Professional Documents
Culture Documents
ภาพถ่ายหน้าจอ 2563-12-21 เวลา 06.59.42
ภาพถ่ายหน้าจอ 2563-12-21 เวลา 06.59.42
ภาพถ่ายหน้าจอ 2563-12-21 เวลา 06.59.42
สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดพังงา
เสนอ
รองศาสตราจารย์ขนบพันธุ์ เอี่ยมโอภาส
ผูช้ ่วยศาสตราจารย์มณี รัตน์ จรุ งเดชากุล
จัดทาโดย
เสนอ
รองศาสตราจารย์ขนบพันธุ์ เอี่ยมโอภาส
ผูช้ ่วยศาสตราจารย์มณี รัตน์ จรุ งเดชากุล
จัดทาโดย
คณะผูจ้ ดั ทา
กิตติกรรมประกาศ
คณะผูว้ จิ ยั
สารบัญ
หน้ า
บทคัดย่อ ก
คานา ข
กิตติกรรมประกาศ ค
สารบัญเนื้อหา ง
สารบัญตาราง จ
สารบัญภาพ ฉ
บทที่ 1 บทนา 1
ความเป็ นมาและความสาคัญของปัญหา 1
วัตถุประสงค์การวิจยั 2
สมมติฐานการวิจยั 3
กรอบแนวคิดการวิจยั 4
นิยามศัพท์การวิจยั 5
ขอบเขตการวิจยั 6
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 6
บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยทีเ่ กี่ยวข้ อง 7
แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับปั จจัยส่ วนบุคคล 8
แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับส่ วนผสมทางการตลาด 9
แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับการตัดสิ นใจ 12
ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาต่อปริ ญญาโท 14
งานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง 15
บทที่ 3 วิธีดาเนินการวิจัย 19
ประชากร กลุ่มตัวอย่าง และการสุ่ มตัวอย่างการวิจยั 19
สารบัญ (ต่ อ)
หน้ า
วิธีการสุ่ มตัวอย่าง 20
เครื่ องมือที่ใช้เก็บข้อมูล 21
การตรวจสอบคุณภาพเครื่ องมือ 23
การวิเคราะห์ขอ้ มูล 25
บทที่ 4 ผลการวิจัย 26
ข้อมูลส่ วนบุคคล 27
ปั จจัยส่ วนผสมทางการตลาด 29
การตัดสิ นใจเข้าศึกษาระดับปริ ญญาโทที่มหาวิทยาลัยรามคาแหงฯ 37
ทดสอบสมมติฐานปั จจัยส่ วนบุคคลและส่ วนประสมการตลาดต่อการตัดสิ นใจเข้า 39
ศึกษาต่อในระดับปริ ญญาโทที่มหาวิทยาลัยรามคาแหงฯ
บทที่ 5 สรุ ป อภิปรายผล และข้ อเสนอแนะ 45
สรุ ปผลการวิจยั และอภิปรายผล 45
ข้อเสนอแนะ 48
บรรณานุกรม 49
ภาคผนวก 51
ก. งบประมาณ 52
ข. Gantt Chart 53
ค. รายชื่อของผูเ้ ชี่ยวชาญหรื อผูท้ รงคุณวุฒิ จานวน 3 ท่าน 54
ง. ตารางสรุ ปผลการวิเคราะห์ค่าความสอดคล้อง IOC 55
จ. ผลการวิเคราะห์ค่าความเที่ยง (Reliability) 58
ฉ. คู่มือลงรหัส (Code Book) 59
ช. ตารางการเลือกสถิติสาหรับทดสอบสมมุติฐาน 68
ซ. รายชื่อผูว้ จิ ยั 77
ฌ. แบบสอบถาม 78
สารบัญตาราง
หน้ า
ทางการตลาด
เสริ มการตลาด
ระดับปริ ญญาโทที่มหาวิทยาลัยรามคาแหงฯ
ระดับปริ ญญาโทที่มหาวิทยาลัยรามคาแหงฯ
สารบัญตาราง (ต่ อ)
หน้ า
หน้ า
บทที่ 1
บทนา
ความเป็ นมาและความสาคัญของปัญหา
การศึ ก ษาถื อเป็ นเรื่ องที่ มี ค วามจ าเป็ นและส าคัญเป็ นอย่า งมาก เป็ นปั จ จัย พื้ น ฐานส าหรั บ
ประชาชนที่รัฐต้องให้มีการส่ งเสริ มโดยเฉพาะการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อเป็ นส่ วนประกอบพื้นฐานที่สาคัญอย่าง
หนึ่งในการพัฒนาประเทศให้มีความเจริ ญก้าวหน้าและมัน่ คง ซึ่ งในปั จจุบนั กล่าวได้วา่ การศึกษาเป็ นสิ่ งที่จาเป็ น
และอยูใ่ นความต้องการของมนุษย์ทุกเพศทุกวัย จึงทาให้มนุ ษย์หนั มาแสวงหาความรู ้กนั มากขึ้น สามารถก้าวทัน
ตามโลกที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา รวมทั้งการพัฒนา เรื่ องของเทคโนโลยีและวิทยาการใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น โดย
การเลื อกศึ กษาต่อในระดับที่ สูงขึ้ นไปเพื่อพัฒนาความรู ้ ความเชี่ ยวชาญ วิธีการปฏิ บตั ิเฉพาะสาขา ทาให้ผูท้ ี่
ได้รับการศึ ก ษาสามารถปรั บใช้ในการปฏิ บตั ิ งานได้อย่างถู กต้องเหมาะสม ถื อเป็ นการเพิ่มศัก ยภาพในการ
ทางานของบุคคลให้มีประสิ ทธิ ภาพประสิ ทธิ ผลที่ดีข้ ึน ดังนั้นบุคคลทัว่ ไปจึงพยายามที่จะศึกษาให้ถึงระดับที่สูง
