ระยะทางในแนวระดับมากกว่า นั่นคือ
ตกไกลจากโต๊ะมากกว่า ดังนัน
้ ความเร็วตามแนวระดับของเหรียญตามเส้นทาง 3 มากกว่า เส้นทาง 2
และ 1 ตามลำ�ดับ
2. นักกีฬายิงธนูออกไปในแนวระดับไปยังเป้า ลูกธนูมีการเคลื่อนที่แนวตรงหรือการเคลื่อนที่แบบ
โพรเจกไทล์ ให้เหตุผล
แนวคำ�ตอบ เมื่อนักกีฬายิงธนูออกไปในแนวระดับไปยังเป้า เราอาจเห็นว่าลูกธนูมีการเคลื่อนที่
แนวตรง แต่จริง ๆ แล้วลูกธนูมีการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ เช่นเดียวกับการดีดเหรียญจาก
ขอบโต๊ะ หรือขว้างวัตถุออกไปในแนวระดับ ทั้งนี้เนื่องจากลูกธนูมีความเร็วต้นค่อนข้างสูงและเป้า
อยู่ไม่ไกลมาก จึงใช้เวลาในการเคลื่อนที่น้อย ทำ�ให้ระยะทางในแนวดิ่งมีค่าน้อย
334 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง ฟิสิกส์ เล่ม 2
C
B D
A E
รูป ประกอบคำ�ถามข้อ 5
จงหา
ก. ตำ�แหน่งใดที่ขนาดของความเร็วในแนวดิ่งมีค่ามากที่สุด
ข. ตำ�แหน่งใดที่ขนาดของความเร็วในแนวระดับมีค่าเท่ากัน
ค. ตำ�แหน่งใดที่ขนาดของความเร็วในแนวดิ่งมีค่าน้อยที่สุด
ง. ตำ�แหน่งใดที่ขนาดของการกระจัดมีค่ามากที่สุด
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง 335
6. เด็กคนหนึ่งกำ�ลังเล่นรถบังคับไร้สายบนระเบียงบ้าน ปรากฏว่ารถพุ่งออกนอกระเบียงตกสู่พื้น
ด้านล่าง เวลาที่รถตกถึงพื้นขึ้นกับอัตราเร็วขณะพ้นขอบระเบียงหรือไม่ เพราะเหตุใด
แนวคำ�ตอบ เวลาที่รถตกถึงพื้นไม่ขึ้นกับอัตราเร็วขณะพ้นขอบระเบียง เพราะถ้าถือว่า รถพุ่งออก
1
จากระเบียงในแนวระดับ เมื่อพิจารณาจากสมการ ∆y = gt 2 พบว่าเวลาที่รถตกถึงพื้นขึ้นกับ
2
ความสูงของระเบียงเท่านั้น
9. วัตถุเคลือ
่ นทีต
่ ามแนวทางโค้งโดยมีความเร่งเป็นศูนย์หรือความเร่งคงตัวได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
แนวคำ�ตอบ ในบทเรี ย นนี้ การเคลื่ อ นที่ ต ามแนวทางโค้ ง อาจเป็ น ได้ ทั้ ง วั ต ถุ ที่ เ คลื่ อ นที่ แ บบ
โพรเจกไทล์และแบบวงกลมสม่ำ�เสมอซึ่งจะมีความเร่งเป็นศูนย์ไม่ได้เพราะทิศทางของความเร็ว
เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
เมือ
่ พิจารณาความเร่งของวัตถุ จะพบว่า การเคลือ
่ นทีแ่ บบโพรเจกไทล์ความเร่งคงตัว
ได้เพราะเป็นการเคลือ
่ นทีภ
่ ายใต้สนามโน้มถ่วง แต่การเคลือ
่ นทีแ่ บบวงกลมสม่�ำ เสมอความเร่งคงตัว
ไม่ได้เพราะทิศทางของความเร่งเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
336 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง ฟิสิกส์ เล่ม 2
ปัญหา
ข. กระโดดบนดวงจันทร์
g
พิจารณาเช่นเดียวกับการกระโดดบนพื้นโลกโดยบนดวงจันทร์ความเร่งโน้มถ่วงเท่ากับ
6
หาเวลาในการกระโดดจาก
1 −g 2
∆y = u yt + t
2 6
1 −9.8 m/s2 2
แทนค่า 0 = (9.8 m/s) sin45°t + t
2 6
t = 6 2 s
338 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง ฟิสิกส์ เล่ม 2
หาระยะทางในแนวระดับจาก
∆x = u x t
แทนค่า ∆x = (9.8 m/s) cos 45° (6 2 s)
∆x = 58.8 m
ตอบ กระโดดบนผิวดวงจันทร์ได้ไกล 59 เมตร
ก. หาความเร็วและความสูงของก้อนหินที่จุดสูงสุด
พิจารณาที่จุดสูงสุด ขณะที่ v y = 0 แต่ก้อนหินยังคงมีความเร็วในแนวระดับ
หาความเร็วของก้อนหินในแนวระดับ จาก
vx = =
( 29
( 29
.4.m/s)
4 m/s)
cos
cos
3030
= =2525 .5.5m/s
m/s
2 2
หาระยะทางสูงสุด จาก v y = u y + 2a y ∆y
แทนค่า 0 = ( 29.4 m/s sin30 ) 2 + 2( −9.8 m/s2 ) ∆y
∆y = 11.0 m
ตอบ ความเร็วของก้อนหินที่จุดสูงสุดเท่ากับ 25.5 เมตรต่อวินาที มีทิศทางในแนวระดับ และ
ความสูงของก้อนหินที่จุดสูงสุดเท่ากับ 11.0 เมตร
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง 339
ข. หาเวลาที่ก้อนหินใช้เคลื่อนที่ถึงจุดสูงสุด
จากสมการ vvy y == uuy y++aay ty t
แทนค่า
0 = ( 29.4 m/s) sin30 + ( −9.8 m/s2 ) t
t = 1.5 s
ดังนั้นเวลาทั้งหมดที่ก้อนหินอยู่ในอากาศเท่ากับ 1.5 s × 2 = 3.0 s
ตอบ เวลาทั้งหมดที่ก้อนหินอยู่ในอากาศเป็น 3.0 วินาที
ค. หาระยะทางในแนวระดับที่ก้อนหินตกถึงพื้น
จากสมการ ∆x = uxt
แทนค่า ∆x = ( 29.4 m/s) cos 30 (3.0 s)
= 76.4 m
ตอบ ก้อนหินตกถึงพื้นได้ระยะทางไกล 76.4 เมตร
ง. หาระยะห่างระหว่างจุดเริ่มต้นและจุดสูงสุด โดยเขียนแผนภาพการเคลื่อนที่ของก้อนหิน
ดังรูป
d
dy
dx
หาระยะทางในแนวระดับของลูกกอล์ฟ
จาก ∆x = u x t
แทนค่า ∆x = (10 m/s) cos 60 ( 2.0 s)
= 10 m
ตอบ ลูกกอล์ฟตกได้ระยะทางในแนวราบ เท่ากับ 10 เมตร
4. ในการเตะฟุตบอลด้วยความเร็วต้นค่าหนึง่ ได้การกระจัดในแนวระดับไกลทีส
่ ด
ุ พบว่าทีจ่ ด
ุ สูงสุด
ลูกฟุตบอลที่พุ่งออกไปมีความเร็ว 10 เมตรต่อวินาที ช่วงเวลาที่ใช้ในการเคลื่อนที่จนกระทั่งตกถึง
