Professional Documents
Culture Documents
Lecture 2
Lecture 2
Lecture 2
L E C T UR E 2
ผู้ บ ร ร ย า ย : ผ ศ . ด ร . ช น ม์ รั ต น์
ต ติ ย ะว ร นั น ท์
ตํา ร า : ห นั ง สื อกา ร วั ด และเ ค รื่ อง มื อวั ด ฉ บั บพิ ม พ์ ค รั้ ง ที่ 2
โด ย ผ ศ . ชั ย บู ร ณ์ กั ง สเ จี ย ร ณ์
คุณสมบัติของระบบการวัด
ค่าผิดพลาด ความไม่แน่นอน ความแม่นยํา
ค่าปริมาณวัด (value of measurand) หรือค่าจริง (true value) คือ ค่าที่ระบุมา
หรือค่าที่ได้รับการยอมรับแล้ว
ค่าผิดพลาด (error) คือ ค่าความแตกต่างระหว่างค่าวัด (measured value) กับค่า
ปริมาณวัด
ค่าผิดพลาดสัมบูรณ์ (absolute error) คือ ขนาดของค่าผิดพลาดที่บอกเป็นตัวเลข
พร้อมกับหน่วย
ค่าผิดพลาดสัมพัทธ์ (relative error) คือ อัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างค่าผิดพลาด
สัมบูรณ์กับค่าปริมาณวัด
คุณสมบัตขิ องระบบการวัดและการวิเคราะห์ขอ้ มูล
e
A 1
y
e
percent A 1 100%
y
percent A 100% percent E
ความเทีย่ งตรง
ความเที่ยงตรง (precision) คือ ความเข้าใกล้กนั ระหว่างค่าวัดแต่ละครั้ง ที่ได้จาก
การวัดทวนซํ้า เป็ นตัวบอกคุณสมบัติของระบบหรื อเครื่ องมือวัดในการวัดปริ มาณตัวเดียวกันซํ้าๆ
กัน ถ้าผลการวัดส่ วนใหญ่มีค่าใกล้เคียงกันก็หมายถึงว่าระบบการวัดมีความเที่ยงตรง หรื อกล่าวได้
อีกอย่างว่าระบบมีค่า ผิดพลาดสุ่ มน้อย แต่ไม่ได้หมายความว่าค่าวัดที่ได้จะต้องแม่นยํา เพราะ
ไม่ได้หมายความว่าระบบการวัดมีค่าผิดพลาดเชิงระบบน้อย
xn x
P 1
x
โดยที่ x = ตัวกลางเลขคณิ ต
P = ความเที่ยงตรง
ความเที่ยงตรงต่างจากความแม่นยํา
เที่ยงตรงไม่จาํ เป็ นต้องแม่นยํา
แต่ถา้ แม่นยํามากก็ตอ้ งเที่ยงตรง
มากด้วย
คุณสมบัตขิ องระบบการวัดและการวิเคราะห์ขอ้ มูล
ตัวอย่างที่ 2
โวลต์มิเตอร์ตวั หนึ่งระบุวา่ มีพิสยั การวัด 300 V นําไปวัดแรงดันที่ตก
คร่ อมโหลด โดยทําการวัด 5 ครั้งแล้วได้ผลการวัดมาดังนี้
ครั้งที่ ค่าวัด
1 232 V
2 248 V
3 243 V
4 246 V
5 245 V
ผลการวัดครั้งใดเที่ยงตรงที่สุด ให้คาํ นวณหาค่าความเที่ยงตรงครั้ง
นั้น พร้อมทั้งคํานวณหาค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของค่าวัดทั้งหมดด้วย
ความจําแนกชัดและเสถียรภาพ
ความจําแนกชัดของระบบการวัด (resolution of a measuring
system) คือ การเปลี่ยนแปลงขนาดปริ มาณวัดที่เล็กที่สุดที่ระบบการวัดสามารถวัด
และแสดงผลออกมาได้
ความจําแนกชัดของส่ วนแสดงผล (resolution of a displaying
