Professional Documents
Culture Documents
แนวทางการจัดกิจกรรม
แนวทางการจัดกิจกรรม
ทักษะกล้ามเนื้อมัดใหญ่
๑. คาอธิบายทักษะกล้ามเนื้อมัดใหญ่
การพัฒนาศักยภาพทักษะกล้ามเนื้อมัดใหญ่ เป็ นการพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ในเรื่อง การเคลื่อนไหวในท่านอน การคืบ การคลาน การนั่ง การยืน
การเดิน การวิ่ง การกระโดด และการรับ-ส่งลูกบอล
โดยใช้การปฏิบัติจริง การสาธิต การวิเคราะห์งานเป็นลาดับขั้นตอน ฝึกทักษะแบบบูรณาการ ในการพัฒนาศักยภาพอย่างสมบูรณ์และสมดุลในด้าน
ต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งมีคณะสหวิชาชีพ ผู้ปกครอง ครอบครัว ชุมชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการพัฒนาศักยภาพผู้เรียน
เพื่อให้ผู้เรียนมีกล้ามเนื้อมัดใหญ่ที่แข็งแรงทางานได้อย่างประสานสัมพันธ์กัน ร่างกายเจริญเติบโต มีสุขนิสัยที่ดี เล่นและทากิจกรรมร่วมกับผู้อื่น
ส่งผลให้ผู้เรียนสามารถช่วยเหลือตนเองและดารงชีวิตประจาวันได้เต็มศักยภาพ
๒. วัตถุประสงค์ของการพัฒนาทักษะกล้ามเนื้อมัดใหญ่
๑. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ในการทากิจกรรมได้ เต็มศักยภาพของแต่ละบุคคล
๒. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่เป็นพื้นฐานในการเรียนรู้ตามลาดับขั้นพัฒนาการ
๓. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ร่วมกับทักษะอื่น ๆ ในการปฏิบัติกิจวัตรประจาวันได้
๒
แนวการจัดกิจกรรมทักษะกล้ามเนื้อมัดใหญ่
ทักษะย่อย เนื้อหา พัฒนาการที่คาดหวัง แนวการจัดกิจกรรม
๑.การเคลื่อนไหวใน ๑.๑ การเคลื่อนไหว ๑. สามารถควบคุมศีรษะและลูกตา ๑. ผู้สอนจัดท่าผู้เรียนในท่านอนหงายโดยผู้สอนนั่งอยู่ปลายเท้าของผู้เรียน
ท่านอน ในท่านอนหงาย ตามเป้าหมายได้ ๒. ผู้สอนนากระดิ่งหรือของเล่นมีเสียง สีสันสดใสกระตุ้นให้ผู้เรียนสนใจมอง
หรือหันศีรษะตามทิศทางของการกระตุ้น
๒. สามารถควบคุมศีรษะให้อยู่ในแนว ๑. ผู้สอนจัดท่าผู้เรียนในท่านอนหงายโดยผู้สอนนั่งอยู่ปลายเท้าของผู้เรียน
กึ่งกลางได้ ๒. ผู้สอนนากระดิ่งหรือของเล่นมีเสียง สีสันสดใสกระตุ้นให้ผู้เรียนสนใจมอง
หรือหันศีรษะในแนวกึ่งกลางลาตัว
๓. สามารถควบคุมศีรษะเมื่อยกลาตัว ๑. ผู้สอนจัดท่าผู้เรียนในท่านอนหงายโดยผู้สอนนั่งอยู่ปลายเท้าของผู้เรียน
ขึ้นจากท่านอนหงายได้ ๒. ผู้สอนจับข้อมือทั้งสองข้างดึงขึ้นมาช้าๆ อยู่ในท่านั่งในขณะที่จะเริ่มดึงตัว
ควรรอสักครู่ เพื่อให้ผู้เรียนเตรียมตัวและพร้อมที่จะเกร็งคอยกศีรษะขึ้นมา
๔. สามารถเคลื่อนไหวแขนได้ ๑. ผู้สอนจัดท่าผู้เรียนในท่านอนหงายโดยผู้สอนนั่งอยู่ปลายเท้าของผู้เรียน
๒. ผู้สอนนากระดิ่งหรือของเล่นมีเสียง สีสันสดใสกระตุ้นให้ผู้เรียนสนใจ
พยายามหลอกล่อให้ผู้เรียนมีการขยับแขน เพื่อสัมผัสของเล่นทีละข้าง
๓. ผู้สอนกระตุ้นด้วยของที่ผู้เรียนชอบเพื่อให้ผู้เรียนสนใจ พยายามหลอกล่อ
ในแนวกึ่งกลางลาตัว เพื่อให้ผู้เรียนมีการเคลื่อนไหวแขนสองข้าง เพื่อ
แตะสัมผัสของเล่น
๕. สามารถเคลื่อนไหวขาได้ ๑. ผู้สอนจัดท่าผู้เรียนในท่านอนหงายโดยผู้สอนนั่งอยู่ปลายเท้าของผู้เรียน
๒. ผู้สอนนากระดิ่งหรือของเล่นมีเสียง สีสันสดใสกระตุ้นให้ผู้เรียนสนใจ
พยายามหลอกล่อให้ผู้เรียนมีการขยับขา เพื่อสัมผัสของเล่นทีละข้าง
๓. ผู้สอนนาของเล่นที่มีเสียงสัมผัสหรือเคาะเบาๆที่ขาทั้งสองข้าง กระตุ้นให้
ผู้เรียน มีการเคลื่อนไหวขาสองข้าง เพื่อเตะของเล่น
๓
แนวการจัดกิจกรรมทักษะกล้ามเนื้อมัดใหญ่ (ต่อ)
แนวการจัดกิจกรรมทักษะกล้ามเนื้อมัดใหญ่ (ต่อ)
แนวการจัดกิจกรรมทักษะกล้ามเนื้อมัดใหญ่ (ต่อ)
แนวการจัดกิจกรรมทักษะกล้ามเนื้อมัดใหญ่ (ต่อ)
ทักษะย่อย เนื้อหา พัฒนาการที่คาดหวัง แนวการจัดกิจกรรม
๒. การคืบและการ ๒.๑ การคืบ ๑. สามารถคืบได้ ๑. ผู้สอนจัดผู้เรียนนอนคว่าให้หน้าอกอยู่บนหมอนข้าง กระตุ้นลงน้าหนัก
คลาน ที่แขนทั้งสองข้าง ผู้สอนจับสะโพกดันไปข้างหน้า ข้างหลัง ให้ผู้เรียน
เกิดการเรียนรู้ในการควบคุมการเคลื่อนไหวของข้อสะโพก
๒. เมื่อผู้เรียนทาได้ดี ให้ค่อยๆ หมุนหมอนข้างไปข้างหน้าทีละน้อยให้
ผู้เรียน มีการเคลื่อนที่ไปด้านหน้า เมื่อผู้เรียนสามารถทาได้ให้นาหมอนข้าง
ออกแล้วให้ผู้เรียนคืบไปด้านหน้าด้วยตนเอง อาจใช้ของเล่นกระตุ้นให้คืบ
ไปหาของเล่น ระยะแรกผู้สอนอาจจะช่วยโดยจับที่ไหล่และท่อนแขน
ด้านบนให้มีการเดินศอกไปด้านหน้า เมื่อผู้เรียนทาได้ดีให้ลดการช่วยเหลือ
ลง
๒.๒ การคลาน ๑. สามารถคลานได้ ๑. ผู้สอนจัดท่าผู้เรียนให้อยู่ในท่าตั้งคลาน โดยมือทั้งสองยันพื้น (ข้อศอก
เหยียด) ยกลาตัวขึ้นอยู่ในท่าตั้งคลาน ถ้าผู้เรียนไม่สามารถใช้มือดันขึ้นเอง
ผู้สอนช่วยจัดท่าผู้เรียนตั้งขึ้น ฝึกโดยให้ผู้เรียนอยู่ในท่าตั้งคลานอยู่กับ
ที่ชั่วครู่เพื่อให้ผู้เรียนมีความพร้อมของกล้ามเนื้อในการทรงท่าทางและ
เตรียมเคลื่อนไหว
๒. ผู้สอนกระตุ้นให้ผู้เรียนเอื้อมมือมาหยิบของเล่นในขณะตั้งคลาน เปลี่ยนมือ
ทั้งซ้ายและขวา
๓. ฝึกให้ผู้เรียนคลาน โดยผู้สอนใช้มือกระตุ้นให้เกิดการคลานมือจับที่ไหล่และ
ข้อสะโพกสลับกันคือ ไหล่ซ้ายสะโพกขวา ไหล่ขวาสะโพกซ้าย ดันให้มีการ
เคลื่อนที่ไปด้านหน้า เมื่อผู้เรียนทาได้ดีลดการช่วยเหลือลง
๔. ผู้สอนใช้ของเล่นที่ผู้เรียนชอบกระตุ้นให้ผู้เรียนสนใจ เพื่อให้ผู้เรียนมีการ
เคลื่อนที่โดยการคลานตามสิ่งของนั่น ๆ
๗
แนวการจัดกิจกรรมทักษะกล้ามเนื้อมัดใหญ่ (ต่อ)
แนวการจัดกิจกรรมทักษะกล้ามเนื้อมัดใหญ่ (ต่อ)
แนวการจัดกิจกรรมทักษะกล้ามเนื้อมัดใหญ่ (ต่อ)
แนวการจัดกิจกรรมทักษะกล้ามเนื้อมัดใหญ่ (ต่อ)
แนวการจัดกิจกรรมทักษะกล้ามเนื้อมัดใหญ่ (ต่อ)
แนวการจัดกิจกรรมทักษะกล้ามเนื้อมัดใหญ่ (ต่อ)
แนวการจัดกิจกรรมทักษะกล้ามเนื้อมัดใหญ่ (ต่อ)
ทักษะย่อย เนื้อหา พัฒนาการที่คาดหวัง แนวการจัดกิจกรรม
๒. ผู้สอนให้ผู้เรียนยืนจับราวบันได ผู้สอนยืนต่ากว่าผู้เรียน กระตุ้นให้ผู้เรียน
ก้าวขาลงบันไดแล้วก้าวขาอีกข้าหนึ่งลงมาอยู่ขั้นเดียวกัน ผู้สอนจับบริเวณ
สายรัดเอวหรือขอบกางเกงคอยพยุงและช่วยเหลือให้ผู้เรียนมีทิศทางการ
เคลื่อนไหวที่ถูกต้อง ฝึกซ้าจนผู้เรียนมีการทรงตัวที่ดีและสามารถเดินขึ้น -
ลงบันไดโดยจับราวบันได แบบพักเท้าด้วยตนเอง
๒. สามารถเดินขึ้น-ลงบันไดโดยจับราว ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนยืนบนบันได ผู้สอนยืนต่ากว่าผู้เรียน กระตุ้นให้ผู้เรียนก้าว
บันได แบบสลับเท้าได้ ขาขึ้ น บั น ไดสลั บ เท้ า ผู้ ส อนจั บ บริ เ วณสายรั ด เอวหรื อ เข็ ด ขั ด หรื อ ขอบ
กางเกงผู้เรียน คอยพยุงและช่วยเหลือให้ผู้เรียนมีทิศทางการเคลื่อนไหวที่
ถูกต้อง
๒. ผู้สอนให้ผู้เรียนยืนบนบันได ผู้สอนยืนต่ากว่าผู้เรียนกระตุ้นให้ผู้เรียนก้าวขา
ลงบันไดสลับเท้า ผู้สอนจับบริเวณสายรัดเอวหรือเข็มขัดหรือขอบกางเกง
ผู้เรียนคอยพยุงและช่วยเหลือให้ผู้เรียนมีทิศทางการเคลื่อนไหวที่ถูกต้อง
๓. ฝึกซ้าจนผู้เรียนมีการทรงตัวที่ดีและสามารถเดินขึ้ น-ลงบันไดโดยจับราว
บันได แบบสลับเท้าด้วยตนเอง
๓. สามารถเดินขึ้น-ลงบันไดโดยไม่จับ ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนยืนบนบันได ผู้สอนยืนต่ากว่าผู้เรียน กระตุ้นให้ผู้เรียนก้าว
ราวบันได แบบพักเท้าได้ ขาข้างหนึ่งขึ้นบันไดแล้วก้าวขาอีกข้างหนึ่งขึ้นมาอยู่ขั้นเดียวกัน ผู้สอนจับ
บริเวณสายรัดเอวหรือขอบกางเกงผู้เรียน คอยพยุงและช่วยเหลือให้ผู้เรียน
มีทิศทางการเคลื่อนไหวที่ถูกต้อง
๒. ผู้สอนให้ผู้เรียนยืนบนบันได ผู้สอนต่ากว่าผู้เรียน กระตุ้นให้ผู้เรียนก้าวขา
ลงบันไดแล้วก้าวขาอีกข้าหนึ่งลงมาอยู่ขั้นเดียวกัน ผู้สอนจับบริเวณสายรัด
เอวหรือขอบกางเกงผู้เรียน คอยพยุงและช่วยเหลือให้ผู้เรียนมีทิศทางการ
๑๔
แนวการจัดกิจกรรมทักษะกล้ามเนื้อมัดใหญ่ (ต่อ)
แนวการจัดกิจกรรมทักษะกล้ามเนื้อมัดใหญ่ (ต่อ)
แนวการจัดกิจกรรมทักษะกล้ามเนื้อมัดใหญ่ (ต่อ)
ทักษะย่อย เนื้อหา พัฒนาการที่คาดหวัง แนวการจัดกิจกรรม
๓. สามารถกระโดดสองขาอยู่กับที่ได้ ๑. ผู้สอนสาธิตการกระโดดอยู่กับที่ต่อเนื่อง ๓ ครั้งแล้วให้ผู้เรียนทาตาม
อย่างต่อเนื่อง ๒. ผู้สอนให้ผู้เรียนกระโดดอยู่กับที่ต่อเนื่องอย่างน้อย ๓ ครั้ง เช่น กระโดด
แทมโพลีน กระโดดแตะบอลที่ห้อยอยู่เหนือศีรษะ เป็นต้น
๗.๒ กระโดด ๒ ขา ๑. สามารถกระโดดไปด้านหน้าโดย ๑. ผู้สอนสาธิตการกระโดดไปด้านหน้า โดยผู้สอนจับมือผู้เรียนกระโดด
ไปในทิศทางต่าง ๆ ช่วยพยุงได้ ให้จังหวะ ย่อ...กระโดด หรือ ๑ ๒…๓
๒. สามารถกระโดดไปด้านหน้าได้ ๑. ผู้สอนสาธิตการกระโดดไปด้านหน้า ผู้เรียนทาตาม
๒. ผู้สอนให้ผู้เรียนกระโดดไปด้านหน้าด้วยตนเอง
๓. สามารถกระโดดไปด้านข้างได้ ๑. ผู้สอนสาธิตการกระโดดไปด้านข้าง ผู้เรียนทาตาม
๒. ผู้สอนให้ผู้เรียนกระโดดด้านข้างด้วยตนเอง
๔. สามารถกระโดดถอยหลังได้ ๑. ผู้สอนสาธิตการกระโดดถอยหลัง ผู้เรียนทาตาม กรณีผู้เรียนกระโดดไม่ได้
ผู้สอนควรกาหนดจุดชี้นาในการกระโดด เช่น กระโดดถอยหลังจากสีแดง
ไปสีเหลือง ฝึกซ้าๆ จนผู้เรียนสามารถกระโดดถอยหลังได้
๒. ผู้สอนให้ผู้เรียนกระโดถอยหลังผ่านกิจกรรม เช่น แข่งขันการกระโดดถอย
เก็บของ
๕. สามารถกระโดดจากที่สูงลงพื้นที่ต่า ๑. ผู้สอนสาธิตกระโดดจากที่สูงลงพื้นที่ต่ากว่า ผู้เรียนทาตาม
กว่าได้ ๒. กรณีผู้เรียนกระโดดไม่ได้ ผู้สอนควรกาหนดตาแหน่งในการกระโดด เช่น
ให้ผู้เรียนยืนบนพื้นที่สูงจากพื้นเล็กน้อยแล้วกระโดดลงมา
๓. ผู้สอนเพิ่มระดับความสูงเมื่อผู้เรียนสามารถกระโดดในระดับต่าๆได้แล้ว
๑๗
แนวการจัดกิจกรรมทักษะกล้ามเนื้อมัดใหญ่ (ต่อ)
ทักษะย่อย เนื้อหา พัฒนาการที่คาดหวัง แนวการจัดกิจกรรม
๖. สามารถกระโดดจากที่ต่าขึ้นสู่ที่สูง ๑. ผู้สอนสาธิตการกระโดดจากที่ต่าสู่ที่สูง ผู้เรียนทาตาม
ได้ ๒. กรณีผู้เรียนกระโดดไม่ได้ ผู้สอนควรกาหนดตาแหน่งในการกระโดด
ให้ผู้เรียนยืนบนพื้นที่ต่ากว่าแล้วกระโดดขึ้น
๓. ผู้สอนเพิ่มระดับความสูงและระยะห่างที่ยากมากขึ้น เมื่อผู้เรียนสามารถ
กระโดดในระดับง่ายๆได้แล้ว
๗. สามารถกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางได้ ๑. ผู้สอนสาธิตการกระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง ผู้เรียนทาตาม
๒. กรณีผู้เรียนกระโดดไม่ได้ผู้สอนอยู่ด้านหน้าผู้เรียนจับมือสองข้างให้จังหวะ
ย่อ...กระโดด หรือ ๑ ๒…๓ และช่วยจัดท่าทางในการนากระโดดข้าม
เป็นต้น
๗.๓ กระโดดขาเดียว ๑. สามารถกระโดดขาเดียวอยู่กับที่ได้ ๑. ผู้สอนสาธิตการกระโดดขาเดียวอยู่กับที ผู้เรียนทาตาม กรณีผู้เรียนกระโดด
ไม่ได้ ผู้สอนจับมือผู้เรียน ให้จังหวะ ย่อ...กระโดด หรือ ๑ ๒…๓
๒. ผู้สอนให้ผู้เรียนทากิจกรรมการกระโดดขาเดียวอยู่กับที่ เช่น กระโดดขา
เดียวแตะลูกบอลแขวนเหนือศีรษะ กระโดดขาเดียวบนแผ่นกันกระแทก
เป็นต้น
๒. สามารถกระโดดขาเดียวไปใน ๑. ผู้สอนสาธิตการกระโดดขาเดียวในทิศทางต่างๆ ติดต่อกัน
ทิศทางต่างๆ ได้ติดต่อกัน ๒. ผู้สอนให้ผู้เรียนทากิจกรรมกระโดดขาเดียวในทิศทางต่างๆ เช่น กระโดด
ติดต่อกันไปด้านหน้า ด้านข้าง ถอยหลัง