ที่สุด (วันวิสาข์, 2545)
ส าหรั บ ปั จ จุ บ ัน การศึ ก ษาขั้น พื้ น ฐานอาจไม่ เ พี ย งพอในการท างานหรื อ การสร้ า งโอกาส
ความก้าวหน้า ดังนั้นการศึกษาในระดับมหาบัณฑิ ตศึกษาได้เพิ่มมากขึ้นไม่ว่าจะเป็ นสถาบันการศึกษาของรัฐ
หรื อเอกชน ถือเป็ นการเปิ ดโอกาสทางการศึกษาให้กบั ผูท้ ี่สนใจที่จะศึกษาต่อสามารถเลือกเข้าศึกษาต่อได้ตาม
ความต้องการ ซึ่ งสามารถศึกษาควบคู่ไปกับการทางานได้ ในสังคมปั จจุบนั การศึกษาระดับมหาบัณฑิตนั้นมีผู ้
นิ ยมเข้าศึกษาต่อกันมากขึ้น เนื่ องจากระบบการศึกษาในระดับต้นๆ ของประเทศไทยได้ขยายตัวมากขึ้น และ
ปั จจัยสาคัญที่มีอิทธิ พลต่อการเรี ยนที่สาคัญอีกอย่างหนึ่ ง คือค่านิ ยมในปริ ญญาบัตร หรื อการได้รับปริ ญญาสู ง
นั้นจะทาให้มีประโยชน์และโอกาสในการทางานที่ดีมากขึ้น (วันวิสาข์, 2545) จึงมีนิสิตจานวนมากเลือกศึกษา
ต่อเพราะต้องการพัฒนาศักยภาพของตนเองให้มีความรู ้ ความชานาญ และประสบการณ์ ให้มากขึ้น เพื่อที่ จะ
สามารถปฏิ บตั ิงานได้อย่างมีประสิ ทธิ ภาพ และทันต่อการเปลี่ ยนแปลงของสังคม ความก้าวหน้าทางวิชาการ
ตลอดจนความเจริ ญทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ ว จึงจาเป็ นต้องพัฒนาตนเอง
เพื่อให้ทนั โลกที่เปลี่ ยนไปตลอดเวลา นอกจากนี้ ผูท้ ี่จบการศึกษาระดับมหาบัณฑิตยังเป็ นที่ยอมรับของสังคม
ส่ งผลให้มีความก้าวในหน้าที่การงาน (ภาวิตา, 2558) นอกจากนี้การศึกษาต่อระดับมหาบัณฑิตยังเป็ นการใช้เวลา
2
ว่างให้เป็ นประโยชน์ เช่น สาหรับผูท้ ี่เรี ยนจบปริ ญญาตรี แล้วยังหางานทาไม่ได้ จึงเรี ยนต่อระดับปริ ญญาโท เพื่อ
ชะลอการว่างงาน อี กทั้งผูท้ ี่ ใช้เวลาว่างหลังเลิ กงานในการศึ กษาหาความรู ้ เพิ่มเติ มอี กเป็ นจานวนมาก เพราะ
ปั จจุ บนั ตลาดแรงงานมีการแข่งขันค่อนข้างสู งการได้พฒั นาตัวเองเป็ นส่ วนหนึ่ งที่ จะสามารถทาให้ก้าวไปสู่
ความสาเร็ จในหน้าที่การงานได้ซ่ ึ งการตัดสิ นใจศึ กษาต่อระดับบัณฑิ ตศึ กษาของแต่ละบุ คคลอาจมี เหตุ ผลที่
แตกต่างกันออกไป
จากความสาคัญของการศึกษาต่อดังกล่าวส่ งผลให้มีจานวนผูเ้ ข้าเรี ยนต่อในระดับมหาบัณฑิตมี
จานวนเพิ่มมากขึ้นในปั จจุบนั ส่ งผลให้ในปั จจุบนั แต่ละมหาวิทยาลัยได้เปิ ดสอนในหลักสู ตรระดับมหาบัณฑิต
จานวนเพิ่มสู งขึ้น ส่ งผลให้เกิดภาวการณ์แข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นด้วยเช่นกัน จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้นผูว้ ิจยั จึง
มี ค วามสนใจที่ จ ะท าการศึ ก ษาปั จ จัย ที่ มี ผ ลต่ อ การตัด สิ น ใจเข้า ศึ ก ษาต่ อ ระดับ ปริ ญ ญาโทที่ ม หาวิ ท ยาลัย
รามคาแหง สาขาวิทยบริ การเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดพังงา เพื่อมุ่งเน้นที่จะศึกษาปั จจัยทางด้านบุคคล และปัจจัย
ส่ วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสิ นใจเข้าศึกษาต่อระดับปริ ญญาโทที่มหาวิทยาลัยรามคาแหงฯ ซึ่งสา
มารนางานวิจยั ดังกล่าวนี้ไปประกอบการพิจารณาในการพัฒนาหลักสู ตร การจัดกิจกรรม การเรี ยนการสอน และ
การบริ หารจัดการของมหาวิทยารามคาแหง สาขาวิทยบริ การเฉลิ ม พระเกี ยรติ จังหวัดพังงา ให้ตรงกับความ
ต้องการของผูท้ ี่สนใจศึกษาต่อในระดับปริ ญญาโทให้มีประสิ ทธิ ภาพต่อ
วัตถุประสงค์ การวิจัย
1. เพื่ อศึ ก ษาปั จ จัย ส่ วนบุ ค คลต่ อ การตัด สิ น ใจเข้า ศึ ก ษาระดับ ปริ ญ ญาโทที่ ม หาวิ ท ยาลัย
รามคาแหง สาขาวิทยบริ การเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดพังงา
2. เพื่ อ ศึ ก ษาปั จ จัย ส่ ว นผสมทางการตลาดต่ อ การตัด สิ น ใจเข้า ศึ ก ษาระดับ ปริ ญ ญาโทที่
มหาวิทยาลัยรามคาแหง สาขาวิทยบริ การเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดพังงา
3. เพื่อศึกษาหาความสัมพันธ์ระหว่างปั จจัยส่ วนบุคคลและปั จจัยส่ วนผสมทางการตลาดต่อ