device) คือ ความแตกต่างที่เล็กที่สุดของส่ วนชี้ค่าวัดในอุปกรณ์แสดงผลที่สามารถ
แยกแยะค่าวัดได้
: ความจําแนกชัดขึ้นอยูก่ บั พิสยั การวัดและส่ วนแสดงผลของเครื่ องมือวัด
: สิ่ งที่มีผลต่อความจําแนกชัดคือ สัญญาณรบกวนและความเป็ นเชิงเส้นของระบบ
คุณสมบัตขิ องระบบการวัดและการวิเคราะห์ขอ้ มูล
เสถียรภาพ (stability)
คือ ความแน่นอนเที่ยงตรงของระบบการวัดใน สภาวะแวดล้อมของการวัด รวมถึง
ความสามารถในการป้องกัน (immunity) ต่อสัญญาณรบกวนด้วย
: สภาวะแวดล้อมที่อาจมีผลต่อเสถียรภาพคือ อุณหภูมิ ความดัน เป็ นต้น
: ความจําแนกชัดเป็ นคุณสมบัติคนละอย่างกับความแม่นยํา แต่มีผลต่อความ
แม่นยํา
: เครื่ องมือต้องมีความจําแนกชัดเพียงพอที่จะให้มีความแม่นยําได้ตามต้อง
การเช่น เครื่ องมือที่จะให้มีค่าผิดพลาดในระดับไม่เกิน 104 ก็จะต้องมีความ
จําแนกชัดไม่นอ้ ยกว่า 104 ซึ่งหมายถึงต้องมีส่วนแสดงผลเป็ นตัวเลขตั้งแต่ 4
หลักขึ้นไป
ความไว
ความไว (sensitivity) คือ ผลการเปลี่ยนแปลงของตัวชี้ค่าวัดในระบบการ
วัดหารด้วยการเปลี่ยนแปลงของค่าปริ มาณวัด หรื อกล่าวได้อีกอย่างว่าความ
ไวก็คือ ฟังก์ชนั ถ่ายโอน (transfer function) ของระบบ
y
S
x
โดย S = ความไวของระบบ, x = ปริ มาณเข้า, y = ปริ มาณออก
เครื่ องมือบางชนิดอาจระบุคุณสมบัติน้ ีเป็ นส่ วนกลับของความไว เรี ยกว่า
ตัวประกอบสเกล (scale factor) ตัวอย่างเช่น ออสซิลโลสโคปจะบอกเป็ น
ตัวประกอบการเห W 1 x
S y
คุณสมบัตขิ องระบบการวัดและการวิเคราะห์ขอ้ มูล
R
SlR R dR l
l dl R
l
ข้อมูลที่ควรรู ้
: ค่าความไวจะมีหน่วยแตกต่างกันไปตามชนิดของอุปกรณ์
: เฉพาะตัวประกอบความไวจะไม่มีหน่วย
: สิ่ งที่มีผลต่อความไวก็คือ สัญญาณรบกวน ปริ มาณเข้าของระบบการวัดจะต้องมีขนาด
ใหญ่เพียงพอที่ระบบจะสามารถแยกแยะออกจากสัญญาณรบกวนได้
คุณสมบัตขิ องระบบการวัดและการวิเคราะห์ขอ้ มูล
ความเป็ นเชิงเส้น
ความเป็ นเชิงเส้น (linearity) เป็ นคุณสมบัติบอกความสัมพันธ์ระหว่างปริ มาณออกกับ
ปริ มาณเข้า ระบบเชิงเส้นจะต้องสามารถหาปริ มาณโดยใช้หลักการซูเปอร์โพสิ ชนั
(superposition) ได้
ระบบเชิงเส้น ระบบไม่เชิงเส้น
ระบบที่เกิดความอิ่มตัว ระบบที่เกิดเขตไร้ผลสนอง
B
คุณสมบัติของระบบการวัดและการวิเคราะห์ขอ้ มูล
ความไวสู ง แต่
ความเป็ นเชิงเส้นสู ง
พิสยั การวัดตํ่า
ความไวและความเป็ นเชิง
เส้นตํ่า แต่พิสยั การวัดสู ง
คุณสมบัตขิ องระบบการวัดและการวิเคราะห์ขอ้ มูล
: ระบบอันดับศูนย์
สมการสําหรับระบบอันดับศูนย์คือ