๘. การรับส่งลูกบอล ๘.๑ การส่งลูกบอล ๑. สามารถกลิ้งลูกบอลขณะอยู่ในท่า ๑. ผู้สอนสาธิตการกลิ้งลูกบอลขนาดใหญ่ไปข้างหน้า ผู้เรียนทาตาม
นั่งได้ ๒. ผู้สอนให้ผู้เรียนนั่งกับพื้น ผู้สอนจับมือผู้เรียนกลิ้งลูกบอล
๓. ผู้สอนสามารถปรับระดับความยากง่ายของกิจกรรม เริ่มจากลูกบอลขนาด
ใหญ่ไปหาลูกบอลขนาดเล็ก ระยะทางและความเร็วที่แตกต่างกัน
๑๘
แนวการจัดกิจกรรมทักษะกล้ามเนื้อมัดใหญ่ (ต่อ)
ทักษะย่อย เนื้อหา พัฒนาการที่คาดหวัง แนวการจัดกิจกรรม
๒. สามารถโยนลูกบอลได้ ๑. ผู้สอนสาธิตการโยนลูกบอล ผูเ้ รียนทาตาม กรณีผู้เรียนทาไม่ได้ ผู้สอนจับ
มือผู้เรียนโยนลูกบอลไปด้านหน้า
๒. ผู้สอนให้ผู้เรียนทาซ้าจนผู้เรียนสามารถทาได้ด้วยตนเอง
๓. ผู้สอนสามารถปรับระดับความยากง่ายของกิจกรรม เริ่มจากลูกบอลขนาด
ใหญ่ไปหาลูกบอลขนาดเล็ก ระยะทางและความเร็วที่แตกต่างกัน
๘.๒ การรับลูกบอล ๑. สามารถรับลูกบอลได้ ๑. ผู้สอนสาธิตรับลูกบอลที่กลิ้งมาขณะนั่งอยู่กับพื้น ผู้เรียนทาตาม
๒. ผู้ ส อนให้ ผู้ เ รียนนั่ง กับพื้น ผู้ ส อนจับมื อผู้ เรีย นกางและหุ บแขน เพื่อรั บ
ลูกบอลที่กลิ้งมา
๓. ผู้สอนให้ผู้เรียนยืนในท่าที่เหมาะสม ผู้สอนจับมือผู้เรียนกางและหุบแขน
เพื่อรับลูกบอลที่โยนมา
๔. ผู้สอนสามารถปรับระดับความยากง่ายของกิ จกรรม เริ่มจากลูกบอลขนาด
ใหญ่ไปหาลูกบอลขนาดเล็ก ระยะทางและความเร็วที่แตกต่างกัน
๕. ผู้สอนให้ผู้เรียนทาซ้าจนผู้เรียนสามารถทาได้ด้วยตนเอง
๑๙
ทักษะกล้ามเนื้อมัดเล็ก
๑. คาอธิบายทักษะกล้ามเนื้อมัดเล็ก
การพัฒนาศักยภาพทักษะกล้ามเนื้อมัดเล็ก เป็นการพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กให้แข็งแรงและใช้ได้อย่างประสานสัมพันธ์กัน ในเรื่อง การมอง การใช้มือ
ในการทากิจกรรม การประสานสัมพันธ์ระหว่างตากับมือ รวมไปถึงการเคลื่อนไหวอวัยวะที่ใช้ในการพูด
โดยใช้การปฏิบัติจริง การสาธิต การเลียนแบบ การวิเคราะห์งานเป็นลาดับขั้นตอน ผ่านกระบวนการคิด การตัดสินใจ และการเรียนรู้แบบบูรณาการ
ในการพัฒนาศักยภาพอย่างสมบูรณ์และสมดุลในด้านต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งมีคณะสหวิชาชีพ ผู้ปกครอง ครอบครัว ชุมชนและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง มีส่วนร่วมใน
การพัฒนาศักยภาพผู้เรียน
เพื่อให้ผู้เรียนมีกล้ามเนื้อมัดเล็กที่ แข็งแรงทางานได้อย่างประสานสัมพันธ์กันร่างกายเจริญเติบโต มีสุขนิสัยที่ดี เล่นและทากิจกรรมร่วมกับผู้อื่น
ส่งผลให้ผู้เรียนสามารถช่วยเหลือตนเองและดารงชีวิตประจาวันได้เต็มศักยภาพ
๒. วัตถุประสงค์ของการพัฒนาทักษะกล้ามเนื้อมัดเล็ก
๑. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กในการทากิจกรรมได้อย่างประสานสัมพันธ์กันเต็มศักยภาพของแต่ละบุคคล
๒. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก เป็นพื้นฐานในการเรียนรู้ในขั้นที่สูงขึ้นต่อไป
๓. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กร่วมกับทักษะอื่น ๆ ในการปฏิบัติกิจวัตรประจาวันได้
๒๐
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกล้ามเนื้อมัดเล็ก
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกล้ามเนื้อมัดเล็ก (ต่อ)
ทักษะย่อย เนื้อหา พัฒนาการที่คาดหวัง แนวการจัดกิจกรรม
๑.๓ การมองตาม ๑. สามารถมองตามวัตถุหรือสิ่งของ ๑. ผู้สอนถือวัตถุหรือสิ่งของด้านหน้าระดับสายตาผู้เรียน แล้วค่อย ๆ เคลื่อน
วัตถุหรือสิ่งของ ที่เคลื่อนที่ได้ วัตถุไปในทิศทางต่าง ๆ (บน-ล่าง ซ้าย-ขวา) อย่างช้า ๆ ให้ผู้เรียนมองตามวัตถุ
ที่เคลื่อนที่
๒. สามารถมองหาเมื่อสิ่งของหายไป ๑. ผู้สอนเคลื่อนของเล่นสีสดใส มีเสียงหรือไม่มีเสียงไปมาข้างหน้าผู้เรียน เมื่อ
จากสายตาได้ ผู้ เรียนจ้องมองค่อย ๆ เคลื่ อนของเล่ นไปแอบไว้ด้านหลั งผู้ ส อน สั งเกตว่า
ผู้เรียนมองจุดที่ของเล่นหายไปจากสายตาหรือไม่ ถ้าผู้เรียนไม่มองทาซ้าอีก
๒. ผู้สอนนาวัตถุสิ่งของมาให้ผู้เรียนดู จากนั้นซ่อนไว้ใต้โต๊ะ และให้ผู้เรียนกวาด
สายตามองหา
๒. การใช้มือ ๒.๑ การเอื้อมมือ ๑. สามารถเอื้อมมือออกไปใน ๑. ผู้สอนถือวัตถุด้านหน้าผู้เรียนในทิศทางบน-ล่าง ซ้าย-ขวา ให้ผู้เรียนเอื้อมมือ
ทิศทางต่าง ๆ ได้ ออกไปแตะหรือคว้าวัตถุนั้น
๒. สามารถเอื้อมมือออกไปจับวัตถุได้ ๑. ผู้สอนถือวัตถุด้านหน้าให้ผู้เรียนเอื้อมมือออกไปจับวัตถุในทิศทางต่าง ๆ
๒.๒ การใช้มือกา ๑. สามารถกาหรือจับวัตถุได้ ๑. ผู้ ส อนส่ ง ของเล่ น ที่ มี สี สั น สดใสหรื อ มี เ สี ย งให้ ผู้ เ รี ย น อาจใช้ ข องเล่ น แตะ
หรือจับวัตถุ เบา ๆ ที่ ห ลั ง นิ้ ว มื อ ของผู้ เ รี ย น เพื่ อ ให้ ผู้ เ รี ย นกางมื อ ออกและก าของเล่ น
ถ้าผู้เรียนไม่กางมือ ให้ลูบหลังมือพร้อมกดมือผู้เรียนลงเล็กน้อย
๒. ผู้สอนนาของเล่นที่มีสีสันสดใสหรือมีเสียง จานวน ๒ ชิ้น โดยส่งของเล่นชิ้น
ที่ ๑ ให้ผู้เรียนกาไว้ แล้วนาของเล่นชิ้นที่ ๒ ใส่มือผู้เรียนอีกข้างหนึ่ง ถ้า
ผู้เรียนไม่จับผู้สอนช่วยจับมือผู้เรียนให้กาของเล่นไว้
๒.สามารถกาและตอก หรือทุบวัตถุได้ ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนกาวัตถุที่มีด้ามจับและตอก หรือทุบวัตถุเป้าหมาย เช่น ค้อน
ต๊อกแต๊ก เครื่องดนตรีประกอบจังหวะ ฯลฯ
๓. สามารถกาและบิดวัตถุได้ ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนกาวัตถุและบิด เช่น ลูกบิดประตู, ผ้า ฯลฯ
๒๒
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกล้ามเนื้อมัดเล็ก (ต่อ)
ทักษะย่อย เนื้อหา พัฒนาการที่คาดหวัง แนวการจัดกิจกรรม
๒. ผู้สอนนาผ้าขนหนู หรือผ้าเช็ดหน้าซับน้าให้เปียก จากนั้นให้ผู้เรียนบิด
ผ้าขนหนูหรือผ้าเช็ดหน้า หากผู้เรียนทาไม่ได้ผู้สอนสาธิตให้ผู้เรียนดูก่อนเป็น
ตัวอย่าง
๒. การใช้มือ(ต่อ) ๒.๓ การใช้นิ้วมือ ๑. สามารถหยิบวัตถุโดยใช้ ๑. ผู้สอนนาวัตถุที่มีสีสันสดใสหรือมีเสียง วางด้านหน้าผู้เรียน เพื่อกระตุ้นให้
นิ้วหัวแม่มือร่วมกับนิ้วอื่นๆ ได้ ผู้เรียนสนใจอยากได้ของเล่น โดยเคาะวัตถุกับพื้นให้เกิดเสียง ถ้าผู้เรียนไม่
หยิบ ผู้สอนจับมือผู้เรียนให้หยิบ
๒. ผู้สอนวางวัตถุด้านหน้าผู้เรียน ให้ผู้เรียนใช้นิ้วหัวแม่มือร่วมกับนิ้วอื่นๆ หยิบ
วัตถุให้เหมาะสมจากขนาดใหญ่ไปเล็ก เช่น ลูกปัดขนาด ๑ เซนติเมตร เม็ดถั่ว
แดง คลิปหนีบกระดาษ ลูกเกด เม็ดถั่วเขียว ไม่จิ้มฟัน เส้นด้าย ฯลฯ
๒. สามารถหมุนเปิด-ปิดวัตถุได้ ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนใช้มือหมุนเปิดและปิดวัตถุที่มีลักษณะเกลียวเช่น ฝาขวดน้า
ของเล่นชุดฝึกการไขน๊อต ลูกบิดเปิดและปิดประตู ฯลฯ
๓. สามารถจับและหมุนวัตถุที่มี ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนจับและหมุนวัตถุที่มีขนาดต่างๆ เช่น กุญแจ ฝาขวด ของ
ขนาดต่างๆ ได้ เล่นไขลาน
๔. สามารถแกะหรือฉีกวัตถุโดย ๑. ผู้เรียนแกะวัตถุ เช่น กล่องของขวัญ ห่อลูกอม เชือกที่ผูกไว้หลวมๆ
ใช้นิ้วมือได้ สติ๊กเกอร์ ฯลฯ
๒. ผู้เรียนฉีกวัตถุ เช่น กระดาษ ห่อขนมหรือห่อลูกอม ฯลฯ
๒.๔ การนา ๑. สามารถสลับวัตถุที่อยู่ในมือ ๑. ผู้สอนสาธิตการสลับวัตถุที่อยู่ในมือจากข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่งให้ผู้เรียนดู
และการปล่อยหรือ จากข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่งได้ ๒. ผู้สอนส่งวัตถุให้ผู้เรียนถือไว้ในมือข้างใดข้างหนึ่ง แล้วให้ผู้เรียนสลับวัตถุที่อยู่
วางวัตถุ ในมือไปยังอีกข้างหนึ่ง
๒. สามารถนาวัตถุไปปล่อยหรือวางใน ๑. ผู้เรียนนาวัตถุ เช่น ลูกปัด ลูกบอล ของเล่น ผลไม้จาลอง ไปปล่อยหรือวางลง
ภาชนะที่กาหนดได้ ในภาชนะ
๒๓
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกล้ามเนื้อมัดเล็ก (ต่อ)
ทักษะย่อย เนื้อหา พัฒนาการที่คาดหวัง แนวการจัดกิจกรรม
๓. การประสาน ๓.๑ การใส่วัตถุ ๑. สามารถใส่วัตถุลงในภาชนะหรือ ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนใส่วัตถุลงในภาชนะหรืออุปกรณ์ต่างๆ เช่น ปักหมุดขนาดต่าง
สัมพันธ์ระหว่างตา อุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ ๆ ลูกปัดสวมหลัก บล็อกรูปทรง ลูกบอล ลูกเทนนิส เจดีย์สลับสี ฯลฯ
กับมือ ๓.๒ การต่อวัตถุ ๑. สามารถต่อวัตถุในแนวนอนได้ ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนต่อวัตถุในแนวนอน จานวนตั้งแต่ ๒ ชิ้นขึ้นไป เช่น
บล็อกไม้ กล่องลูกเต๋า
๒. สามารถต่อวัตถุในแนวตั้งได้ ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนต่อวัตถุในแนวตั้งซ้อนกัน จานวนตั้งแต่ ๒ ชิ้นขึ้นไป เช่น
บล็อกไม้ กล่องลูกเต๋า
๓. สามารถจัดเรียงวัตถุตามแบบได้ ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนจัดเรียงวัตถุตามแบบ เช่น รูปสะพาน รูปเรขาคณิต
๓.๓ การร้อยวัตถุ ๑. สามารถร้อยวัตถุที่มีขนาดหรือ ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนร้อยวัตถุที่มีขนาดหรือรูปทรงต่าง ๆ เช่น หลอดด้าย ลูกปัด
รูปทรงต่าง ๆ ได้ หลอดดูด กระดาษแข็งที่เจาะรู ดอกไม้ ฯลฯ
๓.๔ การปั้น ๑. สามารถปั้นแล้วคลึงเป็นเส้นยาวได้ ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนกา ทุบ ขยา ด้วยมือทั้งสองข้าง เช่น ดินน้ามัน แป้งโด
๒. ผู้สอนให้ผู้เรียนดึงดินน้ามัน หรือแป้งโด ออกจากกันเป็นก้อน ๆ โดยใช้นิ้วทุก
นิ้ว
๓. ผู้ ส อนให้ ผู้ เ รี ย นดึ ง ดิ น น้ ามั น หรื อ แป้ ง โดออกจากกั น เป็ น ก้ อ น ๆ โดยใช้
นิ้วหัวแม่มือ นิ้วกลางและนิ้วชี้
๔. ผู้สอนให้ผู้เรียนตัดดินน้ามันหรือแป้งโดด้วยมีดหรือไม้บรรทัด
๕. ผู้สอนให้ผู้เรียนใช้มือทั้งสองข้างปั้นแล้วคลึงดินน้ามันหรือแป้งโด เป็นเส้นยาว
เช่น งู ไส้เดือน กิ้งกือ หนอน เชือก ฯลฯ
๒. สามารถปั้นแล้วคลึงเป็นก้อนกลม ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนปั้นดินน้ามันหรือแป้งโดแล้วคลึงเป็นก้อนกลมได้ เช่น
ได้ ลูกบอล ส้ม มังคุด ฯลฯ
๓. สามารถปั้นแล้วคลึงเป็นแผ่น ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนปั้นดินน้ามันหรือแป้งโดแล้วคลึงเป็นแผ่นแบนกลม
แบนกลมได้ เช่น จาน แผ่นโรตี พิซซ่าฯลฯ
๒๔
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกล้ามเนื้อมัดเล็ก (ต่อ)
ทักษะย่อย เนื้อหา พัฒนาการที่คาดหวัง แนวการจัดกิจกรรม
๔. สามารถปั้นตามจินตนาการได้ ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนปั้นดินน้ามันตามจินตนาการ เช่น คน รูปสัตว์ รูปผลไม้ ฯลฯ
๓.๕ การพับ ๑. สามารถพับกระดาษเป็น ๒ ส่วนได้ ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนพับกระดาษเป็น ๒ ส่วน โดยใช้มือข้างที่ถนัดจับปลายด้านล่าง
ให้ทับด้านบนของกระดาษ
๒. สามารถพับกระดาษทีละครึ่งตาม ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนพับกระดาษทีละครึ่งตามแนวเส้นทแยงมุม โดยทาจุดสังเกต
แนวเส้นทแยงมุมได้ เป็นแนวให้ผู้เรียนได้พับตาม
๓. สามารถพับกระดาษเป็นรูปต่าง ๆ ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนพับกระดาษเป็นรูปต่าง ๆ โดยมีพื้นฐานจากการพับวัตถุ