การตัดสิ นใจเข้าศึกษาระดับปริ ญญาโทที่มหาวิทยาลัยรามคาแหง สาขาวิทยบริ การเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดพังงา
3
สมมติฐานการวิจัย
1. ปั จจัย ส่ วนบุ ค คลที่ แตกต่ า งกัน ได้แก่ เพศ อายุ สถานะ ระดับ การศึ ก ษา คณะที่ ส าเร็ จ
การศึกษาระดับปริ ญญาตรี อาชีพ รายได้ และผูส้ นับสนุนค่าเล่าเรี ยน/ ทุนการศึกษา เป็ นต้น มีผลต่อการตัดสิ นใจ
เข้าศึกษาระดับปริ ญญาโทที่มหาวิทยาลัยรามคาแหง สาขาวิทยบริ การเฉลิมพระเกียรติจงั หวัดพังงา
2. ปั จจัย ส่ วนผสมทางการตลาด ได้แ ก่ ด้า นผลิ ต ภัณ ฑ์ (Product), ด้า นราคา (Price), ด้า น
สถานที่ (Place), ด้า นการส่ ง เสริ มการตลาด (Promotion), ด้า นบุ ค ลากร (People), ด้า นกายภาค (Physical
Evidence), และด้านกระบวนการ (Process) เป็ นต้น มีต่อการตัดสิ นใจเข้าศึกษาระดับปริ ญญาโทที่มหาวิทยาลัย
รามคาแหง สาขาวิทยบริ การเฉลิมพระเกียรติจงั หวัดพังงา
4
กรอบแนวคิดการวิจัย
นิยามศัพท์การวิจัย
ขอบเขตการวิจัย
การวิจยั ครั้ งนี้ เป็ นการศึกษาสารวจ โดยมี วตั ถุ ประสงค์เพื่อศึกษาปั จจัยส่ วนบุคคล และปั จจัย
ส่ วนผสมทางการตลาดต่อการตัดสิ นใจเข้าศึกษาระดับปริ ญญาโทที่มหาวิทยาลัยรามคาแหง สาขาวิทยบริ การ
เฉลิมพระเกียรติ จังหวัดพังงา โดยกลุ่มตัวอย่าง คือ กลุ่มตัวอย่าง คือ ผูท้ ี่จบการศึกษาระดับปริ ญญาตรี ข้ ึนไป
อาศัยในจังหวัดภูเก็ต และมีความยินดีร่วมการวิจยั ครั้งนี้ จานวน 437 คน การเก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม
ตั้งแต่เดือนตุลาคม – ธันวาคม พ.ศ. 2563
บทที่ 2
แนวคิดทางการตลาดของ ฟิ ลลิป คอตเลอร์ (Philip Kotler) ซึ่ งเป็ นผูท้ ี่เปลี่ยนการอธิ บายทางด้าน
การตลาดจากกิ จกรรม (Activity) ไปสู่ การให้ความสาคัญที่การสร้ างความเข้าใจว่า การตลาด คือ งานทางด้าน
การผลิ ต (Work of production) ซึ่ ง ฟิ ลลิ ป คอตเลอร์ ได้ต่อยอดความคิ ดของ ปี เตอร์ เอฟ. ดรัค เกอร์ (Peter F.
Drucker) ในการเปลี่ ย นความคิ ด ทางการตลาดจากเดิ ม มุ่ ง เน้ น ที่ ร าคา และการกระจายสิ น ค้า (Price and
Distribution) ไปสู่ การเน้นที่พบความต้องการของลู กค้า (Meeting customers’ need) และประโยชน์ที่จะได้รับ
จากผลิตภัณฑ์และบริ การ (Benefits receives from a product or service) และนอกจากนี้ เป็ นผูข้ ยายขอบเขตของ
การตลาดให้กว้างขึ้น จากการรับรู ้เดิมในมิติของการตลาดว่า เกี่ยวข้องสัมพันธ์ขบวนการสื่ อสารและแลกเปลี่ยน
(Process of communication and exchange) หากแต่ฟิลลิป คอตเลอร์ ได้ขยายกรอบความคิดเหล่านี้ ให้ได้เห็ นว่า
การตลาดนั้น สามารถเกี่ยวข้องสัมพันธ์กบั เรื่ องอื่นใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุ รกิจได้เช่นกัน อาทิเช่น การกุศล พรรค
การเมือง เป็ นต้น
10
ความหมายและขอบเขตของการตลาด (Market)
ทฤษฏีส่วนประสมทางการตลาดสาหรับธุรกิจบริการ
กิ บ สั นและอิ วาน เซวิช (Gibson and Ivancevich) ได้ใ ห้ค วามหมายของการตัดสิ นใจไว้ว่า เป็ น
กระบวนการสาคัญขององค์การที่ผูบ้ ริ หารจะต้องกระทาอยูบ่ นพื้นฐานของข้อมูลข่าวสาร (information) ซึ่ งได้
รับมาจากโครงสร้างองค์การ พฤติกรรมบุคคล และกลุ่มในองค์การ
โจนส์ (Jones) ได้ให้ความหมายของการตัดสิ นใจองค์การว่าเป็ นกระบวนการ ที่จะแก้ไขปั ญหาของ
องค์กร โดยการค้นหาทางเลือกและเลือกทางเลือกหรื อแนวทางปฏิบตั ิที่ดีที่สุด เพื่อบรรลุเป้าหมายขององค์การที่
ได้กาหนดไว้
วุฒิชยั จานงค์ (2523) กล่าวว่า การตัดสิ นใจเป็ นเรื่ องของการจัดการที่หลี กเลี่ ยงไม่ได้และในการ
จัดการนั้น การตัดสิ นใจเป็ นหัวใจในการปฏิบตั ิงานทุกๆ เรื่ องทุกๆ กรณี เพื่อดา เนิ นการไปสู่ วตั ถุประสงค์ อาจมี