พื้นมีค่าเท่าใด
วิธีทำ� การเตะฟุตบอลให้ได้ระยะทางในแนวระดับไกลที่สุดด้วยความเร็วต้นค่าหนึ่ง
มุมทีล่ กู ฟุตบอลพุง่ ออกไปเท่ากับ 45 องศา และทีจ่ ด
ุ สูงสุดมีความเร็วในแนวระดับ
หาความเร็วต้น u ได้จาก
= 10 m/s
จะได้ u = 14.14 m/s
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง 341
ช่วงเวลาที่ใช้เคลื่อนที่จนกระทั่งตกถึงพื้นหาได้จาก
t
2u sin θ =
g
2(14.14 m/s)(0.7071)
แทนค่า t =
9.8 m/s2
t = 2.04 s
6. ยิงวัตถุ A ให้เคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ด้วยความเร็วเริ่มต้น u1 ขนาดเท่ากับ 40 เมตรต่อวินาที
ทำ�มุม 30 องศากับแนวระดับ ขณะเดียวกันวัตถุ B ถูกยิงขึ้นไปในแนวดิ่งด้วยความเร็วต้น u2
ดังรูป
u1
u2
30°
วัตถุ A วัตถุ B
รูป ประกอบปัญหาข้อ 6
วัตถุ B จะต้องถูกยิงขึน
้ ไปในแนวดิง่ ด้วยความเร็วต้น u2 ขนาดเท่าใดจึงจะทำ�ให้วต
ั ถุ A และ B
ชนกันกลางอากาศ
วิธีทำ� วัตถุ A และ B เริ่มต้นเคลื่อนที่จากระดับเดียวกันพร้อมกัน เมื่อชนกันแสดงว่าวัตถุเคลื่อนที่
มาถึงตำ�แหน่งเดียวกันที่เวลาเดียวกัน ดังนั้น เวลาที่ใช้ในการเคลื่อนที่และการกระจัดใน
แนวดิง่ มีคา่ เท่ากัน นัน
่ คือ tA= tB= t และ ∆yA = ∆y B แต่เนือ่ งจากวัตถุ A มีการเคลือ่ นที่
แบบโพรเจกไทล์ จึงต้องหาเวกเตอร์องค์ประกอบของความเร็วต้นในแนวดิ่งและแนวระดับ
ดังรูป
u1 sin30° u1
30° u1 cos30°
u2
วัตถุ A วัตถุ B
จาก ∆yA = ∆y B
1
ที่วัตถุ A, ∆yA = u1 y t + ( a y )t 2
2
1
ที่วัตถุ B, ∆yB = u2t + (a y )t 2
2
1 2 1
จะได้ u t + ( a ) t = u2t + ( a y )t 2
1 y
2
y
A 2 B
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง 343
u1 y = u2
= u2
1
( 40 m/s ) = u2
2
u2 = 20 m/s
ux = 5 m/s
vx
60°
vy v
กระทบพื้น จาก
vy
=
vx
344 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง ฟิสิกส์ เล่ม 2
vy
แทนค่า 3 =
50
. m/s
v y = 8.66 m/s
หาเวลาที่ก้อนหินเคลื่อนที่ในอากาศจากแนวดิ่ง
จากสมการ v y = u y + a y t
แทนค่า −8.66 m/s = 0 + ( −9.8 m/s2 )t
t = 0.884 s
ให้ sx เป็นการกระจัดของก้อนหินขณะกระทบพื้น
จากสมการ ∆x = uxt
แทนค่า ∆x = (5.0
u x t m/s)(0.884 s)
= 4.42 m
ตอบ ก้อนหินตกห่างจากตึกในแนวระดับ 4.4 เมตร
ux = 500 m/s
∆y
1.5 m
h
∆x = 100 m
หาเวลาที่ลูกปืนเคลื่อนที่ในแนวระดับ
จากสมการ ∆x = uxt
แทนค่า 100 m = (500 m/s)t
t = 0.2s
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง 345
พิจารณาการเคลื่อนที่ในแนวดิ่ง
1
จากสมการ ∆y = u yt + a yt 2
2
1
แทนค่า ∆y = (0)(0.2 s) + ( −9.8 m/s2 )(0.2 s) 2
2
= -0.196 m
ดังนั้น h = 1.5 m - 0.196 m
= 1.304 m
ตอบ ลูกปืนจะเจาะต้นไม้ที่ความสูงจากพื้นดิน 1.3 เมตร
2
1 2
gt = ( u sin θ ) t
2
2u sin θ
t =
g
โจทย์กำ�หนดให้วัตถุ A และวัตถุ B ใช้เวลากลับถึงระดับเดิมเท่ากัน
∆y = (0.1 m) N
∆x = (0.2 m) N
สมมติให้ลูกแก้วตกกระทบครั้งแรกที่ขอบของบันไดขั้นที่ N
หาเวลาที่ลูกแก้วเคลื่อนที่ในแนวระดับ เมื่อตกลงขั้นบันไดขั้นที่ N
จากสมการ
แทนค่า ( 0.2 m ) N = ( 4.0 m/s) t
t = 0.05 N s
พิจารณาการเคลื่อนที่ในแนวดิ่ง
1 1
จากสมการ ∆y ==u y tu+y t +a y ta2 y t 2
2 2
1
แทนค่า ( −0.1 m ) N = (0)(0.05 N s) + ( −9.8 m/s2 )(0.05N s) 2
2
1
( −0.1 m ) N = ( −9.8 m/s2 )(0.05N s) 2
2
0.1 = 0.01225 N
N = 8.163
สังเกตได้ว่า ลูกแก้วตกลงเลยขอบบันไดขั้นที่ 8 ดังนั้น ลูกแก้วจะตกลงบนบันไดครั้งแรกใน
ขั้นที่ 9
ตอบ ลูกแก้วจะตกลงบนบันไดครั้งแรกในขั้นที่ 9
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง 347
θ
m
W
รูป ประกอบปัญหาข้อ 11
T sinθ
T
θ T cosθ
mg
เมื่อแยกองค์ประกอบของแรง T ให้อยู่ในแนวระดับและแนวดิ่ง จะได้
แนวดิ่ง T sin θ = mg
จากสมการจะได้ว่า แรงดึงเชือกมีค่าคงตัวเท่ากับน้�ำ หนักของนอต นั่นคือ
T = W
จะได้ W sin θ = mg
mg
mg
mg
sin θ θθ = ==
sin
sin
WW
W
348 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง ฟิสิกส์ เล่ม 2
mg
เนื่องจาก น้ำ�หนักของลูกตุ้ม (mg) และน้ำ�หนักของนอต (W) มีค่าคงตัว ดังนั้น sin θ =
W
มีค่าคงตัว จึงทำ�ให้ θ กับแนวระดับ มีค่าคงตัว
ตอบ ถ้าแกว่งจุกยางให้เร็วขึ้นจนทำ�ให้นอตเคลื่อนที่จนหยุดนิ่ง เส้นเชือกจะเอียงทำ�มุม θ กับ
แนวระดับเหมือนเดิม
0.1 m
0.8 m
รูป ประกอบปัญหาข้อ 12
จุกยางแกว่งด้วยอัตราเร็วกี่เมตรต่อวินาที
วิธีทำ� ให้ T เป็นแรงดึงในเส้นเชือก และ θ เป็นมุมที่เชือกเอียงทำ�มุมกับแนวดิ่ง ดังรูป
T cosθ
0.1 m
θ T
0.8 m
T sinθ
mg
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง 349