อย่างง่ายได้ ทีละครึ่งตามแนวเส้นทแยงมุม เช่น รูปจรวด รูปเรือ
๓.๖ การตัดด้วย ๑. สามารถตัดกระดาษให้ ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนจับกรรไกร ในท่าที่ถูกต้อง โดยสอดนิ้วหัวแม่มือเข้าไปในรู
กรรไกร ขาดออกจากกันได้ ข้ า งหนึ่ ง ของกรรไกร สอดนิ้ ว กลาง (ไมใช่ นิ้ ว ชี้ ) เข้ า ไปในรู ด้ า นล่ า งของ
กรรไกร วางนิ้ว ชี้ไว้ ใต้ด้ ามกรรไกร หั ด ง้าง เปิ ด -ปิ ด กรรไกร ด้ว ยการโยก
นิ้วหัวแม่มือขึ้นลง
๒. ผู้สอนให้ผู้เรียนใช้กรรไกรตัดขอบกระดาษให้ขาดออกจากกัน
๓. ผู้สอนให้ผู้เรียนตัดกระดาษออกเป็น ๒ ชิ้น
๒. สามารถตัดกระดาษตามรอยได้ ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนตัดกระดาษตามรอยเส้นตรงตามความยาวที่กาหนด
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกล้ามเนื้อมัดเล็ก (ต่อ)
ทักษะย่อย เนื้อหา พัฒนาการที่คาดหวัง แนวการจัดกิจกรรม
๓.๗ การจัดภาพ ๑. สามารถปะติดรูปทรงเรขาคณิต ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนนารูปเรขาคณิตแบบต่าง ๆ มาปะติดบนกระดาษที่มีโครงร่าง
ตัดต่อ ลงบนกระดาษได้ ของรูปเรขาคณิตให้ถูกต้องตามโครงร่างนั้น
๒. สามารถจัดภาพตัดต่อลงในกรอบได้ ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนใส่วัตถุรูปทรงต่าง ๆ ลงในกรอบ เช่น จับคู่รูปทรง บล็อกไม้
รูปทรงเรขาคณิต
๓. สามารถจัดรูปเรขาคณิตที่มีขนาด ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนจัดรูปเรขาคณิตที่มีขนาดต่างกัน ๓ ชิ้นลงในกรอบ
ต่างกัน ๓ ชิ้นลงในกรอบได้
๔. สามารถประกอบภาพตัดต่อเข้า ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนประกอบภาพตัดต่อ ๓ ชิ้นขึ้นไป
ด้วยกันในกรอบได้
๓.๘ การขีดเขียน ๑. สามารถจับดินสอ หรือสีเทียน ๑. ผู้สอนสาธิตการจับดินสอให้ผู้เรียนดู
วาดรูปภาพ เพื่อขีดเขียนได้ ๒. ผู้สอนจับมือผู้เรียนจับดินสอ หรือสีเทียน ในท่าที่ถูกต้องโดยผู้เรียนถือดินสอ
ด้วยสามนิ้ว คือ นิ้วหัวแม่มือ นิ้วกลาง และนิ้วชี้ ดินสอจะอยู่บนข้อ นิ้วกลาง
ขณะที่จะถูกบีบอยู่ระหว่างนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ นิ้วก้อยและ นิ้วนางจะวาง
พักอยู่บนโต๊ะ
๓. ผู้เรียนขีดเขียนเป็นเส้น ลงบนกระดาษ
๒. สามารถเลียนแบบการลากเส้นได้ ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนลากเส้นตามรอยประในแนวดิ่ง
๒. ผู้สอนให้ผู้เรียนลากเส้นตามรอยประในแนวนอน
๓. ผู้สอนให้ผู้เรียนลากเส้นวงกลมตามรอยประ
๔. ผู้สอนผู้เรียนลากตามจุดที่กาหนดเป็น รูปเครื่องหมายบวก ( + ) สามเหลี่ยม
สี่เหลี่ยม (ขนาด ๔-๖ ซม.)
๒๖
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกล้ามเนื้อมัดเล็ก (ต่อ)
ทักษะย่อย เนื้อหา พัฒนาการที่คาดหวัง แนวการจัดกิจกรรม
๓. สามารถวาดรูปที่ประกอบด้วยเส้น ๑. ผู้ ส อนน ารู ปภาพตั ว อย่า งที่ ประกอบด้ ว ยเส้ นพื้น ฐาน เช่ น รู ปบ้ าน รู ปคน
พื้นฐานได้ แล้วให้ผู้เรียนวาดรูปตามแบบ
๔. สามารถเติมแขนหรือขารูปคน ๑. ผู้สอนนารูปคนที่มีส่วนประกอบของร่างกายที่สมบูรณ์ให้ผู้เรียนดู แล้วนารูป
ที่ยังไม่สมบูรณ์ได้ คนที่มีส่วนประกอบของร่างกายที่ขาดหายไป เช่น แขน ขา ฯลฯ
ให้ผู้เรียนเติมส่วนประกอบของภาพนั้นให้สมบูรณ์
๕. สามารถวาดรูปใบหน้าคนที่มี ๑. ผู้สอนนารูปใบหน้าคนที่สมบูรณ์ให้ผู้เรียนดู แล้วนารูปใบหน้าคนที่ไม่มี
ส่วนประกอบอย่างน้อย ๓ ส่วนได้ ส่วนประกอบของใบหน้าคน ให้ผู้เรียนวาดรูปส่วนประกอบของใบหน้าคน
อย่างน้อย ๓ ส่วน
๖. สามารถวาดรูปคนที่มีส่วนของ ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนวาดรูปคนที่มีส่วนของร่างกาย ๔ ส่วนขึ้นไป โดยผู้สอนนารูป
ร่างกาย ๔ ส่วนขึ้นไปได้ คนที่สมบูรณ์ให้ผู้เรียนดู แล้วให้ผู้เรียนวาดรูปคนที่มีส่วนประกอบของร่างกาย
อย่างน้อย ๔ ส่วนขึ้นไป
๔. การเคลื่อนไหว ๔.๑ การควบคุม ๑. สามารถควบคุมกล้ามเนื้อริมฝีปาก ๑. ผู้สอนกระตุ้นกล้ามเนื้อรอบริมฝีปาก ให้ผู้เรียนสามารถแสดงอาการ
อวัยวะที่ใช้ในการพูด กล้ามเนื้อริมฝีปาก ได้ ตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่าง ๆ เช่น ผ้าชุบน้าอุ่น-น้าเย็น รสเปรี้ยว รสหวาน
รอบริมฝีปากได้
๒. ให้ผู้เรียนเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อที่ควบคุมริมฝีปาก (ออกกาลัง) ได้แก่
- การนวดริมฝีปาก
- การอ้าปากกว้าง ๆ หุบปาก สลับกัน
- การยิ้มกว้างการทาปากจู่
- การเปราะปาก
- การออกเสียง อา อู อี
- ปิดปาก เม้มริมฝีปาก
๒๗
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกล้ามเนื้อมัดเล็ก (ต่อ)
ทักษะย่อย เนื้อหา พัฒนาการที่คาดหวัง แนวการจัดกิจกรรม
4.2 การใช้ลิ้น ๑. สามารถควบคุมการใช้ลิ้นได้ ๑. ผู้สอนนั่งตรงข้ามผู้เรียนให้ปากผู้สอนอยู่ในระดับสายตาผู้เรียน
๒. ผู้ ส อนอ้ า ปากกว้ า ง เพื่ อ ให้ ผู้ เ รี ย นเห็ น การเคลื่ อ นไหวของปลายลิ้ น
โดยเคลื่อนปลายลิ้นไปแตะที่เพดานปาก แล้วเคลื่อนปลายลิ้นพร้อมกับการทา
ให้เกิดเสียงเดาะลิ้น
๓. จากนั้น ให้ ผู้ เรี ยนลองทาดู ถ้าทาไม่ได้ ห รือไม่ ยอมทา ผู้ ส อนควรพยายาม
กระตุ้นและทาตามแบบให้ดูซ้า ๆ
๔. สอนทาซ้า ๆ จนผู้เรียนเกิดการทาที่ถูกและมั่นใจในการทา
๕. เมื่ อ ผู้ เ รี ย นท าได้ แ ล้ ว ควรเปลี่ ย นเป็ น เสี ย งจุ๊ บ ปาก เพื่ อ ให้ เ กิ ด เสี ย งที่
หลากหลาย
4.3 การเป่าและ ๑. สามารถเป่าลมออกจากปากได้ ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนทากิจกรรมเป่าลมออกจากปาก เช่น การเป่าสี เป่าหลอด เป่า
การดูด กระดาษ เป่านกหวีด เป่าเทียน เป่าลูกโป่ง เป่าฟองสบู่
๒. สามารถดูดของเหลวโดย ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนดูดของเหลวโดยเริ่มฝึกจากหลอดขนาดที่เหมาะสม
ใช้หลอดดูดได้
4.4 การเคี้ยวและ ๑. สามารถขยับขากรรไกรได้ ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนเลียนแบบการขยับขากรรไกรตามผู้สอนในท่าต่าง ๆ อาทิ
การกลืน - อ้าปากกว้าง ๆ- หุบปาก ๑๐ ครั้งติดต่อกัน
- ขยับขากรรไกรซ้าย-ขวา ๑๐ ครั้งติดต่อกัน
กรณีผู้เรียนไม่สามารถทาได้ผู้สอนช่วยขยับขากรรไกรผู้เรียนและเมื่อ
ผู้เรียนทาได้ดีให้ลดการช่วยเหลือลง
๒. สามารถเคี้ยวอาหารได้ ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนเคี้ยวอาหารโดยเริ่มจากอาหารประเภทอาหารอ่อนๆค่อยเพิ่ม
ลักษณะความแข็งของอาหารจนผู้เรียนสามารถเคี้ยวอาหารปกติ
๒๘
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกล้ามเนื้อมัดเล็ก (ต่อ)
ทักษะย่อย เนื้อหา พัฒนาการที่คาดหวัง แนวการจัดกิจกรรม
๓. สามารถกลืนน้าลายได้ ๑. ผู้สอนใช้นิ้วชี้ข้างที่ถนัด นวดกระพุ้งแก้มผู้เรียน
๒. ผู้สอนใช้นิ้วชี้กดและนวดบริเวณกึ่งกลางของลิ้นผู้เรียน สังเกตว่าลิ้นของ
ผู้เรียนเริ่มห่อ ให้รีบดึงนิ้วชี้ออกทันที เพื่อให้ผู้เรียนได้กลืนน้าลายลงคอ
๓. ฝึกให้ผู้เรียนกลืนน้า น้าหวาน อาหารเหลวตามลาดับ
๔. ฝึ กให้ กลื น อาหารโดยเริ่มจาก อาหารนิ่ม เช่น ขนมถ้ว ย เจลลี่ และค่อยๆ
เพิ่มความแข็งของอาหาร
๒๙
ทักษะการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจาวัน
๑. คาอธิบายทักษะการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจาวัน
ทักษะการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจาวัน เป็นการพัฒนาให้ผู้เรียนสามารถปฏิบัติกิจวัตรประจาวันพื้นฐาน ในเรื่องการรับประทานอาหาร
การแต่งกาย การขับถ่าย การทาความสะอาดร่างกาย และการรับผิดชอบงานบ้าน ให้สอดคล้องกับความต้องการจาเป็นพิเศษของแต่ละบุคคล
โดยใช้การปฏิบัติจริง การสาธิต การวิเคราะห์งานเป็นลาดับขั้นตอน ฝึกทักษะแบบบูรณาการ ในการพัฒนาศักยภาพอย่างสมบูรณ์และสมดุลใน
ด้านต่างๆเพิ่มมากขึ้น มีคณะสหวิชาชีพ ผู้ปกครอง ครอบครัว ชุมชน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการพัฒนาศักยภาพผู้เรียน
เพื่อให้ผู้เรียน มีร่างกายเจริญเติบโต มีสุขนิสัยที่ดี สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ประสานสัมพันธ์กันในการทากิจวัตรประจาวันเต็ม ศักยภาพ มีวินัย
มีความรับผิดชอบ สามารถคิดและแก้ปัญหา ใช้ภาษาสื่อสารในชีวิตประจาวันได้อย่างเหมาะสม ส่งผลให้ผู้เรียนมีคุณภาพชีวิตที่ดีและดารงชีวิตได้อย่างมีความสุข
๒. วัตถุประสงค์ของการพัฒนาทักษะการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจาวัน
๑. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถปฏิบัติกิจวัตรประจาวันได้เต็มศักยภาพ
๒. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถปฏิบัติงานในความรับผิดชอบของตนเองได้อย่างเหมาะสม
๓. เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพชีวิตที่ดี และดารงชีวิตได้อย่างมีความสุข
๓๐
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจาวัน
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจาวัน (ต่อ)
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจาวัน (ต่อ)
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจาวัน (ต่อ)
ทักษะย่อย เนื้อหา พัฒนาการที่คาดหวัง แนวการจัดกิจกรรม
๓. สามารถถอดรองเท้าแตะ ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนนั่งเก้าอี้ที่มีความสูงพอเหมาะ โดยเท้าของผู้เรียนวางราบพอดี กับพื้น
แบบคีบได้ ๒. ผู้สอนวางรองเท้าไว้หน้าเท้าของผู้เรียน
๓. ผู้สอนสวมรองเท้าแตะแบบคีบให้ผู้เรียน แล้วให้ผู้เรียนดึงเท้าถอยออกจากหูรองเท้า
หากผู้เรียนกางนิ้วหัวแม่เท้าออกจากนิ้วชี้ลาบาก ให้ผู้สอนช่วยกางนิ้วหัวแม่เท้า
ผู้เรียนออกแล้วให้ผู้เรียนดึงเท้าถอยหลังออก จากนั้นให้ผู้เรียนปฏิบัติเช่นเดิมอีกข้าง
ด้วยตนเอง
๔. ผู้สอนลดความช่วยเหลือลงเมื่อผู้เรียนทาได้
๔. สามารถสวมรองเท้าแตะ ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนนั่งเก้าอี้ที่มีความสูงพอเหมาะ โดยเท้าของผู้เรียนวางราบพอดีกับพื้น
แบบคีบได้ ๒. ผู้สอนวางรองเท้าไว้หน้าเท้าของผู้เรียน
๓. ผู้สอนใช้มือข้างหนึ่งจับที่เหนือข้อเท้าของผู้เรียน แล้วดันส้นเท้าของผู้เรียนเข้าไปใน
หูของรองเท้า หากผู้เรียนกางนิ้วหัวแม่เท้าออกจากนิ้วชี้ลาบาก ให้ผู้สอนช่วยกางนิ้ว
หัวแม่เท้าผู้เรียนออก จากนั้นให้ผู้เรียนปฏิบัติเช่นเดิมอีกข้าง
ด้วยตนเอง
๔. ผู้สอนลดความช่วยเหลือลงเมื่อผู้เรียนทาได้
๕. สามารถถอดรองเท้าแบบติด ๑. ผู้สอนแนะนารองเท้าแบบติดแถบข้างซ้าย-ขวา และส่วนประกอบต่างๆ ของรองเท้า
แถบได้ เช่น แถบติดรองเท้า ส้นรองเท้า เป็นต้น
๒. ผู้สอนและผู้เรียนนั่งในท่าที่ถนัด จากนั้ นผู้สอนสวมรองเท้าแบบติดแถบให้ผู้เรียนทั้ง
สองข้าง
๓. ผู้สอนจับมือผู้เรียนให้ดึงแถบที่ติดรองเท้าออก จากนั้นให้ผู้เรียนยกเท้าออกจาก
รองเท้า แล้วให้ผู้เรียนปฏิบัติเช่นเดิมอีกข้างด้วยตนเอง
๔. ผู้สอนลดความช่วยเหลือลงเมื่อผู้เรียนทาได้
๓๔
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจาวัน (ต่อ)
ทักษะย่อย เนื้อหา พัฒนาการที่คาดหวัง แนวการจัดกิจกรรม