เครื่ องมือมาช่วยในการพินิจพิจารณา มีเหตุผลส่ วนตัวอารมณ์ ความรักใคร่ ชอบพอ เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในการ
ตัดสิ นใจ และมีลกั ษณะเป็ นกระบวนการอันประกอบด้วยขั้นตอนต่างๆ ต่อเนื่องกันไป
บุษกร คาคง (2542) กล่าวว่า การตัดสิ นใจต้องใช้ขอ้ มูลพื้นฐานจากเรื่ องที่กาลังพิจารณา โดยใช้
ความรู ้ พ้ื นฐานและข้อสรุ ปที่ เป็ นที่ ยอมรั บ นามาผสมผสานกับการสรุ ปอ้างอิ ง เพื่อนาไปสู่ เป้ าหมาย แสดง
ทิศทางนาไปสู่ การตัดสิ นใจ
มหาวิทยาลัยสุ โขทัยธรรมาธิ ราช (2526, อ้างถึงใน ปิ ยะนุช เหลืองาม , 2552) ได้กล่าวว่า ในบรรดา
ทฤษฎีที่สาคัญของการตัดสิ นใจ อาจจาแนกได้อย่างน้อย 2 ประเภท ดังนี้
1) ทฤษฎีบรรทัดฐาน (Normative Theory) เป็ นทฤษฎีการตัดสิ นใจที่มีลกั ษณะสาคัญ คือ จะ
คานึ งถึ งว่า แนวทางการตัดสิ นใจ น่ าจะเป็ น หรื อควรจะเป็ นเช่นใด จึงจะสามารถบรรลุ ถึงเป้ าหมายที่ตอ้ งการ
ตัด สิ น ใจได้ ซึ่ งการพิ จ ารณาว่ า แนวทางใดเป็ นแนวทางที่ น่ า จะเป็ น หรื อ ควรจะเป็ นนั้น ย่ อ มขึ้ น อยู่ ก ับ
วิจารณญาณของบุคคลแต่ละคน ซึ่ งอาจจะคล้ายคลึ งหรื อแตกต่างกันก็ได้ ดังนั้น การใช้ทฤษฎี น้ ี ตัดสิ นใจใน
ประเด็นปั ญหาใดๆ ก็ตาม จึงมีลกั ษณะที่ข้ ึนอยูก่ บั มาตรฐานหรื อหลักเกณฑ์ดงั กล่าว จะเป็ นเครื่ องกาหนดว่า มี
ปั ญหานั้นๆ น่าจะหรื อควรจะตัดสิ นใจอย่างไร จึงจะดีที่สุด ถูกต้องเหมาะสมที่สุด ซึ่ งในทรรศนะของบุคคลอื่น
ที่มีมาตรฐานความพึงพอใจที่แตกต่างกัน อาจจะเห็นว่าไม่เหมาะสมก็ได้ ด้วยเหตุน้ ี การตัดสิ นใจโดยใช้ทฤษฎี
จึงมีลกั ษณะการพรรณนาแบบอุดมทัศน์ (Idea Type) มากกว่าจะเป็ นแบบวิเคราะห์ถึงสภาพที่แท้จริ ง
2) ทฤษฎีพรรณนา (Descriptive Theory) คือ เป็ นทฤษฎีการตัดสิ นใจที่มีลกั ษณะแตกต่างกับ
ทฤษฎี แรก กล่ าวคือ เป็ นทฤษฎี ที่มีสาระสาคัญที่ว่า การตัดสิ นใจเพื่อแก้ปัญหาหนึ่ งๆ จะต้องกระทาอย่างไร
14
ความเป็ นมาของมหาวิทยาลัยรามคาแหง
งานวิจัยทีเ่ กี่ยวข้ อง
บุ ค ลากรในหน่ วยงานต่ า ง ๆ มี ล ัก ษณะที่ เอื้ อต่ อการศึ ก ษาต่ อระดับ ปริ ญญาโท เนื่ องจากส่ วนใหญ่ มีอายุอยู่
ระหว่าง 26-35 ปี มีวุฒิการศึกษาสู งสุ ดระดับปริ ญญาตรี และมีรายได้เฉลี่ ย อยู่ระหว่างเดื อนละ 5,001 บาท ถึ ง
10,000 บาท ตาแหน่ ง งานที่ ตอ้ งการใช้บุค ลากรระดับ ปริ ญญาโท ได้แก่ ตาแหน่ ง หัวหน้า ฝ่ าย หัวหน้า ส่ วน
หัวหน้าแผนก หัวหน้ากอง หรื อเทียบเท่า ด้านสาขาวิชา ต้องการศึกษาต่อระดับปริ ญญาโท ได้แก่ สาขาบริ หาร
ทรัพยากรมนุ ษย์ การจัดการ การพัฒนาชุ มชน บริ หารธุ รกิ จ และรัฐประศาสนศาสตร์ สาหรับช่ วงเวลาเรี ยนที่
เหมาะสม บุคลากรส่ วนใหญ่ตอ้ งการศึกษาต่อในช่วงเย็น วันจันทร์ -ศุกร์ เกี่ยวกับอัตราค่าหน่ วยกิ ตที่เหมาะสม
บุคลากรส่ วนใหญ่เห็นว่า ไม่ควรเกินหน่วยกิตละ 1,000 บาท
จิ ราภรณ์ ไหวดี (2541 : บทคัดย่อ) ได้ศึ ก ษาแรงจู ง ใจการศึ ก ษาต่ อระดับ ปริ ญญาโทของนิ สิ ต
มหาวิท ยาลัย มหาสารคาม ปี การศึ กษา 2540 ระบบพิ เศษ รุ่ นที่ 10 มหาวิท ยาลัย มหาสารคาม มหาวิทยาลัย
มหาสารคามวิทยาเขตนครพนม มหาวิทยาลัยมหาสารคามศูนย์พฒั นาการศึกษาอุดรธานี และระบบปกติรุ่นที่ 18
จานวน 961 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้จานวน 600 คน โดยจากการสุ่ มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) กาหนด
โดยใช้ตารางของเครจซี่ และมอร์ แกน (Krejcie and Morgan) เครื่ องมือที่ใช้ในการวิจยั เป็ นแบบสอบถามมาตรา
ประมาณค่า 5 ระดับ ผลการวิจยั พบว่า แรงจูงใจของนักศึกษาปริ ญญาโท มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ปี การศึกษา
2540 อยูใ่ นระดับปานกลาง 1 ด้าน คือ ด้านการชักจูงจากบุคคลและสื่ อ นอกจากนั้น มีแรงจูงใจอยูใ่ นระดับมาก
ทุกด้าน การจัดลาดับความสาคัญของแรงจูงใจในการเข้าศึกษาต่อระดับปริ ญญาโทในแต่ละด้าน พบว่า ด้านที่มี