แรงในแนวระดับเป็นแรงสู่ศูนย์กลาง
mv 2
จากสมการ Fc =
r
mv 2
จะได้ T sin θ = (1)
r
แรงลัพธ์ในแนวดิ่งมีค่าเป็นศูนย์
2 0.8
= (0.8 m)(9.8 m/s )
0.1
v 2 =(62.72 m 2 /s2 )
ดังนั้น v = 7.92 m/s
ตอบ จุกยางมีอัตราเร็ว 8 เมตรต่อวินาที
0.49 m
รูป ประกอบปัญหาข้อ 13
ขณะนั้นแรงดึงของเส้นเชือกมีค่าเท่าใด
350 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง ฟิสิกส์ เล่ม 2
วิธีทำ� ให้้ T เป็นแรงดึงในเส้นเชือก และ θ เป็นมุมที่เชือกเอียงทำ�มุมกับแนวดิ่ง ดังรูป
T cosθ
T
θ
T sin θ
mg
จากสมการ Fc =
mv 2
r
เมื่อแรงในแนวระดับเป็นแรงสู่ศูนย์กลาง จะได้
2
T sin θ = mv
r
T sin θ = mω 2 r (1)
แรงลัพธ์ในแนวดิ่งเป็นศูนย์ จะได้
T cos θ = mg (2)
2
(1) ωr
จะได้ tan θ =
( 2) g
( 4 rad/s) 2 (0.49 m)
=
(9.8 m/s2 )
4
=
5
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง 351
41
5
4
5
จะได้ cos θ =
41
แทนค่า cos θ ในสมการ (2) จะได้
5
T = (0.4 kg)(9.8 m/s )
2
41
T = 5.02 N
ตอบ แรงดึงของเส้นเชือก 5 นิวตัน
จะได้ ac =
ac =
15. แกว่งจุกยางให้เคลือ
่ นทีเ่ ป็นวงกลมในระนาบระดับ โดยมีรศ
ั มีการเคลือ
่ นทีค
่ งตัว เขียนกราฟ
ความสัมพันธ์ระหว่างขนาดความเร่งสู่ศูนย์กลาง ( ac ) กับอัตราเร็วเชิงมุมยกกำ�ลังสอง (ω 2 ) ได้
ดังกราฟ
ac (m/s 2 )
8
ω 2 (rad 2 /s 2 )
0 2 4 6 8 10
รูป ประกอบปัญหาข้อ 15
รัศมีการเคลื่อนที่มีค่าเท่าใด
วิธีทำ� จากสมการ ac = rω 2
r = ∆ac
∆ω 2
2
= 3 m/s
4 rad 2 /s2
= 0.75 m
l l cosθ
A
T
h l − l cosθ
mg
mvB2
TB − mg =
r
mvB2
TB = + mg (1)
r
หาความเร็วที่จุด B โดยใช้กฎการอนุรักษ์พลังงานจาก
EB = EA
1 1
mghB + mvB2 = mghA + mvA2
2 2
1
0 + mvB2 = mg (l − l cos θ ) + 0
2
vB2 = 2 g (l − l cos θ ) (2)
แทนค่า (2) ใน (1) จะได้
2mg (l − l cos θ )
TB = + mg
l
=
mg(3 − 2 cos θ )
ตอบ แรงดึงของเส้นเชือกเมื่อลูกตุ้มผ่านจุดต่�ำ สุดมีค่าเท่ากับ mg(3 − 2 cos θ )
354 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง ฟิสิกส์ เล่ม 2
รูป ประกอบปัญหาข้อ 17
ถ้าอัตราเร็วเชิงมุมของลูกกลมเพิม
่ ขึน
้ ทีละน้อย และเส้นเชือกทนแรงดึงได้มากทีส่ ด
ุ 100 นิวตัน
จงหา
ก. เส้นเชือกจะขาดเมื่อมุม θ มีค่ากี่องศา
ข. อัตราเร็วเชิงมุมขณะนั้นมีค่าเท่าใด
วิธีทำ� เขียนภาพการเคลื่อนที่ของลูกกลม ดังรูป
T cosθ T
T sinθ
mg
ข. หาอั ต ราเร็ ว เชิ ง มุ ม ขณะเส้ น เชื อ กจะขาด เนื่ อ งจาก T sin θ เป็ น แรงเข้ า สู่ ศู น ย์ ก ลาง
ดังนั้น
mv 2
T sin θ =
r
= mω 2 r
ω = 5 rad/s
50 cm
80 cm m
50 cm
รูป ประกอบปัญหาข้อ 18
T1 sin θ
T1
(T1 + T2) cosθ θ
80 cm
θ
m
T2
T2sinθ + mg
ก. เมื่อวัตถุสมดุลต่อการเคลื่อนที่ในแนวดิ่ง
T1 sin θ = T2 sin θ + mg
40 cm 40 cm
20 N = 2.94 N + T2 50 cm
50 cm
4
16 N = 2.94 N + T2
5
T2 = 16.33 N
mv 2
จากสมการ Fc =
r
m ( 2π Rf )
2
จะได้ ( T1 + T2 ) cos θ =
r
f = 2.48 s-1
T cosθ
T
T sinθ
mg
mv 2
พิจารณาแรงในแนวระดับ T sin θ = (1)
r
พิจารณาแรงในแนวดิ่ง T cos θ = mg (2)
(1) v2
จะได้ tan θ =
( 2) rg
v2
แสดงว่า tan θ =
rg
จากสมการ v = ωr
mv 2 G mM
จะได้ =
r r2
GM
v =
r
GM
พิจารณาดาวเทียม A
vA = (1)
r
GM
พิจารณาดาวเทียม B
vB = (2)
2r
(1) จะได้ vA 2
=
( 2) vB 1
22. ขณะที่ ถ นนแห้ ง อั ต ราเร็ ว สู ง สุ ด ที่ ร ถยนต์ คั น หนึ่ ง จะแล่ น เลี้ ย วโค้ ง ที่ ถ นนแห่ ง หนึ่ ง อย่ า ง
ปลอดภัยมีคา่ 18 เมตรต่อวินาที ถ้าแรงเสียดทานสถิตสูงสุดขณะรถคันนีแ้ ล่นเลีย้ วโค้งตอนถนนเปียก
มีค่าเพียงหนึ่งในสามของแรงเสียดทานสถิตสูงสุดขณะถนนแห้ง เมื่อถนนเปียก รถคันนี้ควรใช้
อัตราเร็วขณะแล่นเลี้ยวโค้งไม่เกินเท่าใด
วิธีทำ� ขณะรถแล่ น เลี้ ย วโค้ ง แรงเสี ย ดทานที่ ก ระทำ � ต่ อ ล้ อ รถทางด้ า นข้ า งทำ � หน้ า ที่ เ ป็ น แรง
สู่ศูนย์กลาง
ในกรณีถนนแห้ง จะได้
2
f s = mv1 (1)
r
ขณะถนนเปียกแรงเสียดทานสถิตมีคา่ เป็นหนึง่ ในสามของแรงเสียดทานสูงสุดขณะถนนแห้ง
จะได้
1 = mv22 (2)
fs
3 r
2
( 2) 1 v
จะได้
= 2
(1) 3 v1
v2 = 1
v
3
18 m/s
=
3
= 10.39 m/s
ปัญหาท้าทาย
u y =19.6 m/s
v = 20.0 m/s
ตำแหนง ก
รูป ประกอบปัญหาท้าทายข้อ 23
u y =19.6 m/s
u x = 20.0 m/s
ตำแหนง ก
1 2
0 = u y t + a yt
2
1
u y t = − a y t 2
2
2u
t = − y
ay
2(19.6 m/s)
แทนค่า = −
−9.8 m/s2
t = 4.0 s
ให้ เป็นระยะทางที่เคลื่อนที่ได้ในแนวราบ
จากสมการ = uxt
จะได้ = (20.0 m/s)(4.0 s)
= 80 m
ตอบ ขณะที่ก้อนหินกลับตกมาถึงมือ รถอยู่ห่างจากตำ�แหน่ง ก เป็นระยะทาง 80 เมตร
50 m/s
สัมภาระ
120 m
10 m/s
รูป ประกอบปัญหาท้าทายข้อ 24