๖. สามารถสวมรองเท้าแบบติด ๑. ผู้สอนและผู้เรียนนั่งในท่าที่ถนัด จากนั้นผู้สอนวางรองเท้าแบบติดแถบไว้หน้าเท้า
แถบได้ ของผู้เรียน
๒. ผู้ส อนจับที่เหนือข้อเท้าของผู้ เรียนข้างหนึ่ง ยกและดันส้ นเท้าของผู้ เรียนเข้าไป
ใ ห้ ป ล า ย เ ท้ า ส อ ด เ ข้ า ไ ป ใ น ร อ ง เ ท้ า แ ล้ ว ใ ห้ ผู้ เ รี ย น ติ ด แ ถ บ ร อ ง เ ท้ า
จากนั้นให้ผู้เรียนปฏิบัติเช่นเดิมอีกข้างด้วยตนเอง
๓. ผู้สอนลดความช่วยเหลือลงเมื่อผู้เรียนทาได้
๒.๓ การถอด – สวม ๑. สามารถถอดกระโปรงเอวยืด ๑. ผู้ ส อนแนะน ากระโปรงเอวยืด และส่ ว นประกอบต่ า งๆ ของกระโปรง เช่ น เอว
กระโปรง ได้ กระโปรง ชายกระโปรง ด้านหน้า ด้านหลัง ด้านใน ด้านนอก
๒. ผู้สอนสวมกระโปรงเอวยืดให้ผู้เรียน
๓. ผู้สอนจับมือผู้เรียนไปจับที่ขอบกระโปรงเอวยืด ให้ผู้เรียนดึงกระโปรงลงมาจนถึง
ข้อเท้า แล้วยกขาออกจากกระโปรง
๔. ผู้สอนลดความช่วยเหลือลงเมื่อผู้เรียนทาได้
๒. สามารถสวมกระโปรงเอวยืด ๑. ผู้สอนแนะนากระโปรงเอวยืดและส่วนประกอบต่างๆ ของกระโปรง เช่น
ได้ เอวกระโปรง ชายกระโปรง ด้านหน้า ด้านหลัง ด้านใน ด้านนอก
๒. ผู้สอนบอกให้ผู้เรียนยกขาทีละข้างสวมเข้าไปในกระโปรง จากนั้นให้ผู้เรียนใช้มือ
สองข้างดึงขอบกระโปรงขึ้นมาถึงเอว ผู้สอนจับมือผู้เรียนจัดขอบกระโปรงให้
เรียบร้อย
๓. ผู้สอนลดความช่วยเหลือลงเมื่อผู้เรียนทาได้
๓๕
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจาวัน (ต่อ)
ทักษะย่อย เนื้อหา พัฒนาการที่คาดหวัง แนวการจัดกิจกรรม
๓. สามารถถอดกระโปรงติด ๑. ผู้สอนแนะนากระโปรงและส่วนประกอบต่างๆ ของกระโปรง เช่น เอวกระโปรง
ตะขอได้ ตะขอชายกระโปรง ด้านหน้า ด้านหลัง และด้านใน ด้านนอก เป็นต้น
๒. ผู้สอนสวมกระโปรงติดตะขอให้ผู้เรียน
๓. ผู้สอนจับมือผู้เรียนแกะตะขอกระโปรง จากนั้นให้ผู้เรียนใช้มือทั้งสองข้างจับขอบ
กระโปรงแล้วดึงลงถึงข้อเท้า และยกเท้าทีละข้างออกจากกระโปรง
๔. ผู้สอนลดความช่วยเหลือลงเมื่อผู้เรียนทาได้
๔. สามารถสวมกระโปรงติด ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนใช้มือสองข้างจับขอบกระโปรง
ตะขอได้ ๒. ผู้สอนบอกให้ผู้เรียนยกขาทีละข้างสวมเข้าไปในกระโปรง จากนั้นให้ผู้เรียนใช้มือ
สองข้างดึงขอบกระโปรงขึ้นมาถึงเอว ผู้สอนจับมือผู้เรียนให้ติดตะขอและจัดขอบ
กระโปรงให้เรียบร้อย
๓. ผู้สอนลดความช่วยเหลือลงเมื่อผู้เรียนทาได้
๒.๔ การถอด – สวม ๑. สามารถถอดกางเกงเอวยืด ๑. ผู้สอนแนะนากางเกงเอวยืดและส่วนประกอบต่าง ๆ ของกางเกง เช่น ขากางเกง
กางเกง ได้ เอวกางเกง ด้านหน้า ด้านหลัง ด้านใน ด้านนอก กระเป๋ากางเกง เป็นต้น
๒. ผู้สอนสวมกางเกงให้ผู้เรียน
๓. ผู้สอนให้ผู้เรียนอยู่ในท่าที่ถนัด จากนั้นให้ผู้เรียนใช้มือทั้งสองข้างจับขอบกางเกงแล้ว
ดึงกางเกงลงมาถึงข้อเท้า และยกเท้าทีละข้างออกจากขากางเกง
๔. ผู้สอนลดความช่วยเหลือลงเมื่อผู้เรียนทาได้
๓๖
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจาวัน (ต่อ)
ทักษะย่อย เนื้อหา พัฒนาการที่คาดหวัง แนวการจัดกิจกรรม
๒. สามารถสวมกางเกงเอวยืด ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนใช้มือสองข้างจับขอบกางเกงเอวยืด
ได้ ๒. ผู้ สอนบอกให้ ผู้เรียนยกขาสอดเข้าไปในขากางเกงทีละข้าง จากนั้นให้ ผู้เรียนใช้
มือดึงขอบกางเกงขึ้นมาถึงเอวและจัดขอบกางเกงให้เรียบร้อย
๓. ผู้สอนให้ผู้เรียนสวมกางเกงด้วยตนเอง
๔. ผู้สอนลดความช่วยเหลือลงเมื่อผู้เรียนทาได้
๓. สามารถถอดกางเกงแบบ ๑. ผู้สอนแนะนากางเกงและส่วนประกอบต่าง ๆ ของกางเกง เช่น เอวกางเกง ตะขอ
มีตะขอและซิปได้ ซิป ด้านหน้า ด้านหลัง และด้านใน ด้านนอก เป็นต้น
๒. ผู้สอนสวมกางเกงให้ผู้เรียน
๓. ผู้สอนจับมือผู้เรียนแกะตะขอกางเกง รูดซิปลง จากนั้นให้ผู้เรียนใช้มือทั้งสองข้างจับ
เอวกางเกงแล้วดึงลงถึงข้อเท้าและยกเท้าทีละข้างออกจากขากางเกง
๔. ผู้สอนลดความช่วยเหลือลงเมื่อผู้เรียนทาได้
๔. สามารถสวมกางเกงแบบ ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนใช้มือสองข้างจับขอบกางเกงแบบมีตะขอและซิป
มีตะขอและซิปได้ ๒. ผู้สอนบอกให้ผู้เรียนยกขาทีละข้างสอดเข้าไปในขากางเกง จากนั้นให้ผู้เรียนใช้มือ
สองข้างดึงขอบกางเกงขึ้นมาถึงเอว ผู้สอนจับมือผู้เรียนให้ติดตะขอ รูดซิปขึ้นและ
จัดขอบกางเกงให้เรียบร้อย
๓. ผู้สอนลดความช่วยเหลือลงเมื่อผู้เรียนทาได้
๒.๕ การถอด - สวม ๑. สามารถถอดเสื้อยืดคอกลม ๑. ผู้สอนแนะนาเสื้อยืดและส่ วนประกอบต่าง ๆ ของเสื้ อยืด เช่น คอเสื้ อ ชายเสื้ อ
เสื้อ ได้ แขนเสื้อ ด้านหน้าด้านหลัง ด้านในและนอก เป็นต้น
๒. ผู้สอนสวมเสื้อยืดคอกลมให้ผู้เรียน
๓. ผู้สอนให้ผู้เรียนใช้มือสองข้างจับที่ชายเสื้อยืด จากนั้นดึงชายเสื้อขึ้นจนพ้นศีรษะ
๔. ผู้สอนลดความช่วยเหลือลงเมื่อผู้เรียนทาได้
๓๗
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจาวัน (ต่อ)
ทักษะย่อย เนื้อหา พัฒนาการที่คาดหวัง แนวการจัดกิจกรรม
๒. สามารถสวมเสื้อยืดคอกลม ๑. ผู้สอนสวมเสื้อยืดคอกลมให้ผู้เรียนถึงระดับคอ
ได้ ๒. ผู้สอนให้ผู้เรียนสอดแขนเข้าไปในเสื้อทีละข้าง แล้วให้ผู้เรียนดึงชายเสื้อลง จัดให้
เรียบร้อย
๓. ผู้สอนลดความช่วยเหลือลงเมื่อผู้เรียนทาได้
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจาวัน (ต่อ)
ทักษะย่อย เนื้อหา พัฒนาการที่คาดหวัง แนวการจัดกิจกรรม
๓. การขับถ่าย ๓.๑ การขับถ่าย ๑. สามารถแสดงท่าทางหรือ ๑. ผู้สอนแนะนาสัญลักษณ์ต่าง ๆ ของห้องน้า เช่น รูปผู้หญิง รูปผู้ชาย เป็นต้น
อุจจาระ -ปัสสาวะ พูดบอกความต้องการในการ ๒. ผู้สอนอธิบายวิธีการไปเข้าห้องน้าในที่ต่าง ๆ เช่น ที่บ้าน โรงเรียน เป็นต้น
ขับถ่ายได้ ๓. ผูส้ อนแนะนาอุปกรณ์ต่าง ๆ ในห้องน้า เช่น โถส้วม ขันน้า ก๊อกน้า สายฉีด อ่างน้า
๔. ผู้สอนสังเกตท่าทาง ขณะที่ผู้เรียนต้องการจะขับถ่าย
๕. ผู้ ส อนถามความต้ อ งการในการขั บ ถ่า ย ในขณะที่ผู้ เ รี ย นแสดงท่า ทางต้อ งการ
ขับถ่าย เช่น จับหน้าท้องชี้ไปที่ห้องน้า ชี้บอก จูงมือพาไปห้องน้า
๒. สามารถทาความสะอาดหลัง ๑. ผู้สอนฝึกผู้เรียนล้างก้น โดยจับมือข้าที่ถนัดของผู้เรียนถือสายชาระหรือขันน้า ฉีด
ขับถ่ายได้ น้าหรือราดน้าที่ก้นของตนเอง พร้อมจับมืออีกข้างของผู้เรียนให้ถูก้นจนสะอาด
๒. หลังจากผู้เรียนล้างก้นตนเองเรียบร้อยแล้ว ให้ตักน้าราดโถส้วม หรือชั กโครกทา
ความสะอาดส้วมด้วยตนเอง
๓. หลังจากนั้นให้ผู้สอนพาผู้เรียนไปเช็ดก้นให้แห้ง ล้างมือให้สะอาดโดยจับมือผู้เรียน
ทาทุกขั้นตอน
๔. ผู้สอนลดความช่วยเหลือลง เมื่อผู้เรียนสามารถทาได้เอง
๔. การทาความ ๔.๑ การทาความ ๑. สามารถล้างมือและเช็ดมือ ๑. ผู้ ส อนแนะน าอุ ป กรณ์ ใ นการล้ า งมื อ และเช็ ด มื อ เช่ น ก๊ อ กน้ า สบู่ ผ้ า ขนหนู
สะอาดร่างกาย สะอาดมือ ด้วยตนเองได้ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดมือ
๒. ผู้สอนแนะนาวิธีการใช้งานการเปิด-ปิดก๊อกน้า
๓. ผู้สอนสาธิตขั้นตอนการล้างมือด้วยสบู่ การฟอกให้เกิดฟอง การล้างน้าเปล่าและ
การเช็ดมือหลังจากเข้าห้องน้า
๔. ผู้ ส อนให้ ผู้ เรี ยนล้ างมือ ด้ว ยสบู่แล้ ว เช็ด มือ ด้ว ยตนเอง โดยมี ผู้ ส อนแนะนาและ
ช่วยเหลือ
๕. ผู้สอนให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติด้วยตนเอง
๓๙
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจาวัน (ต่อ)
ทักษะย่อย เนื้อหา พัฒนาการที่คาดหวัง แนวการจัดกิจกรรม
๔.๒ การทาความ ๑. สามารถล้างหน้าและ ๑. ผู้สอนแนะนาอุปกรณ์ในการล้างหน้าและเช็ดหน้า เช่น สบู่ ผ้าขนหนู ผ้าเช็ดหน้า
สะอาดหน้า เช็ดหน้าได้ การเปิด-ปิดก๊อกน้า เป็นต้น
๒. ผู้สอนแนะนาวิธีการฟอกสบู่ให้เกิดฟองแล้วนาไปถูให้ทั่วหน้าแล้วล้างน้าออกให้
สะอาด
๓. ผู้สอนสาธิตการล้างหน้าด้วยและเช็ดหน้า
๔. ผู้สอนให้ผู้เรียนล้างหน้าและเช็ดหน้าด้วยตนเอง โดยมีผู้สอนคอยกระตุ้น
๕. ผู้สอนให้ผู้เรียนล้างหน้าและเช็ดหน้าด้วยตนเอง
๔.๓ การอาบน้า ๑. สามารถอาบน้าและเช็ดตัว ๑. ผู้ ส อนแนะนาอุปกรณ์ในการอาบน้าและเช็ดตัว เช่น สบู่ ฝั กบัว ขันน้า อ่างน้ า
ได้ ผ้าเช็ดตัว เป็นต้น
๒. ผู้สอนแนะนาวิธีการเปิด-ปิดฝักบัว และวิธีการใช้ขันน้าตักจากอ่างน้ามารดตัว
๓. ผู้สอนสาธิตการอาบน้าและเช็ดตัว
๔. ผู้สอนให้ผู้เรียนอาบน้าและเช็ดตัวด้วยตนเอง โดยมีผู้สอนคอยกระตุ้น
๕. ผู้สอนให้ผู้เรียนล้างหน้าและเช็ดหน้าด้วยตนเอง
๔๐
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจาวัน (ต่อ)
ทักษะย่อย เนื้อหา พัฒนาการที่คาดหวัง แนวการจัดกิจกรรม
๔.๔. การแปรงฟัน ๑. สามารถแปรงฟันได้ ๑. ผู้สอนแนะนาอุปกรณ์ในการแปรงฟัน เช่น แปรงสีฟัน ยาสีฟัน แก้วน้า เป็นต้น
๒. จัดเตรียมแปรงสีฟันให้ผู้เรียน โดยบีบยาสีฟันลงบนขนแปรงเล็กน้อย
๓. ผู้สอนสาธิตการแปรงฟันแล้วพูดว่า “แปรงฟัน”
๔. กรณีผู้เรียนเลียนแบบแปรงฟันไม่ได้ ผู้สอนจับมือผู้เรียนแปรงฟัน โดยหันหน้าเข้า
หากระจก เพื่อให้มองเห็นภาพของตนเองกาลังแปรงฟัน โดยผู้สอนจะยืนด้านหลัง
ผู้เรียนพร้อมกับพูด “(ชื่อผู้เรียน) แปรงฟัน”
๕. ทุกครั้งที่แปรงฟันกรณีผู้เรียนทาไม่ได้ ให้ผู้สอนจับมือผู้เรียนแปรงฟัน จนผู้เรียน
สามารถแปรงฟันได้ด้วยตนเอง
๖. ผู้สอนแนะนาวิธีการทาความสะอาดบริเวณปากและเก็บอุปกรณ์ให้เป็นระเบียบ
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจาวัน (ต่อ)
ทักษะย่อย เนื้อหา พัฒนาการที่คาดหวัง แนวการจัดกิจกรรม
๔.๖ การดูแลอนามัย ๑. สามารถล้างและเช็ดมือได้ ๑. ผู้สอนเปิดก๊อกน้าหรือตักน้าใส่ขัน หยิบสบู่ เอาน้าราดทั้งมือและสบู่ ฟอกสบู่จนทั่วมือ
ตนเอง แล้ววางสบู่ไว้ที่เดิม
๒. ผู้สอนให้ผู้เรียนถูมือที่ฟอกสบู่ให้ทั่ว
๓. ผู้สอนล้างมือให้ผู้เรียนด้วยน้าเปล่าจนสะอาด ปิดก๊อกน้าหรือวางขันไว้ที่เดิม
๔. ผู้เรียนนาผ้าเช็ดมือมาเช็ดมือให้แห้งด้วยตนเอง และวางผ้าเช็ดมือไว้ที่เดิม โดยมีผู้สอน
คอยกระตุ้น
๕. หากผู้เรียนทาไม่ได้ให้ผู้สอนจับมือทาทุกขั้นตอน
๒. สามารถสั่งและเช็ดน้ามูกได้ ๑. ผู้สอนอธิบายข้อดี ข้อเสียของการสั่งน้ามูก
๒. ผู้สอนสาธิตการสั่งและเช็ดน้ามูก
๓. ผู้สอนให้ผู้เรียนสั่งและเช็ดน้ามูกด้วยตนเอง โดยมีผู้สอนคอยกระตุ้น
๔. ผู้สอนให้ผู้เรียนล้างมือและเช็ดมือด้วยตนเอง โดยมีผู้สอนคอยกระตุ้น
๕. ผู้สอนให้ผู้เรียนสั่งและเช็ดน้ามูก ล้างมือและเช็ดมือด้วยตนเอง
๕. การ ๕.๑ การช่วยเหลือ ๑. สามารถเก็บสิ่งของเข้าที่ได้ ๑. ผู้สอนสาธิตการเก็บสิ่งของเข้าที่
รับผิดชอบงาน งานบ้าน ๒. ผู้สอนให้ผู้เรียนเก็บของเช้าที่ โดยมีผู้สอนคอยกระตุ้น
บ้าน ๓. ผู้สอนให้ผู้เรียนเก็บของเข้าที่ด้วยตนเอง
๒. สามารถกวาดบ้านได้ ๑. ผู้สอนสาธิตการกวาดบ้าน
๒. ผู้สอนให้ผู้เรียนกวาดบ้านด้วยตนเอง โดยมีผู้สอนคอยกระตุ้น
๓. ผู้สอนให้ผู้เรียนกวาดบ้านด้วยตนเอง
๓. สามารถถูบ้านโดยใช้ไม้ถู ๑. ผู้สอนสาธิตการถูบ้าน
พื้น ๒. ผู้สอนให้ผู้เรียนถูบ้านด้วยตนเอง โดยมีผู้สอนคอยกระตุ้น
ได้ ๓. ผู้สอนให้ผู้เรียนถูบ้านด้วยตนเอง
๔๒
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจาวัน (ต่อ)