b0
y x
a0
ตัวอย่างของระบบการวัดที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับระบบอันดับศูนย์คือ
โพเทนชิโอมิเตอร์ (potentiometer)
Rx x
Vx Vs Vs
RT l
: ระบบอันดับหนึ่ง
สมการของระบบอันดับหนึ่งคือ
a1 d y b
y 0 x
a0 d t a0
ตัวอย่างของระบบอันดับหนึ่งคือ วงจร RC
d vo
RC vo vi
dt
t
vo t V 1 e
คุณสมบัตขิ องระบบการวัดและการวิเคราะห์ขอ้ มูล
ช่วงเวลาเข้าที่มีค่าเป็ น ts ln E
d2 y dy
a2 2 a1 a0 y b0 x
dt dt
การออกแบบมิเตอร์พีเอ็มเอ็มซีที่เหมาะสมจะต้องให้มีการหน่วงขาด (under-
damping) เล็กน้อยคือให้ 1 เพื่อให้เข็มมิเตอร์เบนเข้าสู่ ค่าสุ ดท้ายโดย
2
ไม่มีการสัน่ แต่จะพุง่ เกิน (overshoot) เล็กน้อย ซึ่งจะทําให้อ่านค่าได้เร็ วและ
สังเกตได้ง่ายว่าเข็มเข้าใกล้ค่าสุ ดท้ายแล้ว SM
d
0.1
0.25
0.5
0.71
2
4
ส่ วนผลตอบสนองต่อความถี่จะมีสมการเป็ น
Y j
1
A j S
X j 2 2 2
2
1 0
0
A( )
0 is natural frequency
0
คุณสมบัตขิ องระบบการวัดและการวิเคราะห์ขอ้ มูล
และผลการเลื่อนเฟสมีสมการเป็ น
2
tan 1
0
0
และระบบจะมีแบนด์วดิ ท์เป็ น
f0
0
2
0 is natural frequency
To be continued
คุณสมบัตขิ องระบบการวัดและการวิเคราะห์ขอ้ มูล
ทฤษฎีค่าผิดพลาด
ความแตกต่างระหว่างค่าจริ งกับค่าวัดเกิดขึ้นได้จาก 2 กรณี คือ
1. กระทําการวัดผิด (mistake) หมายถึงผูว้ ดั ทําการวัดไม่ถูกต้อง หรื อใช้
เครื่ องมือไม่ถูกต้อง หรื ออ่านค่าผิด
2. ค่าผิดพลาด (error) เป็ นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นโดยที่ผวู ้ ดั ทําการวัดถูก
ต้องแล้ว ค่าผิดพลาดนี้แบ่งออกได้เป็ น 2 ชนิดคือ ค่าผิดพลาดเชิงระบบ
และค่าผิดพลาดสุ่ ม
สภาวะแวดล้อม
ภาวะเข้าคู่ ภาวะเข้าคู่
ผลกระทบ
ปริมาณวัด ผลการวัด
input x output y
ระบบภายใต้การวัด ระบบการวัด อ็อบเซอร์ฟเวอร์
ผลกระทบ ผลกระทบ
คุณสมบัตขิ องระบบการวัดและการวิเคราะห์ขอ้ มูล
Irms
Vs Zi
คุณสมบัตขิ องระบบการวัดและการวิเคราะห์ขอ้ มูล
Vs = ค่ารากกําลังสองเฉลี่ยของแรงดันของระบบภายใต้การวัด
I rms = ค่ารากกําลังสองเฉลี่ยของกระแสเข้าของระบบการวัด
Z s Rs jX s = อิมพีแดนซ์ดา้ นออกของระบบภายใต้การวัด
Z i Ri jX i = อิมพีแดนซ์ดา้ นเข้าของระบบการวัด
Vs
I rms
Rs Ri 2 X s X i 2
กําลังที่ระบบการวัดได้รับคือ กําลังเฉลี่ยสู ญเสี ยเป็ นความร้อนที่เกิดขึ้น
กับความต้านทานด้านเข้าของระบบการวัด 2
2 Vs Ri
Pav I rms Ri
Rs Ri 2 X s X i 2
2.4.3. การปัดเศษของค่าจากการคํานวณ