362 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง ฟิสิกส์ เล่ม 2
ถ้าสัมภาระจากเฮลิคอปเตอร์ลงเรือพอดี ต้องปล่อยสัมภาระเมื่อเฮลิคอปเตอร์ห่างเรือใน
แนวระดับเป็นระยะทางเท่าใด
วิธีทำ� เขียนแผนภาพการเคลื่อนที่ของสัมภาระ ดังรูป
50 m/s
สัมภาระ
120 m
10 m/s
sx xs
ให้ t เป็นเวลาที่สัมภาระเคลื่อนที่ลงในเรือ
1 2
จากสมการ = u yt + a yt
2
1
แทนค่า −120 m = 0 + ( −9.8 m/s2 )t 2
2
t = 4.949 s
จากสมการ xs = u x t
= 247.43 m
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง 363
ให้ xs เป็นระยะทางที่เรือแล่นมารับสัมภาระได้พอดี
xs = ust
แทนค่า xs = (10 m/s)( 4.949 s)
= 49.49 m
ดังนั้น ก่อนปล่อยสัมภาระ เรืออยู่ห่างจากเฮลิคอปเตอร์ในแนวระดับเป็นระยะ
s x + xs = 247.43 m + 49.49 m
= 296.92 m
ตอบ ต้องปล่อยสัมภาระเมื่อเฮลิคอปเตอร์อยู่ห่างจากเรือ 297 เมตร ในแนวระดับ
หาได้จากสมการ
v 2y = u 2y + 2a ( ∆y )
∆y
จะได้ v y = (u sin θ ) 2 − 2 g
2
= (u sin θ ) 2 − g ( ∆y )
(u sin θ ) 2
v y = (u sin θ ) 2 − g
2g
v y = (u sin θ ) 2 (2)
2
ความเร็วในแนวระดับ ( v x ) มีค่าคงตัว
v x = u cos θ (3)
หาความเร็วของลูกเหล็กเมื่ออยู่สูงจากพื้นเป็นครึ่งหนึ่งของการกระจัดสูงสุด จากสมการ
(u sin θ ) 2
v = (u cos θ ) 2 +
2
โจทย์กำ�หนดเงื่อนไขว่า ความเร็วของลูกเหล็กที่จุดสูงสุดมีค่าเท่ากับครึ่งหนึ่งของขนาด
ความเร็วขณะที่ลูกเหล็กอยู่สูงจากพื้นเป็นครึ่งหนึ่งของการกระจัดสูงสุด และที่จุดสูงสุด
ลูกเหล็กมีความเร็วในแนวแกน y เป็นศูนย์ แต่มีความเร็วในแนวแกน x เท่ากับ u cos θ
ดังนั้น ความเร็วที่จุดสูงสุดมีค่า u cos θ
1
ดังนั้น u cos θ = v
2
1 (u sin θ ) 2
แทนค่า u cos θ = (u cos θ ) 2 +
2 2
2
(u sin θ )
4(u cos θ ) 2 = (u cos θ ) 2 +
2
(u sin θ ) 2
3(u cos θ ) 2 =
2
tan θ = 6
θ = 67.79
B
d O
2
m d
รูป ประกอบปัญหาท้าทายข้อ 26
A
v= 3dg
B
O
d
2
v= 3dg
s
366 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง ฟิสิกส์ เล่ม 2
= uxt
รูป ประกอบปัญหาท้าทายข้อ 27
T m
Mg
mv 2
(1) = (2) จะได้ Mg =
r
mv 2
r=
Mg
m(9.8 m/s) 2
แทนค่า r =
( 49m )(9.8 m/s2 )
= 0.2 m
รูป ประกอบปัญหาท้าทายข้อ 28
θ
T T cosθ
T sinθ
mg
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง 369
( )
แทนค่า mω 2 L cos θ = mg
g
จะได้ cos θ = 2
ω L
g
ตอบ มุมที่เส้นเชือกเอียงทำ�มุมกับแนวดิ่งมีค่า arccos 2
ω L
Fc (N)
ω 2 (rad 2 /s 2 )
0 4 8 12 16
รูป ประกอบปัญหาท้าทายข้อ 29
รัศมีการเคลื่อนที่มีค่าเท่าใด
370 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง ฟิสิกส์ เล่ม 2
∆Fc
วิธีทำ� จาก ความชันของกราฟ =
∆(ω 2 )
4 N−2 N
=
16 rad 2 /s2 − 8 rad 2 /s2
1
= N s2 /rad 2
4
จากสมการ Fc = mω 2 r
Fc
หรือ mr =
ω2
1
แทนค่า (0.10 kg) r = N s2 /rad 2
4
r = 2.5 m
ตอบ รัศมีการเคลื่อนที่มีค่าเท่ากับ 2.5 เมตร
v = 10 m/s
จากการเคลื่อนที่แบบวงกลม แรงสู่ศูนย์กลางมีค่าตามสมการ
mv 2
Fc =
r
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง 371
ขณะที่รถยนต์เลี้ยวโค้งบนทางราบจะมีแรงเสียดทานสถิตเป็นแรงสู่ศูนย์กลาง
mv 2
f s =
r
(900 kg)(10 m/s) 2
แทนค่า f s =
150 m
f s = 600 N
ตอบ แรงเสี ย ดทานระหว่ า งยางกั บ ถนนในแนวรั ศ มี ค วามโค้ ง ขณะที่ ร ถยนต์ วิ่ ง ทางโค้ ง เป็ น
600 นิวตัน
31. ในการแข่ ง ขั น รถจั ก รยานยนต์ บ นทางราบ ขณะที่ ผู้ เ ข้ า แข่ ง ขั น เข้ า สู่ ท างโค้ ง ที่ มี รั ศ มี
ความโค้งค่าหนึง่ พบว่า คนแข่งคนที่ 1 เอียงรถทำ�มุม θ1 กับแนวดิง่ คนแข่งคนที่ 2 เอียงรถทำ�มุม θ 2
กับแนวดิ่ง ถ้าอัตราเร็วของรถคันที่ 1 เท่ากับ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร็วของรถคันที่ 2 เป็น
กี่กิโลเมตรต่อชั่วโมง
3 4
กำ�หนด tan θ1 = และ tan θ 2 =
4 3
วิธีทำ� เขียนแผนภาพของแรงที่กระทำ�ต่อรถจักรยานยนต์ ดังรูป
R Rcosθ
θ
Rsinθ
fs
θ
mg
N
แรงในแนวระดับเป็นแรงสู่ศูนย์กลาง หาได้จากสมการ
mv 2
Fc =
r
mv 2
จะได้ R sin θ = (1)
r
แรงลัพธ์ในแนวดิ่งมีค่าเป็นศูนย์
R cos θ − mg = 0
R cos θ = mg (2)
(1) 2
จะได้ tan θ = v
( 2) rg
(80 km/h ) 2
กรณีรถคันที่ 1 tan θ1 = (3)
rg
v2
กรณีรถคันที่ 2 tan θ 2 =
(4)
(80 km/h ) 2
(4) v2
จะได้ 3 3 = 2
( 3) 4 4 (80 km/h )
3
v = (80 km/h )
4
= 60 km/h
fs ศูนยกลางความโคง
N
รถที่กำ�ลังเลี้ยวโค้งจะมีแรงเสียดทานสถิตเป็นแรงสู่ศูนย์กลาง
mv 2
จากสมการ Fc =
r
mv 2
จะได้ f s =
r
mv 2
=
r
mv 2
=
r
v2
=
r
v12
ขณะพื้นถนนแห้ง = (1)
r
v22
ขณะฝนตก = (2)