ทักษะย่อย เนื้อหา พัฒนาการที่คาดหวัง แนวการจัดกิจกรรม
๔. สามารถพับผ้า – เก็บผ้าที่ ๑. ผู้สอนสาธิตการพับผ้า
พับเข้าตู้ได้ ๒. ผูส้ อนให้ผู้เรียนพับผ้าและนาผ้าที่พับเก็บเข้าตู้ โดยมีผู้สอนคอยแนะนา
๓. ผูส้ อนให้ผู้เรียนพับผ้าและเก็บผ้าเข้าตู้ด้วยตนเอง
๔๓
ทักษะการรับรู้และแสดงออกทางภาษา
๑. คาอธิบายทักษะการรับรู้และแสดงออกทางภาษา
ทักษะการรับรู้และแสดงออกทางภาษา เป็นการพัฒนาให้ผู้เรียนสามารถรั บรู้และแสดงออกทางภาษาที่เหมาะสมในเรื่องการรับรู้เสียงและคา
การแสดงสีหน้าท่าทางและคาพูด การออกเสียงพยัญชนะและสระ การสร้างคาพูดและประโยค และการบอกข้อมูลส่วนตัว
โดยใช้การปฏิบัติจริง การสาธิต การเลียนแบบ การวิเคราะห์งานเป็นลาดับขั้นตอน ฝึกทักษะแบบบูรณาการ ในการพัฒนาศักยภาพอย่างสมบูรณ์
และสมดุลในด้านต่างๆเพิ่มมากขึ้น มีคณะสหวิชาชีพ ผู้ปกครอง ครอบครัว ชุมชน และผู้เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการพัฒนาศักยภาพผู้เรียน
เพื่อให้ผู้เรียนสามารถรับรู้และแสดงออกทางภาษา ถ่ายทอดความรู้สึก หรือแสดงออกถึงความเข้าใจในการรับรู้ภาษา ใช้ภาษาในการสื่อสารกั บ
บุคคลอืน่ ในชีวิตประจาวันได้ รวมถึงสนใจต่อการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว เล่นและทากิจกรรมร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข
๒. วัตถุประสงค์ของการพัฒนาทักษะการรับรู้และแสดงออกทางภาษา
๑. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถรับรู้และแสดงออกทางภาษาที่เหมาะสม
๒. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถใช้ภาษาในการสื่อสารกับบุคคลอื่นในชีวิตประจาวันได้
๓. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถใช้ภาษาในการเรียนรู้ในขั้นที่สูงขึ้น
๔๔
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะการรับรู้และแสดงออกทางภาษา
ทักษะย่อย เนื้อหา พัฒนาการที่คาดหวัง แนวการจัดกิจกรรม
๑.การรับรู้เสียงและคา ๑. การรับรู้เสียง ๑. สามารถหันตามแหล่งที่มาของ ๑. ผู้สอนนาของเล่นที่มีเสียง เขย่าเบาๆ ข้างหูผู้เรียนเพื่อให้หันศีรษะตามเสียง
เสียงได้ ที่ได้ยิน
๒. ผู้ ส อนทาเสี ยงต่างๆ หลายๆ อย่าง เช่น เสี ยงกระดิ่ง ตบมือ เรียกชื่ อ
เพื่อให้หันตามเสียง กรณีผู้เรียนยังไม่หันตามเสียงไม่ได้ ผู้สอนจับศีรษะ
เบา ๆ แล้วหันตามเสียง ทาจนกระทั่งผู้เรียนสามารถหันตามเสียงได้ด้วย
ตนเอง จึงลดการจับศีรษะ
๓. ผู้สอนให้ผู้ เรียนฟังเสียงกลอง โดยผู้สอนตีกลองด้านซ้ายสลับกับด้านขวา
ด้านหน้าและด้านหลัง
๔. ผู้สอนตีกลองให้มีเสียงดังและเบาสลับกันและสังเกตอาการของผู้เรียน
๕. ให้บุคคลในครอบครัวเรียกชื่อของตนเอง เพื่อให้ ผู้เรียนมองตามเสี ยงของ
แต่ละคน
๒. การรับรู้คาพูด ๑. สามารถตอบสนองต่อคาพูดของ ๑. ผู้สอนเรียกชื่อผู้เรียนเพื่อให้ผู้เรียนหันตามเสียงที่เรียก
ผู้อื่นได้ ๒. ผู้สอนพูดพร้อมแสดงท่าทางประกอบ แล้ว ให้ ผู้ เรียนทาตาม เช่น ยกมือ
โบกมือ ตบมือ บ๊ายบาย ฯลฯ
๓. ผู้สอนเอ่ยชื่อส่วนต่าง ๆ ของร่างกายพร้อมทั้งชี้ที่ส่วนต่างๆ ของร่างกายของ
ผู้ เรี ยนแล้ ว ให้ ผู้ เ รียนชี้ต าม และให้ ผู้ เรีย นชี้ส่ ว นต่าง ๆ ของร่างกายของ
ผู้เรียนเอง
๔๕
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะการรับรู้และแสดงออกทางภาษา (ต่อ)
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะการรับรู้และแสดงออกทางภาษา (ต่อ)
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะการรับรู้และแสดงออกทางภาษา (ต่อ)
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะการรับรู้และแสดงออกทางภาษา (ต่อ)
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะการรับรู้และแสดงออกทางภาษา (ต่อ)
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะการรับรู้และแสดงออกทางภาษา (ต่อ)
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะการรับรู้และแสดงออกทางภาษา (ต่อ)
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะการรับรู้และแสดงออกทางภาษา (ต่อ)
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะการรับรู้และแสดงออกทางภาษา (ต่อ)
ทักษะทางสังคม
๑. คาอธิบายทักษะทางสังคม
ทักษะทางสังคม เป็นการส่งเสริมการปฏิบัติตนในสังคม การเล่น และเสริมสร้างการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสมเต็มศักยภาพสอ ดคล้อง
กับความต้องการจาเป็นพิเศษของแต่ละบุคคล
โดยการปฏิบัติในสถานการณ์จริง สถานการณ์จาลอง การแสดงบทบาทสมมติ การสาธิต การเลียนแบบ การวิเคราะห์งานเป็นลาดับขั้นตอน
ผ่านกระบวนการคิด การตัดสินใจ และการเรียนรู้แบบบูรณาการ ในการพัฒนาศักยภาพอย่างสมบูรณ์ และสมดุลในด้านต่างๆ เพิ่มมากขึ้น มีคณะสหวิชาชีพ
ผู้ปกครอง ครอบครัว ชุมชนและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง มีส่วนร่วมในการพัฒนาศักยภาพผู้เรียน
เพื่อให้ผู้เรียนมีอารมณ์ ร่าเริง แจ่มใส สามารถเล่น ทากิจกรรมและมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น มีคุณธรรม จริยธรรม มีวินัยในตนเอง มีความรับผิดชอบ
ปฏิบัติตามกติกาและมารยาททางสังคมกล้าแสดงออก อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม และมีความสุข
๒. วัตถุประสงค์ของการพัฒนาทักษะทางสังคม
๑. เพื่อให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม
๒. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเล่น และทากิจกรรมร่วมกับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม
๓. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถปฏิบัติตนในสังคมได้อย่างเหมาะสม
๔. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถดารงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
๕๕
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะทางสังคม
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะทางสังคม (ต่อ)
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะทางสังคม (ต่อ)
ทักษะทางสติปัญญาหรือการเตรียมความพร้อมทางวิชาการ
๑. คาอธิบายทักษะทางสติปัญญาหรือการเตรียมความพร้อมทางวิชาการ
การพัฒนาศักยภาพทักษะทางสติปัญญาหรือการเตรียมความพร้อมทางวิชาการ เป็นการพัฒนาด้านการรับรู้ ความคิดรวบยอดด้านต่าง ๆ และการ
แก้ปัญหาในชีวิตประจาวัน การเตรียมความพร้อมทักษะพื้นฐานคณิตศาสตร์ ได้แก่ การนับ การรู้ค่าของตัวเลข การอ่านและการเขียนตัวเลข การจับคู่ การ
เปรียบเทียบ การจาแนก การจัดหมวดหมู่ การเตรียมความพร้อมทักษะพื้นฐานภาษาไทย ได้แก่ การอ่านและการเขียนภาษาไทย
โดยใช้กระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง การสาธิต การเลียนแบบ การวิเคราะห์งานเป็นลาดับขั้นตอน ผ่านกระบวนการคิด การตัดสินใจ
และการเรียนรู้แบบบูรณาการ มีคณะสหวิชาชีพ ผู้ปกครอง ครอบครัว ชุมชนและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการพัฒนาศักยภาพผู้เรียน
เพื่อให้ผู้เรียนสนใจต่อการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว มีพื้นฐานในการเรียนรู้ระดับที่สูงขึ้น สามารถคิดและแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสม
๒. วัตถุประสงค์ของการพัฒนาทักษะทางสติปัญญาหรือการเตรียมความพร้อมทางวิชาการ
๑. เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจและความคิดรวบยอดในทักษะพื้นฐานทางวิชาการ
๒. เพื่อให้ผู้เรียนมีความสามารถในการคิดและการแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสม
๓. เพื่อให้ผู้เรียนมีพื้นฐานในการเรียนรู้ระดับที่สูงขึ้น
๕๙
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะทางสติปัญญาหรือการเตรียมความพร้อมทางวิชาการ
๑๓. การเขียน ๑๓.๑ การเขียนตัวเลข ๑. สามารถเขียนตัวเลข ๑- ๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนใช้นิ้วมือลากตัวเลข ๑-๑๐ ตามร่อง เช่น ร่องทราย ร่องกระดาษ
ตัวเลข ๑๐ ได้ เป็นต้น
๒. ผู้สอนให้ผู้เรียนใช้นิ้วมือเขียนบนตัวเลข ๑-๑๐
๓. ผู้สอนให้ผู้เรียนเขียนทับบนตัวเลข ๑-๑๐
๔. ผู้สอนให้ผู้เรียนเขียนตัวเลข ๑-๑๐ ในอากาศ
๕. ผู้สอนให้ผู้เรียนเขียนตัวเลข ๑-๑๐ ในอากาศ
๘๐
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะทางสติปัญญาหรือการเตรียมความพร้อมทางวิชาการ (ต่อ)
ทักษะย่อย เนื้อหา พัฒนาการที่คาดหวัง แนวการจัดกิจกรรม
๑๔. ความเข้าใจ ๑๔.๑ การเข้าใจ และ ๑. สามารถแก้ไขปัญหาใน ๑. ผู้สอนแสดงบทบาทสมมุติเกี่ยวกับชีวิตประจาวันและแก้ไขปัญหาต่างๆอย่างง่ายได้
และการแก้ปัญหา แก้ไขปัญหา ชีวิตประจาวันอย่างง่ายๆได้ เช่น ถ้าผู้เรียนปวดปัสสาวะจะต้องไปเข้าห้องน้าเป็นต้น
๒. ถ้าเห็นก๊อกน้าเปิดน้าทิ้งไว้ให้ผู้เรียนหมุนปิดก๊อกน้า
๓. ถ้าเห็นน้าหกบนโต๊ะให้หาผ้ามาเช็ดโต๊ะ
ทักษะจำเป็นเฉพำะควำมพิกำรหรือทักษะจำเป็นอื่นๆ
ทักษะจาเป็นเฉพาะความพิการหรือทักษะจาเป็นอื่นๆ หมายถึง การพัฒนาศักยภาพของเด็กพิการที่มีความต้องการจาเป็นพิเศษเฉพาะหรือทักษะ
จาเป็นอื่นๆ แต่ละประเภทความพิการ ครอบคลุม ๔ ประเภท ได้แก่ ทักษะจาเป็นเฉพาะสาหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็น ทักษะจาเป็นเฉพาะสาหรับ
เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน ทักษะจาเป็นสาหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายหรือการเคลื่อนไหวหรือสุขภาพ และทักษะจาเป็นเฉพาะสาหรับ
เด็กออทิสติก มีรายละเอียดดังนี้
ทักษะจาเป็นเฉพาะสาหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็น
๑. คาอธิบายรายทักษะ
ทักษะจาเป็นเฉพาะเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็น เป็นการพัฒนาเกี่ยวกับ การใช้ประสาทสัมผัสทางการเห็นที่เหลืออยู่ การสร้างความคุ้ นเคยกับ
สภาพแวดล้อมและการเคลื่อนไหว การเดินทางของคนตาบอด การฝึกประสาทสัมผัส การเคลื่อนที่ของมือ การเตรียมความพร้อมการเขียนอักษรเบรลล์ การอ่าน
อักษรเบรลล์ไทย การเขียนอักษรเบรลล์ไทย และการใช้ลูกคิด
โดยใช้กระบวนการ การปฏิบัติจริง การสาธิต การวิเคราะห์งาน และการบูรณาการ ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ จากผู้มีความชานาญเฉพ าะด้าน มีทีมสห
วิทยาการ ผู้ปกครอง ครอบครัว ชุมชน และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการพัฒนาศักยภาพผู้เรียน
เพื่อให้ผู้เรียนสามารถช่วยเหลือตนเองได้ ใช้ภาษาในการสื่อสารได้อย่างเหมาะสม สนใจต่อการเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว เล่นและทากิจกรรมร่วมกับผู้อื่นได้
มีคุณธรรม จริยธรรม มีวินัยในตนเอง มีความรับผิดชอบ การคิดแก้ปัญหา ดารงชีวิตประจาวันได้อย่างอิสระและมีความสุข
๒. วัตถุประสงค์ของการพัฒนาทักษะเฉพาะด้าน
๑. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถใช้ประสาทสัมผัสที่เหลืออยู่ได้อย่างเต็มศักยภาพ
๒. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถช่วยเหลือตนเอง และดารงชีวิตประจาวันได้อย่างอิสระ