ความสาคัญอันดับแรก คือ ด้านเหตุผลส่ วนตัว รองลงมาคือด้านสถาบัน ด้านทัว่ ไป ด้านค่าใช้จ่ายในการศึกษา
ด้านหลักสู ตรและสาขาวิชา และด้านการชักจูงจากบุคคลและสื่ อ
บทที่ 3
วิธีดาเนินการวิจัย
การศึ ก ษาครั้ งนี้ เป็ น เรื่ อง ปั จ จัย ที่ มี ผ ลต่ อ การตัด สิ น ใจเข้า ศึ ก ษาต่ อ ระดับ ปริ ญญาโทที่
มหาวิทยาลัยรามคาแหง สาขาวิทยบริ การเฉลิ มพระเกี ยรติ จังหวัดพังงา โดยมีวตั ถุประสงค์เพื่อศึกษาปั จจัย
ส่ วนบุ ค คล และปั จจัย ส่ วนผสมทางการตลาดต่ อ การตัดสิ นใจเข้า ศึ ก ษาระดับ ปริ ญ ญาโทที่ ม หาวิ ท ยาลัย
รามคาแหง สาขาวิทยบริ การเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดพังงา
ประชากร
คือ ประชาชนทัว่ ไปที่จบการศึกษาตั้งแต่ระดับปริ ญญาตรี ข้ ึนไป และอาศัยในจังหวัดภูเก็ต จานวน
62,294 คน (ข้อมูลจากสถานการณ์แรงงานจังหวัดภูเก็ต ไตรมาส 2 ปี พ.ศ. 2563)
กลุ่มตัวอย่ าง
คือ ประชาชนที่จบการศึกษาตั้งแต่ระดับปริ ญญาตรี ข้ ึนไป อาศัยในจังหวัดภูเก็ต และมีความยินดี
ตอบแบบสอบถามการวิจยั ครั้งนี้
ขนาดกลุ่มตัวอย่ าง
วิธีการสุ่ มตัวอย่ าง
การตรวจสอบคุณภาพเครื่ องมือ
ผู้ทรงคุณวุฒิท่านที่ 1 :
แบบสอบถามตอนที่ 1 : ข้อคาถามคงเดิม
แบบสอบถามตอนที่ 2 : ผูท้ รงคุณวุฒิเสนอแนะ ข้อที่ 19 ตัดคา “ร่ มรื่ น”
ข้อที่ 39 ปรับเปลี่ยนรู ปแบบข้อคาถามจาก “มหาวิทยาลัยมีพ้นื ที่
สวนหย่อม ศาลาที่พกั ” เป็ น “มหาวิทยาลัยมีการจัดสวนหย่อม พื้นที่พกั ผ่อนหย่อนใจ ศาลาที่พกั อย่าง
เหมาะสม”
24
ผู้ทรงคุณวุฒิท่านที่ 2 :
แบบสอบถามตอนที่ 1 : ข้อคาถามคงเดิม
แบบสอบถามตอนที่ 2 : ข้อคาถามคงเดิม
แบบสอบถามตอนที่ 3 : ข้อคาถามคงเดิม
ผู้ทรงคุณวุฒิท่านที่ 3 :
แบบสอบถามตอนที่ 1 : ปรับตัวเลือกเล็กน้อย
แบบสอบถามตอนที่ 2 : ข้อคาถามคงเดิม
แบบสอบถามตอนที่ 3 : ข้อคาถามคงเดิม
2. การตรวจสอบความเทีย่ ง (Reliability)
ผูว้ ิ จยั น าเครื่ อ งมื อ ที่ ผ่า นการตรวจสอบความตรงเชิ ง เนื้ อหาไปทดลองใช้ใ นกลุ่ ม ที่ มี
ลักษณะใกล้เคี ยงกับกลุ่ มตัวอย่าง เพื่อทดสอบความเข้าใจในข้อคาถาม รวมทั้งระยะเวลาที่ ใช้ในการตอบ
แบบสอบถาม โดยกลุ่มตัวอย่าง คือ ประชาชนทัว่ ไปที่จบการศึกษาระดับปริ ญญาตรี ข้ ึนไป อาศัยในจังหวัด
ภูเก็ต จานวน 40 คน และคานวณค่าความเที่ยงของเครื่ องมือโดยใช้สูตรสัมประสิ ทธิ์ แอลฟ่ าของครอนบาค
(Cronbach’ s alpha coefficient) ได้เท่ากับ 0.96 จากนั้นผูว้ ิจยั นาเครื่ องมือมาปรับปรุ งอีกครั้งก่อนนาไปใช้เก็บ
จริ ง
3. การเก็บรวบรวมข้ อมูล
การวิเคราะห์ ข้อมูล
บทที่ 4
ผลการวิจัย
การศึ ก ษาครั้ งนี้ เป็ นการวิ จยั เชิ ง ปริ ม าณ เรื่ อง ปั จจัย ที่ มี ผ ลต่ อ การตัดสิ นใจเข้า ศึ ก ษาต่ อระดับ
ปริ ญญาโทที่มหาวิทยาลัยรามคาแหง สาขาวิทยบริ การเฉลิ มพระเกี ยรติ จังหวัดพังงา มีวตั ถุ ประสงค์เพื่อศึกษา
ปั จจัยส่ วนบุ คคล และปั จจัยส่ วนผสมทางการตลาดต่อการตัดสิ นใจเข้าศึกษาระดับปริ ญญาโทที่มหาวิทยาลัย
รามคาแหง สาขาวิทยบริ การเฉลิ มพระเกี ยรติ จังหวัดพังงา กลุ่มตัวอย่าง คือ ประชาชนทัว่ ไปที่จบการศึกษา
ระดับ ปริ ญญาตรี ข้ ึ นไป อาศัย ในจังหวัดภู เก็ ต จานวน 437 คน เก็ บ ข้อมู ล โดยใช้แบบสอบถาม ซึ่ งผูว้ ิจยั ได้
นาเสนอผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลตามลาดับ ดังนี้
ส่ วนที่ 1 ข้อมูลส่ วนบุคคลของกลุ่มตัวอย่าง ประกอบด้วยเพศ อายุ สถานะ ระดับการศึกษา คณะที่
สาเร็ จการศึกษาระดับปริ ญญาตรี อาชี พ รายได้ และผูส้ นับสนุ นค่าเล่าเรี ยน/ ทุนการศึกษา เป็ นต้น โดยนาเสนอ
ข้อมูลเป็ นความถี่และค่าร้อยละของกลุ่มตัวอย่างโดยมีรายละเอียดดังนี้
ส่ วนที่ 2 ปั จจัยส่ วนผสมทางการตลาด
ส่ วนที่ 3 การตัดสิ นใจเข้าศึกษาระดับปริ ญญาโทที่มหาวิทยาลัยรามคาแหง สาขาวิทยบริ การเฉลิม
พระเกียรติ จังหวัดพังงา