r
2
( 2) v
จะได้ = 2
(1) v1
2
40 km/h
=
80 km/h
374 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง ฟิสิกส์ เล่ม 2
1
=
4
เมื่อคิดเป็นร้อยละ =
u
2m
รูป ประกอบปัญหาท้าทายข้อ 33
จงหาว่า
ก. กล่องพัสดุใช้เวลาในการเคลื่อนที่เท่าใด
ข. เขาจะต้องโยนกล่องพัสดุด้วยอัตราเร็วเท่าใด
ค. กล่องพัสดุตกถึงผู้รับด้วยความเร็วเท่าใด
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง 375
ก. แนวคิด กล่องพัสดุจะเคลื่อนออกจากผู้ส่งแบบโพรเจกไทล์ที่มีการเคลื่อนที่ทั้งในแนวดิ่งและ
ในแนวระดับ โดยมีองค์ประกอบของความเร็วต้นในแนวระดับเท่ากับ
ซึ่งมีขนาดคงตัว และองค์ประกอบของความเร็วต้นในแนวดิ่งเท่ากับ ซึ่ง
มีขนาดเปลี่ยนไปตามเวลาที่ใช้ ในการเคลื่อนที่ โดยเวลาที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของ
กล่องพัสดุทั้งในแนวระดับและแนวดิ่งเท่ากัน
วิธีทำ� หาเวลาในการเคลื่อนที่ของกล่องพัสดุ
เมื่อพิจารณาในแนวดิ่ง
1
จากสมการ = u yt + a yt 2
∆y
2
1
จะได้ ∆y = (u sinθ )t − gt 2
2
1 2
∆y = ut sinθ − gt (1)
2
เมื่อพิจารณาในแนวระดับ
จากสมการ ∆x = u x t
จะได้ ∆x = (u cosθ )t
(2)
1 2 ∆x
gt = sinθ − ∆y
2 cosθ
2∆x sinθ 2∆y
t 2 = −
g cosθ g
2
t
2
= ( ∆x tanθ − ∆y )
g
2
แทนค่า t 2 = [(12.0 m) tan45° − ( −2.0 m)]
9.8 m/s2
376 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง ฟิสิกส์ เล่ม 2
tt == 22857
857
และ -1.69 s
เนื่องจาก การเคลื่อนที่ของวัตถุด้วยระยะเวลามีค่าเป็นลบไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง
ดังนั้น เวลาที่เป็นไปได้ คือ 1.69 วินาที
ตอบ กล่องพัสดุใช้เวลาในการเคลื่อนที่เท่ากับ 1.7 วินาที
vx
θ
vy v
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง 377
วิธีทำ� หาความเร็วของกล่องพัสดุขณะที่ตกถึงผู้รับ
หาความเร็วในแนวระดับ
∆x
จาก v x = u x และ u x =
t
12.0 m
แทนค่า v x =
1.69 s
หาความเร็วในแนวดิ่ง
จาก v y = u y + a yt
จะได้ v y = u sinθ − gt
จะได้ขนาดของความเร็ว v = v x2 + v 2y
( 7.0994 m s ) + ( 9.463 m s )
2 2
=
= 11.83 m s
หามุมของความเร็วเทียบกับแกนแนวระดับ
จาก
แทนค่า
θ θ=θ=−53
=−53
−.12
53
.12
°.12
°°
θ2
θ1
รูป ประกอบปัญหาท้าทายข้อ 34
∆x = uxt
= (u cos θ ) t
2u sin θ
จาก t
=
g
2u sin θ
แทนค่า ∆x = (u cos θ )
g
u2
= 2 cos θ sin θ
g
u2
∆x = sin 2θ
g
ฟิสิกส์ เล่ม 2 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง 379
u2
ยิงครั้งที่ 1 จะได้ ∆x1 = sin 2θ1 (1)
g
u2
ยิงครั้งที่ 2 จะได้ ∆x2 = sin 2θ 2 (2)
g
u2
∆x2 = sin 2(90 − θ1 )
g
u2
= sin(180 − 2θ1 )
g
u2
= sin( 2θ1 ) (3)
g
แสดงว่าขณะที่วัตถุตกถึงระดับเดิมในการยิงแต่ละครั้ง ขนาดการกระจัดมีค่าเท่ากัน
380 บทที่ 7 | การเคลื่อนที่แนวโค้ง ฟิสิกส์ เล่ม 2
ฟิสิกส์ เล่ม 2 ภาคผนวก 381
ภาคผนวก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
382 ภาคผนวก ฟิสิกส์ เล่ม 2
ตัวอย่างเครื่องมือวัดและประเมินผล
แบบทดสอบ
การประเมิ น ผลด้ ว ยแบบทดสอบเป็ น วิ ธี ท่ี นิ ย มใช้ กั น อย่ า งแพร่ ห ลายในการวั ด ผลสั ม ฤทธ์ิ ใ น
การเรี ย นโดยเฉพาะด้ า นความรู้ เ เละความสามารถทางสติ ปั ญ ญาควบคู่ ค วามเข้ า ใจในลั ก ษณะของ
แบบทดสอบ รวมทั้งข้อดีและข้อจำ�กัดของแบบทดสอบรูปแบบต่างๆ เพ่ือประโยชน์ในการสร้าง หรือเลือก
ใช้แบบทดสอบให้เหมาะสมกับส่ิงที่ต้องการวัด โดยลักษณะของแบบทดสอบ รวมท้ังข้อดี และข้อจำ�กัด
ของแบบทดสอบรูปแบบต่าง ๆ เป็นดังน้ี
1) แบบทดสอบแบบที่มีตัวเลือก
แบบทดสอบแบบที่มีตัวเลือก ได้แก่ แบบทดสอบแบบเลือกตอบแบบทดสอบแบบถูกหรือผิด
และแบบทดสอบแบบจับคู่ รายละเอียดของแบบทดสอบแต่ละแบบเป็นดังนี้
1.1) แบบทดสอบแบบเลือกตอบ
เป็นแบบทดสอบที่มีการกำ�หนดตัวเลือกให้หลายตัวเลือก โดยมีตัวเลือกที่ถูกเพียงหน่ึง
ตัวเลือก องค์ประกอบหลักของแบบทดสอบแบบเลือกตอบมี 2 ส่วน คือ คำ�ถามและตัวเลือก แต่บางกรณี
อาจมีส่วนของสถานการณ์เพิ่มขึ้นมาด้วย แบบทดสอบแบบเลือกตอบมีหลายรูปแบบ เช่น แบบทดสอบ
แบบเลือกตอบคำ�ถามเดี่ยว แบบทดสอบแบบเลือกตอบคำ�ถามชุด แบบทดสอบแบบ เลือกตอบคำ�ถาม
2 ชั้น โครงสร้างดังตัวอย่าง
แบบทดสอบแบบเลือกคำ�ตอบคำ�ถามเดี่ยวที่ไม่มีสถานการณ์
คำ�ถาม...............................................................................................
ตัวเลือก ก.................................................................................
ข.................................................................................