๓. เพื่อให้ผู้เรียนมีความพร้อมในการศึกษาระดับสูงขึ้น
๘๒
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะจาเป็นเฉพาะสาหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็น
ทักษะการใช้สายตาสาหรับบุคคลสายตาเลือนราง
ทักษะย่อย เนื้อหา พัฒนาการที่คาดหวัง แนวการจัดกิจกรรม
๑. การใช้ประสาท ๑.๑ การรับรู้สิ่งที่เห็น ๑. สามารถมองหาวัตถุที่อยู่ข้างหน้า ๑. ผู้สอนฉายไฟฉายชี้ไปที่ตาของผู้เรียนในทิศทางต่างๆ แล้วให้ผู้เรียนชี้ว่า
สัมผัสทางการเห็นที่ เมื่อมีการเคลื่อนไหวหรือมีเสียงได้ แสงมาจากทิศทางใด
เหลืออยู่ ๒. ผู้สอนเขย่ากระดิ่งหรือวัตถุที่มีเสียงแล้วให้ผู้เรียนหันหน้าไปตามทิศทาง
ของเสียง และให้ผู้เรียนเอื้อมมือออกไปคว้า
๓. ผู้สอนใช้สิ่งของที่มีขนาดและสีที่แตกต่าง หลากหลาย มีความตัดกัน
ของสี กั บ พื้ น โต๊ ะ ที่ ว างแล้ ว ให้ ผู้ เ รี ย นเลื อ กหยิ บ สิ่ ง ของตามที่ ผู้ ส อน
กาหนด โดยไม่ใช้มือควานหา
๑.๒ การควบคุมการ ๑. สามารถมองตามวัตถุที่เคลื่อนที่ ๑. ผู้สอนกลิ้งลูกบอลไปตามพื้น และให้ผู้เรียนมองตามลูกบอลที่มีสีสัน
เคลื่อนไหวของตาโดยการ ในทิศทางต่างๆ ได้ สดใสตัดกันกับพื้นที่ กลิ้งไปตามพื้นแล้วให้ไปหยิบมาให้ผู้สอน
มองตามวัตถุที่เคลื่อนที่ ๒. ผู้สอนใช้กระดาษทาเป็นราง ที่มี ความเอียงหลายระดับ เป็นรางแบบ
(Tracking) เปิด ให้ผู้เรียนวางลูกปิงปอง หรือลูกบอล แล้วปล่อยให้กลิ้งลงมาตาม
ราง และให้ผู้เรียนมองตามวัตถุหรือชี้ตามวัตถุที่กลิ้งในราง
๓. การควบคุมการ ๑. สามารถบอกหรือชี้ตาแหน่งของ ๑. ผู้สอนใช้สิ่งของที่มีขนาดและสีที่แตกต่าง หลากหลาย มีความตัดกันกับ
เคลื่อนไหวของตาโดยการ วัตถุหรือภาพในตาแหน่งต่างๆ ได้ ของสี กับพื้ นโต๊ ะ วางบนตาแหน่ง ต่างๆของโต๊ะ และให้ ผู้ เ รียนกวาด
กวาดสายตา (Scanning) สายตาสารวจสิ่งของบนโต๊ะว่ามีอะไรบ้างและอยู่ที่ส่วนไหนของโต๊ะ
๒. ผู้สอนวางหมุดสีต่างๆ บนกระดานแม่เหล็กสีขาว ให้ผู้เรีย นใช้สีเมจิก
โยงเส้นไปตามตาแหน่งของหมุดที่กาหนดให้
๘๓
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะจาเป็นเฉพาะสาหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็น (ต่อ)
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะจาเป็นเฉพาะสาหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็น (ต่อ)
ทักษะการสร้างความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมและการเคลื่อนไหว(O& M)
ทักษะย่อย เนื้อหา พัฒนาการที่คาดหวัง แนวการจัดกิจกรรม
๑. การสร้าง ๑.๑ การใช้ประสทสัมผัส ๑. สามารถใช้ประสาทสัมผัสทาง ๑. ฝึกการแยกความแตกต่างของเสียงชนิดต่างๆ โดยใช้ของที่มีเสียงเขย่า
ความคุ้นเคยกับ ทางการได้ยิน การได้ยินในสภาพแวดล้อมได้ ให้ผู้เรียนฟังแล้วให้ผู้เรียนบอกว่าเป็นเสียงของอะไร เช่น กระดิ่ง วิทยุ
สภาพแวดล้อม และ กลอง กรับ ปรบมือ
การเคลื่อนไหว ๒. ฝึ ก การแยกความแตกต่ า งของเสี ย งชนิ ด ต่ า งๆ โดยใช้ วิ ท ยุ เทป
หนังสือเสี ยง เปิดให้ผู้ เรียนฟังแล้ วให้ แยกแยะเสี ยง สังเกต จาเสี ยง
เช่น เสียงน้าตก (เสียงธรรมชาติต่างๆ) เช่น เสียงร้องของสัตว์ เช่น
เป็ด เป็นต้น
๓. ผู้สอนเคาะไม้ หรือท่อนเหล็กตามตาแหน่งต่างๆแล้วให้ผู้เรียนชี้ไปยัง
ตาแหน่งนั้น
๔. ผู้เรียนบอกจังหวะ ช้า - เร็ว , ดัง -เบา เสียงสู ง -ต่า โดยการเคาะวัตถุ
อุป กรณ์ เช่ น กลอง การเปิ ด เพลงให้ มี จั ง หวะช้ า เร็ ว และให้ ผู้ เ รี ย น
ปรบมือหรือเคาะตามเสียงที่ได้ยิน
๕. ฝึกผู้เรียนนอนบนพื้นวัตถุต่างกันแล้วเคลื่อนไหว ให้ผู้เรียนฟังเสียง เช่น
หนังสือพิมพ์ ถุงพลาสติก ผ้า กระสอบ กระดาษทราย พรม เป็นต้น
การนั่งเก้าอี้ที่มีโต๊ะ
๑. ผู้เ รียนใช้มือข้างหนึ่งจับพนักเก้าอี้อยู่ แล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งแตะขอบ
โต๊ะไว้พร้อมดึงเก้าอี้ออกให้ห่างจากโต๊ะ พอที่จะแทรกตัวเข้านั่งได้
๒. เมื่อนั่งแล้วให้ผู้เรียนใช้หลั งมือทั้ง ๒ ข้างสัมผัสขอบโต๊ะ เพื่อดูว่านั่งได้
ตรงตามปกติหรือไม่ ถ้านั่งเฉให้ใช้มือทั้ง ๒ ข้าง จับขอบเก้าอี้ทั้ง ๒ ข้าง
แล้วยกตัวขึ้นพร้อมเก้าอี้เพื่อปรับให้พอดี
๒.๒ การเดินโดยอิสระใน ๑. สามารถเดินในสถานที่ที่คุ้นเคย ๑. ผู้เรียนยกแขนข้างใดข้างหนึ่งขึ้นและเหยียดตรงไปข้างหน้า แล้วงอศอก
สถานที่ที่คุ้นเคย โดยการป้องกันตนเองส่วนบนได้ เข้ามาขนานกับล าตัว (แขนตั้ง ฉาก) โดยยกแขนอยู่ในระดับ ใบหน้ า
แล้วหันฝ่ามือออกด้านนอก
๒. สามารถเดินในสถานที่ที่คุ้นเคย ๑. ผู้เรียนยื่นแขนข้างใดข้างหนึ่งไปทางด้านหน้าลาตัว ในลักษณะปลาย
โดยการป้องกันตนเองส่วนล่างได้ นิ้วชี้ลงพื้น แล้วหันหลังมือออกด้านนอก
๓. สามารถเดินในสถานที่ที่คุ้นเคย ๑. ผู้เรียนยื่นมือไปจับที่ราว โดยใช้มือข้างที่อยู่ด้านเดียวกับราว และเดินไป
โดยการเกาะราวได้ ตามปกติ
๔. สามารถเดินในสถานที่ที่คุ้นเคย ๑. ผู้เรียนยื่นแขนข้างใดข้างหนึ่ง (ข้างที่อยู่ด้านเดียวกับผนังหรือกาแพง
โดยการเดินละเลาะได้ ของสถานที่ที่จะเดินละเลาะ) ไปด้านหน้าและกางแขนออกไปด้านข้าง
ลาตัวเล็ กน้อย ให้ อยู่ในระดับเอว หั นหลังมือออก เพื่อใช้ในการแตะ
สัมผัส
๙๕
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะจาเป็นเฉพาะสาหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็น (ต่อ)
ทักษะการเตรียมความพร้อมการอ่านอักษรเบรลล์
ทักษะย่อย เนื้อหา พัฒนาการที่คาดหวัง แนวการจัดกิจกรรม
๑. การฝึกประสาท ๑.๑ การฝึกประสาทสัมผัส ๑. สามารถบอกตาแหน่งต่างๆ ของ ๑. ผู้เรียนใส่หมุดขนาดใหญ่ กลาง เล็ก ลงในกระดานหมุด
สัมผัส มือและนิ้วมือ จุดอักษรเบรลล์ได้ ๒. ผู้ เ รี ย นใส่ ห มุ ด ลงในกระดานหมุ ด ที่ มี ๓ แถวๆละ ๒ รู โ ดยใส่ ต าม
ตาแหน่งจุดที่ ๑-๒-๓-๔-๕-๖
๓. ผู้สอนอธิบายให้ผู้เรียนเข้าใจสัญลักษณ์อักษรเบรลล์ว่ามีลักษณะเป็นจุด
นูนเล็ก ๆ ใน ๑ ช่องประกอบด้วยจุด ๖ ตาแหน่ง ดังภาพ
๔. ผู้เรียนใส่หมุดตามตาแหน่งที่ผู้สอนบอก
๕. ผู้เรียนบอกตาแหน่งจุดที่ ๑ โดยใช้ ๖ จุดเปรียบเทียบ
๖. ผู้เรียนบอกตาแหน่งจุดที่ ๑, ๓ โดยใช้ ๖ จุดเปรียบเทียบ
๗. ผู้เรียนบอกตาแหน่งจุดที่ ๑, ๔ โดยใช้ ๖ จุดเปรียบเทียบ
๘. ผู้เรียนบอกตาแหน่งจุดที่ ๔, ๖ โดยใช้ ๖ จุดเปรียบเทียบ
๙. ผู้เรียนบอกตาแหน่งจุดที่ ๑, ๓ และ ๔, ๖ โดยใช้ ๖ จุดเปรียบเทียบ
๑๐. ผู้เรียนบอกตาแหน่งจุดที่ ๑, ๒, ๓ โดยใช้ ๖ จุดเปรียบเทียบ
๙๖
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะจาเป็นเฉพาะสาหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็น (ต่อ)
๒. การเคลื่อนที่ของ ๒.๑ การฝึกการเคลื่อนที่ ๑. สามารถเคลื่อนที่มือและนิ้วมือใน ๑. ผู้ เรี ยนเคลื่ อ นมื อจากซ้า ยไปขวาบนภาพนูน รูป เรขาคณิ ตที่ มีพื้ นผิ ว
มือ ของมือและนิ้วมือ การอ่านอักษรเบรลล์ได้อย่าง แตกต่างกัน
เหมาะสม ๒. ผู้เรียนเคลื่อนมือจากซ้ายไปขวาบนเส้นขอบรูปเรขาคณิตเป็นเส้ นที่
แตกต่าง
๓. ผู้เรียนเคลื่อนมือจากซ้ายไปขวาบนเส้นเชือกหรือเส้นนูนที่มีรูปหลาย
ลักษณะ
๔. ผู้เรียนเคลื่อนมือจากซ้ายไปขวาบนกระดานหมุดขนาดใหญ่-เล็ก
๕. ผู้เรียนเคลื่อนมือทั้งสองจากซ้ายไปขวาโดยปลายนิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง
นิ้วก้อย อยู่บนเส้นที่เป็นจุดนูนอักษรเบรลล์ ผู้เรียนเคลื่อนมือข้างขวา
นาแล้ ว ตามด้ว ยมือข้างซ้าย จากซ้า ยไปขวาโดยปลายนิ้ว ชี้ นิ้ว กลาง
นิ้วนาง นิ้วก้อย อยู่บนเส้นที่เป็นจุดนูนอักษรเบรลล์
๖. ผู้เรียนเคลื่อนมือบนเส้นจุดนูนอักษรเบรลล์ที่มีจุดหายไป จุด ๑๓๔๖
๗. ผู้เรียนเคลื่อนมือบนเส้นจุดนูนอักษรเบรลล์ที่มีจุดหายไป จุด ๑๒๔๕
๘. ผู้เรียนเคลื่อนมือบนเส้นจุดนูนอักษรเบรลล์ที่มีจุดหายไป จุด ๑๔
๙๗
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะจาเป็นเฉพาะสาหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็น (ต่อ)
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะจาเป็นเฉพาะสาหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็น (ต่อ)
ทักษะการอ่านอักษรเบรลล์
ทักษะย่อย เนื้อหา พัฒนาการที่คาดหวัง แนวทางการจัดกิจกรรม
๑. การอ่านอักษร ๑.๑ พยัญชนะอักษรเบรลล์ ๑. สามารถอ่านอักษรเบรลล์ ๑. ผู้เรียนอ่าน จุด ๖ จุด เรียกพยัญชนะตัวนี้ว่า ฮ
เบรลล์ไทย ภาษาไทย พยัญชนะภาษาไทย กลุ่มจุด ๑, ๒, การสอนกลุ่มจุด ๑, ๒, ๔, ๕ (มี ก จ ด ห)
๔, ๕ (มี ก จ ด ห) ได้ ๒. ผู้เรียนอ่าน ก เปรียบเทียบ ฮ เปรียบเทียบจากกระดานหมุด หรือลูกบิด
ใช้จุด ๑, ๒, ๔, ๕
๓. ผู้เรียนอ่าน ก เปรียบเทีย บ ฮ จากแบบฝึก ๑ ที่มี ฮก (ที่ผู้สอนจัดทา
ขึ้น)
๔. แบบฝึกที่ ๒ มี ฮกฮจ (ที่ผู้สอนจัดทาขึ้น) ให้ผู้เรียนบอกตาแหน่งจุดที่
ไม่ใช่ ก และบอกตาแหน่งจุดที่เป็นอักษรใหม่ เปรียบเทียบ ฮ เรียก
พยัญชนะนี้ว่า จ มี จุด ๒, ๔, ๕
๕. แบบฝึกที่ ๓ มี ฮกฮจ ฮด (ที่ผู้สอนจัดทาขึ้น) ให้ผู้เรียนบอกตาแหน่ง
จุดที่ไม่ใช่ ก จ และบอกตาแหน่งจุดที่เป็นอักษรใหม่ เปรียบเทียบ ฮ
เรียกพยัญชนะนี้ว่า ด มี จุด ๑, ๔, ๕
๖. แบบฝึกที่ ๔ มี ฮกฮจ ฮด ฮห (ที่ผู้สอนจัดทาขึ้น ) ให้ผู้เรียนบอก
ต าแหน่ ง จุ ด ที่ ไ ม่ ใ ช่ ก จ ด และบอกต าแหน่ ง จุ ด ที่ เ ป็ น อั ก ษรใหม่
เปรียบเทียบ ฮ เรียกพยัญชนะนี้ว่า ห มี จุด ๑, ๒, ๕
๗. แบบฝึกหัดที่ ๕ มี ฮ ล ค ก ม ป (ที่ผู้สอนจัดทาขึ้น) ให้ผู้เรียนหา ก
จากรูปตัวอักษรที่กาหนด
๙๙
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะจาเป็นเฉพาะสาหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็น (ต่อ)
๒. สามารถอ่านอักษรเบรลล์พยัญ ๑. ผู้ เรีย นอ่า น ข เปรี ยบเทียบ ฮ เปรีย บเทีย บจากกระดานหมุด หรื อ
ชนะภาษาไทย กลุ่มจุด ๑๒๓๔๕ ลูกบิด ใช้จุด ๑, ๓
(ข ฉ ถ น ม ร ล ส อ)ได้ ๒. ให้ผู้เรียนอ่าน ข เปรียบเทียบ ฮ จากแบบฝึก ๑ ที่มี ฮข (ที่ผู้สอนจัดทา
ขึ้น)
๓. แบบฝึกที่ ๒ มี ฮขฮฉ (ที่ผู้สอนจัดทาขึ้น ) ให้ผู้เรียนบอกตาแหน่ง
จุดที่ไม่ใช่ ข และบอกตาแหน่งจุดที่เป็นอักษรใหม่ เปรียบเทียบ ฮ เรียก
พยัญชนะนี้ว่า ฉ มี จุด ๓, ๔
๔. แบบฝึกที่ ๓ มี ฮขฮฉ ฮด (ที่ผู้สอนจัดทาขึ้น) ให้ผู้เรียนบอกตาแหน่ง
จุดที่ไม่ใช่ ข ฉ และบอกตาแหน่งจุดที่เป็นอักษรใหม่ เปรียบเทียบ ฮ
เรียกพยัญชนะนี้ว่า ถ มี จุด ๒, ๓, ๔, ๕
๕. ใช้แนวการสอน น ม ร ล ส อ เช่นเดียวกับ ข ฉ หรือ ถ
๖. แบบฝึกที่ ๔ น (จุด ๑, ๓, ๔, ๕) (ที่ผู้สอนจัดทาขึ้น)
๗. แบบฝึกที่ ๕ ม (จุด ๑, ๓, ๔) (ที่ผู้สอนจัดทาขึ้น)
๘. แบบฝึกที่ ๖ ร (จุด ๑, ๒, ๓, ๕) (ที่ผู้สอนจัดทาขึ้น)
๙. แบบฝึกที่ ๗ ล (จุด ๑, ๒, ๓) (ที่ผู้สอนจัดทาขึ้น)
๑๐. แบบฝึกที่ ๘ ส (จุด ๒, ๓, ๔) (ที่ผู้สอนจัดทาขึ้น)
๑๑. แบบฝึกที่ ๙ อ (จุด ๑, ๓, ๕) (ที่ผู้สอนจัดทาขึ้น)
๑๐๑
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะจาเป็นเฉพาะสาหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็น (ต่อ)
๒. ผู้สอนอธิบายให้ผู้เรียนเข้าใจสัญลักษณ์อักษรเบรลล์คณิตศาสตร์ที่เป็น
เลขสูง (เลขสูง จะอยู่ ๒ แถวบนคือ จุดในชุด ๑,๒,๔,๕)โดยผู้สอนปัก