เมื่อทําการคํานวณผลการวัดหลายๆค่า แต่ละจํานวนอาจมีเลขนัยสําคัญ
ไม่เท่ากัน ต้องทําการปัดเศษผลคํานวณก่อนนําไปใช้งาน
1. การบวกและการลบ
ให้ใช้ตวั เลขทั้งหมดมาคํานวณ เสร็ จแล้วดูจากทางซ้ายมาทางขวาเพื่อหา
หลักสุ ดท้ายที่เป็ นเลขนัยสําคัญของทุกจํานวนที่นาํ มาคํานวณ หลักแรกสุ ดที่
พบคือตําแหน่งที่จะปัดเศษ
2. การคูณและการหาร
ให้ใช้ตวั เลขทั้งหมดมาคํานวณ แล้วดูวา่ แต่ละจํานวนที่นาํ มาคํานวณนั้น
มีเลขนัยสําคัญกี่หลัก ให้ปัดเศษผลลัพธ์ให้มีเลขนัยสําคัญเท่ากับจํานวนที่มี
เลขนัยสําคัญน้อยที่สุดแล้วเพิ่มต่อท้ายอีก 1 หลัก
คุณสมบัตขิ องระบบการวัดและการวิเคราะห์ขอ้ มูล
ขั้นตอนต่อไปคือการจัดข้อมูลให้เป็ นระเบียบ
45 46 46 47 47 47 48 48 48 48
49 49 49 49 49 50 50 50 50 50
50 50 50 50 51 51 51 51 51 52
52 52 52 52 53 53 54 54 55 55
ต่อไปคือการวิเคราะห์และจัดแสดงในรู ปที่เหมาะแก่การพิจารณา โดยข้อมูลทั้งหมดมี 40
ข้อมูล
คุณสมบัตขิ องระบบการวัดและการวิเคราะห์ขอ้ มูล
ถ้าทําการวัดทวนซํ้ามากครั้งพอ และให้ค่าวัดมีความจําแนกชัดที่ละเอียด
มากจนกระทัง่ x 0 เส้นโพลีกอนจะกลายเป็ นเส้นโค้งความถี่ของค่าชัก
ตัวอย่างที่เรี ยกว่า PDF
: ถ้าการกระจายของค่าชักตัวอย่างเกิดจากสัญญาณรบกวนสุ่ มเพียงอย่าง
เดียว ก็จะได้ PDF เป็ นแบบปรกติหรื อเกาส์เซียน (normal or Gaussian
Distribution)
ขั้นตอนสุ ดท้ายคือ การแปรความหมายของผลการวัด ซึ่งจะได้เป็ นตัว
เลขต่างๆที่คาํ นวณได้จากผลการวัด
n
xi
: ตัวกลางเลขคณิ ต (arithmetic mean) x1 x2 ... xn
x i 1
n n
คุณสมบัตขิ องระบบการวัดและการวิเคราะห์ขอ้ มูล
1 1 x x 2
f(x) f x exp
2 2
1 bending point
2
x x
คุณสมบัตขิ องระบบการวัดและการวิเคราะห์ขอ้ มูล
ช่วงของผลการวัด ความน่าจะเป็ น
x 68.27 %
x 2 95.45 %
x 3 99.73 %
โดยทัว่ ไปช่วงความเชื่อมัน่ ของค่าวัดจะกําหนดไม่เกิน 3
แบบที่ 2 นี้ค่า
sigma น้อยลง
คุณสมบัตขิ องระบบการวัดและการวิเคราะห์ขอ้ มูล
9. เกิดจากการประมาณค่าหรื อการสมมติค่าบางอย่างที่ใช้ในวิธีการวัด
10. เกิดการแปรผันในตัวปริ มาณวัดเอง
1
2a
a a x
a a
x
3 3
ในกรณี ที่ค่าวัดมีการแจกแจงสามเหลี่ยม (triangular distribution) ซึ่งค่า
วัดทั้งหมดจะอยูภ่ ายในช่วง a ถึง a
จะได้ค่าวัดโดยประมาณเป็ น a a a 2
และความไม่แน่นอนมาตรฐานเป็ น u j a โดย x a a
6 2
1
a
a a a a
x x
6 6
1 s Xi
X i ,k X i
n 2
u xi s X i
n n 1 k 1 n