ค.................................................................................
ง.................................................................................
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ฟิสิกส์ เล่ม 2 ภาคผนวก 383
แบบทดสอบแบบเลือกคำ�ตอบคำ�ถามเดี่ยวที่มีสถานการณ์
สถานการณ์.......................................................................................
คำ�ถาม...............................................................................................
ตัวเลือก ก.................................................................................
ข.................................................................................
ค.................................................................................
ง.................................................................................
แบบทดสอบแบบเลือกคำ�ตอบเป็นชุด
สถานการณ์.......................................................................................
คำ�ถามที่ 1...............................................................................................
ตัวเลือก ก.................................................................................
ข.................................................................................
ค.................................................................................
ง.................................................................................
คำ�ถามที่ 2...............................................................................................
ตัวเลือก ก.................................................................................
ข.................................................................................
ค.................................................................................
ง.................................................................................
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
384 ภาคผนวก ฟิสิกส์ เล่ม 2
แบบทดสอบแบบเลือกคำ�ถาม 2 ชั้น
สถานการณ์.......................................................................................
คำ�ถามที่ 1.........................................................................................
ตัวเลือก ก.................................................................................
ข.................................................................................
ค.................................................................................
ง.................................................................................
แบบทดสอบแบบเลือกตอบมีข้อดีคือ สามารถใช้ผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนได้ครอบคลุม
เน้ือหาตามจุดประสงค์ สามารถตรวจให้คะแนนและแปลผลคะแนนได้ตรงกัน แต่มีข้อจำ�กัดคือ ไม่เปิด
โอกาสให้นักเรียนได้แสดงออกอย่างอิสระจึงไม่สามารถวัดความคิดระดับสูง เช่น ความคิด สร้างสรรค์ได้
นอกจากนี้นักเรียนที่ไม่มีความรู้สามารถเดาคำ�ตอบได้
1.2) แบบทดสอบแบบถูกหรือผิด
เป็นแบบทดสอบท่ีมีตัวเลือก ถูกและผิด เท่านั้น มีองค์ประกอบ 2 ส่วน คือ คำ�สั่งและ
ข้อความให้นักเรียนพิจารณาว่าถูกหรือผิด ดังตัวอย่าง
แบบทดสอบแบบถูกหรือผิด
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ฟิสิกส์ เล่ม 2 ภาคผนวก 385
แบบทดสอบแบบจับคู่
คำ�สั่ง ให้นำ�ตัวอักษรหน้าข้อความในชุดคำ�ตอบมาเติมในช่องว่างหน้าข้อความในชุดคำ�ถาม
ชุดคำ�ถาม ชุดคำ�ตอบ
2) แบบทดสอบแบบเขียนตอบ
เป็นแบบทดสอบที่ให้นักเรียนคำ�ตอบเอง จึงมีอิสระในการแสดงความคิดเห็นและสะท้อน
ความคิดออกมาโดยการเขียนให้ผู้อ่านเข้าใจ โดยทั่วไปการเขียนตอบมี 2 แบบ คือ การเขียนตอบแบบเติม
คำ�หรือการเขียนตอบอย่างสั้นและการเขียนตอบแบบอธิบายรายละเอียดของแบบทดสอบ ที่มีการตอบ
แต่ละแบบเป็นดังน้ี
2.1) แบบทดสอบเขียนตอบแบบเติมคำ�หรือตอบอย่างส้ัน
ประกอบด้วยคำ�สั่งและข้อความที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่งจะมีส่วนที่เว้นไว้เพื่อให้เติมคำ�ตอบ
หรือข้อความสัน
้ ๆ เพือ่ ให้เติมคำ�ตอบหรือข้อความสัน
้ ๆ ท่ท
ี �ำ ให้ขอ้ ความข้างต้นถูกต้องหรือสมบูรณ์ นอกจากนี้
แบบทดสอบยังอาจประกอบ ด้วยสถานการณ์และคำ�ถามที่ให้นักเรียนตอบโดยการเขียนอย่างอิสระ แต่