หมุดบนกระดานให้หมุดเรียงกันตามสัญลักษณ์อักษรเบรลล์ จานวน
๑-๑๐ ทีละจานวน และผู้ สอนให้ผู้เรียนสัมผัสพร้อมทั้งบอกว่าเป็น
จานวนตัว เลขใด ทั้งนี้ การอ่านอักษรเบรลล์ คณิตศาสตร์นั้น จะมี
เครื่องหมายนาเลขอยู่ด้านหน้าสั ญลักษณ์จานวนตัว เลขเป็นตัว บอก
(เครื่องหมายนาเลข คือ จุด ๓๔๕๖) ผู้เรียนฝึกอ่านจานวน ๑-๑๐
๑ (เครื่องหมายนาเลข, จุด ๑)
๑๐๖
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะจาเป็นเฉพาะสาหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็น (ต่อ)
๕ (เครื่องหมายนาเลข, จุด ๑๕ )
๙ (เครื่องหมายนาเลข, จุด ๒๔ )
๙ (เครื่องหมายนาเลข, จุด ๓๕ )
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะจาเป็นเฉพาะสาหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็น (ต่อ)
ทักษะการเตรียมความพร้อมการเขียนอักษรเบรลล์
ทักษะย่อย เนื้อหา พัฒนาการที่คาดหวัง แนวทางการจัดกิจกรรม
๑. การเตรียม ๑. การใส่และเลื่อน ๑. สามารถใส่และเลื่อน ๑. ให้ผู้เรียนสัมผัสลักษณะของสเลท (slate) แถวและเซล
ความพร้อมการ กระดาษ กระดาษใน สเลท (slate) ได้ ๒. ให้ผู้เรียนวางสเลทในลักษณะพร้อมที่จะเขียน ด้วยการวางโดยบานพับไว้ทางขวา และ
เขียนอักษร อย่างถูกต้อง เปิดสเลท (Slate) ทางซ้าย ร่องหยักอยู่บน ด้านจุดนูนที่เป็นเบ้าอยู่ด้านล่าง
เบรลล์ ๓. ให้ผู้เรียนหัดเปิดและปิดสเลท (Slate) โดยการเปิดกระดาน สเลทให้วางในแนวพื้นราบ
๔. ให้ผู้เรียนหัดใส่กระดาษโดยการเปิดสเลท (Slate) ในแนวพื้นราบ มือซ้ายและขวาหาปุ่ม
ด้านบนซ้าย และขวาของสเลท (Slate) เลื่อนกระดาษขอบบนมาวางที่ปุ่มทั้งสอง กด
กระดาษลงบนปุ่ม จากนั้นใช้มือข้างซ้ายจับแผ่นบนของสเลท (Slate) ลงมาทับ กดสเลท
(Slate) จะได้ยินเสียง ของกระดาษกับปุ่มทั้งสี่ของสเลท (Slate)
๕. ให้ผู้เรียนหัดเปิดเอากระดาษออก โดยการเปิดสเลท (Slate) ด้านบนออกวางในแนวพื้น
ราบ โดยมือซ้ายส่วนมือขวาจับแผ่นล่างของสเลท (Slate) จากนั้นเอามือทั้งสองมาที่
ขอบบนของกระดาษแล้ว ยกกระดาษขึ้นออกจากสเลท (Slate)
๖. ให้ ผู้ เรียนเปิ ดสเลท ใส่ กระดาษ ปิด สเลท (Slate) ซ้าหลายครั้งจนผู้ เรียนเกิดความ
ชานาญ
๗. ให้ผู้เรียนเปิดสเลท ถอดกระดาษ ปิดสเลท ซ้าหลายครั้งจนผู้เรียนเกิดความชานาญ
๘. ให้ผู้เรียนหัดเลื่อนกระดาษจากสเลทที่หนึ่งไปยังสเลทช่ว งที่สองโดยการเปิดสเลท
(Slate) ด้านบนออกวางในแนวพื้นราบ โดยมือซ้าย ส่วนมือขวาจั บแผ่นล่างของสเลท
(Slate) จากนั้นเอามือทั้งสองมาที่ขอบล่างของกระดาษที่มีรอยปุ่มแล้ว ยกกระดาษขึ้น
ออกจากสเลทอย่างช้าๆ เลื่อนกระดาษขึ้นโดยให้ปุ่มที่จับอยู่ทั้งสองมือไปอยู่ปุ่มขอบบน
๑๑๑
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะจาเป็นเฉพาะสาหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็น (ต่อ)
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะจาเป็นเฉพาะสาหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็น (ต่อ)
ทักษะการเขียนอักษรเบรลล์
ทักษะย่อย เนื้อหา พัฒนาการที่คาดหวัง แนวทางการจัดกิจกรรม
๑. การเขียนอักษร ๑.๑ การเขียนพยัญชนะ ๑. สามารถเขียนพยัญชนะ ก จ ด ท ๑. ทบทวนการใส่กระดาษในสเลทและการจับดินสอให้ผู้เรียนใช้นิ้วชี้มือ
เบรลล์ไทย อักษรเบรลล์ภาษาไทย ได้ ขวาและมือซ้ายวางที่ช่องแรกบรรทัดแรกทางขวามือแล้วใช้นิ้วชี้ทั้งสอง
มือเลื่อนกันตามเซลจากขวามาซ้ายจนจบบรรทัดและถอยกลับมาที่ต้น
บรรทัดแล้วเลื่อนลงมาในบรรทัดต่อมาทาเช่นนี้จนเกิดความชานาญ
๒. ให้ผู้เรียนใช้นิ้วชี้มือซ้ายวางที่ช่องแรกบรรทัดแรกและมือขวาจับสไตรัส
วางที่ช่องแรกของบรรทัดทางขวามือแล้วให้ผู้เรียนกดลงในช่องเซล นิ้วชี้
ซ้ายเลื่อนไปทางขวาในเซลต่อมาแล้วให้สไตลัสกดลงในช่อง เขียนจาก
ขวามาซ้ายจนจบบรรทัดและถอยกลับมาที่ต้นบรรทัดแล้วเลื่อนลงมาใน
บรรทัดต่อมาทาเช่นนี้จนเกิดความชานาญ
๓. ให้ผู้เรียนเขียนจุดเบรลล์ ๑, ๒, ๓, ๔, ๕, ๖ ในช่องเซลโดยตามตาแหน่ง
นับจาก ขวามือบนลงล่างคือจุด ๑, ๒, ๓ ทางซ้ายมือจากบนลงล่าง ๔,
๕, ๖ ทาเช่นนี้จนเกิดความชานาญ
๔. ให้ผู้เรียนเขียนอักษรเบรลล์ในกลุ่ม ๑, ๒, ๔, ๕ ได้แก่ ก (จุด ๑, ๒, ๔,
๕) จ (จุด ๒, ๔, ๕) ด (จุด ๑, ๔, ๕) ห (จุด ๑, ๒, ๕)
๒. สามารถเขียนพยัญชนะ ข ฉ ถ ทบทวนการใส่กระดาษในสเลทและการจับดินสอให้ผู้เรียนใช้นิ้วชี้มือขวา
น ม ร ล ส อ ได้ และมือซ้ายวางที่ช่องแรกบรรทัดแรกทางขวามือแล้วใช้นิ้วชี้ทั้งสองมือเลื่อน
๑๑๓
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะจาเป็นเฉพาะสาหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็น (ต่อ)
ทักษะย่อย เนืแนวการจั
้อหา ดกิจกรรมการเรียพันรู ้ทักษะจาเป็
ฒนาการที นเฉพาะส
่คาดหวั ง าหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็ น (ต่อด)กิจกรรม
แนวทางการจั
กันตามเซลจากขวามาซ้ายจนจบบรรทัดและถอยกลับมาที่ต้นแนวการจัด
กิจกรรมการเรียนรู้ทักษะจาเป็นเฉพาะสาหรับเด็กที่มีความบกพร่อง
ทางการเห็น (ต่อ)
๑. บรรทัดแล้วเลื่อนลงมาในบรรทัดต่อมาทาเช่นนี้จนเกิดความชานาญ
ให้ผู้เรียนใช้นิ้วชี้มือซ้ายวางที่ช่องแรกบรรทัดแรกและมือขวาจับสไตรัสแนว
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะจาเป็นเฉพาะสาหรับเด็กที่มีความ
บกพร่องทางการเห็น (ต่อ)
๒. วางที่ช่องแรกของบรรทัดทางขวามือแล้วให้ผู้เรียนกดลงในช่องเซล นิ้วชี้
ซ้ายเลื่อนไปทางขวาในเซลต่อมาแล้วให้สไตลัสกดลงในช่อง เขียนจาก
ขวามาซ้ายจนจบบรรทัดและถอยกลับมาที่ต้นบรรทัดแล้วเลื่อนลงมาใน
บรรทัดต่อมาทาเช่นนี้จนเกิดความชานาญ
๓. ให้ผู้เรียนเขียนจุดเบรลล์ ๑๒๓๔๕๖ ในช่องเซลโดยตามตาแหน่งนับจาก
ขวามือบนลงล่างคือจุด ๑๒๓ ทางซ้ายมือจากบนลงล่าง ๔๕๖ ทาเช่นนี้
จนเกิดความชานาญ
๔. ให้ผู้เรียนเขียนอักษรเบรลล์ในกลุ่ม ๑๒๓๔๕ ได้แก่ ข (จุด ๑} ๓) ฉ (จุด
๓} ๔) ถ (จุด ๒, ๓, ๔, ๕) น (จุด ๑, ๓, ๔, ๕) ม (จุด ๑, ๓, ๔) ร (จุด
๑, ๒, ๓, ๕) ล (จุด ๑, ๒, ๓) ส (จุด ๒, ๓, ๔) อ (จุด ๑, ๒, ๓, ๕)
๑๑๔
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะจาเป็นเฉพาะสาหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็น (ต่อ)
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะจาเป็นเฉพาะสาหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็น (ต่อ)
ทักษะการใช้ลูกคิด
ทักษะย่อย เนื้อหา พัฒนาการที่คาดหวัง แนวทางการจัดกิจกรรม
๑. การใช้ลูกคิด ๑.๑ ส่วนประกอบและ ๑. สามารถบอกส่วนประกอบของ ผู้สอนธิบายให้ผู้เรียนรู้จักประเภทของลูกคิดจีนและลูกคิดญี่ปุ่น
ประเภทของลูกคิด ลูกคิดได้ ผู้สอนอธิบายส่วนประกอบของลูกคิดให้ผู้เรียนรู้จัก พร้อมทั้งจับมือผู้เรียน
ให้สัมผัสลูกคิดในแต่ละส่วน โดยส่วนประกอบของลูกคิดประกอบด้วย
ส่วนต่าง ๆ ตามรายละเอียดในภาพ
ทักษะจาเป็นเฉพาะสาหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน
๑. คาอธิบายรายทักษะ
ทักษะจาเป็นเฉพาะเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน เป็นการพัฒนาทักษะการฟัง การพูด การใช้เครื่องช่วยฟัง การใช้ประสาทหูเทียม และการ
ใช้ภาษามือ
โดยใช้กระบวนการ การปฏิบัติจริง การสาธิต การวิเคราะห์งาน และการบูรณาการเน้นผู้เ รียนเป็นสาคัญ จากผู้มีความชานาญเฉพาะด้าน มีทีมสห
วิทยาการ ผู้ปกครอง ครอบครัว ชุมชน และผู้ที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการพัฒนาศักยภาพผู้เรียน
เพื่อให้ผู้เรียนสามารถช่วยเหลือตนเองได้ ใช้ภาษาในการสื่อสารได้อย่างเหมาะสม สนใจต่อการเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว เล่นและทากิจกรรมร่วมกับ
ผู้อื่นได้ มีคุณธรรม จริยธรรม มีวินัยในตนเอง มีความรับผิดชอบ การคิดแก้ปัญหา และดารงชีวิตประจาวันได้อย่างอิสระและมีความสุข
๒.วัตถุประสงค์รายทักษะ
๑. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถใช้ภาษามือเบื้องต้นในการสื่อสาร บอกความต้องการ ความรู้สึกแก่บุคคลอื่น และมีทักษะภาษามือพื้นฐานในการเรียนรู้ภาษามือ
ระดับอื่นๆ ต่อไป
๒. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถใช้การได้ยินส่วนที่เหลืออยู่ได้เต็มศักยภาพ กระตุ้นพัฒนาการการฟัง การพูด เพื่อใช้ในการสื่อสารและการเรีย นรู้ในชีวิตประจาวัน
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
๓. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถใช้และดูแลเครื่องช่วยฟังหรือประสาทหูเทียมได้ด้วยตนเอง
๔. เพื่อให้ผู้เรียนมีความพร้อมในการศึกษาระดับสูงขึ้น
๑๑๙
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะจาเป็นเฉพาะสาหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน
บัญชีคาศัพท์
หมวด คาศัพท์
การสื่อสาร การทักทาย การยกมือไหว้ การยิ้มการแสดงความเคารพ การใช้ภาษามือเรียกชื่อ เป็นต้น
การตอบรับ การพยักหน้า หัวเราะ สั่นศีรษะ แสดงสีหน้าพอใจ แสดงความสนใจ การปฏิเสธ
การปฏิบัติตามคาสั่งกิน นอน เดิน วิ่ง คลาน นั่ง กระโดด การเลียนแบบ การหยิบ ไป มา เล่น จับ ชี้ หยุด
บุคคล สมาชิกในครอบครัว พ่อ แม่ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา พี่ น้อง หลาน พี่สาว พี่ชาย น้องชาย น้องสาว ลูก
บุคคลรอบข้างครู หมอ เพื่อน ตารวจ ทหาร แม่ค้า พ่อค้า
ร่างกาย ร่างกาย ตา หู จมูก ปาก ผม ฟัน แขน ขา มือ เท้า เล็บ
สิ่งของเครื่องใช้ ห้องนอนเตียงนอน โคมไฟ หมอน ผ้าห่ม แอร์ พัดลม พรมเช็ดเท้า
ห้องน้าแปรงสีฟัน ยาสีฟัน ส้วม กระดาษชาระ กระจก สบู่ ยาสระผม โลชั่น
ห้องครัวจาน ชาม ถ้วย กระทะ ตะหลิว กาน้ารอน ช้อน ส้อม หม้อ เครื่องปิ้งขนมปัง ตู้เย็น เตาแก๊ส มีด แก้วน้า เขียง
ห้องเรียน โต๊ะ เก้าอี้ สมุด หนังสือ ไม้บรรทัด ดินสอ ปากกา ยางลบ ดินสอสี
ยานพาหนะ ทางบกรถจักรยาน รถจักรยานยนต์ รถตู้ รถบรรทุก รถโดยสารประจาทาง รถกระบะ รถพยาบาล รถดับเพลิง รถไฟ รถไฟฟ้า
ทางน้าเรือ
ทางอากาศเครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์
สัตว์ สัตว์บก สุนัข เสือ สิงโต ช้าง ม้า วัว ควาย แมว กระต่าย หมี ยีราฟ กวาง แกะ แพะ กระรอก ลิง
สัตว์น้า ปลา กุ้ง หอย ปลาวาฬ ปลาฉลาม หมู หนู
สัตว์ปีก นก ไก่ เป็ด
สัตว์เลื้อยคลาน งู จระเข้ เต่า ไส้เดือน
สี สี สีขาว แดง ดา ชมพู น้าเงิน เขียว เหลือง ส้ม ฟ้า น้าตาลเทา ทอง เงิน
๑๓๒
หมวด คาศัพท์
จานวนนับ/ตัวเลข ตัวเลข 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9
จานวนนับ 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10
อาหาร อาหารคาว /หวาน ข้าวสวย ข้าวต้ม ข้าวเหนียว โจ๊ก ข้าวผัด หมูทอด ไข่เจียว ไข่ดาว ไข่ต้ม ก๋วยเตี๋ยว ไก่ยาง ไก่ทอด ราดหน้า
ผักซีอิ๋ว แกงเผ็ด แกงจืด ลูกชิ้น ขนมปัง
เครื่องดื่ม นม น้าส้ม น้าผลไม้ น้าสตอเบอรรี่ โอวัลติน ชา กาแฟ น้าแข็ง น้าเปล่า ชาเขียว น้าอัดลม
ผลไม้ ส้ม กล้วย องุ่น มะละกอ ทุเรียน แอบเปิล สับปะรด น้อยหน่า มังคุด ฝรั่ง มะม่วง มะพร้าวลาไย ลิ้นจี่