: เมื่อหาความไม่แน่นอนมาตรฐานรวมได้แล้ว ก็จะรายงานผลการวัดได้เป็ น
Y y uc y
68.27 1
90 1.645
95 1.960
95.45 2
99 2.576
99.73 3
อ้างอิงจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
รู ปภาพนํามาจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
จงปัดเศษค่ าจากการทดลองให้
อยู่ในตําแหน่ งทศนิย มเดีย วกับ
ค่ าความไม่ แน่ นอนเสมอ. การ
วัด ที่ มีก ารคํานวณค่ าความไม่
แน่ น อนนี้ มัก จะปั ด เศษหนึ่ ง
หรื อสองตํา แหน่ ง ท้า ย จุ ด ที่
สํา คัญ ที่ สุ ด คื อ ควรปั ด ค่ า ที่ ท าํ
การทดลองให้อ ยู่ใ นตํา แหน่ ง
ทศนิ ย มเดี ย วกับ ค่ า ความไม่
แน่ นอนเพื่อทําให้ค่าที่ วดั ได้มี
ความต่อเนื่อง
อ้างอิงจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
รู ปภาพนํามาจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
อ้างอิงจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
รู ปภาพนํามาจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
หากค่าที่ทดลองวัดได้เป็ น 3.4
ซม. การคํา นวณค่ า ความไม่
แน่นอนก็ควรจะปั ดเศษให้เป็ น
0. 1 ซ ม . เ ช่ น ค่ า ค ว า ม ไ ม่
แน่ นอนของการวัดครั้ งนี้ ควร
เป็ น 3.4 ซม. ± 0.1 ซม. ไม่ใช่
3.4 ซม. ± 1 ซม.
อ้างอิงจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
รู ปภาพนํามาจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
อ้างอิงจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
รู ปภาพนํามาจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
ศึ ก ษาขอบลู ก บอลและไม้
บ ร ร ทั ด เ พื่ อ ใ ห้ รั บ รู ้ ว่ า คุ ณ
สามารถวัด เส้ น ผ่ า ศู น ย์ก ลาง
ของมัน ได้น่ า เชื่ อ ถื อ แค่ ไ หน
ในไม้ บ รรทัด ทั่ว ไปนั้ นเส้ น
ระยะ 0.5 ซม.จะแสดงไว้
ชัดเจน แต่สมมติว่าถ้าสามารถ
วัดได้ละเอียดกว่านั้น สามารถ
วัดได้ภายใน 0.3 ซม. ของค่าที่
วัด ได้อ ย่ า งแม่ น ยํา ดัง นั้ น ค่ า
ความไม่แน่ นอนก็จะอยู่ที่ 0.3
ซม.
อ้างอิงจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
รู ปภาพนํามาจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
อ้างอิงจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
รู ปภาพนํามาจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
สมมติวา่ ไม่มีทางวัดได้ละเอียด
เกิ น 0.2 ซม.โดยใช้ไม้บรรทัด
ดังนั้นค่าความไม่แน่นอนจะอยู่
ที่ ± 0.2 ซม.
สมมติ ว่ า วัด กล่ อ งซี ดี ท้ ัง หมด
แล้วได้ค่าความหนาเท่ากับ 22
ซม.