ส่ วนที่ 4 ทดสอบสมมติฐานปั จจัยส่ วนบุคคลและส่ วนประสมการตลาดต่อการตัดสิ นใจเข้าศึกษา
ต่อในระดับปริ ญญาโทที่มหาวิทยาลัยรามคาแหง สาขาวิทยบริ การเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดพังงา
27
จากตางรางที่ 1 พบว่า กลุ่ มตัวอย่าง จ านวน 437 คน ส่ วนใหญ่ เป็ นเพศหญิ ง ร้ อยละ 59.7 มี อายุอยู่
ระหว่าง 26-30 ปี ร้อยละ 25.9 มีสถานะโสด ร้อยละ 56.5 จบการศึกษาระดับปริ ญญาตรี ร้อยละ 95.4 โดยสาเร็ จ
การศึกษาในระดับปริ ญญาตรี ในจบคณะบริ หาร ร้อยละ 41.2 ประกอบอาชีพเป็ นพนักงานบริ ษทั เอกชน ร้อยละ
57.4 มีรายได้เฉลี่ ย 10,001 – 20,000 บาท ร้อยละ 39.1 และผูส้ นับสนุ นค่าเล่าเรี ยน/ ทุนการศึกษา คื อ ตนเอง ร้ อยละ
80.5
ส่ วนที่ 2 ปัจจัยส่ วนผสมทางการตลาด โดยใช้ สถิติหาค่ าเฉลีย่ และส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน จาแนกเป็ นรายข้ อ
รายด้ าน และโดยรวม
ตางรางที่ 2 ค่ าเฉลี่ย ส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับการมีอิทธิ พลปั จจัยส่ วนผสมทางการตลาดฯ (N=437)
ด้านกระบวนการ (M = 3.91, S.D = 0.633) ด้านสถานที่ (M = 3.82, S.D = 0.681) และด้านกายภาค (M = 3.81,
S.D = 0.661) ตามลาดับ
ตางรางที่ 3 ค่ าเฉลี่ย ส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับการมีอิทธิ พลของด้ านผลิตภัณฑ์ (N=437)
จากตารางที่ 6 พบว่า ค่าเฉลี่ยด้านการส่ งเสริ มการตลาด จานวน 6 ข้อ ของกลุ่มตัวอย่าง จานวน 437
คน โดยข้อที่ มีอิท ธิ พ ลต่ อการตัดสิ นใจเข้าศึ กษาระดับปริ ญญาโทที่ มหาวิท ยาลัย รามคาแหงฯ มากที่ สุด คื อ
มหาวิทยาลัยมีระบบผ่อนชาระค่าศึกษาเล่าเรี ยน / ผ่อนผันค่าศึกษาเล่าเรี ยนที่น่าสนใจ (M = 4.01, S.D =0.821)
รองลงมา ได้แก่ มหาวิทยาลัยมีการร่ วมมือกับสถาบันการเงินในการให้กยู้ ืมเงิน/ ผ่อนชาระการศึกษา (M = 3.99,
S.D =0.848) ส่ วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ มหาวิทยาลัยประชาสัมพันธ์การรับสมัครนักศึกษาใหม่ในช่องทาง
ที่หลากหลาย (M = 3.91, S.D =0.835)
34
ปริ ญญาโทที่ของมหาวิทยาลัยรามคาแหงฯ ส่ วนใหญ่ตอบว่า ยังไม่แน่ใจ ร้อยละ 48.5 รองลงมา คือ ไม่ตอ้ งการ
ศึกษาต่อ ร้อยละ 30.9 และต้องการศึกษา ร้อยละ 20.6 ตามลาดับ
ส่ วนที่ 4 ทดสอบสมมติฐานปัจจัยส่ วนบุคคลและส่ วนประสมการตลาดต่ อการตัดสิ นใจเข้ าศึกษาต่ อในระดับ
ปริญญาโททีม่ หาวิทยาลัยรามคาแหงฯ
ตารางที่ 12 ทดสอบหาปั จจัยส่ วนบุคคล (อายุ) ต่ อการตัดสิ นใจเข้ าศึกษาต่ อในระดับปริ ญญาโทที่มหาวิทยาลัย
รามคาแหงฯ ของกลุ่มตัวอย่ าง (N=437)
จากตารางที่ 13 พบว่า สถานะภาพไม่ มี ผ ลต่ อ การตัด สิ น ใจเข้า ศึ ก ษาต่ อในระดับ ปริ ญ ญาโทที่
มหาวิทยาลัยรามคาแหงฯอย่างไม่มีนยั สาคัญทางสถิติ
41
ตารางที่ 14 ทดสอบหาปั จจัยส่ วนบุคคล (ระดับการศึกษา) ต่ อการตัดสิ นใจเข้ าศึกษาต่ อในระดับปริ ญญาโทที่
มหาวิทยาลัยรามคาแหงฯ ของกลุ่มตัวอย่ าง (N=437)
ตารางที่ 15 ทดสอบหาปั จจัยส่ วนบุคคล (คณะที่สาเร็ จการศึกษา) ต่ อการตัดสิ นใจเข้ าศึกษาต่ อในระดับปริ ญญา
โทที่มหาวิทยาลัยรามคาแหงฯ ของกลุ่มตัวอย่ าง (N=437)
ตารางที่ 16 ทดสอบหาปั จจัยส่ วนบุคคล (อาชีพ) ต่ อการตัดสิ นใจเข้ าศึกษาต่ อในระดับปริ ญญาโทที่มหาวิทยาลัย
รามคาแหงฯ ของกลุ่มตัวอย่ าง (N=437)
ตารางที่ 17 ทดสอบหาปั จจัยส่ วนบุคคล (รายได้ ต่อเดือน) ต่ อการตัดสิ นใจเข้ าศึกษาต่ อในระดับปริ ญญาโทที่
มหาวิทยาลัยรามคาแหงฯ ของกลุ่มตัวอย่ าง (N=437)
ตารางที่ 18 ทดสอบหาปั จจัยส่ วนบุคคล (ผู้สนับสนุนค่ าเล่ าเรี ยน/ ทุนการศึกษา) ต่ อการตัดสิ นใจเข้ าศึกษาต่ อใน
ระดับปริ ญญาโทที่มหาวิทยาลัยรามคาแหงฯ ของกลุ่มตัวอย่ าง (N=437)
บทที่ 5
สรุ ปและอภิปรายผล
งานวิ จัย นี ม้ ี วัต ถุป ระสงค์ เพื่ อ ศึก ษาปั จ จัย ที่ มี ผ ลต่อ การตัด สิ น ใจเข้า ศึก ษาต่อ ระดับ ปริญ ญาโทที่
มหาวิทยาลัยรามคาแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดพังงา โดยศึกษาถึงปั จจัยส่วนบุคคล และ
ปั จจัยส่วนผสมทางการตลาดต่อการตัดสิ นใจเข้าศึกษาระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยรามคาแหง สาขาวิทย
บริการเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดพังงา ทัง้ นีไ้ ด้ทาการสารวจผ่านแบบสอบถามทัง้ สิน้ 437 ชุด แล้วนามาวิเคราะห์
และประมวลผลทางสถิตติ ามวัตถุประสงค์ของงานวิจยั ซึ่งผูว้ ิจยั สามารถสรุปผลได้ ดังนี ้
5.1 ข้อมูลลักษณะของกลุ่มประชากรตัวอย่าง
พบว่า ลักษณะประชากรของกลุม่ ตัวอย่าง มีสดั ส่วนของเพศหญิงมากกว่าเพศชาย คือ ร้อยละ 59.7
และ 40.3 ตามลาดับ ส่วนใหญ่อายุระหว่าง 26-30 ปี คิดเป็ นร้อยละ 25.9 สถานภาพโสดมากกว่าสมรส คือร้อย
ละ 56.5 และ 39.1 ตามลาดับ ระดับการศึกษา จะเป็ นปริ ญญาตรี เกือบทั้งหมด คิดเป็ นร้อยละ 95.4 โดยสาเร็จ
การศึกษาคณะบริ หารธุ รกิจมากสุ ด คิดเป็ นร้อยละ 41.2 ประกอบอาชีพเป็ นพนักงานบริษัทเอกชนมากสุด คิด
เป็ นร้อยละ 57.4 มีรายได้เฉลี่ย 10,001 – 20,000 บาทมากสุด คิดเป็ นร้อยละ 39.1 และผูส้ นับสนุนค่าเล่าเรียน/
ทุนการศึกษา คือ ตนเอง คิดเป็ นร้อยละ 80.5 ของกลุม่ ตัวอย่าง
พบว่า ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยรามคาแหงมากที่สดุ
คือ อาจารย์ให้คาปรึกษาด้วยความยินดีและเต็มใจ รองลงมา ได้แก่ อาจารย์มีความสามารถในการถ่ายทอด
วิชาความรู ้ ส่วนข้อที่มีคา่ เฉลี่ยน้อยที่สดุ คือ เจ้าหน้าที่ให้บริการอย่างรวดเร็ว ถูกต้อง
พบว่า เพศ อายุ สถานะภาพ ระดับการศึกษา รายได้ และผูส้ นับสนุนค่าเล่าเรียน/ ทุนการศึกษา ไม่มีผลต่อ
การตัดสินใจเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยรามคาแหงฯ ส่วนคณะที่จบการศึกษาระดับ
ปริ ญญาตรี และอาชีพ มีผลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยรามคาแหงฯ ที่
นัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .001
48
ข้อเสนอแนะ
1. เนื่องจากการศึกษางานวิจยั ในครัง้ นีเ้ ป็ นงานวิจยั เชิงปริมาณ มีการใช้แบบสอบถามเป็ นเครื่องมือใน
การเก็บรวบรวมข้อมูล ดังนัน้ ในการศึกษาครัง้ ต่อไปเพื่อให้ผวู้ ิจยั ได้รบั ทราบถึงความต้องการ ทราบถึงทัศนคติ
ของประชาชนทั่วไปมากขึน้ จึงควรมีการศึกษาในเชิงคุณภาพ โดยการสุม่ สัมภาษณ์ เพื่อให้ได้ขอ้ มูลเชิงลึกใน
การศึกษาระดับความต้องการของประชาชน จังหวัดภูเก็ต ในการตัดสินใจที่จะศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ที่
มหาวิทยาลัยรามคาแหงฯ
2.เนื่องจากการศึกษางานในครัง้ นีเ้ พื่อทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลและปัจจัย
ส่วนผสมทางการตลาดต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยรามคาแหงฯ ดังนัน้
เพื่อให้ทราบถึงผลลัพธ์ภายหลังจากการสาเร็จการศึกษาในระดับปริญญาโท แล้วได้พฒ ั นาศักยภาพของ
ตนเองในด้านใดบ้าง ในการศึกษาครัง้ ต่อไปจึงควรมีการศึกษาในเรื่องคุณภาพชีวิตของประชาชนทั่วไปใน
จังหวัดภูเก็ต เพื่อให้ทราบถึงคุณภาพชีวิตที่ได้รบั จากการพัฒนาความก้าวหน้าในอาชีพ และอื่นๆ
49
บรรณานุกรม
จิ ราภรณ์ ไหวดี . (2541). แรงจู ง ใจในการศึ ก ษาต่ อระดับปริ ญญาโทของนิ สิ ต มหาวิ ท ยาลัย มหาสารคามปี
การศึกษา 2540. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต. มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
ณัฐกาญจน์ อ่างทองและคณะ. (2540). ความต้ องการใช้ บุคลากรระดับปริ ญญาโทของบุคลากรในหน่ วยงาน
ประเภทต่ างๆทั้งภาครั ฐและเอกชนในเขตภูมิภาคตะวันตก. นครปฐม : คณะครุ ศาสตร์ , สถาบันราชภัฏ
นครปฐม.
ทองหล่ อ นาคหอม. (2535). แรงจูง ใจในการศึ กษาต่ อระดับปริ ญญาโทของนิ สิตวิ ชาเอกบริ หารการศึ ก ษา.