กิจวัตรประจาวัน การรับประทานอาหาร กิน อร่อย เอาใหม่ หิว ไม่อร่อย เผ็ด เค็ม หวาน เปรี้ยว ธรรมดา ดื่มน้า
การแต่งกาย เสื้อแขนสั้น เสื้อแขนยาว กางเกงขาสั้น กางเกงขายาว กระโปรง ผ้าเช็ดหน้า ผ้าขาวม้า ถุงมือ เข็มขัด เนคไท
รองเท้า ถุงเท้า
การทาความสะอาดร่างกาย อาบน้า แปรงฟัน ล้างหน้า ปัสสาวะ อุจจาระ ล้างมือ สระผม
ความรู้สึก หิว อิ่ม สบาย เหนื่อย ร้อน หนาว เย็น รัก โกรธ ดีใจ เสียใจ เจ็บ ปวด กลัว พอใจ ไม่พอใจ ตกใจ ตื่นเต้น
กีฬา วิ่ง ว่ายน้า ฟุตบอล บาสเกตบอล เทเบิลเทนนิส แบดมินตัน กอล์ฟ
เปตอง มวย ตะกร้อ
ทักษะจาเป็นเฉพาะสาหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายหรือการเคลื่อนไหวหรือสุขภาพ
๑. คาอธิบายรายทักษะ
ทักษะจาเป็นเฉพาะเด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกาย หรือการเคลื่อนไหว หรือสุขภาพ เป็นการฝึกการใช้อุปกรณ์เครื่องช่วยเดิน กายอุปกรณ์เสริม
กายอุปกรณ์เทียม อุปกรณ์ดัดแปลง และเทคโนโลยีสิ่งอานวยความสะดวก รวมถึงการดูแลสุขอนามัยของตนเองเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน
โดยใช้การปฏิบัติจริง การสาธิต การวิเคราะห์งาน และการบูรณาการ ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ จากผู้มีความชานาญเฉพาะด้าน มีทีมสหวิ ทยาการ
ผู้ปกครอง ครอบครัว ชุมชน และผู้ที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการพัฒนาศักยภาพผู้เรียน
เพื่อให้ผู้เรียนสามารถใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ กล้ามเนื้อมัดเล็กได้อย่างประสานสัมพันธ์ ปฏิบัติกิจวัตรประจาวันได้อย่างเหมาะสม สนใจต่อการเรียนรู้
สิ่งต่างๆ รอบตัว เล่นและทากิจกรรมร่วมกับผู้อื่นได้ อย่างมีความสุข
๒. วัตถุประสงค์รายทักษะ
๑. เพื่อให้ผู้เรียนใช้อุปกรณ์เครื่องช่วยเดิน กายอุปกรณ์เสริม กายอุปกรณ์เทียม อุปกรณ์ดัดแปลงและเทคโนโลยีสิ่งอานวยความสะดวกได้
๒. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถช่วยเหลือตนเองในการทากิจวัตรประจาวันได้
๓. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถดูแลสุขอนามัยของตนเองไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้
๔. เพื่อให้ผู้เรียนมีความพร้อมในการศึกษาระดับสูงขึ้น
๑๓๔
ทักษะจาเป็นเฉพาะสาหรับเด็กออทิสติก
๑. คาอธิบายรายทักษะ
ทักษะจาเป็นเฉพาะสาหรับเด็ก ออทิสติก เพื่อส่งเสริมพัฒนาการด้านความสนใจ การตอบสนองต่อสิ่งเร้า การลดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์
การเข้าใจภาษา การแสดงออกทางภาษา อารมณ์ ความรู้สึก การปฏิบัติตามกติกาของสังคมการเลียนแบบการหลีกหนีจากอันตราย
โดยใช้การปฏิบัติจริง การสาธิต การเลียนแบบ บทบาทสมมติ การวิเคราะห์งาน การบูรณาการ และเทคนิคการสอนที่หลากหลาย เน้นผู้เรียน
เป็นสาคัญ จากผู้มีความชานาญเฉพาะด้าน มีทีมสหวิทยาการ ผู้ปกครอง ครอบครัว ชุมชน และผู้ที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการพัฒนาศักยภาพผู้เรียน
เพื่อให้ผู้เรียนสามารถช่วยเหลือตนเองได้ ใช้ภาษาในการสื่ อสารได้อย่างเหมาะสม สนใจต่อการเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว เล่นและทากิจกรรมร่วมกับ
ผู้อื่นได้ มีคุณธรรม จริยธรรม มีวินัยในตนเอง มีความรับผิดชอบ การคิดแก้ปัญหา และดารงชีวิตประจาวันได้อย่างอิสระและมีความสุข
๒. วัตถุประสงค์รายทักษะ
๑. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถแสดงออกทางภาษา พฤติกรรม อารมณ์ และความรู้สึกได้อย่างเหมาะสม
๒. เพื่อให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น และปฏิบัติตนตามกฎกติกาของสังคมได้อย่างเหมาะสม
๓. เพื่อให้ผู้เรียนมีความพร้อมในการศึกษาระดับสูงขึ้น
๑๔๕
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะจาเป็นเฉพาะสาหรับเด็กออทิสติก
เอกสารอ้างอิง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. แผนการจัดประสบการณ์สาหรับเด็กหูหนวกระดับก่อน
วัยเรียนเรื่องภาษามือไทยเกี่ยวกับร่างกาย. ม.ป.ท., ม.ป.ป.
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. แผนการจัดประสบการณ์สาหรับเด็กหูหนวกระดับก่อน
วัยเรียนเรื่องภาษามือไทยเกี่ยวกับกิจวัตรประจาวัน. ม.ป.ท., ม.ป.ป.
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. แผนการจัดประสบการณ์สาหรับเด็กหูหนวกระดับก่อน
วัยเรียนเรื่องภาษามือไทยเกี่ยวกับเครื่องแต่งกาย. ม.ป.ท., ม.ป.ป.
สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. แผนการศึกษาแห่งชาติ ฉบับปรับปรุง(๒๕๕๒-๒๕๕๙).
พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพมหานคร : บริษัท พริกหวานกราฟฟิค จากัด, ๒๕๕๓.
สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. คู่มือหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๔๖ (สาหรับ
เด็กที่มีอายุต่ากว่า ๓ ปี). พิมพ์ครั้งที่ ๑. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว,
๒๕๕๑.
สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ. คู่มือการช่วยเหลือระยะแรกเริ่ม (Early Intervention : EI)
เด็กพิการสาหรับโรงเรียนเฉพาะความพิการและศูนย์การศึกษาพิเศษ. ม.ป.ท., ๒๕๕๑.
สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ. แนวทางการจัดหลักสูตรสาหรับบุคคลออทิสติกห้องเรียนคู่ขนาน
พุทธศักราช ๒๕๔๗ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๕๑). กรุงเทพมหานคร : สานัก
บริหารงานการศึกษาพิเศษ, ๒๕๕๑.
สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ. แนวทางการจัดหลักสูตรสาหรับบุคคลออทิสติก พุทธศักราช
๒๕๕๕ (ฉบับทดลองใช้). กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ สกสค.ลาดพร้าว, ๒๕๕๕
สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ. แนวทางการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช ๒๕๔๔ สาหรับบุคคลที่มีความบกพร่องทางการเห็น พุทธศักราช ๒๕๕๐.
กรุงเทพมหานคร : สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ, ๒๕๕๐.
สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ. แนวทางการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช ๒๕๔๔ สาหรับบุคคลที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน พุทธศักราช ๒๕๕๐.
กรุงเทพมหานคร : สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ, ๒๕๕๐.
สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ. แนวทางการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช ๒๕๔๔ สาหรับบุคคลที่มีความบกพร่องทางร่างกายหรือสุขภาพ พุทธศักราช
๒๕๕๐. กรุงเทพมหานคร : สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ, ๒๕๕๐.
สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ. แนวทางการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช ๒๕๔๔ สาหรับบุคคลที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา พุทธศักราช ๒๕๕๐.
กรุงเทพมหานคร : สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ, ๒๕๕๐.
๑๕๓
สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ. แนวทางการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช ๒๕๔๔ สาหรับบุคคลออทิสติก พุทธศักราช ๒๕๕๐. กรุงเทพมหานคร : สานัก
บริหารงานการศึกษาพิเศษ, ๒๕๕๐.
สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ. แนวทางการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะทางภาษาและการ
สื่อสาร เล่ม ๑. กรุงเทพมหานคร : สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ, ม.ป.ป.
สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ. แนวทางการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะทางพฤติกรรมและ
อารมณ์ เล่ม ๒. กรุงเทพมหานคร : สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ, ม.ป.ป.
สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ. แนวทางการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการรับรู้และการ
เคลื่อนไหว เล่ม ๔. กรุงเทพมหานคร : สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ, ม.ป.ป.
สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ. แนวทางการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการดูแลช่วยเหลือ
ตนเองในการปฏิบัติกิจวัตรประจาวัน เล่ม ๕.กรุงเทพมหานคร : สานักบริหารงานการศึกษา
พิเศษ, ม.ป.ป.
สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ. แนวทางการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะทางวิชาการ เล่ม ๖.
กรุงเทพมหานคร : สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ, ม.ป.ป.
หน่วยศึกษานิเทศก์ กรมสามัญศึกษา. สมุดบันทึกพัฒนาการ. พิมพ์ครั้งที่ ๑. กรุงเทพมหานคร :
ม.ป.ท., ๒๕๓๕.
๑๕๔
ภาคผนวก
๑๕๕
ตัวอย่ำงแผนกำรสอนเฉพำะบุคคล
(Individual Implementation Plan : IIP)
***************************************************************************
แผนที่ ๑ เริ่มใช้แผนวันที่ ๑๖ พ.ค. ๒๕๕๖ วันสิ้นสุดแผน ๓๐ มิ.ย. ๒๕๕๖
ใช้เวลาสอนครั้งละ ๓๐ นาที
สำระสำคัญ
วิ่งข้ามสิ่งกีดขวางสูง ๒ เซนติเมตร ในระยะทาง ๑๐ เมตร
จุดประสงค์
เด็กชายคนดี วิ่งข้ามสิ่งกีดขวางสูง ๒ เซนติเมตรเมตร จานวน ๒ จุดในระยะทาง ๑๐ เมตร
สามารถวิ่งผ่านสิ่งกีดขวางที่กาหนดได้
กิจกรรมกำรเรียนกำรสอน
ขั้นนำ
๑. ผูส้ อนกล่าวคาทักทายผู้เรียนและผู้สอนร้องเพลงวิ่ง วิ่ง วิ่ง ให้ผู้เรียนฟังและฝึกให้ผู้เรียน
ร้องเพลงวิ่ง วิ่ง วิ่ง พร้อมกัน
๒. ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันร้องเพลงวิ่ง วิ่ง วิ่ง
ขั้นสอน
๑. ผู้สอนจัดกิจกรรมบนลานกว้างปลอดภัยโดยจัดสถานการณ์ให้มีการวิ่งข้ามสิ่งกีดขวาง
กาหนดเส้นทางระยะ ๑๐ เมตร โดยใช้เชือกเป็นสิ่งกีดขวางจานวน ๒ จุด เพื่อให้ผู้เรียนวิ่งข้าม
๒. ผู้สอนสาธิตการวิ่งข้ามเชือก
๓. ผู้สอนจับแขนผู้เรียนพาวิ่งข้ามเชือกไปพร้อมกัน
๑๕๖
๔. ผู้สอนให้ผู้เรียนวิ่งข้ามเชือกด้วยตนเอง ช่วยเหลือเมื่อผู้เรียนทาไม่ได้และลดการช่วยเหลือ
เมื่อผู้เรียนทาได้มากขึ้น
๖. สิ่ งกีดขวางอาจเปลี่ย นเป็น แผ่นโฟม ท่อนไม้ ท่อพีวีซี ตามระดับความสามารถของ
ผู้เรียน
ขั้นสรุป
ผู้สอนทบทวนกิจกรรมโดยให้ผู้เรียนปฏิบัติกิจกรรมตามขั้นสอน และให้การชมเชย
สื่อ /อุปกรณ์
๑. สิ่งกีดขวางที่มีความสูงแตกต่างกัน เช่น แผ่นโฟม เชือก ท่อนไม้ ท่อพีวีซี
๒. เพลง วิ่ง วิ่ง วิ่ง
กำรวัดและประเมินผล
วิธีการ - การทดสอบโดยการปฏิบัติจริง
เครื่องมือ - แบบสังเกตและบันทึกพฤติกรรม ได้แก่ แบบบันทึกการสอนตามแผนการสอน
เฉพาะบุคคล(IIP)
เกณฑ์การประเมินผล - สามารถปฏิบัติได้ในระดับความสามารถ ๔ ขึ้นไป
ลงชื่อ .............พอเพียง...............
(นางสาวพอเพียง เงินทอง)
ครูประจาชั้น
ควำมคิดเห็นหัวหน้ำกลุ่มบริหำรงำนวิชำกำร
ตรวจสอบแผนการสอนเฉพาะบุคคลแล้ว สามารถนาไปใช้สอนได้