อ้างอิงจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
รู ปภาพนํามาจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
อ้างอิงจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
รู ปภาพนํามาจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
ส ม ม ติ ว่ า ต้ อ ง ก า ร คํ า น ว ณ
ระยะทางที่ ลู ก บอลจะกลิ้ ง ไป
หลังตกลงมาจากความสู งของ
โต๊ ะ เพื่ อ จะให้ ไ ด้ผ ลลัพ ธ์ ที่ ดี
ที่ สุ ด ต้อ งวัด ลู ก บอลที่ ห ล่ น
จากโต๊ะหลายๆ หนเป็ นอย่า ง
ตํ่า จะต้องหาค่าเฉลี่ ยของการ
วัด ห้า ครั้ งนี้ จากนั้น บวกหรื อ
ลบ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน จาก
ตัวเลขนั้นเพื่อผลที่แม่นยําที่สุด
สมมติ ว่ า คุ ณ วั ด ค่ า เวลาห้ า ครั้ งตาม
ต่อไปนี้ : 0.43 วินาที , 0.52 วินาที , 0.35
วินาที, 0.29 วินาที, และ 0.49 วินาที
อ้างอิงจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
รู ปภาพนํามาจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
อ้างอิงจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
รู ปภาพนํามาจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
หา ค่ า ค ว า ม แปร ปร ว น ใน กา ร
วัด . เริ่ ม ด้ว ยการหาความแตกต่ า ง
ระหว่างค่าที่ วดั ได้แต่ ละครั้ งเที ยบ
กับค่าเฉลี่ย ซึ่ งก็คือนําค่าที่ได้ไปลบ
ออกจาก 0.42 วินาที นี่ คือค่าความ
แตกต่างทั้งห้าครั้ง:
0.43 วิ น าที - .42 วิ น าที = 0.01
วินาที
0.52 วิ น าที - 0.42 วิ น าที = 0.1
วินาที
0.35 วินาที - 0.42 วินาที = -0.07
วินาที
อ้างอิงจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
รู ปภาพนํามาจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
อ้างอิงจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
รู ปภาพนํามาจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
ห า ค่ า ส่ ว น เ บี่ ย ง เ บ น
มาตรฐาน. ในการหาค่ า ส่ ว น
เบี่ยงเบนมาตรฐานนั้น แค่หาค่า
ยกกําลังสองหรื อรากที่สองของ
ความแปรปรวน ค่ า ยกกํา ลัง
สองของ 0.0074 วินาที = 0.09
วิน าที ดัง นั้น ค่ า ส่ ว นเบี่ ย งเบน
มาตรฐานจะเท่ากับ 0.09 วินาที
อ้างอิงจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
รู ปภาพนํามาจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
อ้างอิงจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
รู ปภาพนํามาจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
ก า ร บ ว ก ค่ า ค ว า ม ไ ม่
แน่ น อน. การบวกค่ า วัด ความ
ไม่แน่นอนนั้น ก็แค่บวกค่าที่วดั
ได้และบวกค่าความไม่แน่นอน
ของมัน:
(5 ซม. ± 0.2 ซม.) + (3 ซม. ±
0.1 ซม.) =
(5 ซม. + 3 ซม.) ± (0.2 ซม. +
0. 1 ซม.) =
8 ซม. ± 0.3 ซม.
อ้างอิงจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
รู ปภาพนํามาจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
อ้างอิงจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
รู ปภาพนํามาจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
การคูณค่ าความไม่
แน่ นอน. ตัวอย่างเช่น:
(6 ซม. ± 0.2 ซม.) = (0.2 / 6) x
100% นัน่ คือ 3.3 %
ดังนั้น:
(6 ซม. ± 0.2 ซม.) x (4 ซม. ± 0.3
ซม.) = (6 ซม. ± 3.3% ) x (4 ซม.
± 7.5%)
(6 ซม. x 4 ซม.) ± (3.3 + 7.5) =
24 ซม. ± 10.8 % = 24 ซม. ± 2.6
ซม.
อ้างอิงจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
รู ปภาพนํามาจาก https://th.wikihow.com/ความไม่แน่นอน
End