สถานการณ์และคำ�ถาม จะเป็นส่ิงที่กำ�หนดคำ�ตอบให้มีความถูกต้องและเหมาะสม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
386 ภาคผนวก ฟิสิกส์ เล่ม 2
แบบประเมินทักษะ
เมื่อนักเรียนได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมจริงจะมีหลักฐานร่องรอยท่ีแสดงไว้ทั้งวิธีการปฏิบัติและผล
การปฏิบัติ ซ่ึงหลักฐานร่องรอยเหล่านั้นสามารถใช้ในการประเมินความสามารถ ทักษะการคิด และทักษะ
ปฏิบัติได้เป็นอย่างดี
การปฏิบัติการทดลองเป็นกิจกรรมที่สำ�คัญที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ โดยทั่วไป
ประเมินได้ 2 ส่วน คือประเมินทักษะการปฏิบต
ั ก
ิ ารทดลองและการเขียนรายงานการทดลอง โดยเคร่อ
ื งมือ
ที่ใช้ประเมินดังตัวอย่าง
ตัวอย่างแบบสำ�รวจรายการทักษะปฏิบัติการทดลอง
ผลการสำ�รวจ
รายการที่ต้องสำ�รวจ มี
(ระบุจำ�นวนครั้ง) ไม่มี
การวางเเผนการทดลอง
การทดลองความขั้นตอน
การสังเกตการทดลอง
การบันทึกผล
การอภิปรายผลการทดลองก่อนลงข้อสรุป
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ฟิสิกส์ เล่ม 2 ภาคผนวก 387
ตัวอย่างแบบประเมินทักษะปฏิบัติการทดลอง
ที่ใช้เกณฑ์การให้คะเเนนเเบบเเยกองค์ประกอบย่อย
คะแนน
ทักษะปฏิบัติการ
ทดลอง
3 2 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
388 ภาคผนวก ฟิสิกส์ เล่ม 2
ตัวอย่างแบบประเมินทักษะปฏิบัติการทดลอง
ที่ใช้เกณฑ์การให้คะเเนนเเบบมาตรประมาณค่า
ผลการประเมิน
ทักษะที่ประเมิน
ระดับ 3 ระดับ 2 ระดับ 1
ตัวอย่างเเนวทางให้คะเเนนการเขียนรายงานการทดลอง
คะเเนน
3 2 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ฟิสิกส์ เล่ม 2 ภาคผนวก 389
แบบประเมินคุณลักษณะด้านจิตวิทยาศาสตร์
การประเมินจิตวิทยาศาสตร์ไม่สามารถทำ�ได้โดยตรง โดยท่ัวไปทำ�โดย การตรวจสอบ
พฤติ ก รรมภายนอกที่ ป รากฏให้ เ ห็ น ในลั ก ษณะของคำ � พู ด การแสดงความคิ ด เห็ น การปฏิ บั ติ ห รื อ
พฤติ ก รรมบ่ ง ชี้ ที่ ส ามารถสั ง เกตหรื อ วั ด ได้ และแปลผลไปถึ ง จิ ต วิ ท ยาศาสตร์ ซึ่ ง เป็ น สิ่ ง ท่ี ส่ ง ผลให้ เ กิ ด
พฤติกรรมดังกล่าว เครื่องมือที่ใช้ประเมินคุณลักษณะด้านจิตวิทยาศาสตร์ ดังตัวอย่าง
ตัวอย่างแบบประเมินคุณลักษณะด้านจิตวิทยาศาสตร์
ระดับพฤติกรรมการเเสดงออก
รายการพฤติกรรมการเเสดงออก
ไม่มีการ
มาก ปานกลาง น้อย
เเสดงออก
ด้านความอยากรู้อยากเห็น
1.นักเรียนสอบถามจากผู้รู้หรือไปศึกษาค้นคว้า
เพิม
่ เติม เมือ
่ เกิดความสงสัยในเรือ
่ งราววิทยาศาสตร์
2.นักเรียนชอบไปงานนิทรรศการวิทยาศาสตร์
3.นักเรียนนำ�การทดลองทีส่ นใจไปทดลองต่อทีบ
่ า้ น
ด้านความซื่อสัตย์
1.นักเรียนรายงานผลการทดลองตามทีท
่ ดลองได้จริง
2.เมื่อทำ�งานทดลองผิดพลาด นักเรียนจะลอกผล
การทดลองของเพื่อส่งครู
3.เมื่อครูมอบหมายให้ท�ำ ชิ้นงานสิ้นประดิษฐ์
นักเรียนจะประดิษฐ์ตามเเบบที่ปรากฏอยู่ใน
หนังสือ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
390 ภาคผนวก ฟิสิกส์ เล่ม 2
ระดับพฤติกรรมการเเสดงออก
รายการพฤติกรรมการเเสดงออก
ไม่มีการ
มาก ปานกลาง น้อย
เเสดงออก
ด้านความใจกว้าง
1.แม้ว่านักเรียนจะไม่เห็นด้วยกับการสรุปผลการ
ทดลองในกลุ่ม แต่ก็ยอมรับผลสรุปของสมาชิก
ส่วนใหญ่
2.ถ้าเพื่อนแย่งวิธีการทดลองนักเรียนและมีเหตุผล
ที่ดีกว่า นักเรียนพร้อมที่จะนำ�เสนอเเนะของเพื่อน
ไปปรับปรุงงานของตน
3.เมื่องานที่นักเรียนตั้งใจและทุ่มเททำ�ถูกตำ�หนิ
หรือโต้เเย้ง นักเรียนจะหมดกำ�ลังใจ
ด้านความรอบคอบ
1.นักเรียนสรุปผลการทดลองทันทีเมื่อเสร็จสิ้น
การทดลอง
2.นักเรียนทำ�การทดลองซ้ำ�ๆ ก่อนที่จะสรุปผลการ
ทดลอง
3.นักเรียนตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์ก่อน
ทำ�การทดลอง
ด้านความมุ่งมั่นอดทน
1.ถึงแม้ว่างานค้นคว้าที่ทำ�อยู่มีโอกาสสำ�เร็จได้ยาก
นักเรียนจะยังค้นคว้าต่อไป
2.นักเรียนล้มเลิกการทดลองทันที เมื่อผลการทด
ลองที่ได้ขัดจากาที่เคยเรียนมา
3.เมื่อทราบว่าชุดการทดลองที่นักเรียนสนใจต้อง
ใช้ระยะเวลาในการทดลองนาน นักเรียนก็เปลี่ยน
ไปศึกษาชุดการทดลองที่ใช้เวลาน้อยกว่า
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ฟิสิกส์ เล่ม 2 ภาคผนวก 391
ระดับพฤติกรรมการเเสดงออก
รายการพฤติกรรมการเเสดงออก
ไม่มีการ
มาก ปานกลาง น้อย
เเสดงออก
เจตคติที่ดีต่อวิทยาศาสตร์
1.นักเรียนนำ�ความรู้วิทยาศาสตร์ มาใช้เเก้ปัญหา
ในชีวิตประจำ�วันอยู่เสมอ
2.นักเรียนชอบทำ�กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ
วิทยาศาสตร์
3.นักเรียนสนใจติมตามข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับ
วิทยาศาสตร์
วิธีการตรวจให้คะเเนน