มหาวิท ยาลัย นเรศวร ปี การศึ ก ษา 2533-2534. ปริ ญญานิ พ นธ์ ก ารศึ ก ษามหาบัณ ฑิ ต. สื บ ค้น เมื่ อ 10
ธันวาคม 2563, จากhttp://tdc.thailis.or.th/tdc
นิตยา มากเจริ ญชัย. (2546). ความสั มพันธ์ ระหว่ างปั จจัยทางเศรษฐกิ จกับความต้ องการศึกษาต่ อระดับปริ ญญา
โท : กรณี ศึกษา นิสิตปริ ญญาตรี หลักสู ตร 4 ปี ชั้นปี ที่ 4 ปี การศึกษา2545 มหาวิทยาลัยศรี นคริ นทรวิโรฒ
ประสานมิ ต ร. ปริ ญญานิ พ นธ์ เ ศรษฐศาสตรมหาบัณ ฑิ ต . สื บค้ น เมื่ อ 10 ธั น วาคม 2563, จาก
http://tdc.thailis.or.th/tdc
ผูจ้ ดั การออนไลน์. "ม.รามคาแหงวางศิ ลาฤกษ์ แท่ นประดิ ษฐานพ่ อขุนรามฯ ณ วิทยาเขตพังงา" . (ออนไลน์).
เข้าถึงได้จาก : https://mgronline.com/south/detail/9570000111955, 9 ธันวาคม 2563
ภาวิตา กั้นเกษ. (2558). ปั จจัยในการตัดสิ นใจศึกษาต่ อระดับปริ ญญาโทของนักศึกษาชั้นปี ที่ 4 ปี การศึกษา 2554
มหาวิ ทยาลัยราชภัฏพระนคร เขตบางเขน กรุ งเทพมหานคร. ปริ ญญานิ พนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิ ต.
สื บค้น เมื่อ 10 ธันวาคม 2563,จากhttp://tdc.thailis.or.th/tdc
มัท รี ย า กลิ่ นเมื อ ง และวิภ าสิ นี บู รณมี . (2546). ความต้ องการศึ ก ษาต่ อ ระดับ ปริ ญญาโทของบุ คลากรทาง
การศึ กษาในเขตจังหวัดสมุทรสาคร. ปริ ญญานิ พนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิ ต. สื บค้น เมื่อ 10 ธันวาคม
2563,จากhttp://tdc.thailis.or.th/tdc
วาริ นทร์ พฤกษ์สมบูรณ์ และเอกพล จันทร์ โก๊ะ. (2546). ความต้ องการศึ กษาต่ อระดับปริ ญญาโทของบุคลากร
ทางการศึ กษาในเขตจังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ . ปริ ญญานิ พนธ์การศึกษามหาบัณฑิต. สื บค้น
เมื่อ 9 ธันวาคม 2563,จากhttp://tdc.thailis.or.th/tdc
50
ภาคผนวก
52
ก. งบประมาณ
53
ข. Gantt Chart
1. ผูช้ ่วยศาสตราจารย์มณี รัตน์ จรุ งเดชา อาจารย์ผสู ้ อนประจารายวิชา วิธีการวิจยั ทางธุ รกิจ (BUS
กุล 6016) หลักสู ตรบริ หารธุ รกิจมหาบัณฑิต สาขาวิทยบริ การ
เฉลิมพระเกียรติ จังหวัดพังงา
2. นายวรธัช พนาวรางษ์ ตาแหน่งนักเคมี
ปฎิบตั ิงานอยูท่ ี่ Thailand Smelting and Refining
3. นางสาววณิ ชชา จง ตาแหน่งหัวหน้าฝ่ ายบุคคล
ปฏิบตั ิติงานอยูท่ ี่โรงแรมเดอะนาคา ภูเก็ต
55
ผลการวิเคราะห์หาคานวณค่าความเที่ยงของแบบสอบถาม มีค่าเฉลี่ยของดัชนีความสอดคล้อง
(IOC) ได้เท่ากับ
58
ช. ตารางการเลือกสถิติสาหรับทดสอบสมมุติฐาน
69
70
71
72
73
74
75
76
77
ซ. รายชื่ อผู้วจิ ัย
ลาดับ ชื่ อ รหัสนักศึกษา วุฒิการศึกษา/ มหาวิทยาลัย/ ปี ทีส่ าเร็จการศึกษา ตาแหน่ ง/ สถานทีป่ ฏิบัติงาน
1 นายศรันย์ กาญจนกุลานุรักษ์ 6224103016 คณะบริ หารการเงิน เจ้าหน้าที่ปฏิบตั ิการ
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด
2560 ย่อมแห่งประเทศไทย (สาขาภูเก็ต)
2 นางสาวศุภวรรณ เพ็ชรหิ น 6224103018 คณะวิทยาการจัดการ สาขาการบริ หารทรัพยากร หัวหน้างานฝ่ ายบุคคล โรงแรมในเครื องแมริ
มนุษย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต 2556 ออทประเทศไทย (สาขาป่ าตอง ภูเก็ต)
3 นางสาววิชชุดา ขุนฤทธิ์ 6224103037 คณะพยาบาลศาสตร์บณั ฑิต มหาวิทยาลัยนานา หัวหน้าพยาบาลผูป้ ่ วยใน วอร์ด 4 โรงพยาบาล
เอเชียแปซิฟิก กรุ งเทพ 2549 มิชชัน่ ภูเก็ต
4 นายณฐนนท โกยสมบูรณ์ 6224103045 คณะวิทยาศาสตร์ (ภูมิศาสตร์ ) มหาวิทยาลัย รองผูอ้ านวยการอาวุโส บริ ษทั อลิอนั ซ์ อยุธยา
รามคาแหง 2542 ประกันภัย จากัด (มหาชน)
5 นางสาวญาชิตา ศุกดาภานุพล 6224103058 คณะวิทยาศาสตร์ สาขาธรณี ศาสตร์ เจ้าหน้าที่จดั ซื้ อต่างประเทศ บริ ษทั ไทยแลนด์ส
มหาวิทยาลัยมหิดล 2556 เมทติ้งแอนด์รีไฟนิ่ง จากัด
6 นายธวัชชัย บุปผาเผ่า 6224103062 คณะวิทยาศาสตร์ มหาลัยสงขลานคริ นทร์ 2556 ผูค้ วบคุมเสี ยงและการแสดง (อาชีพอิสระ)
7 นางสาวจุฬารัตน์ แซ่พงั่ 6224103071 คณะพยาบาลศาสตร์บณั ฑิต ผูจ้ ดั การคลินิก บริ ษทั เอเพ็กซ์ เมดิคอล เซ็นเตอร์
มหาวิทยาลัยสงขลานคริ นทร์ 2554 จากัด สาขาบายพาส ภูเก็ต
78
ฌ. แบบสอบถาม
79
80
81
82
83