ตรวจให้คะเเนนตามเกณฑ์โดยกำ�หนดน้ำ�หนักของตัวเลขในช่องต่าง ๆ เป็น 4 3 2 1 ข้อความที่
มีความหมายเป็นทางบวก กำ�หนดให้คะเเนนเเต่ละข้อความดังต่อไปนี้
ระดับพฤติกรรมเเสดงออก คะเเนน
มาก 4
ปานกลาง 3
น้อย 2
ไม่มีการเเสดงออก 1
ส่วนของข้อความทีมค
ี วามหมายเป็นทางลบการกำ�หนดให้คะเเนนในเเต่ละข้อความ
จะมีลักษณะเป็นตรงกันข้าม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
392 ภาคผนวก ฟิสิกส์ เล่ม 2
การประเมินการนำ�เสนอผลงาน
การประเมิ น ผลและให้ ค ะแนนการนํ า เสนอผลงานใช้ แ นวทางการประเมิ น เช่ น เดี ย วกั บ การ
ประเมิน ภาระงานอื่น คือ การใช้คะแนนแบบภาพรวม และการให้คะแนนแบบแยกองค์ประกอบย่อย ดัง
รายละเอียด ต่อไปนี้
1) การให้คะแนนในภาพรวม เป็นการให้คะแนนที่ต้องการสรุปภาพรวมจึงประเมินเฉพาะ
ประเด็นหลักที่สําคัญ ๆ เช่น การประเมินความถูกต้องของเนื้อหา ความรู้และการประเมินสมรรถภาพ
ด้านการเขียน โดยใช้เกณฑ์การให้คะแนนแบบภาพรวม ดังตัวอย่างต่อไปนี้
ตัวอย่างเกณฑ์การประเมินความถูกต้องของเนื้อหาความรู้ (แบบภาพรวม)
รายการประเมิน ระดับประเมิน
- เนื้อหาไม่ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ ต้องปรับปรุง
- เนื้อหาถูกต้องเเต่ให้สาระสำ�คัญน้อยมาก เเละระบุเเหล่งที่มาของความรู้ พอใช้
- เนื้อหาถูกต้อง มีสาระสำ�คัญ แต่ยังไม่ครบถ้วน มีการระบุเเหล่งที่มาของความรู้ ดี
- เนื้อหาถูกต้อง มีสาระสำ�คัญครบถ้วน เเละระบุเเหล่งที่มาของความรู้ชัดเจน ดีมาก
ตัวอย่างเกณฑ์การประเมินสมรรถภาพด้านการเขียน (แบบภาพรวม)
รายการประเมิน ระดับประเมิน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ฟิสิกส์ เล่ม 2 ภาคผนวก 393
2) การให้คะแนนแบบแยกองค์ประกอบย่อย เป็นการประเมินเพื่อต้องการนําผลการประเมิน
ไปใช้พฒ
ั นางานให้มค
ี ณ
ุ ภาพผ่านเกณฑ์ และพัฒนาคุณภาพให้สงู ขึน
้ กว่าเดิมอย่างต่อเนือ่ ง โดยใช้เกณฑ์ยอ่ ย ๆ
ในการประเมินเพื่อทําให้รู้ทั้งจุดเด่นที่ควรส่งเสริมและจุดด้อยที่ควรแก้ไขปรับปรุงการทํางานในส่วนนั้น ๆ
เกณฑ์การให้คะแนนแบบแยกองค์ประกอบย่อย มีตัวอย่างดังนี้
ตัวอย่างเกณฑ์การประเมินสมรรถภาพ (แบบแยกองค์ประกอบย่อย)
รายการประเมิน ระดับคุณภาพ
ด้านการวางเเผน
- ไม่สามารถออกเเบบได้ หรืออกเเบบได้เเต่ไม่ตรงกับประเด้นปัญหาทีต
่ อ
้ งการเรียนรู้ ต้องปรับปรุง
- ออกเเบบการได้ตามประเด็นสำ�คัญของปัญหาบางส่วน พอใช้
- ออกเเบบครอบคลุมประเด็นสำ�คัญของปัญหาเป็นส่วนใหญ่ เเต่ยังไม่ชัดเจน ดี
- ออกเเบบได้ครอบคลุมประเด็นสำ�คัญของปัญหาอย่างเป็นขั้นตอนที่ชัดเจน ดีมาก
เเละตรงตามจุดประสงค์ที่ต้องการ
ด้านการดำ�เนินการ
- ดำ�เนินการไม่เป็นไปตามแผน ใช้อป
ุ กรณ์เเละสือ
่ ประกอบถูกต้องเเต่ไม่คล่องเเคล่ว ต้องปรับปรุง
- ดำ�เนินการตามแผนที่วางไว้ ใช้อุปกรณ์เเละสื่อประกอบการสาธิตได้อย่าง ดี
คล่องเเคล่วที่เสร็จทันเวลา ผลงานในบางขั้นตอนไม่เป็นไปตามจุดประสงค์
- ดำ�เนินการตามแผนที่วางไว้ ใช้อุปกรณ์เเละสื่อประกอบได้ถูกต้อง คล่องเเคล่ว ดีมาก
เเละเสร็จทันเวลา ผลงานทุกขั้นตอนเป็นไปตามจุดประสงค์
ด้านการอธิบาย
- อธิบายไม่ถูกต้อง ขัดเเย้งกับเเนวคิดหลักทางวิทยาศาสตร์ ต้องปรับปรุง
- อธิบายโดยอาศัยเเนวคิดหลักทางวิทยาศาสตร์ เเต่การอธิบายเป็นเเนวพรรณนา พอใช้
ทั่วไป ซึ่งไม่ค�ำ นึงถึงการเชื่อมโยงกับปัญหาทำ�ให้เข้าใจยาก
- อธิบายโดยอาศัยเเนวคิดหลักทางวิทยาศาสตร์ ตรงตามประเด็นของปัญหา เเต่ ดี
ข้ามไปในบางขั้นตอน ใช้ภาษาได้ถูกต้อง
- อธิบายโดยอาศัยเเนวคิดหลักทางวิทยาศาสตร์ ตรงตามประเด็นของปัญหาเเละ ดีมาก
จุดประสงค์ ใช้ภาษาได้ถูกต้องเข้าใจง่าย สื่อความหมายให้ชัดเจน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ฟิสิกส์ เล่ม 2 ภาคผนวก 394
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
395 ภาคผนวก ฟิสิกส์ เล่ม 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ฟิสิกส์ เล่ม 2 ภาคผนวก 396
คณะบรรณาธิการ
1. ผศ.ดร.บุรินทร์ อัศวพิภพ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
2. นายรังสรรค์ ศรีสาคร ผู้เชี่ยวชาญ สาขาวิทยาศาสตร์มัธยมศึกษาตอนปลาย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
3. นายบุญชัย ตันไถง ผู้ชำ�นาญ สาขาวิทยาศาสตร์มัธยมศึกษาตอนปลาย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
4. นายวัฒนะ มากชื่น ผู้ชำ�นาญ สาขาวิทยาศาสตร์มัธยมศึกษาตอนปลาย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
5. นายรักษพล ธนานุวงศ์ นักวิชาการอาวุโส สาขาวิทยาศาสตร์มธั ยมศึกษาตอนปลาย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี